ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 04:29



หัวข้อ: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 04:29
ไปอ่านเจอบทความ 2 ตอน เกี่ยวกับคำอภิปรายของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อเนื่องไปถึง
กรณีการเก็งกำไรค่าเงินบาท เรียบเรียงข้อมูลเอาไว้ได้พอสมควรในบทความ 2 ตอนสั้นๆ

สังเกตจากคำอภิปรายของคุณสุเทพ ตอนนั้นคุณทักษิณกำลังนั่งเป็น "รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ"
แสดงว่าที่เศรษฐกิจไทยพังพินาศก่อน พล.อ.ชวลิต ลาออก ก็ต้องถือเป็นความรับผิดชอบของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

แถมด้วยข้อสงสัยจงใจปล่อยให้ระบบค่าเงินล่มสลายเพื่อเก็งกำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง!!!
..เก็บมาให้เพื่อนสมาชิกได้ช่วยกันอ่านช่วยกันจำ และนำไปอ้างอิงต่อไปนะครับ..  :slime_v:
หลังตั้งกระทู้นี้ผมจะนำ คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็มกรณีคุณสุเทพ ไปลงไว้ให้ที่หอสมุดด้วย  :slime_smile:

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก"
คอลัมน์ "กวนน้ำให้ใส" - หนังสือพิมพ์แนวหน้า 10/4/2008
http://www.naewna.com/news.asp?ID=103821

ชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" มีทั้งคนชังและคนชอบ

บนเส้นทางชีวิตการเมืองอันยาวนาน นายสุเทพมีร่องรอยบาดแผลทางการเมืองพอสมควร

แต่ สิ่งหนึ่งที่น่าจดจำและชื่นชม เกี่ยวกับ "นายสุเทพ" คือ การทำหน้าที่ ส.ส. อภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับการตัดสินใจ
ลดค่าเงินบาท เมื่อปี 2540 ว่ามีคนล่วงรู้ข้อมูลลับล่วงหน้า

เรื่อง นี้ เป็นแผลใจที่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการลดค่าเงินบาท โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีโอกาสล่วงรู้ข้อมูลล่วงหน้า
บางคนถึงกับล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว ธุรกิจเสียหาย มีหนี้สินล้นพ้นตัว ฯลฯ คนเหล่านี้มีความสงสัยค้างคาใจอย่างมาก

การอภิปรายครั้งนั้น เป็นเหตุให้นายสุเทพถูกนายโภคิน พลกุล ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท

ล่าสุด ศาลฎีกาเพิ่งจะคำพิพากษาเป็นที่สุด ให้ยกฟ้อง !

น่า แปลกใจ กรณีนี้ กลับไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าว หรือมีการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนผ่านทางสื่อโทรทัศน์น้อยมาก
จนเกือบจะไม่มีรายละเอียดอันเป็น "ข้อมูลสำคัญ" ให้ประชาชนได้เรียนรู้เพิ่มเติมเลย

บางส่วนของคำพิพากษาศาลฎีกา ได้ระบุคำอภิปรายที่เป็นข้อสงสัยของนายสุเทพ ความว่า

" การที่มีคนมีกำไรอย่างนี้นะครับ ทำให้ผมสงสัยว่า มีคนอื่นที่ได้กำไร ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อพลเอกชวลิต แต่เป็นพวกที่
เชื่อพลเอกชวลิต แล้วได้กำไรมีไหม มีครับท่านประธาน เพราะเขาเชื่อว่าพลเอกชวลิตจะตัดสินใจลดค่าเงินบาทเมื่อไร
คนนี้เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ คนนี้เอาข้อมูลภายในไปแสวงหาประโยชน์ มีข่าวลือกันมากในตลาดการเงินในประเทศไทย
ว่า ขาใหญ่ที่ร่ำรวยนั้น รวยถึงขนาดมีการันตีได้ว่า เลือกตั้งคราวหน้าสบายกันทุกคน

ท่าน ประธานที่เคารพครับ ผมสงสัยเรื่องนี้แล้ว ท่านประธานต้องเห็นใจอย่างยิ่งที่ผมมีความสงสัย
เพราะพลเอกชวลิตแสดงพิรุธ พลเอกชวลิตแสดงพิรุธ 2 ประการ

ประการ ที่หนึ่ง พลเอกชวลิตแสดงพิรุธด้วยการมาพูดจาในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชน ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งทีวี ทั้งวิทยุ
ว่าในการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะประกาศให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น ทำอย่างเป็นความลับที่สุด รู้กัน 3 คน เท่านั้นเอง คือ
พลเอกชวลิต นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ตรง นี้เป็นพิรุธครับท่านประธาน ผมสอบสวนมีพยานหลักฐานยืนยันได้ ถ้าพลเอกชวลิตต้องการรู้ว่า ต้องการที่จะเถียงกับผม
ผมท้าให้ฟ้องศาลเรื่องนี้เพราะผมมีหลักฐาน พยานบุคคลยืนยันว่า วันที่ตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้รู้กันแค่ 3 คน มีคนที่ 4 รู้ด้วย

ท่าน ประธานที่เคารพครับ เข้าประตูทำเนียบนี่มียามรักษาการณ์ มีเจ้าหน้าที่ มีว่า วันนั้นเวลานั้นในห้องนายกรัฐมนตรีมีใครอยู่กี่คน
ผมแอบได้ยินมาด้วยว่า พูดอย่างไรด้วย มีคนเขาเล่าให้ผมฟัง เขาพร้อมที่จะเป็นพยานให้ผม คนที่ 4 ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
และไม่สมควรที่จะนั่งอยู่ในการตัดสินใจครั้งสุด ท้าย ตามตำหนิรูปพรรณที่คนเขาให้การมา รวมทั้งแผลเป็น บอกว่าชื่อ
นายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เคยปรากฏว่า ในวันที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างนี้
จะต้องมีคนมานั่งใกล้ชิด กำกับอยู่ด้วย นายกรัฐมนตรีควรมีสติ มีปัญญาที่จะตัดสินวินิจฉัยได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมีคนกำกับ

ผม สงสัยว่า นายโภคิน พลกุล ไปนั่งอยู่ทำไมในเวลานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของนายโภคิน ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะให้นายโภคินล่วงรู้
เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตัดสินใจ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันตัดสินใจเท่านั้น
แต่เรื่องนี้แม้พลเอกชวลิตจะมาพูดกับคนทั้งชาติว่ารู้กัน 3 คน แต่ที่จริงรู้กัน 4 คน นายโภคินนั่งอยู่ด้วยตลอดในเวลา 1 ชั่วโมง
ที่หารือกันเรื่องนี้ หารือกันวันที่เท่าไร ท่านประธานครับ วันที่ 29 มิถุนายน เป็นวันอาทิตย์ เวลา 9.30 นาฬิกา เป็นต้นไป

ตรง นี้ พลเอกชวลิต แสดงพิรุธอีก เพราะพลเอกชวลิตบอกกับสภานี้ว่าได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะประกาศที่จะให้ ค่าเงินบาท
ลอยตัวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ความตรงนี้มีนัยที่น่าสนใจมาก

ท่าน ประธานครับ พลเอกชวลิตคล้ายๆ จะบอกกับสภานี้ว่า ตัดสินใจวันที่ 1 รุ่งขึ้นเช้าวันที่ 2 ประกาศเลย เหมือนกับเป็นการ
ป้องกันตัวไว้ก่อนว่าไม่มีใครหยิบฉวยจังหวะตรงนี้ไปหา ประโยชน์ได้หรอก ความจริงไม่ใช่ ไปปรึกษาการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
วันที่ 29 มิถุนายน เป็นวันอาทิตย์ 9.30 น.

ก่อน หน้านี้มีคนนั่งกันอยู่ในห้องหลายคนมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มีสภาพัฒน์ฯ พอ 3 คนนี้เข้าไปก็ให้คนอื่นออก
แต่เหลือนายโภคินเอาไว้ แล้วตัดสินใจเสร็จ จากวันที่ 29 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ รุ่งขึ้นวันที่ 30 เป็นวันจันทร์ วันที่ 1 กรกฎาคม
เป็นวันอังคาร

พล เอกชวลิต มาพูดที่นี่ว่า วันที่ 1 เป็นวันหยุดกลางปีของธนาคาร ใครรู้อะไรก็ทำอะไรไม่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยหยุด
ท่านประธานครับ ธนาคารฮ่องกง ธนาคารสิงคโปร์ไม่หยุด รู้ล่วงหน้า 2 วัน ทำเงินได้หลายพันล้านบาทครับ ถ้าคนนั้นมีเงิน
ในระดับที่จะไปลงทุนได้

ความ สองประการนี้เป็นพิรุธ พิรุธเรื่องที่บอกว่ารู้กัน 3 คน ทั้งๆ ที่รู้กัน 4 คน พิรุธเรื่องที่บอกว่า ตัดสินวันที่ 1 ทั้งๆ ที่ตัดสิน
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พิรุธนี้ทำให้ผมสงสัยว่าอย่างไร สงสัยว่า เอาเวลาช่วงที่ขาดไปนั้นไปให้พรรคพวกของตัวเองได้ไป
ซื้อเงินดอลลาร์ไว้ล่วง หน้า ไปซื้ออัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้าแล้วทำกำไร

ท่าน ประธานที่เคารพครับวันนี้ผมยอมบาป คนที่ผมสงสัยมากที่สุดนั่งอยู่ตรงนั้นครับ ด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ครับ
ผู้ต้องสงสัยของผม ท่านด็อกเตอร์ทักษิณไม่ได้ทำบาปอะไรหรอกครับ ที่ผมสงสัยคือสงสัยว่ารัฐมนตรีโภคินจะเป็นคนบอก
ความลับเรื่องนี้กับ ด็อกเตอร์ทักษิณ แล้วด็อกเตอร์ทักษิณไปซื้อขายเงินไว้ล่วงหน้าทำกำไร

ท่าน ประธานที่เคารพครับ ได้กำไรไปเยอะในขณะที่คนในชาติน้ำตาไหลกันทุกคน ผมไม่แปลกใจว่า หลังจากนั้นไม่นาน
ได้มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ก็เก่งขนาดทำเงินได้ 2 วัน 4,000,000,000 บาท ถึง 5,000,000,000 บาท
ก็น่าจะให้เป็นหรอกครับ

ท่าน ประธาน นี่เป็นข้อสงสัยของผม ผมคาดคะเนสงสัยด้วยเหตุผลแวดล้อมอย่างนี้และผมมีประจักษ์พยานหลักฐานว่า
หลังจากนายโภคินได้รับความลับเรื่องนี้ ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร เสียอย่างเดียวว่า ผมไม่มีหูทิพย์
ว่าพูดกันอย่างไรเท่านั้นเองครับ แต่ผมสงสัย และผมรู้ว่านายโภคินได้พูดความลับเรื่องนี้กับคนอื่นอีก ถ้าท่านรัฐมนตรีโภคิน
สงสัยฟ้องศาล จะได้รู้ว่า คนที่ท่านบอกนั้นจะเป็นพยานให้ท่านหรือจะเป็นพยานให้ผม

การ ที่มีคนรู้ความลับและเอาความลับไปเปิดเผยแล้วไปหาประโยชน์กันมันผิดทั้ง คุณธรรม ทั้งจรรยา ผมต้องเรียนกับ
ท่านประธานตรงๆ นะครับ ผมไม่สามารถจะสงสัยคนอื่นที่เปิดเผยความลับได้หรอกนอกจากรัฐมนตรีโภคิน เพราะว่า คนแรก
คือนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่า ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นนายกรัฐมนตรีคงไม่บอกด้วยปากตัวเอง

คน ที่ 2 คือ รัฐมนตรี ทนง ถึงจะเคยมีความสัมพันธ์กับด็อกเตอร์ทักษิณมาก่อน ทำงานอยู่ด้วยกัน แต่ศักดิ์ศรีขุนคลัง
ของประเทศคงไม่เปิดปาก คนที่ 3 คือ นายเริงชัย มะระกานนท์ ที่รู้เรื่อง เขาเป็นลูกหม้อธนาคารแห่งประเทศไทย
แบงก์ชาติ ผมว่า จิตวิญญาณเขาคงหนักแน่นไม่ทำอย่างนั้น คนที่ 4 ซึ่งไม่เกี่ยวกับเขาละสิครับไปนั่งอยู่ด้วยนี่สิครับ
ไม่ให้ผมสงสัยได้อย่างไร นี่คือเหตุผลครับ ท่านประธานครับ...."

พรุ่งนี้ มาดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องเหล่านี้ ว่าอย่างไร?

ข้อสรุปสุดท้ายของคดีนี้ ลงเอยอย่างไร ? ทำไมนายสุเทพถึงรอดพ้นความผิด ศาลฎีกายกฟ้อง ?
และมีข้อ "สงสัย" ใด ยังค้างคาอยู่ ?

นี่คือประวัติศาสตร์สำคัญ ที่ควรบันทึกไว้อย่างยิ่ง !

สารส้ม
วันที่ 10/4/2008


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 04:49
บทความตอนที่ 2 ต่อเนื่องกันครับ มีข้อมูลคำพูดของคุณทักษิณ และข้อมูลจากคุณเสนาะ เทียนทอง
แสดงถึงความสัมพันธ์ของคุณทักษิณ และคุณทนง พิทยะ รมว.คลัง ที่เป็นผู้ลอยค่าเงินบาท

มีการอ้างอิง รายงานของ ศปร. ที่เงินทุนสำรองสุทธิลดลงในระยะเวลาสั้น จากช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2540
เคยอยู่ในระดับ 6-7 พันล้านเหรียญสหรัฐ แล้วช่วงวันที่ 20-26 มิถุนายน ลดเหลือ 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จากนั้นลดฮวบเหลือเพียง 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 30 มิถุนายน

เท่ากับมีเงินดอลล่าห์ไหลไปเข้ากระเป๋าใครบางคนซึ่งสามารถนำไปเก็งกำไรได้ึ 3-4 พันล้านเหรียญ
คิดง่ายๆ ว่าถ้ากำไร 25 บาทต่อดอลล่าห์ จะได้กำไรระหว่าง 75,000 ถึง 100,000 ล้านบาท!!!

สุดท้ายบทความจบด้วย กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานในโอกาส
วันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2542 (เป็นหนึ่งในกระแสพระราชดำรัสที่ไม่ค่อยเห็น
เผยแพร่กันทั่วไป แต่ผมคิดว่าเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง)

..เป็นการยืนยันว่าเรื่องได้ล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณว่ามีการเก็งกำไรค่าเงินโดยอินไซด์เดอร์..

และเราไม่จำเป็นต้องดูว่ามีกิจการของใครได้กำไรตามงบการเงินที่ปรากฏในประเทศไทยหรือไม่นะครับ
เพราะในทางปฏิบัติรู้กันแล้วว่าสามารถตั้ง "นอมินี" เป็นฝรั่งหัวดำจากเกาะสวรรค์เข้ามาซื้อเงินได้สบายๆ
ไม่จำเป็นต้องเอาบริษัทตัวเองไปซื้อเงินเก็งกำไรให้มีหลักฐานชัดๆ

ที่เคยมีการประเมินสินทรัพย์นอกประเทศของมหาเศรษฐีบางคนไว้เป็น "แสนล้าน" จึงไม่น่าแปลกใจ
แต่บาปกรรมที่เคยทำไว้กับประเทศและเพื่อนร่วมชาติจะตามทันเมื่อไหร่เป็นเรื่องน่าติดตาม  :slime_smile:

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แง่คิดและข้อสังเกต เกี่ยวกับการลอยตัวค่าเงินบาท ปี 2540
คอลัมน์ "กวนน้ำให้ใส" - หนังสือพิมพ์แนวหน้า 11/4/2008
http://www.naewna.com/news.asp?ID=103963

จากคำอภิปรายประวัติศาสตร์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่า นายโภคิน พลกุล เข้าไปล่วงรู้ข้อมูลลับ
เกี่ยวกับการลอยตัวค่าเงินบาท ปี 2540 และพาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งว่านายสุเทพถูกนายโภคิน
ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท ก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เมื่อต้นเดือนเมษายน 2551

เมื่อพิจารณาจากคำพิพากษาของศาลฎีกา ได้ข้อยุติว่า

(1) เชื่อได้ว่า นายโภคินได้เข้าไปล่วงรู้ข้อมูลลับในการประชุมตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2540
ก่อนวันประกาศลอยตัว 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่ นายโภคินไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วย
ในการประชุมระหว่าง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี, นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ
นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

(2) ข้อสงสัยว่า จะนำความลับไปบอก "ทักษิณ" หรือไม่ เป็นข้อที่สงสัยได้ ไม่เลื่อนลอย จากการที่มีข้อพิรุธหลายประการ
แม้นายโภคินจะปฏิเสธว่าไม่ได้นำไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตาม ทั้งจากการที่นายโภคินเข้าไปล่วงรู้ข้อมูลลับที่สุดโดยที่
ไม่มีหน้าที่ เกี่ยวข้อง อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ ก็ไม่ได้รับผลกระทบเสียหายรุนแรง
จากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทดังกล่าว แตกต่างจากผู้ประกอบธุรกิจการค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศ
ที่ต่างประสบความเสียหายอย่างรุนแรง เป็นต้น

เรื่องของคำพิพากษาของศาลฎีกา มีเท่านี้ แต่.....

เกี่ยว กับเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยลุกขึ้นอภิปรายตอบนายสุเทพในสภาผู้แทนราษฎร โดยที่ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ
เป็นรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

"..เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ( 2540 ) กลางคืนวันนั้น บังเอิญผมทานข้าวกับผู้ใหญ่ที่ผมนับถือร่วมกับนักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่ง
ประมาณ 4 ทุ่ม มีคนโทรมาบอกผมว่า ได้มีการพบปะกันอย่างซีเรียสมากที่ทำเนียบ มีคน 4 คน คือ นายกฯ ( พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ),
นายเริงชัย มะระกานนท์ ( ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขณะนั้น ), นายทนง พิทยะ และ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ( รองผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย )

เพราะ ผมรู้ว่า นายชัยวัฒน์ เป็นผู้จัดการกองทุนรักษาระดับ ผมเลยเดา แล้วยังบอกกับผู้ใหญ่คนนั้นกับนัก นสพ. อาวุโส ว่า
สงสัยจะมีการลดค่าเงินบาทแน่ เพราะถ้ามีผู้จัดการทุนรักษาระดับเข้าไปร่วมด้วยในการพิจารณาซีเรียสอย่าง นั้น ผมเดาว่า
น่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือ คือ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ครับ ผมอยู่กับท่านวันที่ 1 กรกฏาคม ตอน 4 ทุ่ม"

เท่ากับยอมรับว่า มีคนโทรศัพท์ไปบอกจริง แต่อ้างว่า โทรไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2540

คือ 2 วัน หลังจากที่มีการประชุมตัดสินใจลดค่าเงินบาท เมื่อ 29 มิถุนายน 2540 หรือ 1 วัน ก่อนประกาศลดค่าเงินบาท
ในวันที่ 2 กรกฏาคม 2540

แต่ ในข้อเท็จจริง รายละเอียด จะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ ยังไม่ได้มีการสอบสวนหรือไต่สวนอย่างเป็นระบบ ทำให้ยังไม่มีบทสรุป
ข้อเท็จจริงที่ทำให้เชื่อแน่ได้ว่า ใครเป็นคนโทรไปบอก ? โทรไปเมื่อไหร่ ?

และเมื่อทราบข้อมูลแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไร ? อย่างไร ? ได้ผลประโยชน์หรือไม่ อย่างไร ?

อย่างไรก็ตาม ในภายหลัง ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการลอยตัวค่าเงินบาท

1. นายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชุดที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
โดยนายเสนาะเปิดเผยในหนังสือ "รู้ทันทักษิณ 4" ระบุถึงการลอยตัวค่าเงินบาทกับขบวนการเผาบ้านเอาเงินประกัน บอกว่า

" ก่อนเกิดวิกฤติค่าเงินบาท คุณอำนวย วีรวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในระหว่างนั้น คุณอำนวยลาออก

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ เมื่อไม่มีรัฐมนตรีคลัง พี่จิ๋วก็มาถามว่า จะเอาใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอนนั้น คิดกันถึงขนาดว่าจะเอาทักษิณมาเป็นรัฐมนตรีคลังเสียด้วยซ้ำไป

ตอนนั้น ผมก็ได้ช่วยไปคุยกับคนที่น่าเชื่อถือในสังคม ทาบทามให้มาเป็นรัฐมนตรีคลัง คุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัฐ ก็รับปากแล้วว่า
จะเข้ามาช่วยเป็น แต่กลับปรากฏว่า ทักษิณไปเอาคุณทนง พิทยะ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง ซึ่งตอนนั้น คุณทนงยังเป็นผู้บริหาร
ของธนาคารทหารไทย ตอนที่เอาทนงเข้ามานี่ผมไม่รู้เรื่องเลย เขาไปซุบซิบกันระหว่างพี่จิ๋วกับคุณโภคิน พลกุล แล้วก็ตั้ง
คุณทนงขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีคลัง

ก่อนจะลอยตัวค่าเงินบาท ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลย อยู่นอกวงของพวกเขา

คนที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าเงินบาทในขณะนั้น มีอยู่ 4 คน คือ คุณทนง พิทยะ ซึ่งเป็นคนที่ทักษิณไปเอาเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง
คุณโภคิน พลกุล ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ แล้วก็
คุณทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่เป็นคนไปเอารัฐมนตรีคลังคนนี้เข้ามา

ส่วนเขาจะรู้เห็นกันขนาดไหน ผมไม่รู้

เขาบอกว่า เขาไม่รู้ อันนี้ไม่มีใบเสร็จ แต่ถ้าถามผมว่า ผลที่เกิดภายหลังการลอยตัวค่าเงินบาทมันออกมาอย่างไร
อันนี้มั่นส่อชัด เพราะทักษิณและบริษัทเขารอดวิกฤติอยู่คนเดียว คือผลลัพธ์มันสะท้อนชัดอยู่แล้ว

การที่มีคนไปซื้อประกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินบาทเอาไว้มากๆ หรือการไปซื้อเงินดอลลาร์ตุนไว้มากๆ ก่อนจะประกาศ
ลอยตัวค่าเงินบาท ก็เหมือนกับการจุดไฟเผาบ้านตัวเองเพื่อเอาเงินประกัน

เศรษฐกิจของชาติพังเสียหาย นักธุรกิจคนอื่นๆ ขาดทุนค่าเงินบาทป่นปี้ แต่ตัวเองรอดพ้นวิกฤติ เพราะได้ประกัน"

2. ในรายงาน ศปร. ระบุว่า วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย และเมื่อรับทราบสถานะการเงินสุทธิแล้ว นายทนงก็ตัดสินใจ
ในการประชุมครั้งนั้นเลยว่า "จะต้องเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน"

3. รายงานของ ศปร. ระบุว่า ปัญหาค่าเงินบาทปะทุหนักขึ้นอีกในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยมิได้เป็นปัญหาอันเกิดจาก
การโจมตีจากข้างนอก แต่เป็นการไหลออกของเงินบาทของนักลงทุนในไทยและของคนไทยเอง มีกระแสแรงขึ้นจากวันที่
25 และ 26 มิถุนายนเป็นต้นไป เป็นเหตุให้เงินทุนสำรองสุทธิลดลง จากช่วงต้นเดือนมิถุนายน เคยอยู่ในระดับ 6-7 พันล้าน
เหรียญสหรัฐ ต่อมา ตั้งแต่วันที่ 20-26 มิถุนายน ก็ลดเหลือ 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหลังจากนั้น ก็ลดฮวบลงเหลือ
2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 30 มิถุนายน !

สุดท้าย ไม่ใช่เรื่องของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่ขอฝากให้คนไทยทุกคนได้ตริตรองเป็นแง่คิด
เกี่ยวกับเรื่องการหาผลประโยชน์จากค่าเงิน

กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
เมื่อ 23 ธันวาคม 2542 มีความบางตอนว่า

"... อีกอย่างหนึ่ง ไม่ค่อยอยากพูด อย่างเช่นการแลกเปลี่ยนมูลค่า ได้พูดมา 2 ปี บอกว่าขอให้ค่าของเงินจะสูง จะต่ำ ก็ไม่ขัดข้อง
แต่ว่าถ้าไม่สมดุลกัน มันไม่ดี อย่างที่บางคนบอกว่าค่าของเงินแข็งเกินไป ทำให้การขายไม่ดี ก็ขอคัดค้าน ถ้าให้เงินอ่อนลงไป
เช่น ดอลลาร์ละ 50 บาท อ้างว่าขายสินค้าออกไปต่างประเทศ 1 ดอลลาร์จะได้มา 50 บาท จริง ได้มา 50 บาท แต่ 50 บาทนั้น
มันราคา 50 บาทหรือเปล่า เพราะว่า 50 บาทนี้จะไปซื้อน้ำมันซื้ออะไรก็ได้เพียงครึ่งเดียว อันนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ว่าเข้าข้างตัวเอง
เพราะว่าพูดมาก่อนนี้แล้ว พูดมาก่อนที่ผู้ที่เป็นตัวละครในการถกเถียงกันได้มาอยู่ในตำแหน่งนั้น พูดมานานแล้ว แต่ว่าถ้าเงิน 20 บาท
25 บาทมั่งต่อดอลลาห์ 50 บาทมั่งต่อดอลล่าร์ คนที่ ขอใช้คำว่า หัวใส เขารู้ ไปซื้อดอลลาร์ในราคา 25 บาท ไม่กี่วันดอลลาร์ขึ้น
เป็น 50 บาท เขาขาย 50 บาทได้กำไร 2 เท่า อย่างนั้นเราเห็นว่าคนได้กำไรเราก็ยินดีด้วย ยินดีด้วยกับเขา ว่าคนไหนรวยก็ดี
แต่ที่ไม่ยินดี เพราะว่าคนไหนที่ได้กำไรโดยมีเทคนิคสูงในการแลกเปลี่ยน หรือมีความรู้ รู้ไส้ ฝรั่งเขาเรียกว่าอินไซด์เดอร์ ถ้าคนไหน
รู้ไส้ของเศรษฐกิจชั้นสูงๆ อย่างนี้ รวย แต่ว่าคนนั้นรวย ก็อย่างที่ว่า เรายินดีด้วยกับเขา ถ้าเขารวยแล้วใจบุญ แต่ว่าอย่างนี้เศรษฐกิจพัง
พังเพราะอย่างนี้ จะไม่พูดว่าอันนี้เป็นทุจริต แต่ว่าได้พูดไปแล้ว..."

สารส้ม
วันที่ 11/4/2008


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 05:33
เพื่อความสมบูรณ์ในการติดตามข้อมูล ขอเพิ่มเติมในส่วนของรายงาน ศปร. ที่มีการอ้างอิงในบทความนะครับ
จะพบว่าคำอภิปรายของคุณสุเทพไม่ได้มั่ว แต่มีความสอดคล้องกับรายงาน ศปร. มากทีเดียว
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากอ่านรายงาน ศปร. ฉบับเต็มสามารถไปศึกษาได้ที่ลิงค์นี้ครับ (ยาวมากๆ)  :slime_smile:
http://politics.spiceday.com/News-topic=7-page=1.html

------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่สอง การปกป้องค่าเงินบาท กรกฎาคม 2539 ถึงกรกฎาคม 2540
http://politics.spiceday.com/News-file=article-sid=60.html

การตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาท

206. ในที่สุดปัญหาค่าเงินบาทก็ปะทุขึ้นอีกในปลายเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายอำนวย วีรวรรณ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันที่ 19 มิถุนายน ปัญหาช่วงนี้มิได้เป็นปัญหาอันเกิดจากการโจมตีจากข้างนอก แต่เป็นการไหลออกของเงินบาทของนักลงทุนในไทย และของคนไทยเอง โดยกระแสแรงขึ้นจากวันที่ 25 และ 26 มิถุนายนเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินทุนสำรองสุทธิที่ต้องสูญเสียไปนั้นไม่อยู่ในเกณฑ์สูงเท่าใดนัก จำนวนดังกล่าวได้ลดลงจากระดับประมาณ 6-7 พันล้านเหรียญสหรัฐในระยะต้นเดือนมิถุนายน ลงมาเป็นปริมาณ 4-5พันล้านเหรียญสหรัฐในระยะตั้งแต่วันที่ 20 ถึงวันที่ 26 มิถุนายน และหลังจากนั้นก็ลดฮวบไปเป็น 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในวันที่ 30 มิถุนายน (ดูภาพที่ 13)

207. แต่เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากได้มีการเปลี่ยนแปลงในระบบตัดสินใจ ภายใน ธปท. แล้ว และเจ้าหน้าที่ ธปท. ได้ตัดสินใจกันเองแล้วว่าจะปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยน ตามคำชี้แจงของนายชัยวัฒน์

"[รองผู้ว่าการชัยวัฒน์] ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องในวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน ได้แก่ คุณธัญญา คุณศิริ คุณบัณฑิต คุณไพบูลย์ และคุณเกลียวทอง เพื่อขอ consensus ในการเปลี่ยนระบบ โดยได้เชิญทุกคน ด้วยตนเอง (ไม่ได้เชิญผู้ว่าการ) ในการประชุมได้เล่าปัญหาว่า ระบบคงอยู่ไม่ได้และได้ถามความเห็น ทุกคนว่าควรเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งคนที่เคยไม่เห็นด้วยคิดว่ายังมีทางรักษาระบบเดิมก็ยอมเห็นด้วย จากนั้นก็หารือถึงเรื่อง option หลายๆ ทาง และทุกคนเห็นพ้องว่า float น่าจะเป็น option ที่ดีที่สุด (ซึ่งในตอนนั้น ได้หารือกับ Fischer ไว้แล้ว ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่ามี merit ในการทำ option นี้) … หลังจากประชุมกันทั้งวันแล้ว [นายชัยวัฒน์] ได้โทรไปเรียนผู้ว่าการเริงชัยว่า ที่ประชุมมี consensus ว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบ float และได้เตรียมการกันอยู่แล้ว”

208. การประชุมกันวันนั้นเกิดขึ้นสองวันก่อนที่นายทนง พิทยะจะได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้ารับตำแหน่งก็ได้ใช้เวลา 3-4 วันแรกทำหน้าที่ดูแลให้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎร และไม่มีโอกาสพบกับเจ้าหน้าที่ ธปท.จนกระทั่งประมาณวันที่ 25-26 มิถุนายน ในการประชุมครั้งนั้น ทางฝ่าย ธปท. มีผู้ว่าการเริงชัยและรองผู้ว่าการชัยวัฒน์อยู่ด้วย นายทนงได้ขอให้ฝ่าย ธปท.รายงานสถานะของเงินสำรองสุทธิ เมื่อทราบสถานะ นายทนงก็ตัดสินใจในการประชุมครั้งนั้นเลยว่า จะต้องเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ว่าการเริงชัยตอบว่าจะขอไปปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่ ธปท. ก่อน (คำชี้แจงของนายทนง พิทยะ ต่อ ศปร. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2541) อีกประมาณวันหนึ่งหรือสองวันก็เป็นที่ตกลงกันว่า จะไปเรียนนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน ในการพบปะครั้งนั้นนอกจากสามท่านนี้แล้ว ก็มีนายโภคิน พลกุลรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมอยู่ด้วย ผู้ว่าการเริงชัยได้เรียนให้ทราบว่า

"จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นระบบ managed float โดยเร็วที่สุด โดยขอเสนอให้ เปลี่ยนทันทีเมื่อปิดงวดบัญชี 30 มิถุนายน 2540 และกระผมได้นำมติดังกล่าวมาแจ้งให้ท่านรองผู้ว่าการ (ดร.ชัยวัฒน์) ที่มาทำงานล่วงเวลาร่วมกับผู้บริหารอื่นๆ ในวันนั้น โดยขอให้เตรียมการทุกอย่างให้พร้อม โดยเร็วที่สุด” (คำชี้แจงของนายเริงชัย มะระกานนท์ ต่อ ศปร.)

209. ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นวันทำงานแรกหลังวันปิดงวดบัญชี รัฐบาลก็ประกาศให้ค่าเงินบาทลอยตัว เช้าวันนั้นทุนสำรองสุทธิของประเทศไทยอยู่ในระดับ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 16-04-2008, 06:13
เทพเทือก ควรฟ้องกลับ ฐานฟ้องเท็จ ให้โภคิน ติดคุก แล้วควรฟ้องจิ๋วเป็นดาบสอง ฐานให้การเท็จ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 16-04-2008, 06:17
ชัดเจนดีครับพี่  :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 16-04-2008, 08:40
ขอเสนอผู้ดูแลเวบเสรีไทย ให้ปักหมุดกระทู้นี้ไว้ข้างบน
ตลอดเวลาที่ทักษิณ ' ไม่เล่นการเมือง' เพื่อให้คนรักทักษิณ ที่มีสติปัญญา มีสมองคิดได้เอง
จะได้อ่าน ศึกษาเนื้อหาของคำพิพากษาคดีนี้ และคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ร่วมกระทู้
เผื่อว่าจะมีทัศนะ มุมมองทักษิณใหม่....

ลักษณะ'โกงแต่ทำงาน'ของทักษิณ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 16-04-2008, 10:38
ใครจะตามจับ'มือสกปรก'...(ใครร่ำรวย จาก...การลอย(ลด)ค่าเงินบาท) ประสงค์ วิสุทธิ์

'แต่เป็น'มือสกปรก'เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติโดยใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับการ ลอย(ลด)ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เพื่อกอบโกยผลประโยชน์สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่ตนเองและพวกพ้อง'

ไม่ใช่'มือที่มองไม่เห็น'ตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีชอบอ้างเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นหรือปัญหาที่ตนเองหรือพรรคพวกตนเองก่อขึ้น

แต่เป็น'มือสกปรก'เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติโดยใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับการลอย(ลด)ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เพื่อกอบโกยผลประโยชน์สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่ตนเองและพวกพ้อง

แม้เป็นเวลาที่ผ่านไปเกือบ 11 ปี แต่สำหรับประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจแล้ว ไม่ใช่เวลนานเลย แต่น่าเสียดายที่ประเทศไทยขาดกลไกในการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

และถึงมีกลไกดังกล่าว แต่ด้วยคติที่ว่า 'อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ' ที่ชอบพูดกันโก้ๆในสมัยนี้ว่า ต้องมองไปข้างหน้า ทำให้เป็นการยากที่จะรื้อฟื้นเรื่องราวการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจขึ้นมาดำเนินการ

ดังนั้น เชื่อขนมกินได้เลยว่า นายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คงเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องรับโทษ ด้วยการถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นความบัดซบของระบบที่ชี้นิ้วว่า คนเพียงคนดียวสามรถทำความหายนะให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้?

อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ควรจารึกไว้เอกสาร 2 ชิ้นคือ  คำพิพากษาศาลฎีกา (ที่5730/2550) ยกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก นายสุเทพ เทือสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เป็นเงินกว่า 2,500 ล้านบาท กรณีที่นายสุเทพอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันายน 2540 ว่า สงสัยนายโภคินจะนำความลับเรื่องการลดค่าเงินบาทไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์จากการลดค่าเงินดังกล่าว

กับบันทึกรายงานการประชุมสภาผู้แทนฯชุดที่ 20 ปีที่ 1 ครั้งที่ 25-26  ( สมัยสามัญครั้งที่ 2 เล่ม 21 พ.ศ. 2540 ) หน้า 179 -181-"เมื่อวันที่ 26 กันายน 2540 ได้บ่งบอกข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนที่จะมีการประกาศลอยตัว ค่าเงินนบาทในเช้าวันที่ 2 กรกฎาคม 2540

บันทึกดังกล่าว เป็นคำอภิปรายของ พ.ต.ท.ทักษิณ  รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นชี้แจงข้อกล่าวหาของนายสุเทพ โดยยอมรับว่า รู้ ความเรื่องการประชุมลดค่าเงินบาทที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 2540ซึ่งในการประชุมดังกล่าว นอกจาก พล.อ.ชวลิต  นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  และนายเริงชัยแล้ว

ยังมีนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่า ธปทและผู้จัดการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ด้วย

จากคำพิพากษาศาลฎีกาพบข้อเท็จจริงดังนี้

1.นายสุเทพ อภิปรายว่า มีขาใหญ่ร่ำรวยจากการรู้ความลับเรื่องการลดค่าเงินบาท เนื่องจากในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2540 ระหว่าง พล.อ.ชวลิต นายทนง  และนายเริงชัย  มีนายโภคิน ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่ในที่ประชุมด้วย

2.นายสุเทพตั้งข้อสงสัยว่า นายโภคิน นำความลับเรื่องการประชุมบอก พ.ต.ท.ทักษิณ (ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ชินวัตรคอมพิเตอร์ฯหรือชินคอร์ป) ซึ่งอาจนำความลับดังกล่าวไปหาประโยชน์ด้วยการซื้อดอลลาร์ล่วงหน้าได้กำไร หลายพันล้านบาท

3.ข้อเท็จจริงฟังยุติในชั้นศาลฎีกว่า ในการประชุมมีนายโภคินร่วมอยู่ด้วย จากคำเบิกความยืนยันของนายเริงชัยและนายทนงซึ่งเป็นพยานโจทก์ โดยก่อนประชุมนายเริงชัยได้ทักท้วงแล้วว่า เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท ควรให้นายโภคินอยู่ด้วยหรือไม่ แต่ พล.อ.ชวลิตอนุญาตให้นายโภคินอยู่

4.ศาลเห็นว่า  การที่นายสุเทพ อภิปรายว่า นายโภคินซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วยในการ ประชุมตัดสินใจที่จะให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น  "ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จหรือฝ่าฝืนต่อความจริง ฟ้องของโจทก์ (นายโภคิน) ในส่วนนี้ต่างหากที่ฝ่าฝืนต่อความจริง"

5.ศาลเห็นว่า การกระทำของ พล.อ.ชวลิตที่ยอมให้โจทก์ (นายโภคิน) ร่วมรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาท อันเป็นเรื่องความลับที่สุดซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์และส่วนได้เสียของประเทศ และประชาชนจำนวนมากก่อนวันประกาศเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือควรรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและการ ตัดสินใจในครั้งนี้เลย และหลังจากนั้นยังยืนยันในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า มีผู้รู้ถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเพียง 3 คนเท่านั้น คือ ตัว พล.อ.ชวลิต นายทนง และนายเริงชัย  "เป็นข้อพิรุธสำคัญ"

"ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบเสียหาย รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจ การค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศที่ต่างประสบความเสีย หายอย่างรุนแรง ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้นายสุเทพซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้ง ข้อสงสัยโจทก์ได้"

แม้คำพิพากษาศาลฎีกาและคำชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจมีความแตกต่างกันบ้างโดยเฉพาะบุคคลที่ 4 คือที่เข้าร่วมการประชุม คำพิพากษาระบุว่า คือ นายโภคิน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า คือนายชัยวัฒน์  แต่สาระสำคัญที่สอดคล้องค่อนข้างน่าสนใจ

ที่สำคัญพ.ต.ท.ทักษิณมิได้บอกว่า ผู้ที่แจ้งข่าวให้ทราบทางโทรศัพท์คือใคร

มีประเด็นที่น่าตั้งข้อสงสัยจากเอกสารทั้งสองชิ้นมากมาย  ถ้ามีการสืบสวนสอบสวนต่ออาจได้ความจริงที่ชัดแจ้งขึ้น

แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ สำหรับนักค้าเงินขาใหญ่หรือนักธุรกิจที่มีเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศ การรู้ข่าวการลดค่าเงินกลางดึก แต่เวลาเพียง 6-7 ชั่วโมงก็สามารถโกยกำไรอีกซีกโลกหนึ่งได้อย่างมหาศาล
(http://www.vanhara.com/wp-photos/thumb.20061028-231702-5.jpg)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=27035&catid=16


เละเทะ.. สกปรกจริงๆ :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 16-04-2008, 12:48
ขอเสนอผู้ดูแลเวบเสรีไทย ให้ปักหมุดกระทู้นี้ไว้ข้างบน
ตลอดเวลาที่ทักษิณ ' ไม่เล่นการเมือง' เพื่อให้คนรักทักษิณ ที่มีสติปัญญา มีสมองคิดได้เอง
จะได้อ่าน ศึกษาเนื้อหาของคำพิพากษาคดีนี้ และคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ร่วมกระทู้
เผื่อว่าจะมีทัศนะ มุมมองทักษิณใหม่....

ลักษณะ'โกงแต่ทำงาน'ของทักษิณ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เห็นด้วยครับ แล้วก็ควรเอาคำพิพากษา ฉบับเต็ม มาแปะทั้งหมดแล้วปักหมุด


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 13:35
เห็นด้วยครับ แล้วก็ควรเอาคำพิพากษา ฉบับเต็ม มาแปะทั้งหมดแล้วปักหมุด

ผมนำคำพิพากษาฉบับเต็มจากเว็บผู้จัดการไปลงไว้ที่หอสมุดเพื่อสะดวกในการอ้างอิงแล้วครับ

==คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม-คดีสุเทพอภิปรายโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=24919.0
สำหรับกระทู้นี้จะนำบทความวิเคราะห์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีมารวบรวมไว้ก็แล้วกันนะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 14:04
เพิ่มเติมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับคดีนี้โดย คุณประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ อ่านได้ง่ายดีครับ  :slime_agreed:

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำพิพากษาฎีกา-บันทึกสภา ไขความลับ'ไอ้โม่ง!' ฟันค่าเงินบาท สายสัมพันธ์'โภคิน-ทักษิณ' ?
วันที่ 09 เมษายน 2551 - เวลา 14:42:45 น.
โดย ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์

http://www.matichon.co.th/news_scoop.php?id=166
---------------------------------------

(http://www.matichon.co.th/htmleditcode/upload/pages/images3/all.jpg)
ภาพจากซ้ายไปขวา 1.นายโภคิน พลกุล 2.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3.นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ 4.นายทนง พิทยะ และ 5.นายเริงชัย มะระกานนท์

แม้เวลาผ่านไปเกือบ 11 ปี แต่ความลับดำมืดที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า มีนักธุรกิจขาใหญ่ที่รู้ความลับการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทของธนาคารแห่ง ประเทศไทย(ธปท.) เมื่อเช้าตรู่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 และร่ำรวยจากการค้าเงินบาทยังไม่กระจ่างชัด

จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา (ที่5730/2550) ยกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก นายสุเทพ เทือสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กับ หนังสือพิมพ์อีก 8 ฉบับเป็นเงินกว่า 2,500 ล้านบาท กรณีที่นายสุเทพอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันายน 2540 โจมตีเรื่องการลดค่า เงินบาทว่า สงสัยนายโภคินจะนำความลับเรื่องการลดค่าเงินบาทไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์จากการลดค่าเงินดังกล่าว
 
หลังจากนั้น 'มติชนออนไลน์' นำ บันทึกรายงานการประชุมสภาผู้แทนฯชุดที่ 20 ปีที่ 1 ครั้งที่ 25-26  ( สมัยสามัญครั้งที่ 2 เล่ม 21 พ.ศ. 2540 ) หน้า 179 -181-"เมื่อวันที่ 26 กันายน 2540 (วันเดียวกับที่นายสุเทพอภิปราย) มาเผยแพร่

บันทึกดังกล่าว เป็นคำอภิปรายของ พ.ต.ท.ทักษิณ  รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นชี้แจงข้อกล่าวหาของนายสุเทพ ที่พาดพิงว่า รู้ความลับเรื่องลดค่าเงินบาทจากนายโภคิน

เมื่อนำข้อเท็จจริงจากเอกสารทั้ง 2 ชิ้นมาเรียบเรียงและวิเคราะห์แล้ว อาจไขความลับที่เกิดขึ้นและไขปริศนาได้ว่า ใครคือ 'ไอ้โม่ง' ที่ร่ำรวยจากการรู้ความลับในการลดลดค่าเงินบาทและนำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์
-----------------
1
-----------------
จากคำพิพากษาศาลฎีกาพบข้อเท็จจริงดังนี้

1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อภิปรายว่า ในการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อเช้าวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 มีขาใหญ่ร่ำรวยจากการรู้ความลับเรื่องการลดค่าเงินบาท เนื่องจากในการประชุมเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2540ซึ่งเป็นความลับที่สุด (ก่อนประกาศลอยตัวค่าเงินบาท 3 วัน) ระหว่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง และนายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการ ธปท. นั้น มีนายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่ในที่ประชุม ด้วย

2.นายสุเทพตั้งข้อสงสัยว่า นายโภคิน ได้นำความลับเรื่องการประชุมดังกล่าวบอก พ.ต.ท.ทักษิณ (ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ชินวัตรคอมพิเตอร์แอนด์คอมมูนิเคชั่น หรือชินคอร์ป) ซึ่งอาจมีการนำความลับดังกล่าวไปหาประโยชน์ด้วยการซื้อดอลลาร์ล่วงหน้าได้กำไรหลายพันล้านบาท

3.นายสุเทพระบุว่า รู้เรื่องดังกล่าวมาจาก นายภูษณ ปรีย์มาโนช รัฐมนตรีประจำสำนักนายก(ขณะนั้น) นายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์และนายเริงชัย

4.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปฏิเสธว่า การประชุมวันดังกล่าว มีผู้เข้าประชุมและรู้ความลับเพียง 3 คนคือ พล.อ.ชวลิต นายทนง และนายเริงชัย

5.นายโภคินยืนยันว่า ไม่ได้รับรู้การตัดสินใจปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว ไม่เคยติดต่อหรือแจ้งโทรศัพท์บอก พ.ต.ท.ทักษิณและไม่เคยรับประโยชน์ใดๆจากการลอยค่าเงินบาทลอยตัว

6.ข้อเท็จจริงฟังยุติในชั้นศาลศาลฎีกว่า ในการประชุมเมื่อเช้าวันที่ 29 มิถุนายน 2540 มีนายโภคินร่วมอยู่ด้วย จาก คำเบิกความยืนยันของนายเริงชัยและนายทนงซึ่งเป็นพยานโจทก์ (นายโภคิน) โดยก่อนประชุมนายเริงชัยได้ทักท้วงแล้วว่า เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท ควรให้นายโภคินอยู่ด้วยหรือไม่ แต่ พล.อ.ชวลิตอนุญาตให้นายโภคินอยู่

7.คำเบิกความของนายเริงชัยและนายทนง แตกต่างขัดแย้งกับคำเบิกความของนายโภคินโดยสิ้นเชิง(พยาน ทั้งสองปากเป็นประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์และไม่มีส่วนได้เสียในคดี ทั้งเป็นพยานที่โจทก์อ้าง จึงเชื่อว่า เบิกความไปตามความจริง)

การที่นายสุเทพ อภิปรายว่า นายโภคินซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วยในการประชุม ตัดสินใจที่จะให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น

"ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จหรือฝ่าฝืนต่อความจริง ฟ้องของโจทก์ (นายโภคิน) ในส่วนนี้ต่างหากที่ฝ่าฝืนต่อความจริง"

8.ศาลเห็นว่า การกระทำของ พล.อ.ชวลิตที่ยอมให้โจทก์ (นายโภคิน) ร่วมรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงิน บาท อันเป็นเรื่องความลับที่สุดซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์และส่วนได้เสียของประเทศ และประชาชนจำนวนมากก่อนวันประกาศเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือควรรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและการตัดสิน ใจในครั้งนี้เลย และหลังจากนั้นยังยืนยันในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า มีผู้รู้ถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเพียง 3 คนเท่านั้น คือ ตัวพลเอกชวลิต นายทนง และนายเริงชัย

"เป็นข้อพิรุธสำคัญ"

"ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบเสียหาย รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจการ ค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศที่ต่างประสบความเสีย หายอย่างรุนแรง ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้นายสุเทพซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้ง ข้อสงสัยโจทก์ได้"
-----------------
2
-----------------
จากบันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พบข้อเท็จจริงว่า

1.พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับว่า รู้เรื่องการประชุมเรื่องการลดค่าเงินบาทที่ทำเนียบรัฐบาลเพราะเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 มีคนโทรศัพท์บอกว่า มีการประชุมอย่างซีเรียสของคน 4 คนคือ พล.อ.ชวลิต  นายเริงชัย  นายทนง  และ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการ ธปท.และผู้จัดการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน

2.พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า เนื่องจากนายชัยวัฒน์ เป็นผู้จัดทุนรักษาระดับฯเลยเดาว่า สงสัยจะมีการลดค่าเงินบาท

3.พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า ขณะที่ได้รับโทรศัพท์รับประทานอาหารอยู่กับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ (เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น) และนักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่งและยังบอกเรื่องสงสัยว่า จะมีการลดค่าเงินบาทแก่ พล.ต.สนั่นด้วย

4.ไม่มีบันทึกการประชุมและข้อเท็จจริงว่า พล.ต.สนั่นตอบรับหรือปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว

5.พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้บอกว่า คนที่โทรศัพท์แจ้งข่าวการประชุมเป็นใคร?
-----------------
3
-----------------
ทั้งจากคำพิพากษาศาลฎีกาและบันทึกประชุมการประชุมสภาฯมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1.ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาศาลฎีกาและคำชี้แจงจาก พ.ต.ท.ทักษิณตรงกันคือ มีผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการลอยตัวค่าเงินบาท 4 คน

2.แต่ข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันคือ คำพิพากษาระบุว่า บุคคลที่ 4 คือ นายโภคิน พลกุล แต่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า คือนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์

3.จากข้อเท็จจริงที่ต่างกันดังกล่าวเป็นเพราะ บุคคลที่โทรศัพท์แจ้งข่าวแก่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกข้อมูลผิด หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้บอกข้อมูลที่เป็นจริง

4.ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรียอมรับต่อที่ประชุม (นายสุเทพ) ว่า มีคนโทรศัพท์แจ้งให้รู้ว่า มีการประชุมเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาทโดยมีผู้เข้าร่วมประชุม 4 คนซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของพล.อ.ชวลิตและนายโภคินที่บอกว่า มี 3 คน

ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ จะนิ่งเฉยเสียหรือปฏิเสธว่า ไม่เคยรู้เรื่องการประชุมเรื่องการลดค่าเงินบาทก็สามารถทำได้

หรือพ.ต.ท.ทักษิณรู้ว่า ข้อมูลที่นายสุเทพรับรู้ยากที่จะปฏิเสธ (จนแต้ม?)

