ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 13-03-2008, 20:03



หัวข้อ: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 13-03-2008, 20:03
ที่นี่นะ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000031147

แล้วจะรู้ว่า ปลื้ม นั้นเป็นอย่างไร  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: วิวาทะเดือด!'หม่อมปลื้ม'ปะทะ'รสนา'ว่าด้วยคนกรุงเทคะแนนเลือกเป็น ส.ว.
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 13-03-2008, 21:33
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=23412&catid=1

อ้างถึง
วิวาทะเดือด!'หม่อมปลื้ม'ปะทะ'รสนา'ว่าด้วยคนกรุงเทคะแนนเลือกเป็น ส.ว.

'แต่แล้วเรากลับได้คนที่เชื่อได้ว่าจะปิดกั้นกฎหมายสนับสนุนธุรกิจการลงทุน สร้างอุปสรรคต่อกระบวนการอันราบรื่นของการแก้ไขกฎหมายจำนวนมากที่จำเป็น'


ต่อไปนี้เป็นบทความของม.ล.ณัฏฐกร เทวกุลหรือ'ปลื้ม' เขียนถึงน.ส.รสนา โตสิตระกูล กรณีได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ฝ่ายหลังหลังแสดงทัศนะโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อน ในคอลัมน์'บทวิเคราะห์และความคิดเห็น'หน้า 11 ของหนังสือพิมพ์บางกอก โพสต์ ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2551*******************************

บทความของม.ล.ณัฏฐกร เทวกุล
รจนา โตสิตตระกูล,'คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า'?

ผมชอบคิดถึงกลุ่มคนชั้นสูงของเมืองหลวง สถานที่ที่ผมเชื่อว่า มีอัตราสูงสุดของผู้ใช้สิทธิของชนกลุ่มมีการศึกษา ไปจนถึงคนหลายกลุ่มที่หลากหลายทางการเมือง แต่ทว่าอัตราของผู้ใช้สิทธิของกลุ่มดังกล่าวไม่ได้สูงอีกต่อไป เมื่อพิจารณาจากการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมา ถ้าไม่นับการเป็นสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งผู้ใช้สิทธิ'กลุ่มฉลาด'ที่ตระหนักถึงการเมืองส่วนใหญ่ของทั้งหมด

บางทีค่านิยมที่แท้จริงของคนกรุงเทพอาจจะเหมือนกับเวเนซูเอล่า,เกาหลีเหนือ,คิวบา,โบลิเวีย และประเทศฝ่ายซ้ายอื่น ๆ ในโลกนี้

และนี่คือข้อเท็จจริง นางรสนา นักกิจกรรมสังคม และผู้ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้บริโภค ได้คะแนนเสียง 743,397 เสียง หรือ 49.78 % จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ซึ่งในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่

การที่คน ๆ เดียวจะกลายเป็นผู้แทนคนเดียวของกทม.จึงทำให้การเลือกตั้งเช่นนี้มีความหมายมากกว่าที่เคย เพราะเท่ากับผู้ชนะจะกลายเป็นวุฒิสมาชิกหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนคนทั้งกทม.นั่งอยู่ในสภาทรงอิทธิพลของสว.ทั้งหมด

แน่นอน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผลเลือกตั้งที่ออกมาจึงเป็นเรื่องน่าเศร้า ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นตัวแทนของคนกลุ่มนักลงทุนและคนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจตลาดเสรี ส่วนนายนิติพงษ์ ห่อนาค เป็นตัวแทนของคนกลุ่มบันเทิงและศิลปิน

ขณะที่นายมานิต วิทยาเต็ม อดีตตุลาการ(ความจริงนายมานิตย์ วิทยาเต็มเป็นอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนุญ-ผู้แปล)เป็นคนกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ ซึ่งในที่นี้มาจากภาคกฎหมาย คนเหล่านี้เป็นหัวแถวของคนที่มีพื้นเพเดียวกัน และคนที่ประสบความสำเร็จ

แต่แล้ว เรากลับได้คนที่เชื่อได้ว่าจะปิดกั้นกฎหมายสนับสนุนธุรกิจ-สนับสนุนการลงทุน สร้างอุปสรรคขัดขวางต่อกระบวนการอันราบรื่นของการแก้ไขกฎหมายจำนวนมากที่จำเป็น และท้ายที่สุดแต่ไม่ใช่สิ่งสุดท้าย ก็คือ การเป็นเสียงที่ไร้ค่าของคนที่มีเหตุผลที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ และการเป็นคนที่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจอันแท้จริงที่พยายามจะนำการเติบโตทางเศรษฐกิจคืนมาสู่ประเทศ

นางรสนาเกือบเป็นคนผู้เดียวที่นำความล่มสลายมาให้แก่บริษัทปตท.บริษัทที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเมืองไทย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจและความยินดีของกลุ่มนักลงทุนในประเทศ บทบาทของเธอในการเรียกร้องให้การเข้าตลาดหุ้นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยถูกประกาศเป็นโมฆะได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เธอต่อสู้กับวิถีของการพัฒนาและเศรษฐกิจต่าง ๆ ในรูปแบบไหน

สิ่งที่ไม่น่าอภัยเหมือนการกระทำสองครั้งในอดีตก็คือ การมีคนจำนวนมากขึ้น ที่กำลังทำสงครามในนามของผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวแทนของจากองค์กรที่ไม่เคยมีโอกาสได้มีบทบาทบริหารนโยบายของหน่วยงานเหล่านี้ ได้เลือกนางรสนาให้มีชื่อเสียงอย่างมากในทุกวันนี้ มันได้สร้างชื่อเสียงให้เธอสู่แถวหน้าของบรรดาผู้ที่สละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ

และจริง ๆ แล้ว ความนิยมจำนวนมากที่เธอได้รับมาจากการสนับสนุนของนักลงทุนและตุลาการที่ต้องเกี่ยวข้องกับคดีมากมายที่เกี่ยกับการร้องเรียนของผู้บริโภคสารพัด ถือเป็นสิ่งที่ได้ช่วยแผ่วทางให้เธอประสบความสำเร็จสู่การเมือง ไม่มีอะไรที่จะน่าเกียจกว่านี้แล้ว อย่าฟ้องผม เพราะผมรู้แล้วว่า คุณมีแผนจะทำอะไร!

หากมองย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกยุคก่อนรัฐประหาร นางรสนาเคยได้รับคะแนนถึง 118,338 คะแนน ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นผู้สมัครที่มีคะแนนสูงเป็นอันดับสี่ เชื่อไหมว่าเธอมีคะแนนแพ้แค่นิติภูมิ นวรัตน์,สมัคร สุนทรเวช และกล้านรงค์ จันทิก ยิ่งผมคิดถึงผลคะแนนทั้งหมดนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้เริ่มผมทำให้ต้องนึกถึงศักยภาพอันแท้จริงของความเป็นซ้ายที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในสังคมนี้

นางรสนาไม่ได้เป็นตัวแทนของคนกรุงที่เข้าใจถึงเรื่องตลาดเสรีและทุนนิยม เธอไม่ควรจะเป็นตัวแทนของเมืองที่พยายามจะเป็นแหล่งลงทุนขนาดใหญ่ของเอเชีย หากมีเมืองที่เธอควรจะได้เป็นผู้แทน ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกกรุงเปียงยาง(เมืองหลวงเกาหลีเหนือ)หรือคาราคัส(เมืองหลวงเวเนซูเอลา) หรือบางทีฮาวานา(เมืองหลวงคิวบา)ซึ่งเธอสามารถจะร่วมวงกับลัทธิราอูล หรือดีกว่าคือ'เมืองซูเคร' หรือ'กรุงลาปาซ'ซึ่งเธอสามารถสวมชุดพื้นเมืองเพื่อเต้นรำร่วมกับนายอีโว โมลาเรซ (ผู้นำโบลิเวีย)ได้

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ผมยังคงตั้งความหวังกับกรุงเทพ เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ผู้ใช้สิทธิกลุ่ม'ฉลาด'และคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นพลังเงียบแท้จริง จะเลือกคนที่เอื้อต่อการเติบโตและความก้าวหน้า มากกว่าเลือกการปฎิเสธ และการถดถอย การตั้งความหวังที่สูงกว่าหมายถึงการเลือกใครบางคนที่เข้าใจว่า การเป็นเอ็นจีโอฝ่ายซ้ายที่ต้องการกระจายรายได้ด้วยการล้มเศรษฐกิจทุนนิยม  จะไม่มีวันสร้างผลประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภค และผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์(2มีนาคม 2551)ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ยังมีที่ว่างของการปรับปรุงแก้ไขที่จะต้องเกิดขึ้นบนฐานความรู้สึกของผู้ใช้สิทธิกทม.

**************************

บทความของ'นางรสนา โตสิตระกูล'
ม.ล. ณัฏฐกร เทวกุล,'ใครล้อใครเล่น'?

ชาวกรุงเทพส่วนใหญ่สนับสนุนประชาธิปไตยสายกลางและเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี พวกเขารักความยุติธรรมและเกลียดการคอรับชั่น,การผูกขาดที่ไม่ยุติธรรม และพฤติกรรมปากว่าตาขยิบ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป หรือทำให้พวกเขาเป็น'พวกซ้าย'เหมือนที่คุณอ้าง มีคนเดียวที่จะมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องซ้ายได้ก็คือพวกขวาจัด

ชาวกรุงเทพรู้ว่า ดิฉันไม่ได้ต่อต้านเศรษฐกิจตลาดเสรีที่เป็นธรรม แต่สิ่งที่พวกเขาและดิฉันไม่อาจทนได้ก็คือ ธรรมาธิบาลที่แย่และข้อตกลงแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีเบื้องหลังซ่อนเร้น

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีมูลค่าสูงถึง 3.8 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลกลับพยายามขายมันทางตลาดหุ้นด้วยมูลค่าหุ้นเพียง 20,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ถูกขึ้นบัญชีเข้าตลาดหุ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะมีการเสนอขายต่อสาธารณะ รัฐบาลได้ผ่านมติให้ท่อก๊าซสามารถยับยั้ง และให้มีการตั้งหน่วยงานกำกับดูแลขึ้นมา เพื่อช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค หนึ่งปีต่อมา รัฐบาลทักษิณกลับยกเลิกมติดังกล่าว และให้บริษัทปตท.ได้สิทธิในสิ่งที่ควรจะเป็นทรัพย์สินของชาติ นักลงทุนที่มีใจเป็นธรรมจะเห็นด้วยว่า นี่เป็นรูปแบบของการปล้น ในการต่อสู้กับคดีคอรับชั่นเชิงนโยบายเหล่านี้ ดิฉันไม่เคยใช้การชุมนุมบนท้องถนน แต่ใช้การพึ่งอำนาจศาลเพื่อตัดสินสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมตามกฎหมาย ดิฉันขอถามคุณบ้าง ในฐานะประชาชนที่เสียภาษี ความพยายามที่อ้างเอาทรัพย์สินของประชาชน มันทำลายฐานของเศรษฐกิจหรือไม่ หรือมันได้ซึบซับเข้าใจถึงธรรมาภิบาลอันดี กฎเกณฑ์ทางกฎหมาย และความมั่นคงในระยะยาวหรือเปล่า

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายธนาคารที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งบอกว่า เมืองไทยไม่ใช่แค่ตลาดหุ้น และอนาคตของประเทศก็ไม่ได้พึ่งแต่เฉพาะตัวเลขจีดีพี คุณพ่อของคุณเอง ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ยังได้ฝากมุมมองถึงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังไว้เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2549 ว่า 'ตลาดเสรีที่ปราศจากความพอเพียงจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ คนที่ทำตามทฤษฎีตะวันตก และมองว่าหลักการความพอเพียงเป็นสิ่งคุกคามต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ นั่นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตรงกันข้าม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะถูกใช้เป็นเครื่องสร้างความสมดุลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างความพอเพียง และรับประกันว่าความผาสุกของผู้คนและสิ่งแวดล้อมจะได้รับการคุ้มครอง

นี่เป็นสิ่งที่คล้ายกับจุดยืนทางเศรษฐกิจของดิฉัน จริง ๆ ดิฉันมีมุมมองเหมือนดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติผู้ล่วงลับ ที่ปรารถนาจะเห็นกลไกของทุนนิยมตลาดเสรี เดินไปพร้อมกับความพยายามอย่างจริงจังในการกระจายความมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อให้ประโยชน์แก่ประชากรกว่า 70 % ที่ยังคงยากจน

นี่เป็นวิถีคิดแบบเปียงยางหรือฮานาวาที่คุณประนามดิฉันหรือเปล่า? ประเทศอื่น ๆ ล้วนมีระบบเศรษฐกิจของตัวเอง ดิฉันต้องสารภาพว่า ไม่ค่อยรู้รายละเอียดลึกมากมาย หรือรู้ว่าพวกเขาพัฒนาเศรษฐกิจกันอย่างไร แต่เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นอย่างดูถูก เราควรจะบ่มเพาะทัศนคติของการใช้ขันติ เพื่อให้เราสามารถยอมรับความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม และมันไม่สำคัญว่า จุดยืนของดิฉันจะเหมือนกับประเทศอื่นหรือไม่ แต่ดิฉันเชื่อว่าจุดยืนของดิฉัน สอดคล้องกับของคนกรุงเทพที่ใช้สิทธิเลือกดิฉัน

