ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: isa ที่ 04-03-2008, 10:50



หัวข้อ: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 04-03-2008, 10:50
...ว่าจะไม่พูดแล้ว แต่ข้อความ SMS หรือข้อความในคอลัมน์จากผู้อ่านตามหนังสือพิมพ์ ด่าคนกรุงเสียจนอดไม่ไหว

ถ้าบทความนี้จะกระทบกระเทือนใจเพื่อนๆอีสานในนี้ก็ต้องขออภัยด้วย แต่ในฐานะเพื่อนร่วมประเทศต้องขอสะกิดเตือนกันนิด ไม่ได้หมายความเฉพาะรากหญ้า แต่หมายถึงคนอีสานชั้นปัญญาชนและนักวิชาการอย่างลุงแคนด้วย  ให้ออกจากกับดักความคิดเดิมๆเสียที

ข้อแรก  คนกรุงในยุคนี้ไม่ได้เป็นแค่ "เจ้าคนนายคน" อย่างในอดีตอย่างที่เข้าใจกัน แต่คนกรุงกว่าครึ่ง คือลูกหลานของคนต่างจังหวัดทั้งนั้น และไม่ได้เข้ามาอย่างเจ้าคนนายคน แต่สะพายกระเป๋าใบเดียวเข้ามาเป็นเด็กหอ เข้ามาเป็นเด็กวัด ดิ้นรนสู้ชีวิตสร้างฐานะกันขึ้นมาแทบทุกคน การเอาบทบาทเจ้าขุนมูลนายศักดินามาครอบให้กับคนกรุงจึงเป็นความคิดที่ตกยุคไปแล้ว

ข้อสอง กรุงเทพฯ อาจจะสูบทรัพยากรทั้งสิ่งของ เงินทอง บุคคล จากต่างจังหวัดเข้ามาก็จริง แต่กรุงเทพฯ ก็เป็นแหล่งทรัพยากรให้คนต่างจังหวัดเข้ามาตักตวงด้วยเช่นกัน และหากดูจากการดำรงชีวิต ขณะที่ลูกหลานคนต่างจังหวัดอื่นๆ เข้ามาเรียนหนังสือ ทำงาน อยู่อาศัย และกลายเป็นทรัพยากรพลเมืองให้กับกรุงเทพฯ สร้างรายได้ สร้างภาษี ให้กับกรุงเทพฯ แต่คนอีสานจำนวนมากที่ยังใช้ชีวิตในลักษณะโยโย่ เข้ามาตักตวงทรัพยากรของกรุงเทพฯ ส่งกลับไปยังต่างจังหวัด ทุกๆเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดใหญ่ๆ จะมีเงินสะพัดลงสู่อีสานนับร้อยล้านพันล้าน  จึงถือว่าเมืองกรุงก็ตอบแทนให้กับคนอีสานอย่างเท่าเทียมกัน  จึงน่าจะถามมากกว่าว่าทรัพยากรของเมืองกรุงปริมาณมหาศาล (ซึ่งดูดมาจากภาคอื่นๆด้วย) เมื่อลงไปสู่ภาคอีสานแล้วทำไมจึงซึมหายๆเหมือนฝนตกบนแผ่นดินอีสาน ไม่เหลือร่องรอย หรือถ้าจะทวงบุญคุณ ก็ลองไปทวงกับซาอุฯ ดูไบฯ บาร์เรน ที่คนอีสานไปขายแรงงานดูบ้างไหม? แล้วก็ขอถามคำถามเดียวกันแหละ ขณะที่รัฐได้ภาษีจากตรงนี้ แต่เงินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจากภาษีที่ลงสู่อีสานนั้น หายไปไหนหมด  ไม่ได้ทำให้อีสานเจริญขึ้นเลยหรือไง?

ข้อสาม คนอีสานชอบบ่นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่าเป็นชนชั้นล่างของสังคม แต่ขณะที่คนต่างจังหวัดอื่นๆเข้ามาแสวงหาโอกาสได้ และคนอีสานจำนวนไม่น้อยก็ประสบความสำเร็จในสังคมเมืองกรุง แต่ขณะที่เหล่าคนพลัดถิ่นจากต่างจังหวัดทั้งหลายเข้าสู่เมืองกรุงด้วยกระเป๋าใบเดียว เข้ามาไขว่คว้าโอกาสเหมือนกัน แต่ทำไมมีแต่คนอีสานรากหญ้าที่คว้าโอกาสไม่ได้ สาเหตุเพราะอะไร...

1.   คนต่างจังหวัด หรือแม้คนอีสานเองที่ประสบความสำเร็จ เพราะครอบครัวเป็น Back Up ส่งลูกหลานมาหาความรู้ และสร้างโอกาสให้ตัวเอง ขณะที่คนอีสานที่ล้มเหลว เพราะมีครอบครัวเป็นภาระ ส่งลูกหลานเข้ามาเพื่อหารายได้ส่งครอบครัวที่มีหน้าที่บริโภคอย่างเดียว โดยไม่คิดจะนำรายได้ที่ได้มาไปต่อยอด...หรือเปล่า? ทำให้เด็กหนุ่มเด็กสาวสูญเสียโอกาสที่จะหาความก้าวหน้าด้วยตัวเองอย่างคนต่างจังหวัดอื่นๆ

2.   การใช้ชีวิตลักษณะโยโย่ที่ย้ายตามทรัพยากรที่ดีกว่า ขาด Loyalty ต่อสังคมที่ตนทำงานอยู่ ทำให้คนอีสานเมืองเป็นผู้อพยพตลอดกาล ที่ไม่ฝังตัวในสังคมให้นานพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นในสังคม จนผลักดันตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับชั้นที่สูงขึ้นได้หรือเปล่า?

3.   การใช้ชีวิตแบบพึ่งพากันจนสุดโต่ง คนที่เป็นพี่ใหญ่ของครอบครัว จะต้องรับผิดชอบน้องๆทั้งตระกูล คนที่เป็นสามี นอกจากจะต้องเสียค่าสินสอดที่แพงจนเหลือเชื่อ แล้วยังต้องรับภาระทั้งหมดของครอบครัวภรรยา คนใดในสังคมที่มีฐานะพอลืมตาอ้าปากได้ ก็จะโดนรุมขอพึ่งพิง จนกลายเป็นลักษณะเตี้ยอุ้มค่อม จนสูญเสียโอกาสที่จะผลักดันตัวเองให้ก้าวหน้าในสังคมหรือไม่? และจากค่านิยมนี้ กลายเป็นความเคยชินว่าคนที่มีมากกว่ามีหน้าที่จะต้องแบกรับภาระคนที่มีน้อยกว่า จนคนที่เป็นผู้ให้จนเคยชิน หรือคนที่เป็นผู้รับจนเคยตัว ก็พลอยคิดเหมารวมว่าคนภาคอื่นๆที่มีมากกว่า ก็ควรมีหน้าที่แบกรับภาระของคนอีสานด้วยสิ...หรือไม่? แนวคิดการเมืองของอีสาน แทนที่จะเป็นการทำเพื่อประเทศ ในระยะยาว จึงกลายเป็นการเข้ามาตักตวงทรัพยากรส่วนกลางลงไปสู่ท้องถิ่นหรือไม่

4.   การมีค่านิยมหวังรวยทางลัด ทำให้การหารายได้ของคนอีสานจำนวนมากมุ่งหวังการรวยเร็ว ขาดพัฒนาการที่ต่อเนื่อง แม้จะทำมาค้าขายก็ทำๆเลิกๆ แม้ค่านิยมเรื่องหาสามีฝรั่ง ก็เป็นแค่ทางลัดไปสู่ความอยู่ดีกินดี การทุ่มเททำงาน หรือการพัฒนาตัวเองไปตามลำดับขั้นเพื่อความก้าวหน้าระยะยาวในองค์กร หรือในระบบธุรกิจ จึงเป็นสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกกับคนอีสานรากหญ้า ...จึงทำให้สูญเสียโอกาสที่จะก้าวหน้าในสังคมเมือง...หรือไม่?

5.   คนอีสานรากหญ้ามีค่านิยมเรื่องความรักสนุก รักสบาย และวัตถุนิยมจัด ดูจากการตั้งวงกินเลี้ยงที่มีกันแทบจะทุกโอกาส การนำเงินที่ลูกหลานทำงานอย่างเหนื่อยยากส่งมาให้ใช้จ่ายกันอย่างฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย คิดเพียงว่าหมดไปก็หาใหม่ได้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจคนอีสานรากหญ้ามีเพียงการ หามา – จ่ายไป แต่ขาดการอดออม การลงทุน การหมุนเวียนที่จะสร้างฐานะที่มั่นคงให้กับตัวเอง คนอีสานรากหญ้าจึงรวยไม่ทน แต่จนถาวร...หรือไม่?

...ที่สะกิดเตือนนี้ ก็แค่อยากจะบอกว่าขณะที่คนอีสาน หรือนักวิชาการอีสาน ชี้นิ้วกล่าวโทษคนกรุงหรือคนภาคอื่นว่าเป็นสาเหตุในความทุกข์ยากของตน ก็อย่าลืม 4 นิ้วที่เหลือที่ชี้เข้าหาตัวเองด้วย ว่าแท้จริงแล้ว สาเหตุมาจากตัวเองหรือเปล่า และในฐานะคนพลัดถิ่นในกรุงด้วยกันแต่อยู่คนละภาค ที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งหัวหน้างาน ทั้งเจ้าของบ้านเช่า ทั้งลูกค้า ของคนอีสานที่คุ้นเคยเห็นนิสัยกันมานาน อยากจะโค้ดคำพูดของคนอีสานที่ประทับใจมาจนปัจจุบันว่า

   "ไม่มีใครหลอกลาวได้หรอก มีแต่ลาวนั่นแหละ หลอกลาวด้วยกัน (และหลอกตัวเองด้วย)"

และต่ออีกนิด... คนกรุง หรือคนภาคอื่นไม่ได้รังเกียจอีสานรากหญ้าเพราะสิ่งที่พวกคุณเป็น แต่รังเกียจในสิ่งที่พวกคุณทำ



 :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 04-03-2008, 11:14
ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ก็แบบนี้
ไม่เห็นว่าตัวเองต่างหากที่เป็นสาเหตุของความยากจน สส. อบต. ก็เลือกเข้าไปเองทั้งนั้น
รับสินบนเพื่อให้ลงคะแนนเสียง นักการเมืองแทนที่จะต้องรับใช้ประชาชนก็เลยกลายเป็นนายจ้าง
กดหัวลูกจ้าง(ประชาชน)ไว้เพื่อที่จะได้สูบผลประโยชน์ต่อไปได้เรื่อยๆ
อยากจะเลิกจน ต้องเิลิกทำตัวเป็นลูกจ้าง ประกาศตัวให้เป็นนายนักการเมืองเสียที
ไม่ใช่ทำงานในฐานะลูกจ้างแอบขโมยของโดยทุจริตจากประเทศชาติ
แล้วยังจะมาทวงบุญคุณในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำซะอีก



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 04-03-2008, 11:31
คิดว่าอีกสักเดี๋ยวคุณจะต้องโดน "เรียงหน้าอัด"

ทำใจหน่อยก็แล้วกัน
ปัจจุบันนี้คนอีสานเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษ ชนิดใครจะตำหนิติเตือนอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น  วิพากย์วิจารณ์อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะไมว่าจะพิจารณาด้านไหนคนอีสานก็วิเศษวิโสเหนือคนภาคอื่นทั้งหมด 
โดยเฉพาะ "ไอ้พวกคนกรุงเทพฯ"
...ซึ่งทั้งโง่  ทั้งขี้เกียจ  ง่อยเปลี้ยเสียขา ทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 04-03-2008, 13:19
เอ่อ คือว่า...

ตอนนี้คนอีสานยิ่งมีบุญคุณล้นเหลือต่อคนกรุงเทพฯนะครับ

เพราะขณะที่คนกรุงเทพฯหน้ามืดตามัว ขาดสติ หันไปเลือกหนุ่มหล่อเป็นนายกฯ คนอีสานนี่แหละยังมีสติ รู้ว่าทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับประเทศไทยคือหมักเมถุน ถ้าไม่ได้คนอีสาน ป่านนี้ประเทศคงเละคามือหนุ่มหล่อไปแล้ว

แถมถ้าไม่ได้คนอีสาน อภิมหาวีรบุรุษอย่างบักเหลี่ยมก็คงยังเสวยสุขอยู่ที่ลอนดอน คนอีสานนี่แหละที่นำให้ท่านเหลี่ยมกลับมาโปรดคนไทยอีกครั้ง

นี่ยังไม่พูดถึงเหลิมลูกกำนัน หมอนชอนไชยา น้องเพ็ญหน้าหวาน ฯลฯ ที่คนไทยต่างได้มือฉมังเหล่านี้เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง

เจ้าของกระทู้ยังไม่สำนึกบุญคุณคนอีสานอีกเหรอ  :slime_bigsmile:

ป.ล. ที่พูดนี่หมายถึงคนอีสานที่มีบุญคุณทางการเมืองกับคนกรุงเท่านั้นนะครับ ใครที่ไม่ได้เลือกพลังเมถุน ก็ถือว่าไม่มีบุญคุณกับคนกรุงในเรื่องนี้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 04-03-2008, 13:35
ผมเชื่อว่าคนอิสานส่วนหนึ่งเป็นแบบที่ จขกท.ว่ามา  แต่จะเป็นส่วนใหญ่หรือส่วนน้อยผมไม่ทราบ ใจก็อยากให้เป็นส่วนน้อยอะครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 04-03-2008, 15:43
หลายคนอึกอัดใจและรำคาญกับบางคนที่ทำราวกับว่า 1 เสียงของตัวเองมีค่ามากกว่า 1 เสียงของคนอื่น....กติกาก็บอกชัดเจนว่าทุกคนมีสิทธิ 1 เสียงเท่ากันหมดทุกคน แต่พวกขี้แพ้หรือแพ้ไม่เป็นบางคนกลับเล่นการเมืองข้างถนนออกมาข่มขู่รัฐบาลและสร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ จนคนทั่วโลกเค้ามองว่าปชต.แบบไทยๆก็คือ การเมืองข้างถนนที่ใครก็ได้ใช้ม๊อบล้มรัฐบาล


งามหน้าจริงๆ!! :slime_surrender:

หากเสียงแต่ละคนมันเท่ากันจริงๆ ก็คงไม่มีใครออกมาสนับสนุนรถถังหรอก

ที่เป็นอยู่ มันมีคนอยู่ไม่กี่คนที่มีเสียงมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งประเทศ แล้วสร้างภาพมายาให้เหมือนคนทั้งประเทศมีเสียงเท่ากัน

คนเพียงหยิบมือเดียว สูบเลือดชนชั้นกลางไปเป็นของตัวเอง แล้วโปรยเศษที่เหลือให้ชนชั้นล่างเพื่อเป็นแรงกดดันชนชั้นกลางให้ต้องคอยส่งบรรณาการอยู่ตลอดเวลา

ลำพังชนชั้นล่างจะหลงไปกับภาพมายาที่ว่านี้ก็ยังไม่เท่าไหร่ เพราะตนเองเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเศษอาหารที่โปรยมาล่อ

แต่ที่น่าสงสารมากๆ ก็คือชนชั้นกลางบางคนที่ตัวเองกำลังโดนสูบเลือดอยู่ แต่ไปหลงติดกับภาพมายาที่เขาสร้างเอาไว้ให้ คิดฝันเอาว่าตนเองจะได้ประโยชน์จากผู้ที่มาสูบเลือดตัวเองอยู่ อันนี้โง่หนักกว่ารากหญ้าเสียอีก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Petakhons ที่ 04-03-2008, 21:17
                
                  เรียนผู้ตั้งกระทู้คุณหรือคนอืนทีตั้งกระทู่ที่มีความพยายาม จะยั่วยุโดยการโพสเปิดกระทู้ทีมีลักษณะใก้ลเคียงกัน หลายกระทู้จะอะไรกันนักหนาแค่การแสดงความคิดเห็นทำไม ไม่พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่รู้ซิ เหตุผลที่คุณกล่าวมาเป็นมุมมองที่อคติไปหรือเปล่าครับ....แสดงว่าคุณมองแค่กรอบเดียวเป็นปัจจุบันไป  ประวัติศาสตร์ขาติไทยยาวนะคุณอาจจะละเลย เคยรู้ไหมที่คุณว่ามาเป็นผลกระทบจากอะไรการหลั่งไหลของคนต่างจังหวัดโดยเฉพาะคนอีสานทำไมหละไม่กระจาย ความเจริญไปละอะไรๆๆๆๆๆๆๆก็กรุงเทพแล้วผิดเหรอก็ข่อย อีพ่อ อีแม่ ข่อยมาเฮ้ดงาน มาพ้อกันในเมียงแล่วพากันไป สวัสดีครับ 4444   ก็รางรถไฟมันยาวมาตามรางรถไฟนิ 5555555   แต่คุณก็คิดไม่ผิดหรอกเพียงแต่ไม่รอบคอบและอคติ คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ควรเอาอดีตภูมิหลังมาศึกษาบ้างก็จะดี  
         
                  [/color เอาแค่ไม่กี่ร้อยปีสมัยก่อนเขาต้อนคนลาว(อีสาน)เข้ามาใช้งานต่างๆงานดีด้วยงานกุลีทั้งนั้นในเมืองหลวง สถานภาพระหว่างคนบางกอกกับคนลาวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงความรู้สึกต่ำต้อยจึงมีอยู่ทั่วไปในชาวลาวเคยได้ยินไหมสักหน้าผากหริอสักเลขบนหน้าผาก  เพื่อกำหนดสถานภาพคนอีสาน พลเมืองชั้นสอง โดยเฉพาะชายลาวจะต้องถูกสักหน้าผากเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำในการเกณฑ์เอามาใช้งานให้กับราชสำนักในเมืองหลวง ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่เรียกตนเองว่าไทยหรือสยามกับคนที่เรียกว่าตนเองว่าลาว เอาแค่เนี่ยแหละพับผ่าซิ!  นี่แหละความรู้สึกที่ไม่เท่าเทียมกันทางสังคมความรู้สึกต่ำต้อยของคนอีสานในสมัยก่อน  เพิ่งจะมาให้ความสำคัญเมื่อ  ภัยจากมหาอำนาจฝรั่งเศ- ตอนสงครามอินโดจีนเข้ามาเริ่มมีการปรับปรุงการปกครองประเทศ ถึงเริ่มที่จะมองให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ทำไมหล่ะครับคนอีสานจะรู้สึกอย่างคุณพูดก็ไม่เห็นจะแปลกนี่ครับ ผมเองก็ได้ยินบ่อยไป พวกนักวิชาการบางคนตามมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ชอบออกมามองออกมาวิพาษก์วิเคราะห์ การแสดงออกของกลุ่มคนอีสาน มักจะค่อนข้างเหยียดต่อการแสดงออกทางสังคมหรือการแสดงออกทางการเมืองและแม้แต่ ผลของการเลือกตั้ง.....ที่ผ่านมาว่ากันไปนะหากประสงค์และปรารถนาจะให้หัวขวานบิ่นปัจจุบันด้ามขวามก็ไม่คอยดีโปรดอย่าลืมนะครับต้นทุนความอัดอั้นในประวัติศาสตร์ของคนอีสานมีสูงเขาบอกเขาเล่าให้คนรุ่นปัจจุบันอยู่เสมอเพียงแต่เขายังไม่รู้สึกคับแค้นใจและกดดันเหมือนอย่างในอดีต  แต่ถ้าความพยายามของคนไม่กี่คนทำให้เป็นประเด็นปัญหาลุกลามออกไปก็ไม่แน่นะครับหรือต้องการจะแบ่งกันอย่างสิ้นเชิงหละเอา บ่ 
                 
               แนวความคิดแบบเนี้ยแหละที่เป็นบ่อนทำลายคนในชาติ........มองอะไรได้เป็นฉากๆแต่ฉากที่มอง มองอย่างอคติและแคบมากๆ  ความรู้สึกแบบเนี่ยแหละถ้ามีมากสะสมมากขยายออกไปมากเหมือนอย่างที่กำลังพยายามเป็นอันตราย ใคร่ขอร้องชาวกรุงเทพส่วนใหญ่ที่ใจเป็นธรรม โปรดได้บอกคนกรุงเทพบางคน และนักวิชาการบางท่านในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพได้ เปลี่ยนความคิดที่เหยียดรวมทั้งพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองต่อชาวอีสาน แม้กระทั่งการเรียกร้องอะไรใดๆก็ตามของคนอีสาน(รวมถึงคนในชนบทภาคอื่นๆด้วย) อย่าถามเลยว่าใครกล่าวเยอะครับเยอะมากสมัยก่อนทักษิณจะโดน ปะ-ติ-วัด ได้ยินบ่อยมากทั้งข่าวโทรทัศน์  ตามหนังสือพิมพ์(นอสอพอ) เพราะอาจทำให้เป็นเงื่อนไขระเบิดเวลาทำลายชาติรู้บ้างไหมเงื่อนไขทางสังคมความเท่าเทียมกันในด้านต่างๆ เนี่ยแหละที่สะสม  ทำให้ด้ามขวานของไทย(3 จว.ชายแดนภาคใต้)ต้องการความเข้าใจเช่นเดียวกับ คนอีสานแต่แตกต่างกันที่การแสดงออก             
               โปรดอย่าได้วิเคราะห์อย่าได้กำหนดคนอื่นนักเลย โปรดอย่าชี้นำทางความคิดและที่สำคัญชอบเอาความรู้สึกของตัวเองไปตัดสินปัญหาของคนอื่น  ไม่พยายามที่จะมองอย่างเข้าใจในปัญหาของว่าเขามองอย่างไร.....เขาคิดจะแก้ปัญหาของเขาอย่างไรและมีอะไรที่จะช่วยเขาได้บ้างๆได้โปรดเถิด..อย่าได้พยายามเอาวัฒนธรรมทางความคิดมากดมาข่มกันเลยครับสิ่งที่แสดงออกของคุณหรืออีกหลายๆคนไม่ได้มองอะไรอย่างเข้าใจ.มองการกระทำของคนอื่น ต่ำต้อยเพราะในที่สุดแล้ว สิ่งทีกดสิ่งที่ข่มก็จะหาทางออกตามธรรมชาติของมันเองเหมือนวางดินน้ำมันบนฝ่ามือลองกดลองบีบดูสิตอนแรกๆดินน้ำมันจะอ่อนไปตามแรงบีบแต่ถ้าบีบมากๆเข้าที่สุดแล้วดินน้ำมันก็จะเล็ดรอดออกมาตามร่องนิ้วมือ เช่นดียวกับสิ่งที่คุณและอีกหลายๆคนกำลังพยายามกันอยู่และปฎิบัติต่อชาวอีสานเหมือนดินน้ำมัน                                                                    
                                                         
                                                                                                 ผีแดงตาโขน  Petakhons  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 04-03-2008, 21:37
เรียนผู้ตั้งกระทู้ที่คุณมากล่าวนะที่ร้ายก็คือคุณมีความพยายามที่จะยั่วยุโดยการโพสเปิดกระทู้หลายกระทู้เหลือเกินจะอะไรกันนักหนาก็แค่การแสดงความคิดเห็นทำไมคุณไม่เอาใจเขาไมใส่ใจเราหละไม่รู้ซิ.....แสดงว่าคุณมองแค่กรอบปัจจุบัน...ประวัติศาสตร์ขาติไทยยาวนะแต่คุณอาจจะไม่ได้นำเอามาใช้บ้างเลยมุมมองของคุณอาศัยแค่เบื้องหน้าที่เห็นเป็นปรากฎการณ์ในสังคมปัจจบันเป็นตรรกทีสัมผัสได้ถามหน่อยแล้วไผสิสร้างความสดวกสบายให้กรุงเทพเจริญเอาเจิรญเอาอยู่เมืองเดียวไม่กระจายไปละความเจริญ-ไปละอะไรก็กรุงเทพผิดเหรอก็มาตามรางรถไฟนิ 5555555 แต่คุณก็คิดไม่ผิดหรอกที่คุณคิดแต่คุณแค่ขาดความรอบคอบคงต้องใช้เวลาอิกสักระยะหนึ่ง เอาอดีตภูมิหลังมาศึกษาบ้างแค่ไม่มีร้อยปีแล้วสมัยก่อน เขาต้อนคนลาว (อีสาน)เข้ามาใช้งานสถานภาพระหว่างคนบางกอกกันคนลาวแตกต่างกันเคยได้ยินไหม สักหน้าผาก เป็นสัญลักษณ์ไว้เพื่อไว้ใช้งานเอาแค่เเนี่ยแหละพับผ่าซิ ความรู้สึกที่เท่าเทียมกันของคนในชาติในสมัยก่อนไม่มี มากนักหรอก เพิ่งจะให้ความสำคัญเมื่อภัยจากบักสีดาฝรั่งเศ- ในสงครามอินโดจีนเข้ามาเริ่มมีการปรับการปกครองประเทศและเริ่มที่จะมองให้ความสำคัญกับคนอีสาน ทำไมหละครับคนอีสานถ้าจะรู้สึกอย่างคุณพูดก็ไม่เห็นจะแปลกนี่ครับเพราะผมเองก้ได้ยินบ่อยที่นักวิชาการบางคนในมหาวิทยาลัยมองอะไรวิเคราะห์อะไรมักจะค่อนข้างเหยียดต่อการแสดงออกทางการเมืองหรือแม้แต่ผลของการเลือกตั้ง.....ว่ากันไปนะหากประสงค์จะให้หัวขวานบิ่นปัจจุบันด้ามขวามก็ไม่คอยดีอย่าลิมนะต้นทุนในประวัติศาสตร์ของคนอีสานมีสูงนะความพยายามเล็กของคนไม่กี่คนอย่าให้เป้นเครืองกำหนดที่รุกลามออำไปเลยจะไม่เป้นผลดีกับใครหรอก อย่าได้พยายามเลยหรือว่าต้องการจะแบ่ง...กันอย่างสิ้นเชิงหละ  แนวความคิดแบบเนี้ยแหละที่เป็นบ่อนทำลายคนในชาติมานักต่อนักแล้ว.................มองอะไรได้เป็นฉากๆแต่ฉากที่มองเป็นกรอบที่มองอย่างอคติและแคบเกินไปครับ  ความรู้สึกแบบเนี่ยแหละถ้ามีมากสะสมมากเป็นอันตรายเป็นระเบิดเวลาใครๆก็ได้ยินอยู่บ่อยๆครับไม่ได้ขอร้องในชาวกรุงเทพและนักวิชาการบางท่านในมหาวิทยาลัยแต่ควรจะเปลี่ยนแนวความคิดที่เหยียดความคิดเหยียดพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองหรือการเรียกร้องอะไร ใดก็ตาม ของคนอีสานหรือคนในชนบทภาคอื่นๆอย่าถามเลยว่าใคร เยอะครับสมัยก่อนทักษิณจะโดนปะ-ติ-วัด ได้ยินบ่อยมากทั้งข่าวโทรทัศน์  ตามนอสอพอ เป็นเงื่อนไขระบิดเวลาทำลายชาติรู้บ้างไหมเงื่อนไขทางสังคมความเท่าเทียมกันในด้านต่างๆ เนี่ยแหละที่ ด้ามขวานของไทย ต้องการความเข้าใจเพราะเราชอบเอาความรู้สึกของตัวเองไปตัดสินปัญหาของคนอื่น เนี่ยเราไม่มองอย่างเข้าใจในปัญหาของว่าเขามองอย่างไร........... เขาคิดจะแก้ปัญหาของเขาอย่างไร

                                                                                      Petakhons "ผีตาโขน"

ผมอ่านภาษาไทยของคุณแล้วพบปัญหา คือ ไม่ค่อยจะเข้าใจครับ
ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอย่างผมหรือเปล่า
คือไม่ทราบว่ามุขยประโยคอยู่ตรงไหนบ้าง - ลำดับขั้นกระทงความ และอันใดเป็นบริบทของมันบ้าง

สงสัยว่าความรู้ทางวิชาการใช้ภาษาไทยของผมคงจะโบราณไปเสียแล้ว  :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 04-03-2008, 21:48
5555 กำลังนึกว่า เราอ่านไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวหรือเปล่าหว่า
คือไม่เข้าใจจุดประสงค์ของ Petakhons เลย
อ่านแล้วก็งง

นึก ๆ อยู่ว่า.. เอ.. ต้องการสื่ออะไรหว่า หรือว่าเราไม่เข้าใจคนเดียว
กำลังมึนเลย
เหอเหอเหอ :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 04-03-2008, 22:22
ผมอ่านภาษาไทยของคุณแล้วพบปัญหา คือ ไม่ค่อยจะเข้าใจครับ
ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอย่างผมหรือเปล่า
คือไม่ทราบว่ามุขยประโยคอยู่ตรงไหนบ้าง - ลำดับขั้นกระทงความ และอันใดเป็นบริบทของมันบ้าง

สงสัยว่าความรู้ทางวิชาการใช้ภาษาไทยของผมคงจะโบราณไปเสียแล้ว  :slime_surrender:
เช่นกันครับ ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกัน :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 04-03-2008, 22:35



เขียนได้น่าอ่าน น่ารับฟัง และพิจารณา

ถ้าใครโกรธ แสดงว่า จขกท พูดถูก
  :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 04-03-2008, 23:27
อ่านข้อความของคุณผีตาโขนหลายรอบ
พอจะจับความได้ว่า สังคมกดขี่บังคับหาผลประโยชน์จากคนอีสาน
เมื่อคนอีสานออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมก็ไม่ได้ความสนใจ

ผมก็เป็นคนอีสานผมกลับมองเห็นอีกด้านที่คุณไม่ยอมพูดถึง
การชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรม ล้วนมีสาเหตุมาจากตัวคนอีสานเอง
ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม การดำเนินชีวิต ค่านิยมผิดๆ ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
การขาดความรู้ความเข้าใจ เป็นขี้ข้าให้นักการเมืองหลอก
เมื่อไม่ได้ตามคำสัญญาก็ออกมา "ขอ"สิ่งที่เขาคิดว่าควรได้
หลายๆครั้งในสมัยแม้วครองเมือง ก็เป็นเครื่องมือแสดงพลังสรา้งความชอบธรรมให้กับแม้ว
โดยแลกกับเงินไม่กี่บาท ทั้งๆที่คนเหล่านั้นก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจ้างไปทำอะไร
หากเข้ากรณีข้างต้นแม้ชาวอีสานจะทำอะไรไปมากมายก็ต้องนับว่าทรยศแผ่นดิน
ไม่ถือว่ามีบุญคุณใดใดห้องออกมาป่าวร้องขอความเป็นธรรม

ถามว่ามีไหมที่การเรียกร้องจากคนอีสานจะมาจากความเดือดร้อนจริงๆ ตอบว่ามีแต่น้อยครับ
เพราะคนอีสานจะถูกสอนมาให้อดทน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทนห้ามมีปากเสียง
และจากการขาดการรวมกลุ่ม ขาดความรู้ และขาดผู้นำที่ใส่ใจปัญหาของชุมชน
การเรียกร้องจึงเป็นไปในรูปแบบไร้ทิศทางไร้พลัง เมื่อไม่มีหลังก็ต้องกลับไปทนอย่างเก่า
เข้าทำนอง "โง่ จน เจ็บ" แถมด้วย "ดื้อด้าน เจ็บไม่จำ"

ถ้าจะเลิกจน ให้เลิกพฤติกรรมที่ว่าให้ได้ หัดเรียนรู้ ทนให้มันถูกเรื่อง
เดี๋ยวก็รวยเองไม่ต้องมาเสียเวลาเรียกร้องกราบตีนหมักให้เสียเกียรติคนอีสาน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-03-2008, 23:58
ผมไม่วิพากษ์วิจารณ์'ชาวอิสาน' เป็นอย่างไร เพราะไม่รู้จริง ๆ....

แต่อยากจะบอกเป็นจุด ๆ เป็นประเด็น ๆ ว่า ชาวอิสานที่ลงคะแนนเสียงให้นักการเมืองอิสานด้วยกัน
หรือ'ลูกเขยอิสาน' นั้นทำให้การเมืองไทยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนาการไปทางที่ดีงาม....

นักธุรกิจการเมือง นักการเมืองเลว ๆ ซึ่งมีทุกพื้นที่ของประเทศไทย ได้ใช้ดินแดนอิสาน คนอิสาน
ที่สามารถเลือก สส. มากถึง 135 คน สส.สัดส่วนอีกจำนวนหนึ่ง และ สว.อีกจำนวนหนึ่ง....

และดินแดนภาคเหนือ ทำให้ได้คะแนนเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้.....

ชาวอิสานและชาวเหนือในชนบทตั้งรัฐบาล ชาวกรุงและหัวเมืองใหญ่ขับไล่รัฐบาล....

ผมคนหนึ่งที่ขอคัดค้าน  หนึ่งคนหนึ่งเสียง เสมอภาคกัน เป็นความถูกต้อง
คุณภาพของการคิด การแสดงออก และการรักษาสิทธิของตนเองของคนไทยแตกต่างกับชาวตะวันตก
ที่เจริญแล้ว เช่นชาวยุโรป ชาวอเมริกัน และชาวญี่ปุ่น เป็นต้น...


ถ้าไม่พูด'รากหญ้า' ก็ขอวิจารณ์ สส.อิสานที่เป็นคนชั้นนำ มีคุณภาพ มีคุณธรรม
และจริยธรรมต่ำกว่า สส.ภาคอื่น โดยเฉพาะกรุงเทพฯและภาคใต้.....

ปล. จะว่า สส.กทม.ไร้คุณภาพ ไร้คุณธรรม และไร้จริยธรรม มีไหม... :?:

มีให้เห็นโดยเฉพาะ รัฐมนตรีรัฐบาลนอมินี ไม่ว่าจะเป็น' เหลิม ดาวเทียม' 'ทนายหน้าหอ' เป็นต้น






หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-03-2008, 00:40
ทั่นหมักเป็นคนกรุงเทพฯ ส่วนทั่นเหลี่ยมเป็นคนเชียงใหม่ แต่ได้รับเสียงท่วมท้นจากภาคอีสาน  :mrgreen:

อ่านที่ท่านเจ้าของกระทู้ว่ามาแล้ว ส่วนตัวไม่ทราบชัด แม้ได้ไปอีสานประจำ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในตัวจังหวัดซึ่งมองแบบผ่าน ๆ ก็เจริญรุ่งเรืองดี  เลยสงสัยว่า ถ้าแก้ภัยแล้งซ้ำซากของอีสานได้ มันคงจะช่วยให้เขตชนบทของอีสานดีขึ้นหรือป่าว นโยบายลดแลกแจกแถมก็อาจจะได้ผลน้อยลง

แต่มีหลายข้อที่วิจารณ์นั้น ตรงกับคนรุ่นอากงอาม่าเมื่อหลายสิบปีก่อนใช้ตำหนิคนที่พวกท่านเรียกว่า "ฮวงนั้ง" อยู่เหมือนกัน ในขณะที่พวกท่านก็จะถูก "ฮวงนั้ง" เรียกว่า "เจ๊ก" บางข้อยังมีผลจนถึงทุกวันนี้

ทำนองเดียวกับที่คนผิวสีในอเมริกาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนผิวขาวด้วยกระมัง  ส่วนคนผิวขาวก็ตกอยู่ในสภาพที่ถูกวิจารณ์ไม่ต่างกัน  :mozilla_sealed:

หลายปีก่อน ได้อ่านหนังสือแปลเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า "จีนอัปลักษณ์" เขียนโดยคนจีนแผ่นดินใหญ่แท้ ๆ  อ่านแล้วนึกว่าเป็นผู้คนในประเทศสารขัณฑ์เสียอีก แต่ความจริง มันก็เป็นคุณลักษณะด้านลบของมนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: (ก้อนหิน) ละเมอ ที่ 05-03-2008, 01:49
ผมก็คนอีสาน แล้วก็เห็นถึงสภาพจริงหลายๆ อย่างเป็นอย่างที่ จขกท. บอกแทบทั้งสิ้น
- รสนิยมหาผัว(สามี)ฝรั่ง
- กินเหล้า ฉลองบ่อย
- เล่นการพนัน ไม่ค่อยอดออม
- ทำงานหนักจริง แต่ก็ใช้หนัก เงินก็ไม่เหลือ
- ชอบพึ่งพิง ว่างๆ ก็ก่อม็อบมาขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ
- ไม่มีหัวคิดพัฒนา รู้ว่าปีนี้พืชอะไรราคาดี ก็จะแห่กันไปปลูก แล้วราคาก็ตก (ตามอุปสงค์-อุปทาน) แล้วก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคา
ฯลฯ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 02:53
เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้ แค่หัวกระทู้ก็คิดเอง เออเอง ว่าไปเรื่อย มันเลยไม่มีค่าพอที่จะร่วมเสวนา

ไม่มีใครเค้าจะรุมด่าคุณหรอกถ้าสมองคิดได้แค่นี้ก็ต้องปลงๆ กันไป

เท่าที่ผมอ่านกระทู้นี้คิดว่าเจ้าของกระทู้ยังต้องเรียนต้องอ่านอีกเยอะครับ

ท่าทางจะยังไม่จบมัธยม

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเมือง อะไรคือปัญหาทางการเมืองและทำไมต้องหลีกเลี่ยง

คนอีสานทุกระดับ พวกไหนบ้าง ใครคิดว่าตนเองมีบุญคุณกับคนกรุง ช่วยหาที่อ้างอิงมาให้หน่อย

แบบนี้เรียกตั้งกระทู้พล่อยๆ ไร้สาระ ไม่มีที่มาที่ไป


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 03:14
อ้อ..คนอีสานพวกไหนส่ง SMS

คนอีสานพวกไหนวิพากษ์วิจารณ์ตามหนังสือพิมพ์

ถามจริงๆ ว่ารู้จักอีสาน คนอีสาน ความเชื่อ การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ทัศนคติ ความเชื่อ ระบบอุปถัมป์ ในอีสานดีพอหรือยังถึงกล้าวิพากษ์แบบนั้น

สงสัยไปทะเลาะกับเด็กมัธยมมาใช่มั๊ย สารภาพมาซะดีๆ อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 09:11
นั่น...ลุงแคนเข้ามาตะแบงอีกตามเคย... คนอีสานก็ล้อมรอบตัวผมอยุ่นี่แหละ...รอบบ้าน รอบคอนโด ในรถแท็กซี่ ในที่ทำงาน ผมไม่ต้องไปหาไกลหรอก กรณีศึกษามันอยู่รอบตัวนี่แหละ แค่ลุงถอดแว่น "หลงลาว" ของลุงออก ก็จะมองเห็นภาพเดียวกัน

…ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันเยอะกว่าที่คิดไว้ครับ

ผมไม่มีความสามารถที่จะเอาหัวมุดตำรา พล่ามทฤษฎีออกมาเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แต่ผมยึดสิ่งที่เห็นอยู่ใน REAL WORLD และเชื่อว่า "วิถีประชา" เป็นปัจจัยสำคัญในพัฒนาการของสังคมที่ไม่อาจมองข้าม และสถาบันครอบครัวที่เป็นหน่วยย่อยที่สุดในสังคม มีความสำคัญที่สุดในการพัฒนาของชาติ นั่นก็คือผมเชื่อในการพัฒนาแบบ Bottom Up มากกว่า Top Down อย่างที่หลายๆคนเป็นกัน ผู้นำประเทศหรือนักวิชาการทำได้แค่ชี้นำ อยู่ที่ประชาชนว่าจะฉลาดหรือโง่พอที่จะเชื่อ และมีความสามารถพอที่จะเดินตาม หรือจะหยุดเดินในกรณีที่ถูกชี้ไปลงเหวไหม

และที่สำคัญ เท่าที่มองเห็น พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นระดับครอบครัวไปจนถึงระดับชาติ จะต้องอาศัยคนอย่างน้อยสามรุ่นคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจีนไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี หรือเพื่อนใกล้ๆตัวเราอย่างเวียดนาม

เราจะเห็นคนจีนรุ่นปู่รุ่นบุกเบิกที่อดทน เสียสละ ทำงานหนักวางรากฐานให้กับคนรุ่นถัดไป ที่ชีวิตไม่เคยพบกับความสุขสบาย กินแค่ข้าวต้มกับก้อนกรวดต้มเกลือ คนญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกที่อดทนทำงานหนัก คนสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวันรุ่นแรกๆที่เป็นแค่กุลีแรงงานราคาถูก คนเกาหลีและเวียดนามที่เจ็บปวดจากสงครามแบ่งแยกประเทศ และรุ่นถัดมาคือรุ่นที่ต้องตื่นแต่เช้า อดทนทำงานร่วมกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ เรียนรู้งานเพื่อขยับขยายกิจการ แม้จะสบายขึ้นบ้างแต่ก็ยังเหน็ดเหนื่อย จนมาถึงรุ่นลูกที่มีกิจการฐานะมั่นคง

พวกเราชนชั้นกลางคนไทยเองก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน เราก็มีคนรุ่นปู่ย่าที่เป็นชาวไร่ชาวนา ข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่เห็นความสำคัญของการศึกษา กระเบียดกระเสียนเอาเงินทองที่หาได้ยากในต่างจังหวัด ซึ่งจะด้อยค่าลงอีกเมื่ออยู่ในเมืองกรุง ให้รุ่นพ่อแม่ คือรุ่นคนอายุ 30-50 ปีเข้ามาเรียนในตัวเมือง ในเมืองกรุง และคนรุ่นเรานี่แหละที่อดทน อดออม ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน ตั้งใจทำงาน ไม่ให้ทรัพยากรที่คนรุ่นปู่ย่าส่งมาให้ต้องสูญเปล่า จนสร้างฐานะรากฐานที่มั่นคงให้กับคนรุ่นลูกหลานต่อไป คนรุ่นลูกจึงมีหน้าที่แค่เรียนหนังสือ จบไปทำงานสูงๆได้โดยไม่ต้องลำบาก เพราะความเสียสละของคนรุ่นแรก ความอดทนและอดออมของคนรุ่นที่สอง ดังที่ได้กล่าวแล้ว

คราวนี้มาถึงคนระดับรากหญ้า เอาเถอะ อาจจะมีคนบางกลุ่มที่เข้าไม่ถึงโอกาส ที่ลำบากจริงๆ ซึ่งผมไม่รวมพวกท่านเข้าในกลุ่มที่จะกล่าวถึง แต่จุดเริ่มต้นของคนรุ่นปู่ย่าของท่านรากหญ้าทั้งหลายก็ไม่ได้ต่างจากคนรุ่นผมหรอก ปู่ย่าตายายของผมก็เป็นชาวไร่ ชาวนา หรือชนชั้นกลางระดับล่างสุดเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันก็คือขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มเติบโต คนรุ่นปู่ย่าของท่านส่งคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เข้ากรุงมาเพื่ออะไร มาเพื่อศึกษา มาเพื่อหางานทำหาโอกาสก้าวหน้า หรือมาแค่กอบโกยทรัพยากรอย่างเดียว