การยอมรับว่า มีคนโทรศัพท์แจ้งโดยระบุว่า บุคคลที่ 4 คือนายชัยวัฒน์เพราะน่าเชื่อถือเเนื่องจากนายชัยวัฒน์เป็นทั้งรองผู้ว่าการ ธปท. และผู้จัดการทุนรักษาระดับฯ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลค่าเงินบาทโดยตรง ทำให้กลบข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวนายโภคินได้?

5. ข้อสงสัยของนายสุเทพว่า มีคนโทรศัพท์บอกเรื่องการประชุมลดค่าเงินบาทกับพ.ต.ท.ทักษิณสอดคล้องกับคำ ชี้แจง (คำสารภาพ?) ของพ.ต.ท.ทักษิณ

6.พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจเปิดเผยพยานอ้างอิงในเหตุการณ์คือ พล.ต.สนั่น ให้เกิดความน่าเชื่อถือ แต่ทำไมไม่ยอมเปิดเผยว่า ใครโทรศัพท์มาแจ้งข่าวการประชุมลับ (ถ้าไม่มีผลประโยชน์?) แต่ใช้วิธีการสร้างตัวละครคนที่ 4 ที่อยู่ประชุมแทนคนที่นายสุเทพอภิปรายถึง?

7.พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับว่า รู้ข่าวการประชุมลดค่าเงินบาทตอน 4 ทุ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 (ประกาศลอยตัวค่าเงินเช้าตรู่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540)

สำหรับนักค้าเงินขาใหญ่หรือนักธุรกิจที่มีเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศ แม้เวลาดังกล่าวเป็นช่วงปิดตลาดเอเชีย แต่สำหรับตลาดนิวยอร์ค ซึ่งเพิ่งเปิดตลาดเนื่องจากเป็นช่วงเช้า เวลา 6-7 ชั่วโมงสามารถโกยกำไรได้อย่างมหาศาล

นอกจากข้อเท็จจริงจากเอกสาร 2 ชิ้นดังกล่าวแล้ว นายโภคินซึ่งหลังจากพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วได้รับการสรรหาเป็นรองประธานศาล ปกครองสูงสุดและเป็นตัวเก็งประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่ 2 ต่อจากนายอักขราทร จุฬารัตน

แต่เมื่อมีนาคม 2547 นายโภคินได้ลาออกจากตำแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงที่เรืองอำนาจมากที่สุด

ถ้าดูจากปรัชญาการทำธุรกิจและการเมืองของพ.ต.ท. ทักษิณและคุณหญิงพจมานแล้ว การที่นายโภคินได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่เรื่องแปลก


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 16-04-2008, 16:38
ความจริง มีการตัดสินไปแล้วก่อนหน้านั้น สองอาทิตย์ แต่ ไม่ได้มีการพูดถึง ในการต่อสู้คดี...

ที่ประชุมแบ็งค์ชาติ ได้ ประชุมและตัดสินไปแล้ว ว่าจะต้องลดค่าเงินบาท......เคยได้ยินจากรายการวิทยุ

ของ วีระ ธีรภัทร ว่า ครั้งตั้งใจลดค่าเงินบาทประมาณ 15 % .......ซึ่งน่าจะทำให้เงินบาท ลงมาที่ 29 บาท/ดอลล่าห์

ตามที่นายทนงค์ ได้ ให้สัมภาษณ์ ชี้นำ ในวันที่ประกาศ ลอยตัว.....

ในที่ประชุมแบ็งค์ชาติ มี นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ นายศิริ เจริญการดี...ฯลฯ ซึ่งต่อมา

ก็ได้ดิบ ได้ดี ในระบอบทักษิณ.......ในช่วงระหว่าง สองอาทิตย์ มีการกลับเข้ามาซื้อดอลล่าห์

ล๊อต บิ๊ก ๆ อีกรอบ..... ไม่ทราบว่า เหตุผลกลใด จึงได้รีรอ มาจนถึงวันที่ 2 กรกฏาคม


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 16:47
ความจริง มีการตัดสินไปแล้วก่อนหน้านั้น สองอาทิตย์ แต่ ไม่ได้มีการพูดถึง ในการต่อสู้คดี...

ที่ประชุมแบ็งค์ชาติ ได้ ประชุมและตัดสินไปแล้ว ว่าจะต้องลดค่าเงินบาท......เคยได้ยินจากรายการวิทยุ

ของ วีระ ธีรภัทร ว่า ครั้งตั้งใจลดค่าเงินบาทประมาณ 15 % .......ซึ่งน่าจะทำให้เงินบาท ลงมาที่ 29 บาท/ดอลล่าห์

ตามที่นายทนงค์ ได้ ให้สัมภาษณ์ ชี้นำ ในวันที่ประกาศ ลอยตัว.....

ในที่ประชุมแบ็งค์ชาติ มี นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ นายศิริ เจริญการดี...ฯลฯ ซึ่งต่อมา

ก็ได้ดิบ ได้ดี ในระบอบทักษิณ.......ในช่วงระหว่าง สองอาทิตย์ มีการกลับเข้ามาซื้อดอลล่าห์

ล๊อต บิ๊ก ๆ อีกรอบ..... ไม่ทราบว่า เหตุผลกลใด จึงได้รีรอ มาจนถึงวันที่ 2 กรกฏาคม


ที่พอจะมีหลักฐานจากปาก รองนายกฯ ทักษิณ ในตอนนั้นก็คือ
ทักษิณมีสายคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวของแบงค์ชาติมาให้
โดยไม่เว้นกลางวันกลางคืน ถึง 4 ทุ่มแล้วยังอุตส่าห์โทรบอก

และเรื่องนี้ทำให้บิ๊กจิ๋วขาดความน่าเชื่อถืออย่างร้ายแรงด้วย
เพราะมีพฤติกรรมปกปิดข้อความจริงสำคัญต่อสภาผู้แทนฯ

เป็นไปได้ว่าทักษิณรู้ความเคลื่อนไหวของ ธปท. ตลอดเวลา
ซึ่งเอาไปทำอะไรได้มากมายในลักษณะอินไซด์เดอร์ครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 17:13
ลืมตอบคุณ 55555 ว่า รมว.คลัง ทนง พิทยะ เข้าประชุมและตัดสินใจ
เรื่องค่าเงินบาท ประมาณวันที่ 26 มิถุนายน 2540 ครับ

แต่ที่รู้กันล่วงหน้ากว่านั้นคือ ธปท. คุยกันเองก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 21
ได้ข้อสรุปเรียบร้อย เป็นวันเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคุณทนง
แต่กว่าคุณทนงจะได้เข้าประชุมก็คือวันที่ 26 ครับ

เสร็จแล้วก็มีการแจ้ง พล.อ.ชวลิต ประมาณวันที่ 29 ซึ่งมีคุณโภคิน
ไปโผล่อยู่ในที่ประชุมด้วย ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

ต่อมาคืนวันที่ 1 กรกฎาคม ตอน 4 ทุ่ม คุณทักษิณอ้างว่ากินข้าว
อยู่กับพล.ต.สนั่น และ นักหนังสือพิมพ์ใหญ่อีกคนหนึ่ง และ้มีคน
โทรแจ้งว่ามีการประชุมสำคัญ ทำให้เดาได้ว่าจะลดค่าเงิน

กว่าจะได้ลอยค่าเงินบาทก็ปาเข้าไปวันที่ 2 กรกฎาคม โดยมีการ
เรียกประชุมเพื่อแจ้งข่าวกันตอนตี 3

...

หลังเหตุการณ์นี้ก็มีบางคนร่ำรวยมหาศาล บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว
แต่เหตุการณ์เก็งกำไรเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ระหว่างเดือน เมษา-มิถุนา

ตามแผนภาพข้างล่าง แสดงภาระล่วงหน้าที่พุ่งขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ
จนขึ้นมาแตะระดับเงินสำรองทางการในเดือนมิถุนา และทำให้
เงินสำรองทางการสุทธิ หดเล็กลงจนเกือบหมด

(http://www.info.tdri.or.th/reports/published/soporo/fig12.gif)
เงินสำรองทางการและภาระผูกพันล่วงหน้าสิ้นเดือน รายเดือนระหว่าง ก.ค. 39-มิ.ย. 40
http://www.info.tdri.or.th/reports/published/soporo/fig12.gif

...

และผมคิดว่าความจริงที่ทราบกันภายหลังว่าคุณทักษิณเข้าไปพัวพัน
เป็นกรรมการในองค์กรธุรกิจข้ามชาติที่มีสมาชิกเป็นผู้นำประเทศทั่วโลก
และเพิ่งจะลาออกมาก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

http://forum.serithai.net/index.php?topic=23538.0
ยิ่งตอกย้ำถึงเครือข่ายระดับนานาชาติที่อาจอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 17:40
การลอยค่าเงินบาทเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่ตามมาด้วยการพาตัวเข้าสู่การควบคุมของ IMF
แล้วรัฐบาลชวลิต ก็ทำการสละรัฐนาวาที่กำลังจะจมในเงื้อมมือ IMF ให้กับรัฐบาลใหม่
ค่าเงินบาทถล่มรูดมโหฬารลงไปถึง 53 บาท/ดอลล่าห์ และ GDP หดตัวเป็นค่าติดลบ

บางส่วนของบทความคอลัมน์ "จากท่าพระจันทร์ถึงสนามหลวง"  โดย รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์
ที่ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2546 บรรยายอะไรไว้ได้ดี
ว่าสภาพประเทศไทยตอนนั้น รัฐบาลใหม่เหมือนโดนวางยาจนทำอะไรไม่ได้
ถ้าสนใจก็ลองอ่านดูนะครับ ผมสงสัยเหมือนกันว่าระหว่างนั้นทักษิณมีความสุขอยู่ที่ไหน  :slime_smile:

http://www2.hawaii.edu/~porntawe/thaiarticles/rangsun01/2003_08_07.html

--------------------------------------------------------------------------------------------------------


    วิกฤติการณ์การเงิน 2540 มิใช่ความผิดของรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใด หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด หากแต่เป็นความผิดของ
รัฐบาลทุกรัฐบาลนับตั้งแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นต้นมา จวบจนถึงปี 2540 และต้องนับเป็นความผิดของ
ผู้นำขุนนางนักวิชาการในช่วงเวลาเดียวกันทุกคนด้วย โดยเฉพาะในสังกัดธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง
หากปราศจากความผิดพลาดในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค วิกฤติการณ์การเงิน 2540 จะไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้นจริง

    ภาวะล้มละลายของระบบเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2540 ทำให้รัฐบาลไทยไม่มีอำนาจต่อรองกับกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีเอื้อนเอ่ยถึงวิกฤติการณ์การเงินในทศวรรษ 2520 จนต้องขอเงินกู้ฉุกเฉินจากกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศในปี 2524 ปี 2525 และปี 2528 ด้วยเหตุที่วิกฤติการณ์การเงินทศวรรษ 2520 ไม่ร้ายแรงเท่าทศวรรษ 2540
รัฐบาลไทยมีอำนาจต่อรองพอที่จะเจรจากำหนดเงื่อนไขการดำเนินนโยบาย จนได้เงื่อนไขอันผ่อนปรนพอสมควร ต่างกับ
วิกฤติการณ์การเงิน 2540 ที่รัฐบาลสูญเสียอำนาจต่อรองจนหมดสิ้น เงื่อนไขการดำเนินนโยบายที่ผูกติดมากับเงินกู้ฉุกเฉิน
จึงรัดรึงยิ่ง

    การขอเงินกู้ฉุกเฉินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยและชนชาวไทยต้องสูญเสียอธิปไตยในการดำเนิน
นโยบายเพราะถูก รัดรึงและผูกมัดด้วยเงื่อนไขการดำเนินนโยบายที่ผูกติดมากับเงินกู้ฉุกเฉิน นั้นเอง แต่การสูญเสียอธิปไตย
ดังกล่าวนี้เป็นผลจากความสมัครใจในภาวะจำยอมของผู้นำ รัฐบาลไทยเอง กองทุนการเงินระหว่างประเทศหาได้ใช้ปืนจ่อขมับ
ผู้นำไทยให้ลงนามในสัญญาขอ เงินกู้ฉุกเฉินไม่ รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ตัดสินใจขอเงินกู้ฉุกเฉินจากกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศปลายเดือนกรกฎาคม 2540 โดยได้รับอนุมัติเงินกู้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2540 หากการขอเงินกู้ฉุกเฉินจาก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นการ ขาย ชาติ และหากเงื่อนไขการดำเนินนโยบายเป็นเงื่อนไขที่ผิด รัฐบาลพลเอกชวลิต
ต้องมีส่วนรับผิดอย่างมิอาจปฏิเสธได้

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงที่ เกิดวิกฤติการณ์การเงินอาเซียบูรพา 2540 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในประเด็นการให้ ยา ผิดชุด จนก่อให้เกิดวิวาทะในวงวิชาการเศรษฐศาสตร์ ผู้นำในการต่อต้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
คนหนึ่งคือ ศาสตราจารย์โจเซฟ สติกลิตส์ (Joseph E. Stiglitz) กองทุนการเงินระหว่างประเทศบังคับให้ประเทศที่ขอเงินกู้ฉุกเฉิน
เนื่องจากวิกฤติการณ์การเงิน 2540 ต้องรัดเข็มขัดทางการคลัง โดยที่รัฐบาลไทยถูกบังคับให้มีส่วนเกินดุลทางการคลังไม่น้อยกว่า
1% ของรายได้ประชาชาติ การรัดเข็มขัดทางการคลังสร้างผลกระทบซ้ำเติมภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และทำให้การฟื้นตัว
ทางเศรษฐกิจล่าช้ากว่าที่ควร แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศจะกลับลำในเรื่องนี้ในภายหลัง แต่ความเสียหายที่มีต่อระบบ
เศรษฐกิจไทยอุบัติขึ้นแล้ว

    แต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศมิได้สร้างความเสียหายแก่ ระบบเศรษฐกิจไทย เพียงด้วยการสั่งให้รัฐบาลไทยรัดเข็มขัด
ทางการคลังเท่านั้น หากยังสั่งให้รัฐบาลไทยจ่าย เงินดาว (Dow Payment) ก่อนรับเงินกู้อีกด้วย เงินดาว ดังกล่าวนี้ปรากฏ
ในรูปของการประกาศปิดกิจการบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ จำนวน 42 บริษัท การขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10%
การลดวงเงินงบประมาณประจำปี 2541 ลง 59,000 ล้านบาท การเปิดเผยข้อมูลเงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน
การเงิน และการเปิดเผยฐานะสุทธิของทุนสำรองระหว่างประเทศอีกด้วย มาตรการที่ถือเป็น เงินดาว เหล่านี้ ล้วนทำให้ปัญหา
ความไร้เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทยทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

    นักเศรษฐศาสตร์บางท่าน ดังเช่นศาสตราจารย์โจเซฟ สติกลิตส์ เห็นว่า การสั่งปิดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์จำนวน 42 บริษัท
เป็นเรื่องเกินความจำเป็น กองทุนการเงินระหว่างประเทศสั่งการเกินกว่าหน้าที่ของตน และเกื้อประโยชน์กลุ่มทุน Wall Street
ในการฮุบกิจการสถาบันการเงินในประเทศไทยในภายหลัง เพราะธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์บางบริษัทยังสามารถประคองตัวอยู่ได้
เนื่องจากยังได้รับความเชื่อถือจากประชาชน เมื่อถูกสั่งปิดกิจการ แม้จะเป็นการชั่วคราว ย่อมมีผลทำลายความเชื่อถือของประชาชน
บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์เหล่านี้จึงตกอยู่ในฐานะ ตายทั้งเป็น อันเป็นการซ้ำเติมวิกฤติการณ์สถาบันการเงินที่อยู่ในภาวะร้ายแรงอยู่แล้ว

    การบังคับให้รัฐบาลไทยขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และลดวงเงินงบประมาณประจำปี 2541 มาจากฐานความเชื่อที่ว่า วิกฤติการณ์
การเงินที่เกิดขึ้นมีสาเหตุสืบเนื่องจากการขาดดุลการคลัง แท้ที่จริงแล้ว เกือบตลอดทศวรรษ 2530 ภาครัฐบาลมิได้มีปัญหาการ
ขาดดุลการคลัง การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นผลจากการขาดดุลในภาคเอกชน หาได้เกิดจากการขาดดุล
ในภาครัฐบาลไม่

    การสั่งให้รัฐบาลไทยเปิดเผยฐานะสุทธิของทุนสำรองระหว่าง ประเทศ และเปิดเผยข้อมูลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ
สถาบันการเงิน แม้จะเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ในประเด็นเรื่องความโปร่งใส (Transparency) แต่จังหวะเวลา
ในการบังคับใช้มาตรการนี้สั่นคลอนเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ไทยอย่างรุนแรง ค่าเงินบาทตกต่ำอย่างฮวบฮาบ จนอัตราแลกเปลี่ยน
เหลือเพียง 53 บาทต่อดอลลาร์อเมริกัน อันเกินเลยกว่าพื้นฐานที่เป็นจริงของระบบเศรษฐกิจไทย

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศยังกำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลไทย ถ่ายโอนการผลิตสู่ภาคเอกชน (Privatization) ด้วยการนำ
รัฐวิสาหกิจออกขาย โดยที่การขายรัฐวิสาหกิจหาได้มีผลในการช่วยฉุดระบบเศรษฐกิจไทยออกจากภาวะ วิกฤติแต่ประการใดไม่

    การขาดอำนาจต่อรอง เนื่องเพราะระบบเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะล้มละลาย ทำให้รัฐบาลไทยต้องยอมรับเงื่อนไขการดำเนินนโยบาย
ซึ่งมีผลซ้ำเติมวิกฤติการณ์เศรษฐกิจ การวิพากษ์กองทุนการเงินระหว่างประเทศในประเด็นการสั่ง ยา ผิดพลาด ปรากฏอย่างแพร่หลาย
ในวงวิชาการเศรษฐศาสตร์และในนครวอชิงตัน ดีซี ในประเทศไทย รัฐบาลนายชวน หลีกภัย กลายเป็นเป้าการโจมตี เมื่อปฏิบัติตาม
Remote Control ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่างเซื่องๆ แม้รัฐบาลดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ในเวลาต่อมา แต่ความเสียหายที่มีต่อระบบเศรษฐกิจอุบัติขึ้นแล้ว กระแสการต่อต้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ พัฒนา ไปเป็น
กระแสชาตินิยมทางเศรษฐกิจ โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขี่กระแสชาตินิยมในครั้งนี้ด้วย


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 16-04-2008, 21:23
ถอดรหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอย วิกฤต’40 เปิดขบวนการปล้นชาติ - ตอนที่ 1:  เวลา 4 ทุ่ม กับคืนที่ทักษิณรู้ข่าวลดค่าเงินบาท
 
โดย ผู้จัดการรายวัน 16 เมษายน 2551 17:47 น.
 
 
       
        “ เขาพูดกันว่า คนที่เป็นนักธุรกิจส่งนอก บอกว่าเดี๋ยวนี้เงินบาทแข็งเกินไป แต่ก่อนนี้เงินบาทลอยไป ไม่ต้องมีเครื่องบิน ไม่ต้องมีบอลลูนหรอก มันลอยขึ้นไป พวกที่หัวใสในทางเก็งราคา ก็เก็งราคาดอลลาร์ ไปซื้อดอลลาร์ เพราะทราบว่าจะลอย ก็ซื้อดอลลาร์มากมายทีเดียว เมื่อลอยก็ขายได้กำไร ถ้าซื้อล้านบาทก็ได้กำไรกลับคืนมาสองล้านบาทภายในไม่กี่เดือน” – พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววันที่ 4 ธันวาคม 2541

       
       
ข่าวเชิงวิเคราะห์ โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

       
       ย้อนรอยคดีค่าเงินบาท หลังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาทที่ “โภคิน” แพ้ “สุเทพ” พบทักษิณเคยยอมรับกลางสภาได้รับโทรศัพท์ตอน 4 ทุ่มมาคาบข่าวก่อนลอยค่าเงิน ตะลึงเงินไหลออกสุทธิ 3 วันเกือบ 5 หมื่นล้านบาท หลัง “ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์ฟันธงลดค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2540
       
       จากกรณีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 5730/2550 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2550 ที่ได้ยกฟ้องคดีความที่นายโภคิน พลกุล ในฐานะอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น โจทย์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้อภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 เรื่องการลดค่าเงินบาท โดยนายสุเทพตั้งข้อสงสัยว่านายโภคินได้นำมติจากที่ประชุมลับเรื่องการลดค่าเงินบาท ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์ ตามที่ได้ปรากกฏเป็นข่าวแล้วนั้น
       
       หากได้ย้อนเวลากลับไปตามวันและเวลาก่อนลอยค่าเงินบาท ได้พบที่น่าสังเกตุและมีพิรุธดังต่อไปนี้
       
       วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 เป็นวันหยุดราชการ ผู้บริหารแบงก์ชาติ 6 คน(นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์, นางธัญญา ศิริเวคิน, นายศิริ การเจริญดี , นายบัณฑิต นิจถาวร , นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน และ นางเกลียวทอง เหตระกูล) พิจารณาทั้งวันแล้วมีมติ ให้ลอยค่าเงินบาทและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดตามที่เคยหารือกับไอเอ็มเอฟมาก่อนหน้านี้ และมีการโทรศัพท์ให้นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าแบงก์ชาติได้รับทราบ โดยไม่มีการแจ้งให้ฝ่ายการเมืองทราบอย่างทันท่วงที
       
       วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2540 เปิดทำการวันแรก ทุนสำรองสุทธิอยู่ที่ประมาณ 4,883 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540 เปิดทำการวันที่สองแบงก์ชาติทำสัญญา SWAP กับเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ทุนสำรองสุทธิค่อนข้างคงที่
       
       วันพุธที่ 25 มิถุนายน 2540 แบงก์ชาติทำสัญญา SWAP กับเอกชนเพิ่มขึ้น เงินไหลออกนอกประเทศจนทุนสำรองสุทธิลดลง 208 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5,200 ล้านบาท) ทุนสำรองสุทธิเหลือประมาณ 4,675 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 มีการทำสัญญา SWAP เพิ่มอีกเช่นเคย ผู้บริหารแบงก์ชาติ เข้าพบนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อนายทนงได้เห็นทุนสำรองสุทธิที่เหลือน้อยมากไม่สามารถปกป้องค่าเงินบาทได้แล้ว จึงให้นโยบายว่าให้แบงก์ชาติต้องเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน แต่แบงก์ชาติกลับบอกว่าจะกลับไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของแบงก์ชาติทั้งๆ ที่ได้มีการประชุมผู้บริหารไปก่อนหน้านี้แล้ว
       
       วันนั้นนอกจากผู้บริหารของแบงก์ชาติทั้ง 7 คนแล้ว นายทนง พิทยะ รัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ย่อมรู้ดีว่าจะต้องมีการเปลี่ยนระบบค่าเงินด้วย เพราะได้เห็นสถานภาพของทุนสำรองระหว่างประเทศจนหมดสิ้นแล้ว
       
       ปรากฏว่าวันเดียวกัน เงินไหลออกนอกประเทศ จนทุนสำรองสุทธิลดลงไปอีก 417 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,425 ล้านบาท) หรือเงินไหลออกนอกประเทศสุทธิเกือบ 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับก่อนหน้าหนึ่งวัน ทำให้ทุนสำรองสุทธิเหลือประมาณ 4,258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2540 ปรากฏว่า เงินไหลออกสุทธิเพิ่มหนักมากขึ้นประมาณถึง 1,408 ล้านเหรียญสหรัฐฯในช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียว (ประมาณ 35,200 ล้านบาท) เทียบเป็น 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 1 วัน หรือคิดเป็นกว่า 6 เท่าตัวเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 2 วัน เป็นผลทำให้ทุนสำรองสุทธิลดลงเหลือเพียง 2,850 ล้านเหรียญสหรัฐฯเท่านั้น
       
       วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2540 เป็นวันหยุดทำการไม่มีธุรกรรมใดๆ นายทนง พิทยะ ได้ตกลงกับ นายเริงชัย มะระกานนท์ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ว่าจะไปเรียนนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540
       
       วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 เป็นวันหยุดทำการเช่นเดียวกัน เวลา 9.30 น. นายทนง พิทยะ, นายเริงชัย มะระกานนท์, นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ เข้าร่วมประชุมเพื่อแจ้งว่าจะมีการลอยค่าเงินบาท โดยมีนายโภคิน พลกุล ร่วมประชุมอยู่ด้วย (ตามคำพิพากษาศาลฎีกา)
       
       วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ลงนามให้ประกาศลอยค่าเงินบาทในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 โดยนายเริงชัย มะระกานนท์ อ้างว่าเพื่อให้ปิดงวดบัญชีครึ่งปีในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 และวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 เป็นวันหยุดทำการของแบงก์ชาติ
       
       แต่ในวันดังกล่าว แบงก์ชาติกลับไปทำ SWAP เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกับเอกชนเป็นจำนวนถึง 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ดีว่าการทำ SWAP กับเอกชนในวันนั้นเมื่อถึงกำหนดคืนเงินเหรียญสหรัฐฯตามสัญญา SWAP จะต้องขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการลอยค่าเงินบาทอย่างย่อยยับและเอกชนคู่สัญญาก็น่าจะได้กำไรไปอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน
       
       ตามคำพิพากษาศาลฎีการะบุคำพิพากษาในการยกฟ้องที่นายโภคิน พลกุล ฟ้องร้องต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณความตอนหนึ่งว่า
       
       “การที่จำเลยที่ 1 (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรว่า โจทก์ (นายโภคิน พลกุล )ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วยในการประชุมตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จหรือฝ่าฝืนต่อความจริง ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ต่างหากที่ฝ่าฝืนต่อความจริง”
       
       ส่วนเรื่องที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อภิปรายสงสัยว่า นายโภคิน พลกุล เป็นคนบอกความลับเรื่องนี้แก่ พ.ต.ท. ทักษิณนั้น ศาลฎีกาโดยมติของที่ประชุมใหญ่เห็นว่า
       
       “การกระทำของพลเอกชวลิตที่ยอมให้โจทก์ (นายโภคิน พลกุล) ได้ร่วมรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท อันเป็นเรื่องความลับที่สุดซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์และส่วนได้เสียของประเทศและประชาชนจำนวนมากเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2540 ก่อนวันประกาศเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 3 วันทั้งๆ ที่โจทก์ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือควรรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและการตัดสินใจในครั้งนี้เลย
       
       และหลังจากนั้นยังยืนยันในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า มีผู้รู้ถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเพียง 3 คนเท่านั้น คือ ตัวพลเอกชวลิต นายทนง และนายเริงชัย เป็นข้อพิรุธสำคัญ
       
       ประกอบกับพันตำรวจโททักษิณซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบเสียหายรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจการค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศที่ต่างประสบความเสียหายอย่างรุนแรง ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้งข้อสงสัยโจทก์ได้
       
       การตั้งข้อสงสัยดังกล่าวของจำเลยที่ 1 จึงมีมูลเหตุเพียงพอที่จะให้ตั้งข้อสงสัยเช่นนั้นได้ ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยอย่างเลื่อยลอย”
       
       สิ่งที่น่าสนใจในการอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 นั้น ได้ปรากฎว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลุกขึ้นยืนตอบการอภิปรายในครั้งนั้น ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนฯชุดที่ 20 ปีที่ 1 ครั้งที่ 25-26 (สมัยสามัญครั้งที่ 2 เล่ม 21 พ.ศ. 2540 ) หน้า 179 -181 ว่า:
       
       "เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม (2540) กลางคืนวันนั้น บังเอิญผมทานข้าวกับผู้ใหญ่ที่ผมนับถือร่วมกับนักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่ง ประมาณ 4 ทุ่มมี “คน” โทรมาบอกผมว่า ได้มีการพบปะกันอย่างซีเรียสมากที่ทำเนียบ มีคน 4 คนคือ นายกฯ (พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ), นายเริงชัย มะระกานนท์ (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขณะนั้น), นายทนง พิทยะ และ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ (รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) เพราะผมรู้ว่า นายชัยวัฒน์ เป็นผู้จัดการกองทุนรักษาระดับ ผมเลยเดาแล้วยังบอกกับผู้ใหญ่คนนั้นกับนัก นสพ.อาวุโสว่า สงสัยจะมีการลดค่าเงินบาทแน่ เพราะถ้ามีผู้จัดการทุนรักษาระดับเข้าไปร่วมด้วยในการพิจารณาซีเรียสอย่างนั้น ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือคือ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ครับ ผมอยู่กับท่านวันที่ 1 กรกฏาคม ตอน 4 ทุ่ม"
       
       เพราะวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 เป็นวันหยุดทำการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย การอ้างว่ารู้ข้อมูลการเคลื่อนไหวเพื่อลดค่าเงินบาทในวันดังกล่าวนั้นก็เพื่อจะบอกต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าแม้จะรู้ข้อมูลก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลค่าเงินบาทได้ก็ควรต้องรู้ข้อมูลก่อนคืนวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540

 
   
 
 
       แต่จากหลักฐานที่ปรากฎพบว่า หน้าปกมติชนสุดสัปดาห์ฉบับวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540 ได้ขึ้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับพาดหัวด้วยคำว่า “อัศวินแห่งคลื่นลูกที่ 3 ทักษิณ ชินวัตร เปิดถ้วยไฮโล-ควบดาวเทียม ฟันธง ลดค่าเงินบาท” การสัมภาษณ์ครั้งนั้นได้เกิดที่ห้องไดนาสตี้ โรงแรมเซ็นทรัล “ในวันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540”
       
       วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟันธงว่าจะลดค่าเงินบาทนั้นห่างกันถึง 7 วัน จากเวลา 4 ทุ่มของคืนวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าเพิ่งจะรู้ข่าวเพราะมีคนโทรมาบอก
       
       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟันธงเรื่องการลดค่าเงินบาทได้อย่างไรทั้งๆ ที่ ในเวลานั้นเรื่องของทุนสำรองระหว่างประเทศและภาระผูกพันการทำ SWAP ของแบงก์ชาตินั้นเป็นความลับสุดยอด การกำหนดวันเวลาการลดค่าเงินจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
       
       ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “รู้ไส้” ข้อมูลว่าจะมีการลดค่าเงินตั้งแต่วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540 นั่นหมายถึงว่าข่าวการลดค่าเงินนั้นไม่น่าจะสงสัย นายโภคิน พลกุล เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่อาจจะมีคนในแบงก์ชาติที่ได้ประชุมกันว่าจะลดค่าเงินตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2540 เป็นคนบอกข่าวล่วงหน้าด้วยหรือไม่?
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในแบงก์ชาติที่ประชุมลอยค่าเงินบาท ที่มีความเจริญก้าวหน้ามากที่สุดในตำแหน่งทางการเมืองและสถาบันการเงินหลายแห่งในสมัยรัฐบาลทักษิณ ก็คือ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการแบงก์ชาติในสมัยนั้นที่ปัจจุบันก็ยังเป็นประธานกรรมการ บริษัท เอสซี แอสเสท (มหาชน) จำกัด ที่ได้ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกิจการแห่งนี้
       
       นับตั้งแต่วันที่ 24 – 30 มิถุนายน 2540 ถ้านับเฉพาะวันทำการของแบงก์ชาติ พบว่ามีคนนำเงินบาทมาแลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯในรูปแบบต่างๆ เป็นตัวเลขเงินไหลออกสุทธิประมาณไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ถ้านำมาแลกกลับเป็นบาทตอนอ่อนค่าลงเป็น 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ก็จะได้กำไรไปประมาณ 5 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยเงิน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯนั้นก็จะได้กำไรไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือถ้านำมาเงินดังกล่าวแลกกลับตอน 40 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯก็จะได้กำไรไปประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และถ้านำมาแลกในช่วงค่าเงินบาทอ่อนตัวลงที่ 50 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯก็จะทำกำไรไปอย่างมโหฬารถึง 5 หมื่นล้านบาท
       
       นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้อภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 ความตอนหนึ่งว่า
       
       “คนนี้เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ คนนี้เอาข้อมูลภายในไปแสวงหาประโยชน์ มีข่าวลือกันมากในตลาดการเงินในประเทศไทยว่า ขาใหญ่ที่ร่ำรวยนั้น รวยถึงขนาดมีการันตีได้ว่า เลือกตั้งคราวหน้าสบายกันทุกคน.....
       
       “ ท่านประธานที่เคารพครับวันนี้ผมยอมบาป คนที่ผมสงสัยมากที่สุดนั่งอยู่ตรงนั้นครับ ด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ครับผู้ต้องสงสัยของผม ท่านด็อกเตอร์ทักษิณไม่ได้ทำบาปอะไรหรอกครับ ที่ผมสงสัยคือสงสัยว่ารัฐมนตรีโภคินจะเป็นคนบอกความลับเรื่องนี้กับด็อกเตอร์ทักษิณ แล้วด็อกเตอร์ทักษิณไปซื้อขายเงินไว้ล่วงหน้าทำกำไร”
       
       “ท่านประธานที่เคารพครับ ท่านได้กำไรไปเยอะในขณะที่คนในชาติน้ำตาไหลกันทุกคน ผมไม่แปลกใจว่า หลังจากนั้นไม่นาน ได้มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ก็เก่งขนาดทำเงินได้ 2 วัน 4 พันล้านบาท ถึง 5 พันล้านบาท ก็น่าจะให้เป็นหรอกครับ
”
       
       “ท่านประธาน นี่เป็นข้อสงสัยของผม ผมคาดคะเนสงสัยด้วยเหตุผลแวดล้อมอย่างนี้และผมมีประจักษ์พยานหลักฐานว่า หลังจากนายโภคินได้รับความลับเรื่องนี้ ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร เสียอย่างเดียวว่า ผมไม่มีหูทิพย์ว่าพูดกันอย่างไรเท่านั้นเองครับ แต่ผมสงสัย และผมรู้ว่านายโภคินได้พูดความลับเรื่องนี้กับคนอื่นอีก ถ้าท่านรัฐมนตรีโภคินสงสัยฟ้องศาลจะได้รู้ว่าคนที่ท่านบอกนั้นจะเป็นพยานให้ท่านหรือจะเป็นพยานให้ผม”
       
       10 ปีผ่านไปศาลฎีกานอกจากจะยกฟ้องคดีค่าเงินบาท ที่นายโภคิน พลกุล ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณแล้ว ศาลฎีกายังได้พิพากษาอีกด้วยว่า นายโภคิน พลกุล ไม่ได้รับความเสียหายจากการอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจครั้งนั้นอีกด้วย โดยระบุเอาไว้ในคำพิพากษาความตอนหนึ่งว่า:
       
        “ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้อง เนื่องจากก่อนเป็นนักการเมืองโจทก์เป็นนักวิชาการไม่มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก ทั้งไม่เคยทำธุรกิจค้าขายร่วมกับชาวต่างประเทศและเสียภาษีเพียงปีละหลักพันบาทเท่านั้น ”
       
       พ.ศ.2546 นายโภคิน พลกุล ได้เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปรากฏว่านายโภคินมีทรัพย์สิน 22,584,577 บาท ไม่มีหนี้สิน ภรรยามีทรัพย์สิน 84,371,703 บาท มีหนี้สิ้น 8,261,376 บาท ภรรยามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 76,110,327 บาท บุตรยังที่ไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คน มีทรัพย์สิน 368,087 บาท ไม่มีหนี้สิ้น
       
        นายโภคิน พลกุล เสียภาษีปีละหลักพันบาทแต่กลับมีทรัพย์สินของครอบครัวที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ในเวลาต่อมาร่วมร้อยล้านบาท ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากที่ได้ผ่านเหตุการณ์ในการลอยค่าเงินบาทในวันนั้นได้ผ่านชีวิตที่ล่มสลาย ล้มละลาย ตกงาน แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ในขณะที่มีคนบางกลุ่มได้ร่ำรวยในชั่วพริบตา กลายเป็นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

 
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000044663
 



ร่วมผสมโรงกับคุณจีรศักดิ์.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 16-04-2008, 22:04
ขอบคุณครับลุงปุ เข้ามาเติมเต็มข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง

โดยเฉพาะชื่อ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ถูกดึงตัว
เข้าไปนั่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของ เอสซีแอสเซท
จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญมัีนจะเกินไปไหม?

น่าคิดว่าธุรกรรมทางการเงินบริษัทอสังหาริมทรัพย์
น่าจะเป็นกิจการที่ตรวจสอบยากที่สุดประเภทหนึ่ง
เพราะราคาที่ดินที่ซื้อขายมีความไม่แน่นอน

แล้วยังมีคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทอีก
ย้อนไปถึงกรณีพยานที่เป็นผู้บริหารเสียชีวิตปริศนา
จะมีสักวันไหมที่เรื่องทั้งหมดกระจ่างต่อสาธารณะ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 16-04-2008, 22:10

หากโหวตได้โหวตให้กระทู้นี้แล้วค่ะ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 16-04-2008, 22:44
ไอ้แก๊งค์ข้าราชการชั่วที่ร่วมมือกับจ๊อร์จ โซรอส และนายทุนชั่วชาติสามานย์ ทำร้ายประชาชน
ทั้งประเทศเพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับพรรคพวกและตัวเอง
 
ไอ้สัตว์นรกพวกนี้ จิตใจของพวกมันโหดเหี้.ยมอำมหิตยิ่งกว่าพวกพ่อค้ายาเสพย์ติดเป็น
ร้อยเท่าพันทวี

 :slime_hitted:

ถ้าไอ้เลี๊ยบ แต่งตั้งให้ไอ้เหลี่ยมเป็นที่ปรึกษากระทรวงการคลัง .. คราวนี้คงไม่ต้องใช้ insider
เพราะว่า ไอ้เหลี่ยมคงจะจัดการสั่งการเองเพื่อความร่ำรวยมิรู้จบ

http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000044663

 :slime_agreed:

...


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 17-04-2008, 09:40
ลืมตอบคุณ 55555 ว่า รมว.คลัง ทนง พิทยะ เข้าประชุมและตัดสินใจ
เรื่องค่าเงินบาท ประมาณวันที่ 26 มิถุนายน 2540 ครับ

แต่ที่รู้กันล่วงหน้ากว่านั้นคือ ธปท. คุยกันเองก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 21
ได้ข้อสรุปเรียบร้อย เป็นวันเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคุณทนง
แต่กว่าคุณทนงจะได้เข้าประชุมก็คือวันที่ 26 ครับ

เสร็จแล้วก็มีการแจ้ง พล.อ.ชวลิต ประมาณวันที่ 29 ซึ่งมีคุณโภคิน
ไปโผล่อยู่ในที่ประชุมด้วย ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

ต่อมาคืนวันที่ 1 กรกฎาคม ตอน 4 ทุ่ม คุณทักษิณอ้างว่ากินข้าว
อยู่กับพล.ต.สนั่น และ นักหนังสือพิมพ์ใหญ่อีกคนหนึ่ง และ้มีคน
โทรแจ้งว่ามีการประชุมสำคัญ ทำให้เดาได้ว่าจะลดค่าเงิน

กว่าจะได้ลอยค่าเงินบาทก็ปาเข้าไปวันที่ 2 กรกฎาคม โดยมีการ
เรียกประชุมเพื่อแจ้งข่าวกันตอนตี 3

...

หลังเหตุการณ์นี้ก็มีบางคนร่ำรวยมหาศาล บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว
แต่เหตุการณ์เก็งกำไรเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ระหว่างเดือน เมษา-มิถุนา



...

และผมคิดว่าความจริงที่ทราบกันภายหลังว่าคุณทักษิณเข้าไปพัวพัน
เป็นกรรมการในองค์กรธุรกิจข้ามชาติที่มีสมาชิกเป็นผู้นำประเทศทั่วโลก
และเพิ่งจะลาออกมาก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

http://forum.serithai.net/index.php?topic=23538.0
ยิ่งตอกย้ำถึงเครือข่ายระดับนานาชาติที่อาจอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้  :slime_doubt:

หากผมตัดตอนพวกแบ็งค์ชาติออกไป.....คุณทนงค์ ตัดสินใจ วันที่ 26 มิถุนายน........แต่ ประกาศ ลอยตัวค่าเงินบาท ในวันที่ 2 กรกฏาคม.......

ช่วงระยะเวลาห่างกัน หนึ่งสัปดาห์......ใครรู้ก่อน หนึ่งสัปดาห์ แล้วมีเงินมาก ๆ เพื่อซื้อดอลล่าห์ คงรวยไม่รู้เรื่องแล้วครับ .....

