ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 12-04-2008, 22:36



หัวข้อ: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 12-04-2008, 22:36
ไม่ต้องแปลกใจ ทำไม่ประชาชนไม่ให้โอกาส
เพราะหล่อนขาดความสามารถ มีฝีมือไม่เท่าเทียม
ไร้ฝีมือต้องยอมรับสภาพ หล่อนมีสัญชาติกา อย่าหวังใฝ่ในวิถีหงษ์...

อ้า...ยังไม่ได้รับรายงาน
อ้า...แพ้เพราะซื้อเสียง
อ้า...เราไม่มีเงิน เราจึงแพ้
อ้า...เราไม่มีความสามารถ จึงต้องชิงเมียเพื่อน...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-04-2008, 23:00
แล้ว "นังเภก" เนี่ยะ ยอมรับอะไรกับใครเค้ามั่ง  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 12-04-2008, 23:04
นี่คือวุฒิภาวะตามธรรมชาติของคนรักทาก....  :slime_sleeping:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2008, 00:14
"นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น... 


'แม๊ว'ให้ผลประโยชน์จุใจ
จึงยอมรับเป็น'บิดา' อีกคน
เหมือน'ลิเลีย'.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ปล. 'เภก 800' ต้องผ่าน'ขั้นตอน'เดียวกับ 'ซูสี จ๊ะ' ไหม...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2008, 00:18
คนไทยที่มีคุณธรรมในใจ
ต้องยอมรับว่าคุณชวน หลีกภัย ได้เป็น'นายกรัฐมนตรี'
เพราะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบิ๊กจิ๋ว
ที่มี'บิดา'ของ'เภก 800' ร่วมยำยำตำบอนด้วย..... :!:




หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2008, 00:22
"นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น... 


คนที่มี'บิดา' พรรค์นี้....
'หมาหางด้วน' อยากให้อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย มีความประพฤติสามานย์เยี่ยงเดียวกัน
'ลี้ภัย' หนีหมายจับ หนีคดีทุจริตโกงชาติ ปล้นชาติอยู่ต่างแดน....

ลูกหลานโจร อยากให้คนอื่นมีพฤติกรรมสามานย์เหมือน'บิดา'ของตน.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ปล. 'บิดา'ซาดิสต์ ตกทอดกรรมพันธุ์
ให้คนอื่นก่นด่า มีความสุขใจ สบายใจ......


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 13-04-2008, 00:35
หึ หึ  :slime_bigsmile:เภกมาฟังสวดพระอภิธรรมโดยไว :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 13-04-2008, 01:31
ไม่ทราบว่าท่านเภกตัดยังครับ เพราะบิดาท่านนิยมขันทีเป็นกรณีพิเศษ ผมชี้ช่องรวยให้นะ รีบๆไปตัดซะ ลงทุน 5000 เอง :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2008, 09:11
ไม่ทราบว่าท่านเภกตัดยังครับ เพราะบิดาท่านนิยมขันทีเป็นกรณีพิเศษ ผมชี้ช่องรวยให้นะ รีบๆไปตัดซะ ลงทุน 5000 เอง :slime_slapped:


น่าจะสอบถาม'ซูสี จ๊ะ'
คนร่วมอุดมการณ์ ร่วมเพศเดียวกัน ก็ได้......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ ที่ 13-04-2008, 09:35
ผมไม่ทราบว่าคุณเภก ลืมคิดอะไรไปหรือเปล่า

ในขณะที่ประเทศไทย เป็นต้นกำเหนิดหายนะ

ในรัฐบาลจิ๋ว หวานเจี๊ยบ ที่พ่อแม้ว ของคุณเภก ได้ประโยชน์จากข่าววงใน

ปล้นประเทศไปตั้งพรรคโกงเมือง มาปล้นให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม (ชั่วสะใจรากหญ้า กินหญ้าจริง ๆ)

รัฐบาลนายชวน กลับสามารถ ดึงเงินเฟ้อไว้ได้ ไม่เกินแปดเปอร์เซ็นต์

ขณะที่ ประเทศลาว ซึ่งได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน กลับไม่สามารถคุมเงินเฟ้อได้

โดนเข้าไป 30 กว่าเปอร์เซ็นต์

ถึงผมจะไม่ชอบพรรค ปชป. แต่ผมเกลียด ทักษิณว่ะ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2008, 09:41
ผมไม่ทราบว่าคุณเภก ลืมคิดอะไรไปหรือเปล่า

ในขณะที่ประเทศไทย เป็นต้นกำเหนิดหายนะ

ในรัฐบาลจิ๋ว หวานเจี๊ยบ ที่พ่อแม้ว ของคุณเภก ได้ประโยชน์จากข่าววงใน

ปล้นประเทศไปตั้งพรรคโกงเมือง มาปล้นให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม (ชั่วสะใจรากหญ้า กินหญ้าจริง ๆ)

รัฐบาลนายชวน กลับสามารถ ดึงเงินเฟ้อไว้ได้ ไม่เกินแปดเปอร์เซ็นต์

ขณะที่ ประเทศลาว ซึ่งได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน กลับไม่สามารถคุมเงินเฟ้อได้

โดนเข้าไป 30 กว่าเปอร์เซ็นต์

ถึงผมจะไม่ชอบพรรค ปชป. แต่ผมเกลียด ทักษิณว่ะ



ศาลยุติธรรม ศาลฏีกาพิพากษาแล้ว...
ลูกหลานคนชั่ว เผ่าพันธุ์บิดเบือน ใส่ความผู้อื่น ไม่ยอมรับความจริงหรอก....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 09:43
ผมไม่ทราบว่าคุณเภก ลืมคิดอะไรไปหรือเปล่า

ในขณะที่ประเทศไทย เป็นต้นกำเหนิดหายนะ

ในรัฐบาลจิ๋ว หวานเจี๊ยบ ที่พ่อแม้ว ของคุณเภก ได้ประโยชน์จากข่าววงใน

ปล้นประเทศไปตั้งพรรคโกงเมือง มาปล้นให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม (ชั่วสะใจรากหญ้า กินหญ้าจริง ๆ)

รัฐบาลนายชวน กลับสามารถ ดึงเงินเฟ้อไว้ได้ ไม่เกินแปดเปอร์เซ็นต์

ขณะที่ ประเทศลาว ซึ่งได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน กลับไม่สามารถคุมเงินเฟ้อได้

โดนเข้าไป 30 กว่าเปอร์เซ็นต์

ถึงผมจะไม่ชอบพรรค ปชป. แต่ผมเกลียด ทักษิณว่ะ


วันนี้ต้องขอเอ่ยนามถึง คุณบุญูชู โรจนเสถียร ที่ล่วงลับ เจ้าของฉายา ซาร์เศรษฐกิจ อันลือลั่น ด้วยความเคารพ จะขอยกเป็นหนังตัวอย่าง ความผิดพลาดในการบริหารงานทาง ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ที่ทำเอาชาติบ้านเมืองพังมาแล้ว

คุณบุญชูได้ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือ แทบลอยด์ ไทยโพสต์ ไว้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี 2543 เวลาล่วงเลยมาแล้ว 7 ปี หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินมา 3 ปี

เริ่มต้นที่ว่าฝุ่นเริ่มหายตลบ ทุกฝ่ายกลับมาทบทวนความเสียหายทางเศรษฐกิจประเทศ ต้นตอมาจากไหนกันแน่ คุณบุญชูสรุปไว้ได้น่าฟังว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับธุรกิจ ที่ไปกู้ยืมเขามา ยกตัวอย่างกรณี คุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ตอนกู้มาเหรียญละ 25 บาท จู่ๆเราปล่อยให้ค่าเงินตราลอยไปที่ 40-50 บาท เขาต้องขาดทุนมหาศาล...ผิดที่เขาหรือ”

“6-7 ปีที่แล้วไม่เคยได้ยินคำว่า เอ็นพีแอล จู่ๆไปเอามาตรฐาน บีไอเอส มาจาก ไอเอ็มเอฟ ซัดกันใหญ่ใครจะไปอยู่ได้ ต้องสำรอง ต้องตัดบัญชี เคยมีกำไรอยู่ก็ขาดทุน แล้วมาบังคับ ให้ชำระหนี้ตามกำหนด ต้องหาเงินส่งออกนอกประเทศอย่างเดียว แม้กระทั่งทุนในตลาด หลักทรัพย์...ใครทำผิด”

“เขามาอ้างบิ๊กจิ๋วทุกเรื่อง อยากจะถามว่าวันที่จิ๋วเขาส่งมอบมีเงินคงคลังเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้เหลือ เท่าไหร่ เท่าที่จำได้วันที่รับมอบมีอยู่ 3 แสนกว่าล้าน วันนี้เหลือ 5 หมื่น-6 หมื่นล้าน (ปี 2543) ดีขึ้นหรือเลวลง”

จิ๋วทำหรือใครทำ

“รัฐบาลที่เข้ามาแก้ปัญหาตอนนั้น เป็นรัฐบาลร่วม 6 พรรค...เรื่องสถาบันการเงิน ตอนที่จิ๋ว ส่งมอบยังไม่ได้ปิด แค่หยุดกิจการเพื่อสะสางหนี้ แต่รัฐบาลใหม่เข้ามาปิด 56 สถาบันการเงิน เหลือแค่ 2 แห่ง”

“ประกาศนโยบายแยกหนี้ดีหนี้เสียออกทันที แต่กลับเอาไปดองไว้อย่างนั้น ยังไม่พอ เอาไป ทำเป็นก้อนโตๆ คละกันแล้วขายในราคาถูกอีกต่างหาก”

“ฝรั่งมาซื้อไปหมด คนไทยไม่ได้มีโอกาสแก้ตัวเลยแม้แต่น้อย เสร็จแล้วมีคนไทยที่ไปเข้าหุ้น กับฝรั่งย้อนมาซื้อ ทำกำไร คนได้ประโยชน์ ก็เงียบ ผมเคยเช็กตอนที่เป็นกรรมาธิการผู้แทนฯ ให้ชี้แจงวันรับกองทุนฟื้นฟูมีฐานะอย่างไร มีหนี้เท่าไหร่ เพิ่มขึ้นอย่างไร เหลือทรัพย์สิน เท่าไหร่...เงียบ”

“ไม่ได้มีการปฏิบัติตามนโยบายที่เขียนไว้เลย แม้แต่เรื่องสำคัญที่จะทำอย่างไรให้สถาบันการเงิน กลับมาเริ่มทำหน้าที่ธุรกิจที่กำลังเป็นไข้ ควรให้ธนาคารพาณิชย์รับช่วงอุ้มต่อไป ไม่ควรทิ้ง อย่างที่ทิ้งอยู่เดี๋ยวนี้”

“ที่เอาไปขายก็บังคับขายให้ฝรั่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามสู้ ให้ลดอิทธิพลฝรั่ง แต่นี่มันย้อนกลับ แล้วมาพูดว่าแบงก์ไม่ร่วมมือ ใครจะร่วมมือ ก็ฆ่าเขานี่”

เฮ้อ คงจะนึกภาพออกว่า ใครเป็นตัวจริงทำเศรษฐกิจพังกันแน่ เท่านั้นยังไม่พอ ถึงคราว เศรษฐกิจหัวคะมำ กระโจนหนี ปัดความ รับผิดชอบเอาดื้อๆ พอเศรษฐกิจทำท่าจะฟื้นก็กระโจน เข้าใส่ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น เป็นงานถนัด ถ้ายังไม่ถึงบางอ้อ ก็ไปหาแทบลอยด์ ไทยโพสต์ ์ที่ผมระบุข้างต้นอ่านดู

แล้วจะเห็นความเนียนของนักการเมืองพรรคนี้.


