ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 14:26



หัวข้อ: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 14:26
โดยรวมสรุปว่าจักรภพตำหนิคนอื่นที่แปลผิด
ตัวเองมีความจงรักภักดี ความหมายที่พูดเป็นคนละความหมาย
พร้อมท้าอภิสิทธิ์มาโต้กันว่าตรงไหนแปลอย่างไร
และด่าอภิสิทธิ์อีกว่าจงใจนำประเด็นนี้มาโจมตีตนเอง

หากใครมีคำแถลง และคำแปลฉบับจริง ช่วยนำมาลงเป็นหลักฐานเปรียบเทียบให้ด้วย

-------------------------------------------------------------------------------------

น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครนำคำพูดภาษาไทยที่จักรภพไปพูดที่ LA มาถามด้วย
อยากทราบว่ามันจะแก้ตัวอย่างไร

ตอนนี้ขออนุญาตไปอ๊วกเอาข้าวเที่ยงออกก่อนนะครับ
 :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 14:45
'จักรภพ'แค่ลากิจ 7 วันแต่ไม่ลาออกโบ้ยคนแปลมีอคติใช้ภาษามาร ท้า'อภิสิทธ์'เผยชื่อคนแปล
     วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 - เวลา 14:37:08 น.
   
  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เรื่องการบรรยายของตนที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ถูกทำให้กลายเป็นประเด็นใหญ่ ทั้งนี้ หากได้อ่านคำบรรยายที่เป็นต้นเรื่อง จะเข้าใจ แต่คนส่วนใหญ่ได้รับรู้เรื่องนี้จากการนำคำพูดของผู้อื่นมาถอดทอดซ้ำ ตนถูกโจมตีด้วยคำพูดคนอื่น ที่ไม่ใช่ของตนเอง ทั้งนี้ เราพบว่าาสาเหตุที่มีการบิดเบือน มีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ 1.การบรรยายดังกล่าวเป็นการบรรยายภาษาอังกฤษ และเป็นการพูดสด ซึ่งไม่มีคำบรรยายคำต่อคำล่วงหน้า โดยเป็นการพูดยาวประมาณ 45 นาที ซึ่งหมายความว่า ถ้าจะเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จำเป็นต้องมีการแปลเป็นไทยเสียก่อน ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับคนแปลว่า จะแปลอย่างซื้อสัตย์หรือแปลอย่างฉ้อฉล

นายจักรภพ กล่าวต่อว่า 2.การพูดต่อชาวต่างประเทศ ซึ่งเข้าใจสังคมบริบทของสังคมไทยน้อยกว่าคนไทย ทำให้จำเป็นต้องลำดับความขั้นๆ ก่อนเข้าสู่ข้อสรุป ดังนั้น การบรรยายต่างๆ จึงไม่สามารภนำมาเปรียบเทียบกับการพูดกับคนไทยได้ และ3.การบรรยายดังกล่าวเป็นการบรรยายเชิงวิชาการ คู่กับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่การพูดเรื่องการเมืองหรือการให้นโยบาย

'ผมยอมรับว่ารู้สึกโกรธที่ถูกกว่าหาว่าไม่จงรักภักดี เนื่องจากเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับตัวเอง รัฐบาล ครอบครัว เพื่อนพ้อง ซึ่งทุกคนได้รับผลกระทบ และมีความกังวลใจ จึงถือว่าเรื่องนี้สำคัญ ที่ผมต้องอธิบายให้ชัด แต่วันนี้ผมจะพูดคร่าวๆ ว่า ความจงรักภักดีของผมและครอบครัวนั้น เป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากครอบครัวผมเป็นครอบครัวทหารอากาศมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ ซึ่งพ่อและพี่ชายก็เป็นทหารอากาศ ดังนั้น ตั้งแต่เด็กๆ ผมจึงถูกปลูกฝังให้ผมรู้ถึงความสำคัญ แบะความหมายของสถาบันกษัตริย์มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมเคยเขียนกลอนในการเฉลิมพระเกียรติหลายครั้ง

นายจักรภพ กล่าวว่า จะลากิจ 7 วัน แต่ไม่ลาออกจากรัฐมนตรี ขอให้สังคมตัดสินจากเอกสารคำแปลที่แจก

นายจักรภพ กล่าวอีกว่า ผมเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นรัฐมนตรี ทำหน้าที่ถวายงานแด่พระบรมวงศ์ษานุวงศ์ งานที่เกี่ยวกับโครงการพระดำริ แต่ไม่ใช่เรื่องของความดีเป็นเรื่องของจิตใจ เพราะสถาบันระดับสูงเป็นเรื่องเบื้องสูง คนที่ปลุกเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อสังคม

"ผมอยากให้แต่ละคนรับเอกสารไปคนละ 1 ชุด มีเอกสาร 4 อย่าง 1. คำบรรยายอังกฤษ 2.คำแปลภาษาไทย 3.สำนวนแปลของผู้แจ้งความ 4.สำนวนแปลของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสามารถหาอ่านได้ในเว็บไซต์ www.thaigov.co.th www.opm.go.th และ www.pantip.com " นายจักรภพกล่าว

นายจักรภพ กล่าว่า เจตนานของการแปลเป็นการแปลที่มีออคติ เป็นการแปลภาษาอังกฤษที่ผิด การแปลมีเจตนาให้เกิดเรื่อง เพื่อจะดูว่าของจริงเป็นอย่างไร มีการแปลให้เป็นภาษามาร เป็นความแตกต่างในการแปล

"ผมจึงอยู่เฉยไม่ได้ และได้มอบให้ทีมงานทางกฎหมายดำเนินการกับปชป. ในการใช้สถาบันมาทำลายพรรคการเมืองเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพประชาธิปัตย์ จงแสดงความรับผิดชอบออกมา ระบุชื่อนามสกุลของคนแปลฉบับปชป.ออกมา หากหาคนแปลไม่ได้ให้ นายอภิสิทธิ์ค้ำประกันการแปล" นายจักรภพกล่าว

"ผมขอบอกไว้ตรงนี้ว่าเรื่องนี้เป็นการพิสูจน์ว่าระหว่างผมกับนายอภิสิทธิใครจะมีความจงรักภักดีมากกว่ากัน  ใครเป็นคนดึงฟ้าต่ำสังคมกำลังรอตัดสิน พร้อมเผชิอญหน้ากับนายอภิสิทธิ์ทุกเวที บอกว่าที่ไหนอย่างไร บอกว่าจะใช้วิธีการอย่างไร  เสียดายอภิสิทธิ์นักการเมืองรุ่นใหม่ แต่มีความคิดเก่าสุดกู่"

นายจักรภพกล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทัพเป็นความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลและกองทัพเป็นเรื่องที่เข้าใจดีว่าทหารเป็นองค์กรสำคัญที่สุดของบ้านเมืองการรักษาพระราชบัลลังก์ ทหารย่อมโกรธย่อมเชื่อว่าทหารจะเข้าใจเมื่อเห็นเอกสารฉบับนี้ ขอบคุณทหารและกองทัพที่ออกมาปกป้องเชื่อว่าวันนี้จะยุติปัญหาที่คนมาคอยเสี้ยมได้

นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอขอบคุณบุคคล 2 คน ได้แก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยเมื่อพล.อ.สุรยุทธ์ได้ถอดหัวโขนออก ก็ได้ให้ความเห็นอย่างน่ารับฟังและต้องปฏิบัติตาม ซึ่งระบุว่า ทุกฝ่ายไม่ควรนำสถาบันมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งทัศนะนี้ 2 คนนี้ ตนขอคารวะ แม้เราจะคิดเรื่องการเมืองต่างกัน แต่เราคิดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ตรงกัน นอกจากนี้ ผมขอเรียนสื่อมวลชนและประชาชน เนื่องจากเรื่องนี้ ต้องใช้เวลาในการอ่านเป็นเวลานาน ผมจึงได้ขอนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลากิจเป็นเวลา 7 วัน เนื่องจากทุกคนควรมีเวลาอ่านเรื่องนี้ และตัดสินตนในเบื่องต้น ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง เพื่อนำความเห็นต่างๆ มาประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการต่อไป

'ช่วงเวลา 3 - 4 วัน มีคนให้ความเห็นเรื่องนี้มากมาย และมีความเห็นทุกประการจากทุกคน แต่ผมไม่ขอเจาะจง และสุดท้ายผมเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้เอง โดยยืนยันว่าตนไม่มีเหตุผลที่จะลาออก เพราะหากออกไปตอนนี้ สังคมจะไม่ได้ทราบความจริง ทำให้คนที่เสี้ยมได้ ก็จะเสี้ยมต่อไป โดยผมต้องรับผิดชอบส่วนของผม เนื่องจากเป็นการกล่าวหาที่สำคัญ การลาออกตามกระบวนการที่พันธมิตรและพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้อง คงไม่ได้ ผมต้องการทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง โดยเชื่อว่าเรื่องนี้จะผ่านพ้นไป และทุกฝ่ายจะสบายใจ ผมต้องการให้สังคมที่มีสติสัมปะชัญญะนำเอกสารเหล้านี้ไปศึกษา' นายจักรภพ กล่าว

นายจักรภพ กล่าวถึงการฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตีว่า ตนได้ให้ฝ่ายกฎหมายดูเรื่องการฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่เรื่องการฟ้องร้องถือว่ามีความเร่งด่วนน้อยกว่า การที่ตนจะชี้แจงตัวเอง โดยการเอาผิดคนที่ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ ตนจะดำเนินการต่อไปในก็อก 2

เมื่อถามว่า ในเมื่อมีการแปลคำบรรยายดังกล่าวหลายเวอร์ชั่น สมควรจะหาคนกลางมาแปลหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า อยากให้มีการแปลหลายสำนวน โดยเฉพาะจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ เช่น ศาล อัยการ และตำรวจ แต่ตนจะไม่ดำเนินการเอง เพราะต้องเคารพวิจารณญานของพนักงานสอบสวน และเราจะไม่กดดันพนักงานสอบสวนทั้งทางตรงและทางอ้อม

'ผมไม่ถูกโดดเดียว แต่เรื่องนี้เป็นการรับผิดชอบส่วนบุคคล ดังนั้น จะไปได้ดึงใครเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ ผมต้องอธิบายด้วยตัวเอง ดังนั้น การที่ระบุว่าผมถูกโดดเดียว ถือว่าไม่ใช่ ผมถูกกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูง จึงต้องพิสูจน์ตัดสินอนาคตด้วยตนเอง ความเห็นของคนอื่น ผมแค่เอามาประกอบเป็นเหตุผล นอกจากนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) เพราะนปก.ถือว่าเป้นการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราไม่ได้มองในแง่นปก. แต่ความรักกันส่วนตัวระหว่างนปก. คงไม่มีทางลบเลือนไปได้' นายจักรภพ กล่าว

นายจักรภพ กล่าวว่า ตนเป็นนักการเมืองประชาธิปไตย เมื่อมีคนถามเรื่องนี้มา ก็ต้องตอบไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่ถือว่าตนเป็นเป้า ตนคิดว่าเรื่องนี้ถือว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ตนได้เริ่มชีวิตทางการเมือง โดยมีโอกาสได้เคลียร์ให้ตัวเองสะอาดเรื่องนี้ก่อน ตนจะอธิบายเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ถือว่าทำให้ตนสามารถปักเสาทางการเมืองได้มากขึ้น และต้องขอบคุณคนที่ยกเรื่องนี้ขึ่นมาอยู่ลึกๆ ในใจ

นายจักรภพ กล่าวถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า พล.อ.เปรมเป็นบุคคลเดียวที่ตนเอ่ยชื่อถึงในการบรรยายดังกล่าว และเรื่องวันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพล.อ.เปรม แต่เป็นเรื่องของสถาบันกษัตริย์ ดังนั้น การที่ตนจะไปพาดพิงต่อใครอื่นที่ไม่ใช่สถาบัน ก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณากัน ส่วนจะสามารถแยกพล.อ.เปรมออกจากสถาบันกษัตริย์ได้อย่างไรนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า 'องคมนตรีมีหน้าที่ให้คำปรึกษาพระมหากษัตริย์ แต่องคมนตรีไปให้คำปรึกษาคนอื่น ก็ไม่ถือว่าเป็นหน้าที่องคมนตรี พล.อ.เปรมในฐานะที่เป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทุกคนก็เถิดไว้ เราต้องแบ่งเส้นให้ชัดเจนระหว่างเรื่องนี้'
     
นายจักรภพ กล่าวถึงการทำหนังสือด่วนถึงสถานีโทรทัศน์ 'เอ็นบีที' ให้จัดทำรายการเฉลิมพระเกียรติ ว่า ไม่ได้มีหนังสือฉบับนั้นอย่างปัจจุบันทันด่วน และการทำหนังสือดังกล่าวไม่ใช่การแสดงความจงรักภักดี เพื่อปกป้องตัวเอง เพราะตั้งแต่วันแรกที่ได้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้ถวายงานมาแล้วหลายครั้ง แต่จะไม่เอามาคุยโต เพราะถือเป็นมารยาทของสังคมม แต่เนื่องจากตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงต้องมีเอกสารราชการและต้องมีหนังสือไปอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่ฉบับแรก เพราะมีอีกหลายเรื่องก่อนหน้านั้น

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ต้องไปถามจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ฯ มากกว่าที่จะถามจากตน ซึ่งเราได้เห็นว่า การชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมามีทีท่าว่าจะลุกลามได้ แต่ก็สามารถดับได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสามารถหยุดความรุนแรงได้

นายจักรภพ กล่าวถึงเว็บไซต์หมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ ว่า เรื่องเว็บไซต์เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม การปิดเว็บเฉยๆ ไม่ใช้การแก้ไขปัญหา เพราะการแก้ไขปัญหาที่แก้จริง ต้องดูว่าใครอยู่เบื่องหลังและทำอย่างไร ต้องทำให้ถึงก้นบึ้งของปัญหา โดยเชื่อว่ารัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ได้ดูข้อกฎหมายนี้แล้ว

http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2127

แก้ไข อัปเดตข่าวเพิ่มเติมครับ


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 26-05-2008, 14:54
 :slime_bigsmile:

ตอนนี้ เมืองไทยแปลผิดกันหมดทุกสำนัก อีหน่อยสถาบันเอยูเอ และสถาบันภาษาอังกฤษของครูเคท

คงจะตกอันดับ เพราะว่า จักรภพเข้าใจภาษาอังกฤษที่ถูกต้องเพียงคนเดียว   :slime_v:

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 26-05-2008, 15:03
อยากให้โพลทุกสำนัก ไปสำรวจความคิดเห็นของชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย ว่า ..

คำพูดของนายจัรภพ มีความหมายออกไปในแนวทางใด เช่น เป็นด้านบวก ด้านลบ ฯลฯ

...


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 15:05
ไม่ต้องทำโพลให้เสียเวลาหรอกครับ
แถแก้ตัวนักก็เอาเทปภาษาไทยไปตอกหน้าซักที
อยากรู้ว่ามันจะแก้ตัวแปลผิดอีกหรือเปล่า

 :slime_hitted: :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: เช็คบิล ที่ 26-05-2008, 15:08
กำลังรออยู่เลย เข้าไปเว็บลูกกรอกมาแล้ว มันยังไม่เอาขึ้นมา

แต่แปลกใจว่า เดี๋ยวนี้มาเล่นกับเว็บที่ไม่ใช่ของทางราชการเลยเหรอ? มันแปลกไหมล่ะ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 26-05-2008, 15:08
ทำผิดแล้วยังหน้าด้านไปได้เรื่อยๆ  :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 26-05-2008, 15:13
จักรภพ แฉสิ้นใส้ ว่ามัน ซูเอี๋ย กันกะเว็บ pantip




คงเห็นว่าลิ่วล้อเย๊อะดี     ถ้ามาให้โหลดที่ เสรีไทยฯ สงสัยหยังเขียดแห้งตายซาก


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 26-05-2008, 15:22
จักรภพ แฉสิ้นใส้ ว่ามัน ซูเอี๋ย กันกะเว็บ pantip

คงเห็นว่าลิ่วล้อเย๊อะดี     ถ้ามาให้โหลดที่ เสรีไทยฯ สงสัยหยังเขียดแห้งตายซาก

ขอภาวนา ตำรวจ และอัยการ อย่าได้ซูเอี๋ยกับคนผิด   :slime_worship:

...