7 วัน ก่อนประกาศ สามารถซื้อดอลล่าห์ ได้เป็นจำนวนมหาศาล.......

ผมย้ำอีกครั้งน๊ะครับ....ผมได้ยินว่า แบ็งค์ชาติประชุมวันที่ 21 มิถุนายน เพื่อลดค่าเงินบาท ไม่ใช่ลอยตัวน๊ะครับ....

คนทีซื้อดอลล่าห์ไว้เยอะ ๆ มีสิทธิ ปั่นค่าเงินไปแบบไม่มีลิมิตครับ......

อ้อ.  จริง ๆ แล้ว เงินบาท อ่อนค่าที่สุด 55-56 บาทน๊ะครับ...ไม่ใช่ 53 บาท อย่างที่เข้าใจกัน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 17-04-2008, 10:34
11 วันปริศนาของ "บิ๊กจิ๋ว" ลับ(ไม่)ที่สุดลดค่าเงินบาทปี 2540
บทนำ : กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 27 มกราคม 2548

ภายหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีในช่วงเกิดเหตุ วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ การเงินของไทยในปี 2540 ได้ประกาศวางมือทางการเมือง โดยไม่ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ อาจไม่เป็นที่ประหลาดใจเท่ากับหนังสือชื่อว่า "บันทึกลับ 2540 ความจริงที่ถูกปกปิดมาเป็นเวลานาน" ที่ประกาศเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ได้เพียงหนึ่งวันเมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคม 2548 ก็สามารถดึงจุดความสนใจ และสร้างบรรยากาศถกเถียงร้อนแรง ในสังคมไทยได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อบันทึกลับดังกล่าว ได้มีผลกระทบถึงบุคคลทั้งที่เป็นนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ และอดีตข้าราชการระดับสูง นับสิบคนที่ถูกเอ่ยอ้างถึง ทั้งที่คนไทยแทบลืมไปแล้ว เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ค่าเงินบาท และการปล่อยให้เป็นระบบลอยตัวเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540

สังคมไทยจึงตั้งคำถามตามมาว่า เรื่องราวที่ปรากฏในบันทึกลับดังกล่าว เป็นการปลดปล่อยตัวเองของ พล.อ.ชวลิต เพื่อให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์ที่ติดลบในช่วงที่รับภาระเป็นผู้นำบริหารประเทศจนทำให้เกิดวิกฤติในขณะนั้น โดย พล.อ.ชวลิตได้กล่าวไว้ในคำนิยมของหนังสือบันทึกลับเล่มนี้ว่า "พ.ศ.2540 นับเป็นปีที่ประเทศไทยได้ประสบกับภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก อันเกิดมาจากปัญหาที่สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน และได้ส่งผลอย่างรุนแรงเป็นลูกโซ่ไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกในเวลาต่อมา นับเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ควรค่าแก่การบันทึก เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบข้อเท็จจริงและมีความเข้าใจ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนให้ประเทศไทยได้มีความระมัดระวัง หาแนวทางป้องกันวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก...แม้ว่าข้อเท็จจริงที่เป็นความลับในบางเรื่อง อาจสร้างเจ็บปวดและอาจมีผลกระทบตามมาต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง"

ผู้เรียบเรียงบันทึกลับนำเสนอว่า ในบทที่ 13 ลับ (ไม่) ที่สุด วันลอยค่าเงิน (ตอน1) เปิดปมขัดแย้งในการลอยค่าเงินบาทไว้น่าสนใจว่า มีการดำเนินการจนกว่าจะมีการประกาศลอยตัวในวันที่ 2 กรกฎาคม มีการดำเนินการมาก่อนแล้ว 11 วัน โดยอธิบายไว้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในระดับผู้บริหารว่าต้องลอยตัวค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2540 และ ธปท.จะต้องรายงานให้นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีคลังทราบทันที แต่นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการ ธปท.กลับบอกว่าขอไปหารือกับเจ้าหน้าที่ก่อน จนวันที่ 29 มิถุนายน 2540 นายทนง นายเริงชัยและนายชัยวัฒน์ ตกลงจะไปรายงานให้นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ชวลิต) ทราบ โดยมีนายโภคิน พลกุล ร่วมประชุมด้วย แต่ ธปท.ก็ไปประกาศเอาวันที่ 2 กรกฎาคม

ในหนังสือโลกสีขาวของบิ๊กจิ๋ว ระบุเหตุการณ์ช่วงนี้ไว้ว่า พล.อ.ชวลิตได้ต่อว่านายเริงชัยว่า “คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร ผมถามคุณแล้วว่าไม่ลด เสร็จแล้วคุณมาลดได้อย่างไร อย่างนี้ก็มีเจตนาทำลายเกียรติยศชื่อเสียงผม” และก่อนประกาศในตอนเช้า เวลา 04.00 น. ธปท.ได้เรียกผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เข้าประชุมที่วังขุนพรมว่าจะประกาศลอยตัวเงินบาท รวมแล้วใช้เวลาตัดสินใจเป็นเวลา 11 วัน ตรงนี้เองที่ผู้เรียบเรียงพยายามบอกว่ามีคนรู้ข้อมูลวงใน (Insider) ล่วงหน้าหรือไม่ และ ธปท.ยังทำสวอปอยู่ ตอน 2 ในบทที่ 14 กล่าวถึงเรื่องวันลอยค่าเงินต่อ โดยมีการทำตารางเวลาตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ที่ผู้บริหาร ธปท.ยืนยันว่าไม่ลดค่าเงิน ซึ่งในวันที่ 29 มิถุนายน พล.อ.ชวลิตได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ลดค่าเงินเพราะจะเกิดความเสียหาย

ผู้เรียบเรียงบันทึกลับนำเสนอต่อว่า แต่ในที่สุด ธปท.ก็ได้เสนอให้ลดค่าเงินบาท เพราะแบกรับเรื่องเงินทุนสำรองไม่ไหว โดยวันที่ 30 มิถุนายน เงินทุนสำรองลดเหลือ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เรื่องนี้ทำให้ พล.อ.ชวลิตได้รับความเสียหายเพราะต้องโกหกประชาชน และจะขอลาออกตั้งแต่ตอนนั้น แต่ต้องอยู่ต่อเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปกว่านั้น การณ์กลับตรงกันข้ามเพราะค่าเงินไปอยู่ในระดับ 36 บาท ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่ง สร้างกระแสทำให้เกิดความเกลียดชัง พล.อ.ชวลิตขยายวงออกไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ช่วงนั้นดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากปรับ ครม.แค่ 12 วัน วันที่ 6 พฤศจิกายน พล.อ.ชวลิตก็ลาออก

บันทึกลับของ พล.อ.ชวลิตได้พยายามตอบคำถามของสังคมไทยที่มีมาตลอดเกือบ 8 ปี แต่ดูเหมือนว่า คำตอบดังกล่าวกลับกลายเป็นการทิ้งปมปริศนาไว้อีก เมื่อสื่อความออกมาได้ว่า การจะประกาศลอยตัวเงินบาทใช้เวลาตัดสินใจเป็นเวลารวม 11 วัน ตรงนี้เอง มีคนรู้ข้อมูลวงในล่วงหน้าหรือไม่ มาถึงตรงนี้ พล.อ.ชวลิต ไม่ควรสร้างจิ๊กซอว์ต่อไปอีก ถึงเวลาที่จะต้องเปิดความลับให้เป็นความโปร่งใส เพื่อสังคมไทยจะได้เรียนรู้ไว้เป็นบทเรียนที่แท้จริงว่าใครคือผู้จ้องเอาผลประโยชน์บนความสูญเสียของประเทศชาติ
(http://www.vanhara.com/wp-photos/thumb.20061028-231702-5.jpg)

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q1/article2005jan27p5.htm



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 12:10
อันนี้เป็นข้อเท็จจริงจากคำพิพากษา
- โภคิน อยู่ในที่ประชุม

อันนี้เป็นจินตนาการน้ำแตกผลจากการอ่านคำพิพากษานั่น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ จากจินตนาการน้ำแตก
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง

ช่องระบายน้ำออกช่วงสงกรานต์ของคนแถวนี้ ไม่มีอะไรมาก
หลักฐานก็ไม่มี คุณภาพการให้เหตุผลต่ำ แต่ลีลาการจินตนาการ
เยี่ยม  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 17-04-2008, 12:19
ขอมาติดตามเรื่องราวที่ไม่เปิดเผยนี้สู่สาธารณะอีกครั้งและร่วมโหวตกระทู้นี้ให้เป็นกระทู้
ที่ต้องติดตามและเป็นกระทู้ที่จะเสนอความจริงต่อสาธารณะทั่วโลกให้รับรู้
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและนำตัวคนผิดใน"คดีประวัติศาสตร์ไทย"คดีนี้
เสนอให้คุณจีนำเสนอเรื่องราวผ่านไปยังผู้ที่ทำหน้าที่และหาทีมงานฝ่ายกฎหมาย
อาสาในเสรีไทยร่วมกันอย่างเต็มความสามารถครับผมเชื่อมั่นว่าพวกเราทำได้ครับ
ผมเองจะตามเรื่องคดีวุฒิการศึกษาของคุณสธาและอดีตนักการเมืองที่ได้วุฒิการศึกษา
มาโดยมิชอบร่วมกับสมาชิกบางส่วนต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 17-04-2008, 12:30
อันนี้เป็นข้อเท็จจริงจากคำพิพากษา
- โภคิน อยู่ในที่ประชุม

อันนี้เป็นจินตนาการน้ำแตกผลจากการอ่านคำพิพากษานั่น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ จากจินตนาการน้ำแตก
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง

ช่องระบายน้ำออกช่วงสงกรานต์ของคนแถวนี้ ไม่มีอะไรมาก
หลักฐานก็ไม่มี คุณภาพการให้เหตุผลต่ำ แต่ลีลาการจินตนาการ
เยี่ยม  :slime_bigsmile:

ถามหน่อย
นายโภคิน ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อันใดที่จะไปเสือกอยู่ตรงนั้น

แล้วไปเสือกอยู่ตรงนั้นหาพระแสงด้ามยาวอะไรมิทราบ???

หลับหูหลับตา เชื่อตามใบบอกต่อไปเห้อออออ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 12:37
11 วันปริศนาของ "บิ๊กจิ๋ว" ลับ(ไม่)ที่สุดลดค่าเงินบาทปี 2540
บทนำ : กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 27 มกราคม 2548

ภายหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีในช่วงเกิดเหตุ วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ การเงินของไทยในปี 2540 ได้ประกาศวางมือทางการเมือง โดยไม่ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ อาจไม่เป็นที่ประหลาดใจเท่ากับหนังสือชื่อว่า "บันทึกลับ 2540 ความจริงที่ถูกปกปิดมาเป็นเวลานาน" ที่ประกาศเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ได้เพียงหนึ่งวันเมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคม 2548 ก็สามารถดึงจุดความสนใจ และสร้างบรรยากาศถกเถียงร้อนแรง ในสังคมไทยได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อบันทึกลับดังกล่าว ได้มีผลกระทบถึงบุคคลทั้งที่เป็นนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ และอดีตข้าราชการระดับสูง นับสิบคนที่ถูกเอ่ยอ้างถึง ทั้งที่คนไทยแทบลืมไปแล้ว เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ค่าเงินบาท และการปล่อยให้เป็นระบบลอยตัวเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540

สังคมไทยจึงตั้งคำถามตามมาว่า เรื่องราวที่ปรากฏในบันทึกลับดังกล่าว เป็นการปลดปล่อยตัวเองของ พล.อ.ชวลิต เพื่อให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์ที่ติดลบในช่วงที่รับภาระเป็นผู้นำบริหารประเทศจนทำให้เกิดวิกฤติในขณะนั้น โดย พล.อ.ชวลิตได้กล่าวไว้ในคำนิยมของหนังสือบันทึกลับเล่มนี้ว่า "พ.ศ.2540 นับเป็นปีที่ประเทศไทยได้ประสบกับภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก อันเกิดมาจากปัญหาที่สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน และได้ส่งผลอย่างรุนแรงเป็นลูกโซ่ไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกในเวลาต่อมา นับเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ควรค่าแก่การบันทึก เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบข้อเท็จจริงและมีความเข้าใจ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนให้ประเทศไทยได้มีความระมัดระวัง หาแนวทางป้องกันวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก...แม้ว่าข้อเท็จจริงที่เป็นความลับในบางเรื่อง อาจสร้างเจ็บปวดและอาจมีผลกระทบตามมาต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง"

ผู้เรียบเรียงบันทึกลับนำเสนอว่า ในบทที่ 13 ลับ (ไม่) ที่สุด วันลอยค่าเงิน (ตอน1) เปิดปมขัดแย้งในการลอยค่าเงินบาทไว้น่าสนใจว่า มีการดำเนินการจนกว่าจะมีการประกาศลอยตัวในวันที่ 2 กรกฎาคม มีการดำเนินการมาก่อนแล้ว 11 วัน โดยอธิบายไว้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในระดับผู้บริหารว่าต้องลอยตัวค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2540 และ ธปท.จะต้องรายงานให้นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีคลังทราบทันที แต่นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการ ธปท.กลับบอกว่าขอไปหารือกับเจ้าหน้าที่ก่อน จนวันที่ 29 มิถุนายน 2540 นายทนง นายเริงชัยและนายชัยวัฒน์ ตกลงจะไปรายงานให้นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ชวลิต) ทราบ โดยมีนายโภคิน พลกุล ร่วมประชุมด้วย แต่ ธปท.ก็ไปประกาศเอาวันที่ 2 กรกฎาคม

ในหนังสือโลกสีขาวของบิ๊กจิ๋ว ระบุเหตุการณ์ช่วงนี้ไว้ว่า พล.อ.ชวลิตได้ต่อว่านายเริงชัยว่า “คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร ผมถามคุณแล้วว่าไม่ลด เสร็จแล้วคุณมาลดได้อย่างไร อย่างนี้ก็มีเจตนาทำลายเกียรติยศชื่อเสียงผม” และก่อนประกาศในตอนเช้า เวลา 04.00 น. ธปท.ได้เรียกผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เข้าประชุมที่วังขุนพรมว่าจะประกาศลอยตัวเงินบาท รวมแล้วใช้เวลาตัดสินใจเป็นเวลา 11 วัน ตรงนี้เองที่ผู้เรียบเรียงพยายามบอกว่ามีคนรู้ข้อมูลวงใน (Insider) ล่วงหน้าหรือไม่ และ ธปท.ยังทำสวอปอยู่ ตอน 2 ในบทที่ 14 กล่าวถึงเรื่องวันลอยค่าเงินต่อ โดยมีการทำตารางเวลาตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ที่ผู้บริหาร ธปท.ยืนยันว่าไม่ลดค่าเงิน ซึ่งในวันที่ 29 มิถุนายน พล.อ.ชวลิตได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ลดค่าเงินเพราะจะเกิดความเสียหาย

ผู้เรียบเรียงบันทึกลับนำเสนอต่อว่า แต่ในที่สุด ธปท.ก็ได้เสนอให้ลดค่าเงินบาท เพราะแบกรับเรื่องเงินทุนสำรองไม่ไหว โดยวันที่ 30 มิถุนายน เงินทุนสำรองลดเหลือ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เรื่องนี้ทำให้ พล.อ.ชวลิตได้รับความเสียหายเพราะต้องโกหกประชาชน และจะขอลาออกตั้งแต่ตอนนั้น แต่ต้องอยู่ต่อเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปกว่านั้น การณ์กลับตรงกันข้ามเพราะค่าเงินไปอยู่ในระดับ 36 บาท ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่ง สร้างกระแสทำให้เกิดความเกลียดชัง พล.อ.ชวลิตขยายวงออกไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ช่วงนั้นดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากปรับ ครม.แค่ 12 วัน วันที่ 6 พฤศจิกายน พล.อ.ชวลิตก็ลาออก

บันทึกลับของ พล.อ.ชวลิตได้พยายามตอบคำถามของสังคมไทยที่มีมาตลอดเกือบ 8 ปี แต่ดูเหมือนว่า คำตอบดังกล่าวกลับกลายเป็นการทิ้งปมปริศนาไว้อีก เมื่อสื่อความออกมาได้ว่า การจะประกาศลอยตัวเงินบาทใช้เวลาตัดสินใจเป็นเวลารวม 11 วัน ตรงนี้เอง มีคนรู้ข้อมูลวงในล่วงหน้าหรือไม่ มาถึงตรงนี้ พล.อ.ชวลิต ไม่ควรสร้างจิ๊กซอว์ต่อไปอีก ถึงเวลาที่จะต้องเปิดความลับให้เป็นความโปร่งใส เพื่อสังคมไทยจะได้เรียนรู้ไว้เป็นบทเรียนที่แท้จริงว่าใครคือผู้จ้องเอาผลประโยชน์บนความสูญเสียของประเทศชาติ
(http://www.vanhara.com/wp-photos/thumb.20061028-231702-5.jpg)

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q1/article2005jan27p5.htm

หลังจากที่มีคำพิพากษาศาลฎีกา ที่วินิจฉัยว่า นายโภคิน เข้าร่วมประชุมในการตัดสินใจลอยค่าเงินบาท
ทำให้ความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ชวลิต ตกต่ำลงมากครับ เพราะเคยปฏิเสธต่อสภาผู้แทนฯ กรณีดังกล่าว

หนังสือ บันทึกลับ 2540ฯ ซึ่งจัดทำขึ้นโดย คุณปานเทพ ที่เป็นทีมงาน พล.อ.ชวลิต ในขณะนั้น
ก็เลยขาดความน่าเชื่อถือลงไปด้วย ใช้อ้างอิงได้เพียงว่ามีข้อความในหนังสืออย่างไรเท่านั้น

ข้อความในหนังสือโลกสีขาว ที่ระบุว่า พล.อ.ชวลิตได้ต่อว่านายเริงชัยว่า “คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร
ผมถามคุณแล้วว่าไม่ลด เสร็จแล้วคุณมาลดได้อย่างไร อย่างนี้ก็มีเจตนาทำลายเกียรติยศชื่อเสียงผม”
ก็ไม่สอดคล้องกับคำให้การของคนอื่น ที่บ่งชี้ว่า พล.อ.ชวลิต ทราบอยู่ก่อนแล้วแต่ได้รับคำยืนยันว่า
จะต้องประกาศไม่ลดค่าเงินไว้ก่อน

และเรื่องนี้ถ้าตีความในแง่ร้ายที่สุด ก็คือมีการเก็งกำไรค่าเงินกันเป็นขบวนการทำนองสมรู้ร่วมคิด
หรือทราบแล้วปล่อยเลยตามเลย สังเกตว่าในที่สุดพรรคความหวังใหม่ก็กลายเป็นหนึ่งในกำลังหลัก
ในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และก่อนหน้านั้นก็เคยมีข่าวว่าคุณทักษิณเป็นนายทุนพรรคมาก่อน
ถ้าใช้คำของศาลก็ต้องบอกว่า "มีพิรุธสำคัญ" ซึ่งเราย่อมมีสิทธิตั้งข้อสงสัยได้  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-04-2008, 12:52
อันนี้เป็นข้อเท็จจริงจากคำพิพากษา
- โภคิน อยู่ในที่ประชุม


อันนี้เป็นจินตนาการน้ำแตกผลจากการอ่านคำพิพากษานั่น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ จากจินตนาการน้ำแตก
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง

ช่องระบายน้ำออกช่วงสงกรานต์ของคนแถวนี้ ไม่มีอะไรมาก
หลักฐานก็ไม่มี คุณภาพการให้เหตุผลต่ำ แต่ลีลาการจินตนาการ
เยี่ยม  :slime_bigsmile:


'โภชิน'เคยปฏิเสธว่า ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม...
ถ้าสุจริต ปฏิเสธทำไม  :?:
ข้อพิรุธนี้ ทำให้โยงใยไปถึงการร่ำรวยของทักษิณกับค่าเงินบาท....

วันนี้สุจริตชนจึงให้ความเชื่อถือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ
สส.พรรคประชาธิปัตย์และคำให้ปากคำแด่ศาลฏีกา มากกว่าการปฏิเสธของ'โภชิน'..
ซึ่ง'ต้นทุนทางสังคม' มีเหลือเท่าไร เท่าเทียม'หมัก เมถุน' ไหม....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-04-2008, 12:57
อันนี้เป็นข้อเท็จจริงจากคำพิพากษา
- โภคิน อยู่ในที่ประชุม

อันนี้เป็นจินตนาการน้ำแตกผลจากการอ่านคำพิพากษานั่น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ จากจินตนาการน้ำแตก
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง

ช่องระบายน้ำออกช่วงสงกรานต์ของคนแถวนี้ ไม่มีอะไรมาก
หลักฐานก็ไม่มี คุณภาพการให้เหตุผลต่ำ แต่ลีลาการจินตนาการ
เยี่ยม
  :slime_bigsmile:


การแสดงความคิดเห็นอย่างนี้
จึงเป็นสำนวนภาษาของลิ่วล้อ พรรคปล้นชาติ และ แนวร่วมเป็ดไก่
ที่บิดเบือน ตะแบงไปเรื่อย ๆ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ยังคงสูตรเดิม คิดเก่า ทำเก่า ตราบที่ศาลยุติธรรมไม่ได้ตัดสินชัดเจน
ยังดิดดิ้นต่อไป.......

แต่คนไม่กินหญ้า คนไหนได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลฏีกาแล้ว
ไม่เชื่อว่า'โภชิน' ปากสว่างกับ'นายใหญ่'.... :?:



10 ปีผ่านไป....
วันเวลาไม่ได้ทำให้คนกินหญ้า รากหญ้าได้เฉลียวใจคิดถึงพฤติกรรมเลวร้ายนั้น...
วันนี้ศาลฏีกาได้พิพากษา ได้ให้คำวินิจฉัยอย่างนี้
คนกินหญ้า ประเภท'อเวไนยสัตว์' ยังไม่เข้าใจข้อเท็จจริง
ยังจะก้มหน้าก้มตารับใช้ เถียงแทนอีก

ถึงจะอยู่ในโลกไซเบอร์นี้
ไม่เห็นหน้ากัน ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริง
อ่านข้อความชี้แนะ อธิบายแล้ว
ไม่รู้สึกอับอาย ขายหน้าบ้าง......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 17-04-2008, 12:58
โภคิน ตอนนี้เหมือนกับเดินเข้าตะรางไปแล้วทั้งตัว แค่ประตูมันยังไม่ปิดเท่านั้น เทพเทือก ฟ้องอาญา ฐานฟ้องเท็จเมื่อไร ก็ได้ติดตะรางอย่างที่ได้ใฝ่ฝันกันไว้แน่นอน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:01
อันนี้เป็นข้อเท็จจริงจากคำพิพากษา
- โภคิน อยู่ในที่ประชุม

อันนี้เป็นจินตนาการน้ำแตกผลจากการอ่านคำพิพากษานั่น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ จากจินตนาการน้ำแตก
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง

ช่องระบายน้ำออกช่วงสงกรานต์ของคนแถวนี้ ไม่มีอะไรมาก
หลักฐานก็ไม่มี คุณภาพการให้เหตุผลต่ำ แต่ลีลาการจินตนาการ
เยี่ยม  :slime_bigsmile:

ยังมีข้อเท็จจริงอื่นที่เปิดเผยต่อเนื่องจากคำพิพากษาอีกนะครับ เช่น
- การที่คุณโภคินอยู่ในที่ประชุม ก็เท่ากับ บิ๊กจิ๋วโกหกสภาฯ
- ทักษิณ เข้าไปร่วมรัฐบาลที่มี นายกฯ โกหกอย่างบิ๊กจิ๋ว
- ทักษิณ ยอมรับว่ามีคนคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหว ธปท. ให้รู้
- ธปท.ตัดสินใจลดค่าเงินตั้งแค่ 21 มิย. มี นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ร่วมประชุม
- ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์วันที่ 24 มิย. ฟันธงจะมีการลดค่าเงิน
- มีหลักฐานการซื้อขายเงินล่วงหน้าจำนวนมากระหว่าง 24 มิย ถึงก่อนลอยค่าเงิน
- มีกระแสพระราชดำรัสในปี 2541 และ 2542 ว่ามีผู้การเก็งกำไรค่าเงินแบบอินไซด์เดอร์
- ต่อมา นายชัยวัฒน์ ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงสุด ของ เอสซีแอสเซท ในเครือ ชินคอร์ป
- เอสซีแอสเซท กำลังมีคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ที่อาจมีฝรั่งหัวดำเป็นนอมินี
- พยานสำคัญ ที่เป็นผู้บริหารเอสซีแอสเซท เสียชีวิตปริศนา ใกล้สภากาชาดไทย
- ทักษิณ เคยมีรายชื่อเป็นกรรมการ ในองค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่พัวพันจอร์จ โซรอส
- ทักษิณ มีบริษัทที่จดทะเบียนในเกาะฟอกเงิน อย่าง แอมเพิลริช และไม่มีทางรู้ว่า
  มีการแอบตั้งบริษัทอื่นๆ ทำนองเดียวกันหรือไม่ เช่น วินมาร์ค ที่ทักษิณหลีกเลี่ยง
  การให้ข้อมูลมาโดยตลอด
- ฯลฯ

---

ส่วนที่คุณอยากประหยัด จินตนาการฯ มานั้น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ <-- นั่นคือข้อสงสัยโดยคุณสุเทพ ที่ศาลวินิจฉัยว่าสามารถสงสัยได้
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง <-- นั่นคือความเห็นของคุณสุเทพที่กล่าวในสภา
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ<- เป็นข้อความของคุณอยากประหยัดเอง
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง <- ผมแค่ยืนยันว่าความล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณว่ามีการเก็งกำไรเท่านั้น

ความจริงผมสรุป+จินตนาการว่าอย่างนี้ต่างหาก ..
- ทักษิณยอมรับว่ามีคนส่งข่าวความเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งที่เป็นเวลาดึกแล้ว
  เท่ากับยอมรับว่าตัวเองมีใช้ข้อมูลแบบอินไซด์เดอร์
- คุณทนงก็น่าสงสัยเพราะเคยทำงานกับตระกูลชินวัตรมาก่อน และมีข้อมูลว่าเข้าไปเป็น รมว.คลัง โดยทักษิณส่งประกวด
- การ swap เงินไม่ใช่ช่องทางเดียวในการทำกำไร แค่รู้ข้อมูลเอาไปทำอะไรได้อีกมากมาย ยิ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ในเครือข่าย
  องค์กรธุรกิจข้ามชาติ สามารถทำอะไรก็ได้เช่นรู้เห็นหรือสมรู้ร่วมคิดในการวางแผนโจมตีค่าเงินทั้งระบบ
- ในหลวงมีกระแสพระราชดำรัสตำหนิการเก็งกำไรค่าเงิน ในทางหนึ่งเท่ากับกล่าวให้กับคนที่ทำร้ายบ้านเมืองโดยตรง

จากเดิมที่เราแค่สงสัยกันมานาน ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากมายจะไม่ให้สงสัยตั้งทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดได้อย่างไร  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-04-2008, 13:15
ยังมีข้อเท็จจริงอื่นที่เปิดเผยต่อเนื่องจากคำพิพากษาอีกนะครับ เช่น
- การที่คุณโภคินอยู่ในที่ประชุม ก็เท่ากับ บิ๊กจิ๋วโกหกสภาฯ
- ทักษิณ เข้าไปร่วมรัฐบาลที่มี นายกฯ โกหกอย่างบิ๊กจิ๋ว
- ทักษิณ ยอมรับว่ามีคนคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหว ธปท. ให้รู้
- ธปท.ตัดสินใจลดค่าเงินตั้งแค่ 21 มิย. มี นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ร่วมประชุม
- ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์วันที่ 24 มิย. ฟันธงจะมีการลดค่าเงิน
- มีหลักฐานการซื้อขายเงินล่วงหน้าจำนวนมากระหว่าง 24 มิย ถึงก่อนลอยค่าเงิน
- มีกระแสพระราชดำรัสในปี 2541 และ 2542 ว่ามีผู้การเก็งกำไรค่าเงินแบบอินไซด์เดอร์
- ต่อมา นายชัยวัฒน์ ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงสุด ของ เอสซีแอสเซท ในเครือ ชินคอร์ป
- เอสซีแอสเซท กำลังมีคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ที่อาจมีฝรั่งหัวดำเป็นนอมินี
- พยานสำคัญ ที่เป็นผู้บริหารเอสซีแอสเซท เสียชีวิตปริศนา ใกล้สภากาชาดไทย
- ทักษิณ เคยมีรายชื่อเป็นกรรมการ ในองค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่พัวพันจอร์จ โซรอส
- ทักษิณ มีบริษัทที่จดทะเบียนในเกาะฟอกเงิน อย่าง แอมเพิลริช และไม่มีทางรู้ว่า
  มีการแอบตั้งบริษัทอื่นๆ ทำนองเดียวกันหรือไม่ เช่น วินมาร์ค ที่ทักษิณหลีกเลี่ยง
  การให้ข้อมูลมาโดยตลอด
- ฯลฯ

---

ส่วนที่คุณอยากประหยัด จินตนาการฯ มานั้น
- โภคิน นำความลับไปบอกทักษิณ <-- นั่นคือข้อสงสัยโดยคุณสุเทพ ที่ศาลวินิจฉัยว่าสามารถสงสัยได้
- ทนง ไม่ได้นำความลับไปบอกทักษิณเพราะศักดิ์ศรีขุนคลัง <-- นั่นคือความเห็นของคุณสุเทพที่กล่าวในสภา
- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ <- เป็นข้อความของคุณอยากประหยัดเอง
- โยงพระราชดำรัสว่าทักษิณโกง <- ผมแค่ยืนยันว่าความล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณว่ามีการเก็งกำไรเท่านั้น

ความจริงผมสรุป+จินตนาการว่าอย่างนี้ต่างหาก ..
- ทักษิณยอมรับว่ามีคนส่งข่าวความเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งที่เป็นเวลาดึกแล้ว
  เท่ากับยอมรับว่าตัวเองมีใช้ข้อมูลแบบอินไซด์เดอร์
- คุณทนงก็น่าสงสัยเพราะเคยทำงานกับตระกูลชินวัตรมาก่อน และมีข้อมูลว่าเข้าไปเป็น รมว.คลัง โดยทักษิณส่งประกวด
- การ swap เงินไม่ใช่ช่องทางเดียวในการทำกำไร แค่รู้ข้อมูลเอาไปทำอะไรได้อีกมากมาย  ยิ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ในเครือข่าย
  องค์กรธุรกิจข้ามชาติ สามารถทำอะไรก็ได้เช่นรู้เห็นหรือสมรู้ร่วมคิดในการวางแผนโจมตีค่าเงินทั้งระบบ
- ในหลวงมีกระแสพระราชดำรัสตำหนิการเก็งกำไรค่าเงิน ในทางหนึ่งเท่ากับกล่าวให้กับคนที่ทำร้ายบ้านเมืองโดยตรง

จากเดิมที่เราแค่สงสัยกันมานาน ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากมายจะไม่ให้สงสัยตั้งทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดได้อย่างไร  :slime_smile:


พวกมันได้รับคำยืนยันว่า'ลดค่าเงินบาท'
ก็รู้ว่าประเทศไทย'แพ้แล้ว' ก็มีกำลังใจขึ้นมามากมาย

ทำอะไรได้อีกมากมายที่'คนกินหญ้า' อ่านแต่'ใบบอก'
ไม่มีโอกาสจินตการถึง หรือ รับรู้ คนพรรค์นั้นทำเลวชาติได้แค่นั้นเหรอ....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 13:18
ถามหน่อย
นายโภคิน ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อันใดที่จะไปเสือกอยู่ตรงนั้น

แล้วไปเสือกอยู่ตรงนั้นหาพระแสงด้ามยาวอะไรมิทราบ???

หลับหูหลับตา เชื่อตามใบบอกต่อไปเห้อออออ


นายโภคินเค้านั่งอยู่ตั้งแต่แรกไม่ใช่เรอะ ต้องถามว่าพวกที่เหลือ อยู่ดีๆ ไปประชุม
ตรงนั้นหาพระแสงด้ามยาวอะไร แล้วโดยมารยาทขนาดนั่งอยู่ก่อนยังยอมหยวนจะ
ลุกไปแล้ว นายกชวลิตดันมาบอกไม่เป็นไร แล้วจะไปโทษนายโภคินได้ไง

ยังมีข้อเท็จจริงอื่นที่เปิดเผยต่อเนื่องจากคำพิพากษาอีกนะครับ เช่น
- การที่คุณโภคินอยู่ในที่ประชุม ก็เท่ากับ บิ๊กจิ๋วโกหกสภาฯ
- ทักษิณ เข้าไปร่วมรัฐบาลที่มี นายกฯ โกหกอย่างบิ๊กจิ๋ว
- ทักษิณ ยอมรับว่ามีคนคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหว ธปท. ให้รู้
- ธปท.ตัดสินใจลดค่าเงินตั้งแค่ 21 มิย. มี นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ร่วมประชุม
- ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์วันที่ 24 มิย. ฟันธงจะมีการลดค่าเงิน
- มีหลักฐานการซื้อขายเงินล่วงหน้าจำนวนมากระหว่าง 24 มิย ถึงก่อนลอยค่าเงิน
- มีกระแสพระราชดำรัสในปี 2541 และ 2542 ว่ามีผู้การเก็งกำไรค่าเงินแบบอินไซด์เดอร์
- ต่อมา นายชัยวัฒน์ ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงสุด ของ เอสซีแอสเซท ในเครือ ชินคอร์ป
- เอสซีแอสเซท กำลังมีคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ที่อาจมีฝรั่งหัวดำเป็นนอมินี
- พยานสำคัญ ที่เป็นผู้บริหารเอสซีแอสเซท เสียชีวิตปริศนา ใกล้สภากาชาดไทย
- ทักษิณ เคยมีรายชื่อเป็นกรรมการ ในองค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่พัวพันจอร์จ โซรอส
- ทักษิณ มีบริษัทที่จดทะเบียนในเกาะฟอกเงิน อย่าง แอมเพิลริช และไม่มีทางรู้ว่า
  มีการแอบตั้งบริษัทอื่นๆ ทำนองเดียวกันหรือไม่ เช่น วินมาร์ค ที่ทักษิณหลีกเลี่ยง
  การให้ข้อมูลมาโดยตลอด
- ฯลฯ

ตกลงรู้ก่อนแล้วนี่ ไม่เห็นเกี่ยวกะโภคิน สรุปแน่ๆ ซิว่ารู้วันไหน :slime_bigsmile:

- swap 32000 ล้านเพื่อบริษัททักษิณ [/color]<- เป็นข้อความของคุณอยากประหยัดเอง

เค้าแห่คำพิพากษาพร้อมทั้ง link ผจก นั่นแปะกันว่อนไม่รู้กี่บอร์ดแล้ว ไม่เคยเห็นเรอะ

ความจริงผมสรุป+จินตนาการว่าอย่างนี้ต่างหาก ..
- ทักษิณยอมรับว่ามีคนส่งข่าวความเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งที่เป็นเวลาดึกแล้ว
  เท่ากับยอมรับว่าตัวเองมีใช้ข้อมูลแบบอินไซด์เดอร์
- คุณทนงก็น่าสงสัยเพราะเคยทำงานกับตระกูลชินวัตรมาก่อน และมีข้อมูลว่าเข้าไปเป็น รมว.คลัง โดยทักษิณส่งประกวด
- การ swap เงินไม่ใช่ช่องทางเดียวในการทำกำไร แค่รู้ข้อมูลเอาไปทำอะไรได้อีกมากมาย ยิ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ในเครือข่าย
  องค์กรธุรกิจข้ามชาติ สามารถทำอะไรก็ได้เช่นรู้เห็นหรือสมรู้ร่วมคิดในการวางแผนโจมตีค่าเงินทั้งระบบ
- ในหลวงมีกระแสพระราชดำรัสตำหนิการเก็งกำไรค่าเงิน ในทางหนึ่งเท่ากับกล่าวให้กับคนที่ทำร้ายบ้านเมืองโดยตรง

จากเดิมที่เราแค่สงสัยกันมานาน ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากมายจะไม่ให้สงสัยตั้งทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดได้อย่างไร  :slime_smile:

สรุปตอนจบก็คือ ฟอร์บจัดอันดับพระองค์ไว้ที่ห้า มีทรัพย์สินรวมหลายแสนล้านบาท
ส่วนพวกที่ว่าโกงรู้ข่าววงในล่วงหน้า ก็ช่วยจัดการผลประโยชน์เพิ่มให้สำนักงานทรัพย์สิน
จนตอนจบกลายเป็นสำนักงานทรัพย์สินแข็งแกร่งที่สุดเจ้าเดียว พวกที่ว่าโกงก็เจ๊งหมด
โดนอายัดทรัพย์เรียบ ข้อเท็จจริงนะนั่น


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:22
เพิ่มเติมข้อมูลให้นะครับ กรณีบริษัทวินมาร์คที่ กลต. เข้าสอบสวนตั้งแต่ประมาณ กพ. 49 หลังการขายหุ้นชินคอร์ป
ตอนนั้นมีการพยายามขุดคุ้ยเรื่องแอมเพิลริชจากหลายฝ่าย แต่การสอบสวนไม่มีความคืบหน้าใดๆ

ต่อมาหลังรัฐประหารคดีไปอยู่กับดีเอสไอ และมีการเรียกตัวผู้บริหารเอสซีแอสเซต (ที่ตายปริศนา) มาให้ปากคำ
ตอนนี้คุณสุนัย อธิบดีดีเอสไอ ที่ทำคดีนี้ก็ถูกรัฐบาลสมัครสั่งย้ายไปเสียแล้ว ทำให้มองไปได้ว่ามีพิรุธน่าสงสัย
โดยรัฐบาลอาจต้องการแทรกแซงคดีเพื่อปกป้องคุณทักษิณและครอบครัว

ต่อไปเป็นข่าว "แกะรอย วินมาร์ค-ชินวัตร" จากมติชน เมื่อปลายเดือนเมษายน 2550 นะครับ

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2007q2/2007april24p6.htm
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แกะรอย "วินมาร์ค-ชินวัตร" โอนหุ้นพิสดาร ถึงคดีเอสซี แอสเสท
เศรษฐ์ สันติ  มติชนรายวัน  วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10636

หลังจากที่ใช้เวลาการสอบสวนนานประมาณ 1 ปี ในที่สุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งข้อมูลเรื่องบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถูกกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น ในแบบการแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์เมื่อปี 2546 (ไฟลิ่ง) ให้แก่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นความลับสุดยอด ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับไว้เป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550

ต่อมาดีเอสไอนำมติการรับคดีดังกล่าวไว้ดำเนินการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 ว่า

"กรณีบริษัทนิติบุคคลแห่งหนึ่งปกปิดข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของปี 2546 และผู้ถือหุ้นใหญ่มิได้รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นตามกฎหมาย โดยให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นอำพราง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535"


ที่มั่นสุดท้ายของ"ชินวัตร"

บริษัท เอสซี แอทเสทฯเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บริษัทสุดท้ายที่ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่กว่าร้อยละ 65 (ดูรายละเอียดในตาราง 1) หลังจากที่ครอบครัวนี้ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 73,300 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เทมาเส็กโฮลดิ้ง ของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549

สำหรับข้อกล่าวหาว่า บริษัท เอสซี แอสเสทฯมีอยู่ด้วยกัน 2 ข้อหาคือ 1.ปกปิดข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นในการยื่นไฟลิ่ง และ 2.ผู้ถือหุ้นใหญ่มิได้รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นตามกฎหมาย โดยให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นอำพราง

ทั้ง 2 ข้อหาดังกล่าวเป็นผลที่เกี่ยวเนื่องจากการที่บริษัทเอสซี แอสเสทฯยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546 โดยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นว่า ครอบครัวชินวัตรเป็นถือหุ้นใหญ่รวมกัน 60.82% ประกอบด้วย น.ส.พิณทองทาถือหุ้นอยู่ 92.99 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.97% น.ส.แพทองธารถือหุ้น 92.99 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.97% คุณหญิงพจมานถือหุ้น 9.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.88%

ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลที่จัดตั้งในประเทศมาเลเซีย 2 กองทุนถือหุ้นรวมกันร้อยละ 19.05 คือ โอเวอร์ซี โกรว์ธ ฟันด์ ถืออยู่ 31.78 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.9% และออฟชอร์ ไดนามิค ฟันด์ ถืออยู่ 29.385 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.15% (ดูรายละเอียดในตารางที่ 2)

(http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2007q2/2007April24p1.jpg)

แต่จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่าทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวน่าจะเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี)ของครอบครัวชินวัตรซึ่งเท่ากับว่า บริษัท เอสซี แอสเสทฯปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพราะถ้ากองทุนทั้งสองเป็นนอมินีของครอบครัวชินวัตรจริง จะทำให้ครอบครัวชินวัตรถือหุ้นอยู่ในบริษัท เอสซี แอสเสทฯถึง 79.87% (ไม่ใช่ 60.82%) มีอำนาจควบคุมบริษัทอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด


"วินมาร์คฯ"โอนหุ้นพิสดาร

ข้อมูลเบื้องต้นที่ทำให้เชื่อว่ากองทุนทั้งสองน่าจะเป็นนอมินีของครอบครัวชินวัตรเกิดจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้โอนหุ้น 5 บริษัทที่ตนเองถืออยู่มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ให้แก่บริษัท Win Mark Limited บนเกาะบริติช เวอร์จิ้น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2543 ดังนี้

1.บริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในวันที่ 23 สิงหาคม ก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) โอนให้ จำนวน 55,079,999 หุ้น

2.บริษัท เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค 59,999,998 หุ้น

3.บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ 12,240,000 หุ้น

4.บริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชั่น 29,990,000 หุ้น

5.บริษัท เอสซีเค เอสเทต 5,549,980 หุ้น

พ.ต.ท.ทักษิณอ้างในขณะนั้นว่า "เป็นการขายหุ้นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศธรรมดา ไม่มีอะไรพิสดาร ขายไป 500-600 ล้านบาท หรือ 700-800 ล้านบาท จำนวนเท่าไหร่ จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้"

ขณะที่นายสุรเธียร จักรธรานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเสทฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ติดต่อกับนักลงทุนหลายราย อาทิ อังกฤษ ยุโรป สิงคโปร์ รวมทั้งกลุ่มของบริษัท วินมาร์คฯ ซึ่งธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งหนึ่งของสิงคโปร์เป็นผู้แนะนำมา จากนั้นกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ได้เจรจากับตนในรายละเอียดโดยเฉพาะบริษัท วินมาร์คฯ สัมภาษณ์ตนถึง 2-3 ครั้ง จึงตกลงเงื่อนไขในการซื้อหุ้นของบริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารชิน 3 ริมถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาทแล้ว ทั้งนี้ ทางบริษัท วินมาร์คฯ ได้จ่ายเงินเป็นเงินบาทประมาณ 900 ล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว ("ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับวันที่ 14 กันยายน 2543 )

อย่างไรก็ตาม ต่อมา บริษัท วินมาร์คฯ ได้โอนหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสทฯจำนวน 61,165,144 หุ้น มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ให้แก่กองทุนแวลู แอสเสทส์ ฟันด์ (Value Assets Funds Ltd.) ประเทศมาเลเซีย (เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2546)ก่อนที่จะแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2546 จากนั้นอีก 5 วันคือวันที่ 28 สิงหาคม 2546 แวลู แอสเสทส์ ฟันด์ได้โอนหุ้นที่ตนเองถืออยู่ทั้งหมดให้แก่โอเวอร์ซี โกรว์ธ ฟันด์ และออฟชอร์ ไดนามิค ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศมาเลเซียเช่นเดียวกัน

เป็นการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ก่อนยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต.เพียง 7 วัน (ยื่นไฟลิ่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546) (ขณะที่หุ้นอีก 4 บริษัทที่เหลือ มูลค่าประมาณ 468 ล้านบาท บริษัท วินมาร์คฯได้โอนหุ้นคืนให้แก่ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ในปี 2547 ได้แก่ บริษัท เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค, บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์, บริษัท พีที คอร์ปอเรชั่น และบริษัท เอสซีเค เอสเทต)


"วินมาร์คฯ"คู่แฝด"แอมเพิลริชฯ"

ประเด็นที่น่าสงสัยอย่างสำคัญเกี่ยวกับธุรกรรมที่ซับซ้อนดังกล่าวคือ

หนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธว่า บริษัท วินมาร์คฯไม่ใช่ของตนเอง แต่บริษัท วินมาร์คฯกับจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยใช้ที่อยู่เดียวกับบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จัดตั้งขึ้นเพื่อถือหุ้นชินคอร์ปคือ พี.โอ.3151 โรด ทาวน์ ทอร์โทลา บนเกาะบริติช เวอร์จิ้น

สอง พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า บริษัท วินมาร์คฯเข้าซื้อหุ้น 5 บริษัทของตนเองเพื่อต้องการผลประโยชน์จากการนำบริษัทดังกล่าว เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่วินมาร์คฯกลับขายหุ้นทิ้งก่อนนำบริษัท เอสซี แอสเสทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพียง 3 สัปดาห์

สาม กองทุนแวลูแอสเสทฟันด์ฯซึ่งรับโอนยหุ้นมาจากบริษัทวินมาร์คฯกว่า 61 ล้านหุ้นหรือประมาณ 33% ของทุนจดทะเบียนสละสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุน 23.43 ล้านหุ้นให้แก่ น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร บุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เสียประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้นที่จัดจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไปถึงราคาหุ้นละ 5 บาท หรือกว่า 117 ล้านบาท (บันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2546)

ก่อนที่กองทุนแวลูแอสเสทฟันด์จะโอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่ 2 กองทุนซึ่งมีสถานที่ตั้งเดียวกับกองทุนแวลู แอสเสทฟันด์บนเกาะลาบวน สวรรค์ของนักเลี่ยงภาษีของประเทศมาเลเซีย

สี่ กรณีทีบริษัท วินมาร์คฯโอนหุ้น 4 บริษัทคืนให้แก่ น.ส.พิณทองทา มูลค่า 468 ล้านบาท มีการชำระเงินคืนให้แก่บริษัทวินมาร์คฯหรือไม่

ด้วยข้อน่าสงสัยอย่างสำคัญดังกล่าวทำให้สำนักงาน ก.ล.ต.เข้าสอบสวนเรื่องนี้ตั้งแต่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2549 แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ พอที่จะแถลงต่อสาธารณะได้ จึงส่งเรื่องให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนต่อ

ถ้าผลสอบสวนออกมาว่ากองทุนทั้งสองและบริษัทวินมาร์คฯเป็น "นอมินี" ของครอบครัวชินวัตรและ พ.ต.ท.ทักษิณจริง ไม่เพียงแต่จะกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์เท่านั้น แต่เข้าข่ายความผิดกฎหมายอื่นอีกหลายฉบับ

แต่ที่สำคัญคือ อาจทำให้สาธารณชนเชื่อว่าครอบครัวชินวัตรมีทรัพย์สินที่ซุกซ่อนอยู่ในต่างประเทศจำนวนมหาศาล?

