หัวข้อ: เครือข่ายแพทย์อาวุโสขยับขวางแก้รธน.ซ้ำเติมวิกฤติจับตา6หน.พรรคร่วมฯ...ปูดปฏิวัติ! เริ่มหัวข้อโดย: Aha555 ที่ 06-05-2008, 09:56 หมออาวุโสขยับขวางแก้รธน.ซ้ำเติมวิกฤติจับตา6หน.พรรคร่วมฯ
6 พฤษภาคม 2551 กองบรรณาธิการ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=6/May/2551&news_id=158145&cat_id=501 (http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=6/May/2551&news_id=158145&cat_id=501) จับตาประชุม 6 หัวหน้ากุมารทอง โฆษกเพื่อแผ่นดินเผย "สุวิทย์-เติ้ง" ต่อสายตรงตลอด เหยียบเรือสองแคม ยันยังถือสัตยาบัน 5 ข้อ แต่หนุนพลังประชาชนแก้รัฐธรรมนูญ แล้วกัน! "เจ๊เป้า" แฉรู้จากข่าว ยังไม่มีใครเชิญไปประชุม ขณะที่เครือข่ายแพทย์อาวุโสขวางแก้ รธน. ชี้เป็นการจุดวิกฤติชาติ "จาตุรนต์" พูดไม่รู้เรื่อง เบลอ ชักเหมือน "จิ๋ว" เข้าทุกวัน อัดกลุ่มคัดค้านต้องการปกป้องรัฐธรรมนูญ เบี่ยงเบนมุ่งทำร้ายฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ทหารยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ด่าพันธมิตรฯ ไม่เลื่อมใสประชาธิปไตยยุให้ปฏิวัติ แต่ยอมรับเงื่อนไขใกล้ปฏิวัติเต็มทน "วีระ" ปูดอีก 1-2 วันอาจมี เพราะมีคำสั่งให้ทหารขยับแล้ว อังคารนี้ เครือข่ายแพทย์อาวุโส นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกแถลงการณ์เรื่องทางออกจากวิกฤติของสังคมไทย โดยให้เหตุผลว่า ท่ามกลางวิกฤตการณ์สังคมไทยเวลานี้ หนึ่งในวิกฤติความขัดแย้งแตกแยกที่นับวันจะก่อตัวรุนแรงและขยายผลกว้างขวางมากสุด คือการที่รัฐบาลละเลยปัญหาปากท้องประชาชน มุ่งแต่แก้รัฐธรรมนูญด้วยวิถีทางที่สร้างความเคลือบแคลงครหาของสาธารณชนผู้รู้ผิดรู้ชอบ นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเครือข่ายแพทย์อาวุโส ให้สัมภาษณ์ว่า เครือข่ายแพทย์อาวุโสต้องการให้รัฐบาลสนใจปัญหาเรื่องปากท้องของชาวบ้านซึ่งเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ มากกว่าการมุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญซึ่งไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะซ้ำเติมความยุ่งยากให้แก่ประชาชน ส่วนกรณีข้ออ้างที่ว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะร่างออกมาในยุครัฐบาลทหารเผด็จการนั้น นพ.มงคลกล่าวว่า เรารู้ว่าที่เป็นอยู่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งหรือการรัฐประหาร ประชาชนก็ไม่เคยมีสิทธิ์อะไรหลังจากวันเลือกตั้ง และลำพังการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตย ทั้งนี้ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะร่างมาจากบรรยากาศอย่างไร แต่ก็มีความพยายามแก้ไขปัญหาในการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเพื่อป้องกันมิให้เกิดวงจรที่ไม่พึงประสงค์ โดยกำหนดการลงโทษผู้ซื้อเสียงด้วยโทษที่รุนแรงขึ้น เพราะต้องการยกระดับประชาธิปไตยให้ดีขึ้น โดยในส่วนการบังคับใช้กฎหมายก็ใช้กับคนทำผิด ส่วนคนที่ไม่ได้กระทำผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร เราต้องให้ความมั่นใจในการอำนวยความยุติธรรมของศาล ใครผิดก็ต้องถูกตัดสินไปตามการกระทำนั้น "ทำยังไงให้ประชาชนไม่เดือดร้อนทุกข์ยากอย่างที่เป็นอยู่ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแต่จะสร้างความแตกแยกซ้ำเติมประเทศชาติ รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนมากกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ควรให้เวลายาวๆ คิดให้ดีๆ เวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะมุ่งแก้รัฐธรรมนูญ" นพ.