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 26-05-2008, 15:28
เด็กชายมาร์คจบOxford U มาได้ไงหว่า...วันๆขอแต่นายกฯม.เจ็ด    กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: boy friend ที่ 26-05-2008, 15:42
เด็กชายมาร์คจบOxford U มาได้ไงหว่า...วันๆขอแต่นายกฯม.เจ็ด    กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก :slime_smile2:

เค้าพูดถึงอีเพ็ญเกี่ยวอะไรกับมาร์ค ไอ้หงอกเหลี่ยมชอบป่วนกระทู้กลับไปบ้านเมิงไป


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: Crystal Castle ที่ 26-05-2008, 15:49
ผมว่า แก้ตัวแล้วฟังไม่ขึ้นจริงๆครับ

ขอยกตัวอย่าง
สำหรับย่อหน้าที่มีปัญหามากที่สุด

แก้ตัวว่า state of myth คือ เป็นตำนาน
ที่แปลว่า เทพนิยายนั้นผิด 

อยากบอกว่า คุณลองไปเปิดพจนานุกรมก่อนมาพูดมั่วๆ
มันแปลว่า เทพนิยายได้เหมือนกัน
แต่ใจความหลักคือ myth เป็นสิ่งที่อาจจะไม่ใช่ความจริง

คุณไม่ได้พูดถึงประโยคตามหลังนั้นเลยว่า
People don’t know whether or not they’re talking about realities or belief

น่าเวทนาเมืองไทยที่มีรมต.อย่างนี้             :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 26-05-2008, 15:50
เรื่องภาษาอังกฤษของเพ็ญ ให้พี่ลูกหินมาเล่าดีกว่า เห็นว่าเคยเจอตัวเป็นๆ โต้ปะกิตกันจะๆ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: BeastGuy ที่ 26-05-2008, 15:54
ทำไมสื่อไม่ค่อยเสนอข่าวอันที่พูดเป็นภาษาไทยล่ะ
เห็นแต่เสนอข่าวไอ้ที่จะแปลมาอยู่ได้
เพ็ญก็พูดถึงที่ตัวเองพูดภาษาไทยบ้างเด่ะ เด่อเอ้ย


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 16:07
+++++ Clip รมต.จักรภพ แถลงข้อเท็จจริง กรณีถูกกว่าหาว่าหมิ่นสถาบัน+++++

รมต.ประจำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข้อเท็จจริงกรณีถูกกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ณ ตึกนารีสโมสร

วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 14.00 - 15.01 น.
ไฟล์ .zip  320 x 240 pixel   97.04 MB

DL ที่ http://www.mediafire.com/?jybuwvtef5n  ครับ

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6644100/P6644100.html




หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 16:09
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6643895/P6643895.html

คำแปล FCCT โดยจักรภพ

คำแปลโดยนายจักรภพ เพ็ญแข  และคณะ

(จักรภพ)  ขอบคุณมากครับโจนาธาน

ท่านแขกผู้มีเกียรติและมิตรสหายทั้งหลาย ผมตั้งใจจะกล่าวในรายละเอียด               ถึงเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งประสบมา เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงสถานะของผม       ผมเพิ่งออกมาจากเรือนจำของคุณเปรม ซึ่งไม่ใช่เรือนจำทั่ว ๆ ไป แต่เป็นเรือนจำ       ของคุณเปรม เป็นวิธีการสื่อสารโดยตรงกับสาธารณชนว่าเขาเป็นบุคคลที่ถูกแตะต้องไม่ได้ คุณเปรมเป็นใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆ นั้นจริงหรือ  นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราจะพูดคุยกันในคืนนี้ เพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของประชาธิปไตยของไทยดังที่ท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้ว ทั้งนี้  ท่านทั้งหลายต่างก็มีข้อมูลและความรู้ที่ดีมากเกี่ยวกับประเทศไทย                และสถานการณ์ที่สลับซับซ้อนและชวนปวดหัวอย่างไม่จำเป็นของการเมืองไทย          โจนาธาน (ผู้ดำเนินรายการ) ได้ตั้งหัวข้อในการสนทนาให้ผมที่กว้างมาก                เรื่องประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาในเรื่องกระบวนการพัฒนาสู่ประชาธิปไตยของไทย ผมจะพยายามนำเสนอหัวข้อนี้อย่างที่ดีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ของประเทศไทย    ในขณะนี้คงไม่มีหัวข้ออื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยในปัจจุบันนี้มากไปกว่าหัวข้อที่เราจะพูดคุยกันในวันนี้อีกแล้ว ผมมีความเห็นว่าวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากการปะทะกันโดยตรงของวิถีทางประชาธิปไตย และระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงและจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายต่างต้องเดิมพันสูงมาก สองฝ่ายนี้ผมหมายถึงวิถีทางประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ และถ้าท่านนำผลของการลงประชามติ เมื่อ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง ท่านจะเห็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง     คนไทยจำนวนร้อยละ 56 และร้อยละ 41 ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีครั้งใดที่คนจำนวนมาก ขนาดนั้นจะลุกขึ้นมาประกาศว่าเราไม่ต้องการะบบอุปถัมภ์อีกต่อไป   สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการคือประชาธิปไตย ไม่ใช่ใครสักคนที่จะมาตบหลัง ตบไหล่  แล้วบอกว่าฉันจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นเล็กน้อย แต่เธอควรจะต้องสำนึกบุญคุณ  ของฉันเป็นอย่างยิ่ง    บัดนี้ได้เวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงความเข้าใจในเรื่องสิทธิโดยธรรมชาติของประชาชนคนไทยว่าเราไม่แตกต่างกับประชาชนคนชาติอื่นๆ   ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ภายในชั่วชีวิตของท่าน            การเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ เวลานี้

จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:48:48 A:202.47.237.156 X: ]


       ความคิดเห็นที่ 1

      อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยของเราได้เริ่มต้นขึ้นด้วยระบบอุปถัมภ์ ท่านทั้งหลายในที่นี้เกือบทุกท่าน คงได้เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยและประวัติศาสตร์ของเรา   โดยย่อ เพราะเราตัดสินใจที่นับประวัติศาสตร์ของเราย้อนหลังไป 700 ปี                 และข้ามประวัติศาสตร์อีก 300 ปีก่อนหน้านั้น เพราะมันไปเกี่ยวพันกับปัญหา        ความยุ่งยากในภาคใต้ นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกที่จะนับจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไปที่ 700 ปีก่อน ในยุคสมัยของสุโขทัย เรามีสุโขทัยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรที่ต่อมา    ได้กลายมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานของยุคสมัยสุโขทัย เราได้รับการเรียนรู้และทำให้เชื่อว่ากษัตริย์พระองค์หนึ่งสมัยสุโขทัย คือ กษัตริย์พระองค์นั้น มีพระนามว่า รามคำแหง ซึ่งถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ต้องเรียกว่า                พ่อขุนรามคำแหง   คติที่ว่ากษัตริย์คือองค์สมมติเทพยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยสุโขทัย ดังนั้น  ในยุคสมัยสุโขทัยเราจะเคารพและนับถือกษัตริย์ เพราะความที่ทรงเป็นเสมือนบิดาผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความเมตตากรุณาต่อประชาชน และเป็นผู้ที่หยิบยื่นสิ่งที่ประชาชนต้องการในเวลาที่ประชาชนต้องการ ตัวอย่างที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งคือ การที่ท่านพ่อขุนรามคำแหงได้จัดให้มีการติดตั้งระฆังไว้ที่หน้าวัง ประชาชนคนใดที่มีปัญหาสามารถมาตีระฆัง แล้วท่านพ่อขุนรามฯ ก็จะเสด็จออกมา หรือข้าราชบริพารก็จะออกมาแก้ปัญหาให้ นี่คือบทเรียนบทแรกที่เด็กนักเรียนของไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการปกครองของไทยว่า เราต้องการพึ่งพาใครสักคน ถ้าเรามีปัญหา ให้ไปหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำไป เราได้เข้าไปสู่ระบบอุปถัมภ์ เพราะเราถามหาการพึ่งพาอาศัย ก่อนที่เราจะพิจารณาถึงความสามารถของตนเองในการแก้ไขปัญหา แนวคิดพื้นฐานนี้เองที่ทำให้คนไทยเราแตกต่างจากคนชาติอื่น ๆ ทั่วโลก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรา ในยุคสมัยสุโขทัย เรามีพระมหากษัตริย์ที่ปฏิบัติพระองค์เป็นที่พึ่งพิงของประชาชนเช่นนั้น ดังนั้นประชาชนจึงหน้าที่ในถวายความจงรักภักดี ประชาชนศรัทธาในระบบซึ่งปกครองพวกเขา เพราะนั่นคือระบบการปกครองที่ใช้ได้ผลในยุคสมัยนั้น และไม่มีระบบอื่นใดที่จะมาแข่งขันหรือแทนที่ หรือถ้าจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งในเวลานั้นไม่มีแนวความคิด หรือวิธีการที่เหมาะสมกว่าในการปกครองราชอาณาจักรของไทย ดังนั้นวิธีการปกครองประเทศเช่นนั้นจึงเป็นระบบที่ดีที่สุดในเวลานั้น

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:50:15 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 2

      หลังจากนั้นก็ถึงยุคสมัยของอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเป็นเวลานานกว่า 400 ปี คติเรื่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพได้รับการเผยแพร่เข้ามาในสมัยอยุธยาผ่านทางอารยธรรมขอม คติที่ว่าถือว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ กษัตริย์ทรงเป็นตัวแทนของบรรดาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูและเทพเจ้าอื่น ๆ ได้รับการยอมรับในประเทศไทยในสมัยนี้ ดังนั้นระบบของการอุปถัมภ์ที่ให้ความช่วยเหลือ หรือเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้รับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบของการให้ความคุ้มครอง ถ้าท่านจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ท่านจะได้รับความคุ้มครอง และเพื่อที่จะย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการให้ความคุ้มครองนี้ ถ้าท่านมีพฤติการณ์ในทางอื่น ท่านจะต้องถูกลงโทษ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าในสมัยอยุธยามีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอยหลัง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพัฒนาขึ้น ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม ระบบนี้เป็นการผสมผสานกันของการมีความเมตตากรุณาเยี่ยงบิดาผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พ่อขุน และระบบของการมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เราอาจจะกล่าวได้ว่าพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยาทรงมีพระราชอำนาจ    สูงมาก และทัศนคติของการใช้พระราชอำนาจเพิ่งเป็นที่ยอมรับแพร่หลายในสมัย       นั้นด้วย และถ้าผู้ที่มีอำนาจมีความเมตตากรุณาด้วย ท่านก็จะได้รับประโยชน์จากอำนาจนั้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าสมัยอยุธยาได้สอนคนไทยให้เรียนรู้ที่จะอยู่กับอำนาจ เรียนรู้ว่าจะอยู่กับอำนาจได้อย่างไร จะเอาตัวรอดจากอำนาจได้อย่างไร และทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกอำนาจนั้นทำร้าย แต่ยิ่งไปกว่านั้น สมัยอยุธยายังก่อให้เกิดรูปแบบของความสัมพันธ์แบบใหม่ คือความสัมพันธ์ของนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางกับไพร่ หรือสามัญชน และนั่นคือสมัยอยุธยา
      หลังจากนั้นเราก็มาถึงยุครัตนโกสินทร์ โดยผมขอข้ามระยะเวลา 12 ปีของสมัยธนบุรี   ในยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเราอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จักรีผู้ทรงก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น ยุคสมัยนี้คือสิ่งที่เป็นการผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยาและทักษะสมัยใหม่ที่เราอยากจะเรียกว่า “การบริหารจัดการความรู้” เราอาจกล่าวได้ว่า        ความรุ่งเรืองของการปกครองโดยพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ผสานกับพระราชอำนาจในสมัยอยุธยา และสถานะของพระราชวงศ์ที่เป็นดังสมมติเทพได้รับการผสมผสานในยุครัตนโกสินทร์กับระบบของการ “บริหารจัดการความรู้” ในยุครัตนโกสินทร์คือยุคที่ความรู้คืออำนาจดังที่คนจำนวนไม่น้อยเชื่อเช่นนั้น และนั่นคือเหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรัสเป็นภาษาอังกฤษในราชสำนัก และทรงได้นำการศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ตลอดจนการประดิษฐ์ มาสู่ประเทศไทย  และทรงโปรดให้มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยในยุคนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงทรงมีที่มาของพระราชอำนาจอีกประการหนึ่ง ประชาชนไม่ได้คิดแค่เพียงว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือพระบิดาของชาติผู้ทรงเมตตากรุณาเท่านั้น แต่ประชาชนมองว่าพระองค์ทรงเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย และเรายังคำนึงถึงพระองค์ท่านเช่นนั้นแม้จนในทุกวันนี้ เราอาจกล่าวได้ว่าระบบการปกครองของไทยในสมัยนั้นได้เป็นไปในทิศทางที่ว่าบรรดาผู้นำและผู้ปกครองได้ดำเนินการอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่าผู้นำและผู้ปกครองสามารถเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้ วิธีการที่แสดงถึงการเป็นหลักเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของเวลาดังที่ผมได้เรียนท่านมาแล้ว

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:50:57 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 3

      หลังจากนั้นก็ถึงยุคสมัยของอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเป็นเวลานานกว่า 400 ปี คติเรื่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพได้รับการเผยแพร่เข้ามาในสมัยอยุธยาผ่านทางอารยธรรมขอม คติที่ว่าถือว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ กษัตริย์ทรงเป็นตัวแทนของบรรดาเทพเจ้าของศาสนาฮินดูและเทพเจ้าอื่น ๆ ได้รับการยอมรับในประเทศไทยในสมัยนี้ ดังนั้นระบบของการอุปถัมภ์ที่ให้ความช่วยเหลือ หรือเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้รับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบของการให้ความคุ้มครอง ถ้าท่านจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ท่านจะได้รับความคุ้มครอง และเพื่อที่จะย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการให้ความคุ้มครองนี้ ถ้าท่านมีพฤติการณ์ในทางอื่น ท่านจะต้องถูกลงโทษ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าในสมัยอยุธยามีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอยหลัง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพัฒนาขึ้น ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม ระบบนี้เป็นการผสมผสานกันของการมีความเมตตากรุณาเยี่ยงบิดาผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พ่อขุน และระบบของการมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เราอาจจะกล่าวได้ว่าพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยาทรงมีพระราชอำนาจ    สูงมาก และทัศนคติของการใช้พระราชอำนาจเพิ่งเป็นที่ยอมรับแพร่หลายในสมัย       นั้นด้วย และถ้าผู้ที่มีอำนาจมีความเมตตากรุณาด้วย ท่านก็จะได้รับประโยชน์จากอำนาจนั้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าสมัยอยุธยาได้สอนคนไทยให้เรียนรู้ที่จะอยู่กับอำนาจ เรียนรู้ว่าจะอยู่กับอำนาจได้อย่างไร จะเอาตัวรอดจากอำนาจได้อย่างไร และทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกอำนาจนั้นทำร้าย แต่ยิ่งไปกว่านั้น สมัยอยุธยายังก่อให้เกิดรูปแบบของความสัมพันธ์แบบใหม่ คือความสัมพันธ์ของนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางกับไพร่ หรือสามัญชน และนั่นคือสมัยอยุธยา
      หลังจากนั้นเราก็มาถึงยุครัตนโกสินทร์ โดยผมขอข้ามระยะเวลา 12 ปีของสมัยธนบุรี   ในยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเราอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จักรีผู้ทรงก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น ยุคสมัยนี้คือสิ่งที่เป็นการผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยาและทักษะสมัยใหม่ที่เราอยากจะเรียกว่า “การบริหารจัดการความรู้” เราอาจกล่าวได้ว่า        ความรุ่งเรืองของการปกครองโดยพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ผสานกับพระราชอำนาจในสมัยอยุธยา และสถานะของพระราชวงศ์ที่เป็นดังสมมติเทพได้รับการผสมผสานในยุครัตนโกสินทร์กับระบบของการ “บริหารจัดการความรู้” ในยุครัตนโกสินทร์คือยุคที่ความรู้คืออำนาจดังที่คนจำนวนไม่น้อยเชื่อเช่นนั้น และนั่นคือเหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรัสเป็นภาษาอังกฤษในราชสำนัก และทรงได้นำการศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ตลอดจนการประดิษฐ์ มาสู่ประเทศไทย  และทรงโปรดให้มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยในยุคนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงทรงมีที่มาของพระราชอำนาจอีกประการหนึ่ง ประชาชนไม่ได้คิดแค่เพียงว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือพระบิดาของชาติผู้ทรงเมตตากรุณาเท่านั้น แต่ประชาชนมองว่าพระองค์ทรงเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย และเรายังคำนึงถึงพระองค์ท่านเช่นนั้นแม้จนในทุกวันนี้ เราอาจกล่าวได้ว่าระบบการปกครองของไทยในสมัยนั้นได้เป็นไปในทิศทางที่ว่าบรรดาผู้นำและผู้ปกครองได้ดำเนินการอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่าผู้นำและผู้ปกครองสามารถเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้ วิธีการที่แสดงถึงการเป็นหลักเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของเวลาดังที่ผมได้เรียนท่านมาแล้ว

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:51:28 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 4