คุณเป็นคนหนุ่มมีการศึกษาดี หากคุณพยายามมองสิ่งอื่น ๆ จากมุมมองของคนอื่นแล้ว คุณก็อาจจะเข้าใจคนกรุงเทพยุคใหม่ดีขึ้น และมันจะดีกว่าการที่คุณต้องรู้สึกหดหู่กับการเมือง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณดูถูกดิฉันในคอลัมน์ของคุณ และแน่นอน ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงด้วยการฟ้องหมิ่นประมาทคุณ แต่ในฐานะคนไทยที่ถูกเติบโตกับมาวัฒนธรรมขงจื้อ ดิฉันเคารพในบรรพบุรุษของคุณ ซึ่งเคยเป็นหัวหอกของกลุ่มบุคคลหัวแถวของประเทศที่พยายามจะปลดปล่อยประเทศสยามจากสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ถูกใช้โดยมหาอำนาจล่าอาณานิคม ที่ต้องการจะควบคุมเศรษฐกิจไทยและระบบตุลาการตลอดยุคสมัยของรัชกาลที่ 5,6 และรัชกาลที่ 7 ดังนั้น ดิฉันจะระงับการกระทำใด ๆ ที่จะสร้างความผลกระทบแก่ครอบครัวที่มีชื่อเสียง ที่ทำประโยชน์อย่างมากแก่ประเทศไทย

ดิฉันอยากจะแนะนำให้คุณคิดให้ลึกซึ้ง และปรึกษาคนให้เยอะ ๆ ก่อนจะแสดงความคิดเห็นออกมา โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้แสดงการดูถูกต่อการตัดสินของศาลปกครอง,การใช้สิทธิของเพื่อนชาวกรุงเทพของคุณและประชาชนของประเทศอื่น ในฐานะตัวดิฉันเอง หลังจากที่เคยทำงานให้แก่สาธารณะมากว่า 30 ปี ดิฉันได้บรรลุแล้วซึ่งตำแหน่งที่มั่นคงทางสังคม และมีความอดทนที่รับฟังความเห็นที่คุณเขียนออกมา

อันนี้นำมาจาก มติชน

อ่านแล้วก็คงไม่ต้องวิจารณ์ แต่ในฐานะคนกรุงเทพ และในฐานะประชาชนผู้จงรักภักดี

เมื่ออ่านหัวข้อข่าวที่มติชนนำมาลง ก็ทำใหนึกถึงสองชื่อขึ้นมาทันใด

หม่อมปลื้ม  -  หม่อมไกรสร

จบ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: truly ที่ 13-03-2008, 21:54
ปลื้มเอ๊ย..โดนป้ารสอัดกลับซะหน้าแหกเลยคราวนี้
ที่ผ่านมาได้แต่วิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ราวกับตัวเองเก่งกาจนักหนา
ตั้งแต่ดูปลื้มพูดมาไม่เคยเห็นอะไรเลย นอกจากความกร่างและอวดฉลาด
ที่เขาส่งให้ไปเรียนเมืองนอกมานี่ ได้มาแค่นี้เองหรือ... :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 13-03-2008, 21:56
คุณรจนาตอบได้ดีมีสติปัญญากว่าคนที่เขียนด่าเธอเสียอีก ..เยี่ยม !!


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 13-03-2008, 22:14
ผมอายุประมาณพ่อไอ้ปลื้ม และการเลือก ส.ว. ผมก็เลือกคุณรสนาทั้งสองครั้ง

ถ้าไอ้ปลื้มเขียนบทความได้แค่นี้ ขอเรียกไอ้ปลื้มว่า "ไอ้ควาย"    :slime_agreed:

...


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: democrazy ที่ 13-03-2008, 22:18
เด็กมันอยากดัง เลยหากลยุทธโปรโมทหนังล่ะมั๊งครับ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 13-03-2008, 22:20
ไอ้ควายตัวนี้ บังเอิญผมไม่ได้คิดจะติดตามดู ฟัง หรืออ่านความคิดมันเลย


เพราะผมไม่เคยเห็นมันจะคิดทำประโยชน์ต่อสาธารณะใด ๆ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 13-03-2008, 22:24
ไอ้ปลื้มก็แค่หนึ่งในพวกปลื้มไอ้เหลี่ยม ที่บังเอิญพูดภาษาฝรั่งได้คล่องกว่าไอ้เหลี่ยมเท่านั้นเอง

ไม่ให้เคยให้ราคาไอ้ไอ้หน้าเต้าหู้ยี้นี่มาตั้งแต่เห้นทีแรกแล้วครับ    :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 13-03-2008, 22:30
จำได้ว่า "ไอ้ปลื้ม" ไปร่วมกับคณะที่ทำหนังสือ "ไม่เปรม"

ไม่รู้็ว่า เมื่อไหร่มันจะิิออกหนังสือ "ไม่ปลื้ม" (ไอ้เฮี้ยพ่อแม่ไม่สั่งสอน)

 :slime_cool:
...


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 13-03-2008, 23:09
ความเป็นซ้ายหรือขวานั้นไม่มีใครผิดถูก จุดยืนของคุณปลื้มจะอยู่กับทุนนิยมก็ไม่ผิด
แต่อย่าได้มาดูถูกหรือสมเพชคนอื่น เพียงเพราะว่าคนอื่นคิดไม่เหมือนตัวเองจะดีกว่า


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 13-03-2008, 23:33
ความเป็นซ้ายหรือขวานั้นไม่มีใครผิดถูก จุดยืนของคุณปลื้มจะอยู่กับทุนนิยมก็ไม่ผิด
แต่อย่าได้มาดูถูกหรือสมเพชคนอื่น เพียงเพราะว่าคนอื่นคิดไม่เหมือนตัวเองจะดีกว่า

ประโยคข้างบน....โดนอย่างจัง  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 14-03-2008, 00:13
พอดีผมไม่เคยให้ราคาอะไรกับหนูปลื้ม ก็เลยไม่สนใจอะไรกับเด็กคนนี้ จนกระทั่งสังเกตว่าที่นี่และที่เว็บผู้จัดการให้ความสนใจเรื่องนี้ ก็เลยคลิกมาอ่านดู

ขอเท้าความก่อนว่า

ใครรู้จักสรยุทธลองไปขอเทปเก่า ๆ สมัยหนูปลื้มออกตอนเช้ามาดูได้

ช่วงที่เมืองนอกเค้าโหวตสิ่งมหัศจรรย์ของโลกกัน

หนูปลื้มปล่อยไก่งวงออกมาตัวเบ้อเริ่ม บอก "นครวัดของไทยก็ติดอันดับด้วย"

พอได้อ่านทัศนะของหนูปลื้มจากกระทู้นี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่า

โทรทัศน์และนิตยสารที่กำลังจ้างหนูปลื้มทำหน้าที่สื่อนั้น

ช่างดูถูกประชาชนอย่างร้ายกาจจริง ๆ



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 14-03-2008, 01:00
ฝากถามปลื้ม การไม่เคารพในสิทธิคนอื่นนี่เป็นประชาธิไตยแบบประเทศไหน การไม่ยอมให้มีอำนาจถ่วงดุลเป็นประชาธิไตยแบบประเทศไหนครับ ขอบอก งานนี้ไม่ปลื้มแฮะ :slime_v:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 14-03-2008, 01:44
ปลื้มเอ๊ยยย.....เขาส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา
ดันไปฝังหัวกับความรู้เก่าๆสมัยคอมมูนิสต์ ขวาสุดขั้วซ้ายตกขอบ
ไอ้ทุนนิยมเสรียังมีมหาวิทยาลัยไหนสอนอยู่เหรอ
ถ้าพูดถึงสมัยนี้ เขาพูดถึงธรรมาภิบาลกันแล้ว
ก่อนมาโชว์โง่ ปตท. กฟผ.กลับไปอ่านข้อมูลก่อนแล้วใช้หัวคิดซะบ้าง
ความรู้แค่หางอึ่ง อ่านข่าวตอนเช้ายังไม่รอด จะมาเขียนบทความสั่งสอนชาวบ้าน

ถ้าหน้าไม่มียางก็มองไปทางพ่อแม่บ้าง ป่านนี้อับอายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ที่เวลาไปไหนคนเขาถามเอาว่า "สอนลูกยังไงมันถึงได้ออกมาทั้งโง่และซื่อบื้อขนาดนี้"



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 14-03-2008, 01:59
อ่านข่าวไป หาวไปสงสัยอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงเลือดในสมองไม่พอเลยเพี้ยนซะงั้น


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 02:51
วุฒิสภา ยุคนี้ น่าจะดูดีที่สุดในแง่การปรับใช้

หากคิดถึงเรือง กลุ่มอาชีพ ก็มีสว.สรรหา มาถ่วงดุลอยู่แล้วการสรรหาก็กระจายไปตามกลุ่มอาชีพอยู่แล้ว

ส่วนสว. เลือกตั้ง ก็เป็นคะแนนนิยม หรือฉันทานุมัติจากประชาชนหรือคะแนน "ป้อบปูล่า"

หากจะให้ดี ก็ปรับเปลี่ยนจำนวน สว. ไปตามอัตราส่วนของประชากร

หากมองประเด็นนี้ น่าจะดูดีกว่า เช่น ใช้จำนวนประกร 500,000 คนต่อ สว. 1 คน

หรือจำนวนมากกว่านั้นก็ได้เพื่อให้ได้สว. ตามจำนวนอาจได้ สว.เลือกตั้งมากกว่า 76 คนก็ได้

หากนับกลุ่มอาชีพ ต้องใช้กลุ่มอาชีพจากทั่วประเทศเป็นหลัก ซึ่ง สว.สร้รหา ทำตรงนั้นอยู่แล้ว

คุณปลื้มยังต้องฝึกวิธีคิดทางด้านการเมืองอีกเยอะ

เพราะ สว. เลือกตั้งมันกำหนดได้อย่างเดียวคือ คุณสมบัติผู้สมัคร

ไม่ใช่เรื่องตัวแทนของกลุ่มไหน แต่เป็นตัวแทนของประชาชน กทม. ใช้ 1 คน 1 เสียง


ผลออกมายังไงประชาชนต้องยอมรับ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 14-03-2008, 07:10
เปิดทีวีเจอรายการเป็นปลื้มเมื่อไหร่

ผมกดรีโมทหนีโดยอัตโนมัติทุกทีเลย


คิดว่าตัวเองหล่อยังไม่พอ
ดันคิดว่าตัวเองฉลาดอีกต่างหาก

:mrgreen:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Arch_FreeMan ที่ 14-03-2008, 07:35
ผมอ่านแล้ว สงสาร ราชสกุลเทวกุล มาก ที่มีลูกหลาน แสดงความเห็นในลักษณะนี้

ยิ่งไปอ่าน comment ที่ผู้จัดการ แล้ว อยากบอกว่า บทความของปลื้มทำให้คนจำนวนมากไม่ปลื้ม

สิ่งที่เขาเขียนในบทความมันแสดงถึงการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการวิจารณ์การตัดสินใจเลือก สว ของคนกรุงเทพ

ในขณะที่ รสนา เลือกที่จะใช้เหตุผล และ ข้อเท็จจริง ในการตอบโต้ บทความดังกล่าวด้วยความสุขุมรอบคอบ และมีความเป็นผู้ใหญ่ทางความคิด

สรุปงานนี้ คุณปลื้ม เขียนบทความฆ่าตัวตายทางความคิด และ นำความเสื่อมเสียมาให้วงศ์ตระกูลอย่างประมาณค่ามิได้


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 08:01
คนที่อยู่กับตลาดทุน ตลาดเงิน เค้าต้องใช้นักวิชาการ หรือเข้าไปอยู่ในระบบด้วยการสรรหา

เพราะเป็นคนส่วนน้อย ออกเสียงเมื่อไหร่ก็แพ้เลือกตั้ง

ก็คล้ายๆ กับ มุมมองของ คนกรุง มองรากหญ้า นั่นแหละครับ เซม ๆ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 14-03-2008, 08:12
ผมว่าอย่างน้อย มันก็เป็นการตอกย้ำกับคำที่ว่า คนกรุงส่วนมากไม่เอา พปช ได้ชัดเจนขึ้น และตอกย้ำความสงสัยของพวก พปช กับเหตุการณ์ที่พ่ายแพ้ในกรุงอย่างพลิกโผล นิสัยคนกรุงเปลี่ยนตามสภาพการณ์ ไม่เคยยึดติด เรื่องนี้ปลื้มคงไม่รู้แน่ๆ อิอิอิ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 14-03-2008, 08:23
อย่างหนึ่งที่ชวนสงสัย ปลื้มวิพากษ์อย่างกับว่าการทำหน้าที่ สว. ของคุณรสนาจะมีศักยภาพมากๆ จนรัฐบาลไม่สามารถขยับขยายอะไรได้เลย ประหนึ่งปลื้มแสดงความเกรงกลัวต่อพลังความสามารถของคุณรสนาเอามากๆ ท่าทางลำแสงออร่าของคุณรสนา จะไปประทะสายตาปลื้มเข้าอย่างจังซะแล้วกระมัง อิอิอิ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 14-03-2008, 08:38
มองอีกทางหนึ่งก็ดีเหมือนกัน ที่หนูปลื้มแสดงทัศนะออกมาแบบนี้