มงคลกล่าว ทั้งนี้ คณะแพทย์อาวุโสที่ร่วมแถลงประกอบด้วย ศ.นพ.อารี วัลยะเสวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พญ.จุรี นิงสานนท์ แพทย์สตรีอาวุโส นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธุ์ อดีตอาจารย์แพทย์ศิริราชพยาบาล คณะกรรมการกฤษฎีกา นพ.ประมุข จันทวิมล เลขาธิการมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) และ นพ.มงคล วันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งหัวหน้าพรรค 6 พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีท่าทีจากพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรค ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตรา และขอสงวนความคิดเห็นบางส่วนไว้เสนอในขั้นต่อไป เพราะยังสามารถเสนอความเห็นได้อีกหลายขั้นตอน โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดินบอกว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ต่อสายโทรศัพท์กับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะทั้ง 2 พรรคได้ให้สัตยาบันไว้ตั้งแต่ต้น นายไชยยศบอกว่า มาตรา 309 นั้นสองพรรคมีจุดยืนร่วมกัน แต่เชื่อว่าเวลานี้ยังไม่ใช่ร่างสุดท้ายที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอจริง และยังสามารถแก้ไขได้ "เจ๊เป้า" งง! ยังไม่มีใครเชิญ ด้านนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานเรื่องการประชุม 6 หัวหน้าพรรคมาอย่างเป็นทางการ ตนทราบข้อมูลจากสื่อเท่านั้น และได้ยินว่าวันที่ 7 พฤษภาคมไม่ได้คุยเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันในพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น นางอนงค์วรรณแจงว่า เป็นเรื่องของ ส.ส.ในสภา ที่จะต้องรับฟังเสียงจากประชาชนในพื้นที่ว่าจะแก้หรือไม่ หรือแก้แบบไหน ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาสนับสนุนให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ 3 (ส.ส.ร.3) ขึ้นมาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยแถลงข่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้กลไกของระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอ ไม่แก้ปัญหาประเทศและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามการออกแบบรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหาร หากไม่รีบแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว มันจะพัฒนาไปเป็นวิกฤติการเมืองและเศรษฐกิจ "การคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญนั้นมีได้ แต่ตนคิดว่าการคัดค้านได้กลายเป็นการปกป้องรัฐธรรมนูญคือ ไม่ยอมให้แก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญมีข้อเสียที่ต้องแก้ไขอีกมาก และสิ่งที่ร้ายกว่านั้นคือ เกิดการเบี่ยงเบนประเด็นเป็นอื่นเพื่อมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งเรียกร้องการยึดอำนาจคือให้ฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้งนั่นเอง" นายจาตุรนต์กล่าวว่า ที่อ้างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้เพื่อให้คนทำผิดไม่ต้องรับโทษนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คนส่วนใหญ่รับไม่ได้ และไม่ควรทำแบบนั้น แต่ปัญหาของรัฐธรรมนูญคือ กำหนดให้ผู้ไม่ได้ทำผิดร่วมรับโทษกับการกระทำความผิดของคนอื่น ตรงนี้มันขัดหลักยุติธรรม และมุ่งทำลายกลุ่มบุคคลโดยไม่คำนึงผลเสียหายของระบอบประชาธิปไตย เขาบอกว่าขณะนี้มีการใช้สถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อกล่าวหาโจมตีทำลายล้างทางการเมืองโดยไม่อาศัยกฎหมายบ้านเมืองไปแก้ปัญหาเหมือนที่ผ่านมา เช่นเหตุการณ์ก่อน 19 ก.