      บัดนี้เราอยู่ในยุคของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว        ภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่เก้า เรามีระบบที่ผสมผสานของแนวคิดทุกอย่าง และจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ยาวนานถึงมากกว่า 60 ปีแล้ว พระองค์ทรงได้รับการยกย่องเป็นตำนาน  (Myth) สถานภาพของพระองค์ในประเทศไทยจึงได้รับการเผยแพร่ คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เผยแพร่กันไปเกี่ยวกับพระองค์ท่านนั้นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นความเชื่อ ทั้งนี้เพราะพระองค์      ทรงครองราชย์มานานมากจนพระองค์ทรงเป็นทุกอย่างที่ได้มีการกล่าวถึง พระองค์   ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักวิทยาศาสตร์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักมาก และทรงได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยของไทย   ในแนวคิดใหม่ ดังนั้น  เรากำลังเผชิญเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ที่เป็นตัวแปรอยู่ในสังคม แล้วเราต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ใหม่ เราได้พลาดโอกาสที่สำคัญในอดีต เช่น เมื่อท่านปรีดี พนมยงค์ ผู้นำพลเรือนได้ทำการอภิวัฒน์ในปีพ.ศ. 2475 และเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชไปสู่ระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเหตุการณ์อภิวัฒน์นั้นเกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงรัชกาลที่ 7 ในภายหลังท่านปรีดีได้กล่าวว่าท่านได้เห็นอำนาจเมื่อท่านอายุ 32 แต่เมื่อท่านอายุใกล้ 50 ท่านก็สูญเสียอำนาจโดยสิ้นเชิง และต้องลี้ภัยไปอยู่ปักกิ่งถึง 10 ปี และใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายที่ฝรั่งเศส ท่านไม่ได้กลับคืนสู่ประเทศไทยอีกเลย เว้นแต่เถ้ากระดูกของท่านเท่านั้น ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับอำนาจ เมื่อข้าพเจ้าอายุมากขึ้น และเรียนรู้ว่าควรทำอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไร้ซึ่งอำนาจ แนวคิดของการมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเป็นเสมือนเครื่องเตือนให้เราตระหนักว่าเราอาจต้องการผู้นำที่จะมาดำเนินการจัดลำดับความสำคัญต่าง ๆ ให้เรา

      ท่านเห็นหรือไม่ครับ ทุกสิ่งที่ผมได้เล่าให้ท่านฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นำไปสู่ความ    ยึดมั่นของคนไทยว่า การที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีความเมตตากรุณาเช่นนี้แล้ว เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีประชาธิปไตย เราถูกชักนำให้เชื่อว่ารูปแบบของรัฐบาลที่ดีที่สุด คือประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำหรือภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   แนวคิดที่พัฒนามาในลักษณะนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นการปะทะกันระหว่างวิถีทางประชาธิปไตยของไทยและระบบอุปถัมภ์  หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า คนไทยถูกทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับระบบอุปถัมภ์ เราเริ่มประดิษฐ์คำอย่างเช่น “ไม่เป็นไร” ซึ่งอาจหมายความเช่นนั้นเพราะไม่มีวิธีการอื่นที่จะกล่าวแล้ว เราคิดค้นระบบของการยิ้มตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะการยิ้มเป็นทางออกของปัญหาอย่างหนึ่ง อาจเป็นเพราะเราไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้ในเวลานั้น และเรายังมีความเชื่อที่ว่าค่าของคนคือคนของใคร ซึ่งเป็นการวัดคุณค่า  ของคนบนพื้นฐานของฐานะหรือสังกัดของคน ซึ่งความคิดและถ้อยคำที่ใช้ในลักษณะนี้มาจากความรู้สึกที่ว่าการอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ยอมรับได้

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:52:01 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 5

      ผมเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1992 และในเวลานั้นผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนต้องโกรธเมื่อมีคนพยายามช่วยเหลือพวกเขา เพื่อนของผมบางคนตอบโต้ผมด้วยความโกรธ รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่ผมเกี่ยวข้องด้วย เขาจะบอกว่าไม่ต้องมาทำเป็นดีกับฉัน ไม่ต้องมาช่วยฉัน ผมไม่เคยเข้าใจพวกเขาเพราะการได้รับความช่วยเหลือหรือการอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ถูกต้องในความคิดของผมในเวลานั้น การได้รับการยกยอ หรือชื่นชมก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะชีวิตของเราต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นการได้รับการอุปถัมภ์จึงไม่ใช่การไม่มีอารยธรรม แต่เวลานี้เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และทำให้เกิดความขัดแย้งในปัจจุบัน เพราะเวลานี้มีคนจำนวนมากที่ก้าวออกมาและประกาศว่าเราไม่ต้องการความสุขลมๆแล้งๆแบบนั้นอีกแล้ว     คนกว่าร้อยละ 41 ได้กล่าวปฏิเสธต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเผด็จการ และ           กลุ่มผู้สนับสนุนเผด็จการ ซึ่งเป็นผลของการพยายามในส่วนของภาครัฐที่ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ประเทศไทยทั้งประเทศกลายเป็นประเทศที่พูดคำว่า “ได้ครับ” เป็นอย่างเดียว ท่านยังคงจำได้เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มีคนส่วนหนึ่งเชื่อว่ามีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในกระบวนการรณรงค์ให้คนยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ หรือการนับคะแนนเสียง แต่เมื่อ   นับรวมกับวิธีการเทคนิคต่าง ๆ ที่บรรดา “พี่ใหญ่” ทั้งหลายใช้ พวกเขาได้เสียงสนับสนุนเพียงร้อยละ 56 ซึ่งแทคติคนั้นรวมถึงการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และอาจจะมีนอกเขตกรุงเทพฯด้วย แต่ผมไม่เห็นนะครับ ผมเห็นแต่ป้ายขนาดใหญ่ตลอดข้างทางดอนเมืองโทลเวย์จากสนามบินเก่าของเรา คือดอนเมือง ข้อความพวกนั้นก็เป็นไปในทำนองที่ว่าพวกเราคนไทย ควรจะออกเสียงไปในทิศทางเดียวกัน เราเชื่อมั่นใน          สิ่งเดียวกัน เราต้องลงคะแนนเสียงเหมือน ๆ กัน แต่สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือชื่อที่ลงท้ายข้อความต่าง ๆ ในป้ายขนาดใหญ่เหล่านั้น มีการระบุว่าเป็นกลุ่มคนใส่เสื้อเหลือง      หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อนับคนใส่เสื้อเหลืองกลุ่มนั้นรวมกับเทคนิควิธีการต่าง ๆ แล้ว ก็ยังได้คะแนนเสียงแค่ร้อยละ 56 และนั่นคือปัญหาที่ใหญ่มาก ประเทศไทยของเราอยู่ใน      หัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงเรื่องราวระหว่างวิถีทางประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ก็คือการที่ประชาชนมีอายุมากขึ้น ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ตัวผมเองเติบโตขึ้นมาในระบบอุปถัมภ์ ผมเองก็ได้รับการชุบเลี้ยงอย่างดีเหมือนกัน    พ่อของผมรับราชการในกองทัพอากาศ และต่อมาก็มาเป็นกัปตันสายการบินพาณิชย์ให้กับการบินไทย ในตอนที่คุณพ่อของผมเริ่มต้นงานกับการบินไทย ท่านเป็นหนึ่งในนักบิน  คนไทยกลุ่มแรกของการบินไทย ดังนั้นท่านจึงมีรายได้มากพอสมควรที่จะเลี้ยงดูครอบครัวและผมให้ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากของชีวิตเหมือนอย่างที่คุณพ่อของผมเคยผ่านมา ดังนั้นผมจึงเติบโตมาในระบบอุปถัมภ์เช่นกัน แม้แต่เวลาอาหารผมก็ถือว่าเป็นสิทธิที่ผมต้องได้ ต้องมีอาหารเย็นมาเสิร์ฟบนโต๊ะเสมอ ผมไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่ว่าถ้ากินข้าวเย็นวันนี้แล้ว และพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอะไรกิน แต่คุณพ่อของผมท่านเคยผ่านประสบการณ์เช่นนั้นแล้ว ผมเติบโตขึ้นมาในระบบเช่นนั้น เรียกว่า         อยู่สุขสบายดี ผมเริ่มตั้งคำถามและข้อสังเกตระบบอุปถัมภ์ในภายหลัง เมื่อผมได้มาทำงานเป็นสื่อมวลชนเต็มตัวทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์และผมเริ่มจะตรวจสอบประเทศไทยและสังคมอย่างจริงจังมากกว่าเดิม ผมพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ผมใช้เวลานานหลายปี และประสบการณ์ภายใต้การบริหารราชการของรัฐบาลทักษิณก่อนที่จะเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ ระบบอุปถัมภ์เป็นตัวปัญหาเพราะมันส่งเสริมให้มีความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมระหว่างบุคคลทั่ว ๆ ไป และสิ่งนั้นเป็นการขัดแย้งกับหลักการของประชาธิปไตย เพราะมันส่งเสริมให้คนคิดที่จะพึ่งพิงบุคคลอื่น ๆ ระบบอุปถัมภ์ก่อให้เกิดทาสอย่างไม่จบสิ้นในขณะที่มีนายเพียงจำนวนน้อย ระบบอุปถัมภ์  ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาได้ ดังนั้น เมื่อได้รับการศึกษาอบรมมาเป็นเวลานาน ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวเกือบทั่วโลกเป็นเวลานาน ไม่เคยได้รับการเลือกปฏิบัติโดยตรงจากวัฒนธรรมต่างประเทศเป็นเวลานานแสนนาน พวกเราจำนวนมาก  จึงยังเหมือนเป็นเด็กอยู่ เมื่อท่านสังเกตการต่อสู้ทางการเมืองของไทยท่านจะพบว่าเป็นเรื่องที่น่าสมเพชเป็นเหมือนเกมของเด็ก ๆ วิธีการที่เขาเล่นเกมการเมือง หรือเสี้ยมกันทางการเมืองในแบบนั้นเป็นเพราะในระบบอุปถัมภ์ท่านจะยังคงเป็นเหมือนเด็ก

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:53:23 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 6

      ท่านจะยังคงเป็นคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยบุคคลอื่น ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ความน่าสมเพชนี้มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ตัวอย่างล่าสุดที่ท่านเพิ่งพบก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอดีตพรรคไทยรักไทย ท่านทั้งหลายอาจได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีปัญหากับชื่อของพรรคไทยรักไทยใหม่ ในขณะที่พรรคไทยรักไทยยังไม่ได้มีการจัดตั้งเป็นพรรคใหม่ที่ใช้ชื่อว่าพรรคพลังประชาชน หรือ พปช. มีการพยายามใช้เทคนิคการเปลี่ยนหรือแก้ชื่อเพื่อที่ว่าประชาชนจะได้รู้ว่านี่คือพรรคไทยรักไทย ดังนั้นพรรค          จึงเปลี่ยนชื่อ และชื่อของพรรคก็ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งก็พบว่าชื่อย่อของพรรคเป็นชื่อย่อของพรรคไทยรักไทย หรือ ทรท. คณะกรรมการเลือกตั้งก็เพิกถอนการให้ความเห็นชอบทันที โดยบอกพวกเขาว่า เขาไม่สามารถใช้ชื่อย่อว่าเป็น ทรท. ได้อีก ฝันร้ายของผมก็กลับคืนมา หรืออาจกล่าวได้ว่าเรื่องน่าสมเพชแบบนี้เป็นอีกตัวอย่างของการที่เราพยายามเอาชนะกันในศตวรรษที่ 21 สมัยคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้มีโอกาสทำงานกับท่านและก็ทำให้ผมชื่นชอบท่านเป็นการส่วนตัว คุณทักษิณเข้ามารับตำแหน่งและแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว คุณทักษิณได้ดึงอำนาจจากระบบอุปถัมภ์ จากอำนาจในรูปแบบที่เคยเป็นมาและได้เปลี่ยนให้กลายเป็นนโยบายสาธารณะที่สร้างประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมทำงานอยู่กับคุณทักษิณผมถึงทราบว่าสิ่งที่คุณทักษิณทำไม่ใช่แค่นโยบายในเชิงปรัชญา คุณทักษิณเพียงแต่ต้องการทำหน้าที่ของท่านเท่านั้น คุณทักษิณต้องการให้คนชอบ ต้องการให้คนรัก ต้องการเป็นมหาเศรษฐี    ที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมและนั่นคือวิธีการที่คุณทักษิณคิดในเรื่องต่าง ๆ แต่รูปแบบการทำงานแบบง่าย ๆ ของเขากลับไปขัดแย้งโดยตรงกับระบบอุปถัมภ์เพราะมันไปแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นระบบอุปถัมภ์ และเกิดขึ้นเร็วมาก แค่เพียงเวลา 5 ปีเท่านั้นประชาชนในระดับรากหญ้าเริ่มที่จะรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิ ประชาชนในระดับรากหญ้า  มีสิทธิที่จะรู้สึกว่าพวกเราต้องการสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมากไม่ใช่แค่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ชนชั้นรากหญ้าได้รับทางเลือกใหม่ และคุณทักษิณ      ท้าทายคนทุกคน แต่บางคนก็พ่ายแพ้เพราะสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งที่คุณทักษิณทำเมื่อทักษิณชนะการเลือกตั้งครั้งที่ 2 โดยได้คะแนนเสียง 377 ที่นั่งในสภาผู้แทนฯ ซึ่งมี 500 ที่นั่ง การได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ในโอกาสต่อไปผมคงจะได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังฉากและเป็นการเล่าอย่างไม่เป็นทางการสำหรับการสังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามความคิดของผมเอง ซึ่งผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถพูดในที่นี้ได้ มีเหตุการณ์ที่ชี้ว่ามีบรรยากาศของการข่มขู่คุกคามเกิดขึ้นในทันทีที่ทักษิณชนะเลือกตั้งได้ สส. จำนวน 377 ที่นั่งจากจำนวน 500 ที่นั่ง หรืออีกนัยหนึ่งเกิดความรู้สึกของคนกลุ่มหนึ่งว่าไม่ควรไว้วางใจในตัวทักษิณ เพราะทักษิณละเมิดกฎที่ว่าด้วยการต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นๆ ทักษิณเริ่มต้นการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้นำคนอื่น ๆ และนั่นเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายในระบบอุปถัมภ์ ทักษิณจะผิดหรือถูกคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ที่จะตัดสิน ท่านอาจจะลากตัวทักษิณมาขึ้นศาลหรืออาจจะให้เป็นศาลยุติธรรมของประเทศก็ได้ เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือสิ่งที่มาพร้อมทักษิณ และทักษิณได้สร้างรอยไว้ในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประชาชน       ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาแทบไม่เคยทำอะไรให้คนกรุงเทพเลย เพราะเขาคิดว่า      คนกรุงเทพฯไม่ได้ต้องการเขาเท่าไหร่นัก ถ้าคุณถามคนกรุงเทพว่าทักษิณทำอะไรให้เขาบ้าง คนกรุงเทพฯอาจต้องใช้เวลาถึง 2 อาทิตย์ที่จะคิดและคำตอบอาจจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้าคุณไปถามคนชั้นรากหญ้า พวกเขาจะสามารถบอกคุณได้เป็น 10 เรื่องในสิ่งที่  เขาคิดว่าระบบใหม่ของทักษิณได้หยิบยื่นให้กับเขา แล้วทักษิณให้การอุปถัมภ์คนชั้นรากหญ้าหรือไม่ ในการทำเช่นนั้นก็อาจถือได้ว่าทักษิณเองก็ให้การอุปถัมภ์แก่คน      ชั้นรากหญ้า แต่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น และผมจะบอกท่านว่าจากการสังเกต    ด้วยตัวผมเองว่าอะไรเป็นเหตุให้ทักษิณทำเช่นนั้น และมีนโยบายเช่นนั้น ท่านคงทราบว่าทักษิณได้วางแผนการณ์ไว้ว่าในช่วง 2 ปีสุดท้ายของรัฐบาลสมัยที่สองของเขา เขาจะใช้เวลาเพียงหนึ่งในสามในประเทศไทย และอีกสองในสามจะใช้เวลากับการเดินทางไปทั่วโลก จากการวางแผนของเขา เขาตั้งใจจะทำหน้าที่ของ “เซลส์แมน” ของประเทศ

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:54:19 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 7

