ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 01-06-2008, 11:51



หัวข้อ: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 01-06-2008, 11:51

พร้อมให้ทีวีทุกช่องถ่ายทอดสดไปทั่วโลก เพื่อให้รู้ว่าจะไม่มีการ ใช้กำลังตามที่แกนนำปลุกระดม
โดยจะรอเวลาที่เหมาะสม ด้าน "จำลอง" ฮึกเหิมขึ้นเวทีประกาศชัยชนะพันธมิตรฯ... 

สื่อไทยรัฐ มันเล่นข่าวสมัครแบบนี้ "ไม่ได้ใช้กำลัง ตามที่แกนนำปลุกระดม"
"จำลองฮึกเหิม......ระ-ยำจริงๆ"

 :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 01-06-2008, 12:00
เออแฮะ แล้วที่มันออกทีวีของมันเองประกาศไปทั่ว
ว่าจะจัดการสลายชุมนุมนั่นมันหมาตัวไหน
ขนาด TPBS ยังยุติรายการปกติหันมาเล่นเรื่องนี้โดยเฉพาะ
(เห็นรถถ่ายทอดช่อง9เข้าไปตั้งท่ารอด้วยซ้ำ)
ถ้ามันไม่ได้พูด พันธมิตรจะคึกคักแบบนั้นรึ ทีวีจะหันมาถ่ายทอดรึ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 12:04
(http://www.thairath.com/2551/thairath_today/Jun/library/pic1_4916.gif)อ้างสกัดตัวป่วนแล้ว รัฐกลับลํา ไม่สลายการชุมนุม
ไทยรัฐ [1 มิ.ย. 51 - 04:13]
 
จากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เตรียมเดินหน้าไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ ถูกตำรวจสกัดไว้ก่อน จึงปักหลักยึดพื้นที่ถนนราชดำเนินนอก บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จัดการชุมนุมและเปิดเวทีปราศรัย ที่เปลี่ยนเป้าหมายจากการเรียกร้องให้รัฐบาลถอนมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 กลายมาเป็นการประกาศล้างระบอบทักษิณ  และไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ออกไป โดย 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงกับประกาศย้ำต่อหน้าผู้ชุมนุมว่าถ้าไม่ชนะไม่เลิกราด้วยนั้น  

“จำลอง” ยัวะ ตร.ขวางรถเข้ากลุ่ม

ต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 31 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่สะพานมัฆวานฯ ว่ายังมีประชาชนราวสองพันคนปักหลักชุมนุมอย่างเหนียวแน่น โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้รถของผู้ที่จะเข้ามารวมกับกลุ่ม พันธมิตรฯผ่านเข้าไปในบริเวณที่ชุมนุม ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องพันธมิตรฯรวมกลุ่มกันเข้าไปเจรจาโดยสันติวิธี จากนั้น  พล.ต.จำลองได้นำผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งไปทางหน้าวัดมกุฏฯ เปิดฉากเจรจากับตำรวจขอให้ปล่อยรถของสำนักสันติอโศกที่มีนายโพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก นั่งมาด้วย ซึ่งใช้เวลาเจรจาราว 5 นาที ตำรวจก็ต้องยอมเปิดทางให้รถคันดังกล่าวเข้ามา

“สมัคร” ฉะม็อบทำชาติพัง

จากนั้น ในเวลา 09.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ออกมาแถลงถึงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 11 ว่า ตนมีความจำเป็นต้องมาพูดให้ประชาชนทั่วประเทศฟังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่เชิงสะพานมัฆวานฯ เป็นความเสียหายอย่างยิ่งของบ้านเมือง อยากบอกว่ารัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกติกา ทำงานมาใกล้จะครบ 4 เดือน ในวันที่ 6 มิ.ย. นี้ โดยรัฐบาลเข้ามาเริ่มต้นทำงานกันใหม่ ท่ามกลางปัญหาน้ำมันแพง สินค้าขึ้นราคา แต่ตนและ ครม.ทุกคนก็ทำงานให้บ้านเมืองอย่างเต็มที่ และทำงานร่วมกับข้าราชการได้เรียบร้อย วันนี้การเมืองเดินหน้ามาตามปกติมีขลุกขลักบ้าง เพราะเป็นรัฐบาลหลังการปฏิวัติ ซึ่งกำลังทำงาน แต่กลับมีคนไม่พอใจอ้างเหตุไม่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ แต่ตอนที่รัฐธรรมนูญถูกฉีกทั้งฉบับ พวกนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ใช่การช่วยเรื่องยุบพรรคหรือช่วยเหลือเรื่องคดีความ แต่ไอ้พวก 5 คนนี้กลับเอามาเป็นเหตุยึดถนนเคลื่อนขบวนขายหน้าไปทั่วโลก และเล่นรุนแรงขึ้นทุกวัน เมื่อไม่มีเหตุก็พยายามหาเหตุ แต่พอหาไม่ได้เพราะรู้ว่าชนวนดับหมดก็ไล่หาเหตุไล่ตนและรัฐบาลหาว่าเป็นรัฐบาลหุ่น

แฉจ้องป่วนหวังให้มีปฏิวัติอีก

นายสมัครได้กล่าวด้วยท่าทีที่ดุดันว่า “ไปฟังสิพูดจาหยาบคายทุกคน จะต้องโดนคดีความเรื่องหมิ่นประมาทวันนี้ผมจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ทำไปนั้น ผิดกฎหมายที่ไปยึดถนนแล้วตั้งกองกันขึ้น ทำไมผมจะไม่รู้ ความเคลื่อนไหวว่า มีการเตรียมการอย่างไร สิ่งที่ ร.ต.อ. เฉลิมพูดไปเพราะเรามีข่าวกรองมาว่าจะเล่นกันอย่างไร จะตูมๆๆ ตอนปีใหม่ก็จะทำจะเอาระเบิดโยนใส่กลางวงก็จะทำ เอาคนที่เป็นมือร้ายๆเข้ามาเรารู้หมด คนพวกนี้คิดอะไร คิดว่าวันนี้เป็นวันที่ 19 ก.ย.2549 หรือ ซึ่งผมจะเป็นคนดับปัญหานี้ ผมมีวิธีดำเนินการและจะทำด้วยความตั้งใจจริง” นายกฯกล่าว และว่าอยากบอกคณะที่ยึดบริเวณดังกล่าวว่า ทำแบบนี้หวังอะไร หวังใครจะมายึดอำนาจแล้วปฏิวัติกันอีกหรือ มันไม่มีเหตุและคนพวกนั้นก็ไม่มีเหตุเหมือนตอนปี 2549 ปีนี้เป็นปี 2551 นายกรัฐมนตรีชื่อนายสมัคร สุนทรเวช และเป็นรมว.กลาโหมด้วย ตนคุยกับแม่ทัพนายกองให้บ้านเมืองมีความเข้าใจดีระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคง  

สงสัย 5 หัวโจกต้องการทำอะไร

นายสมัครกล่าวว่า รัฐบาลนี้มาอย่างถูกต้อง ถ้าจะสู้ต้องมาสู้ในสภา แต่เดี๋ยวนี้มาใช้วิธีการเมืองภาคประชาชนทำกันข้างถนน ปลุกระดมเอาคนมาซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย อยากถาม 5 คน ที่เป็นหัวโจกว่าเป้าหมายที่ต้องการอยู่ตรงไหน ต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกตั้งกันใหม่หรือไม่ หากจะเลือกตั้งใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญกระโดกกระเดก จึงต้องมีการขอแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเลือกตั้งเข้าที่เข้าทางและได้มีการขอให้ทำประชามติว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากจะแก้พรรคพลังประชาชนเพียงพรรคเดียวไม่สามารถแก้ได้ เพราะเสียงไม่ถึงต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบทั้งหมด ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญ กฎหมายก็บอกให้ทำได้และทุกพรรคก็บอกว่าจะแก้ทั้งนั้น แล้วเอาเรื่องนี้มาหาเหตุอะไรให้บ้านเมืองเสียหาย โดยเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่มีการยึดถนนนั้น ตนไปเป็นประธานประชุมทูตไทยประจำปี 96 คน ทุกคนล้วนแต่ส่ายหัวว่าทำไมบ้านเมืองเป็นแบบนี้จะให้ตอบว่า นายกฯมันเลวไม่เกรงใจสื่อหรือ ทูตจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ถามหาความจงรักภักดีแกนนำม็อบ

นายสมัครกล่าวอีกว่า เมื่อเห็นภาพในโทรทัศน์เหมือนกับจะตั้งเป็นกองทัพมีโล่ คาดหัวอะไรต่างๆ ด่าทอไม่มีเหตุผล แล้วจะให้นายกฯนั่งเฉยๆ ตนไม่ได้ดีขนาดนั้น มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ขณะนี้ประชาชนเท่าไรที่ต้องเดือดร้อนจากการเดินทาง เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จอ้อมไปทางนางเลิ้ง ไหนล่ะคนจงรักภักดีขวางทางเสด็จพระราชดำเนิน ขณะที่เด็กนักเรียนต้องไปโรงเรียนสายจนต้องปิดโรงเรียน วุ่นวายไปหมดทั้งเมือง  แต่ไอ้หัวโจก 5 คนเอาสิทธิอะไรมา คุณมีสิทธิไม่ชอบหน้ารัฐบาลแต่ต้องไปหาสถานที่ไม่รบกวนประชาชน

“ผมไม่ได้ท้าทาย แต่ลองเอาส่วนไหนของร่างกายของพวกคุณทั้ง 5 คน คิดดูว่าเป้าหมายของบ้านเมืองเขามาอย่างนี้แล้วคุณทำอย่างนี้ ผมไม่อยากย้อนถามว่า พวกคุณเป็นใครได้รับเลือกตั้งมาเมื่อไร เห็นส่งเสริมการเมืองภาคประชาชนกันนัก ครูบาอาจารย์เก่าแก่อายุ 90 กว่าปี ก็เขียนจดหมายมาเอากับเขาด้วยเมื่อคืน” นายสมัครกล่าวด้วยวาจาดุเด็ดเผ็ดร้อนตามสไตล์

ลั่นจะใช้ถนนชุมนุมไม่ได้

นายสมัครกล่าวอีกว่า ส่วนที่ชี้หน้าด่าตนว่าจะทำประเทศเป็นระบอบสาธารณรัฐ จะเป็นประธานาธิบดีเป็นหุ่นเชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น อยากบอกว่า ต้นตระกูลตน พระราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยงและบัดนี้ก็มาทำงานสนองพระเดชพระคุณ ถ้าตนเป็นอย่างนั้นจริงจะเป็นคนหรือเปล่า ขอให้คนทั้งประเทศฟังไอ้ 5 คนปลุกระดมคน พูดจาดูแคลนไม่มีเหตุผล มีหลักฐานหรือเหตุอะไรมากล่าวหาว่าตนจะทำประเทศเป็นสาธารณรัฐ และที่ไม่ชอบก็คือมาหาว่าตนเป็นรัฐบาลหุ่น ยืนยันว่าตนคิดเป็น ทำเป็น ไม่ต้องให้ใครมาชี้แจง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหน้าที่ดูแลพรรคการเมืองแต่ก็ใช้ระบบพรรค ปีนี้เป็นปี 2551 ไม่ใช่ปี 2549 ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ทหารจะลุกมาปฏิวัติอีก ตนมีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมือง และคนที่ทำหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารก็ทำหน้าที่ร่วมกัน ตนจะต้องจัดการและดำเนินการเอาออกจากตรงนี้ จะให้มาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ผิดกฎหมายจะมาใช้สิทธิตรงนี้ไม่ได้

ประกาศกร้าวให้รอรับกรรมที่ก่อไว้

“คุณจะมาตั้งป้อม มีไม้มีอะไรต่างๆ หรือจะไปหาใครเอาคนร้ายมาสะสมไว้ เพื่อก่อการร้ายกลางบ้านเมืองคุณจะต้องรับกรรมในสิ่งที่คุณทำ ผมไม่ยอม และตำรวจทหารก็ไม่ยอม อย่าหวังเลย บ้านเมืองนี้ต้องการความสงบ พวกคุณ 5 คน ก่อกวนให้เกิดความยุ่งยาก เป็นความเสียหายอย่างยิ่งแล้วพวกคุณรับผิดชอบอะไรแต่ผมต้องรับผิดชอบรอยแผลเป็นที่พวกคุณสร้างมา 7 วัน ผมต้องลบออก คุณจะไปใช้สถานที่ตรงไหนก็ได้ แต่ อย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน ที่มาท้าทายให้จับกุมนั้น ผมไม่ทำหรอก แต่ผมจะต้องเอาพวกคุณออกจากตรงนั้น ผมไม่ได้ท้าทาย แต่เป็นหน้าที่ พวกคุณต่างหากที่ท้าทายและละเมิดกฎหมายบ้านเมืองทั้ง 5 คน จะชักจูงใครให้ มาทำแบบเมื่อคืนไม่ได้ คนอย่างผมไม่ใช่คนที่ใครจะมาชี้หน้าด่าได้ ผมจะไม่ยอมให้ใครทำอย่างนี้กับบ้าน เมือง” นายสมัครกล่าวอย่างมีอารมณ์  

สั่งตำรวจ-ทหารเตรียมกำลังพร้อม

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่ออีกว่า เหตุที่ต้องมาพูดวันนี้ไม่รอพูดพรุ่งนี้ เพราะวันนี้จะเอากันให้แตกหักกันวันนี้ให้คนทั้งบ้านเมืองได้รู้กันว่ารัฐบาล ตำรวจ ทหารนั้นรับผิดชอบ ตนเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วจะเอาอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา แต่อยากบอกให้รู้ไว้ว่าอย่าทำสิ่งที่โง่เง่า ไม่เข้าท่า ขอให้ลองดู เพราะตนได้เตรียมตำรวจทหารไว้พร้อมหมดแล้ว ไม่ได้ขู่ แต่สิ่งที่พวกคุณมาข่มขู่กลางเมืองนั้น ไม่ได้ ตนจะต้องดำเนินการ พวกคุณจะหาที่ใหม่ อยู่กันสัก 1 ปีก็ไม่ว่า แต่จะมาทำตรงนี้ไม่ได้ ตนไม่มีวันยอม กว่าจะแก้ไขบ้านเมืองกลับมาได้แทบแย่ แต่ขณะนี้โทรทัศน์ก็ด่าไป โดยเฉพาะเอเอสทีวีที่ปลุกระดมผู้คนให้ทำอะไรต่างๆ ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าของไม่อับอาย บ้านเมืองเราแปลก ที่คนที่สื่อมวลชนไม่ชอบหน้าเป็นนายกฯไม่ได้ ตนไปเคยสั่งปิดหนังสือพิมพ์สักฉบับหรือไม่ อยากเตือนคนที่จะก่อการคืนวันนี้ และบอกประชาชนที่ไปมั่วสุมกับเขาให้ถอยออกมา ลองคิดดูเอาไอ้ 5 คนนี้ทำเพื่อบ้านเมือง หรือจะเอาใครมายึดอำนาจ ไอ้คนที่ให้สตางค์ไปซื้อกับข้าวเบิกเงินเบิกทองไปให้คุณต้องการอะไร

เตือนประชาชนอย่าวิตกทุกข์ร้อน

นายสมัครกล่าวว่า วันนี้ขอโอกาสบอกประชาชนว่าอย่าวิตกทุกข์ร้อน ไอ้ความขายหน้ามันไปทั่วโลกแล้วตนเห็นพี่น้องทั้งหลายหน้าตาดีๆทั้งนั้นไปนั่งตากฟ้า ตากฝน คาดหัวมันสนุกตรงไหน บ้านเมืองไม่ได้เลวทรามต่ำช้าวิกฤติถึงขนาดนั้น รัฐบาลกำลังบริหารบ้านเมืองอยู่ ตนรักบ้านเมืองไม่น้อยไปกว่าใคร จะแสดงความรักด้วยการปลุกระดมคน 5 คนมา บอกได้เลยว่าไม่สำเร็จ จะไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายไปกว่านี้ ยืนยันประชาชนอย่าวิตกในการดำเนินงานแก้ไข ตนต้องทำหน้าที่นี้และทำมาแล้วหลายหน เมื่อคืนใกล้สองยามเต้นแร้งเต้นกากัน ดีใจด่าทอหยาบคาย ถือโล่กันพร้อมจะไปทำสงครามกับใคร มันเลวอย่างไรถึงจะขึ้นเวทีด่ากันไม่ยั้ง หน้าตาของรัฐบาลอยู่ที่ไหนฝรั่งเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหาข่าว ดูข่าวหนังสือพิมพ์แล้วก็แปลกันตามนั้นเลยตีกันวันนั้นแป๊บเดียวซีเอ็นเอ็นออกแล้ว

ขู่หากไม่สลาย ตร.จะช่วยรื้อให้

นายสมัครกล่าวว่า ขอย้ำว่าให้ประชาชนทั้งประเทศ 63 ล้านคนอยู่ในความสงบสบายใจไม่มีปัญหาอะไรอื่นสำหรับคนที่ไปร่วมอยู่กับเขาท่านจะกลับไปตอนนี้ ใคร เป็นญาติพี่น้องก็บอกด้วยมันไม่มีเหตุผลจะไปร่วมกับคนพวกนี้ ถ้ายังอยากจะด่าทอจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ขอย้ำเป็นครั้งที่ 3 ว่า ได้ดำเนินการเตรียมการไว้พร้อมแล้วทั้งตำรวจ ทหาร ถ้าอยากให้ใครมาเป็นหัวหน้าปฏิวัติขณะนี้สถานการณ์ไม่มี รัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคงเข้าใจกันดี “รายการนี้ไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แต่มีหน้าที่มาบอก ให้รู้ก่อนให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศรู้ว่า สถานการณ์ บ้านเมืองนี้เอาอยู่ครับ เรื่องอย่างนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผมมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบและเพื่อความเป็นธรรม บอกให้รู้ซะก่อนว่าตำรวจต้องทำตามหน้าที่ คุณต้องรื้อของคุณออกด้วยตัวคุณเองก่อน ถ้าคุณไม่รื้อตำรวจจะรื้อ ขอให้รู้นะว่า พูดอย่างนี้เพื่อให้คนทั้งประเทศรู้ว่า เราเป็น รัฐบาล ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมรับผิดชอบเรื่องนี้และผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ตำรวจและทหารทำ ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ใครที่ไหน และโปรดอย่ามาชี้หน้าด่าผมว่าเป็นรัฐบาลหุ่น ผมเป็นรัฐบาลผมไม่อยากใช้ถ้อยคำนี้ แต่ว่าตามสำนวนของราชการเขาใช้ว่ารัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณผมจะทำหน้าที่ของผม ไม่คิดว่าจะต้องอ้างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สุดท้ายนี้ ขอยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยจะไม่มีปัญหา อย่าได้วิตก” นายสมัครกล่าว

“สมัคร” เลิกภารกิจสุพรรณบุรี

ภายหลังนายสมัครออกรายการพิเศษทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวพยายามสอบ ถามว่า จะทำการสลายม็อบเมื่อใดและจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้วยหรือไม่ นายสมัครปฏิเสธที่จะตอบคำถามเพียง แต่ส่ายหน้า จากนั้นขึ้นรถจากสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีไปยังตลาด อ.ต.ก.ย่านจตุจักร เพื่อจ่ายตลาดประจำสัปดาห์ โดยนายสมัครซื้อลอตเตอรี่ชุดใหญ่จำนวน 16 ใบ เลขท้าย 30 พร้อมผลไม้หลายอย่าง รวมทั้งชมพู่ผ่าซีก ระหว่าง ที่นายสมัครเดินจ่ายตลาดอยู่นั้น ได้มีประชาชนพ่อค้าแม่ค้านำดอกกุหลาบมามอบให้เป็นกำลังใจในการทำงาน และขอถ่ายรูปคู่ทำให้นายสมัครยิ้มด้วยความเขิน ก่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพื่อเยี่ยมน้องสายป่าน หรือ ด.ช.พิทยุตม์ ไชยลาโภ หลานชายคนที่ 3 ที่เกิดจากนางกาญจนากร ไชยลาโภ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก โดยยกเลิกกำหนดการเดินทางไปจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เดิมทีตั้งใจจะไปรับฟัง ปัญหาของชาวนา เนื่องจากเห็นว่าควรอยู่ติดตามการชุมนุม เคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯก่อน  

“บุญสร้าง” เชื่อเหตุจะจบลงด้วยดี

ขณะที่วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่วัดปัญญานันทาราม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศชุมนุมยืดเยื้อ เพื่อขับไล่รัฐบาลว่า เมื่อคืนวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เฝ้าดูติดตามสถานการณ์ตลอด ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการมาด้วยดี ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะมีการสลายม็อบนั้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะทำได้ผล และทำด้วยความนิ่มนวล ส่วนฝ่ายที่ผู้ชุมนุมกีดขวางจราจรต้องเข้าใจว่า ทางการต้องจัดการเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขอให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และต้องไม่ให้มีความขัดแย้งหรือความรุนแรงใดๆ เพราะจะส่งผลให้เกิดความเสียหายมหาศาล หากมีเรื่องใดที่ยังไม่เข้าใจต่อกันค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้ทำตามระบบระเบียบ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งในส่วนของทหารขณะนี้ นายกฯยังไม่ได้สั่งการใดๆ แต่เชื่อว่าท่านจะใช้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมย้ำว่า เหตุการณ์คงไม่ถึงขั้นปราบจลาจล และ เชื่อถ้าไม่จำเป็นจริงๆ นายกฯก็ไม่สั่งให้ทหารออกมา เพราะการใช้ทหารมันอันตราย ตนเห็นที่ไหนนำทหารออกไปใช้ก็จบทุกที และจบไม่ดี  

การแสดงออกต้องไม่ทำประเทศเสียหาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่ผู้ชุมนุมประกาศชุมนุมยืดเยื้อ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดต่างๆ หากชุมนุมด้วยความสงบโดยไม่เดือดร้อน เห็นด้วยหรือไม่เป็นเพียงความคิดส่วนตัว เพราะตนขอร้องไปเขาก็ไม่ฟัง แต่ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม การแสดงออกทางประชาธิปไตยทำได้อยู่แล้ว แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่ทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสีย อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ขณะนี้ คงไม่ทำให้เกิดกลียุค ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคน หากคนชอบให้เกิดกลียุคก็ต้องเกิด ถ้าไม่อยากให้เกิดก็ไม่เกิด จะทำอะไรก็ขอให้เป็นผู้ใหญ่  