ย. 2549 ก็มีกรณีเดียวกันนี้ และกล่าวหาว่ามีการก้าวล่วงสถาบัน และเมื่อพิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหานั้นไม่จริง แต่เมื่อเกิดการยึดอำนาจไปจนบ้านเมืองเสียหายไปมาก ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ เรื่องนี้คณะรัฐประหารมักหยิบเรื่องเหล่านี้มาใช้ประโยชน์และเป็นข้ออ้างการยึดอำนาจในการเมืองไทย นายจาตุรนต์กล่าวว่า หากจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จนั้น ก็ควรตั้ง ส.ส.ร. 3 โดยเชิญ ส.ส.ร.ปี 2540 เข้าร่วม เพราะน่าจะดีกว่าและเป็นประโยชน์ และหวังว่าการหารือของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้น่าจะหาข้อสรุปได้ "ความชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ตั้ง ส.ส.ร.นั้น น่าจะทำได้ยากกว่าและไม่น่าจะสำเร็จ เพราะหากในช่วงแก้ไขนั้นเกิดเสียงคัดค้านมากกว่าเสียงสนับสนุน หรือพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคอาจถอยได้ ฉะนั้นขอย้ำว่าอำนาจในการแก้ไขนั้นเป็นของรัฐบาลและรัฐสภา แต่ผมเสนอวิธีในการให้ประชาชนมีส่วนร่วม และลดความรู้สึกว่าเป็นการแก้ไขกันเองในกลุ่มเล็กๆ" นายจาตุรนต์ยังชี้ว่า การไม่ลงประชามติ ไม่สวนทางเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้วว่าจะทำหรือไม่ทำประชามติก็ได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้แก้ไข และตนสนใจเรื่องประชามติเช่นกัน แต่ไม่แน่ใจว่าควรทำก่อนหรือหลังการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซัดพันธมิตรฯ ยุปฏิวัติ ส่วนกระแสข่าวว่าอาจเกิดการรัฐประหารอีกครั้งนั้น นายจาตุรนต์บอกว่า ได้รับทราบข่าวสารเพียงว่าไม่มีใครคิดทำรัฐประหาร แต่การขู่และอยากให้การรัฐประหารเกิดขึ้นของฝ่ายพันธมิตรฯ บางคนที่เสนอแนวทางนี้ โดยเนื้อหาสำคัญที่ใช้โจมตีทางการเมืองในช่วงนี้นั้น มักอ้างเนื้อหาที่เข้าใจว่าอยากสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร "ใช้เหตุผลเดิมๆ เหมือนช่วงก่อนวันที่ 19 กันยายน คือมุ่งทำลายล้างคนบางคนและบางกลุ่มโดยใช้วิธีการใดๆ ก็ได้ แล้วให้ทหารออกมายึดอำนาจ คนพวกนี้ไม่คำนึงและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เพราะคิดเพียงว่าทำอย่างไรก็ได้ให้กำจัดคนบางคนเท่านั้น โดยให้ทหารออกมาอีก คนพวกนี้ไม่เลื่อมใสรัฐธรรมนูญจริง และยังอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีและแก้ไขไม่ได้นั้น ความจริงแล้วไม่เลื่อมใสและไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตย ผมพูดแบบนี้หมายความว่า คนบางคนในกลุ่มพันธมิตรฯ และไม่น่าจะเป็นคนส่วนใหญ่ที่คิดและจะทำเรื่องนี้" นายจาตุรนต์กล่าวว่า การรัฐประหารเกิดจากการอ้างเหตุผลต่างๆ และเหตุผลการยึดอำนาจครั้งที่แล้วกับเหตุผลวันนี้มันคล้ายกัน และหากพูดในระยะยาวนั้น ประเทศไทยใช่ว่าจะปลอดภัยจากการรัฐประหาร ฉะนั้นควรช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจว่า การรัฐประหารนั้นมันเลวร้ายที่สุด และไม่ควรเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากทหารจะไม่ทำอีกมันก็ดี