      ในช่วง 2 ปีสุดท้าย แต่เขาก็ถูกปลดจากภารกิจนั้นเสียก่อน เขาถูกกระทำรัฐประหารในระหว่างที่รอจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ ในทันทีที่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เราได้วางแผนการที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น     แต่แล้วก็มีโทรศัพท์จากเมืองไทยมาถึงและหลังจากนั้นก็ทำให้ทุกสิ่ง         ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ตามความคิดเห็นของผมนั่นคือความผิดพลาด เราควรจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น เราควรจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้ คมช. รัฐบาลของสุรยุทธ์ และพวกที่เหลือทั้งหมดถือเป็นพวกที่กระทำผิดกฎหมาย เราควรทำเพื่อให้พวกเขาขาดความชอบธรรมเหมือนรัฐบาลของเฮง สัมริน เมื่อหลายปีก่อน เราควรจะทำเช่นนั้น     แต่โทรศัพท์จากกรุงเทพฯสายนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง แล้วเราจะสามารถทำอะไรได้ ผมเป็นแค่คน   ตัวเล็ก ๆ ในภารกิจการเดินทางอันยิ่งใหญ่ ในเวลานั้นผมเป็น            รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับรองหัวหน้าผู้บริหารประจำทำเนียบขาวในระบบของสหรัฐฯ     แต่ก็เป็นแค่ตำแหน่งเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถผลักดันอะไรได้   ผมอยากจะผลักดันให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น และถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเกิดการขัดแย้ง การต่อสู้อย่างรุนแรงในประเทศไทย ดังนั้นถ้าเราจะพูดกันในแง่มุมของประวัติศาสตร์  ว่าแม้แต่นายกรัฐมนตรีที่เข้าสู่อำนาจด้วยพลังของประชาชน เพราะสิ่งที่เขาทำเพื่อปลดปล่อยประชาชนจากระบบอุปถัมภ์ แต่ในเวลาที่สำคัญที่สุดที่ต้องตัดสินใจภายใต้วิกฤต เขากลับตัดสินใจจากมุมมองจากความคิดในระบบอุปถัมภ์ ดังนั้นระบบอุปถัมภ์ได้ฝังรากลึกมาก และเป็นการขัดแย้งทางอ้อมกับวิถีทางของประชาธิปไตย เราต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงปัญหานี้ เราต้องทำให้ระบบอุปถัมภ์กลายเป็นเรื่องของบุคคล       โดยการระบุไปเลยว่าใครยังคงให้การอุปถัมภ์ประชาชน และผมก็เชื่อว่าบัดนี้คือเวลาที่เราต้องทำเช่นนั้น ถ้าท่านเคยติดคุกแล้วสักครั้ง ทุกอย่างจะธรรมดามาก ท่านจะสามารถติดคุกได้อีกหลายครั้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายจริง ๆ นะครับ มันธรรมดามาก ตอนนี้ผมกำลังรออีกคดีหนึ่งที่ถูกกล่าวหาที่เรียกกันว่า “คดีดักฟัง” เมื่อวันที่               22 มิถุนายน ในขณะที่ขึ้นเวทีประท้วงที่สนามหลวง ผมได้เปิดเผยเทปการสนทนาทางโทรศัพท์ของคน 3 คน สองในสามคนนั้นเป็นผู้พิพากษา คนหนึ่งอยู่ที่ศาลฎีกา และอีกคนอยู่ที่ศาลอุทธรณ์ คนหนึ่งนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าเป็นไปในเชิงรักร่วมเพศกับผู้มีอำนาจ และสิ่งที่พวกเขาพูดกันก็คือจะหาทางบิดเบือนพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้เกิดผลเสียต่อรัฐบาลของทักษิณและคณะกรรมการการเลือกตั้งที่คนกลุ่มนี้คิดว่าเข้าข้างรัฐบาลทักษิณได้อย่างไร และสิ่งที่ตามมาก็เป็นอย่างที่พวกท่านทั้งหลายทราบกันอยู่แล้ว ถ้าท่านติดตามข่าวสารในประเทศไทย หรืออาจกล่าวได้ว่า[จากการเปิดเผยเทปในวันนั้น]พวกเขาถูกบังคับให้เผชิญความจริงว่าระบบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ดำเนินการกันอย่างไร ว่าพวกเขาให้การดูแลกันและกัน และใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไร ว่าพวกเขาทำร้ายประชาชนด้วยการไม่ยอมรับมติเสียงข้างมากของประชาชนอย่างไร ว่าพวกเขาคิดว่าประชาธิปไตยต้องการการชี้นำอย่างไร กระนั้นก็ตาม เรื่องเทปดังกล่าวจะเป็นคดีที่ใหญ่มากจากนี้ไป ไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจจะมาแจ้งข้อหากับผมและเพื่อนอีก 2-3 รายว่าลอบดักฟังโทรศัพท์ มันเป็นเทปที่มีการตั้งใจอัดเสียงไว้โดยบุคคลที่สามซึ่งอีกไม่นานเขาก็จะแสดงตัวออกมา ท่านนั้นเป็นปลัดของสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คดีนี้ก็จะถูกดำเนินคดีใน     ชั้นศาลต่อไป เจตนาของผมในเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าผมจะเห็นด้วยกับการ     ดักฟังทางโทรศัพท์หรือไม่ แต่ผมต้องการนำคุณเปรม หรือพลเอกเปรม และผู้พิพากษาอีก 2 คนนั้นไปขึ้นศาลต่างหาก นั่นคือเจตนาของผม และเมื่อผมได้เผชิญหน้ากับคุณเปรมในศาลและจะได้ถามเขาว่าทำไมผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างคุณเปรมถึงตัดสินใจลดระดับของประชาธิปไตยลงเช่นนี้ คุณเปรมเคยเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่เคยเป็น ฯพณฯ แต่บัดนี้    เขาได้เปลี่ยนไปแล้ว จากบุคคลที่เคยเป็นผู้นำที่เราจะขาดเสียไม่ได้ในอดีต บัดนี้ได้กลายเป็นผู้นำในเวลาที่ผิดพลาดในประวัติศาสตร์ คุณเปรมเป็นสัญลักษณ์ของหลาย ๆ อย่าง เราได้เรียนรู้จากคุณเปรมว่า เมื่อคนที่ดีแก่ตัวลงมาก ๆ และผมไม่ได้หมายถึงอายุ แต่เป็นสภาวะของความรู้สึกว่าตัวเองแก่ ในสภาวะของจิตใจที่จะไม่ผจญภัยอีกต่อไป แต่ถอยกลับคืนเข้าสู่อดีต กลับสู่วันคืนอันดีงามในอดีตที่คุณเปรมรู้สึกคุ้นเคย ซึ่งสภาวะเช่นนั้นไม่ได้เหมาะสมกับประเทศไทยอีกต่อไป ดังนั้นผมขอโทษที่ผมใช้เวลาไปค่อนข้างมาก แต่ผมแค่อยากจะบอกว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้ค้นพบทั้งในคุกและนอกคุกว่าประชาธิปไตยขัดแย้งกับระบบอุปถัมภ์อย่างสิ้นเชิง และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ก็จะไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย สถานการณ์หลังการเลือกตั้งจะยิ่งแย่ลงไปอีกเพราะจะมีการใช้แทคติกและการดำเนินการในเบื้องหลังต่าง ๆ อย่างมากมาย และจะมีการเปิดเผยเจตนาที่แท้จริงออกมาในเมื่อคุณไม่สามารถอนุญาตให้มีประชาธิปไตยได้ในประเทศนี้ เมื่อท่านไปที่สนามหลวงท่านจะได้ความรู้สึกเดียวกับที่ผมมีว่าประชาชนคนไทยไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกบังคับให้เป็นเด็กและ          อยู่ภายใต้กรอบของขนบธรรมเนียม พวกเขาสับสนทั้งทางกายและทางความคิด และกำลังพยายามที่จะออกจากกรอบนั้น ผมไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่มันจะต้องมีผลลัพธ์ออกมา

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:54:46 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 8

      ดังนั้นผมขอจบการนำเสนอของผมเพียงแค่นี้ ผมหวังว่าความคิดเห็นของผมจะทำให้เกิดคำถาม และการวิพากษ์วิจารณ์ที่ติดตามมา ผมต้องการฟังความเห็นและคำถามของท่านทั้งหลายมาก ผมอยากรู้ว่าพวกท่านคิดอย่างไรกับประเทศไทย เพราะหลาย ๆ ท่านในที่นี้ก็ได้อยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน หลาย ๆ ท่านเป็นผู้ที่รักประเทศไทยอย่างแท้จริง และผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเช่นนั้น ดังนั้นผมจึงอยากที่จะทราบว่าท่านคิดจริง ๆ อย่างไร ณ เวลานี้

      ขอบคุณครับ

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:55:26 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 9

      (คำแปล)
      ถาม-ตอบ

      (โจนาธาน) คุณบอกว่าณ จุดใดจุดหนึ่งประเทศไทยต้องการผู้นำที่จะมาจัดลำดับสถาบัน
      ต่าง ๆในปัจจุบัน ผมหมายถึงที่คุณจักรภพบอกว่าระบบอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันคุณจักรภพก็คิดว่าวิธีแก้ปัญหาของประเทศไทยคือการแก้ไขปัญหาโดยอาศัยผู้นำที่มีความเข้มแข็งเช่นคุณทักษิณ ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของคุณจักรภพมาก่อน ความคิดเช่นนั้นไม่กลายเป็นระบบอุปถัมภ์ภายใต้ ทักษิณ ชินวัตรหรือครับ หรือแม้แต่คุณทักษิณเอง เขาไม่ได้อาศัยระบบอุปถัมภ์ในการขึ้นสู่อำนาจหรือ

      (จักรภพ) คุณทักษิณอาจไม่ใช่ผู้นำที่ผมพูดถึง ความจริงผมควรเรียกว่าเป็นสภาวะแห่งความเป็นผู้นำมากกว่าตัวผู้นำ สิ่งที่ผมหมายถึงก็คือหลาย ๆ สิ่งได้รับการจัดลำดับความสำคัญใหม่ โดยอาศัยพลังจากระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อประชาชนเริ่มที่จะปฏิเสธสิ่งนั้น ประชาชนต้องการผู้นำอีกลักษณะหนึ่งในการที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถมองเห็นภาพต่างๆ เหล่านี้ได้ทะลุปรุโปร่ง ผมก็ไม่รู้ดีไปกว่าพวกท่านว่าสภาวะของการเป็นผู้นำยุคใหม่จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่ถ้าคุณถามผม ถ้าผมต้องสันนิษฐานว่าผมรู้อะไรอยู่บ้าง ผมอยากจะบอกว่าสภาวะของความเป็นผู้นำในยุคใหม่จะต้องมีความต่อเนื่องในการที่จะลดความไม่เสมอภาคของคนระหว่างคนที่อาศัยในเมืองใหญ่และส่วนที่เหลือของประเทศที่ต้องอดทนอยู่ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าบรรดานโยบายที่เรียกว่า “ประชานิยม” นี่จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คนเริ่มที่จะเชื่ออีกครั้งว่าพวกเขามีสิทธิ ตอนนี้คุณทักษิณก็อายุเกือบจะ 60 ปีแล้ว อย่างที่รู้กันว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขมาก และตอนนี้ก็ดูเขาจะมีความสุขมากกว่าเดิมกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดังนั้นผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่าคุณทักษิณจะต้องการได้ตำแหน่งนั้นหรือไม่ เขามีความสุขกับการเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตามที่คุณทักษิณบอกไว้ว่าถ้าเจ้าของไม่ชอบสิ่งที่เขาทำ ผู้จัดการมืออาชีพอย่างเขาก็ต้องไปทำงานให้กับบริษัทอื่น ทัศนคติแบบนั้นไม่มีความเป็นนักปฏิวัติเลย สำหรับสภาวะผู้นำใหม่ที่ผมพูดถึงจะต้องมีความเป็นนักปฏิวัติมากกว่านี้

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:56:08 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 10

      (โจนาธาน) ขอนำประเด็นที่คุณเพิ่งกล่าวถึงในเรื่องความจำเป็นที่ต้องมีผู้นำ แต่สำหรับประเทศไทยแล้วจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือเปล่าถ้ามีผู้นำระดับประเทศที่ค่อนข้างอ่อนแอแต่เริ่มที่จะมีพลวัตรทางการเมืองในระดับท้องถิ่นที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ถ้าคุณจะรออัศวินหรือผู้นำที่จะมาช่วย คุณจะนึกถึงระบบอุปถัมภ์แบบเดิม ๆ ที่มีอยู่ตลอดมา

      (จักรภพ) ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้รออัศวินขี่ม้าขาวที่จะมาช่วยพวกเราทุกคน ไม่ใช่ครับ สิ่งที่ผมพูดถึงคือสภาวการณ์ของการไม่มีอัศวินม้าขาว แต่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม นี่คือสถานการณ์ของการที่ไม่มีอัศวินม้าขาวสำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน จะไม่เหมือนกับเมื่อเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 1992 ไม่มีใครที่จะมายุติเรื่องนี้ได้เพราะทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในวิกฤตนี้ คุณก็เห็น ไม่มีใครเป็นกรรมการได้ ดังนั้นอะไรที่จะเกิดขึ้นจากนี้ต่อไปเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่ผมคาดว่าคงต้องเป็นเรื่องของคนบางคน คนที่มีอำนาจบารมีถ้าคุณเข้าใจ ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่จับต้องได้และแตะต้องได้ ลองแต่งตั้งพลเอกสะพรั่งให้เป็น ผบ.ทบ. หรือ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์
      เตมียาเวส แล้วคุณจะเห็นอะไรบางอย่าง ความจริงแล้วพวกเขาควรจะทำแบบนั้น พวกเขาน่าจะแต่งตั้งคนที่มีบุคลิกเผด็จการมากที่สุดเข้ารับตำแหน่งที่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นประชาธิปไตย และเมื่อนั้นเราอาจจะเห็นบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อมีการปฏิวัติ ผู้นำของการปฏิวัติมักเป็นคนที่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นผมไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้นำ

      (มาวาน) มีความพยายามของอดีตรัฐบาลทักษิณที่จะตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น ผมอยากรู้ ขอให้คุณช่วยเล่าให้เราฟังว่าเขาพยายามจะทำอะไร และโทรศัพท์จากเมืองไทยมีเมื่อไร และใครเป็นคนโทรศัพท์ไป

      (จักรภพ) ผมเคยติดคุกมาแล้วครั้งหนึ่ง และผมพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำแบบเดียวกันอีกครั้ง สิ่งที่ผมสามารถบอกได้ก็คือว่าความคิดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นไม่ได้มาจากตัวคุณทักษิณ แต่เป็นความคิดที่มาจากทีมงานบางคนซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย และเราได้ทำการติดต่อบางประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งผมขออนุญาตไม่เอ่ยนามประเทศเหล่านั้น แต่มีไม่น้อยกว่า 10 ประเทศในคืนนั้น เพื่อขอความเห็นว่าประเทศเหล่านั้นจะรับรองรัฐบาลผลัดถิ่นของเราหรือไม่ พวกเขาตอบว่าพวกเขาจะรับรอง เราอาจพูดได้ว่า ถ้าคุณทักษิณจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น ผมคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่นั่นคือคำว่า “ถ้า” คุณจะเรียกว่าอะไร สถานการณ์ที่ “ถ้า” ส่วนใครเป็นคนโทรศัพท์ไป ผมขอโทษที่ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้ แต่ผมจะ....

      (โจนาธาน) ชื่อขึ้นตัวด้วยตัวอักษร “พี” หรือไม่...

      (จักรภพ) จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของรูปแบบหรือวิธีการมากกว่า โทรศัพท์ครั้งนั้นได้เปลี่ยนความคิดที่คุณทักษิณกำลังคิดอยู่ในเวลานั้น ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินทางสถานีโทรทัศน์ของ อสมท. ช่อง 9 ถ้าคุณจำเวลาได้คือประมาณ 21.20 น. เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย และผมอยู่ในกรุงเทพ เพราะเราพอจะรู้ว่าอาจมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นแต่คุณทักษิณจำเป็นต้องเดินทางไปอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงบินจากนิวยอร์คไปลอนดอน และการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นในลอนดอนก็ยากกว่าที่จะทำในสหประชาชาติ ดังนั้นผมจึงตระหนักว่าคุณทักษิณได้ยุติความคิดนั้นแล้ว แต่ความคิดนั้นไม่ได้เริ่มมาจากเขา

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:57:08 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 11

      (ปีเตอร์) คุณพูดว่าบางสิ่งคล้าย ๆ กับการละเมอในการอธิบายถึงการพัฒนาโดยคุณทักษิณเสมือนหนึ่งว่าเป็นวีรบุรุษของประชาธิปไตย คุณจะสามารถขยายความเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ คุณรู้สึกหรือ ว่าเขาให้ความสนใจอย่างแท้จริงในการส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศไทย หรือว่าเขาเพียงแต่พยายามผูกขาดระบบอุปถัมภ์ และถ้าเขาเดินละเมอเข้าสู่การเป็นวีรบุรุษของประชาธิปไตย ดังภาพพจน์ที่เขากำลังสร้างอยู่นั้น ผมอยากทราบว่าเขาจะเป็นนักประชาธิปไตยจริงหรือ เขาเป็นนักการเมืองแห่งระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ หรือว่านั่นเป็นแค่วีรบุรุษโดยอุบัติเหตุแต่คุณพยายามจะส่งเสริมเขาอยู่ตอนนี้

