|
หัวข้อ: ถ้าสมมติผมสามารถทำรัฐประหารได้ ผมจะปฏิรูปสิ่งต่างๆดังนี้ เริ่มหัวข้อโดย: prinz_bismarck ที่ 26-05-2008, 23:09 ยกเลิกรธน. 2550 ชั่วคราว ไม่ถึงกับล้มล้าง และจะปรับปรุง รธน. 2550 ในสิ่งต่างๆแล้วค่อยประกาศใช้ใหม่
1.จะยึด ปตท.ให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจดังเดิม ใครจะถือหุ้นไม่ได้ จะออกกฎหมายควบคุมโดยเฉพาะ กำไรที่ปตท.ได้ในแต่ละปีจะกำหนดไม่ให้เกิน 10,000 ล้าน บาท ส่วนต่างมากกว่านี้ต้องนำมาลดให้ประชาชนซื้อน้ำมันได้ถูกที่สุด ผลประโยชน์ของประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก 2.จะปฏิรูประบบการเลือกตั้งใหม่ สส.และสว.จะต้องเลือกตั้งโดยประชาชนที่จบระดับอนุปริญญา-ปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้ละเลยประชาชนที่การศึกษาน้อย เปิดโอกาสให้เลือกตั้งการเมืองในระดับท้องถิ่นได้ และยังให้โอกาสในการล่าชื่อถอดถอนได้ เพียงแต่จำกัดสิทธิ์ให้การเมืองในระดับชาติให้เฉพาะผู้ที่มีปริญญาเท่านั้น การกระทำเช่นนี้เพื่อต้องการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยไปทีละขั้นทีละตอน เหมือนกับสมัยรัชกาลที 5 ที่ออกฏหมายทีละขั้นทีละตอนเพื่อปลดปล่อยทาสไปจนหมดแผ่นดินสยาม จะระบุไว้ด้วยว่าเมื่อค่าเฉลี่ยการศึกษาของประชากรสูงจนเหมาะสมในระดับหนึ่งแล้ว จึงจะให้แก้ไขให้ทุกคนที่อายุครบได้เลือกตั้งทุกคน ถ้ายังไม่ถึงห้ามแก้ไขเด็ดขาด 3.จะปฏิรูประบบการศึกษา จะให้เรียนฟรีตั้งแต่ อนุบาล1-ม.6 ค่าใช้จ่ายในการศึกษารัฐจะเป็นผู้ออกให้ และค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาจะให้มีราคาถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คนจนได้มีโอกาสเรียน การศึกษาเท่านั้นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชาติเจริญ ผมคงได้แต่ฝันว่าซักวันจะมีอัศวินขี่ม้าขาวออกมาปฏิรูปกันจริงๆจังๆ หัวข้อ: Re: ถ้าสมมติผมสามารถทำรัฐประหารได้ ผมจะปฏิรูปสิ่งต่างๆดังนี้ เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 27-05-2008, 16:08 กล้าฟันธงได้ว่า ไอเดียคุณว่าจะทำ 3 ข้อนั่น แค่คิดก็พลาดแล้ว ป่านนี้ยังไม่เข็ดอีกว่า ต่อให้วางกฎเกณฑ์เพิ่ม 1000 มาตรา กำหนดโทษเพิ่มอีก 10000 ข้อ มันก็แก้อะไรไม่ได้ จะไปซ้ำรอยเปิดช่องให้สมานฉันท์ทำไม
สิ่งที่คุณต้องทำหลังปฏิวัติ คือสิ่งเหล่านี้ต่างหาก 1. ไล่ล่าหัวหน้าโจรทั่วโลก เจอเมื่อไรเก็บเลย (ดูตัวอย่างรัสเซียมันเก็บสายลับทรยศที่ลอนดอน) 2. ไปลากคอ ปากห้อย หมอคอม หลงหอ จมูกบาน สารพัด แล้วก็ 111 ตัว แล้วเก็บมันซะ เชือดให้ดูเป็นขวัญตา เพราะหัวหน้าโจรมันปอดแหกที่สุด 3. ถ้ายังมีการจัดม็อบออกมาก่อกวนการรัฐประหาร ก็เอารถถังออกมาลุยพวกเศษเดนได้เลย นี่คืองานเร่งด่วนหลังทำปฏิวัติ ไม่ใช่ไปตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบ้าบอคอแตก แล้วไปสมานฉันท์กับโจร หรือกลัวต่างชาติประณาม ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของผู้ทำปฏิวัติ การเดินขบวนของพันธมิตรไม่มีทางสำเร็จ เพราะพวกนี้ก็ใช้วิธีเดิมๆคือ ปล่อยมันตั้งเวทีไปเรื่อยๆ พูดจนไม่มีอะไรจะพูด เดี๋ยวก็เบื่อกันไปเอง หากผู้ที่มีอำนาจเหนือกองทัพไม่มาร่วมมือ ไม่มีทางเกิดความเปลี่ยนแปลง และจากการปฏิวัติเมื่อปี 49 ก็น่าจะสอนคุณอีกอย่างหนึ่งว่า ปฏิวัติไปแล้วแต่เสือกจะสมานฉันท์ หรือทำไปเพื่อเหตุผลอื่น ความฉิบหายรออยู่ นี่คือยุคโลกาภิวัตน์ ความจริงใจต่อประชาชนสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีประชาชนคุณก็จบเห่ไปด้วย แม้แต่คอมมิวนิสต์สมัยใหม่ยังรู้ข้อนี้ดีจึงปรับตัวไปแล้ว เพียงแต่ประชาชนไม่มีความสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะไม่มีอาวุธ และไม่มีทางปฏิวัติรอบ 3 เพราะถึงตอนนั้นมันเข้าสู่กลียุคเต็มขั้นแล้ว |