“เราโชคดีที่นับถือศาสนาพุทธและมีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐ บ้านเมืองจึงควรสงบ ขอให้คนไทยใจเย็นช่วยกัน มีความอดทนอดกลั้น มีความรักความสามัคคี รู้อภัย รู้ชนะ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น” ผบ.สส.กล่าว

อ้างชาวบ้านเชียร์อย่ายอมแพ้ม็อบ

ส่วนที่ทำการพรรคพลังประชาชน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ในฐานะหัวหน้าศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือวอร์รูม แถลงว่า หลังจากที่ได้เปิดศูนย์ติดตามการชุมนุม 24 ชั่วโมง ต่อไปนี้พรรคจะแถลงข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯทุกวัน โดยกรณีที่นายกฯออกรายการวิทยุและโทรทัศน์เพื่อชี้แจงเรื่องการจัดการการชุมนุมกับประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมกับสถานการณ์มาก เพราะพรรคได้รับเสียงร้องทุกข์จากประชาชนที่เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จากที่ยึดถนนราชดำเนิน จนประชาชนเดือดร้อน รวมทั้ง ส.ส.ต่างจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า รัฐบาลอย่ายอมแพ้การชุมนุม และวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา เอกอัคราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยได้มาพบตนที่พรรค เพื่อหารือเรื่องการชุมนุม และประเมินสถานการณ์ แสดงว่าการชุมนุมนั้นมีผลกระทบทุกด้าน ล้วนทำให้ทุกฝ่ายลำบากไปหมด ดังนั้น รัฐบาลจะมีมาตรการทำให้การชุมนุมเป็นไปอย่างถูกกฎหมายมากขึ้น อย่าใช้วิธียึดถนนมาชุมนุม หากจะชุมนุมในหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือพื้นที่ที่ไม่กีดขวางการจราจรนั้นจะเป็นเรื่องที่ดี ฉะนั้นการที่นายกฯตัดสินใจจัดการเรื่องผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย พรรคสนับสนุนเต็มที่

ซัด “จำลอง” กระตุ้นกองทัพยึดอำนาจ

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.จำลองให้สันติอโศกเคลื่อนไหวตลอด และเป็นเหตุการณ์นองเลือดในช่วงพฤษภาทมิฬที่มีการยั่วยุให้จับ พล.ต.จำลอง และทำให้นองเลือด วันนี้รัฐบาลจะไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ แต่ พล.ต.จำลองหวังการปะทะ เพื่อให้ทหารยึดอำนาจ ส่วนกรณีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ที่ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ทำไมไม่ไปถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าปล่อยให้ ส.ส.ขึ้นเวทีประชาชนที่ผิดกฎหมายในการยึดถนนได้อย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยตอบคำถามนี้ ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เชื่อว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตลอดนั้น พรรคจะนำเบื้องหลังมาโยงให้สังคมเห็นว่า การชุมนุมไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมือง แต่ทำไปเพื่อประโยชน์เบื้องหลังของผู้ชุมนุม หากกลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนไหวในมุมและพื้นที่ของตัว เอง พรรคจะไม่สนใจ แต่หากทำให้ประชาชนเดือดร้อน พรรคต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ

“นพดล” ยันรัฐบาลไม่ทำรุนแรง

ด้านนายนพดล   ปัทมะ  รมว.ต่างประเทศและรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในฐานะรัฐ-มนตรี ตนเห็นด้วยและสนับสนุนการตัดสินใจของนายกฯ ที่ตัดสินใจสลายการชุมนุม แต่รัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงหรือกำลังในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายโดยละมุนละม่อม เพราะทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน ควรได้รับการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย บ้านเมือง สิ่งที่ออกนอกเส้นทางรัฐบาลก็ต้องดูแลเพื่อให้ บ้านเมืองมีหลักนิติธรรมและหลักแห่งกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของนายกฯ ครั้งนี้ ไม่ได้มีการหารือกันในพรรคพลังประชาชนมาก่อน เพราะเป็นอำนาจตามกฎหมายของนายกฯ ซึ่งเชื่อว่าจะใช้วิธีการละมุนละม่อม

ปัดสลายม็อบไม่ใช่ใบสั่ง “ทักษิณ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการหารือกรณีดังกล่าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายนพดล  ตอบว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขและปรองดอง ส่วนการพบปะระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในพิธีรดน้ำศพมารดา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.นั้น ตนไม่สามารถทราบได้ว่ามีการพูดคุยอะไรกันเพราะเป็นการเจอกันโดยบังเอิญ แต่ถือเป็นเรื่องดีเพราะแสดงให้เห็น ว่าผู้ใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อกัน ซึ่งจะลดความหวาดระแวงในใจได้ พร้อมกันนี้ คิดว่าการที่นายกฯ บอกแค่ว่าเตรียม พร้อมเท่านั้น คิดว่าขั้นต้นจะเป็นการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก่อน แต่จะกำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้ใช้ความรุนแรง แต่ฝ่ายผู้ชุมนุมก็จะต้องไม่ใช้กำลังหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ เช่นกัน ส่วนการที่เกิดกระแสข่าวปฏิวัติเชื่อว่าเป็นความสับสนทางข้อมูลที่ส่งออกไปเท่านั้น ประกอบกับทางกลุ่ม ผู้ชุมนุมเองได้พยายามสร้างให้ดูเหมือนว่าเกิดความรุนแรง

“สมศักดิ์” ขอทุกฝ่ายยึดคำในหลวง

ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย พรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการชี้แจงออกรายการพิเศษ ของนายกรัฐมนตรีที่จะใช้มาตรการขอยึดถนนราชดำเนินคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ว่า ไม่ได้ดูรายการที่นายกฯ พูดถึงม็อบพันธมิตร แต่อยากให้ทั้งฝ่ายรัฐและกลุ่มผู้ ชุมนุมพันธมิตรหันหน้ามาคุยกันอย่างสันติวิธีตามระบอบประชาธิปไตย ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร ไม่ใช่แต่ละฝ่ายต่างอ้างเหตุผลถอยไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ เพราะยังเชื่อว่าทุกปัญหามีทางการไข ดีกว่าการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม และขอให้ทุกฝ่ายต่างยึดในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใส่เกล้าเป็นเครื่องเตือนใจ

ปชป.ชี้สมัครไม่มีสิทธิห้ามคนชุมนุม

ขณะที่ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศจัดการกับม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า พรรคขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพราะอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ ล้มตาย ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดความบาดหมางมากขึ้นในสังคม แม้รัฐบาลจะมีหน้าที่ดูแลให้เกิดความเรียบร้อยในบ้านเมือง แต่ควรทำด้วยความเหมาะสม ไม่ควรใช้อำนาจที่มีอยู่ไปเพิ่มปัญหาให้มากขึ้น และการที่นายกฯเรียกร้องไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น การชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนที่จะดำเนินการได้หากไม่ขัดต่อกฎหมาย  และการที่ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมเพราะมีจุดมุ่งหมายและความเห็นต่างจากรัฐบาล  ดังนั้น  แทนที่ จะเรียกร้องไปยังประชาชน นายกฯควรเรียกร้องไปยัง ส.ส. ในพรรคพลังประชาชนให้ยุติการดำเนินการที่จะนำไปสู่ ปัญหาวิกฤติบ้านเมืองจะเป็นประโยชน์มากกว่า แม้ ส.ส.จะมีสิทธิเสนอแก้รัฐธรรมนูญ  แต่ควรเป็นไปด้วยความชอบธรรมและเหมาะสม  ตนอยากถามว่าเวลานี้การ แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อตัวเองถึงเวลาที่เหมาะสมและชอบธรรมหรือไม่

สื่อนอกตีข่าวไทยวุ่นวายตึงเครียด

ในส่วนสำนักข่าวต่างประเทศ ต่างพากันเกาะติดสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในประเทศไทยตลอดวัน โดยรายงานถ้อยแถลงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ออกอากาศทั่วประเทศ ระบุเตือนรัฐบาลจะใช้กำลังสลายการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบริเวณหน้าสำนัก งานสหประชาชาติ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์มีอยู่ราว 1,200 คน โดยนายสมัครระบุให้กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งมีเป้าหมายเรียกร้องให้นายสมัครลาออก ด้วยข้ออ้างต้องการโค่นล้มรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องยุติการชุมนุมประท้วงในสถานที่ดังกล่าว นายสมัครกล่าวด้วยว่า ยอมรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว นอกจากนั้น ตำรวจและทหารก็รับไม่ได้กับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยเช่นกัน

หึ่งไปทั่วโลกทหารจะปฏิวัติอีกรอบ

อย่างไรก็ตาม นายตำรวจระดับสูงสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุยังไม่ได้รับคำสั่งดำเนินการสลายกลุ่มผู้ประท้วงจากนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ขณะที่ พล.อ.  บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวยืนยันทหารจะไม่ดำเนินการแทรกแซงใดๆ ยกเว้นตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทั้งนี้ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เกิดกระแสข่าวทหารจะก่อรัฐประหารขึ้นอีกครั้งในรอบ 2 ปี ขณะที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช เริ่มทำหน้าที่บริหารประเทศตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัครถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวหาว่าพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ได้รับการสนับสนุนร่างโดยกลุ่มทหารที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 ก.ย.ปี 2549 ทั้งยังพยายามปกป้องอดีตนายกฯทักษิณ จากข้อกล่าวหาคดีทุจริตคอรัปชัน  

นักธุรกิจหวั่นเหตุชุมนุมฉุดลงทุน  

สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประเทศ  หากเจ้า-หน้าที่ตำรวจเข้าสลายม็อบของกลุ่มพันธมิตรฯในครั้งนี้ นายสันติ  วิลาสศักดานนท์  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองสลายการชุมนุมไปอย่างสันติ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการ เมืองมากกว่าการใช้กำลังสลายการชุมนุม เพราะขณะนี้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ลงชื่อขอแก้ไขก็ไม่ครบจำนวนที่จะทำได้แล้ว เพราะมี ส.ว.หลายคนถอนชื่อออกไป ดังนั้น ควรจะมีการสลายการชุมนุมออกไปโดยสันติ หากมีการใช้กำลังจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย เพราะภาพที่เผยแพร่ออกไปทางสื่อมวลชนจะทำให้ต่างชาติเข้าใจว่าประเทศไทยยังไม่มีความสงบ นักท่องเที่ยวจะชะลอการเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในช่วงนี้ไม่ต้องการให้ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะยิ่งทำให้ความมั่นใจต่อเศรษฐกิจของประเทศลดลงไปอีก นายสันติกล่าวว่า นักลงทุนที่เคยลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว และผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจะไม่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนโดยเฉพาะคนไทยที่ลงทุนผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศ ที่ขณะนี้เริ่มชะลอการลงทุนอยู่แล้ว เพราะหวั่นว่ากำลังซื้อประชาชนน้อยลง หากเกิดความไม่สงบขึ้นอีก  ก็จะทำให้การชะลอตัวการลงทุนของนักธุรกิจยืดระยะเวลาที่จะลงทุนออกไปอีก  

ไม่พอใจนายกฯ สั่งเตรียมลุย

อย่างไรก็ดี ทางฝั่งผู้ชุมนุม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างผู้ชุมนุมทั้งหมดนั่งฟังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์ด้วยท่าทีที่ดุดัน ซึ่งมีการระบุถึงความเดือดร้อนต่างๆ ของประชาชนทั่วไป อันเกิดมาจากการชุมนุม มีการปิดถนน ก็ทำให้ผู้ชุมนุมโห่ร้องออกมาเป็นระยะเพราะไม่พอใจคำพูดของนายสมัครและหลังจากที่นายสมัครแจงรายละเอียดต่างๆ รวมถึงการอาจให้ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเสร็จสิ้น นายสำราญ รอดเพชร นายสุวัตร์ อภัยศักดิ์ และบุคคลระดับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้เปิดเวทีกล่าวโจมตีคำพูดของนายสมัครทันที โดยมีการสวนกลับนายสมัครในทุกประเด็น และปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจเข้ามาสลายการชุมนุมทุกรูปแบบ โดยถือว่าเป็นการป้องกันตัวได้ หากถูกตำรวจบุกเข้ามารื้อเต็นท์ หรือทำร้ายร่างกาย แต่ต้องเป็นการป้องกันตัวที่ไม่เกินกว่าเหตุ

ลั่นหากถูกบุกให้ป้องกันตัวได้

กลุ่มพันธมิตรฯ ยังได้ประกาศมาตรการ 5 ข้อให้ผู้ชุมนุม คือ 1. ถ้าตำรวจบุกเข้ามาให้ใช้กำแพงมนุษย์ กันเอาไว้ 2. หากตำรวจทำร้ายร่างกายให้ป้องกันตัวได้ แต่อย่าเกินกว่าเหตุ 3. หากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาให้ถือว่าบุกรุกและให้ป้องกันตัวได้ 4. หากตำรวจสลายม็อบได้ ให้กลับมาชุมนุมใหม่มากกว่า 5. ถ้าเจ้าหน้าที่ลิดรอนสิทธิ์ก็ให้รวมตัวกันเข้าชื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี ไล่ไปจนถึงถอดถอนเจ้าหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมด พร้อมกันนี้ก็มีการเรียกร้องถามผู้ร่วมชุมนุมว่าสู้หรือไม่สู้ และปลุกเร้าให้ลุกขึ้นสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ทุกครั้งที่มีการปลุกเร้าว่าสู้หรือไม่นั้น ก็จะมีเสียงตอบรับ และเสียงเฮ ผสานกับปรบมือขานรับอยู่บ้าง

ซัดกลับ “สมัคร” กำลังทำผิด ก.ม.

นอกจากนี้ นายสุวัตร์ อภัยศักดิ์ ทนายความของกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีด้วยท่าทีดุเดือดด้วยว่า นายสมัครเรียนจบนิติศาสตร์ แต่จบมานานแล้ว ที่นายสมัครพูดกำลังข่มขู่จะใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งประชาชนมีสิทธิทำได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่ระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้ ถ้าเมื่อใดมีการสลายการชุมนุม นายสมัครจะเป็นจำเลยที่ 1 ทันทีเพราะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

“จำลอง” สั่งเช็กข้อ ก.ม.ตลอด

จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวผ่านโทรทัศน์ว่า ทางพันธมิตรฯได้หารือกันในกลุ่มแกนนำ จึงอยากให้ ผู้ชุมนุมฟังการพูดของหัวหน้ารัฐบาลก่อน และหลังจากนั้นทางพันธมิตรฯจะกำหนดท่าทีของเราได้ เรื่องนี้พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่าพันธมิตรฯทำตามสถานการณ์ เมื่อมีสถานการณ์เพิ่มเติมเราก็จะบอกผู้ชุมนุม และได้ปรึกษากับนายสุวัตร์ ทนายของกลุ่มว่าถึงเวลานี้แล้ว ที่เราจะจัดการกำลังตำรวจตามกฎหมาย ว่าเราทำอะไรได้แค่ไหน แล้วผู้ชุมนุมก็สบายใจว่าทางพันธมิตรฯไม่ได้ทำตามอารมณ์ แต่ทำตามกฎหมาย

จวกนายกฯใช้อำนาจ

เมื่อถามว่า ล่าสุดมีการปรึกษาในหมู่แกนนำทั้ง 5 ว่าจะทำอย่างไรต่อไป พล.ต.จำลองตอบว่า ได้หารือกัน ทางโทรศัพท์แล้ว เราจะไม่สลายตัว คงยืนหยัดอยู่ที่นี่ คง ไม่ถอย ส่วนเรื่องที่ทางรัฐบาลจะเอากำลังมาสลายผู้ชุมนุม ทางเราก็พร้อมจัดการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่ทำอะไรให้เกินเลย แต่ถ้าไม่มารังควานเราได้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุด เรื่องที่จะเกิดหรือไม่เกิดไม่ได้อยู่กับพันธมิตร   แต่อยู่ที่ ทางรัฐบาลเท่านั้น   ส่วนเจตนาของนายกฯที่พูดเมื่อเช้า นั้น เหมือนจงใจแกล้ง ต้องการใช้อำนาจ ทั้งที่รู้ในสิ่งที่ กระทำนั้นผิดกฎหมาย ยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย แต่เราก็ทำตามสถานการณ์ และปรึกษาหารือกับนักกฎหมายอยู่ ตลอดเวลา และเห็นได้ว่าใครเป็นประชาธิปไตยกว่ากัน

อย่านำไปเทียบเหตุพฤษภาทมิฬ
เมื่อถามอีกว่า ด้วยท่าทีรุนแรงของนายกฯจะให้ ผู้ชุมนุมบาดเจ็บหรือไม่ พล.ต.จำลองบอกว่า ไม่เคยกลัวเพราะไม่คิดว่าจะมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และการสลายการชุมนุมครั้งพฤษภาทมิฬไม่ได้เสียเลือดเนื้อ แต่เสียเลือด เนื้อหลังตนถูกจับไปหลายวันแล้ว และครั้งนี้จะเสียเลือด เนื้อได้อย่างไร เพราะมาตรการป้องกันเป็นเรื่องของตำรวจ และรัฐบาลที่ต้องป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน หลายคนพยายาม โยงเรื่องนี้ไปเข้ากับพฤษภาทมิฬเพื่อให้ประชาชนกลัว รวมถึงหากรัฐบาลแกล้งโดยไม่ส่งรถสุขามาให้ก็ทำได้ ซึ่งเราก็เตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยการเปิดฝาท่อหน้าตึกยูเอ็น คิดดูแล้วกันว่าข่าวที่ออกไปจะเป็นอย่างไร รัฐบาลนี้โหดร้ายไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ เรามาอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่มีใครคัดค้าน และยืนยันพร้อมให้จับแกนนำทั้ง 5 ไม่ต้องไปยุ่งกับผู้ชุมนุม

ท้าทายให้ ตร.รีบเข้าสลายม็อบ

กระทั่งเวลา 13.00 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นำโดย สมศักดิ์ โกศัยสุข เรียกผู้ชุมนุมไปรวมตัวหน้าเวที โดยมี รปภ.ของกลุ่มพันธมิตรฯ เดินตรวจสอบตามทางเข้า ต่างๆ เพื่อพร้อมรับการเข้าสลายการชุมนุม จากนั้น นายสมศักดิ์ได้ย้ำจุดยืนในการไล่รัฐบาล โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา มีข้อมูลการสลายม็อบพันธมิตรฯ  โดยนายกฯจะใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินสลายม็อบ ซึ่งทางกลุ่มก็ยืนยันว่าไม่หนีไปไหน ส่วนที่ผ่านมา แกนนำม็อบยังไม่มีการประชุม เพราะแกนนำบางคนเข้าไปต่อรองผู้ใหญ่ แต่ถ้าตำรวจจะสลายม็อบก็ให้เข้ามาสลายเร็วๆ เพราะมีการถ่ายทอดสดจะได้มีคน เห็นทั่วโลก ส่วนเรื่องความปลอดภัยจะมีการดูแลอย่างดี และจะต่อสู้ด้วยวิธีอหิงสา

เร่งปลุกเร้าผู้ชุมนุมให้พร้อมรับมือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับจากนั้นเป็นต้นมา บรรยากาศ ภายในม็อบเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับ เนื่องจากระดับแกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีกล่าวปลุกเร้าอารมณ์ ผู้ชุมนุมให้พร้อมที่จะสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการตั้งแถว รปภ. หากมีการบุกเข้ามาสลายการชุมนุม สลับกับการกล่าว โจมตีการทำงานของรัฐบาลนายสมัคร ที่มีอายุการทำงาน แค่ 4 เดือน และยังฟาดงวงฟาดงาไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกความชอบธรรมในการ ประกาศไล่รัฐบาลนายสมัคร ซึ่งก็ได้รับเสียงเฮและเสียงปรบมือจากผู้ชุมนุมได้เป็นระยะ  

พวกหนุนม็อบโทร.ป่วน “สมัคร”

ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่าหลังจากที่ผู้ชุมนุมทราบว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศสลายการชุมนุมด้วยกระบวนการภายใต้กรอบของกฎหมาย ก็ได้ตอบโต้นายกรัฐมนตรี ด้วยการเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์ ที่บ้านของนายกรัฐมนตรีให้กับผู้สนับสนุนการชุมนุมโทรศัพท์ไปแสดงความเห็นต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ โทร.ไปคุยได้กับภริยาและบุตร รวมถึงบุคคลภายในบ้าน ทำให้มีผู้โทรศัพท์เข้าบ้านนายกรัฐมนตรีจำนวนมาก และยาวนานต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้ต้องมีการหยุดรับโทรศัพท์ ภายในบ้านตลอดทั้งวันที่ผ่านมา แม้นายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่ได้รับมอบหมายให้บุคคลใกล้ชิดโทรศัพท์มือถือมาสอบถามเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง

เสริมกำลังดูแลบ้านนายกฯ

สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณบ้านพัก นอกเหนือจากการดูแลของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ที่ตรึงกำลังและดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว พ.ต.อ.มันทาร อภัยวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ยังได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งจากสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ลาดพร้าว หัวหมาก บึงกุ่ม บางชัน ประเวศ อุดมสุข และวังทองหลาง ทั้งในและนอกเครื่องแบบมากกว่า 50 นาย กระจายกำลังกันดูแลโดยรอบบริเวณบ้านพัก พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมอุปกรณ์ ป้องกันและแผงเหล็กกั้น เพื่อรับมือสถานการณ์ความวุ่นวาย หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมายังบริเวณบ้านของนายกรัฐมนตรี

ตร.ปจ.ระดมพลอาวุธครบมือ

ในส่วนของการเตรียมพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเคลื่อนกำลังหน่วยปราบจลาจล บก.ตปพ. ประมาณ 3 กองร้อย ขึ้นรถบัสเดินทางไปยังสะพานมัฆวานฯ จำนวน 8 คัน แต่ละคนอยู่ในชุดปราบจลาจลเต็มยศ สวมหมวก กันน็อก โล่ กระบอง หน้ากากกันแก๊สน้ำตา สนับแข้งและสนับศอก นอกจากนี้ ยังมีกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สน.ต่างๆ เดินทางไปสนธิกำลังอีกจำนวนหนึ่ง ไปตั้งแถวตรวจเช็กกำลังบริเวณข้างกระทรวงศึกษาธิการ โดยทันทีที่ชุดปราบจลาจลเดินทางไปถึงสร้างความสนใจแก่กลุ่มผู้ชุมนุมมายืนป้องกันเหตุบริเวณรั้วเหล็กที่ขวางกั้นแนวชุมนุมกลางสะพานมัฆวานฯ แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือปฏิบัติการใดๆ ในขณะที่แกนนำที่ปราศรัยบนเวทีก็ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมอย่าตื่นตระหนกตกใจ และได้ประกาศเรียกอาสาสมัครไปรายงานตัวด้านหลังเวทีเพื่อป้องกันการสลายม็อบ