      (จักรภพ) เขาเป็นผลผลิตของระบบอุปถัมภ์และระบบเผด็จการ และเขาพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตยมากกว่าที่เขาอาจจะเคยเป็นมา เขาต่อสู้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลาระหว่างการเป็นนักธุรกิจผู้เชื่อในเสรีนิยมและนายตำรวจ เป็นความขัดแย้งภายในตัวของเขาเอง แต่ที่สำคัญก็คือเขาเป็นคนดีพอที่ผมจะทำงานด้วย เพราะผมต้องการใครสักคน เราต้องการใครสักคนที่จะนำทางไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ถ้าประเทศไทยจมลึกอยู่ในระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นวิถีทางในอดีตที่นำพาประเทศไทยเดินทางมาถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษา ทำไมเราถึงต้องไปโรงเรียนเล่า แค่หานายให้ได้สักคนแล้วคุณก็มีชีวิตที่ดีแล้ว เพราะว่าคุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงการศึกษาของคุณและความรู้ของคุณอยู่ดี ถ้าคุณต้องการประเทศที่เต็มไปด้วยประชาชนที่มีพลังและประชาชนที่ต้องการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คุณต้องทำให้ประชาชนมีความเสมอภาค ผมหมายถึงให้โอกาสตัวคุณเองที่จะแสดงตัวตนของคุณในสังคม และเพื่อตอบคำถามของปีเตอร์ ผมเชื่อว่าคุณทักษิณพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตย ประชาชนในรุ่นนี้แทบจะไม่มีความเป็นประชาธิปไตย แม้แต่คนที่เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็ยังกลายเป็นเผด็จการเมื่อคุณได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับพวกเขา ผู้นำประชาธิปไตยบางคนในประเทศไทยทุบตีภริยาของพวกเขา นั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก นั่นเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการที่ทั้งเขาและคนรุ่นเดียวกับเขาต้องเผชิญ ผมไม่ขอสันนิษฐานว่าเขาเป็นแบบไหน แต่ผมบอกว่าที่ผมพูดว่าเขาเดินละเมอเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย ผมหมายความว่า เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะยึดอำนาจจากระบบอุปถัมภ์เดิม เขาไม่รู้ว่ามีการทำสงครามอยู่ เขาไม่รู้ว่าคนจนเป็นสมบัติของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงพูดโพล่งคำบางคำออกไปโดยไม่เคยรู้ว่าถ้อยคำนั้นจะทำร้ายคนที่ได้ยินหรือเปล่า ครั้งหนึ่งก่อนที่ผมจะมาเป็นโฆษกรัฐบาล คุณทักษิณเคยพูดว่าเขาเบื่อพวกนายหน้าของคนจน คนที่คอยพูดถึงคนจนและความยากจนอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่เคยทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขมัน คุณรู้ว่าคุณสามารถให้ชีวิตจิตใจแก่ประชาชนแทนที่จะให้ชีวิตที่ดีกว่า คุณไม่สามารถให้แต่โครงการพวกเขา พวกเขาต้องการผลลัพธ์ และนั่นคือวิธีคิดของคุณทักษิณ นั่นคือสาเหตุที่ผมคิดว่าบางครั้งเป็นการเดินละเมอ เพราะเขาไม่รู้ถึงผลกระทบของสิ่งที่เขาทำแต่สักวันในอนาคตเขาจะตระหนักถึงผลกระทบเหล่านั้น ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงจริง ๆ แล้ว คือการเป็นผู้นำเพื่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลง คุณทักษิณไม่ใช่เผด็จการจากที่ผมเคยทำงานกับเขา ผมจะเป็นคนที่เดินจากคุณทักษิณเองถ้าเขาต้องการ แต่เขาเป็นแค่คนที่ยึดมั่นกับความคิดของตนและพยายามทำงานของตัวเองให้เสร็จ ซึ่งไม่เคยมีผู้นำคนใดในประเทศไทยเคยเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงกลายเป็นเผด็จการในใจของคนเพราะการที่พยายามยึดมั่นกับสิ่งที่คุณได้ทำลงไป คุณยืนยันว่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ และนั่นคือความเป็นผู้นำ และสิ่งนั้นอาจถูกตีความโดยใครบางคนว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าคุณได้พบเขาด้วยตัวคุณเองและใช้เวลาอยู่กับเขา คุณจะรู้ว่าเขาไม่ได้มีเชื้อเผด็จการอยู่ในตัวเขา แต่ผมไม่ได้บอกว่าคุณทักษิณเป็นซูเปอร์แมน แต่เขาดีกว่าผู้นำเก่า ๆ ที่ผมถูกสั่งให้เคารพ ผมพร้อมที่จะทำงานภายใต้สามัญชนที่มีความดีเพียงครึ่งเดียว มากกว่าที่จะทำงานให้กับขุนนางที่ว่างเปล่า

      (ไซมอน) คุณจะลงสมัครในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมหรือไม่ ถ้าจะสมัครคุณจะเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใด และคุณจะสามารถบอกเราได้หรือไม่ว่าพรรคการเมืองที่คุณเข้าร่วมนั้นมีจุดยืนใดที่จะทำเพื่อประเทศไทยบ้าง หรือถ้าคุณตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมในการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะคุณรณรงค์มาโดยตลอดว่าขัดกับรัฐธรรมนูญท่านจะดำเนินกิจกรรมอื่นใด ซึ่งอาจจะเป็นตามท้องถนนเพื่อจะแสดงจุดยืนทางการเมืองของคุณหรือไม่

      (จักรภพ) ขอบคุณครับคุณไซม่อน เรามี สส. รวม 377 คนในสภาผู้แทนแล้วเราก็ถูกยึดอำนาจ ดังนั้นบางทีการที่เราชนะในการเลือกตั้งอาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมดและทางออกทั้งหมด ดังนั้นพวกเราทุกคนหรือบางคนที่ร่วมกันรณรงค์ที่สนามหลวงกำลังพิจารณาว่าเราควรจะลงสมัครรับเลือกตั้ง และถ้าเราต้องการจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ หมายความว่าเราต้องการเวทีที่จะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดนี้ การรณรงค์เลือกตั้งของเราจะเป็นที่ท้องสนามหลวงถ้าต้องการร่วมในการเลือกตั้ง แต่ถ้าเราตัดสินใจว่าจะไม่ร่วมในการเลือกตั้งนั่นหมายความว่าเราต้องหาบางสิ่งบางอย่างนอกกระบวนการเลือกตั้งเพื่อจะดำเนินการปกป้องระบอบประชาธิปไตยอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้วางท่าว่าเป็นผู้พิทักษ์ของสรรพสิ่ง แต่เราพยายามและเรายอมตายเพื่อสิ่งนี้ พรรคการเมืองที่เราจะเข้าร่วมอาจเป็นพรรคอะไรก็ได้ ไทยรักไทย หรืออะไรก็ได้ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร อาจเป็นไทยรักจีนก็ได้ ผมจะเข้าร่วมกับพรรคนั้น

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:57:42 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 12

      (ปีเตอร์ คอลลินส์ จากนิตยสารอิคอนอมิสต์) คำถามของผมถามผู้บรรยายได้ทั้งสองท่าน จากข้อมูลที่เราอ่านพบ พรรคพลังประชาชนมีอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยเข้าร่วมลงสมัครเป็นจำนวนมาก ผมมีสองคำถาม คำถามแรก คุณคิดว่าจะมีการดำเนินการอะไรที่จะหยุดยั้งพรรคพลังประชาชนจากการชนะการเลือกตั้ง และคำถามที่สองคุณคิดว่ารัฐบาลที่นำโดยคุณสมัครจะเป็นอย่างไร หรือว่าคุณสมัครเป็นคนอย่างไร

      (จักรภพ) พวกเขาได้พยายามโอนงบประมาณจำนวนมากไปที่ภาคอีสานแล้ว  พวกเขามีคนที่เป็นอดีต สส. จากพรรคไทยรักไทย เช่น วิวัฒนชัย ณ กาฬสินธิ์ ที่ออกมาประกาศว่าจะจัดตั้งกลุ่มอีสานและพยายามจะแย่งคะแนนเสียงจากพรรคพลังประชาชนและอดีตพรรคไทยรักไทยให้ได้มากที่สุด แทคติกประเภทนี้ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะมีอีกมากไหม แต่ผมคิดว่าแทคติกที่สำคัญที่สุดคือการพยายามใส่ร้ายคุณทักษิณว่าเป็นคนเลว พวกเขาจะพยายามทำเช่นนั้นต่อไป และอย่างอื่นผมคิดว่าผมได้พูดถึงไปแล้ว

      สำหรับคำถามที่สอง คุณสมัครมาจาก...คือถ้าคุณใช้วิธีคิดแบบตะวันตก คุณจะมองคุณสมัครว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว แต่ถ้าคุณพิจารณาคุณสมัครอย่างใกล้ชิดและติดตามเรื่องราวที่ผ่านมาคุณจะพบว่าเขาฝังรากลึกในระบบอุปถัมภ์ ผมหมายความว่าเขาเป็นคนที่อนุรักษ์นิยมสุดขั้วที่พร้อมจะสละจุดยืนของเขาได้อย่างง่ายดายถ้าได้รับการร้องขอ และต่อมาคุณสมัครตัดสินใจจะแก้ต่างแทนคุณทักษิณในเวลาที่อายุเขาย่างเข้า 70 ตอนนี้คุณรู้ไหมว่าคุณสมัครอายุ 70 กว่าปีแล้ว เขาไม่ใช่นักการเมืองหนุ่ม แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะกระโดดเข้ามาแก้ต่างให้คุณทักษิณ ผมยังไม่เคยได้มีโอกาสพบคุณสมัคร แต่ผมเชื่อว่าคุณสมัครไม่เชื่ออีกต่อไปแล้วว่าเราจะสามารถบริหารประเทศนี้แบบนี้ต่อไปได้อีก หรืออีกนัยหนึ่งคุณสมัครก็เป็นอีกผลผลิตหนึ่งของระบบอุปถัมภ์ของไทยซึ่งหมดความอดทนกับระบบนี้ ผมคิดว่าคุณสมัครจะเป็นผู้นำที่ดีสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ผมไม่คิดว่าคุณสมัครจะพยายามเป็นผู้นำไปนานแสนนาน ผมหมายถึงว่าคุณสมัครมีอีกชีวิตหนึ่ง เขามีแมว 47 ตัว และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ คนแบบนี้ไม่สามารถ...

      (โจนาธาน) มันยุติธรรมไหมครับถ้าจะถามว่าว่าคุณสมัครจะเรียกค่าใช้จ่ายจำนวนเท่าใดสำหรับการต่อสู้เพื่อบทบาทของชินวัตร

      (จักรภพ) ผมคิดว่าชั่วชีวิตกระมังครับ ผมคิดว่าคุณสมัครต้องการพูดและสื่อว่าตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้คืนประเทศชาติ

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:58:47 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 13

      (อาจารย์วรพร) สุนทรพจน์

      (โจนาธาน) ผมขอถามทั้งสองท่านเกี่ยวกับคุณทักษิณ ดูเหมือนว่าคุณทั้งสองคนจะมีปัญหาใหญ่กับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งอยู่รอดมาได้ตลอดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และคุณทั้งสองก็พบว่าการบริหารของรัฐบาลทักษิณเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการตอบโต้ระบบอุปถัมภ์ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในท้ายที่สุดก็สรุปกันว่าทักษิณ ชินวัตรไม่ใช่ผู้นำที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะเขาสร้างข้อขัดแย้งมากเกินไปและเพราะเขาเป็นผู้นำที่สร้างความมั่งคั่งมหาศาลจากการผูกขาดสัมปทานโทรศัพท์มือถือของรัฐ ทักษิณเป็นคนที่ไม่มีความเป็นนักการทูตเอาเลย และเขาก็ไม่มีความอดทนเมื่อต้องการผลงาน เขาไม่ให้ความสนใจกับปัญหาสิทธิมนุษยชน ปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด และปัญหาการฆ่ากันในภาคใต้ จะมีใครที่โต้เถียงได้ว่าผลพวงจากนโยบายภาคใต้ของทักษิณไม่ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติมหาศาล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เขา[ทักษิณ]เป็นผู้นำที่สร้างความขัดแย้งอย่างมากมาย และเป็นเรื่องยากที่ระบบเดิม ๆ จะสามารถยอมรับเขาได้ ดังนั้นในแง่หนึ่งแล้วทักษิณเป็นคนนำตัวเองเข้าสู่การล่มสลายของเขาหรือไม่

      (อาจารย์วรพร) ตอบ...
      คุณจักรภพ คุณเห็นด้วยในเรื่องที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อบกพร่องของคุณทักษิณหรือไม่

      (จักรภพ) ใช่ครับ คุณทักษิณทำให้เกิดการโต้แย้งกันมากมาย ผมยอมรับเพราะในฐานะโฆษกรัฐบาล ผมต้องรับมือกับบรรดาวิวาทะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากคุณทักษิณ

      (โจนาธาน) คุณยอมรับหรือไม่ว่าคุณทักษิณเป็นคนส่งกระสุนให้ศัตรูของเขาเองเพราะการที่เขาไม่มีความเป็นนักการทูตเพียงพอจึงก่อให้เกิดปัญหามากมาย

      (จักรภพ) คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ครับ ถ้าคุณต้องการทำงานของคุณในเมืองไทยให้สำเร็จ คุณต้องสร้างความวุ่นวายยุ่งยากเพราะไม่มีใครต้องการทำงานให้สำเร็จ ถ้าคุณขอให้คนทำงานแทนที่จะเล่น พวกเขาจะเกลียดคุณ

      (โจนาธาน) คุณคิดอย่างไรกับการตายของผู้คนเพราะสงครามต่อต้านยาเสพติด และการตายของผู้คนในภาคใต้ที่เกิดจากนโยบายที่ริเริ่มโดยคุณทักษิณ

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:59:05 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 14

      (จักรภพ) ผมไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายทุกอย่างของรัฐบาลคุณทักษิณ ผมตกใจกับการเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ที่ตากใบ ตอนนั้นผมเป็นโฆษกรัฐบาล ผมอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก แต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงสถานะของตัวผม สิ่งที่สำคัญก็คือคุณทักษิณทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือคุณสามารถสังเกตได้จากตอนที่มีการทำรัฐประหาร พวกเขาอ้างเหตุผลสี่ข้อว่าทำไมถึงต้องทำการยึดอำนาจ ทุกอย่างที่คุณถามผมตอนนี้ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาอ้างในการทำรัฐประหาร ดังนั้นไม่จริงหรือที่ทั้งประเทศไม่ได้แคร์อะไรกับเรื่องเหล่านี้ อย่างที่เราพูดถึงเรื่องคุณธรรมของศาสนาพุทธ เมื่อหลายปีก่อนเราเคยมีเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่โตที่ผมจำได้มีอาสาสมัครท่านหนึ่งเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงแต่มีชื่อเสียงเพราะเรื่องอื่น คือ ท่านเป็นคนที่อนุรักษ์สัตว์ป่า ท่านลงทุนทำอะไรมากมาย ออกค้นหาสัตว์ป่า ทำการรักษาสัตว์ป่า เขียนหนังสือต่างๆ ให้การศึกษากับสังคมเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่า แต่ท่านผู้นั้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เมื่อพบว่ามีสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งไปถูกทิ้งให้นอนตายอยู่หน้าบ้านของท่านผู้นั้น ดังนั้นเรากำลังพูดถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่าในไทย แต่กลับมีประเด็นว่ามีสุนัขตายข้างถนนตัวหนึ่ง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ควรพูดหรือไม่แต่เป็นเรื่องของชีวิตต่างหาก แต่ที่สำคัญคือคุณทักษิณเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยในแบบเก่าที่ไม่เคยสนใจกับชีวิตของใครก็ตามที่ถูกหาว่าเป็นพวกนอกรีต คุณก็รู้ว่าคนไทยใจดีแต่ก็อาจจะกลายเป็นคนที่โหดร้ายมากกับใครก็ตามที่ถือว่าเป็นคนนอกรีต นอกคอก คุณจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีอภิสิทธิ์ตราบเท่าที่คุณเคารพและปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของสังคม ถ้าคุณเริ่มที่จะทำอย่างอื่นที่แตกต่าง พวกเขาจะฆ่าคุณ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรายอมรับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมยอมรับ ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นทุกครั้งที่เราพูดถึงรัฐบาล เราจะพูดถึงความขัดแย้ง ศูนย์กลางของความขัดแย้ง ทักษิณเข้าไปสู่ความขัดแย้งอย่างมากที่สุด เพราะเขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุก ๆ เรื่อง เขาเข้าไปมีบทบาทในทุก ๆ เรื่องในเวลานั้น เขายังสื่อสารความหมายของทุกอย่างซึ่งมากเกินไป แต่โปรดอย่าให้ความสนใจน้อยเกินไปต่อความจริงที่ว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากในประเทศไทยจริงหรือไม่ ผมไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรที่จะอธิบายได้อย่างเหมาะสม คุณก็ทราบดีว่าคนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุลคงยินดีมากกว่าที่จะพูดแบบนี้ การรณรงค์ของสนธิ ลิ้มทองกุลได้กล่าวหาคุณทักษิณว่าไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์เพราะการไปจัดงานพิธีในวัดพระแก้ว (ซึ่งไม่เป็นความจริง) แต่ทำไมถึงเชื่อเรื่องนี้กันได้นานมาก และแม้จะมีการปฏิเสธอย่างเป็นทางการจากเลขาธิการสำนักพระราชวังเองก็ตาม คนบางคนก็ยังเชื่อเช่นนั้น ซึ่งเชื่อมโยงไปยังความคิดที่ว่าคุณทักษิณไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี นอกจากการสร้างเรื่องโกหกให้น่าเชื่อถือ ให้มีกระแส คือการที่ให้ความสำคัญน้อยมากกับเรื่องที่มีสาระ แต่ไปเชื่อถือในเรื่องโกหก เรื่องที่ไม่มีสาระ และนั่นคือสังคมไทยและถ้าผมทำได้ ผมจะหาหนทางที่จะแก้ไขสิ่งนี้

      คำถาม: เราได้ยินกันมากเรื่องความเห็นที่เกี่ยวกับระบบอุปถัมภ์และว่าระบบนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ แต่ตามที่ผมคิดก็คือแม้ในสหราชอาณาจักรซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งประชาธิปไตย สภาสูงหรือสภาขุนนางก็มาจากการแต่งตั้งโดยสถาบันกษัตริย์ทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ย้อนกลับไปได้หลายปี จริง ๆ แล้วเป็นเวลาหลายร้อยปี เรามีธรรมเนียมการสืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด ซึ่งในบางกรณีสามารถสืบย้อนหลังไปได้หลายร้อยปี เรามีบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตลอดชีวิตแต่นั่นเป็นสภาสูงของสหราชอาณาจักรและยังเป็นศาลสูงสุดของประเทศอีกด้วย ถ้าคุณมีปัญหาคุณมีสิทธิที่จะไปร้องเรียนที่สภาขุนนาง บางทีคุณอาจจะช่วยแสดงความเห็นว่าทำไมระบบอุปถัมภ์จึงไม่ประสบความสำเร็จ

      (จักรภพ) ผมไม่ทราบว่าจะตอบคำถามนี้ให้ถูกต้องได้อย่างไร แต่ผมเห็นว่าพระราชินีทรงเปลี่ยนพฤติกรรมของพระองค์ตามกระแสความนิยมของโทนี่ แบลร์ พระองค์ทรงปรับพระองค์เอง นั่นเป็นบทเรียนที่ดี ผมไม่รู้เรื่องสภาขุนนางหรือสภาสูงของอังกฤษ แต่ผมเชื่อว่าสภาสูงนั้นคงไม่มีอำนาจมากเกินไปและสภาสูงน่าจะรู้จักบทบาทหน้าที่ของตน พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นขุนนาง ดังนั้นจึงจะไม่ทำอะไรที่สกปรก ผมคิดเช่นนั้นนะครับ

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 14:59:39 A:202.47.237.156 X: ]

   
 
 

      ความคิดเห็นที่ 15

      (อาจารย์วรพร) .....