โอกาสทางเศรษฐกิจของไทยไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว แค่เฉพาะยุคคนรุ่นเรา นับจากการเติบโตแบบวูบวาบแถวอุดร อุบล ช่วงสงครามเวียดนาม ช่วงแรงงานไทยทะลักไปตะวันออกกลาง ช่วงเศรษฐกิจไทยโชติช่วงชัชวาลสมัยพลเอกเปรม ช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่สมัยชาติชาย ช่วงแรงงานไทยทะลักไปญี่ปุ่น ภาพที่ผมเห็นคือแรงงานรากหญ้าปริมาณมหาศาลที่โถมเข้าใส่แหล่งทรัพยากรราวกับฝูงตั๊กแตนปาทังก้า อีกภาพคือสาวรากหญ้าจำนวนมากมายที่หลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจค้ากาม ทุกแหล่งที่ทรัพยากรไปกระจุกตัวอยู่ 

แต่ทรัพยากรที่ได้มาแต่ละครั้งมันหายไปไหน ก็ถูกส่งกลับไปยังครอบครัว ส่งไปเลี้ยงคนรุ่นปู่ย่า  ด้วยข้ออ้างของความกตัญญู เลี้ยงดูญาติมิตรเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ทำงาน โดยข้ออ้างของความมีน้ำใจ ตลอดจนลูกหลานที่บ้าน โดยไม่คิดจะนำไปต่อยอด ที่เหลือก็ถูกใช้หาความสำราญอย่างฟุ่มเฟือยโดยข้ออ้างของคนสุขนิยม  คลับ บาร์ ร้านลาบส้มตำ ร้านคาราโอเกะ การพนัน แถวภาคอีสาน หรือบ้านหลังใหญ่โตที่พ่อแม่ได้จากการค้านาผืนน้อยของสาวดอกคำใต้ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็น ทรัพยากรและพลังงานของคนรุ่นที่สองที่ควรจะถูกใช้เพื่อพัฒนาอนาคตของชาติ ก็ถูกทั้งคนรุ่นแรก รุ่นที่สอง และการผสมโรงของรุ่นที่สาม ละลายหายไปในลักษณะนี้

...ในวันที่เนชั่นถูกล้อม ผมยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นอกบริษัท มองคนหน้าตาท่าทางบอกชัดเจนว่าเป็นคนท้องไร่ท้องนา ยืนจับมือกันล้อมหน้าบริษัท สายตามองเด็กสาวหน้าใส ผิวพรรณดี ในชุดพนักงานออฟฟิศสะสวยในบริษัทด้วยท่าทางชื่นชมระคนริษยา และท่านคงเชื่อสนิทใจตามที่ถูกผู้นำซากเดนคอมมิวนิสต์ปลุกระดมมาว่านี่คือลูกหลานของนายทุนขุนศึก ชนชั้นศักดินา มูลนาย ที่กดขี่ข่มเหงท่าน ท่านถึงได้เคียดแค้นถึงขนาดไม่ยอมให้ผู้หญิงท้องและผู้หญิงป่วยออกจากบริษัทไปหาหมอ  แต่ท่านรู้ไหมว่า เด็กๆพวกนั้น จริงๆแล้วก็คือคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่มีปู่ย่าตายายที่ผิวพรรณดำเกรียม มือเท้าหยาบกระด้าง ไม่ต่างจากพวกท่านในวันนี้ แต่ปู่ย่าของพวกเรายอมเสียสละเงินทอง เสียสละความสุขส่วนตัวที่ควรจะได้กินของดีๆ ได้อยู่บ้านหลังโตๆ เจียดเงินส่งคนรุ่นพวกเรา ที่นอนห่มจีวรพระ กินข้าวก้นบาตร นุ่งกางเกงตูดขาดไปโรงเรียน ขยัน อดทน และอดออม จึงได้มีพวกเขาคนรุ่นใหม่ที่แวดล้อมด้วยความสุขสบายในวันนี้

...หากท่านจะกล่าวโทษ ก็จงกล่าวโทษคนรุ่นปู่ย่าท่านเถิดที่เห็นแก่ความสบายเฉพาะหน้า โทษคนรุ่นท่านเถิดที่เห็นแก่ความสนุก และความสุขเฉพาะหน้า ไร้วิสัยทัศน์ที่จะอดออมไว้เผื่ออนาคต ทำให้คนรุ่นลูกหลานของท่านเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอนในวันนี้ และสืบทอดความเป็นรากหญ้าต่อไป

...และขอฝากว่า ถ้าว่างๆ (และอ่านหนังสือออก) ก็อย่าลืมหานิทานอีสปเรื่องตั๊กแตนกับมดง่ามมาอ่านซะบ้าง...จะได้หายฟุ้งซ่าน




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 05-03-2008, 09:34
สุสูสัง ลภเต ปัญญัง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 09:45
...อันนี้ถึงลุงแคนโดยเฉพาะ

ผมไม่อ่านคอมเมนท์ของลุงหรอก เพราะขี้เกียจเสียอารมณ์กับอาการ "หลงลาว" ของลุง เวลาที่ลุงมีอาการแบบนี้ ลุงจะเสียฟอร์มมาก เหมือนผู้เฒ่าวัยทองประจำเดือนไม่มาไม่มีผิด ลุงเป็นนักวิชาการนะครับ เวลามองภาพประเทศไทยก็ควรมองให้ทั่ว แสดงความเห็นให้มีมาด อย่าใช้วิธีแบบนังอะไรจ๊ะ ระดับลุงน่ะไม่ได้โลว์ขนาดนั้น อย่าโคลสอัพไปที่อีสานอย่างเดียว เราคือคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องรับผิดชอบประเทศไทยร่วมกัน เรื่องหลงลาวนะ ยกให้หม่ำจ๊กมกคนเดียวก็เกินพอแล้ว แล้วที่มีปัญหากันอยู่ในตอนนี้ ก็มาจากคนบ้านลุงน่ะแหละ ถึงจะเสียหน้าหน่อย ยอมรับมันอย่างลูกผู้ชายไม่ดีเหรอ เราจะได้เดินหน้าไปด้วยกันได้ ไม่ใช่อ้างทฤษฎีนี่โน่นชวนกันให้หลงทางอยู่นั่นแล้ว ผมว่ากรณีแบบนี้ผมคุยกับลุงถึก สไลเดอร์ง่ายกว่านะ เพราะอย่างน้อยลุงถึกแกก็ยอมรับความจริง

แล้วก็อย่ายกทฤษฎีโน่นทฤษฎีนี่มาคุยกับผมเลย แค่อ่านของพวกนิธิ พวกมติชนนี่ผมก็เบื่อแทบจะอ้วกอยู่แล้ว ผมก็แค่เก็บข้อมูลใกล้ตัวนี่แหละ อย่างเรื่องเมียยกเครือญาติมาถล่มผัวเนี่ย แค่เคสเครือญาติลูกน้อง หรือคนเช่าบ้านเนี่ย รวมๆก็เกือบ 20 เคสเข้าไปแล้ว ที่หมาดๆนี่เลย ผัวไปทำงานโคราช เมียอยู่บ้านแอบคืนดีกับผัวเก่า ผัวใหม่เลยไม่ยอมส่งค่าเช่าบ้านให้ คนบ้านลุงเหมือนกันและ REAL WORLD ของจริง เล่นจริงเจ็บจริง ดีแต่ไม่มาฆ่ากันในบ้านเช่าผม

ผมเป็นคนขี้เกียจขับรถ เวลาไปไหนมาไหนผมก็นั่งแท็กซี่ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็ชอบคุยกันทุกครั้งที่ขึ้นรถ ก็ได้ข้อมูลมาเพียบ แท็กซี่หลายคนที่ผมถามว่าทำไมไม่กลับบ้านช่วงปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา เค้าสารภาพว่าไม่อยากกลับเพราะเวลากลับทีต้องซื้อของฝากญาติคนโน้นคนนี้ หมดเงินเป็นหมื่น แล้วกลับไปก็นั่งๆนอนๆไม่ได้ทำอะไร มีแต่คนมาตะโกนชวนกินเหล้า พอเช้าก็ตั้งวงกันแล้ว แถมขนาดในหมู่บ้านชนบท เดี๋ยวนี้มีการสั่งแกงถุงส่งตามบ้านถุงละ 10 บาทกันแล้ว ผมฟังแล้วยังอึ้ง พนักงานบริษัทอย่างพวกเรา ที่กินข้าวราดแกง หิ้วแกงถุงกันเพราะต้องเอาเวลาไปทำงาน หรือเหนื่อยจากการทำงาน มันก็ให้อภัยได้ แต่คนต่างจังหวัดที่มีเวลาเหลือเฟือ กินแกงถุง ฟังแล้วมันเกินไปมั้ยล่ะ

ลูกน้องในกองผมคนหนึ่ง มีเมียเป็นคนอุตรดิษฐ์ มันบอกว่าพ่อตาแม่ยายมันใช้เงินแค่เดือนละ 500 บาท เพราะปลาก็มีในบ่อ ผักก็มีชายรั้ว เดือนๆไม่รู้จะซื้ออะไร แต่ถ้าอยู่ชนบท แต่ยังซื้อแกงถุงๆละ 10 บาท มื้อนึงก็ 30-40 บาท วันละร่วมร้อยบาท เดือนนึงก็สามพัน ถามหน่อยว่าชาวไร่ชาวนามีรายได้ให้ใช้ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ แถมค่าเหล้าที่ตั้งวงกันทุกวัน แต่ละเดือนปาเข้าไปเท่าไหร่ ห้าพันหกพัน คนอีสานรวยขนาดนั้นเชียวหรือ

ตอนนี้ผมบริจาคทุนการศึกษาให้เด็กแถวภาคกลางตอนเหนือ 2 คน เดือนละ 450 บาท ผมแทบยังไม่อยากเชื่อว่าเงินแค่ไม่ถึงพันของผมจะสำคัญกับอนาคตเด็กสองคนถึงขนาดนั้น  แล้วเงินห้าหกพันที่ผลาญไปกับความสะดวกสบายที่ทำเองก็ทำได้ มันจะดีกว่าไหมถ้าเอาไปใช้กับอนาคตของลูกหลาน

ขณะที่มองภาพหนึ่ง เราก็ไม่ควรลืมมองภาพย้อนกลับด้วย อย่างคุณไปอีสาน มีคนเอาแกงวัวแกงควายมาให้กินทุกวัน ขณะที่ปลาบปลื้มกับน้ำจิตน้ำใจของเขา ลุงก็ควรจะมองย้อนกลับไปด้วยว่ามันเอาวัวเอาควายที่ไหนมาแกงนักหนา แล้วมันจะเอาวัวควายที่ไหนไถนา...ต้องมองให้ครบ 360 องศา ถึงจะสมเป็นนักวิชาการ

ผมเป็นแค่พนักงานบริษัท ขี้เกียจทะเลาะกับนักวิชาการอย่างลุง แต่ผมว่าพักนี้พวกนักวิชาการจะเอาหัวซุกตำราพล่ามไม่ยอมดูสิ่งรอบข้างกันเป็นแถวๆ จนบ้านเมืองจะชิบหายอยู่เนี่ย

...ตอนที่ลุงพาลทะเลาะกับคนใต้ในบอร์ดนี้ครั้งที่แล้ว ผมไปเที่ยวเชียงคานซะเลยไม่ได้แจมด้วย ดูลุงดี๊ด๊ามากเลยนะครับ เสียด๊าย ผมไม่อยู่
ไม่งั้นงานนี้มีแหล่ม...

...แต่ผมไม่ทะเลาะกะลุงละ เสียงาน... ถึงจะเกลียดรากหญ้า แต่ไงๆผมก็รักลาวแบบลุงนะ...จุ๊บๆ....



 :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 05-03-2008, 09:51
เท่าที่สัมผัสมา เชื่อว่าที่เขียนมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ว่าไม่รู้ว่า
จำนวนมากน้อยแค่ไหน แต่ขอเพิ่มเติมว่า เรื่องที่ล้มทับญาติที่มี
รายได้ดี ได้ยินแทบทุกภาค ยกเว้น ภาคใต้เท่านั้นที่ยังไม่เคยได้ยิน
ลองหาประวัติพวกนักร้อง ตลก ดูสิ เมื่อมีเงินเมื่อไหร่ เป็นต้องถูกญาติ
ล้มทับ เข้ามาเกาะวันๆ ไม่ทำอะไร

ส่วนเรื่องม๊อบเนชั่น อันนี้เห็นชัดอยู่แล้ว เพราะนักข่าวไปถามออกทีวี
เลยนะครับ ประท้วงเนชั่น บ.ทำถ่านไฟฉาย ม๊อบอีสานมันเลยไม่มีค่า
ในสายหลายๆ คน เพราะมันแยกไม่ออกว่า ม๊อบของจริง หรือม๊อบรับจ้าง

คนอีสานเหมือนคนโง่ ไม่ใช่เพราะคนอื่นไปสวมเขาให้หรอก แต่เป็นพวก
เดียวกัน สวมเขากันเองมากกว่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 10:14
...แล้วก็อันนี้ขอแย็ปสกัดหนึ่งหมัด เพื่อปลดการ์ดและสกัดไม่ให้ลุงแคนไม่ทันปล่อยหมัดชุดต่อไป...

ทฤษฎีภาคสังคมอะไรทั้งหลายแหล่ มันก็แค่ความคิดของนักวิชาการที่แต่ละคนคิดขึ้นมาเอามาเถียงกันโก้ๆ ขืนมัวแต่งัดทฤษฎีมาคุยกัน ลงท้ายก็แค่เป็นการผลัดกันสำเร็จความใคร่ทางวิชาการ ต่างคนต่างก็มานั่งชื่นชมยกยอปอปั้นกันเอง เห็นแล้วชวนให้คลื่นเหียนเปล่าๆ

พนักงานบริษัทอย่างผมขอเสนอแค่สองคำก็คือ "จุดสัมผัส" และ "ผลสัมฤทธิ์"

ทฤษฎีจุดสัมผัสก็คือไม่ว่าหน่วยสังคม หน่วยงาน หรือหน่วยธุรกิจของคุณ ต่อให้มันดีเด่ วิลิศมาหราขนาดไหน แต่เมื่อมันไปปะทะกับสังคมอื่นแล้วเกิดเสียดทาน เกิดปัญหาขึ้นมา ก็ต้องมาทบทวน พิจารณาว่าจะปรับโครงสร้างทั้งหมด หรือหากคิดว่าดีแล้ว ก็ปรับเฉพาะตรงส่วนจุดสัมผัสกับต่างสังคม ไม่ให้มันเกิดความขัดแย้ง

สมมุติว่ากองของผม ใช้สไตล์งานแบบสตีฟ จ๊อบ ใส่เสื้อยืดมาทำงาน ไม่ต้องตอกบัตรเข้า ทำงานสบายๆ ประชุมแบบเดินไปคุย ซึ่งผมชอบของผมแบบนี้ แต่ถ้าผมไปประชุมกับแผนกอื่นที่เค้าเฮี้ยบ ผมก็ต้องยอมใส่สูท กลับมาอยู่ที่กองผมก็ถอดสูทใส่เสื้อยืดตามเดิม

หรืออย่างครอบครัวคนอีสานที่ลุงมองว่าดีเลิศประเสริฐนัก มีการเอื้ออารี พึ่งพากันแปดทิศ ลุงชอบแบบนี้ แต่ขณะที่สาวอีสานไปมีแฟนหนุ่มภาคอื่นที่วัฒนธรรมต่างกัน ลองดูหน่อยว่าเล่นขนไปพึ่งกันทั้งครัวแบบนั้น คนสังคมแบบอื่นเค้าจะร้องจ๊ากหรือเปล่า... ในส่วนตัวผมเอง สาวอีสานต่อให้หยาดฟ้ามาดินขนาดไหน ผมก็พูดตรงๆว่าต้องขอบาย ไม่ใช่รังเกียจ แต่กลัวระบบครอบครัวของอีสาน ผมไม่อยากลดฐานะและศํกดิ์ศรีปัจเจกชนของผมลงไปเป็นแค่ตัวปั๊มเงินให้กับระบบพึ่งพา อันนี้ก็ต้องปรับ พึ่งพาแต่พองาม เฉพาะเวลาจำเป็น จะได้ไม่หมางน้ำใจกัน

ทฤษฎีผลสัมฤทธิ์ก็คือ ต่อให้ตัวคุณ หน่วยงานของคุณ หน่วยสังคมของคุณ ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน แต่หากมันพาองค์กรโดยรวมไปถึงเป้าหมายไม่ได้ มันก็ไร้ประโยชน์

สมมุติว่าเป็นลุงเป็นพ่อที่ดี ตอนเช้าลุงไปส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน ตอนเย็นลุงไปรับลูกรับเมีย แถมทำกับข้าวเช้าเย็น ซักผ้าให้ด้วย แต่ลุงตอกบัตรสาย แถมแว้บกลับบ้านก่อนทุกวัน บริษัทเค้าจะเลี้ยงลุงไว้มั้ย ถามจริง? อ้อ ลืมไป ลุงเป็นคอลัมน์นิสต์นี่นะ นั่งทำงานอยู่บ้านก็ได้ ถึงไม่เข้าใจระบบสังคมเมือง สังคมคนทำงาน

ก็เหมือนกัน ต่อให้สังคมอีสานที่ลุงชื่นชอบดีขนาดไหน แต่เมื่อมันเข้ามารวมกับสังคมภาคอื่นที่มีลักษณะแตกต่าง ถ้ามันกลายเป็นตัวถ่วง ตัวผลาญทรัพยากร ตัวยับยั้งความก้าวหน้า แถมจะลากประเทศไปลงเหว ลุงจะยอมรับความจริงและปรับเปลี่ยนมั้ยล่ะ

...แล้วว่างๆ ลุงดูทีวีซะมั่งนะ ไอ้ SMS ที่ว่ามันคือข้อความโง่ๆที่วิ่งอยู่ข้างล่างที่เห็นแล้วจี๊ดทุกทีน่ะ แล้วก็ข้อความตอบจดหมายจากบก.ในหน้าแรกของนิตยสารรายสัปดาห์ด้วย อ่านแล้วจี๊ดดีเหมือนกัน...

...เอาแค่นี้แหละ พอหอมปากหอมคอนะครับลุง!
 :slime_v:

สำหรับท่านอื่นๆ สังคมรากหญ้ามีในทุกภาคละครับ แม้แต่ภาคใต้ก็มี แต่มันไปกระจุกตัวที่ภาคเหนือตอนบนกับภาคอีสานใต้เยอะเป็นพิเศษเท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 10:42
ตาบอดคลำช้าง เจอหางก็บอกว่าช้างเป็นเส้นๆ

มายาคติ เห็นรูปดโป๊ก็เกิดอารมณ์

ถ้าใช้ระนาบความรู้สึกไปวัดคนอื่น ก็รังแต่จะแตกแยกเพราะความปากเปราะ

ถ้าไปพูดลักษณะนี้ที่ชายแดนใต้ สงสัยได้กินกระสุนปืนแทนข้าว ว่ามั๊ย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 05-03-2008, 10:58
ลุงแคน ยืนยันใช่ไหม สิ่งที่พบเห็นมา เป็นเพียงแค่มายาคติ
ไม่มีคนอีสานคนใดที่เป็นอย่างที่พบเห็น!!!!

ม๊อบอีสานที่มาลุยเนชั่น มาเพราะใจ เพราะต้องการประท้วง
เนชั่น ไม่ใช่ประท้วงโรงงานถ่านไฟฉาย!!!!


ใครที่หลงในมายาคติ ซักงงซะแล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 11:19
...เถียงข้างๆคูๆอีกตามเคย

ไม่ต้องไปพูดแถวชายแดนใต้หรอก แถวนั้นพี่ๆผมไปซะเบื่อแล้ว

ปัญหาในตอนนี้อยู่ที่ว่าคนบ้านลุงตีความหมายของคำว่า "ความเจริญ" ว่ายังไง

แล้วอย่าลืมว่า "ความเจริญ" ที่พูดถึง ไม่ได้มาจากต้นทุนของคนบ้านลุงอย่างเดียว
แต่มาจากคนทั้งชาติ เพราะคนบ้านลุงอย่างเดียวไม่มีปัญญาทำเองหรอก ภาษีแค่จึ๋งเดียว ตังค์ก็เอาไปเลี้ยงแม่ยายหมด

ความเจริญในสายตาของคนบ้านลุง เท่าที่เห็น และถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นการเมืองโดยฝ่ายรัฐบาลหรือนักวิชาการบ้านลุง
มันไม่ใช่ "ความจำเป็น" แต่เป็น "ความสะดวกสบาย" ที่อยากมีเท่าคนเมือง อยากมีทีวี อยากมีตู้เย็น อยากมีมือถือ
อยากมีรถยนตร์ นานๆไปก็คงอยากมีไอพ็อด อยากมีทีวีแอลซีดี มั้ง เพราะความโลภของคนมันไม่สิ้นสุดหรอก
และมันก็คงไม่ผิดถ้าซื้อหาด้วยต้นทุนของตัวเอง

และความเจริญในสายตาของนักวิชาการบ้านลุง ที่เห็นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ต่างไปจากการนำเอาแหล่งงาน
เอาแหล่งรายได้ อย่าง รถไฟสี่ราง โรงงาน ลงไปสู่ภาคอีสาน ซึ่งแน่นอน ก็อยู่บนต้นทุนของคนทั้งประเทศเช่นกัน

แต่อยากถามหน่อยว่าลุงเคยได้ยินคำเรียกร้องในลักษณะเดียวกันนี้จากคนภาคอื่นไหมครับ
มีแต่คนที่ปฏิเสธ ไม่อยากได้โรงงาน ไม่อยากได้โรงไฟฟ้า ถ้าขอก็แค่ถนนดีๆ โรงพยาบาลดีๆก็พอ
ไม่ว่าจะเป็นคนภาคกลาง ภาคใต้ หรือคนภาคเหนือที่มีความคิด ก็ตะขิดตะขวงใจที่จะเอาเมืองไป
สวมให้กับชนบทของพวกเขา เพราะตัวเมืองเอง ก็เป็นสังคมที่อุดมไปด้วยคนแปลกหน้า เต็มไปด้วยสารพัด
ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่สุดท้ายคนท้องถิ่นก็จะต้องย้ายหนี
เปิดทางให้กับคนต่างถิ่น สภาพเช่นเดียวที่เกิดกับกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ในขณะนี้

ซึ่งความคิดที่ผ่านมา มันก็พิสูจน์ตัวเองถึงแนวคิดของคนอีสาน ไม่ว่าจะเป็นรากหญ้า หรือนักวิชาการ
ความเจริญ ก็คือแหล่งทรัพยากร แหล่งจับปลา แหล่งกอบโกย ซึ่งผมเองไม่เห็นว่ามันจะต่างอะไรกับ
แคมป์ทหารอเมริกายุคสงครามเวียดนาม ไซต์งานที่ซาอุ โรงงานในกรุงเทพฯ ต่างกันก็เพียงแค่
มันอยู่ใกล้บ้านกว่าแทนที่จะอยู่ต่างถิ่นแค่นั้นเอง และถ้าตลาดของอุตสาหกรรมนั้นปิดตัวลง ต่อให้โรงงานนั้นตั้งอยู่หน้าบ้านลุง
มันก็ไร้ประโยชน์ และสิ่งที่มันทิ้งไว้ให้คือมลพิษ ปัญหาสังคม และเมืองร้าง
คนภาคอื่นที่เขารู้ปัญหา เขาถึงกันให้มันอยู่ไกลๆ อยู่ในโซนของมันก็พอไงครับ

และตราบใดที่คนรากหญ้า ยังสนุกอยู่กับเศรษฐกิจแบบได้มา-จ่ายไป ไม่มีการออม เมื่อวันที่งานเลี้ยงเลิกรา
บ่อน้ำเหือดแห้ง ต่อให้โรงงานเป็นพันๆโรง รถไฟสี่รางกี่สายในอีสานก็ช่วยไม่ได้ คนที่จะอยู่รอดก็เพียงคนที่เก็บผักริมรั้ว
จับปลาในบ่อ ใช้เงินเดือนละ 500 บาทเป็นเท่านั้นแหละ (ผมโดนคนขับแท็กซี่บ้านลุงหัวเราะเยาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงใส่หน้าหลายหนแล้ว)

...แล้วก็ถ้าจะเถียงแบบงอนๆแบบนี้อีก

เราก็ต่างคนต่างหลับตาคลำช้าง มองความจริงคนละด้านเหมือนกันละลุง
ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับความจริงอีกฟาก เราก็ไม่มีวันได้เห็นช้างทั้งตัว
ผมอาจจะคลำหาง แต่ผมเห็นนะว่าลุงกำลังคลำไข่ช้างเพลินอยู่ เพราะช้างหางชี้สั่นดิ๊กๆเลย

แล้วก็ความจริงเป็นสิ่งระคายหูเสมอ... แต่พูดแบบผมแถวชายแดนใต้น่ะไม่ได้กินกระสุนปืนแทนข้าวหรอก
แต่ไปกินเหล้าเมายาแล้วร้องเพลงหนวกหูชาวบ้านต่างหากล่ะ...ตายไปแปดศพแล้ว
คนบ้านลุงน่ะ ชอบนักละ เรื่องเมาแล้วร้องเพลงหนวกหูแบบเนี้ย...เตือนๆกันเองดีกว่ามั้ง...ฮิๆ

 :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 05-03-2008, 11:22
ที่พบเจอก็แบบที่คุณ isa บอกมาทั้งนั้น   ไม่รู้ว่าเค้าเป็นพวกส่วนมากหรือส่วนน้อย ของคนอีสานเหมือนกัน

รู้แต่ว่า ความคิด และวัฒนธรรม แบบนี้ ที่พบเจอมา มันจะทำให้ ประเทศ ไม่รอด และแย่ในระยะยาว 

อย่าว่าแต่อีสานเลย  แถว สวน ของผมภาคกลาง ก็ชักจะคล้ายๆ กันละ เมื่อก่อนไม่เป็นเดี๋ยวนี้ รู้สึกชักเริ่มคอยเศษเงินมากขึ้นเรื่อยๆ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 11:33
ฮั่นแน่...ถามหาคำจำกัดความเชียว

คิดเองเออเอง ว่าคนนั้นคิดยังงั้น คนนี้คิดยังงี้ เป็นพยาธิในท้องเค้าเหรอ

ตกลงรู้หรือยังช้างตัวเหมือนอะไร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 12:53
ฮั่นแน่...ถามหาคำจำกัดความเชียว

คิดเองเออเอง ว่าคนนั้นคิดยังงั้น คนนี้คิดยังงี้ เป็นพยาธิในท้องเค้าเหรอ

ตกลงรู้หรือยังช้างตัวเหมือนอะไร

ช้างก็ตัวเหมือนคนอีสานไงล่ะ



...เดินดุ่ย ๆ ตามคำบัญชาของคนเลี้ยงเข้ามาในเมืองใหญ่
...เป็นช้างขอทาน  ที่ทำงานให้คนเลี้ยงซึ่งแท้แล้วเป็นเพียง "คนกินแรงช้าง"
...บ้างก็ขี้โรคผอมโกรก - ขี้หูขี้ตาแฉะ  แถมยังต้องเสี่ยงชีวิตถูกรถชนแข้งขาหัก
...ทั้ง ๆ ที่ตัวเองหิวจะตายห่-  แต่กลับต้อง "หาเงินให้ไอ้คนเลี้ยง" ที่นั่งขี่สบาย ๆ อยู่บนคอ
...เข้ามาตัวสองตัวยังพอทำเนา  นี่เหมากันเข้ามาทั้งจังหวัด  มากเข้าก็ทำเอาการจราจรติดขัด  ผู้คนด่ากันพรึม

แต่ไอ้พวกคนเมืองก็ต้อง "รู้สำเหนียกและรู้สำนึก" ในบุญคุณ "ช้าง" ใช่ไหม ?
...ท่านอุตส่าห์สร้างบ้านสร้างเมืองให้ไดมีที่้ซุกหัวอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
...ท่านจะขี้เยี่ยว หรือตกมัน ไล่กระทืบไล่เหยียบบ้าง  ก็อย่าไปโกรธขี้งโกรธเคือง
...ช้างเป็นสัตว์วิเศษ และมีบุญคุณเหนือ "คนไทยทั้งหมดทั้งมวล" นั่นล่ะ
...แม้ว่าตัวไหนจะไม่เคยออกรบกับพม่ารามัญ  ไม่เคยชักลากซุงออกจากป่า  ก็ต้องเป็นลูกหลานเหลน "วีรคชา - บรรพช้าง" ทั้งนั้น
...ไอ้พวกคนเมืองไม่อยาก่ไหว้ก็ไม่่ว่ากัน  แต่พวกมึงไม่มีสิทธิมาสั่งสอนตักเตือนกูนะโว้ยยย

บัดนั้นแล้ว...
ช้างก็ยังคงต้องเดินโต๋เต๋  ร้อนตัว - ร้อนตีน เป็น "ขอทานเลี้ยงนาย" อยู่ในเมืองใหญ่ อีกต่อไป


เอ้า...เชิด ( มาไงหว่า )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 13:05
มีตาก็พร่ามัว ไม่เคยมองอะไรด้วยตาสองข้าง

ม้อบพันธมิตรที่เข้มแข็ง ไม่ใช่อีสานเหรอ ไหงไปมองแค่ม้อบจตุจักร

ม้อบขี้หมาที่สนามหลวงไม่ใช่พวกกรุงเทพเหรอ

พวกลิ่วล้อเล่นเน็ตในราชดำเนินเป็นไงบ้าง

พวกตาบอดคลำช้างก็แบบนี้แหละ

รู้หนึ่ง ไม่รู้สอง ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ก็อวดวิเศษ กูพูดต้องถูกต้อง

กำปั้นทุบลงดินมันก็ดังตุ๊บทุกทีนั่นแหละ

คนที่บอกว่าเป็นชาวกรุง อยู่กรุงเทพนานกว่าผมมั๊ยน้อ...

ทำไมแอบอ้างเอาเป็นความเห็นคนกรุงเทพ

มันก็แค่คนกรุงเทพคนหนึ่งที่รู้เท่าหางอึ่ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 13:17
พวกหลงโง่ ด่าภาคโน้นภาคนี้ แม้ในกรุงก็ใช่ว่าจะเห็นเหมือนกัน

การเมืองมันเป็นเรื่องความชอบส่วนตน กทม.ที่โง่ๆ ยังอีกเยอะ

อีสานที่เห็นต่างจากพรรคทักษิณก็อีกเยอะแยะ

หัดมองอะไรด้วยตาสองข้างบ้าง บางทีขูดอคติออกให้หมด คิดว่าเค้าคือคนไทยเหมือนกัน

เพียงแต่มีโอกาสน้อยกว่าใครหลายคน และอย่าด่วนสรุปว่าความคิดตัวเองถูกต้อง

ยิ่งเรื่องภาคโน้นภาคนี้เลิกซะที ขี้เหม็นพอๆ กันนั่นแหละน่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 05-03-2008, 13:21
ควันโขมงเลย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 13:38
ยังไม่รู้อีกไอ้ตัวชั่วไอ้ตัวโง่ มันอยู่ในกรุงเทพนี่แหละ

ถ้ามันเก่งมันจะเลือกพวกทักษิณเข้ามาทำไมเยอะแยถึงสองสมัย

แม้สมัยนี้ก็ยังมีโง่ๆ อีกเยอะเลย ในกรุงเทพนี่แหละจ้า โง่ด้วยรับทรัพย์ทำงานให้เค้าด้วย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 13:48
...ผมก็ไม่ได้ว่าผมพูดถูกทั้งหมดนี่ค้าบ ลุงแคน แต่มันก็คือความจริงอันหนึ่งใช่มั้ยล่ะ


ที่สำคัญที่สุด ผมไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อดูถูกคนอีสาน

ผมไม่เคยสงสัยคะแนนเสียงอีกหลายหมื่นในแต่ละจังหวัดอีสาน ที่ไม่ได้เลือกพ.ป.ช.
ผมไม่เคยสงสัยพลังของคนอีสานที่กล้ายืนตรงกันข้ามกับความไม่ถูกต้อง
ผมไม่เคยสงสัยจิตสำนึกคนชั้นกลางที่อยู่ในคนอีสานเหล่านั้น
...เพียงแต่เสียงของคุณน้อยกว่าเท่านั้นเอง

และผมไม่คิดที่จะผลักดันคนอีสานที่จะต้องกอดคอต่อสู้ไปด้วยกันในตอนนี้หรือในอนาคต
ให้ไปยืนอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามอย่างแน่นอน  


แต่ที่ผมชี้ให้เห็น ก็เป็นการสะกิดให้รู้ว่า ศัตรูที่คุณจะต้องต่อสู้จริงๆนั้นคืออะไร
และสะกิดให้นักวิชาการซ้ายทั้งหลาย ที่บัดนี้ก็คงจะเถียงกันไม่เลิกหลังจากเถียงกันจนป่าแตกแล้ว
ว่าสังคมไทยมันเป็นศักดินาแบบไหนกันแน่
มาเห็นว่า รูปแบบของสังคมไทย มันไม่ใช่   ...ชนชั้นกรรมาชน -> ชนชั้นกลาง +  ชนชั้นศักดินา
อย่างที่เขียนกันในประชาไทย ในราชดำเนิน ในมติชน หรือแม้แต่โผล่ในทีวีเป็นบางครั้ง


แต่มันเป็น

-ไพร่ในสังคมเดิม -> ชนชั้นกลาง -> ชนชั้นเจ้าของทุน (นิยมแบบยั่งยืน) -> ชนชั้นเจ้าของ ทุน (นิยมคาสิโนสามานย์) ต่างหากล่ะ

เราเป็นประเทศที่มือตะกายดาวด้วยความโลภ ขณะที่เท้ายังติดอยู่ในโคลน และตอนนี้ไอ้หัวแถวที่นิยมทุนนิยมคาสิโนแบบรวยเร็วเจ๊งเร็ว
ก็ไปสมคบกับไอ้ท้ายแถวที่รสนิยมตรงกันที่ความอยากรวยเร็ว
จะลากประเทศไทยไปสู่หายนะ ก็เลยกลายเป็น พลังไพร่รากหญ้า & ทุนนิยมผีบุญ ก็เท่านั้น

และลักษณะของไพร่รากหญ้าที่ผมยกมา ก็มีอยู่ทุกหัวระแหง แต่ที่ไหนมีมาก ก็ถ่วงความเจริญได้มาก แต่หวยไปออกแถวบ้านลุงเยอะหน่อย
เคสสตั๊ดดี้ก็เลยกลายเป็นคนแถวบ้านลุงซะเยอะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอีกเกือบครึ่งของภาคอีสาน จะไม่ใช่พลังแท้จริงของประเทศหรอกนะ
แล้วผมก็ไม่ได้หมายถึงพวกพลังแถวหน้าที่ออกมาเย้วๆด้วย แต่พวกพลังเงียบที่แฝงอยู่ ก็มีทั้งพลังชนชั้นกลาง ทั้งพลังไพร่ปะปนอยู่
ฝ่ายไหนมีมากกว่า ก็ฉุดลากประเทศไปในทางที่ตัวเองต้องการ

สิ่งที่เพื่อนๆเสี่ยวอีสานควรทำ ไม่ใช่แค่ต้านทักษิณอย่างเดียว แต่ต้องพยายามแปรสภาพพลังไพร่ใกล้ตัว ให้กลายมาเป็นชนชั้นกลางด้วย
ซึ่งดูจากปริมาณคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่แล้ว ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทำได้ในไม่ช้า

ชนชั้นกลางไม่ได้มีอยู่แต่ในกรุงหรือภาคธุรกิจครับ มันอยู่ที่จิตสำนึก แค่คุณยืนหยัดพึ่งตัวเองได้ มีจิตสำนึกรับผิดชอบสังคมโดยรวม
มีวิสัยทัศน์ไกลเกินหัวแม่เท้า ก็เป็นชนชั้นกลางได้แล้ว

และสะกิดเตือนไม่ให้หลงลมนักวิชาการให้หลงไปตามเกมของฝ่ายเหลี่ยม ที่หากเอาชนะไม่ได้ก็พยายามดิสเครดิตฝ่ายตรงกันข้าม
ทุกรูปแบบ

ลุงแคนครับ แค่คำว่า "ยิ่งเรียนยิ่งโง่" ที่ลุงเอ่ยในกระทู้โน้น ผมก็ข้องใจลุงซะแล้ว
นี่มันเป็นคำพูดของฝ่ายเหลี่ยมที่ใช้ดิสเครดิตคนมีการศึกษานะครับ
คำพูดนี้จะใช้ได้กับคนไม่กี่กลุ่มอย่าง...

1.นักวิชาการมหาวิทยาลัย ที่เอาแต่พล่ามไปตามทฤษฎี ตามตำรา ไม่ยอมเงยหน้ามาเรียนรู้โลกภายนอก
ยิ่งเรียนสูงเท่าไหร่ยิ่งรู้แคบเท่านั้น
2. พวกที่อกหักจากการศึกษามาตรฐาน เอามาใช้บลั๊ฟคนที่การศึกษาสูงกว่า อย่างช่างกวนปูนที่หัวเราะเยาะวิศวกรที่กวนปูนไม่เป็น
พวกปัญญาอ่อนแบบนี้ผมเห็นมาเยอะจนเบื่อแล้วครับ อยากเบิ๊ดกะโหลกมากกว่า วิศวกรเค้าให้มาควบคุมการสร้างอาคารทั้งหลังโว้ย
ไม่ใช่มากวนปูนแข่งกะเอ็ง

ถ้าการศึกษาไม่จำเป็น ในภาคธุรกิจคงไม่ต้องมีการอบรม การสัมนากันให้วุ่นวายหรอกครับ ยิ่งเป็นผู้บริหาร แม้แต่ระดับกระจอกๆอย่างผม
ยังต้องอัพเดทตัวเองเป็นประจำ ไม่งั้นตามสังคมไม่ทัน

ถ้าจะหัวเราะเยาะคนเมืองเพราะปลูกข้าวไม่เป็น มันปัญญาอ่อนครับ ของแค่นี้ ฝึกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เป็น
ว่าแต่ช่วยไล่พวกทุนรากหญ้าไปเรียน MBA หน่อยเถอะครับ ผมละรกหูรกตาเหลือเกินกับม็อตโต้
"รวยแล้วเลิก" เนี่ยแหละ เค้ามีแต่ "โตแล้วแตก แตกแล้วโต" ไอ้นี่พอรวยหน่อยก็ปิดร้านหนีเอาดื้อๆ
พอตังค์หมดก็มาเปิดใหม่ ต้องมาแข่งกับเจ้าใหม่ๆอีก มาสร้างฐานลูกค้าใหม่อีก

...หยั่งงี้แหละ ถึงได้รวยไม่ทน แต่จนถาวรไง!!

 :slime_smile2:








หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 13:53
โธ่ โถ ๆๆๆ

ใครเขาไปว่า "คนอีสานแบบลุง Can"
เขากำลังพูดถึง "คนอีสานของทักษิณ" ต่างหาก
คนอีสานแบบลุง Can นั้น อยู่ที่ไหนก็เป็น "คน (ไทยที่ ) มาจากอีสาน"
ส่วนคนอีสานของทักษิณ นั้น  อยู่ที่ไหนก็เป็น "คนอีสาน ( ของทักษิณ )"

ว่าแล้ว...เชิด ( อีกรอบ )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 13:58
นี่แหละเค้าเรียกยิ่งเรียนยิ่งโง่

ความรู้เท่าหางอึ่ง ดันบอกว่าเรียนทำนา 2 อาทิตย์ก็เป็นแล้ว

อย่าแสดงความโง่อีกเลยครับ ความโง่คือความไม่รู้นั่นแหละ

ยิ่งทัศนคติแบบนี้ ไปทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะจะโดนมือโดนเท้าคนร่วมงาน เฉาตายก่อน

รู้หรือเปล่าตั้งกระทู้มั่วมาก เอาแค่หัวกระทู้ก็ขาดทั้งข้อมูล หลักฐาน วิธีคิด ไม่ได้เรื่อง

ถ้าคนกรุงฉลาด ทำไมเลือกทักษิณถึง สองสมัย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 05-03-2008, 14:02
ผมสงสัยมานานแล้ว ใครช่วยตอบได้ไหม

ทำไม คนที่เห็นแตกต่าง ไม่มองมุมเดียวกับเรา ไม่คล้อยตามเรา ถึงได้โง่หมดเลย

ถ้าคนที่เห็นแตกต่างโง่ทุกคน ที่มาสุมหัวตอบโต้กันอยู่เนี่ย ฉลาดทุกคน แล้วก็โง่ทุกคนด้วย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 14:05
โธ่ โถ ๆๆๆ

ใครเขาไปว่า "คนอีสานแบบลุง Can"
เขากำลังพูดถึง "คนอีสานของทักษิณ" ต่างหาก
คนอีสานแบบลุง Can นั้น อยู่ที่ไหนก็เป็น "คน (ไทยที่ ) มาจากอีสาน"
ส่วนคนอีสานของทักษิณ นั้น  อยู่ที่ไหนก็เป็น "คนอีสาน ( ของทักษิณ )"

ว่าแล้ว...เชิด ( อีกรอบ )

ขอดูจำนวนสส. ปี 44 และ 48 ของกรุงเทพมาดูหน่อยสิ

อยากรู้ว่าคนกรุงเทพโง่แค่ไหน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 14:10
... รู้มั้ย รักลุงตรงที่ขี้งอนนี่แหละ
คนลาวแบบลุงมีความประหลาดตรงนี้แหละ
ทั้งๆที่ผมโดนสารพัด ทั้งก่อปัญหามาให้ในที่ทำงาน ยืมเงินแล้วเบี้ยว
หนีค่าเช่าบ้าน เอาโทรศัพทไปแอบโทรทางไกล
แต่ไงๆก็เกลียดลาวไม่ลงสักที... สงสัยจะหลงเสน่ห์ลาว

อ้อ! ผู้ชายอีสานที่เคยเจอเนี่ย หลายคนเจ้าชู้สะบัดครับ ยิ่งคนไหนหน้าตาเรียบร้อย
พูดจาสุภาพด้วยแล้ว ยิ่งระดับเมพ พวกเจ้าชู้แถวปักษ์ใต้น่ะ ชิดซ้ายตกคลองครับ
ขนาดมีเมียที่บ้านอยู่สาม พวกไปญี่ปุ่นยังหวดไปอีกสอง
(รับผิดชอบกันหน่อยนะจ๊ะ)



เข้ากระทู้ดีกว่า...
ความโง่มาก่อนความฉลาดครับลุงแคน
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม เราต้องโง่ก่อน
แล้วถึงค่อยฉลาด... มันเป็นธรรมชาติของกระบวนการเรียนรู้

เพราะคนกรุงโง่แล้วค่อยฉลาดเราถึง "เลือก" แล้วค่อย "ไล่"
ไงครับ

แต่คนที่โง่ถาวรนั้น คือ "เลือก" แล้วยังไม่เสือก "ไล่"
แถมยังไปด่าคนที่ "ไล่" ว่า "โง่" อีก

แบบนี้เค้าเรียกว่าโง่ถาวรโดยไร้ทางแก้ครับ
[/size]

 :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 05-03-2008, 14:10
ถ้าใช้ สส. กทม.ปี 44 เป็นตัวตั้งนะครับ
ผมโง่มาก ผมเลือก ทรท. ด้วย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 14:11
นี่แหละเค้าเรียกยิ่งเรียนยิ่งโง่

ความรู้เท่าหางอึ่ง ดันบอกว่าเรียนทำนา 2 อาทิตย์ก็เป็นแล้ว

อย่าแสดงความโง่อีกเลยครับ ความโง่คือความไม่รู้นั่นแหละ

ยิ่งทัศนคติแบบนี้ ไปทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะจะโดนมือโดนเท้าคนร่วมงาน เฉาตายก่อน

รู้หรือเปล่าตั้งกระทู้มั่วมาก เอาแค่หัวกระทู้ก็ขาดทั้งข้อมูล หลักฐาน วิธีคิด ไม่ได้เรื่อง

ถ้าคนกรุงฉลาด ทำไมเลือกทักษิณถึง สองสมัย


เข้ามาแก้ตัว... :slime_bigsmile:
สมัยแรก  เป็นเพราะ "ไม่เลือกแมงสาบ" งัยงับ...  เพราะเข็ด...เหม็นกลิ่นแมงสาบ
สมัยที่ 2  ตกหลุมตัณหานิยม "ติดใจในรสสวาท" ที่ตักขี้ทำให้งับ ( แต่สมัยที่ 2 นี้น้องแบมก็ได้เข้ามานะ...เย้ )
สมัยที่ 3  ตักขี้แพ้ No Vote เพียบเลยงับ...ทั้ง ๆ ที่แทบจะมมีพรรคของตักขี้พรรคเดียว
สมัยสุดท้าย  ตักขี้หลุดเข้ามา 9 ตัวงับ...เฉพาะเขต "ของเค้า" นั่นแล

ก็ "โง่" ครั้งเดียวล่ะงับ  โง่เพราะหูหนวกตาบอด - ผลประโยชน์มันปิดหูบังตา



แล้วก็เลยเถิดไปสมัยเลือกพู่ว่า ฯ ตะหมูกบานนะงับ
...คราวนั้น "จำเป็นต้องเทคะแนนให้ไอ้หมัก" งับ
...เพราะเกรงว่า "อีหน่อย" จะมา
ก็ลองสมมติว่าหน่อยไม่ลง  แล้วหมัก "รับว่าเป็นนอมินี" ของตักขี้สิงับ
...รับรองว่าทุกวันนี้หมักไม่ได้เป็นโดดเดี่่ยวกระเจี๊ยวยู่ผู้น่าทุเรศ  ลูกจ้างตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตักขี้ ซึ่งมีคดีอาญาคอรัปชั่นในการจัดซื้อจัดจ้างรถดับเพลิง - เรือดับโพลง เป็นแบ็คอัพ หรอกงับ...