กองทุนทั้งสองเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 13:33
เรื่อง วินมาร์ค ก็พูดกันหลายรอบแล้ว ไม่มีข้อสรุปว่าเป็นของทักษิณ แต่ดูเหมือนจะเป็นช่องทาง
อะไรซักอย่างของคนบางกลุ่ม ถ้าความจริงมันไม่ใช่ของทักษิณ แต่เป็นของใครไม่รู้ที่เป็นช่อง
ทางส่งเงินไปยัง อีกชนชั้นที่ชอบทำตัวลึกลับตรวจสอบไม่ได้ และขยันสร้าง ขาย ขยาย วัง เป็น
จำนวนมากในหลายปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งมันก็เป็นแค่ข้อสังเกตเช่นกัน เพราะว่าทักษิณกับสายนั้นเค้า
มีสายสัมพันธ์ลึกล้ำกันอยู่


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:35
มีคนทำแผนผังสำหรับดูประกอบข้อมูลเส้นทางการโอนหุ้นเอาไว้ครับ
คุณทักษิณไม่เคยยอมรับว่า วินมาร์ค เป็นของตัวเอง แต่เส้นทางที่เห็น
มันเป็นช่องทางส่งผ่านหุ้นไปให้ลูกชัดๆ

ที่สำคัญตอนขายหุ้นให้วินมาร์ค มีการจ่ายเงินจากวินมาร์คที่ต่างประเทศ
เข้ามาให้คุณทักษิณจริงๆ เอาเงินไปใช้จริงๆ

ถ้าวินมาร์คเป็นของทักษิณแล้วเงิน 1500 ล้านบาทไปอยู่ที่ต่างประเทศ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าไปอยู่ตั้งแต่หลังการเก็งกำไรค่าเงิน

(http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q1/2006february20p1.jpg)


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:39
เรื่อง วินมาร์ค ก็พูดกันหลายรอบแล้ว ไม่มีข้อสรุปว่าเป็นของทักษิณ แต่ดูเหมือนจะเป็นช่องทาง
อะไรซักอย่างของคนบางกลุ่ม ถ้าความจริงมันไม่ใช่ของทักษิณ แต่เป็นของใครไม่รู้ที่เป็นช่อง
ทางส่งเงินไปยัง อีกชนชั้นที่ชอบทำตัวลึกลับตรวจสอบไม่ได้ และขยันสร้าง ขาย ขยาย วัง เป็น
จำนวนมากในหลายปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งมันก็เป็นแค่ข้อสังเกตเช่นกัน เพราะว่าทักษิณกับสายนั้นเค้า
มีสายสัมพันธ์ลึกล้ำกันอยู่

รู้สึกคุณอยากประหยัดฯ จะออกอาการมากเหลือเกิน โจมตีมั่วๆ ตามเคยอีกแล้ว
"อยากประหยัดฯ จินตนาการน้ำแตกตัวจริง"  :slime_smile2:
ถ้าจะมีคนผิดก็ต้องเป็นทักษิณไม่ต้องพยายามโยงไปไกล มุกฝืดๆ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:41
แถมไปอีกกระทู้ ไม่รู้ว่าคดีไปถึงไหนแล้ว อยู่ๆ เรื่องก็เงียบหายไปเฉยๆ  :slime_smile:

==พยานปากเอกคดี เอสซีแอสเซท เป็น 'นอมินี' ดับปริศนา==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=13681.0

นายวิทยา ภาณุมาภรณ์ ผู้ตายเป็นหลานชายของนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิทอดีตนายกฯ ทักษิณ
และนายผดุงเองเคยเป็นรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสซีแอสเซท มาก่อน

ส่วนท่านที่สงสัยว่านายผดุง ที่ว่ากันว่าเป็นคนสนิททักษิณ จริงๆ แล้วมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
เรื่องที่ไม่ค่อยมีคนพูดกันคือนายผดุงเป็นศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียนรุ่น 116 คือเป็นเพื่อนนักเรียน
ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นพี่ชายและพี่บุญธรรม
ของ คญ.พจมาน ภริยาอดีตนายกฯ ทักษิณ นั่นเองครับ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 13:42
รู้สึกคุณอยากประหยัดฯ จะออกอาการมากเหลือเกิน โจมตีมั่วๆ ตามเคยอีกแล้ว
ถ้าจะมีคนผิดก็ต้องเป็นทักษิณไม่ต้องพยายามโยงไปไกล มุกฝืดๆ  :slime_bigsmile:

เอาหลักฐานชัดๆ สิว่าเป็นของทักษิณ ไม่งั้นก็เรียกว่ามั่วเหมือนกันนะ แค่โยงไปมาส่งเดช

ส่วนเรื่อง ทักษิณ รู้วงใน ยิ่งแปะยิ่งเลอะ เรียกว่า ถ้าโภคินไม่บอก ก็ต้องมีคนอื่นโทรบอก
ไม่รู้วันที่ประชุม ก็ต้องรู้วันอื่นให้ได้ว่างั้นเหอะ เรียกว่าไม่เจ๊งเป็นโกง หลักฐานก็ไม่มีอีก
ตามเคย จินตนาการเลอะเทอะเต็มกางเกงไปหมด


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:44
เอาหลักฐานชัดๆ สิว่าเป็นของทักษิณ ไม่งั้นก็เรียกว่ามั่วเหมือนกันนะ แค่โยงไปมาส่งเดช

ส่วนเรื่อง ทักษิณ รู้วงใน ยิ่งแปะยิ่งเลอะ เรียกว่า ถ้าโภคินไม่บอก ก็ต้องมีคนอื่นโทรบอก
ไม่รู้วันที่ประชุม ก็ต้องรู้วันอื่นให้ได้ว่างั้นเหอะ เรียกว่าไม่เจ๊งเป็นโกง หลักฐานก็ไม่มีอีก
ตามเคย จินตนาการเลอะเทอะเต็มกางเกงไปหมด

ว่าแต่คนอื่น.. ตัวเองจินตนาการเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปถึงไหน
"อยากประหยัดฯ จินตนาการน้ำแตกตัวจริง"  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 13:49
ว่าแต่คนอื่น.. ตัวเองจินตนาการเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปถึงไหน
"อยากประหยัดฯ จินตนาการน้ำแตกตัวจริง"  :slime_smile2:

เอาเหอะ แค่คำพิพากษาว่าโภคินอยู่ในห้อง เล่นขุดของเก่ามาขายซะเต็มกระทู้
ตีความไหลไปถึงวินมาร์ค ถึงคดีฆ่ากัน แล้วไม่ให้เรียกเลอะเทอะกางเกงเรอะ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 17-04-2008, 13:51
เอาเหอะ แค่คำพิพากษาว่าโภคินอยู่ในห้อง เล่นขุดของเก่ามาขายซะเต็มกระทู้
ตีความไหลไปถึงวินมาร์ค ถึงคดีฆ่ากัน แล้วไม่ให้เรียกเลอะเทอะกางเกงเรอะ :slime_bigsmile:

เรื่องทั้งหมดพัวพันกับแม้วทั้งนั้น ถ้าจะไหลก็ไหลไปหาแม้วทุกเรื่องจริงไหมเล่า  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 17-04-2008, 14:21
นายโภคินเค้านั่งอยู่ตั้งแต่แรกไม่ใช่เรอะ ต้องถามว่าพวกที่เหลือ อยู่ดีๆ ไปประชุม
ตรงนั้นหาพระแสงด้ามยาวอะไร แล้วโดยมารยาทขนาดนั่งอยู่ก่อนยังยอมหยวนจะ
ลุกไปแล้ว นายกชวลิตดันมาบอกไม่เป็นไร แล้วจะไปโทษนายโภคินได้ไง
..................

 :slime_hmm:

อ้างไปได้หน้าตาเฉย เอ้อ

คิดได้เนาะคนเรา  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 17-04-2008, 14:28
พยายามทำให้กระทู้เลอะเทอะ
ยิ่งถูกขมวดให้ชัดขึ้นไปอีก


อยากประหยัดน้ำกระจายเวิร์คจริงๆ :slime_agreed:



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 17-04-2008, 15:28
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: saopao ที่ 17-04-2008, 15:41
เรื่อง วินมาร์ค ก็พูดกันหลายรอบแล้ว ไม่มีข้อสรุปว่าเป็นของทักษิณ แต่ดูเหมือนจะเป็นช่องทาง
อะไรซักอย่างของคนบางกลุ่ม ถ้าความจริงมันไม่ใช่ของทักษิณ แต่เป็นของใครไม่รู้ที่เป็นช่อง
ทางส่งเงินไปยัง อีกชนชั้นที่ชอบทำตัวลึกลับตรวจสอบไม่ได้ และขยันสร้าง ขาย ขยาย วัง เป็น
จำนวนมากในหลายปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งมันก็เป็นแค่ข้อสังเกตเช่นกัน เพราะว่าทักษิณกับสายนั้นเค้า
มีสายสัมพันธ์ลึกล้ำกันอยู่

เรื่องเจ้าเรื่องวังนี่ ดันจินตนาการน้ำแตกได้
แต่เรื่องทักษิณนี่ ทำไมจินตนาการน้ำไม่แตกซะที   พ่อคนตายด้าน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: prinz_bismarck ที่ 17-04-2008, 16:14
เรื่องเจ้าเรื่องวังนี่ ดันจินตนาการน้ำแตกได้
แต่เรื่องทักษิณนี่ ทำไมจินตนาการน้ำไม่แตกซะที   พ่อคนตายด้าน

โดนจริงๆ ความเห็นนี้

ทีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทำไมชอบจินตนาการกล่าวหาโน่นนี่ หลักฐานก็ไม่มี
แต่ทีกับทักษิณมีหลักฐานชัดๆทำไมถึงไม่ยอมแตก

บ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของชอบแถเลย
:slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 17-04-2008, 16:24
มารอบนี้แถได้โง่กว่าเดิมอีกแฮะ
จะเปลี่ยนมือมาโพสก็จ้างคนมีฝีมือมาหน่อย
เด็กหัดเกรียนต้องไปโพสแถวประชาถ่อ-ย พาลถ่อ-ยโน่น
มาเกรียนในนี้ก็โดนยำเละเท่านั้นสิ

อ้อ....วินมาร์ก แอมเปิ้ลริช แม้วมันบอกเองนะว่าเป็นของลูกมัน
แต่คนตั้ง บ.ก็แม้ว คนมีอำนาจเซ็นก็แม้ว ไม่ใช่ลูกมัน
ต้องใช้จิตนาการอะไรด้วยเหรอว่า บ.นี้ของใคร


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: prinz_bismarck ที่ 17-04-2008, 16:33
การโต้วาทีนั้นใช้เหตุผลเป็นสำคัญ
ถ้าใครมีเหตุผลดีกว่า มีข้อมูลดีกว่า อีกฝ่ายโต้แย้งไม่ได้
ก็ให้ถือว่าฝ่ายที่ข้อมูลดีกว่าชนะทันที
กรณีนี้คุณ jerasak ใช้ข้อมูลแสดงให้ดู
แต่คุณชอบแถอาศัยแถข้างๆคูๆไม่มีเหตุผลข้อมูลมาหักล้าง


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 16:34
โดนจริงๆ ความเห็นนี้

ทีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทำไมชอบจินตนาการกล่าวหาโน่นนี่ หลักฐานก็ไม่มี
แต่ทีกับทักษิณมีหลักฐานชัดๆทำไมถึงไม่ยอมแตก

บ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของชอบแถเลย
:slime_v: :slime_v:

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=20/Apr/2544&news_id=31287&cat_id=200100

เงินโกงเค้ามาไม่ใช่เรอะ แบบนี้เท่ากับรับเงินโจรหรือเปล่า :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 16:37
การโต้วาทีนั้นใช้เหตุผลเป็นสำคัญ
ถ้าใครมีเหตุผลดีกว่า มีข้อมูลดีกว่า อีกฝ่ายโต้แย้งไม่ได้
ก็ให้ถือว่าฝ่ายที่ข้อมูลดีกว่าชนะทันที
กรณีนี้คุณ jerasak ใช้ข้อมูลแสดงให้ดู
แต่คุณชอบแถอาศัยแถข้างๆคูๆไม่มีเหตุผลข้อมูลมาหักล้าง


ปัญญาอ่อนหรือเปล่า หรือว่าเพิ่งตื่นมาอ่านบอร์ดนี้ มันแปะไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว
เหตุผลซังกะบ๊วยอะไรก็ไม่เห็นมี จินตนาการทั้งนั้น ข้อเท็จจริงก็มีแค่โภคินอยู่ในที่
ประชุม แล้วไงต่อ น้ำแตกกันทั้งบอร์ด นกกระจอกยังไม่กินน้ำ เห้อ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 16:41
มารอบนี้แถได้โง่กว่าเดิมอีกแฮะ
จะเปลี่ยนมือมาโพสก็จ้างคนมีฝีมือมาหน่อย
เด็กหัดเกรียนต้องไปโพสแถวประชาถ่อ-ย พาลถ่อ-ยโน่น
มาเกรียนในนี้ก็โดนยำเละเท่านั้นสิ

อ้อ....วินมาร์ก แอมเปิ้ลริช แม้วมันบอกเองนะว่าเป็นของลูกมัน
แต่คนตั้ง บ.ก็แม้ว คนมีอำนาจเซ็นก็แม้ว ไม่ใช่ลูกมัน
ต้องใช้จิตนาการอะไรด้วยเหรอว่า บ.นี้ของใคร

วินมาร์กใครบอกตรงไหนวะว่าเป็นของลูกแม้ว ไอ้มั่ว บอกกันเองอะดิ
รู้เรื่องอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงมั่งเนี่ย งี่เง่าแบบนี้ถึงไม่พัฒนา :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ธาตุน้ำ ที่ 17-04-2008, 16:44
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: prinz_bismarck ที่ 17-04-2008, 16:51
ปัญญาอ่อนหรือเปล่า หรือว่าเพิ่งตื่นมาอ่านบอร์ดนี้ มันแปะไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว
เหตุผลซังกะบ๊วยอะไรก็ไม่เห็นมี จินตนาการทั้งนั้น ข้อเท็จจริงก็มีแค่โภคินอยู่ในที่
ประชุม แล้วไงต่อ น้ำแตกกันทั้งบอร์ด นกกระจอกยังไม่กินน้ำ เห้อ :slime_bigsmile:

ผมเป็นคนที่แถไม่เก่งหรอกครับ และผมก็ไม่เก่งเท่าคุณ jerasak ด้วย เดี๋ยวรอ คุณ jerasak มาก่อน
แล้วจะคอยดูคุณชอบแถวิ่งหนีหางจุกตูด


 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 17-04-2008, 16:58
วินมาร์กใครบอกตรงไหนวะว่าเป็นของลูกแม้ว ไอ้มั่ว บอกกันเองอะดิ
รู้เรื่องอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงมั่งเนี่ย งี่เง่าแบบนี้ถึงไม่พัฒนา :slime_bigsmile:

555 ไม่ได้ตัดแปะข่าวมาประกอบแค่นี้ทำบ่น
นี่ถ้าใช้จินตนาการน้ำแตกตามประสาแถแก็สเน่า
จะบอกว่าเป็นของลูกเมียน้อยแม้วก็ยังได้เลย
หรือจะให้เป็นของคนใช้ คนสวน คนขับรถก็ยังได้ แม้วก็เคยทำให้เห็นอยู่

จินตนาการเอาเองพูดมาไม่มีหลักฐาน ฟลัดกระทู้
ไม่ว่าคนเก่าคนใหม่มาทีไรก็ขยะเหมือนเดิม


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ธาตุน้ำ ที่ 17-04-2008, 17:01
อ่า มาอ่านข้อมูลครับ

 :slime_v: :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 17-04-2008, 21:46
พ่อมาแล้วลูกแก๊ส ทีหลังอย่าไปทำแบบนี้อีกนะลูก มันไม่งามนะ  :slime_inlove: :slime_inlove:

http://www.thainn.com/exchange/temp_news.php?type1=1&type2=4&page=0&topic=2752&view=0


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 17-04-2008, 22:43
ผมเป็นคนที่แถไม่เก่งหรอกครับ และผมก็ไม่เก่งเท่าคุณ jerasak ด้วย เดี๋ยวรอ คุณ jerasak มาก่อน
แล้วจะคอยดูคุณชอบแถวิ่งหนีหางจุกตูด


 :slime_bigsmile:

วิ่งไปไหนล่ะ บอกแล้วว่ารู้จักกัน เมืองไทยคนตั้งหกสิบกว่าล้าน ทำไม ทำไม ทำไม ต้องขายให้คุณหญิง
แถมเป็นหลังจากลดค่าเงินซะด้วย ตอนนั้นเงินทักษิณเงินคุณหญิงไม่กลายเป็นเงินที่ได้จากการรู้ข่าวล่วง
หน้าเรอะ แต่คิดว่าไม่ใช่เงินสกปรกอะไรหรอก ไม่งั้นคงไม่มีข่าวนี้ จริงมะ

หนังสือสัญญาดังกล่าว  ทำขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2540 ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่
สาขาแม่ริม  ระหว่าง  พลเอกสมเด็จพระ บรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมาร (โดยนาย
สมบูรณ์  คุปติมนัส  แทน) กับ นางพจมาน ชินวัตร (โดยนายสมบูรณ์ คุปติมนัส แทน)

หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินฉบับนี้  ระบุในตอนท้ายว่า ผู้ขายยอมขายที่ดินแปลงดังกล่าวแก่ผู้ซื้อในราคา  12,186,000 
บาท สิ่งปลูก สร้างในที่ดินแปลงนี้ไม่มี ผู้ซื้อที่ดินแปลงนี้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและทำการ เกษตร นอกจากสำเนาสัญญา
ซื้อขาย ยังประกอบด้วยสำเนาโฉนดที่ดินและ สารบัญจดทะเบียนแสดงต่อ  ป.ป.ช.ด้วย  โดยเริ่มจากสำเนาการออก
ใบแทน โฉนด  เลขที่  22079 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 2 ไร่ 4 ตร.ว. ออกให้แก่นายปิยะ ภิรมย์ภักดี
สัญชาติไทย

ในสารบัญจดทะเบียน ระบุว่า โฉนดที่ดินฉบับเดิม ออกให้ เมื่อวันที่ 24 มกราคา 2538 ผู้รับสัญญาคือ พันตรีหญิงหม่อม
สุจาริณี  มหิดล  ณ  อยุธยา  โดยนายปิยะ ภิรมย์ภักดี ออกให้ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2538 รวม 16 โฉนด

บรรทัดถัดมา  วันที่  24 เมษายน 2540 พันตรีหญิงหม่อมสุจาริ ณี มหิดล ณ อยุธยา โอนให้พลเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมาร ตามคำสั่งศาลจังหวัดนนทบุรี คดีแดงที่ 3281/2539 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2539
ซึ่งต่อมาในวัน 9 ตุลาคม 2540 ที่ดินจำนวน 16 โฉนดนี้ คุญหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ซื้อในเวลาต่อมา.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=20/Apr/2544&news_id=31287&cat_id=200100  


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 17-04-2008, 23:21
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ เคยได้ยินป่ะ :slime_bigsmile:


ถ้าไม่ใช้จินตนาการตำรวจก็สืบหาโจรไม่ได้หรอก
ต้องรอให้มันเดินเข้ามามอบตัวอย่างเดียว


ที่จริงแบบนี้ไม่เรียกว่าจินตนาการล้วนๆ
เค้าเรียก อนุมาน



วันๆคิดแต่เรื่องน้ำแตกๆ เดียวมันก็บอกอนุมานน้ำแตกอีก :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 02:31
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=20/Apr/2544&news_id=31287&cat_id=200100

เงินโกงเค้ามาไม่ใช่เรอะ แบบนี้เท่ากับรับเงินโจรหรือเปล่า :slime_doubt:

บ้าไปใหญ่แล้ว เขามีแต่เรื่องรับของโจร มีที่ไหนรับเงินโจร?  :slime_bigsmile:

แบบนี้พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถเมล์ การไฟฟ้า การประปา ฯลฯ
ไม่โดนข้อหารับเงินโจรกันหมดหรือ ในเมืองมีโจรเยอะแยะ

ถ้าเป็นการซื้อการขายกันธรรมดา ตรว.ละแค่ พันเดียว แบบนี้
จะมีปัญหาได้ยังไง ที่ดินทั้งหลายในประเทศถ้าสืบย้อนขึ้นไป
ก็เคยเป็นของเชื้อพระวงศ์มาก่อนมากมายทั่วประเทศ
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส จินตนาการน้ำเน่าของแท้ โอย..ขำ!!!  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 02:48
วินมาร์กใครบอกตรงไหนวะว่าเป็นของลูกแม้ว ไอ้มั่ว บอกกันเองอะดิ
รู้เรื่องอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงมั่งเนี่ย งี่เง่าแบบนี้ถึงไม่พัฒนา :slime_bigsmile:

เรื่องนี้อธิบายไม่ยาก ก็คุณทักษิณชอบพูดกลับไปกลับมาเป็นประจำ
ถ้าจะทำให้มีใครจำสับสนบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก

ขนาดเรื่องหุ้นชินคอร์ปที่ขายให้เทมาเส็ค พูดมาตลอดว่าเป็นของลูกๆ
วันดีคืนดียังบอกว่าเป็นของตัวเองเสียเฉยๆ แล้วจะให้จำยังไงดี  :slime_bigsmile:

==ทักษิณสารภาพแล้วครับว่าหุ้น SHIN ที่ขายได้เงิน 7 หมื่นล้านเป็นของตัวเองจริงๆ==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=21586.0

...

(เอาตัวอย่างข้อความในกระทู้มาลงไว้สักหน่อย)

จากที่ทักษิณเคยปฏิเสธมาตลอดว่าหุ้น SHIN เป็นของลูก ยกให้ลูกไปแล้ว ไม่ใช่หุ้นของผม
การขายหุ้นเป็นเรื่องของลูก ผมไม่เกี่ยว ผมไม่ได้ซุกหุ้นและไม่ได้เป็นคนขายหุ้น

เวลาผ่านไปไม่นาน หลังโดนรัฐประหารคงเริ่มเบลอ เผลอสติให้สัมภาษณ์ จอม เพ็ชรประดับ
ว่า "ต่อมา ปี 2549 ตอนผมขายหุ้นทั้งหมด รวมกันแล้วก็ประมาณ 7 หมื่นกว่าล้าน"
แถมตบท้ายด้วยว่าตัวเองเคยมีเงินรวมกันกว่า 7 หมื่นล้านแต่ต้องมายืมเงินคนอื่น

*ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกกล่าวหากรณีซุกหุ้น ได้สารภาพไว้ในวิดีโอ เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้วครับ*
ดังนั้นพวกเราโปรดทราบ และช่วยเผยแพร่ให้ประชาชนชาวไทย (และชาวโลก) รับรู้โดยทั่วกัน  :slime_v:

ปล. บทสัมภาษณ์ทั้งหมดสามารถอ่านได้ตามลิงค์นี้นะครับ..
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=17345&catid=1


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 02:58
เอกสารอะไรต่างๆ ก็ทำกลับไปกลับมาย้อนหน้าย้อนหลังจนคนทำเบลอ
ทำให้ภริยานายกฯ กลายเป็น "คุณหญิงบ่าวตั้ง" ล่วงหน้า
ป่านนี้ทีมทนายชินฯ หาเหตุผลเพิ่มเติมได้บ้างหรือยังก็ไม่รู้  :slime_bigsmile:

==กรณีครอบครัวอดีตนายกฯ ซุกหุ้นไว้กับญาติโดน คตส. จับพิรุธได้จังๆ อีกแล้วครับ==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=24123.0


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 18-04-2008, 09:24
วาทะเด็ดวันนั้น จากซุกหุ้นภาคสอง ถึง วินมาร์ค......เอกสารส่งตรงจากสิงค์โปร์


Any withdrawal is authorized by Mr. T.    shinnawatra

อย่าแก้กฏหมาย หนีผิดซะก่อนล่ะ


 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 09:38
บ้าไปใหญ่แล้ว เขามีแต่เรื่องรับของโจร มีที่ไหนรับเงินโจร?  :slime_bigsmile:

แบบนี้พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถเมล์ การไฟฟ้า การประปา ฯลฯ
ไม่โดนข้อหารับเงินโจรกันหมดหรือ ในเมืองมีโจรเยอะแยะ

ถ้าเป็นการซื้อการขายกันธรรมดา ตรว.ละแค่ พันเดียว แบบนี้
จะมีปัญหาได้ยังไง ที่ดินทั้งหลายในประเทศถ้าสืบย้อนขึ้นไป
ก็เคยเป็นของเชื้อพระวงศ์มาก่อนมากมายทั่วประเทศ
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส จินตนาการน้ำเน่าของแท้ โอย..ขำ!!!  :slime_smile2:

แค่โภคินนั่งอยู่ในห้อง พวกเล่นขุดเรื่องเก่าซ้ำซากขึ้นมาแปะทุกเรื่อง
มันเกี่ยวไงกับกระทู้นี้ บางคนก็เล่นเอาพระราชดำรัสมาตีความว่าพระองค์
พูดกระทบถึงกรณีนี้ ไม่รู้จงรักภักดีภาษาอะไร ส่วนข่าวเรื่องซื้อขายที่ดิน
นั่นไม่รู้จะหลบข้อเท็จจริงยังไงก็บอกว่า เป็นการซื้อขายกันธรรมดา แถม
มั่วไปว่าที่ดินทั้งหลายในประเทศเคยเป็นของเชื้อพระวงศ์มาก่อน อยาก
ขำก๊าก ไม่สืบต่อไปอีกล่ะว่าก่อนหน้านั้นอีกเชื้อพระวงศ์ไปยึดที่ของใคร
มา อนุมานได้น้ำแตกจริงๆ ว่ะ นึกว่าแค่จินตนาการเป็นอย่างเดียว ไม่ลอง
คิดมั่งล่ะถ้าพระราชดำรัสนั้นเป็นการจงใจด่าทักษิณแล้ว ทำไมถึงปล่อย
ให้มีการซื้อขายที่ดินกับครอบครัวทักษิณอีก ใบ้อะดิ ยอมรับมาเหอะว่า
ใช้พระราชดำรัสตีความเข้าข้างตัวเอง (จัดอยู่ในพวกเลว นรกส่งมาเกิด
ไม่สมควรเกิดมาเป็นคนไทยอีก ควรย้ายบ้านไปอยู่ต่างดาว)

ไม่ไหวหว่ะสมแล้วกะที่เค้าว่าบอร์ดนี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ข่าว
เล็กๆ ถึงกับทำน้ำแตกท่วมบอร์ดเลย


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 18-04-2008, 12:26
ไม่ไหวหว่ะสมแล้วกะที่เค้าว่าบอร์ดนี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ข่าว
เล็กๆ ถึงกับทำน้ำแตกท่วมบอร์ดเลย

เว็บบอร์ดรุ่นไหนมีพระอาทิตย์ขึ้น

จินตนาการไม่ถึงว่ะ เห็นแต่ไอ้ตัวหัวกลมๆ  :slime_smile:

แต่ไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศไหน WM ช่วยทำรูปเข็มทิศให้ที

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 12:35
แค่โภคินนั่งอยู่ในห้อง พวกเล่นขุดเรื่องเก่าซ้ำซากขึ้นมาแปะทุกเรื่อง
มันเกี่ยวไงกับกระทู้นี้ บางคนก็เล่นเอาพระราชดำรัสมาตีความว่าพระองค์
พูดกระทบถึงกรณีนี้ ไม่รู้จงรักภักดีภาษาอะไร ส่วนข่าวเรื่องซื้อขายที่ดิน
นั่นไม่รู้จะหลบข้อเท็จจริงยังไงก็บอกว่า เป็นการซื้อขายกันธรรมดา แถม
มั่วไปว่าที่ดินทั้งหลายในประเทศเคยเป็นของเชื้อพระวงศ์มาก่อน อยาก
ขำก๊าก ไม่สืบต่อไปอีกล่ะว่าก่อนหน้านั้นอีกเชื้อพระวงศ์ไปยึดที่ของใคร
มา อนุมานได้น้ำแตกจริงๆ ว่ะ นึกว่าแค่จินตนาการเป็นอย่างเดียว ไม่ลอง
คิดมั่งล่ะถ้าพระราชดำรัสนั้นเป็นการจงใจด่าทักษิณแล้ว ทำไมถึงปล่อย
ให้มีการซื้อขายที่ดินกับครอบครัวทักษิณอีก ใบ้อะดิ ยอมรับมาเหอะว่า
ใช้พระราชดำรัสตีความเข้าข้างตัวเอง (จัดอยู่ในพวกเลว นรกส่งมาเกิด
ไม่สมควรเกิดมาเป็นคนไทยอีก ควรย้ายบ้านไปอยู่ต่างดาว)

ไม่ไหวหว่ะสมแล้วกะที่เค้าว่าบอร์ดนี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ข่าว
เล็กๆ ถึงกับทำน้ำแตกท่วมบอร์ดเลย

ใครไปยึดที่ใครมาก่อนเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ มีหลักฐานแน่จริงก็บอกมาสิครับ
หรือมีแต่จินตนาการประสาคุณอย่างเดียว  :slime_bigsmile:

ถ้าจะเอาอะไรมาลงควรระวังตัวด้วยว่าลงข้อความอะไรไว้คุณต้องรับผิดชอบ

...

การซื้อขายก็ปกติ ในช่วงเวลาปกติ ราคาที่ซื้อขายกัน 12 ล้านบาทเศษ
ถ้าคุณรู้จักคำนวณราคา ก็จะพบว่าตก ตรว. ละ 1 พันก็เป็นราคาปกติอีก

(ผมไปดูตามกระทู้ที่เอาข่าวนี้ไปลง เห็นมีคนคำนวณมั่วเข้าไป ตรว.ละ
15000 บาท ประเมินกันวุ่นวายว่าซื้อขายแพง .. ความจริงข่าวมันลงห่วย)

...

การซื้อขายกันในปี 40 ไปเกี่ยวอะไรกับพระราชดำรัสที่ีมีในปี 41-42 ?

เรื่องราวเกิดก่อนมีกระแสพระราชดำรัสจริงไหม และตอนนั้นครอบครัวชินฯ
ก็ยังเป็นคนดีในสายตาสังคมอยู่ แต่ถูกเปิดโปงขึ้นมาในภายหลังเรื่อยๆ

ดูตามลำดับเวลาก็สรุปได้เพียงแค่นี้ ที่เหลือเป็นจินตนาการของคุณล้วนๆ

กระแสพระราชดำรัสมีขึ้นภายหลังการซื้อขายชัดๆ คุณต่างหากไปลากเรื่อง
การซื้อขายที่ดินที่ไม่เกี่ยวข้องมาโยงรวมกัน เพียงเพื่อปกป้องตระกูลชินฯ

กรณี สมเด็จพระบรมฯ ทรงขายที่ดิน ตัวคุณไปรู้ไปเห็นเหตุการณ์หรือเปล่า
มีแค่ข่าวสั้นๆ ที่ไทยโพสต์ลงไม่ครบถ้วนกระบวนความก็ลากมาใช้ฟอกผิด
ให้กับตระกูลชินฯ  ... มันสมควรแล้วหรือ

(ที่ว่า "จัดอยู่ในพวกเลว นรกส่งมาเกิด ไม่สมควรเกิดมาเป็นคนไทยอีก
ควรย้ายบ้านไปอยู่ต่างดาว" ก็พิจารณาตัวเองเอาไว้ด้วยแล้วกัน)


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 14:42
ใครไปยึดที่ใครมาก่อนเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ มีหลักฐานแน่จริงก็บอกมาสิครับ
หรือมีแต่จินตนาการประสาคุณอย่างเดียว  :slime_bigsmile:

การซื้อขายก็ปกติ ในช่วงเวลาปกติ ราคาที่ซื้อขายกัน 12 ล้านบาทเศษ
ถ้าคุณรู้จักคำนวณราคา ก็จะพบว่าตก ตรว. ละ 1 พันก็เป็นราคาปกติอีก

(ผมไปดูตามกระทู้ที่เอาข่าวนี้ไปลง เห็นมีคนคำนวณมั่วเข้าไป ตรว.ละ
15000 บาท ประเมินกันวุ่นวายว่าซื้อขายแพง .. ความจริงข่าวมันลงห่วย)

ยึดที่เกี่ยวอะไรกันคนละเรื่อง นี่พูดเรื่องซื้อขายที่ดิน ตามทันมั้ยเนี่ย หรือว่าเบลอจน
ลืมจับผิด เห็นว่าการซื้อขายของคุณหญิงครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งที่
ประเทศไทยมีคนมีเงินซื้อที่ดินแปลงนั้นได้ตั้งเยอะ ตอบหน่อยทำไมต้องคุณหญิง

การซื้อขายกันในปี 40 ไปเกี่ยวอะไรกับพระราชดำรัสที่ีมีในปี 41-42 ?

เรื่องราวเกิดก่อนมีกระแสพระราชดำรัสจริงไหม และตอนนั้นครอบครัวชินฯ
ก็ยังเป็นคนดีในสายตาสังคมอยู่ แต่ถูกเปิดโปงขึ้นมาในภายหลังเรื่อยๆ

จะบอกว่าหลังลดค่าเงินจนถึงวันที่ 9 ตุลา 40 ครอบครัวชินฯ ยังเป็นคนดีในสายตาวัง
เหรอ จินตนาการเลยเถิดไปหรือเปล่า ว่ากันตรงๆ ยอมรับดีกว่าว่าพระราชดำรัสที่ยกมา
นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทักษิณในเหตุการณ์ลดค่าเงินเลย ตีความเองทั้งนั้น ตีความ
เลยเถิดกับพระราชดำรัสก็ยอมรับเหอะ ลูกผู้ชายหรือเปล่า หรือว่าตุ๊ดหว่า

ถ้าจะ ตีความอะไรที่เป็นพระราชดำรัส ควรระวังตัวด้วยว่าลงข้อความอะไรไว้คุณต้องรับผิดชอบ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 15:25
ยึดที่เกี่ยวอะไรกันคนละเรื่อง นี่พูดเรื่องซื้อขายที่ดิน ตามทันมั้ยเนี่ย หรือว่าเบลอจน
ลืมจับผิด เห็นว่าการซื้อขายของคุณหญิงครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งที่
ประเทศไทยมีคนมีเงินซื้อที่ดินแปลงนั้นได้ตั้งเยอะ ตอบหน่อยทำไมต้องคุณหญิง

จะบอกว่าหลังลดค่าเงินจนถึงวันที่ 9 ตุลา 40 ครอบครัวชินฯ ยังเป็นคนดีในสายตาวัง
เหรอ จินตนาการเลยเถิดไปหรือเปล่า ว่ากันตรงๆ ยอมรับดีกว่าว่าพระราชดำรัสที่ยกมา
นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทักษิณในเหตุการณ์ลดค่าเงินเลย ตีความเองทั้งนั้น ตีความ
เลยเถิดกับพระราชดำรัสก็ยอมรับเหอะ ลูกผู้ชายหรือเปล่า หรือว่าตุ๊ดหว่า

ถ้าจะ ตีความอะไรที่เป็นพระราชดำรัส ควรระวังตัวด้วยว่าลงข้อความอะไรไว้คุณต้องรับผิดชอบ  :slime_bigsmile:

"ยึดที่เกี่ยวอะไรกันคนละเรื่อง นี่พูดเรื่องซื้อขายที่ดิน ตามทันมั้ยเนี่ย หรือว่าเบลอจน
ลืมจับผิด เห็นว่าการซื้อขายของคุณหญิงครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งที่
ประเทศไทยมีคนมีเงินซื้อที่ดินแปลงนั้นได้ตั้งเยอะ ตอบหน่อยทำไมต้องคุณหญิง"

เรื่อง "ยึดที่" ตัวคุณอยากประหยัดเองเป็นคนเอาข้อความมาลง ซึ่งมันนอกประเด็น
ผมเป็นคนถามว่าเกี่ยวอะไรกัน ในเมื่อมันคนละเรื่อง แล้วคุณไปพูดถึงทำไม
คุณนั่นแหละที่โพสเองเบลอเอง (ตกลงตามตัวเองทันไหมเนี่ย)  :slime_smile2:

...

ในเมื่อคุณยกเรื่องคุญหญิงซื้อที่ดินขึ้นมา คุณก็ลองบอกมาสิว่าบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์
ในความเห็นผมคิดว่าเป็นการซื้อขายธรรดา หรือคุณคิดว่าไม่ธรรมดาก็บอกมา

..ควรระวังตัวด้วยว่าลงข้อความอะไรไว้คุณต้องรับผิดชอบ..

...

"จะบอกว่าหลังลดค่าเงินจนถึงวันที่ 9 ตุลา 40 ครอบครัวชินฯ ยังเป็นคนดีในสายตาวัง
เหรอ จินตนาการเลยเถิดไปหรือเปล่า ว่ากันตรงๆ ยอมรับดีกว่าว่าพระราชดำรัสที่ยกมา
นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทักษิณในเหตุการณ์ลดค่าเงินเลย ตีความเองทั้งนั้น ตีความ
เลยเถิดกับพระราชดำรัสก็ยอมรับเหอะ ลูกผู้ชายหรือเปล่า หรือว่าตุ๊ดหว่า"

หลังลดค่าเงินจนถึงวันที่ 9 ตุลา 40 มีข้อมูลอะไรหรือที่บ่งชี้ว่าครอบครัวชินฯ เลว
ผมแค่บอกว่า พระราชดำรัสปี 41-42 ที่ยกมาไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในปี 40
หรือคุณจะให้เกี่ยวข้องย้อนหลัง มีผลทำให้ครอบครัวชินฯ เลวมาตั้งแต่ปี 40
คุณยิ่งตีความก็ยิ่งมั่วไปเรื่อยๆ นะคุณอยากประหยัดฯ ไปไม่รอดแล้วมั๊งนี่  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 15:55
แถมบทวิเคราะห์ล่าสุดกรณี ลอยค่าเงินบาท กับ บริษัทในเครือชินวัตร ไปด้วยแล้วกัน
อ่านดูแล้วมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับข้อมูลภายในของ ธปท. อย่างมีนัยสำคัญ
ก็สมควรแล้วที่ศาลจะวินิจฉัยว่าคุณทักษิณสมควรถูกคุณสุเทพตั้งข้อสงสัย  :slime_smile:

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถอดรหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอยวิกฤต 40 เปิดขบวนการปล้นชาติ
ตอนที่ 2 : เปิดบัญชี “ชินวัตร” ก่อนลอยค่าเงิน

โดย ผู้จัดการรายวัน 18 เมษายน 2551 07:49 น.
ข่าวเชิงวิเคราะห์ โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000045180
       
       เปิด หลักฐานการเตรียมตัวล่วงหน้าของบริษัทในเครือของครอบครัวชินวัตร พบบัญชีวันปิดงบครึ่งปีก่อนลอยค่าเงินบาท 2 วัน
มีสัญญาคุ้มครองความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 2 เท่าตัว ตามด้วยภรรยานักธุรกิจสื่อสาร
ถอนเงินบาทขนไปแลกสิงค์โปร์ให้กลับมาโจมตีค่า เงินบาทตามสัญญา SWAP อีกหลายระลอก
       
       [อ่าน  ถอด รหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอยวิกฤต 40 เปิดขบวนการปล้นชาติ -
ตอนที่ 1 : เวลา 4 ทุ่ม กับคืนที่ทักษิณรู้ข่าวลดค่าเงินบาท (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000044663)]

       
       หลังจากการลอยค่าเงินบาทในปี พ.ศ. 2540 ประชาชนชาวไทยจำนวนมากต้องตกระกำลำบาก ตกงาน ล้มละลาย ล่มจม
ทรัพย์สินถูกยึด เจ้าหนี้ที่เคยขอร้องให้ลูกหนี้ก็หันมาอาฆาตลูกหนี้เยี่ยงศัตรู ลามไปจนถึงการฆ่าตัวตายจากปัญหาเศรษฐกิจ
อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กิจการสุจริตจำนวนมากที่สร้างมาหลายทศวรรษต้องประสบปัญหาการขาดทุนจนถึงขั้น ล่มสลาย
เพราะไม่สามารถจะรู้ล่วงหน้าถึงการลอยค่าเงินบาทก่อนได้ และไม่สามารถจะทราบล่วงหน้าในการปิดสถาบันการเงินจำนวนมากๆ ได้
ในขณะมีคนบางกลุ่มได้อาศัยการล่วงรู้ข้อมูลลับทางราชการแสวงหาผลกำไร อย่างมหาศาลร่ำรวยบนความเดือดร้อนและคราบน้ำตา
ของประชาชน
       
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้น ที่ทรงพระราชทานกระแสพระราชดำรัส
แสดงความห่วงใยกับวิกฤตการณ์ปี 2540 เกี่ยวกับนักเก็งกำไรค่าเงินบาทกับระบบค่าเงินบาทเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน เนื่องในโอกาส
วันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2541 และวันพฤหัสบดีที่
23 ธันวาคม 2542
       
       วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยกับระบบการลอยค่าการเงินที่ไร้เสถียรภาพในยุคนั้นว่า
คนส่วนใหญ่ล่ม จม แต่พวก “หัวใส” ซื้อตุนเงินเหรียญสหรัฐ เพราะทราบว่าจะลอยค่าเงิน ดังปรากฏความตอนหนึ่งในกระแส
พระราชดำรัสอย่างชัดเจนในครั้งนั้นว่า :
       
       “เขา พูดกันว่า คนที่เป็นนักธุรกิจส่งนอก บอกว่าเดี๋ยวนี้เงินบาทแข็งเกินไป แต่ก่อนนี้เงินบาทลอยไป ไม่ต้องมีเครื่องบิน
ไม่ต้องมีบอลลูนหรอก มันลอยขึ้นไป พวกที่หัวใสในทางเก็งราคา ก็เก็งราคาดอลลาร์ ไปซื้อดอลลาร์ เพราะทราบว่าจะลอย
ก็ซื้อดอลลาร์มากมายทีเดียว เมื่อลอยก็ขายได้กำไร ถ้าซื้อล้านบาทก็ได้กำไรกลับคืนมาสองล้านบาทภายในไม่กี่เดือน
       
       ถ้าเงินขึ้นลง บางคนที่ไม่เก่งนักซื้อวัตถุดิบมาในราคาแพง แล้วขายสินค้าของเขาในราคาถูก คนเหล่านั้นก็ล่มจม ส่วนใหญ่
นักธุรกิจธรรมดาๆ ก็ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะขึ้น เมื่อไหร่จะลง ก็เลยผิดจังหวะ เขาก็ล่มจม ในวงการธุรกิจจึงบอกว่าล่มจม ส่วนผู้ที่
เรียกว่าฉลาดหรือหัวใสเก็งราคา คือรู้ว่าเงินมีขึ้นมีลง ก็เล็งเอาตอนที่เหมาะสม ซื้อวัตถุดิบมาในราคาถูก และขายสินค้าในราคาแพง
อย่างนี้ควบคุมไม่ได้ ก็ทำให้พวกนี้สบาย”
       
       
       วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทเป็นปีที่ 2
ติดต่อกัน โดยในปีนั้นทรงพระราชทานคำแปลภาษาอังกฤษจากคำว่า Insider ว่าเป็น “พวกรู้ไส้” ที่ร่ำรวยด้วยการล่วงรู้ข้อมูลและ
ทำกำไรจากค่าเงินบาทภายในไมกี่วัน แต่ทำให้เศรษฐกิจของชาติพัง ดังปรากฎความตอนหนึ่งในกระแสพระราชดำรัสครั้งนั้นว่า :
       
       “พูด มาก่อนนี้แล้ว พูดมาก่อนที่ผู้ที่เป็นตัวละครในการถกเถียงกัน ได้มาอยู่ในตำแหน่งนั้น พูดมานานแล้ว แต่ว่าถ้าเงิน 20 บาท
25 บาทมั่งต่อดอลลาร์ 50 บาทมั่งต่อดอลลาร์ คนที่ ขอใช้คำว่าหัวใส เขารู้ ไปซื้อดอลลาร์ในราคา 25 บาท ไม่กี่วันดอลลาร์ขึ้นเป็น
50 บาท เขาขาย 50 บาทได้กำไร 2 เท่า อย่างนั้นเราเห็นว่าคนได้กำไรเราก็ยินดีด้วย ยินดีด้วยกับเขา ว่าคนไหนรวยก็ดี แต่ที่ไม่ยินดี
เพราะว่าคนไหนที่ได้กำไรโดยมีเทคนิคสูงในการแลกเปลี่ยน หรือมีความรู้ รู้ไส้ ฝรั่งเขาเรียกว่าอินไซเดอร์ ถ้าคนไหนรู้ไส้ของเศรษฐกิจ
ชั้นสูงๆอย่างนี้ รวย แต่ว่าคนนั้นรวย ก็อย่างที่ว่า เรายินดีด้วยกับเขา ถ้าเขารวยแล้วใจบุญ แต่ว่าอย่างนี้เศรษฐกิจพัง พังเพราะอย่างนี้
จะไม่พูดว่าอันนี้เป็นทุจริต แต่ว่าได้พูดไปแล้ว”
       
       
       จากกรณีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 5730/2550 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2550 ที่ยกฟ้องคดีความที่นายโภคิน พลกุล ในฐานะ
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ที่ได้อภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 เรื่องการลดค่าเงินบาท โดยนายสุเทพ
ตั้งข้อสงสัยว่านายโภคินได้นำมติจากที่ประชุมลับเรื่องการลดค่า เงินบาท ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้บริษัทของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์ ย่อมแสดงให้เห็นว่าศาลฎีกาได้พิพากษาการอภิปรายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณในครั้งนั้น
มีมูลเพียงพอที่จะตั้งข้อสงสัยเช่นนั้นได้

       
       คำถามที่หลายคนสงสัยในเวลานี้ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับรู้เรื่องของค่าเงินบาทได้อย่างไร, รู้ตั้งแต่เมื่อไร และ
นายโภคิน พลกุล เป็นสาเหตุแต่เพียงผู้เดียวตามทีนายสุเทพได้เคยตั้งข้อสงสัย ใช่หรือไม่?
       