“พัชรวาท” ประชุมแบ่งงาน

ที่ บช.น.ในเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปประชุมวางแผนสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ร่วมกับ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. โดยเรียก ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ. ผู้แทนตำรวจตระเวนชายแดน กองปราบปราม และ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้าร่วมหารือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยที่ประชุมมอบหมายให้ พ.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง หน.ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าตำรวจนครบาล (ศปก.น.) นำแผนที่การชุมนุมและรายละเอียดการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดต่างๆ เพื่อวางแผนปฏิบัติการครั้งนี้ โดยมีการจัดกำลังตำรวจปราบจลาจลทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 2,000 นาย ประจำจุดยุทธศาสตร์ สำคัญโดยรอบกลุ่มผู้ชุมนุม ภายหลังการประชุม วางแผน ผบ.ตร.เดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน  

ต้องการย้ายม็อบพ้นจากถนน

ขณะที่ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า  ขณะนี้ต้องหาวิธีการเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายที่ชุมนุมจากบริเวณพื้นผิวการจราจร ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กลุ่มผู้ชุมนุมลงมาชุมนุมบนพื้นผิวถนน เป็นการผิดกฎหมายอยู่แล้ว อยากเรียนว่าขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนอื่นๆด้วย

ยืนยัน ตร.ไม่ใช้ความรุนแรง

ต่อมาเวลา  16.30  น.  พล.ต.ต.สุรพล  ทวนทอง  รอง โฆษก สตช. เปิดแถลงข่าวที่ บช.น.ว่า ตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พูดในรายการสนทนาประสาสมัคร จะนำกำลังตำรวจและทหารสลายการชุมนุม ขอยืนยันว่าขณะนี้ตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงและไม่ใช้วิธีการปราบปรามแบบแตกหัก เพราะการชุมนุมครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่สามารถเจรจาตกลงกันได้ และสั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมการชุมนุม การแก้ไขปัญหาครั้งนี้ไม่ใช่คดีอาชญากรรม เป็นปัญหาทางการเมืองก็ต้องแก้ไขแบบการเมือง โดยใช้ยุทธวิธีเจรจาพูดคุยกัน ไม่ต้องใช้กำลัง ที่ผ่านมา ตำรวจได้ประสานงานและเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาตลอด แต่ยุทธวิธีในการแก้ไขปัญหา ถ้าจำเป็นต้องใช้กำลังก็จะใช้อย่างละมุนละม่อม ไม่ดำเนินการแบบแตกหักหรือให้บรรลัยกันไปข้างหนึ่ง ไม่อยากเห็นภาพความขัดแย้งที่มีความรุนแรงในประเทศไทยอีก เพราะประเทศชาติบอบช้ำกับความรุนแรงลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง

จัดพื้นที่ให้ชุมนุมไว้เพียบ

รองโฆษก  ตร.กล่าวอีกว่า ตำรวจได้ประสานกับแกนนำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนและขนย้ายเวที รวมทั้งสิ่งของของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ เร่งรัดเวลา แต่อยากให้สังคมเห็นใจกับทุกฝ่าย ส่วนสถานที่ที่เตรียมไว้ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปชุมนุมได้มีหลายที่ เช่น ลานคนเมือง กทม. สวนจตุจักร สวนลุมพินี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ได้มีการเตรียมกำลังทุกส่วนไว้พร้อมแล้ว หากการเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้เกิดความรุนแรง เพิ่มขึ้น ประชาชนได้รับความเสียหาย อำนาจการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะสลายการชุมนุมต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้สั่งการให้ตำรวจปฏิบัติ

สกัด จยย.ต้องสงสัยป่วนม็อบ

ด้าน  พล.ต.ต.อำนวย  นิ่มมะโน  ผบก.น.1  มีคำสั่งให้ตำรวจสังกัด บก.น.1 ตั้งแต่ระดับ ผกก.เป็นต้นไป ประกอบด้วย สน.ชนะสงคราม นางเลิ้ง ดุสิต สามเสน มักกะสัน บางโพ ห้วยขวาง พญาไท และดินแดง เตรียม พร้อมสนับสนุนบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ตรวจสอบกลุ่มจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่ จะมุ่งหน้าไปยังที่ชุมนุม โดยเฉพาะพื้นที่พิเศษบริเวณสนามหลวงและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ขีดเส้นปฏิบัติหน้าที่ไม่เกิน 6 ทุ่ม

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง หน.ผอ.ศปก.น. มีหนังสือแจ้งถึงผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การชุมนุม ให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในวันที่ 31 พ.ค. เวลา 16.01-24.00 น. จัดเตรียมกำลังที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ กำลัง ปจ.บก.ตปพ. (1) จำนวน 150 นาย ปจ.บช.ตชด. (1) จำนวน 150 นาย ปจ.ภ.2 จำนวน 150 นาย ปจ.บก.น.9 จำนวน 150 นาย สะพานอรทัย ปจ.บก.น.2 จำนวน 150 นาย สะพานชมัยมยุรเชษฐ์ ปจ.ภ.7 จำนวน 150 นาย สวนมิสกวัน ปจ.บก.น.3 จำนวน 150 นาย ทุกจุดมีรอง ผบก.ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี ผบช.น.เป็น ผบ.สั่งการ และมีรอง ผบช.น. เป็นรอง ผบ.เหตุการณ์ควบคุมกำลัง ปจ.ในแต่ละจุด

ส่ง ตร.ตรึงกำลังประจำทุกแยก

นอกจากนี้ ยังให้จัดกำลังตำรวจชุด ปจ.ตปพ. (2) จำนวน 1 กองร้อย (150 นาย) พร้อมด้วยชุดอรินทราช 26 เข้ามาเตรียมพร้อมไว้คอยรับคำสั่งจาก ผบช.น. และให้ บก.น.1 จัดกำลัง ปจ.ไปดูแลรับผิดชอบประจำแยกวัดมกุฏฯ แยกวัดโสมนัสฯ แยก จปร. สำหรับ ปจ.บก.น.5 ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ให้รอง ผบก.น.ที่ควบคุมกำลัง นำกำลังไปรายงานตัวต่อ ผบช.น. หรือผู้รับมอบหมาย ที่ ศปก. สน.สะพานมัฆวานฯ ก่อนเวลาปฏิบัติ 30 นาที พร้อมบัญชีรายชื่อผู้ปฏิบัติทุกนาย และหมายเลขโทรศัพท์ของ ผบ.หมวด และ ผบ.หมู่ด้วย ให้หน่วยที่ปฏิบัติจัดเตรียมอุปกรณ์ประกอบการปฏิบัติคือ โล่ กระบอง ไฟฉาย เสื้อกันฝน และกุญแจมือ  

“สนธิ” ลั่นให้ล้างแค้นหากถูกจับ

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่สถานการณ์เริ่มทวีความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศนับร้อย พร้อมรถถ่ายทอดสด ทยอยเดินทางมาเกาะติดสถานการณ์รอเวลาการเข้าสลายการชุมนุม ที่มีกระแสข่าวลือว่า จะมีขึ้นในเวลา 14.00 น. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น ในช่วงเที่ยง แกนนำพันธมิตรทั้ง 5 เดินทางไปร่วมประชุมกันอย่างเคร่งเครียดที่บ้านพระอาทิตย์ โดยใช้เวลาหารือกันกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นทั้งหมดเดินทางกลับมายังเวทีปราศรัยอีกครั้ง พร้อมขึ้นเวทีสลับกันกล่าวกับประชาชนที่ร่วมชุมนุม โดยยืนยันจะปักหลักชุมนุมอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ ไม่ถอย และขอให้ประชาชนอย่าตื่นกลัว เพราะจะปกป้องผู้ชุมนุมให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตร กล่าวว่า วันนี้ตายเป็นตาย จะขอปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จนนาทีสุดท้าย ถ้าพวกตนตาย หรือถูกจับ ขอให้ประชาชนจดจำคน 3 คนไว้ให้ดี คือ ทักษิณ สมัคร และเฉลิมกับลูกๆ ขอให้ล้างแค้นแทนให้ด้วย ขอให้รัฐบาลเลิกทำการข่มขู่ ถ้าจะลงมือขอให้เร็วๆ อย่าช้า

ปรับแผนเก็บอาวุธรับมือแบบอหิงสา

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า หลังการขึ้นเวทีของ 5 แกนนำพันธมิตร ที่มีการกล่าวโจมตีรัฐบาล และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อย่างดุเดือดนั้น ปรากฏว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ พันธมิตรฯก็ระดมเก็บอาวุธทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนังสติ๊ก ไม้เบสบอล เหล็กแป๊บ ฯลฯ เนื่องจากมีการปรับแผนใหม่อย่างเร่งด่วน โดยให้รับมือแบบอหิงสา หากมีการบุกเข้าสลายการชุมนุม ให้นอนราบอยู่กับพื้น และสั่งการว่าไม่ให้มีการตะลุมบอนกับเจ้าหน้าที่โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม มีการแจกจ่ายโล่ แว่นตาพลาสติก และธงชาติ เพื่อป้องกันแก๊สน้ำตาให้กับฝ่ายรักษาความปลอดภัย ไว้ผลักดันเจ้าหน้าที่ ส่วนฝ่ายอาหารของกองทัพธรรมก็ยังคงแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ชุมนุมไว้รองท้อง กำลังการ์ดส่วนหนึ่งถูกสั่งให้ไปพักผ่อนเอาแรงไว้ เพื่อเตรียมเข้ามาสับกำลังในช่วงผลัดต่อไป ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ได้มีแนวร่วมพันธมิตรที่เป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนายอภิชาติ หาลำเจียก ส.ก.ปชป. พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ สามีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ฯลฯ เข้ามาอยู่ในการชุมนุมด้วย  

ม็อบฮือตรึงกำลังพร้อมปะทะ

กระทั่งเวลา 16.30 น. จุดสกัดของตำรวจรั้วแผง กั้นเหล็กบนสะพานมัฆวานฯ ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลชุดใหม่มาตรึงกำลัง พร้อมนำรถส่องสว่างและรถดับเพลิงเข้ามาจอดไว้ด้านหลังทำเนียบรัฐบาลติดคลองผดุงกรุงเกษม เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเตรียมพร้อมอย่างเร่งด่วนภายในเวทีพันธมิตร ฝ่ายรักษาความปลอดภัยพันธมิตร ได้ปรี่กันเข้ามา พร้อมใช้โทรโข่งประกาศให้การ์ดอาสาทั้งหมดระดมกำลังมาที่บริเวณรั้วเหล็ก ทั้งแจกโล่ไม้ และธงชาติ ตั้งแถวตรึงกำลังกับตำรวจปราบจลาจลที่บริเวณรั้วเหล็กบนสะพานมัฆวานฯ ขณะที่บนเวที นายอมร อมรรัตนานนท์ และนางสาวอัญชลี ไพรีรัก โฆษกเวทีพันธมิตรฯ ได้ประกาศให้ผู้ร่วมชุมนุมเตรียมพร้อม และประกาศว่าหากตำรวจฝ่าเข้ามาสลายการชุมนุมให้นอนราบกับพื้น และจะไม่ต่อสู้ ส่วนคนที่มีโทรศัพท์มือถือไว้ถ่ายภาพเหตุการณ์ด้วย พร้อมกันนั้นได้เปิดเพลง “เราสู้” และเปิดให้สื่อมวลชนที่ต้องการภาพ มุมสูงลงทะเบียนเพื่อขึ้นไปด้านบนเวทีด้วย ส่วนที่ด้านหน้าเวที มีการระดมกำลังผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิงมาปักหลักนั่งหน้าเวที  

ย้ำตลอดชุมนุมตามสิทธิ รธน.  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายิ่งใกล้ค่ำหลังเวทีพันธมิตรฯ ยิ่งมีความตึงเครียดอย่างหนัก แกนนำพันธมิตรฯประชุมหารือกันอย่างเคร่งเครียด โดยมีการ์ดของพันธมิตรฯเข้ามารักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ พร้อมรับมือการบุกเข้าประชิดตัวของเจ้าหน้าที่ ต่อมานายพิภพ ธงชัย แกนนำ พันธมิตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมอ่านแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 12/2551 เรื่อง ประกาศจุดยืนกรณีรัฐบาลเตรียมสลายการชุมนุม มีใจ ความระบุตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แห่งรัฐบาลหุ่นเชิด ได้ออกอากาศรายการพิเศษผ่านทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 31 พ.ค. เวลา 09.00 น. โดย ประกาศและข่มขู่ว่าจะดำเนินการขั้นแตกหัก เพื่อสลายการชุมนุมของประชาชนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรในวันนี้ ขอประกาศอย่างเป็นทางการต่อท่าทีดังกล่าวต่อไปนี้ 1. ยืนยันว่าการชุมนุมของประชาชนในครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 69 และปฏิบัติหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทยในมาตรา 70 ในการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้

อ้างคำสั่งศาล ปค.สลายม็อบผิด ก.ม.

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพันธมิตรดำเนินไปด้วยความสงบ อหิงสา และปราศจาก อาวุธ อันเป็นสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรมตามรัฐ-ธรรมนูญ มาตรา 63 ที่บัญญัติเอาไว้ว่า มาตรา 63 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพ ตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของ ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลา ที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก การสลายการชุมนุมเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่มีกฎหมายและสภาวการณ์รองรับ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ดังที่ ได้เคยมีตัวอย่างคำพิพากษาศาลปกครองสงขลาคดีหมาย เลขแดงที่ 51/2551 ความตอนหนึ่งว่า “ถึงแม้เจ้าหน้าที่รัฐจะมีอำนาจกีดขวางการชุมนุมได้ตามกฎหมาย แต่ต้องเป็นช่วงที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงคราม หรือมีการประกาศกฎอัยการศึก แต่ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมนั้นบ้าน เมืองไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม หรือมีการประกาศกฎอัยการศึก แต่ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมนั้นบ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะดังกล่าว การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด”

ตั้งแกนนำใหม่สานงานไล่ รบ.

2. เนื่องจากการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธของประชาชน ได้ปฏิบัติตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่รัฐต้องการที่จะใช้กำลังสลายการชุมนุมจะต้องอยู่ภายใต้การรองรับของกฎหมายเท่านั้นหาไม่แล้วจะไม่สามารถยินยอมให้ใช้กำลังสลายการชุมนุมได้ 3.พันธมิตรฯยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สวมเครื่องแบบที่ครบถ้วนสมบูรณ์เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่การชุมนุมได้โดยไม่ขัดขวางใดๆทั้งสิ้น   4. ในภาวะที่ไม่มีกฎหมายรองรับในการสลายการชุมนุม   พันธมิตรฯจะไม่ยินยอมให้ทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุม   ไม่ยินยอมให้เคลื่อนย้ายหรือทำลายทรัพย์สินใดๆออกจากสถานที่การชุมนุมและพร้อมใช้สิทธิปกป้องรักษาชีวิตและทรัพย์สินตามสมควรแก่เหตุ 5. หากรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือประกาศกฎอัยการศึก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ 6. หากมีการสลายการชุมนุมที่มิชอบโดยกฎหมาย พันธมิตรฯขอเรียกร้องให้ ประชาชนร่วมกันต่อสู้กับความไม่ถูกต้องต่อไป   และดำเนินภารกิจศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดให้ สำเร็จจนถึงที่สุด   หากมีการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯก็จะมีตัวแทนแกนนำประชาชนเพื่อสานต่อภารกิจ ในการต่อสู้ต่อไป

ปลุกระดมฝ่ายหนุนลุกฮือทั่ว ปท.

จากนั้นบนเวทีปราศรัยได้มีการเชิญแพทย์ขึ้นมาชี้แจงเรื่องการเตรียมรับมือกับแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  โดยมีการชี้แจงว่าแก๊สน้ำตานั้นจะทำให้แสบตาแสบจมูก แต่วิธีการรับมือนั้นคืออย่าตกใจ ถ้าเข้าตาก็อย่าไปขยี้ ใครที่สูดเข้าไปขอให้ไปที่เต็นท์กองทัพธรรม นอกจากนี้ ยังมีการประกาศว่า หากมีการบุกสลายการชุมนุมเมื่อไร ขอให้พันธมิตรฯทั่วประเทศออกมาชุมนุมกันที่ศาลากลางจังหวัดทันที   จากนั้นก็เริ่มซักซ้อมการลุกนั่ง ลุกนอน โดยพิธีการบนเวทีให้สัญญาณกับผู้ชุมนุมทั้งหมดทำพร้อมกันอย่างเป็นจังหวะด้วย

ต่างฝ่ายต่างจดจ้องรักษาเชิง  

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงเย็นประชาชนที่สนับสนุนเริ่มหลั่งไหลมาร่วมชุมนุมกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่า ผู้ชุมนุมน่าจะมีมากกว่า 7 พันคน ตั้งแต่เชิงสะพานมัฆวานฯ ไปจนถึงหน้ากองทัพบก สลับกับการปราศรัยบนเวทีที่มีการกล่าวโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด พร้อมโห่ร้องเป็นระยะเพื่อปลุกใจ ขณะเดียวกันบนสะพานมัฆวานฯ บรรยากาศยังตึงเครียด เนื่องจากยังคงมีการตรึงกำลังกันอย่างไม่ ลดละ ระหว่างฝ่ายรักษาการความปลอดภัยพันธมิตรฯกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล โดยมีแผงรั้วเหล็กที่มีลวดสลิงและโซ่มัดไว้อย่างแน่นหนาเป็นเครื่องกั้นกลาง ฝ่ายการ์ดพันธมิตรฯสวมหมวกกันน็อก โล่ไม้ แว่นตา และผ้าปิดปากกันแก๊สน้ำตา แต่ไม่มีอาวุธ ตั้งแถวราว 5 แถว นำธงชาติไทยมาโบกสะบัดพร้อมร้องเพลงเราสู้เป็นการปลุกใจ พร้อมมีการโห่ร้องสลับเป็นระยะ ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่เองก็มีการสับเปลี่ยนนำหน่วยปราบจลาจล ตชด.มาเสริมเป็นระยะๆ โดยตั้งแนวไว้เป็น 3 แถว  

“จำลอง” ใช้โล่มนุษย์กัน ตร.บุกจับ

ต่อมาเวลา 18.30 น. พล.ต.จำลองขึ้นเวทีปราศรัยอีกครั้ง กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าเข้ามาสลายการชุมนุม เพราะพวกเรามากันมากขึ้น แต่หากตำรวจยังคิดจะเข้ามาจับ 5 แกนนำ เราก็จะไปอยู่กับประชาชนที่ด้านหน้าเวทีเพื่อรอให้มาจับ หากเขามาก็อยู่ที่พวกท่านว่าจะพิจารณาอย่างไร จากนั้นครู่ใหญ่ พล.ต.จำลองก็ลงจากเวทีแล้วมานั่งรวมอยู่กับประชาชนที่ด้านหน้าเวทีปราศรัยเป็นรายแรก จากนั้นนายจันทร์ นักบวชจากสันติอโศก ก็ขึ้นมาบนเวที พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันสวดมนต์ เพื่อให้เกิดความสงบ ฝ่ายแนวป้องกันการบุกของตำรวจ ที่อยู่บริเวณสะพานมัฆวานฯเองก็ปรับแผนจากที่ตะโกนโห่ร้อง มาเป็นนั่งลงกับพื้นพร้อมสวดมนต์ โดยหันหน้าไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

มาแล้ว จยย.ครึ่งร้อยวิ่งป่วนม็อบ

กระทั่งเวลา 20.00 น. ที่สี่แยก จปร. ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.ปจ.พร้อมแผงกั้นรักษาความปอลดภัยอย่างเข็มงวดโดยรอบ จู่ๆได้มีกลุ่ม จยย.จำนวนกว่า 50 คัน มุ่งหน้ามาจากถนนวิสุทธิกษัตริย์ ผ่านบริเวณสี่แยก จปร. จากนั้นก็บีบแตรดังลั่นถนน เพื่อเป็นการยั่วยุกลุ่มพันธมิตร ส่งผลให้กำลัง รปภ.ของพันธมิตรต้องระดมเตรียมตัวมารับมือกลุ่มก่อกวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากก่อกวนเสร็จแล้ว กลุ่ม จยย.ดังกล่าวก็มุ่งหน้ากลับไปรวมตัวที่สนามหลวง และเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ข่ายวิทยุสื่อสารของตำรวจหรือข่ายรามา ซึ่งใช้สื่อสารกันในเขตนครบาล 1 ก็เริ่มถูกก่อกวนจากบุคคลที่เรียกว่า “ไอ้แหลม” โดยมีการแทรกคลื่นวิทยุรามาเข้ามาด่าทอกลุ่มพันธมิตรอย่างดุเดือด จน จนท.ไม่สามารถใช้เครือข่ายดังกล่าวสื่อสารกันได้ ทางแม่ข่ายจึงต้องออกประกาศเตือนกลับไปให้ ผู้รบกวนยุติการกระทำดังกล่าวโดยเร่งด่วน  

“เหลิม” ชี้นายกฯสั่งยุติสลายม็อบ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มอบหมายให้ตนแจ้งกับประชาชนและสื่อมวลชนทราบว่า ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีการใช้กำลังกับผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ การที่นายกฯออกรายการพิเศษทางโทรทัศน์ในช่วงเช้า และได้ระบุว่าจะไม่ยินยอมให้มีการชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์อีกต่อไปนั้น เนื่องจากได้รับรายงานว่า ได้มีการชุมนุมวางแผนของบุคคลกลุ่มหนึ่งที่สำนักกฎหมายย่านบางโพ เพื่อที่จะก่อความวุ่นวายในการชุมนุม เช่น การปาระเบิดเข้าสู่กลุ่มพันธมิตรฯ การเผาสถานที่ราชการ หรือก่อเหตุทำร้ายร่างกายประชาชนให้หัวร้างข้างแตก โดยให้คนทำแต่งกายเหมือนทหารหรือตำรวจ ให้ประชาชนเข้าใจผิด ว่าเจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน

อ้างเหตุสกัดคนเตรียมป่วนได้แล้ว

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า เมื่อได้รับรายงานข่าวดังกล่าว รัฐบาลจึงมีความเป็นห่วง จึงต้องดำเนินการที่จะสลายการชุมนุมให้ประชาชนกลับบ้าน มิฉะนั้นประชาชนที่ไม่รู้เรื่องจะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ตอนนี้สามารถสกัดกั้นกลุ่มคนที่เตรียมก่อเหตุได้แล้ว นายกฯจึงบอกตนว่าไม่มีความจำเป็นต้องสลายการชุมนุม และได้สั่งการให้ตำรวจงดเว้นการปฏิบัติใดๆ ที่จะเป็นการสลายการชุมนุมและตนขอให้พันธมิตรฯได้โปรดชุมนุมต่อไปตามสบาย แต่ไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้ถ้าพันธมิตรฯทำผิดแล้วรัฐบาลจะไม่ดำเนินการ หรือแกนนำจะทำลำพองใจได้ เพราะต้องชุมนุมกันโดยไม่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ก็ทำผิด พ.ร.บ.การจราจรทางบกอยู่ และพันธมิตรฯอย่าไปปลุกระดมว่ารัฐบาลจะสลายการชุมนุม เพราะไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ไหนทำร้ายประชาชน อย่างไรก็ตาม ในคืนวันเดียวกัน จะยังคงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ในพื้นที่เท่าเดิม เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย  

รก.ผบ.ตร.ประชุมเครียดเอาไงดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ รมว.มหาดไทย ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งต่อมามีการให้สัมภาษณ์ซ้ำผ่านทางสถานีโทรทัศน์ออกมาเป็นระยะอีก ขณะที่ทางด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ โฆษก ตร. พล.ต.ท.ธีระ-เดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ประจำ ตร. พล.ต.ท.นิพนธ์ ศิริวงศ์ ผบช.ตชด. และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผบช. ประจำ ตร. ก็ได้เดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อยของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสะพานมัฆวานฯ จากนั้นทั้งหมดได้ขึ้นไปหารือกันบนรถโมบายของศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า บช.น. ซึ่งผู้สื่อข่าวที่เฝ้าติดตามการทำงานของฝ่ายตำรวจ พยายามสอบถามถึงเรื่องการสลายม็อบกับรักษาการ ผบ.ตร. แต่ พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่ ต่อมาให้โฆษก  ตร.แถลงยืนยันว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุม และยังไม่ได้กำหนดการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สิ่งที่นายกฯพูดเป็นการสั่งให้ตำรวจดูแลความเรียบร้อยของผู้ชุมนุม  

โฆษก ตร.ย้ำไม่คิดสลายม็อบ

เมื่อถามว่า จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.จราจร ให้ ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากถนนราชดำเนินหรือไม่ โฆษกตร.ตอบว่า ยังไม่มีการประกาศ พ.ร.บ.จราจรแต่อย่างใด และไม่ได้นัดหมายแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ในการขนย้ายสิ่งของที่กีดขวางถนนราชดำเนินออกไป  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมตามคำสั่งของนายกฯ เท่านั้น ส่วนที่  มท.1 ระบุว่าควบคุมผู้ก่อกวนได้แล้ว เรื่องนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ แต่ยืนยันว่าไม่มีแนวคิดที่จะสลายผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน และจะจัดกำลังไม่ให้มีมือที่ 3 เข้ามาก่อกวนผู้ชุมนุม  

นายกฯ จ่อประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

อย่างไรก็ดี ในช่วงค่ำวันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึก วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงร่างแผนการรักษาความไม่สงบ โดยหยิบยกร่าง พ.ร.ก.การ บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี 2548 มาดำเนินการเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักขับไล่รัฐบาล ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน ปี 2548 จะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อรัฐบาลมีการประกาศเคอร์ฟิว หรือสภาวะฉุกเฉิน โดยจะใช้ใน 3 เขตพื้นที่ กทม. คือ ดุสิต-ป้อมปราบ-พระนคร โดยแต่งตั้ง ให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นผู้บัญชาการในการควบคุมสถานการณ์ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ว่าที่ ผบ.ตร. เป็นรองผู้บัญชาการในการควบคุมสถานการณ์  

ผบ.ทบ.สั่งเตรียมกำลังไว้พร้อม

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ได้สั่งการให้ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 จัดเตรียม พร้อมกำลังทหารจากชุดปราบปรามจลาจล จากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) จำนวน 4 กองพัน รวม 20 กองร้อย โดยกำลังทหารทั้งหมดจะเตรียมพร้อมในหน่วยที่ตั้งเมื่อกลางดึกวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหากมีคำสั่งจะสามารถออกมาปฏิบัติภารกิจได้ทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ได้โทรศัพท์ระงับไม่ให้ พล.ท. ประยุทธ์เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อร่วมงานของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  

ตร.มีแผนสองบุกเช้ามืด 1 มิ.ย.

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากกำหนดเดิมที่จะมีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ในวันเดียวกัน แต่ตำรวจประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าหากทำการสลายผู้ชุมนุมจะไม่ส่งผลเป็นผลดี และขณะนี้การชุมนุมยังไม่รุนแรงมากนัก จึงเห็นว่าควรปล่อยให้สังคมได้ตัดสินการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯต่อไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ประชุมเพื่อเตรียมแผนการรองรับหากมีเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าหากผู้ชุมนุมยังยืนยันที่จะชุมนุมต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงเช้ามืดวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยจะใช้เหตุผลว่า พื้นที่ในการชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในการสัญจร รวมถึงกีดขวางเส้นทางเสด็จฯ

“อนุพงษ์” เชื่อมือ ตร.คุมสถานการณ์ได้

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวในช่วงค่ำถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศชุมนุมยืดเยื้อและไม่ยอมสลายม็อบว่า ไม่ห่วงสถานการณ์การชุมนุม และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลและควบคุมสถานการณ์ ได้ ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะใช้กำลังทหารเพื่อสลายม็อบนั้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลสถานการณ์ได้ และขณะนี้ทหารยังไม่ได้มีการเตรียมกำลังใดๆ เพื่อจะออกมาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสลายม็อบพันธมิตรทั้งสิ้น  

“ประยุทธ์” ประสานเสียงไม่มีปัญหา

ขณะที่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวไปในทางเดียวกันว่า ขณะนี้กองทัพภาคที่ 1 ยังไม่ได้มีการสั่งให้เตรียมพร้อมหรือสั่งการอะไร ทั้งนี้ คิดว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่าจะบานปลายจนถึงต้องใช้กำลังทหาร และคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมสถานการณ์ได้ ขอฝากถึงผู้ชุมนุมทุกคนให้ชุมนุมด้วยความสงบ และอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งหากทำตามนั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไร ประกอบกับขณะนี้รัฐบาลก็อนุญาตให้ชุมนุมกันได้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

*****************************************************

อ่านทั้งหมดแล้ว ช่วยวิจารณ์หน่อยสิ ตรงไหนที่เสนอข่าวไม่ถูกต้อง

อย่าจับคำคำเดียว ไม่มีที่มาที่ไป แบบนั้นมันสื่อชั่วแบบสนธิครับ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 12:12
พันธมิตรฯคึกคักทั้งคืน 5แกนนำยังพึ่งโล่มนุษย์
ไทยรัฐ [1 มิ.ย. 51 - 08:15]

(http://www.thairath.com/2551/newsthairathonline/Jun/library/01/pic08.15250.jpg)
 
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าวันนี้ (1 มิ.ย.) ยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก บนเวทีตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนยังคงมีการสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล และมีศิลปินขึ้นไปร้องเพลงเพื่อชีวิตขับกล่อมผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ชุมนุมประมาณ 10,000 คน ปักหลักฟังการปราศรัย ด้วยการนอนฟังบนพื้นถนน และฟุตบาท และบางส่วนเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านเพื่อที่จะกลับมาใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ที่ขึ้นไปปราศรัยบนเวทียังคงโจมตีการทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล พร้อมกับยืนยันที่จะต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 และมั่นใจว่าการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสับเปลี่ยนกำลังครั้งล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 24.00 น. โดยเป็นตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 7 ตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ และตำรวจทางหลวง รวมทั้งสิ้น 1,050 นาย กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยทุกด้านของสถานที่ชุมนุม และตลอดทั้งคืนไม่มีความวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น แต่กำลังพลบางส่วนเริ่มมีอาการอ่อนล้าบ้างแล้ว

 ต่อมา เวลา 03.30 น.พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น. 1 เดินทางมาตรวจความเรียบร้อย ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯ 5 คน ก็ยังคงนั่งปะปนอยู่ในกลุ่มของผู้ชุมนุม เป็นโล่มนุษย์เพื่อป้องกันถูกเจ้าหน้าที่บุกรวบตัว
 
 

ตร.คุมสถานการณ์เริ่มล้า ฟากพันธมิตรฯไม่เลิกลา
ไทยรัฐ[1 มิ.ย. 51 - 04:31]
 
(http://www.thairath.com/2551/newsthairathonline/Jun/library/01/04.30-m.jpg)

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และกลุ่มเยาวชนรักไทย ประมาณ 20 คน ได้นำดอกไม้มามอบให้กับตำรวจ พร้อมแสดงความขอบคุณที่ไม่มีการใช้กำลังสลายการชุมนุม

ขณะที่เวทีพันธมิตรฯ ตลอดทั้งคืน มีการผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัย สลับกับการแสดงดนตรี ในส่วนของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มาตลอดทั้งวัน และต่อเนื่องมาหลายวัน เริ่มนอนเอาแรง  หลายคนมีอาการอ่อนล้า

 

ก่อนหน้านี้  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศชุมนุมยืดเยื้อและไม่ยอมสลายว่า ไม่ห่วงสถานการณ์การชุมนุม และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลและควบคุมสถานการณ์ ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะใช้กำลังทหารเพื่อสลายการชุมนุมนั้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลสถานการณ์ได้ และขณะนี้ทหารยังไม่ได้มีการเตรียมกำลังใดๆ เพื่อจะออกมาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น
 
 


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 12:15
เสพข่าวสื่อมาตรฐาน อย่าใช้อารมณ์ แต่ต้องใช้สมอง

อย่าเอาประโยค 2 ประโยค มาตัดสิน

หรือว่าชอบสื่อ "ยานเกราะ/ดาวสยาม 2551" แบบ "ผู้จัดการ"

ชอบแบบไหนก็เสพเข้าไปเถอะ..แล้วดูว่า

อะไรคือ"สื่อ" ในความหมายของ "หนังสือพิมพ์"

อะไรคือ "เครื่องมือปลุกระดม"

สื่อระ-ยำ ในความหมายทางวิขาการน่าจะหมายถึงสื่อปลุกระดม มากกว่ามั๊ง


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 01-06-2008, 13:14
ไทยรัฐ เอาไว้หาเลขเด็ดตอนกลางกับปลายเดือน

หรือสำเร็จความใคร่ทางสายตา สำหรับฉบับวันอาทิตย์

ที่เหลือแค่ขยะ

//ถ้ามีโอกาสเปิดอ่านเมื่อไหร่ จะอ่านเฉพาะการ์ตูนของคุณ ชัยราชวัตร


 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 15:36
ไทยรัฐ เอาไว้หาเลขเด็ดตอนกลางกับปลายเดือน

หรือสำเร็จความใคร่ทางสายตา สำหรับฉบับวันอาทิตย์

ที่เหลือแค่ขยะ

//ถ้ามีโอกาสเปิดอ่านเมื่อไหร่ จะอ่านเฉพาะการ์ตูนของคุณ ชัยราชวัตร


 :slime_bigsmile:

แหมชอบดูการ์ตูนก็ไม่บอก

ท่าจะชอบ "ซ้อเจ็ด" อ่านเสร็จก็เช็ดน้ำกาม ไปเลยใช่มั๊ย

ถ้าอ่านหนังสือวันละ 5 บรรทัด ก็เห็นใจเหมือนกัน

 :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: เอกราช ที่ 01-06-2008, 16:04
สื่อระ-ยำ=สื่อหัวเหม็นเขียว
แม่น......บ่

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 16:14
ท่าทางจะมัวแต่นั่นอ่านซ้อเจ็ด สำเร็จความไคร่ จนไม่ยอมเดินไปแผงหนังสือ

ว่างๆ ออกไปซื้อฉบับวันพรุ่งนี้นะ...เติมศักดิ์ จารุปราณ เอามาอ่านให้ดูแล้ว

ว่า"สกู๊ฟหน้าหนึ่ง" เค้าเล่นเรื่องอะไร

สาวกสนธิ ก็ดีแต่เก็บเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ มาเล่น

ไปว่าเค้าลงรูปไม่สมควร สนธิ กลับโดนข้อหาหมิ่นเบื้องสูงซะเอง ใครกันแน่ สื่อชั่ว สื่อระ-ยำ

ท่าทางคนเสพติด สื่อชั่วดาวสยามยุคใหม่ เยอะเหมือนกันแฮะ

ชักจะเชื่อแล้วว่า หญ้าฟางมันมีกันทุกฝ่าย

อ้า..เชิญเสพ เชิญหาความสำราญทางเพศกันให้สบายครับ ขอบคุณซ้อเจ็ดมาก ๆ...

อ้อ...ถ้าให้ดีก็ช่วยๆ กันซื้อผู้จัดการกันหน่อย อย่าให้ยอดขายต่ำติดดิน

ขายไม่กี่หมื่นฉบับ แล้วเอาไปเปรียบเทียบกับสื่อกระดาษที่ขายดีที่สุดในประเทศ

เห็นแล้วมันสังเวช มดแดงแมลงหวี่ มุดเข้าตูดช้าง แล้วบอกว่า..เสร็จกูละมึง...

 :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: เอกราช ที่ 01-06-2008, 16:24
ฮะ ฮะ ฮ่า  :slime_bigsmile:
นอกจากจะหัวเหม็นเขียว
ตอนนี้เริ่มเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 16:34
ฮะ ฮะ ฮ่า  :slime_bigsmile:
นอกจากจะหัวเหม็นเขียว
ตอนนี้เริ่มเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี :slime_bigsmile:


ผมยังไม่เห็นเค้าเปลี่ยนสีตรงไหน

ไอ้คนที่ด่าพันธมิตรก็ยังด่าเหมือนเดิม คนที่ด่ารัฐบาลก็ยังด่าเหมือนเดิม

ที่สำคัญ เต้ารายงานตามที่เค้าเห็น ไม่ใช่รายงานแบบที่ผู้จัดการอยากให้เห็น

คำว่าสื่อชั่ว สื่อระ-ยำ น่าจะเป็น ผู้จัดการ / ASTV มากกว่านะ

ทำไมนักวิชาการเค้าถึงบอก ผู้จัดการเป็นดาวสยามยุคใหม่

ทำไมนักวิชาการเค้าถึงบอกว่า ASTV เป็นยานเกราะกลับชาติมาเกิด

ไม่ลองพิจารณาดูบ้างเหรอ เผื่อจะหูตาสว่างขึ้นมาบ้าง

หัดรับฟังความเห็นที่แตกต่าง อย่าไปเที่ยวชี้นิ้วด่าคนอื่น ในขณะที่ตนเองไม่มีความรู้

เพราะมันจะแสดงถึงความขี้เท่อที่คนเค้าดูถูก

เวลาเราด่ารัฐบาล เราด่าที่มันไม่มีคุณธรรมจริยธรรม

เวลาที่เราด่าสื่อ เราด่าที่มันไม่มีจรรยาบรรณ

ที่สำคัญ ผู้จัดการ/ASTV หลุดจากความเป็น "สื่อที่ดี" ในความหมายทางวิชาการหมดสิ้นแล้ว

ก็คงเหลือแต่ความเป็น "สื่อชั่ว สื่อระ-ยำ" เพราะหมดสิ้นเรื่องจริยธรรม / จรรยาบรรณ มันขาดไปหมดต่อไม่ติด

คงเหลือแต่ความเป็น "สื่อปลุกปั่นทางการเมือง"

หรืออาจบอกว่า ผู้จัดการ/ASTV เป็น "สื่อเทียม" คุณค่าก็เสมอเพียง "ประชาทรรศน์" / "พีทีวี"

เพียงแต่ยืนคนละขั้ว แค่นั้นเอง

กล่าวโดยสรุป "สื่อชั่ว/สื่อระ-ยำ" ก็คือสื่อที่ถูกใช้ไปในการปลุกปั่นทางการเมืองนั่นเอง

การที่จะชี้ว่าสื่อใดเป็น "สื่อระ-ยำ" เค้าใช้หลักนี้แหละครับ

ไอ้พวกสื่อเทียม


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 20:07
หายไปไหนกันหมดครับ มาช่วยต่อกระทู้หน่อยสิ เผื่อจะตาสว่างกันบ้าง

อะไรคือ "สื่อ" อะไรคือ "เครื่องมือทางการเมือง"

จะได้รู้กันจริงๆ ซะทีว่า "สื่อระ-ยำ" ตัวจริงอยู่ที่ไหน

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

จะเล่นประเด็นไหน มาต่อหน่อยสิ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 01-06-2008, 20:42
ลุงแคน มีความเห็นอย่างไร 
ที่ ASTV เรียกตัวเอง ว่าสื่อเลือกข้าง
ผมว่าเสื่อสารมวลชนมันไม่สามารถเลือกข้างได้นา
ลุงแคนว่ายังไง
 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: KILL...ER ที่ 01-06-2008, 20:55
ไอ้ลอง ทำหน้าเหมือนตูดเลย... ผิดหวังอย่างแรง  อุตส่าห์เอาจิ๋มม็อบมาล้อมไว้ ทนเหม็นอยู่ตั้งนาน ไม่ยอมสลายซะที ทุเรศฉิบหาย


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 21:01
"สื่อเลือกข้าง"

ผมเห็น เครือมติชน เครือเนชั่น ไทยโพสต์ แนวหน้า ยืนฝั่งเอียงมาทางพันธมิตร

ส่วนฝั่งรักเหลี่ยม น่าจะเป็นเครือบางกอกโพสท์ ( ตามนายทุนหนังสือพิมพ์ )

"สยามรัฐ" ผมยังมองไม่ออก แต่ตัวคุณชัชเอง ช่วงนี้ดูจะเอียงฝั่งพันธมิตร แต่ คอลัมนิสต์ ยังยืนฝั่งไทยรักไทย ( จืด ข้าวบูด มดคันไฟ ฯลฯ )

ไทยรัฐ กับ เดลินิวส์ ยังไม่ชัดเจน พยายามเสนอข่าวสองด้าน ถ่วงๆ กันไว้ คอลัมนิสต์ปล่อยให้เล่นกันตามสะดวก ไม่เฮไปทางใดทางหนึง

ส่วน ผู้จัดการ กับ ASTV ไม่ใช่สื่อเลือกข้างครับ เป็น "เครื่องมือสื่อสารของกลุ่มการเมือง" อาจจะเรียกว่า "สื่อภาคประชาชน" ก็ได้ครับ

คล้ายๆ วิทยุชมชน นั่นแหละครับ

คำว่าสื่อชัว สื่อระ-ยำ อาจจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ดีก็ได้นะครับ

ต้องแยกแยะหน้าที่ "สื่อ" กับ "เครื่องมือทางการเมือง" ให้แยกออจากกันให้ได้

ขึ้นกับว่าเราใช้ทฤษฎีไหน เข้าไปจับ

คือ "การเมืองภาคประชาชน" มันมีคำจำกัดความอยู่ ว่า เป็นการต่อสู้ของประชาชนเพื่อหวังกดดันรัฐบาล

หรือแย่งชิงอำนาจรัฐบาล ขับไล่รัฐบาล

อาจใช้ทั้งวิธีที่ถูกกฎหมาย ( ยื่นถอดถอน ฟ้องร้อง นัดชุมนุมยื่นข้อเรียกร้อง หรือาจเรียกว่า "ประชาธิปไตยทางตรง" ฯลฯ )

อาจใช้วิธีผิดกฎหมาย ( นัดชุมนุมในที่สาธารณะกีดขวางการจราจร หรืออาจเลยไปใกลถึงก่อจราจล พังเขื่อนทุบอาคารสถานที่ราชการ ) เพื่อให้ได้ตามความมุ่งหมายของตน ( เช่นกรณี 14 ตุลา / พฤษภาทมิฬ )

ผมจำขี้ปากฝรั่งมานะครับ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 01-06-2008, 21:03
เสพข่าวสื่อมาตรฐาน อย่าใช้อารมณ์ แต่ต้องใช้สมอง

อย่าเอาประโยค 2 ประโยค มาตัดสิน

หรือว่าชอบสื่อ "ยานเกราะ/ดาวสยาม 2551" แบบ "ผู้จัดการ"

ชอบแบบไหนก็เสพเข้าไปเถอะ..แล้วดูว่า

อะไรคือ"สื่อ" ในความหมายของ "หนังสือพิมพ์"

อะไรคือ "เครื่องมือปลุกระดม"

สื่อระ-ยำ ในความหมายทางวิขาการน่าจะหมายถึงสื่อปลุกระดม มากกว่ามั๊ง
เห็นด้วยกับลุงแคน...  :slime_sentimental: :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 21:13
เห็นด้วยกับลุงแคน...  :slime_sentimental: :slime_sentimental:

แหะ แหะ แต่ผมก็ชอบดู ASTV ตอนมีชุมนุมนะครับ เพราะไม่มีช่องไหนถ่ายทอดสด

เข้าไปดูผู้จัดการ เวลาที่เค้าลง "แถลงการณ์" เพราะเร็วกว่าที่อื่น ฮ่า ฮ่า

คือเข้าไปดูแบบเป็นพวกพันธมิตร ก็สะใจดีครับ แต่ถ้าให้วิเคราะห์แบบวิชาการ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ

เค้าเป็นได้แค่ "สื่อที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง" ซึ่งคงไม่ใช่ "สื่อ" ในความหมายของ "Press" หรือ "หนังสือพิมพ์" ตามที่ผมเรียนมา


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 01-06-2008, 21:17
"ไทยรัฐ กับ เดลินิวส์ ยังไม่ชัดเจน พยายามเสนอข่าวสองด้าน ถ่วงๆ กันไว้ คอลัมนิสต์ปล่อยให้เล่นกันตามสะดวก ไม่เฮไปทางใดทางหนึง"