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 09:50


ศาลยุติธรรม ศาลฏีกาพิพากษาแล้ว...
ลูกหลานคนชั่ว เผ่าพันธุ์บิดเบือน ใส่ความผู้อื่น ไม่ยอมรับความจริงหรอก....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



จุดเป็นตาย 5 ประเด็นที่อัยการสั่งสอบเพิ่ม แต่ คตส.แกล้งเมินเฉย !!! คือ

1. อัยการเห็นว่า การไต่สวนข้อเท็จจริง โดยน้ำหนักของถ้อยคำพยานยังไม่เพียงพอ (ให้สอบพยานบุคคลเพิ่ม)

2. อัยการเห็นว่าการนำเสนอพยานหลักฐานสู่ศาลยังไม่สามารถชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างสลากกินแบ่งกับสลากกินรวบ (ให้รวบรวมพยานเพิ่ม)

3. อัยการเห็นว่า การออกสลากพิเศษเคยได้รับอนุญาตว่าเป็นสลากการกุศลประเภทหนึ่ง (จึงยังไม่ชัดเจนว่าการออกสลากกินรวบจะผิดกฎหมายหรือไม่)

4. อัยการเห็นว่า ต้องตรวจสอบเพิ่ม กรณีนำเงินรายได้สู่สังคม ตามโครงการต่างๆ ที่ตั้งขึ้น (มีมูลความจริงเพียงใด หากนำเงินไปช่วยเหลือสังคมจริง ก็อาจจะไม่มีความผิด)

5. อัยการสูงสุดเห็นว่าต้องตรวจสอบบัญชีงบดุล เพื่อจะได้ทราบว่าใครนำเงินไปใช่ผิดประเภท จึงจะฟ้องได้ชัดเจน (อัยการคงไม่อยากจะฟ้องคลุม ๆ ไปว่า ครม.ทั้งคณะทำผิด)

แต่ คตส.ดื้อดึงไม่ทำตาม จนต้องตั้งคณะทำงานร่วมกัน ผลสุดท้าย คตส.ก็ไม่ยอมสอบสวนเพิ่มตามที่อัยการสั่ง

แล้วอาศัยอำนาจ ปปช.แต่งทนายฟ้องคดีเอง (โดยเข้าใจผิดในข้อกฎหมาย)

ปรานยิ่งดีขอฟันธงชัด ๆ ว่า “คตส.ยังไม่มีอำนาจฟ้อง”

เพราะไม่ได้ทำตามขั้นตอนของประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ข้อ 9 ซึ่งมีประเด็นสำคัญพอสรุปได้ว่า

“ในกรณีที่ คตส.มีมติว่าบุคคลใด กระทำความผิดฯ ให้ส่งรายงาน เอกสารหลักฐานพร้อมทั้งความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยให้ถือว่ามติของ คตส.เป็นมติของ ปปช. ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นแตกต่าง แต่ คตส.มีความเห็นยืนยันความเห็นเดิมให้ คตส.มีอำนาจดำเนินการให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ”

ข้อสำคัญที่ปรานยิ่งดีกล้าฟันธงคือ “คตส.จะฟ้องคดีเองได้ก็ต่อเมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นแตกต่าง”

ดังนั้นคตส.จึงไม่อาจอาศัยอำนาจ ปปช.มาฟ้องคดีเองได้ เพราะ คตส.มิใช่ ปปช. และขัดกับประกาศ คปค.ดังกล่าว

ในคดีนี้อัยการสูงสุดยังไม่มีความเห็นแตกต่างเลย เพียงแต่อัยการเจ้าของสำนวนสั่งให้ คตส.สอบสวนเพิ่ม

คตส.ก็ตีโพยตีพายหาว่าอัยการโยกโย้ แล้วดันทุรังฟ้องคดีไปโดยไม่รอให้อัยการสูงสุดมีความเห็นแตกต่างก่อน (คือไม่รอให้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี)

ก็ต้องตั้งตาคอยลุ้นกันว่า ศาลฎีกาฯท่านจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอย่างไรต่อไป.


ประเทศนี้มีกฏหมายด้วยหรือ? เห็นมีแต่กฏเบื้องบนสั่ง
จะให้ออกมาอย่างไร ดังนั้นต้องดูลมบนว่าเอาไงมากกว่า
ถ้าต้องการฟัน มันก็ตะแบงไปน้ำขุ่นๆๆอย่างที่แล้วมา

กี่คดีแล้ว พวกเรายังเชื่อถือกระบวนยุติธรรมประเทศสารขันต์ แห่งนี้ได้แล้วหรือ?
ทั้งด่าทั้งว่ามันหน้าด้านทำต่อ
ใครจะทำไรมันได้ ก็มันทำตามมาเฟียใหญ่สั่งนี่นา


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อ&
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 13-04-2008, 09:56
เอามาแปะ รู้เรื่องอะไรมั่งป่าว.....ลุงเภก


วันนี้ต้องขอเอ่ยนามถึง คุณบุญูชู โรจนเสถียร ที่ล่วงลับ เจ้าของฉายา ซาร์เศรษฐกิจ อันลือลั่น ด้วยความเคารพ จะขอยกเป็นหนังตัวอย่าง ความผิดพลาดในการบริหารงานทาง ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ที่ทำเอาชาติบ้านเมืองพังมาแล้ว

คุณบุญชูได้ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือ แทบลอยด์ ไทยโพสต์ ไว้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี 2543 เวลาล่วงเลยมาแล้ว 7 ปี หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินมา 3 ปี

เริ่มต้นที่ว่าฝุ่นเริ่มหายตลบ ทุกฝ่ายกลับมาทบทวนความเสียหายทางเศรษฐกิจประเทศ ต้นตอมาจากไหนกันแน่ คุณบุญชูสรุปไว้ได้น่าฟังว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับธุรกิจ ที่ไปกู้ยืมเขามา ยกตัวอย่างกรณี คุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ตอนกู้มาเหรียญละ 25 บาท จู่ๆเราปล่อยให้ค่าเงินตราลอยไปที่ 40-50 บาท เขาต้องขาดทุนมหาศาล...ผิดที่เขาหรือ”

“6-7 ปีที่แล้วไม่เคยได้ยินคำว่า เอ็นพีแอล จู่ๆไปเอามาตรฐาน บีไอเอส มาจาก ไอเอ็มเอฟ ซัดกันใหญ่ใครจะไปอยู่ได้ ต้องสำรอง ต้องตัดบัญชี เคยมีกำไรอยู่ก็ขาดทุน แล้วมาบังคับ ให้ชำระหนี้ตามกำหนด ต้องหาเงินส่งออกนอกประเทศอย่างเดียว แม้กระทั่งทุนในตลาด หลักทรัพย์...ใครทำผิด”

ใครเป็นคนไปขอกู้ไอเอ็มเอฟเหรอ ใช่ พวก บิ๊กจิ๊ว พวกทนงค์ป่าว.....ใครเป็นคนลอยตัวเงินบาท ใช้ ทนงค์ ในรัฐบาลจิ๊วป่าว....

“เขามาอ้างบิ๊กจิ๋วทุกเรื่อง อยากจะถามว่าวันที่จิ๋วเขาส่งมอบมีเงินคงคลังเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้เหลือ เท่าไหร่ เท่าที่จำได้วันที่รับมอบมีอยู่ 3 แสนกว่าล้าน วันนี้เหลือ 5 หมื่น-6 หมื่นล้าน (ปี 2543) ดีขึ้นหรือเลวลง”

ลุงเภก เอามาแปะ เคยไปดูบ้างป่าว ว่า เงินทุนสำรอง เดือน พฤศจิกายน ปี 40 เหลืออยู่เท่าไหร่ .....อ้อ อย่าลืม ดูตรงที่ ไปซื้อล่วงหน้าด้วยล่ะ

จิ๋วทำหรือใครทำ

“รัฐบาลที่เข้ามาแก้ปัญหาตอนนั้น เป็นรัฐบาลร่วม 6 พรรค...เรื่องสถาบันการเงิน ตอนที่จิ๋ว ส่งมอบยังไม่ได้ปิด แค่หยุดกิจการเพื่อสะสางหนี้ แต่รัฐบาลใหม่เข้ามาปิด 56 สถาบันการเงิน เหลือแค่ 2 แห่ง”

ลุงเภก เคยแต่ ไถเงินนาย ไม่เคยทำธุรกิจ เลยไม่รู้อะดิ....ไฟแนนซ์ ปิด แค่ อาทิตย์ เดียวก็แย่กันหมดแล้ว  นี่มันปิดชั่วคราว จนโดนประชาชนเค้าไล่ออกไป ไม่น่าจะน้อยกว่าสามเดือน ......เศรษฐกิจเป็นง่อยไปหมดแล้ว

“ประกาศนโยบายแยกหนี้ดีหนี้เสียออกทันที แต่กลับเอาไปดองไว้อย่างนั้น ยังไม่พอ เอาไป ทำเป็นก้อนโตๆ คละกันแล้วขายในราคาถูกอีกต่างหาก”

“ฝรั่งมาซื้อไปหมด คนไทยไม่ได้มีโอกาสแก้ตัวเลยแม้แต่น้อย เสร็จแล้วมีคนไทยที่ไปเข้าหุ้น กับฝรั่งย้อนมาซื้อ ทำกำไร คนได้ประโยชน์ ก็เงียบ ผมเคยเช็กตอนที่เป็นกรรมาธิการผู้แทนฯ ให้ชี้แจงวันรับกองทุนฟื้นฟูมีฐานะอย่างไร มีหนี้เท่าไหร่ เพิ่มขึ้นอย่างไร เหลือทรัพย์สิน เท่าไหร่...เงียบ”

“ไม่ได้มีการปฏิบัติตามนโยบายที่เขียนไว้เลย แม้แต่เรื่องสำคัญที่จะทำอย่างไรให้สถาบันการเงิน กลับมาเริ่มทำหน้าที่ธุรกิจที่กำลังเป็นไข้ ควรให้ธนาคารพาณิชย์รับช่วงอุ้มต่อไป ไม่ควรทิ้ง อย่างที่ทิ้งอยู่เดี๋ยวนี้”

“ที่เอาไปขายก็บังคับขายให้ฝรั่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามสู้ ให้ลดอิทธิพลฝรั่ง แต่นี่มันย้อนกลับ แล้วมาพูดว่าแบงก์ไม่ร่วมมือ ใครจะร่วมมือ ก็ฆ่าเขานี่”

เฮ้อ คงจะนึกภาพออกว่า ใครเป็นตัวจริงทำเศรษฐกิจพังกันแน่ เท่านั้นยังไม่พอ ถึงคราว เศรษฐกิจหัวคะมำ กระโจนหนี ปัดความ รับผิดชอบเอาดื้อๆ พอเศรษฐกิจทำท่าจะฟื้นก็กระโจน เข้าใส่ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น เป็นงานถนัด ถ้ายังไม่ถึงบางอ้อ ก็ไปหาแทบลอยด์ ไทยโพสต์ ์ที่ผมระบุข้างต้นอ่านดู

แล้วจะเห็นความเนียนของนักการเมืองพรรคนี้.