       ตามคำพิพากษาศาลฎีการะบุความตอนหนึ่งว่า : พัน ตำรวจโททักษิณซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ
เสียหาย รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจการ ค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็น
เงินตราต่างประเทศที่ต่างประสบความเสีย หายอย่างรุนแรง
ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ 1 (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ)
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้งข้อสงสัยโจทก์ได้
       
       จากการตรวจสอบได้ปรากฏว่า มีคำสัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการสายธุรกิจ มีเดีย บริษัท ชินวัตร
คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในหนังสือผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2540 ระบุให้ความเห็น
ต่อกรณีการลดค่าเงินบาทความตอนหนึ่งว่า :
       
       “ส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยกับนโยบายครั้งนี้ เพราะจะทำให้เงินบาทมีคาตามความเป็นจริงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
เงินจากต่างประเทศก็จะไหลเข้าประเทศไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดจากตลาดหลักทรัพย์ที่ดัชนีพุ่งสูงขึ้นมาก
       
       เห็นด้วยกับการลดค่าเงินบาท เพราะยิ่งช้ายิ่งแย่ ผมคิดว่านักธุรกิจไทยส่วนใหญ่คงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ส่วนผลกระทบ
กับกลุ่มชินวัตรนั้นมีบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะ ชินวัตรติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
เงินกู้ไหนสามารถชำระได้ ก็รีบชำระหรือไม่ก็ทำประกันความเสี่ยงกับสถาบันการเงิน

       
       และเมื่อตรวจสอบกับงบการเงินของบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2540
ซึ่งเป็นวันปิดงบครึ่งปีก่อนลอยค่าเงินบาทเพียงแค่ 2 วัน พบข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
       
       ประการแรก บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้ทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและแลกเปลี่ยนอัตรา ดอกเบี้ย จำนวน 16 ฉบับ
เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยจากการชำระเงินกู้ และดอกเบี้ยภายใต้
สัญญาเงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนเงิน 264,831,200 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในมูลค่าที่สัญญาไว้เป็นจำนวนเงินรวม
6,775,025,447 บาท ในขณะไตรมาสแรกของปี 2540 ก็ไม่พบหมายเหตุประกอบงบการเงินในลักษณะเดียวกัน
       
       ประการที่สอง บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้ทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าจำนวน 6 ฉบับ เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาดทุน
จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน จากการชำระเงินกู้ภายใต้สัญญาเงินกู้ที่เป็นเงินตราต่าง ประเทศจำนวน 61 ล้านดอลลาร์
สหรัฐอเมริกา ในมูลค่าที่สัญญาไว้ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2540 และวันที่ 15 สิงหาคม 2540 เป็นจำนวนเงินอีก 1,592.96 ล้านบาท
ในขณะที่ไตรมาสแรกของปีเดียวกันก็ไม่พบหมายเหตุประกอบงบการเงินในลักษณะดังกล่าว
       
       ประการที่สาม บริษัทฯ และบริษัทย่อยพบว่า มีสินค้าคงเหลือจาก 869,541,000 บาท จากไตรมาสแรกของปี 2540 เพิ่มขึ้น
กลายมาเป็น 2,196,940,000 บาท มากกว่าไตรมาสแรกถึง 2.52 เท่าตัว และมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 2.14 เท่า
       
       การแสวงหาผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในช่วงเวลานั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบหากมีความเชื่อหรือรู้ข้อมูลว่า
จะต้องลดค่าเงินบาท เช่น การซื้อเงินตราต่างประเทศกักตุนเอาไว้ล่วงหน้า, การทำสัญญา SWAP กับธนาคารแห่งประเทศไทย,
การกักตุนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ, การชำระหนี้ต่างประเทศก่อนกำหนด, การกู้เงินบาทจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศไปแลก
เงินตราต่างประเทศ, การทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงเงินกู้ต่างประเทศ, การที่ต่างชาติซื้อหุ้นด้วยมาร์จิ้นเทขายหุ้นเพื่อนำเงินตรา
ต่างประเทศออก นอกประเทศ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการรู้ข้อมูลภายใน การเก็งกำไรค่าเงินบาท และการโจมตีค่าเงินบาท
       
       ซึ่งการแสวงหาผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยเงินตรานั้น ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการแสดงงบการเงินของบริษัทที่จดทะเบียน
ในตลาดหลัก ทรัพย์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงยังสามารถทำกันในนามส่วนบุคคลซึ่งไม่สามารถที่จะไปตรวจสอบ ได้ง่ายนัก
โดยเฉพาะการโอนเงินหรือการขนเงินเพื่อแลกเปลี่ยนเงินตราใต้ดินที่เรียกกัน ว่า “โพยก๊วน”
       
       แต่ เนื่องจากในเวลานั้น ฐานะของทุนสำรองระหว่งประเทศ และภาระผูกพันของการทำ SWAP ของแบงก์ชาติ ถือเป็น
ความลับที่สุด ที่คนไทยทั่วไปไม่มีทางที่จะเข้าถึงข้อมูลได้จึงทำให้การเก็งกำไรทำได้ยาก เช่นเดียวกับยุคในปัจจุบัที่หลายคน
เชื่อว่าเงินหยวนของจีนจะแข็งค่าขึ้นใน วันหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจะแข็งค่าอีกเท่าใดและเมื่อใด เช่นเดียวกันกับ
เงินเหรียญสหรัฐที่หลายคนเชื่อว่าจะอ่อนค่าลงไป แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะอ่อนค่าที่สุดเมื่อใด
       
       ถึงแม้ว่าจากการประเมินฐานะทางเศรษฐกิจก็น่าเชื่อได้ว่า ค่าเงินบาทควรจะอ่อนค่าลงในวันใดวันหนึ่ง แต่ การเก็งกำไร
จะทำได้ยากขึ้นไปอีกในปี 2540 เมื่อแบงก์ชาติใช้ทุกวิถีทางในการปกป้องค่าเงิน ทั้งการทำ SWAP มาเพื่อเพิ่มทุนสำรอง
ในการต่อสู้กับการโจมตีค่าเงิน จนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้พ่ายแพ้ขาดทุนจากการโจมตีค่าเงินบาทไปถึง 2 ระลอก การที่นักธุรกิจ
จะรู้ล่วงหน้าว่าค่าเงินบาทจะต้องลดค่าเงินลงในวันใดยิ่งทำ ได้ยากมากขึ้นเป็นหลายเท่าทวีคูณ เพราะไม่รู้หน้าตักที่แท้จริง
ของแบงก์ชาติว่าเหลืออยู่อีกเท่าใด
       
       โดย เฉพาะมาตรการ “หักดิบ” ที่แบงก์ชาติได้ออกมาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2540 เพื่อแยกตลาดเงินบาทในประเทศ
และนอกประเทศออกจากกัน และห้ามนำเงินบาทออกนอกประเทศโดยเด็ดขาด เพื่อทำให้นักเก็งกำไรต่างชาติที่เป็นคู่สัญญา
SWAP ไม่สามารถหาเงินบาทมาคืนแบงก์ชาติตามสัญญาได้ เป็นการสร้างอำนาจต่อรองในยามที่แบงก์ชาติมีทุนสำรองร่อยหรอ
จนจะไม่สามารถหา เงินเหรียญสหรัฐมาคืนตามสัญญา SWAP ให้สามารถเจรจาผ่อนปรนกับคู่สัญญา SWAP ได้
       
       ดังนั้น ช่วงสุดท้ายของสงครามการปกป้องค่าเงินและการโจมตีค่าเงินก่อนที่จะพ่ายแพ้ จึงน่าจะเกิดขึ้นด้วยการผสมโรง
ของคนไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนเงินสดที่เป็นเงินบาทไปแลกกับเงินดอลลาร์ที่ชายแดน ไทย เพื่อให้นักเก็งกำไร
ต่างชาตินำเงินบาทไปคืนแบงก์ชาติของไทยตามสัญญา SWAP ได้สำเร็จ
       
       การ เก็งกำไรในช่วงเวลานั้นจึงเกิดขึ้นจากคน 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เก็งกำไรจากการตั้งใจร่วมมือกับต่างชาติ
เพื่อโจมตีถล่ม ค่าเงินบาท และกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่เก็งกำไรจากการรู้ไส้ค่าเงินบาท

       
       สำหรับกลุ่มที่เก็งกำไรจากการตั้งใจร่วมมือกับต่างชาติเพื่อโจมตี ถล่มค่าเงินบาทนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนปลายเดือน
มิถุนายน 2540 ได้ปรากฏคำสัมภาษณ์ของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีพีไอ จำกัด (มหาชน)
ที่เคยเปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 ว่า
       
       “ในปี 2540 นายจอร์จ โซรอส ได้วางแผนโจมตีค่าเงินบาทของไทย โดยนายจอร์จ โซรอส ได้ติดต่อผ่านบริษัทไฟแนนซ์
ขนาดใหญ่ เช่น บริษัท โกลด์แมน แซค บริษัท จีอี แคปปิตอล บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ ให้ร่วมกันซื้อขายเงินบาทและดอลลาร์
โดย บริษัทเหล่านี้ได้มาเชิญชวนนายประชัยและนักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศรวมทั้ง กลุ่มบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่
ที่สุดของประเทศ 2 คน ให้เข้าร่วมกันซื้อ-ขายเงินบาทและดอลลาร์ด้วย
       
       โดยนายจอร์จ โซรอส ต้องการส่วนต่างจากการซื้อขายเงินบาทและดอลลาร์ จำนวน 3 บาท สำหรับนายประชัยกลับคิดว่า
การดำเนินการไม่คุ้มกับการทำลายประเทศ ดังนั้นจึงได้ปฏิเสธไม่ร่วมมือด้วย แต่ สำหรับกลุ่มบริษัทธุรกิจสื่อสาร 2 คนนั้น ก็ได้ตกลง
ร่วมทำการซื้อ-ขายเงินบาทและดอลลาร์กับกลุ่มนายจอร์จ โซรอสตั้งแต่ต้นปี 2540 และภรรยาของนักธุรกิจสื่อสารผู้นี้ได้นำ
เงินบาทซึ่งเป็นเงินสดออกไปประเทศ สิงค์โปร์เพื่อไปขายให้ต่างชาติ ให้ต่างชาติมีเงินบาทมาทำการซื้อ-ขายดอลลาร์และ
โจมตีค่าเงินบาทต่อไป....

       
       แต่สำหรับ “คนรู้ไส้” ที่ล่วงรู้แนวโน้มการลดค่าเงินบาท ถ้ามีการล่วงรู้ข้อมูลลับทางราชการแล้ว ก็สามารถแบ่งออกเป็นความ
ชัดเจนได้หลายระดับ
       
       ระดับแรก คือการประชุมร่วมกันของผู้บริหารแบงก์ชาติ เมื่อ วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 ถือได้ว่ามีความเชื่อมั่นว่าจะต้อง
มีการลอยค่าเงินบาทอยู่ในระดับหนึ่ง
       
       ระดับที่สอง คือการประชุมร่วมกันของผู้บริหารแบงก์ชาติ กับนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยที่
นายทนง พิทยะ ให้เปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 ถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้นค่อนข้างแน่นอน
       
       ระดับที่สาม คือการประชุมของผู้ว่าการและรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ ร่วมประชุมร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายโภคิน พลกุล
ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 เห็นว่าต้องลอยค่าเงินแน่นอน ถือว่ามีความชัดเจนที่สุด
       
       เพราะเหตุนี้ อัตราในการไหลเงินออกจึงเป็นอัตราเร่งเพิ่มขึ้นทุกวันแบบก้าวกระโดดหลังวัน ที่ 24 มิถุนายน 2540 โดยมี
เงินไหลออกสุทธิเกือบ 5 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์สุดท้ายก่อนลอยค่าเงินบาท และแบงก์ชาติมีการทำสัญญา SWAP กับเอกชน
ในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ถึง 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันเดียวเท่านั้น
       
       ถ้า หากมีการรั่วไหลของข้อมูลไม่ว่าในวันใดระหว่างวันที่ 21 – 30 มิถุนายน 2540 ก็สามารถที่จะทำประโยชน์
ที่มีความชัดเจนมากขึ้นทุกวันตามระดับของข้อมูลใน แต่ละวันเวลา ซึ่งเรื่องนี้แบงก์ชาติควรจะต้องเปิดเผยข้อมูล
ให้ปรากฏต่อสาธารณชน

       
       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มักจะมีอุปนิสัยที่จะตอบแทนหรือสมนาคุณให้กับคนที่ทุ่มเทหรือทำประโยชน์ให้ กับตัวเอง
นายโภคิน พลกุล, นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์, นายทนง พิทยะ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ต่างก็ได้มีตำแหน่งในทางการเมือง
และตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลทักษิณอย่างต่อ เนื่อง สังคมย่อมเกิดความสงสัยในความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ก่อนลอยค่าเงินบาท
ครั้ง นั้นอย่างหลีกเลี่ยงได้
       
       อย่าง น้อยประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเจ็บปวดจากวิกฤตการณ์ ปี 2540 ก็คงอยากให้คนที่คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง
ได้ชดใช้ผลแห่งกรรมที่ทำเอาไว้กับประชาชน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 16:14
"ยึดที่เกี่ยวอะไรกันคนละเรื่อง นี่พูดเรื่องซื้อขายที่ดิน ตามทันมั้ยเนี่ย หรือว่าเบลอจน
ลืมจับผิด เห็นว่าการซื้อขายของคุณหญิงครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งที่
ประเทศไทยมีคนมีเงินซื้อที่ดินแปลงนั้นได้ตั้งเยอะ ตอบหน่อยทำไมต้องคุณหญิง"

เรื่อง "ยึดที่" ตัวคุณอยากประหยัดเองเป็นคนเอาข้อความมาลง ซึ่งมันนอกประเด็น
ผมเป็นคนถามว่าเกี่ยวอะไรกัน ในเมื่อมันคนละเรื่อง แล้วคุณไปพูดถึงทำไม
คุณนั่นแหละที่โพสเองเบลอเอง (ตกลงตามตัวเองทันไหมเนี่ย)  :slime_smile2:

...

ในเมื่อคุณยกเรื่องคุญหญิงซื้อที่ดินขึ้นมา คุณก็ลองบอกมาสิว่าบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์
ในความเห็นผมคิดว่าเป็นการซื้อขายธรรดา หรือคุณคิดว่าไม่ธรรมดาก็บอกมา

..ควรระวังตัวด้วยว่าลงข้อความอะไรไว้คุณต้องรับผิดชอบ..

...

"จะบอกว่าหลังลดค่าเงินจนถึงวันที่ 9 ตุลา 40 ครอบครัวชินฯ ยังเป็นคนดีในสายตาวัง
เหรอ จินตนาการเลยเถิดไปหรือเปล่า ว่ากันตรงๆ ยอมรับดีกว่าว่าพระราชดำรัสที่ยกมา
นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทักษิณในเหตุการณ์ลดค่าเงินเลย ตีความเองทั้งนั้น ตีความ
เลยเถิดกับพระราชดำรัสก็ยอมรับเหอะ ลูกผู้ชายหรือเปล่า หรือว่าตุ๊ดหว่า"

หลังลดค่าเงินจนถึงวันที่ 9 ตุลา 40 มีข้อมูลอะไรหรือที่บ่งชี้ว่าครอบครัวชินฯ เลว
ผมแค่บอกว่า พระราชดำรัสปี 41-42 ที่ยกมาไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในปี 40
หรือคุณจะให้เกี่ยวข้องย้อนหลัง มีผลทำให้ครอบครัวชินฯ เลวมาตั้งแต่ปี 40
คุณยิ่งตีความก็ยิ่งมั่วไปเรื่อยๆ นะคุณอยากประหยัดฯ ไปไม่รอดแล้วมั๊งนี่  :slime_bigsmile:

ข่าวก็ลงด้วยกัน พูดถึงทักษิณ คุณหญิง ดันผ่าไปสนใจอ่านแต่เรื่องยึดที่ เวร แถมยังเถียง กรูละงง
มันอ่านข่าวจับประเด็นได้มั้ยเนี่ย หรือว่าเห็นข่าวเป็นหม่อมคนเก่าเลยตาลาย

แล้วยืนยันใช่มั้ยเอาให้ชัดๆ ว่า พระราชดำรัสที่ยกมานั่นทรงกล่าวตำหนิทักษิณ กล้าๆ หน่อย อย่าตุ๊ด :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 16:20
ไอ้คนเขียนมันคงคิดว่าคนอื่นคงทำอะไรเหมือนๆ กับนาย เจริญ พัวพงพันธ์ ญาติมันละม้าง
ไอ้คนอ่านก็จินตนาการน้ำแตกต่อกันมันส์ แบบว่า ทักษิณ ต้องรู้ในวันใดวันหนึ่งในช่วงนั้นแหละ
แบบนิยายอะไรนะ พ่อไม่ทำ ปู่ก็ทำ ยังไงก็ผิด โภคินไม่บอก ก็ชัยวัฒน์บอก ไม่งั้นก็ทนง ถ้า
พวกนี้ไม่บอก ก็บิ๊กจิ๋วแหงๆ จริงๆ ปีนั้นใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องลดค่าเงิน นอกจากพวกโลภมาก
ขนาดงานที่ทำอยู่พวกที่รู้จักทั้งหมดยังรู้เลย ถึงไม่เจ๊งซักราย ไม่ใช่มีแค่ทักษิณคนเดียว


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 16:36
ข่าวก็ลงด้วยกัน พูดถึงทักษิณ คุณหญิง ดันผ่าไปสนใจอ่านแต่เรื่องยึดที่ เวร แถมยังเถียง กรูละงง
มันอ่านข่าวจับประเด็นได้มั้ยเนี่ย หรือว่าเห็นข่าวเป็นหม่อมคนเก่าเลยตาลาย

แล้วยืนยันใช่มั้ยเอาให้ชัดๆ ว่า พระราชดำรัสที่ยกมานั่นทรงกล่าวตำหนิทักษิณ กล้าๆ หน่อย อย่าตุ๊ด :slime_bigsmile:


ผมแค่ถามเท่านั้นว่าเรื่องไม่เกี่ยวกันแล้วคุณไปพูดถึงทำไม
ผมไม่ได้เถียงแต่ผมถาม ตัวคุณต่างหากที่ทำเฉไฉอยู่เห็นๆ
ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรจะแสดง ก็อย่าพูดเลื่อนลอยเปล่าๆ
หรือถ้าคุณรู้ตัวว่าผิดไปแล้วก็ยอมรับเถอะ อย่ามาทำเป็นงง  :slime_smile:

...

ประเด็นหลักที่คุณถามผมก็ตอบแล้ว ผมจับประเด็นไม่ได้ตรงไหน
ตัวคุณต่างหาก หายข้องใจหรือยังเรื่องคุณพจมานซื้อที่ดิน

พระราชดำรัสที่ยกมา ถ้าคุณทักษิณเก็งกำไรค่าเงินทำลายชาติ
ก็ชัดเจนว่าคุณทักษิณย่อมถูกตำหนิด้วย และถ้าเราสงสัยได้ว่า
คุณทักษิณอาจเก็งกำไรค่าเงิน ก็เป็นได้ว่าคุณทักษิณถูกตำหนิ

ประเด็นตอนนี้คือคุณทักษิณต้องสงสัยว่าเก็งกำไรค่าเงินจริงๆ
ถ้าจะปกป้องทักษิณ ไปหาข้อแก้ต่างที่ทำให้หายสงสัยมาดีกว่า  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 16:46
ไอ้คนเขียนมันคงคิดว่าคนอื่นคงทำอะไรเหมือนๆ กับนาย เจริญ พัวพงพันธ์ ญาติมันละม้าง
ไอ้คนอ่านก็จินตนาการน้ำแตกต่อกันมันส์ แบบว่า ทักษิณ ต้องรู้ในวันใดวันหนึ่งในช่วงนั้นแหละ
แบบนิยายอะไรนะ พ่อไม่ทำ ปู่ก็ทำ ยังไงก็ผิด โภคินไม่บอก ก็ชัยวัฒน์บอก ไม่งั้นก็ทนง ถ้า
พวกนี้ไม่บอก ก็บิ๊กจิ๋วแหงๆ จริงๆ ปีนั้นใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องลดค่าเงิน นอกจากพวกโลภมาก
ขนาดงานที่ทำอยู่พวกที่รู้จักทั้งหมดยังรู้เลย ถึงไม่เจ๊งซักราย ไม่ใช่มีแค่ทักษิณคนเดียว

ไปลากคนนอกเข้ามาเป็นประเด็นอีกแล้ว คุณเจริญไม่ใช่แค่ญาติธรรมดา แต่เป็นบิดาคุณปานเทพ
และคุณปานเทพ เป็นน้องชายของเพื่อนผมเอง ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ว่ามาผมจะลองถามให้

...

เรื่องคุณทักษิณ รายชื่อที่ไล่มาทั้งโภคิน ชัยวัฒน์ ทนง บิ๊กจิ๋ว ฯลฯ ก็ล้วนต้องสงสัยด้วยกันทั้งนั้น
เพราะต่อมา ต่างก็ไปร่วมงานได้ดิบได้ดีกับคุณทักษิณกันทุกคน

..ตลกจริงที่บอกว่าปีนั้นใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องลดค่าเงิน..

ถ้ารู้แน่ๆ เหมือนทักษิณทุกคนจริง ก็คงประกันค่าเงิน เร่งชำระหนี้ต่างประเทศ กักตุนสินค้านำเข้า
เหมือนกับที่ชินคอร์ปทำ แต่ก็เห็นๆ กันว่าธุรกิจใหญ่ๆ มีชินคอร์ปทำและรอดมาสบายแค่กลุ่มเดียว

ที่สำคัญหลังจากนั้นบรรดาคนที่เกี่ยวข้องก็ได้เข้าร่วมงานกับคุณทักษิณ ตัวอย่างเช่น คุณชัยวัฒน์
ก็ได้ไปเป็น ประธานกรรมการบริหาร ของ เอสซีแอสเซท
มีข้อมูลอะไรมาช่วยแก้ต่างให้ชินคอร์ปเป็นปกติเหมือนธุรกิจเกือบทั้งหมดที่เจ๊งตอนนั้นไหม?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 17:02
ดูจากข้อมูล คำสัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการสายธุรกิจ มีเดีย บริษัท ชินวัตร
คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในบทความของคุณปานเทพ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากการตรวจสอบได้ปรากฏว่า มีคำสัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการสายธุรกิจ มีเดีย บริษัท ชินวัตร
คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในหนังสือผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2540 ระบุให้ความเห็น
ต่อกรณีการลดค่าเงินบาทความตอนหนึ่งว่า :
       
       “ส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยกับนโยบายครั้งนี้ เพราะจะทำให้เงินบาทมีคาตามความเป็นจริงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
เงินจากต่างประเทศก็จะไหลเข้าประเทศไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดจากตลาดหลักทรัพย์ที่ดัชนีพุ่งสูงขึ้นมาก
       
       เห็นด้วยกับการลดค่าเงินบาท เพราะยิ่งช้ายิ่งแย่ ผมคิดว่านักธุรกิจไทยส่วนใหญ่คงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ส่วนผลกระทบ
กับกลุ่มชินวัตรนั้นมีบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะ ชินวัตรติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
เงินกู้ไหนสามารถชำระได้ ก็รีบชำระหรือไม่ก็ทำประกันความเสี่ยงกับสถาบันการเงิน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ช่วงเวลาที่คุณนิวัฒน์ให้สัมภาษณ์น่าจะเป็นต้นเดือนกรกฎาคม 2540 และ "เวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา" ก็น่าจะเป็นช่วง
เดือนเมษายน - มิถุนายน 2540 ซึ่งเมื่อดูกราฟข้อมูล เงินสำรองทางการและภาระผูกพันล่วงหน้าสิ้นเดือน ของ ธปท.
จะพบว่าตัวเลข "ภาระล่วงหน้า" จากการทำ swap พุ่งสูงจนกราฟหักขึ้นเห็นได้ชัดพอดี

(http://www.info.tdri.or.th/reports/published/soporo/fig12.gif)
เงินสำรองทางการและภาระผูกพันล่วงหน้าสิ้นเดือน รายเดือนระหว่าง ก.ค. 39-มิ.ย. 40
http://www.info.tdri.or.th/reports/published/soporo/fig12.gif

จุดสำคัญที่สุดคือเรื่องนี้เป็น "ข้อมูลภายใน" ซึ่งบุคคลภายนอกไม่สามารถล่วงรู้ได้ในขณะนั้น นอกจากมีการใช้ อินไซด์เดอร์
การที่คุณนิวัฒน์กล่าวว่า "ชินวัตรติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด" ไม่ทราบว่าใช้ข้อมูลอะไรในการติดตาม

รบกวนคุณอยากประหยัดทำให้ประชาชนหายสงสัยในประเด็นนี้ก่อนก็แล้วกัน  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 17:08
ไปลากคนนอกเข้ามาเป็นประเด็นอีกแล้ว คุณเจริญไม่ใช่แค่ญาติธรรมดา แต่เป็นบิดาคุณปานเทพ
และคุณปานเทพ เป็นน้องชายของเพื่อนผมเอง ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ว่ามาผมจะลองถามให้

...
เรื่องคุณทักษิณ รายชื่อที่ไล่มาทั้งโภคิน ชัยวัฒน์ ทนง บิ๊กจิ๋ว ฯลฯ ก็ล้วนต้องสงสัยด้วยกันทั้งนั้น
เพราะต่อมา ต่างก็ไปร่วมงานได้ดิบได้ดีกับคุณทักษิณกันทุกคน

..ตลกจริงที่บอกว่าปีนั้นใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องลดค่าเงิน..

ถ้ารู้แน่ๆ เหมือนทักษิณทุกคนจริง ก็คงประกันค่าเงิน เร่งชำระหนี้ต่างประเทศ กักตุนสินค้านำเข้า
เหมือนกับที่ชินคอร์ปทำ แต่ก็เห็นๆ กันว่าธุรกิจใหญ่ๆ มีชินคอร์ปทำและรอดมาสบายแค่กลุ่มเดียว

ที่สำคัญหลังจากนั้นบรรดาคนที่เกี่ยวข้องก็ได้เข้าร่วมงานกับคุณทักษิณ ตัวอย่างเช่น คุณชัยวัฒน์
ก็ได้ไปเป็น ประธานกรรมการบริหาร ของ เอสซีแอสเซท
มีข้อมูลอะไรมาช่วยแก้ต่างให้ชินคอร์ปเป็นปกติเหมือนธุรกิจเกือบทั้งหมดที่เจ๊งตอนนั้นไหม?  :slime_smile:

ฮ่า เจอแล้วบริษัทไหนที่รู้ล่วงหน้าว่าลดค่าเงินบาท บริษัทที่ยอมล้มแบบมีหนี้ห้าพันล้านมีทุนสองร้อยล้านนั่นเอง
แถมบริษัทนั้นยังเป็นหนี้ของเจ้าของอีก เจ้าของชื่ออะไรน้อเจริญจริงๆ เพื่อนที่ว่านั่นก็คงบริหารบริษัทนี้ด้วย พวก
ล้มบนฟูก ตึกที่ตั้งบริษัทอยู่แถวสีลมก็อยู่ครบเพราะเป็นชื่อของเจ้าของ บริหารแบบนี้ทักษิณยังอาย ยังมีหน้าส่ง
ลูกตัวเองไปด่าคนอื่น เห้อ คนเรา


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 17:17
ดูจากข้อมูล คำสัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการสายธุรกิจ มีเดีย บริษัท ชินวัตร
คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในบทความของคุณปานเทพ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากการตรวจสอบได้ปรากฏว่า มีคำสัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการสายธุรกิจ มีเดีย บริษัท ชินวัตร
คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในหนังสือผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2540 ระบุให้ความเห็น
ต่อกรณีการลดค่าเงินบาทความตอนหนึ่งว่า :
       
       “ส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยกับนโยบายครั้งนี้ เพราะจะทำให้เงินบาทมีคาตามความเป็นจริงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
เงินจากต่างประเทศก็จะไหลเข้าประเทศไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดจากตลาดหลักทรัพย์ที่ดัชนีพุ่งสูงขึ้นมาก
       
       เห็นด้วยกับการลดค่าเงินบาท เพราะยิ่งช้ายิ่งแย่ ผมคิดว่านักธุรกิจไทยส่วนใหญ่คงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ส่วนผลกระทบ
กับกลุ่มชินวัตรนั้นมีบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะ ชินวัตรติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
เงินกู้ไหนสามารถชำระได้ ก็รีบชำระหรือไม่ก็ทำประกันความเสี่ยงกับสถาบันการเงิน
”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ช่วงเวลาที่คุณนิวัฒน์ให้สัมภาษณ์น่าจะเป็นต้นเดือนกรกฎาคม 2540 และ "เวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา" ก็น่าจะเป็นช่วง
เดือนเมษายน - มิถุนายน 2540 ซึ่งเมื่อดูกราฟข้อมูล เงินสำรองทางการและภาระผูกพันล่วงหน้าสิ้นเดือน ของ ธปท.
จะพบว่าตัวเลข "ภาระล่วงหน้า" จากการทำ swap พุ่งสูงจนกราฟหักขึ้นเห็นได้ชัดพอดี

จุดสำคัญที่สุดคือเรื่องนี้เป็น "ข้อมูลภายใน" ซึ่งบุคคลภายนอกไม่สามารถล่วงรู้ได้ในขณะนั้น นอกจากมีการใช้ อินไซด์เดอร์
การที่คุณนิวัฒน์กล่าวว่า "ชินวัตรติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด" ไม่ทราบว่าใช้ข้อมูลอะไรในการติดตาม

รบกวนคุณอยากประหยัดทำให้ประชาชนหายสงสัยในประเด็นนี้ก่อนก็แล้วกัน  :slime_smile:

ตกลงนอกจากที่ว่า

ระดับแรก คือการประชุมร่วมกันของผู้บริหารแบงก์ชาติ เมื่อ วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 ถือได้ว่ามีความเชื่อมั่นว่าจะต้อง
มีการลอยค่าเงินบาทอยู่ในระดับหนึ่ง
       
ระดับที่สอง คือการประชุมร่วมกันของผู้บริหารแบงก์ชาติ กับนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยที่
นายทนง พิทยะ ให้เปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 ถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้นค่อนข้างแน่นอน
       
ระดับที่สาม คือการประชุมของผู้ว่าการและรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ ร่วมประชุมร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายโภคิน พลกุล
ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 เห็นว่าต้องลอยค่าเงินแน่นอน ถือว่ามีความชัดเจนที่สุด

ถ้ามันไม่รู้ในสามระดับนี้ ก็ต้องรู้ข้อมูลภายในจากสองเดือนก่อนอีกใช่ปะ ว่ากันตั้งแต่เมษาเลยนะนั่น
เรียกว่ามรึงต้องรู้ตรงไหนซักตรงที่เป็นข้อมูลภายในว่างั้นเหอะ มรึงไม่โกงกรูไม่ยอมนะนั่น แบบนี้ไม่
รู้สึกเหรอว่ากรณี โภคิน มันเป็นประเด็นอ่อนไปเลย แปะจนเลอะเองหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 17:20
ฮ่า เจอแล้วบริษัทไหนที่รู้ล่วงหน้าว่าลดค่าเงินบาท บริษัทที่ยอมล้มแบบมีหนี้ห้าพันล้านมีทุนสองร้อยล้านนั่นเอง
แถมบริษัทนั้นยังเป็นหนี้ของเจ้าของอีก เจ้าของชื่ออะไรน้อเจริญจริงๆ เพื่อนที่ว่านั่นก็คงบริหารบริษัทนี้ด้วย พวก
ล้มบนฟูก ตึกที่ตั้งบริษัทอยู่แถวสีลมก็อยู่ครบเพราะเป็นชื่อของเจ้าของ บริหารแบบนี้ทักษิณยังอาย ยังมีหน้าส่ง
ลูกตัวเองไปด่าคนอื่น เห้อ คนเรา

อ่านแล้วดูเหมือนบริษัทเขาก็เจ๊งจากการลดค่าเงินบาทด้วย แล้วจะว่ารู้ล่วงหน้าได้ยังไง
ส่วนจะล้มบนฟูกหรืออะไร น่าจะเป็นการแก้ไขรับสถานการณ์ภายหลังความเสียหาย

ข้อมูลไม่ได้ชัดเจนอะไรเลย ไปหารายละเอียดหรือลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติมมาให้หน่อยสิครับ
ทำเบลอๆ แบบนี้จะช่วยแก้ต่างให้แม้วได้ยังไง ขอแบบชัดๆ มีไหม?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 17:24
ตกลงนอกจากที่ว่า

ระดับแรก คือการประชุมร่วมกันของผู้บริหารแบงก์ชาติ เมื่อ วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 ถือได้ว่ามีความเชื่อมั่นว่าจะต้อง
มีการลอยค่าเงินบาทอยู่ในระดับหนึ่ง
       
ระดับที่สอง คือการประชุมร่วมกันของผู้บริหารแบงก์ชาติ กับนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยที่
นายทนง พิทยะ ให้เปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 ถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้นค่อนข้างแน่นอน
       
ระดับที่สาม คือการประชุมของผู้ว่าการและรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ ร่วมประชุมร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายโภคิน พลกุล
ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 เห็นว่าต้องลอยค่าเงินแน่นอน ถือว่ามีความชัดเจนที่สุด

ถ้ามันไม่รู้ในสามระดับนี้ ก็ต้องรู้ข้อมูลภายในจากสองเดือนก่อนอีกใช่ปะ ว่ากันตั้งแต่เมษาเลยนะนั่น
เรียกว่ามรึงต้องรู้ตรงไหนซักตรงที่เป็นข้อมูลภายในว่างั้นเหอะ มรึงไม่โกงกรูไม่ยอมนะนั่น แบบนี้ไม่
รู้สึกเหรอว่ากรณี โภคิน มันเป็นประเด็นอ่อนไปเลย แปะจนเลอะเองหรือเปล่า
ตกลงคุณอยากประหยัดฯ จะช่วยแก้ต่างให้ทักษิณ หรือช่วยผมสรุปข้อสงสัย  :slime_bigsmile:

เรื่องนี้เปรียบเทียบได้ว่ากรณีคุณโภคินเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งนั่นเอง
ความจริงก็รับรู้กันมานานแล้วว่า เรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องต้องสงสัยจำนวนมาก
ยิ่งขุดคุ้ยก็ยิ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าอาจมีการทำกันเป็นขบวนการ
ขอบคุณที่ช่วยสรุปภาพรวมของสถานการณ์นะ คุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 17:36
อ่านแล้วดูเหมือนบริษัทเขาก็เจ๊งจากการลดค่าเงินบาทด้วย แล้วจะว่ารู้ล่วงหน้าได้ยังไง
ส่วนจะล้มบนฟูกหรืออะไร น่าจะเป็นการแก้ไขรับสถานการณ์ภายหลังความเสียหาย

ข้อมูลไม่ได้ชัดเจนอะไรเลย ไปหารายละเอียดหรือลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติมมาให้หน่อยสิครับ
ทำเบลอๆ แบบนี้จะช่วยแก้ต่างให้แม้วได้ยังไง ขอแบบชัดๆ มีไหม?  :slime_smile:

เป็นเพื่อนภาษาลิงอะไร ให้(เพื่อนชื่อ)ควายต้ม บริษัทส่วนบริษัทเจ๊งไปไม่เกี่ยวเจ้าของ
เงินห้าพันล้านมันไหลไปไหนแล้วไม่รู้ ป่านนี้คงรวยไม่แพ้ทักษิณหรอก ตอนนั้นอะไรๆ ก็
รับหมดไม่ใช่เรอะ รถไฟรางคู่ก็จะเอา ทำอะไรไว้ใครๆ ก็รู้บริษัทนั่นฉาวโฉ่ตายชัก พูดถึง
ประชัยยังแมนซะกว่า ยอมรับผิดชอบไม่ล้มบนฟูก แล้วแบบนี้ให้ลูกมาพ่นๆ อะไรในเครือ
ผู้จัดการ มันจะเชื่อได้ไง ใช้ตรรกะเดียวกับพ่อลูกเจ้าของเดียวกันแบบทักษิณเลย เถียง
ไม่ออกอะดิ

ตกลงคุณอยากประหยัดฯ จะช่วยแก้ต่างให้ทักษิณ หรือช่วยผมสรุปข้อสงสัย  :slime_bigsmile:

เรื่องนี้เปรียบเทียบได้ว่ากรณีคุณโภคินเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งนั่นเอง
ความจริงก็รับรู้กันมานานแล้วว่า เรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องต้องสงสัยจำนวนมาก
ยิ่งขุดคุ้ยก็ยิ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าอาจมีการทำกันเป็นขบวนการ
ขอบคุณที่ช่วยสรุปภาพรวมของสถานการณ์นะ คุณอยากประหยัดฯ  :slime_smile:

เหน็บแนมมัน มันยังไม่เข้าใจ นึกว่าสรุปให้มันอีก กุ้มหว่ะ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 17:40
เป็นเพื่อนภาษาลิงอะไร ให้(เพื่อนชื่อ)ควายต้ม บริษัทส่วนบริษัทเจ๊งไปไม่เกี่ยวเจ้าของ
เงินห้าพันล้านมันไหลไปไหนแล้วไม่รู้ ป่านนี้คงรวยไม่แพ้ทักษิณหรอก ตอนนั้นอะไรๆ ก็
รับหมดไม่ใช่เรอะ รถไฟรางคู่ก็จะเอา ทำอะไรไว้ใครๆ ก็รู้บริษัทนั่นฉาวโฉ่ตายชัก พูดถึง
ประชัยยังแมนซะกว่า ยอมรับผิดชอบไม่ล้มบนฟูก แล้วแบบนี้ให้ลูกมาพ่นๆ อะไรในเครือ
ผู้จัดการ มันจะเชื่อได้ไง ใช้ตรรกะเดียวกับพ่อลูกเจ้าของเดียวกันแบบทักษิณเลย เถียง
ไม่ออกอะดิ

เหน็บแนมมัน มันยังไม่เข้าใจ นึกว่าสรุปให้มันอีก กุ้มหว่ะ

ตกลงจะมีลิงค์ข้อมูลรายละเอียดอะไรมาให้ดูไหมครับ หรือมีแต่จินตนาการแห้งๆ  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 17:49
เรื่องบริษัทแบบนี้มันไม่มี link ข่าวใน internet หรอก อย่างมากก็แค่เรื่องไปซื้อหัวบริษัท นามประเสริฐก่อสร้าง
จะไปรับงานรถไฟรางคู่ แล้วไม่สำเร็จ ไอ้ที่เจ๊งแล้วรวยมันไม่ได้แบบว่าพอลดค่าเงินบาทปุ๊บจะทำได้ทันที เงินตั้ง
ห้าพันล้าน ยังไงก็ต้องโยกเข้ากระเป๋าล่วงหน้าอยู่แล้ว ไม่งั้นโดนคนอื่นเอาไปหมด นี่พอลดค่าเงินปุ๊บก็ล้มได้แบบ
ท่าสวยเลย แต่เจ้าของไม่เป็นไรแถมยังทำหนามาทวงหนี้บริษัทร่วมๆ กับพนักงานอีก สุดยอด ไหนว่าเป็นเพื่อนกัน
ไม่ใช่เรอะ ไปถามดูเองสิ นอกจากจะซี้ไม่จริง มันถึงไม่ยอมบอกว่าไปก่อวีรกรรมความรวยให้คนแช่งไว้มั่ง ปกติก็
เกาะงานกับสายการเมือง สายแบงค์แถวสีลมอยู่แล้วนี่ ส่งลูกไปมั่วกับสนธิมันเลยไม่เห็นจะแปลกตรงไหน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 18:01
เรื่องบริษัทแบบนี้มันไม่มี link ข่าวใน internet หรอก อย่างมากก็แค่เรื่องไปซื้อหัวบริษัท นามประเสริฐก่อสร้าง
จะไปรับงานรถไฟรางคู่ แล้วไม่สำเร็จ ไอ้ที่เจ๊งแล้วรวยมันไม่ได้แบบว่าพอลดค่าเงินบาทปุ๊บจะทำได้ทันที เงินตั้ง
ห้าพันล้าน ยังไงก็ต้องโยกเข้ากระเป๋าล่วงหน้าอยู่แล้ว ไม่งั้นโดนคนอื่นเอาไปหมด นี่พอลดค่าเงินปุ๊บก็ล้มได้แบบ
ท่าสวยเลย แต่เจ้าของไม่เป็นไรแถมยังทำหนามาทวงหนี้บริษัทร่วมๆ กับพนักงานอีก สุดยอด ไหนว่าเป็นเพื่อนกัน
ไม่ใช่เรอะ ไปถามดูเองสิ นอกจากจะซี้ไม่จริง มันถึงไม่ยอมบอกว่าไปก่อวีรกรรมความรวยให้คนแช่งไว้มั่ง ปกติก็
เกาะงานกับสายการเมือง สายแบงค์แถวสีลมอยู่แล้วนี่ ส่งลูกไปมั่วกับสนธิมันเลยไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

ข้อมูลเลื่อนลอยไร้ที่มา ดูท่าจะเป็นแค่ข่าวลือที่อ้างอิงอะไรไม่ได้
นึกว่าจะมีอะไรที่แท้ก็แค่บัวแล้งน้ำยา..
"อยากประหยัดให้ติดแก๊ส จินตนาการน้ำแตกตัวจริง"  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 18:05
ข้อมูลเลื่อนลอยไร้ที่มา ดูท่าจะเป็นแค่ข่าวลือที่อ้างอิงอะไรไม่ได้
นึกว่าจะมีอะไรที่แท้ก็แค่บัวแล้งน้ำยา..
"อยากประหยัดให้ติดแก๊ส จินตนาการน้ำแตกตัวจริง"  :slime_smile2:

คำพิพากษายังวางแถวนี้เป็นเล่มเบ้อเริ่ม ไม่รู้จะยัดเข้าอินเตอร์เน็ตยังไง
ข้อมูลที่มีค่ามันไม่ได้หาได้จาก link นะจ๊ะ เข้าใจโลกนี้หน่อย คุณอ่อน :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 18:18
คำพิพากษายังวางแถวนี้เป็นเล่มเบ้อเริ่ม ไม่รู้จะยัดเข้าอินเตอร์เน็ตยังไง
ข้อมูลที่มีค่ามันไม่ได้หาได้จาก link นะจ๊ะ เข้าใจโลกนี้หน่อย คุณอ่อน :slime_bigsmile:

คำพิพากษาอะไรของคุณ ไม่มีหลักฐานอะไรมาให้ดูสักอย่างจะให้สรุปยังไงเล่า?  :slime_bigsmile:
ผมก็บอกได้ลอยๆ ว่ามีหลักฐานโกงค่าเงินเก็บไว้เต็มห้องสมุด แต่เอามาให้ดูไม่ได้

ถ้าจะอ้างแบบนี้อย่ามาคุยในอินเตอร์เน็ต ไปคุยกันเองที่บ้านคุณแล้วกัน
ไปไม่รอดแล้วล่ะคุณอยากประหยัดฯ หลักฐานไม่มีต่างหากที่เรียกว่า "อ่อน"  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 18:26
ถ้าจะคุยในอินเตอร์เน็ตก็ไปหาลิงค์ หาหลักฐานอะไรที่ดูได้ทางอินเตอร์เน็ตมา

ตัวอย่างหลักฐานอ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกา ในอินเตอร์เน็ต :

==คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม คดีทักษิณเช็คเด้ง หมายเลขแดงที่ 149/2532==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=23313.0

...