เห็นด้วยกับลุงแคนครับ
ผมว่าในส่วนของข่าวเขาเป็นกลางดี แค่รายงานไปตามที่เกิด ไม่ใส่อารมณ์ร่วม หรือเสียดสี
ชอบอ่าน คอลัมนิสต์ของเขาแต่ละคน ที่มีทั้งเชียร์ ทั้งด่า แล้วค่อยคิดตาม

ไม่ชอบอ่าน พวกเอนเอียง ทั้งฉบับ เพราะในหัวเรา ไม่อยากมาพิจารณา ว่าเมื่อมาเทียบกับอคติแล้ว
 เป็นความจริงหรือว่าใส่ร้าย หรือว่าพูดไม่หมด :slime_smile:

ส่วนสื่อเลือกข้างก็คงตามนั้นครับ ชัดเจนดี


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 01-06-2008, 21:21
แหะ แหะ แต่ผมก็ชอบดู ASTV ตอนมีชุมนุมนะครับ เพราะไม่มีช่องไหนถ่ายทอดสด

เข้าไปดูผู้จัดการ เวลาที่เค้าลง "แถลงการณ์" เพราะเร็วกว่าที่อื่น ฮ่า ฮ่า

คือเข้าไปดูแบบเป็นพวกพันธมิตร ก็สะใจดีครับ แต่ถ้าให้วิเคราะห์แบบวิชาการ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ

เค้าเป็นได้แค่ "สื่อที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง" ซึ่งคงไม่ใช่ "สื่อ" ในความหมายของ "Press" หรือ "หนังสือพิมพ์" ตามที่ผมเรียนมา
อ้าว..แล้วผมว่าอะไรลุง..
ว่าง ๆ ก็ลองแวะไปคุยกับ "คำพอง" นักร้องนำวง "สะเลเต" ที่เทศบาลวารินฯ บ้างนะลุง..เห็นกำลังร่ำ ๆ จะฟื้นฟูความเป็น "สังคมนิยมแบบไทย ๆ ภายใต้พระบรมโพธิสมภารองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ"  :slime_sentimental: :slime_sentimental: :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 21:32
อ้าว..แล้วผมว่าอะไรลุง..
ว่าง ๆ ก็ลองแวะไปคุยกับ "คำพอง" นักร้องนำวง "สะเลเต" ที่เทศบาลวารินฯ บ้างนะลุง..เห็นกำลังร่ำ ๆ จะฟื้นฟูความเป็น "สังคมนิยมแบบไทย ๆ ภายใต้พระบรมโพธิสมภารองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ"  :slime_sentimental: :slime_sentimental: :slime_sentimental:

อ้าวเหรอ...พอดีว่า ผมชอบคุยกับรุ่น สลา คุณวุฒิ / สุรสีห์ ผาธรรม ไปโน่นเลยครับ

ตอนผมกลับมาบ้าน นายกเทศมนตรี ( คนที่ตอนหลังมาเป็นรองประธานสภาผู้แทน ให้คุณแม่มาถามแม่ผมว่า ผมกลับบ้านจะมาทำอะไร ฮ่า ฮ่า เค้าคงกลัวผมไปเล่นการเมือง )

นั่นก็ 20 ปีที่แล้ว...ป่านนี้ผมก็ยังเป็น ชาวนาแก่ๆ อยู่เหมือนเดิม

ฝั่งเพื่อชีวิต ไม่ค่อยได้สัมผัสกันเลย ปกติออกออกจาถ้ำที่วาริน ก็ออกไปนาที่สว่างวีรวงศ์ โน่นเลยครับ

คนวารินรุ่นใหม่ เค้าไม่รู้จักผมหรอก


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 01-06-2008, 21:48
แหมชอบดูการ์ตูนก็ไม่บอก

ท่าจะชอบ "ซ้อเจ็ด" อ่านเสร็จก็เช็ดน้ำกาม ไปเลยใช่มั๊ย

ถ้าอ่านหนังสือวันละ 5 บรรทัด ก็เห็นใจเหมือนกัน

 :slime_inlove: :slime_inlove:


ผมเข้าใจถูกใช่มั้ยครับ

ว่าลุงแคนมีทัศนคติเชิงบวกกับไทยรัฐ และลบกับผู้จัดการ?

ผมไม่ใช่สาวกสนธิ ออกจะเกลียดด้วยซ้ำ ช่วงที่ยังเลียทักษิณ

แต่มุมมองของผมที่มีกับไทยรัฐ

มันลบจนไม่อาจฉุดอยู่แล้วล่ะครับ (ที่ผมกล่าวถึงใน rep ก่อนหน้า)

เพราะผมเกลียดพวก "หลิวลู่ลม"

ไม่ทราบหรอกว่า ลุงแคนบวกกับไทยรัฐเพราะสนิทกับคนในนั้น

หรือเคยทำงานเกี่ยวข้องกับที่นั่น

แต่สำหรับผม ไทยรัฐ ลบสิบเต็มครับ

ไม่ได้เกี่ยวเลยกับเรื่องอะไรที่ผู้จัดการเสี้ยมมา

อย่างเรื่องรูปในหลวง

ส่วนผู้จัดการมีค่าเป็นศูนย์

เอาไว้สำหรับหาข้อมูลทักษิณเท่านั้น

ว่ามันจะตายเมื่อไหร่


ด้วยความเคารพ..


//ปล. ซ้อเจ็ดผมไม่เคยอ่านครับ

แต่เกลียดไทยรัฐที่เอารูปวาบหวิวดารามาขายทุกวันอาทิตย์มาก

//ปล.2 คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าวันนึงผมอ่านหนังสือเกิน 5 บรรทัดแน่นอน

ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน นั่นอีกเรื่องนึง


//แก้ไข แก้คำผิด


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ผู้ทำลาย ที่ 01-06-2008, 21:51
วันนี้เห็นใน kapook จั่วหัวว่า

"พันธมิตรยังคงใช้โล่มนุษย์ ... "

แต่ไส้ในมันเป็นข่าวของ ไทยรัฐ


สื่อยำยำของแท้ ต้องมีโลโก้ไทยรัฐติดมาด้วย


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 22:00
เกลียดได้ครับ มันเป็นอารมณ์ของปุถุชน แต่คุณก็ชอบไม่ใช่เหรอรูปโป๊น่ะ

ถ้ามันแย่ ตำรวจคงเล่นเรื่องอนาจารไปแล้ว มันมีกฎหมายคุ้มครองอยู่

ผมอธิบายเรื่อง "สื่อ" ( Press ) ในความหมายเชิงวิชาการให้ฟังครบถ้วนแล้วครับ

ลองอ่านดี ๆ

ผู้จัดการไม่ใช่สื่อ ( Press ) ครับ แต่เป็นเครื่องมือทางการเมือง

คือการใช้สื่อ ( Media ) ทางการเมืองมันมีหลายรูปแบบ ทั้งใบปลิว โปสเตอร์ คัทเอาท์ จดหมายเวียน เว็บไซต์ คลิปวิดีโอ ทีวี สิ่งพิมพ์

พวกนี้ในตัวมันเอง เรื่องว่า "สื่อ" ( Media หรือ ช่องทางสื่อสาร ) ครับ อาจใช้เพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ได้ทั้งนั้น

ถือเป็นเครื่องมือในการรณรงค์

แต่ไม่ใช่ "สื่อ" ( Mass Media ) ในความหมายของคำว่า "หนังสือพิมพ์" ( Press ) ในทางวิชาการ

พูดง่ายๆ ในทฤษฎีสื่อสารเบื้องต้นเค้าเขียนให้ดูง่ายๆ ว่า

"ผู้ส่งสาร....สื่อ....ผู้รับสาร"

ไม่งั้นครูบาอาจารย์ เค้าจะออกมาต่อว่า ผู้จัดการเป็น ดาวสยามยุคใหม่ทำไมละครับ

ไม่งั้นครูบาอาจารย์ เค้าจะออกมาต่อว่า ASTV เป็น ยานเกราะ ยุค ดิจิต้อลทำไมละครับ

คือเวลาจะตัดสิน "สื่อ" ( Press ) ต้องใช้ "ทฤษฎีสื่อสารมวลชน" เข้าไปจับ

อย่าใช้อารมณ์เข้าไปตัดสิน

หากจะบอกว่า ผู้จัดการหรือ ASTV มีค่าเพียง "Media" ไม่ใช่ "Press"

ไม่ใช่ผมตัดสิน แต่ครูบาอาจารย์ด้านนิเทศศาตร์เค้าตัดสินในทางวิชาการ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 22:07
วันนี้เห็นใน kapook จั่วหัวว่า

"พันธมิตรยังคงใช้โล่มนุษย์ ... "

แต่ไส้ในมันเป็นข่าวของ ไทยรัฐ


สื่อยำยำของแท้ ต้องมีโลโก้ไทยรัฐติดมาด้วย


มองอย่างคนนอก ก็ต้องบอกว่าใช้โล่มนุษย์จริง ๆ

คำว่า "ยังคงใช้" ก็หมายถึง จำลองเคยใช้ สมัยพฤษภาทมิฬ ไงล่ะ

ไม่เชื่อถาม สหาย Killer สิ

เค้ามองได้ครับ ในเมื่อไปนั่งรอให้จับกลางม้อบแบบนั้น

หากไม่อยากให้เค้าเหยีบย่ำประชาชนเข้าไป ก็เดินออกมาให้เค้าใส่กุญแจมือซีครับ

วันนี้ ไทยโพสต์ พาดหัวตัวเบ้อร่อว่า สมัครจุดไฟ อะไรซักอย่าง...มันก็เป็น "การตีความ"


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 01-06-2008, 22:31
เกลียดได้ครับ มันเป็นอารมณ์ของปุถุชน แต่คุณก็ชอบไม่ใช่เหรอรูปโป๊น่ะ

ถ้ามันแย่ ตำรวจคงเล่นเรื่องอนาจารไปแล้ว มันมีกฎหมายคุ้มครองอยู่

ผมอธิบายเรื่อง "สื่อ" ในความหมายเชิงวิชาการให้ฟังครบถ้วนแล้วครับ

ลองอ่านดี ๆ

ผู้จัดการไม่ใช่สื่อครับ เป็นเครื่องมือทางการเมือง

คือการใช้สื่อทางการเมืองมันมีหลายรูปแบบ ทั้งใบปลิว โปสเตอร์ คัทเอาท์ จดหมายเวียน เว็บไซต์ คลิปวิดีโอ ทีวี สิ่งพิมพ์

พวกนี้ในตัวมันเอง เรื่องว่า "สื่อ" ( Media ) ครับ อาจใช้เพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ได้ทั้งนั้น

ถือเป็นเครื่องมือในการรณรงค์

แต่ไม่ใช่ "สื่อ" ( Mass Media ) ในความหมายของคำว่า "หนังสือพิมพ์" ( Press ) ในทางวิชาการ

พูดง่ายๆ ในทฤษฎีสื่อสารเบื้องต้นเค้าเขียนให้ดูง่ายๆ ว่า

"ผู้ส่งสาร....สื่อ....ผู้รับสาร"

ไม่งั้นครูบาอาจารย์ เค้าจะออกมาต่อว่า ผู้จัดการเป็น ดาวสยามยุคใหม่ทำไมละครับ

ไม่งั้นครูบาอาจารย์ เค้าจะออกมาต่อว่า ASTV เป็น ยานเกราะ ยุค ดิจิต้อลทำไมละครับ

คือเวลาจะตัดสิน "สื่อ" ( Press ) ต้องใช้ "ทฤษฎีสื่อสารมวลชน" เข้าไปจับ

อย่าใช้อารมณ์เข้าไปตัดสิน

หากจะบอกว่า ผู้จัดการหรือ ASTV มีค่าเพียง "Media" ไม่ใช่ "Press"

ไม่ใช่ผมตัดสิน แต่ครูบาอาจารย์ด้านนิเทศศาตร์เค้าตัดสินในทางวิชาการ


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับ "สื่อ" ครับ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 01-06-2008, 22:39
กลุ่มเป้าหมายของไทยรัฐถือว่า Mass เป็นที่รับรู้กันกว้างขวาง เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับทุกกลุ่ม เพราะฉะนั้นเวลาที่เนื้อหาข่าวพูดถึงสมัคร อาจจะแรงไปบ้าง แต่ผมมองว่าไทยรัฐนำเนื้อหาจากข่าวมาเป็นโปรยย่อย ไม่ได้จงใจด่าเองสักเท่าไหร่ เช่นคำว่า 5 หัวโจก ก็มาจากคำพูดสมัคร


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 22:42
ไม่เป็นไรครับ แต่ผมอยากสรุปอีกประโยคหนึ่งเพื่อความเข้าใจ

"สื่อ ( Press) ที่เลว/ระ-ยำ...อาจเป็น "สื่อ ( Media) ที่ดีในการรณรงค์"  

( เพราะสนองความต้องการของผู้ส่งสารและผู้รับสารได้ตรงตามที่ต้องการ และผลออกมาเป็นเรื่องดี )

และ..."สื่อ ( Press) ที่เลว/ระ-ยำ...อาจเป็น "สื่อ ( Media) เลว/ยำยำในการรณรงค์"  

( เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงจนไม่อาจคาดคิดถึงผลที่จะตามมา เช่นกรณี ดาวสยาม/ยานเกราะ )

ผู้จัดการ/ASTV จะเลือกยืนจุดไหน ก็คอยดูเอาที่ผลละกันครับ

 :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 01-06-2008, 22:48
ตอนนี้ใครเกลียดทักษิณ เดินในไทยรัฐก็แกะดำแร้ววววครับ

ไม่งั้นคนเชลียทักษิณ รับตังค์ทักษิณ ไม่เป็นหัวหน้าข่าวหรอกครับ



หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ตลก ที่ 01-06-2008, 22:57
(http://i97.photobucket.com/albums/l201/kinkliu/c0epbq0c38va2fbc4j9p.gif)



หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 23:03
ตอนนี้ใครเกลียดทักษิณ เดินในไทยรัฐก็แกะดำแร้ววววครับ

ไม่งั้นคนเชลียทักษิณ รับตังค์ทักษิณ ไม่เป็นหัวหน้าข่าวหรอกครับ



ใช่แถวๆ หัวหน้าข่าวอาชญากรรม หรือเปล่าครับ

 :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 01-06-2008, 23:05
ใช่แถวๆ หัวหน้าข่าวอาชญากรรม หรือเปล่าครับ

 :slime_inlove: :slime_inlove:

คนด้านล่างเขาเดินแถบ หน้าบันเทิงครับ

ไม่รู้เขียนได้ไง ทีวีไม่เคยดู เอาแต่ตีกอล์ฟ 5555555555


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-06-2008, 23:28
คนด้านล่างเขาเดินแถบ หน้าบันเทิงครับ

ไม่รู้เขียนได้ไง ทีวีไม่เคยดู เอาแต่ตีกอล์ฟ 5555555555

โธ่ เค้านอนดูทีวีเวลาเข้าโรงแรม หรือในอาบอบนวด จ้า

เชยจัง...สมัยนี้เค้าดูคลิปย้อนหลังได้ แฮ่ม...


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: nobi ที่ 02-06-2008, 00:15
ผมไม่รู้จักคำว่าสื่อ(ที่แท้จริง) ซักเท่าไรครับ

แต่ผมเห็นว่าสื่อควรเสนอความจริงให้ประชาชนได้รับรู้ เช่น โอ๋สืบ6 สั่งกระทืบพันธมิตร

ผมเห็นในเอเอสทีวีนานแล้ว แต่กว่าช่องปกติจะลงกล้าเสนอข่าวก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว

หรือ พันธมิตรที่ไปตะโกนไล่ทักษิณ แล้วโดนเด็กช่าง กระทืบ (อันนี้ก็ยังไม่เห็นข่าวจากสื่อทั่วไป)

ถ้าสื่อช่วยกันขุดคุ้ยความจริง น่าจะเป็นผลดีกับประชาชนมากกว่าเป็นกลางครับ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ 02-06-2008, 00:30

อ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ หลังเที่ยง ขออนุญาติคล้อยตามกับท่าน CanCan เกือบทั้งหมด

ขอร่วมแสดงความคิด จากปัญญาอันน้อยนิด ดังนี้

สื่อ ระ-ยำ เราสามารถเรียกได้เกือบทุกฉบับ ทุกช่อง ทุกคลื่น  ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความชอบ เชิงทัศนคติและอารมณ์ ของตัวท่านเอง

แต่ทั้งนี้ขอเจาะจงที่สื่อในเครือผู้จัดการ เนื่องจากมีลักษณะพิเศษ กว่าสื่ออื่น

เพราะ ... เป็นสื่อที่เจ้าของหรือผู้ก่อตั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาร่วมแสดงบทบาท กระตุ้น ชี้นำ (หมายรวมการให้ข้อมูล หรือบางทีเรียกว่า แฉ) และบางครั้ง ถึงหลายๆครั้ง เรียกร้องในอารมณ์ร่วม ของผู้รับสื่อ ให้เชื่อและคล้อยตามอย่างที่ต้องพิจารณาความเหมาะสม

ไม่ค่อยเห็นเจ้าของสื่อที่ใดมีแนวทางเช่นที่ว่า

แทบจะทุกสื่อ มี "ความเอียง" "เลือกข้าง" "เลือกผลประโยชน์" ตามแต่จะพึงมีพึงได้ แต่ในการบริหารจัดการ ส่วนใหญ่มีแนวทางคล้ายกันๆ คือนโยบายส่งลงมา โดยมีบก.เป็นผู้กำหนดรับผิดชอบทิศทาง และจัดการบริหารแบ่งปัน เลือกประเด็นตามความเหมาะสม

แต่ผู้จัดการ คือ นายสนธิ และ นายสนธิ คือ ผู้จัดการ

เมื่อก่อนตอนเป็น เมืองไทยรายสัปดาห์ ยังดูจะเป็น "สื่อ" เต็มรูปแบบมากกว่า
แต่เมื่อการเดินทางไปสะดุดตอ ดูจะกลายเป็นชนวนแค้น กอปรกับ นายทักษิณ ก็เริ่มชั่ว เต็มรูปแบบ ... เรื่องราวจึงพัฒนาไป ให้เราได้ และ เสีย  ไม่มากไม่น้อย เฉลี่ยๆ กันไป จนถึงวันนี้

ขอยืนยันความคิดที่เขียนไว้ข้างต้น
"สื่อ ระ-ยำ เราสามารถเรียกได้เกือบทุกฉบับ ทุกช่อง ทุกคลื่น  ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความชอบ เชิงทัศนคติและอารมณ์ ของตัวท่านเอง"

 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 00:47
ให้ผมบอกความจริง หรือจะให้ผมโกหกดีล่ะ

พอดีว่ากรณี หน้าเวิลด์เทรด ผมไปประชุมกับอาจารย์สังศิต / ประสาร มฤคพิทักษ์ อ.ต่อตระกูล ที่จันทร์เกษม วันที่พวกแท็กซี่ไปบุกนั่นแหละ

ผมยังไปถ่ายรูปพวกนั้นกับอ.ต่อศักดิ์ ยมนาค....สมาชิกเสรีไทยในนี้ก็ไปด้วยคงเป็นพยานได้

กลุ่มที่ไปด่าศาล วันศาลตัดสิน 3 หนาแล้วโดนข้อหาหมิ่นศาลไง...พวกผมยังยืนตะโกนบอกเลย ไม่กลัวศาลเหรอ...

กลุ่มที่ไปบุกม.จันทร์เกษมกลุ่มนี้ ก็ไปปรากฎกายที่หน้าเวิลด์เทรดอีกเหมือนกัน

กรณีนี้ เข้าใจว่าเป็นการจัดฉาก ยั่วให้กระทำ สื่ออื่นๆ แทบจะไม่มีภาพ แต่ ASTV มีคนเดียว หลายมุมกล้องด้วย ( น่าสังเกตมั๊ย )

แต่พอเรื่องดังแล้ว สื่อหนังสือพิมพ์อื่นก็ค่อยติดตามทีหลัง ทีวีช่วงนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะทักษิณเป็นนายก

ส่วนกรณี คนไปตะโกนด่าทักษิณที่สยามพาราก้อน จะให้ผมบอกอีกมั๊ยว่า เด็กกลุ่มนี้ก็ไปร่วมประชุมกับอาจารย์สังศิต ที่จันทร์เกษม

ไปเล่าเรื่องตะโกนด่าและเปิดทีวีให้ดูเหตุการณ์ด้วย....มีการจัดตั้งกลุ่มมาก่อนที่ผมจะไปร่วมครับ

แล้วไปตามดูสิ เด็กที่ไปตะโกนด่าทักษิณ ออกไป...เค้าเป็น "ลูกใคร"

ภาค 2 นี้ ( สะพานมัฆวานตอนนี้ ) เค้าพาคุณพ่อมาขึ้นเวทีเมื่อ คืนหรือวันก่อนจำไม่ได้

คุณพ่อเค้าก็รุ่น 6 ตุลา พวก อ้วย มิ้งค์ เลี๊ยบ สุธรรมนั่นแหละ

ดังนั้น ก็ไม่แปลกอีกนั่นแหละ ที่ ASTV จะมี "ข่าว" เพียงช่องเดียว

งานนั้นฝ่ายทักษิณ และ ตำรวจ โดน ASTV "ล่อซื้อ" ครับ

เหมือนจิ๊กโก๋ นัดตีกัน ประมาณนั้น

เอ้อ...ครือว่า...ผมเคยเป็นเด็กเสิร์ฟน้ำในกองถ่ายละคร ถ่ายหนังมาก่อนอะครับ เลยพอจะรู้เรื่องมุมกล้องอยู่บ้าง


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Iona ที่ 02-06-2008, 00:48
สื่อที่ต่อต้านการโกงกินของนักการเมือง ถือว่าเลือกข้างไหม? (เค้าเลือกข้างไม่เอาคนโกงและเสนอข่าวโจมตีคนโกง)
สื่อที่ต่อต้านการก่อการร้าย ถือว่าเลือกข้างไหม? (เค้าเลือกข้างไม่เอาการก่อการร้ายและเสนอข่าวโจมตีคนก่อการร้าย)

ถ้าสื่อต้องเป็นกลางสำหรับทุกอย่าง ก็ควรเสนอทั้ง2ด้าน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือเลวในความคิดสื่ออย่างไร
ไม่ใช่การปกปิดสิ่งนั้นๆ

คนที่อ่านต่างคนต่าง พิจารณาข่าวนั้นๆเอง ตามทัศคติที่มี ซึ่งมันก็ไม่ได้จะบอกว่า เชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งตลอดไป
ขอเพียงเปิดเผยทุกๆข่าว ไม่ใช่ปกปิด คนอ่านเลือกได้เอง สิ่งไหนผิดกฏหมายก็ว่าไปตามผิดนั้น
(ก็เหมือนเวปบอร์ด ที่เมื่อ Troll มาเยอะๆ คนเค้าก็ไม่อ่านไม่ให้คุณค่าและราคากับ Troll นั้นๆ ถึงมันจะหน้าลำคาญ แต่ก็ดีกว่าที่เราจะบอกว่า มันไม่มีและไม่เคยมี)



หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 01:02
ย้ำ...ผู้จัดการ ไม่ใช่ สื่อ ในความหมายของ Press

เป็นได้แค่เครื่องมือในการรณรงค์ทางการเมือง


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ 02-06-2008, 01:27
ย้ำ...ผู้จัดการ ไม่ใช่ สื่อ ในความหมายของ Press

เป็นได้แค่เครื่องมือในการรณรงค์ทางการเมือง
ถ้าระบุชี้ชัดขนาดนี้ ขออนุญาต เห็นต่างนะครับ

ถ้าจะเรียกว่า "เครื่องมือในการรณรงค์ทางการเมือง"
ส่วนตัว เชื่อว่า การเมือง เป็นเรื่องการไกล่เกลี่ยแบ่งผลประโยชน์ .. ถ้าว่ากันตามตามน้ำหนัก ทุกสื่อมี บก. หรือผู้เชี่ยวชาญพิเศษ รองรับการ"ตกลง" รณรงค์ทางการเมือง ให้ทุกฝ่ายอยู่แล้ว
ถ้าจะเรียกว่า "เครื่องมือในการรณรงค์ทางการเมือง"  อีกฉบับที่ เซ็นทรัล หนุนอยู่ น่าจะเบียดแต้มตามมาติดๆ

สำหรับ คนชอบอ่านมากกว่าเขียนแบบผม จะดูที่แนวคิดและการวางตัวของบุคลากร ในแต่ละสื่อ และเลือกรับได้ทั้งหมด (ถ้าให้ข้อมูลและทัศนะที่มีประโยชน์)

สื่อ (ผู้ทำงานผลิต) เป็นปุถุชนคนธรรมดาเหมือนกับเราๆ ครับ ไม่ถูกไม่ผิด ไปตลอดแน่นอน  เชื่อว่า .