และคนที่เรียกร้องให้ทหารก่อการยึดอำนาจอีกนั้น ประชาชนควรประณามว่าไม่ใช่ผู้ที่มีเจตนาดีกับบ้านเมือง "ผมมองว่าหากมันจะเกิดขึ้นคงไม่เร็วนัก แต่หากปล่อยไว้นานๆ ประชาชนจะไม่พอใจรัฐบาลและเกิดวิกฤติ แล้วหันไปมองว่าต้นเหตุต่างๆ มาจากรัฐธรรมนูญที่สมควรแก้ไข หรืออาจเกิดการโจมตีอย่างรุนแรงของสองฝ่าย ทหารก็ออกมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และตรงนี้มันอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ฉะนั้นผมก็บอกว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วเพื่อให้บ้านเมืองพ้นจากวิกฤติ" ถามว่าเสถียรภาพรัฐบาลในช่วงนี้เป็นอย่างไร นายจาตุรนต์ตอบว่า ปัญหาที่มาจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายการยุบพรรคเป็นปัญหาใหญ่ หากเป็นไปตามระบบปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่นำไปสู่การยุบ 3 พรรค นักการเมืองจำนวนมากจะโดนเพิกถอนสิทธิทางการเมืองที่มาจากการกระทำความผิดของคนบางคน และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนขั้วรัฐบาล หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ พูดถึงการปฏิวัตินั้น เป็นการพูดในบริบทว่าจะไม่มีการปฏิวัติ ซึ่งต่างชาติเข้าใจดี ตนอยากเตือนรัฐมนตรีคนอื่นว่า ตอนนี้ควรจะต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน และอยากให้พูดเรื่องการเมืองให้น้อยลง ใครวิจารณ์อะไรมาก็รับฟัง และก้มหน้าทำงานต่อไป นายนพดลกล่าวถึงใบปลิวโจมตีประธานองคมนตรีที่ประเทศอังกฤษว่า บ้านเมืองเราต้องการความปรองดองมาก บ้านเมืองเราเหมือนไก่ที่จะถูกเชือด แต่ยังจิกตีกัน ตนไม่เห็นด้วยกับการโจมตีไม่ว่าใครก็ตาม โดยเฉพาะคนที่มีสถานะในบ้านเมือง เราต้องให้ความเคารพ ไม่อยากให้มีปัญหาการเมืองให้รัฐบาลมาแก้ไข อยากให้รัฐบาลเรื่องปากท้อง คงต้องให้สถานทูตไปดู ช่วยดูว่าเป็นกระบวนการอย่างไร จริงหรือไม่ ถ้ารู้ตัวก็อยากให้ยุติ ซักว่ามีความเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ รมว.การต่างประเทศตอบว่า เป็นการพยายามหวังผลทางการเมือง และไม่มีเหตุผล ความเห็นส่วนตัวเป็นการจุดประเด็นการเมืองสร้างให้มีปัญหา เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำ "อภิสิทธิ์" เฉ่งร่าง รธน.ตัดแปะ ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่มีส่วนร่วม ซึ่งฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรไปทบทวน เพราะสมัยประชุมใกล้จะหมดแล้ว ควรที่จะเลือกว่าจะตั้งกรรมาธิการศึกษาร่วมกัน หรือตกลงในแนวทางที่จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ทุกฝ่ายในสังคมมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งถ้าเป็นไปในแนวทางดังกล่าวฝ่ายค้านก็จะสนับสนุน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า เท่าที่เห็นร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาล เหมือนกับว่ารัฐบาลไม่ได้คิดอะไรนอกจากเป้าหมายในเหตุการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากใช้วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตัดแปะ บทเฉพาะกาลมีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรอิสระพ้นจากตำแหน่ง ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีความตั้งใจปรับปรุงรัฐธรรมนูญกันจริงๆ ส่วนการแปรญัตติปล่อยให้เป็นไปโดยเสรี ไม่มีการพูดคุยในกรอบกันก่อน ตนเกรงว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย คือจะยืดเยื้อมาก "ผมอยากเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน อยากให้ลองไปพิจารณาเรื่องกรรมาธิการศึกษา หรือการตั้ง ส.