เค้าก็แยกหนี้ดีหนี้เสีย แล้วนี่ ถึงได้มีปรส. กับ ไทยธนาคารไง....เคยรู้ป่าว นี่แหละน้า  ฟังเค้ามาแบบ ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เลยเอามาแปะ ส่งเดช....คนก็ตายไปแล้ว อย่าให้ผม วิจารณ์ดีกว่า



หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 13-04-2008, 10:04

ขอถามเภกหน่อยค่ะ ว่าน้องสาวของเหลี่ยม(พ่อของเภก) ซื้อวุฒิการศึกษาปลอมมาจากนครศรีฯหรือเปล่า  

 :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 10:05
ขอถามเภกหน่อยค่ะ ว่าน้องสาวของเหลี่ยม(พ่อของเภก) ซื้อวุฒิการศึกษาปลอมมาจากนครศรีฯหรือเปล่า  

 :slime_doubt:

เปล่า..


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 13-04-2008, 10:08
เปล่า..


งั้นถามต่อค่ะ ก่อนเข้าเรียน มสธ.จบอะไรมา


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 10:09
ตอบ 5555



เหนืออื่นใด คือ เหตุผล
เหนือเหตุผลคือความจริง
อันข้อเขียน มีทั้ง นำเสนอ และ โต้แย้ง

จึงเป็นหน้าที่ของ ผู้อ่าน ที่เป็นกลาง ทำหน้าที่วิเคราะห์ตัดสิน
ขอบคุณ ที่โต้ตอบด้วยเหตุผล ผิดถูกอยู่ที่ความจริง
ยังดีไม่มีด่า ถ้าได้ ทักษิษเป็น บิดา เป็นเรื่องน่าภูมิใจ...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 10:10

งั้นถามต่อค่ะ ก่อนเข้าเรียน มสธ.จบอะไรมา


เอ เรื่องนี้ไม่รู้จริงจริง เดี่ยวขอโอกาสไปถามให้นะจ๊ะ...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2008, 10:16

เอ เรื่องนี้ไม่รู้จริงจริง เดี่ยวขอโอกาสไปถามให้นะจ๊ะ...


รอให้ชาติหน้า ตอนบ่ายๆ มาตอบหรือ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 10:19

รอให้ชาติหน้า ตอนบ่ายๆ มาตอบหรือ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวเราะอีกแร๊ะ...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 13-04-2008, 10:37
เป็นลูกไอ้แม้วหรอ ไข่ทิ้งเรื่อยเชียว


ลูกเมียน้อยชัวร์ :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 13-04-2008, 10:46

ฝากให้เภกอ่านจ๊ะ


เยาวเรศโต้ใช้วุฒิฯ ปลอม ปัดถูกถอนสภาพจาก มสธ.อ้างขอถอนเอง
"เยาวเรศ ชินวัตร" โต้ใช้วุฒิฯ ปลอมลงสมัคร มสธ.จนถูกถอดพ้นสภาพนักศึกษา โยนเลขาฯ ส่งเอกสารผิด พอรู้เรื่องเลยไปขอถอนออกเอง คุยจบปริญญาตรีจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมเปิดเผยสถาบัน เมินถอนตัวตำแหน่งประธานสภาสตรีฯ ด้าน มสธ.แจงคำสั่งถอนสภาพได้รับการยืนยันจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแล้ว โบ้ย "อลงกรณ์" รับผิดชอบนำข้อมูลไปเปิดเผย

กรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มีประกาศเมื่อวันที่ 27มิถุนายน 2548 ถอนสภาพการเป็นนักศึกษาของนางเยาวเรศ ชินวัตร ประธานสภาสตรีแห่งชาติ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากปลอมแปลงวุฒิการศึกษา ที่ใช้ในการสมัครเรียนต่อ มสธ.นั้น นางเยาวเรศให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงสั่นเครือว่า การเรียนในที่ต่างๆ ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ได้มอบให้เลขาฯ เป็นผู้ดำเนินการ
 
http://tnews.teenee.com/politic/207.html

http://www.bangkokbiznews.com/2006/02/28/o001_81533.php?news_id=81533


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-04-2008, 13:22
เภกอย่าน้อยใจหนีออกจากบ้านมาเล่นแถวนี้เลย

ที่ญาติไม่ยอมพาเภกไปหลังคาแดงเพราะเห็นว่าหนักเกินเยียวยาแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากรักษา

เคยขี้เรี่ยราดเต็มบ้านญาติก็ให้อภัยหมดแล้ว กลับบ้านไปเถอะ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 14:05

ฝากให้เภกอ่านจ๊ะ


เยาวเรศโต้ใช้วุฒิฯ ปลอม ปัดถูกถอนสภาพจาก มสธ.อ้างขอถอนเอง
"เยาวเรศ ชินวัตร" โต้ใช้วุฒิฯ ปลอมลงสมัคร มสธ.จนถูกถอดพ้นสภาพนักศึกษา โยนเลขาฯ ส่งเอกสารผิด พอรู้เรื่องเลยไปขอถอนออกเอง คุยจบปริญญาตรีจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมเปิดเผยสถาบัน เมินถอนตัวตำแหน่งประธานสภาสตรีฯ ด้าน มสธ.แจงคำสั่งถอนสภาพได้รับการยืนยันจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแล้ว โบ้ย "อลงกรณ์" รับผิดชอบนำข้อมูลไปเปิดเผย

กรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มีประกาศเมื่อวันที่ 27มิถุนายน 2548 ถอนสภาพการเป็นนักศึกษาของนางเยาวเรศ ชินวัตร ประธานสภาสตรีแห่งชาติ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากปลอมแปลงวุฒิการศึกษา ที่ใช้ในการสมัครเรียนต่อ มสธ.นั้น นางเยาวเรศให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงสั่นเครือว่า การเรียนในที่ต่างๆ ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ได้มอบให้เลขาฯ เป็นผู้ดำเนินการ
 
http://tnews.teenee.com/politic/207.html

http://www.bangkokbiznews.com/2006/02/28/o001_81533.php?news_id=81533


นี้หรือ ข้ออ้างในการฉีกรัฐธรรมนูญ เวนกำ...

.


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 14:06
เภกอย่าน้อยใจหนีออกจากบ้านมาเล่นแถวนี้เลย

ที่ญาติไม่ยอมพาเภกไปหลังคาแดงเพราะเห็นว่าหนักเกินเยียวยาแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากรักษา

เคยขี้เรี่ยราดเต็มบ้านญาติก็ให้อภัยหมดแล้ว กลับบ้านไปเถอะ



ทางบ้านยังโกดอยู่ ไม่อภัย เพราะอึ กองใหญ่ เกินเยียวยา...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 14:11
.


หากมีการเบี้ยวเรื่องความรู้ หากมีหลักฐานพิสูจน์ได้ ควรมอบให้ ผู้มีอำนาจจัดการ
อ้างเหลวไหล หาที่มาไม่ได้ หาที่ไปไม่เจอ เป็นเงื่อนไขในการฉีกทำลาย น่าอายจิงจิง

เบื้องหลังต้องการอำนาจ แต่ขาดสามารถสู้ไม่ถึง
มีความรู้ แต่ขาดปัญญา มีวาสนา แต่ไร้เมตตาปราณี

รากหญ้าเขาน่าเห็นใจ แทนที่ความเห็นใจ กลับทำตัวเป็นเห็บหมัด
สูบเลือดเนื้อรากหญ้า อนิจจาผู้ยากไร้ไม่มีทางสู้ ต้องอดสูให้พวกนี้สูบกิน...


.


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 13-04-2008, 14:49
คนชั่ว ก็ย่อมมองกระบวนการยุติธรรมเป็นศัตรู มันเป็นเรื่องปกติ
มีโจรที่ไหนไม่กลัวตำรวจ ไม่กลัวศาล  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 13-04-2008, 14:54
คนชั่ว ก็ย่อมมองกระบวนการยุติธรรมเป็นศัตรู มันเป็นเรื่องปกติ
มีโจรที่ไหนไม่กลัวตำรวจ ไม่กลัวศาล  :slime_bigsmile:

โรบินฮู๊ด งัย...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 13-04-2008, 15:48
กลัวตายในคุก จนต้องหาทางให้ลิ่วล้อแก้ รธน...เอิ้กกกก
ตอนนี้ขอเป็นม้าให้ลิเปียขี่ไปพลางๆก่อน.....กร๊ากกกก
 :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: \(^_^)/ ที่ 13-04-2008, 16:14
เพื่อนๆ.."ตอบ"..กัลลล..หมด.."แร๊ววว"

"เรย"..ขี้เกียจ..ต่อความยาวสาวความ "ยืด"..ต่อ..

เพราะขืนสาว..กัลลล..ต่อไป...

ไอ้เภก..ก็คง..   


"แถ+เถือก""..ไป..เรื่อยๆ..ไม่มี "จบ" 

เพราะ "แม้ว" บิดา..บังเกิดเกล้า" เถก"..

ก็ยังคงเป็น Hero..ในดวง "จัย" เภกตลอดไป..เอิ๊ก!!!   