 :slime_v: :slime_worship:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 01:42
นิยามของ "สื่อ" คือ "ผู้สังเกตการณ์" หรือ "ผู้รายงานข่าวสาร"

หากสื่อทำตัวเป็น "ข่าว" เสียเอง แล้วจะเหลือความเป็น "สื่อ" หรือ "ผู้สังเกตการณ์" อยู่ตรงไหน

ความเป็นสื่อ คือ "ยาม" หรือเป็น "หมาเฝ้าบ้าน"

สื่อมีหน้าที่เห่า หอน แต่ไม่ใช่ทำตัวเป็นหมาไปไล่กัดช่าวบ้าน

ว่าโดยรูปศัพท์ "สื่อ" หมายถึง "ตัวกลาง" ...ในหลักวิชาเรียกว่า "Mean" คือตัวกลาง

Media ก็คือตัวกลาง

เมื่อคนที่เรียกตนเองว่าเป็น "ตัวกลาง" แต่ลงไปลุยในสนาม ไปเทคแอ็คชั่น ให้คนอื่นรายงานข่าว

สื่อนั้นก็หมดความชอบธรรมที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อ ในความหมายของ Press

เพราะมันกลายเป็น สิ่งพิมพ์ ซึ่งมีค่าเพียง โปสเตอร์ หนังสือเวียน ใบปลิว

ไม่ใช่ "หนังสือพิมพ์" อย่างแน่นอนครับ

ดังนั้นจึงต้องกลับไปพิจารณา "หน้าที่สื่อ" กันให้ชัดเจน

หน้าที่ของสื่อ กับหน้าที่ของนักเคลื่อนไหวในทางการเมือง มันคนละพวกนะครับ

วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม 2551
หมาเฝ้าบ้านมีสิทธิ์แค่เห่า หรือมีสิทธิ์กัดโจรด้วย  
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 166 , 07:50:10 น.   


กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "บทบาทสื่อมวลชน" ทั้งในภาพรวมและภาพแยก

การทำหน้าที่ทั้งในฐานะการนำเสนอข่าว หรือ ความคิดเห็น ( ผ่านคอลัมน์ )

จากประเด็นยืนไม่ยืนในโรงหนัง กลายเป็นจุดเปราะบางที่ต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมที่จะกระทำการนั้น ๆ จนเกินเลยความเป็นสื่อ

บ้างก็ว่า ถ้าเห็นโจรวิ่งผ่าน ประชาชนมีสิทธิ์ทำร้ายโจรคนนั้น ?

สื่อมีหน้าที่ชี้นำขนาดนั้นหรือไม่

สื่อมีหน้าที่เตือนภัยสังคมหรือมีหน้าที่ออกไปกระทำการเคลื่อนไหวนอกเหนือจาก"ผู้รายงานข่าว" หรือไม่

การเตือนภัยนั้น มีสิทธิ์ปลุกระดมหรือชี้นำให้กระทำการรุนแรงหรือไม่

จึงอยากฝากผระเด็นประเด็น "หมาเฝ้าบ้าน มีสิทธิ์แค่เห่า หรือมีสิทธิ์กัดด้วย"

อยากฝากท่านนักวิชาการ สื่อมวลชนผู้ทำหน้าที่ในปัจจุบัน ช่วยคิดต่อหน่อยครับ

หาก "หมาเฝ้าบ้าน"  ทำแค่หน้าที่ "เตือนภัย" ก็ต้องแค่เห่า

เป็นเครื่องเตือนภัย ระบบเตือนภัยทั่วๆไป

เมื่อเตือนภัยแล้ว ก็น่าจะหมด"หน้าที่" เพียงเท่านั้น

เมื่อเกิดเหตุกองไฟเล็กๆ ในสังคม สื่อไปพบเข้า สื่อควรจะร้องบอกสังคมให้ใช้น้ำเข้าดับไฟ หรือ บอกให้เติมน้ำมันราดเข้ากองไฟ

ผมเคยเสนอมุมมองวิพากษ์ "คนทำสื่อ" ที่เป็นผู้นำในกิจกรรมการเมืองมาแล้วว่า

หากคุณก้าวออกมาทำกิจกรรมเพื่อผลทางการเมือง คุณไม่ใช่ "สื่อ"

เพราะนั่นคุณทำงานการเมืองภาคประชาชนแล้วครับ อย่าประกาศตนว่าเป็น "สื่อ"

คนที่วิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องจัดกลุ่มเคลื่อนไหวนอกสื่อ ในฐานะ "กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง"

อย่าไปเหมารวมว่าเขาเป็น "สื่อ" ในความหมายทางวิชาการ

เพราะความหมายง่าย ๆ "สื่อ" ก็คือ "ตัวกลาง"

หากสื่อจะมีพลังก็คงเปรียบเสมือนการส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งไปจุดแค่ "หลอดไฟฟ้า" ซึ่งทำหน้าที่ให้แสงสว่าง

ตัวสื่อเอง ไม่ควรทำตัวเป็น "เตาเผาขยะ" เพราะไม่ใช่หน้าที่ หน้าที่ที่ควรทำคือให้แสงสว่างเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นหากพลังงานไฟฟ้าตกไปใส่ชาวบ้าน ทำอันตรายต่อชาวบ้าน "สื่อต้องรับผิดชอบด้วย"

หากเปรียบเทียบสื่อเป็น "หมาเฝ้าบ้าน" ก็ต้องเป็นหมาที่ถูกฝึกมาให้เห่า เห่าอย่างเดียวอย่าเที่ยวไปกัด

แต่ถ้า "หมาเฝ้าบ้าน" บางพันธุ์ ถูกฝึกมาให้ "กัดโจร" ด้วยตรงนี้น่าเป็นห่วง

เจ้าของหมาบางทีก็ปล่อย "หมา" ออกมานอกบ้านเที่ยวระรานคนเดินผ่านหน้าบ้าน ตรงนี้ก็ยุ่งหนักเพราะอาจไปกัดลูกชาวบ้านได้ง่าย ๆ

ตรงนี้ยุ่งแล้วครับ เพราะ"หมาเฝ้าบ้าน" ไม่ได้มีหน้าที่ "จับโจร" หรือ "กัดโจร"

ถ้าตัวสื่อหรือคนทำสื่อ ต้องทำหน้าที่ "หมาเฝ้าบ้าน" จง "เห่า" อย่างเดียว อย่าเที่ยวไปไป "กัดชาวบ้าน"

จะเห่าเสียงกระโชกโฮกฮาก เห่าเสียงเบา เห่าดังเห่าค่อย หรือแม้แต่หอน ก็หอนไป เห่าไป

เห่าแข่งไอ้ตัวที่จมูกเหมือนหมู ที่อยู่ในทำเนียบก็เห่าไปเถอะครับ หยาบ/ละเอียดไม่ต้องสนใจหรอก

เพราะเวลานี้ อะไรหยาบคาย อะไรคือมธุรสวาจา ปิยะวาจา เค้าเลิกสอนกันแล้ว

แต่ไม่ได้มีหน้าที่จับโจร ถ้าไปยืนเห่าหน้าทำเนียบ แบบนั้นเกินเลยความเป็น "สื่อ" อย่างแน่นอน

สื่อที่ดีคงไม่พาพรรคพวกไปยืนฉี่หน้าทำเนียบ...

แบ่งหน้าที่กันอย่างนี้แล้ว....สังคมก็จะเป็นสุข สังคมได้ประโยชน์จาก"สื่อ/หมาเฝ้าบ้าน" อย่างเต็มที่

เสียงเบาๆ จากชาวนาแก่ๆ คงฝากไว้ได้แค่นี้แหละครับ

แคน ไทเมือง
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/12/entry-1



หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 02:02
วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม 2551
บทบาท/ เสรีภาพและความรับผิดชอบของสื่อในระบอบประชาธิปไตย  
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 94 , 10:03:39 น.   


หวิดๆ จะเป็น "วิวาทะ สื่อกับอาจารย์" ในสายตาของชุมชนคนรักแม้ว
เมื่อ "กาแฟดำ" หยิบข้อเรียกร้องของ อาจารย์ย่าขึ้นมากล่าวถึง

เว็บประชาไท นำข้อเขียน" กาแฟดำ" ไปเปิดเป็นกระทู้ ลองตามอ่านดูนะครับ
http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=685678

และ"ขบวนการเสรีไทยบนเว็บบอร์ด" ก็ได้นำกระทู้ของ"ประชาไท" ไปขยายผลอีกที่หนึ่ง
http://forum.serithai.net/index.php?topic=25978.0

ผมได้เสริมความเห็นตามกระทู้ว่า

กาแฟดำกับอาจารย์ย่า ไม่น่าจะถือว่ามีความขัดแย้ง น่าจะเป็นการเสริมข้อคิดมากกว่า

นักวิชาการก็เลือกยืนข้างใดข้างหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนมีให้เห็นกันอยู่

สื่อเลือกข้าง ก็เป็นปรากฎการณ์ปกติ ทั้งสื่อจริง สื่อเทียม

แต่ต้องดูกันว่า สื่อ ทำหน้าที่สื่อหรือนักกิจกรรมทางการเมือง

ถ้าใช้แค่สื่อของตนเอง อยู่ในที่ตั้ง นำเสนอแนวคิดหรือชี้แนะทางออกของสังคม

กระตุ้นให้ผู้คนในสังคมทำในสิ่งที่ชอบที่ควร หรือแม้แต่กระตุ้นให้ผู้รับผิดชอบในบ้านเมือง ทำการหรือไม่กระทำการ

นั่นคือหน้าที่สื่อ

แต่หากกระตุ้นให้ผู้คนกระทำผิดกฎหมาย หรือใช้แนวทางต่อสู้ที่จะนำไปสู่ความแตกแยกรุนแรง

สื่อต้องระงับเหตุนั้น เพราะสื่อก็มีหน้าที่เป็น "สายใยของสังคม"

การที่สื่อใดสื่อหนึ่ง เปิดพื้นที่ให้ความเห็นที่แตกต่าง หรือ นักเขียนที่คิดแตกต่างกัน แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

นั่นหมายความว่า ตัวสื่อเอง ก็เป็นประชาธิปไตยในตัวเอง ผู้อ่านผู้รับสารสามารถเลือกรับรู้ เลือกเชื่อ ตามแต่จะเชื่อข้อมูลฝ่ายไหน

นั่นหมายความว่า "สื่อ" จะต้องเปิดพื้นที่ให้ความคิดเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้

เมื่อสังคมรู้จักว่า การโต้แย้งด้วยเหตุด้วยผล ด้วยข้อมูล ย่อมมิใช่ความแตกแยก

เมื่อสื่อเปิดพื้นที่ให้มีความหลากหลาย ยอมรับความแตกต่างทางความคิด นั่นก็คือประชาธิปไตยในสื่อ

หากข้อมูล/ข่าวสารจากสื่อนั้นๆ  มีความเห็นด้านเดียวไปทั้งหมด เท่ากับเลือกข้าง ซึ่งไม่แน่ว่า ข้างที่เลือกนั้น ถูกต้องจริงหรือ

ที่พูดมาก็เห็นๆ กันอยู่ มีทั้งสื่อฝ่ายต้านทักษิณ และสื่อฝ่ายชูทักษิณ

หากไม่ยอมรับความแตกต่าง ก็คงไม่ใช่ประชาธิปไตย

เพราะปรัชญาของประชาธิปไตย ก็คือวิธีการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

ผมถึงมองว่า "ผู้ที่ใช้สื่อเลือกข้าง" คือ "นักกิจกรรมทางการเมือง"

เป็นผู้ใช้สื่อ ไม่ใช่คนทำ "สื่อ" ในความหมายของ "หนังสือพิมพ์"

ที่พวกอาจารย์ด้านนิเทศศาตร์ ให้คำจำกัดความ

ที่กาแฟดำ บอกมานั่นก็ใช่ อาจารย์ย่า ควรชี้มาเลยว่า "สื่อไหน" หรือ "ใคร" มันจะได้ชัดเจนเป็นกรณีๆ ไป

หาก "เหมาโหล" หรือ "เหมารวม" คนที่เค้าทำตัวดี ก็เดือดร้อนสิ

จะว่าไปผมเคยติติงเรื่องการทำหน้าที่เกินสื่อมาบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะกรณี "ปรากฎการณ์สนธิ"

วันอังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550
เมื่อสื่อ ทำหน้าที่ "เกินสื่อ" ก็สมควรที่รัฐบาลต้องจำใจตัดเนื้อร้ายทิ้ง
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 213 , 23:59:51 น.   

http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/02/27/entry-1

แต่ที่ผมจะนำเสนออีกมุมหนึ่ง ก็จากรายงาน 146 หน้าของสมาคมนักข่าวรวบรวม
วิวาทะสมัครกับสื่อ เผยแพร่ในเว็บของสมาคมนักข่าว ไปเจอบทความในนั้นลองอ่านดูนะครับ
เผื่อจะใช้เป็น "มาตรวัด" พฤติกรรมของ"สื่อ" ได้บ้างไม่มากก็น้อย

*********************************

แนวคิดเรื่องบทบาทของสื่อ เสรีภาพสื่อ และความรับผิดชอบของสื่อในระบอบประชาธิปไตย

ด้วยศักยภาพของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำให้สื่อมวลชนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศไม่ว่าจะเป็นระบบการปกครองแบบใด สื่อมวลชนจึงเป็นสถาบันสังคมที่มีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ด้วยการให้ข่าวสารเพื่อให้ทราบถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง การโน้มน้าวชักจูงใจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา และวางนโยบายพัฒนาประเทศ และการถ่ายทอดความรู้และทักษะเพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงต่อไป
   
ลาสเวลล์ (Lasswell, 1948) เสนอว่าหน้าที่ทางสังคมหรือพันธกิจทางสังคม (social functions) ของสื่อสารมวลชนคือเป็นผู้ที่เฝ้าระวังและตรวจสอบสิ่งแวดล้อมทางสังคม และการเมืองหรือที่ใช้กันทั่วไปว่า สื่อสารมวลชนมีหน้าที่เป็น “หมาเฝ้าบ้าน” (watchdog) ของสังคม คอยบอกให้สมาชิกสังคมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบๆ บ้านของตน นอกจากนี้ สื่อสารมวลชนยังเป็นผู้ประสานให้ส่วนต่างๆ ของสังคมร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และประการสุดท้าย เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมแก่คนรุ่นต่อไป
   
แม็คเคว็ล (McQuail, 1994) ได้ประมวลหน้าที่ทางสังคมของสถาบันสื่อสารมวลชนไว้ 5 ประการ ได้แก่

1.   การให้ข้อมูลข่าวสาร
•   ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์และสภาวการณ์ต่างๆ ของสังคมตนเอง และสังคมโลก
•   ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจต่างๆ
•   ส่งเสริมความคิดใหม่ๆ การปรับตัว และความเจริญก้าวหน้าทางสังคม

2.   การประสานส่วนต่างๆ ของสังคมเข้าด้วยกัน
•   อธิบาย ตีความ และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความหมายของเหตุการณ์และข้อมูลข่าวสารที่นำเสนอออกไป
•   ให้การสนับสนุนแก่สถาบันหลักของสังคมและบรรทัดฐานต่างๆ
•   เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม
•   ประสานเชื่อมโยงกลุ่มคนและกิจกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน
•   สร้างฉันทามติในสังคม
•   กำหนดว่าเรื่องใดสำคัญมากน้อยกว่ากัน หรือการกำหนดวาระทางสังคม

3.   การสร้างความต่อเนื่องทางสังคม
•   ถ่ายทอดวัฒนธรรมกระแสหลักของสังคม และยอมรับวัฒนธรรมย่อยหรือวัฒนธรรมทางเลือก และวัฒนธรรมใหม่ๆ
•   เสริมสร้างและทะนุบำรุงค่านิยมพื้นฐานของสังคม

4.   การให้ความเพลิดเพลินแก่สมาชิกสังคม
•   ให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจแก่สมาชิกสังคม
•   ลดระดับความเครียดและข้อขัดแย้งของสังคม

5.   การรณรงค์ทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ
•   รณรงค์เพื่อเป้าหมายทางสังคมในด้านการเมือง สงคราม เศรษฐกิจ งานอาชีพ

บทบาทของสื่อมวลชนในการพัฒนาประเทศด้านการเมือง

   กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่จะมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องชอบธรรม สร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ จะต้องประกอบด้วยปัจจัยหลักที่สำคัญคือ ระบบโครงสร้างของสังคมที่เอื้อต่อการปกครอง ทัศนคติของประชาชน รัฐบาลที่มาจากการยอมรับของประชาชน ระบบการสื่อสารที่มีอิสระเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนที่มีเสรีภาพและความรับผิดชอบ

   สื่อมวลชนมีบทบาทในการพัฒนาประเทศทางด้านการเมืองที่สำคัญ ดังนี้

1)   การสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมือง
2)   การกระตุ้นเร้าสร้างความสนใจทางการเมืองในระบบที่ถูกต้อง
3)   ให้ความรู้ ข่าวสารทางการเมืองเพื่อให้ผู้รับสารนำไปอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
4)   ช่วยควบคุมพฤติกรรมของนักการเมืองให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
5)   จุดความสนใจของประชาชนไปสู่ประเด็นปัญหาทางการเมืองที่สำคัญ จนกระทั่งปัญหานั้นได้รับการแก้ไข
6)   สร้างความใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับประชาชน
7)   ช่วยระดมพลังมวลชนในการสนับสนุนในสิ่งที่รัฐบาลได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง
8)  สร้างบทบาททางการเมืองของประชาชนในการเป็นผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือการเรียกร้องในประเด็นปัญหาที่ไม่ชอบมาพากล
9)   สร้างความเป็นสากลในการเมือง นั่นคือเมื่อประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ ประชาชนย่อมมีวิจารณญาณในการตัดสินใจในสิ่งที่ผู้นำของรับบาลต่างๆ กระทำ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศได้

สื่อมวลชนสามารถมีบทบาทในการพัฒนาทางการเมืองผ่านรายการทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแม้แต่ภาพยนตร์ ทั้งนี้สื่อมวลชนจะมีบทบาทในการพัฒนาประเทศด้านการเมืองมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับคุณภาพและประสิทธิภาพของสื่อมวลชนด้วย

ที่มา   ธีรารักษ์ โพธิสุวรรณ.  เอกสารการสอนชุวิชา ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อมวลชน หน่วยที่ 1-8. 
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชานิเทศศาสตร์,  พิมพ์ครั้งที่ 4, 2549.