คงได้แต่ "กินไป บ่นไป น้อยใจไป รอวันแก่ตายไป...ตามยถากรรม"


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 14:16
ยอมรับว่าโง่ละสิ

คนไหนเลือกพวกสัดสวนของพลังประชาชนในเขต กทม.และปริมณฑล

นี่ขนาดมีคนมีจุดเทียนแห่งปัญญาแล้วนะ ยังไม่หายโง่

โง่กลางกรุงนี่แหละครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 14:20
ยอมรับว่าโง่ละสิ

คนไหนเลือกพวกสัดสวนของพลังประชาชนในเขต กทม.และปริมณฑล

นี่ขนาดมีคนมีจุดเทียนแห่งปัญญาแล้วนะ ยังไม่หายโง่

โง่กลางกรุงนี่แหละครับ


ม้ายช้ายยยยยย
อ่ายพวกนั้นม่ายช่ายคนกุงเต้บบบบ
พวกมานเป็นพวก รากหย้าาาาาาา

( เอาสีข้างแถกไปตามร่องน้ำตื้น ๆ ซะจนน้ำขุ่น )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 14:21


อย่าลืมสิครับลุง ว่าคนกรุงยุคนี้คือใคร...

ก็ลูกหลานคนต่างจังหวัดทั้งนั้นแหละ...คนที่ลุงด่าว่าโชว์โง่ อาจจะไปโดนลูกหลานคนข้างบ้านลุงก็ได้นา สิบอกไห่

...แล้วก็แถมอีกนิด

ที่ออกมาถล่มรากหญ้าไปทางบ้านลุง ก็เพราะฐานทัพใหญ่ของตัวเชี่ย
มันอยู่แถวอีสานใต้นี่ครับ อยู่กันตรงนั้นทั้งก๊ก ก่อหวอดกันตรงนั้น แล้วก็กำลังปลุกระดมเหยงๆ
แล้วก็คนกลุ่มที่ผมระบุมานี่แหละ เป็นแหล่งระดมพลอย่างดีของพวกมันเลย
ที่อื่นมันแค่ก๊วนจิ๊บๆ แล้วไอ้แนวความคิดคอมๆ ที่ทำให้จี๊ดๆทั้งหลายแหล่
ก็มาจากก๊วนนั้นแหละ ทั้งก๊ก ที่เหลือมันก็ลิ่วล้อ

แล้วลุงออกอาการเมาหมัดออกมาเต้นก๋าปกป้องบ้านลุงทำไมเนี่ย?  ไม่เห็นเหรอว่าตัวเชี่ยมันแอบหลังลุง
แลบลิ้นหลอกพวกเราอยู่น่ะ


 :slime_o:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 14:33
ออกอ่าวไทยแล้วเหรอ ตกลงใครคือคนกรุงเทพ

แค่ขอข้อมูลเลือกตั้งของ กทม. ปี 44 48 50 ทำเอาหายโง่เลยเหรอ..

เหตุผลที่เลือก ทักษิณยุคแรกเพราะเกลียด ปชป. เหรอ...อ้อ...

แล้วถ้าพี่น้องอีสานเค้าไม่เลิกเกลียด ปชป. เค้าก็เลือกทักษิณเพราะเหตุนี้ได้มั๊ยล่ะ

ในเมื่อเค้าชอบนโยบายรากหญ้า ชอบเล่นหวย ชอบกู้เงินล่ะ

ยิ่งเกลียด ปชป. เป็นทุน เค้าก็เลือกตรงข้ามไม่ได้เหรอ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gemini ที่ 05-03-2008, 14:43
ครั้งก่อน ที่ลุงแคนซดหมัดกับพวกปักษ์ใต้ แบบ 10 รุม 1
มันส์มาก ลุงแคนพลิ้ว ฟุตเวิร์ค ออกหมัดทำคะแนน สวย

แต่งวดนี้ นอนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง เป่า
ฟอร์มเก่า หายหมดเลย
จะบอกว่าสู้ไม่ได้ ก็ไม่เชิง เพราะไม่เห็นสู้เลย เอาแต่วิ่งหนีแล้วด่าเค้าไปข้าง ๆ คู ๆ

กองเชียร์ผิดหวังอ่า
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 14:44
อีสานใต้ บุรีรัมย์เหรอ โคราชเหรอ

อ้าวไปด่าพวกชัยวัฒน์ได้ไง พวกเยิ้วๆ เดี๋ยวนี้ก็พวกอีสานใต้ พวกชัยวัฒน์ทั้งนั้น

พวกนี้โง่เหรอ

เอาข้อมูลมายันดีกว่า แถออกข้างๆ มันไม่งามนะ

คนกรุงเทพยุคนี้เป็นใคร ฮ่า ฮ่า...เอาเข้าไป

ความโง่นี่มันไม่ปราณีใครจริงๆ ด้วย

เออพวกอีสานที่เลือกเพื่อแผ่นดิน ชาติไทย และพวกที่ไม่เลือกพลังประชาชน เอาไปไว้ไหน

ทำไมมองการเมืองตื้นเขินจัง

แบบนี้จะไปเถียงใครเค้าได้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 14:45
...แล้วอีกอย่างหนึ่งนะครับ
ที่ผมเห็นตั้งแต่ต้นยก
ผมเห็นแต่ลุงแย็ปแล้วเต้นวนไปรอบๆ
แค่เบี่ยงเบนไปทางโน้นทางนี้
ดิสเครดิตผม

แต่ลุงไม่ได้โต้หมัดกับผมตรงๆเลยที่ผมบอกว่า

"ความคิดที่อ้างกันตลอดมาว่าคนอีสานด้อยโอกาสที่จะเข้าถึงทรัพยากรนั้น ขี้หกทั้งเพ!!"

ในความเป็นจริงแล้วผมเห็นคนอีสานไปอยู่ทุกที่ที่มีทรัพยากร แม้จะเป็นคนอีสานรากหญ้าขนาดไหน
คนอีสานกระจายตัวไปตามตลาดแรงงานทั่วโลก ถ้าคุณไปเมืองนอกแล้วได้ยินเสียงคนไทยคุยกัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นคนอีสาน
ลองนึกถึงรายได้มหาศาลที่จะเข้ามาจากตรงนั้นในแต่ละเดือน ลงสู่อีสานโดยตรง

ผู้หญิงอีสานมากมายมีสามีต่างประเทศ ดึงเงินตราต่างประเทศลงสู่อีสานโดยตรง

ถ้าเทียบโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรด้วยกัน คนภาคอื่นล้าหลังกว่าคนอีสานชนิดสิบเอาหนึ่ง

แต่สาเหตุที่คนอีสานจำนวนมากไม่อาจไปไกลกว่านั้นได้ ก็เพราะ "จก แล้ว จร" หรือเปล่าครับลุง
แทนที่จะอยู่นาน ก้าวขึ้นไปตามลำดับขั้น เพื่อเข้าถึงแหล่งทรัพยากรนั้นให้ได้ลึกขึ้น

คนอีสานส่วนหนึ่ง เป็นจ.ป.ล. ผมไม่สงสัยในความเป็นชนชั้นกลางของคนไทยเชื้อจีน ไม่ว่าจะเป็นภาคไหน
จริงๆแล้วตามประวัติศาสตร์ พวกนี้เข้าระบบชนชั้นกลางก่อนไปแล้ว ขณะที่คนไทยทั้งชาติยังติดอยู่กับระบบไพร่อยู่เลย

มีชนชั้นกลางจำนวนมากพอสมควรในอีสานในปัจจุบันที่เป็นคนอีสานแท้ๆ และผมจะชื่นใจมากๆถ้ารู้ว่าทรัพยากร
ที่มาจากต่างประเทศ หรือมาจากต่างถิ่นเหล่านั้น คือส่วนที่ฟูมฟักคนรุ่นนี้ขึ้นมา

แต่ผมคงจะอกหักมากๆ ถ้ารู้ว่าทรัพยากรส่วนที่ทุ่มลงไปแล้วหายวับไปในพริบตานั้น หายลงไปทางรากหญ้า...
เพราะทางที่จะแก้ไขประเทศให้มาสู่ระนาบที่มันควรจะเป็น คงยังอยู่อีกไกล

ไปก่อนละลุง...งานเสียอีกแล้ว...เถียงกับลุงทีไร ยาวทุกที

ปล. กับความเห็นส่งท้ายของลุง... ถ้าเรารู้ว่าคนจำนวนมากเลือกโจรเข้ามาปกครองประเทศ
ที่จะปล้นทุกอย่างไปจากลูกหลานของเรา แลกกับเศษเงินเล็กๆน้อยๆที่โจรจะโปรยให้
เราจะยกย่องเขาว่ารู้จักใช้สิทธิ์ตามประชาธิปไตย
หรือเรียกเขาว่าไอ้หน้าโง่ดีล่ะลุง?


 :slime_surrender:







หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 14:51
ครั้งก่อน ที่ลุงแคนซดหมัดกับพวกปักษ์ใต้ แบบ 10 รุม 1
มันส์มาก ลุงแคนพลิ้ว ฟุตเวิร์ค ออกหมัดทำคะแนน สวย

แต่งวดนี้ นอนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง เป่า
ฟอร์มเก่า หายหมดเลย
จะบอกว่าสู้ไม่ได้ ก็ไม่เชิง เพราะไม่เห็นสู้เลย เอาแต่วิ่งหนีแล้วด่าเค้าไปข้าง ๆ คู ๆ

กองเชียร์ผิดหวังอ่า
 :slime_bigsmile:

แค่คุณอ่านหัวกระทู้ก็น่าจะรู้แล้วว่ากระทู้มั่ว ๆ

ตอบถามหาข้อมูลง่ายๆ มายันก็จบแล้ว

ก็บอกแล้วความโง่ไม่ปราณีใครหรอก มีทุกที่ ทุกสังคม

ยิ่งในเว็บบอร์ดยิ่งเยอะ โง่แล้วอวดฉลาด เยอะไป


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 05-03-2008, 14:57
เอ....ตามตรรกะของลุงแคน
แปลว่าคนอีสานโง่นะครับ
โง่ซ้ำซาก และก็โง่ไม่เลิกอีกด้วย

เพราะคนอีสานก็ยังเลือกนายทุนจากภาคอื่นมากดขี่ตัวเอง
เป็นอย่างนี้มาทุกสมัย และตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
ถ้าอย่างนั้น...คนอีสานจะมาบ่ออะไรละครับว่าโดนกดขี่ :slime_doubt: :slime_doubt:


ปล.ผมไม่เคยเป็นควายที่เลือกแม้วซักที แค่อยู่ในภาคที่มีคนเลือกแต่แม้วทุกๆทีเฉยๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 15:01
"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง "

หัวกระทู้นี้ คิดเองจริงๆ เหรอครับ

ถามจริงๆ ใช้สมองส่วนไหนคิดครับ

อ้อ...พวกมายกธงช่วยทักษิณนี่ก็โง่มาตั้งแต่คราวซุกหุ้นสิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 15:03
ลุง Can
ผมต่อกระไดลงให้หลายทีแล้วนะ
อยากให้ผมซดหมัดด้วยจริง ๆ หรือ ?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 15:07
แหม! เห็นแล้วอดไม่ได้ ต้องแวะเข้ามาอีกที

...คร้าบ กระทู้ผมมั่วในสายตาผู้เฒ่าแคน แต่ลุงแคนก็เถียงไม่ขึ้นใช่ป่ะล่ะ เห็นเต้นฟุตเวิร์คหนีอยู่นั่นแหละ
เอาน้ำแร่เอเวียงซักขวดมั้ยล่ะ

ผมรู้ละว่าลุงแคนเก่งทฤษฎี รอบรู้เรื่องการเมืองระบบพรรค พรรคไหนทำอะไรลุงแคนรู้โม้ด
ผมรู้ไม่ทันลุงแคนร้อก

แต่การเมืองระบบพรรคมันก็แค่ปาหี่ แค่ลิเก ถ้าเล่นแล้วคนดูโห่ มันก็ต้องเปลี่ยนแนว ไม่งั้นก็ต้องรื้อวิก

การเมืองภาคประชนชนก็คือทำยังไงที่จะสร้างคนดูที่มันชอบดูลิเกมีสาระขึ้นมาเยอะๆ
จะได้มาต้านกับเสียงโห่ที่มันชอบละครน้ำเน่า แถมยังหลอกต้มคนดู แล้วยังแลบลิ้นหลอกคนดู
ที่เค้าไม่เอามันได้หน้าด้านๆ แล้วก็ประชาชนที่จะรองรับการเมืองระบบพรรคที่จะสร้างเป็นสถาบันได้ในอนาคต

ผมไม่รังเกียจหรอกที่การเมืองไทยจะมีสองพรรคแบบเดโมแคร็ตหรือรีพับลิกัน
แต่ขอท้วงหน่อยเหอะ ครั้งที่แล้วที่ผมไม่อยู่ แล้วลุงทะเลาะกับคนใต้ ลุงคิดจะไล่พวกสะตอออกจากพรรคให้หมด
แล้วยึดพรรคเป็นของคนอีสานเลยเรอะ ชิๆ หนอยแน่


งั้นขอถามลุงหน่อยเหอะ ถ้าประชาธิปัตย์ต้องเป็นฝ่ายค้านสามสี่สมัย ไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาล ไม่ได้ผันงบลงท้องถิ่น
ครั้งหน้าคนบ้านลุงจะยังเลือกอยู่ไหมล่ะครับ ถ้ามีคนหน้าตาหล่อๆ สวยๆ เข้ามาตีซี้ ลูบหลังลูบไหล่ลุง ลุงจะเปลี่ยนใจ
หันไปเลือกพรรคอื่นมั้ยล่ะครับ...จ้ะ...อ้าว! ใจง่ายนี่นา

นั่นแหละคำตอบ... ว่าทำไมประชาธิปัตย์เป็นพรรคแมลงสาบ 100 ชีวิตได้ ทำไมพรรคถึงมีสะตอเยอะ ก็การเมืองภาคใต้เค้าเป็นแบบนั้น
ประชาธิปัตย์ถึงยังคงมีชีวิตยืดยาวมาจนปัจจุบัน

ถ้าโอนประชาธิปัตย์ไปอยู่อีสาน คงสูญพันธุ์ตายสนิทตั้งแต่ยุคทักษิณ 2 แล้วละมั้ง
ไม่เชื่อลุงลองดูอดีตอภิมหาพรรคอย่างพรรคความหวังใหม่ หรือพรรคอดีตดาวรุ่งอย่างชาติพัฒนาสิ
ตอนนี้ไปอยุ่ไหนครับ แล้วฝีมือใคร ถ้าไม่ใช่ฝีมือฐานเสียงกับคนในพรรค
ก็การเมืองบ้านลุงมันเป็นแบบนั้นนี่น้า...ไม่งั้นไม่วิ่งกันฝุ่นกระจายขอร่วมรัฐบาลถึงจะต้องหักหลังประชาชนก็เถอะน่า

...ผมพูดจริงมั้ยล่ะ (ดอกนี้เข้าปลายคางจังๆ ลุงแคนเซไปติดเชือก)

...ของๆตัวเองก็ไม่ใช่ เอาไปก็ไม่รักษา แล้วยังจะแย่งเค้าไปอีก หน้าไม่อายนะ ลุงเนี่ย...เอ๊วๆ  :slime_smile2:





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 15:26
เอ....ตามตรรกะของลุงแคน
แปลว่าคนอีสานโง่นะครับ
โง่ซ้ำซาก และก็โง่ไม่เลิกอีกด้วย

เพราะคนอีสานก็ยังเลือกนายทุนจากภาคอื่นมากดขี่ตัวเอง
เป็นอย่างนี้มาทุกสมัย และตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
ถ้าอย่างนั้น...คนอีสานจะมาบ่ออะไรละครับว่าโดนกดขี่ :slime_doubt: :slime_doubt:


ปล.ผมไม่เคยเป็นควายที่เลือกแม้วซักที แค่อยู่ในภาคที่มีคนเลือกแต่แม้วทุกๆทีเฉยๆ

ใครบอกคุณล่ะว่านายทุนจากภาคอื่น ก็มาจากประเทศไทยนี่แหละ

เค้าเลือกสส. ของเค้าเอง ไปอยู่พรรคไหนก็ตามไปเลือก... คนบ้านเค้าทั้งนั้น

เวลามองการเมืองอย่ามองตื้นๆ ก็บอกแล้วตั้งนานว่าเค้าไม่ชอบ ปชป. ก็เท่านั้น

เวลานี้ไปดูสิ โครงการของสส. ทั้ง สจ. มันเต็มพื้นที่

นี่ก็เล่น "หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งรถไถนา" แจกกันแล้ว

หนึ่งรถไถนา มีคนในหมู่บ้านไปอบรมขับและบำรุงรักษาคันละ สามคน

ได้ทั้งความรู้ได้ทั้งงานรายวัน ได้ทั้งงานพัฒนาหมู่บ้าน

นี่แค่ สจ. นายก อบจ.นะ...สส.คุมสหกรณ์ แจกกล้าปาล์ม ทำแปลงสาธิต

ตั้งโรงงานรับซื้อผลผลิต ประกันราคา ทำทุกรูปแบบ

ทุกกลุ่มอาชีพ ต้องพึ่งพานักการเมืองในระบบอุปถัมป์ทั้งนั้น

พวกคุณไม่อยู่ในพื้นที่ก็ได้แต่เดาเอา เป็นยังงั้นเป็นยังงี้

ทักษิณน่ะเรื่องทีหลังครับ นักการเมืองท้องถิ่น มันโยงใยกันหมด

งานรถรับส่งคนไข้แบบศูนย์นเรนทร เค้าเช่าประจำ อำเภอละ สองสามคัน ทำร่วมกับโรงพยาบาล นี่แค่ อบจ.นะครับ

พวกที่นานๆ ไปเยี่ยมทีน่ะ เลิกฝันได้แล้ว

ก็บอกแล้วเค้าเลือกคนของเค้า ไม่ใช่มาคิดแค่เงิน ร้อยสองร้อยวันเลือกตั้ง...นั่นมันแค่น้ำจิ้ม

ไม่จ่ายเค้าก็เลือก เพราะมันมีผลประโยชน์ภายหน้าจากโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

อย่าเอาแต่ฝันแล้วมานั่งจิ้มคอมพ์

ลงไปดูพื้นที่ ไปคุยไปศึกษาดู แล้วจะรู้เอง

ทำการเมืองต่างจังหวัดต้องทำยังไง

ประเด็นการเลือกตั้งต่างจังหวัด มันไม่ใช่แค่ประเด็นทักษิณหรือสมัคร

แต่เป็นประเด็นการต่อสู้ของนักการเมืองในพื้นที่ เพราะมันมีการต่อสู้ทุกพรรคนั่นแหละ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 05-03-2008, 15:27


 เซมากูเตะ   :slime_smile2:  :slime_smile2:

 :slime_worship:  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Cylonn ที่ 05-03-2008, 15:29

"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง "

อันที่กระตุ้มต่อมเดื่อดน่าจะเป็นคำนี้แระ  หัวข้อคุณเหมารวม คนอีสานทุกระดับ  แต่เนื้อหาจริงๆของคนน่าจะหมายถึงพวกอีสานรากเน่าซึ่งกลุ่มใหญ่เลือกฟักแม้วมามาก  ทำเราให้ได้รัฐบาลฟักหมัก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 05-03-2008, 15:40
ผมคิดว่าคนอีสานมีหลายประเภท เหมือนคนภาคเหนือ กลาง ใต้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 15:42
"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง "

อันที่กระตุ้มต่อมเดื่อดน่าจะเป็นคำนี้แระ  หัวข้อคุณเหมารวม คนอีสานทุกระดับ  แต่เนื้อหาจริงๆของคนน่าจะหมายถึงพวกอีสานรากเน่าซึ่งกลุ่มใหญ่เลือกฟักแม้วมามาก  ทำเราให้ได้รัฐบาลฟักหมัก

โย่วววว...ชี้จุดสลบได้ดีมั่ก ๆ อ่ายน้อง


...ตบไหล่แปะ ๆ
...บีบตูดปิ๊น ๆ




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 15:43
...เรื่องหัวกระทู้น่ะ อย่าให้เป็นประเด็นหลักเลยครับลุ้ง...

นี่มันกระทู้นะครับ มันก็แค่การตั้งธง ก่อนที่จะเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อยๆตามลักษณะการถกเถียง
ไม่ใช่เรียงความที่จะต้องมานั่งดู Unity ให้มันเป็นประเด็นเดียวกัน

ฮั่นแน่! ในที่สุดลุงก็สารภาพมาในคำตอบข้างบนนี้แล้วใช่ม้า ว่าการเมืองบ้านลุงก็คือกลุ่มผลประโยชน์ที่พัวพันกันเป็นเกลียวกับ
นักการเมืองเป็นรายบุคคล ลุงก็ควรคิดด้วยธรรมชาติของการเมืองภาคอื่นมันไม่ใช่นะคร้าบ

เพราะงั้นตอนที่ลุงคิดจะยึดประชาธิปัตย์ โดยอ้างว่าครั้งกระโน้นก็มีนักการเมืองอีสานในพรรค ผมว่าลุงหลงยุคนะคร้าบ
ในยุคนั้น ระบบการเมืองกับประชาชนยังห่างกันอยู่ช่วงใหญ่ๆ มีแค่คนที่สนใจการเมืองจริงๆถึงจะมาร่วม
พวกนักวิชาการ พวกมาดเท่ๆ ถึงได้เข้าสภามาได้ไงลุง การเมืองสไตล์ประชาธิปัตย์ถึงหากินในอีสานได้ในตอนนั้น

แต่ตอนนี้การเมืองอีสานมันเป็นลักษณะ "จัดตั้ง" ชัดเจนแล้วนะครับลุง ฝีมือบิ๊กจิ๋วรึเปล่าน่ะ ที่อาศัยอบต. อบจ.เป็นมือเป็นเท้า
ควบคุมไปจนถึงองคาพยพย่อย ตอนนี้ภาพ "กลุ่มผลประโยชน์" มันชัดแจ้งแดงแจ๋แล้ว นักการเมืองอีสานก็เลยเป็นลักษณะ
หัวหน้ากลุ่มผลประโยชน์ ในพรรคก็เลยมีกลุ่มผลประโยชน์มุ้งโน้นมุ้งนี้ ถ้าให้ผลประโยชน์ไม่ถูกใจก็ย้ายมุ้ง
ลักษณะนี้ยังจะฝันที่จะสร้างพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันขึ้นมาได้เหรอครับ ต่อให้ไปร่วมประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้
เพราะถ้าไม่มีผลประโยชน์ผันลงพื้นที่ มุ้งนั้นก็แยกตัว ยิ่งถ้ามีมุ้งอยู่เยอะ โอกาสพรรคแตกกลายเป็นพรรคต่ำสิบหรือ
สูญพันธุ์ก็มีสูง... แค่นี้ลุงไม่น่าจะมองไม่ออกนะ

ผมถึงเคยแสดงความเห็นไว้ในหลายๆกระทู้ไงว่า ไงๆพรรคที่มีธรรมชาติแบบป.ช.ป. ก็ไม่มีทางเข้าไปภาคอีสานได้หรอก
ถึงเข้าไปได้ก็อยู่ไม่นาน ดีไม่ดีจะเข้าไประเบิดตัวเองตายเอา คนอีสานต้องตั้งพรรคของตัวเองที่มีคุณภาพขึ้นมาเอง
เพราะการเมืองอีสาน หรือแม้แต่ลักษณะสังคมอีสาน เป็นสังคมกลุ่มผลประโยชน์ชัดแจ้ง ขณะที่ของภาคอื่นมีความเป็น
ปัจเจกชนสูงกว่า

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรังเกียจธรรมชาตินี้ เพียงแต่ว่าคนอีสานจะสามารถบริหารการเมืองผลประโยชน์ของตนอย่างไร
ให้ไม่ขัดกับผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนโดยส่วนรวมเท่านั้น ซึ่งก็ต้องรอพรรคที่มีคุณภาพที่คนอีสานตั้งขึ้นมาเองเท่านั้น
อย่ารอหวังพึ่งประชาธิปัตย์เลยครับ

...ดอกนี้ หนึ่ง สอง เข้าที่ยอดหน้า...ลุงแคนการ์ดตกเองนะครับ ช่วยไม่ได้

 :slime_v:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 05-03-2008, 15:49


555 ช้าง ม้า วัว มะเขือ(เผา)
เชื่ออย่างนั้นจริงๆเหรอครับ


"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง "

อันที่กระตุ้มต่อมเดื่อดน่าจะเป็นคำนี้แระ  หัวข้อคุณเหมารวม คนอีสานทุกระดับ  แต่เนื้อหาจริงๆของคนน่าจะหมายถึงพวกอีสานรากเน่าซึ่งกลุ่มใหญ่เลือกฟักแม้วมามาก  ทำเราให้ได้รัฐบาลฟักหมัก

ไม่ผิดหรอกครับ คนอีสานทุกระดับ หรือคนภาคไหนๆทุกระดับ
หากยังคิดทวงบุญคุณกันอยู่ ก็มีปัญหาทางการเมืองทั้งนั้น
คนที่เขาคิดดี ทำดีจริง เขาไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยว่า
"ฉันทำดีไป เธอต้องมาตอบแทนฉันนะ เธอต้องให้ชื่อเสียงฉันนะ"
เพราะถ้าคิดอย่างนั้นมันก็แค่ทำเอาหน้า
บางครั้งอาจจะเป็นการทำไม่ดีแต่ด้วยความโง่เข้าใจว่าทำดี
ออกมาทวงบุญคุณให้เขาตอกกลับได้อายกันก็มีมาเยอะแล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Cylonn ที่ 05-03-2008, 15:52
ผมคิดว่าคนอีสานมีหลายประเภท เหมือนคนภาคเหนือ กลาง ใต้

เห็นด้วยครับ  แต่บังเอิญ ส.ส.ไทยรักไทย(หรือพปชก็แล้วแต่) มาจากอีสานซะมาก คนอีสานเลยตกเป็นจำเลยของกระทู้นี้
ถ้านับจากพฤติกรรม สมุทรปราการทั้งจังหวัด กทมและรอบๆบางส่วน รวมทั้งหลายๆจังหวัดจากภาคอื่น มีพฤติกรรมการคิดและการดำรงค์ชีวิตไม่ต่างกันนัก
แถวบ้านผม ยังไงก็ทักษิณ ทักษิณใจดีมีเงินให้ใช้ เงินจากไหนไม่รู้ละได้ฟรีกรูเอา กองทุนหมู่บ้านแย่งกันกู้ กู้แล้วไม่ต้องคืนเพราะเป็นเงินทักษิณ หมดแล้วเดียวทั่นก็หามาให้ใหม่ ไม่มีหมด  พวกบ้านผมก็ไม่ใช่อีสาน แต่ไม่ต่างกันเลย



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 16:07
อืมม...อธิบายระบบอุปถัมป์ของนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งกินความไปถึง สส. แล้วคงพอมองเห็นภาพ

คำถามที่ทิ้งไว้คือ มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่เลือกพลังประชาชน นั่นแสดงว่า ทักษิณไม่ใช่อิทธิพลหลัก

ตัวเลขจากการเลือกตั้งก็ยังอยู่ ไปดู ไปวิเคราะห์แล้วจะเห็นเอง

ถ้าจะพูดว่า คนอีสานเลือกพรรคที่มีทุนจากภาคอื่น

อืมม..หากเลือก ปชป. จะถือว่าทุนจากภาคใต้ ภาคกลางหรือไม่

ประเด็นพวกนี้เถียงกันไม่ได้หรอก การเลือกตั้งในต่างจังหวัด ตัวสส. มีอิทธิพลมากที่สุด ใครสร้างเครือข่ายได้มาก มีผลงาน

เค้าเลือกคนนั้น

เรื่องพรรคเป็นเรื่องรอง

ออ...เห็นหัวกระทู้ผมไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกแล้วครับ

กระทู้มันเลอะๆ เพราะอ่านแค่หัวกระทู้ก็รู้งถึปัญญาคนตั้งแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 16:09
ลุง Can
ผมต่อกระไดลงให้หลายทีแล้วนะ
อยากให้ผมซดหมัดด้วยจริง ๆ หรือ ?


อย่าไหว้ครูนานนักล่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 05-03-2008, 16:15
เอาล่ะครับ เมื่อเห็นสองคนทะเลาะกัน ผมก็ขอเข้าร่วมด้วยแล้วกัน

ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัว ผมเป็นคนอีสาน แต่พ่อเป็นคนใต้(พ่อผมเป็นคนพัทลุง)

เมื่อวานผมไปที่Democratsociety ผมเจอกระทู้หนึ่ง(ก็ผมเนี่ยแหละตั้งแต่ไม่เข้าไปดูนานเหลือเกิน)

ผมขออ้างอิงมาแล้วกัน อาจมีความคิดของผม ผสมโรงลงไปซัก 2-3% ก็อย่าว่ากัน

ผมว่าคนในพื้นที่ห่างไกล ส่วนใหญจะเชื่อในตัวผู้นำท้องถิ่น ถ้าผู้นำท้องถิ่น บอกว่าเบอร์ 1 ก็ คือ เบอร์ 1 โดยผู้นำท้องถิ่นเค้าจะอ้างว่าถ้าเลือกเบอร์นี้แล้วจะได้น้ำประปาหมู่บ้านนะ ได้ถนนลาดยางนะ ฯลฯ

มองกันดีๆ สังคมในอีสานเหมือนรับฟังข่าวฝ่ายเดียวนะ เพราะฟังแต่คำปราศรัย ส่วนข่าวในทีวีก็ไม่เชื่อเพราะหาว่าถูกแทรกแซงไปเรียบร้อยแล้ว ฟังแต่พวก PTV ซึ่งก็ชัวร์อยู่แล้วว่าเค้าต้องสนับสนุนฝ่ายตัวเอง ไม่เปิดใจให้กว้าง โดนโฆษณาของพรรคพลังประชาชนล้างสมอง พอเห็นชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ก็เริ่มด่าทันทีไม่มีเหตุผล ไหนจะวีซีดีจากต่างแดนอีก คนรอบข้างก็คอยเป่าหูกันเองต่อ ชอบมาหาว่าคนกรุงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามกระแส แต่คนอีสานก็ไม่ยอมเปิดใจกว้าง รับกระแสภาคอื่นๆบ้างล่ะ เท่าที่ดูป้ายหาเสียงผมยังหานโยบายของเขาไม่ได้เลย ไม่มีอะไรใหม่ๆ จะเอาแต่อย่างเดิม โฆษณาก็มุ่งแต่จะทำลายพรรคอื่น ให้ประชาชนเข้าใจผิด

เช่น
1.เลือกถูกเงินในกระเป๋าเพิ่ม เลือกผิดเป็นหนี้ - อันนี้ผมว่าการเป็นหนี้ของประชาชนก็อยู่ที่ประชาชนไม่ใช่ภาครัฐ ถ้าประชาชนอยู่อย่างพอเพียง และมีรากฐานมั่นคงก็ไม่มีหนี้หรอก ถ้ามีความรู้การศึกษาก็ไม่น่าจะถึงกับเป็นหนี้ "คนมีความรู้ความสามารถไม่มีวันยากจน" แต่มีแต่เงินก็ไม่ได้ทำให้รวยยั่งยืน ถ้าไม่พัฒนาคนก็คงไม่เกิดประโยชน์ ผลที่ได้ก็จะเห็นแค่ชั่วคราว เอาเงินไปยัดให้คนจนไปใช้ แต่คนใช้ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรให้งอกงามก็ไม่เกิดประโยชน์อยู่ดี

2.นโยบายดีๆใครๆก็พูดได้ แต่พูดแล้วทำจริงต้องพลังประชาชน - อันนี้โจมตีนโยบายพรรคอื่น อย่างรุนแรง ทำให้คนไม่เปิดใจกับนโยบายใหม่ๆ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 05-03-2008, 16:17
ต่อ

3.คนอีสานบางส่วน ถูกหลอกง่ายครับ ดูง่ายๆ เห็นทีวีถ่ายไปยังม๊อบ นปก.  เขียนป้ายว่า ทักษิณเป็นคนดี มีเงินให้เราใช้ ผมอ่านแล้ว เซงชิวิตเลย เงินซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ แล้วอีกอย่าง ทักษิณเป็นคนรวยครับ คนอีสาน(บางคน)นับถือคนรวย เผื่อเศษเงินจะหล่นมาบ้าง ละคร มนต์รักลูกทุ่ง ยังทำมาให้เห็นเลย เป็นตัวอย่าง บางทียังขายลูกได้เลย

ขอโทษนะครับถ้าคำตอบนี้ทำให้ใครไม่พอใจ ไม่ได้พูดถึงทุกคน แต่พูดในส่วนที่เห็น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 16:19
...และอันนี้ขอชี้ให้เห็นอันตรายของการเมืองแบบนี้

คุณลองนึกภาพของนักการเมืองสำเร็จรูป ที่คุมพื้นที่ ฐานเสียง อ.บ.ต. อ.บ.จ. ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ในกลุ่มเครือญาติหรือกลุ่มตระกูลเดียวกัน แต่ไม่มี Loyalty ต่อพรรคใดๆ

นั่นก็คือนักการเมืองพร้อมฐานเสียงสำเร็จรูป ที่ใส่ชะลอมวางเป็นกองๆ รอให้ใครก็ได้ที่ทุนถึงเข้ามาช็อปปิ้ง
ถ้าทุนเก่าไม่ถึง ทุนใหม่จ่ายดีกว่า ก็พร้อมจะแปรพักตร์ย้ายตาม โดยที่ฐานเสียงไม่รู้เหนือรู้ใต้
เพราะตามัวมองแต่ตัวนักการเมืองที่หัวแถว พรรคการเมืองอีสานถึงได้โตแล้วแตก แยกแล้วรวม จนกระทั่งปัจจุบันก็ไม่มีสถาบันพรรค
เป็นเนื้อเป็นหนัง

และตอนนี้ที่มันเป็นปัญหาขึ้นมา ก็เพราะคนที่ทุนหนาที่สุด และช็อปปิ้งนักการเมืองในชะลอมแบบกวาดไปทั้งชุด
ได้แบบถาวรไร้คู่แข่ง ก็คือพณ.ทั่นเหลี่ยม ณ ไทยแลนด์ไงครับ และโดยเมื่อได้นักการเมืองแถบนี้ไปทั้งชุด
ปริมาณมันก็มากเกินกว่าจำนวนนักการเมืองอื่นๆทั่วประเทศแล้ว ฝรั่งถึงได้ออกปากไง ว่ามีตังค์แค่หมื่นล้าน
ก็ซื้อประเทศไทยได้แล้ว และอย่าลืมว่าในตลาดระหว่างประเทศน่ะ คนมีทุนระดับนี้ มีออกให้สลอน

ปัญหาก็คือเพื่อนๆคนอีสานเองน่ะแหละ จะทำยังไงถึงจะแก้ปัญหานักการเมืองสำเร็จรูปรอนายทุนช็อปปิ้งได้
เพราะอย่าลืมว่านักการเมืองเกือบครึ่งประเทศมาจากภาคของท่าน ซึ่งคนภาคอื่นไม่มีปัญญาจะเข้าไปแก้
ขนาดผมเสือกกะโหลกแค่นี้ ยังโดนด่าเล๊ย... :slime_hitted:





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 05-03-2008, 16:24
ต่ออีกนะครับจะได้รู้ไปเลยว่าเป็นอย่างไร อาศัยข้อมูลจากกระทู้ที่ผมไปขุดมาแหละ

1.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีบุคคลิกแบบว่า อะไรที่ทำแล้วคุ้มค่ากว่าก็จะไปทางนั้น ถ้าภาษาชาวบ้านก็เห็นแก่เงิน (ขอโทษสำหรับคนที่อยู่ภาคนี้แล้วไม่ได้มีบุคคลิกตามที่กล่าวมานะค่ะ) ฐานเสียงเลยมีว่าใครให้มาก เลือกคนนั้น ไว้อยู่แล้ว

2.ภาคเหนือ บุคคลิกจะเป็นแบบ คนซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัย อาจจะมีปัจจัย5เข้ามาก็ถือว่าส่วนน้อย(อาจจะมีบางส่วนแหกคอกบ้าง เพราะทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไป) ฐานเสียงก็คงอาจจะเป็นฐานเสียงเดิมๆ

3.ภาคใต้ บุคคลิกเด่นที่ผมมองจากพ่อเลยคือ รักพวกพ้องมากๆ ใครที่ได้เป็นเพื่อนกับคนใต้ถือว่ามีเพื่อนที่ดีที่สุดพร้อมจะตายแทนกันได้ (ส่วนคนที่ไม่ใช่เพื่อน พวกเขาก็จะไม่สนใจอะไรเลย) ฐานเสียงเลยเทให้พวกพ้องของเขา

4.ภาคต่างๆที่เหลือ ยังไม่มีคนรู้จักดีพอ เลยไม่ขอพูด

5.ส่วนกรุงเทพฯ เป็นเหมือนSalad Bowl หรือชามสลัด คนจากหลายภาคมารวมกันที่นี่ เพราะไม่ได้มีแต่คนกรุงเทพ บวกกับเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ง่ายมาก แต่ที่ได้สส.ปชป เยอะก็เพราะได้ฐานจากท่านผู้ว่าอภิรักษ์ เป็นทุนเดิม บวกกับกระแสเบื่อ ประชานิยมแจกแหลกมั้ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 05-03-2008, 16:28
ต่ออีก

จริงๆจะไปว่าคนอีสานไม่มีการศึกษาไม่ถูกนะครับ เพราะ ปชป เอง ถามว่าเอาจริงกับพื้นที่ อีสานแค่ไหน ระดับแกนนำลงไปบ่อยแค่ไหน และมีการทำงานในพื้นที่ต่อเนื่องแค่ไหน
อย่างที่ปากช่อง โคราช ปชป ส่งใครที่คนทั้งอำเภอไม่รู้จักมาลง แล้วอย่างนี้จะให้คนในพื้นที่เลือกได้อย่างไร
แต่ถึงขนาดนั้นคะแนนในระบบสัดส่วนยังได้มากมาย เพราะความนิยมในตัวพรรคล้วนๆเลยครับ
แล้วตอนเลือกตั้ง แกนนำพรรคไปที่ไหนกันครับ ลงพื้นที่อีสานบ่อยแค่ไหนกัน งาน ปชป คืนคืนถิ่นอีสานจัดมาทำอะไรครับ
จัดแล้วคนจัดกลับมาสมัครเลือกตั้งใน กทม แบบว่า งง ครับ แล้วโคราช ทำไมคุณนิพนธ์ซึ่งเคยเป็น สส ทำไมไม่ลงครับ ถ้า ปชป อยากจะได้ที่นั่งเพิ่มในภาคอีสาน

1. ต้องลงพื้นที่ให้หนักกว่านี้
2. ต้องคัดสรรคนที่ชาวบ้านรู้จัก
3. เลิกเล่นการเมืองแบบเดิมๆแต่ต้องหาทางเสนอทางออกให้กับประเทศครับ
 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 05-03-2008, 16:33
คนเราจะบอกว่าตัวเองดีกว่าใคร ก็ต้องทำให้ดีกว่าคนนั้น
โอกาส เป็นสิ่งที่หาได้ยาก เมื่อครั้งมีแล้ว แต่ไม่เคยทำ มันก็แค่นั้น

ชีวิตคนเราก็แค่นี้ อยู่กับสิ่งที่เห็น และที่เป็น

อีสานกับเหนือ รวมกันก็ 200 ที่นั่งนิดๆ ต่อให้กาพลังประชาชนหมดทั้งสองภาคก็เถอะ

หากบางพรรคที่ว่าประเสริฐ ซื้อใจคนกรุงเทพ +ภาคกลาง + ตะวันออก + ใต้ ได้ทั้ง 100%
พลังประชาชนมันก็แค่ฝ่ายค้านแค่นั้นแหละครับ

แต่ไฉน ภาคกลาง+กรุงเทพ เสียงยังรั่วไปหาพลังประชาชนตั้งเกือบ 60 ที่นั่ง
และความเป็นจริงที่ผ่านมา สส อีสานกับเหนือรวมกันก็ไม่ถึง 200 ซะด้วยซ้ำ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 05-03-2008, 16:34
สุดท้ายนะครับ ผมขอทิ้งแรง ผ่าแยกทั้งสองคนออกจากกันเดี๋ยวนี้ ด้วยข้อสรุปจากที่ไปขุดมา