 :slime_slapped: :slime_slapped: :slime_slapped: :slime_slapped: :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: villy2007 ที่ 13-04-2008, 16:21
เล่นกับเภก เภกเลียปาก

แต่ก่อนเคยหลงไปประชาถ่***  เห็นเภกมีบทบาทมากถึงกับเป็นอัครศาสดาของพวกเลียไข่แม้ว 

แต่มาที่นี่  เภก  ก็เป็นได้แค่ เด็กน้อยจอมแถ  ที่แถไม่ค่อยขึ้นเพราะที่นี่อุดมด้วยสังคมทางปัญญา


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Cylonn ที่ 13-04-2008, 17:35

ฝากให้เภกอ่านจ๊ะ


เยาวเรศโต้ใช้วุฒิฯ ปลอม ปัดถูกถอนสภาพจาก มสธ.อ้างขอถอนเอง
"เยาวเรศ ชินวัตร" โต้ใช้วุฒิฯ ปลอมลงสมัคร มสธ.จนถูกถอดพ้นสภาพนักศึกษา โยนเลขาฯ ส่งเอกสารผิด พอรู้เรื่องเลยไปขอถอนออกเอง คุยจบปริญญาตรีจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมเปิดเผยสถาบัน เมินถอนตัวตำแหน่งประธานสภาสตรีฯ ด้าน มสธ.แจงคำสั่งถอนสภาพได้รับการยืนยันจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแล้ว โบ้ย "อลงกรณ์" รับผิดชอบนำข้อมูลไปเปิดเผย

กรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มีประกาศเมื่อวันที่ 27มิถุนายน 2548 ถอนสภาพการเป็นนักศึกษาของนางเยาวเรศ ชินวัตร ประธานสภาสตรีแห่งชาติ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากปลอมแปลงวุฒิการศึกษา ที่ใช้ในการสมัครเรียนต่อ มสธ.นั้น นางเยาวเรศให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงสั่นเครือว่า การเรียนในที่ต่างๆ ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ได้มอบให้เลขาฯ เป็นผู้ดำเนินการ  
 
http://tnews.teenee.com/politic/207.html

http://www.bangkokbiznews.com/2006/02/28/o001_81533.php?news_id=81533

เค้าหมายความว่าไร ให้เลขาเรียนแทนหรอ...งงอะ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: โต มิ โต โชว์ ดะ ที่ 13-04-2008, 21:37
เค้าหมายความว่าไร ให้เลขาเรียนแทนหรอ...งงอะ


เภกบอกให้เชื่อมุกตลกคาเฟ่แถวพระรามเก้า

พวกเราก็แกล้งทำเป็นโง่แบบเภกหน่อยน่า นะ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-04-2008, 22:43
ฉายา "เภก เชิญยิ้ม" ยังขลัง อิ อิ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 13-04-2008, 22:56

เภก

ที่เรียกไอ้แม้วเป็น "พ่อ" น่ะ
แน่ใจแล้วหรือว่าไอ้แม้วมันจะเอาแม่คุณ ?


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-04-2008, 01:01
ถ้านังจวนของเภก หมายถึงนายชวน หลีกภัย

ผมยังไม่เห็นคนดีๆ ด่านายชวนได้เต็มปากซักคน

นายชวนคงไม่ขึ้นไปเป็นใหญ่อีกแล้ว 6-7 ปี ที่เป็นนายกสองสมัย คงพอแล้วมั๊ง

ที่สำคัญยังไม่เคยเห็นมีใครด่านายชวนว่า โกงบ้านกินเมืองเหมือนทักษิณ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 14-04-2008, 01:39
ที่อดีตนายกชวนไม่มีกิ๋น เพราะท่านไม่ใช่ไก่ครับ ซึ่งใครๆก็รู้ว่าบิดาที่เภกบูชานิยมแต่คนมีกิ๋น เพราะท่านชอบบริโภกไก่เป็นกรณีพิเศษนั่นเอง :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 14-04-2008, 07:00

ฝากให้เภกอ่านจ๊ะ


เยาวเรศโต้ใช้วุฒิฯ ปลอม ปัดถูกถอนสภาพจาก มสธ.อ้างขอถอนเอง
"เยาวเรศ ชินวัตร" โต้ใช้วุฒิฯ ปลอมลงสมัคร มสธ.จนถูกถอดพ้นสภาพนักศึกษา โยนเลขาฯ ส่งเอกสารผิด พอรู้เรื่องเลยไปขอถอนออกเอง คุยจบปริญญาตรีจากอังกฤษ แต่ไม่ยอมเปิดเผยสถาบัน เมินถอนตัวตำแหน่งประธานสภาสตรีฯ ด้าน มสธ.แจงคำสั่งถอนสภาพได้รับการยืนยันจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแล้ว โบ้ย "อลงกรณ์" รับผิดชอบนำข้อมูลไปเปิดเผย

กรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มีประกาศเมื่อวันที่ 27มิถุนายน 2548 ถอนสภาพการเป็นนักศึกษาของนางเยาวเรศ ชินวัตร ประธานสภาสตรีแห่งชาติ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากปลอมแปลงวุฒิการศึกษา ที่ใช้ในการสมัครเรียนต่อ มสธ.นั้น นางเยาวเรศให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงสั่นเครือว่า การเรียนในที่ต่างๆ ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ได้มอบให้เลขาฯ เป็นผู้ดำเนินการ
 
http://tnews.teenee.com/politic/207.html

http://www.bangkokbiznews.com/2006/02/28/o001_81533.php?news_id=81533


โกงยกตระกูลหรือเปล่าเนี่ย


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:27

โกงยกตระกูลหรือเปล่าเนี่ย


เปล่านี่...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:30
ที่อดีตนายกชวนไม่มีกิ๋น เพราะท่านไม่ใช่ไก่ครับ ซึ่งใครๆก็รู้ว่าบิดาที่เภกบูชานิยมแต่คนมีกิ๋น เพราะท่านชอบบริโภกไก่เป็นกรณีพิเศษนั่นเอง :slime_slapped:


นังจวน ไม่มีกึ๋น รู้มานานแล้ว ส่วนชอบกินไก่ ถูกต้อง เพราะสะดวก และ อร่อยดี ชอบ กินง่าย...อิอิ อิจฉาละซี ไก่อ่อนอ่อน


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:32
ถ้านังจวนของเภก หมายถึงนายชวน หลีกภัย

ผมยังไม่เห็นคนดีๆ ด่านายชวนได้เต็มปากซักคน

นายชวนคงไม่ขึ้นไปเป็นใหญ่อีกแล้ว 6-7 ปี ที่เป็นนายกสองสมัย คงพอแล้วมั๊ง

ที่สำคัญยังไม่เคยเห็นมีใครด่านายชวนว่า โกงบ้านกินเมืองเหมือนทักษิณ


ลุงแคนมัวซุกอยู่ในนี้ ไม่ลองชำเรืองเว๊ปอื่น
ทั้งคนดีคนร้าย ชยันโต เสียฟังไม่ได้
ที่ยังยืนหยัดต่อมาเพราะอาศัยหน้าด้าน เท่านั้นเอง...


.


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:34
เภก

ที่เรียกไอ้แม้วเป็น "พ่อ" น่ะ
แน่ใจแล้วหรือว่าไอ้แม้วมันจะเอาแม่คุณ ?



เรื่องนี้ต้องขออภัย แรงเกินไปตอบไม่ได้ ต้องขออภัยอีกครั้ง...


.


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:34
ฉายา "เภก เชิญยิ้ม" ยังขลัง อิ อิ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


ขอบคุณ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:36

เภกบอกให้เชื่อมุกตลกคาเฟ่แถวพระรามเก้า

พวกเราก็แกล้งทำเป็นโง่แบบเภกหน่อยน่า นะ



ไม่ต้องแกล้งก้อเหมือนอยู่แร๊ะ...อิอิ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ธาตุน้ำ ที่ 14-04-2008, 07:41
สงสัยถ้าไม่เป็นห่วงหล่อใหญ่
ป่านนี้คงไปอยู่กลุ่มเปรมแล้วมั้ง


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:41
เล่นกับเภก เภกเลียปาก

แต่ก่อนเคยหลงไปประชาถ่***  เห็นเภกมีบทบาทมากถึงกับเป็นอัครศาสดาของพวกเลียไข่แม้ว 

แต่มาที่นี่  เภก  ก็เป็นได้แค่ เด็กน้อยจอมแถ  ที่แถไม่ค่อยขึ้นเพราะที่นี่อุดมด้วยสังคมทางปัญญา

บุกเดี่ยวด้วยความภูมิใจ ข้อมูลภายในมีเพียบ
สู้กับท่าน สู้ได้ทุกเวลา สู้ได้ทั้งวัน ไม่ยอมแพ้
อ้อ ว่าไม่ยอมแพ้ก้อไม่ได้ แพ้สองอย่าง คือ ลบกระทู้ และหยาบคาย

ท่านพูดได้ แต่เภก พูดไม่ได้ อย่างน้อยท่านยังเป็นคน
เหตุผล และความจริงมีอีกบาน แต่นำเสนอไม่ได้
WM ใจร้าย คอยลบความเห็นที่เข้าท่า ท่านโต้ไม่ได้ ใช้การลบเป็นอาวุธ...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:42
สงสัยถ้าไม่เป็นห่วงหล่อใหญ่
ป่านนี้คงไปอยู่กลุ่มเปรมแล้วมั้ง


หมายถึงใคร...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: ธาตุน้ำ ที่ 14-04-2008, 07:43

หมายถึงใคร...


แล้วเภกห่วงหล่อใหญ่ด้วยเหรอ อิอิ


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:43
กลัวตายในคุก จนต้องหาทางให้ลิ่วล้อแก้ รธน...เอิ้กกกก
ตอนนี้ขอเป็นม้าให้ลิเปียขี่ไปพลางๆก่อน.....กร๊ากกกก
 :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


แหมฟังแร๊ะ อิจฉาจัง...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:45

รอให้ชาติหน้า ตอนบ่ายๆ มาตอบหรือ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ขำอาไร...???