หรืออย่างน้อยก็เอาเนื้อหาที่เป็นข่าวสาธารณะมาให้ดูก็ยังดี เช่นแบบนี้ :

== "แม้ว"ขอยอมความนักธุรกิจมะกัน (คดีเบิกความเท็จ)==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=15017.0


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 19:23
เอาง่ายๆ ไม่ต้องจินตนาการมาก หลังจากยุค รสช บริษัทรับเหมานั่นก็รับปีละ
ห้าหกตึกสูง ทั้งโลตัส ตึกช้าง สารพัด ตกโครงการละสามร้อยกว่าล้านบาท
เป็นอย่างน้อย ปีนึงบิลลิ่งเป็นพันล้าน ทำมาห้าปีฟองสบู่แตกเจ๊ง มีหนี้ห้าพัน
ล้าน (อยากรู้รายละเอียดไปขอคัดคดีล้มละลายบริษัทเกษมกิจคอนสตรัคชั่น
ได้ที่ศาล) ถ้าปีนึงมีบิลลิ่งประมาณพันล้านทำมาห้าปีจะไม่มีกำไรซักนิดเรียก
ว่าเจ๊งไม่ได้เงินซักโครงการที่ทำตลอดห้าปีเลยเหรอ ตีลังกาคิดก็คิดไม่ออก
ว่าคนอะไรจะบริหารได้ห่วยขนาดนั้นแล้วยังมีแบ๊งค์ดอกบัวให้กู้เงินทำโครงการ
ได้ตลอด พอล้มคดีถึงศาลปรากฏว่ามีทรัพย์สินแค่สองร้อยล้าน ตึกที่ทำงาน
อยู่นั่นก็ไม่ใช่ พอดีเช่าเจ้าของอยู่ เจ้าของก็มาทวงหนี้บริษัทอีก มันชัดซะยิ่ง
กว่าไปจินตนาการว่าโภคินอยู่ในห้องแล้วเอาความลับไปบอกทักษิณอีก ถ้าไม่
รู้รายละเอียดตรงนี้สงสัยจะไม่ใช่เพื่อนกับนายควายนั่นจริง ที่แท้แอบอ้างนี่หว่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 18-04-2008, 19:35
เอาง่ายๆ ไม่ต้องจินตนาการมาก หลังจากยุค รสช บริษัทรับเหมานั่นก็รับปีละ
ห้าหกตึกสูง ทั้งโลตัส ตึกช้าง สารพัด ตกโครงการละสามร้อยกว่าล้านบาท
เป็นอย่างน้อย ปีนึงบิลลิ่งเป็นพันล้าน ทำมาห้าปีฟองสบู่แตกเจ๊ง มีหนี้ห้าพัน
ล้าน (อยากรู้รายละเอียดไปขอคัดคดีล้มละลายบริษัทเกษมกิจคอนสตรัคชั่น
ได้ที่ศาล) ถ้าปีนึงมีบิลลิ่งประมาณพันล้านทำมาห้าปีจะไม่มีกำไรซักนิดเรียก
ว่าเจ๊งไม่ได้เงินซักโครงการที่ทำตลอดห้าปีเลยเหรอ ตีลังกาคิดก็คิดไม่ออก
ว่าคนอะไรจะบริหารได้ห่วยขนาดนั้นแล้วยังมีแบ๊งค์ดอกบัวให้กู้เงินทำโครงการ
ได้ตลอด พอล้มคดีถึงศาลปรากฏว่ามีทรัพย์สินแค่สองร้อยล้าน ตึกที่ทำงาน
อยู่นั่นก็ไม่ใช่ พอดีเช่าเจ้าของอยู่ เจ้าของก็มาทวงหนี้บริษัทอีก มันชัดซะยิ่ง
กว่าไปจินตนาการว่าโภคินอยู่ในห้องแล้วเอาความลับไปบอกทักษิณอีก ถ้าไม่
รู้รายละเอียดตรงนี้สงสัยจะไม่ใช่เพื่อนกับนายควายนั่นจริง ที่แท้แอบอ้างนี่หว่า

บ่นเรื่องอะไรครับ เกษมกิจ ไปซื้อกรีไทย มามิใช่รึ แล้วซื้อมาแล้วทำอะไรได้บ้าง

แต่ไม่เห็นเกี่ยวกะกระทู้นี้ตรงไหน อ่านแล้วงงงงงงงงงงง


แต่โพชิน มันโกหกกลางตลาดสด เชื่อหรือไม่ก็แล้วไป  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 19:52
เอาง่ายๆ ไม่ต้องจินตนาการมาก หลังจากยุค รสช บริษัทรับเหมานั่นก็รับปีละ
ห้าหกตึกสูง ทั้งโลตัส ตึกช้าง สารพัด ตกโครงการละสามร้อยกว่าล้านบาท
เป็นอย่างน้อย ปีนึงบิลลิ่งเป็นพันล้าน ทำมาห้าปีฟองสบู่แตกเจ๊ง มีหนี้ห้าพัน
ล้าน (อยากรู้รายละเอียดไปขอคัดคดีล้มละลายบริษัทเกษมกิจคอนสตรัคชั่น
ได้ที่ศาล) ถ้าปีนึงมีบิลลิ่งประมาณพันล้านทำมาห้าปีจะไม่มีกำไรซักนิดเรียก
ว่าเจ๊งไม่ได้เงินซักโครงการที่ทำตลอดห้าปีเลยเหรอ ตีลังกาคิดก็คิดไม่ออก
ว่าคนอะไรจะบริหารได้ห่วยขนาดนั้นแล้วยังมีแบ๊งค์ดอกบัวให้กู้เงินทำโครงการ
ได้ตลอด พอล้มคดีถึงศาลปรากฏว่ามีทรัพย์สินแค่สองร้อยล้าน ตึกที่ทำงาน
อยู่นั่นก็ไม่ใช่ พอดีเช่าเจ้าของอยู่ เจ้าของก็มาทวงหนี้บริษัทอีก มันชัดซะยิ่ง
กว่าไปจินตนาการว่าโภคินอยู่ในห้องแล้วเอาความลับไปบอกทักษิณอีก ถ้าไม่
รู้รายละเอียดตรงนี้สงสัยจะไม่ใช่เพื่อนกับนายควายนั่นจริง ที่แท้แอบอ้างนี่หว่า

แล้วตกลงจะบอกว่าเขาโกงยังไง ล้มบนฟูกยังไง มีอะไรยืนยันว่าเขาโกงล่ะครับ
มีคดีฉ้อโกงอะไรที่ไหนหรือ ถ้าเป็นแค่คดีล้มละลายมันก็คือการล้มละลายเฉยๆ

ที่ว่าปีนึงมีบิลลิ่งประมาณพันล้านคุณเอาตัวเลขมาจากไหน มั่วเอาเองหรือเปล่า
และถ้ามีบิลลิ่งพันล้านจริง เขามีกำไรปีละเท่าไหร่ จะกล่าวหาเขาก็มีอะไรในมือ
มาแสดงบ้าง ไม่ใช่มั่วเอาแบบลมๆ แล้งๆ

การเช่าตึกเป็นที่ทำการมันแปลกตรงไหน ใครๆ เขาก็ทำกันดูตัวอย่างทักษิณ
ก็ให้เครือชินคอร์ปเช่าตึกตัวเองเห็นๆ หรืออย่างแกรมมี่ก็เช่าตึกเหมือนกันเลย
ในเมื่อมีการเช่าตึกแล้วค้่างค่าเช่า เจ้าของตึกก็ต้องมีสิทธิทวงเงินเป็นธรรมดา

ที่ว่า "มันชัดยิ่งกว่าเรื่องโภคินอยู่ในห้องแล้วเอาความลับไปบอกทักษิณ"
ผมก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรเป็นการทุจริตเลย ตกลงที่จะกล่าวหาเขามีแค่นี้เองหรือ  :slime_doubt:

..

ผมเปิดโอกาสไว้ให้ว่า "ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ว่ามาผมจะลองถามให้"
ก็นึกว่าจะมีเนื้อหาสาระที่เป็นประเด็นชัดเจน อ้างอิงได้สักหน่อย

..แต่ถ้ามันเลื่อนลอยแบบนี้ ผมตอบเองได้เลยว่าไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย..
หาเรื่องอื่นมาปกป้องแม้วแทนดีกว่า เรื่องนี้ไม่ work นะคุณอยากประหยัดฯ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 18-04-2008, 20:00
วินมาร์กใครบอกตรงไหนวะว่าเป็นของลูกแม้ว ไอ้มั่ว บอกกันเองอะดิ
รู้เรื่องอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงมั่งเนี่ย งี่เง่าแบบนี้ถึงไม่พัฒนา :slime_bigsmile:

"วินมาร์ก" เป็นของลูกแม้วหรือไม่ ต้องไปคุยกันในศาล
แต่ที่แน่แน่ "วินโคสท์" เป็นของหลานทักษิณ .. ตระกูลนี้คงจะชอบ "WIN" เนอะ  :slime_v:

http://forum.serithai.net/index.php?topic=17069.msg223583;topicseen#msg223583


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 20:01
เลื่อนลอยพอกับที่บอกว่าเป็นเพื่อนกับพี่ชายนายปานเทพ นั่นแหละ
รายละเอียดทั้งหมดก็อยู่ในคำพิพากษาคดีล้มละลายไปหาเอาเอง
เหอะ ไม่ใช่คดีดังๆ อย่างของทักษิณที่จะมีใครเอามาแปะให้ในเว็บ
ขี้เกียจขยับตูดออกจากเก้าอี้ไปหาข้อมูลเกินไปหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 20:03
"วินมาร์ก" เป็นของลูกแม้วหรือไม่ ต้องไปคุยกันในศาล
แต่ที่แน่แน่ "วินโคสท์" เป็นของหลานทักษิณ .. ตระกูลนี้คงจะชอบ "WIN" เนอะ  :slime_v:

http://forum.serithai.net/index.php?topic=17069.msg223583;topicseen#msg223583

วินโคสท์ เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย หลานทักษิณเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เลอะเทอะว่ะ
หรือจะบอกว่า มีคำว่า วิน ต้องเป็นของตระกูล ชินวัตร นับเป็นอีกระดับขั้นของการ
จินตนาการน้ำแตกจริงๆ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 18-04-2008, 20:11
วินโคสท์ เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย หลานทักษิณเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เลอะเทอะว่ะ
หรือจะบอกว่า มีคำว่า วิน ต้องเป็นของตระกูล ชินวัตร นับเป็นอีกระดับขั้นของการ
จินตนาการน้ำแตกจริงๆ

นายแถความรู้สึกช้าจัง .. ถ้าความรู้สึกช้า แสดงว่า น้ำคงจะไม่เคยแตก  :slime_bigsmile:

ที่ยกคำว่า "วินมาร์ก" และ "วินโคสท์" มาเพื่อจะบอกว่า ..

"เชื่อได้ว่า บริษัทต่างๆของตระกูลนี้ คงจะไม่ได้ตั้งชื่อคล้ายกันโดยบังเอิญ" 

...


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 18-04-2008, 20:13
***ดังนี้ จึงเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรว่า โจทก์ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วยในการประชุมตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จหรือฝ่าฝืนต่อความจริง ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ต่างหากที่ฝ่าฝืนต่อความจริง


http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000041371

ฝากลิ้งค์ใว้หน่อยครับ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 20:16
นายแถความรู้สึกช้าจัง .. ถ้าความรู้สึกช้า แสดงว่า น้ำคงจะไม่เคยแตก  :slime_bigsmile:

ที่ยกคำว่า "วินมาร์ก" และ "วินโคสท์" มาเพื่อจะบอกว่า ..

"เชื่อได้ว่า บริษัทต่างๆของตระกูลนี้ คงจะไม่ได้ตั้งชื่อคล้ายกันโดยบังเอิญ" 

...

ตกลงที่เจ้าของนามสกุล ชินวัตร มีแต่วินโคสท์ ส่วน วินมาร์ก รอการพิสูจน์
ใช้ตรรกะได้ควายสุดขีด ถึงบอกว่า
"เชื่อได้ว่า บริษัทต่างๆของตระกูลนี้ คงจะไม่ได้ตั้งชื่อคล้ายกันโดยบังเอิญ" 
ถามจริงเหอะ แสดงตรรกะได้โง่ไม่อายควายแบบนี้ ยังโชว์โง่ได้ต่อเนื่อง
ไม่มีความอายหรือทุเรศตัวเองมั่งเลยเหรอ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 20:26
รอนานมาก คิดอะไรนานจัง ตกลงมีหลักฐานหรือเปล่าว่าเป็นเพื่อนพี่ชายนายปานเทพ
หรือเกาะกระแสความดังของนายปานเทพเลยแอบอ้างเล่นๆ เพิ่มเครดิตและเรทติ้งให้
ตัวเอง ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงไม่รู้เรอะว่าบริษัทนั่นใหญ่แค่ไหน รับเหมาปีละหลักร้อยล้าน
มันจะเป็นการดูถูกเกินไป ถ้าเป็นหลายพันล้านหรือเป็นหมื่นล้านมันก็เว่อร์ บริษัทเอกชน
ปกติรับเหมาทำสาขาให้แบ๊งค์ดอกบัวจะขยายตัวเป็นหมื่นล้านแค่หลัง รสช. มันเป็นไป
ไม่ได้ ใช้สมองคิดความเป็นไปได้มั่ง ไม่ใช่โวยวายหาแต่หลักฐาน แต่พอโดนจี้กลับมั่ง
ว่ามีหลักฐานหรือเปล่าว่าเป็นเพื่อนกะนายควาย ดันใบ้ :slime_v:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 20:27
เลื่อนลอยพอกับที่บอกว่าเป็นเพื่อนกับพี่ชายนายปานเทพ นั่นแหละ
รายละเอียดทั้งหมดก็อยู่ในคำพิพากษาคดีล้มละลายไปหาเอาเอง
เหอะ ไม่ใช่คดีดังๆ อย่างของทักษิณที่จะมีใครเอามาแปะให้ในเว็บ
ขี้เกียจขยับตูดออกจากเก้าอี้ไปหาข้อมูลเกินไปหรือเปล่า

ตกลงยอมรับแล้วหรือว่ากล่าวหาอย่างเลื่อนลอย ถ้าอย่างนั้นจะคุยกันทำไม?  :slime_smile2:

ข้อใหญ่ใจความที่เราคุยกันไม่ใช่ว่าผมเป็นเพื่อนกับใครจริงหรือไม่สักหน่อย
แต่อยู่ที่ว่าคุณกล่าวหาคนในตระกูลพันพงษ์พันธ์ตรงไหน ด้วยหลักฐานอะไร
ถ้ามันเข้าท่าผมก็รับปากว่าจะลองไปถามให้อีกที ซึ่งตอนนั้นค่อยไปดูกันว่า
ผมจะสอบถามได้หรือไม่ และได้คำตอบมาอย่างไร

แต่เรื่องมันบัวแล้งน้ำยามาตั้งแต่ต้น คุณเองไม่มีอะไรมาอ้างอิงเลยสักอย่าง
ตกลงคำพิพากษาที่คุณอ้างว่ามีมันเป็นเรื่องอะไร "ฉ้อโกง" หรือ "ล้มละลาย"
มีอะไรมากล่าวหาเขาที่พอจะอ้างอิงได้บ้าง
มันจะตลกเกินไปไหมจะกล่าวหาเขาทั้งทีแต่ให้ผมเป็นคนไปคัดข้อมูลเอง  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 20:33
รอนานมาก คิดอะไรนานจัง ตกลงมีหลักฐานหรือเปล่าว่าเป็นเพื่อนพี่ชายนายปานเทพ
หรือเกาะกระแสความดังของนายปานเทพเลยแอบอ้างเล่นๆ เพิ่มเครดิตและเรทติ้งให้
ตัวเอง ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงไม่รู้เรอะว่าบริษัทนั่นใหญ่แค่ไหน รับเหมาปีละหลักร้อยล้าน
มันจะเป็นการดูถูกเกินไป ถ้าเป็นหลายพันล้านหรือเป็นหมื่นล้านมันก็เว่อร์ บริษัทเอกชน
ปกติรับเหมาทำสาขาให้แบ๊งค์ดอกบัวจะขยายตัวเป็นหมื่นล้านแค่หลัง รสช. มันเป็นไป
ไม่ได้ ใช้สมองคิดความเป็นไปได้มั่ง ไม่ใช่โวยวายหาแต่หลักฐาน แต่พอโดนจี้กลับมั่ง
ว่ามีหลักฐานหรือเปล่าว่าเป็นเพื่อนกะนายควาย ดันใบ้ :slime_v:

ก็ต้องรอนานอยู่แล้วเพราะผมไปกินข้าวเย็นมา กินข้าวเย็นล่าช้าก็เพราะมัวคุยกับคุณนี่แหละ
โพสตอบไปก่อนแล้วนึกว่าจะสำเร็จ แต่มันเด้งกลับเพราะมีคนตอบเพิ่มผมเพิ่งกลับมาเห็น

ตกลงตัวเลขพันล้านก็ยกเมฆขึ้นมาเองลอยๆ อีกต่างหาก แสดงว่าไม่มีงบการเงินในมือ
ที่กล่าวหาเขาเป็นเรื่องจินตนาการล้วนๆ ไม่มีเอกสารอ้างอิง ใช้วิธีกะๆ เดาๆ ตามประสา
..สารภาพมาเลยดีกว่าว่าไม่มีอะไรในมือ..  :slime_smile2:

ตอบคำถามง่ายๆ มาก่อนแล้วกันว่าคำพิพากษาที่อ้างมันเรื่อง "ล้มละลาย" หรือ "ฉ้อโกง"  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 20:39
กำลังจะเผ่นพอดี คิดตั้งนานตอบได้แค่นี้เรอะ ข้อเท็จจริงก็บอกไปหมดแล้ว
คดีล้มละลายก็เหมือนกับนายสนธินั่นแหละ ศาลไม่ได้ตัดสินว่าโกง ก็เหมือน
กับทักษิณนั่นแหละ หลักฐานที่เป็นเอกสารไม่มีก็เหมือนกับที่บอกเป็นเพื่อน
พี่ชายนายปานเทพนั่นแหละ จะไปหาให้มันก็ไม่ใช่หน้าที่เพราะเป็นคดีเอกชน
ไม่ใช่คดีการเมือง ที่เกี่ยวข้องเพราะดันเป็นพ่อนายปานเทพ (จริงหรือเปล่าก็
ไม่รู้) แค่รูปการณ์ออกมาว่า บริษัทมีหนี้ห้าพันล้าน ทุนสองร้อยล้าน ทำงาน
มาห้าหกปี ปีละพันกว่าล้าน ถ้าทุกงานไม่มีกำไรเลยตลอดห้าปี ถึงจะสร้าง
หนี้ได้ห้าพันล้าน ตามตรรกะแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าถ้าไม่มีกำไร ธนาคาร
ไม่มีทางปล่อยกู้ต่อ ทีงี้ทำเป็นคิดไม่ได้ หลักฐานที่ว่ามีเฉพาะคำพิพากษา
แต่คงไม่บ้าเอามาเก็บไว้ที่บ้าน พอดีไม่มีแรงจูงใจขับรถไปเอามาเพื่อโพสต์
อะไรกระจอกๆ ยามดึกหรอก ในอินเตอร์เน็ตคงหามูลหนี้ที่จะเข้าฟื้นฟูได้
ประมาณห้าพันล้าน คงไม่ต้องหาให้นะ

แค่โภคินนั่งในห้องดันจินตนาการแตกซ่าน จินตนาการยังเป็นสองมาตรฐาน
ได้อีกแฮะ คนเรา


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 21:26
ก็ต้องรอนานอยู่แล้วเพราะผมไปกินข้าวเย็นมา กินข้าวเย็นล่าช้าก็เพราะมัวคุยกับคุณนี่แหละ
โพสตอบไปก่อนแล้วนึกว่าจะสำเร็จ แต่มันเด้งกลับเพราะมีคนตอบเพิ่มผมเพิ่งกลับมาเห็น

ตกลงตัวเลขพันล้านก็ยกเมฆขึ้นมาเองลอยๆ อีกต่างหาก แสดงว่าไม่มีงบการเงินในมือ
ที่กล่าวหาเขาเป็นเรื่องจินตนาการล้วนๆ ไม่มีเอกสารอ้างอิง ใช้วิธีกะๆ เดาๆ ตามประสา
..สารภาพมาเลยดีกว่าว่าไม่มีอะไรในมือ..  :slime_smile2:

ตอบคำถามง่ายๆ มาก่อนแล้วกันว่าคำพิพากษาที่อ้างมันเรื่อง "ล้มละลาย" หรือ "ฉ้อโกง"  :slime_smile:

พูดตั้งแต่ต้นว่า ล้มบนฟูก มีคำว่าฉ้อโกงที่ไหน คิดเองหรือเปล่า
ล้มบนฟูก คือทำบริษัทล้มละลายแต่เจ้าของไม่ได้เจ๊งไปด้วย
ไม่ได้เข้าข่ายฉ้อโกง เพียงแค่เจ้าหนี้ทั้งหลายสมยอมไปให้เงิน
เค้าใช้เอง ในเมื่อเป็นบริษัทจำกัดความรับผิดชอบ จะไปบอกว่า
เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ว่าโกงได้ไง แค่บอกว่า นิสัย ล้มบนฟูก
บริษัทเจ๊งเจ้าของรวย ถ้าไม่เข้าใจตัวอย่างอื่นเห็นๆ ก็มี เช่น ตึก
ศรีวราที่ไฟไหม้นั่น แบ๊งค์ยึดเจ๊งเจ้าของก็รวยเหมือนกัน

บิลลิ่งหลักพันล้านก็ได้ยินมาจากนายควายนั่นแหละ กี่คนจะรู้ว่า
ชื่อนายควาย มันรุ่นเดียวกะเสี่ยหนูใช่มั้ย แต่จบเกษตร เสี่ยหนู
ไปจบบอสตัน นี่เป็นเรื่องส่วนตัวสงวนชื่อจริงไว้ ถ้าเพื่อนกันจริง
อ่านแล้วก็รู้ จะให้โม้มากกว่านี้ว่ารับงานกี่หน่วยงานอะไรบ้างก็
ยังไงอยู่ เพราะไม่ใช่นายปานเทพที่ให้ข่าวเรื่องการเมืองเต็มตัว
ด่าได้เต็มปากเต็มคำ เดี๋ยวดันมาอำว่าหมอนี่เป็นพี่ชายปานเทพ
แต่จริงๆ ไม่ใช่ก็ซวยอีก คนบริหารเจ๊งตัวจริงก็เป็นพ่อซะด้วย ไม่
ใช่มัน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 21:26
กำลังจะเผ่นพอดี คิดตั้งนานตอบได้แค่นี้เรอะ ข้อเท็จจริงก็บอกไปหมดแล้ว
คดีล้มละลายก็เหมือนกับนายสนธินั่นแหละ ศาลไม่ได้ตัดสินว่าโกง ก็เหมือน
กับทักษิณนั่นแหละ หลักฐานที่เป็นเอกสารไม่มีก็เหมือนกับที่บอกเป็นเพื่อน
พี่ชายนายปานเทพนั่นแหละ จะไปหาให้มันก็ไม่ใช่หน้าที่เพราะเป็นคดีเอกชน
ไม่ใช่คดีการเมือง ที่เกี่ยวข้องเพราะดันเป็นพ่อนายปานเทพ (จริงหรือเปล่าก็
ไม่รู้) แค่รูปการณ์ออกมาว่า บริษัทมีหนี้ห้าพันล้าน ทุนสองร้อยล้าน ทำงาน
มาห้าหกปี ปีละพันกว่าล้าน ถ้าทุกงานไม่มีกำไรเลยตลอดห้าปี ถึงจะสร้าง
หนี้ได้ห้าพันล้าน ตามตรรกะแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าถ้าไม่มีกำไร ธนาคาร
ไม่มีทางปล่อยกู้ต่อ ทีงี้ทำเป็นคิดไม่ได้ หลักฐานที่ว่ามีเฉพาะคำพิพากษา
แต่คงไม่บ้าเอามาเก็บไว้ที่บ้าน พอดีไม่มีแรงจูงใจขับรถไปเอามาเพื่อโพสต์
อะไรกระจอกๆ ยามดึกหรอก ในอินเตอร์เน็ตคงหามูลหนี้ที่จะเข้าฟื้นฟูได้
ประมาณห้าพันล้าน คงไม่ต้องหาให้นะ

แค่โภคินนั่งในห้องดันจินตนาการแตกซ่าน จินตนาการยังเป็นสองมาตรฐาน
ได้อีกแฮะ คนเรา

สรุปว่าเป็นจินตนาการฟุ้งซ่านล้วนๆ ว่ามีการโกงเกิดขึ้น  :slime_smile:

ในเมื่อมันเป็นคำพิพาษาคดีล้มละลายมันก็ไม่มีเนื้อหาอะไรต้องคุยกัน
เพราะก็มีแค่เรื่องไม่มีเงินจ่ายหนี้จริงๆ ตัดสินให้ล้มละลายแค่นั้น
..ไม่ทราบจะท้าให้ผมไปคัดสำเนามาดูทำไม เสียเวลาเปล่าๆ..  :slime_smile:

...

คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นพ่อลูกกัน แค่เห็นนามสกุลเหมือนกันเฉยๆ
ก็เอามาพูดเป็นตุเป็นตะ  ที่เคยพูดบ่อยๆ ว่าคนอื่นกล่าวหาทักษิณ
แบบไร้หลักฐานอ้างอิง ตัวคุณเองอาการหนักกว่าหลายเท่าเห็นๆ

ในเมื่อไม่เคยมีหลักฐานว่าเขาถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง ก็จบแค่นั้น
แต่ฝ่ายคุณทักษิณถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไม่รู้กี่คดี ย้อนไปในอดีต
ก็เคยถูกฟ้องร้องแพ้คดีมาแล้ว รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง

...

"ทุนทรัพย์ตามคำร้องขอเข้ารับการฟื้นฟูฯ" จากเว็บ กรมบังคับคดี
อยู่ที่ 4,903,087,105.01 บาท ประมาณ 5 พันล้านตามที่คุณอ้าง
อาจพอเชื่อได้ว่าคุณมีคำพิพากษาอยู่จริง

แต่ในเมื่อเป็นแค่ คดีล้มละลาย เอกสารของคุณจึงไม่มีน้ำหนักอะไร
ในการกล่าวหาว่าเขาโกงนะครับ  ดังนั้นเอามันเก็บไว้ที่เดิมก็ดีแล้ว
ไม่จำเป็นต้องเอามาโพสให้เมื่อยมือและรกบอร์ด

และผมสรุปได้เลยว่าคุณกล่าวหาเขาจากจินตนาการของคุณล้วนๆ
แนะนำว่าไปหาเรื่องอื่นมาแก้ต่างแทนแม้วได้แล้วครับ  :slime_smile:
...
สำหรับข้อกล่าวหาที่โพสมาผมจะเอาไปเป็นโจ๊กเล่าให้เขาฟังก็แล้วกัน :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-04-2008, 21:34
พูดตั้งแต่ต้นว่า ล้มบนฟูก มีคำว่าฉ้อโกงที่ไหน คิดเองหรือเปล่า
ล้มบนฟูก คือทำบริษัทล้มละลายแต่เจ้าของไม่ได้เจ๊งไปด้วย
ไม่ได้เข้าข่ายฉ้อโกง เพียงแค่เจ้าหนี้ทั้งหลายสมยอมไปให้เงิน
เค้าใช้เอง ในเมื่อเป็นบริษัทจำกัดความรับผิดชอบ จะไปบอกว่า
เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ว่าโกงได้ไง แค่บอกว่า นิสัย ล้มบนฟูก
บริษัทเจ๊งเจ้าของรวย ถ้าไม่เข้าใจตัวอย่างอื่นเห็นๆ ก็มี เช่น ตึก
ศรีวราที่ไฟไหม้นั่น แบ๊งค์ยึดเจ๊งเจ้าของก็รวยเหมือนกัน

บิลลิ่งหลักพันล้านก็ได้ยินมาจากนายควายนั่นแหละ กี่คนจะรู้ว่า
ชื่อนายควาย มันรุ่นเดียวกะเสี่ยหนูใช่มั้ย แต่จบเกษตร เสี่ยหนู
ไปจบบอสตัน นี่เป็นเรื่องส่วนตัวสงวนชื่อจริงไว้ ถ้าเพื่อนกันจริง
อ่านแล้วก็รู้ จะให้โม้มากกว่านี้ว่ารับงานกี่หน่วยงานอะไรบ้างก็
ยังไงอยู่ เพราะไม่ใช่นายปานเทพที่ให้ข่าวเรื่องการเมืองเต็มตัว
ด่าได้เต็มปากเต็มคำ เดี๋ยวดันมาอำว่าหมอนี่เป็นพี่ชายปานเทพ
แต่จริงๆ ไม่ใช่ก็ซวยอีก คนบริหารเจ๊งตัวจริงก็เป็นพ่อซะด้วย ไม่ใช่มัน

สรุปว่าโกงก็ไม่ใช่ แค่ล้มบนฟูกเฉยๆ ไม่ได้โกงอะไรสักหน่อย
อย่างนั้นคุยมาตั้งนานเพื่ออะไร เอาไปเทียบอะไรได้กับทักษิณ
ไปพูดเรื่องตึกไฟไหม้อะไรอีก ไม่ได้เรื่องแล้วครับ

ตัวเลขพันล้านก็แค่ฟังเขามา สารภาพแล้วว่าไม่เคยเห็นงบการเงิน
และสรุปว่าพูดกันมาเสียเวลาเปล่า เพราะยังไงก็ไม่ได้โกงอยู่แล้ว
คุยกันมาตั้งนาน .. สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำยาจริงๆ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-04-2008, 21:39
สรุปว่าโกงก็ไม่ใช่ แค่ล้มบนฟูกเฉยๆ ไม่ได้โกงอะไรสักหน่อย
อย่างนั้นคุยมาตั้งนานเพื่ออะไร เอาไปเทียบอะไรได้กับทักษิณ
ไปพูดเรื่องตึกไฟไหม้อะไรอีก ไม่ได้เรื่องแล้วครับ

ตัวเลขพันล้านก็แค่ฟังเขามา สารภาพแล้วว่าไม่เคยเห็นงบการเงิน
และสรุปว่าพูดกันมาเสียเวลาเปล่า เพราะยังไงก็ไม่ได้โกงอยู่แล้ว
คุยกันมาตั้งนาน .. สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำยาจริงๆ  :slime_smile:

ทักษิณ ก็ไม่ได้แพ้คดีฉ้อโกงไม่ใช่เหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
คดีเช็ค ไม่ใช่คดีฉ้อโกง

ตัวเลขพันล้าน ฟังจากผู้บริหารระดับลูกเจ้าของ ไม่ให้เชื่อก็เกินไป
เป็นคุณตอนนั่งฟังจะถามหางบการเงินมั้ย มีสมองคิดตามว่ามีหน่วย
งานอะไรบ้างก็พอประมาณได้ พอดีไม่โง่ซะด้วย ส่วนคำว่า ล้มบนฟูก
แล้วแต่จะคิดแล้วกัน ถ้าเป็นทักษิณ คงหาว่าโกงแหง


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 18-04-2008, 21:44
ทักษิณ ก็ไม่ได้แพ้คดีฉ้อโกงไม่ใช่เหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
คดีเช็ค ไม่ใช่คดีฉ้อโกง

ตัวเลขพันล้าน ฟังจากผู้บริหารระดับลูกเจ้าของ ไม่ให้เชื่อก็เกินไป
เป็นคุณตอนนั่งฟังจะถามหางบการเงินมั้ย มีสมองคิดตามว่ามีหน่วย
งานอะไรบ้างก็พอประมาณได้ พอดีไม่โง่ซะด้วย ส่วนคำว่า ล้มบนฟูก
แล้วแต่จะคิดแล้วกัน ถ้าเป็นทักษิณ คงหาว่าโกงแหง

เซ็นเช็คแล้วบอกไม่ได้เซ็น

ค๊าบ ๆ ๆ ไม่ฉ้อโกง


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 18-04-2008, 22:10

คดีเช็ค ไม่ใช่คดีฉ้อโกง


อืมมม .. เพิ่งเห็นเป็นบุญตาวันนี้ ว่า .. "คดีเช็ค ไม่ใช่คดีฉ้อโกง"   :slime_agreed:

ถ้าอย่างนั้น คนที่ติดคุกเพราะถูกฟ้องอาญาเช็คเด้ง ก็โง่ฉิบ.หาย เลยเนอะ
มีใครช่วยไปถามด็อกเตอร์โภชิน และด็อกเตอร์เฉลิมให้หน่อย

...


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-04-2008, 00:12
ทักษิณ ก็ไม่ได้แพ้คดีฉ้อโกงไม่ใช่เหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
คดีเช็ค ไม่ใช่คดีฉ้อโกง

ตัวเลขพันล้าน ฟังจากผู้บริหารระดับลูกเจ้าของ ไม่ให้เชื่อก็เกินไป
เป็นคุณตอนนั่งฟังจะถามหางบการเงินมั้ย มีสมองคิดตามว่ามีหน่วย
งานอะไรบ้างก็พอประมาณได้ พอดีไม่โง่ซะด้วย ส่วนคำว่า ล้มบนฟูก
แล้วแต่จะคิดแล้วกัน ถ้าเป็นทักษิณ คงหาว่าโกงแหง

อ้าว!.. ตกลงจะเอายังไงแน่ครับ  :slime_doubt:

ที่คุณอยากประหยัดบอกว่าคนตระกูลพัวพงษ์พันธ์ล้มบนฟูก
คุณจะกล่าวหาว่าเขาโกง หรือจะบอกว่าเขาไม่ได้โกงกันแน่

..หรือตกลงจะไปมันมั่วๆ แบบนี้ ความมั่นใจไปอยู่ไหนหมด..

เรื่องตัวเลขพันล้านมันไม่ได้บ่งชี้อะไรเลยว่ากำไรหรือขาดทุน
ถ้าคุณไม่ได้เห็นงบการเงิน มันก็ตรงตามที่ผมสรุปทุกอย่าง

...

เริ่มต้นพูดมาตอนแรก เหมือนกับจะกล่าวหาว่าตระกูลเขา
รู้เรื่องการลอยค่าเงินบาทล่วงหน้าเหมือนกันกับทักษิณ

เอาเข้าจริงไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แค่เคยได้ฟังลูกเขาพูด
ส่วนที่เหลือจินตนาการเอง ยังอุตส่าห์เอามาตอบกระทู้
ทำไปทำมาแค่จะกล่าวหาว่าเขาโกงยังไม่กล้าเลย

..การล้มละลายไปเทียบอะไีรกับเก็งกำไรค่าเงินประเทศ..

เขาไม่ได้ใช้ข้อมูล insider จาก ธปท. สร้างความร่ำรวย
แต่เขาเจ๊งร่วมกับธุรกิจอื่นๆ ทั้งประเทศ
ยังมีอะไรจะลากมาแก้ต่างให้คุณแม้วอีกไหม?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 19-04-2008, 16:01
ตลกน่า พฤติกรรมล้มบนฟูกก็ตัดสินเองว่าเป็นยังไง แก่ป่านนี้คงไม่ต้องให้สอนนะ
ทำเป็นแอ๊บไม่รู้ดีรู้ชั่วซะงั้น เล่นมุกเห่ยๆ แบบ forest ไม่ใช่ป่าอีกแล้ว พัฒนาหน่อย
เหอะ การเล่นคำไม่ทำให้เปลี่ยนข้อเท็จจริงไปได้

เรื่องกล่าวหาว่ารู้ล่วงหน้าว่าบริษัทจะเจ๊งเพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่าง
รุนแรงในปี 2540 (นั่นคือการลดค่าเงินบาท) ชาวบ้านผู้ทำธุรกิจเค้ารู้กันตั้งแต่ปลาย
ปี 2539 แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากถ้าอยู่ในวงการธุรกิจ เพราะว่าธนาคารตัดวงเงินแบบ
ไม่มีเหตุผลในทันทีทันใด คนทำธุรกิจทำไมจะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ธนาคารถึงเข้มงวด
พวกที่มองอนาคตไปไม่รอดเพราะไม่สามารถทำรายได้เท่าอดีตก็เลยปล่อยเงินออก
จากบริษัท (ไปไหนไม่รู้) แล้วปล่อยบริษัทล้มไป เพราะบริษัทจำกัดความรับผิดชอบ

การล้มละลายของบริษัทในช่วงนั้น โดยที่เจ้าของไม่เจ๊งไปด้วย เป็นเรื่องปกติของคน
ทำธุรกิจในช่วงเวลานั้น ไม่ใช่จะมีแค่บริษัทของทักษิณเท่านั้นที่รู้ เพียงแต่บริษัทของ
ทักษิณยังมั่นใจในการหารายได้แม้จะมีความรุนแรงของเศรษฐกิจ บริษัทที่ไม่มั่นใจ
เจ้าของก็ชักเงินออกมาเก็บในที่ปลอดภัยไว้ก่อน แล้วปล่อยบริษัทล้มไป เรื่องแค่นี้
ซับซ้อนจนเกินเข้าใจหรือเปล่า เห็นถามวนเวียนซ้ำซากไม่จบซักที ขี้เกียจอธิบายว่ะ

สำหรับงบดุลเนื่องจากเป็นบริษัทเอกชน ส่งไปหลังไมค์แล้วกัน


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ ที่ 19-04-2008, 17:06
การออกเช็คที่ธนาคารไม่อาจสั่งจ่าย้ เพื่อชำระหนี้ที่เจ้าหนี้สามารถทวงได้ตามกฏหมาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง

แต่จะมีความผิดตาม พรบ ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็นคดีอาญา ซึ่งเป็นความผิดที่ยอมความได้

การใช้เช็คที่ธนาคารไม่อาจสั่งจ่ายได้ ในฐานความผิดเป็นการฉ้อโกงนั้น

ผู้ออกเช็คต้องกระทำไปเพื่อหลอกลวงผู้อื่นให้ส่งมอบทรัพย์สิน เช่น การชำระสินค้าและบริการล่วงหน้า การวางมัดจำ การแลกเช็ค

หากทรัพย์สินได้รับการส่งมอบก่อนวันที่จะมีการออกเช็คแล้ว ถือว่าผู้มอบสินค้าและบริการได้ให้เครดิตแก่ผู้ออกเช็คไว้เอง


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 19-04-2008, 17:39


ไม่จ่ายโดยเจตนา  เท่ากับคำว่า   โกง   


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-04-2008, 20:48
ตลกน่า พฤติกรรมล้มบนฟูกก็ตัดสินเองว่าเป็นยังไง แก่ป่านนี้คงไม่ต้องให้สอนนะ
ทำเป็นแอ๊บไม่รู้ดีรู้ชั่วซะงั้น เล่นมุกเห่ยๆ แบบ forest ไม่ใช่ป่าอีกแล้ว พัฒนาหน่อย
เหอะ การเล่นคำไม่ทำให้เปลี่ยนข้อเท็จจริงไปได้

เรื่องกล่าวหาว่ารู้ล่วงหน้าว่าบริษัทจะเจ๊งเพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่าง
รุนแรงในปี 2540 (นั่นคือการลดค่าเงินบาท) ชาวบ้านผู้ทำธุรกิจเค้ารู้กันตั้งแต่ปลาย
ปี 2539 แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากถ้าอยู่ในวงการธุรกิจ เพราะว่าธนาคารตัดวงเงินแบบ
ไม่มีเหตุผลในทันทีทันใด คนทำธุรกิจทำไมจะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ธนาคารถึงเข้มงวด
พวกที่มองอนาคตไปไม่รอดเพราะไม่สามารถทำรายได้เท่าอดีตก็เลยปล่อยเงินออก
จากบริษัท (ไปไหนไม่รู้) แล้วปล่อยบริษัทล้มไป เพราะบริษัทจำกัดความรับผิดชอบ

การล้มละลายของบริษัทในช่วงนั้น โดยที่เจ้าของไม่เจ๊งไปด้วย เป็นเรื่องปกติของคน
ทำธุรกิจในช่วงเวลานั้น ไม่ใช่จะมีแค่บริษัทของทักษิณเท่านั้นที่รู้ เพียงแต่บริษัทของ
ทักษิณยังมั่นใจในการหารายได้แม้จะมีความรุนแรงของเศรษฐกิจ บริษัทที่ไม่มั่นใจ
เจ้าของก็ชักเงินออกมาเก็บในที่ปลอดภัยไว้ก่อน แล้วปล่อยบริษัทล้มไป เรื่องแค่นี้
ซับซ้อนจนเกินเข้าใจหรือเปล่า เห็นถามวนเวียนซ้ำซากไม่จบซักที ขี้เกียจอธิบายว่ะ

สำหรับงบดุลเนื่องจากเป็นบริษัทเอกชน ส่งไปหลังไมค์แล้วกัน

ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปหางบการเงินมาให้ดู ผมถือโอกาสแสดงไว้ในกระทู้เลยก็แล้วกัน  :slime_v:

(http://img147.imageshack.us/img147/3238/kcctq9.jpg)

น่าเสียดายที่งบการเงินนี้ใช้อะไรไม่ได้ ปัญหาคือที่ส่งมาให้ดูเป็น งบปี 42-43 ครับ
จึงไม่สามารถใช้ประกอบข้อกล่าวหาที่ว่าตอนปี 40 มีการ "ปล่อยเงินออกจากบริษัท"
"เจ้าของชักเงินออกมาเก็บในที่ปลอดภัยไว้ก่อน" แล้ว "ปล่อยให้บริษัทล้ม"

แม้แต่ตัวเลข "ทำงานห้าหกปี ปีละพันกว่าล้าน" ที่พูดถึงมาก่อน
ก็ไม่มีเค้าให้เห็นในงบการเงินเลย
ปี 42 รายรับแค่ ร้อยกว่าล้าน มาถึงปี 43 รายรับเหลือแค่ หกสิบกว่าล้าน เท่านั้น  :slime_smile:

---

ยังมีอะไรมาให้ดูที่ใช้ได้ดีกว่านี้ไหม ถ้ามีแค่นี้ผมคงสังเกตได้แต่ดอกเบี้ยจ่าย
ที่ปี 42 ต้องจ่ายเกือบ 3 ร้อยล้านบาทแสดงว่าบริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง
ถ้าจะมีเงินไหลออก ส่วนหนึ่งก็คือตรงนี้

โดยที่หนี้สินเกือบ 4 พันล้านในงบการเงิน น่าจะเป็นเงินกู้ ที่เป็นต้นเหตุดอกเบี้ย
ไม่รู้ว่ากู้มาเมื่อไหร่ ถ้ากู้มานาน 5 ปีเฉพาะดอกเบี้ยก็ปาเข้าไป 1500 ล้านบาท
แต่ในเมื่อมีแค่งบการเงินปี 42 และ 43 เราก็สรุปอะไรไม่ได้
นอกจากสรุปว่าหลักฐานที่ยกมา ไม่ตรงกับช่วงเวลาที่เราคุยกัน  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 19-04-2008, 21:24
คุณจีรศักดิ์ อย่าเมตตาตอบคำถามนอกเรื่องจนเพลิน....
อย่าลืมกระทู้นี้คือ  ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-04-2008, 21:29
คุณจีรศักดิ์ อย่าเมตตาตอบคำถามนอกเรื่องจนเพลิน....
อย่าลืมกระทู้นี้คือ  ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


รับทราบครับลุงปุ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 19-04-2008, 22:09
ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปหางบการเงินมาให้ดู ผมถือโอกาสแสดงไว้ในกระทู้เลยก็แล้วกัน  :slime_v:

น่าเสียดายที่งบการเงินนี้ใช้อะไรไม่ได้ ปัญหาคือที่ส่งมาให้ดูเป็น งบปี 42-43 ครับ
จึงไม่สามารถใช้ประกอบข้อกล่าวหาที่ว่าตอนปี 40 มีการ "ปล่อยเงินออกจากบริษัท"
"เจ้าของชักเงินออกมาเก็บในที่ปลอดภัยไว้ก่อน" แล้ว "ปล่อยให้บริษัทล้ม"

แม้แต่ตัวเลข "ทำงานห้าหกปี ปีละพันกว่าล้าน" ที่พูดถึงมาก่อน
ก็ไม่มีเค้าให้เห็นในงบการเงินเลย
ปี 42 รายรับแค่ ร้อยกว่าล้าน มาถึงปี 43 รายรับเหลือแค่ หกสิบกว่าล้าน เท่านั้น  :slime_smile:

---

ยังมีอะไรมาให้ดูที่ใช้ได้ดีกว่านี้ไหม ถ้ามีแค่นี้ผมคงสังเกตได้แต่ดอกเบี้ยจ่าย
ที่ปี 42 ต้องจ่ายเกือบ 3 ร้อยล้านบาทแสดงว่าบริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง
ถ้าจะมีเงินไหลออก ส่วนหนึ่งก็คือตรงนี้

โดยที่หนี้สินเกือบ 4 พันล้านในงบการเงิน น่าจะเป็นเงินกู้ ที่เป็นต้นเหตุดอกเบี้ย
ไม่รู้ว่ากู้มาเมื่อไหร่ ถ้ากู้มานาน 5 ปีเฉพาะดอกเบี้ยก็ปาเข้าไป 1500 ล้านบาท
แต่ในเมื่อมีแค่งบการเงินปี 42 และ 43 เราก็สรุปอะไรไม่ได้
นอกจากสรุปว่าหลักฐานที่ยกมา ไม่ตรงกับช่วงเวลาที่เราคุยกัน  :slime_smile:

ที่แท้ก็ไม่เข้าใจระบบธุรกิจนั่นเอง แบบนี้ต่อให้หาของปี 40 ได้ คงเรียกปี 39, 38, 37 ไปเรื่อยๆ
เพราะความอ่อนหัดในการอ่านงบ กะแค่หนี้สินหลายพันล้านยังดูไม่ออกว่ามายังไง คิดหรือว่ามี
ทุนสองร้อยล้านไม่มีอะไรค้ำประกันแล้วจะไปกู้ได้เกือบสี่พันล้าน หนี้ส่วนหนึ่งมันเป็นเจ้าหนี้การ
ค้าที่ไม่มีหลักประกัน นำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุนในโครงการแล้วเงินที่ได้มาไปไหนถึงไม่เหลือ ทุน
แค่สองร้อยล้าน บริหารยังไงถึงขาดทุนเกือบสี่พันล้าน ถามจริงเหอะ แกล้งอ่านงบไม่ออกหรือเปล่า
มันก็ชัดซะขนาดนี้ ปี 40 ยังไม่ตัดขาดทุนถึงหาได้ครบห้าปี ก็ถามอีก สอนมากแล้วเหนื่อยว่ะ
จำไว้นะว่า เจ้าหนี้ในงบดุลไม่ได้แปลว่า เงินกู้อย่างเดียว

อีกอย่างบริษัทนี้มีชื่ออยู่ใน top rank 1000 Thai company อยากรู้บิลลิ่งก็หาเองเหอะ ไม่ยาก
(แต่อาจต้องเสียเงิน) คนที่ทำก็เครือเนชั่น

โดยมารยาทเมื่อเป็นบริษัทที่ไม่ใช่มหาชน จึงไม่อยากเปิดเผยทั่วไป นั่นเป็นเหตุผลที่ส่งให้หลังไมค์
ถ้าเป็นได้น่าจะทำตัวเบลอหรืออะไรซักหน่อย


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 19-04-2008, 22:15
คุณจีรศักดิ์ อย่าเมตตาตอบคำถามนอกเรื่องจนเพลิน....
อย่าลืมกระทู้นี้คือ  ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เรื่อง เพ้อเจ้อ อนุมาน จินตนาการน้ำแตก ว่าโภคินเอาไปบอกทักษิณนั่น จบไปนานแล้ว
สรุปให้อีกทีก็ได้

ถ้าวันนั้น โภคิน ไม่ได้บอก ก็ต้องเป็น ทนงบอก ทนงไม่ได้บอก ก็ต้องเป็น เริงชัยบอก
เริงชัย ไม่ได้บอก ก็ต้องเป็นบิ๊กจิ๋วบอก บิ๊กจิ๋วไม่ได้บอก ก็ต้องเป็นยามหรือแม่บ้านแถว
นั้นที่บังเอิญเดินผ่านหรือเข้าไปเสริฟน้ำแล้วได้ยินมาบอก

ถ้าวันนั้น ไม่มีใครบอก ก่อนหน้านั้นก็ต้องมีนายชัยวัฒน์บอก ถ้านายชัยวัฒน์ไม่ได้บอก
ก็ต้องมีเมียนายชัยวัฒน์บอก ถ้าเมียนายชัยวัฒน์ไม่ได้บอก ก็ต้องเป็นลูกนายชัยวัฒน์บอก

ถ้าไม่มีใครบอก ก็ต้องรู้ล่วงหน้ามาก่อนสองสามเดือน แบบว่า หมาแถวนั้นมันบอกมั้ง :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 19-04-2008, 22:33
นายโภชิน เป็นคนมีต้นทุนต่ำ เสียภาษีหลักพัน แต่ฟ้องเทพเทือก หลักพันล้าน !??!