*********
ทิ้งหลักวิชาไปนาน พอได้กลับไปหาความรู้กับครูบาอาจารย์ ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะครับ
บางทีหลักการเดิมๆ พื้นๆ เราก็ลืมๆ ไปบ้างเหมือนกัน

แคน ไทเมือง
 
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/05/13/entry-2


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 02:10
หน้าที่สื่อที่สังคมคนทำสื่อลืมกันไปคือ

หน้าที่ประสานความเข้าใจของผู้คนในสังคม

หรือที่เรียกว่า "สายใยของสังคมชน"

ดังนั้นสื่อใดมุ่งสร้างความแตกแยก โดยลืมหลักการทางนิเทศศาสตร์ ก็ต้องนับว่าเป็น "สื่อที่เลว" เหมือน ยานเกราะ / ดาวสยาม ในอดีต

แต่ผมไม่แปลกใจหรอก ที่สื่อมีบทบาทในทางที่ไม่อยู่ในกรอบแห่งวิชาชีพ

เพราะเจ้าของสื่อดังกล่าว ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางนิเทศศาตร์ นั่นเอง

************************************************************

ส่วนคนที่สนใจคำว่าประชาธิปไตย คงเคยได้ยินคำว่า

เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ

สิ่งที่คนไทยที่รับเอา ประชาธิปไตยมา มักจะเล่นเรื่อง เสรีภาพ เสมอภาค

แต่คนไทยส่วนใหญ่ลืมคำว่า "ภราดรภาพ" ไปอย่างน่าเสียดาย

มันจึงเป็นที่มาของความแตกแยกจนไม่มีทางถอย...สื่อเองก็ลืมหน้าที่ "สร้างความเข้าใจ" ให้กับสังคม

ความเป็น "สื่อกลางแห่งความเข้าใจ" จึงหาได้ยากในความเป็นสื่อของเมืองไทย


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 02-06-2008, 04:25
ผมว่าสื่อที่ดี ต้องเสนอข่าวสารทุกด้าน ถ้าเป็นข่าวที่มีคู่กรณี ต้องเสนอข่าวทั้งสองด้านอย่างเท่าเทียมโดยไม่เจือปนทัศนคติ ความคิดเห็น ของผู้เขียนข่าว พูดง่าย ๆ คือปราศจากอคตินั่นเอง

ถ้าจะถามต่อว่าอะไรคืออคติหรือทัศนคติในข่าว ตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ ก็คือ รูปจักรภพทุกแทบทุกรูปที่ลงประกอบข่าวในเว็บไซท์ผู้จัดการ คือรูปที่ดูแย่ ดูเห่ย ที่สุดเท่าที่คนเลือกจะเลือกได้ ถามว่าคนอ่านที่เกลียดสะใจไหม ย่อมสะใจ ชอบใจแน่นอนครับ ผมก็สะใจ แล้วมันเหมาะมันควรไหม อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่นอร์มของแต่ละคนละครับ แต่ถ้ามันมีนอร์มที่เป็นมาตรฐานของสังคม ผมว่ามันก็คงไม่เหมาะสมเท่าไร

ผมเองก็เถอะ บางครั้งก็ระเริง ผมก็ด่ามันหยาบ ๆ คาย ๆ ถามว่าผมทำถูกไหม ก็คงไม่ถูก

ที่กล่าวมา เป็นทัศนคติของผมนะครับ ไม่มีตำราหรือหลักทางวิชาการใด ๆ สำหรับอ้างอิง

ส่วนเรื่องสื่อควรยืนอยู่ฝั่งไหน มันมีแค่สองฝั่ง สื่อไปยืนอยู่ฝั่งเดียวกับคนเลวไม่ได้หรอกครับ ยืนตรงกลางยังไม่ได้เลยครับ ต้องยืนอยู่ฝั่งคนดี "ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม" นั่นแหละ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: morning star ที่ 02-06-2008, 06:09


ืสื่อนั้นซับซ้อนมากขึ้นครับในความคิดผม เมื่อมีธุรกิจมาเกี่ยวข้อง เมื่อ "ของก็ต้องขาย ข่าวก็ต้องเขียน" บางครั้งการนำเสนอมันก็ไม่ได้ยึดอุดมการณ์สื่อเพี่ยงอย่างเีดียว ต้องคำนึงถึงยอดขายด้วย ฉะนั้น ซ้อเจ็ด หรือ ข่าวเมียงูผัวงู จะไปว่าสื่อนั้นไร้สาระ ผมว่าต้องดูที่ตัวคนเสพสื่อเสียก่อน

ผมว่าหลาย ๆ คน ดูละครกันมากไป โลกนี้ถึงมีแต่คนดีฉิบหาย กับคนร้ายสุดขั้ว มันก็เลยไม่มีคำว่ายอมกันแน่นอน จนกว่าละครจะจบ

เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นกันอย่างงี้นะครับ จะให้สื่อดีไปกว่านี้คงคาดหวังกันสูงเกินไป


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 02-06-2008, 07:43
ขอเถียง
ไทยรัฐนี่นะ เป็นกลางไม่เลือกข้าง
ไม่จริงหรอก มันเลือกข้างชนะทุกที
ตอนที่เห็นเป็นกลาง เพราะมันไม่แน่ใจ
ว่าใครจะชนะต่างหาก


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 02-06-2008, 08:43
ตอนนี้ใครเกลียดทักษิณ เดินในไทยรัฐก็แกะดำแร้ววววครับ

ไม่งั้นคนเชลียทักษิณ รับตังค์ทักษิณ ไม่เป็นหัวหน้าข่าวหรอกครับ




55  เอาเรื่องจริงมาพูดได้ไงครับเนี่ย

 :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 02-06-2008, 10:45
ยาวววววว

ผมว่า เรื่องจะเป็น "สื่อ" หรือ press หรือไม่

ในสายตาชาวบ้านที่ไม่ผ่านการขัดเกลาทางวิชาการ

หรือรู้เรื่องเป็นอย่างดี เกี่ยวกับสื่อสารมวลชน

คงจะมีน้อยแหละครับ

ส่วนใหญ่คงเห็นไม่ต่างจากผม และกลุ่มที่ไปชุมนุมกับพันธมิตร

ว่าต้องการ "สื่อ" (ในความหมาย media) ที่เลือกข้างชัดเจน



กระแสคนเกลียดทักษิณตอนนี้มันเริ่มเชี่ยวกรากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่ง demand มากขึ้น และหาที่ลงไม่ได้

ก็ต้องมาเลือกเสพ "สื่อ" (ในความหมาย media) อย่างนี้แหละครับ


//ปล. อีกครั้ง....ผมไม่เคยอ่านซ้อเจ็ดนะครับ

สำเร็จความใคร่คงมีบ้าง...แต่ไม่ใช่ด้วยการอ่านเรื่องแบบแม้คำว่า "หัวนม" ยังหาไม่เจอ


 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 02-06-2008, 10:50
quote ของอาจารย์สุนันท์ ศรีจันทรา ที่ชุมนุมพันธมิตร


"คำว่า เผด็จการ หรือ ประชาธิปไตยนั้น เป็นนามธรรมเกินไป ปัญหามันอยู่ที่คน ชีวิตของตนรู้จักแต่ความดี กับความชั่ว ที่มีมาแล้วเป็นหมื่นๆ ปี ส่วนระบอบการปกครองเพิ่งเกิดทีหลัง ถ้าเราปล่อยให้ผู้นำพูดจาหยาบคายแล้วทำอะไรไม่เป็น ไม่นานลาว เขมร พม่า อาจจะแซงเราก็ได้"


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: WATERMAN ที่ 02-06-2008, 11:09
ไทยรัฐเนี่ยนะเป็นกลาง  ไม่รู้เอาอะไรมาคิด 

มันเอียงมาตั้งแต่สมัยทักษิณเป็นนายกแล้ว  ปัจจุบันก็ยังเอียงอยู่อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 11:16
ยาวววววว

ผมว่า เรื่องจะเป็น "สื่อ" หรือ press หรือไม่

ในสายตาชาวบ้านที่ไม่ผ่านการขัดเกลาทางวิชาการ

หรือรู้เรื่องเป็นอย่างดี เกี่ยวกับสื่อสารมวลชน

คงจะมีน้อยแหละครับ

ส่วนใหญ่คงเห็นไม่ต่างจากผม และกลุ่มที่ไปชุมนุมกับพันธมิตร

ว่าต้องการ "สื่อ" (ในความหมาย media) ที่เลือกข้างชัดเจน



กระแสคนเกลียดทักษิณตอนนี้มันเริ่มเชี่ยวกรากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่ง demand มากขึ้น และหาที่ลงไม่ได้

ก็ต้องมาเลือกเสพ "สื่อ" (ในความหมาย media) อย่างนี้แหละครับ


//ปล. อีกครั้ง....ผมไม่เคยอ่านซ้อเจ็ดนะครับ

สำเร็จความใคร่คงมีบ้าง...แต่ไม่ใช่ด้วยการอ่านเรื่องแบบแม้คำว่า "หัวนม" ยังหาไม่เจอ


 :slime_bigsmile:

เพราะ"สื่อ" มีอิทธิพลต่อความนึกคิดของผู้คน

ดังนั้น สื่อจึงมี กรอบแห่งจริยธรรม กำกับ

มีการกำหนด "หน้าที่" ไว้ชัดเจน แถมยังให้กำกับกันเอง โดยรัฐจะปยุ่มย่ามไม่ได้

หากหลุดจากกรอบแห่งจริยธรรม จนกระทั่งเอาตัวเองเป็นข่าวเอง นั่นไม่ใช่สื่อในความหมายของ "Press"

เพราะสื่อคือ "ผู้รายงาน" หรือ "ผู้สังเกตการณ์" ไม่ใช่ "ผู้แสดง"

อ้อ...สำหรับหัวกระทู้...อย่างที่คุณ อโลฮ่าบอกนั่นแหละ

ประชาชนเสพข่าวไม่เป็น ไม่รู้กระทั่งว่า "สื่อ" โค้ดคำพูดแหล่งข่าวมา หรือ "ตีความเอง"

ลำบากครับ...แค่อ่านข่าวแล้วบอกไทยรัฐพูด ผมคิดว่าบ้านเมืองนี้มีปัญหาแล้วครับ[/color]

เพราะคนเขียนกฎหมายรู้ดีว่า "สื่อ" หากถูกครอบงำ จะสามารถใช้ประโยชน์จากสื่อในทางที่มิชอบ

อาจสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับสังคมได้

ในรัฐธรรมนูญ เค้าถึงกำหนดว่า รัฐมนตรี ต้องไม่เป็นเจ้าของสื่อ

เพราะประชาชนคิดอย่างคุณไง นักวิชาการถึงต้องออกมาให้ความรู้ว่า สื่อเลือกข้าง มีผลดีผลเสียอย่างไร

สื่อเสี้ยม มีผลเสียอย่างไร อะไรคือสื่อจริง อะไรคือ สื่อเทียม

ก็บอกแล้วไง ในทางวิชาการ "ผู้จัดการ หรือ ASTV " มีค่าไม่ต่างจาก "ประชาทรรศน์ เว็บไฮทักษิณ หรือ พีทีวี"

เพียงแต่มีจุดยืนคนละขั้ว และแตกต่างในเทคนิคการนำเสนอแค่นั้นเอง

อย่าเอาไปเปรียบกับสื่อมาตรฐานอื่นๆ เลยครับ

มันต่างกันราวฟ้ากับเหว




หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 11:18
ไทยรัฐเนี่ยนะเป็นกลาง  ไม่รู้เอาอะไรมาคิด 

มันเอียงมาตั้งแต่สมัยทักษิณเป็นนายกแล้ว  ปัจจุบันก็ยังเอียงอยู่อย่างนั้น


มีใครในที่นี้บอกว่า ไทยรัฐเป็นกลางเหรอ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 02-06-2008, 11:21
ไทยรัฐเนี่ยนะเป็นกลาง  ไม่รู้เอาอะไรมาคิด 

มันเอียงมาตั้งแต่สมัยทักษิณเป็นนายกแล้ว  ปัจจุบันก็ยังเอียงอยู่อย่างนั้น


เห็นด้วยครับ

ไทยรัฐเอาไว้ดู ว่าจะป้ายสีกลุ่มชุมนุมยังไง

คล้ายๆกับ pantip.com

:slime_smile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-06-2008, 11:59
ขอแถมหน่อยะ พอดีได้ยินมาว่า NBT พยายามสัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียนแถวผู้ชูมนุม แล้วถามนำว่าเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้มั้ย ปรากฏว่า หน้าแตกกลางจอ เพราะ ผอ บอกว่าไม่มีอะไร ไม่เดือดร้อน ปรับกันได้ เข้าใจกับการชุมนุมดี เค้าดูแลดี เสียงรบกวนก็มีนิดหน่อย เพราะตึกสูงแถวนั้นบัง ไม่ได้ดังไปถึงโรงเรียน  :slime_bigsmile:

ใครรู้ว่า สัมภาษณ์ตอนไหน กี่โมง บอกด้วย อยากดู  :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 12:02
ทัศนะของคนเลือกข้าง ไม่ว่าฝ่ายรักเหลี่ยม หรือฝ่ายชังเหลี่ยม

คงหาที่ยืนให้ความเป็นกลางไม่ได้หรอกครับ

เพราะมันจะมีแต่ สีขาว กับ สีดำ แต่จะไม่มีที่ยืนให้กับ สีเทา

นี่คือวิกฤติของสังคมไทยที่กำลังเผชิญ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 12:08
ขอแถมหน่อยะ พอดีได้ยินมาว่า NBT พยายามสัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียนแถวผู้ชูมนุม แล้วถามนำว่าเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้มั้ย ปรากฏว่า หน้าแตกกลางจอ เพราะ ผอ บอกว่าไม่มีอะไร ไม่เดือดร้อน ปรับกันได้ เข้าใจกับการชุมนุมดี เค้าดูแลดี เสียงรบกวนก็มีนิดหน่อย เพราะตึกสูงแถวนั้นบัง ไม่ได้ดังไปถึงโรงเรียน  :slime_bigsmile:

ใครรู้ว่า สัมภาษณ์ตอนไหน กี่โมง บอกด้วย อยากดู  :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

ผมดูทันแค่ตอนถ่ายทอดสด ตอนนี้ทีวีมีแค่ 2 เครื่อง สงสัยต้องไปหามาอีกละมั๊ง อิ อิ

สงครามสื่อเริ่มแล้ว เปิดหน้าชนกันไปเลย NBT VS ทีวีไทย "ไทยพีบีเอส"

เพราะตอนนี้ จักรภพลาออกแล้ว คงไปร่วมกับ "วอร์ รูม" ของพลังประชาชน ใช้ NBT เต็มสตีม

จะว่าไปนี่คือการครอบงำสื่ออย่างเห็นได้ชัด น่าจะขัดกฎหมาย....ฝ่ายค้านต้องหาข้อมูลเล่นงานรัฐบาลต่อนะครับ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 02-06-2008, 12:15
มีใครในที่นี้บอกว่า ไทยรัฐเป็นกลางเหรอ

ผมว่าเขาเป็นกลางอยู่นาลุงแคน..กลางใจ รบ.สมัคร กับ ทักษิณ น่ะ :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
เอ..ผมว่าลุงแคนหลงกลลุงถึกแล้วนา..มาจากสวีเดน ทิ้งประเด็นเอาไว้แล้วเผ่นกลับหน้าตาเฉยเลย..  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 12:32
ดีครับ ที่ผมมีโอกาสนำเสนอมุมมอง ในแง่ผู้สังเกตการณ์

หรือ ผู้เสพสื่อ

จะว่าไปมันแล้วแต่ว่าเราใช้เครื่องชั่งตวงวัด ด้วยอะไร มีหลักฐานหรือหลักวิชาการอะไรรองรับหรือไม่

แต่ถ้าเป็นความเห็น...ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะ คนเราจะให้คิดเหมือนกันหมดไปทุกอย่างเป็นไปไม่ได้

แม้ในครอบครัว ยังเกิดความแตกแยก จนไม่อยากนั่งทานข้าวร่วมกัน

มีเหมือนกันบ้างแตกต่างกันบ้าง ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

เมื่อคืนยังมีข่าวแกนนำพันธมิตรแตกแยกกัน...อิ อิ

ขนาดศาลท่านตัดสินลงโทษสามหนาห้าห่วง ยังมีคนบอกว่าท่านไม่เป็นกลาง ไม่ยุติธรรม

ผมคิดว่ามันขึ้นกับว่า เรายืนมองจากจุดไหน มันเป็นมุมมองของตนเองซึ่งยืนคนละจุด

ย่อมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน....

ที่ผมเขียนให้อ่าน มันก็แค่ความเห็นของผู้เสพสื่อคนหนึ่ง ไม่ใช่ "คำตัดสิน" อะไรทั้งหมดหรอก

หัวกระทู้ที่เลว อาจเป็นกระทู้ที่ดี มีสาระ มีประโยชน์

หัวกระทู้ที่ดูมีสาระ อาจเป็นกระทู้ที่เลวก็ได้ หากผู้ร่วมนำเสนอความคิด ใช้ไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์



หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-06-2008, 12:35
หนูแอนมีเครื่องเดียวค่ะ (อีกเครื่องจอเขียวเสียไปแล้วไม่นับ) ที่ดูได้หลายช่องเพราะดูผ่านเน็ตอ่ะ อาศัยว่าเน็ตไว หนักเข้าดู 3 ช่วงพร้อมกันเกิดอาการมึนตึ๊บ แต่ช่อง nbt หน่ะไม่ดูให้เสียลูกตา แต่พอได้ยินแบบนั้นเลยอยากดูหน้าคนสัมภาษณ์ เห็นว่ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก เ้พราะเสี้ยมไม่เข้าแก๊ก แถมหน้าแตกสดๆ อีกตะหาก  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ปล. แอนว่ารอบนี้แกนนำเหนียวแน่นกว่ารอบที่แล้วอีกอ่ะ แทบไม่มีรอยแยกให้เห็นเลยอ่ะ รอบที่แล้วยังทำท่าจะตบกันหลายรอบ เห็นชัดกว่าด้วยซ้ำ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: VforVendettA ที่ 02-06-2008, 12:44
ผมเป็นน้องใหม่น่ะครับ ไม่ใช่นักวิชาการ หรือมีความรู้แตกฉานในเรื่องทางการเมืองเท่าใดนัก
เป็นทัศนะความคิดเห็นส่วนตัว:
ความหมายของคำว่าสื่อ ที่หลายคนถกเถียงกันนั้น ที่ว่าสื่อต้องยืนอยู่ตรงกลาง (ความดีกับความเลว) ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ถ้าบุคคลที่โตๆ กันแล้วก็ย่อมมีวิจารณ์ญาณว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนเลว (หรือว่ายังแยกกันไม่ออก)
สื่อควรนำเสนอในสิ่งที่ถูกต้อง ผมไม่ได้เข้าข้าง ASTV เพราะมีหลายอย่างที่ ASTV นำเสนอผมก็ไม่ได้เห็นดีไปด้วยทั้งหมด (บางเรื่องไม่ควรนำมาเสนอกัน)


คำว่าสื่อต้องเป็นกลาง ก็เป็นคำอุปโลกขึ้นมาโดยมนุษย์ปถุชนธรรมดา เหมือนที่ตั้งทฤษฏีว่าโลกแบน // เราก็สามารถตั้งนิยามสื่อ หรือบัญญัติคำว่าสื่อใหม่ได้ ว่า สื่อต้อง นำเสนอสิ่งที่ถูกต้อง(คุณธรรม จริยธรรม) นำเสนอสิ่งที่ดีงาม
แม้อาจจะเป็นการดูชี้นำ แต่.. เป็นการชี้นำไปในทางที่ดี ดังคำกล่าว "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด...คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" การที่เราเลือกคบ บัณณิตเพียงเพื่อคำอุปโลกว่าไม่เป็นกลาง เพียงพอแล้วหรือที่เราจะเลิกคบ


หลายท่านก็โตๆ กันแล้ว อาจมีความคิดเป็นของตัวเองไม่มากก็น้อย แล้วเราจะแยกได้อย่างไรละ ว่าสิ่งไหนถูกต้อง สิ่งไหนเสริมสร้าง สิ่งไหนไม่ถูกต้อง
ถ้าเราทุกคนมีวิจารณญาณอย่างเช่นพระพุทธเจ้า ที่สอน กาลามาสูตร หลักความเชื่อ ๑๐ ประการ ( http://www.plvc.ac.th/~kruchairat/kalama.htm ) ก็คงไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก
เพราะถ้าปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์แล้ว โลกนี้ย่อมสงบสุขเป็นแน่ แต่เมื่อไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เราควรจะมีสื่อแนะนำ ชี้นำถึงความถูกต้องมากกว่า สื่อที่จะอยู่แต่ตรงกลางท่าเดียว


มันก็เป็นเรื่องยากที่จะให้ บัวในตม บัวใต้น้ำ เข้าใจถึงเรื่องว่าสิ่งไหนถูกต้อง และสิ่งไหนไม่ถูกต้อง จึงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายความคิดนี้ จึงขออนุโมธนาให้กลายเป็น บัวเสมอน้ำ หรือ บัวพ้นน้ำ ในเร็ววันเถิด
(
บัวในตม
เป็นคนระดับอเวไนยสัตว์ *= คนที่สั่งสอนไม่ได้แล้ว ดื้อด้าน แม้พระพุทธเจ้าไปโปรด ก็ยังไม่สนใจอะไรเลย อย่าไปยุ่งกะเขา คนนี้น่าสงสารมาก
คือ คนที่ยังเล็งเห็นแต่โทษผู้อื่นโดยตลอดคอยแต่จะว่าคนอื่น
ไม่เคยมองข้อดีใครเลย ไม่เคย ตรวจสอบความผิดตัวเองเลย


บัวใต้น้ำ
เป็นคนระดับอเวไนยสัตว์ *= คนที่สั่งสอนยาก ไม่สามารถรับธรรมๆ คำสอนใดๆ ได้โดยง่าย
คือ คนที่เห็นโทษคนอื่นมากกว่าความดี ไม่ค่อยเห็นความผิดตัวเอง


บัวเสมอน้ำ
เป็นคนระดับเวไนยสัตว์ = คนที่สามารถสั่งสอนได้ แต่อาจจะยากนิดนึง
คือ คนที่เห็นทั้งโทษทั้งความดีคนอื่นเท่ากัน ความผิดตัวเองก็คอย
สำรวจและปรับปรุงอยู่บ้าง


บัวพ้นน้ำ
ระดับเวไนยสัตว์ = สามารถรับธรรมะได้เต็มที่ สามารถหลุดพ้นได้
คือ คนที่หมั่นตรวจสอบความผิดของตัวเองและคอยปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
ไม่ค่อยสนใจจับผิดผู้อื่น เมื่อเห็นความผิดคนอื่นก็ไม่ว่าเค้า
แต่มีโอกาสก็คอยชี้แนะสั่งสอนให้เค้าดีขึ้น
)
ปล.นิดนึ่งครับ...การที่คนมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่แตกต่างไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เราก็ควรชักนำให้มีความคิดไปสู่ ความถูกต้อง มิใช่หรือ
ดังธรรมะขอพระพุทธเจ้า...ที่ชี้นำความคิดเห็นของผู้คนที่แตกต่างกัน หล่อหลอมให้ไปในทิศทางเดียวกันเพื่อ นำไปสู่ ความเป็นนิพพาน คือ หลุดพ้น ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 12:48
สภาตั้งกมธ.ยุติความขัดแย้ง พันธมิตรฯเหิมคิดตั้งเมือง  
ไทยรัฐ[2 มิ.ย. 51 - 12:12]
 
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การหารือระหว่างนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กับฝ่ายการเมือง เกี่ยวกับการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ซึ่งมีการหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ด้วย ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า ผลการหารือที่ประชุมเห็นชอบตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ ประกอบด้วย ผู้แทนจากพรรคการเมืองและบุคคลภายนอก เพื่อให้สภามีบทบาทยุติความขัดแย้งทางการเมือง

ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้ชุมนุมตื่นมาทำความสะอาดสถานที่ ขณะที่บนเวทียังคงมีการสลับปรับเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยว่า กำลังจะมีการตั้งเวทีใหม่ ซึ่งเป็นเวทีถาวร และเตรียมเปลี่ยนจากการชุมนุมให้เป็นเมืองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ขึ้นกับรัฐบาล และอยู่กันด้วยจิตประชาธิปไตย ที่เสมอภาค และเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เมืองแห่งนี้จะไม่มีนักการเมืองที่เอาแต่ทุจริต หลังจากนั้นได้มีการเปิดเวที จัดรายการเล่าสถานการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นรอบวันที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการชุมนุม และกระแสข่าวการสลายการชุมนุม

ขณะเดียวกันวันนี้ถือเป็นวันเปิดเรียนวันแรก หลังจากปิดชั่วคราวในวันศุกร์ของโรงเรียนวัดโสมนัดวรวิหาร และโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริยาราม นักเรียนต่างทยอยเดินทางมาเรียนหนังสือโดยใช้เส้นทางผ่านหลังเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์

นางเนตรนภา ดาวเรือง ผู้ปกครองนักเรียน  ยอมรับว่าการเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ก็ต้องยอมรับหากทำเพื่อคนส่วนใหญ่ แม้จะไม่สะดวกบ้าง และเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดควรย้ายการชุมนุมไปอยู่ที่ที่เหมาะสม ไม่รบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ไม่เห็นด้วยหากจะมีการใช้กำลังสลายการชุมนุม

ส่วนการรักษาความปลอดภัย ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ตลอดแนว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียด
 
 

ข้อสังเกต ทำไมไทยรัฐ เลือกนำเสนอความคิดเห็นของผู้ปกครองฝ่ายที่เป็น "บวก" ต่อการชุมนุม ?