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 07:54
"อนุพงษ์" เซ็นคำสั่งย้ายล้างบางนายทหารรบพิเศษ
"ชัยชนะ-ภูมิพัฒน์" 2 ผู้บังคับการหน่วยรัฐประหาร 19 ก.ย.
พ้นคุมกำลัง เพื่อปิดหนทางก่อปฏิวัต



วานนี้ ( 12 เม.ย.)
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
ได้ลงนามเซ็นในคำสั่ง ทบ.ที่ 118/2551


แต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษ หรือระดับผู้บังคับการกรม
ซึ่งเป็นหน่วยคุมกำลัง จำนวน 104 คน
โดยนายทหารรบพิเศษที่เป็น ผบ.หน่วยของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน

อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำรัฐประหาร
ถูกโยกย้ายให้พ้นจากตำแหน่งคุมกำลังพล



นอกจากนี้ ในคำสั่งยังมีการโยกย้าย พ.อ.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง หรือ "เสธ.ยอง"
ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 (ผบ.รพศ.1)
นายทหารคนสนิทของ พล.อ.สนธิ พ้นจากการคุมกำลัง

ไปเป็นผู้อำนวยการกองยุทธการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผอ.กยก.นสศ.)
โดยพ.อ.ภูมิพัฒน์ เป็น 1 ใน 8 นายทหาร ที่ร่วมวางแผนในการยึดอำนาจ

รวมไปถึงคำสั่งย้าย พ.อ.ชัยชนะ นาคเกิด ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 (ผบ.รพศ.3)
จากการคุมกำลัง ไปเป็นเสนาธิการ กองพลรบพิเศษ ที่ 1 (เสธ.พล.รพศ.1)



************************************************************




หลังจากนี้ คอยดูอาการ "อ้ายลิ้ม" ให้ดี
งานนี้ "อ้ายตัวดี" มีสิทธิ์ รากเลือด...


แสนสงสารสนธิวันนี้หนอ ระทดท้อเสียใจให้สะอื้น

กำเริบฤทธิ์สุราที่กลั้นกลืน ลุกขึ้นยืนร่ำร้องว่าสุราลัย

บังคับข้าให้มาเกิดประเสริฐสิทธิ์ สู่สถิตใต้หล้าหลังคาไหว

ปราบศัตรูสู้สงครามไม่คร้ามใคร สถิตในบ้านอาทิตย์ใกล้นที

เหตุไฉนให้ทักษินเก่งฉกาจ ล่อเป็นทาษเสียกลจนป่นปี้

ประกาศก้องร้องขึ้นได้เพียงสามที โรคทวีเสียวซาบปราบฤทัย

กำเริบฤทธิ์พิษสุรามาบรรจบ ล้มสลบนิ่งแน่หมอแก้ไข

พอรู้สึกนึกแค้นแน่นหัวใจ โลหิตไหลอ้าปากรากกระจาย

สู้แข็งขืนยืนตรงดำรงจิต ดวงชีวิตจะวินาศลงขาดหาย

อายุได้ห้าสิบเจ็ดเศษวันตาย ไม่เสียดายคนไม่ดีสนธิเอย



หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 08:47

แก้"รัฐธรรมนูญ"ทำไมให้เสียเวลา เล่น กกต.เสียเลย ง่ายกว่าเยอะ...



ดีเอสไอ พบหลักฐานบัตรเลือกตั้งหลุดมาอยู่กับ อดีตผู้การตำรวจป่าไม้จริง
ชี้หาก กกต.ระบุเป็นบัตรเสียที่ถูกลักลอบนำออกไป ก็ต้องแจงวันเวลาที่หาย
ขั้นตอนการเก็บรักษาและผู้รับผิดชอบให้ได้



วันนี้ (13 เม.ย.)ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศ
และคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีฮั้วประมูลพิมพ์บัตรเลือกตั้งและทุจริตการเลือกตั้ง
เปิดเผยถึงกรณีเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ชี้แจงว่ามีบัตรเลือกตั้งซึ่งเป็นบัตรเสียจำนวนหนึ่ง
ถูกลักลอบนำออกไป ใช้ทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต.ว่า

ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจากพล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย
อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ให้ตรวจสอบ
กรณีมีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
และมีการนำบัตรเกินไปใช้กาลงคะแนน

โดยก่อนหน้านี้พล.ต.ต.เสวก ได้เข้าร้องเรียนที่ กกต.ไปแล้ว
ตั้งแต่วันที่1 ก.พ. แต่ไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบ
ทำให้ต้องร้องต่อ ดีเอสไอ

ซึ่งในเบื้องต้นทางดีเอสไอ ได้เข้าไปตรวจสอบกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด
และกกต.จังหวัดชลบุรี

พบว่ามีบัตรเลือกตั้งจำนวนหนึ่งหลุดออกมาอยู่กับฝ่ายผู้ร้องเรียนจริง
หากกกต.กลางชี้แจงว่าเป็นบัตรเสียที่ถูกลักลอบนำออกไป
ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าทราบว่าบัตรเลือกตั้งหายตั้งแต่เมื่อใด
และมีการแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่

ที่ผ่านมาการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งมีขั้นตอนเช่นใด
ใครเป็นผู้รับผิดชอบดูแลและมีการตรวจสอบหรือไม่
ว่าบัตรเลือกตั้งที่ต้องเก็บรักษาอย่างดีสูญหายไปได้อย่างไร


พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า คดีเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง

ประเด็นอยู่ที่ พล.ต.ต.เสวก เข้าร้องเรียนให้ตรวจสอบการนำบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินจำนวน
และอาจมีการนำบัตรที่พิมพ์เกินไปใช้ในการทุจริตการเลือกตั้ง

แต่ กกต.ไม่เร่งตรวจสอบให้ข้อเท็จจริงปรากฏ เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งที่สูญหายไป
ทั้งที่กฎหมายกำหนดชัดเจนว่าจะต้องตรวจสอบโดยพลัน
การปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน 2 เดือน

ทำให้ฝ่ายผู้ร้องต้องมากล่าวโทษร้องทุกข์ให้ ดีเอสไอ ดำเนินการแทน
ทั้งนี้ข้อมูลและหลักฐานที่ดีเอสไอตรวจสอบพบ

ไม่ใช่มีเพียงบัตรเลือกตั้ง 26ซองในเขตจังหวัดชลบุรีเท่านั้นที่สูญหายจากการเก็บรักษา
แต่ยังพบว่ามีบัตรเลือกตั้งจากจังหวัดอื่น ๆ สูญหายด้วยเช่น จังหวัดระยอง และจันทบุรี

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน
ในคดีเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งทั้งหมดโดยพบว่ามีเอกสารจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ

คาดว่าจะต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างละเอียดประมาณ 2 เดือน
คดีจึงจะมีความชัดเจนขึ้น....




************************************************************



หาทางยุบพรรคคนอื่น ตัวเองคอขาดยังไม่รู้ตัว...


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 14-04-2008, 09:22
เภก เอารูปเมียมาอวดหน่อยสิ


หัวข้อ: Re: \"นังจวน\"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ\"พ่อแม้ว\"เขา ที่หล่อนไม่ต้องเป็นสัมภเวสี
เริ่มหัวข้อโดย: jumjim ที่ 14-04-2008, 09:24
ฮ่า ฮ่า  ตาเภก ลิ่วล้อปลายแถว ไม่รู้ว่า หลักฐาน ต่าง ๆ ไอ้ แก๊งค์ ดีเอส ไอ  ตั้งแต่ หัวยันหาง มันสร้างขึ้นมา แล้ว เอาไปให้นอมินีร้องเรียน  กุ๊ย ๆ  ชกใต้เข็มขัด อดีตผู้การป่าไม้ ระวังจะซวยไปด้วย  อยากฟ้องก็ฟ้องเองไปเลย ทำเป็นอีแอบชกใต้เข็มขัด ไปหานอมินี มาทำม้าย  ตลก  ๆ กกต.ไม่ใช่หมูน๊ะจ๊ะ ถ้าเค้าเล่นกลับ เดี๋ยว จะซวย  พล.ตำรวจเอก ดร.ชุดชวย มีเอี่ยวด้วย กำกับเองทั้งหมด ตลกเวปบอร์ดรู้เรื่องป่าว กุ๋ย กุ๋ย

 :slime_v:


หัวข้อ: Re: \\\"นังจวน\\\"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ\\\"พ่อแม้ว\\\"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ
เริ่มหัวข้อโดย: พิเภกอินเตอร์ ที่ 14-04-2008, 11:02
ฮ่า ฮ่า  ตาเภก ลิ่วล้อปลายแถว ไม่รู้ว่า หลักฐาน ต่าง ๆ ไอ้ แก๊งค์ ดีเอส ไอ้  ตั้งแต่ หัวยันหาง มันสร้างขึ้นมา แล้ว เอาไปให้นอมินีร้องเรียน  กุ๊ย ๆ  ชกใต้เข็มขัด อดีตผู้การป่าไม้ ระวังจะซวยไปด้วย  อยากฟ้องก็ฟ้องเองไปเลย ทำเป็นอีแอบชกใต้เข็มขัด ไปหานอมินี มาทำม้าย  ตลก  ๆ กกต.ไม่ใช่หมูน๊ะจ๊ะ ถ้าเค้าเล่นกลับ เดี๋ยว จะซวย  พล.ตำรวจเอก ดร.ชุดชวย มีเอี่ยวด้วย กำกับเองทั้งหมด ตลกเวปบอร์ดรู้เรื่องป่าว กุ๋ย กุ๋ย

 :slime_v:



ที่สำคัญคือ ได้ผลรึป่าว ตะหาก...


หัวข้อ: Re: \"นังจวน\"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ\"พ่อแม้ว\"เขา ที่หล่อนไม่ต้องเป็นสัมภเวสี
เริ่มหัวข้อโดย: jumjim ที่ 14-04-2008, 20:01
ได้ผลเป็นที่น่าพอใจยิ่ง  กกต.ส่งเรื่องยุบพรรค มัจฌิมา กับ ชาติไทย ให้ศาลรัฐธรรมนูญทันที  ไส้เดือนแถวสภา ดิ้นพล่านเป็นเด็ก RCA ตลกเวปบอร์ด ออกมาตั้งกระทู้ ติ่งต๊องทุกวัน

เยี่ยม ๆ   ก๊ากกกกก

 :slime_v:


หัวข้อ: Re: \\\"นังจวน\\\"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ\\\"พ่อแม้ว\\\"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 16-04-2008, 12:12


ที่สำคัญคือ ได้ผลรึป่าว ตะหาก...