ส.ร.เป็นทางเลือก" นายอภิสิทธิ์ตอบโต้กรณีที่นายจาตุรนต์ระบุว่า คนที่ออกมาคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญคือต้องการปกป้องและพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ร้ายกับฝ่ายตรงข้ามว่า พรรคประชาธิปัตย์มีแต่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญที่จะทำให้รัฐธรรมนูญดีขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับคนที่เอาประชาธิปไตยมาอ้างเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งนายจาตุรนต์ก็น่าจะมองออก ลองกลับไปดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขโดยพรรคพลังประชาชนที่เสนอมาครั้งแรก นายจาตุรนต์ตอบได้หรือไม่ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับการปรับปรุงระบบการเมือง นอกจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือ มาตรา 237 และ 309 นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะทำงานศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำให้เกิดวิกฤติประเทศอย่างรุนแรงที่สุด เพราะขณะนี้แม้จะไม่มีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เราก็กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องอยู่แล้ว "เท่าที่ผมได้พูดคุยกับ ส.ส.บางส่วนในรัฐบาลเองก็ยอมรับว่ามีความกังวล และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขที่กำลังทำอยู่ และกังวลว่าประชาชนจะรับไม่ได้ โดยเฉพาะ ส.ส.ใหม่เขาไม่อยากให้มีการเลือกตั้งใหม่ และในฐานะคนไทยก็ไม่อยากให้มีความขัดแย้ง เพราะทุกวันนี้เราก็กำลังวิกฤติข้าวยากหมากแพงอยู่แล้ว ทำไมต้องไปซ้ำเติมให้หนักยิ่งขึ้น" นายบัญญัติกล่าวว่า แม้จะมีการตั้งกรรมาธิการ แต่ก็มี 2 จุดที่ต้องจับตามอง คือแม้จะมีการเอาคนนอกมาเป็นกรรมาธิการด้วย แต่สุดท้ายไม่พ้นพรรคพลังประชาชนที่เป็นรัฐบาลจะเป็นคนเลือกเอง ก็ไม่มีประโยชน์อะไร และแม้จะมีการแปรญัตติ แต่อย่าลืมว่าไม่ว่าจะแปรอย่างไรก็ต้องอยู่ในกรอบของหลักการและเหตุผล ไม่สามารถขัดแย้งได้ ฉะนั้นเจ้าของร่างสามารถที่จะกำหนดหลักการ เหตุผลอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว แม้คนทั่วไปไม่รู้ แต่นักการเมืองด้วยกันก็มองออกและรู้เท่าทัน "ผมไม่อยากใช้คำว่ารัฐบาลหวังหลอกต้มประชาชน แต่มันก็เป็นเช่นนั้น การบอกจะเอาตามร่างปี 40 แต่ไปตัดมาตรา 237 และ 309 อย่างนี้ไม่หลอกก็เหมือนหลอก" เขาชี้ว่า ฝ่ายที่ยังพอถ่วงดุลได้คือพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ที่ควรแสดงความกังวลให้ปรากฏว่าสิ่งที่พลังประชาชนกำลังทำอย่างนี้ไม่ดี จะเกิดปัญหาแน่นอน แต่ถ้าเราหวังพึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ เชื่อว่าวิกฤติครั้งใหญ่อย่างแน่นอน "วีระ" เชื่อ 1-2 วันปฏิวัติ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) ระบุว่า มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความเห็นว่าจะมีการรัฐประหารนั้น ตนยืนยันว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน เพราะรับทราบจากทหารที่ใกล้ชิดกับตนว่า ขณะนี้มีผู้คุมกำลังได้เรียกตัวทหารเข้ากรมกองตั้งแต่วันนี้ 5 