1 ผมมองว่าประชาชนขาดข้อมูล ข่าวสารอย่างที่ชาว เมือง หรือชาวกรุงได้รับ การปิดกั้นสื่อไม่ให้นำเสนอแง่มุมด้านลบของพรรคตรงข้าม ปชป นั้น หรือแม้แต่ตัวสถานีโทรทัศน์ หรือสื่ออื่นๆเอง ก็ไม่กล้าที่จะเสนอในแง่มุมนั้นๆ อาจเนื่องมาจากผลประโยชน์ด้านการค้าด้วย เลยทำให้ประชาชน ในต่างจังหวัดไม่ได้รับรู้ข้อมูลเหล่านั้นเลย ไม่ว่าจะจากทางลับ หรือเปิดเผยอย่างคนเมืองได้รับ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ได้มองว่าคนต่างจังหวัดเหล่านั้นโง่ เพราะเคยคุย เคยเล่าเรื่องบางเรื่องให้กับคนเชียงใหม่ที่พอพูดคุยด้วยได้ เขาถามว่าจริงเหรอ เขาไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ ด้านนี้มาก่อนเลย ไม่มีโทรทัศน์ช่องไหนออกข่าวเลย ซึ่งผมบอกว่าไม่มีใครกล้าเสนอ และเรื่องพวกนี้ย่อมถูกปิดกั้นอยู่แล้วเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง

2 ด้วยขนบธรรมเนียม หรือแนวปฏิบัติของคนต่างจังหวัดมักจะเป็นไปในลักษณะอุปถัมภ์ ช่วยเหลือพึ่งพากัน ยามตกทุกข์ได้ยาก เขาย่อมศรัทธาในตัวบุคคลเหล่านั้นที่มาช่วยเหลือ หยิบยื่นให้เขา ยามตกยาก ตรงนี้ลบความรู้สึกเขาได้ยาก ถึงแม้คนที่มาช่วยเขาจะปล้น ฆ่าใครมา เพราะเขาถือว่าเขาอยู่รอด มีกินอยู่ได้เพราะคนคนนั้น เขาย่อมตอบแทนคุณกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยช่วยเหลือหยิบยื่นให้เขา ถึงแม้จะเป็นคนดีดุจเทพลงมาเกิด เขาก็คงไม่ให้ความสนใจ เปรียบกับผู้สมัคร สส.ที่มาจากพรรคใดก็ตามที่อาจจะมีนโยบายสวยหรู ทำได้จริง ไม่หลอกลวงประชาชน เขาก็คงไม่ศรัทธา เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงแม้แต่ในเมืองอย่าง กทม เช่น คราวเลือกตั้งล่าสุดที่ผ่านมา ผู้สมัคร สส. พรรค ปชป ในเขตบ้านผม ไม่เคยมาให้เห็นหน้าเลย ไม่รู้จักว่าเป็นใคร มาตอนหาเสียงอย่างเดียว แต่ก็ได้รับการเลือกเข้ามายกทีม แต่นี่เป็นเพราะคน กทม เข้าใจการเมืองและเลือกพรรค แต่ คน ต่างจังหวัดจะไม่คิดแบบนั้น ในขณะที่ พรรคฝ่ายตรงข้าม หมั่นเข้าหาประชาชนตลอดปี เอาเครื่องดับเพลิงมาติดตั้ง เอาวัคซีนป้องกันสุนัขบ้ามาฉีด เหล่านี้เป็นต้น ในเมืองคงทำในลักษณะเดียวกับ ต่างจังหวัดคงไม่ได้ ที่อาจจะแจกเป็นเงินหรือกองทุนหมู่บ้านต่างๆ นี่เราคงต้องตัดประเด็นของแหล่งที่มาของเงินที่จะเอามาทำเรื่องพวกนี้ ออกไปก่อน แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่จับต้องได้ที่ประชาชนได้รับ
เท่าที่มองเห็นข้อใหญ่ๆตอนนี้ผมว่า2ข้อที่ผมพูดนั่นแหละ เรื่องสมานฉันท์ รักชาติ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ การที่มีคนมาร้องห่มร้องไห้ตอนมารับ ที่สนามบินนั่นเป็นเพราะทุกคนเสียผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ไป นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราไม่มีใครมองถึงประเทศชาติอย่างปากพูดทุกคนคงทราบดี

3.เป็นวัฒนธรรมความเชื่อในชุมชน ภาคเหนือ/อีสาน ที่สืบต่อๆ กันมาแล้ว คนเหนือ/อีสาน มักออกไปทำงาน นอกบ้าน ใช้แรงงาน ไปเช้า เย็นกลับ กลับ หรือทำงานที่บ้าน(ทำไร่ ทำนา แทบทั้งวัน ไม่ค่อยมีโอกาศติดตาม ข่าวสาร ทางเมือง หรือไม่เกาะติด(อาจผิดกับคนใต้ ที่ตัดยางกลางคืนกลางวันกินน้ำชานั่งคุย แข่งนก เที่ยวหมู่บ้านหรือแทบไม่ค่อยใช้แรงงานเพราะส่วนหนึ่งจ้างเขา เช่นเจ้าของสวนยาง ก็จ้างคนอื่นตัดยางแทน โดยแบ่งกัน 50-50% เจ้าของก็สบายไว้เอายางขายอย่างเดียว) หรือคน กทม.มีเวลาติตตามข่าวสาร คนในท้องถิ่น ตามลักษณะการประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องเอาข้อมูลจากผุ้นำประกอบการตัดสิน รายได้ค่าตอบแทน ส่วนหนึ่งจำเป็นต้องใช้ เป็นลักษณะความเชื่อ ด้วยเมื่อได้เงินค่าตอบแทน(ซึ่งหายากในท้องถิ้นนั้น กว่าจะเงินต้องใช้แรงงานเหนื่อย) เมื่อได้เงินเป็นความเชื่อว่าต้องตอบแทน เสมือนเป็นหนึ้บุญคุณ เป็นความเชื่อส่วนใหญ่ของคนถิ่นนั้นไป (ซึ่งผิดกับคนภาคใต้ ใครให้เป็นตัวเงิน เสมือนถือว่าเป็นดูถูก กัน และคนใต้ผุ้นำต้องถิ่นแทบไม่อิทธพลการตัดสินใจ เพราะถือว่า เข้าคูหากาใครไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ สามารถพูด แก้ไขไปได้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 05-03-2008, 16:34
ต่ออีก

จริงๆจะไปว่าคนอีสานไม่มีการศึกษาไม่ถูกนะครับ เพราะ ปชป เอง ถามว่าเอาจริงกับพื้นที่ อีสานแค่ไหน ระดับแกนนำลงไปบ่อยแค่ไหน และมีการทำงานในพื้นที่ต่อเนื่องแค่ไหน
อย่างที่ปากช่อง โคราช ปชป ส่งใครที่คนทั้งอำเภอไม่รู้จักมาลง แล้วอย่างนี้จะให้คนในพื้นที่เลือกได้อย่างไร
แต่ถึงขนาดนั้นคะแนนในระบบสัดส่วนยังได้มากมาย เพราะความนิยมในตัวพรรคล้วนๆเลยครับ
แล้วตอนเลือกตั้ง แกนนำพรรคไปที่ไหนกันครับ ลงพื้นที่อีสานบ่อยแค่ไหนกัน งาน ปชป คืนคืนถิ่นอีสานจัดมาทำอะไรครับ
จัดแล้วคนจัดกลับมาสมัครเลือกตั้งใน กทม แบบว่า งง ครับ แล้วโคราช ทำไมคุณนิพนธ์ซึ่งเคยเป็น สส ทำไมไม่ลงครับ ถ้า ปชป อยากจะได้ที่นั่งเพิ่มในภาคอีสาน

1. ต้องลงพื้นที่ให้หนักกว่านี้
2. ต้องคัดสรรคนที่ชาวบ้านรู้จัก  
3. เลิกเล่นการเมืองแบบเดิมๆแต่ต้องหาทางเสนอทางออกให้กับประเทศครับ
 :slime_worship:

เอาแค่ข้อ 2 พอแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 05-03-2008, 16:35
ผมว่าปัญหาที่แท้จริงของพลเมือง ไม่ใช่เพราะเป็นคนภาคนั้น เป็นคนภาคนี้ พูดง่ายๆ ว่าคนของภูมิภาคไหน

ปัญหาเดียวที่ผมมองคือ "การศึกษา" และ "วิจารณญาณ" ครับตราบใดที่ไม่มีภูมิคุ้มกันในเรื่องลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ

 :slime_shy:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 16:36
อย่าไหว้ครูนานนักล่ะ

เช่นนั้นก็ยินดีครับ
ไม่ไว้หน้า - ไม่รักษาน้ำใจ - จบแล้วไม่ต้องเผาผีกัน
ตามสไตล์ผมนะครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 05-03-2008, 16:36
นั่นก็คือนักการเมืองพร้อมฐานเสียงสำเร็จรูป ที่ใส่ชะลอมวางเป็นกองๆ รอให้ใครก็ได้ที่ทุนถึงเข้ามาช็อปปิ้ง
ถ้าทุนเก่าไม่ถึง ทุนใหม่จ่ายดีกว่า ก็พร้อมจะแปรพักตร์ย้ายตาม โดยที่ฐานเสียงไม่รู้เหนือรู้ใต้
เพราะตามัวมองแต่ตัวนักการเมืองที่หัวแถว พรรคการเมืองอีสานถึงได้โตแล้วแตก แยกแล้วรวม จนกระทั่งปัจจุบันก็ไม่มีสถาบันพรรค
เป็นเนื้อเป็นหนัง


  เห็นด้วย สุดๆ :slime_smile:

 หากสังเกตุดู ตั้ง แต่ เติ้ง เป็นนายก    มาจิ๋ว   มาเหลี่ยม

  ก็ จะเก็บพวก สส ขายตัว พวกนี้ทั้งนั้น  

 จนปัจจุบัน  ผมก็ยัง สงสัย  ว่าเพราะอะไร  

 แต่ ตอนยุคเหลี่ยมหนักกว่าเก่านะ  ไม่ใช่อย่างนี้   พวก  สส ย้าย พรรค ไปพรรค อื่น  ช้างล้มเป็นแถว  แต่พวกแปะโลโก้เหลี่ยม ได้เป็นสส

 ผมไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิด ของ  รากหญ้าเหมือนกันนะ :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 16:40
ค่อนข้างตรงกันครับ คุณเข้าสู่ระบบ

ตัวบุคคลในท้องถิ่นสำคัญที่สุด

ถ้าจะพูดเรื่องนโยบาย พวกที่เคยเลือกคนเดิมย่อมเข้าใจอยู่แล้ว

ขนาดเพื่อแผ่นดินที่ทำท่ามาแรง ก็ยังยึดนโยบายเดิม เพราะเข้าใจง่าย

ที่สำคัญ การจ่ายเงินลงไปในชุมชน ในรูป SML มันได้ใจพวกกำนันผู้ใหญ่บ้าน

หนี้กองทุนหมู่บ้านก็ติดตัวอยู่ จำเป็นต้องต่อท่อน้ำเลี้ยง

จะว่าไปคนอีสานก็เลือกคนเดิมๆ ไม่เปลี่ยนข้างไปไหน ก็เพราะคนเดิมๆ ไม่ย้ายไปไหน

มันก็วนๆ อยู่กลุ่มเก่าคือ กิจสังคม ชาติไทย ความหวังใหม่ อยู่แค่นั้น ไทยรักไทยนั่นมาทีหลัง

อิทธิพลท้องถิ่น ไม่ใช่สร้างกันวันเดียว ก็เหมือน คนใต้เลือกปชป. นั่นแหละครับ

พรรคไหนจะไปเจาะได้ล่ะ คนที่แทรกได้ก็ต้องมีเครือข่ายในจังหวัดที่ใหญ่พอตัวถึงจะบุกได้

ผมก็ว่าเซมๆ นะ ถ้าหากคนใต้เลือก ปชป. คนอีสานเลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่ ปชป.

เว้นแต่ตัวสส.ใหญ่จะไปเข้าพรรค ปชป. อย่างที่เราเห็นในบางเขต บางจังหวัดที่ สส.เก่า ย้ายไป ปชป. ก็มีคะแนน"เกือบได้" หลายเขต

........................

ภาพที่เราเห็นตอนหาเสียง บางทีมัน็แค่สร้างภาพ ออกทีวี จ้างคนไปฟัง ทำกันทุกพรรค หากปราศรัยใหญ่

คนแถวบ้านผมเค้าดูพวก นปก.หรือพันธมิตรแค่ลิเกการเมือง เพราะเค้ามีคนในใจของเค้าอยู่แล้ว

พวกที่จะเข้าไปหาเสียงโดดๆ ต้องไปรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ

อ้อ...พวกวีซีดีทักษิณ แถวบ้านผมไม่มีหรอกครับ น่าจะเป็นการกระพือข่าวของั้งสองฝ่ายให้ดูเกินจริง

ถึงเวลาเลือกกันจริงๆ ก็เห็นการรวมหัวกันต่างพรรค ใครจะนึกว่าเจ้าเกรียง มันจะไปจับมือกับวิฑูรย์ได้

เชื่อมั๊ย ผมบอกว่า อิสระ ก็จ่ายหัวละ 50 บาท

ก็อิสระ สมชัย เป็นทนายความให้น้องชายเกรียงพ้นคุกคดีฆ่าคนตายไง

คนจำพวกนี้ ถ้าสุพล(มท. 2) ไม่ไว้หน้า อัดทั้งสองอำเภอ อิสระก็ปิ๋ว

ของมันรู้ๆ กันอยู่ ใครตัวจริงตัวปลอม ใครจับมือใครบ้าง

เพราะในการเมืองระดับจังหวัด มันมีความขัดแย้งระดับท้องถิ่นปนเปกันไป ทั้งเทศบาล อบจ. อบต.

ถึงยังไง มันก็ไปตกแก่ สส. คนไหน ชาวบ้านผูกพันมากกว่ากัน

เรื่องพรรคมาทีหลัง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 05-03-2008, 16:41
นั่นก็คือนักการเมืองพร้อมฐานเสียงสำเร็จรูป ที่ใส่ชะลอมวางเป็นกองๆ รอให้ใครก็ได้ที่ทุนถึงเข้ามาช็อปปิ้ง
ถ้าทุนเก่าไม่ถึง ทุนใหม่จ่ายดีกว่า ก็พร้อมจะแปรพักตร์ย้ายตาม โดยที่ฐานเสียงไม่รู้เหนือรู้ใต้
เพราะตามัวมองแต่ตัวนักการเมืองที่หัวแถว พรรคการเมืองอีสานถึงได้โตแล้วแตก แยกแล้วรวม จนกระทั่งปัจจุบันก็ไม่มีสถาบันพรรค
เป็นเนื้อเป็นหนัง


  เห็นด้วย สุดๆ :slime_smile:

 หากสังเกตุดู ตั้ง แต่ เติ้ง เป็นนายก    มาจิ๋ว   มาเหลี่ยม

  ก็ จะเก็บพวก สส ขายตัว พวกนี้ทั้งนั้น  

 จนปัจจุบัน  ผมก็ยัง สงสัย  ว่าเพราะอะไร  

 แต่ ตอนยุคเหลี่ยมหนักกว่าเก่านะ  ไม่ใช่อย่างนี้   พวก  สส ย้าย พรรค ไปพรรค อื่น  ช้างล้มเป็นแถว  แต่พวกแปะโลโก้เหลี่ยม ได้เป็นสส

 ผมไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิด ของ  รากหญ้าเหมือนกันนะ :slime_surrender:

เปิดใจให้กว้าง ลดอคติให้น้อยลง

สส นั้น สำคัญครับ
ไม่ได้เกี่ยว่าแปะโลโก้เหลี่ยมดอกครับ

เพื่อแผ่นดิน ก็ สส ไทยรักไทยเก่า คนเขาเลือกที่ตัว สส นะครับ ได้ตั้งหลายคน
มิหนำซ้ำ สส ไทยรักไทยเก่าที่ยังอยู่กับพลังประชาชนก็สอบตกหลายคนเช่นกัน

หลายเขตในอีสาน ที่ ประชาพิบัติไม่ได้ส่ง สส ลง
เพราะมีสัญญาใจกับพรรคชาติไทย ทำให้เสียพื้นที่ส่วนตัวเมืองไป

โทษใครได้ครับ

หรือจะมาระบายกะคนในบอร์ดแทน

ไประบายที่อาบอบนวดแทนดีไหมครับ ?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 05-03-2008, 16:44
เลิกด่าแม้วกันซะเถอะลุงแคน

ไปรวมกะพวกแม้วดีกว่า
ไม่รู้คนอีสานอย่างเรามาต่อต้านพี่แม้วทำไม

ต้านไปเขาก็ด่าคนอีสานว่าโง่อยู่ดีแหละว๊า
ไม่ได้มีไรดีเลยจริงๆ

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 05-03-2008, 16:50
เปิดใจให้กว้าง ลดอคติให้น้อยลง

สส นั้น สำคัญครับ
ไม่ได้เกี่ยว่าแปะโลโก้เหลี่ยมดอกครับ

เพื่อแผ่นดิน ก็ สส ไทยรักไทยเก่า คนเขาเลือกที่ตัว สส นะครับ ได้ตั้งหลายคน
มิหนำซ้ำ สส ไทยรักไทยเก่าที่ยังอยู่กับพลังประชาชนก็สอบตกหลายคนเช่นกัน

หลายเขตในอีสาน ที่ ประชาพิบัติไม่ได้ส่ง สส ลง
เพราะมีสัญญาใจกับพรรคชาติไทย ทำให้เสียพื้นที่ส่วนตัวเมืองไป

โทษใครได้ครับ

หรือจะมาระบายกะคนในบอร์ดแทน

ไประบายที่อาบอบนวดแทนดีไหมครับ ?
:slime_bigsmile:

 
 :slime_bigsmile:  ไม่ได้ไปว่าอะไร ทำไม อารมณ์เสียจัง   ไม่เคยไปเที่ยวอาบอบนวดแบบคุณซะด้วยสิ   แย่จัง หัดมีความคิดก่อนตอบหน่อยก็ดี ไม่ได้ไปเหยียบหางคุณซะหน่อย

 ก็แค่ความสงสัย   เอาง่ายๆ  เพื่อแผ่นดิน  น่ะ สส เก่าเท่าไหร่   มากกว่า50คน  แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มัน นิดเดียวเอง

 ยังไม่รวม ที่แตกไปพรรคอื่นๆ ด้วย สส เก่า ตก กัน ตั้งเยอะ   นี่มันข้อสังเกตุนะ    แล้วงวดนี้ สส หน้าใหม่ ของพปช น่ะ ที่ภาคอีสานอีกเท่าไหร่

 อย่าปัญญานิ่มล่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 05-03-2008, 16:54
:slime_bigsmile:

 
 :slime_bigsmile:  ไม่ได้ไปว่าอะไร ทำไม อารมณ์เสียจัง   ไม่เคยไปเที่ยวอาบอบนวดแบบคุณซะด้วยสิ   แย่จัง หัดมีความคิดก่อนตอบหน่อยก็ดี ไม่ได้ไปเหยียบหางคุณซะหน่อย

 ก็แค่ความสงสัย   เอาง่ายๆ  เพื่อแผ่นดิน  น่ะ สส เก่าเท่าไหร่   มากกว่า50คน  แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มัน นิดเดียวเอง

 ยังไม่รวม ที่แตกไปพรรคอื่นๆ ด้วย สส เก่า ตก กัน ตั้งเยอะ   นี่มันข้อสังเกตุนะ    แล้วงวดนี้ สส หน้าใหม่ ของพปช น่ะ ที่ภาคอีสานอีกเท่าไหร่

 อย่าปัญญานิ่มล่ะ

สส หน้าใหม่ มันก็แค่พื้นที่นอกๆหรอกครับแหม
อำเภออาจสามารถอะไรอย่างนั้น ส่งใครลงก็ชนะ

เพื่อแผ่นดิน มันได้ สส ขนาดนั้นก็ถือว่าสุดคุ้มแล้วครับแหม

ไอ้พวกหน้าเก่า สอบตกในเขตเมืองไม่รู้เท่าไหร่ คิดมั่งสิครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 16:59
เลิกด่าแม้วกันซะเถอะลุงแคน

ไปรวมกะพวกแม้วดีกว่า
ไม่รู้คนอีสานอย่างเรามาต่อต้านพี่แม้วทำไม

ต้านไปเขาก็ด่าคนอีสานว่าโง่อยู่ดีแหละว๊า
ไม่ได้มีไรดีเลยจริงๆ

 :slime_bigsmile:

...นั่น งอนซะ...

อย่าให้ถึงกับเป็นประโยคท็อปฮิตที่ว่า "You hate me because I'm black." เลยครับ
"แกเกลียดฉัน เพราะฉันเป็นคนอีสานใช่มั้ย?" แหม มันก็เกินไปครับ เราก็คนไทยทั้งนั้น

ปัญหาตอนนี้ก็คือคนระดับล่าง ก็ยังเลือกสส.คนเดิมๆ - สส.คนเดิมๆ ก็ยังทำตัวเป็นส.ส.โสเภณีที่พร้อมจะแจมใครก็ได้ที่ได้เป็นรัฐบาล
ใช่มั้ยล่ะครับ? แถมอาศัยทุนของบักแม้วที่เหนือกว่า ช็อปปิ้งสส.อีสาน สส.เหนือไปแบบชิลๆ

แถมที่ทำให้ปัญหามันยิ่งซับซ้อนก็คือ พ.ป.ช.ใช้วิธีปิดกั้นข่าวสาร ปลุกระดม เพื่อสร้างผีบุญพระเจ้าแม้วขึ้นมา
ปั่นหัวคนรากหญ้าอีสานให้เกลียดชังคนกรุง หรือพรรคฝ่ายค้าน ใช่มั้ยล่ะ

คนกรุงหรือคนที่เชียร์พรรคฝ่ายค้านก็เลยเกลียดกลับมั่ง

โดยที่มีพวกคุณคนอีสานชั้นกลาง อยู่ระหว่างรถบรรทุกสองคันที่กำลังจะวิ่งชนกัน

พวกคุณก็หวังว่าสส.ปชป.จะหาคนดีๆมาให้คุณเลือก จะได้คานกัน
แต่ประชาธิปัตย์อาจจะไม่มีกระสุนพอที่จะเผื่อในพื้นที่ของคุณ
หรือไม่ก็กลัวว่าถ้าเอาคนดังไปลง เอาพี่มาร์คไปลงช่วยเชียร์
อาจจะเจอม็อบพลังประชาชั่วเข้า กลับบ้านแบบศพไม่สวย

...แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ??


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 05-03-2008, 17:04
...นั่น งอนซะ...

อย่าให้ถึงกับเป็นประโยคท็อปฮิตที่ว่า "You hate me because I'm black." เลยครับ
"แกเกลียดฉัน เพราะฉันเป็นคนอีสานใช่มั้ย?" แหม มันก็เกินไปครับ เราก็คนไทยทั้งนั้น

ปัญหาตอนนี้ก็คือคนระดับล่าง ก็ยังเลือกสส.คนเดิมๆ - สส.คนเดิมๆ ก็ยังทำตัวเป็นส.ส.โสเภณีที่พร้อมจะแจมใครก็ได้ที่ได้เป็นรัฐบาล
ใช่มั้ยล่ะครับ? แถมอาศัยทุนของบักแม้วที่เหนือกว่า ช็อปปิ้งสส.อีสาน สส.เหนือไปแบบชิลๆ

แถมที่ทำให้ปัญหามันยิ่งซับซ้อนก็คือ พ.ป.ช.ใช้วิธีปิดกั้นข่าวสาร ปลุกระดม เพื่อสร้างผีบุญพระเจ้าแม้วขึ้นมา
ปั่นหัวคนรากหญ้าอีสานให้เกลียดชังคนกรุง หรือพรรคฝ่ายค้าน ใช่มั้ยล่ะ

คนกรุงหรือคนที่เชียร์พรรคฝ่ายค้านก็เลยเกลียดกลับมั่ง

โดยที่มีพวกคุณคนอีสานชั้นกลาง อยู่ระหว่างรถบรรทุกสองคันที่กำลังจะวิ่งชนกัน

พวกคุณก็หวังว่าสส.ปชป.จะหาคนดีๆมาให้คุณเลือก จะได้คานกัน
แต่ประชาธิปัตย์อาจจะไม่มีกระสุนพอที่จะเผื่อในพื้นที่ของคุณ
หรือไม่ก็กลัวว่าถ้าเอาคนดังไปลง เอาพี่มาร์คไปลงช่วยเชียร์
อาจจะเจอม็อบพลังประชาชั่วเข้า กลับบ้านแบบศพไม่สวย

...แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ??

ก็บ่นไปงั้นแหละครับ ไม่มีไรหรอก :slime_bigsmile:

เพื่อนผมลง สส พลังแม้ว รอบเมื่อกี้ ผมยังไม่ไม่กามันเลย

มีประโยคคลาสสิคกว่านั้นนะ

If you're not with me .. then you're my enemy


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 17:07
เดี๋ยว ๆๆ
กรณีของผม  ผมไม่สนใจ "ประเด็นการเมือง" ที่ว่าคนอีสานส่วนไหนจะรัก - ไม่รักแม้วนะครับ
ผมมุ่งตรงไปที่ "พฤติกรรมทวงบุญคุณ" ที่คนอีสานหลายคน ( รวมทั้งพวก "มั่ว - ขอเลียอีสาน" ) อยู่ ๆ จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาทวงเอาจากคนเมือง

...ประเภท
"ถ้าไม่มีคนอีสานน่ะ  กรุงเทพ ฯ ไม่เจริญแบบนี้หรอก ( เหมือนที่เจ๊กชอบพูดว่า "ถ้าไม่มีคนจีน  ป่านนี้เมืองไทยยังมีแต่ขอทาน" นั่นล่ะ )"
หรือ
"วันไหนถ้าคนอีสานกลับบ้านหมด  คนกรุงเทพ ฯ แหม้งเป็นอดตายกันทั้งเมือง"
...อะไรทำนองนี้
ซึ่งโดยนัยแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้งทางการเมือง


...แต่เมื่อ "ผู้ผ่านทาง" บางท่าน หยิบยกเอา "พฤติกรรมส่วนตัวของคนอีสานอันส่งผลต่อการเมือง" ขึ้นมา
ผมก็ยินดีที่จะนำเอาพฤติสันดานเหล่านั้น มาร่วมวิพากย์ด้วย
วาไอ้สันดานเหิมเกริมเยี่ยง "ขี้ข้าได้ยศ  ไม้ตะพดได้หัวเงิน" ซึ่งสะท้อนออกมาจากคำยกย่องเชิดชูซะจนเลิศเลอทำนอง "คนอีสานคือผู้สร้างประเทศไทย" นั้น
แท้จริงแล้ว... 
ก็เป็นเพียงการสอพลอยอยกกันเองเพื่อปลอบประโลมกำพืดสันดานไพร่ทาสทีฝังติดตัวมาตั้งแต่รุ่นโคตรพ่อโคตรแม่  รวมทั้งเจตนาแอบแฝงคือมุ่งหวัง "ใช้งาน" พวกดียวกันเองด้วยหลักจิตวิทยาง่าย ๆ - ราคาถูก ที่เรียกว่าการ "ยกยอ ปอปั้น"

( *ยอ มีไว้จับปลา...เมื่อ "ยกยอ" ก็เพราะจะเอาปลา   ปั้นปอ คือการทำเชือก..หรือทำเชือกไว้เพื่อ "ผูกมัด" )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 17:18
ประเด็นข่าวสาร ความน่าเชื่อถือของผู้ให้ข่าวสารเป็นเรื่องสำคัญ

ต้องมองที่แหล่งข่าวด้วย พฤติกรรมเป็นอย่างไร

ถ้าตัวผู้ให้ข่าวสารแผลเต็มตัว ก็ขาดความน่าเชื่อถือ

.........................

แหะ แหะ ผมมีเพื่อนทั้งสองฟาก ผมไม่เห็นต้องทะเลาะกับพวกเชียร์แม้ว

เอาแค่เวลานี้ อุบล มี 4 พรรคการเมือง

เป็น รมต. 3 คน 3 พรรค

แล้วปชป. จะไปอยู่ตรงไหน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 17:23
...เอาเป็นว่าหย่าศึกกันแค่นี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวจะกลายมาเป็นทะเลาะกันเองระหว่างภาค เรื่องยาวเปล่าๆ

หัวกระทู้อาจจะแรงไปหน่อย ถ้าสะเทือนใจเพื่อนๆเสี่ยวอีสานหลายๆคนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ แต่ส่วนหนึ่ง
ก็คือความรู้สึก "จี๊ด" จากการเจอ SMS หรือข้อความในจดหมายลักษณะนี้บ่อยๆในทีวีรายการการเมืองทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นเนชั่น แชนแนล หรือ TTBS ฯลฯ ความรู้สึกมันเลยระเบิดออกมา (ไม่อยากโทษปู่เย็นหรอก คงจะรู้สึกคล้ายๆกันแหละ)

แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องตั้งแบบนี้แหละ จะได้ "ล่อ" ลุงแคนเข้ามา
เพราะอะไรที่ลาวๆหน่อย ลุงแคนแกโดดใส่ทันที ไม่มีพลาด และก็คาดไม่ผิด

ผมอาฆาตแกไว้ตั้งแต่ตอนที่แกเข้ามาอัดพรรคพวกในนี้แล้ว เห็นแกดี๊ด๊าน่าหมั่นไส้มาก
แต่ตอนนั้นผมไปนอนเล่นอยู่เชียงคานซะหลายวัน จะใช้คอมที่นั่นเข้ามาแจมหน่อย
ก็ลืมล็อกอิน เลยต้องฝากไว้ก่อน...ฮี่ๆ...เพิ่งจะได้โอกาสนี่แหละ


...จากคนใต้ใจดำหน้าเดิมนะครับลุง...ชอบแหย่คนแก่เล่นเป็นงานอดิเรก...เห็นคนแก่ๆ
โดยเฉพาะคนแก่หลงลาวอย่างลุง เป็นฟืนเป็นไฟแล้วมีความสุขทุกทีเลย...
เหมือนได้ดูหม่ำ จ๊กมก โดนเท่ง เถิดเทิงอัด... ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :slime_inlove:

ยังไงก็รักลุงนา...ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ... ไม่มีลุงแล้วผมจะแหย่ใคร

...วันนี้เสียงานทั้งวันแล้ว...สะใจ...ไปละ...รักนะ จุ๊บๆ  
  :slime_bigsmile:

อ้อ! ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับที่เข้ามาแจม เลยได้มุมมองใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ
อย่างที่ว่าแหละครับ เราต่างคนต่างก็คลำคนละด้านของช้าง ถ้าได้แลกเปลี่ยนมุมมอง
กันบ้างเราก็จะเห็นช้างได้ครบส่วนมากขึ้น มุมมองของผมเป็นมุมมองของคนต่างภาคที่มองคนอีสาน โดยเฉพาะพวกรากหญ้า
ซึ่งคนอีสานกันเองอาจจะไม่รู้สึกตัวก็ได้เพราะความเคยชินกับวัฒนธรรมของตัวเอง
แต่มันอาจทำให้คนต่างภาคที่ไม่ชินสะดุ้งเลยก็ได้

ส่วนลุงแคน ถ้าแกไม่ยอมคลำหางช้าง
จะคลึงไข่ช้างอยู่ตรงนั้นที่เดียวก็ช่างแกเถอะ...
ซังคนแก่ขี้งอน...นึกว่าเป็นตาสะออนเหรอ...เด่อเอ๊ย  :slime_smile2:









หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 17:33
กระทู้แบ่งชนชั้น น่ารังเกียจ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 17:37
ความรู้กับปัญญา มันมีข้อแตกต่างกันอยู่นะ ลองๆ ค้นดู เผื่อจะเจอ

ปู่เย็นไหว้ครูตั้งนาน ได้แค่นี้เองเหรอ อืมม..อะนะ..แค่นี้หมดแม็กซะแล้ว

ไม่เข้าเป้ากระทู้ซักกะติ๊ดเลย

ช่วยอธิบาย "เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองดีกว่าน่า...ประโยคแรกมันแหม่งๆ นะ

มันไปเชื่อมกับพฤติกรรมทวงบุญคุณยังไง เค้าขอเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ที่บอกทวงบุญคุณ

รู้จักคำว่า "แฟ็ค" มั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-03-2008, 17:50
ผ้าสีแดงตัดเสื้อไม่สวย

เล่นอธิบายแต่ว่าสีแดงไม่ดี อิ อิ


กรรมของเวรจริงๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 18:47
ความรู้กับปัญญา มันมีข้อแตกต่างกันอยู่นะ ลองๆ ค้นดู เผื่อจะเจอ

ปู่เย็นไหว้ครูตั้งนาน ได้แค่นี้เองเหรอ อืมม..อะนะ..แค่นี้หมดแม็กซะแล้ว

ไม่เข้าเป้ากระทู้ซักกะติ๊ดเลย

ช่วยอธิบาย "เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองดีกว่าน่า...ประโยคแรกมันแหม่งๆ นะ

มันไปเชื่อมกับพฤติกรรมทวงบุญคุณยังไง เค้าขอเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ที่บอกทวงบุญคุณ

รู้จักคำว่า "แฟ็ค" มั๊ยครับ


เมื่อไม่ยอมจบ
ผมก็ยินดีไม่จบ
...ซึ่งผมรับรองได้ว่าหลังจากมวยชกเริ่มจนถึงยก 5
ไม่ว่าใครจะเป็นยังไง  ก็ไม่มีหนทางได้กลับมาพูดคุยกันอีก


และสำหรับผมแล้ว  ผมยิ่งกว่ามีเพื่อนทั้ง 2 ฟากซะีอีก
เพราะไม่ว่าพรหมินทร์  ไอ้ห้อย  จาตุรนต์  หรือแม้แต่น้องวัน - น้องดวง  ฯลฯ  นั่นก็รุ่นน้อง OSK โรงเรียนผม
สุรยุทธขิงเน่านั่นก็รุ่นพี่ผม
ฝ่ายพันธมิตรไล่ตั้งแต่พี่เจิมศักดิ์  พี่แก้วสรร - ขวัญสรวง  คำนูน ...นั่นก็รุ่นพี่หรือรุ่นใกล้เคียงกับผม
...ไม่ต้องอื่นไกลเลย วรพจน์ หิรัญฯ WM พันถีบราชดำเนิน ที่ชาวเสรีไทยแสนจะรักใคร่คุ้นเคย นั่นก็รุ่นน้อง OSK101 ( มศ.5 รุ่นสุดท้าย )
...แค่เป็น "คนอีสาน - บ้านเดียวกัน" อย่าทำเป็นฝอย   เห็นทุบหัวกันเองแล้วเอาไปเผานั่งยางออกจะถมเถไป
ในขณะที่สวนกุหลาบ ฯ อย่างผมน่ะ  ต่อให้เพื่อนกันเองทำปฎิวัติก็ยังทำเป็นหลง ๆ ลืม ๆ จำไม่ได้ เอาผิดไม่ถูก
...กุหลาบจากกอเดียวกัน  ยังไงมันไม่แทงหนามใส่กันเองหรอกครับ

 :slime_cool:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 19:04
...แน้! ลุงแคน เล่นไม่เลิกแฮะ
ผมว่าจะสมานฉันท์ เลิกแล้วต่อกันอยู่แล้วเชียว ลุงเล่นดอดมาอัดปู่เย็นตอนผมเผลอนี่หว่า
จอห์น ซีน่าเลยต้องวิ่งกลับขึ้นเวที ช่วยเจฟ ฮาร์ดี้ ที่กำลังโดนอูมาก้าอัดอยู่
"BAD LAO! BAD LAO!" นะลุง

รู้ไหม ผมไม่ปฏิเสธมุมมองของลุงหรอก ว่ามันเป็น FACT หนึ่ง
แต่ปัญหาของมันก็คือ  FACT ของลุง มันเป็นมุมมองที่ไม่รับผิดชอบพอๆกันกับมุมมองนักวิชาการ
ที่ด่าค.ม.ช.โขมงโฉงเฉง ว่าเป็นเผด็จการ แต่พอสมัครเข้ามาก็เงียบเป็นเป่าสาก
มุมมองของนักหนังสือพิมพ์ก็เหมือนกันแหละ พอถึงจุดหนึ่งพวกนักน.ส.พ.ก็จะลอยตัวเหนือปัญหา
ปล่อยให้ประชาชนคิดว่ามันก็แค่เกมของนักการเมือง  เดี๋ยวมันก็ผสมพันธุ์กับคนโน้น
เดี๋ยวมันก็ผสมพันธุ์กับคนนี้ เลือกตั้งมันไปแล้วก็ช่างหัวมัน ทำอะไรไม่ได้
แล้วก็รายงานข่าวคนโน้นฮั้วกับคนนี้ คนนี้แฮปปี้กับคนนั้น
 (แล้วก็แฮปปี้ไปกับยอดขายหนังสือพิมพ์ซึ่งตอนนี้เกลี้ยงแผงทุกฉบับ)
ผมถึงบอกว่ามุมมองของลุงมันคือไข่ช้างไงครับ

แต่ลุงก็ไม่ควรจะให้ไข่ช้างบังตา (ถึงมันจะใหญ่มากก็เถอะ) ว่ามีมุมมองอื่น
อย่างมุมมองของคนชั้นกลางในเมือง โดยเฉพาะผู้เสียภาษี เพราะอย่าลืมว่า
เงินของรัฐ อยู่ในกระเป๋าของเรานะคร้าบลุง เงินที่รัฐจ่าย ก็ควักจากกระเป๋าเรา
และเงินที่รัฐไปก่อหนี้ไว้ คนที่จะต้องชดใช้ให้ก็คือพวกเรานี่แหละ เพราะงั้นแค่ประกาศ
ประชานิยมรอบสอง ตามด้วยอภิมหาโปรเจ็คต์ผันแม่น้ำโขงเข้าอีสาน หลายๆคน
ก็ขนหัวลุกแล้ว ถ้ามันคุ้มทุน มีรายได้ขึ้นมาก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้ามันขาดทุน
รัฐมนตรีก็ได้ตังค์ไปแล้ว นักการเมืองท้องถิ่น อ.บ.ต.ก็ได้ค่าหัวคิวไปแล้ว
คนพื้นถิ่นก็ได้เบี้ยบ้ายรายทางไปแล้ว แต่คนที่ไม่ได้อะไรเลย แต่เอากระดูกแขวนคอเต็มๆคือใคร
ลุงบอกมาถี? แล้วถ้ามันเกิดเอาสมบัติชาติไปขาย อัดเงินเข้าประชานิยมอีกล่ะ
รากหญ้าหลั่ลล้า แต่คนเมืองน้ำตานองมั้ยล่ะลุง? คนที่น้ำตานองไม่ได้แค่คนกรุงนะ
แต่รวมถึงเพื่อนๆเสี่ยวอีสานที่ต้องเสียภาษีทุกท่านด้วย ห่านทั้งหลาย เตรียมตัวร้องจ๊ากเถอะ!
เห็นมั้ยล่ะว่าทำไมคนชั้นกลางที่เสียภาษีถึงต้องจับตามองรัฐบาลไม่ให้กระดิก
มันจะเป็นพรรคไหนมาจากไหนก็ช่าง แต่ถ้าแม่มซี้ซั้วมาสร้างหนี้ โกงกินกันจะๆ
ก็ต้องไล่แม่มไปพ้นๆ (ถึงจะไม่ถูกใจรากหญ้าก็เถอะ)

แล้วอย่างทฤษฎี 2 นคราล่ะ ปกติถ้ารัฐบาลคนชนบทไหนเลือกเข้ามาแล้วสร้างหนี้สร้างสิน
โกงกินหน้าด้านๆ ก็โดนคนเมืองล้ม แต่ตอนนี้พ.ป.ช.แมร่งเล่นนอกเกม
ไปปลุกระดมรากหญ้ามาสู้คนเมือง (อย่างที่คุณเข้าสู่ระบบบอก) คราวที่แล้วมีกรรมการมาห้ามทัพ แต่คราวนี้
กรรมการหนีไปหลับซะแล้ว คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้น ลุงแคนรูปหล่อลองบอกมาหน่อยซิ
ถ้าลุงไม่เห็นการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ แสดงว่าช้างน้อย (ของช้างใหญ่) ทิ่มตาลุงเต็มๆเลยนะ
ผมว่าปู่เย็นเห็นภาพนี้ แต่ลุงเล่นหลับตาซะงั้น  (เคลิ้มล่ะสิ)

มุมมองของลุงตอนนี้โคลสอัพใกล้ไข่ช้างไปหน่อยนะครับ เลยมองไม่เห็นปัญหารอบตัว
ลองซูมถอยออกไปไกลๆหน่อย ลุงอาจจะเห็นภาพกว้างขึ้น (และเห็นว่าตูดช้างก็สวยดีเหมือนกันนะ)

และแล้วจอห์น ซีน่าก็เอาเข็มขัดฟาดหัวอูมาก้า แล้วจับ F. U. ซะหนึ่งที แล้ววิ่งลงเวทีไป...
คราวนี้ไปจริง เจอกันใหม่ใน Royal Rumble นะลุงนะ! บา-ย
  :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ตี๋ สักมังกือ ที่ 05-03-2008, 19:05


...ไม่ต้องอื่นไกลเลย วรพจน์ หิรัญฯ WM พันถีบราชดำเนิน ที่ชาวเสรีไทยแสนจะรักใคร่คุ้นเคย นั่นก็รุ่นน้อง OSK101 ( มศ.5 รุ่นสุดท้าย )


 :slime_cool:




ผมถามเรื่องเดียวอ่ะครับว่า ถ้าจบ มศ.5 รุ่นสุดท้าย ถ้าเข้ามหาลัย เลยจะ เข้าเรียนปี 26

งั้นแสดงว่าหายไปช่วงนึง ถึงไปเรียน เป็นรุ่นน้องคุณแคนได้ เพราะเข้าระหัส 29  :mrgreen:

ใครต่อยกันผมไม่เกี่ยว  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 05-03-2008, 19:15
ผมจบ ม.8 จากนั้นก็ไปจบ ป.4 โรงเรียนเดียวกับลุง Can
...กรั่ก ๆๆๆ

 :slime_v:




ปล. ตอบคำถามคุณยากูซ่าสักลายชินจัง
...วรพจน์น่าจะเป็นฟอสซิล


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 05-03-2008, 19:42
อืมม์...เผลอแป๊บเดียว

คนแก่ๆเค้าก็ดอดมาเล่าความหลังกันเองซะแล้ว

เล่าความหลังแล้วก็อย่าลืมไปกินของขม ชมเด็กสาวด้วยเด้อ ปู่

(จิบเบียร์ขมๆเย็นๆดูโคโยตี้เต้นที่ร้านไม้เอก ระวังเจออีจ๊ะอยู่แถวนั้นล่ะ)

...ไปจริงๆแล้วล่ะ บ๊าย!