เพราะหนูปลื้มเคยบอกว่าสนใจเล่นการเมือง

ให้ปากทำลายตัวเองแบบนี้แหละ ดีนัก

เบื่อหน้าหนูปลื้มยังไง ก็อย่าลืมเซฟบทความพวกนี้ไว้นะครับ

เอาไว้ช่วยหนูปลื้มหาเสียงในอนาคต  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 08:49
ผลจากการเลือกตั้งของคนกรุง จะดูว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายไหน

เมื่อรู้แล้ว มักจะให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่า คนกรุงชอบทำหน้าที่ตรวจสอบมากกว่า

ผมคิดเอาเองนะ ประสบการณ์การเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2512 มันบอกเช่นนั้น

ผมอาจสรุปผิดก็ได้

ยิ่งรัฐบาลขี้เหร่แบบนี้ ฝ่ายค้านตีขิมรอเลยครับ รอรับได้เลย

นิสัยคนกรุงเทพส่วนอิสระ ( ไม่ใช่ฐานคะแนนพรรคการเมือง ) ประมาณ 40 % พร้อมจะโยกข้ามพรรคได้ง่ายๆ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 14-03-2008, 08:54
เห็นเป็นจริงดังลุงแคนว่า วัดจากความเห็นและพฤติกรรมส่วนตัว นอกเสียจากเกิดกรณีหักกันไปข้าง ถ้าเป็นอย่างนั้นพรรคไหนได้ก็โกยหมด เหมือนยุคไอ้เหลี่ยม 1 เทกระจาดไปเต็มๆ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 09:21
ยุคสมัครตั้งพรรค ก็โกยไปเต็มๆ

ยุคมหาจำลอง พรรคแบกะดินก็โกยไปเต็มๆ

ยุคหน้าเหลี่ยมก็โกยไปเต็มๆ

ยุคหนุ่มมาร์ค ก็โกยไปเต็มๆ

อย่าไว้ใจคะแนนคนกรุง กระแสมีส่วนมาก ใครสร้างกระแสในช่วง 14 วันสุดท้าย

ก็ชนะไปทุกครั้ง


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 14-03-2008, 10:33
"อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ผมยังคงตั้งความหวังกับกรุงเทพ เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ผู้ใช้สิทธิกลุ่ม'ฉลาด'และคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นพลังเงียบแท้จริง จะเลือกคนที่เอื้อต่อการเติบโตและความก้าวหน้า มากกว่าเลือกการปฎิเสธ...."


กรี๊ดดดดด.. คุณปลื้ม ฉลาดมั๊กม๊ากกกกกกกกกกกกกก
ไม่มีใครฉลาดเท่าคุณปลื้มเล้ยยยยย
ระวังเดี๋ยวจะมีแฟนขับ มาขับออกไปจากกทม. นะคะ...

พี่แกเหมาเอาเลยหรือเนี่ย ว่าคนกรุงที่เลือกคุณรสนา ไม่ใช่กลุ่มคนฉลาด
คิดไ้ด้แค่เนี้ยยยยยยยยย เสียดายเงินที่เอาไปเรียนนอกไงไม่รู้..
แหม..คงฉลาดอยู่คนเดียวล่ะสิ..
หัดเคารพการตัดสินใจของคนอื่นเค้าบ้างนะคะ.. ไม่ใช่เอาแต่ใจแบบนี้...
หุหุหุ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 14-03-2008, 10:49
เด็ก อ่านว่า เด็ก เขียนว่า เด็ก คิดแบบ เด็ก ทำแบบ เด็ก ประพฤติแบบ เด็ก คะนองแบบ เด็ก


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 14-03-2008, 10:55
เมื่อเช้านี้ ถกกับผู้ใหญ่กว่าเรื่องบทความนี้เหมือนกัน

ฝากคำถามที่ เค้าถามผมมา ให้เพื่อน พี่ น้อง ในนี้ตอบหน่อย

เค้าบอกว่า คะแนนอีก51%ที่ไม่มาใช้สิทธิ์ คือคนที่จะไม่เลือก รสนา ตรงนี้จะทำให้บทความของ คุณปลิ้มดูมีราคา ผมก็แย้งว่า มันคือการคาดเดา มัน่าเสียดายที่ช่อง51%ถูกนำมาใช้เพื่อสงเสริมความน่าจะเป้น

และกรณีที่สองที่ผมข้อมูลไม่แน่น รสนาเป้ฯ บอร์ดสหภาพของ อสมท. ตอนนั้น รสนาไม่ต่อต้านอะไรเลย ในเรื่องmcot เค้าใช้จุดนี้มาโจมตี รสนา เราจะแย้งเค้าว่าไง


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 11:15
คุณรสนา เข้าไปเป็นบอร์ด อสมท. เพื่อตรวจสอบใกล้ชิด

ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ดี

คนกรุงรู้สึกยังไงบ้างครับ...เมื่อมีคนกรุงด้วยกันหาว่า "โง่"


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 14-03-2008, 12:01
แรกๆ กะจะด่า แต่เห็นแฟนคลับด่าปลื้มแล้ว มาขอย่างเดียว  :slime_bigsmile:

รู้สึกเสียวฟันน้อยลงภายใน 7 วัน ซอล์ท เซ็นซีถีบ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 14-03-2008, 13:08
ผมอายุประมาณพ่อไอ้ปลื้ม และการเลือก ส.ว. ผมก็เลือกคุณรสนาทั้งสองครั้ง

ถ้าไอ้ปลื้มเขียนบทความได้แค่นี้ ขอเรียกไอ้ปลื้มว่า "ไอ้ควาย"    :slime_agreed:

...


ผมปลื้ม !  ปลื้มพี่สมชายจริงๆ  ดุดัน คงเส้นคงวา  :slime_agreed:

พวกเราก็เคยเห็นไอ้ปลื้มอ่านข่าวมาก็มากแล้ว

คงไม่แปลกใจเลยใช่มั้ยครับ  ที่มันเขียนบทความได้แค่นี้
โชว์โง่ได้ใจจริงๆ มันคงคิดว่าตัวเองแน่ซะเต็มประดาที่จบตรี - โท จากอเมริกา

ก็ยังคงเหลือแค่คำถามเดียว สำหรับผม

เมื่อไหร่มันจะรู้ตัวว่ามันโง่ ?




หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: h_e_a_t ที่ 14-03-2008, 13:20
ความเห็นต่างกัน ปกติ

รัก ชอบ ต่างกัน ปกติ

วงศ์ตระกูล ต่างกัน ปกติ

การศึกษา ต่างกัน ปกติ

มารยาทต่างกัน ปกติ

แต่ที่ไม่ปกติ คือ การไม่รู้จักให้เกียรติ และเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น

ที่ไม่ปกติไปกว่านั้นคือ การดูหมิ่น ดูถูก ผู้อื่น โดยนำเอาตนเป็นที่ตั้งทั้งความคิดและการกระทำ


น่าเสียดายและน่าสงสาร คนที่เป็นผู้อบรมสั่งสอน คุณปลื้ม ว่า ลืมสอนสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร?


อันนี้ ฝากให้คุณปลื้ม ในฐานะเด็กนอก .......................".หากคนเราเอาตนเองเป็นศูนย์กลางเมื่อไร คนคนนั้นจะกลายเป็นจุดเล็กๆไปในทันทีและจะแตกดับไปเองในที่สุด.....".( ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง )


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: BeastGuy ที่ 14-03-2008, 13:37
ทำอย่างกับเลือกส.ว. เพื่อไปคุมกระทรวงการคลังไม่ก็คุมเศรษฐกิจ
คำวิจารณ์ถึงออกมาเป็นงี้
งงจริง ๆ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 14-03-2008, 13:45
ตามดูจากลักษณะงานเขียนวิพากษ์ของหมอนี่ใน Bangkok Post มาแล้วหลายครั้ง พอจะสรุปได้ว่าการวิพากษ์ของหมอนี่มีนัยยะของการแสดงออกในรูปแบบ"เด็กขี้อิจฉา" ครับ อาจจะเกิดจากปมปัญหาทางจิตที่ฝังลึกวัยเด็กที่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัว เลยต้องสร้างกำแพงของอัตตาขึ้นมาปกป้องตัวเอง เด็กพวกนี้จะมีการพฤติกรรมแสดงออกอย่างก้าวร้าว ขวางโลก ไม่คำนึงถึงความถูกผิด และต่อต้านจริยธรรมทางสังคม เพื่อสร้างพื้นที่ให้กับตัวเองในสังคม โดยการพยายามเสนอหน้าออกมาวิเคราะห์วิจารณ์สังคม การเมือง และผู้คนด้วยทัศนคติแคบ ๆ และสุดโต่งของตัวเอง อีกทั้งพยายามผลักดันตัวเองให้เป็นที่ยอมรับจากผู้อื่นด้วยวิธีการต่าง ๆ

แต่ท้ายที่สุดแล้วการกระทำเหล่านั้นก็อาจจะตรงกับพฤติกรรมที่คนไทยเรียกว่า "จับจด" คือทำงานไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน

- เป็นพิธีกร ก็เพื่ออยากแสดงทัศนคติของตัวเอง เมื่อทัศนคติไม่ตรงกับผู้อื่น ก็คิดว่าตนนั้นฉลาดกว่าและอยู่ร่วมกับคนไม่ฉลาดเหมือนตนไม่ได้ อีกทั้งอารมณ์ขันยังออกไปในแนวเสียดสี ประชดประชันเป็นหลัก

- เป็นนักวิเคราะห์ข่าว ก็วิเคราะห์เพียงด้านเดียวคือด้านทุนนิยมสามานย์ โดยลืมด้านของผลกระทบทางสังคมไปทั้งสิ้น ขาดความหลากหลายและรอบด้านไปโดยสิ้นเชิง

- เป็นนักวิเคราะห์การเมือง ก็เป็นได้แค่นักวิเคราะห์การเมืองระดับลูกไล่ปลายแถว ถูกคนโห่ฮาป่าเอาเสียเป็นส่วนใหญ่ การวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้งอยู่ในระดับไก่อ่อนสอนขัน ไม่สมกับที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี

- เป็นนักร้อง ก็มีแก้วเสียงเหมือนควายถูกตอน อีกทั้งเพลงของเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักของคนในสังคมเลยแม้แต่น้อย

- เป็นนักแสดง ก็แข็งแกร่งราวกับภูผา คือเล่นโคตรแข็ง สีหน้าและแววตามีอยู่เพียงรูปแบบเดียวมันทั้งเรื่อง

- เป็นเพลย์บอย ก็เป็นที่ซุบซิบนินทาในแง่ลบของสาว ๆ ที่ไปเดตด้วยเสมอ จนปัจจุบันหาสาวไปดินเนอร์ด้วยยากยิ่ง

- ล่าสุดอยากเป็นนักการเมือง ผมคิดว่าจะแป้กเอาก็เพราะบทวิจารณ์อันนี้แหละครับ


สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า "ไม่ปลื้ม" ครับ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 14-03-2008, 14:04
...................................

- เป็นนักร้อง ก็มีแก้วเสียงเหมือนควายถูกตอน อีกทั้งเพลงของเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักของคนในสังคมเลยแม้แต่น้อย

- เป็นนักแสดง ก็แข็งแกร่งราวกับภูผา คือเล่นโคตรแข็ง สีหน้าและแววตามีอยู่เพียงรูปแบบเดียวมันทั้งเรื่อง


....................................