ตั้งใจรับลูก-ส่งลูกกัน
ก็เป็นข่าวได้......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 16-04-2008, 12:53
ไปอ่านเจอบทความ 2 ตอน เกี่ยวกับคำอภิปรายของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อเนื่องไปถึง
กรณีการเก็งกำไรค่าเงินบาท เรียบเรียงข้อมูลเอาไว้ได้พอสมควรในบทความ 2 ตอนสั้นๆ

สังเกตจากคำอภิปรายของคุณสุเทพ ตอนนั้นคุณทักษิณกำลังนั่งเป็น "รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ"
แสดงว่าที่เศรษฐกิจไทยพังพินาศก่อน พล.อ.ชวลิต ลาออก ก็ต้องถือเป็นความรับผิดชอบของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

แถมด้วยข้อสงสัยจงใจปล่อยให้ระบบค่าเงินล่มสลายเพื่อเก็งกำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง!!!
..เก็บมาให้เพื่อนสมาชิกได้ช่วยกันอ่านช่วยกันจำ และนำไปอ้างอิงต่อไปนะครับ..  :slime_v:
หลังตั้งกระทู้นี้ผมจะนำ คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็มกรณีคุณสุเทพ ไปลงไว้ให้ที่หอสมุดด้วย  :slime_smile:

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอภิปรายประวัติศาสตร์ของ "เทพเทือก"
คอลัมน์ "กวนน้ำให้ใส" - หนังสือพิมพ์แนวหน้า 10/4/2008
http://www.naewna.com/news.asp?ID=103821

ชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" มีทั้งคนชังและคนชอบ

บนเส้นทางชีวิตการเมืองอันยาวนาน นายสุเทพมีร่องรอยบาดแผลทางการเมืองพอสมควร

แต่ สิ่งหนึ่งที่น่าจดจำและชื่นชม เกี่ยวกับ "นายสุเทพ" คือ การทำหน้าที่ ส.ส. อภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับการตัดสินใจ
ลดค่าเงินบาท เมื่อปี 2540 ว่ามีคนล่วงรู้ข้อมูลลับล่วงหน้า

เรื่อง นี้ เป็นแผลใจที่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการลดค่าเงินบาท โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีโอกาสล่วงรู้ข้อมูลล่วงหน้า
บางคนถึงกับล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว ธุรกิจเสียหาย มีหนี้สินล้นพ้นตัว ฯลฯ คนเหล่านี้มีความสงสัยค้างคาใจอย่างมาก

การอภิปรายครั้งนั้น เป็นเหตุให้นายสุเทพถูกนายโภคิน พลกุล ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท

ล่าสุด ศาลฎีกาเพิ่งจะคำพิพากษาเป็นที่สุด ให้ยกฟ้อง !

น่า แปลกใจ กรณีนี้ กลับไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าว หรือมีการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนผ่านทางสื่อโทรทัศน์น้อยมาก
จนเกือบจะไม่มีรายละเอียดอันเป็น "ข้อมูลสำคัญ" ให้ประชาชนได้เรียนรู้เพิ่มเติมเลย

บางส่วนของคำพิพากษาศาลฎีกา ได้ระบุคำอภิปรายที่เป็นข้อสงสัยของนายสุเทพ ความว่า

" การที่มีคนมีกำไรอย่างนี้นะครับ ทำให้ผมสงสัยว่า มีคนอื่นที่ได้กำไร ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อพลเอกชวลิต แต่เป็นพวกที่
เชื่อพลเอกชวลิต แล้วได้กำไรมีไหม มีครับท่านประธาน เพราะเขาเชื่อว่าพลเอกชวลิตจะตัดสินใจลดค่าเงินบาทเมื่อไร
คนนี้เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ คนนี้เอาข้อมูลภายในไปแสวงหาประโยชน์ มีข่าวลือกันมากในตลาดการเงินในประเทศไทย
ว่า ขาใหญ่ที่ร่ำรวยนั้น รวยถึงขนาดมีการันตีได้ว่า เลือกตั้งคราวหน้าสบายกันทุกคน

ท่าน ประธานที่เคารพครับ ผมสงสัยเรื่องนี้แล้ว ท่านประธานต้องเห็นใจอย่างยิ่งที่ผมมีความสงสัย
เพราะพลเอกชวลิตแสดงพิรุธ พลเอกชวลิตแสดงพิรุธ 2 ประการ

ประการ ที่หนึ่ง พลเอกชวลิตแสดงพิรุธด้วยการมาพูดจาในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชน ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งทีวี ทั้งวิทยุ
ว่าในการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะประกาศให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น ทำอย่างเป็นความลับที่สุด รู้กัน 3 คน เท่านั้นเอง คือ
พลเอกชวลิต นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ตรง นี้เป็นพิรุธครับท่านประธาน ผมสอบสวนมีพยานหลักฐานยืนยันได้ ถ้าพลเอกชวลิตต้องการรู้ว่า ต้องการที่จะเถียงกับผม
ผมท้าให้ฟ้องศาลเรื่องนี้เพราะผมมีหลักฐาน พยานบุคคลยืนยันว่า วันที่ตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้รู้กันแค่ 3 คน มีคนที่ 4 รู้ด้วย

ท่าน ประธานที่เคารพครับ เข้าประตูทำเนียบนี่มียามรักษาการณ์ มีเจ้าหน้าที่ มีว่า วันนั้นเวลานั้นในห้องนายกรัฐมนตรีมีใครอยู่กี่คน
ผมแอบได้ยินมาด้วยว่า พูดอย่างไรด้วย มีคนเขาเล่าให้ผมฟัง เขาพร้อมที่จะเป็นพยานให้ผม คนที่ 4 ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
และไม่สมควรที่จะนั่งอยู่ในการตัดสินใจครั้งสุด ท้าย ตามตำหนิรูปพรรณที่คนเขาให้การมา รวมทั้งแผลเป็น บอกว่าชื่อ
นายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เคยปรากฏว่า ในวันที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างนี้
จะต้องมีคนมานั่งใกล้ชิด กำกับอยู่ด้วย นายกรัฐมนตรีควรมีสติ มีปัญญาที่จะตัดสินวินิจฉัยได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมีคนกำกับ

ผม สงสัยว่า นายโภคิน พลกุล ไปนั่งอยู่ทำไมในเวลานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของนายโภคิน ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะให้นายโภคินล่วงรู้
เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตัดสินใจ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันตัดสินใจเท่านั้น
แต่เรื่องนี้แม้พลเอกชวลิตจะมาพูดกับคนทั้งชาติว่ารู้กัน 3 คน แต่ที่จริงรู้กัน 4 คน นายโภคินนั่งอยู่ด้วยตลอดในเวลา 1 ชั่วโมง
ที่หารือกันเรื่องนี้ หารือกันวันที่เท่าไร ท่านประธานครับ วันที่ 29 มิถุนายน เป็นวันอาทิตย์ เวลา 9.30 นาฬิกา เป็นต้นไป

ตรง นี้ พลเอกชวลิต แสดงพิรุธอีก เพราะพลเอกชวลิตบอกกับสภานี้ว่าได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะประกาศที่จะให้ ค่าเงินบาท
ลอยตัวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ความตรงนี้มีนัยที่น่าสนใจมาก

ท่าน ประธานครับ พลเอกชวลิตคล้ายๆ จะบอกกับสภานี้ว่า ตัดสินใจวันที่ 1 รุ่งขึ้นเช้าวันที่ 2 ประกาศเลย เหมือนกับเป็นการ
ป้องกันตัวไว้ก่อนว่าไม่มีใครหยิบฉวยจังหวะตรงนี้ไปหา ประโยชน์ได้หรอก ความจริงไม่ใช่ ไปปรึกษาการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
วันที่ 29 มิถุนายน เป็นวันอาทิตย์ 9.30 น.

ก่อน หน้านี้มีคนนั่งกันอยู่ในห้องหลายคนมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มีสภาพัฒน์ฯ พอ 3 คนนี้เข้าไปก็ให้คนอื่นออก
แต่เหลือนายโภคินเอาไว้ แล้วตัดสินใจเสร็จ จากวันที่ 29 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ รุ่งขึ้นวันที่ 30 เป็นวันจันทร์ วันที่ 1 กรกฎาคม
เป็นวันอังคาร

พล เอกชวลิต มาพูดที่นี่ว่า วันที่ 1 เป็นวันหยุดกลางปีของธนาคาร ใครรู้อะไรก็ทำอะไรไม่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยหยุด
ท่านประธานครับ ธนาคารฮ่องกง ธนาคารสิงคโปร์ไม่หยุด รู้ล่วงหน้า 2 วัน ทำเงินได้หลายพันล้านบาทครับ ถ้าคนนั้นมีเงิน
ในระดับที่จะไปลงทุนได้

ความ สองประการนี้เป็นพิรุธ พิรุธเรื่องที่บอกว่ารู้กัน 3 คน ทั้งๆ ที่รู้กัน 4 คน พิรุธเรื่องที่บอกว่า ตัดสินวันที่ 1 ทั้งๆ ที่ตัดสิน
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พิรุธนี้ทำให้ผมสงสัยว่าอย่างไร สงสัยว่า เอาเวลาช่วงที่ขาดไปนั้นไปให้พรรคพวกของตัวเองได้ไป
ซื้อเงินดอลลาร์ไว้ล่วง หน้า ไปซื้ออัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้าแล้วทำกำไร

ท่าน ประธานที่เคารพครับวันนี้ผมยอมบาป คนที่ผมสงสัยมากที่สุดนั่งอยู่ตรงนั้นครับ ด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ครับ
ผู้ต้องสงสัยของผม ท่านด็อกเตอร์ทักษิณไม่ได้ทำบาปอะไรหรอกครับ ที่ผมสงสัยคือสงสัยว่ารัฐมนตรีโภคินจะเป็นคนบอก
ความลับเรื่องนี้กับ ด็อกเตอร์ทักษิณ แล้วด็อกเตอร์ทักษิณไปซื้อขายเงินไว้ล่วงหน้าทำกำไร

ท่าน ประธานที่เคารพครับ ได้กำไรไปเยอะในขณะที่คนในชาติน้ำตาไหลกันทุกคน ผมไม่แปลกใจว่า หลังจากนั้นไม่นาน
ได้มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ก็เก่งขนาดทำเงินได้ 2 วัน 4,000,000,000 บาท ถึง 5,000,000,000 บาท
ก็น่าจะให้เป็นหรอกครับ

ท่าน ประธาน นี่เป็นข้อสงสัยของผม ผมคาดคะเนสงสัยด้วยเหตุผลแวดล้อมอย่างนี้และผมมีประจักษ์พยานหลักฐานว่า
หลังจากนายโภคินได้รับความลับเรื่องนี้ ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร เสียอย่างเดียวว่า ผมไม่มีหูทิพย์
ว่าพูดกันอย่างไรเท่านั้นเองครับ แต่ผมสงสัย และผมรู้ว่านายโภคินได้พูดความลับเรื่องนี้กับคนอื่นอีก ถ้าท่านรัฐมนตรีโภคิน
สงสัยฟ้องศาล จะได้รู้ว่า คนที่ท่านบอกนั้นจะเป็นพยานให้ท่านหรือจะเป็นพยานให้ผม

การ ที่มีคนรู้ความลับและเอาความลับไปเปิดเผยแล้วไปหาประโยชน์กันมันผิดทั้ง คุณธรรม ทั้งจรรยา ผมต้องเรียนกับ
ท่านประธานตรงๆ นะครับ ผมไม่สามารถจะสงสัยคนอื่นที่เปิดเผยความลับได้หรอกนอกจากรัฐมนตรีโภคิน เพราะว่า คนแรก
คือนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่า ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นนายกรัฐมนตรีคงไม่บอกด้วยปากตัวเอง

คน ที่ 2 คือ รัฐมนตรี ทนง ถึงจะเคยมีความสัมพันธ์กับด็อกเตอร์ทักษิณมาก่อน ทำงานอยู่ด้วยกัน แต่ศักดิ์ศรีขุนคลัง
ของประเทศคงไม่เปิดปาก คนที่ 3 คือ นายเริงชัย มะระกานนท์ ที่รู้เรื่อง เขาเป็นลูกหม้อธนาคารแห่งประเทศไทย
แบงก์ชาติ ผมว่า จิตวิญญาณเขาคงหนักแน่นไม่ทำอย่างนั้น คนที่ 4 ซึ่งไม่เกี่ยวกับเขาละสิครับไปนั่งอยู่ด้วยนี่สิครับ
ไม่ให้ผมสงสัยได้อย่างไร นี่คือเหตุผลครับ ท่านประธานครับ...."