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 05-03-2008, 19:46
เอาเป็นว่า อย่าให้เพียงแค่กระทู้นี้กระทู้เดียว ต้องจบกันแบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันเลยครับ

ทั้งเจ้าของกระทู้ ทั้งผู้ร่วมสนทนา ผมว่าพอแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ อย่าให้มันเกินเลยจนกระทั่งดูไม่ค่อยดีนัก

ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 05-03-2008, 20:10
กระทู้นี้ทำให้ผมนึกถึงอีกด้านหนึ่งของ "เศรษฐกิจพอเพียง" หรือ Sufficiency Economy ขึ้นมา ซึ่งภาพที่รับรู้ในสายตาคนไทยทั่วๆ ไปขณะนี้ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าเศรษฐกิจแบบเน้นจำกัดตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง หรือการกลับไปสู่ธรรมชาติ อะไรทำนองนั้น

แต่หลักการอีกอย่างคือ "การพึ่งพาตนเอง" นั้นผมเห็นว่าเป็นหัวใจสำคัญยิ่งกว่า และครอบคลุมกว้างไกลออกไปยิ่งกว่าเรื่องเศรษฐกิจหรือปากท้องอีก

ในกรณีนี้...ถ้าคน ครอบครัว และหน่วยสังคมโดยส่วนใหญ่หรือโดยทั่วไป มีความสามารถผลิตปัจจัยเลี้ยงตนเองให้อยู่รอดในระดับพื้นฐานได้ ถ้าการแลกเปลี่ยนค้าขายต่างๆ เกิดขึ้นในระดับของ "ทรัพยากรส่วนเกิน" เป็นหลัก และดังนั้นจึงเป็นการค้าขายด้วยความพอใจร่วมกัน มากกว่าภาวะจำยอมหรือบีบคั้น

ก็คงจะไม่ค่อยมีเหตุให้ผู้คนลุกขึ้นมากล่าวโทษหรือลำเลิกบุญคุณกันเป็นกระแสใหญ่โตว่า "พวกตู" เป็นผู้ผลิตอาหารเลี้ยง "พวกสู" ที่เป็นผู้กดขี่ สูบทรัพยากรพวกตูไปบำรุงบำเรอตนเองอยู่ฝ่ายเดียว "พวกสู" มีชีวิตอยู่รอดมาได้ก็เพราะ "เหงื่อตู" ในข้าวทุกคำที่พวกสูกินอย่างเอร็ดอร่อยบนความทุกข์ยากของพวกตู หรืออะไรทำนองนั้นซ้ำๆ ซากๆ อีก

เอาล่ะ นั่นอาจเป็นภาพอุดมคติที่อยู่ไกลจนหวังได้ยาก แต่ถ้ามองกลับมาที่สถานการณ์เฉพาะหน้าตอนนี้
เราน่าจะสนับสนุนให้แต่ละท้องถิ่น แต่ละภูมิภาค มีความเป็นอิสระและเอกเทศต่อกันในทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางปล่อย-ผลักดัน ไล่ให้ทรัพยากรกระจายตัวออกไปจากการกระจุกรวมศูนย์ให้มากขึ้น เพื่อเป็นการคลายปมเงื่อนความแตกแยกในขณะนี้ลง และลดความเป็น "เป้านิ่งทางการเมือง" ของกรุงเทพและเมืองศูนย์กลางความเจริญอื่นๆ ไปด้วย



แถมท้าย ผมเองเพิ่งมีโอกาสได้เสียภาษีมาไม่กี่ครั้ง อาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกท่านที่เป็นชนชั้นกลางรุ่นใหญ่ๆ ที่เสียภาษีมาหลายต่อหลายปีแล้วดีเท่าไหร่นัก

แต่เรื่องภาษีที่เสียไปนั้น ช่วงนี้ในบางอารมณ์...ผมก็เกิดนึกขึ้นมาเหมือนกันนะว่า เราสละส่วนของเราให้กับส่วนรวมไปแล้ว ถึงเสียงส่วนใหญ่อยากจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หรือยอมให้ใครมาหลอก ก็คงต้องปล่อยๆ ไปบ้าง ถือซะว่าเป็นค่าเช่าย้อนหลังที่มาอาศัยแผ่นดินเขาอยู่ หรือเป็นค่าไถ่ทาสในเรือนเบี้ยอย่างเราให้ค่อยๆ เป็นอิสระขึ้นมาจากสายบุญคุณ-ความแค้น-ภาวะพึ่งพา-การกดขี่ ฯลฯ ที่โยงใยกันมั่วซั่วระหว่างใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้มาตั้งแต่ยุคสมัยไหนก็ไม่รู้ ก็แล้วกัน...



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 00:00
ได้โอกาสดีกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย เลยกลายเป็นเทวดา เป็นผู้มีความรู้เก่งกาจกันไปหมด

พอเค้าไม่เชื่อขี้ปากก็ไปลากมาว่าเค้าโง่ ด้อยการศึกษา พวกที่เรียนมาแบบนี้ น่าจะคืนปริญญาเค้าไปซะ

มหาวิทยาลัยไหน สอนให้รังเกียจประชาชน นี่คือความเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่า ใครไม่เลือกพวกกูคือพวกโง่

นี่แหละความแตกต่างระหว่างการเรียนเอาปริญญาเพื่อความรู้แต่ไม่ติดปัญญาให้ตัวเอง

การศึกษาแบบด้อยคุณภาพ เลยกลายเป็นพวกกูเก่ง กูดี กูถูกต้อง

ความรู้ที่เรียนมามันก็แค่กระผีกหนึ่งของความรู้ในจักรวาล

สิ่งที่คนกรุงไม่รู้ ในโลกของต่างจังหวัดยังมีอีกเยอะ

แล้วอย่าสะเออะไปว่าเค้าโง่

พวกที่เชื่อว่า โกงไก้แต่ต้องทำงาน มันก็พวกในกรุงยุคนี้เยอะแยะไม่ใช่หรือ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 06-03-2008, 00:19
ขอแสดงความคิดเห็นในทู้นี้หน่อยนะคะ....อ่านมานานแร๊ะ

คำว่าคน...ไม่มีใครโง่หรือฉลาดไปกว่ากัน สิ่งที่พร่องคือการรับรู้ในข่าวสาร

และการศึกษา ที่ถูกถูดยัดเยียดให้ได้เพียงแค่นั้น...

จะให้คนกรุงเทพฯ ไปทำไร่ไถนาคงทำไม่เป็น จะให้ชาวนามานั่งบริหารธุรกิจ ก็คงทำไม่ได้

ทุกๆคนที่เกิดมา มีส่วนประสานประโยชน์ให้กงล้อแห่งธรรมชาติของมวลมนุษย์ใด้อยู่ร่วมกันโดยสันติ


แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ มันคือความไม่พอเพียงในสิ่งที่มีและเป็น จึงเกิดวัฒธรรมใหม่

สั่งสอนให้คนหลงไหลในวัตถุแบบเอื้ออาทรแฝงนัยยะ สอนให้เชื่อว่า ความเป็นอยู่ที่ดี ต้องมาจากรัฐบาล

เป็นหน้าที่ของรัฐฯ ที่จะต้องคอยอุ้มกระเตง พวกง่อยเปลี้ยเสียกระบาลตลอดไป

อีตอนนี้...ใครล่ะ รัฐฯเหรอ พวกชนชั้นกลางที่ต้องเป็นควายเทียมเกวียน รับภาระอันหนักนี้ไปเต็มๆ

แล้วตอนนี้.... ใครควรจะทวงเจ้าพระเดชนายพระคุณจากใครดี?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 06-03-2008, 00:22
ได้โอกาสดีกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย เลยกลายเป็นเทวดา เป็นผู้มีความรู้เก่งกาจกันไปหมด

พอเค้าไม่เชื่อขี้ปากก็ไปลากมาว่าเค้าโง่ ด้อยการศึกษา พวกที่เรียนมาแบบนี้ น่าจะคืนปริญญาเค้าไปซะ

มหาวิทยาลัยไหน สอนให้รังเกียจประชาชน นี่คือความเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่า ใครไม่เลือกพวกกูคือพวกโง่

นี่แหละความแตกต่างระหว่างการเรียนเอาปริญญาเพื่อความรู้แต่ไม่ติดปัญญาให้ตัวเอง

การศึกษาแบบด้อยคุณภาพ เลยกลายเป็นพวกกูเก่ง กูดี กูถูกต้อง

ความรู้ที่เรียนมามันก็แค่กระผีกหนึ่งของความรู้ในจักรวาล

สิ่งที่คนกรุงไม่รู้ ในโลกของต่างจังหวัดยังมีอีกเยอะ

แล้วอย่าสะเออะไปว่าเค้าโง่

พวกที่เชื่อว่า โกงไก้แต่ต้องทำงาน มันก็พวกในกรุงยุคนี้เยอะแยะไม่ใช่หรือ




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 00:51
ปัญหาว่า ทำไมคนชั้นกลางต้องรับภาระ ผมคิดว่า ภาระภาษีก็มีเท่าๆ กัน

ใครทำได้มาก ก็เสียมาก ใครทำได้น้อยก็ไม่ต้องเสีย ระบบความเป็นธรรมทางภาษี มันก็มาจากการได้โอกาสทำเงิน

การได้โอกาสทำเงินมากกว่า ก็เพราะได้โอกาสมีการศึกษาที่ดีกว่า ใช้ทรัพยากรของประเทศด้านการศึกษามากกว่า

ความเป็นธรรมตรงนี้ มันขึ้นกับว่า คุณให้คุณค่าหรือตีราคาผลิตผลทางการเกษตรมากหรือน้อยกว่าผลิตผลทางอุตสาหกรรมหรือบริการ

ความไม่เป็นธรรมในเรื่องโอกาสทางการศึกษานี่แหละ ที่ทำให้คนชั้นกลางมีภาระหน้าที่โอบอุ้มทั้งประเทศ

ประเทศใดมีคนชั้นกลางมาก นั่นคือปรเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเมืองไทยยังอยู่อีกใกล

ยิ่งได้บัณฑิต ครึ่งผีครึ่งคนอย่างที่เป็นอยู่ คงต้องพัฒนาจิตใจของบัณฑิตครึ่งผีครึ่งคนพวกนี้ให้มาก

การพัฒนาทั้งการศึกษาและจิตใจต้องทำไปพร้อมๆ กัน

พวกด้อยการศึกษาก็ไปเพิ่มโอกาสทางการศึกษา

พวกที่ด้อยทางด้านจิตใจ ก็ต้องไปเพิ่มทางด้านคุณธรรมและจริยธรรม เรียนให้ได้"ปัญญา" อย่างเรียนเพื่อความรู้ทำมาหากินอย่างเดียว

พอมีโอกาสดีเข้าหน่อยก็จะกลายเป็นเทวดาแบบทักษิณไปหมด

คนจำพวกนี้ถ้าคอมมูนิสต์ยังอยู่

เค้าจะจับไปไถนาแทนควาย รู้มั๊ย

ไม่ก็จะจับไปใช้แรงงานแทนชาวนาเหมือนพวกเขมรแดงทำกับพี่น้องของตัวเองนั่นแหละ

ต้องโดนจับไปสัมนาใหม่หมด


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 00:53
ได้โอกาสดีกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย เลยกลายเป็นเทวดา เป็นผู้มีความรู้เก่งกาจกันไปหมด

พอเค้าไม่เชื่อขี้ปากก็ไปลากมาว่าเค้าโง่ ด้อยการศึกษา พวกที่เรียนมาแบบนี้ น่าจะคืนปริญญาเค้าไปซะ

มหาวิทยาลัยไหน สอนให้รังเกียจประชาชน นี่คือความเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่า ใครไม่เลือกพวกกูคือพวกโง่

นี่แหละความแตกต่างระหว่างการเรียนเอาปริญญาเพื่อความรู้แต่ไม่ติดปัญญาให้ตัวเอง

การศึกษาแบบด้อยคุณภาพ เลยกลายเป็นพวกกูเก่ง กูดี กูถูกต้อง

ความรู้ที่เรียนมามันก็แค่กระผีกหนึ่งของความรู้ในจักรวาล

สิ่งที่คนกรุงไม่รู้ ในโลกของต่างจังหวัดยังมีอีกเยอะ

แล้วอย่าสะเออะไปว่าเค้าโง่

พวกที่เชื่อว่า โกงไก้แต่ต้องทำงาน มันก็พวกในกรุงยุคนี้เยอะแยะไม่ใช่หรือ




สิ่งที่สำคัญกว่า "รู้เรื่องรู้ราว" คือ "รู้จักกาละเทศะ - รู้สถานการณ์"

อย่างเช่นตอนนี้ - กระทู้นี้
ควรจะรับรู้ได้แล้วว่าต้องจบ ต้องเลิก
ซึ่งไม่จำเป็นต้องอาศัยว่าเป็นผู้เรียนจบระดับปริญญา
เป็นเทวดาเมืองกรุง
หรือเป็นผู้ทรงภูมิธรรมอันวิเศษต่างจังหวัด

มันเป็นสำนึกพื้น ๆ ของปุถุชนคนธรรมดาผู้ที่มีสติสัมปชัญญะ 
อันสามารถสำแดงออกได้เพียงง่าย ๆ ด้วยการระงับใจกายให้สงบลง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การรู้จักประตับประคองความปรองดองในสังคม
อันเป็นหลักธรรมขั้นพื้นฐาน ที่ใช้สืบสันดานเผ่าพันธุ์มนุษย์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
...ซึ่งเวลานั้น  ยังไม่ีมีความเป็นเมืองกรุง - บ้านนอก  รวมทั้งวุฒิการศึกษาระดับใด ๆ

ถ้ารักจะเอาชนะด้วยการดื้อดึงตะบึงดัน ปั่นคำหยาบหยามท้าทาย  หรือสำแดงอาการอวดดีอวดเก่ง
ก็ขอให้เก็บแรงเอาไว้ทำกับเป้าหมายหรือฝ่ายตรงข้ามก็แล้วกัน
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องประกาศความวิเศษวิโสของตน  ในขณะที่คนอื่นเขากำลังมองเห็น และกล่าวถึงความน่ารังเกียจที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้แก่เขา
...โดยที่เขาก็ไม่ได้กล่าวหาหรือชี้นิ้วไปยังตัวคุณ 
...คุณอาสาสมอ้างรับไปเอง  "เอาเป้ามาใส่ไว้ในวิถีกระสุน" ของเขาเอง


คิดเอง  ตรึกตรองเอาเองก็แล้วกันว่าที่กล่าวมานี้มันผิดจากหลักธรรมตรงไหน
หรือมีเจตนามุงมาดปรารถนาร้ายรึเปล่า
ซึ่งการคิดหรือตรึกตรองนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ศาสตร์วิชาระดับปริญญาโท - ปริญญาตรี หรือแม้แต่มัธยม - ประถมศึกษา เสียด้วยซ้ำ
แค่หยิบชั่ง แล้วถามตัวเองง่าย ๆ ว่าจะเลือกเอาอะไร
ระหว่าง "ตัวตน - อัตตา" กับ "สมัชชา - ภราดร"




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 06-03-2008, 00:58
คือว่า คนอีสานโดนดูถูกว่าโง่มามาก
ทั้งๆที่คนดูถูกเอง ก็ไม่ได้ดูฉลาดกว่าคนอีสาน

(คนขับรถ กับ ยามที่ด่ากัน)

มันตลกน่ะครับ ที่เส้นแบ่งความฉลาดของคนอีสานแบ่งด้วยเบอร์ 4 กับ เบอร์ 12

ทำไมเบอร์ 12 ถึงชนะ เบอร์ 4
ทำไมเบอร์ 4 ที่ว่าดีถึงแพ้เบอร์ 12

หาคำตอบไม่ได้ก็ลงที่ อีสานมันโง่

เป็นการลดรูปที่ตลกดีครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 06-03-2008, 01:00
ผิดคนอื่นเราเห็นเช่นภูเขา
ผิดของเราเราไม่เห็นเท่าเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเหลือจะทน
ตดของตนถึงแม้นเหม็นไม่เป็นไร



มีใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่บ้างไหมครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: คิคิ ที่ 06-03-2008, 01:04
คุณ isa นี่โอเคเลย
เล่นซะลุงหงายไปเลย อิอิ
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 01:11
ใครเป็นคนกำหนดว่ากระทู้ต้องจบหรือไม่จบ

ช่วยหาตัวชี้วัดให้หน่อยสิ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 06-03-2008, 01:15
ความดื้อรั้นกับความยืนหยัดนั้น แตกต่างกันมาก...

ความพยายามบังคับให้ผู้อื่นเห็นด้วย..........คือความดื้อรั้น

การมีแนวคิดเป็นของตนเองและลงมือปฎิบัติจนผู้อื่นเห็นด้วย

และยอมรับโดยดุษณีภาพ............คือความยืนหยัด




มหาตมะ  คานธี





มีใครคิดได้บ้าง....


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 06-03-2008, 01:19
ผิดคนอื่นเราเห็นเช่นภูเขา
ผิดของเราเราไม่เห็นเท่าเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเหลือจะทน
ตดของตนถึงแม้นเหม็นไม่เป็นไร



มีใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่บ้างไหมครับ

ไม่ทราบครับ

รู้แต่บทแห่งความปราชัย คือการผลักไสมิตร ไปเป็นศัตรูครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 01:20
ใครเป็นคนกำหนดว่ากระทู้ต้องจบหรือไม่จบ

ช่วยหาตัวชี้วัดให้หน่อยสิ



ความรู้สึกที่เรียกว่า "รำคาญ" ซึ่่งเกิดขึ้นในขณะที่ยังมองเห็นและให้เกียรติอีกฝ่ายว่า "เป็นคน"
หากเกินไปกว่านั้น  มันจะกลายเป็น
ความรู้สึกที่เรียกว่า "รังเกียจ" ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เล็งเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเพียง "เสนีeด" ที่สมควรเว้นระยะออกให้ห่างไกล


จะให้ชี้บ่งไหม ว่าตอนนี้ผมรู้สึกและเห็นว่าคุณอยู่ในระดับไหน ?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gemini ที่ 06-03-2008, 01:35
เอิ๊ก

ประเด็นถกเถียงใน "หัวข้อกระทู้" ค่อย ๆ หายไป

กลายเป็นปะทะคารมกันส่วนบุคคล

และกำลังจะกลายเป็น ปะทะสันแข้ง กันตามฟอร์ม

 :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 01:44
กระจกมีไว้ส่องตัวเอง

ถ้าจิตสำนึกเผด็จการยังฝังหัว ก็อย่าเข้ามาเล่นเว็บบอร์ด

ถ้ารักจะเล่นเว็บบอร์ด ก็อย่ารำคาญคนอื่น เข้าไจ๋

ไม่ชอบก็ผ่านเลยไป ถ้าคิดจะสำแดงปัญญาในประเด็นก็เต้นเข้ามา


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 02:12
กระจกมีไว้ส่องตัวเอง

ถ้าจิตสำนึกเผด็จการยังฝังหัว ก็อย่าเข้ามาเล่นเว็บบอร์ด

ถ้ารักจะเล่นเว็บบอร์ด ก็อย่ารำคาญคนอื่น เข้าไจ๋

ไม่ชอบก็ผ่านเลยไป ถ้าคิดจะสำแดงปัญญาในประเด็นก็เต้นเข้ามา


จิตสำนึกไม่เผด็จการที่ข่มขู่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยว่าจะจับไปไถนานั่นใช่ไหม ?
แบบนั้นไม่เรียกว่าเผด็จการหรอก
แต่เป็นแนวคิดของพวกเขมรแดง ...ไอ้กลุ่มคนเลวระeำที่ทำลายชีวิตและศักดิ์ศรีมนุษย์ - ประชาชนร่วมชาติ  เพียงเพราะ "เห็นว่าเป็นพวกคนเืมือง" ใช่ไหม ?

เผด็จการเป็นอย่างไร...ก็ดูจากไอ้รัฐบาลขิงเน่าหน่อมแน้มนั่นเอาเอง  เห็นก่นด่ากันหนักหนานี่นะว่าเป็นเผด็จการ
...ตั้งแต่วันแรกจนพวกมันคลานต้วมเตี้ยมกลับลงไป  ไม่รู้ว่าเผลอร้องไห้เพราะเหยียบมดในทำเนียบ ฯ ตายไปแล้วกี่้ครั้ง
แต่ถ้าอยากรู้จัก อยากเห็นเผ่าพันธุ์เขมรแดง กลุ่มคนเลวระeำที่ทำลายชีวิตและศักดิ์ศรีมนุษย์ - ประชาชนร่วมชาติ เป็นอย่างไร
...เห็นทีต้องไปหาดูจากใบหน้าและกมลสันดานของพวก "อีสานคลั่งชาติพันธุ์" อย่างไอ้ - อีบางคนแถว ๆ นี้



กระจกมีไว้ส่องหน้า...แต่ความดัดจริตตอแหลก็ทำให้เจ้าของของใบหน้าบอกตัวเองว่า
"( คนอีสานอย่าง ) กูแหม้งหล่อกว่าใคร" ทุกที

เลิกตอแหลลงสักหน่อย
เลิกได้เมื่อไหร่แล้วจะบอกว่า  ได้ปล่อย "ความน่าสังเวชใจ" อะไรไว้ให้ผู้คนเขายิ่งรู้สึกดูหมิ่นดูแคลน "คนอีสาน"
ในแบบที่เขาเองก็ไม่เคยคิดถึง - ไม่เคยรู้มาก่อน  ว่า
"โอ้โฮ...ไ้อ้ผู้คนจากดินแดนถนนเรียบจนรถวิ่งแล้วหมoยไม่กระดิก - ไข่ไม่กระดก มันทั้งงก - ทั้งหน้าด้าน ขนาดนี้ เชียวหรือ"


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 06-03-2008, 02:20
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ตลกดีครับลุงๆ

มีคนปรบมือพอใจแปะๆอยู่ข้างสนามมวยโน่น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gemini ที่ 06-03-2008, 02:28
มวยรุ่นแก่ เอ๊ย รุ่นใหญ่

ถูกคู่กันอีกคู่แล้ว

บอร์ดนี้ก็ดีไปอย่าง มีมวยค่ายเดียวกัน ขึ้นเวทีชกกันให้ดูอยู่เรื่อย
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 02:31
ถ้านาซียังอยู่ พวกรู้ครึ่งๆ กลาง เค้าเรียกโง่แล้วขยัน พวกนี้ทำลายประเทศชาติ

ก็อย่างทีบอกนั่นแหละ พวกชอบชอบทำตัวเป็นผู้วิเศษจากการศึกษา เค้าจับไปไถนาแทนควายมาเยอะแล้ว

ต้องจับไปสัมนา ให้เข้าใจสังคมมากขึ้น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 06-03-2008, 02:50
ไม่ทราบครับ

รู้แต่บทแห่งความปราชัย คือการผลักไสมิตร ไปเป็นศัตรูครับ

ผมว่าบางทีการเป็นมิตรกัน ไม่ได้แปลว่าจะต้องคล้อยตามกันไปทุกเรื่อง แล้วถ้าจะเป็นมิตรกันอย่างมั่นคง เราต้องชี้ข้อบกพร่องที่ของมิตรได้บ้าง
แต่ก็นั่นแหละมันก็ขึ้นอยู่กับว่า เราพร้อมจะรับฟังข้อตำหนิ เราพร้อมจะโต้แย้งโดยที่ไม่เห็นอีกฝ่ายโง่ ได้หรือไม่

ผมไม่เคยเชื่อว่า คนอิสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนกรุงเทพ รักประเทศไทยมากกว่าคนไทยในภาคอื่น ๆ เลย แต่ผมก็เชื่อว่าคนไทยทุกภาครักประเทศไทยเท่า ๆ กัน

ถ้าเพื่อนร่วมรบของเรามีข้อบกพร่อง เราควรชี้ข้อบกพร่องให้แก่กันได้

เยรูซาเล็มแตก ก็เพราะ กีย์ เดอ ลูซินเยอร์ ดื้อรั้น

ผมอยากเห็นคนโต้แย้งประเด็นที่ จขกท.เริ่มจุดไว้ในความเห็นแรกของเขา อย่างมีเหตุมีผลอะครับ ให้มันสามารถแตกหน่อ ต่อยอด สร้างความเจริญงอกงามทางปัญญาให้กับใครต่อใครที่ได้มาอ่าน มากกว่าการฟาดงวงฟาดงาเข้าใส่กันควันโขมงอย่างที่เป็นอยู่

ถ้าเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ไม่ได้ ก็แย่เหมือนกันนะครับ

อ่านกระทู้นี้ แล้วนึกถึงวลีของ "เสือเตี้ย" สนานจิตต์ บางสะพาน   ที่บอกว่า "ผู้ใหญ่ไม่น่าเคารพ เด็กไม่น่ารัก" ขึ้นมาทันทีเลยครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 02:59
ก็กระทู้ตั้งแบบโง่ๆ แล้วจะให้คนอ่านชมว่าฉลาด มันก็ยากนะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 06-03-2008, 03:12
ในฐานะที่เป็นผู้เสพ.....อ่านออกว่า...ใครที่ชอบโชว์โง่

แบบที่โบราณ เปรียบภิเปรย "แก่กะโหลกกะลา"



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 03:17
"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง "

หัวกระทู้นี้ คิดเองจริงๆ เหรอครับ

ถามจริงๆ ใช้สมองส่วนไหนคิดครับ


ใครสมองดีๆ ช่วยเชื่อมโยง ตรรกะ เหตุผล ข้อมูล มาสนับสนุนที

อะไรคือปัญหาการเมือง

ทำไมต้องหลีกเลี่ยง

การคิดว่าคนนั้นมีบุญคุณกับคนนี้ จะแก้ปัญหาหรือสร้างปัญหาการเมืองได้อย่างไร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-03-2008, 03:19


กระทู้หัวข้อและเนื้อหาแนวนี้ ตั้งมาอีกกี่กระทู้ก็มีปัญหา

เพราะมันคือกระทู้ชวนทะเลาะ ไปตั้งที่ไหนก็มีปัญหา..  :slime_doubt: :slime_cool:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 03:41
ถ้านาซียังอยู่ พวกรู้ครึ่งๆ กลาง เค้าเรียกโง่แล้วขยัน พวกนี้ทำลายประเทศชาติ

ก็อย่างทีบอกนั่นแหละ พวกชอบชอบทำตัวเป็นผู้วิเศษจากการศึกษา เค้าจับไปไถนาแทนควายมาเยอะแล้ว

ต้องจับไปสัมนา ให้เข้าใจสังคมมากขึ้น

ถ้าชื่นชมพฤติกรรมนาซี  ตื้นตันกับความอัปรีe์ของเขมรแดง
ก็อย่าเที่ยวไปเรียกใครเขาว่า "เผด็จการ" เลย

แต่ถ้ารักจะ "เสาะหา" คำพ่นพล่ามสวย ๆ หรู ๆ ไว้ด่าใครเขาก็จงรับรู้และศึกษาในพื้นฐานสักหน่อย
อีกเช่นกัน  เรื่องแบบนี้ไม่ต้องอาศัยความรู้ศาสตร์วิชาระดับปริญญาตรี - ปริญญาโท
คนโง่แล้วขยัน เป็นคำด่าของคนจีน ที่ก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับสารัตถะหรือบริบทที่หยิบยกหรือดันทุรังหยิบขึ้นมาถกในกระทู้นี้ ตรงไหน

ถ้าอยากจะสัมมนาหรืออบรมอะไรก็บอกมา  บริษัทจัดเป็นประจำเพราะทำธุรกิจด้านการให้คำปรึกษา
จะเอาแบบง่าย ๆ พื้น ๆ ที่วิทยากรในบริษัทสามารถสอนไปด้วย - เล่นเกมส์ออนไลน์ไปด้วย อย่าง ISO 900X หรือ GMP , GMO ฯลฯ เผื่อเอาไว้ปรับปรุงกระบวนการปลูกข้าวในนาก็ได้  ยินดีจัดหาที่นั่งให้ฟรีพร้อมอาหารกลางวันและเบรคอีกวันละ 2 มื้อ
...เมื่อปลูกได้ ขายเป็น จะได้ไม่ต้องไปพึ่งพา เป็นขี้ข้าบุญคุณไอ้พวกนักการเมืองกฎุมพีนิยม  แล้วก็มาอ้างมาคุยว่าเป็นคนรู้จักบุญคุณ  เมื่อเขามาช่วยก็ต้องตอบแทนบุญคุณเขา

...เพราะหากแยกแยะไม่ออกระหว่าง "หนี้บุญคุณส่วนตัว" ที่จะต้องชำระด้วย "การรับใช้ด้วยกำลังเฉพาะตัว"
กับ "ความดีความที่ทำไว้กับส่วนรวม" ที่สมควรจะต้องตอบแทนด้วย "อำนาจของความเป็นประชาชนบนแผ่นดิน"

แล้วสับสนปนเป  เอา "อำนาจการลงประชามติ - ฉันทามติ" ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐที่ประชาชนบนแผ่นดินได้ แบ่งรับไปอย่างเท่าเทียมกันตามแนวทางประชาธิปไตย   ไปถวายให้คนฉ้อฉล - คนฉกฉวย  อย่างเข้าใจว่าอำนาจนั้นเป็น
"ของกู - กูมีสิทธิจะเอาไปให้ใครหรือเอาไปใช้หนี้ชีวิตส่วนตัวแก่ใครก็ได้"
...ในที่สุดแผ่นดินก็ลุกเป็นไฟ   

ไม่ต่างจากคนในครอบครัวเดียวกันที่เอาสิ่งของสำคัญจำเป็นไปเจือจานแจกจ่าย หรือมอบให้คนอื่น  แล้วก็บอกว่า
"ของของอั๊ว  ปาป๊าให้อั๊วแล้ว  หม่าม้าให้อั๊วแล้ว"
...ซึ่งในที่สุดบ้านนั้น - ครอบครัวนั้นก็หายนะล่มจม
...อันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนที่มีปัญญาทำมาหากินในบ้านไม่มีความเอื้อเฟื้อแบ่งปันกัน
...อันมิได้เกิดขึ้นเพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านอ่อนแอ ไม่ลงมาดูแลเอาใจใส่
...อันมิได้เกิดขึ้นเพราะความแตกต่างทางสติปัญญา  รูปโฉม  หรือสุขภาพพลานามัย


รถไถนาหมู่บ้านละ 1 คันนั้นน่ะ
มันใช้ไถ "นาของใคร ?"
เื่มื่อไถเสร็จแล้ว - ข้าวงอกจนออกรวง เก็บเกี่ยวแล้ว
เป็น "ข้าวของใคร ?"

ลองไปดู "ชาวนาสุพรรณ ฯ" ที่เขาปลูกข้าวปีละ 2 ครั้งสักหน่อยนะ
ว่ารถไถที่วิ่งอยู่ในทุ่งนาของพวกเขาน่ะ
ชาวนาสุพรรณ ฯ เขาต้องซื้อเอง  หรืออย่างน้อยก็ต้องไปจ้างวานเอง
เขาไม่กล้าพอที่จะขอรัฐบาล "ซื้อรถไถให้ใช้หมู่บ้านละคัน" หรอก
ดังนั้นเขาจึงหาเหตุผลเพราะ ๆ มาอ้างไม่ได้ว่า
"เพราะไอ้ สอสอมันเอามาให่ฉัน ( กรุณาทำเสียงเหน่อ ...เพราะพยายามสะกดเหน่อแล้ว ) ฉันจึงต้องเลือกมัน"

จว.สุพรรณ ฯ จึงมีถนนที่กว้างใหญ่ ไม่เพียงแต่รถวิ่งแล้วหมoยไม่กระดิก - ไข่ไม่กระดก
...แต่ทั้งกว้างทั้งเรียบจนเครื่องบิน F-16 วิ่งลงมาจอดได้สบาย
นอกจากนั้นแล้ว จว.เขาก็ยังมีโรงยิมที่ใช้งานจริง - ไม่ใช่สร้างทิ้งไว้เพื่อผลาญงบประมาณแผ่นดิน  แล้วในที่สุดก็กลายเป็นที่พี้ยา หรือชำเราเอากันของบรรดาวัยรุ่นในจังหวัด - อำเภอ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-03-2008, 03:49



You agree not to post any abusive, obscene, vulgar, slanderous, hateful, threatening, sexually-orientated or any other material that may violate any laws be it of your country

ลองเปลี่ยนหัวข้อให้พิจารณา

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คน ใต้ ทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคน กรุงและภาคอื่นๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 03:53
พวกรู้ครึ่งๆ กลาง ๆ ก็ไปสอนแบบครึ่งๆ กลางๆ

แค่ตรรกะโง่ๆ ยังคิดไม่ออก จะไปสอนไปอบรมใครได้ล่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 04:08

ลองเปลี่ยนหัวข้อให้พิจารณา

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คน ใต้ ทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคน กรุงและภาคอื่นๆ

ก็ไม่ดีอยู่นั่นแหละครับ ในเมื่อมันนิยามศัพท์ไม่ได้ ความเชื่อมโยงมันใช้ไม่ได้เลย

วิธีคิดแยกเขา แยกเรา มันไม่สร้างสรรค์อะไรเลย ข่าวภาคใต้ใช้ปืนยิงกันตายตอนทักษิณเข้ามา ก็คิดแบบนี้

ผมว่ามันไร้สาระ...คิดแบบเด็กมัธยมหรือเด็กช่างกล


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-03-2008, 04:12
ก็ไม่ดีอยู่นั่นแหละครับ ในเมื่อมันนิยามศัพท์ไม่ได้ ความเชื่อมโยงมันใช้ไม่ได้เลย

วิธีคิดแยกเขา แยกเรา มันไม่สร้างสรรค์อะไรเลย ข่าวภาคใต้ใช้ปืนยิงกันตายตอนทักษิณเข้ามา ก็คิดแบบนี้

ผมว่ามันไร้สาระ...คิดแบบเด็กมัธยมหรือเด็กช่างกล

ยกตัวอย่างให้เห็นครับว่า ถ้าจะชวนทะเลาะนี่ง่ายมาก ตั้งกระทู้แบบนี้

แล้วก็รอพวก ชอบเสี้ยมเข้ามาผสมโรง..ด้วยถ้อยคำหมิ่นเหม่..


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 04:23
ทะเลาะกันทางตัวหนังสือ ผมว่าไม่น่ากลัว

เหมือนโต้วาที โดยไม่มีอาวุธ ไม่มีปัญหาหรอกครับ

เป็นเรื่องปกติของสังคมกระดานสนทนา

ในที่สุดคนอ่านเค้าอยากอ่านอยากร่วมเสวนาเค้าก็เข้ามาเอง

ไม่มีใครห้ามใครได้หรอกครับ...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-03-2008, 04:27
ทะเลาะกันทางตัวหนังสือ ผมว่าไม่น่ากลัว

เหมือนโต้วาที โดยไม่มีอาวุธ ไม่มีปัญหาหรอกครับ

เป็นเรื่องปกติของสังคมกระดานสนทนา

ในที่สุดคนอ่านเค้าอยากอ่านอยากร่วมเสวนาเค้าก็เข้ามาเอง

ไม่มีใครห้ามใครได้หรอกครับ...

ลองย้อนดูพันทิปยุคแรกๆ และช่วงหลังๆ เปรียบเทียบกันดูก็จะเห็นชัดครับ

ทำไมราชดำเนินเสื่อม ทำไมประชาไท ต้องปรับปรุง..


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 04:36
แถก ๆ แถ ๆ ฟุตเวอร์คหนีก็โอเค  ไมไ่ด้คะแนนก็ยังพอมีศักดิ์ศรีไม่ถูกไล่ลงเวทีอย่างหมูอย่างหมา
แต่นี่ไม่ไหว  เล่นเต้นไปถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาไป  ไม่เข้าเรื่องไม่เข้าราว

ถึงจะครึ่งก็ครึ่งทีี่ถูกทาง  ถึงจะกลางก็ตรงเข้ากลางใจ
...สอนใครได้หรือไม อันนี้่ไม่รู้  แค่เป็นที่ปรึกษา 6 สังกัด ทำงานเป็นที่ปรึกษามาแล้ว 11 ปี  ไมล์สะสมราว 2 พัน Man-days
...ก็ยังไม่มีม็อบพันธมิตรโรงงาน หรืผู้ประกอบการกลุ่มไหนออกมาไล่   ไม่มีใครทำปฏิวัติ ( น่าจะมีสักครั้งนะ  พับผ่าสิ...อยากลี้ภัยไปอังกฤษ  กะว่าจะซื้อทีมท็อตแน่ม ฯ  แล้วจ้างคุณขนิษฐา สาระจูฑะ์ไปเขียนอัตชีวประวัติ... :mrgreen:)


ไอ้ที่ซักค้านสานประเด็นไปก่อนนี้ก็ไม่มีอะไรใหม่
แค่เอาสิ่งที่บอกมาเอง ยอมรับออกมาเอง มาพลิกให้ดูอีกด้าน
...ซึ่งบังเอิญเป็นด้านที่ "ศักดิ์ศรีความเป็นคนอีสาน" มันค้ำกระเดือกไว้ไม่ให้ก้มลงไปดู
แล้วก็โชคไม่ดีที่ "คนอื่นเขาเห็นคนอื่นเขาดูอยู่"
...ซึ่งเมื่อเขาบอกให้รู้  ก็ดันไปอัด - ไปถล่มเขา
...เออนะ  คนอีสานนี่มันเลือก "ฉลาดด้วยการไม่รับฟัง"
พ่น ๆ พล่าม ๆ ด่า ๆๆๆๆ คนโน้นคนนี้ว่า โง่ ๆๆๆๆ

ย้อนกลับไปดูสักหน่อยะว่าในกระทู้นี้ ใครด่าคนอื่น - ภาคอื่น - จว.อื่น ว่าโง่ มากกว่ากัน
และมีใครด่าคนอีสานว่าโง่แล้วบ้าง ?

...ลองดู  ลองค้นหา "อีกด้าน" ที่พ่นใส่หน้าคนอื่นออกมาเอง เอาเอง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 04:39
เหอ เหอ แค่หัวกระทู้ยังไม่อธิบายเลย ไหงไปงัดอะไรมาเล่น

ถามไป สามประเด็นช่วยเชื่อมโยงให้หน่อยสิ

เผื่อจะได้รู้ว่ามีสมองส่วนเหตุผลประกอบอยู่ด้วย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 04:43
ลองย้อนดูพันทิปยุคแรกๆ และช่วงหลังๆ เปรียบเทียบกันดูก็จะเห็นชัดครับ

ทำไมราชดำเนินเสื่อม ทำไมประชาไท ต้องปรับปรุง..

คนเราแยกแยะคำว่า แตกแยก กับ แตกต่าง ไม่ตรงกัน

แค่ในสังคมครอบครัวยังมีความเห็นแตกต่างได้ แต่บางคนคิดว่าการเห็นแตกต่างคือความแตกแยก

กลายเป็นพวกเรา พวกเขา แบบนี้อันตรายครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 04:57
จะไปอ้อร้อกับหัวข้อกระทู้ทำไม ?
ก็ในเมื่อเจ้าของกระทู้เขาออกมาบอกเองแล้วว่าตั้งขึ้นให้ผู้คนเข้ามาโต้แย้ง
โดยเฉพาะคนที่ "เอาศักดิ์ศรี ( อะไรก็ไม่รู้ - บ้าอยู่คนเดียว ) อิสานมาค้ำคอ"


ลองเปรียบเทียบกับ "พาดหัวตัวไม้" ในหนังสือพิมพ์์สิ
ถ้าเล่มไหนมันพาดหัวว่า

"ทักษิณกลับมาสู้คดีแล้วเมื่อบ่ายวันนี้"
กับ
"ทักษิณบอกเอาแน่ สุวรรณภูมิเดือด"

...พาดหัวแบบไหนล่ะ  ที่ดึงดูดให้ผู้อ่านหยิบขึ้นไปดู ?


เคยทำหนีงสือพิมพ์รึเปล่า ?
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 05:06
ซึ่งก็ได้ผล  สัมฤทธิประโยชน์ ของ จขกท.แล้วนี่
หลอกคนอีสาน ที่เคยไปสะกิดต่อมรำคาญหูรำคาญตาให้หลงเข้ามาได้
แถมยังต้องเข้ามานั่งเฝ้ากระทู้  + ทะเลาะกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้สนใจแง่มุมการเมืองที่ติดอยู่ในประเด็นกระทู้สักเท่าไหร่


้ร้องเพลง Walk of Life ดีกว่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 05:08
แค่ประเด็นหลักของกระทู้ยังจับไม่ถูก แบบนี้ไปเป็นที่ปรึกษาที่ไหนก็เจ๊งบ๊ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 05:37
แล้วเราน่ะ "เลือกรับ" เอาเฉพาะที่ตัวเองสะดุดใจรึเปล่า ?