ปปง. น่าจะตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินของนายโภชิน

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 19-04-2008, 22:38
ถ้านายโภชินไม่ได้บอก แล้วโกหกศาลทำไมว่า "ไม่อยู่ในที่ประชุม"   :slime_doubt:

...


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 19-04-2008, 23:27
ระหว่างที่ชอบแถกำลังแก้ตัวเป็นพัลวันว่าทักษิณไม่รู้นั้น ก็ยอมรับในขณะเดียวกันแล้วว่าทักษิณ "ทำ"
"ทำ" นั่นคือการ "แสวงหาประโยชน์" จากการ "ลอยตัวค่าเงินบาท"
ชอบแถจะอ้างว่าทักษิณจำเป็นต้องทำเพื่อตนเอง หรือให้บริษัทตัวเองอยู่รอดก็ได้
จะอ้างว่าเป็นใครก็ต้องทำ ก็ย่อมได้ แต่สุดท้ายแล้วประเทศชาติเสียประโยชน์
และต่อมาคนเดียวกัน คนที่รวยจากการลอยตัวค่าเงินบาทนี่แหละ ก็มาเป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี
ถามจริงๆ ว่าถ้ามีมันสมอง มีหัวคิด จะสามารถยอมรับคนแบบนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้จริงหรือ?


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 20-04-2008, 06:24
ระหว่างที่ชอบแถกำลังแก้ตัวเป็นพัลวันว่าทักษิณไม่รู้นั้น ก็ยอมรับในขณะเดียวกันแล้วว่าทักษิณ "ทำ"
"ทำ" นั่นคือการ "แสวงหาประโยชน์" จากการ "ลอยตัวค่าเงินบาท"
ชอบแถจะอ้างว่าทักษิณจำเป็นต้องทำเพื่อตนเอง หรือให้บริษัทตัวเองอยู่รอดก็ได้
จะอ้างว่าเป็นใครก็ต้องทำ ก็ย่อมได้ แต่สุดท้ายแล้วประเทศชาติเสียประโยชน์
และต่อมาคนเดียวกัน คนที่รวยจากการลอยตัวค่าเงินบาทนี่แหละ ก็มาเป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี
ถามจริงๆ ว่าถ้ามีมันสมอง มีหัวคิด จะสามารถยอมรับคนแบบนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้จริงหรือ?


จินตนาการไปไกลอีกคนแล้ว ขนาด wm นะเนี่ย มิน่าถึงน้ำแตกท่วมบอร์ด
บริษัทของทักษิณจะทำยังไงเพื่อปกป้องบริษัทตัวเอง ไม่รู้เพราะไม่ได้ทำ
งานอยู่บริษัทนั้น แต่มีตั้งหลายวิธีที่ไม่ได้เป็นการ แสวงหาประโยชน์ จาก
การลอยตัวค่าเงินบาท เช่น การจ่ายเงินเพิ่มประกันความเสี่ยงอัตราแลก
เปลี่ยน ตอนนั้นส่วนใหญ่เห็นว่ากู้นอกดอกถูกเลยไม่ค่อยมีใครอยากจ่าย
แต่คนไหนทำก็ไม่เจ๊งเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปซื้อดอลลาร์มาเก็งกำไร


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-04-2008, 11:32
เรื่อง เพ้อเจ้อ อนุมาน จินตนาการน้ำแตก ว่าโภคินเอาไปบอกทักษิณนั่น จบไปนานแล้ว
สรุปให้อีกทีก็ได้

 ถ้าวันนั้น โภคิน ไม่ได้บอก ก็ต้องเป็น ทนงบอก ทนงไม่ได้บอก ก็ต้องเป็น เริงชัยบอก
เริงชัย ไม่ได้บอก ก็ต้องเป็นบิ๊กจิ๋วบอก บิ๊กจิ๋วไม่ได้บอก ก็ต้องเป็นยามหรือแม่บ้านแถว
นั้นที่บังเอิญเดินผ่านหรือเข้าไปเสริฟน้ำแล้วได้ยินมาบอก

ถ้าวันนั้น ไม่มีใครบอก ก่อนหน้านั้นก็ต้องมีนายชัยวัฒน์บอก ถ้านายชัยวัฒน์ไม่ได้บอก
ก็ต้องมีเมียนายชัยวัฒน์บอก ถ้าเมียนายชัยวัฒน์ไม่ได้บอก ก็ต้องเป็นลูกนายชัยวัฒน์บอก

ถ้าไม่มีใครบอก ก็ต้องรู้ล่วงหน้ามาก่อนสองสามเดือน แบบว่า หมาแถวนั้นมันบอกมั้ง :slime_bigsmile:


เพ้อเจ้อ แถเรื่อยเปื่อยแล้ว.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

จะช่วยเพ้อเจ้อ แถเรื่อยเปื่อยให้อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องใบปลิวด่า....

ถ้าไม่ใช่'ผู้มีอิทธิพลเหนือนายกฯ' ก็เป็น'นายกฯนอมินี'
ถ้าไม่ใช่'นายกฯนอมินี' ก็เป็น'นังเพ็ญ'
ถ้าไม่ใช่'นังเพ็ญ' ก็แกนนำ'แนวร่วมเป็ดไก่'
ถ้าไม่ใช่'แนวร่วมเป็ดไก่' ก็เป็น'เป็ดเหลิม'.....ฮ่า  ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-04-2008, 11:39
ระหว่างที่ชอบแถกำลังแก้ตัวเป็นพัลวันว่าทักษิณไม่รู้นั้น ก็ยอมรับในขณะเดียวกันแล้วว่าทักษิณ "ทำ"
"ทำ" นั่นคือการ "แสวงหาประโยชน์" จากการ "ลอยตัวค่าเงินบาท"
 ชอบแถจะอ้างว่าทักษิณจำเป็นต้องทำเพื่อตนเอง หรือให้บริษัทตัวเองอยู่รอดก็ได้
จะอ้างว่าเป็นใครก็ต้องทำ ก็ย่อมได้ แต่สุดท้ายแล้วประเทศชาติเสียประโยชน์
และต่อมาคนเดียวกัน คนที่รวยจากการลอยตัวค่าเงินบาทนี่แหละ ก็มาเป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี
ถามจริงๆ ว่าถ้ามีมันสมอง มีหัวคิด จะสามารถยอมรับคนแบบนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้จริงหรือ?



อ้างอย่างนั้น ยังพอเห็นใจ.....
แต่การะผสมโรง ร่วมกับจอส โซรอส...
ร่วมหุ้นส่วนในบรรษัทฯที่ทำร้ายค่าเงินบาทนั้น เลวร้ายจริง ๆ....


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 20-04-2008, 11:56
จินตนาการไปไกลอีกคนแล้ว ขนาด wm นะเนี่ย มิน่าถึงน้ำแตกท่วมบอร์ด
บริษัทของทักษิณจะทำยังไงเพื่อปกป้องบริษัทตัวเอง ไม่รู้เพราะไม่ได้ทำ
งานอยู่บริษัทนั้น แต่มีตั้งหลายวิธีที่ไม่ได้เป็นการ แสวงหาประโยชน์ จาก
การลอยตัวค่าเงินบาท เช่น การจ่ายเงินเพิ่มประกันความเสี่ยงอัตราแลก
เปลี่ยน ตอนนั้นส่วนใหญ่เห็นว่ากู้นอกดอกถูกเลยไม่ค่อยมีใครอยากจ่าย
แต่คนไหนทำก็ไม่เจ๊งเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปซื้อดอลลาร์มาเก็งกำไร

บริษัท ฯ ในเครื่อชินวัตร ใช้เงินดอลล่าห์ ปีนึ่ง ไม่ใช้น้อย ๆ ....การป้องกันความเสี่ยง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม คิดเป็นเงินมหาศาล.....เศรษฐี ขี้เหนี่ยว ไม่มี อินไซด์ ไม่ยอมจ่ายหรอก

คุณแก๊ส ฯ มีเงินบาทเยอะมั๊ยครับ....เดี๋ยวผมจะช่วยจัดการให้เปลี่ยนเป็นดอลล่าห์ ไปฝากไว้ที่เมืองนอกให้ วันละ ล้าน เหรียญ....(ผมเครดิตน้อยกว่า MR. T   shinnawatra  หลายร้อยเท่าน๊ะเนี่ย)
นี่ไม่รวมกองทัพมด ที่ช่วยกันหิ้วไป ไปฝากไว้ที่ฮ่องกง สิงค์โปร์ เด้อ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 20-04-2008, 15:23
ก็รู้ว่ามันเป็นตด ก็ยังไปคุยกะมันอีก


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-04-2008, 22:43
ที่แท้ก็ไม่เข้าใจระบบธุรกิจนั่นเอง แบบนี้ต่อให้หาของปี 40 ได้ คงเรียกปี 39, 38, 37 ไปเรื่อยๆ
เพราะความอ่อนหัดในการอ่านงบ กะแค่หนี้สินหลายพันล้านยังดูไม่ออกว่ามายังไง คิดหรือว่ามี
ทุนสองร้อยล้านไม่มีอะไรค้ำประกันแล้วจะไปกู้ได้เกือบสี่พันล้าน หนี้ส่วนหนึ่งมันเป็นเจ้าหนี้การ
ค้าที่ไม่มีหลักประกัน นำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุนในโครงการแล้วเงินที่ได้มาไปไหนถึงไม่เหลือ ทุน
แค่สองร้อยล้าน บริหารยังไงถึงขาดทุนเกือบสี่พันล้าน ถามจริงเหอะ แกล้งอ่านงบไม่ออกหรือเปล่า
มันก็ชัดซะขนาดนี้ ปี 40 ยังไม่ตัดขาดทุนถึงหาได้ครบห้าปี ก็ถามอีก สอนมากแล้วเหนื่อยว่ะ
จำไว้นะว่า เจ้าหนี้ในงบดุลไม่ได้แปลว่า เงินกู้อย่างเดียว

อีกอย่างบริษัทนี้มีชื่ออยู่ใน top rank 1000 Thai company อยากรู้บิลลิ่งก็หาเองเหอะ ไม่ยาก
(แต่อาจต้องเสียเงิน) คนที่ทำก็เครือเนชั่น

โดยมารยาทเมื่อเป็นบริษัทที่ไม่ใช่มหาชน จึงไม่อยากเปิดเผยทั่วไป นั่นเป็นเหตุผลที่ส่งให้หลังไมค์
ถ้าเป็นได้น่าจะทำตัวเบลอหรืออะไรซักหน่อย

คุณกล่าวหาเขาในเหตุการณ์ลอยค่าเงินปี 40 และการทำธุรกิจ (พันล้าน  :mrgreen:) ก่อนหน้านั้น 5 ปี
ถ้าคุณมีงบการเงินช่วงนั้นจริง ก็คงเอามาแสดงแล้ว ไม่ใช่มีมาแค่ปี 42-43 ที่อยู่หลังเหตุการณ์

ที่คุณอยากประหยัดฯ กล่าวหาเขานำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุน เกิดจากจินตนาการเอาเองจริงไหม

ไหนคุณลองอธิบายหน่อยว่าดอกเบี้ยจ่ายปีละเกือบ 300 ล้านบาท มาจากอะไรถ้าไม่ใช่จากเงินกู้
และยอดเงินกู้ต้องมากขนาดไหนถึงจ่ายดอกเบี้ยปีละเกือบ 300 ล้าน (งบก่อนปี 42 อาจจ่ายดอก
มากกว่า 300 ล้านบาทก็เป็นได้ด้วย)

คุณเอาอะไรมาประเมินว่าผมอ่อนหัดในการอ่านงบ และที่ว่าติด top rank 1000 Thai company
ผมคุ้นๆ ว่าตัวผมเองเคยดูแลข้อมูลงบการเงินบริษัทที่ติด top rank 100 Thai company มาก่อน
ปัญหาคือคุณไม่มีอะไมาให้ผมดูนอกจากข้อมูลที่ไม่ตรงช่วงเวลา แล้วจะให้ผมสรุปอะไรเล่าครับ?
จะต้องให้ผมพยายามจินตนาการตามอย่างคุณด้วยหรือไง   :slime_smile2:

---

เทียบกับข้อมูล "คำอภิปรายฯ ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท"
และข้อมูลแวดล้อมที่ยกมาประกอบในกระทู้นี้ ซึ่งตรงตามช่วงเวลา มีการระบุชื่อบุคคลชัดเจน
มีการลำดับไล่เหตุการณ์เป็นรายวัน มีเอกสารประกอบชัดเจน ... น้ำหนักมันต่างกันมากมาย

แต่คุณอยากประหยัดฯ กลับบอกว่าผมจินตนาการเอาเอง ไม่ทราบเอามาตรฐานอะไรมาใช้

แค่เรื่อง คุณชัยวัฒน์ อดีตรองผู้ว่าฯ ธปท. ที่เคยร่วมประชุมตัดสินใจลดค่าเงินเมื่อ 21 มิย 40
ก่อนหน้าการลอยค่าเงินมากกว่า 1 สัีปดาห์ แล้วต่อมาได้ไปร่วมงานเป็นผู้บริหารระดับสูงมาก
อยู่ในบริษัทเอสซีแอสเซท ในเครือชินคอร์ปของคุณทักษิณ มันก็เป็นเหตุให้ตั้งข้อสงสัยได้แล้ว
คุณอยากประหยัดฯ ลองอธิบายหน่อยว่ากรณีคุณชัยวัฒน์ร่วมงานกับ SC เป็นเรื่องปกติอย่างไร  :slime_smile:

---

ปล. งบการเงินบริษัท เป็นข้อมูลสาธารณะ ไม่ทราบจะทำเบลอไปเพื่ออะไรครับ ตัวคุณเองต่างหาก
      ที่ระบุชื่อบุคคล ระบุชื่อกิจการ กล่าวหาเขามีพฤติกรรม "นำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุนในโครงการ"
      มันไม่หนักหนากว่าการแสดงงบการเงินหรือ .. ไม่ทราบเกิดจะมีมารยาทอะไรขึ้นมา


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 07:04
งบดุลปีไหนก็เหอะ มันไม่มีบอกหรอกว่าหนี้มาจากไหน ส่วนที่ไม่ยอมเชื่อเรื่องบิลลิ่งจะให้หาหลักฐานมาให้ได้
เป็นเพียงข้ออ้าง ตัวเลขบิลลิ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการก่อหนี้และชักเงินออก คนที่สามารถประเมินธุรกิจได้ดูแค่
เงินลงทุนสองร้อยล้านก็ประมาณยอดขายได้เพราะเรโชมาตรฐานของธุรกิจมีอยู่ ลงทุนสองร้อยล้านเป็นไปไม่ได้
ที่ยอดขายสองร้อยล้านจะอยู่ได้ (ไม่ต้องดัดจริตว่าตรงนี้เป็นจินตนาการนะมันเห่ย) และเป็นไปไม่ได้ที่จะขาย
เป็นหมื่นล้าน ทีตรงนี้แกล้งโง่ (หรือว่าโง่จริงเพราะไม่เคยลงทุนหว่า) และในงบดุลปี 42 43 มัน final แล้ว
เนื่องจากตัดขาดทุนจนเห็นว่าบริษัทปิดเพราะขาดทุนมากกว่าทุนเกินสิบเท่าไม่มีปัญญาจ่าย งบปีก่อนหน้า
มันไม่มีตรงนี้ แต่ที่มันตะแบงไม่ยอมรับต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่อ้างว่าผู้บริหารเป็นเพื่อนกัน เพื่อนภาษาหอกอะไรไม่รู้
ว่าบริษัทนั่นบิลลิ่งประมาณเท่าไหร่ (หลักฐานก็ไม่มี สงสัยแอบอ้างกะเอาเครดิตห่วยๆ ของนายปานเทพ) คง
คิดว่างบดุลบริษัทใครไม่รู้สิบกว่าปีก่อนคงไม่มีใครเก็บไว้ ส่วนเรื่องดอกเบี้ยคงลืมไปมั้งว่าตอนนั้นดอกฝาก
ธนาคารก็ 16% แล้ว ดอกกู้ทบบวกกับค่าปรับ 300 ล้านมาจากเงินต้นพันกว่าล้านทบปีสองปีก็ได้แล้ว เรื่อง
นำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุนมันเป็นข้อเท็จจริงทางธุรกิจ ไม่ทราบทำธุรกิจเป็นหรือเปล่า ยังกะเรื่องพื้นฐานอย่าง
กินข้าววันละสามมื้อเป็นจินตนาการ ต้องมีหลักฐานว่ากินข้าววันละสามมื้อหละม้างถึงจะเชื่อ งี่เง่าน่า ถ้าไม่เคย
เห็นชื่อบริษัทนี้ใน top rank 1000 ก็อย่ามาแอบอ้างเลยน่า ว่าเคยดู top rank 100 งบยังดูไม่เป็น ห่วยจริง

ส่วนอีกมาตรฐานก็วนเวียนซ้ำซาก นั่งในที่ประชุมก็หาว่าไปบอกทักษิณ แล้วก็หาว่าทักษิณตอบแทนหลังจาก
นั้นไม่รู้กี่ปี ทั้งที่โภคินตอนนั้นอยู่พรรคไหน ถามจริงเหอะจำได้หรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวกับทักษิณเลยทีงี้ดันไม่พูด
เรียกว่ากล่าวหาแบบขาดความมั่นใจอย่างมาก (เพราะมันเลื่อนลอยจริงๆ แค่นั่งฟังลากไปถึงบอก) ถึงลากไป
ถึงข้อมูลสองสามเดือนก่อนหน้าที่ไม่เกี่ยวกับคำพิพากษาที่ยกมานั่น อย่างที่ว่าทักษิณมันต้องผิดต้องมีใครไป
บอกไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่งไม่งั้นกรูขี้ไม่ออก หาหลักฐานว่าทักษิณซื้อเงินดอลลาร์มาก่อนสิ จะได้เชื่อว่าเครือ
ชินวัตรไม่ได้ซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงิน มีหรือเปล่า ฮ่า ฮ่า  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 08:45
งบดุลปีไหนก็เหอะ มันไม่มีบอกหรอกว่าหนี้มาจากไหน ส่วนที่ไม่ยอมเชื่อเรื่องบิลลิ่งจะให้หาหลักฐานมาให้ได้
เป็นเพียงข้ออ้าง ตัวเลขบิลลิ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการก่อหนี้และชักเงินออก คนที่สามารถประเมินธุรกิจได้ดูแค่
เงินลงทุนสองร้อยล้านก็ประมาณยอดขายได้เพราะเรโชมาตรฐานของธุรกิจมีอยู่ ลงทุนสองร้อยล้านเป็นไปไม่ได้
ที่ยอดขายสองร้อยล้านจะอยู่ได้ (ไม่ต้องดัดจริตว่าตรงนี้เป็นจินตนาการนะมันเห่ย) และเป็นไปไม่ได้ที่จะขาย
เป็นหมื่นล้าน ทีตรงนี้แกล้งโง่ (หรือว่าโง่จริงเพราะไม่เคยลงทุนหว่า) และในงบดุลปี 42 43 มัน final แล้ว
เนื่องจากตัดขาดทุนจนเห็นว่าบริษัทปิดเพราะขาดทุนมากกว่าทุนเกินสิบเท่าไม่มีปัญญาจ่าย งบปีก่อนหน้า
มันไม่มีตรงนี้ แต่ที่มันตะแบงไม่ยอมรับต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่อ้างว่าผู้บริหารเป็นเพื่อนกัน เพื่อนภาษาหอกอะไรไม่รู้
ว่าบริษัทนั่นบิลลิ่งประมาณเท่าไหร่ (หลักฐานก็ไม่มี สงสัยแอบอ้างกะเอาเครดิตห่วยๆ ของนายปานเทพ) คง
คิดว่างบดุลบริษัทใครไม่รู้สิบกว่าปีก่อนคงไม่มีใครเก็บไว้

บอกตรงๆ ว่าเพื่อนผมมีเยอะ และผมไม่เคยไปสนใจว่าบริษัทใครมีบิลลิ่งกันเท่าไหร่บ้างเมื่อสิบปีก่อน
แต่ที่คุณพิมพ์มายาวๆ สรุปว่าไม่มีงบการเงินปี 35-41 จริงๆ ใช่ไหมเล่า
ถ้าอย่างนั้นผมก็สรุปถูกแล้วว่าที่กล่าวหามาเป็นการคิดมั่วๆ โดยจินตนาการเอาเองทั้งนั้น  :slime_bigsmile:


ส่วนเรื่องดอกเบี้ยคงลืมไปมั้งว่าตอนนั้นดอกฝากธนาคารก็ 16% แล้ว ดอกกู้ทบบวกกับค่าปรับ 300 ล้าน
มาจากเงินต้นพันกว่าล้านทบปีสองปีก็ได้แล้ว

ดอกเบี้ยเงินฝาก ธ.กรุงเทพ ต้นปี 42 ฝากประจำ 12 เดือนอยู่ที่ 5.5% ปลายปี 42 เหลือแค่ 4% เอาที่ไหนมา 16%
แล้วดูตรงไหนในงบว่าดอกเบี้ย 300 ล้านเป็นดอกเบี้ยบวกค่าปรับทบกัน 2 ปี แค่นี้ก็เห็นแล้วว่ามั่วสุดๆ  :slime_smile2:


เรื่องนำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุนมันเป็นข้อเท็จจริงทางธุรกิจ ไม่ทราบทำธุรกิจเป็นหรือเปล่า ยังกะเรื่องพื้นฐานอย่าง
กินข้าววันละสามมื้อเป็นจินตนาการ ต้องมีหลักฐานว่ากินข้าววันละสามมื้อหละม้างถึงจะเชื่อ งี่เง่าน่า ถ้าไม่เคย
เห็นชื่อบริษัทนี้ใน top rank 1000 ก็อย่ามาแอบอ้างเลยน่า ว่าเคยดู top rank 100 งบยังดูไม่เป็น ห่วยจริง

ถ้าผมไม่เคยเห็นชื่อใน top rank 1000 มันแปลกตรงไหน จะมีใครบ้าไปไล่ดูชื่อว่ามีบริษัทไหนใน 1000 รายการ
เรื่องนำเงินจากเจ้าหนี้ไปหมุนจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ก็เรื่องหนึ่ง แต่มีหลักฐานอ้างอิงหรือไม่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง
ผมก็บอกหลายรอบแล้วว่าคุณไม่มีหลักฐาน หรือจะเถียงว่ามีหลักฐานอะไรก็ว่ามา
แล้วถ้ามันเป็นข้อเท็จจริงทางธุรกิจตามปกติ (ไม่โกงเกินปกติ) คุณจะยกเป็นประเด็นมาเทียบเรื่องแม้วโกงทำไม?  :slime_doubt:


ส่วนอีกมาตรฐานก็วนเวียนซ้ำซาก นั่งในที่ประชุมก็หาว่าไปบอกทักษิณ แล้วก็หาว่าทักษิณตอบแทนหลังจาก
นั้นไม่รู้กี่ปี ทั้งที่โภคินตอนนั้นอยู่พรรคไหน ถามจริงเหอะจำได้หรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวกับทักษิณเลยทีงี้ดันไม่พูด
เรียกว่ากล่าวหาแบบขาดความมั่นใจอย่างมาก (เพราะมันเลื่อนลอยจริงๆ แค่นั่งฟังลากไปถึงบอก) ถึงลากไป
ถึงข้อมูลสองสามเดือนก่อนหน้าที่ไม่เกี่ยวกับคำพิพากษาที่ยกมานั่น อย่างที่ว่าทักษิณมันต้องผิดต้องมีใครไป
บอกไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่งไม่งั้นกรูขี้ไม่ออก หาหลักฐานว่าทักษิณซื้อเงินดอลลาร์มาก่อนสิ จะได้เชื่อว่าเครือ
ชินวัตรไม่ได้ซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงิน มีหรือเปล่า ฮ่า ฮ่า  :slime_bigsmile:

ประเด็นก็คือมีการโกหกเกิดขึ้นในหมู่ผู้นำรัฐบาลชวลิต และในที่สุดมีคำพิพากษาที่ยืนยันการโกหกดังกล่าว
ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยยังไม่ได้ตั้ง ตัวทักษิณเองตอนนั้นเป็นนายทุนอยู่พรรคเดียวกับโภคินหรือเปล่าเล่า

ข้อมูล 2-3 เดือนก่อนเกี่ยวกับคำพิพากษาครับ เพราะเป็นลำดับเหตุการณ์การลอยค่าเงินบาทและเก็งกำไร
ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีคนเกี่ยวข้องแค่คนเดียว และเมื่อวิเคราะห์ภาพรวมก็ทำให้เห็นว่าสามารถทำเป็นขบวนการ
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีหลักฐานว่าทักษิณซื้อเิงิน เป็นการตั้งข้อสงสัยจากสถานการณ์แวดล้อมที่ยกมาทั้งหมด
เช่นที่คุณก็ยังไม่ตอบ กรณีรองผู้ว่าฯ ธปท.ไปเป็นผู้บริหารระดับสูงในเครือชินคอร์ปว่าเป็นปกติยังไง  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 09:50
งบปี 42 ก็เห็นชัดๆ แล้ว ไม่ยอมรับเอง (หรือว่าดูไม่เป็นเองหว่า)

สำหรับอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่นๆ เช่น เงินฝากประจำ 3 เดือน MLR และ MRR
ของธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 5 แห่ง อยู่ที่ร้อยละ 10.00-11.50, 14.25-14.75 และ
14.50-15.00 ตามลำดับ ส่วนของธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่ที่ร้อยละ 10.00-14.50,
15.00-16.75 และ 15.50-16.75 ในเดือนกันยายน 2540
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
อัตราดอกเบี้ยที่ยกมาให้ดูเนี่ย ยังมีที่มามากกว่ายกของแบ๊งค์กรุงเทพมาลอยๆ ยังกะ
บริษัทนี่จะกู้แบ๊งค์กรุงเทพแค่แบ๊งค์เดียวในปีเดียว มั่วจริงๆ

จับโกหกได้แล้ว ไม่เคยเห็นชื่อบริษัทที่อ้างว่าเป็นเพื่อน ปกติถ้าเพื่อนกันจริงจะต้อง
รู้ว่าคนไหนรวยมั่ง (เผื่อจำเป็นจะได้เกาะ) คนที่รวยติดอันดับ Top 1000 มาเป็นเพื่อน
มันมีไม่เยอะหรอก ถ้าหลงมาซักคนมีหรือจะจำไม่ได้ นอกจากว่าไม่มี แล้วแอบอ้าง
พวกติด Top 1000 ปีแถวๆ นั้น รายปลายๆ ยอดยังแค่หลักร้อยล้านเอง หรือจะเถียง

รองผู้ว่าไปเป็นผู้บริหารระดับสูงในเครือชินคอร์ป มันเกี่ยวกับข้อมูลภายในไปซื้อ
ดอลลาร์ล่วงหน้าด้วยรึ แค่หลักฐานว่าไปซื้อดอลลาร์ล่วงหน้ายังไม่มี กล่าวหาไร้
สาระไปเรื่อย ที่แท้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทักษิณไปซื้อดอลลาร์จริงหรือเปล่า อย่าว่าแต่
เรื่องมีคนไปบอกเล้ย ถึงมีคนไปบอกก็สรุปไม่ได้(หรือไม่มีหลักฐาน)อยู่ดีว่าทักษิณ
ไปซื้อดอลลาร์ล่วงหน้า จินตนาการน้ำแตกทั้งเพ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 10:22
จับโกหกได้แล้ว ไม่เคยเห็นชื่อบริษัทที่อ้างว่าเป็นเพื่อน ปกติถ้าเพื่อนกันจริงจะต้อง
รู้ว่าคนไหนรวยมั่ง (เผื่อจำเป็นจะได้เกาะ) คนที่รวยติดอันดับ Top 1000 มาเป็นเพื่อน
มันมีไม่เยอะหรอก ถ้าหลงมาซักคนมีหรือจะจำไม่ได้ นอกจากว่าไม่มี แล้วแอบอ้าง
พวกติด Top 1000 ปีแถวๆ นั้น รายปลายๆ ยอดยังแค่หลักร้อยล้านเอง หรือจะเถียง

รองผู้ว่าไปเป็นผู้บริหารระดับสูงในเครือชินคอร์ป มันเกี่ยวกับข้อมูลภายในไปซื้อ
ดอลลาร์ล่วงหน้าด้วยรึ แค่หลักฐานว่าไปซื้อดอลลาร์ล่วงหน้ายังไม่มี กล่าวหาไร้
สาระไปเรื่อย ที่แท้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทักษิณไปซื้อดอลลาร์จริงหรือเปล่า อย่าว่าแต่
เรื่องมีคนไปบอกเล้ย ถึงมีคนไปบอกก็สรุปไม่ได้(หรือไม่มีหลักฐาน)อยู่ดีว่าทักษิณ
ไปซื้อดอลลาร์ล่วงหน้า จินตนาการน้ำแตกทั้งเพ
ปกติถ้าเพื่อนกันจริงจะต้องรู้ว่าคนไหนรวยมั่ง (เผื่อจำเป็นจะได้เกาะ) <- นั่นมันนิสัยของคุณเองแล้วมั๊ง  :slime_hmm:

ถ้าผมบอกว่าเรารู้จักคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแล้วคุณจะว่ายังไง
คนที่รวยติดอันดับ Top 1000 มีไม่เยอะก็จริง แต่ดูเหมือนเพื่อนๆ ของเราก็จะรวย
อยู่ในกลุ่มประมาณนี้เยอะแยะ และคนนี้ไม่ค่อยเด่นในกลุ่มเรื่องความรวยจริงๆ ด้วย

ที่สำคัญคือผมเป็นเพื่อนใคร ทำให้ข้อกล่าวหาคุณมีน้ำหนักขึ้นมาตรงไหนไม่ทราบ
ถ้าผมเป็นเพื่อนเขาจริงแล้วคุณมีหลักฐานหนักแน่นผมจะไปเถียงอะไรได้จริงไหม

ปัญหาคือตัวคุณเองไม่มีหลักฐานอะไรในมือ แล้วพยายามถูไถไปเรื่อยๆ ต่างหาก
หมดท่าจะเถียงเลยพยายามเล่นประเด็นผมเป็นเพื่อนกับเขาหรือไม่ได้เป็น...
ดูแล้วก็น่าสงสาร ถ้าไม่มีอะไรมาแสดงเพิ่มเติมแล้วก็พอเถอะผมเข้าใจ  :slime_bigsmile:


งบปี 42 ก็เห็นชัดๆ แล้ว ไม่ยอมรับเอง (หรือว่าดูไม่เป็นเองหว่า)

สำหรับอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่นๆ เช่น เงินฝากประจำ 3 เดือน MLR และ MRR
ของธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 5 แห่ง อยู่ที่ร้อยละ 10.00-11.50, 14.25-14.75 และ
14.50-15.00 ตามลำดับ ส่วนของธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่ที่ร้อยละ 10.00-14.50,
15.00-16.75 และ 15.50-16.75 ในเดือนกันยายน 2540
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
อัตราดอกเบี้ยที่ยกมาให้ดูเนี่ย ยังมีที่มามากกว่ายกของแบ๊งค์กรุงเทพมาลอยๆ ยังกะ
บริษัทนี่จะกู้แบ๊งค์กรุงเทพแค่แบ๊งค์เดียวในปีเดียว มั่วจริงๆ

เรากำลังคุยเรื่องดอกเบี้ยในงบการเงินปี 42-43 ที่คุณหามาเองแท้ๆ
แล้วไปยกดอกเบี้ยปี 40 มาทำไมครับ คุณนั่นแหละที่มั่ว  :slime_smile2:

ถ้าจะคุยถึงปี 40 ก็ไปเอางบการเงินปี 40 มาดูกันว่าปีนั้นดอกเบี้ยกี่ล้าน
ไม่มีงบปี 35-41 อยู่ในมือจริงๆ ก็ยอมรับมาเถอะ เขารู้กันหมดแล้ว  :slime_bigsmile:

---

ปล. ดอกเบี้ยธนาคารแวะไปดูที่เว็บ ธปท. ได้ครับ มีย้อนหลังถึงปี 39 ทุกธนาคาร
     ไม่ต้องไปตัดแปะจาำกข่าวหนังสือพิมพ์ก็ได้นะครับ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 10:27
สรุปว่าต้องมีงบตั้งแต่ 35-41 ถึงจะกล่าวหาได้เหรอ ต้องการตัวเลขอะไรจาก
ในงบนี้ หรือว่าต้องการดูว่ามีงบหรือเปล่าเฉยๆ น่าจะรู้อยู่ว่าต้องระดับผู้บริหาร
ถึงจะเก็บเอาไว้เนื่องจากเป็นบริษัทเอกชน มันก็เหมือนการกล่าวหาทักษิณนั่น
แหละ ไม่เห็นจะมีงบการเงินอะไรเลยก็กล่าวหาเป็นตุเป็นตะ ส่วนดอกเบี้ยนั่น
ถ้ามีหนี้ในปี 42-43 แสดงว่าต้องกู้มาล่วงหน้าแล้ว ทำไมถึงโง่อย่างงี้นะคิดได้
ไงว่าจะกู้ในปี 42 บริษัทสถานะล้มละลายแล้วใครจะให้กู้เพิ่ม ควายหรือเปล่า :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 10:33
ปกติถ้าเพื่อนกันจริงจะต้องรู้ว่าคนไหนรวยมั่ง (เผื่อจำเป็นจะได้เกาะ)<- นั่นมันนิสัยของคุณเองแล้วมั๊ง  :slime_hmm:

ถ้าผมบอกว่าเรารู้จักคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแล้วคุณจะว่ายังไง
คนที่รวยติดอันดับ Top 1000 มีไม่เยอะก็จริง แต่ดูเหมือนเพื่อนๆ ของเราก็จะรวย
อยู่ในกลุ่มประมาณนี้เยอะแยะ และคนนี้ไม่ค่อยเด่นในกลุ่มเรื่องความรวยจริงๆ ด้วย

ว่าไง ก็ว่าไม่มีหลักฐานว่าเป็นเพื่อนนะสิ ยกขึ้นมาลอยๆ ถึงไม่รู้ว่า มันรวย


ที่สำคัญคือผมเป็นเพื่อนใคร ทำให้ข้อกล่าวหาคุณมีน้ำหนักขึ้นมาตรงไหนไม่ทราบ
ถ้าผมเป็นเพื่อนเขาจริงแล้วคุณมีหลักฐานหนักแน่นผมจะไปเถียงอะไรได้จริงไหม

ปัญหาคือตัวคุณเองไม่มีหลักฐานอะไรในมือ แล้วพยายามถูไถไปเรื่อยๆ ต่างหาก
หมดท่าจะเถียงเลยพยายามเล่นประเด็นผมเป็นเพื่อนกับเขาหรือไม่ได้เป็น...
ดูแล้วก็น่าสงสาร ถ้าไม่มีอะไรมาแสดงเพิ่มเติมแล้วก็พอเถอะผมเข้าใจ  :slime_bigsmile:

หลักฐานคำพิพากษา กับงบการเงินปี 42 43 มันก็ชัดอยู่แล้ว ไม่พอประเด็นไหน บริษัท
มีทุนจากเจ้าของ สองร้อยล้าน กับหนี้สี่พันล้าน แล้วเงินจากหนี้มันหายไปจากบริษัทหมด
แค่นี้ยังไม่ชัดอีกหรือ ต้องมีคลิปมาประกอบใช่มั้ยนั่นว่า เงินมันไหลไปยังไง :slime_bigsmile:

อย่าสองมาตรฐานนักเลย กรณีของทักษิณไม่มีหลักฐานอะไรซักนิด งบก็ไม่มี หลักฐานซื้อขาย
ดอลลาร์ก็ไม่มี ไม่รู้สึกทุเรศในมาตรฐานตัวเองมั่งเรอะ :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 10:36
สรุปว่าต้องมีงบตั้งแต่ 35-41 ถึงจะกล่าวหาได้เหรอ ต้องการตัวเลขอะไรจาก
ในงบนี้ หรือว่าต้องการดูว่ามีงบหรือเปล่าเฉยๆ น่าจะรู้อยู่ว่าต้องระดับผู้บริหาร
ถึงจะเก็บเอาไว้เนื่องจากเป็นบริษัทเอกชน มันก็เหมือนการกล่าวหาทักษิณนั่น
แหละ ไม่เห็นจะมีงบการเงินอะไรเลยก็กล่าวหาเป็นตุเป็นตะ ส่วนดอกเบี้ยนั่น
ถ้ามีหนี้ในปี 42-43 แสดงว่าต้องกู้มาล่วงหน้าแล้ว ทำไมถึงโง่อย่างงี้นะคิดได้
ไงว่าจะกู้ในปี 42 บริษัทสถานะล้มละลายแล้วใครจะให้กู้เพิ่ม ควายหรือเปล่า :slime_bigsmile:

ในทางกลับกันตัวคุณเองก็กล่าวหาเขาโดยไร้ที่มา ไม่มีอะไรอ้างอิงก็ยังกล่าวหาได้จริงไหม
ไม่มีงบปี 35-41 แต่จะกล่าวหาเขาโกงตอนปี 35-41 ก็เชิญกล่าวหาไปแล้วกัน

ถ้าอย่างนั้นที่พวกเรากล่าวหาทักษิณ โดยมีหลักฐานอ้างอิงประกอบเป็นลำดับตามที่ยกมา
มันก็ต้องทำได้สิครับ และคุณก็ไม่ควรโวยวายแก้ต่างอะไรให้ทักษิณอีก
คุณเถียงไปเถียงมาเลยเข้าทางพอดี เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 10:44
ในทางกลับกันตัวคุณเองก็กล่าวหาเขาโดยไร้ที่มา ไม่มีอะไรอ้างอิงก็ยังกล่าวหาได้จริงไหม
ไม่มีงบปี 35-41 แต่จะกล่าวหาเขาโกงตอนปี 35-41 ก็เชิญกล่าวหาไปแล้วกัน

ถ้าอย่างนั้นที่พวกเรากล่าวหาทักษิณ โดยมีหลักฐานอ้างอิงประกอบเป็นลำดับตามที่ยกมา
มันก็ต้องทำได้สิครับ และคุณก็ไม่ควรโวยวายแก้ต่างอะไรให้ทักษิณอีก
คุณเถียงไปเถียงมาเลยเข้าทางพอดี เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้  :slime_bigsmile:

มีพิรุธในปีก่อนหน้า ผลถึงออกมาในปีหลัง เมื่อยกเอาหลักฐานตอนสิ้นสุดบริษัท
มาให้ มันก็ชัดแล้วว่า เป็นการบริหารที่ผิดพลาด มีเงื่อนงำ เพราะว่าเจ้าของที่เป็น
ผู้บริหารไม่ได้จนหรือเจ๊งไปกับบริษัทด้วย ประเด็นนี้ไม่ทราบจะตะแบงไปทำไม
หรือคิดว่าผู้บริหารตอนนี้ตกยากไปเข็นรถขายข้าวมันไก่ หลักฐานที่ยกมา

ทุน 200 บริหารจนเจ๊ง หนี้ 5000 หน่วยล้านบาท ผู้บริหารยังรวยอยู่ ไม่ชัดอีกเรอะ

ไม่เหมือนกรณีทักษิณ ที่ไม่มีการเจ๊งจนทำผู้ถือหุ้นรายอื่น หรือเจ้าหนี้เดือดร้อนไป
ด้วย เป็นการกล่าวหาที่เบาหวิว ไร้หลักฐานมากที่สุด


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 10:53
มีพิรุธในปีก่อนหน้า ผลถึงออกมาในปีหลัง เมื่อยกเอาหลักฐานตอนสิ้นสุดบริษัท
มาให้ มันก็ชัดแล้วว่า เป็นการบริหารที่ผิดพลาด มีเงื่อนงำ เพราะว่าเจ้าของที่เป็น
ผู้บริหารไม่ได้จนหรือเจ๊งไปกับบริษัทด้วย ประเด็นนี้ไม่ทราบจะตะแบงไปทำไม
หรือคิดว่าผู้บริหารตอนนี้ตกยากไปเข็นรถขายข้าวมันไก่ หลักฐานที่ยกมา

ทุน 200 บริหารจนเจ๊ง หนี้ 5000 หน่วยล้านบาท ผู้บริหารยังรวยอยู่ ไม่ชัดอีกเรอะ

ไม่เหมือนกรณีทักษิณ ที่ไม่มีการเจ๊งจนทำผู้ถือหุ้นรายอื่น หรือเจ้าหนี้เดือดร้อนไป
ด้วย เป็นการกล่าวหาที่เบาหวิว ไร้หลักฐานมากที่สุด

การที่เขาเจ๊งตอนวิกฤติลอยค่าเงินบาท มันแสดงว่าเขารู้ล่วงหน้าตรงไหน?

การที่บริษัทเจ๊ง เจ้าของเขาก็เจ๊งไปตามส่วนที่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ไม่ได้หมายความว่าจะต้องสูญเสียเงินทั้งหมดที่มี ง่ายๆ แค่นี้ทำไมไม่เข้าใจ

กรณีทักษิณที่ไม่เจ๊งในขณะที่คนอื่นๆ ส่วนใหญ่เจ๊งต่างหากถึงจะเป็นข้อพิรุธ
แสดงถึงว่าอาจรู้่ล่วงหน้าเรื่องลอยค่าเงินบาท

ในเวลาต่อมาผู้บริหารของ ธปท.ที่รู้ล่วงหน้า ก็ไปนั่งทำงานในเครือชินคอร์ป
ถ้าไปอยู่กับคุณเจริญ (เบียร์ช้าง) หรือ คุณธนินท์(ซีพี) ใครจะไปสงสัยอะไร
นอกจากไม่ไร้หลักฐาน ยังมีเหตุการณ์จริงแบบนี้ให้รู้เห็นกันโดยทั่วไป  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 21-04-2008, 10:54
เค้าถึงมีสำนวนออกมาว่า

กำขี้ ดีกว่า กำตด ไงครับ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 10:55
หลักฐานคำพิพากษา กับงบการเงินปี 42 43 มันก็ชัดอยู่แล้ว ไม่พอประเด็นไหน บริษัท
มีทุนจากเจ้าของ สองร้อยล้าน กับหนี้สี่พันล้าน แล้วเงินจากหนี้มันหายไปจากบริษัทหมด
แค่นี้ยังไม่ชัดอีกหรือ ต้องมีคลิปมาประกอบใช่มั้ยนั่นว่า เงินมันไหลไปยังไง :slime_bigsmile:

อย่าสองมาตรฐานนักเลย กรณีของทักษิณไม่มีหลักฐานอะไรซักนิด งบก็ไม่มี หลักฐานซื้อขาย
ดอลลาร์ก็ไม่มี ไม่รู้สึกทุเรศในมาตรฐานตัวเองมั่งเรอะ :slime_hmm:

ย้ำอีกครับหนึ่ง..