หากนำข่าวนี้ไปนำเสนอใน "ราชดำเนิน" คงได้รับการวิพากษ์อีกด้าน แน่นอน
 เช่น ทำไมไม่สัมภาษณ์คนขับรถในถนนซึ่งติดขัด/ไปทำงานสาย
หรือเลือกสัมภาษณ์ข้าราชการที่ร้องเรียนเรื่องความไม่สะดวกต่อการปฏิบัติงาน เช่นข้าราชการกรมอาชีวะศึกษา ?


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 02-06-2008, 13:02
ผมจะไม่มาเถียงกับใครเรื่องสื่อไหนเป็นกลางไม่เป็นกลาง สื่อไหนดีสื่อไหนเลว
แต่จะขอพูดถึง ไทยรัฐฉบับเดียว
ถ้ายังจำกรณี "ลบภาพพระบรมฉายาลักษณ์" (เด็กไทยชนะเลิศประกวดหุ่นยนต์โลก) กันได้
หนังสื่อพิมพิ์ที่บิดเบือนและแก้ไขเนื้อหาข่าว (โดยการลบภาพ) โดยปราศจากแม้แต่ท่าทีที่จะแสดงความรับผิดชอบ แล้วแถมยังโยนความผิดไปให้เด็ก ๆ สื่อแบบนี้ยังมีความชอบธรรมที่จะเป็น "สื่อ" ได้อีกหรือครับ :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: protecter ที่ 02-06-2008, 13:04
ไทยรัฐลงข่าวกวนส้นตินอีกแล้ว

----------------------------------------

สภาตั้งกมธ.ยุติความขัดแย้ง พันธมิตรฯเหิมคิดตั้งเมือง [2 มิ.ย. 51 - 12:12]
 
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การหารือระหว่างนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กับฝ่ายการเมือง เกี่ยวกับการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ซึ่งมีการหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ด้วย ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า ผลการหารือที่ประชุมเห็นชอบตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ ประกอบด้วย ผู้แทนจากพรรคการเมืองและบุคคลภายนอก เพื่อให้สภามีบทบาทยุติความขัดแย้งทางการเมือง
.........
........
.........

http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=92026


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 13:10
ผมจะไม่มาเถียงกับใครเรื่องสื่อไหนเป็นกลางไม่เป็นกลาง สื่อไหนดีสื่อไหนเลว
แต่จะขอพูดถึง ไทยรัฐฉบับเดียว
ถ้ายังจำกรณี "ลบภาพพระบรมฉายาลักษณ์" (เด็กไทยชนะเลิศประกวดหุ่นยนต์โลก) กันได้
หนังสื่อพิมพิ์ที่บิดเบือนและแก้ไขเนื้อหาข่าว (โดยการลบภาพ) โดยปราศจากแม้แต่ท่าทีที่จะแสดงความรับผิดชอบ แล้วแถมยังโยนความผิดไปให้เด็ก ๆ สื่อแบบนี้ยังมีความชอบธรรมที่จะเป็น "สื่อ" ได้อีกหรือครับ :slime_doubt:

เค้าชี้แจงด้วยบทบรรณาธิการ และแช่บทบรรณาธิการค้างอยู่หน้า 1 อยู่เป็นอาทิตย์ ท่าจะไม่ได้อ่านละสิ

ที่สำคัญ "ไทยรัฐ" ไม่เคยถูกฟ้องคดีหมื่อนเบื้องสูงเหมือน "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 02-06-2008, 13:16
ไทยรัฐลงข่าวกวนส้นตินอีกแล้ว

----------------------------------------

สภาตั้งกมธ.ยุติความขัดแย้ง พันธมิตรฯเหิมคิดตั้งเมือง  [2 มิ.ย. 51 - 12:12]
 


ถึงขนาด copy wording ของ manager มาใช้เป็นของตัวเองเลยรึนั่น

กิ้วๆ

 :slime_p:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 13:27
 :slime_hmm:"เหิม" มี 2 ความหมายคือ

"ฮึกเหิม" หรือ "เหิมเกริม"


หัวข้อข่าวผู้จัดการ

"พันธมิตร"ตั้งเวทีถาวร ยกระดับชุมชนใหม่เขตปลอด"หมัก"  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 มิถุนายน 2551 12:34 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000064123

ข่าวล่าสุด ในหมวด  

 "ประมวล" ชี้ทางเลือก"หมัก"ตกเก้าอี้"ยุบสภา-ปฏิวัติ"
 วิปมีมติตั้งกมธ.ร่วมก่อนแก้รธน. ลดอุณหภูมิเดือด
 "พันธมิตร"ตั้งเวทีถาวร ยกระดับชุมชนใหม่เขตปลอด"หมัก"
 "เหลิม" ชิงกลบกระแส เชลียร์"หมัก" ไม่ลาออก ยุบสภาหนี
 สหภาพแรงงานฯ ลั่นหมดเวลารบ.หุ่นเชิด เมินแก้ปัญหาปากท้องปชช.
 


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 02-06-2008, 13:38
เค้าชี้แจงด้วยบทบรรณาธิการ และแช่บทบรรณาธิการค้างอยู่หน้า 1 อยู่เป็นอาทิตย์ ท่าจะไม่ได้อ่านละสิ

ที่สำคัญ "ไทยรัฐ" ไม่เคยถูกฟ้องคดีหมื่อนเบื้องสูงเหมือน "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"

รู้ได้ไงว่าผมไม่ได้อ่าน ถ้าไม่ได้อ่านจะรู้ได้ไงว่ามันไปโยนความผิดให้เด็ก ๆ ว่าถือพระบรมฉายาลักษณ์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่สื่ออืนก็ลงรูปที่มีพระบรมฉายาลักษณ์
ที่จริงเหตุผลในการลบภาพเป็นเพราะว่าไทยรัฐเองนำภาพข่าวนั้นไปวางในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมเอง (เพราะเห็นว่าเป็นข่าวไม่สำคัญ)
ผมไม่ได้จะมาเถียงเรื่องหมิ่นหรือไม่หมิ่น ไม่มีตรงไหนในข้อความที่ผมเขียนว่าไทยรัฐหมิ่น ผมบอกแล้วว่าเป็นการบิดเบือนข่าว เสนอข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง (ในภาพจริงมีบรมฉายาลักษณ์แต่ภาพที่ลงข่าวกลับไม่มี) นั่นแสดงถึงความไม่มีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าว
อ้อ แล้วผมก็ไม่ใช่สาวกของ "แป๊ะลิ้ม" และไม่เคยแสดงตนว่าเป็น ไม่ต้องนำเรื่องของ นายสนธิ มาเปรียบเทียบเพราะเป็นนอกประเด็น หัวข้อกระทู้พูดถึงเรื่อง "สื่อ" ไม่ใช่เรื่อง "คน" กรุณาอย่าออกนอกประเด็น แล้วผมก็ไม่ได้บอกว่า สื่อ ผจก หรือ สื่ออืน ๆ ดีหรือไม่ดีอย่างไร ผมแค่ยกตัวอย่างกรณี "ไทยรัฐ" อย่างเดียว
คุณเองก็ยังไม่ได้ตอบคำถามที่ผมถามไว้แต่อย่างใด


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 13:43
ถ้าได้อ่านบทบรรณาธิการ ก็ควรก้อบมาวางให้เพื่อนๆ ได้อ่านซีครับ

คนเค้าจะได้ร่วมพิจารณา

ช่อยอธิบายคำว่า "บิดเบือน" ให้ฟังหน่อยครับ ผมรู้น้อยอ่ะ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 02-06-2008, 13:51
"บิดเบือน" ก็คือการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ข้อมูลนั้นไม่ได้หมายถึง "ข้อความ" อย่างเดียว ย่อมรวมไปถึง "ภาพ" "เสียง" และอืน ๆ ที่รวมอยู่ในการนำเสนอนั้นด้วย
ผมเพียงแต่ยกกรณีนี้มาเป็นตัวอย่าง สิ่งที่ผมหมายถึงก็คือ การแก้ไข contents ของ "สื่อ" ที่นำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ย่อมถือว่าเป็นการ "บิดเบือน"


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 14:05
ขอคำชี้แจงของไทยรัฐด้วยครับ จะได้ร่วมพิจารณา

สำหรับประเด็น คน กับ สื่อ

ขอถามว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็น "คนทำสื่อ" หรือไม่

ผู้จัดการและ ASTV ได้นำเสนอข่าวนั้นหรือไม่

ผู้จัดการและ ASTV ตกเป็นจำเลยร่วมในคดีหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 02-06-2008, 14:08
คำว่า "เหิม" ไทยรัฐใช้แต่กับข่าวอาชญากรรม ไม่เคยเห็นกับเรื่องทางการเมือง

มีแต่ manager นั่นแหละ ที่ใช้ คำว่า "เหิม" กับข่าวการเมือง

สงสัย คนพาดหัวคอลัมน์นี้ไทยรัฐ อ่าน manager มากไปหน่อย

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 14:17
ไม่มั๊ง....ไทยรัฐเค้าเกิดมาก่อน น่าจะใช้มาก่อน

ที่สำคัญ บก.ตุลย์ ศิริกุลฯ ของผู้จัดการ ก็มาจาก "รีไรท์เตอร์ไทยรัฐ"

สันติ เศวตวิมล ก็มาจากไทยรัฐ ไม่ใช่เหรอ

 :slime_inlove: :slime_inlove:

อ้อ...หาหลักฐานมายันหน่อยสิ ว่าใครลอกใคร...อิ อิ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: เอกราช ที่ 02-06-2008, 14:34
ปากาด...ปากาด...
ลุงถึกอยู่หนาย........
ทีหน้า ทีหลัง เดิน ลา วาง.....หน่อย
ลา...วาง จะเหยียบถูกหาง ชาวบ้าน ชาวซ่อง เข้า
แล้ว  เขา กะลัง เหลือก ร้อง

 :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 02-06-2008, 14:39
พันธมิตรฯเหิมคิดตั้งเมือง


ข้างบน ก็ต้องเป็นเหิมเกริม มากกว่าครับ

เป็นภาพเชิงลบ (Negative)


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 21:59
พลตรีจำลอง รู้ว่าข่าวนี้แรง...มีผลเสีย จึงออกมาแก้ข่าวแล้ว...เมื่อกี๊ก็แก้ข่าวบนเวที..

ช่อง 9 สัมภาษณ์ จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรถึงเรื่องการสร้างเมืองใหม่ ไม่ขึ้นกับรัฐบาล จากคำแถลงการณ์ของนายสมศักดิ์ เช้าวันที่ 2 มิถุนายน 2551 จำลองปฏิเสธไม่เป็นความจริง เพียงสร้างเวทีใหม่ เป็นเวทีถาวร เรื่องการสร้างเมืองเป็นการแบ่งแยก กลุ่มพันธมิตรจะไม่ทำ

http://news.mcot.net/politic/inside.php?value=bmlkPTM3ODQxJm50eXBlPXRleHQ=

สำนักข่าวไทย น่าจะลอกข่าวไทยรัฐไปรายงาน


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 02-06-2008, 22:35
ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าระ-ยำครับ.......เอิ้กกกกกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
นอนไม่หลับมาหลายคืน กะนอนหัวค่ำหน่อยครับวันนี้.....เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Iona ที่ 02-06-2008, 23:09
ขอยกตัวอย่างได้ไหม (สื่อควรเสนอข่าวอย่างเดียวหรือควรเสนอความรู้ประกอบ)
เช่นกรณีการแปรรูปปตท.
1.สื่อ A เสนอข่าวการแปรรูปนั้น พร้อม ทัศคติไม่เห็นด้วยและความรู้ประกอบว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น ก็คือ ปตท.จะต้องสร้างกำไรให้ผู้ถือหุ้นและกำไรนั้นก็มาจากการขายน้ำมันให้คนไทย ซึ่งจะ .......
2.สื่อ B เสนอข่าวการแปรรูปนั้น พร้อม ทัศคติเห็นด้วยและความรู้ประกอบว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น จะเพิ่มขนาดการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะ .....
3.สื่อ C เสนอข่าวการแปรรูปนั้น อย่างเดียว ไม่มีทัศคติและความรู้ประกอบ

เราก็ต้องถามตัวเอง ถึงความรู้ความเข้าใจของตัวเรา ว่า การเสนอในระดับไหน สร้างความเข้าใจได้ระดับไหน ให้กับความรู้ระดับไหน?

ถ้าสมมุติคนไทยทุกคน มีความรู้ประกอบอยู่แล้วว่า
1.ปตท.ใช้ทุนจากไหนในการสร้าง
2.ปตท.มีวัตถุประสงค์อะไรในการสร้าง
3.ปตท.ตามวัตถุประสงค์นั้นมีหน้าที่อะไร ต่อประชาชนชาวไทย
4.การแปรรูปจะเกิดผลดีและเสียอย่างไร
5.อื่นๆ
(เราก็คงต้องการข่าวแบบที่ 3.)

แต่ถ้าคนไทยส่วนหนึ่งมีความรู้ประกอบเพียงบางส่วน ในเรื่องนั้นๆ
(เราก็คงต้องการข่าวแบบที่ 1.และ 2. เพื่อเพิ่มการพิจาณาตามความคิดของแต่ละบุคคลนั้นๆ)

แล้วสื่อที่เป็นกลาง ควรนำเสนอแบบไหน?


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: oho ที่ 02-06-2008, 23:19
อ๋อ..อั้ยพวกสื่อไทยรัดไทย อ่ะหรอ ..เห็นมีแต่พวกรากโง่มันอ่านกัน ติดนิยายงอมแงม

ก๊าก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :slime_bigsmile: :slime_smile2: :slime_v:


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 23:47
(http://www.thairath.com/images/header/politics01.gif)

เสียใจที่ถึงขั้นแตกหัก  
ไทยรัฐ[2 มิ.ย. 51 - 19:24]
 
สถานการณ์การเมืองของประเทศไทย ก้าวมาถึงจุดแตกหัก พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ประกาศเปลี่ยนเป้าการชุมนุม ประท้วง จากการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปเป็นการ “โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลอันธพาลหุ่นเชิด” ในขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศกร้าว จะจัดการโดยเด็ดขาดตามกฎหมาย คาดว่าอาจใช้กฎหมาย สถานการณ์ฉุกเฉินสลายฝูงชน

การริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหนีการยุบพรรค และเพื่อลบล้างคดีให้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร คือการจุดชนวนก่อความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่ในสังคมไทย แม้นายสมัครจะเคยสัญญาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญใน 3 เดือนสุดท้าย ก่อนที่รัฐบาลจะพ้นจาก ตำแหน่ง แต่พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นแกนนำ รัฐบาล กลับเริ่มรณรงค์ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แค่ใน 2 เดือนแรก ที่เข้ารับหน้าที่

เนื่องจากนายสมัครไม่ได้มีอำนาจอย่างแท้จริง ทั้งในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง จึงถูกลูกพรรคหักหน้า บ่อยครั้ง เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ที่นายกฯยอมรับว่ามี “ขี้เหร่” อยู่ด้วย รวมทั้งการ แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และล่าสุด คือมติคณะรัฐมนตรี ที่จะให้ลงประชามติก่อนแก้รัฐธรรมนูญ

แต่เป็นมติที่ไม่ได้รับความสนใจ จาก ส.ส.พรรคพลังประชาชน ซึ่งเปิดประชุมพรรค ด่วน และประกาศมติว่าจะเดินหน้ารวบรวมรายชื่อ ส.ส.ในญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ครบ ตามจำนวน และให้ทันการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ หลังจากที่ ส.ว.บางส่วนถอนชื่อจาก ญัตติ จนทำให้ญัตติตกไป และโดยไม่สนใจมติคณะรัฐมนตรี ที่จะให้ลงประชามติก่อน ที่จะแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ

นับตั้งแต่เข้ารับหน้าที่บริหารประเทศ เป็นเวลากว่า 100 วัน ดูเหมือนว่ารัฐบาล นี้จะไม่ได้กำหนดอันดับความสำคัญรีบด่วน ในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ไม่มีนโยบาย ที่ชัดเจน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ข้าวเปลือกถูก ข้าวสารแพง น้ำมันแพง ข้าวปลาอาหารแพง ค่าครองชีพพุ่งสูง แต่ถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่อง รีบด่วนอันดับแรก

น่าเสียใจที่สังคมไทยไม่มีกลไกอันมีประสิทธิภาพ ในการแก้ไขความขัดแย้ง ทางการเมืองโดยสันติ ฝ่ายที่มีความเห็นขัดแย้ง กัน มุ่งเอาชนะคะคานกันเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงหลักการประนีประนอม หลักการพบกันครึ่งทาง แม้แต่รัฐบาลผู้มีอำนาจ หน้าที่โดยตรง ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ก็ไม่ได้คำนึงถึงความสมานฉันท์ อ้างอย่างเดียวว่ามาจากเลือกตั้ง

การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เป็นเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ประกาศยืนยันมาโดยตลอด ว่าจะต่อสู้ด้วยวิธีอหิงสาและสันติ จึงต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรงโดยเด็ดขาด อย่าให้ถูกกล่าวหาว่าไม่ ยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับกติกาของกฎหมาย และอาจถูกกล่าวหาว่ามุ่งล้มรัฐบาล โดยนอกวิถีทางรัฐธรรมนูญ.

 
 


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-06-2008, 23:56
Iona

ข่าวกับความเห็น ควรแยกออกจากกัน

การให้ความรู้ในข่าวทำได้ โดยการอ้างอิงที่มา

หากเป็นความเห็นของผู้สื่อข่าวหรือการประเมินของผู้สื่อข่าวก็ใส่ไว้ด้วยก็ได้ แต่ต้องชัดเจนว่าเป็นการประเมินของผู้สื่อข่าว

ความน่าเชื่อถือ ก็อยู่ตรงที่การประเมินของผู้สื่อข่าวนี่แหละครับ

ว่างๆ จะนำเรื่อง "การประเมินคุณค่าข่าว" มาให้ดู

รู้สึกกระทู้ การพบกันของ ป๋าเปรมกับ ทักษิณในงานศพมารดา ผบ.ทบ. ผมประเมินเปรียบเทียบ

วิธีการประเมินของผู้สื่อข่าว โดยดูที่ การนำเสนอ "เวลา" ที่พบกัน

ไทยรัฐเสนอ 1 นาที

เนชั่นเสนอ 2 นาที

มติชนเสนอ ครึ่งนาที

ผู้จัดการเสนอ...ชั่วครู่

นอกจากนั้น ใครเดินไปหาใคร ก็มีความหมายในข่าวสำคัญ ลองๆ ค้นดูนะครับ

กระทู้นี้ครับ ผมลองๆ จับประเด็นให้ดูแล้ว ว่างๆ จะลองทำสกู้ป วิเคราะห์การนำเสนอข่าวของสื่อ ข่าวเดียวกัน แต่ละสำนักรายงานอย่างไร

ทักษิณ พบ พล.อ.เปรม งานศพมารดา ผบ.ทบ. [29 พ.ค. 51 - 20:11]
http://forum.serithai.net/index.php?topic=26773.0


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 03-06-2008, 00:17
สำหรับหัวข้อกระทู้นี้ เจ้าของกระทู้ อ่านข่าวแบบไม่มีวิจารณญาณ

ซึ่งคุณอโลฮ่าก็บอกแล้ว เค้าอ้างคำพูดสมัคร การจะด่าควรด่าสมัคร หรือ ด่าคนนำเสนอข่าว

นี่คือวิจารณญาณของคนอ่านข่าวครับ


หัวข้อ: Re: สื่อระ-ยำ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 03-06-2008, 00:24
'อภิสิทธิ์' สอนมวย 'สมัคร' ให้ทบทวนวิธีสื่อสารใหม่
ไทยรัฐ[2 มิ.ย. 51 - 14:01]

(http://www.thairath.com/2551/newsthairathonline/Jun/library/02/14.10-m.jpg)
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าววันนี้ (2 มิ.ย.) ถึงสถานการณ์ทางการเมืองและการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงในรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น และต้องการให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้ ขณะเดียวกันยังอยากให้ทุกฝ่ายหาทางออกเพื่อให้บ้าน เมืองสามารถเดินไปข้างหน้า เพราะภาวะปัจจุบันประชาชนมีความเดือดร้อนในเรื่องเศรษฐกิจ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะต้องไม่ทำอะไร ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง โดยทบทวนท่าทีและวิธีการในการสื่อสารกับประชาชนใหม่   
 
.....................

คำว่า "สอนมวย" เป็นการสรุปของคนเขียนข่าว ในข่าวนั้น ๆ
 
วิชาเขียนข่าว 3 หน่วยกิต  ( สำหรับนิสิต/นักศึกษาปี 1 ) เป็นได้ทั้งวิชาเอก วิชาโท...ลอง ๆ ไปลงเรียนไว้ก็ได้ บางสถาบันเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเรียนได้ด้วยครับ