ส่วนเนื้อหาในกระทู้เขาก็ยกขึ้นมาฟูมฟาย ตรงมั่ง - เกินมั่ง เพื่อให้หัวข้อกระทู้มีน้ำหนัก
จะบอกว่า จับประเด็น จับกระเด็น  จับไข่  จับหำ อะไรได้
นั่นก็ต้องสุดแล้วแต่เจตนาและเป้าหมายของเจ้าของกระทู้
ในฐานะผู้แสดง คคห.จะไปคิดหรือสรุปเอาเอง  แล้้ว/หรือลากไปยังความเข้าใจ - ประเด็นตามความเข้าใจของตนเอง
กระทั่งสรุปทึกทักว่า "นี่นะ  อย่างนี้นะ  อย่างโน้นนะ"
...คงไม่้ได้ - ไม่เหมาะ

เพราะนั่นเท่ากับเป็นหัวขโมย  แย่งซีน  ปล้นสารัตถะจากกระทู้ของคนอื่นไปยำเอาเองตามอำเภอใจ


เห็นที่ขัดกันแย้งกันแล้วก็มีแต่ด่า ๆๆๆๆ เขาว่าโง่ ๆๆๆ รู้ไม่จริง - กึ่งรู้ ตั้งมากมาย
ถามหน่อยเหอะว่า "รับรู้" ในจุดประสงค์ของผู้ตั้งกระทู้หรือเปล่า ?
ส่วนผมเองก็บอกแล้วว่า "ไม่สนใจการเมือง" ซึ่งเป็นนัยยะว่ากระทู้นี้ขอขี่ม้านอกลู่ - ดูนกดูไม้


หากกำลังจะอ้อร้อกับหัวข้ิอที่ว่า "หลีกเลี่ยงความขัดแ้ย้งทางการเมือง" แต่เนื้อหาในกระทู้กลับลากไปเฉี่ยวไปโฉบมากับการเมือง
อันนั้นคงต้องไปงัดกับ จขกท.เอง

ที่ผมแสดง คคห.ก็เป็นเพียงข้อสนับสนุนในแง่มุม
"พวกคนอีสาน ( และพวกอ้างอีสาน ) จงเลิกพูดจาทวงบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ ซะทีเถอะ"
...เท่านั้น
ซึ่งมันก็ไม่เกินขอบเขตของกระทู้อยู่แล้ว
...ออกจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งซะด้วยซ้ำ


ถ้ามีเงินในกระเป๋าอยู่ร้อยบาท
คนหนึ่งพูดถึงแบงค์ 20
อีกคนเอาเป็นเอาตายอยู่กับแบงค์ 50
ส่วนอีกคนเลือกพินิจพิเคราะห์เหรียญ 10
หากต่างคนต่างว่าไปตามมุมมองและความสนใจ...มันก็ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าหดหายเสื่อมค่าลง

เว้นแต่ไอ้คนไหนมันจะทึกทักเอา่ว่า
"เฮ้ย ๆๆๆ  เแบงค์ 50 นี่สิโว้ยคือส่วนใหญ่ในกระเป๋า  ไ้อ้ส่วนที่เหลืออย่าไปสนใจ"
...นั่นก็เท่ากับว่าเป็นผู้ทำให้เงิน 100 บาทมันสูญเสียมูลค่าทั้้งหมดลงไปแล้ว


เสื้อสีแดงไม่จำเป็นต้องตัดเอาชิ้นผ้าออกมาจากผ้าสีแดง แล้วนำมาประกอบกัน
บางทีมันอาจจะเป็นเสื้อที่ตัดเย็บเป็นตัวสีขาวมาก่อน  แล้วจึงนำมาย้อมเป็นสีแดงทั้งตัว
ถ้าใครบอกว่า "เสื้อสีแดงไม่สวย"
ไม่จำเป็นต้องหมายถึงตัดเย็บไม่สวย  หรือสีแดงได้ไม่สวย  หรือแม้แต่ย้อมไม่สวย
...มันอาจจะเป็นเพราะ
"กรูไม่ชอบเสื้อสีแดงที่ห่อหุ้มตัวนังผู้หญิงนมใหญ่คนนี้ ( เพราะกรูไม่อยากให้มันใส่อะไรเลย )"
ก็เป็นได้





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 06-03-2008, 05:40
ลุงแคนไปพักผ่อนเถอะครับ
ผมเป็นห่วงเจรงๆ

ลุงแคนอยู่อีสาน เป็นฝ่ายรัฐบาลนะครับ   :slime_bigsmile:

จะว่าไปแล้ว บอร์ดนี้ มีลาวไม่กี่คนนี่หว่า
มีผม กะลุงนี่มั้ง

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 05:55
ทะเลเรียกพี่เลยนะ อิ อิ

กลับฝั่งเถอะครับ


 :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 06:05

แล้วตามออกมาทำไม ?
คู่ฟัดของคุณมันอยู่ข้างใน
ก็บอกแล้วว่าขี่ม้านอกลู่ 
หรือว่าง ๆ ก็แว่บเข้าไปหยอกเย้าคนในลู่เป็นครั้งคราว
นี่พาลพะโลโฉเก  หาเรื่องคนเขาไปทั่วก่อน
แถมยังเลยเถิดออกมานอกลู่ ไล่แทงคนที่เขาไม่ได้อยากจะโต้เถียงด้วย

โมหจริตตัวที่ชื่อฉันทาคติ "อีสานขงกรูใครจะแตะต้องมิได้" แรงจัด
อารมณ็เดียวกับเด็กช่างกลเมายา

...เฟอะฟะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 06:14
ยังไม่กลับฝั่งอีกเหรอ ฮ่า ฮ่า

อยู่ดีๆ เที่ยวเอากระไดไปให้คนอื่นลง

หารู้ไม่กระไดผมยาวลากพื้นอยู่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องมาทำดี

ตกลงมีใครจ้างเป็นที่ปรึกษาหรือยัง อิ อิ

อย่าไปทำเค้าเจ๊งนะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 06:57
ยังไม่กลับฝั่งอีกเหรอ ฮ่า ฮ่า

อยู่ดีๆ เที่ยวเอากระไดไปให้คนอื่นลง

หารู้ไม่กระไดผมยาวลากพื้นอยู่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องมาทำดี

ตกลงมีใครจ้างเป็นที่ปรึกษาหรือยัง อิ อิ

อย่าไปทำเค้าเจ๊งนะ


ใครบอกว่าต่อกระไดให้ "ลง"
เห็นชกไร้ฟอร์ม  ตั้งหน้าตั้งตาด่าเขาอย่างเดียว
ไร้ศักดิศรีมวยแก่ 
เอาแต่การ์ดสูง - ก้มต่ำ แล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่าย
เห็นแล้วสมเพช
จึงต่อกระไดให้กรรมการลง
...อยู่ตัดสินไปก็อายเขา
 :slime_bigsmile:


==========================================

ช่วงนี้ไม่มีงานครับ
ส่วนใหญ่เป็นงาน Analysing  ทางด้าน บ/ช - การเงิน ( ตบแต่งตัวเลขทาง บ/ช :wink: )
และ TR for Cert. ซึ่งเป็นงานของที่ปรึกษาท่านอื่น ๆ
สภาพการณ์ทางด้าน Production ของประเทศ ไม่น่ารอดเกิน ส.ค.นี้
Summer นี้ ก็เตรียมม้วนเสื่อกลับบ้านไปหลายรายแล้ว
ถ้าผลจากการปล่อย 30% เร็ว + แรงเกินคำโม้ของไอ้หมอลดความอ้วน
อาจได้เห็นม็อบคนงานตั้งแต่เดือน พ.ค. ( ผู้ผลิต ผลิตสินค้าไว้รับช่วงเปิดเทอมเสร็จแล้วก็ลดกำลังการผลิตลงเลย )


อีกอย่าง
สำนวน "ทะเลเรียกพี่" นี่เขาหมายถึง เค็มจัด - งกจัด นะครับ
...แต่เอาเหอะ
คนมันบ้านอยู่ไกลทะเล
...ให้อภัยได้
 :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 09:25
จานจ๊ะเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า เสรีไทย ต่างคนต่างมา ไม่ได้เดินตามกันเป็นฝูงๆ

ความเป็นปัจเจกสูง ไม่ให้ใครสนตะพายง่ายๆ หรอก

ความแตกต่างด้านความคิดเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย

ส่วนใครจะมองยังไง มันขึ้นกับสมองที่จะมองเห็นตรรกะ เหตุผล ข้อมูล

ตรงไหนเป็นข้อมูล ตรงไหนเป็นเหตุผล บางคนยังมองไม่ออกเลย

พวกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ลงพื้นที่จะไปมีข้อมูลอะไรมาสู้เค้า

แค่เปิดประเด็นก็เข้ารกเข้าพง ออกอ่าวออกทะเล

นี่แหละ เสรีไทยของแท้ ที่ไม่ชอบรวมฝูงปล่อยให้ใครมาสนตะพายกันง่ายๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 10:02
การตัดสินดี เลว เค้าใช้มาตรฐานทางศีลธรรม

ไม่ใช่มาตรฐานทางศาล

การตัดสินดีเลว ใช้หลักจริยธรรม เหมือนที่เค้าให้มีหมวดจริยธรรมนักการเมือง

ที่ใช้ถอดถอนนักการเมืองไง...ศาล ไม่ใช่ที่ตัดสินความดีความเลว

แต่ศาลเป็นที่ตัดสินข้อพิพาท หรือ ตัดสินว่ากระทำผิดต่อกฎหมายหรือไม่

มาตรฐานทางจริยธรรม กับ มาตรฐานทางกฎหมาย แม้จะใกล้เคียง แต่บางเรื่องแม้ผิดจริยธรรมก็ไม่ผิดกฎหมาย

อธิบายแบบนี้ จานจ๊ะจะเข้าใจมั๊ย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 06-03-2008, 10:04
ฮ่าๆๆๆๆ...กัดกันเองแบบนี้ก็เข้าทางตูเลย แบบกลุ่มอำนาจไหนหนอที่ยึดอำนาจเสร็จแต่แย่งกันใหญ่แย่งกันรวยและแย่งกันดัง จนท้ายสุดแล้วก็พ่ายแพ้ลงรูไป ถ้าตอบอย่างกลางๆก็ต้องถามกลับว่า คุณภาพสส.ภาคใต้ในช่วงระยะเวลา 60-70 ปีที่ผ่านมามันดีกว่าภาคอื่นตรงไหน? ถ้าดีจริงทำไมมีการฆ่ากันตายรายวันในขณะที่ภาคอื่นไม่เป็นเช่นภาคใต้? :slime_doubt:

ไปถามไอ้แม้วสิ คนเขาอยู่กันดีๆพอมันเข้ามาก็มีเรื่องเลย
ไม่รู้ว่ามันตั้งใจหรือมันโง่กันแน่อยู่รับผิดชอบตั้งหลายปีไม่มีปัญญาแก้
มีแต่ยิ่งทำให้ปัญหาหนักขึ้นๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 10:08
กลับมาอีกครั้ง หลังจากไปนอนคิดอยู่คืนนึง และเพื่อไม่ให้กระทู้นี้เป็นแค่กระทู้รังแกคนแก่ ผมก็เลยขอสเก็ตช์ภาพคร่าวๆของช้างทั้งตัว จากมุมมองต่างๆที่เพื่อนๆช่วยกันนำเสนอเข้ามา รวมทั้งข้อมูลของลุงแคนที่เผลอการ์ดตกออกมาให้เพื่อนๆได้ดูว่าโฉมหน้าของช้างตัวนี้เป็นยังไง...ทำไมเราถึงต้องกลัวมัน และทำไมเราถึงประมาทมันไม่ได้ และทำไมเราถึงต้องจับตามองรากหญ้าแถวอีสานเยอะๆ

อนึ่งขอใช้นามสมมุติของผู้ที่เกี่ยวข้องในกระทู้นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องเป็นพันล้านนะจ๊ะ


         ตูดช้าง

      ชนชั้นรากหญ้าที่ยังติดอยู่ในระบบไพร่ มีความเชื่อชนิดฝังหัว เชื่อในบุญคุณ
      เข้าไม่ถึงสื่อหลากหลาย ขาดวิจารณญาณ  พร้อมจะถูกชักจูงโดยผู้มีอิทธิพลในสังคม
      มีการพึ่งพากันในสังคมสูง หาเช้ากินค่ำ มองเห็นแค่ประโยชน์เฉพาะหน้า
      มองไม่เห็นภาพรวมของประเทศ สามารถจัดตั้งเป็นฐานเสียง และเมื่อพร้อมกว่านั้น
      ก็จะพัฒนาขึ้นเป็นมวลชน

               |
               |

            ไข่ช้าง (ที่ลุงแคนกำลังคลึงอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ)
      นักการเมืองท้องถิ่นที่สามารถควบคุมฐานเสียงในท้องถิ่นได้อย่างเบ็ดเสร็จ
      โดยผ่านเครือข่ายการเมืองระดับท้องถิ่นที่บิ๊กจิ๋วหลิวเป็นคนสร้างทิ้งไว้
      และถูกเทคโอเวอร์ไปโดยทุนของบ.ชินระกัมปนี อาศัยประชานิยมเบ็ดเสร็จในการซื้อใจ
      รากหญ้าและหัวหน้าชุมชน (จากปากคำของลุงแคนที่เผลอการ์ดตก มันแจกแทร็คเตอร์
      หมู่บ้านละคัน ผมถามหน่อยจิ๊ ว่าเงินเดือนส.ส.เดือนละสองแสน กับงบพัฒนาท้องถิ่น
      ที่มีให้มันพอให้ทำโปรโมชั่นแบบนี้รึเปล่า แล้วมันเอาเงินมาจากไหน) ดังนั้นนักการเมือง
      ท้องถิ่นจึงมีต้นทุนมหาศาลในการรักษาเครือข่าย จึงเป็นไฟท์บังคับว่าคุณต้องเป็นรัฐบาล
      เท่านั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่นักการเมืองท้องถิ่นจึงมีพฤติกรรมโสเภณี วิ่งเข้าหาใครก็ได้
      ที่จะให้ตนร่วมรัฐบาลเพื่อผันงบสู่ท้องถิ่น  และเนื่องจากมีลักษณะเป็นนักการเมืองสำเร็จรูป
      จึงสามารถถูกช็อปได้โดยใครก็ได้ที่มีทุนพร้อม แม้แต่อนุบาลการเมืองอย่างนายป๊ะไช
      เหลี่ยวไปรัด

(นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเพื่อนๆเสี่ยวอีสานจึงต้องจับตามองรากหญ้าในบ้านตัวเองเยอะๆ ก็เพราะรากหญ้ากับนักการเมืองท้องถิ่นโยงถึงกันเบ็ดเสร็จในลักษณะจัดตั้ง
กลุ่มผลประโยชน์ชัดเจนนี่เอง)

      |
      |
      พุงช้าง
ทุนมหึมาของบริษัทชินระกัมปนี ซึ่งแค่ขายอีทีไว กับชินระคอร์ปไปก็ได้เจ็ดหมื่นฝ่าๆล้านแล้ว และคาดว่าจะมีนับแสนล้าน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นทุนสัมภเวสี ล่องลอยอยู่ในระดับนานาชาติ สำหรับทั่นที่หวังว่าทั่นประธานตั๊กจิ๋นฮาเฮ จะโดนลิ่วล้อใหม่อย่างอะเอิ๋ม
หรืออะอั่ก และอื่นๆ ถลุงเงินหมดกระเป๋ากลายเป็นอาแปะถังแตกวัยทอง ขอบอกว่าคิดผิดคิดใหม่นะจ๊ะ เพราะท่านตั๊ก ไม่ได้เป็นแค่นายทุนกระจอกๆที่ทำอะไรก็เจ๊งแบบเมื่อก่อน แต่มีที่ปรึกษาระดับประเทศและขอบอกว่าการเสกเงินจากกระดาษคืออาชีพของพ่อมดพวกนี้  กะอีแค่เสกเงินระดับร้อยล้านมาใช้ในไม่กี่วัน ขอบอกว่ามันหมูมาก

อย่างตลาดหุ้นเมืองไทย จริงๆแล้วก็อยู่ใต้อิทธิพลของรายใหญ่ไม่กี่ราย แค่เอาเงินไม่กี่พันล้านเข้าไปปั่นหุ้นบางตัวให้วิ่งแล้วทุบ แค่นี้ก็ได้กำไรระดับร้อยล้านกลับมาแล้วหยวนๆ แล้วทำไมแมงเม่าถึงยังเข้าไปตายน่ะเหรอ ก็หุ้นยิ่งวิ่งเค้ายิ่งชอบ กระโดดเกาะรถไฟกันแล้วโดดหนีตัวใครตัวมันให้ทันน่ะซี่  นี่เป็นแค่วิธีจิ๊บๆในการเพิ่มเงินนะ ยังมีวิธีอื่นอีกแยะ ก็ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมคนยิ่งรวยถึงยิ่งขี้ตืด ก็เพราะเงินบาทเดียวมันมีวิธีแตกให้เป็นร้อยเป็นพันได้นะซี่

แล้วทุนของชินระกัมปนีก็เข้ามาช็อปปิ้งนักการเมืองสำเร็จรูปไปทั้งกระชุ จากนั้นก็ใช้นักการเมืองพวกนี้แหละ ผันสมบัติชาติมาเป็นของตัว ผันงบกลางลงไปสู่ท้องถิ่นให้กินกันอิ่มเอิบทั้งรากหญ้าและนายทุน

            |
            |
         หัวช้าง
นอกจากมันสมองอันเลอเลิศของทั่นตั๊กแล้ว ยังมีทีมปรึกษาระดับประเทศด้านกฎหมาย ด้านการเงินอีกแยะ หลังจากที่พลาดท่าให้กับพวกทหารแก่ๆ แล้ว ทั่นตั๊กก็ตั้งการ์ดมามั่นคงอีกแยะ
นอกจากนี้ทั่นตั๊กยังมีเสนาธิการทหารระดับหัวกะทิที่เป็นอดีตคอมมิวนิสต์เดนตายจากเขตงานอีสานใต้
และอื่นๆ ที่ช่ำชองในการสร้างฐานมวลชนของตน และทำลายมวลชนของฝ่ายตรงกันข้าม โดยเฉพาะการตีกล่องดวงใจของอีกฝ่าย โดยใช้หน่วยแซปเปอร์จรยุทธเข้าแทรกแซงในทุกกระบวนการสื่อ หรือยึดครองแบบเบ็ดเสร็จ ตลอดจนหลอกล่อฝ่ายตรงกันข้ามที่หันรีหันขวางด้วยความซื่อบื้อเข้าเป็นพันธมิตรทีเผลอ
ผลงานที่ผ่านมาของเสนาธิการของทั่นตั๊กที่เห็นๆกันมา
- ยึดครองเว็บบอร์ดต่างๆอย่างเบ็ดเสร็จ, ยึดครองหน่วยงานที่สามารถยึดครองได้ เช่น กรมสรรพาเกิน
รัฐสกา กรมประชาสังสันท์ ฯลฯ หน่วยงานที่ยึดไม่ได้ก็จะใช้ยุทธวิธีโจมตีฉาบฉวยดิสเครดิต ไม่ว่าจะเป็น ทีวีเสรี องค์กรอิสระ การเมืองภาคประชาชน สื่อเสรี สถาบันตุลาการ ไปจนถึงสถาบันสูงสุดของประเทศ การอาศัยนักวิชาเกินปังยาอ่อง ที่พล่ามประชาธิปไตยเต็มปากป้องกันไม่ให้ค.ม.ช.ทำอะไรตัวเองได้ถนัดตอนที่ถูกปฏิสังขรณ์วัด

            |
            |

         งวงช้างและงาช้าง
ถือเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้ของช้างชั่วตัวนี้ ซึ่งมีดังนี้
1.   มวลชนที่อยู่ใกล้ส่วนกลาง  ได้แก่ วินแมงกะไซค์  รถแท็กซี่คลื่นใต้น้ำ  เยาวชนแถวคลองเต้ยเลยๆ  นักศึกษาหัวเกรียนหลอกง่ายจำนวนหนึ่งแถวมหาลัยชินระ รามกำสรวล และอื่นๆ
2.   นักวิชาเกินที่เอียงซ้ายหน่อยๆ ที่ยังหลงผีคอมมิวนิสต์ ตลอดจนพวกที่อยู่บนหอคอยงาช้าง มีคำว่าประชาธิปไตยยัดปาก
3.   หนังสือพิมพ์และคอลัมน์นิสต์ที่ซื้อได้ด้วยเงิน หรือโฆษณา หรือหนักหนานักก็ซื้อหุ้นแม่มเลย
4.   มวลชนระดับรากหญ้าที่อยู่ไกล แต่พร้อมจะเป็นฐานเสียง และระดมเป็นม็อบได้ทุกเมื่อ เป็นอาวุธลับที่จะใช้เมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้นเพราะเปลืองเงิน แต่คงจะเห็นฤทธิ์มันมาจากกองพันอีแต๋นพลีชีพมาแล้ว
5.   สื่อทีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกข้อความ SMS ที่ใช้ทุนต่ำ จะเห็นว่าหมู่นี้ข้อความแบบดิสเครดิตคนเมือง ยุคนท้องถิ่นให้ทะเลาะกับคนเมืองมีเยอะมาก อาทิ ประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียง, ยิ่งเรียนยิ่งโง่, คิดว่าคนกรุงฉลาดนักรึไง ฯลฯ เป้าหมายหลักก็คือดิสเครดิตการเมืองภาคประชาชนในกรุงที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบและเช็คบิครัฐบาลเชรี่ยๆ
6.   คิดไม่ออกและ...ช่วยคิดที

สรุปสิ
เห็นโฉมหน้าของช้างจั***ตัวนี้กันชัดๆแล้วใช่มั้ยเอ่ย  มันมีขุมพลังครบทั้งรากหญ้าที่เป็นฐาน นักการเมืองโสเภณีที่มีเครือข่ายรัดกุม ทุนขนาดยักษ์ที่ใช้ไม่มีวันหมดเพราะหาเพิ่มได้เรื่อยๆ (ใครไม่เข้าใจควรหาหนังสือวิธีการให้เงินทำงานให้มาอ่าน) แม่กองทะลวงฟันที่ประกอบด้วยนักวิชาการ คอลัมนิสต์ ม็อบกล้าตาย นักการเมืองเดนตายเก้าชีวิต แล้วก็มียุทธวิธีครบถ้วนตามแบบเมาเซตุง

ยุทธวิธีของช้างตัวนี้ในการยึดครองประเทศไทยเบ็ดเสร็จก็คือ (เหมือนเอาของเก่ามารีเพลย์ว่ะ)

- รักษาฐานเสียงรากหญ้าอย่างแน่นหนา โดยการอัดประชานิยม  -  ยึดครองรัฐสภาอย่างเบ็ดเสร็จด้วยจำนวนสส.ที่มากกว่า – ยึดครององค์กรอิสระโดยใช้สินบท ตำแหน่ง – องค์กรหรือบุคคลที่ยึดครองไม่ได้ก็ทำลายด้วยการดิสเครดิต หาความผิด หรือโจมตีที่จุดอ่อน (ขนาดจดจี๋ที่ว่าแน่ เจอเล่นไปทางลูกสาวทีเดียวยังจ๋อย) – ทำลายสถาบันทุกอย่างที่จะขวางด้วยการยึดครอง ถ้าไม่ได้ก็ดิสเครดิต (ตุลาการกับสถาบันสูงสุดโดนไปแล้ว)
- ปิดกั้นข่าวสารที่จะลงสู่รากหญ้า – ดิสเครดิตกระบวนการตรวจสอบของการเมืองภาคประชาชนของชนชั้นกลาง ด้วยวิธีอ้างประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียง หรือใช้ม็อบเข้าปะทะหากจำเป็น เพราะรู้ว่าคนชั้นกลางมีต้นทุนสังคมสูงกว่าพวกรากหญ้า ไม่จำเป็นก็ไม่อยากตายหรอก – ยึดครองรัฐวิสาหกิจที่ทำเงินมาเป็นทุนของฝ่ายตน –
สร้างประเทศให้เป็นรัฐตำรวจ – ทำลายความเข้มแข็งของทหารด้วยการเอาคนของตัวเองเข้าไปคุม

กระบวนการสุดท้าย
ชนชั้นรากหญ้าจะถูกมอมเมาด้วยประชานิยมไปเรื่อยๆ สนใจแต่เรื่องเฉพาะหน้า  -  องค์กรตรวจสอบต่างๆเป็นง่อยเปลี้ยเสียขา – ชนชั้นกลางเป็นแค่กระเป๋าเงินที่จะถลุง และใช้หนี้ให้นโยบายรัฐ – นายทุน กรรมการพรรค จะเป็นชนชั้นสูงที่อู้ฟู่ในสังคม ไม่มีใครแตะต้องได้ – ทั่นประธานตั๊ก จะกลายเป็นประธานาธิบดีสูงสุด ยิ่งใหญ่ฝ่าทั่นประธานเหมา

อ้าว! นี่มันหนังเก่าเอามาฉายใหม่นี่นา อุตส่าห์ทำภาค 2 นึกว่าจะมีอะไรใหม่ๆโชว์  ตอนนี้ตาลุงแคนแกอาจจะออกมาดิสเครดิตผม ด้วยสไตล์คล้ายๆอีจ๊ะ (เสียฟอร์มจริงๆเลย) แต่อย่าลืมว่าขนาดค.ม.ช.ยังแพ้ช้างอั***ตัวนี้ ชนิดต้องเอาปิ๊บคลุมหัวมาแล้วนะครับ เพราะงั้นกรุณาอย่าประมาทอย่างเด็ดขาด นี่ไม่ใช่ช้างเถื่อนที่มาเดินขออ้อยในกรุงหรอกนะ

แล้วคุณจะทำไงดีเอ่ยกับช้างตัวนี้....

และสำหรับลุงแคน ถ้าแกอยากจะจ้องไข่ช้างอยู่ที่เดียว แล้วละเมอเพ้อพกว่ามันคือ The Whole Elephant ก็เชิญแกตามสบายเต๊อะ

ช้าง ช้าง  ช้าง ช้าง ช้าง...ช้างมันละก็หน้ามู่ทู่  ข้างงวงมีขนฟูๆ แก้มมันพองๆหน้ายู่ๆ แก้มมันพองๆหน้ายู่ๆ แหมคล้ายไอ้จู๋จริงเลย    ...จ้องหน้าช้างใกล้ๆระวังอุจจาระเปียกที่งวงช้างเปื้อนหน้านะคร้าบลุงแค้น...

...ประหลาดใจ เราเป็นคนกวนโอ๊ยขนาดนี้หรือนี่ ...ไปดีฝ่า

ปล. ใครก็ได้ช่วยไล่อีกระเทยโรคจิตอะไรจ๊ะไปไกลๆหน่อยจิ๊! หมึนคักๆ!!


 :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 10:12
กลับมาทำมั๊ย อธิบายสิ่งที่ถามไปเชื่อมโยงเหตุผลให้ได้สิ

ลองอธิบายประเด็นกระทู้ให้ได้ก่อนค่อยมาวาดรูปช้าง

ตาบอดคลำช้าง มันก็เป็นช้างของคนตาบอดอยู่ดี


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 06-03-2008, 10:20
555 อ่านแล้วนึกถึง  FF VII

รวบอำนาจอยู่คนเดียว ยิ่งใหญ๋ที่สุดในโลก
แต่โดนล้มเพราะความไม่โปร่งใส ด้วยคนจากสลัม


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 10:22
อิ๊ อิ๊ อิ๊...

กลับมาวาดรูปช้างให้ลุงดูน่ะสิคร้าบ

ประเด็นชื่อกระทู้ผมก็อยู่ตรงแถวๆตูดช้าง กับไข่ช้างน่ะแหละ
ลุงลองคลำดูดีๆสิ

แต่ระวังช้างสปัสซั่มนา
กล้ามตูดช้างกระตุกยึกๆแล้วเนี่ย
คลำเพลินหน้าเปียกไม่รู้ด้วย

เหอ เหอ เหอ...
 
   :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: พริก ที่ 06-03-2008, 10:45
สวัสดีครับ
               มีกัลยาณมิตรส่งลิง(ลิงเจงๆ) มาให้  ในฐานะพริกมีเชื้อ ลาว-เขมร-ไทย และมีความภูมิใจในความเป็นชนเผ่าดังกล่าว ขออนุญาตแจมเพราะถูกอ้างอิง-พาดพิง(ลาว)....อ่านกระทู้นี้จนตาลาย อ่านไปก็ผงก(หัว)ไปด้วย นึกถึงคำล้อเลียนที่ว่า ไปใหนก็มีแต่ลาว ลาวอินเตอร์ ลาวสากล // ข้างหน้าก็ลาว ข้างหลังก็ลาว...กระเป๋ารถเมล์บอก"จับราว จับลาว"  เพื่อนกระโดดลงทันที ลาวเกือบเอาชีวิตมาทิ้งที่กทม. (ซวยซ้ำดันเดินตกท่อซะอีก)

ก่อนอื่นต้องยอมรับ-นับถือ เจ้าของกระทู้ และทุกท่านที่เสวนาแลกเปลี่ยน เป็นกระทู้ที่เป็นเหตุเป็นผล เจตนาดี มีข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์(ไม่ชวนทะเลาะ ไม่ดูถูกดูแคลน เป็นผู้มีภูมิและวุฒิภาวะ) ต้องขออภัยที่"ความเป็นลาว"ทำให้ท่านทั้งหลายต้องรำคาญใจ,สมเพท....อะโธ่...ลาวผู้น่าสงสาร ?

ผมชอบนะครับคำที่ว่า"หลงลาว"ช่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง เอ๊ะ..ถ้าเป็นลาวหลง ก็จะเท่ไปอีกแบบ ดีนาที่ท่านไม่บัญญัติว่า"ลาวหลงเงา หรือ ลาวลืมกำพืด" เพราะเรามักจะคุ้นกับคำว่า"หลงหอ"ของนังหน่อย... ลาวดั่งเดิม ลาวแท้ ลาวที่มีคุณธรรม ส่วนใหญ่จะไม่ดูแคลนผู้อื่น ให้เกียรติกับมนุษย์ด้วยกัน ลาวส่วนน้อยที่มีพฤติกรรมเป็นลาวลืมซาดครับ เบื้องหน้าดีเลิศ เก่งทุกเรื่อง หาเทวดาหน้าใหนเทียบยาก "กรูเจ๋งกว่าใครๆ"หากจับแก้ผ้า..ขอดูแก้มก้น จะเห็นรอยด่าง-ขี้กรากเต็มตูด (ลาวโอเพ่นกาย) ไม่ได้ว่าใครนะครับ  :slime_bigsmile:
        สรุปว่าเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ และหลายท่านที่เข้ามาสั่งสอนลาว ลาวอย่างผม น้อมรับไปแก้ไขปรับปรุง ขอบคุณ ที่สะท้อนให้เห็นตัวตนครับ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 10:52

ลุงแคนครับ...มีประเทศไหนในโลกนี้บ้างที่เค้าใช้มาตรฐานจริยธรรมอย่างที่ลุงกล่าวอ้างมาตัดสินคนอื่น? ขนาดคลินตันผิดลูกเมีย...คนอเมริกันส่วนมากก็ไม่ลงโทษและไม่บอกว่าคลินตันเลว

แสดงให้เห็นว่าบางคนแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น(by law) กับ ความคิดเห็นส่วนตัว (subjective) ไม่ได้จริงๆ

มาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองประเทศอื่นๆ แค่ไปตีกอล์ฟวันหยุด ไม่กลับมาดูไฟไหม้วันอาทิตย์ เค้าสำนึกผิดแล้วลาออก

รู้จักกฎหมายเจ็ดชั่วโคตร ที่เค้าทำขึ้นมาป้องกันนักการเมืองหน้าหนามั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 10:55
ก็บอกแต่แรกแล้ว กระทู้สวะ ไม่อยากตอบอะไร

แต่พอดีเหลือบไปเห็นชื่อลุงแคนในกระทู้เลยต้องเบิ๊ดกระโหลกให้เห็นสัจจธรรมเล็กๆ น้อย ๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 10:59
แหะ แหะ ลาวเดินตามตูดนักการเมืองสอบตกก็เยอะครับ

ยิ่งลาวเด็กปั๊ม ที่ต่อสู้เพื่อประโยชน์ตัวเองแล้วอ้างว่าปราบทุจริต นี่มันผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งน่ารังเกียจ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: พริก ที่ 06-03-2008, 11:13
ขอลาวก่อน(สักครั้ง)

รูปที่นั่งพนมมือไหว้ คือประธานาธิบดีแม้ว หลังได้รับตำแหน่งไม่กี่วัน ลงจากทำเนียบมาขอร้องให้ลาวเขื่อนปากมูลกลับบ้าน เป็นอีกภาพที่ลาวอย่างเราภูมิใจ (ดูท่านั่งใหว้มันดิ๊) แต่ลาวก็ถูกต้ม "ต้มลาว" เหมียนเดิม ว่ะ //

                                 :slime_hitted:  :slime_mad:  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 11:17
เอ้า สะกิดกันอีกนิดเพื่อให้มุมมองของลุงลอดอันฑะช้างมาได้อีกหน่อย

นั่นก็คือมุมมองของลุงเป็นมุมมองแบบคอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์น่ะซีคร้าบลุงแคน
มุมมองแบบนี้ผมอ่านจนเบี่ยแล้วล่ะคุง

นักเขียนที่วันๆก็ปั่นต้นฉบับส่ง ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน มีเวลาอยู่บ้านเต็มที่ มีอิสระอยากทำอะไรก็ทำ
เพราะฉะนั้น นักเขียนอย่างลุงไม่มีวันเข้าใจรูปแบบชีวิตของพนักงานออฟฟิศของคนชั้นกลางได้หรอก

ผมถึงต้องมาหุดหิดกับความเห็นบื้อๆของนักเขียนคอลัมน์ทั้งหลายแหล่ อย่างคนชั้นกลางเอาแต่บ้าทำงานมั่งละ
คนชั้นกลางเห็นแก่ตัวมั่งละ คนชั้นกลางไม่ใส่ใจชนชั้นอื่นมั่งละ ชนชั้นกลางใจดำมั่งละ ฯลฯ หยั่งกับกรู
มีเวลา มีทรัพยากร มีเวลาส่วนตัว มีทางเลือก มีอิสรภาพซะเต็มประดา

ว่างๆไปสมัครงานออฟฟิศดูมั่งนะลุง แล้วจะซึ้ง

ลองดูพัฒนาการของชนชั้นกลางกันหน่อยมั้ยครับ เริ่มตั้งแต่เด็กๆ ที่เดี๋ยวนี้แม่งต้องสอบต้องติวกันทุกระดับ สอบแอดมิสชั่นห่าเหวอะไรก็ไม่รู้จนเด็กแม่งจะบ้าตายกันอยู่แล้ว – แข่งกันสอบเอ็นทรานซ์เสร็จ – เรียนกันหน้ามืดตามัวก็ไปฝึกงาน  - แล้วก็แย่งกันทำงาน – พอเข้างานได้ บริษัทยุคนี้ที่เป็นมหาชน แม่งก็บีบให้ต้องทำยอด ต้องมี Growth ห่าเหว เลิกงานก็ยังต้องหอบงานกลับบ้าน – ชีวิตต้องขึ้นอยู่กับเข็มนาฬิกากับบัตรตอกเวลา – ชีวิตอยู่บนรางตลอดเวลา ห้ามตกรางเด็ดขาด ไม่งั้นตกงาน ตกงานทีก็นู่นแน่ะ อยู่สูงๆหล่นไปอยู่โหล่ผีเลย แล้วภาระบ้านช่องลูกเมียที่แบกอยู่ล่ะ? – เห็นภาพมั้ย –

ดูเหมือนสบายเพราะทำงานไม่ต้องออกแรงในห้องแอร์ แต่จริงๆแล้ววันๆไม่ได้ออกกำลังกาย – กินอาหารสำเร็จรูปที่มีแต่ผงชูรส – รอเป็นโรคคนรวยที่ถ้าเป็น ก็ต้องเข้าร.พ.เอกชนที่แพงหูตูบ – ก้มหน้าก้มตาทำงานหาเงินส่งลูกเรียน ค่าเล่าเรียนก็แพงหูฉี่ เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพให้กับสังคม – แถมยังต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระคนรุ่นใหม่ – จ่ายภาษีที่เห็นซองเงินเดือนแล้วต้องร้องจ๊ากทุกเดือน – ที่เห็นว่ามันไปกินเหล้าเฮฮากัน ก็เพราะความบันเทิงมันมีแค่นั้น เงินหมดก็อดเที่ยว – แต่งงานแล้วก็อดเที่ยวเหมือนกัน – ของกินแต่ละวันก็เป็นข้าวแกงออฟฟิศ แม่งใส่ผงชูรสไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ยิ่งกินผมยิ่งร่วง แถมผักผลไม้ที่ส่งมาขาย แพงสะบัด แถมยังฉีดยามาแบบที่คนปลูกเองแม่งยังไม่กล้ากิน – มีรถขับก็จริง แต่วันๆติดบรรลัย กว่าจะถึงออฟฟิศก็หน้าบูดเป็นตูดหมึก ทั้งค่าน้ำมัน ทั้งค่าทางด่วน – จะไม่ขับรถก็ไม่ได้ เพราะบ้านที่พอมีปัญญาผ่อนแมร่งก็ไปอยู่ซะขอบกรุงเทพฯ – ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ น้ำมันรถ ค่าเทอมค่าขนมลูก ค่าใช้จ่ายเอง แทบจะไม่ชนเดือน

นี่แหละครับ ชีวิตคนเมืองที่ลุงแคนและบรรดาสาวกริษยา...


แล้วลองเทียบดูกับรากหญ้าของลุงที่บอกว่าทนทุกข์ทรมานนักหนาซิ
-   เวลาเรียนก็แอบนุ่งกระโปรงเหี่ยนไปพลอดรักกันชายทุ่ง – เรียนก็ไม่ต้องเครียดมากมาย – ทำงานเหมือนหนัก แต่เดี๋ยวนี้มีสส.เอาแทร็คเตอร์ไปแจกถึงบ้าน – จะไถก็จ้างไถ จะหว่านก็จ้างหว่าน  มีสส.มาอุ้มชูดูแลถึงบ้าน – แต่ละเดือนมีเงินที่ลูกหลานที่ไปทำงานในเมืองส่งมาให้ – หน้าเทศกาลทีก็มีคนเอาของมาฝาก เลือกตั้งทีก็มีคนเอาเงินมาแจก
-   ถามหน่อยดิ๊ เมิงเครียดอะไรกันนักหนา ถึงต้องตั้งวงกินเหล้ากันได้ทุกวัน
-   ธุรกิจเมิงเยอะนักรึไง ถึงได้คุยมือถือกันทั้งวัน ผัวขับแท็กซี่อยู่บนทางด่วน คุยมือถือทะเลาะกับเมียที่อุบล – ผมเครียดแทนแมร่งจริงๆครับลุง เพราะผมเป็นผู้โดยสารอยู่บนแท็กซี่คันนั้น ...กรูเป็นพนักงานบริษัท ยังใช้เติมเงินเดือนนึงไม่ถึง 300
-   เวลาเมิงน้อยนึกรึไงถึงต้องสั่งแกงถุง หยั่งผม หอบงานกลับบ้านทุกวัน แถมรับจ๊อบอีก มันก็ต้องสั่งแกงถุง ก็ต้องจ้างซักรีด มันช่วยบ่ได้เด้อลุง
-   คนกรุงรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เค้าขึ้นไปอยู่คอนโดกันหมดแล้วลุ้ง ขนาดคนเงินเดือนสองสามหมื่นยังอยู่ห้องเท่าแมวดิ้นตาย เพ่รากหญ้ารวยนักรึไงถึงได้ปลูกบ้านใหญ่ยังกะตึก แล้วไม่คิดเก็บเงินไว้เผื่ออนาคต เผื่อส่งลูกเรียนมั่งรึยังไง?

สนามหญ้าบ้านคนอื่นสวยงามกว่าเสมอครับลุง

...แต่ถามจี๊ดนึงเป็นการวัดจิตสำนึกแบบคนเมือง...

ลุงรู้สึกอิจฉาไหมเวลาเห็นผู้บริหารระดับสูงนั่งรถประจำตำแหน่งหรูยาวเป็นวา มีคนขับให้...
...ถ้าบอกว่าอิจฉา ผมก็ไม่แปลกใจหรอกที่พวกรากหญ้าจะหลงเชื่อหัวปักหัวปำว่าที่เราไล่พี่ตั๊กไปเพราะเรา
อิจฉาความรวยของแกน่ะ...

เพราะมนุษย์เงินเดือนเค้าเฉยๆ เพราะเค้ารู้ว่าความรับผิดชอบ และเป้าที่คนพวกนี้เค้าต้องแบกมันหนักหนากว่าเยอะไงครับลุง!  


 :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 11:36
เอ้า ว่าแล้วก็เพิ่มเติมให้ลุงแคนรู้จักชีวิตคนเมืองอีกหน่อย

คนเมืองเต็มรูปแบบอย่างอเมริกาหรือยุโรปน่ะ เค้าห้ามเป็นพลเมืองดีมั่วซั่วนะครับ
อย่างเห็นคนถูกรถชน หรือโจรปล้นธนาคาร เค้าห้ามทำตัวเป็นฮีโร่ แต่ให้โทรเรียกหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องทันที เพราะขืนช่วยมั่วซั่ว ดีไม่ดีนอกจากจะทำให้คนอื่นซวยแล้ว ตัวเองจะพลอย
ซวยไปด้วย แถมยังทำให้คนที่จะเข้ามาช่วยลำบากเข้าไปใหญ่

ระบบของคนเมืองก็คือสร้างองค์กรที่ทำงานด้านต่างๆขึ้นมา ให้ทุนสนับสนุนมัน และ
ตรวจสอบให้มันทำงานได้แบบมืออาชีพ

เพราะงั้นคนเมืองเค้าไม่ได้ดูถูกคนขับแท็กซี่ คนขับมอเตอร์ไซค์ คนขับรถเมล์ คนทำความสะอาด หรือยาม
เพราะฐานะทางสังคมต่ำกว่า แต่ด่าเพราะมันเลือกผู้โดยสาร ขับซิ่ง ไม่ยอมเข้าป้าย นินทาลูกค้า
ไม่สุภาพกับผู้ใช้บริการต่างหาก

คนใช้ตามบ้านเดี๋ยวนี้น่ะ เงินเดือนไม่ต่ำกว่า 6000 มีทองแจกให้ทุกปี ดูแลหยั่งกะญาติผู้ใหญ่ แถมยังเลือกได้ด้วยว่าจะทำงานอะไรไม่ทำงานอะไร
ความคิดแบบรากหญ้าศักดินาน่ะ มันไดโนเสาร์แล้วลุ้ง  คนบ้านนอกก็คือคนฐานะเดียวกับปู่ย่าของเราน่ะแหละ

คนเมืองที่เจริญแล้วเคารพกันโดยหน้าที่ครับ ไม่ใช่ด้วยฐานะการเงินอย่างพวกรากหญ้า เพราะงั้นอย่าเอาวิสัยทัศน์รากหญ้ามาครอบคนเมือง แล้ววาดช้างอย่างที่ลุงคิด (ตอนผมอยู่ญี่ปุ่น ยังเคยเห็นคนทำความสะอาดด่าผู้จัดการร้านซะซีด เพราะกุ๊กเทน้ำมันลงท่อ)

การช่วยเหลือคนอื่นของคนเมืองก็มี แต่เป็นการผ่านองค์กรหรือคนกลาง อย่างให้ตังค์ขอทานมั่วซั่ว รู้หรือเปล่าว่ามันเป็นแก๊งค์
ให้เงินคนที่ขอตังค์กลับบ้าน แต่มันเอาไปกินเหล้า จอดรถลงไปช่วยคนถูกรถเฉี่ยว แต่มันเป็นนกต่อ
แก๊งค์ปล้น เมืองเป็นที่แบบนี้แหละ การช่วยเหลือผ่านองค์กรต่างๆจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนเมือง

ขณะที่ลุงด่าผม ก็พึงประเมินตัวเองด้วยครับว่าพูดเองเออเองหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 12:03
ถามอีกที


"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง"

อะไรคือปัญหาการเมือง

ทำไมต้องหลีกเลี่ยง

การทวงบุญคุณ เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองอย่างไร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: สหายนำชัย ที่ 06-03-2008, 12:30
กระทู้นี้สับสนตั้งแต่ชื่อกระทู้แล้ว

ประเด็นก็สับปรับ หาหลักไม่เจอ
พล่ามไปทั่ว  ไม่รู้อะไรจริงอะไรเท็จ
ไปฟังคนไร้การศึกษา ( และอาจจะเมา ) พูดมาแค่คนสองคน เอามาเหมารวมว่า เป็นความคิดของคนอีสาน

ขอทีเถอะพี่

ประเด็นเรื่องภาค โดยเฉพาะการดูถูกคนภาคอีสาน อย่าเอามาโพสต์อีกเลย
มันกินแหนงแสลงใจกันเปล่า ๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: สหายนำชัย ที่ 06-03-2008, 12:44
ได้โอกาสดีกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย เลยกลายเป็นเทวดา เป็นผู้มีความรู้เก่งกาจกันไปหมด

พอเค้าไม่เชื่อขี้ปากก็ไปลากมาว่าเค้าโง่ ด้อยการศึกษา พวกที่เรียนมาแบบนี้ น่าจะคืนปริญญาเค้าไปซะ

มหาวิทยาลัยไหน สอนให้รังเกียจประชาชน นี่คือความเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่า ใครไม่เลือกพวกกูคือพวกโง่

นี่แหละความแตกต่างระหว่างการเรียนเอาปริญญาเพื่อความรู้แต่ไม่ติดปัญญาให้ตัวเอง

การศึกษาแบบด้อยคุณภาพ เลยกลายเป็นพวกกูเก่ง กูดี กูถูกต้อง

ความรู้ที่เรียนมามันก็แค่กระผีกหนึ่งของความรู้ในจักรวาล

สิ่งที่คนกรุงไม่รู้ ในโลกของต่างจังหวัดยังมีอีกเยอะ

แล้วอย่าสะเออะไปว่าเค้าโง่

พวกที่เชื่อว่า โกงไก้แต่ต้องทำงาน มันก็พวกในกรุงยุคนี้เยอะแยะไม่ใช่หรือ




เก๋า ๆ ๆ ๆ ๆ   สุดยอด



 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 12:44
และเพื่อเป็นการส่งท้ายก่อนจาก
ผมจะขอให้ Definition ของอาการ "หลงลาว" ที่พูดถึงบ่อยๆไว้ ณ ที่นี้ว่ามันเป็นยังไง โดยยกตัวอย่าง
ตัวผมเอง ซึ่งเป็นคนใต้ใจดำที่มีอาการ "หลงลาว" จนต้องฉีดยากินยากันอยู่หลายปี แม้ปัจจุบันก็ยัง
ไม่หายขาด ดูดิ๊ อย่างลุงแคนที่ออกมาสะบัดสะบิ้งเถียงไม่เข้าประเด็นแบบนี้ ผมก็ยังทั้งรักทั้งหลงแกเลย
...ไงๆก็รักลา-ว!