แสดงว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้เลยนะเนี่ย ถึงได้รู้ได้ขนาดนั้น  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 14-03-2008, 14:08
คุณรสนา เข้าไปเป็นบอร์ด อสมท. เพื่อตรวจสอบใกล้ชิด

ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ดี

คนกรุงรู้สึกยังไงบ้างครับ...เมื่อมีคนกรุงด้วยกันหาว่า "โง่"

ในฐานะหนูเป็นคนกรุงฯ โดยกำเนิด ต้องขอตอบคุณแคนว่า
เฉย ๆ ค่ะ.. ยอมรับได้ เพราะหนูเชื่อว่าทุก ๆ ที่มีทั้งคนโง่คนฉลาด

คนเราอาจจะฉลาดในบางเรื่อง แต่ในบางเรื่องก็โง่ค่ะ ไม่แปลกอะไร

แต่ที่น่าเบื่อ ต้องบอกว่าบางคนเอาตัวเองเป็นใหญ่ เอาแต่ใจตัวเอง
ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับตัวเอง คือคนโง่  ใครที่เห็นด้วยกับตัวเองคือฉลาด

พวกนี้น่าเบื่อมาก ๆ ค่ะ...
ถ้าให้ยกตัวอย่าง ลุงแคนก็น่าจะเห็นบ่อย ๆ นะคะ
เนี่ยยยยย อย่างตาคุณปลื้มนี่ไงคะ.. เห็นกันจะจะ.. จริงมั้ยล่ะคะ
อิอิอิ... :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 14-03-2008, 14:16
อ๊ะ.. เอามาฝากค่ะ.. จากพันทิบ ห้องเฉลิมไทย
พี่ท่าน ช่างเก่งจริง ๆ แสดงหน้าตาได้หลากหลายอารมณ์มาก ๆ ..  :slime_bigsmile:
เครดิตภาพ : คุณฮานาแฮมฟาย
รูปอาจจะใหญ่ไปนิดนะคะ.. ต้องขอโทษด้วยค่า

(http://i217.photobucket.com/albums/cc206/pingka/A6420810-4.jpg)

รับทราบค่า.. ต้องขอโทษที่เข้าใจผิดนะคะ.. @^_____^@

#36 คะ จริงๆ แล้วภาพนั้นเป็นภาพที่คุณฮานาแฮมฟายเค้าขอเอาภาพที่เราทำไปใส่ตัวหนังสือกับใส่รูปแมวค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6362469/A6362469.html#19

ปล. เราไม่ชอบปลื้มอ่ะ

นี่ไงคะภาพต้นแบบของเราที่คุณฮานาแฮมฟายขอไป
หนูชี้ไปที่ คุณ แมวร้องแง้วๆ นะคะ... :slime_v:
v
v
v


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Ires ที่ 14-03-2008, 14:43
เอามาฝากด้วยครับ
(http://www.vam.ac.uk/images/image/24412-large.gif)


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Eakle ที่ 14-03-2008, 14:45
ผมกลับรู้สึกสงสารคนอย่างนี้จริงๆครับ

คนโง่ ที่โง่ที่สุดในคนโง่ ทั้งหมด คือ ไม่รู้ว่าตนโง่ หรือ คืดว่าตนฉลาด!!!!

คนอย่างนี้้ต่อไปก็คงเป็นได้เพียงตัวตลกของสังคมครับ  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 15:13
การเลือก สส. เป็นเรื่องสิทธิส่วนตน เป็นความชอบส่วนตน บางคนก็เลือกด้วยเหตุผล บางคนเลือกด้วยอารมณ์

ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปกล่าวอ้างว่า คนไปเลือกตั้งเป็นคนโง่หรือฉลาด

บางที เห็นคนกรุงเทพ ด่าคนกรุงเทพว่าโง่ ก็ขำ ๆ อยู่เหมือนกัน

เพราะ ความโง่ ไม่ปราณีใครทั้งนั้น เรียนสูงก็โง่ได้ ชนชั้นสูงก็โง่ได้ทั้งนั้น

ความโง่ บางทีเค้าเรียกแบบเบาๆ ว่า "ความไม่รู้" หรือ "อวิชชา"

เรียนสูงๆ ก็โง่ได้ครับ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ThePong+ ที่ 14-03-2008, 15:20
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/810/8810/images/4345TTTonline02445.jpg)

ไม่หวายยย.....  :slime_hmm:
สงสัยตานี่จะเมาบ๊วยเค็มที่กินมากไปหน่อย  :slime_doubt:



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: แมวร้องแง้วๆ ที่ 14-03-2008, 15:52
#36 คะ จริงๆ แล้วภาพนั้นเป็นภาพที่คุณฮานาแฮมฟายเค้าขอเอาภาพที่เราทำไปใส่ตัวหนังสือกับใส่รูปแมวค่ะ :slime_sentimental:
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6362469/A6362469.html#19 (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6362469/A6362469.html#19)

ปล. เราไม่ชอบปลื้มอ่ะ :slime_fighto:

นี่ไงคะภาพต้นแบบของเราที่คุณฮานาแฮมฟายขอไป :slime_p:
(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6362469/A6362469-19.jpg)


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 14-03-2008, 16:15
เห็นคุณไอ้ปลื้มแล้วนึกถึง ทาทา ยัง เลย  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ \\\"คุณรสนา\\\" กับ \\\"ปลื้ม\\\" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: jumjim ที่ 14-03-2008, 16:23
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของ คนที่มีการศึกษา แต่ ขาดวุฒิภาวะ   ปลื้ม คงพูดตรง ๆ แบบที่ตัวเองคิดนั่นแหละตามประสาเด็กนอก ต่อไปพูดอะไรต้องใช้สมองคิดมากกว่านี้หน่อย  นี่ก็เป็นอีกตัวอย่าง ของการโปรโมท เกินจริงของช่อง 3  หนูปลื้มอาจแค่คิดและทำแบบเด็ก ๆ คือคิดอะไร ก็พูดออกไปอย่างนั้น  แต่ช่อง 3 เอามาโปรโมท ซะหลายคนหลงใหลกันไปใหญ่  เมื่อวานฟังวิทยุ หนูปลื้มบอก ไม่ปลื้ม ที่ คตส. เอาผิดเรื่อง หวยบน กับรัฐมนตรี ที่ร่วม ครม. มันน่าจับมาตีก้นจริง ๆ  หนูปลื้มพูดง่าย ๆ ว่า ในความเป็นจริงรัฐมนตรี ที่เข้าร่วม ครม. ทำอะไรไม่ได้มากหรอก  หนูปลื้ม ไม่ได้รู้เรื่องจริง ๆ เลย ว่า เค้ามีเจตนาจะสั่งสอนไอ้พวกที่นั่งเป็นวัวเป็นควายอยู่ใน ครม. แล้ว โค้งคำนับอย่างเดียว ว่า เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควร ก็หัดคัดค้านซะบ้าง  ไม่งั้น ก็ไปเก็บ หมาข้างถนน มาเป็นรัฐมนตรี ร่วม ครม. ก็ได้ ถ้าหากเอาแต่ รอเศษอาหาร แล้ว เลียขา คนนั่งหัวโต๊ะอย่างเดียว 555

เด็กเอ๋ย เด็กน้อย


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 14-03-2008, 16:24
เห็นคุณไอ้ปลื้มแล้วนึกถึง ทาทา ยัง เลย  :slime_bigsmile:

เกี่ยวกันยังไงหว่า  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 14-03-2008, 17:10
แสดงถึงความ อกหัก ผิดหวัง ของ ปลื้ม...

แต่แทนที่จะแสดงความเห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผล

กลับใช้อารมณ์ใส่ลงในบทความ.. ซะ...


ดาบนั้นคืนสนอง ย้อนกลับไปทำลายตัวเขาเอง

 :mrgreen:



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 14-03-2008, 18:11
เกี่ยวกันยังไงหว่า  :slime_doubt:

ลืมรากเหง้า


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Familie ที่ 14-03-2008, 19:22
ผมคิดว่ามันเป็นสะพานที่คุณปลื้มเขาต้องการสร้าง
เพื่อทอดผ่านไปสู่การเมืองในวันข้างหน้า
แต่โครงสร้างมันกลวง คิดว่าน่าจะหักก่อนถึงจุดหมาย
 :slime_smile2: :slime_bigsmile: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-03-2008, 19:43
เพิ่งรู้นะเนี่ยะว่า โลกทัศน์ของ คุณปลื้ม มันช่างคับแคบจริง ๆ  :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 14-03-2008, 20:00
เห็นคุณไอ้ปลื้มแล้วนึกถึง ทาทา ยัง เลย  :slime_bigsmile:

น่าจะคิดถึงสเนปมากกว่าค่ะ  หน้าตายเหมือนกันเด๊ะ


(http://i229.photobucket.com/albums/ee227/margo_fonteyn/Snape.jpg)


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 14-03-2008, 20:27
ลองไปอ่านเล่น ๆ กัน สนุก สนุก ครับ

http://www.prachatai.com/webboard2/viewtopic.php?f=2&t=5301


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 14-03-2008, 23:08
อีกหนึ่งบทความที่มีชื่อเสียงของ คุณปลื้ม ตอนเกิดเหตุการณ์ม็อบ นปก.
บุกอาละวาดหน้าบ้านสี่เสา ซึ่งในบทความคุณปลื้มแสดงความไม่เข้าใจ
ว่าทำไมถึงต้องขัดขวางห้ามปราม ไม่ให้ม็อบเคลื่อนขบวนไปบ้านสี่เสา
ตอนนั้นก็สร้างความสนใจจากสาธารณะได้ประมาณหนึ่ง  :slime_smile:

...

ประชาไท แปลจากบทความ "Double standards against protesters"
โดย ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล ที่ตีพิมพ์ใน นสพ. Bangkok Post, 26 July 2007

-------------------------------------------------------------------------------------
การใช้น้ำ, แก๊สน้ำตา หรือแม้แต่สเปรย์พริกไทยในการสลายผู้ชุมนุมที่ตัดสินใจกระทำการรุนแรงโดยเจตนา ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้และยังอยู่ในขอบเขตของกฎหมายอย่างแน่นอน

เมื่อฝูงชนรวมตัวกันกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงโดยการใช้วาจาหยาบคายและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้รับสิทธิในการตอบโต้และปราบปรามผู้โจมตีได้อย่างทันทีทันใด

การกล่าวอ้างว่า สิทธิขั้นพื้นฐานส่วนบุคคลถูกละเมิดเพราะกรณีเช่นที่กล่าวมานี้ จึงไม่ต่างจากการพูดว่าคุณสามารถล่วงละเมิดการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฏหมายได้

หากแม้จะดูเหมือนเป็นเช่นนั้นก็ตามที สิ่งที่เราได้เห็นกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (22 ก.ค.2550) ที่ผ่านมา ต้องมีคำอธิบายมากกว่านั้น

การเดินขบวนโดยกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย เราได้เห็นการเดินขบวนเหล่านี้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งที่เป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือแม้แต่ประเทศที่ด้อยพัฒนา

แรงจูงใจของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ในคืนก่อนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น มาจากการที่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณที่พักอาศัยของประธานองคมนตรี เปรม ติณสูลานนท์ ได้ เป็นเหตุให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า: หลักเหตุผลทางกฏหมายอะไรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาใช้ในการขัดขวางไม่ให้แกนนำกลุ่มต้านเผด็จการ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ’ (นปก.) มุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องการจะไป?

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ผู้ประท้วงจำนวนมากรวมตัวกันในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฝูงชนราว 50,000 คน ที่ออกมาเดินขบวนประท้วงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ล้วนเคลื่อนขบวนไปตามสถานที่ต่างๆ โดยที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาได้รับการเกื้อหนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการนำทางฝูงชนเหล่านี้ จากสนามหลวงไปถนนราชดำเนิน, จากถนนราชดำเนินไปลานพระบรมรูปทรงม้า, จากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังทำเนียบรัฐบาล และที่อื่นๆ อีกมาก

ตลอดระยะเวลายาวนานนับปีของความพยายามเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอกับการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมแทบจะทุกครั้ง กองทัพเองก็ไม่เคยว่ากล่าวอะไรออกมาสักคำเกี่ยวกับผู้ชุมนุม และไม่เคยต่อว่าพวกเขาเป็นตัวการสร้างความแตกแยกในสังคม

แต่ในปัจจุบันนี้ บทบาทของทุกเหล่าทัพ เป็นไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะแทนที่จะอำนวยความสะดวกให้กับการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฏหมายได้กลายเป็น ‘ผู้กีดขวาง’ ความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมไปเสียแล้ว

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ขอกล่าวว่า บทความนี้ไม่ได้แบ่งแยกหรือชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างจุดมุ่งหมายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแกนนำกลุ่ม นปก.เพราะทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน ส่วนจุดมุ่งหมายนั้นจะชอบธรรม หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองทางการเมืองของแต่ละคน

ถึงแม้จะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังจำได้ดีก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งพันธมิตรประชาธิปไตยเพิ่งเริ่มก่อตัวกันใหม่ๆ ครั้งแรกที่มีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลนั้น ตลอดทางจากสวนลุมพินี ผู้ชุมนุมได้พยายามใช้กำลังบุกเข้าไปในรั้วทำเนียบ ซึ่งผู้กระทำความผิดแต่ละคนได้รับการถอนข้อกล่าวหาในภายหลัง ซึ่งผมสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะถอนข้อกล่าวหาแบบเดียวกันนี้กับแกนนำ นปก.หรือไม่ ถ้าหากว่าวันนั้นพวกเขาตัดสินใจจะใช้กำลังพังรั้วทำเนียบเข้าไปบ้าง

ในฐานะประเทศหนึ่ง เมืองไทยไม่เคยมีความสามารถที่จะควบคุมการชุมนุมประท้วงได้เลย ไล่มาตั้งแต่ม็อบขนาดเล็กอย่างสมัชชาคนจนหรือกลุ่มผู้ประท้วงเขื่อนปากมูล และม็อบขนาดกลางอย่างกลุ่มผู้ชุมนุมสหภาพแรงงานของ กฟผ. รวมถึงม็อบของจำลอง ศรีเมืองและธรรมกายที่ออกมาต่อต้านกลุ่มบริษัทไทยเบเวอเรจ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเวลาที่เรามีกลุ่มผู้เดินขบวนประท้วงขนาดใหญ่อย่างกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ นปก. เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถามว่าเราสามารถควบคุมหรือจัดการกับผู้ชุมนุมประท้วงเหล่านั้นโดยสันติวิธีได้หรือไม่

สิ่งที่ต้องทำให้ชัดเจนเด็ดขาดคือการสร้างมาตรฐานสำหรับผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม และการปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ต้องเที่ยงธรรม เสมอภาค และสามารถนำไปใช้กับเจตนารมณ์ต่างๆ โดยยึดหลักเดียวกัน ถ้าสนธิ ลิ้มทองกุล และสุริยะใส กตะศิลา แห่งพันธมิตรฯ สามารถเคลื่อนขบวนไปยังสยามพารากอนและถนนพระราม 1 ได้ เพราะอะไร เหวง โตจิราการ และจักรภพ เพ็ญแข จึงไม่ควรเคลื่อนไปยังสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพักของพลเอกเปรม?