พรุ่งนี้ มาดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องเหล่านี้ ว่าอย่างไร?

ข้อสรุปสุดท้ายของคดีนี้ ลงเอยอย่างไร ? ทำไมนายสุเทพถึงรอดพ้นความผิด ศาลฎีกายกฟ้อง ?
และมีข้อ "สงสัย" ใด ยังค้างคาอยู่ ?

นี่คือประวัติศาสตร์สำคัญ ที่ควรบันทึกไว้อย่างยิ่ง !

สารส้ม
วันที่ 10/4/2008




ผมเห็นพ้องกับ'เภก 800' เรื่อง'ฝีมือ'ล้วงความลับ'ค่าเงินบาท'....

ถ้าคุณชวน หลีกภัยมีความสามารถสักเล็กน้อย ไม่ต้องเท่าเทียมกับ'บิดา'ของ'เภก 800'
ไม่มีคุณธรรม และ จริยธรรมในจิตใจ....
ก็จะร่ำรวยมหาศาลแล้ว เพราะเป็น'นายกรัฐมนตรี' นั่งในที่ประชุม....

ไม่ได้เป็น'รองนายกรัฐมนตรี' ที่นั่งในที่ประชุมไม่ได้
ต้องไหว้วานให้คนที่หน้าด้านนั่งในที่ประชุม'ส่งข่าว' ให้....
เป็นหนี้บุญ ต้องตอบแทนเป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรี....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 16-04-2008, 12:57
ถ้า'บิ๊กจิ๋ว'ไม่ได้เป็นโรค'อัลไซเมอร์'
น่าจะรู้ว่าเงินซื้อพรรค ควม. และ สส.ในสังกัด'ป๋าเหนาะ' นั้น
มาจากเงินส่วนไหน ที่ไหน

'เภก 800' ไม่รู้เรื่องนีหรอก เพราะตัวเลขมากกว่า '800'.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: "นังจวน"เอ๋ย ต้องยอมรับความสามารถ"พ่อแม้ว"เขา ที่หล่อนไม่เป็นใหญ่เพราะไร้กึ๋น...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 16-04-2008, 21:36
ถอดรหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอย วิกฤต’40 เปิดขบวนการปล้นชาติ - ตอนที่ 1:  เวลา 4 ทุ่ม กับคืนที่ทักษิณรู้ข่าวลดค่าเงินบาท
 
โดย ผู้จัดการรายวัน 16 เมษายน 2551 17:47 น.
 
 
       
        “ เขาพูดกันว่า คนที่เป็นนักธุรกิจส่งนอก บอกว่าเดี๋ยวนี้เงินบาทแข็งเกินไป แต่ก่อนนี้เงินบาทลอยไป ไม่ต้องมีเครื่องบิน ไม่ต้องมีบอลลูนหรอก มันลอยขึ้นไป พวกที่หัวใสในทางเก็งราคา ก็เก็งราคาดอลลาร์ ไปซื้อดอลลาร์ เพราะทราบว่าจะลอย ก็ซื้อดอลลาร์มากมายทีเดียว เมื่อลอยก็ขายได้กำไร ถ้าซื้อล้านบาทก็ได้กำไรกลับคืนมาสองล้านบาทภายในไม่กี่เดือน” – พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววันที่ 4 ธันวาคม 2541

       
       
ข่าวเชิงวิเคราะห์ โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

       
       ย้อนรอยคดีค่าเงินบาท หลังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาทที่ “โภคิน” แพ้ “สุเทพ” พบทักษิณเคยยอมรับกลางสภาได้รับโทรศัพท์ตอน 4 ทุ่มมาคาบข่าวก่อนลอยค่าเงิน ตะลึงเงินไหลออกสุทธิ 3 วันเกือบ 5 หมื่นล้านบาท หลัง “ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์ฟันธงลดค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2540
       
       จากกรณีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 5730/2550 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2550 ที่ได้ยกฟ้องคดีความที่นายโภคิน พลกุล ในฐานะอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น โจทย์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้อภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 เรื่องการลดค่าเงินบาท โดยนายสุเทพตั้งข้อสงสัยว่านายโภคินได้นำมติจากที่ประชุมลับเรื่องการลดค่าเงินบาท ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์ ตามที่ได้ปรากกฏเป็นข่าวแล้วนั้น
       
       หากได้ย้อนเวลากลับไปตามวันและเวลาก่อนลอยค่าเงินบาท ได้พบที่น่าสังเกตุและมีพิรุธดังต่อไปนี้
       
       วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2540 เป็นวันหยุดราชการ ผู้บริหารแบงก์ชาติ 6 คน(นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์, นางธัญญา ศิริเวคิน, นายศิริ การเจริญดี , นายบัณฑิต นิจถาวร , นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน และ นางเกลียวทอง เหตระกูล) พิจารณาทั้งวันแล้วมีมติ ให้ลอยค่าเงินบาทและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดตามที่เคยหารือกับไอเอ็มเอฟมาก่อนหน้านี้ และมีการโทรศัพท์ให้นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าแบงก์ชาติได้รับทราบ โดยไม่มีการแจ้งให้ฝ่ายการเมืองทราบอย่างทันท่วงที
       
       วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2540 เปิดทำการวันแรก ทุนสำรองสุทธิอยู่ที่ประมาณ 4,883 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540 เปิดทำการวันที่สองแบงก์ชาติทำสัญญา SWAP กับเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ทุนสำรองสุทธิค่อนข้างคงที่
       
       วันพุธที่ 25 มิถุนายน 2540 แบงก์ชาติทำสัญญา SWAP กับเอกชนเพิ่มขึ้น เงินไหลออกนอกประเทศจนทุนสำรองสุทธิลดลง 208 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5,200 ล้านบาท) ทุนสำรองสุทธิเหลือประมาณ 4,675 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2540 มีการทำสัญญา SWAP เพิ่มอีกเช่นเคย ผู้บริหารแบงก์ชาติ เข้าพบนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อนายทนงได้เห็นทุนสำรองสุทธิที่เหลือน้อยมากไม่สามารถปกป้องค่าเงินบาทได้แล้ว จึงให้นโยบายว่าให้แบงก์ชาติต้องเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน แต่แบงก์ชาติกลับบอกว่าจะกลับไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของแบงก์ชาติทั้งๆ ที่ได้มีการประชุมผู้บริหารไปก่อนหน้านี้แล้ว
       
       วันนั้นนอกจากผู้บริหารของแบงก์ชาติทั้ง 7 คนแล้ว นายทนง พิทยะ รัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ย่อมรู้ดีว่าจะต้องมีการเปลี่ยนระบบค่าเงินด้วย เพราะได้เห็นสถานภาพของทุนสำรองระหว่างประเทศจนหมดสิ้นแล้ว
       
       ปรากฏว่าวันเดียวกัน เงินไหลออกนอกประเทศ จนทุนสำรองสุทธิลดลงไปอีก 417 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,425 ล้านบาท) หรือเงินไหลออกนอกประเทศสุทธิเกือบ 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับก่อนหน้าหนึ่งวัน ทำให้ทุนสำรองสุทธิเหลือประมาณ 4,258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2540 ปรากฏว่า เงินไหลออกสุทธิเพิ่มหนักมากขึ้นประมาณถึง 1,408 ล้านเหรียญสหรัฐฯในช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียว (ประมาณ 35,200 ล้านบาท) เทียบเป็น 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 1 วัน หรือคิดเป็นกว่า 6 เท่าตัวเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 2 วัน เป็นผลทำให้ทุนสำรองสุทธิลดลงเหลือเพียง 2,850 ล้านเหรียญสหรัฐฯเท่านั้น
       
       วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2540 เป็นวันหยุดทำการไม่มีธุรกรรมใดๆ นายทนง พิทยะ ได้ตกลงกับ นายเริงชัย มะระกานนท์ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ว่าจะไปเรียนนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540
       
       วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2540 เป็นวันหยุดทำการเช่นเดียวกัน เวลา 9.30 น. นายทนง พิทยะ, นายเริงชัย มะระกานนท์, นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ เข้าร่วมประชุมเพื่อแจ้งว่าจะมีการลอยค่าเงินบาท โดยมีนายโภคิน พลกุล ร่วมประชุมอยู่ด้วย (ตามคำพิพากษาศาลฎีกา)
       
       วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ลงนามให้ประกาศลอยค่าเงินบาทในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 โดยนายเริงชัย มะระกานนท์ อ้างว่าเพื่อให้ปิดงวดบัญชีครึ่งปีในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 และวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 เป็นวันหยุดทำการของแบงก์ชาติ
       
       แต่ในวันดังกล่าว แบงก์ชาติกลับไปทำ SWAP เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกับเอกชนเป็นจำนวนถึง 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ดีว่าการทำ SWAP กับเอกชนในวันนั้นเมื่อถึงกำหนดคืนเงินเหรียญสหรัฐฯตามสัญญา SWAP จะต้องขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการลอยค่าเงินบาทอย่างย่อยยับและเอกชนคู่สัญญาก็น่าจะได้กำไรไปอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน
       
       ตามคำพิพากษาศาลฎีการะบุคำพิพากษาในการยกฟ้องที่นายโภคิน พลกุล ฟ้องร้องต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณความตอนหนึ่งว่า
       
       “การที่จำเลยที่ 1 (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรว่า โจทก์ (นายโภคิน พลกุล )ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สมควรจะไปนั่งอยู่ด้วยในการประชุมตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะให้ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จหรือฝ่าฝืนต่อความจริง ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ต่างหากที่ฝ่าฝืนต่อความจริง”
       
       ส่วนเรื่องที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อภิปรายสงสัยว่า นายโภคิน พลกุล เป็นคนบอกความลับเรื่องนี้แก่ พ.ต.ท. ทักษิณนั้น ศาลฎีกาโดยมติของที่ประชุมใหญ่เห็นว่า
       