      (จักรภพ) ขอโทษนะครับ ใครก็ได้ช่วยตอบผมทีว่าสภาขุนนางที่สมาชิกจำนวนเท่าใด และเมื่อเทียบกับสภาผู้แทนราษฎรแล้วมีจำนวนเท่าใด ท่านทราบจำนวนหรือไม่ คือผมไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ ทั้งสองสภามีจำนวนสมาชิกเท่ากันหรือไม่

      (คีธ) ผมเพิ่งมาอยู่ประเทศไทยได้ไม่กี่สัปดาห์ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ขณะที่มีการทำรัฐประหารผมยังอยู่ในออสเตรเลีย และติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลออสเตรเลียนัดชิงชนะเลิศ และข่าวรัฐประหารในไทยก็ถูกดันเข้าไปอยู่หน้าใน ๆ ของหนังสือพิมพ์ ผมไม่เคยทราบมาก่อนว่าภายในเวลา 1 ปี ผมต้องมาอยู่ที่นี่และผมมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับการเมืองประชาธิปไตยและสถาบันกษัตริย์ของไทย รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ แต่วันนี้ผมได้เรียนรู้เยอะมาก ผมสนใจประเด็นที่ว่าทำไมประวัติศาสตร์ของประเทศจึงถูกกำหนดย้อนหลังไปเพียง 700 ปี ในเมื่อความจริงแล้วมีประวัติศาสตร์อันยาวนานก่อนหน้านั้นอีก ผมได้รู้จักระบบอุปถัมภ์ที่มีระฆังแขวนไว้นอกปราสาทเพื่อที่พระเจ้าแผ่นดินจะสามารถเสด็จออกมาช่วยเหลือพวกคุณได้ และผมคิดนั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก ผมคิดว่าต้องเป็นเรื่องที่ดีมากที่มีระบบเช่นนั้น ดังนั้นผมจึงไม่แน่ใจว่าทำไมต้องมีประชาธิปไตยเป็นทางเลือกด้วย ดังนั้น จริง ๆ แล้วคำถามของผมก็คือ คุณได้ติดคุกมาแล้ว คุณถูกดำเนินคดีเพราะคุณก่อการชุมนุมอันบ้าบิ่นของผู้คนตามท้องถนน และดูไม่เหมือนว่าเป็นการละเมิดกฎหมายที่รุนแรงแต่อย่างใด คุณถูกกล่าวหาด้วยข้อหานั้น แล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมา เพิ่งมีการทำรัฐประหารและคืนนี้คุณก็มาอยู่ที่นี่และสามารถพูดอย่างเปิดเผยได้ ผมไม่ได้อยู่ในประเทศนี้นานพอดังนั้นผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วคุณสามารถท้าทายรัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมายหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้หรือไม่ และสามารถลุกขึ้นในที่สาธารณะและพูดได้หรือไม่ ผมไม่เห็นหลักฐานว่ามีการเฝ้าติดตามคุณหรือถ่ายภาพคุณเวลาไปไหนมาไหน และดูท่าทางคุณก็ปลอดภัยและมีความมั่นใจ ดังนั้น ประเด็นของผมก็คือว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะดูเหมือนสิ่งที่พูดคุยมาในคืนนี้จะดูไม่เป็นจริง

      (จักรภพ) เป็นข้อสังเกตที่ดีมากครับและการคิดเช่นนั้นด้วย ถูกครับ ผมอาจถูกจองจำในคุกนานกว่านี้ก็ได้ ผมไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมคืนนี้ หลังจากที่ผมกลับบ้าน แต่ผมเดาว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี สำหรับเรื่องนี้อย่างที่ผมเคยพูดมาก่อนหน้านี้ และผมหมายความรวมถึงตัวผมเองด้วย คนไทยเราได้รับการฝึกมาให้ไม่เป็นนักอุดมคติ การเป็นนักอุดมคติจะเป็นปัญหาเพราะคุณจะต่อสู้กับคนอื่นเพื่อความเชื่อของคุณ แต่สิ่งที่เราต้องการในประเทศไทยของเรา คือ ความกลมกลืนหรือสมานฉันท์ เราเรียกประเทศของเราเช่นนั้น อย่างที่ทราบเมื่อคุณสอนคนหรือเมื่อคุณสอนเด็ก ๆ ในประเทศไทย ผมไม่ทราบว่าคุณจะสอนคนของประเทศคุณอย่างไร แต่ที่นี่ เด็ก ๆ จะถูกสอนให้ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ถ้าคุณเชื่อฟังคุณจะไปได้สวยมาก ถ้าครูเดินเข้ามาแล้วบอกว่าเด็กคนนี้เป็นนักเรียนที่ดี หมายความว่าเด็กคนนี้เชื่อฟังกฎระเบียบของโรงเรียน และนั่นคือคำชม ไม่มีครูคนไหนเดินเข้ามาชมลูกของคุณว่า ดีจังเธอนี่กบฏหรือหัวแข็งจังนะ คุณเข้าใจสิ่งที่ผมบอกไหมครับ ดังนั้นผมไม่ทราบว่าเป็นการบิดเบือนแนวคิดหรือไม่ แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่ในเมื่อคนส่วนใหญ่จะเชื่อฟังหรือหัวอ่อน ดังนั้นคนที่มีพยศแม้เพียงน้อยนิดก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ดังนั้นจริง ๆ แล้วคุณคงไม่สามารถเปรียบเทียบประเทศไทยกับที่ไหนได้ แต่ในการที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามในประเทศนี้ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือต้องคงความแตกต่างไว้และต้องพยายามอยู่รอด และถ้าคุณสามารถเอาตัวรอดอยู่ได้นานเพียงพอก็จะมีคนบางคนที่อาจจะสะดุดคิดและหันมาร่วมกับคุณ แต่ประเด็นก็คือคุณไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และนั่นคือสถานการณ์ของผมในเวลานี้ ดังนั้นถ้าคุณเปรียบเทียบประเทศไทยกับราวันด้า การฆ่ากันก็คงน้อยกว่า แต่มีคนที่ถูกขังไว้ในคุกและถูกลืม ผมสามารถพูดได้ว่าจากความรู้สึกของผมเอง เป็นไปได้ว่านักโทษในประเทศไทยมากกว่าครึ่งไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิด มีคนเคยพูดว่าคุกในประเทศไทยมีไว้ขังคนจน คนโง่ และคนที่บาดเจ็บ คุณต้องเป็นคนที่โง่มาก ๆ ถ้าคุณติดคุก ถ้าคุณรู้จักที่จะประนีประนอม จะเป็นสิ่งที่มีค่า ไม่ว่าคุณจะทำผิดมากแค่ไหนก็ตาม หรือไม่ว่าอาชญากรรมที่ทำจะรุนแรงแค่ไหนก็ตาม ถ้าคุณดำรงอยู่อย่างชาญฉลาด ถ้าคุณรู้ว่าควรพูดอะไรกับประชาชน รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับประชาชน รู้ว่าจะทำตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าสิ่งที่คุณได้เห็นในประเทศไทยในขณะนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ และเชื่อผมเถอะว่าถ้ามีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไร จากการที่เรามีบทนำของการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตมากจะไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก แต่ผมก็เป็นมือใหม่สำหรับเรื่องนี้เช่นกัน ผมไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคต

      (คำถาม) ทรท. หมายถึงอะไร

      (จักรภพ) เป็นชื่อย่อของพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไปแล้ว เป็นพรรคการเมืองที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544

      คุณหมายถึงชื่อย่อใหม่หรือครับ

      อ๋อ นั่นหมายถึงไทยรวมไทย ซึ่งหมายความว่าการที่คนไทยมาร่วมมือกันประมาณนั้นครับ

      (คำถาม) ขณะที่คุณถูกจับคุณได้แสดงสัญลักษณ์ victory หรือชัยชนะ และมีคนจำนวนมากที่คาดเดาและมีข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าอะไรคือชัยชนะของคุณในเวลานั้น ช่วยยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้หรือไม่

      (จักรภพ) ผมคือเราชนะในแง่ที่ว่าเราบุกไปที่บ้านของเปรม เขาเป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้ เขาเป็นเหมือนเทพเจ้า

      (คำถาม) แต่คุณไม่ได้แสดงสัญลักษณ์ของชัยชนะที่บ้านของเขา แต่คุณทำในเวลาที่คุณถูกจับ

      (จักรภพ) ถูกต้องครับ เพราะว่าเขาออกมาและจับกุมพวกเรา เราต้องการให้เขาแสดงตัวออกมา เราไม่ต้องการให้เขาอยู่เบื้องหลังและใช้กลเม็ดต่างๆ ดังนั้น ชัยชนะก็คือการที่เขาต้องยอมแสดงตัวออกมาว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เราต้องการแสดงสิ่งนี้ให้สาธารณชนรู้ไม่ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ในความเห็นของพวกเรานั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และถึงตอนนี้ผู้คนก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ เราเดินทางไปต่างจังหวัดและผู้คนก็มาถามผม บอกให้ผมเล่าถึงบทบาทของเปรมให้พวกเขาฟังให้มากขึ้นไปอีก

      (คำถาม) คำถามสุดท้ายของผมก็เพราะผมเคยได้ยินมาว่าทักษิณมีความจงรักภักดี 100% ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

      (จักรภพ) ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น เขามีความจงรักภักดีอยู่

      (คำถาม) ผมขอโทษนะ เขามีความจงรักภักดีอยู่ใช่มั๊ย

      (จักรภพ) ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ผมจะไม่พูดเช่นนั้น

      (คำถาม) โอเคครับ ถ้าเช่นนั้น มีความจงรักภักดีอยู่ แล้วถ้าในกรณีของพจมาน ทักษิณมีความจงรักภักดี 100% ต่อเธอหรือไม่

      (จักรภพ) คุณหมายถึงว่าคุณทักษิณซื่อสัตย์ต่อเธอหรือเปล่าหรือ

      (คำถาม) ใช่ครับ

      (จักรภพ) คือนั่นไม่ใช่หน้าที่ของผมในฐานะโฆษกที่จะตอบเรื่องเช่นนั้น ผมสามารถให้ชื่อของบุคคลที่คุณสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้

      (คำถาม) เคยมีใครถูกดำเนินคดีเพราะการทำรัฐประหารแบบนี้หรือไม่ หรือการทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ คือคุณสามารถทำรัฐประหารเมื่อใดก็ได้อย่างนั้นหรือ

      (จักรภพ) เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2520 ประมาณ 4 ปี หลังจาก 14 ตุลาซึ่งน่าจะเป็นปี 1977 มีการทำรัฐประหารในปี 1977 ผู้นำของการทำรัฐประหารถูกลงโทษแต่น่าประหลาดใจ....

      (อาจารย์วรพร) เป็นการทำรัฐประหารที่ไม่สำเร็จ

      (จักรภพ) ถูกต้องครับอาจารย์พูดถูก และผมอยากเสริมเรื่องที่น่าประหลาดใจมากกว่านี้ด้วย สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ที่เขาถูกลงโทษไม่ใช่เพราะเขาทำการรัฐประหารแล้วล้มเหลว แต่เพราะเขาฆ่านายทหารคนหนึ่ง เขาฆ่านายทหารยศพลตรีผู้ที่ปฏิเสธที่จะช่วยเขาทำการรัฐประหาร และนำไปสู่ความล้มเหลวในการทำรัฐประหารครั้งนั้น ดังนั้นที่เขาถูกดำเนินคดีก็เพราะเขาล้ำเส้น แต่ไม่ใช่เพราะเขาทำการยึดอำนาจ

      (โจนาธาน) (กล่าวปิดงาน)

      (จักรภพ) ขอโทษนะครับแต่ขอเสริมประเด็นที่คุณได้กล่าวไปว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาสนทนากันที่นี่ แต่ผมอยากให้ท่านทั้งหลายเก็บไปคิดถึงสิ่งที่พวกเรากำลังคิดอยู่ในเวลานี้ว่าต้องมีการลงโทษและการชดเชยการกระทำผิด ถ้าเขาจะกลับมาสู่อำนาจอีกครั้งหรือถ้าเขาจะจัดตั้งพรรคการเมืองอีก จะมีการลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างจริงจัง และการลงโทษการทำรัฐประหารจะต้องระบุไว้ชัดเจนในนโยบาย

      จากคุณ : ทุ่งลาดพร้าว - [ 26 พ.ค. 51 15:00:27 A:202.47.237.156 X: ]


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 16:17
เชิญเปรียบเทียบกันตามสะดวก
ส่วนตัวคงบอกว่ามันแต่งนิยายมาจนดูไม่หมิ่นได้
แต่เสรีไทยดูทั้งต้นฉบับแล้ว ดูทั้งผู้แปลรายอื่นแล้ว
หนำซ้ำที่ไปพูดที่ LAแบบไม่ต้องแปลนั่นอีก
คงแปลเจตนา แปลภาษาเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ถ้าจักรภพเป็นผู้เดียวที่แปลถูก ชาตินี้คงฉิบหายด้านภาษาไปแล้ว
คงไม่ต้องพูดถึงกรณีเขาพระวิหารที่ไปคุยกับเขมรหรอก เสียดินแดนขายชาติแน่ๆ


เอกสารคำแปลคำบรรยายโดยรมต.นร.จักรภพฯ (26/5/2008)  พร้อมด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=32947&catid=1

==คลิปเสียง+VDO จักรภพ พูดจาบจ้วงฯ ที่อเมริกาด้วยภาษาไทย== 
http://forum.serithai.net/index.php?topic=25995.0

(แปลภาษาไทย)FCCT ...ถอดเทปสัมภาษณ์จักรภพ(หมดเปลือก) หมิ่นสถาบันฯ...
http://forum.serithai.net/index.php?topic=26208.0

ปล.หัวข่าวเดิม แต่เนื้อข่าวในมติชนเปลี่ยนไปแล้วไม่ทราบว่าโดนเซ็นเซอร์หรือเปล่า
ขอเก็บข่าวที่โพสไว้เป็นหลักฐานครับ


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: Crystal Castle ที่ 26-05-2008, 16:26
พี่ลูกหินอย่าลืมมาเล่าให้ฟังนะครับ

รอฟังอยู่


และก็ ขอบคุณที่โพสต์คำแปลให้ครับ โดยเฉพาะท่อนนี้

คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เผยแพร่กันไปนั้นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นความเชื่อ

ซึ่งผมว่า ไม่เป็นความจริงอย่างยิ่ง
ผมว่า ความจริงแล้ว คนไทยทุกคนยอมรับในพระปรีชาสามารถของพระองค์ครับ
พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมามากเพื่อคนไทยเราทุกคน

ผมสัญญาว่า จะทำงานสุดความสามารถเพื่อตอบแทนพระองค์และผืนแผ่นดินที่ให้กำเนิด



หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 26-05-2008, 16:36
ลองเทียบกับที่ ปชป. แปลส่งให้ประธานวุฒิ

http://www.opm.go.th/opminter/translation/04.pdf


หัวข้อ: Re:ทำไม ต้องเอาเวปไซด์ของรัฐบาล ที่กินเงินภาษีผม ไปใช้ในประโยชน์ส่วนตนด้วยล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 26-05-2008, 16:50
จักรภพ แฉสิ้นใส้ ว่ามัน ซูเอี๋ย กันกะเว็บ pantip




คงเห็นว่าลิ่วล้อเย๊อะดี     ถ้ามาให้โหลดที่ เสรีไทยฯ สงสัยหยังเขียดแห้งตายซาก


www.thaigov.go.th รัฐบาลไทย
www.opm.go.th: :สำนักนายกรัฐมนตรี: :
www.pantip.com 

เวปพันทิบผมไม่สนใจ..