ถ้าหากตำรวจพยายามขัดขวางไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนในเวลานั้น เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อน ในทำนองเดียวกับที่เราได้เห็นมันเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา?

ที่พำนักของประธานองคมนตรีต้องได้รับการคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษและห้ามไม่ให้มีการรบกวนใดๆ มีคนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะตั้งข้อสงสัยต่อมติดังกล่าว และในฐานะประชาชนพลเมืองไทยคนหนึ่ง การขว้างก้อนหินหรือของแข็งเข้าใส่ที่พักอาศัยหรือผู้บริสุทธิ์ที่ยืนสังเกตุการณ์อยู่ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะควรอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น สังคมยังต้องเผชิญกับความจริงของสถานการณ์ดังกล่าวด้วยว่า การแบ่งแยกและดูถูกกลุ่มคนที่รวมตัวกันด้วยจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่นั้นมีอยู่จริง แต่นี่ไม่ใช่การจะมาบอกว่าฝูงชนที่รวมตัวกันประท้วงควรได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวเสมอไป และไม่ใช่การบอกว่าพวกเขาสมควรถูกสลายการชุมนุมด้วยวิธีการอันรุนแรงเช่นกัน

การสร้างมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมจะช่วยในการดำเนินงานทางด้านนโยบาย เช่น เมื่อหลายเดือนก่อนนักกิจกรรมทางสังคมที่ต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินรวมตัวปิดกั้นการประชาพิจารณ์์เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะของชุมชนที่มีต่อการสร้างโรงไฟฟ้า วิธีการจัดการรับมือกับผู้ชุมที่สุขุมรอบคอบและไม่เลือกปฏิบัติยังจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศในการดำเนินโครงการพัฒนาอื่นๆ อีกด้วย

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ บางทีอาจเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป เมื่อยังมีเรื่องหนึ่งซึ่งต้องตระหนักว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้รับคำสั่งให้ควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม และบางครั้งพวกเขาก็ติดตามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆ เหมือนอย่างที่กองทัพเคยช่วงชิงอำนาจจากกลุ่มพันธมิตรมาแล้ว โดยการใช้ประโยชน์จากกลุ่มผู้ชุมนุมนับแสนคน (ตามจำนวนที่กล่าวอ้าง) ที่ชุมนุมต่อต้านทักษิณ มาเป็นเหตุผลในการทำรัฐประหาร

หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองทัพคงมีการวางแผนที่ดีกว่านี้สำหรับแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านเผด็จการ ในฐานะที่เราขยับเข้าใกล้วันอันตรายทางการเมือง เช่น วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งเข้าไปทุกที

หวังว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่พูดและทำกันมาตลอดทั้งปีนี้ จะทำให้ประเทศนี้หาหนทางที่จะปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมทุกกลุ่มอย่างยุติธรรมโดยปราศจากการฉวยโอกาสได้เสียที


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 14-03-2008, 23:28
ลองมีม๊อบบุกไปบ้านมัน พังข้าวของบ้านมันกระจุยบ้าง ก็อยากจะรู้เหมือนกันครับว่าความเป็นธรรมและเท่าเทียมของม๊อบที่มันออกมาเรียกร้องน่ะ จะยังมีหน้ามาพูดได้อีกหรือเปล่า ?

แถวบ้านผมตอนนี้ตั้งชื่อให้ใหม่แล้วครับ "ปลื้ม เชิญยิ้ม" นักวิเคาะห์การเมืองระดับคาเฟ่  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 14-03-2008, 23:35
หวังว่าไอ้ปลื้มจะเข้ามาอ่าน ถ้าเรียนรู้จะรักษาสิทธิตนเอง ก็ควรเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย นี่แหละประชาธิปไตย ไม่ใช่เพราะการกล่าวอ้างและใช้สิทธิของตนเองอย่างไม่มีขีดจำกัดอย่างนี้เหรอ ที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย

ถึงลุงแคน ไม่ว่าคนภาคไหนเวลาถูกหยิกก็เจ็บเหมือนกันล่ะครับ :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 14-03-2008, 23:53
อีกหนึ่งบทความที่มีชื่อเสียงของ คุณปลื้ม ตอนเกิดเหตุการณ์ม็อบ นปก.
บุกอาละวาดหน้าบ้านสี่เสา ซึ่งในบทความคุณปลื้มแสดงความไม่เข้าใจ
ว่าทำไมถึงต้องขัดขวางห้ามปราม ไม่ให้ม็อบเคลื่อนขบวนไปบ้านสี่เสา
ตอนนั้นก็สร้างความสนใจจากสาธารณะได้ประมาณหนึ่ง  :slime_smile:

...



ให้ปลื้มเอาหน้าไปรับอิฐซักก้อนคงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นมั๊ง



ไม่่"ปลื้ม"จริงๆ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pakon ที่ 15-03-2008, 00:38
อย่ายึดเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เลยนะ  ฟังคนอื่นเขาบ้างจะได้ไม่เพี้ยน  :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 15-03-2008, 02:09
คนกรุงจะเลือกใคร เมื่อผลออกมาเบ็ดเสร็จเด็ดขาดภายใต้กติกาที่เป็นธรรม
ก็ต้องเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว
ส่วนการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง จะใช้มิติใดมิติหนึ่งมาสรุปก็เห็นจะไม่ถูกต้อง
ยิ่งการยึดถือความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง ผลการวิเคราะห์และสรุปออกมาจะยิ่งผิดเพี้ยน

การเลือกไม่เลือก ได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือก
ไม่เกียวกับความโง่หรือฉลาดแต่อย่างใด
หากแต่เป็นผลมาจากการเข้าถึง การรับรู้ และช่องทางในการสื่อสารระหว่างกัน

ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่า
ถ้าคนกรุงพร้อมใจกันรณรงค์ไม่ใช้สินค้าที่ปลื้มเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นนิสสันทีด้า ยาสีฟันซอลท์ ฯลฯ
หรือไม่ชมรายการที่ปลื้มเป็นคนอ่านตามข่าวหรือเป็นพิธีกร
ปลื้มจะวิเคราะห์มั้ยว่า คนกรุงไม่ฉลาดที่ต่อต้านปลื้ม


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: คาคาชิ ที่ 15-03-2008, 03:45
ผมเคยบอกแล้วว่า ไอ้นี่น่ะ หน้าตามันคบไม่ได้จริง ๆ
ไปดูกระทู้เก่า ๆ ผมได้เลย

วันนี้ ได้ฟังรายการอะไรไม่รู้ ผู้ดำเนินรายการบอกว่า
หนังไอ้ปลื้มเข้าปุ๊บ มันก็ส่ง sms หาเพื่อนมัน แล้วบอกว่า
หนังเรื่องนี้น่ะ ใกล้เคียงเรื่อง "เซเว่น"
และบทบาทมันก็ใกล้เคียง "แบรดพิท"

ผมฟังปุ๊บ ผมหัวเราะจนหน้ำตาไหลเลย
หนังเรื่อง "โสโครก" เนี่ยอ่ะนะ
ให้ตั๋วฟรี ๆ ผมยังโกรธเลย ถือว่าดูถูกกัน

ยิ่งพอเข้ามาเห็นรูปมัน แสดงอารมณ์ได้หลากหลาย ใน rep ข้างต้น
ผมหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว  สุดยอดจริง ๆ  :slime_bigsmile: :slime_v:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 15-03-2008, 12:21
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 15-03-2008, 12:28
อันนี้ตลกดีครับ

.............

3.1 สื่อสร้างภาพ ให้คนอิจฉาทักษิณ ในเงิน 7 หมื่นกว่าล้านบาท คนกรุงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยถดถอย ความอิจฉาเงินทักษิณ ทำให้คน กทม. ประชด ลงคะแนนให้ รสนา ใครจะทำไม อีกอย่าง 1 เสียงไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว

.............


digital Prime Minister
13 มีนาคม 2551 19:47:15น.

ที่มา http://www.prachatai.com/webboard2/viewtopic.php?f=2&t=5301#p52678


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 12:43
digital Prime Minister
13 มีนาคม 2551 19:47:15น.

คนนี้เจอบ่อยๆ ท้ายข่าวมติชน แกขยันดีนะ แต่ผมไม่เคยอ่านซักที


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 15-03-2008, 12:47
DPM

นักเดินป่ามาตรฐานประชาไท พาเข้ารกเข้าพงเป็นอาจินต์


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ \"คุณรสนา\" กับ \"ปลื้ม\" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: baby ที่ 15-03-2008, 14:46
คุณปลื้ม  ชอบโชว์ว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น

เป็นคนมีความมั่นใจสูงและหลงตัวเอง   พยายามแสดงความคิดให้ดูไม่รู้เรื่องเข้าไว้  คนจะได้งงว่าพูดอะไรออกมาว่ะ

ละอ่อนน้อยทางการเมืองที่อยากโดดเด่นแต่ดันมุขแป๊ก  มีดีอย่างเดียวคือสำเนียงภาษาอังกฤษ

ทุกวันนี้  คุณปลื้ม  เข้าใจตัวเองหรือยังว่าการออกมาพูดว่าคนส่วนใหญ่โง่    มันหมายถึงคนที่พูดออกมาย่อมโง่ด้วย

คนฉลาด  เขาไม่โง่ที่จะปล่อยไก่ด้วยคำพูดแบบนี้จำไว้นะน้อง  หน้าตาไม่ดีแล้วยังอวดเก่งอีก  \"ไม่ปลื้ม\"  ฮ่ะ



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 15-03-2008, 15:10
 :slime_bigsmile:   :slime_bigsmile:   :slime_bigsmile:

ยังไม่ถึง ๔๘ ชั่วโมง .. ความคิดเห็นเกิน ๒๓๐๐ แล้ว

งานนี้ "หนูปลื้ม" ดังกว่า "หนูเพ็ญ"   :slime_bigsmile:   :slime_v:

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000031147

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6362469/A6362469-11.jpg)
...


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 15-03-2008, 15:17
คนที่ชอบออกมาโชว์กึ๋นส์ ด้วยการด่าว่าคนนั้นคนนี้โง่
มันยังอยู่คู่กับสังคมไทยเสมอมา.....เอิ้กกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 15-03-2008, 16:59
เหมียวอ้วนขาวตัวนั้น ยังดีกว่าไอ้ปลื้มเยอะนะพี่สมชายนะ   :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 15-03-2008, 19:09
digital Prime Minister
13 มีนาคม 2551 19:47:15น.