       “การกระทำของพลเอกชวลิตที่ยอมให้โจทก์ (นายโภคิน พลกุล) ได้ร่วมรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท อันเป็นเรื่องความลับที่สุดซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์และส่วนได้เสียของประเทศและประชาชนจำนวนมากเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2540 ก่อนวันประกาศเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 3 วันทั้งๆ ที่โจทก์ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือควรรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและการตัดสินใจในครั้งนี้เลย
       
       และหลังจากนั้นยังยืนยันในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า มีผู้รู้ถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเพียง 3 คนเท่านั้น คือ ตัวพลเอกชวลิต นายทนง และนายเริงชัย เป็นข้อพิรุธสำคัญ
       
       ประกอบกับพันตำรวจโททักษิณซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบเสียหายรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอย่างผู้ประกอบธุรกิจการค้าใหญ่รายอื่นที่มีหนี้สินเป็นเงินตราต่างประเทศที่ต่างประสบความเสียหายอย่างรุนแรง ย่อมเป็นมูลเหตุเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายตั้งข้อสงสัยโจทก์ได้
       
       การตั้งข้อสงสัยดังกล่าวของจำเลยที่ 1 จึงมีมูลเหตุเพียงพอที่จะให้ตั้งข้อสงสัยเช่นนั้นได้ ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยอย่างเลื่อยลอย”
       
       สิ่งที่น่าสนใจในการอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 นั้น ได้ปรากฎว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลุกขึ้นยืนตอบการอภิปรายในครั้งนั้น ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนฯชุดที่ 20 ปีที่ 1 ครั้งที่ 25-26 (สมัยสามัญครั้งที่ 2 เล่ม 21 พ.ศ. 2540 ) หน้า 179 -181 ว่า:
       
       "เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม (2540) กลางคืนวันนั้น บังเอิญผมทานข้าวกับผู้ใหญ่ที่ผมนับถือร่วมกับนักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่ง ประมาณ 4 ทุ่มมี “คน” โทรมาบอกผมว่า ได้มีการพบปะกันอย่างซีเรียสมากที่ทำเนียบ มีคน 4 คนคือ นายกฯ (พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ), นายเริงชัย มะระกานนท์ (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขณะนั้น), นายทนง พิทยะ และ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ (รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) เพราะผมรู้ว่า นายชัยวัฒน์ เป็นผู้จัดการกองทุนรักษาระดับ ผมเลยเดาแล้วยังบอกกับผู้ใหญ่คนนั้นกับนัก นสพ.อาวุโสว่า สงสัยจะมีการลดค่าเงินบาทแน่ เพราะถ้ามีผู้จัดการทุนรักษาระดับเข้าไปร่วมด้วยในการพิจารณาซีเรียสอย่างนั้น ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือคือ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ครับ ผมอยู่กับท่านวันที่ 1 กรกฏาคม ตอน 4 ทุ่ม"
       
       เพราะวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 เป็นวันหยุดทำการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย การอ้างว่ารู้ข้อมูลการเคลื่อนไหวเพื่อลดค่าเงินบาทในวันดังกล่าวนั้นก็เพื่อจะบอกต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าแม้จะรู้ข้อมูลก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลค่าเงินบาทได้ก็ควรต้องรู้ข้อมูลก่อนคืนวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540

 
   
 
 
       แต่จากหลักฐานที่ปรากฎพบว่า หน้าปกมติชนสุดสัปดาห์ฉบับวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540 ได้ขึ้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับพาดหัวด้วยคำว่า “อัศวินแห่งคลื่นลูกที่ 3 ทักษิณ ชินวัตร เปิดถ้วยไฮโล-ควบดาวเทียม ฟันธง ลดค่าเงินบาท” การสัมภาษณ์ครั้งนั้นได้เกิดที่ห้องไดนาสตี้ โรงแรมเซ็นทรัล “ในวันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540”
       
       วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟันธงว่าจะลดค่าเงินบาทนั้นห่างกันถึง 7 วัน จากเวลา 4 ทุ่มของคืนวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าเพิ่งจะรู้ข่าวเพราะมีคนโทรมาบอก
       
       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟันธงเรื่องการลดค่าเงินบาทได้อย่างไรทั้งๆ ที่ ในเวลานั้นเรื่องของทุนสำรองระหว่างประเทศและภาระผูกพันการทำ SWAP ของแบงก์ชาตินั้นเป็นความลับสุดยอด การกำหนดวันเวลาการลดค่าเงินจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
       
       ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “รู้ไส้” ข้อมูลว่าจะมีการลดค่าเงินตั้งแต่วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2540 นั่นหมายถึงว่าข่าวการลดค่าเงินนั้นไม่น่าจะสงสัย นายโภคิน พลกุล เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่อาจจะมีคนในแบงก์ชาติที่ได้ประชุมกันว่าจะลดค่าเงินตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2540 เป็นคนบอกข่าวล่วงหน้าด้วยหรือไม่?
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในแบงก์ชาติที่ประชุมลอยค่าเงินบาท ที่มีความเจริญก้าวหน้ามากที่สุดในตำแหน่งทางการเมืองและสถาบันการเงินหลายแห่งในสมัยรัฐบาลทักษิณ ก็คือ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการแบงก์ชาติในสมัยนั้นที่ปัจจุบันก็ยังเป็นประธานกรรมการ บริษัท เอสซี แอสเสท (มหาชน) จำกัด ที่ได้ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกิจการแห่งนี้
       
       นับตั้งแต่วันที่ 24 – 30 มิถุนายน 2540 ถ้านับเฉพาะวันทำการของแบงก์ชาติ พบว่ามีคนนำเงินบาทมาแลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯในรูปแบบต่างๆ เป็นตัวเลขเงินไหลออกสุทธิประมาณไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ถ้านำมาแลกกลับเป็นบาทตอนอ่อนค่าลงเป็น 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ก็จะได้กำไรไปประมาณ 5 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยเงิน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯนั้นก็จะได้กำไรไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือถ้านำมาเงินดังกล่าวแลกกลับตอน 40 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯก็จะได้กำไรไปประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และถ้านำมาแลกในช่วงค่าเงินบาทอ่อนตัวลงที่ 50 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯก็จะทำกำไรไปอย่างมโหฬารถึง 5 หมื่นล้านบาท
       
       นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้อภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2540 ความตอนหนึ่งว่า
       
       “คนนี้เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ คนนี้เอาข้อมูลภายในไปแสวงหาประโยชน์ มีข่าวลือกันมากในตลาดการเงินในประเทศไทยว่า ขาใหญ่ที่ร่ำรวยนั้น รวยถึงขนาดมีการันตีได้ว่า เลือกตั้งคราวหน้าสบายกันทุกคน.....
       
       “ ท่านประธานที่เคารพครับวันนี้ผมยอมบาป คนที่ผมสงสัยมากที่สุดนั่งอยู่ตรงนั้นครับ ด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ครับผู้ต้องสงสัยของผม ท่านด็อกเตอร์ทักษิณไม่ได้ทำบาปอะไรหรอกครับ ที่ผมสงสัยคือสงสัยว่ารัฐมนตรีโภคินจะเป็นคนบอกความลับเรื่องนี้กับด็อกเตอร์ทักษิณ แล้วด็อกเตอร์ทักษิณไปซื้อขายเงินไว้ล่วงหน้าทำกำไร”
       
       “ท่านประธานที่เคารพครับ ท่านได้กำไรไปเยอะในขณะที่คนในชาติน้ำตาไหลกันทุกคน ผมไม่แปลกใจว่า หลังจากนั้นไม่นาน ได้มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ก็เก่งขนาดทำเงินได้ 2 วัน 4 พันล้านบาท ถึง 5 พันล้านบาท ก็น่าจะให้เป็นหรอกครับ
”
       
       “ท่านประธาน นี่เป็นข้อสงสัยของผม ผมคาดคะเนสงสัยด้วยเหตุผลแวดล้อมอย่างนี้และผมมีประจักษ์พยานหลักฐานว่า หลังจากนายโภคินได้รับความลับเรื่องนี้ ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับด็อกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร เสียอย่างเดียวว่า ผมไม่มีหูทิพย์ว่าพูดกันอย่างไรเท่านั้นเองครับ แต่ผมสงสัย และผมรู้ว่านายโภคินได้พูดความลับเรื่องนี้กับคนอื่นอีก ถ้าท่านรัฐมนตรีโภคินสงสัยฟ้องศาลจะได้รู้ว่าคนที่ท่านบอกนั้นจะเป็นพยานให้ท่านหรือจะเป็นพยานให้ผม”
       
       10 ปีผ่านไปศาลฎีกานอกจากจะยกฟ้องคดีค่าเงินบาท ที่นายโภคิน พลกุล ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณแล้ว ศาลฎีกายังได้พิพากษาอีกด้วยว่า นายโภคิน พลกุล ไม่ได้รับความเสียหายจากการอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจครั้งนั้นอีกด้วย โดยระบุเอาไว้ในคำพิพากษาความตอนหนึ่งว่า:
       
        “ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้อง เนื่องจากก่อนเป็นนักการเมืองโจทก์เป็นนักวิชาการไม่มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก ทั้งไม่เคยทำธุรกิจค้าขายร่วมกับชาวต่างประเทศและเสียภาษีเพียงปีละหลักพันบาทเท่านั้น ”
       
       พ.ศ.2546 นายโภคิน พลกุล ได้เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปรากฏว่านายโภคินมีทรัพย์สิน 22,584,577 บาท ไม่มีหนี้สิน ภรรยามีทรัพย์สิน 84,371,703 บาท มีหนี้สิ้น 8,261,376 บาท ภรรยามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 76,110,327 บาท บุตรยังที่ไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คน มีทรัพย์สิน 368,087 บาท ไม่มีหนี้สิ้น
       
        นายโภคิน พลกุล เสียภาษีปีละหลักพันบาทแต่กลับมีทรัพย์สินของครอบครัวที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ในเวลาต่อมาร่วมร้อยล้านบาท ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากที่ได้ผ่านเหตุการณ์ในการลอยค่าเงินบาทในวันนั้นได้ผ่านชีวิตที่ล่มสลาย ล้มละลาย ตกงาน แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ในขณะที่มีคนบางกลุ่มได้ร่ำรวยในชั่วพริบตา กลายเป็นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

 
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000044663
 



ร่วมผสมโรงกับคุณจีรศักดิ์.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ตอกย้ำ'บิดา'ของ'เภก 800'
เก็งค่าเงินบาทได้เหนือกว่าคุณชวน หลีกภัย.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า