เนื่องจากลาวเป็นสารเสพย์ติดที่น่ารักโดยธรรมชาติ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้มีอาการหลงลาวกันมากมาย แม้แต่ฝรั่งมังค่า ญี่ป่งญี่ปุ่น ก็ยังหลงลาวจนเสียผู้เสียคนมาแล้ว แต่การเสพลาวมากเกินไปจะมีผลข้างเคียงรุนแรงมากมาย

ตัวอย่างอาการหลงลาวจากตัวอย่างผมเองที่เคยเป็นสมัยอยู่ร้านอาหารไทยที่ญี่ปุ่น (กุ๊กเป็นคนอีสานหมดครับ)

1.   เวลาที่คุณอยู่ในวงลาว คุณจะรู้สึกว่าลาวช่างน่ารัก เฮฮา สนุกสนาน ร้องรำทำเพลงเบิกบานใจ จนคุณรู้สึกเหม็นขี้หน้าคนญี่ปุ่นในแมนชั่นห้องติดๆที่มาเคาะประตูเตือนด้วยความฉุนว่ามันช่างไม่รู้จักกาละเทศะ โดยลืมไปสนิทว่านี่มันตีสามเข้าไปแล้ว และไอ้หมอนั่นเป็นพนักงานบริษัทที่ต้องตื่นไปทำงานตั้งกะตีห้า (และห้องของลาวก็โดนเจ้าของคอนโดเตือนไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งแล้ว)
2.   เวลาที่ลาวเล่นพนันกับทุกอย่างที่ขวางหน้า คุณจะรู้สึกสนุกสนานไปด้วย และรู้สึกว่าลาวช่างไม่มีความเครียด ไม่วอรี่กับอะไรเลย ชีวิตช่างเสรีไร้กังวลจนน่าอิจฉาจนคุณลืมเอะใจตอนที่ลาวมาสะกิดขอยื้มเงินคุณที่เหลือเพียงน้อยนิดตั้งกะกลางเดือน
3.   เวลาที่อยู่กับลาว ลาวจะช่างสรรหาของกินมามากมายและชวนคุณให้เข้าร่วมวง คุณจะรู้สึกว่าลาวช่างมีน้ำใจ จนคุณฉุนเวลาที่เท็นโจ้ หรือผู้จัดการร้านมาด่าว่ามันช่างแล้งน้ำใจจริงๆ โดยที่ลืมไปสนิท (เหมือนกัน) ว่าเนื้อที่เอามาทำซกเล็กก็เนื้อของร้าน ทั้งพริกทั้งเครื่องปรุงก็ของบริษัท แล้วผู้จัดการที่น่าสงสารนั่นก็แค่ทำหน้าที่ของมันเท่านั้นเอง
4.   เวลาที่ลาวขอความช่วยเหลือจากคุณ หน้าตาลาวจะน่าสงสารมาก เหมือนแมวตาแป๋ว พุซ อิน บูธในเรื่องเชร็ค จนคุณรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่พระเจ้ามอบมาให้คุณที่จะปกป้องลาว จนคุณออกหน้าเถียง และเอาคอไปขึ้นเขียงเพื่อลาว ทั้งๆที่คนที่เราไปทะเลาะด้วย เค้าก็แค่รักษากฎและผลประโยชน์ของบริษัทอย่างถูกต้อง

ฯลฯ

เอาแค่นี้ละ ต้องไปทำงานต่อแล้ว
   สำหรับวิธีแก้อาการหลงลาว หากคุณไม่ใช่ลาว ขอแนะนำให้งดเสพลาวสักระยะ อ่านหนังสือ คอลัมน์ หรือดูรายการทีวีที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดเว้น ลาบ ส้มตำ ซกเล็กอย่างเด็ดขาด พักผ่อนเยอะๆ และรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ
   สำหรับท่านที่เป็นลาวอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ หรือดูรายการทีวีที่มีลักษณะโปรโมทรากหญ้า หรือแฝงแนวคิดฝ่ายซ้าย แยกตัวออกห่างๆรากหญ้าสักพัก อ่านหนังสือเกี่ยวกับภาคธุรกิจเยอะๆ
ทำความดีโดยการบริจาคผ่านองค์กรที่ไม่ใช่ตัวบุคคล รับประทานอาหารถูกส่วน ถ่ายให้เป็นเวลา และทานยาตามที่แพทย์แนะนำ

   สำหรับลุงแคนนั้น ข่อยซอยบ่ได้เด๊... คันว่าหลงลาวหน้ามืดตามัวเถิงกับพาลมาเคียดคนเมืองจังซี่ หมอเพิ่นว่ากะด่อกระเดี่ยฮิมตายแล้วแน... จองศาลาสวดอย่างเดียวเด๊ ลุงเด๊!

   ไปละเด้อลุงเด้อ...จังได๋กะฮักลุงคือเก่าน่ะแหละ...จากคนใต้ใจดำคนเก่าเด๊ลุงเด๊!
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 06-03-2008, 12:45

ถ้าไม่เห็น ประเด็นที่เป็นจริง แล้วคิดแก้ไข
หนทาง ยังมืดมน มัวแต่คิดว่า คนอื่นเค้าดูถูกภาคตัวเอง
กันอยู่นั่นแหละ กี่รุ่นมาแล้วล่ะ?

ความเห็น ข้อคิดดีๆ เหมือนไร้ประโยชน์ใน บางคน
เหมือน สุภาษิต ที่ว่า สีซอให้ควายฟัง  และ ไม่ต่างจากตักน้ำรด (หัว) ตอ ..


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 13:48
"พรรคเทวดา แก้ไม่ได้หรอกครับ

เพราะเป็นปัญหาของมนุษย์โลก"


อ้อ...อาหารเสริมนิด ๆ จังหวัดอุบล สส. ก็ไม่มาก แต่ มี 4 พรรคการเมือง

เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว 3 คน 3 พรรค

ส่วนพรรคเทวดา มี สส. 4 คน ไม่รู้เที่ยวหน้าจะเป็นยังไง

ท่าทางจะสูญพันธุ์


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 13:57
...อดใจไม่ไหว

เห็นลุงแคนพยายามซักไซ้เรื่องหัวกระทู้นัก ผมก็เลยเฉลยให้ตรงนี้ละกันว่าทำไมถึงได้มีหัวกระทู้แบบนี้

เพราะว่าสหายเก่าของลุงกำลังงัดความคิด "เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ" สมัยเขมรพลพตขึ้นมาเป็นอาวุธ เพื่อดิสเครดิตการเมืองภาคประชาชนของคนเมืองไงครับ แล้วก็ปลุกระดมรากหญ้าทั่วประเทศให้ลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกับคนเมือง เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบง่อยเปลี้ยเสียขา

เรามาเทียบชนบทกับเมืองกันดีกว่ามั้ย เพื่อการพัฒนาแบบ Dual Track จริงๆไง

บุคลากร
-   คนเมืองที่ใช้งานได้ ต้องได้รับการศึกษาอย่างต่ำ ป.ว.ส. หรือปริญญาตรี ใช้งบประมาณเฉพาะของครอบครัวในการผลิตประมาณ 2 ล้านบาทต่อหัว
-   ชาวนา หรือชาวสวน ที่ใช้การได้ จบป. 4 ก็พอ ต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถให้การศึกษาผ่านการอบรมในท้องถิ่นได้โดยผ่านวิทยากร  เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ไม่มีต้นทุน

ผลผลิต
-   เมืองจะผลิตภาษีเงินได้, เงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ทั้งของบุคคลและขององค์กร รายได้จากเมืองขึ้นอยู่กับการหมุนเวียนของเงิน ยิ่งมีการหมุนเวียนมาก ก็ยิ่งผลิตภาษีได้มาก (ลองนึกภาพว่าทุกครั้งที่ควักเงินจากกระเป๋า จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทันทีดูสิ) ภาษีนี้จะใช้ในกระบวนการพัฒนา ขับเคลื่อนระบบราชการ การเมือง ว่าจ้างงาน และอื่นๆ
-   ชนบทผลิต ผลผลิตทางการเกษตร วัตถุดิบ ประชากรรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นคนเมือง แต่ให้ผลผลิตทางภาษีต่ำ

รายได้
-   คนเมืองจะมีรายได้ประจำแน่นอนในแต่ละเดือนตามความสามารถทำงานและตำแหน่งงาน คนเมืองส่วนมากจึงใช้ชีวิตแบบชีวิตเงินผ่อน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
-   คนชนบท รายได้จะมาเป็นรายปีหรือ ครึ่งปีหลังจากขายพืชผลได้ หลังจากฤดูเก็บเกี่ยวอาจมีรายได้เพิ่มจากการรับจ้างแรงงาน

สภาพชีวิต
-   ชีวิตคนเมืองมีการแข่งขันสูง มีความเครียดสูง ชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา จะต้องมีการเรียนรู้และพัฒนา ทำงานที่ต้องอาศัยแรงกาย
-   คนชนบท มีอิสระมากกว่า การทำงานไม่ขึ้นอยู่กับเวลา มีการใช้แรงงานค่อนข้างมาก (ปัจจุบันมีการใช้เครื่องจักรเพื่อผ่อนแรง)

การใช้ชีวิต
-   ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยค่าใช้จ่าย แค่ย่างเท้าออกนอกบ้านก็มีค่าใช้จ่ายทันทีเป็นหลักร้อยหลักพัน เงินจึงเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับทุกอย่างที่คนเมืองขาดไม่ได้ เด็ดขาด
-   คนชนบท จะใช้เงินสำหรับซื้อปัจจัยจำเป็น อาทิ สบู่ ยาสีฟัน เครื่องปรุงอาหาร เสื้อผ้า แต่เงินไม่ใช่ของจำเป็นมากนักในชีวิตประจำวัน คนชนบทจึงมีชีวิตอยู่ได้แม้จะขาดแคลนเงิน
-   คนเมืองจำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าสวยๆ เพราะเป็นหน้าตาขององค์กร และจำเป็นในการติดต่อกับองค์กรอื่น
-   คนชนบท ใส่อะไรก็ได้อย่าให้โป๊เวลาทำงาน แต่เวลาจีบสาวหรือเที่ยวงานวัด หรือเข้าเมืองก็แต่งให้สวยหน่อย

สุขภาพ
-   ภาวะทุโภชนามาคู่กับคนเมืองในลักษณะโรคอ้วน เพราะไม่มีอาหารสุขภาพให้กิน ต้องทนกินอาหารไขมันสูง ปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ เพราะไม่มีเวลาจะทำกินเอง และอาหารชีวภาพก็แพงหูฉี่กว่าอาหารธรรมดา
-   สภาวะทุโภชนาของคนชนบท ไม่ได้มาจากไม่มีให้กิน แต่ปัจจุบันมาจากกินพิเรนๆ เช่น เนื้อดิบๆ ปลาปั๊กเป้า กินเหล้าบ่อยเกินเหตุ ฯลฯ อาหารชีวภาพมีให้ที่ปลายรั้ว ลำบากแค่เก็บ
-   ชีวิตคนเมืองที่นั่งโต๊ะทำงาน ขาดพื้นที่และเวลาออกกำลังกาย ขณะที่หากจะออกกำลังกายก็ต้องไปเป็นสมาชิกฟิตเนสที่เสียเงินจำนวนมาก
-   คนชนบท แค่ไถนาก็ได้ออกแรง เดินไปชวนเพื่อนบ้านกินเหล้าก็ได้ออกแรง

ความบันเทิง
-   เนื่องจากคนเมืองมีเวลาจำกัด การแสวงหาความสุขจึงเป็นการบำบัดความเครียดที่ค่อนข้างฉาบฉวย เช่น เที่ยวกลางคืน เดินห้าง ดูหนัง  ดูทีวี หากต้องการสัมผัสธรรมชาติก็ต้องรอพักร้อนนู่นแหละ แล้วไปเที่ยวต่างจังหวัดไกล ถ้ารวยมากๆถึงจะมีปัญญาไปเที่ยวเมืองนอก
-   คนชนบท ธรรมชาติมีให้สัมผัสใกล้ตัวจนเบื่อ คนชนบทจึงชอบงานวัด หมอลำซิ่ง คาราโอเกะมุงจาก หรือดูทีวีละครน้ำเน่า

เอาแค่นี้ละ

ลุงก็เห็นว่าทั้งคนเมือง ทั้งคนชนบท ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง มีหน้าที่บทบาทต่างกัน และอยู่ร่วมกันแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า คนเมืองขาดคนชนบท ก็ไม่มีผลผลิตทางการเกษตรเข้ามาบริโภค ขณะที่คนชนบท หากขาดคนเมือง ก็จะขาดงบประมาณพัฒนาถนนหนทาง ประกันราคาพืชผล บริการสังคมอย่างโรงพยาบาล โรงเรียน หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ ตลอดจนงบประมาณที่ผ่านอบต. อ.บ.จ. ทั้งหลาย เราต่างคนต่างอยู่ ทำหน้าที่ของแต่ละคนกันดีอยู่แล้ว ชีวิตแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือมีไอ้ชั่วซากเดนคอมฯ ที่ไปเสี้ยมคนชนบทให้มาทะเลาะคนเมือง มีนายทุนชั่วๆที่ไปยั่วยุให้คนชนบทอยากเสพสุขแบบคนเมืองที่จำเป็นต้องใช้เงิน อยากมีรถ มีมือถือ อยู่บ้านหลังใหญ่ติดแอร์ ใส่เสื้อผ้าสวยๆแบบคนเมือง อยากตัวขาว ทาหน้าขาว ซึ่งมันขัดกับชีวิตคนชนบท ขัดกับรายได้ และแน่นอนว่าไม่มีปัญญาหามาได้ด้วยตัวเอง ทั้งๆที่คนชนบทก็มีความบันเทิงในรูปแบบของตัวเองอยู่แล้ว และจุดนี้แหละที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อสูบภาษีจากเมืองลงสู่ชนบท ในสิ่งที่เกินจำเป็น

และเพื่อทำให้การตรวจสอบภาคเมืองง่อยเปลี้ย แนวคิด "เปิบข้าว ทุกคราวคำ" ของเหล่าผีคอมมิวนิสต์ก็ถูกโหมโรงขึ้นมาอีกครั้ง โดยไม่เกรงว่าคนไทยจะฆ่ากันเอง

เห็นลุงหลงลมไปกับพวกนี้ ถามลุงหน่อยสิครับ สภาพของเขมรปัจจุบันเป็นยังไง หลังจากที่พวกเขมรแดงโง่เง่าเอาชาวนามา ฆ่าคนเมืองจน***นเตียน จนปัจจุบัน ใครจะเสียภาษีพัฒนาประเทศครับ ใครจะเป็นคนดึงดูดทุนภายนอกเข้ามาครับ เขมรตอนนี้มีเงินจากไหนครับ ถ้าไม่แบมือขอยูเอ็น ขอเวียดนาม หรือจากบ่อนคาสิโนชายแดน และเขมรต้องเสียเวลาอีกกี่ปี และงบประมาณอีกเท่าไหร่จึงจะพัฒนาคนเมืองรุ่นใหม่ขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพื่อจะขับเคลื่อนประเทศให้ทัดเทียมชาติอื่น  ไอ้ที่โจมตีคนเมืองกันอยู่โครมๆตอนนี้ ถามจริงๆเหอะ อาศัยรากหญ้ากับทุนนิยมคาสิโนเนี่ยนะ จะไปแข่งกับเวียดนาม อยากหัวเราะให้ท้องแตก!

...อยู่ดีๆอยากดึงประเทศให้ถอยหลังเข้าคลองรึไงครับ สหายทั้งหลาย
:slime_mad:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 14:07
มาอีกแล้ว ไม่ชอบเพลงเปิบข้าว แล้วเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะเป็นกละเป็นเกลื้อน

รัฐบาลก่อนๆ ก็บอกว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แล้วแต่จะยกยอกันแบบไหน

ตกลงกินข้าวลงไปในกะเพาะทุกวันนี้ ไม่มีบุญคุณกันใช่มั๊ย

เจ้าสัวใหญ่ซีพี เคยบอกว่า แค่คนกรุงซื้อข้าวสารแพงขึ้นกิโลละบาทสองบาท ชาวนาก็ลืมตาอ้าปากได้แล้ว

มันจริงของเค้าหรือเปล่า เพลงก็มีมานานนับ ๓๐ ปี ทำไมไม่มีปัญหาการเมือง

ดันมาเป็นปัญหาการเมืองตอนนี้ เหมาเองหรือเปล่า

หรือจะห้ามเปิดเพลงไปเลยดีมั๊ย

เอางี้ ไม่ชอบเพลง ""เปิบข้าว"" เอาเพลง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ไปฟังเล่นๆ

เผื่อจะชอบขึ้นมาบ้าง...อ้อ...ฟังแล้วอย่าบ้าตามเพลงล่ะ ตั้งสติให้ดีๆ

อ้อ...ปัญหาการเมืองคือ สส.ของพรรคสอบตกใช่มั๊ย เลยเป็นปัญหา

วิธีจะได้ สส. ในอีสานก็แล็คเช่อร์ให้ฟังหลายรอบแล้ว จำไปใช้สิ เผื่อจะแก้ปัญหา สส.มีน้อยได้บ้าง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 14:14
ลุงแคนคับ...

ผมพยายามจะฮาๆนะครับ...
ไม่อยากซีเรียสกะลุง

ผมกินข้าวคนบ้านลุง คนบ้านลุงเอาเงินภาษีผมไปประกันราคาข้าว
เอาไปจับสลากรถแทรกเตอร์ เอาไปทำ 30 บาทรักษาทุกโรค
เจ๊ากันรึยังครับ?

แต่ว่าตอนเด็กผมกินข้าวอยู่แถวใต้นะครับ น่าจะเป็นข้าวสารเมืองนครมากกว่า
พอเข้ากรุง ผมก็ไม่ได้กินข้าวหอมมะลินะครับ เพราะตอนนั้นบ้านลุงยังเป็นทุ่งกุลาร้องไห้อยู่เลย
ผมก็กินข้าววัด น่าจะมาจากแถวๆปทุมนี่แหละ

ถ้าจะกินของคนบ้านลุง ก็คงเป็นไส้กรอกอีสาน ซกเล็ก ส้มตำอะไรประมาณเนี้ยครับ
ผมก็ว่าจ่ายตังค์ไปให้เค้าแล้วนา

อ้อ! ตอนนี้ผมกินเสต๊ก กินเอ็มเค กินซิสเลอร์ตอนต้นเดือน แต่หลังวันที่ 15
ผมโจ้มาม่าล้วนๆครับ ฮิๆ...

แต่ผมเสียภาษีให้คนบ้านลุงเดือนละตก 4 พัน ยังไม่นับรวมภาษีมูลค่าเพิ่มนะครับ
นับแต้มกันแล้วคนบ้านลุงติดหนี้ผมอยู่นะครับ

แล้วถามจริงๆเหอะครับ ลุงไม่เห็นจริงเหงอ ว่าสหายเก่าของลุงในพปช.ทำอะไรอยู่น่ะ
ไงๆผมจะได้งัดเพลงหนักแผ่นดินขึ้นมาเปิดสู้มัน

แล้วเวลาผมโค้งลุง อย่าลืมออกมาเต้นด้วยล่ะ!
ผมสไตล์แร็ปนะ ลุงอาจจะตามยากหน่อย...อิๆ

ต่ออีกนี้-ด  คำว่า "หน้าที่" - "บุญคุณ" - "น้ำใจ" ถ้าแยกกันให้ออกก็ดีนะคับ
เวลาเจอคนที่สับสนสามคำเนี้ย ผมปวดหัวตึ้บ ทุกที้ ทุกที...

:slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 14:26
มาอีกแล้วประเด็นภาษี อธิบายไปทีแล้ว เรื่องความเป็นธรรมเรื่องภาษี

ยังมีหน้ามาบอกว่าภาษีของคุณอีก มันไม่ใช่นะ ภาษีรายได้ส่วนบุคคล คือภาษีของคนมีโอกาสทำเงินมากกว่าเกณฑ์

ส่วนภาษีการค้า ภาษีแว็ต ก็จ่ายกันทุกคน ทำไมไปคิดว่าเสียภาษีมากแล้วต้องได้ประโยน์มาก

เอาเปรียบโอกาสชาวบ้านจากภาษีประชาชน ไปตั้งมหาวิทยาลัย เรียนถูกๆ ยังไม่รู้อีกว่า

มันก็เป็นภาษีหรือรายได้ของประเทศชาติ เป็นของส่วนรวมที่ชาวนาก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเงินนั้นเหมือนกัน

เอ้อ...การบอกว่าประเทศชาติเอาภาษีของคุณไปพัฒนาทั้งประเทศตามความเหมาะสมนี่ถือเป็น "การทวงบุญคุณ" หรือเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 14:43

แหม เถียงกะลุงเนี่ยผมเสียงานจริงๆ

ประเด็นเรื่องข้าวสารแพงน่ะ คนเมืองที่อยู่ปลายเหตุน่ะไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่หรอกครับ ลุ้ง
ไปโทษยี่ปั๊วซาปั๊วของซีพีโน่น อย่าโยนกลองให้คนเมือง ทำไมถึงจ่ายเพิ่มนิดหน่อยไม่ได้

ตอนนี้ข้าวแกงในเมืองน่ะ ขึ้นราคาไปจานละ 5 บาท 10 บาท
ข้าวแกงโรงอาหาร 30 บาทเดี๋ยวนี้มีแต่วิญญาณหมูครับลุง

ส่วนเรื่องภาษีน่ะ คนเมืองเค้าไม่ได้รังเกียจที่จะเสียอยู่แล้วครับ
แล้วก็ความสะดวกที่คนเมืองเค้าได้น่ะ เค้าซื้อเองล้วนๆนะครับ ไม่ใช่ได้จากรัฐบาล
หรืออย่างอะไรที่สร้างให้คนเมือง รัฐก็ได้เงินคืนครับผม
อย่างเอาภาษีไปสร้างทางด่วน โทลเวย์ แมร่งก็เก็บค่าทางด่วน
เอาไปสร้างรถไฟฟ้า มันก็เก็บตังค์นะครับลุงไม่ใช่ขึ้นฟรีๆ
ไอ้ห้าง โรงหนังทั้งหลายแหล่ รัฐก็ไม่ได้สร้าง เอกชนมันสร้างมาหาตังค์เราอีกที

รถรา บ้านช่อง ก็ซื้อเองหมด ลุงเห็นยังว่าจริงๆแล้วคนเมืองน่ะเค้าเข้มแข็งขนาดไหน
ไม่เคยหวังพึ่งรัฐสักนิด รัฐน่ะแหละเอาเงินภาษีไปแล้วทำตัวดีๆหน่อย
ไอ้บัตร 30 บาทน่ะไม่เคยใช้ ขนาดประกันสังคมจ่ายเดือนละ 700 ได้แค่ยาพารายังเจอมาแล้วเลยละลุ้ง
จ่ายสดแล้วเบิกบริษัทดีกว่า

พวกผมไม่รังเกียจหรอกลุง ถ้าภาษีมันจะกลายเป็นอะไรที่มันถาวรในบ้านลุง
เป็นอ่างเก็บน้ำ เป็นระบบชลประทาน เป็นการอบรมการเกษตร
เป็นการประกันราคาข้าว เป็นยุ้งฉางกลาง แบบจ่ายไปแล้วเห็นผลเป็นรูปธรรมน่ะ
แต่ เป็นจับสลากแจกแทรกเตอร์เนี่ย รับยากว่ะลุง
เอาภาษีเราไปสร้างฐานเสียงเงี้ย ขี้เดียดชิบหาย
หรือเอาไปร้อยล้าน หัวคิวแด๊กซะยี่สิบเปอร์เซ็น เบี้ยบ้ายรายทาง
กว่าไปถึงที่ เหลือไม่ถึงครึ่ง แบบนี้มันก็รับยากอยู่นะลุงนะ

ขนาดผมอยากได้รถปิ๊คอัพ ยังต้องกินมาม่ากันพุงกางเล้ย

ขนาดพ่อแม่ผมเค้ายังไม่เคยทวงบุญคุณผมเล้ย...แล้วใครเนี่ย มาทวงบุญคุณอยู่เหยงๆ...

งงแสด...  
  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 06-03-2008, 14:44

ตกลงกินข้าวลงไปในกะเพาะทุกวันนี้ ไม่มีบุญคุณกันใช่มั๊ย



นี่ไงครับตรรกะของคนอีสานที่ว่าปลูกข้าวให้คนกรุงกินก็เลยถือว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
คนกรุงเขาซื้อข้าวกินนะครับไม่ใช่ขอข้าวกินถึงจะต้องเป็นบุญเป็นคุณกัน
คุณขับรถไปเติมน้ำมัน อย่างนี้แขกโอเปกก็มีบุญคุณกับคุณสิครับ
คนเลี้ยงหมู คนเชือดหมู คนขายหมู ก็มีบุญคุณล้นเหลือกับคุณด้วย
คุณมีไฟใช้ มีคอมพ์ใช้มานั้งตอบกระทู้ อย่าลืมไปขอบพระคุณพนักงาน กฟผ ด้วยล่ะ

แล้วสิงค์โปรมันไม่มีที่นา แต่มีข้าวกิน อย่างนี้มันเป็นหนี้บุญคุณชาวนาไทยบ้างหรือเปล่า




เอาเปรียบโอกาสชาวบ้านจากภาษีประชาชน ไปตั้งมหาวิทยาลัย เรียนถูกๆ ยังไม่รู้อีกว่า

มันก็เป็นภาษีหรือรายได้ของประเทศชาติ เป็นของส่วนรวมที่ชาวนาก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเงินนั้นเหมือนกัน

มหาฯลัยเรียนถูก ๆ เขาไม่ได้ห้ามลูกชาวนาเรียนนะครับ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการสอบเข้า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 15:00
มาอีกแล้วสิทธิ์ในการสอบเข้าเรียนเท่าเทียมกัน

จะให้นักเรียนบ้านหนองหมาว้อ มาแข่งเด็กอินเตอร์

นี่แหละวิธีคิดแบบเห็นแก่ตัวของคนกรุง

ท่าทางต้องขอให้ไปอ่านรัฐธรรมนูญหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐให้เข้าใจให้ลึกซึ้งซะละมั๊ง

เออ...เด็กบ้านนอกเกิดมาครบ 32

เด็กลูกคนมีเงิน เกิดมามีอวัยวะ 40 หรือไง

ถึงได้เรียนอนุบาลดีๆ มีพี่เลี้ยงตั้งแต่ 3 ขวบ

ซื้อหนังสือ ซื้อคอมให้เล่นตั้งแต่ 5 ขวบ

ส่งเรียนพิเศษทุกวัน แบบนี้มันเป็นธรรมในเรื่องโอกาสหรือเปล่า

แล้วจะมาบอกว่าให้โอกาสสอบเข้าทุกคน โธ่ ค่ารถไฟราคาถูกๆ ยังไม่มีปัญญาหาให้ลูกมากรุงเทพเล้ย..

พอเค้าจะมีทุนการศึกษาให้คนจน อ้าว คนรวยก็มาเรียกร้องขอสิทธิ์อีก มันอะไรกันครับ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 15:04
ต่ออีกนิด...

รู้มั้ยครับลุงแคน เมื่อก่อนมุมมองผมก็คล้ายๆกับลุงนี่แหละ
ตอนผมไปญี่ปุ่นใหม่ๆ ผมโคตรเกลียดคนญี่ปุ่นเลย...

รู้สึกว่ามันเป็นทุนนิยมที่มากอบโกยเอาจากประเทศกำลังพัฒนา มาหลอกใช้แรงงาน
แต่ตอนหลังความรู้สึกมันก็เปลี่ยน แล้วก็เห็นว่าจริงๆแล้วเราก็เป็นพันธมิตรกัน
ญี่ปุ่นอาศัยแรงงานบ้านเราก็จริง แต่มันก็สร้างตำแหน่งงาน สร้างเงินสะพัด
สร้างตลาดใหม่ๆ ทำให้เงินทองหมุนเวียน ประเทศเราก็มีภาษีสำหรับใช้พัฒนาประเทศ

แต่ตอนนี้ทุนที่เราควรจะเกลียดก็คือทุนนิยมคาสิโนต่างหากล่ะครับ
ทุนพวกนี้จะเข้าไปซื้อหุ้นเทคโอเวอร์บริษัทต่างๆ ไล่คนลดคน ผ่านสิ่งที่เรียกว่ารีเอ็นจิเนียร์ริ่ง
บีบคอคนที่อยู่ให้ทำงานหนักๆ แล้วก็แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น ขายเอากำไร
หรือไม่ก็อย่างพวกเฮดฟันด์ที่เข้าไปปั่นหุ้น ปั่นค่าเงินในประเทศต่างๆ พอได้กำไรแล้วก็เผ่น
ทุนนรกพวกนี้ไม่ได้สร้างให้เกิดรายได้ ไม่ได้สร้างให้เกิดการจ้างงานอะไรเลย

และไอ้ทุนนรกพวกนี้แหละครับ ที่พยายามปั่นหัวรากหญ้าบ้านลุงให้เป็นเครื่องมืออยู่
ทั้งๆที่หลังจากมันยึดทุกอย่างเสร็จสรรพ จะมีพวกมันเท่านั้นแหละที่รวยเด่อยู่พวกเดียว
และพร้อมจะขายประเทศให้ใครก็ได้ที่เข้ามาซื้อต่อ ลองเล็งดูไปที่พวกหัวแถวของขบวนการเหลี่ยม
จะเห็นความคิดนี้ชัดแจ๋วเลย

ทุนนิยมกับสังคมนิยม จริงๆแล้วมันเดินไปด้วยกันได้ ดูอย่างจีนเป็นตัวอย่างสิครับ
ถ้ามันเอามาใช้อย่างเหมาะสม ภาคเมืองก็ผลิตภาษี ผลิตรายได้สำหรับพัฒนาประเทศ
ส่วนภาคชนบทก็เป็นเบาะรองรับเวลาที่ภาคเมืองเกิดปัญหา เป็นแหล่งรับคน ผลิตคน
ผลิตอาหาร ถ้าสองภาควิ่งควบคู่ไปด้วยกัน ก็ไร้ปัญหา ดูอย่างอเมริกาก็ได้
ไม่มีใครบ้าเอาเมืองใหญ่อย่างชิคาโก หรือนิวยอร์กไปครอบใส่เมืองทุกเมืองหรอกครับ
ถ้าอยากได้ความเจริญแบบเมืองก็เข้าเมืองไปสิ ใครว่าอะไรล่ะ
แต่ถ้าเบื่อเมือง ก็มีชนบทรองรับ

คนที่ปั่นหัวคนสองภาคส่วนให้ทะเลาะกันน่ะ มีแต่พวกโจรปล้นประเทศเท่านั้นแหละครับ


 :slime_mad:

อีกหน่อยเถอะ

รู้สึกลุงจะติดภาพการเรียนมหาลัยไปหน่อยมั้ยครับ
ถ้าเอ็นทรานซ์สู้เด็กในเมืองไม่ได้ ทำไมไม่เรียนรามล่ะครับ
สุโขทัยก็มี จบมาก็ปริญญาเท่ากัน แล้วเวลาทำงาน
มันอาจมีผลแค่ตอนสมัครงานที่แรก แต่หลังจากมีประสบการณ์งานแล้ว
จบมาจากที่ไหนก็เท่ากันละครับ อยู่ที่รักความก้าวหน้าแค่ไหนเท่านั้นแหละ
พี่ผมก็จบรามตั้งสองคน ตอนนี้ก็รุ่งไปทั้งคู่

แล้วก็อย่าดูถูกคนระดับปวช. ปวส. สิครับ
สมัยผมอยู่มหาลัย มีเพื่อนๆสมัยชั้นม.ที่เข้าเรียนอาชีวะ
เรายังคิดว่าดีกว่ามัน

เดียวนี้พวกมันเป็นเจ้าของกิจการ
มีอยู่คนเป็นที่ปรึกษาบริษัท เงินเดือนเป็นแสน
เข้าบริษัทอาทิตย์ละสองสามหน ที่เหลือก็ตีกอล์ฟ
ผมเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวของมันยังต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ

การศึกษาไม่ได้ตัดสินคนนะครับลุงแคน
ความสามารถไม่ได้ขึ้นอยู่กับการศึกษาล้วนๆ


 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 15:09
ทำไมไปคิดว่า ใช้ภาษีพัฒนาประเทศแล้วต้องถาวร

เอาเงินไปค้ำหนี้เน่าของแบ็งค์ มันเงินภาษีของใครครับ

คุยกับผมเสียเวลางานแต่ได้ปัญญากลับไปก็คุ้มนะ

บางทีความคิดโง่ๆ ในสิ่งที่ตนไม่รู้ก็จะได้รู้

อ้อ...ทีหลังไม่อยากคุยกับผมอย่าใส่ชื่อผมลงไปในกระทู้

คนไทยเค้าถือรู้มั๊ย...มันไม่สุภาพ

เออ..ถามไปทีแล้วเรื่องภาษีของคุณ...ทวงบุญคุณหรือเปล่า ไม่เห็นตอบ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 15:18
...แหม งอนอีกละ ไม่ได้บ่นว่าไม่อยากคุยกับลุ้ง แต่คุยแล้วมันยืดเยื้อ เสียงาน เข้าใจป่ะ

เรื่องภาษีที่อุดหนี้เน่าแบ๊งค์น่ะ ลุงดูสัดส่วนภาษีของประเทศหน่อยเถอะครับ ภาษีเกินครึ่งมาจากไหน
ภาษีส่วนของภาคลุงน่ะ แค่จ่ายในภาคก็ไม่พอแล้วครับ ไม่ต้องเอาเนื้อหนูมาปะเนื้อช้างหรอก (พูดแบบนี้จะโดนงอนอีกมั้ยเนี่ย)

แล้วเรื่องบุญคุณน่ะ คนเมืองเค้าไม่คิดกันครับ เค้าคิดเรื่อง "หน้าที่"  ภาษีที่เราจ่ายไปมี "หน้าที่" ต้องทำอะไร นักการเมืองที่เอาภาษีไปมี "หน้าที่" ต้องทำอะไร ถ้าเอาไปทำผิดหน้าที่ก็มีฉุนกันละครับ

ส่วนที่เหลือก็คือน้ำใจที่จะเผื่อแผ่กันเล็กๆน้อยๆเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ชีวิตในเมืองมันรื่นรมย์ขึ้นหน่อย

คนเมืองน่ะไม่มีเวลาจะมานั่งคิดเล็กคิดน้อยเรื่องบุญคุณใครหรอกครับ
สมมุติว่าคนที่มีบุญคุณกับลุงโกงบริษัทที่ลุงเป็นเจ้าของอยู่ ลุงจะคิดถึงบุญคุณโดยเก็บเค้าไว้
โกงบริษัทต่อ หรือจะไล่ออก และมีน้ำใจช่วยเหลือเค้าตามสมควรล่ะครับ

...ความคิดคนเมืองกับคนชนบทต่างกันครับลุง  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 15:21
ผมขอผ่ากลางวงอีกครั้ง

ผมขอพูดด้วยข้อความเดิม



พูดด้วยใจจริง มันเป็นลักษณะความเชื่อในอีสานบางส่วน ด้วยเมื่อได้เงินค่าตอบแทน(ซึ่งส่วนใหญ่กว่าจะได้เงินต้องใช้แรงงานเหนื่อย) เมื่อได้เงินเป็นความเชื่อว่าต้องตอบแทน เสมือนเป็นหนึ้บุญคุณ เป็นความเชื่อส่วนใหญ่ของคนถิ่นนั้นไป ซึ่งผิดกับคนภาคใต้ พ่อผมบอกว่า ใครให้เป็นตัวเงิน เสมือนถือว่าเป็นดูถูก กันเป็นต้น  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 06-03-2008, 15:24
มาอีกแล้วสิทธิ์ในการสอบเข้าเรียนเท่าเทียมกัน

จะให้นักเรียนบ้านหนองหมาว้อ มาแข่งเด็กอินเตอร์

นี่แหละวิธีคิดแบบเห็นแก่ตัวของคนกรุง

ท่าทางต้องขอให้ไปอ่านรัฐธรรมนูญหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐให้เข้าใจให้ลึกซึ้งซะละมั๊ง

เออ...เด็กบ้านนอกเกิดมาครบ 32

เด็กลูกคนมีเงิน เกิดมามีอวัยวะ 40 หรือไง

ถึงได้เรียนอนุบาลดีๆ มีพี่เลี้ยงตั้งแต่ 3 ขวบ

ซื้อหนังสือ ซื้อคอมให้เล่นตั้งแต่ 5 ขวบ

ส่งเรียนพิเศษทุกวัน แบบนี้มันเป็นธรรมในเรื่องโอกาสหรือเปล่า

แล้วจะมาบอกว่าให้โอกาสสอบเข้าทุกคน โธ่ ค่ารถไฟราคาถูกๆ ยังไม่มีปัญญาหาให้ลูกมากรุงเทพเล้ย..