คนนี้เจอบ่อยๆ ท้ายข่าวมติชน แกขยันดีนะ แต่ผมไม่เคยอ่านซักที

ลุงแคนน่าจะไปโต้มันซะที ปล่อยใหมันพล่ามคนเดียวในบอร์ดมติชนอยู่นั่น


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 15-03-2008, 21:55
DPM

นักเดินป่ามาตรฐานประชาไท พาเข้ารกเข้าพงเป็นอาจินต์

บางทีก็เขียนดีครับ แต่บางทีแกก็เขียนเข้ารกเข้าพงจริงๆ
อย่างที่เพิ่งโพสโจมตีนโยบายกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ กรณ์ จาติกวณิช จากประชาธิปัตย์นำเสนอ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=22683&catid=5

----

กรณ์ ....3.การจัดให้มีกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงกองทุนละ 1-2 ล้านบาททุกตำบล และแขวงทั่วประเทศ
ใช้งบประมาณ 11,000 ล้านบาท

DPM....พปช. เคยให้ตัวเลขว่า มี ทั้งหมด 8 หมื่นหมู่บ้าน ถ้า ให้ 1 ล้านบาท งบที่ใช้ 8 หมื่นล้าน
ถ้าให้ 2 ล้าน งบที่ใช้ หนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท เฉลี่ย 1.5 ล้านบาท ต่อ หมู่บ้าน ใช้เงิน หนึ่งแสนสองหมื่นล้านบาท ..
กรณ์บอกใช้งบ 11,000 ล้านบาท แสดงว่า แสดงว่าได้หมู่บ้านละ 137,500 บาท กองทุนนี้ กรณ์บอกให้ฟรี ไม่ต้องใช้คืน
ตอนหาเสียง บอกให้ฟรีๆ ทันที 2 ล้าน ต่อชุมชน วันนี้ เหลือ ชุมชนละ 137,500 บาท ตัวเลขลดฮวบ

digital Prime Minister
07 มีนาคม 2551 22:43:19น. : 125.24.82.XXX 

---

คุณ digital Prime Minister แกเข้ารกเข้าพง เขาบอกว่าจะให้ "ตำบล" ละ 1-2 ล้านบาท
แต่ไปเข้าใจเอาว่าเขาจะแจกให้ "หมู่บ้าน" ละ 1-2 ล้านบาท
แต่เนื่องจากโพสอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ ป่านนี้จะรู้หรือยังว่าปล่อยไก่ทิ้งเอาไว้แล้ว  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: truly ที่ 15-03-2008, 23:41
คุณจี ทำไมอ่านละเอียดขนาดนั้น....


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Register_AC ที่ 15-03-2008, 23:52
ยาวมากอ่านแล้วอยากจะบอกว่า ... ปลื้มเลือกข้างแล้วไง

ฟังรายการนึงเหมือนกัน นอกจากจะคุยเรื่องหนังของตัวเองแล้ว

ยังพูดเรื่องบ้านของตัวเองแถวสวนหลวงอีก ...

ต่อไปจะเป็นบ้านที่ใหญ่ เป็นที่ประชุมนักการเมือง เหมือนเปิดบ้านอะไรประมาณนั้น

แล้วก็บอกทำนองราคาแพงมาก


คราวนี้เห็นบทความนี้ถึงได้ร้อง อ้อ ... ปลื้มเลือกข้างแล้ว


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 16-03-2008, 23:59

คราวนี้เห็นบทความนี้ถึงได้ร้อง อ้อ ... ปลื้มเลือกข้างแล้ว

พบกระทู้หนึ่งในเว็บพันทิพ(ห้องราชดำเนิน-ทักษิณ) ที่คุณปลื้มไปร่วมกับทีมงานที่จัดทำหนังสือ "ไม่เปรม"

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5947208/P5947208.html

เมื่อได้อ่าน"ความคิดเห็นที่ 1" แล้วขำมากกกก ตรงที่บอกว่า ..

"ม.ล.ณัฎฐกรณ์  เทวกุล หรือคุณปลื้ม ชายหนุ่มซึ่งเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่อันมีแนวคิดเป็นประชาธิปไตยสุดขั้ว"

........................................................

ไม่รู้ว่า ผู้ที่พิมพ์ความคิดเห็นที่ 1 ตรงประโยคที่ว่า "มีแนวคิดเป็นประชาธิปไตยสุดขั้ว"
เธอใช้อะไรวัดความเป็นประชาธิปไตยสุดขั้วของคุณปลื้ม .. ในเมื่อคุณปลื้มเขียนบทความต่อว่า
คนกรุงเทพฯที่ใช้สิทธิทางประชาธิปไตยโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ในการเลือก ส.ว. คุณรสนา

(http://img233.imageshack.us/img233/4048/rajdumnern18rx4.jpg)

 :slime_agreed:   :slime_agreed:   :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 17-03-2008, 02:32
อ้างถึง
จากคน กทม.ที่ฉลาดน้อยถึงคุณ “ปลื้ม” ที่ฉลาดมาก  
 
โดย จิตตนาถ ลิ้มทองกุล 16 มีนาคม 2551 17:46 น.

 ผมหยุดเขียนคอลัมน์ใน นสพ.ผู้จัดการรายวันไปพักใหญ่เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมืองบ้านเรา นับตั้งแต่ยุคต่อสู้กับรัฐบาลไทยรักไทย ยุคขิงแก่ จนถึงยุครัฐบาลผสมพลังประชาชน ที่นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจล้วนแล้วแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก ผมรู้สึกว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนั้นแก่เกินดัดและน่าเอือมระอาเกินที่จะแก้ไขแล้วครับ
       
       สิ่งที่พอจะเป็นความหวังให้กับคนไทยได้บ้างก็คือการเมืองภาคประชาชนที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้จริงๆ อย่างน้อยเราก็จะสามารถเห็นได้ชัดจากคะแนนเสียงท่วมท้นที่คน กทม.เทให้กับคุณรสนา โตสิตระกูล จนเธอเดินเข้าสู่สภาสูงด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่งทิ้งห่างคนอื่นอย่างขาดลอยในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่ผ่านมา
       
       คุณรสนาเป็นนักเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้เสียภาษีตัวจริง คอยตรวจสอบมิให้การแปรรูปสัมปทานของรัฐเข้าสู่ตลาดทุนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยมีวาระทับซ้อนของผลประโยชน์แฝงอยู่ จนศาลได้มีการพิพากษาออกมาถึงที่สุด
       
       คุณรสนาลงเลือกตั้ง ส.ว.โดยมิได้มีกลุ่มทุนใดหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง และด้วยอานิสงส์จากการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้เสียภาษีที่คุณรสนาได้สร้างคุณูปการให้ประเทศชาติเรื่อยมานั้นเอง ส่งผลให้การเมืองภาคประชาชนในครั้งนี้ตบหน้าพรรคการเมืองทั้งหลายและนายทุนผู้เสียประโยชน์อย่างแรง
       
       คน กทม.รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งกับความสง่างามในการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของคุณรสนา อย่างน้อยในส่วนตัวผมเองเริ่มจะมีความหวังกับคำว่า “การเมือง” ขึ้นมาอีกครั้ง และรู้สึกดีที่ภาคประชาชนสนใจติดตามการเมือง และลงคะแนนอย่างมียุทธศาสตร์มากขึ้น
       
       แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้อ่านบทความของ นักสื่อสารมวลชนหนุ่มรุ่นราวใกล้เคียงกัน ที่กำลังดังเป็นพลุอย่าง “คุณปลื้ม ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล” ที่ออกมาวิจารณ์การตัดสินใจของคนกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้า” และกล่าวว่า เขาหวังว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนชาว กทม.ที่ “ฉลาด” และคนที่ยังไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร จะเลือกตัวแทนของตนที่นำไปสู่ความก้าวหน้าได้ ไม่ใช่นำไปสู่ความตกต่ำอย่างคุณรสนา
       
       บอกตรงๆ ว่าเมื่อผมได้อ่านบทความดังกล่าวของคุณปลื้มในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์แล้วรู้สึกสมเพชรุ่นน้องคนนี้เหลือเกินครับ (ในฐานะที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันและร่วมงานกันมาก่อน) สมเพชทั้งๆ ที่เขาทำงานในสายงานสื่อมวลชนเหมือนกันแต่กลับอ่านใจคนกรุงเทพฯ ไม่ออกว่าเสียงส่วนใหญ่นั้นกำลังสะท้อนถึงอะไร
       
       สมเพชมากกว่าเดิมที่การไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาตั้งนาน จนพูดภาษาอังกฤษออกจอทีวีคล่องปร๋อจะเข้าใจเพียงคำว่า ‘ทุน’ คือการแปรรูปเข้าตลาดหุ้น และคำว่า ประชาธิปไตยเพียงแค่เปลือก นั่นคือมีแค่การเลือกตั้งก็พอ โดยไม่ดูว่าจะเป็นการเลือกโดยเสียงที่แท้จริงของประชาชนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง หรือเป็นการซื้อเสียงที่เข้ามา ซ้ำร้ายยังไม่เข้าใจคำว่าความโปร่งใส การตรวจสอบ การขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน ธรรมาภิบาล และคุณธรรม
       
       “ถ้าจะเปรียบความเข้าใจของคุณปลื้มให้ชัดก็เหมือนคนที่เห็นว่าสนามบินสุวรรณภูมิมีอาคารใหญ่ที่ดูทันสมัยน่าจะเป็นฮับการบินของเอเชียได้ แต่คนที่ใช้สนามบินนี้จริงๆ จะรู้ว่าสนามบินแห่งนี้ห่วยแตกและไม่ได้เรื่องขนาดไหน พูดง่ายๆ ก็คือเห็นแต่เปลือกที่ห่อหุ้มนั่นเอง”
       
       น่าตลกเหลือเกินที่คนข่าวอย่างคุณปลื้มไม่รู้เลยหรือว่าการแปรรูปของ กฟผ. และ ปตท.ที่มีปัญหานั้นมีวาระซ่อนเร้นและผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไร กับคนกลุ่มไหน แต่คนกรุงเทพฯ ร่วมแปดแสนคนและศาลสถิตยุติธรรมท่านกลับรับรู้ได้ หรือ ถ้าคุณปลื้มรู้ข้อมูลแต่กลับเอาเพียงด้านเดียวมาพูดเพื่อสนับสนุนแนวคิดของตัวเองก็ต้องถือว่าเป็นสื่อมวลชนที่แย่มากเพราะบิดเบือนข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้เสพข่าวสาร
       
       คนกรุงเทพฯ ทุกคนไม่มีใครปฏิเสธทุนนิยมและประชาธิปไตยหรอกครับ แต่ต้องเป็นทุนนิยมและประชาธิปไตยในฉบับของอารยประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ใช่แบบทุนสามานย์และการบริหารประชาธิปไตยแบบเทกโอเวอร์แบบกงสีเพื่อกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว และพวกพ้องอย่างบ้านเราในทุกวันนี้
       
       ถ้าส่งลูกส่งหลานไปเรียนเมืองนอกเสียเงินเป็นล้านแล้วได้แค่พ่นภาษาอังกฤษกับแอคติ้งในสไตล์ฝรั่งจ๋าแบบคุณปลื้ม กับสามารถคิดวิเคราะห์ได้เพียงเท่านี้ มิสู้ให้ลูกหลานเรียนในเมืองไทยแล้วให้เข้าใจคำว่าทุนที่โปร่งใส และการเมืองภาคประชาชนอย่างถ่องแท้จะดีกว่า
       
       การที่คุณปลื้มกำลังติงว่าการเลือกคุณรสนาในครั้งนี้ คนกรุงเทพฯ กำลังจะเริ่มมีการเบนไปในแนวซ้ายจัดเหมือนอย่างประเทศเกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา หรือโบลีเวีย นั้นสงสัยคุณปลื้มคงจะไม่ค่อยได้ติดตามข่าวต่างประเทศกระมังว่ากระแสของโลกกำลังพลิกกลับ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลียประเทศเจริญแล้วที่ประชาชนเขาพร้อมใจกันเลือกนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ที่สวนขั้วกับพวกขวาจัดอย่างสิ้นเชิงของอดีตนายกรัฐมนตรี จอห์น โฮเวิร์ด
       
       แม้แต่พี่เบิ้มอย่างอเมริกาที่สายนางฮิลลารี คลินตัน และนายบารัค โอบามา กำลังขับเคี่ยวกัน ดูจะได้รับความสนใจมากกว่าสายขวาจัดอย่างนายจอห์น แมคเคน ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของนายจอร์จ บุช ที่ผู้คนเอือมระอา ผมว่าเรื่องนี้คุณปลื้มยังต้องทำการบ้านอีกมาก
       
       หากคุณปลื้มมองคุณรสนาว่าเป็นการเมืองฝ่ายซ้ายแล้วจะนำประเทศไปสู่ความตกต่ำ สงสัยว่าคุณปลื้มน่าจะชอบนักการเมืองขวาจัดอย่างท่านนายกรัฐมนตรีคุณสมัคร สุนทรเวช หรือท่าน มท.1 อย่างคุณเฉลิม อยู่บำรุงที่กำลังจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญเป็นแน่แท้ ซึ่งก็คงไม่ผิดอะไรเพราะนั่นเป็นสิทธิของคุณ แต่ก็ไม่ควรเขียนทำนองปรามาสในการตัดสินใจของคนกรุงเทพฯ ที่พิสูจน์ชัดในการเลือกตั้งแต่ละครั้งแล้วว่าเงินซื้อไม่ได้ และรู้จักใช้สิทธิ์ของตนอย่างมียุทธศาสตร์ ที่สำคัญคนกรุงเทพฯ รักความเป็นธรรมและไม่ชอบเหล่านักการเมืองที่ลุแก่อำนาจ
       
       เท่าที่ทราบมาได้ข่าวว่าคุณปลื้มคนนี้ เคยประกาศว่าสนอกสนใจการเมืองเพียงแต่ขอเวลาบ่มเพาะอีกระยะ ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีวันที่เขาเริ่มเข้าใจไหมว่ายุคนี้ไม่จำเป็นเสมอไปที่คนไหนเห็นหน้าในทีวีบ่อยๆ แล้วจะได้รับเลือกตั้งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากลงสมัครเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ที่คนสนใจผลงานของผู้สมัครที่จะมาเป็นตัวแทนของเขามากกว่าหน้าตา
       
