ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

(http://www.bangkokbiznews.com/images2007/WW12_1238_01.gif)

'ไอ้หน้าตัวผู้'ร้ายกว่านักการเมือง'หน้าตัวเมีย'
 
21 เมษายน พ.ศ. 2551 06:58:00
 
นักการเมืองซีกรัฐบาลคนหนึ่งใช้คำว่า "หน้าตัวเมีย" ต่อว่าต่อขานคนที่อยู่คนละฝั่ง   จนกลายเป็นเรื่องเป็นราว โดนเรียกร้องให้ถอนคำพูด...

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดีที่ว่า กลุ่มสิทธิสตรีต่างๆ ยังไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ต้องจุดธูปจุดเทียนขอขมาภรรยาของตัวเองต่อหน้าสาธารณะ

"หน้าตัวเมีย" ในความหมายที่รู้กันในสังคม (ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเพศของผู้ถูกพาดพิงถึง) หมายถึงคนที่ไม่กล้าเผชิญความจริง ทำอะไรไม่เปิดเผย หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ข้างหลัง และจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะให้คนอื่นทำแทน

ในกรณีการเมือง ก็อาจจะหมายถึงการตั้งคนอื่นเป็น "น อ มิ นี" แทนตน เพราะตัวเองไม่กล้าออกมาเผชิญกับความเป็นจริง

 แต่ผมคิดว่าสังคมการเมืองไทยวันนี้มี "หน้าตัวผู้" อยู่อีกจำนวนหนึ่งที่น่ารังเกียจไม่น้อยไปกว่า "หน้าตัวเมีย"

 เพราะถ้า นักการเมือง "หน้าตัวเมีย"   คือคนที่หลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้ามาพูดจากันในที่ชุมชนให้ความจริงประจักษ์ในจุดยืนของตัวเองเพราะกลัวตนจะเสียประโยชน์

 วันนี้ก็มี นักการเมือง "หน้าตัวผู้" ที่พูด ๆๆๆๆ แต่ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน...เพราะนึกว่าการบริหารบ้านเมืองนั้นคือการพ่นไปวันๆ  ให้เป็นข่าว...เห็นหน้านักข่าว เห็นไมโครโฟนของทีวีก็วิ่งเข้าใส่ ขอให้ได้พูด หรือมีภาพว่าเป็นผู้มีความคิดอะไรที่จะเป็นข่าวเท่านั้น ก็จะสำแดงตนเป็น "หน้าตัวผู้" ทันที

 นักการเมือง "หน้าตัวผู้" นั้นมีวาจาสามหาว พูดจาตะคอกใส่คนอื่นเพียงเพราะเขาไม่สวามิภักดิ์ตน หรือมีความเห็นที่แตกต่างออกไป...ความเป็น "ตัวผู้" ผู้หยิ่งผยองก็จะทำให้เขาสำรากประโยคที่ผู้คนในสังคมรังเกียจออกมาในที่สาธารณะอย่างน่าสมเพช

 ถ้า "หน้าตัวเมีย" คือคนที่ขี้กลัวขี้อาย "หน้าตัวผู้" ก็คือพวกหางรำแพน คุยโม้โอ้อวด แต่ไม่มีสาระอะไรให้เห็น อีกทั้งยังไม่สำนึกในความเป็นพวกขี้คุยขี้อวด และมีความเป็นศักดินาสูง

 รัฐมนตรี "หน้าตัวผู้" หลายคนไปไหนมาไหนจะต้องมีคนมาห้อมล้อม...ไปถึงหน่วยราชการไหน หรือจังหวัดไหน ไม่มีคนระดับสูงสุดขององค์กรนั้นมารับรองหรือก้มเกล้าประนมกรให้ ก็จะขุ่นเคืองในความรู้สึกและจะหาเรื่องกลั่นแกล้งคนนั้นให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า "ไม่รู้หรือว่าฉันใหญ่" :slime_cool:

นักการเมืองบางคนเป็นประเภทเพศเดียว และอีกบางคนมีสองเพศแต่ก็อาจจะเป็นทั้ง "หน้าตัวเมีย" และ "หน้าตัวผู้" ได้ในคนเดียวกันได้   :slime_bigsmile:

เพราะในขณะที่อยากให้ผู้คนนับหน้าถือตาและพูดจาใหญ่โตคับบ้านคับเมืองโดยไม่จำเป็นต้องมีผลงานอะไร (คุณสมบัติของ "หน้าตัวผู้") แต่ขณะเดียวกันเมื่อถูกซักไซ้ไล่เลียงในเรื่องความไม่ชอบมาพากลในหน้าที่งานการที่ตัวเองรับผิดชอบ ก็หลบไปเลี่ยงมา โยนความผิดให้คนอื่น ไม่กล้าก้าวออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่...ตอกย้ำถึงความเป็น "หน้าตัวเมีย" อย่างชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ดังนั้น ทุกครั้งที่ใครชี้หน้าว่าใครเป็น "หน้าตัวเมีย" ในวงการเมือง ก็อย่าลืมว่าพวก "หน้าตัวผู้" นั้นไม่ได้น่าเคารพนับถือมากไปกว่ากันสักเท่าไหร่เลย

(เข้ามาเกาะติดเรื่องร้อนๆ ทั้งข่าว ภาพและเสียงต่อประเด็นหลากหลายได้ที่ www.suthichaiyoon.com ตลอด 24 ชั่วโมง)
 
 http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/21/WW12_1238_news.php?newsid=249801

แสบได้ใจจริงๆ "กาแฟดำ"
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

*  ง่า .....   :slime_hmm:   ทำไมถึงอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่า

        ~  หน้าตัวเมีย    =     แม้ว

        ~  หน้าตัวผู้       =     หมักหมม

         ~  หน้าตัวผู้  +  ตัวเมีย   =   นังเพ็ญ

     หรือเราจะคิดมากไปหว่า  ................  !!!

ตายแล้วววววววววววววววววววววววววว

อย่างนี้คนที่ชื่นชมตนเองว่า เป็นคนหน้าตัวผู้ ไม่ใช่หน้าตัวเมีย ในสภาครั้งก่อน จะมีคุณสมบัติตรงตามที่กาแฟดำบอกหรือไม่หนอ :slime_hitted: :slime_hitted: :slime_hitted:

"ตัวผู้ - ตัวเมีย" เป็นคำระบุเพศ
ครึ่งหนึ่งใช้กับ "สัตว์"
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง ใช้กับพืช

เท่าที่ทราบ จตุพร พรหมพรรณ ไม่ใช่พืช
เพราะไม่มีคลอโรฟิลล์ - สังเคราะห์แสงเอง ไม่ได้

ผมไม่เห็นด้วยกับปู่เย็น เพราะผมเห็นอดีตนักการเมืองบางคนพยายามใช้เงินสังเคราะห์แสงอยู่ ด้วยหวังจะเพิ่มพูนบารมีในตัวอันผุพัง ให้กลับมาฉายแสงแข่งกับตะวัน เทียมฟ้า โดยไม่รู้สึกรู้สาเลยว่า หิ่งหอยมันกระพริบแสงได้เป็นระยะๆเท่านั้น :slime_slapped:

พวกนี้คงขนเต็มหน้า