ในทางกลับกันตัวคุณเองก็กล่าวหาเขาโดยไร้ที่มา ไม่มีอะไรอ้างอิงก็ยังกล่าวหาได้จริงไหม
ไม่มีงบปี 35-41 แต่จะกล่าวหาเขาโกงตอนปี 35-41 ก็เชิญกล่าวหาไปแล้วกัน

ถ้าอย่างนั้นที่พวกเรากล่าวหาทักษิณ โดยมีหลักฐานอ้างอิงประกอบเป็นลำดับตามที่ยกมา
มันก็ต้องทำได้สิครับ และคุณก็ไม่ควรโวยวายแก้ต่างอะไรให้ทักษิณอีก
คุณเถียงไปเถียงมาเลยเข้าทางพอดี เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 12:50
อะไรกันเนี่ย ตะแบงอะไรซื่อบื้ออย่างง้าน เสียฟอร์มเปล่าๆ น่า

ตอนวิกฤตลอยตัวเงินบาทที่เจ๊ง ปรากฎว่าสินทรัพย์หายเรียบ เหลือแต่หนี้
ไม่ต้องถามหางบนะว่าสินทรัพย์หายไปยังไง เรียนแค่บัญชี 1 ก็รู้แล้ว บริษัท
เจ๊ง เจ้าของจะเจ๊งไปด้วยได้ไง ในเมื่อปัจจุบันยังรวยขนาดมีที่อยู่สีลม แล้ว
เงินในบริษัทเป็นพันล้านมันหายไปไหน บริหารขาดทุนสี่พันห้าพันล้านเรอะ
ตลกหรือเปล่า เสียเงินไปกับที่ลงทุนครั้งแรก เทียบกับที่ได้กลับมาแบบลึก
ลับมันคนละยอดเงินเลย สี่พันห้าพันล้านกับสองร้อยล้านงบที่ให้ไปก็แสดง
เห็นๆ ยังไม่เห็นตอบเลยว่าจะเอาอะไรกับงบปีก่อนหน้าที่ยังไม่ตัดขาดทุน
หรือว่าเอาชนะที่ได้เห็นงบ ที่กล่าวหาอ้างอิงจากงบปี 42-43 ก็ชัดเจนมาก
พอแล้ว การกล่าวหาทักษิณซะอีกที่ไม่มีงบอะไรเลย แค่หลักฐานว่าซื้อเงิน
ดอลลาร์ก็ไม่มี มันไม่ได้เกี่ยวกับเถียงเข้าทางอะไรซักนิด แค่คำแก้ตัวห่วยๆ
ในยามจนแต้มที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกล่าวหาว่าทักษิณรู้ล่วงหน้าแล้วไป
ซื้อเงินดอลลาร์ก่อนลอยตัวค่าเงิน รู้ล่วงหน้าก็ไม่มีหลักฐาน แค่เดาๆ ว่ามีคน
รู้ ซื้อเงินดอลลาร์ยิ่งไม่มีหลักฐานอะไรเลย เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกจริงมั้ย


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 13:51
อะไรกันเนี่ย ตะแบงอะไรซื่อบื้ออย่างง้าน เสียฟอร์มเปล่าๆ น่า

ตอนวิกฤตลอยตัวเงินบาทที่เจ๊ง ปรากฎว่าสินทรัพย์หายเรียบ เหลือแต่หนี้
ไม่ต้องถามหางบนะว่าสินทรัพย์หายไปยังไง เรียนแค่บัญชี 1 ก็รู้แล้ว บริษัท
เจ๊ง เจ้าของจะเจ๊งไปด้วยได้ไง ในเมื่อปัจจุบันยังรวยขนาดมีที่อยู่สีลม แล้ว
เงินในบริษัทเป็นพันล้านมันหายไปไหน บริหารขาดทุนสี่พันห้าพันล้านเรอะ
ตลกหรือเปล่า เสียเงินไปกับที่ลงทุนครั้งแรก เทียบกับที่ได้กลับมาแบบลึก
ลับมันคนละยอดเงินเลย สี่พันห้าพันล้านกับสองร้อยล้านงบที่ให้ไปก็แสดง
เห็นๆ ยังไม่เห็นตอบเลยว่าจะเอาอะไรกับงบปีก่อนหน้าที่ยังไม่ตัดขาดทุน
หรือว่าเอาชนะที่ได้เห็นงบ ที่กล่าวหาอ้างอิงจากงบปี 42-43 ก็ชัดเจนมาก
พอแล้ว การกล่าวหาทักษิณซะอีกที่ไม่มีงบอะไรเลย แค่หลักฐานว่าซื้อเงิน
ดอลลาร์ก็ไม่มี มันไม่ได้เกี่ยวกับเถียงเข้าทางอะไรซักนิด แค่คำแก้ตัวห่วยๆ
ในยามจนแต้มที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกล่าวหาว่าทักษิณรู้ล่วงหน้าแล้วไป
ซื้อเงินดอลลาร์ก่อนลอยตัวค่าเงิน รู้ล่วงหน้าก็ไม่มีหลักฐาน แค่เดาๆ ว่ามีคน
รู้ ซื้อเงินดอลลาร์ยิ่งไม่มีหลักฐานอะไรเลย เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกจริงมั้ย

ยังเถียงไม่ยอมเลิกอีก..  :slime_doubt:

กิจการที่เป็นบริษัทจำกัด ชื่อมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า "จำกัด" ที่เคยเรียนมาเขาไม่ได้สอนหรือ
เมื่อกิจการเจ๊ง ผู้ถือหุ้นก็รับผิดชอบไปตามสัดส่วนที่ถือหุ้น เขาไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินทั้งหมด
อยู่ในบริษัทที่เจ๊ง ดังนั้นเมื่อบริษัทเจ๊งเขาก็ไม่จำเป็นต้องหมดเนื้อหมดตัว

ที่ดินที่สีลมมันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่เจ๊งหรือเปล่าล่ะครับ ถ้าไม่ใช่มันก็ยังเป็นของเขา

เงินในบริษัทเป็นพันล้านหายไปไหนผมจะไปรู้ได้ยังไง ในเมื่องบปี 42-43 ที่คุณยกมาให้ดู
มันมีแต่ตัวเลขหนี้สิน ผมยังไม่เห็นตอนมันเป็นเงินสดเลย ตัวคุณก็ยืนยันเองว่ายอดหนี้ที่เห็น
ไม่ใช่เงินกู้ บอกว่าเป็นเจ้าหนี้การค้าไม่ใช่หรือ แล้วมันจะมีเงินพันล้านอยู่ในบริษัทได้ยังไง
มันก็มีแต่ไปซื้อของเอาไว้แล้วติดหนี้ไม่จ่ายเขาเท่านั้นเอง..

ก็ตั้งโจทย์มาเองว่าหนี้ที่เห็นไม่ใช่เงินกู้ แล้วจะมาถามหาว่าเงินพันล้านในบริษัทหายได้ยังไง
ถามแต่คนอื่น ตกลงคุณเรียน บัญชี 1 มาหรือเปล่านี่ :slime_smile2:

...

แล้วคุณยังไม่ตอบเลยนะว่า ที่บริษัทเจ๊งมันแสดงว่าเขารู้เรื่องลอยค่าเงินล่วงหน้าตรงไหน
ตอนนั้นบริษัทในประเทศไทยส่วนใหญ่ก็เจ๊งกันทั้งนั้น แสดงว่ารู้เรื่องลอยค่าเงินกันหมดสิ
เห็นเจ้าของบริษัทที่เจ๊งส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กันพร้อมหน้ามีเงินทองทั้งนั้น
ส่วนทักษิณที่ไม่เจ๊งและรวยกว่าคนอื่น นั่นไม่เกี่ยวกับอินไซด์เดอร์ใช่ไหม  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 14:16
เอ เข้าใจคำว่าสินทรัพย์หมุนเวียนที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้มั้ยเนี่ย
เวลากู้เงินธนาคารหรือเจ้าหนี้การค้าได้สินทรัพย์มา มันก็ต้องลงเป็นสินทรัพย์
ในข้างเดบิตงบดุลทั้งนั้น รู้ป่าวข้างไหน ในเมื่อมันไม่มีสินทรัพย์แล้ว แสดงว่า
มันได้แปลงสภาพเป็นขาดทุน หรือคิดว่าเจ้าหนี้การค้าไม่ต้องลงบัญชีสินทรัพย์
หว่า จะเอาไปตัดเป็นต้นทุนขายหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็เข้ากระบวนการแปลง
สภาพเป็นเงินหรือลูกหนี้การค้าทั้งนั้น จะให้แปลงเป็นขาดทุนไปเลยสี่พันล้าน
เจ้าหนี้ที่ไหนจะยอม ชอบแสดงความเห็นตลกฝืดไม่ขำซะเรื่อย

เรื่องบริษัทเจ๊งเพราะรู้ล่วงหน้าตอบมาหลายรอบแล้ว กลับไปอ่านเองดีกว่ามั้ง
ที่บอกแสดงว่ารู้เรื่องลอยค่าเงินกันหมด คงจะจริง เพราะไม่เห็นมีเจ๊งจริงซักราย
เจ๊งแบบเดียวกับพ่อนายปานเทพนั่นแหละ บริษัทเจ๊งเจ้าของยังรวยมากอยู่ ที่
ยอมปล่อยบริษัทเจ๊ง ก็เพราะ

กิจการที่เป็นบริษัทจำกัด ชื่อมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า "จำกัด"


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 21-04-2008, 14:27
สมชื่อชอบแถจริงๆ แถไปได้เรื่อยๆ

น่าสมเพชจริงๆ จงเป็นขี้ข้าไอ้พวกชินวัตรต่อไปเถอะ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 17:41
เอ เข้าใจคำว่าสินทรัพย์หมุนเวียนที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้มั้ยเนี่ย
เวลากู้เงินธนาคารหรือเจ้าหนี้การค้าได้สินทรัพย์มา มันก็ต้องลงเป็นสินทรัพย์
ในข้างเดบิตงบดุลทั้งนั้น รู้ป่าวข้างไหน ในเมื่อมันไม่มีสินทรัพย์แล้ว แสดงว่า
มันได้แปลงสภาพเป็นขาดทุน หรือคิดว่าเจ้าหนี้การค้าไม่ต้องลงบัญชีสินทรัพย์
หว่า จะเอาไปตัดเป็นต้นทุนขายหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็เข้ากระบวนการแปลง
สภาพเป็นเงินหรือลูกหนี้การค้าทั้งนั้น จะให้แปลงเป็นขาดทุนไปเลยสี่พันล้าน
เจ้าหนี้ที่ไหนจะยอม ชอบแสดงความเห็นตลกฝืดไม่ขำซะเรื่อย

เรื่องบริษัทเจ๊งเพราะรู้ล่วงหน้าตอบมาหลายรอบแล้ว กลับไปอ่านเองดีกว่ามั้ง
ที่บอกแสดงว่ารู้เรื่องลอยค่าเงินกันหมด คงจะจริง เพราะไม่เห็นมีเจ๊งจริงซักราย
เจ๊งแบบเดียวกับพ่อนายปานเทพนั่นแหละ บริษัทเจ๊งเจ้าของยังรวยมากอยู่ ที่
ยอมปล่อยบริษัทเจ๊ง ก็เพราะ

กิจการที่เป็นบริษัทจำกัด ชื่อมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า "จำกัด"

คุณนี่เหลือเชื่อจริงๆ จะพยายามแสดงภูมิบัญชีเบื้องต้นให้เสียเวลาทำไม?  :slime_doubt:

การดำเนินกิจการอะไรก็ตามย่อมเกิดการขาดทุนได้ โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤติ
ในช่วงเดียวกันมีกิจการขนาดใหญ่ล้ม คิดเป็นสินทรัพย์รวมกันหลายแสนล้าน
เมื่อขาดทุนมากๆ ก็ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบได้ และถ้ามีเจ้าหนี้ปอดแหก
มาฟ้องเอาในจังหวะที่เขาเพิ่มทุนไม่ได้ กิจการก็ล้มละลายเท่านั้นเอง

ส่วนเขาจะล้มปกติหรือจงใจล้ม ถ้าคุณจะกล่าวหาเขาต้องไปหาพยานหลักฐาน
ถ้าจะอ้างเรื่องบริษัทเช่าตึกเจ้าของบริษัท หรือบริษัทเจ๊งแล้วเจ้าของยังมีที่ดิน
เหลืออยู่ที่สีลม ผมก็อธิบายไปแล้วว่ามันใช้ไม่ได้

...

คุณก็รับมุกผมไปได้เรื่อยเปื่อย ว่าทุกคนรู้เรื่องลอยค่าเงินบาทกันล่วงหน้า
ถ้าเป็นจริงโอกาสรวยเห็นๆ ทำไมทั้งประเทศไม่ทำตามกลุ่มชินคอร์ปละครับ
ทั้งประกันความเสี่ยงค่าเงิน ทั้งเร่งชำระหนี้ล่วงหน้า ทั้งตุนสินค้านำเข้า ฯลฯ

ที่ต้องปล่อยให้บริษัทเจ๊งมันจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ใครจะบ้าเอาทรัพย์สินเงินทอง
ที่อยู่นอกบริษัทจำกัด ไปทุ่มกอบกู้บริษัทเกินที่เขาต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย

ทั้งหมดจึงไม่ใช่ความผิดมาตั้งแต่ต้น เขาทำถูกแล้วสำหรับบริษัท "จำกัด"
ว่าแต่คุณตอบมาทำไมอีก ในเมื่อก็สรุปเหมือนที่ผมสรุปทุกอย่างเลยนี่นา  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 21-04-2008, 17:53
ไปเจอบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารกรีไทย พูดถึงการทำธุรกิจสมัยก่อนวิกฤติเศรษฐกิจที่รับงานเป็นหมื่นล้าน
และยอมรับว่าในช่วงวิกฤตเจ็บตัวค่อนข้างมาก เพราะไปกู้เงินมาใช้ในการก่อสร้าง เมื่อรอดมาได้จึงปรับแผน
ลดขนาดงานที่ทำลง ลดขนาดกิจการลง เลิกกู้เงินมาใช้ในการก่อสร้าง ใช้แต่ทุนตัวเองทำงานเล็กๆ

ดังนั้นคงไม่แปลกหรอกถ้าจะมีกิจการก่อสร้างอื่นๆ ที่ต้องล้มในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเกิดปัญหาเหมือนกัน
จากการกู้เงินมาใช้ในการก่อสร้างงานใหญ่ๆ ระดับพันล้าน แต่ต่างกันที่ไม่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติได้
และทำให้คนบางคนจินตนาการไปว่าผู้บริหารมีการโยกย้ายเงิน โดยรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการลอยค่าเงินบาท  :slime_smile:

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กรีไทยเข็ดรับงานรัฐบาล
โดย ผู้จัดการรายวัน 23 มกราคม 2549 21:09 น.
http://www.acassoc.com/o2/Newsdetail.asp?id=2610

ผู้จัดการรายวัน – “กรีไทย” เข็ดวิกฤตเศรษฐกิจงดรับงานใหญ่-งานภาครัฐ หวั่นความผันผวนเศรษฐกิจ ขอรับงานปีละ 400-500 ล้านบาท
ใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 15 เดือน ระบุศักยภาพยังรับงานใหญ่ได้ แถมมีกลุ่มทุนมาเลเชีย-สิงคโปร์เจรจาร่วมทุนเพื่อรับงานเมกะโปรเจกต์
แต่ ปฏิเสธ ล่าสุดเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการเดอะฟิฟท์ อเวนิว ของบ.อุบลชาติ กรุ๊ป มูลค่างาน 220 ล้านบาท

นายอาจณรงค์ เกตุวรวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีไทย คอนสตรั๊คชั่น จำกัด บริษัทรับเหมาที่มีชื่อเสียง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่
บริษัทประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทได้ดำเนินการบนพื้นฐานของความเป็นจริง ด้วยการยึดหลักการกระจายความเสี่ยง โดยจะรับงาน
ปีละประมาณ 400-500 ล้านบาท หรือประมาณ 4-5 โครงการ ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 12-15 เดือน เพื่อป้องกันความผันผวนของเศรษฐกิจ

ในส่วนของงานภาครัฐนั้น บริษัทยังไม่มีความสนใจที่จะเข้าไปประมูลงานโดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ แม้ว่าจะมีผู้รับเหมาจากต่างประเทศ
ทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์เข้ามาเจรจา เพื่อขอร่วมทุนในการเข้าไปประมูลงานโครงการดังกล่าว แต่บริษัทได้ปฏิเสธไป เนื่องจากไม่มั่นใจ
ในสภาวะเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลกระทบกับต้นทุนการก่อสร้าง ซึ่งอาจทำให้บริษัทประสบปัญหาการขาดทุนได้ หากมีการบริหารจัดการไม่ดี
หรือผลตอบแทนไม่คุ้มค่าการลงทุน

" ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทเคยรับงานประมาณ 20 โครงการมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท มีพนักงานประจำกว่า 1,200 คน และมี
แรงงานก่อสร้างกว่า 10,000 คน แต่ปัจจุบันเรามีคนงานเหลือแค่ 30% ยอมรับว่า ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมาเราเจ็บตัวค่อนข้างมาก ได้รับ
บทเรียนมากมาย ทำให้ในปัจจุบัน ต้องหันมาดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในปัจจุบันเราไม่ได้กู้เงินมาใช้ในการก่อสร้าง
โดยใช้ทุนตัวเองมาโดยตลอด และโดยศักยภาพของบริษัท จะยังสามารถรับงานใหญ่ได้แต่ไม่อยากรับ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์
เนื่องจากไม่ถนัดงานภาครัฐ อีกทั้งมองว่ารับงานภาคเอกชนดีกว่า"


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-04-2008, 22:26
คุณก็รับมุกผมไปได้เรื่อยเปื่อย ว่าทุกคนรู้เรื่องลอยค่าเงินบาทกันล่วงหน้า
ถ้าเป็นจริงโอกาสรวยเห็นๆ ทำไมทั้งประเทศไม่ทำตามกลุ่มชินคอร์ปละครับ
ทั้งประกันความเสี่ยงค่าเงิน ทั้งเร่งชำระหนี้ล่วงหน้า ทั้งตุนสินค้านำเข้า ฯลฯ

มันไม่ทำตามกลุ่มชินวัตร เพราะว่า
1. มันไม่ได้กู้นอก
2. มันมองแล้วผู้ว่าจ้างมันจะเจ๊ง และจะไม่มีเงินจ่ายมัน
3. เงินที่ธนาคารให้มันกู้ หรือเจ้าหนี้การค้าปล่อยเครดิตให้มันยังหมุนอยู่ในบริษัท
4. หาทางเอาเงินออกมาปล่อยบริษัทล้มไปได้มากกว่าทักษิณทำเยอะ ไม่ต้องรับผิดชอบ
   และไม่ต้องมาเสี่ยงกับการที่ไม่มีลูกค้า

บริษัท ที่ไม่ปล่อยบริษัทล้ม เช่น กรีไทย ตอนนี้ พิทักษ์ทรัพย์อยู่ ไม่ใช่ กรีไทย คอนสตรั๊คชั่น ที่ให้สัมภาษณ์
บริษัท กรีไทย จำกัด ที่มีบิลลิ่ง 20 หน่วยงาน หน่วยงานหนึ่งทำประมาณสามปี (ตัวอย่างก็อิมพีเรียลลาดพร้าว)
บิลลิ่ง หมื่นล้าน หาร สามปี ก็ประมาณ สามพันกว่าล้านต่อปี เกษมกิจเล็กกว่ากรีไทยครึ่งหนึ่ง เพราะมีหน่วยงาน
พร้อมกันต่ำกว่า 10 หน่วยงาน แต่เป็นหน่วยงานใหญ่ๆ ทำนานๆ เช่น กรมสรรพากร ตึกช้าง

อย่างน้อย กรีไทย ก็ยังมีความรับผิดชอบมากกว่าหน่อยนึงแหละว้า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 22-04-2008, 12:34
มันไม่ทำตามกลุ่มชินวัตร เพราะว่า
1. มันไม่ได้กู้นอก
2. มันมองแล้วผู้ว่าจ้างมันจะเจ๊ง และจะไม่มีเงินจ่ายมัน
3. เงินที่ธนาคารให้มันกู้ หรือเจ้าหนี้การค้าปล่อยเครดิตให้มันยังหมุนอยู่ในบริษัท
4. หาทางเอาเงินออกมาปล่อยบริษัทล้มไปได้มากกว่าทักษิณทำเยอะ ไม่ต้องรับผิดชอบ
   และไม่ต้องมาเสี่ยงกับการที่ไม่มีลูกค้า

บริษัท ที่ไม่ปล่อยบริษัทล้ม เช่น กรีไทย ตอนนี้ พิทักษ์ทรัพย์อยู่ ไม่ใช่ กรีไทย คอนสตรั๊คชั่น ที่ให้สัมภาษณ์
บริษัท กรีไทย จำกัด ที่มีบิลลิ่ง 20 หน่วยงาน หน่วยงานหนึ่งทำประมาณสามปี (ตัวอย่างก็อิมพีเรียลลาดพร้าว)
บิลลิ่ง หมื่นล้าน หาร สามปี ก็ประมาณ สามพันกว่าล้านต่อปี เกษมกิจเล็กกว่ากรีไทยครึ่งหนึ่ง เพราะมีหน่วยงาน
พร้อมกันต่ำกว่า 10 หน่วยงาน แต่เป็นหน่วยงานใหญ่ๆ ทำนานๆ เช่น กรมสรรพากร ตึกช้าง

อย่างน้อย กรีไทย ก็ยังมีความรับผิดชอบมากกว่าหน่อยนึงแหละว้า

ผมถามว่า ...

"ถ้าทุกคนรู้เรื่องลอยค่าเงินบาทกันล่วงหน้า ทำไมทั้งประเทศไม่ทำตามกลุ่มชินคอร์ป"

ถ้าคุณจะบอกว่าทั้งประเทศ "ไม่ได้กู้เงินเมืองนอก" นั่นมันบิดเบือนสุดๆ แล้ว
ตอนนั้นที่ธุรกิจล่มทั้งประเทศก็เพราะมีการกู้เงินเมืองนอกมหาศาลนะครับ

ถ้าทุกคนรู้เรื่องลอยค่าเงินกันล่วงหน้าก็ต้องทำเหมือนชินคอร์ป ถามว่าทำไมเขาไม่ทำ

คำตอบก็คือส่วนใหญ่เกือบทุกคนไม่มีใครรู้ล่วงหน้าทั้งนั้น
คุณจะบิดเบือนไปยังไงมันก็ไม่พ้นประเด็นมีคนรู้เรื่องลอยค่าเงินล่วงหน้าไปได้  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 22-04-2008, 17:19
พวกขี้อิจฉาคงนอนไม่หลับฟุ้งซ่านเพราะเห็นคนอีสานรักและเทิดทูนคุณทักษิณแบบนี้....ฮ่าๆๆๆ :slime_smile2:



คตส.แฉ “ปากกาสีดำ” มัดแน่น “แม้ว” บงการงาบซีทีเอ็กซ์ 
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2551 23:15 น.
 
 
 
        คตส.ฟัน “ทักษิณ” เอี่ยวงาบ “ซีทีเอ็กซ์ 9000” หลังพบหลักฐานเด็ดลายเส้น “ปากกาสีดำ” ทำเครื่องหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงสายพานระบบลำเลียงกระเป๋า เผยเตรียมร่วมถกส่งอัยการสูงสุด หรือยื่นฟ้องศาลฎีกาเอง
       
       วานนี้ (20 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ วาระที่น่าสนใจ คือ คณะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่มีนายอำนวย ธันธรา เป็นประธาน จะนำสรุปผลสำนวนการไต่สวนคดีดังกล่าว รายงานให้ที่ประชุมใหญ่มีมติเห็นชอบว่าจะส่งฟ้องอัยการสูงสุด หรือฟ้องเองโดยตรงที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่อนุกรรการไต่สวนเสนอหรือไม่
       
       สำหรับรายงานลับซึ่งเป็นผลการไต่สวนสำนวนการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ 9000 นั้น พบว่า เอกสารการสอบสวนดังกล่าวซึ่งมีนับพันหน้า รวมแล้วหลายสิบแฟ้ม จะมีการบรรยายความเป็นมาของคดีนี้โดยละเอียด ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงกระบวนการอนุมัติการจัดซื้อ และการรับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ ที่ส่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในส่วนของกระบวนการจัดซื้อนั้น อนุกรรมการได้มีการบรรยายโดยละเอียดตั้งแต่ต้นเมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงระบบการตรวจสายพานลำเลียงกระเป๋า และสัมภาระ โดยมติของคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) หลายครั้งในช่วงปี 2546 ซึ่งมีการเห็นชอบ และผลักดันโดยตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.)
       
       แฉหลักฐาน “ปากกาสีดำ” มัด “แม้ว”
       
       การกระทำดังกล่าว อนุกรรมการเห็นว่ากระบวนการทั้งหมดในการอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างเครื่องซีทีเอ็กซ์มีเงื่อนงำ และส่อพิรุธทำให้เกิดกระบวนการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ดังนั้นอนุกรรมการไต่สวนคดีซีทีเอ็กซ์ของ คตส. จึงมีมติให้ดำเนินคดี และแจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาลำดับที่ 1 อีกทั้งอนุกรรมการมีพยานหลักฐาน คือ คำให้การของพยานบุคคล ซึ่งมาให้การกับ คตส.ว่า ในเอกสารการประชุม และสั่งการของ กทภ.ที่มีการสั่งให้ใช้จัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำสัญลักษณ์บางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยใช้ “ปากกาสีดำ” เป็นเครื่องหมาย และพยานได้ระบุกับ คตส.ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ระบุในที่ประชุมให้เปลี่ยนแปลงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าดังกล่าว
       
       “จากผลการสอบสวนพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกฯ และประธาน กทภ.ที่ได้เข้าประชุม ครม. เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2548 พบว่า ไม่ได้มีการตำหนิการทำงานของบอร์ด บทม. และบอร์ด ทอท. โดยเฉพาะการไม่แจ้งถึงความเสียหายที่ บทม. และ ทอท.จะได้รับในการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และการตัดสินใจซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ รวมไปถึงการแก้ไขความเสียหาย และภาพพจน์ของประเทศไทยที่ได้รับจากปัญหาที่เกิดขึ้นหลังมีข่าวเรื่องปัญหาสินบนการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ซึ่งกระทบกับภาพพจน์ของประเทศไทยอย่างรุนแรง” ผลการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ของ คตส.ตอนหนึ่ง ระบุ
       
       “สุริยะ-ธีรวัฒน์” มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
       
       นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาอื่นๆ ประกอบด้วย ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาลำดับที่ 2 คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม และอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นผู้รู้เห็นกระบวนการ และขั้นตอนการจัดซื้อทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นผู้เดินทางไปรับเครื่องซีทีเอ็กซ์ด้วยตัวเองด้วย สำหรับผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาลำดับที่ 3 คือ นายธีรวัฒน์ ฉัตราธิมุข ซึ่งเป็นทีมงานฝ่ายการเมืองหน้าห้องของนายสุริยะ โดยต่อมาได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการให้เป็นประธานที่ปรึกษา รมว.คมนาคม
       
       ภายหลังพบว่า นายธีรวัฒน์ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ใดๆ แต่กลับไปเข้าร่วมประชุมกับตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจอนุมัติจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ คือ ตัวแทนจากบริษัทอินวิชั่น ตัวแทนของกลุ่ม ITO บริษัท บทม.โดยตลอด เพื่อหาข้อตกลงในการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ดังนั้น นายธีรวัฒน์ จึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายในฐานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช.มาตรา 4(5)
       
       ชี้ผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
       
       จากพยานหลักฐานที่อนุกรรมการไต่สวนได้รับ พบว่า ทั้ง 3 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุริยะ และนายธีรวัฒน์ ซึ่งเป็นนักการเมืองนั้น ได้แจ้งต่อที่ประชุมผู้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ หลายครั้งว่า ต้องการให้ได้ข้อสรุปในการซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์โดยเร็วที่สุด และทั้ง 3 คน มีส่วนผลักดันให้มีการซื้อเครื่องดังกล่าวจากบริษัทอินวิชั่นอย่างสูง ในรายงานลับผลการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ ยังระบุถึงผู้ถูกดำเนินคดีในคดีนี้อีกว่า ยังมีอดีตคณะกรรมการบริหารบริษัท ทอท.ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรของรัฐ แต่กลับมีมติหลายครั้ง เพื่อเร่งรัดดำเนินการในการทำสัญญาซื้อขายระหว่าง บทม.กับอินวิชั่น จึงถือว่ามีความผิดในฐานะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
       
       ซึ่งรายชื่ออดีตบอร์ด ทอท.ที่ถูก คตส.เอาผิด เช่น นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และอดีตประธานบอร์ด ทอท. และ บทม. นายอารีพงษ์ พุ่มชะอุ่ม พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ นายปรีชา จรุงกิจอนันต์ นายสามารถ ราชภักดิ์ นายสมชัย สวัสดิผล นายอดิเทพ นาคะวิสุทธิ์ ที่เป็นกรรมการพิจารณาต่อรองราคางานจ้างออกแบบปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยฯ นายเทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ เป็นต้น
       
       “ไอทีโอ-แพทริออต” ไม่รอด-โดนดำเนินคดี
       
       “สำหรับบริษัทเอกชนที่ถูก คตส.เอาผิด และดำเนินคดีอาญา ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทไอทีโอ เพราะถือว่าได้รับผลกำไรขาดทุนจากการดำเนินการให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าดังกล่าว บริษัทแพทริออต ในฐานะบริษัทนายหน้า และเป็นตัวแทนของบริษัทอินวิชั่นในประเทศไทย ที่มีนายวรพจน์ ยศทัตต์ หรือเสี่ยเช เป็นเจ้าของ ซึ่งผู้บริหารของกลุ่มบริษัทเอกชนดังกล่าว คือ ไอทีโอ และแพทริออต จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด”รายงานข่าว ระบุ
       
       เอกสารลับผลการสอบสวน ยังระบุว่า สำหรับบุคคลที่ก่อนหน้านี้ได้ถูกเอาผิดในชั้นอนุกรรมการไต่สวน แต่จะไม่มีชื่อถูกเอาผิดในการส่งสำนวนฟ้องศาลเพราะพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือการดำเนินคดี จึงต้องระงับไปตามกฎหมาย ประกอบด้วย นายวิชัย จึงรักเกียรติ นายวรวิทย์ วิสูตรชัย เพื่อนร่วมรุ่นคณะวิศวกรรมกับนายวรพจน์ นายโดมินิค แมคเกอดดี้ ชาวต่างชาติ รวมทั้งบริษัทควอโตเทค ที่ บทม.ไปจ้างมาเป็นบริษัทวิศวกรอิสระตรวจรับรองแบบระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกอนุกรรมการไต่สวนชี้มูลในชั้นไต่สวนว่ามีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แต่ปรากฏว่า ต่อมาบริษัทควอโตเทคได้ไปควบรวมกิจการบริษัท LLC เป็น QuatrotecLlc ทำให้ความเป็นนิติบุคคลสิ้นสุดลง การดำเนินคดีอาญาจึงต้องระงับไปด้วย
       
        “ทักษิณ” อ่วมสุดเจอความผิด 2 กระทง
       
       รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า สำหรับการเอาผิดตามกฎหมายนั้น จะมีการแยกเขียนบรรยายลักษณะความผิด โดยบางคนจะมีความผิด 2 กระทง และบางคนจะมีความผิดแค่ 1 กระทง แต่ที่หนักที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสุริยะ เพราะพบว่าเป็นแค่ 2 คนเท่านั้นที่โดนเอาผิด 2 กระทง คือ 1.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,86,90,144,157 รวมทั้งความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 83 และความผิดกระทงที่ 2 คือ ความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 70,84,91,97
       
       นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญของการเขียนสรุปผลการสอบสวนพบว่า อนุกรรมการได้มีการถกเถียงกันอย่างมากต่อการเอาผิดกับนายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด เนื่องจากตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ได้ให้ทุกสำนวนของ คตส.ต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาสำนวนการสั่งฟ้องต่อศาลก่อน แต่หากอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง ถึงค่อยกลับมาให้มีการตั้งกรรมการร่วม 2 ฝ่าย คือ คตส.กับอัยการ แล้วหากตกลงกันไม่ได้ถึงค่อยให้ คตส.ยื่นฟ้องเอง
       
       ซึ่งอนุกรรมการมีความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายแรกเห็นว่า คตส.สามารถยื่นฟ้องนายชัยเกษม ต่อศาลได้เลย โดยแยกสำนวนการส่งฟ้องออกมาต่างหากตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 97 แต่อีกฝ่ายเห็นว่าไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการลัดขั้นตอน และรูปคดีไม่เข้ากับกฎหมาย ป.ป.ช. โดยสมควรส่งฟ้องนายชัยเกษม พ่วงไปกับบุคคลที่ถูกเอาผิดทั้งหมด แล้วหากอัยการสั่งไม่ฟ้องนายชัยเกษม จากนั้น คตส.ถึงค่อยยื่นฟ้องเอง ทำให้สุดท้ายอนุกรรมการไต่สวนต้องมีการนัดประชุมเพื่อลงมติชี้ขาดในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.นี้ว่า จะดำเนินการอย่างไรกับการเอาผิดนายชัยเกษม ต่อไป

 
 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000046166
 
 
 
 พวกขี้อิจฉาคงนอนไม่หลับฟุ้งซ่านเพราะเห็นคนอีสานรักและเทิดทูนคุณทักษิณแบบนี้....ฮ่าๆๆๆ  
พวกขี้อิจฉาคงนอนหลับ ไม่ฟุ้งซ่าน
เพราะมีความหวังว่าทักษิณจะเข้าคุกในเร็วๆ นี้....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ข่าวอย่างนี้ ไม่ค่อยปรากฏหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ
หรือ ปรากฏช้ากว่า 'ผู้จัดการ'.....

ไม่ขอยืนยันว่า 'ผู้จัดการ' ปั้นน้ำเป็นตัวไหม... :?:


ปล. ระยะหลังลูกหลานแม๊ว ก็ไม่ค่อยเชื่อถือ'ไทยรัฐ'เหมือนกัน.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-04-2008, 20:50
ผมถามว่า ...

"ถ้าทุกคนรู้เรื่องลอยค่าเงินบาทกันล่วงหน้า ทำไมทั้งประเทศไม่ทำตามกลุ่มชินคอร์ป"

ถ้าคุณจะบอกว่าทั้งประเทศ "ไม่ได้กู้เงินเมืองนอก" นั่นมันบิดเบือนสุดๆ แล้ว
ตอนนั้นที่ธุรกิจล่มทั้งประเทศก็เพราะมีการกู้เงินเมืองนอกมหาศาลนะครับ

ถ้าทุกคนรู้เรื่องลอยค่าเงินกันล่วงหน้าก็ต้องทำเหมือนชินคอร์ป ถามว่าทำไมเขาไม่ทำ

คำตอบก็คือส่วนใหญ่เกือบทุกคนไม่มีใครรู้ล่วงหน้าทั้งนั้น
คุณจะบิดเบือนไปยังไงมันก็ไม่พ้นประเด็นมีคนรู้เรื่องลอยค่าเงินล่วงหน้าไปได้  :slime_smile:

สถาบันการเงินไทย กู้เงินนอกมาปล่อยในไทย กินส่วนต่างดอกเบี้ยที่ถูกกว่า
เมื่อสถาบันการเงินไทย อยู่ดีๆ หยุดปล่อยกระทันหัน ธุรกิจที่กู้ในประเทศย่อม
รู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกคนไม่ได้โง่ คนที่กู้เงินนอกจำนวนมหาศาลมีไม่
กี่กลุ่ม ที่เจ๊งกันเพราะว่าไอ้ไม่กี่กลุ่มนี้เอามาปล่อยต่อ เมื่อธุรกิจที่ไม่ได้กู้เงิน
นอกโดยตรง จะประกันความเสี่ยงอย่างทักษิณได้ไง คนที่ทำธุรกิจเฉพาะใน
ประเทศอยู่ดีๆ จะซื้อดอลลาร์มาเก็งกำไรในช่วงที่โดนเพ่งเล็ง มันไม่ใช่ง่ายๆ
ต้องมีหลักฐานไม่รู้ตั้งกี่อย่าง ถ้าเห็นล่วงหน้าว่าภายในปี 2540 ไม่วันใดก็วัน
หนึ่งลูกโป่งจะแตก เหมือนสมัยสมหมาย จะให้ทำอะไรได้ นอกจาก ชักทุน
ตัวเองออกจากบริษัทด้วยวิธีใดก็ได้ แล้วปล่อยบริษัทตามยถากรรม อธิบาย
มาซ้ำซากยืดยาว ไม่เข้าใจเลยเหรอ

ปล. ชินคอร์ปตอนนั้นยังไม่มีนะจ๊ะ


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 22-04-2008, 21:07
คุณแก๊ส ยังไม่ได้ตอบสองเรื่อง นะจ๊ะ

1. ความคิดเห็นที่ 111

ถ้านายโภชินไม่ได้บอก แล้วโกหกศาลทำไมว่า "ไม่อยู่ในที่ประชุม"   :slime_doubt:

...


2. ความคิดเห็นที่ 118


แค่เรื่อง คุณชัยวัฒน์ อดีตรองผู้ว่าฯ ธปท. ที่เคยร่วมประชุมตัดสินใจลดค่าเงินเมื่อ 21 มิย 40
ก่อนหน้าการลอยค่าเงินมากกว่า 1 สัีปดาห์ แล้วต่อมาได้ไปร่วมงานเป็นผู้บริหารระดับสูงมาก
อยู่ในบริษัทเอสซีแอสเซท ในเครือชินคอร์ปของคุณทักษิณ มันก็เป็นเหตุให้ตั้งข้อสงสัยได้แล้ว
คุณอยากประหยัดฯ ลองอธิบายหน่อยว่ากรณีคุณชัยวัฒน์ร่วมงานกับ SC เป็นเรื่องปกติอย่างไร  :slime_smile:

---

...


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 22-04-2008, 21:35
1. จะไปรู้มัน(เอ๊ยท่าน)เรอะ ไม่ใช่ญาตินี่หว่า
2. บริษัทมหาชน ใครมีความสามารถก็เข้าไปทำ กระบวนการขั้นตอน
ก็มีอยู่ อย่างรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ยังเข้าไปเป็นบอร์ดเอไอเอสได้เลย คุณพารณก็เคยทำงานในมูลนิธิ
ไทยคม ก็คนมันมีความสามารถสงสัยอะไรมากมาย


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 23-04-2008, 04:10
1. จะไปรู้มัน(เอ๊ยท่าน)เรอะ ไม่ใช่ญาตินี่หว่า

ถ้านายโภชินไม่ได้บอก แล้วโกหกศาลทำไมว่า "ไม่อยู่ในที่ประชุม"
ตอบแบบนี้ก็เท่ากับสละสิทธิแก้ต่าง และศาลท่านก็วินิจฉัยแล้วว่า
เรื่องที่โกหกทั้งที่ไปร่วมประชุมนี้ เป็น "พิรุธสำคัญ"

2. บริษัทมหาชน ใครมีความสามารถก็เข้าไปทำ กระบวนการขั้นตอน
ก็มีอยู่ อย่างรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ยังเข้าไปเป็นบอร์ดเอไอเอสได้เลย คุณพารณก็เคยทำงานในมูลนิธิ
ไทยคม ก็คนมันมีความสามารถสงสัยอะไรมากมาย

มั่วไปอ้างอิงชื่อคนอื่นมาเพิ่มเติมอีกแล้วนะคุณอยากประหยัดฯ
รอง ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ เคยรู้เห็นเรื่องการลอยค่าเงินบาท
เป็นการภายในล่วงหน้าเหมือน รอง ผู้ว่าฯ ธปท. ที่ไหนกัน

คุณชัยวัฒน์ อดีตรองผู้ว่าฯ ธปท. เคยร่วมตัดสินใจลดค่าเงินบาท
ก่อนการลอยค่าเงินกว่า 1 สัีปดาห์ แล้วต่อมาได้ไปร่วมงานเป็น
ผู้บริหารระดับสูงมากๆ อยู่ในบริษัทเอสซีแอสเซท ของชินวัตร

บริษัทเอสซีแอสเซท เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่บริษัท
ที่ทำธุรกิจทางด้านการเงินการธนาคาร ทำไมไม่เลือกคนอื่นๆ
ที่มีความสามารถตรงตามลักษณะกิจการมากกว่าคุณชัยวัฒน์

ถ้าหากคุณชัยวัฒน์ไปทำงานในบริษัทด้านการเงินการธนาคาร
หรือไปทำงานกับบริษัทอื่นนอกตระกูลชินวัตร ใครจะไปสงสัย
แต่ออกมารูปนี้ก็ต้องตั้งข้อสงสัยได้ว่ามีพิรุธใช่ไหมเล่า


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 23-04-2008, 06:36
เป็นพิรุธสำคัญ แสดงว่า ที่โกหกเพราะว่า นำไปความลับไปบอกทักษิณ เท่านั้น
เหตุผลโคตร ความเป็นไปได้ล้านแปด ดันพุ่งเป้ามาที่ความลับทักษิณอย่างเดียว
สงสัยเรียนความน่าจะเป็นตกหว่ะ จริงๆ แกอาจประชุมแป๊บเดียวแล้วไปค้างบ้าน
เมียน้อยก็ได้ อาจจะโกหกเมียว่าไปราชการต่างจังหวัด ถ้าบอกว่าอยู่ประชุมนี้
แล้วเมียถามว่าอีกตั้งครึ่งคืนถึงเช้าไปไหน จะให้ตอบว่าไง

อ้าวตกลงประชุมรู้กันสี่คนไม่ใช่เรอะ นายชัยวัฒน์เกี่ยวอะไรด้วย จะสรุปง่ายๆ
ว่าถ้าโภคินไม่ได้บอกนายชัยวัฒน์ก็ต้องบอก ทั้งที่ยังไม่มีข้อมูลเลยว่าทักษิณ
ซื้อดอลลาร์ล่วงหน้าจริงหรือเปล่า ตกวิชาความน่าจะเป็นอีกตามเคย อ่อนจริงๆ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 23-04-2008, 13:56
เป็นพิรุธสำคัญ แสดงว่า ที่โกหกเพราะว่า นำไปความลับไปบอกทักษิณ เท่านั้น
เหตุผลโคตร ความเป็นไปได้ล้านแปด ดันพุ่งเป้ามาที่ความลับทักษิณอย่างเดียว
สงสัยเรียนความน่าจะเป็นตกหว่ะ จริงๆ แกอาจประชุมแป๊บเดียวแล้วไปค้างบ้าน
เมียน้อยก็ได้ อาจจะโกหกเมียว่าไปราชการต่างจังหวัด ถ้าบอกว่าอยู่ประชุมนี้
แล้วเมียถามว่าอีกตั้งครึ่งคืนถึงเช้าไปไหน จะให้ตอบว่าไง

อ้าวตกลงประชุมรู้กันสี่คนไม่ใช่เรอะ นายชัยวัฒน์เกี่ยวอะไรด้วย จะสรุปง่ายๆ
ว่าถ้าโภคินไม่ได้บอกนายชัยวัฒน์ก็ต้องบอก ทั้งที่ยังไม่มีข้อมูลเลยว่าทักษิณ
ซื้อดอลลาร์ล่วงหน้าจริงหรือเปล่า ตกวิชาความน่าจะเป็นอีกตามเคย อ่อนจริงๆ :slime_bigsmile:

โห.. ตลกจนขำขี้จะแตกแล้วว

ตกลงเหตุผลล้านแปดยังไงก็ช่าง

แต่มันก็คือไอ้หน้าตอแหลคนนึง เช่นเดียวกับลูกพี่นักทำบุญ






ไม่ขำ แต่สังเวช
กราบมันเข้าไปเหอะ ไอ้นักบุญหน้าเหลี่ยมน่ะ
เจริญ... :slime_slapped:



หัวข้อ: Re: ==คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก" กรณีโภคินช่วยทักษิณเก็งกำไรค่าเงินบาท==
เริ่มหัวข้อโดย: prinz_bismarck ที่ 24-04-2008, 17:07
คุณ jerasak ได้ตอบแบบหลักวิชาการ มีเหตุผล มีแหล่งอ้างอิงได้ แต่ชอบแถอาศัยวิชาแถข้างๆคูๆอ้างหลักตรรกะแต่ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลยแหล่งอ้างอิงก็ไม่มีแต่ก็ยังแถไปเรื่อยๆ

อย่างที่บอกไว้แต่แรกทีเวลาชอบแถกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ทำไมมันแตกง่ายเหลือเกินแต่กับคุณพ่อทักษิณมีหลักฐานขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมแตกอะไรมันปิดบังดวงตาของชอบแถเอาไว้นะ