แต่ผมสนใจ  http://www.thaigov.go.th ที่เป็นเวป รัฐบาลไทย

กะเวป http://www.opm.go.th/ เป็น เวป สำนักนายกรัฐมนตรี


ผมจึงสงสัยว่า..

นายจักภพถูกคดีหมิ่นประมาทในฐานอะไร.. ใช่ในฐานะนายจักรภพ  เพ็ญเเขรึไม่..
 

ถ้าถ้าใช่ หตุไรนายจักรภพ ไม่เปิดเวปไซด์เองล่ะครับ.แล้วเอาขึ้นไปอัพโหลดเองเสียค่าพื้นที่เอง


ทำไม ต้องเอาเวปไซด์ของรัฐบาล ที่กินเงินภาษีผม ไปใช้ในประโยชน์ส่วนตนด้วยล่ะครับ..
  :!: :?:

เออ  ถ้านายจักรภพจะเอาผลงานของตนเองในฐานรมต.ประจำสำนักนายกไปลง ผมไม่ว่า..


แต่นี้โดนฟ้องก็โดนฟ้องในฐานะนายจักรภพคนธรรมดาๆ 

แต่ตอนชี้เเจงดันเอาทรัพย์สินของทางราชการไปใช้ชี้เเจงในประโยชน์ส่วนตน.



แบบนี้มันสมควร   :!: :?:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: ABCAB ที่ 26-05-2008, 16:57
ต่อคำถามที่ว่า....คุณเคยบอกว่าทักษิณมีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ 100%

ของอีเพ็ญแปล....ผมไม่ได้พูดเช่นนั้น (.....หายไปไหน?.....) เขามีความจงรักภักดี อยู่

ของปชป.แปล....ผมไม่ได้บอกอย่างนั้น ผมบอกว่า ท่านมีความจงรักภักดี บ้าง

สมน้ำสมเนื้อ นายยังไง...ขี้ข้ายังงั้น
มันโดนนายมันตัดหาง...มันก็โบ้ยไปที่นายมันเรื่องความจงรักภักดี (ไม่แปลถึงที่ตัวเองบอกว่า..ผมบอกว่า)

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 26-05-2008, 17:19
เริ่มด้วยการพูดถึงป๋าเปรม

เข้าสู่เรื่องระบบอุปถัมภ์

ช่วงสรุป

ท่านเห็นหรือไม่ครับ ทุกสิ่งที่ผมได้เล่าให้ท่านฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นำไปสู่ความ    ยึดมั่นของคนไทยว่า...

ช่วงบทสรุป อ่านแล้วตีความได้ว่ามีแนวคิดที่ "ไม่ยอมรับ" ระบบที่เป็นอยู่

ต้องการระบบใหม่...

ชัดเจน ในแง่แนวคิดของจักรภพแล้ว

ดูว่าเขาจะสู้ต่อไปอย่างไร

--------

แกยิ่งแถ พรรคยิ่งเจ๊ง

ปล่อยแกแถต่อไปเถอะ

 :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: TheBluECaT ที่ 26-05-2008, 17:28
ปชป. งานเข้าอีกแล้วครับ...

ต้องมานั่งตาลายเปรียบเทียบ คำแปลbutซบของอีเพ็ญ กับของตัวเองอีก



หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: มีคณา ที่ 26-05-2008, 17:34
อยากได้ฉบับภาษาอังกฤษ จะแปลเองดู ฟังคุณจักรภพยกมาแบบแปลเวอร์ชั่นตัวเองแล้วทะแม่งๆค่ะ :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: boy friend ที่ 26-05-2008, 17:40
แปลยังไงก็สื่อความคิดเพ็ญได้อย่างเดียว คือไม่เอาระบบอุปถัมภ์ ทักษิณเท่านั้นที่เหมาะเป็นผู้นำชาติไทย ทั้งที่เหลี่ยมนี่แหละเผด็จการระบบอุปถัมภ์ตัวจริงตั้งแต่กว้านซื้อ สส.เข้าพรรค ยุบรวมพรรค ฯลฯ เพ็ญถ่มน้ำลายรดฟ้าก็ร่วงโดนหน้าตัวเอง รับไปเอง


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 18:10
อยากได้ฉบับภาษาอังกฤษ จะแปลเองดู ฟังคุณจักรภพยกมาแบบแปลเวอร์ชั่นตัวเองแล้วทะแม่งๆค่ะ :slime_mad:

คลิป
แฉ..คลิ๊ป VDO จักรภพสัมภาษณ์(ภาษาอังกฤษ)สื่อ FCCT พูดหมิ่นพระมหากษัตริย์ ..
http://forum.serithai.net/index.php?topic=25977.0


ถอดเทป
http://gotoknow.org/blog/thiraw/184517?class=yuimenuitemlabel
หรือ
http://thaienews.blogspot.com/2008/05/fcct-50.html
หรือ
Re: คำต่อคำ by ‘Jakrapob’ ‘สายล่อฟ้า’จริงหรือไม่? ท้าเผชิญหน้าหวังพิสูจน์ในชั้นศาล โดย oho
http://forum.serithai.net/index.php?topic=26036.msg289430#msg289430


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 26-05-2008, 18:22
ท่านแขกผู้มีเกียรติและมิตรสหายทั้งหลาย ผมตั้งใจจะกล่าวในรายละเอียด               ถึงเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งประสบมา เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงสถานะของผม       ผมเพิ่งออกมาจากเรือนจำของคุณเปรม ซึ่งไม่ใช่เรือนจำทั่ว ๆ ไป แต่เป็นเรือนจำ       ของคุณเปรม เป็นวิธีการสื่อสารโดยตรงกับสาธารณชนว่าเขาเป็นบุคคลที่ถูกแตะต้องไม่ได้ คุณเปรมเป็นใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆ นั้นจริงหรือ  นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราจะพูดคุยกันในคืนนี้ เพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของประชาธิปไตยของไทยดังที่ท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้ว

ผมได้อ่านฉบับอื่นมาแล้วครับ และภาษาไทยก็ได้ฟังแล้วด้วย ผมไม่ไปใส่ใจในเรื่องอื่นๆ ผมสนใจใคร่อยากจะได้คำตอบ ตรงนี้ผมขีดเส้นใต้นี้เท่านั้น ว่ามันหมายถึงใคร

ถ้าอีตุ๊ดไม่ตอบ ไอ้พวกลิ่วล้อ ต่างๆ มาตอบ มาวิเคราะห์ก็ได้ ไม่ว่ากัน


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 26-05-2008, 18:38
อยากได้ฉบับภาษาอังกฤษ จะแปลเองดู ฟังคุณจักรภพยกมาแบบแปลเวอร์ชั่นตัวเองแล้วทะแม่งๆค่ะ :slime_mad:

ลอกมาจากเว็บเอกยุทธ์

เก็บไว้หน้าแรก www.weopenmind.com


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 26-05-2008, 18:53
ซื้อเวลาตามคาด คงกะว่า กว่ากระบวนการทางศาลของคดีจะจบ เรื่องของเจ้านายคงรู้ดำรู้แดงไปก่อนแล้ว

ก็ดี ได้เปลือยตัวตนให้เห็นจนหมด มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกจากเกาะเก้าอี้นี้เอาไว้


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 26-05-2008, 21:08
Clip คำชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันเบื้องสูง

ของ รมต.นร.จักภพ เพ็ญแข เมื่อวันที่่ 26 พฤษภาคม 2551

http://www.prd.go.th/clip_prd/index.php

ขนาดกรมประชาสัมพันธืยังทำเชลียร์เพ็ญ...  :roll:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 26-05-2008, 23:04
ผมว่า แก้ตัวแล้วฟังไม่ขึ้นจริงๆครับ

ขอยกตัวอย่าง
สำหรับย่อหน้าที่มีปัญหามากที่สุด

แก้ตัวว่า state of myth คือ เป็นตำนาน
ที่แปลว่า เทพนิยายนั้นผิด 

อยากบอกว่า คุณลองไปเปิดพจนานุกรมก่อนมาพูดมั่วๆ
มันแปลว่า เทพนิยายได้เหมือนกัน
แต่ใจความหลักคือ myth เป็นสิ่งที่อาจจะไม่ใช่ความจริง

คุณไม่ได้พูดถึงประโยคตามหลังนั้นเลยว่า
People don’t know whether or not they’re talking about realities or belief

น่าเวทนาเมืองไทยที่มีรมต.อย่างนี้             :slime_mad:

ดูตาม Context แล้ว Myth ไม่ได้แปลว่าตำนานหรือเทพนิยายแน่นอน
มันจะต้องแปลว่า "ความเชื่อที่ผิด" หรือ "สิ่งสมมติที่ไม่มีจริง"  :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 26-05-2008, 23:09
(http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6645370/P6645370-1.gif)


(http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6645370/P6645370-2.gif)


(http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6645370/P6645370-4.gif)


(http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6645370/P6645370-9.gif)


(http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6645370/P6645370-13.gif)




อภินันทนาการจาก www.pantip.com (http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6645370/P6645370.html)


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 26-05-2008, 23:18
เทียบคำแปลบรรยายหมิ่นสถาบัน? ฉบับ'จักรภพ-ประชาธิปัตย์'ใครกันแน่บิดเบือน?
     วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 - เวลา 23:13:32 น. 
 
 
 

หมายเหตุ - เป็นการเปรียบเทียบคำแปลคำบรรยายภาษาอังกฤษของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ และนายจักรภพและคณะได้จัดทำขึ้น

ทั้งนี้ในการแถลงข่าวยืนยันไม่ลาออก นายจักรภพเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 นายจักรภพได้แจกเอกสารคำแปลของนายจักรภพ คำแปลฉบับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และฉบับ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี ผู้กล่าวหานายจักรภพในคดีหมิ่นเบื้องสูง
---------------------------

(ฉบับจักรภพ น.1)

...ถ้านำผลการของการลงประชามติเมื่อ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มาวิเคราะห์อย่างจริงจัง ท่านจะเห็นถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างคนไทยจำนวนร้อยละ 56 และร้อยละ 41 ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีครั้งใดที่คนจำนวนมากขนาดนั้นจะลุกขึ้นมาประกาศว่าเราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์อีกต่อไป สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการคือประชาธิปไตย ไม่ใช่ใครสักคนที่จะมาตบหลัง ตบไหล่ แล้วบอกว่า ฉันจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นเล็กน้อย แต่เธอควรจะต้องสำนึกบุญคุณ

(ฉบับ ปชป.)

..เป็นการปะทะกันระหว่างประชาชนจำนวน 56% และประชาชน 41% ของประชากรทั้งหมด ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประชาชนออกมาเป็นจำนวนมากและประกาศก้องว่า 'เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์ของท่านอีกต่อไป' ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งมาลูบหลัง และบอกกับเราว่า 'ฉันจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นบ้าง แต่ต้องสำนึกในบุญคุณของฉัน'
-------------------------------
(ฉบับจักรภพ น.2).

..นี่เป็นบทเรียนแรกที่เด็กนักเรียนของไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการปกครองของไทยว่า เราต้องการพึ่งพาใครสักคน ถ้าเรามีปัญหา ให้ไปหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำไป เราได้เข้าไปสู่ระบบอุปถัมภ์ เพราะเราถามหาการพึ่งพาอาศัยก่อนที่เราจะพิจารณาถึงความสามารถของตนเองในการแก้ปัญหา


(ฉบับ ปชป.)

...เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งในบทเรียนแรกๆ ที่นักเรียนไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการเมืองของไทยว่า มีคนที่เราสามารถพึ่งพาได้ยาก มีปัญหาเราสามารถหันไปพึ่งพาคนที่ช่วยเราได้ ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เราจะรู้ตัว เราก็ถูกชักนำเข้าไปสู่ระบบอุปถัมภ์เสียแล้ว เพราะเรามุ่งแต่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่น แทนที่จะพึ่งพาความสามารถของตัวเอง
-------------------------------------

(ฉบับจักรภพ น.5)

...เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับอำนาจ เมื่อข้าพเจ้าอายุมากขึ้น และได้เรียนรู้ว่าควรทำอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไร้ซึ่งอำนาจ แนวคิดของการมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเป็นเสมือนเครื่องเตือนให้เราตระหนักว่าเราอาจจะต้องการผู้นำที่จะมาดำเนินการจัดลำดับความสำคัญต่างๆ ให้เรา ท่านเคยเห็นหรือไม่ครับ ทุกสิ่งที่ผมได้เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นำไปสู่ความยึดมั่นของคนไทยว่า การที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีความเมตตากรุณาเช่นนี้แล้ว เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีประชาธิปไตย เราถูกชักนำให้เชื่อว่ารูปแบบของรัฐบาลที่ดีที่สุดคือประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำ หรือภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แนวคิดที่พัฒนามาในลักษณะนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันขึ้น ผมมองว่าเป็นการปะทะกันระหว่างวิถีทางประชาธิปไตยของไทยและระบบอุปถัมภ์

(ฉบับ ปชป.)

'เมื่อผมมีอำนาจ ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้อำนาจนั้นอย่างไร แต่เมื่อผมโตขึ้นและได้รู้ว่าจะใช้อำนาจอย่างไร ผมกลับไม่มีอำนาจแล้ว' การได้บางสิ่งบางอย่างในเวลาที่ผิด ย้ำเตือนเราว่าอาจมีความจำเป็นที่ต้องมีผู้นำที่มาเปลี่ยนแปลงให้เราใหม่หมด ท่านเห็นหรือไม่ว่าทุกอย่างที่ผมกล่าวมาตั้งแต่ต้น นำไปสู่ความเชื่ออย่างแน่วแน่ของคนไทยว่า หากยังมีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาเช่นนี้ ไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องมีระบอบประชาธิปไตย เราถูกชักจูงให้เชื่อว่ารูปแบบของการปกครองที่ดีที่สุดคือ การปกครองแบบประชาธิปไตยที่ถูกชี้นำ หรือการปกครองแบบประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำอันสง่างามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการพัฒนาแนวคิดและความเชื่ออย่างต่อเนื่องมาจนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผมมองว่าเป็นการปะทะกันระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์
---------------------------------------

(ฉบับจักรภพ น.6)

...ดังนั้น การได้รับการอุปถัมภ์จึงไม่ใช่การ    ไม่มีอารยธรรม แต่เวลานี้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และทำให้เกิดความขัดแย้งในปัจจุบันเพราะเวลานี้มีคนจำนวนมากที่ก้าวออกมาและประกาศว่าเราไม่ต้องการความสุขลมๆ แล้งๆ แบบนั้นอีกแล้ว ...(ข้อสังเกตว่า นายจักรภพและคณะ ไม่ได้แปลความในประโยคที่ว่า we donžt want anymore of your danmn  patronage !)


(ฉบับ ปชป.)

... ดังนั้น การที่มีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องบาป ไม่ใช่ความชั่วร้าย แต่ทั้งหมดกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้เราจึงต้องปะทะกัน เพราะมีประชาชนจำนวนมากพอสมควรที่ออกมาและบอกว่า 'ไม่ เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์เฮงซวยของท่านอีกต่อไป'
--------------------------------------
(ฉบับจักรภพ น.6)

..แต่เมื่อนับรวมวิธีการเทคนิคต่างๆ ที่บรรดา 'พี่ใหญ่' ทั้งหลายใช้ พวกเขาได้เสียงสนับสนุนเพียงร้อละ 56 ซึ่งแทคติคนั้นรวมถึงการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และอาจจะมีนอกเขตกรุงเทพฯด้วย แต่ผมไม่เห็นนะครับ ผมเห็นแต่ป้ายขนาดใหญ่ตลอดข้างทางดอนเมืองโทลล์เวย์จากสนามบินเก่าของเราคือดอนเมือง ข้อความพวกนั้นก็เป็นไปในทำนองที่ว่าพวกเราคนไทย ควรจะออกเสียงไปในทิศทางเดียวกัน เราเชื่อมั่นในสิ่งเดียวกัน เราต้องลงคะแนนเสียงเหมือนๆ กัน แต่สิ่งสำคัญมากๆ ก็คือชื่อที่ลงท้ายข้อความต่างๆ ในป้ายขนาดใหญ่เหล่านั้น มีการระบุว่าเป็นกลุ่มคนใส่เสื้อเหลือง หรืออีกนัยหนึ่งเมื่อนับคนใส่เสื้อเหลืองกลุ่มนั้น รวมกับเทคนิควิธีการต่างๆ แล้ว ก็ยังได้คะแนนเสียงแค่ร้อยละ 56 นั่นเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ประเทศไทยของเราอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลง

(ฉบับ ปชป.)