       ในฐานะคนในวงการข่าวด้วยกัน และติดตามการเมืองมาเช่นเดียวกัน อยากจะฝากถึงคุณปลื้มด้วยว่าถ้าวันใดในอนาคตข้างหน้าจะลงผู้แทนขอแนะนำอย่าลงในเขต กทม.เลยครับ
       
       คน กทม.คงจะไม่ฉลาดพอและคงจะเอียงซ้ายเกินไปที่จะเทคะแนนให้คนฉลาดและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลอย่างคุณ คน กทม.นั้นชอบคนที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ต่อสู้เพื่อสังคมและกล้าในเวลาที่ควรจะกล้า ที่สำคัญคน กทม.ไม่ชอบคนที่อหังการ มมังการคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียวโดยเฉพาะคนไม่มีสัมมาคารวะและชอบดูถูกคนอื่น
       
       คอมเมนต์ทั้งหลายนับพันเพียงเวลาชั่วข้ามคืนในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์เกี่ยวกับบทความของคุณปลื้มและคุณรสนาที่โต้ตอบกันคงจะเป็นบทพิสูจน์อย่างดีแล้วว่าคน กทม.รู้สึกอย่างไร
       
       บอกตรงๆ ผมรู้สึกเสียดายคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณปลื้ม เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยเสียดายคนที่ปัจจุบันในสังคมใช้คำสั้นๆ เพียงคำเดียวเรียกหล่อนอย่างเสียมิได้ว่า...“เพ็ญ”!!!

http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000032020&CommentPage=1&#Comment




หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 17-03-2008, 09:35
คุณปลื้มต้องฟังคำนี้น่ะ   "คนกรุงเทพฯ ทุกคนไม่มีใครปฏิเสธทุนนิยมและประชาธิปไตยหรอกครับ แต่ต้องเป็นทุนนิยมและประชาธิปไตยในฉบับของอารยประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ใช่แบบทุนสามานย์และการบริหารประชาธิปไตยแบบเทกโอเวอร์แบบกงสีเพื่อกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว และพวกพ้องอย่างบ้านเราในทุกวันนี้"   ถ้าทุกอย่างมันเท่าเทียมกัน แข่งขันเสรีจริง มันไม่มีปัญหาหรอกครับ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 18-03-2008, 13:32
ไม่น่าเชื่อ แต่เป็นไปแล้ว.....

ข่าวว่าเจ้าของ'รถเก๋ง' ที่ให้'ปลื้ม' เป็น 'พรีเซ็นเตอร์' นั้น...
กำลัง'ไม่ปลื้ม' และ'ไม่เปรม' แล้ว......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 18-03-2008, 14:20
ไม่น่าเชื่อ แต่เป็นไปแล้ว.....

ข่าวว่าเจ้าของ'รถเก๋ง' ที่ให้'ปลื้ม' เป็น 'พรีเซ็นเตอร์' นั้น...
กำลัง'ไม่ปลื้ม' และ'ไม่เปรม' แล้ว......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



น่าสนุกแฮะ คนกรุงเทพฯส่วนหนึ่งในเจ็ดแสนกว่าคน น่าจะแสดงเจตนารมณ์ว่า

สินค้าไหนที่ใช้หนูปลื้มเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าไหนที่เป็นสปอนเซอร์รายการหนูปลื้ม...

ข้าไม่ซื้อ


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 18-03-2008, 14:48
ไม่น่าเชื่อ แต่เป็นไปแล้ว.....

ข่าวว่าเจ้าของ'รถเก๋ง' ที่ให้'ปลื้ม' เป็น 'พรีเซ็นเตอร์' นั้น...
กำลัง'ไม่ปลื้ม' และ'ไม่เปรม' แล้ว......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



อยากให้มันเป็นจริงจัง ว่าแต่ว่า จะหาเนื้อข่าวได้จากไหนน๊อออออออออ  :slime_sentimental:


หัวข้อ: มาอ่านเรื่องของ "ไอ้ปลาดุก" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 19-03-2008, 09:53
ซ้อไม่ปลื้ม/ซ้อเจ็ด

และแล้ว “ซินาอ้า” ก็อาศัยจังหวะหลบลมเพชรหึงของ “ป้ากระบังลม” เผ่นกลับไปเมืองนอกแล้ว หลังซ้อสวมบทคนดีที่เห็นใจเมียหลวงด้วยกัน ออกมาแฉเรื่องของ “คุณพ่อบุญทำ” กับ “อีหนูโรบ็อต” เสียเล็กๆ
       
        ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยถ้าทำให้ท่านอ้าไม่ปลื้ม...แต่อย่าลืมนะเพราะซ้อออกมาแฉ ก็เลยทำให้มีงานเลี้ยงส่งที่ลาดพร้าวซอยเดิม ซึ่งเป็นเซฟเฮาส์ของท่าน จนท่านเพลินไปเลยไม่ใช่เหยอ อิอิอิ เพราะนอกจากอีหนูโรบ็อตแล้ว ยังมีน้องๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม ทั้งวงเดี่ยว และวงทรีโอในสังกัดเดียวกัน ถูกเรียกเข้าใช้งานตั้งเกือบ 20 คน สั่งลากรุงเทพฯแบบนี้...ไม่รู้ป้ากระบังรู้เรื่องรึเปล่า...555555555
       
        ต้องยอมรับว่า ซินาอ้าแกแมร่ง รักครอบครัว Ship หายเลยฟ่ะ!!
       
        พูดถึงเรื่องไม่ปลื้มแล้ว ก็ต้องขอพูดถึง “ไอ้ปลาดุก” ซะหน่อย เพราะเป็นสัตว์น้ำแท้ๆ แต่ดันสวมปากสุนัขเที่ยวไปด่าพรรคพวกเพื่อนฝูงมิตรรักของซ้อนับแสนๆ คนว่า โง่เง่า งี่เง่า ฐานที่ปลื้มกับบทบาทและหน้าที่ของ “เจ๊แว่นนักฟ้องเพื่อชาติ” และยกให้เป็นตัวแทนของพวกเรา
       
        ดูถูกเพื่อนร่วมตายนับแสนของซ้อแบบนี้ สงสัยอยากจะรีแพร์หน้าตัวเองจากปลาดุกให้กลายเป็นหน้าปลาตีน !!
       
        อาการอวดดีปนปาก***ของไอ้ปลาดุก ส่งผลให้พ่อแม่ถูกด่า “ข้อหาไม่สั่งสอนลูกเต้า” ไปอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการที่ลูกจะปาก*** เลวกว่าหมา หรือชิงหมาเกิด ก็ไม่ได้เกี่ยวกับบุพการี ส่วนมากมันขึ้นกับสันดานของแต่ละคน
       
        แต่สำหรับกรณีของไอ้ปลาดุกเป็นข้อยกเว้น เพราะมันนั้น พ่อแม่ไม่สั่งสอนเจ็งๆ55555
       
        ก็แหม...ตั้งแต่เล็ก เด็กชายปลาดุกเป็นคนที่มีชีวิตน่าสังเวชมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีมือของพ่อและแม่ มาให้ความอบอุ่นอะไรเลย เพราะพ่อแม่แยกกันอยู่ เด็กชายปลาดุกจึงเติบโตขึ้นท่ามกลางสังคมคนใช้เสียมาก กิริยามารยาทที่ได้รับการอบรม จึงเป็น “ไพร่” ล้วนๆ จนกระทั่งโตปลาดุกก็ถูกส่งไปเมืองนอก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะรับแนวคิดไอ้กันมาเต็มๆ กลายเป็น “ฝรั่งสถุล” อย่างน่าทึ่ง
       
        ด้วยความที่เป็นเด็กขาดความอบอุ่น ทำให้ไอ้ปลาดุกนิสัยก้าวร้าวขี้วีน ใครที่ทำงานกับหมอนี่จะรู้เลยว่า เรื่องมากสุดๆ ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจจะด่าเละ เสื้อผ้าหน้าผมจะต้องเนี้ยบ หล่อเริ่ดตลอดเวลา
       
       ไอ้อาการหลงตัวเองของปลาดุกเป็นมาช้านาน แต่พึ่งมาชัดเจนจนคนรอบข้างจะอ้วกแตก ก็เมื่อตอนที่เสล่อไปเป็นดารา ก่อนที่ผลงานของตัวเองจะออก หมอนี่จะทำหน้าที่พีอาร์ชั้นยอดฟอร์เวิร์ดเมลไปทั่วว่า อย่าลืมติดตามผลงาน ปิดท้ายด้วยการชมตัวเองว่า หล่อเหมือน “แบรด พิตต์”!?!
       
       ที่สำคัญ ชอบเข้าไปก้าวก่ายทุกเรื่อง เพราะคิดว่าตัวเองเจ๋ง จะเอาใครมาออกรายการต้องกราบทูลก่อน ถ้าพี่ปลาดุกแก “เป็นปลื้ม” ถึงจะได้ออก ถ้าไม่ปลื้มก็ฝันไปเหอะ
       
        นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องขี้วีนแล้ว ไอ้ปลาดุกยังขึ้นชื่อเรื่องหน้าหม้อ...(แต่หม้อแล้วน้อยครั้งที่จะสำเร็จ) เพราะฉะนั้นความง่านจึงมีอยู่เต็มหัว เจอหน้าสาวๆ ไม่ได้ ต้องออกอาการอยากล่อ แอบเอามือไปถูที่เป้ากับต้นขาของตัวเองอยู่เรื่อย จนสาวหลายคนที่ความรู้สึกไวพากันขยาด...นี่มันโรคจิตนี่หว่า
       
        พูดถึงวิธีการเริ่มต้นของการหลีของไอ้ปลาดุกหน่อย...หมอนี่ไม่ทำอะไรนอกจากจ้องหน้าคนที่ตัวเองเล็งไว้ จ้องเอา จ้องเอา จนกระทั่งเหยื่อรู้ตัว หรือทนไม่ไหวถ้าเอ่ยปากถามว่า จ้องทำไม ไอ้ประหลาดดุกจะตอบหน้าตาเฉยว่า
       
       “ไม่มีไร ไอว่ายูสวย ทำไมมองไม่ได้เรอะ” แล้วก็เดินหนีไปเข้าห้องน้ำ
       
        มุกควายๆ แบบนี้ไอ้ปลาดุกไม่เคยเปลี่ยน เพราะมันใช้กับทุกคน ไล่มาตั้งแต่เด็กในกอง ยันช่างแต่งหน้ากำลังทาแป้งให้อยู่ดีๆ มันก็จ้อง...นี่ถ้าในกองถ่ายมีหมาตัวเมีย สงสัยมันก็คงจะจ้องเอาไปทำพันธุ์เหมือนกัน
       
        อย่างไรก็ตาม มีบ้างที่ปลาดุกลากสาวไปฟันได้สำเร็จ
       
        ฐานะที่เป็น มสย.หรือ (หม่อมสามหยอย) มันก็ดึงดูดใจเด็กบางคนอยู่บ้าง แต่ก็กลายมาเป็นที่ซุบซิบทุกครั้ง วันหนึ่งต้องนั่งรถกองถ่ายไปทำงานต่างจังหวัดด้วยกัน พอขากลับไอ้ปลาดุกทำแมน อาสาไปส่งเด็ก โดยปุเลงสาวขึ้นแท็กซี่ แต่พอถึงหอของสาวดันอ้างว่ามีแต่แบงก์พัน จนเด็กต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง
       
        พอลงรถได้ปลาดุกก็ออกลวดลายหมาแก่ขอเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ แต่ที่ไหนพี่แกกลับเข้าไปล้างหำ สาวเองก็เปิดหวอรอ พอออกมาก็เลยได้อ่ะจั๊กๆ กันไปหลายยก พอเสร็จกิจปลาดุกก็สลัดไข่กลับบ้านอ้างมีธุระด่วน ส่วนอีหนูนั่นก็นอนเป็นผีตายซากพูดไม่ออก
       
        สงสัยอีคงจะอึ้งแดก งงคิดไม่ออกว่าจะเก็บ “ค่าตัว” หรือ “ค่าแท็กซี่” ดี
       
        แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ก็คือ “ไอ้สามหย่อม” ตัวนี้ดันทำเป็นมึน ลืมเรื่องราวอ่ะจึ๊กๆ เจอหน้าอีหนูก็เหมือนไม่รู้จักกัน เจอหน้าคนในออฟฟิศก็บอกว่าเด็กมันมายอมเอง เล่นเอาอีหนูตูดไวคิดมากอับอายถึงขั้นยื่นใบลาออก
       