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. และซึ่งอาจจะเกิดการณ์ดังกล่าวขึ้นในคืนนี้ หรืออีก 1-2 วันข้างหน้า ส่วนฝ่ายที่จะกระทำนั้นมี 2 ฝ่าย คือฝ่ายของทักษิณและของสถาบัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะชิงจังหวะได้ก่อน ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศเร็วกว่ากำหนดด้วย "ผมเห็นว่าฝ่ายของทักษิณมีความพยายามจะทำรัฐประหารอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นล้มการกระดานใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีผลดีกว่าการแก้รัฐธรรมนูญที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" เลขาฯ คปต.ระบุ นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการเตรียมแก้รัฐธรรมนูญ 50 ของพรรคพลังประชาชนว่า จุดยืนของตนเหมือนกับนายประสพสุข บุญเดช ประธาน ส.ว. ที่ต้องการให้มีการใช้รัฐธรรมนูญไปก่อน 1 ปี เพื่อศึกษาดูข้อดีข้อเสีย เพราะเห็นว่าการนำรัฐธรรมนูญ 40 มาตัดแปะไม่เหมาะสม เพราะมีข้อบกพร่องหลายประการ อาทิ การละเมิดและครอบงำองค์กรอิสระ ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับ ส.ว.สรรหาและเลือกตั้ง หลายคนอึดอัดและไม่เห็นด้วยในการแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้ เพราะมิใช่เรื่องเร่งด่วน แต่หากพรรคพลังประชาชนดึงดันที่จะแก้ไข ทางเดียวที่จะทำได้คือ การแปรญัตติในวาระ 1 เพื่อขอแก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 291 โดยอาศัยเสียงของ ส.ส.และ ส.ว. มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเพื่อขอแก้ไขให้การแก้รัฐธรรมนูญให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ได้ ทั้งนี้ จากการประเมินของเสียง ส.ว.ขณะนี้ไม่เพียงพอ ดังนั้นหากได้ความร่วมมือจากพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ก็สามารถจะเสนอแก้ไขได้ "คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีปัญหาในการขอคะแนนสนับสนุน แต่ในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทยจะยินยอมหรือไม่นั้นพูดลำบาก ได้แต่หวังว่า 2 พรรคดังกล่าวจะยังจำเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลทั้ง 5 ข้อได้" ส.ว.สรรหาระบุ. หัวข้อ: Re: เครือข่ายแพทย์อาวุโสขยับขวางแก้รธน.ซ้ำเติมวิกฤติจับตา6หน.พรรคร่วมฯ...ปูดปฏิวัติ! เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 06-05-2008, 15:44 คนในสังคมที่มีการศึกษา ต่างออกมาแสดงความเห็นต่อต้านการ รีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ :slime_agreed:
ทุกคนไม่คัดค้าน ถ้าจะมีการแก้ไข แต่ขอให้ประชาชนมีส่วนร่วม และไม่จำเป็นต้องรีบร้อน :slime_whistle: รัฐบาลสมัคร อยู๋ได้ 4 ปี ตามรัฐธรรมนูญ มีเวลาแก้ถมเถ ใยต้องรีบร้อน :slime_cool: เงือนไขการรีบแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เหลือความชอบธรรมอะไรแล้ว หลังจากปั้นเรื่องโกหกกันมา แต่จำเป็นจะต้องตะแบง แถก แถ แก้ให้ได้โดยด่วน เพราะคดีของนายงวดเข้ามาทุกขณะ ใกล้จะเริ่มสอบปากคำพยานแล้ว ซึ่งการสอบนั้น เร็วจนน่าตกใจ คาดกันว่า ก่อนเดือนตุลาคมนี้จะสอบพยานได้หมด และนัดวันพิพากษาได้ไม่เกินพฤศจิกายน อย่างล่าช้าก็ไม่เกินธันวาคม :slime_fighto: หากลากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปถึงหนึ่งปีหรือสองปี ช่วยคนที่จะติดคุกได้ไม่ทันแล้ววววว :slime_smile2: รอมุขใหม่ ที่พวกเอี๊ย จะงัดมาแล่นดีกว่า :slime_fighto: |