...แต่ทั้งหมดนั่นรวมทั้งเล่ห์กลต่างๆ ของผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ พวกเขาก็ได้เพียง 56% ซึ่งก็รวมถึงการติดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ทั่วกรุงเทพฯและอาจจะนอกกรุงเทพฯด้วยผมไม่เห็น ผมเห็นแต่ป้ายโฆษณาจำนวนมากตลอดทางยกระดับดอนเมือง ซึ่งมีข้อความเช่น 'คนไทยต้องร่วมชะตา ลงเรือลำเดียวกัน' แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือชื่อท้ายข้อความบนป้ายเขียนว่า 'ประชาชนคนเสื้อเหลือง' กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ 'ประชาชนคนเสื้อเหลือง' รวมกับเล่ห์กลทุกอย่าง แต่คุณกลับได้เพียง 56% นั่นเป็นปัญหาใหญ่ของคุณแล้ว ประเทศไทยกำลังใกล้ถึงจุดการเปลี่ยนแปลงเต็มทีแล้ว
-------------------------------

(ฉบับจักรภพ น.8)

...สมัยคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้มีโอกาสทำงานกับท่านและก็ทำให้ผมชื่นชอบท่านเป็นการส่วนตัว คุณทักษิณเข้ามารับตำแหน่งและแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว คุณทักษิณได้ดึงอำนาจจากระบบอุปถัมภ์จากอำนาจในรูปแบบที่เคยเป็นมาและได้เปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นนโยบายสาธารณะที่สร้างประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมทำงานอยู่กับคุณทักษิณผมถึงทราบว่าสิ่งที่คุณทักษิณทำไม่ใช่แค่นโยบายเชิงปรัชญา คุณทักษิณเพียงแต่ต้องการทำหน้าที่ของท่านเท่านั้น คุณทักษิณต้องการให้คนชอบ ต้องการให้คนรัก ต้องการเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมและนั่นคือวิธีการที่คุณทักษิณคิดในเรื่องต่างๆ แต่รูปแบบการทำงานแบบง่ายๆ ของเขากลับไปขัดแย้งโดยตรงกับระบบอุปถัมภ์ เพราะมันไปแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นระบบอุปถัมภ์ และเกิดขึ้นเร็วมากแค่เพียงเวลา 5 ปี

(ฉบับ ปชป.)

...นายกฯทักษิณ ซึ่งผมได้ทำงานด้วยและเริ่มรู้สึกชอบท่านเป็นการส่วนตัว ได้เข้ามาเปลี่ยน แปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับการเดินละเมอ นายกฯทักษิณได้กำจัดระบบอุปภัมภ์ไปจากผู้มีอำนาจและเปลี่ยนมันเป็นนโยบายสาธารณะซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ ผมอยู่กับท่านด้วย ผมจึงทราบว่าท่านมิได้ออกนโยบายเหล่านั้นในเชิงปรัชญา ท่านเพียงแต่ต้องการทำงานของท่าน ท่านต้องการให้ประชาชนชอบท่าน รักท่าน ต้องการเป็นคนรวยที่มีประโยชน์ นั่นเป็นแนวทางการทำงานของท่าน แต่วิธีการง่ายๆ ของท่าน ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับระบบอุปถัมภ์ เพราะสิ่งที่ท่านทำได้ปลดเปลื้องระบบเดิมอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 5 ปี
-----------------------------------------
(ฉบับจักรภพ น.9)

...หรืออีกนัยหนึ่งเกิดความรู้สึกของคนกลุ่มหนึ่งว่าไม่ควรไว้วางใจในตัวทักษิณ เพราะทักษิณละเมิดกฎที่ว่าด้วยการพึ่งพาอาศัยคนอื่นๆ ทักษิณเริ่มต้นการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้นำคนอื่นๆ และนั่นเป็นสิ่งชั่วร้ายในระบบอุปถัมภ์ ทักษิณจะผิดหรือถูกคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์จะตัดสิน

(ฉบับ ปชป.)

...ทักษิณเป็นคนที่เขาไม่อาจไว้วางใจเพราะทักษิณละเมิดกฎของการที่ต้องพึ่งพาคนอื่น ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไป และสำหรับระบบอุปภัมภ์แล้วนั่นคือบาป ประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสินว่าทักษิณผิดหรือถูก
------------------------------------------

(ฉบับจักรภพ น.10)

...แม้แต่นายกรัฐมนตรีที่เข้าสู่อำนาจด้วยพลังของประชาชน เพราะสิ่งที่เขาทำเพื่อปลดปล่อยประชาชนจากระบบอุปถัมภ์ แต่ในเวลาที่สำคัญที่สุดที่ต้องตัดสินใจภายใต้วิกฤต เขากลับตัดสินใจจากมุมมองจากความคิดในระบบอุปถัมภ์ ดังนั้น ระบบอุปถัมภ์ได้ฝังรากลึกมาก และเป็นการขัดแย้งทางอ้อมกับวิถีทางของประชาธิปไตย เราต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงปัญหานี้ เราต้องทำให้ระบบอุปถัมภ์กลายเป็นเรื่องของบุคคลโดยการระบุไปเลยว่าใครยังคงให้การอุปถัมภ์ประชาชน และผมก็เชื่อว่าบัดนี้คือเวลาที่เราต้องทำเช่นนั้น

(ฉบับ ปชป.)

...ท่านได้อำนาจจากประชาชนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านปลดปล่อยประชาชนให้หลุดจากระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ท่านกลับตัดสินใจตามระบบอุปถัมภ์ ที่นี่ระบบอุปถัมภ์หยั่งรากลึกมาก และก่อให้เกิดความขัดแย้งโดยตรงกับการสร้างประชาธิปไตย เราต้องปลดเปลื้องมัน เราต้องชี้ให้เห็นตัวตนของระบบอุปถัมภ์ โดยถามว่า ใครกันที่ชอบทำตัวเป็นพี่เลี้ยงคอยอุปถัมภ์ประชาชน และผมก็เชื่อว่ามันใกล้ถึงเวลาที่ต้องทำเช่นนั้นแล้ว
------------------------------------------------------

(ฉบับจักรภพ ช่วงถาม-ตอบ)

...คุณทักษิณอายุเกือบจะ 60 ปีแล้ว อย่างที่รู้กันว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขมาก และตอนนี้ก็ดูเขาจะมีความสุขมากกว่าเดิมกับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดังนั้น ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่าคุณทักษิณจะต้องการได้ตำแหน่งนั้นหรือไม่ เขามีความสุขกับการเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตามที่คุณทักษิณบอกไว้ว่าถ้าเจ้าของไม่ชอบสิ่งที่เขาทำ ผู้จัดการมืออาชีพอย่างเขาต้องไปทำงานให้กับบริษัทอื่น ทัศนคติแบบนั้นไม่มีความเป็นนักปฏิวัติเลย สำหรับสภาวะผู้นำใหม่ที่ผมพูดถึงจะต้องมีความเป็นนักปฏิวัติมากกว่านี้


(ฉบับ ปชป.)

...ทักษิณตอนนี้อายุใกล้ 60 แล้ว และท่านเป็นคนที่มีความสุขดี ยิ่งตอนนี้ท่านมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากทีมฟุตบอล Manchester City ดังนั้น ผมจึงไม่แน่ใจเลยว่าคุณทักษิณอยากจะสวมบทบาทนี้ ท่านสนุกกับการเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย แต่ตามที่ท่านได้กล่าว ถ้าเจ้าของไม่ชอบในสิ่งที่ท่านทำ ผู้จัดการมืออาชีพอย่างท่านก็สามารถไปทำงานให้บริษัทอื่นได้ ทัศนคติอย่างนั้นเป็นอะไรที่ไม่สอดคล้องกับการปฏิวัติเท่าใดนัก ดังนั้น ภาวการณ์นำที่ผมพูดถึงต้องมีความเป็นนักปฏิวัติมากกว่า
--------------------------------------------

(ฉบับจักรภพ)

เพราะเขาไม่รู้ถึงผลกระทบของสิ่งที่เขาทำ แต่สักวันในอนาคตเขาจะตระหนักถึงผลกระทบเหล่านั้น ดังนั้น สิ่งที่เรากำลังพูดถึงจริงๆ แล้วคือการเป็นผู้นำเพื่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลง คุณทักษิณไม่ใช่เผด็จการจากที่ผมเคยทำงานกับเขา ผมจะเป็นคนที่เดินจากคุณทักษิณเองถ้าเขาต้องการ แต่เขาเป็นแค่คนที่ยึดมั่นกับความคิดของตน และพยายามทำงานของตัวเองให้เสร็จ ซึ่งไม่เคยมีผู้นำคนใดในประเทศไทยทำลงไป คุณยืนยันว่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ และนั่นคือความเป็นผู้นำ และสิ่งนั้นอาจถูกตีความโดยใครบางคนว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าคุณได้พบเขาด้วยตัวคุณเอง และใช้เวลาอยู่กับเขา คุณจะรู้ว่าเขาไม่ได้มีเชื้อเผด็จการอยู่ในตัวเขา แต่ผมไม่ได้บอกว่าคุณทักษิณเป็นซูเปอร์แมน แต่เขาดีกว่าผู้นำเก่าๆ ที่ผมถูกสั่งให้เคารพ ผมพร้อมจะทำงานภายใต้สามัญชนที่มีความดีเพียงครึ่งเดียว มากกว่าที่จะทำงานให้กับขุนนางที่ว่างเปล่า


(ฉบับ ปชป.)

ผลกระทบจากสิ่งที่ท่านทำ แต่ต่อมาท่านก็ตระหนักว่าสิ่งที่ท่านทำ ทำให้เกิดผลกระทบ ดังนั้น สิ่งที่เรากำลังพูดถึงที่จริงคือภาวะการนำร่วม ทักษิณไม่ใช่เผด็จการ ผมทำงานกับท่าน และผมจะเป็นคนแรกที่จะก้าวออกจากท่าน ถ้าท่านเป็นเผด็จการ แต่ท่านเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่มุ่งมั่นในจุดยืนของตนเอง และพยายามที่จะทำงานให้สำเร็จ ไม่เคยมีผู้นำของไทยคนไหนที่เป็นแบบนี้ ดังนั้น มันจึงเป็นเผด็จการในความคิดของประชาชน เพราะคุณมุ่งมั่นในจุดยืนของตัวเอง คุณยืนกรานว่าจะต้องทำให้ได้ภายใต้ภาวะการนำของคุณ ซึ่งก็ถูกคนบางคนตีความว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าคุณได้พบท่านเป็นการส่วนตัว ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน คุณจะรู้ว่าท่านไม่ใช่ ท่านไม่มีลักษณะเช่นนั้นอยู่ในตัวของท่าน ผมไม่ได้บอกว่าท่านเป็นซูเปอร์แมน แต่ท่านดีกว่าผู้นำแก่ๆ ที่มีคนบอกให้ผมเคารพ ผมอยากจะทำงานภายใต้สามัญชนที่ดีเพียงครึ่งเดียวมากกว่าที่จะทำงานให้กับผู้สูงศักดิ์ที่ว่างเปล่า
 
http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2132


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 26-05-2008, 23:24
 :slime_bigsmile: ขำกลิ้งควายกับแม้ว .. ตรงที่นายจักรภพบอกว่า "จะฟ้อง ปชป."
(ในเรื่องที่ ปชป. แปลคำพูดเพื่อใส่ร้าย)

ถ้านายจักรภพ แน่จริงต้องไม่กลับคำพูด นะ .. เนื่องจากจะเข้าทางโป๊ะเชะ คดีขึ้นสู่ศาล


เนื่องด้วยผมเชื่อล้านเปอร์เซนต์ว่า ตำรวจทำสำนวน อัยการอ่านสำนวน (ที่มีนายตำรวจแจ้งความ

ที่ ส.น. เรื่องจักรภพหมิ่นฯ) น่าจะวนไปวนมาทำนองว่า "ให้ไปสอบเพิ่ม"

กว่าที่อัยการจะได้ฟ้องศาล อาจจะต้องรอไปชาติหน้า หรือ รอให้แม้วไปเกิดใหม่ก่อน

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 26-05-2008, 23:30
ถ้าเอาตามที่จักรภพแปล
สีน้ำเงินที่คุณ soco เน้นไว้ให้ดู ก็แย่แล้ว
มาเจอแปลเทียบกันวรรคต่อวรรค ยิ่งไปกันใหญ่

ไม่รอดแน่ทั้งเจ้เพ็ญทั้งกองเชียร์
 :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 27-05-2008, 01:23
ได้ยินแว่วๆ ว่าขอลาพัก 7 วัน

เพื่อให้เวลาประชาชนไปตั้งสติกันใหม่  :slime_bigsmile:

ก็เลยงงว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ

มรึงลาพักร้อน แต่ดันเจือกบอกให้พวกกรูไปตั้งสติกันให้ดี

ท่าทางจะประสาทกันใหญ่แล้วไอ้รัฐบาลชุดนี้


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 27-05-2008, 01:40
อย่าลืมขอให้อธิบายประโยคว่า "We want simply democracy" และประโยคขยายความที่ต่อมาหลังจากนั้นด้วยว่า... ตั้งใจจะสื่อความหมายอะไร? และไม่มีนัยแฝง วาระซ่อนเร้นอะไรอยู่อีกจริงหรือ?





หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 27-05-2008, 02:05
เหตุผลที่เจ้เพ็ญลากิจคือ เพื่อให้สื่อมวลชนบทแปลไปพิจารณา
และยังบอกอีกว่าคงจะใช้เวลานานเพราะภาษาค่อนข้างยากและยาว
จึงต้องลาพักถึง 7วันเพื่อเป็นการหยั่งกระแสไปด้วย
แต่ผลที่ได้ออกมาคือ บทพูดที่ยากและยาวจนเจ้เพ็ญต้องแปลคำพูดตัวเองเป็นสัปดาห์
ถูกสื่อมวลชน(ที่น่าจะแปลเสร็จมาก่อนแล้ว)นำมาชำแหละได้ในไม่กี่ชั่วโมง
พร้่อมเปรียบเทียบ ชี้ถึงการจงใจแปลผิด/แปลข้ามของเจ้เพ็ญเป็นของแถม
ไม่ยักจะยากและยาวอะไรจนต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลย

ปากพล่อย ไร้ความสามารถทางภาษา แล้วยังประเมินสถานการณ์ห่วยอีกนะ
เจ้เพ็ญเอ๊ยยยยย (ก่อนหน้านี้เป็นนักวิเคราะห์ข่าวได้ยังไงว๊าา)

 :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-05-2008, 10:23
ลองอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์

แม้จะเอาใจช่วยเต็มที่ แต่ผมสรุปในใจ

เจ๊เพ็ญไม่น่ารอดครับ

แต่ตำรวจยุคนี้จะดำเนินการหรือเปล่า ไม่แน่ใจ

หากประชาชนมีทางยื่นศาลทางอื่นก็น่าทำ

นักกฎหมายลองๆ ช่วยกันหาทางให้เรื่องถึงศาลนะครับ

ไม่ว่า สส. หรือ สว. ก็ดำเนินการได้


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 27-05-2008, 11:14

เอาๆง่าย  ไม่ต้องคิดมา  ผมก็คิดว่า ถ้า จักรภพคิดว่า 


วิธีการที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

ได้ทรงริเริ่มเเนวคิดการ ให้ประชาชนที่เดือนร้อนมาตีระฆัง 

รึการที่พระมหากษัตริย์ .. ทรงช่วยเหลือประชาชน



เป็นส่วนหนึ่งของระบบอุปถัมภ์ .. ใช่รึไม



และจักรภพบอกว่า..   


เขาไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์ ..  ใช่รึไม่

และว่าระบบอุปถัมภ์ ในวาระต่างๆ...ใช่รึไม่



ฉะนั้นผมก็จะถามว่า


และการตีระฆังในยุคก่อน มันเทียบได้กะการถวายฎีกาในยุคนี้ได้รึไม่

ที่เหลือ...คิดกันเอาเอง..

 


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: คนบ้า ที่ 27-05-2008, 11:42
คุงพี่ ล็อคอิน

อย่าเพิ่ง อ๊วกคับ
เก็บแรงไว้อ๊วกใส่หน้ามันละกาน


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: ตาย่าน ที่ 27-05-2008, 12:55
แถจนถลอกไปทั้งดุ้นแล้วอีเพ็ญเอ้ย

พจนานุกรมอังกฤษเป็นไทยฉบับสอ.เสถบุตร

myth (มิธ) n. 1. เรื่องนิทานเกี่ยวกับอภินิหารของผู้วิเศษ เช่น รามเกียรติ์ 2. เรื่องโกหกmythical (มีธ-อิแค็ล) adj. 1. เป็นนิทาน 2. ไม่จริงmythology (มิธอล-โอะจิ) n.เทพนิยาย, เรื่องนิทานนิยายของชนชาติใดชาติหนึ่ง เช่น Greek mythology นิยายของกรีก ว่าด้วยเทพเจ้าต่างๆmythological (มิโธะลอจ-อิแค็ล) adj.เกี่ยวกับเทพนิยายS. fable,legend

พจนานุกรมไทยเป็นอังกฤษฉบับสอ.เสถบุตร

ตำนาน n.a history, historical records, a chronicle, annals, a legend S. ประวัติ


หัวข้อ: Re: ใครมีบทแถลงพร้อมคำแปลจักรภพบ้างครับ...ผมฟังมันแก้ตัวแล้วแทบอ๊วก..
เริ่มหัวข้อโดย: Grimmy ที่ 27-05-2008, 12:59
แล้วที่เพ็ญมันพูดถึงป๋าเปรมที่เปนภาษาไทยล่ะครับ ชัดเจนแบบไม่ต้องแปลเลย