        อาการขี้ตืดของไอ้สามหย่อมเลยกลายเป็นตำนาน จนคนเมาท์กันให้แซด ขนาดไปจีบ “สาวหน้าหมวย” นักจ้อข้อเท็จจริง ปลาดุกก็ยังไม่ลงทุน อาศัยความหน้าด้านเข้าไปจ้องหน้าบอกชอบอย่างเดียว อย่าว่าแต่ซื้อดอกไม้ให้เลย โค้กกระป๋องเดียวยังไม่เลี้ยงเลยอ่ะ
       
        ขนาดชวนสาวหน้าหมวยไปดินเนอร์ ถึงเวลาเช็กบิลผู้หญิงเค้ายื่นเงินให้เป็นมารยาท แทนที่จะเซย์โนให้ผู้หญิงเค้าได้ลาภปากซักวัน เสือกริบเงินเค้าหน้าตาเฉยบอกอเมริกันแชร์ แล้วก็พร่ำพรรณนา ว่า คุณเป็นผู้หญิงที่ดีมากไม่เอาเปรียบผู้ชาย โอ๊ย...เป๊ก’สุดๆ 555555555
       
        จากนั้นมา ไอ้ปีศาจเกลือ ก็ตามติดสาวหน้าหมวยตลอด กะจะอเมริกันแชร์อีกหลายรอบ เล่นเอาสาวหน้าหมวยสะดุ้งโหยง ตายห่าแล้ว!!..ท่าทางไอ้ปลาดุกมันจะเอาจริง ว่าแล้วอีก็เลยย้ายช่องหนีมันซะเลย
       
        จบจากนักจ้อข้อเท็จจริง...ไอ้ปลาดุกก็ยังไม่หยุดขี้หลี หากแต่คราวนี้เล่นของสูงอยากจะไปสำรวจหม้อคนดัง งานนี้มีดาราดังหลายคนที่เห็นปุ๊ปเป็นเอามือถูไข่ตัวเองเล่น ที่ชื่นชอบสุดๆ เห็นจะเป็น “น้องนมปลอม” รายนี้ถึงขั้นรีเควสให้หนังสือเล่มหนึ่งไปจ้างน้องนมปลอมมาถ่ายแบบคู่ ไม่งั้นจะไม่ยอมขึ้นปกให้
       
        พอเจอหน้าน้องนมปลอมไอ้หน้าหม้อก็หูดำหนักกว่าเดิม เจือกไปเอ่ยปากชมว่า “นมปลอม” ของน้องหนูว่าน่ารักอย่างโน้นน่ารักอย่างนี้ แล้วขอลองจับดู เล่นเอาน้องนมปลอมเกือบช็อก..ไม่ได้กลัวว่า นมมันจะเสียรูปจากการโดนขยำ แต่ตกใจเพราะไม่เคยเจออะไรหน้าด้านและงี่เง่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนได้ถึงขนาดนี้
       
        ก็ได้แต่บอกเอาไว้ว่า วิธีคิดและวิธีทำของไอ้ปลาดุกนั้น มันไม่เหมาะกับวัฒนธรรมบ้านเราและไม่เหมาะกับวิธีที่ผู้เจริญแล้วจะทำด้วยซ้ำไป
       
        นี่ก็เห็นว่าไอ้ปลาดุกขยับจะเตรียมตัวลงเล่นการเมือง (หลังจากไปขอลงพรรคเก่าแก่แล้วเขาปฏิเสธ) ซ้อก็อยากจะขอเตือนไว้ว่า ตราบใดที่เอ็งยังดูถูกหาว่าทุกคนในเมืองนี้โง่และไม่มีใครฉลาดกว่าเอ็งแล้วไซร้ เอ็งจะต้องสอบตกตลอดกาล แถมประชาชนพร้อมจะมอบ “ตีน” ให้เอ็งมากกว่า “คะแนนเสียง” นะจ๊ะ
       
        ก็เหมือน “ไอ้แว่นปากมดลูก” ที่เอ็งไปติดต่อเพื่อขอให้ช่วยแนะนำให้เข้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งนั้นแหล่ะ...ไอ้นี่...เอ (หรือจะเรียกอีนี่ดีหว่า?) ก็ “ไม่เคย” ได้รับเลือกตั้ง เพราะชนะใจประชาชนเหมือนกัน
       
        แต่ที่วันนี้ได้ดีเป็นเพราะฝึกฝนการใช้ไมค์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
       
        สมัยที่ไอ้แว่นปากจู๋ไม่ดัง และอาศัยตึกย่าน “ประตูผี” คุ้มกะลาหัว เรื่องนี้คนที่เคยอยู่ที่ตึกนั้นต่างก็รู้ดีว่า วันดีคืนดีจะมีเสียงโหยหวนเล็ดลอดออกมาจากห้องเช่าของไอ้แว่น ผสมกับเสียงดังตึงๆ ตังๆ “ดันเข้าไปๆๆๆ” เล่นเอาสยองขวัญกันทั้งตึก เสียงโหยหวนที่ว่า เกิดขึ้นวันเว้นวัน จนสุดท้ายเลยมีผู้หวังดีโทร.ไปแจ้งตำรวจให้เข้ามาเคลียร์พื้นที่ด่วน
       
        พลเมืองดีเขากลัวว่าจะมีการทรมาน หรือ กักขัง ทำร้ายร่างกายกันหรือเปล่า ?
       
        ตำรวจรับแจ้งก็แห่กันมา เพราะนึกว่าจะได้มีคดีดัง พอทุบประตูปังๆ ที่ไหนได้ที่โผล่หน้าออกมาดันเป็นไอ้แว่นผู้มีปากรูปมดลูกคนนี้ที่ออกมาในสภาพหน้าตาวีนแตกหงุดหงิดสุดฤทธิ์ แถมมีอีคุณผัวยืนนุ่งผ้าเช็ดตัวขึ้นลำโด่อยู่ในห้อง พอเห็นสภาพแบบนี้ พี่ตำรวจก็ get ทันที ว่า ไอ้แว่นปากมดลูกก็คงกำลังจะให้คู่ขาดันไมค์เข้าดาก ทำเอาเจ้าหน้าที่ต้องตักเตือนเรื่องทำเสียงดังในยามวิกาล ก่อนรีบเผ่นกลับ สน.ด้วยอาการผวาดากแทน
       
        เพราะฝึกไมค์ตั้งแต่ยังไม่ดังแบบนี้นี่เอง ต่อมาถึงได้ทำหน้าที่ปาก***พิทักษ์ระบอบซินาอ้าได้ถึงลูกถึง ค.จนกลายเป็นคนโปรดของซินาอ้าไปเรียบร้อยแล้ว ได้ดิบได้ดีซะขนาดนี้ ป่านนี้ก็ไม่รู้ควงผัวไประเบิดถังขี้อยู่แถวไหน
       
        ยังไงก็เพลาๆ เสียงบ้างก็แล้วกัน ประเดี๋ยวเสียงหมดอด “เห่า” นายใหญ่อยู่ตั้งไกลไม่ปลื้มล่ะแย่แน่


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 19-03-2008, 10:13
555 ตอนอ่านเรื่องนี้ ก็กะว่าอยากเอามา Post ต่ออยู่เหมือนกันอ่ะ  :slime_bigsmile:

แต่กลัวข้อครหาว่าปั่นกระทู้ตัวเอง  :slime_shy:


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 19-03-2008, 10:54
555 ตอนอ่านเรื่องนี้ ก็กะว่าอยากเอามา Post ต่ออยู่เหมือนกันอ่ะ  :slime_bigsmile:

แต่กลัวข้อครหาว่าปั่นกระทู้ตัวเอง  :slime_shy:


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

มันคนแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ควรเอาอย่าง


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ~ เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ บนโลกใบนี้ ~ ที่ 19-03-2008, 11:59
I คุณปลื้ม  แต่นู๋ไม่ปลื้ม   :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: lekapuk ที่ 21-03-2008, 23:07
นู๋ปลื้มมาแก้ตัวค่ะว่าที่แปลเป็นภาษาไทยน่ะ มันแปลผิด!!!!! ทำให้ตัวเขาถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม  :slime_doubt:  :slime_surrender:

ความเห็นที่น่าอดสูของ Anchorman
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 มีนาคม 2551 18:27 น.

“ปลื้ม” ไม่เลิกซ่า! หลังโดนถล่มหนัก กรณีเขียนวิจารณ์คนกรุงเทพฯที่ลงคะแนนเลือก “รสนา” เป็น ส.ว.ล่าสุด ใช้คอลัมน์ของตัวเองโจมตีพันธมิตรฯ อ้างสัมมนา 28 มี.ค.สร้างเงื่อนไขยึดอำนาจ-ทำความแตกแยก ซ้ำเหน็บแนมคนขึ้นเวทีเคยถูกศาลพิพากษาระวังทำผิดซ้ำ จน “สนธิ ลิ้มทองกุล” ต้องเขียนจดหมาย เรื่อง “ความเห็นที่น่าอดสูของ Anchorman” สอนความรู้ประชาธิปไตยและภาษาอังกฤษให้ลูกชายอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ
       
       หลังจากข้อเขียนในคอลัมน์ Anchorman ของ ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ วันที่ 13 มีนาคม 2551 ที่เขียนวิจารณ์คนกรุงเทพฯที่ลงคะแนนเลือก น.ส. รสนา โตสิตระกูล เป็นสมาชิกวุฒิสภาว่าเป็นพวกที่ “ไม่ฉลาด” ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ และเว็บไซต์อื่นๆ โดยมีการแสดงความคิดเห็นต่อสติปัญญาของผู้เขียนอย่างมากมาย
       
       คอลัมน์ Anchorman วันที่ 20 มีนาคม 2551 ผู้เขียนระบุว่า ผู้ที่วิจารณ์เขาในเว็บนั้น พูดนอกประเด็น เขายังอ้างว่าบทความของเขาที่แปลเป็นภาษาไทยนั้นแปลผิดความหมาย ทำให้เขาถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม
       
       ในข้อเขียนที่ตั้งชื่อว่า “Respecting The Majority Vote – Not only in Bangkok” ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เขียนว่า ถ้าคนกรุงเทพฯต้องการให้เขายอมรับในเสียงที่เลือก น.ส.รสนา เป็นวุฒิสมาชิก คนกรุงเทพฯก็ควรยอมรับการตัดสินใจของประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานด้วย
       
       แต่เป้าหมายของข้อเขียนนี้ คือ โจมตีการจัดสัมมนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 28 มีนาคม 2551 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเขาระบุว่า เป็นเจตนาสร้างเงื่อนไขให้มีการยึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง และกล่าวหาว่า การชุมนุมต่อต้านระบบทักษิณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นสาเหตุแห่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อีกทั้งผู้นำในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ยังเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งหมายความถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ดังนั้น ผู้ที่ไปร่วมการสัมมนาในวันที่ 28 มีนาคมนี้ จะเป็นการทำผิดซ้ำสอง
       
       ม.ล.ณัฎฐกรณ์ ยังเลือกใช้คำพิพากษาของศาลอาญาบางตอนมากล่าวหา นายสนธิ ว่า ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก
       
       นายสนธิ จึงได้เขียนจดหมายถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ว่าด้วยเรื่อง ความรู้ในเรื่องประชาธิปไตย และความรู้ภาษาอังกฤษ ของ ม.ล.ณัฎฐกรณ์ ผ่านข้อเขียนชื่อ “A disgraceful exercise by Anchorman“ หรือ “ความเห็นที่น่าอดสูของ Anchorman” ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ วันที่ 21 มีนาคม ในคอลัมน์ Post Bag

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000034463


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 22-03-2008, 02:20
ยิ่งดิ้นเชือกมันก็ยิ่งรัด แค่เค้าออกมาใช้สิทธิทางการเมืองก็อ้างไปทั่วไปทีบ ยกคดีหมิ่นมาพูด ถ้าจะพูดก็ควรพูดให้ครบ จำใส่หัวไว้ ทีนายกก็โดนคดีเดียวกัน ยังบริหารประเทศอยู่เลย ปลื้มไม่ไปอ้างความชอบธรรมเอาแถวนั้นบ้าง :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 22-03-2008, 13:02
ผ่านไปเห็นซ้อเจ็ด เขียนบทความถึง "คนหน้าปลาดุก" ถล่มเสียหมดสภาพเลยครับ
เนื้อหาไม่สมควรเผยแพร่ในเว็บของเราสักเท่าไหร่ ถ้าสนใจก็หาอ่านเอานะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ไปอ่านเรื่องของ "คุณรสนา" กับ "ปลื้ม" กันดีกว่าครับ ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 22-03-2008, 13:27
ผ่านไปเห็นซ้อเจ็ด เขียนบทความถึง "คนหน้าปลาดุก" ถล่มเสียหมดสภาพเลยครับ
เนื้อหาไม่สมควรเผยแพร่ในเว็บของเราสักเท่าไหร่ ถ้าสนใจก็หาอ่านเอานะครับ  :slime_smile:

เรื่องซ้อไม่ปลื้ม หรือเปล่าครับคุณG ถ้าใช่ มันอยู่นี่แล้วครับ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=23319.msg274184#msg274184