พอเค้าจะมีทุนการศึกษาให้คนจน อ้าว คนรวยก็มาเรียกร้องขอสิทธิ์อีก มันอะไรกันครับ



ไม่ต้องไปอ่านรัฐธรรมนูญ ก็รู้ครับว่าไม่มีข้อไหนห้ามไม่ให้ลูกชาวนาสอบเข้ามหาฯลัยของรัฐ แล้วก็ไม่มีข้อไหนที่จำกัดสิทธิในการศึกษาของลูกชาวนาให้ด้อยกว่าลูกคนกรุง
ก็ในเมื่อเกิดมาครบ 32 เท่ากันทำไมลูกชาวนาจะไม่มีปัญญาสอบเข้ามหาลัยกับเค้าบ้างล่ะ (นอกจากจะ "ไม่มีปัญญา" จริง ๆ)
ไอ้โรงเรียนอินเตอร์เทอมละห้าแสนน่ะ จะมีลูกคนกรุงหาเช้ากินค่ำสักกี่คนจะได้เรียน นอกจากลูกของพวกนายทุน
ไอ้โรงเรียนดี ๆ ที่ว่าน่ะมันดีกว่ากันยังไง มันก็หลักสูตรเดียวกันของกระทรวงศึกษา โรงเรียนรัฐก็เรียนฟรี
มาอ้างความยากจน มาอ้างโอกาส
คนเราถ้าตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองน่ะ เอาอุปสรรคแค่นี้มาใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าขี้เกียจเรียน หวังแต่พึ่งคนอืน ก็คงพออ้าจได้มังครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 15:25
ผ่ากลางวงต่อ

คนไทยไม่ว่า คนเหนือ คนอีสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนภาคตะกวันออก มีวัฒนธรรม ความเชื่อหลักๆ เหมือนกัน มาจากพื้นฐานทางศาสนาพุทธ

เพียงแต่ในท้องที่ไหน ได้พัฒนา ความคิดทางเมืองการเลือกตั้งไป ก่อน ซึ่งหากมองกันไป ปัจจุบัน กทม.เป็นนำการพัฒนา ภาคใต้ตามไปติดๆ ภาคกลางกำลังตามมา ต่อไป ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตามลำดับ การเมืองต่อไปก็พัฒนาไปเป็นการตัดสินตามข้อมูล ข่าวสาร การตัดสินใจ ตามใจตัวเอง ไมมีผุ้มีอิทธิพลท้องถิ่นจูงใจ ชักนำ เหมือนคน กทม. เป็นส่วนใหญ่(จะมีผุ้มีอิทพลท้องถิ่นคนไหนใน กทม.ที่จะถูกใจได้ ซึ่งแทบเป็นไปน้อยมากหรือแทบมีไม่ผล) ที่ต้องยึดข่าวสาร ข้อเท็จจริง หรือ กระแส เป็นหลัง ผมว่า การเมืองเจริญ สังคมเจริญขึ้น ก็จะพัฒนาความคิดทางเมืองไป เหมือนลักษณะ การตัดสินใน กทม. เพราะเป็นกระแส ข่าวสารหลัก ในการกระจาย สู่ภูมิภาค แล้วแต่ ภาคไหนจะได้ รับข้อมูล การตัดสิน ความเชื่อหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ได้มากกว่ากัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 15:26
เค้าไปใช้นอกแนวนโยบายแห่งรัฐหรือเปล่าครับ

ตกลงทวงบุญคุณเรื่องภาษีใช่มั๊ย

ผมจะได้คิดว่า คุณก็คิดทวงบุญคุณไม่ต่างจากชาวนาหรอก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 15:32
เฮ้!!! ทั้งสองคน ฟังผมอยู่หรือเปล่า  :slime_evil:

ผมขุดข้อมูลเดิมๆมาให้ดูอีกรอบ เพื่อการผ่ากลางวง

1.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีบุคคลิกแบบว่า อะไรที่ทำแล้วคุ้มค่ากว่าก็จะไปทางนั้น ถ้าภาษาชาวบ้านก็เห็นแก่เงิน (ขอโทษสำหรับคนที่อยู่ภาคนี้แล้วไม่ได้มีบุคคลิกตามที่กล่าวมานะค่ะ) ฐานเสียงเลยมีว่าใครให้มาก เลือกคนนั้น ไว้อยู่แล้ว

2.ภาคเหนือ บุคคลิกจะเป็นแบบ คนซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัย อาจจะมีปัจจัย5เข้ามาก็ถือว่าส่วนน้อย(อาจจะมีบางส่วนแหกคอกบ้าง เพราะทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไป) ฐานเสียงก็คงอาจจะเป็นฐานเสียงเดิมๆ

3.ภาคใต้ บุคคลิกเด่นที่ผมมองจากพ่อเลยคือ รักพวกพ้องมากๆ ใครที่ได้เป็นเพื่อนกับคนใต้ถือว่ามีเพื่อนที่ดีที่สุดพร้อมจะตายแทนกันได้ (ส่วนคนที่ไม่ใช่เพื่อน พวกเขาก็จะไม่สนใจอะไรเลย) ฐานเสียงเลยเทให้พวกพ้องของเขา

4.ภาคต่างๆที่เหลือ ยังไม่มีคนรู้จักดีพอ เลยไม่ขอพูด

5.ส่วนกรุงเทพฯ เป็นเหมือนSalad Bowl หรือชามสลัด คนจากหลายภาคมารวมกันที่นี่ เพราะไม่ได้มีแต่คนกรุงเทพ บวกกับเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ง่ายมาก แต่ที่ได้สส.ปชป เยอะก็เพราะได้ฐานจากท่านผู้ว่าอภิรักษ์ เป็นทุนเดิม บวกกับกระแสเบื่อ ประชานิยมแจกแหลกมั้ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 15:34
โปรดอ่านข้อความเดิมอีกครั้งหนึ่ง  :slime_worship:

คนไทยไม่ว่า คนเหนือ คนอีสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนภาคตะกวันออก มีวัฒนธรรม ความเชื่อหลักๆ เหมือนกัน มาจากพื้นฐานทางศาสนาพุทธ

เพียงแต่ในท้องที่ไหน ได้พัฒนา ความคิดทางเมืองการเลือกตั้งไป ก่อน ซึ่งหากมองกันไป ปัจจุบัน กทม.เป็นนำการพัฒนา ภาคใต้ตามไปติดๆ ภาคกลางกำลังตามมา ต่อไป ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตามลำดับ การเมืองต่อไปก็พัฒนาไปเป็นการตัดสินตามข้อมูล ข่าวสาร การตัดสินใจ ตามใจตัวเอง ไมมีผุ้มีอิทธิพลท้องถิ่นจูงใจ ชักนำ เหมือนคน กทม. เป็นส่วนใหญ่(จะมีผุ้มีอิทพลท้องถิ่นคนไหนใน กทม.ที่จะถูกใจได้ ซึ่งแทบเป็นไปน้อยมากหรือแทบมีไม่ผล) ที่ต้องยึดข่าวสาร ข้อเท็จจริง หรือ กระแส เป็นหลัง ผมว่า การเมืองเจริญ สังคมเจริญขึ้น ก็จะพัฒนาความคิดทางเมืองไป เหมือนลักษณะ การตัดสินใน กทม. เพราะเป็นกระแส ข่าวสารหลัก ในการกระจาย สู่ภูมิภาค แล้วแต่ ภาคไหนจะได้ รับข้อมูล การตัดสิน ความเชื่อหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ได้มากกว่ากัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 15:39
อืมม...ท่าทางคุณเข้าระบบมีหลักคิดดีครับ

ช่วยอธิบายเรื่องคนอุบลเลือก  4 พรรคการเมืองให้ฟังหน่อยครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 15:42
อืมม...ท่าทางคุณเข้าระบบมีหลักคิดดีครับ

ช่วยอธิบายเรื่องคนอุบลเลือก  4 พรรคการเมืองให้ฟังหน่อยครับ

ไม่ล่ะครับ คุณลุง ผมไม่รู้เรื่องดีพอ เอาเป็นลุง หาผลคะแนนให้ผมหน่อยได้ไหมครับ เผื่อดูอะไรออก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 15:44
(http://images.temppic.com/06-03-2008/images_vertis/1204792950_0.39355100.gif)(http://images.temppic.com/06-03-2008/images_vertis/1204792950_0.39355100.gif)(http://images.temppic.com/06-03-2008/images_vertis/1204792950_0.39355100.gif)(http://images.temppic.com/06-03-2008/images_vertis/1204792950_0.39355100.gif)(http://images.temppic.com/06-03-2008/images_vertis/1204792950_0.39355100.gif)(http://images.temppic.com/06-03-2008/images_vertis/1204792950_0.39355100.gif)

บ่มีอันหยัง
แค่พาอีนางเข้ามาเซิ้ง
ว่าแต่เหล่าอีนางกระโปรงเหี่ยนของผมงามก่อ ?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 15:46
...แหมลุง! โทษทีนะ ผมก็เขียนยาว ลุงคงขี้เกียจอ่านล่ะสิ

ย้ำอีกทีว่าแนวคิดในเมืองน่ะ คนสัมพันธ์กันโดย "หน้าที่" ครับ
คนทำงานก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ถึงผมจะร้องจ๊ากทุกเดือนที่เห็นจำนวน
ภาษีบนซองเงินเดือน (และจะร้องดังเป็นพิเศษในเดือนที่โบนัสออก)
แต่ผมก็ยักไหล่ แล้วก็จ่ายภาษีไปตามปกติ

ถึงผมจะทำรายได้มากมายให้กับบริษัท แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ
ถ้าผมทำดีมาก บริษัทก็ขึ้นเงินเดือนให้ เรามีหน้าที่โต้ตอบกันในลักษณะนี้
จะถือว่าผมมีบุญคุณต่อบริษํท หรือบริษัทมีบุญคุณต่อผมไม่ได้

และภาษีที่ออกมา นักการเมืองก็มีหน้าที่ที่จะกระจายภาษีไปตามความจำเป็นและความเป็นธรรม
จะเอาไปอัดลงที่ใดที่หนึ่งเพราะ "ใครเลือกกู กูบริการก่อน" น่ะ มันไม่ใช่ประชาธิปไตยครับ
อย่างเล่นเอาแทร็กเตอร์อัดกันเป็นคันๆ บริการรับส่งถึงที่น่ะ มันเป็นความจำเป็น
หรือการบริการเพื่อหวังผลทางการเมืองครับ

ลุงหรือคนบ้านลุงอาจจะชอบ แต่คนบ้านอื่นที่เค้าเสียภาษีเหมือนกัน เป็นประชาชนเท่ากัน
เค้าจะมองยังไงครับ แม้แต่คนเมือง บริการแบบนี้ก็ต้องควักกระเป๋าตัวเองนะครับ ต้องดิ้นรนหาเงินเอง
หรือแม้แต่เรื่องการศึกษาที่ว่า ค่าติวเตอร์ ค่าเรียนพิเศษ ค่าเล่าเรียน มาจากไหนครับ ถ้าไม่ใช่กระเป๋าพ่อแม่
ถึงเป็นคนเมืองก็มีซีดครับ คนเมืองไม่ได้รวยไปทุกคนนะครับลุง

การพัฒนาที่ถูกต้องก็คือเปิดทางให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาโอกาสไปโยนแหมะบนตักใครบางคนโดยเสน่หาครับ
  :slime_smile:






หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 15:49
ฟังผมอยู่มั้ย isa????

คนไทยไม่ว่า คนเหนือ คนอีสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนภาคตะวันออก มีวัฒนธรรม ความเชื่อหลักๆ เหมือนกัน มาจากพื้นฐานทางศาสนาพุทธ

เพียงแต่ในท้องที่ไหน ได้พัฒนา ความคิดทางเมืองการเลือกตั้งไป ก่อน ซึ่งหากมองกันไป ปัจจุบัน กทม.เป็นนำการพัฒนา ภาคใต้ตามไปติดๆ ภาคกลางกำลังตามมา ต่อไป ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตามลำดับ การเมืองต่อไปก็พัฒนาไปเป็นการตัดสินตามข้อมูล ข่าวสาร การตัดสินใจ ตามใจตัวเอง ไมมีผุ้มีอิทธิพลท้องถิ่นจูงใจ ชักนำ เหมือนคน กทม. เป็นส่วนใหญ่(จะมีผุ้มีอิทพลท้องถิ่นคนไหนใน กทม.ที่จะถูกใจได้ ซึ่งแทบเป็นไปน้อยมากหรือแทบมีไม่ผล) ที่ต้องยึดข่าวสาร ข้อเท็จจริง หรือ กระแส เป็นหลัง ผมว่า การเมืองเจริญ สังคมเจริญขึ้น ก็จะพัฒนาความคิดทางเมืองไป เหมือนลักษณะ การตัดสินใน กทม. เพราะเป็นกระแส ข่าวสารหลัก ในการกระจาย สู่ภูมิภาค แล้วแต่ ภาคไหนจะได้ รับข้อมูล การตัดสิน ความเชื่อหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ได้มากกว่ากัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 15:54
อุบล มี สส. 4 พรรคการเมือง

3 พรรคการเมืองได้ รมต.พรรคละ 1 คน รวม 3 รมต. ( มท.2 มท.3 ท่องเที่ยว )

ปชป.ปักหลักที่นั่น 4 ที่นั่ง ( สส.เขต 3 คน สัดส่วน 1 คน ) แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

สส. ปชป. เค้าใช้วิชาเดียวกันกับพวกพรรคอื่นๆ อีก 3 พรรคมั๊ยครับ

แบบนี้จะสังเคราะห์เข้าทฤษฎีไหนครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 15:59
สวัสดีตอนเย็นครับปู่เย็น

สวัสดีคุณเข้าสู่ระบบ อ่านความเห็นของคุณอยู่ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกรรมการ แต่ไม่ต้องห่วง มวยคู่นี้ชกกันเปาะแปะ
แค่พอไม่ให้กรรมการไล่ลง

งั้นผมขอแตะมือปู่เย็น สลับตัวออกไปนอกเวทีล่ะ
อย่าทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายนา
เห็นคนแก่ตีกันแล้วกลัวใจ

ปล. การเมืองระบบพรรคนั้นช่างมันครับ
แล้วผมก็ไม่ใช่แฟน ป.ช.ป.ด้วย
เป็นแค่พรรคยืนโรงที่ใช้เลือกถ้าไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า
ตามประสาคน กุงเต้บ คับลุง
ผมสนใจการเมืองภาคประชาชนมากกว่าครับ
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Pig.Army ที่ 06-03-2008, 16:03
เอ้า......ๆๆๆ
.
.
สรุปให้เลยครับ..
จขกท. ฉลาด และ แสนรู้ที่สุดใน จักรวาล....
ไม่มีใครเทียมเทียบได้ คนภาคไหนๆก็สู้ ภาค เจ้าของกระทู้ไม่ได้....
.1000000 ปีจะมีคน ฉลาด ขนาดนี้เกิดขึ้นมาในโลก...... เป็นบุญของ ประเทศที่มีคนอย่างคุณอยู่...
 แต่จะเป็นบุญคุณมากกว่าถ้า หยุดๆๆได้แล้ว ไปดูถูกคนอื่นน่ะ มันไม่ดีหรอก...
.
.
คุณจบอะไรมา...
.
.
ถ้าจบ ดร.
.
ทำไร่ นา  เก่งเหมือน คนทำ ไม่ได้เรียนหนังสือที่ทำไร่ นา ไหม
.
.
เหมือนกันคุณก็มีจุดด้อยที่เขาไม่มี  แล้วเขาก็มีจุดเด่นที่คุณไม่มี...คนทั้งโลกให้ดีเลิศเหมือน จขกท.  คงไม่ได้หรอก ..
.
งั้นไปซื้อเกาะใหม่ๆแล้วขนคนที่ฉลาดๆแบบนี้ไปอยู่เถอะ จะได้ถูกใจ จขกท..
.
.
จริงป่ะ
.

.


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 16:05
อุบล มี สส. 4 พรรคการเมือง

3 พรรคการเมืองได้ รมต.พรรคละ 1 คน รวม 3 รมต. ( มท.2 มท.3 ท่องเที่ยว )

ปชป.ปักหลักที่นั่น 4 ที่นั่ง ( สส.เขต 3 คน สัดส่วน 1 คน ) แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

สส. ปชป. เค้าใช้วิชาเดียวกันกับพวกพรรคอื่นๆ อีก 3 พรรคมั๊ยครับ

แบบนี้จะสังเคราะห์เข้าทฤษฎีไหนครับ

คนมีหลากหลายบุคคลิก ฐานเสียงก็เลยแตกแยกออกไปครับ อาจเป็นเพราะอยากลองของใหม่ เบื่อของเดิมๆประมาณนั้น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 16:07
อ้าว...เฮ้ย

ใครพาออกมหาสมุทร ?

แล้วประเด็น "คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ" มันหายไปไหนวะ ?

กรูไม่สนใจหรอกนะโว้ยว่าใครจะมีพิ้นฐาน
มีหนี้สิน
มีบุญคุณ ( ที่ต้องเอาประเทศชาติไป ) ทดแทน


แค่่อยากบอกให้ "คนอีสาน" รับรู้ว่า
คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง

เพราะ
พวกคุณเป็นหนี้ - เป็นลูกหนี้
เอาตัวเองไปเป็นหนี้ชิวิต - หนี้บุญคุณ ของไอ้พวกนักการเมือง
แล้วอยู่ ๆ จู่ ๆ คุณจะมาอ้างห่า - อ้างเหวอะไร
ว่าพวกผมเป็นหนี้ข้าวหอมมะลิ - หนี้ปลาร้า - หนี้แรงงานกรรมกร - หนี้ของการอดอยากทุกข์ยาก ( ที่ต่างคนต่างก็มีเวรกรรมในลักษณะอันเป็นของเขา ) ของพวกคุณ

ท้วยส์...


คนอีสานทุกระดับ
ควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณ
กับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง
ซะที
ได้ไหม ?


โว้ยยยยยย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 16:09
สวัสดีตอนเย็นครับปู่เย็น

สวัสดีคุณเข้าสู่ระบบ อ่านความเห็นของคุณอยู่ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกรรมการ แต่ไม่ต้องห่วง มวยคู่นี้ชกกันเปาะแปะ
แค่พอไม่ให้กรรมการไล่ลง

งั้นผมขอแตะมือปู่เย็น สลับตัวออกไปนอกเวทีล่ะ
อย่าทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายนา
เห็นคนแก่ตีกันแล้วกลัวใจ

ปล. การเมืองระบบพรรคนั้นช่างมันครับ
แล้วผมก็ไม่ใช่แฟน ป.ช.ป.ด้วย
เป็นแค่พรรคยืนโรงที่ใช้เลือกถ้าไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า
ตามประสาคน กุงเต้บ คับลุง
ผมสนใจการเมืองภาคประชาชนมากกว่าครับ
 :slime_bigsmile:


งั้นต่อแล้วกัน

1.(จากที่เดิมที่ไปขุดมา)คนอีสาน มักออกไปทำงาน นอกบ้าน ใช้แรงงาน ไปเช้า เย็นกลับ กลับ หรือทำงานที่บ้าน(ทำไร่ ทำนา แทบทั้งวัน ไม่ค่อยมีโอกาศติดตาม ข่าวสาร ทางเมือง หรือไม่เกาะติด อาจผิดกับคนใต้ ที่ตัดยางกลางคืนกลางวันกินน้ำชานั่งคุย แข่งนก เที่ยวหมู่บ้านหรือแทบไม่ค่อยใช้แรงงานเพราะส่วนหนึ่งจ้างเขา เช่นเจ้าของส่วนใหญ่ ก็จ้างคนอื่นตัดยางแทน โดยแบ่งกัน 50-50% เจ้าของก็สบายไว้เอายางขายอย่างเดียว หรือคน กทม.มีเวลาติตตามข่าวสาร คนในท้องถิ่น ตามลักษณะการประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องเชื่อผู้นำท้องถิ่น

2.ขนบธรรมเนียม หรือแนวปฏิบัติของมักจะเป็นไปในลักษณะอุปถัมภ์ ช่วยเหลือพึ่งพากัน ยามตกทุกข์ได้ยาก เขาย่อมศรัทธาในตัวบุคคลเหล่านั้นที่มาช่วยเหลือ หยิบยื่นให้เขา ยามตกยาก ตรงนี้ลบความรู้สึกเขาได้ยาก ถึงแม้คนที่มาช่วยเขาจะปล้น ฆ่าใครมา เพราะเขาถือว่าเขาอยู่รอด มีกินอยู่ได้เพราะคนคนนั้น เขาย่อมตอบแทนคุณกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยช่วยเหลือหยิบยื่นให้เขา ถึงแม้จะเป็นคนดีดุจเทพลงมาเกิด เขาก็คงไม่ให้ความสนใจ

เท่าที่มองเห็น ตอนนี้ผมว่า2ข้อที่ผมพูดนั่นแหละ เรื่องสมานฉันท์ รักชาติ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ การที่มีคนมาร้องห่มร้องไห้ตอนมารับ ที่สนามบินนั่นเป็นเพราะทุกคนเสียผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ไป นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราไม่มีใครมองถึงประเทศชาติอย่างปากพูดทุกคนคงทราบดี



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 16:12
อ้าว...เฮ้ย

ใครพาออกมหาสมุทร ?

แล้วประเด็น "คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ" มันหายไปไหนวะ ?

กรูไม่สนใจหรอกนะโว้ยว่าใครจะมีพิ้นฐาน
มีหนี้สิน
มีบุญคุณ ( ที่ต้องเอาประเทศชาติไป ) ทดแทน


แค่่อยากบอกให้ "คนอีสาน" รับรู้ว่า
คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง

เพราะ
พวกคุณเป็นหนี้ - เป็นลูกหนี้
เอาตัวเองไปเป็นหนี้ชิวิต - หนี้บุญคุณ ของไอ้พวกนักการเมือง
แล้วอยู่ ๆ จู่ ๆ คุณจะมาอ้างห่า - อ้างเหวอะไร
ว่าพวกผมเป็นหนี้ข้าวหอมมะลิ - หนี้ปลาร้า - หนี้แรงงานกรรมกร - หนี้ของการอดอยากทุกข์ยาก ( ที่ต่างคนต่างก็มีเวรกรรมในลักษณะอันเป็นของเขา ) ของพวกคุณ

ท้วยส์...


คนอีสานทุกระดับ
ควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณ
กับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง
ซะที
ได้ไหม ?


โว้ยยยยยย

โถคุณปู่ครับ

ดูเอาตามจริงแล้วกันอีกครั้งนะครับ

1.คนอีสาน มักออกไปทำงาน นอกบ้าน ใช้แรงงาน ไปเช้า เย็นกลับ กลับ หรือทำงานที่บ้าน(ทำไร่ ทำนา แทบทั้งวัน ไม่ค่อยมีโอกาศติดตาม ข่าวสาร ทางเมือง หรือไม่เกาะติด อาจผิดกับคนใต้ ที่ตัดยางกลางคืนกลางวันกินน้ำชานั่งคุย แข่งนก เที่ยวหมู่บ้านหรือแทบไม่ค่อยใช้แรงงานเพราะส่วนหนึ่งจ้างเขา เช่นเจ้าของส่วนใหญ่ ก็จ้างคนอื่นตัดยางแทน โดยแบ่งกัน 50-50% เจ้าของก็สบายไว้เอายางขายอย่างเดียว หรือคน กทม.มีเวลาติตตามข่าวสาร คนในท้องถิ่น ตามลักษณะการประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน

2.ขนบธรรมเนียม หรือแนวปฏิบัติของมักจะเป็นไปในลักษณะอุปถัมภ์ ช่วยเหลือพึ่งพากัน ยามตกทุกข์ได้ยาก เขาย่อมศรัทธาในตัวบุคคลเหล่านั้นที่มาช่วยเหลือ หยิบยื่นให้เขา ยามตกยาก ตรงนี้ลบความรู้สึกเขาได้ยาก ถึงแม้คนที่มาช่วยเขาจะปล้น ฆ่าใครมา เพราะเขาถือว่าเขาอยู่รอด มีกินอยู่ได้เพราะคนคนนั้น เขาย่อมตอบแทนคุณกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยช่วยเหลือหยิบยื่นให้เขา ถึงแม้จะเป็นคนดีดุจเทพลงมาเกิด เขาก็คงไม่ให้ความสนใจ

เท่าที่มองเห็น ตอนนี้ผมว่า2ข้อที่ผมพูดนั่นแหละ เรื่องสมานฉันท์ รักชาติ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ การที่มีคนมาร้องห่มร้องไห้ตอนมารับ ที่สนามบินนั่นเป็นเพราะทุกคนเสียผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ไป นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราไม่มีใครมองถึงประเทศชาติอย่างปากพูดทุกคนคงทราบดี


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Pig.Army ที่ 06-03-2008, 16:13
อ๋อ..ลืมๆ
.
.
ถ้า พรรค ที่ได้เป็นรัฐบาล ไม่ถูกใจ จขกท... คงไม่ดีไปหมด..
.
.
ถ้าพรรคในใจ. จขกท. ได้ คง จะดี ใช่ป่ะ...ฮิฮิ...ปลงๆ ซะมั่งเถอครับ
..
.


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 16:14
ผมก็สนใจเฉพาะประเด็นนี้เท่านั้นล่ะ

จะเหนือ ใต้ อีสาน อีห่า อีเหว
ภูมิภาคหรือกำพืดสันดานมาแต่ไหน 
ไม่สำคัญ

จะเงี่ยนการเมือง หน่ายการเมือง อย่างไร
ก็ไม่สำคัญ

แต่การที่ไอ้คนภูมิภาคหนึ่งมันจะอ้างว่ามีบุญคุณเหนือภูมิภาคหนึ่ง
มันไม่เหมาะไม่สมควรหรอก


ถ้าติดสันดานไพร่ทาส กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ก็อย่าเที่ยวได้เอาสันดานไพร่ทาส  กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ไปเที่ยวแจกจ่ายให้คนอื่น ๆ ภูมิภาคอื่น ๆ เขาเลย



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 16:15
ก่อนมีไทยรักไทย คนอุบลก็เลือกแบบนี้ครับ กระจายไปทุกพรรค ทั้งกิจสังคม ชาติไทย ปชป. ความหวีงใหม่

อ้อ..สำหรับ ปชป. มีพิเศษหน่อยคือ สส. อุบล เป็นแกนหลักก่อตั้งพรรค ปชป. มาแต่ตั้งพรรคครับ

ตอนนั้นพรรคสะตอสามัคคียังไม่เกิดครับ มีแต่ปชป. ที่เป็นพรรคของคนกรุงกับคนอีสาน

ตอนนั้น ปชป. เป็นพรรคติดดิน ไม่ใช่พรรคเทวดาครับ ชาวอีสานถึงได้นิยม

อย่างอุดรธานี ก็เคยกวาด สส.จังหวัดเดียว 9-10 คนมาแล้ว

แต่ตอนนี้เป็นพรรคเทวดา...คนอุบลเทใจให้แค่นี้ก็นับว่าบุญโข


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 16:23
ใจเย๊น ปู่เย็นครับ
พักกินน้ำกินท่าก่อน

คุณเข้าสู่ระบบ ผมเข้าใจความคิดของคุณดีครับ
นั่นคือภาพในระยะยาว ซึ่งเราคิดว่ามันน่าจะเป็น
และก็อยากให้มันเป็น

ปัญหาก็คือในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่สิ่งเราจะอยากให้เป็นเกิดขึ้นนี่แหละ
จะมีอุบัติเหตุการเมืองอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เพราะการประสานสามฝ่าย คือ รากหญ้า & ทุนนิยมสามานย์ & ซ้ายเดิม
และเราจะป้องกันได้ยังไง
นั่นก็คือการซาวเสียงหาชนชั้นกลางอยู่ในตอนนี้

และปรากฎการณ์ในหัวเมืองใหญ่ๆในอีสาน ผมก็ว่าไม่แปลก
ที่คนในหัวเมืองใหญ่จะกลายเป็นชนชั้นกลางไปแล้วเป็นส่วนใหญ่
ผลการเลือกตั้งจึงเป็นแบบนั้น

เพียงแต่เราอย่าติดกับความคิดเดิมๆ ที่อดีตฝ่ายซ้ายนำมาปลุกระดมเพื่อสร้างความแตกแยก
ในบ้านเมืองในขณะนี้ มองให้เห็นความแตกต่าง ดูว่าจะแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนมันยังไง
เพื่อรักษาน้ำใจระหว่างคนต่างภาค ต่างส่วน ตรงนั้นแหละสำคัญ

...และสำหรับคุณมิตรสหายฝ่ายทักษิณทั้งหลาย
เชิญพักผ่อน กินน้ำกินท่า โวยวายไปตามประสาคุณตามสบายครับ
แต่ต้องขออภัยหากผมจะขอไม่คุยด้วย
...ผมสามารถคุยกับคนได้ทุกระดับการศึกษา ทุกระดับชั้นของสังคม เราเสมอภาคกันโดยความเป็นมนุษย์และหน้าที่ต่อสังคม
แต่ผมไม่ขอคุยกับคนที่ระดับคุณ่ธรรมและจริยธรรมต่ำกว่ามนุษย์ครับ!!
   


 :slime_smile:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: เข้าสู่ระบบ ที่ 06-03-2008, 16:29
ผมก็สนใจเฉพาะประเด็นนี้เท่านั้นล่ะ

จะเหนือ ใต้ อีสาน อีห่า อีเหว
ภูมิภาคหรือกำพืดสันดานมาแต่ไหน 
ไม่สำคัญ

จะเงี่ยนการเมือง หน่ายการเมือง อย่างไร
ก็ไม่สำคัญ

แต่การที่ไอ้คนภูมิภาคหนึ่งมันจะอ้างว่ามีบุญคุณเหนือภูมิภาคหนึ่ง
มันไม่เหมาะไม่สมควรหรอก


ถ้าติดสันดานไพร่ทาส กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ก็อย่าเที่ยวได้เอาสันดานไพร่ทาส  กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ไปเที่ยวแจกจ่ายให้คนอื่น ๆ ภูมิภาคอื่น ๆ เขาเลย



มันก็จริงของปู่ ดูอย่างสหรัฐ คนรัฐไอโอว่าเขายังไม่ทวงบุญคนนิวยอร์กเลย
แต่มันเกิดจากการเลือปฏิบัติมากกว่า
เพราะ คนอีสานถูกลดแลกแจกแถมมาตลอด พอไม่ได้ก็ทวงบุญคุณ แต่ก็โทษเขาไม่ได้
เพราะไอ้หลายๆคนลดแลกแจกแถม เพราะหวังเพียงตำแหน่ง ลาภ ยศ และประโยชน์ส่วนตน เท่านั้นเอง
กอปรกับถูกปลูกฝังเรื่องบุญคุณจนเข้มข้น
ดูอย่างหนังหลายๆเรื่องสิ ลูกหลานชาวอีสานไปทำงานในกรุง ต้องส่งเงินมาให้ทางบ้านผลาญ ไม่ส่งมาให้ก็ว่าอกตัญญู ดูพ่อผมไม่ต้องส่งไปให้ย่าที่พัทลุง ก็ไม่ใครว่า(เพราะมีอา2คนดูแลแล้ว)
หรืออย่างผู้หญิงคนนึงจากเชียงรายถูกพ่อแม่ขาย ให้กับนายหน้า
ถูกหลอกไปขาย ส่งเงินมาให้ จากกระต๊อบ เป็นบ้านหลังใหญ่
เธอหนีออกมาได้ แต่เธอติดเอดส์ พอเธอกลับบ้าน พ่อแม่เธอกลับขับไล่ไสหัวไปอยู่กระต๊อบกลางนา
เพราะคำว่าบุญคุณแท้ๆ ถึงได้วุ่นวายขนาดนี้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 16:35
เหอ เหอ ทวงบุญคุณจากเพลง "เปิบข้าว" เหรอ อิ อิ

เจ้าของกระทู้ก็ทวงบุญคุณเรื่องเสียภาษีเยอะ ฮ่า ฮ่า

ระนาบเดียวกัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 16:37
ลุงแคนท่าทางจะแค้นฝังหุ่นน่าดูเรื่องพรรคประชาธิปัตย์

ลุงครับ อยากให้ลุงมองต่างมุมนี้ดนึง แล้วถามตัวเองนิดนึงนะ

คุณภาพสส.พรรคความหวังใหม่ คุณภาพสส.พรรคชาติพัฒนา
หรือพรรคอื่นๆที่บัดนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ก่อนที่มันจะหายมลายสูญ
มันเป็นยังไงครับ

เกมการเมืองอีสานที่ผ่านมาเป็นการเมืองระหว่างมุ้งเห็นกันชัดๆ
กัดกันพัลวัน สมัยพี่จิ๋วก็ต้องหวานเจี๊ยบซะจนแทบจะไม่เป็นองค์
และในที่สุด พรรคทั้งหลายแหล่ที่ว่านั้นก็หายไป โดนดูดเข้าไป
สู่ปีกพปช. หมดสภาพพรรค เหล่าขุนพลตัวเอ้ อย่างกร อย่างสุวัจน์
หมดอนาคต

มันเกิดอะไรขึ้นครับลุง?

แทนที่ลุงจะแค้นเคืองว่าคนใต้โขมยพรรคประชาธิปัตย์ไปจากคนอีสาน
ถามตัวเองนิดนึงนะฮะ ว่าถ้าประชาธิปัตย์ยังอยู่อีสาน
ชะตากรรมมันจะเป็นแบบเดียวกับความหวังใหม่ ชาติพัฒนา กิจสังคม
ที่ล้มหายตายจากไปแล้วหรือไม่ พรรคเหล่านี้ตอนที่รุ่งๆ บางพรรคเหนือกว่าประชาธิปัตย์ซะอีก

ลองมองต่างมุมนิดดีมั้ย ว่าอย่างน้อยคนใต้กับคนกรุงเค้าก็ยังช่วยเซฟพรรคเก่าแก่พรรคนี้
เอาไว้เป็นพรรคเทวดาให้คนหมั่นไส้ได้น่ะ


 :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 06-03-2008, 16:51
เหอ เหอ ทวงบุญคุณจากเพลง "เปิบข้าว" เหรอ อิ อิ

เจ้าของกระทู้ก็ทวงบุญคุณเรื่องเสียภาษีเยอะ ฮ่า ฮ่า

ระนาบเดียวกัน

 จะ แลกมุมมอง จากชนชั้นกลาง
 เรื่องภาษี ไม่ได้โวยวายอะไร  แต่ ไม่เข้าใจว่า  ภาษี ควรจะใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ โดนนักการเมือง พวกนั้น

 เอามาใช้หาเสียงกับรากหญ้า ซึ่ง ทำแต่ละอย่าง มัน  สูญเปล่าไม่มีประโยยชน์   หาก ทำแล้วต่อยอดไม่ว่าเลย

  สุดท้าน   วงจร ก็เป็นว่า เราเสียภาษี  แต่ว่า โดนพวกนักการเมือง เอาไปใช้เป็นฐานเสียงตัวเอง หว่านไปกับ อะไรที่ไม่เกิดประโยชน์

 พวกชาวบ้านก็ รอกันแค่นี้     แล้วเมื่อไหร่จะหลุดจากวงจรนี้ได้


 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 16:53
อืมม..ลืมบอกไป เพลงเปิบข้าวมาจากผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์

ปชป. ยุคแรกเริ่มก็สังคมนิยมนิด ๆ บางคนก็คอมมูนิสต์ไปเลย

เดี๋ยวนี้ที่ยังเหลือๆ อยู่ใน ปชป. ก็ยังมีอยู่บ้าง อย่าง สุทัศน์ เงินหมื่น ก็มาจากพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย

ก็ใช้เพลงพวกนี้แหละดึงชาวบ้าน ดึงความทุกข์ยาก ความลำบาก เข้าเป็นพวก ก็ ปชป. ทั้งนั้น

ตอนนี้สุทัศน์หนีไปปักหลัก อำนาจเจริญ ก็แยกจากอุบลพอมีลุ้น ส่วนยโสธร ก็พอมีเชื้อพอสู้สูสี ก็แยกจากอุบลนั่นแหละ

ถ้าจะคุยเรื่องพวกนี้ต้องหาสาเหตุ ทำไมคนอีสานเกลียด ปชป.

ทำไมตอนป๋าเปรมเป็นนายก คนอีสานถึงเลือก ปชป. ต้องวิเคราะห์กันให้หนัก

ไม่งั้นก็จะเป็นตาบอดคลำช้างไปเรื่อยๆ เพราะความไม่รู้ ไม่รู้ว่าบริบทการเมืองอีสานเป็นมายังไง

ตอน ปชป. ได้สส.อีสานเยอะๆ เค้าใช้กลยุทธ์หรือยุทธวิธีแบบไหน

พวกที่สักแต่ว่ากดแป้นคอมพ์ได้ ก็เที่ยวด่าคนนั้นคนนี้ ผมว่าไร้สาระมากกว่า

แบบนี้ต้องจับไปสัมนาซักปี อาจดีขึ้นมาบ้าง...แต่ไม่รับประกันว่าจะหายหรือเปล่า

กลัวไปแล้วโดนลูกปืนยัดปากซะก่อน



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 17:08
...สัมนาแบบพลพตน่ะเหรอครับ ผมขอตัวบายละลุง

ผมไม่ศรัทธามาร์กซิสม์ แค่อ่านข้อเขียนแนวคิดพวกซ้ายผมก็เห็นรูกลวงโบ๋โจ๋แล้ว
แค่เอาปัญหาทุกอย่างบีบลงในแนวคิดเรื่องชนชั้น มันก็เหมือนลากอูฐผ่านรูเข็มนั่นแหละครับ
ไม่งั้นตอนนี้คอมมิวนิสต์ไม่สูญพันธุ์หรอก

ดันเอาระบบความเชื่อศาสนาออกไปจากระบบชีวิต สุดท้ายก็ต้องปั้นศาสดาเหมาขึ้นมาแทน
เอาสารนิพนธ์เหมาแทนคัมภีร์ไบเบิ้ล แล้วมันจะต่างกันตรงไหน พอถึงวันนี้ก็ต้องรื้อศาสดาลง
โยนคัมภีร์ทิ้ง

ผมเชื่อในการพัฒนาวิถีพุทธมากกว่า ออกจะเป็นพุทธแนวเซ็น ลุยๆหน่อยแบบญี่ปุ่น
เพราะมันปรับมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ง่ายดี ช่วยเพิ่มผลิตภาพด้วย

แล้วก่อนจะตาย ผมว่าท่องพุทโธ ๆ กับท่อง คาร์ล มากซ์ ๆ  หรือ เหมาๆ น่ะ ถ้าโลกหน้ามีจริง
ท่องแบบแรกโอกาสไปสู่สุคติมีเยอะกว่านา ผมไม่แน่ใจหรอกว่าศาสดาเหมาจะอยู่ขุมไหนตอนนี้
ก็เล่นฆ่าคนซะเยอะแบบนั้น

ลุงแก่กว่าผมนา...ไงๆลุงก็ไปก่อน เลือกท่องให้ถูกล่ะ...เหอะๆ เดี๋ยวจะหาว่าเด็กไม่เตือน

 :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 17:13
ก่อน 14 ตุลา หรือช่วง 6 ตุลา

ปชป.ก็ประกาศตัวว่าเป็นพรรค"สีชมพูอ่อนๆ" ก็คือสังคมนิยมนั่นแหละ

ที่ทะเลาะกับสมัคร ก็เรื่องซ้าย เรื่องขวา

เลขาพรรคก็เป็นคนทางเหนือบ้าง กทม.บ้าง

ปชป. ก็เดินแนวซ้าย ใช้เพลงเปิบข้าวนี่แหละ แสดงตัวตนว่าเป็นพรรคของชาวนา ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

รวมทั้งได้คะแนนเสียงจากนิสิตนักศึกษาหัวก้าวหน้า

พอได้ดีมีสุข ก็ลืมทุกข์ของชาวนา พอเค้าไม่เลือกแล้วยังกลับไปด่าเค้าอีก

เป็นไปได้ถึงเพียงนี้แล้วคิดว่าคนอีสาน คนเหนือ เค้าจะยังยินดีกับพรรคนี้อยู่อีกหรือ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 17:22
อืมม..ท่าทางจะเข้าใจลัทธิการเมืองไม่แตกฉาน

เลยไม่รู้ว่า "ซ้าย" คืออะไร

สังคมนิยม รัฐสวัสดิการ พวกนี้ซ้ายทั้งนั้น

เคยศึกษาแนวนโยบาย ปชป. 2,000 หรือเปล่า ที่ดร.เอนก ( คอมเก่า ) เป็นคนร่าง

เคยอ่าน จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ของ ดร.ป๋วย มาบ้างหรือเปล่า

เคยศึกษาเค้าโครงเศรษฐกิจของท่านปรีดีมาบ้างมั๊ยครับ

ซ้ายจริงๆ น่ะ ไม่กลวงหรอก คุณไปเจอพวกซ้ายปลอมๆ นะสิ

ซ้ายจริงๆ เค้ารักประชาชน รักความเป็นธรรมในสังคม

แต่ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจคำว่า "ความเป็นธรรมในสังคม" มากน้อยขนาดไหน

อ้อ...รู้หรือเปล่า นายชวน หลีกภัย เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมูนิสต์

ต้องหนีหัวซุกหัวซุน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 17:28
อ้อ...แล้วรู้หรือเปล่า ปชป. เสนอนโยบายอะไรแก้ไข "ประชานิยม" ลองๆ ไปหาอ่านบ้างนะ เผื่อจะแตกฉานการเมืองขึ้นมาบ้าง

นโยบายรากหญ้าของ ปชป.ยุคนี้คืออะไร ลองไปหาดูนะครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 17:30
เหอ เหอ ทวงบุญคุณจากเพลง "เปิบข้าว" เหรอ อิ อิ

เจ้าของกระทู้ก็ทวงบุญคุณเรื่องเสียภาษีเยอะ ฮ่า ฮ่า

ระนาบเดียวกัน


ถ้าคิดได้แค่นี้ลุง Can ก็ปิดหูปิดตาตัวเองแล้วล่ะ
...รับรู้ไว้นะลุง Can ว่าทุกวันนี้คนอีสาน ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ แม่ค้า ลูกจ้าง หรือแม้แต่พวกที่เรียกตัวเองว่า "ศิลปิน"
ต่างพูดกันในทำนองว่า

"โอ๊ย...ถ้ากรุงเทพ  ถ้าไม่มีคนอีสานนะ  ไม่มีไอ้ตึกสูง ๆ ดี ๆ อย่างที่เห็นนี่หรอก"
"คนกรุงเทพ ฯ ทำอะไรเป๊น  หุงหาข้าวปลากินกันเองยังไม่เป็นเล้ย  ถ้าไม่มีคนอีสานมาทำให้ก็กินแต่มาม่า"
"พวกทำงานในออฟฟิสสบายตายห่า  ไม่ต้องตากแดดตัวดำ  ห้าโมงก็เลิกงานกลับบ้านเปิดแอร์นอน"

โดยเฉพาะไอ้พวก "ศิลปินนัักแสดง" ไม่ว่าจะเป็นพวกตลก - หมอลำขาย CD  หรือแม้แต่พวกแบกไข่หมา ฯลฯ
บางทีก็ "พูดออกทีวี" ในรายการขาย CD ตอนดึก ๆ  ว่า
"เข้ามาสร้างความเจริญให้กรุงเทพ ฯ แล้วก็อย่าหลงแสงสีอยู่ในกรุงเทพ ฯ เด้อ"
...ความเจริญเหี้eอะไรของมรึง !
...คิดว่าคนกรุงเทพ ฯ อยากได้นักหรือไอ้ตึกใหญ่ ๆ ที่จอดรถพ่นควันเหม็น ๆ พวกนั้นน่ะ ?
...ความเจริญแบบที่ผู้คนจากถิ่นไหน ๆ ก็เข้ามาสิงสู่ ส้องเสพย์ "ได้" เหมือนกันหมด  แต่ "ทิ้ง" ความสกปรกโสมม - ไร้ระเบียบ ไว้ให้คนกรุงเทพ ฯ ต้องทนทุกข์ทรมานน่ะรึ ??
...ความเจริญแบบที่มีกะหรี่ั้กรามเหลี่ยม ๆ ดั้งหัก ๆ เดินแอ่นให้ฝรั่งจับนมเรื่อยไปตามถนนราชดำเนิน ถึงถนนข้าวสาร - วัดบวร ฯ นั่นใช่่ไหม ?
...ความเจริญแบบที่ต้องทนฟังเสียงเพลง + เสียงร้องคาราโอเกะ และเสียงเอะอะเอ็ดตะโรตอนดึก ๆ  ใช่ไหม ?
...ฯลฯ

แล้วก็ไม่ต้องอื่นไกล  ไอ้วงโปงลางสะเหนียด นี่ก็ตัวดีนัก
ชอบซะจริงกับการเอาวัฒนธรรมอีสานมาทำเป็นตลก
...แล้วก็สรุปเอาเอง หรือยัดเยียดข้อสรุปเอาเองนั้นให้คนทั่วไปเข้าใจว่า 
"คนกรุงเทพดูถูกดูหมิ่นคนอีสาน  หรือเข้าใจว่าคนอีสานซื่อบื้อ"


จากนั้นก็เกิดพวก "อีสานรักเผ่าพันธุ์" ที่็จับเอาอารมณ์ซึ่ง "คนอีสานสร้างกันเอง - หลอกหลอน - ปั่นหัว - ล้างสมองกันเอง" ขึ้นมาใช้เป็น "จุดรวมใจ"
...กล่าวหาว่า "ไอ้พวกกรุงเทพแหม้งเห็นแก่ตัว"
...กล่าวหาว่า "ไอ้พวกกรุงเทพฯแหม้งดูหมิ่นพวกเรา"
...กล่าวหาว่า "ไอ้พวกกรุงเทพแหม้งปล้นชิงเอาความสุขสบายและความเจริญมั่งคั่งของพวกเราไปหมด"

ถามจริงเหอะ ?
ใครเขาไปเอาอะไรของพวกอีสานอย่างมรึงมาวะ ?


สุดท้าย :
ข้าวที่ผมใช้ช้อนตักกิน เกือบทั้งหมดเป็นข้าวที่ปลูกในปทุม ฯ สุพรรณ ฯ ว่ะ
...ถ้าชาวนาไทยไม่ปลูกข้าว หันเป็นหาผัวฝรั่งหรือเป็นกุ๊ยรับจ้างไอ้แม้วกันหมด  กระทั่งไม่มีการผลิตข้าวในประเทศไทยเลย   ผมก็ยินดีกินข้าวที่ปลูกโดยชาวนาเขมร - เวียดนาม
หรือแม้แต่ข้าวที่ส่งมาจากอเมริกา
...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าราคาถูกกว่า และไม่ต้องถูกใครจิกหัวให้สำนึกในบุญคุณ




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 17:38
...ผมเชื่อในประวัติศาสตร์ที่ลุงเล่ามาว่าเป็นความจริงครับ

แต่ลุงกรุณาดูลักษณะฐานเสียงที่เปลี่ยนไปด้วยนะครับ
ยุคนั้นประชาธิปไตยลงไปถึงระดับชาวไร่ชาวนาใช่เป่า
ถึงขนาดมีระดับผู้นำชาวนา ใช่มั้ยครับ

แต่ถามจิ๊ดนึงว่าสิ่งที่ครอบงำคนชั้นชาวไร่ชาวนาในปัจจุบัน
มันเป็น "ประชาธิปไตย" หรือ "บริโภคนิยม" กันแน่เอ่ย
บทบาทผู้นำสังคมมันเลยเปลี่ยน แทนที่จะเป็นเรียกร้องความเป็นธรรม
มันเลยเพี้ยนเป็นม็อบต่อรอง ม็อบรับจ้าง

จนกลายเป็นว่าม็อบอีสานมีลักษณะที่ขาดความเป็นธรรมชาติที่สุด
มีลักษณะจัดตั้งสูงจนคนขาดความเชื่อถือ

ผมว่าที่เราทะเลาะกันอยู่เนี่ย ก็ยังงงๆกันอยู่เลยระหว่าง "สิทธิประชาธิปไตย"
กับ "สิทธิที่จะบริโภค" ธรรมชาติฐานเสียงมันเปลี่ยน ตัวพรรคที่เลือกก็เปลี่ยน
ลุงไม่คิดงั้นมั่งเหงอ?

ถ้าคำพูดแค่ครั้งเดียวของประชาธิปัตย์ทำให้คนอีสานแค้นฝังหุ่นขนาดนั้น
ลองนึกถึงคำพูดบิ๊กจิ๋ว ป๋าเหนาะ ป๋าชัย หรือใครหลายๆคนที่ทำให้คนกรุง
อึ้งแดกจนแทบจะเปลี่ยนทีวีใหม่มาแล้วหลายครั้งหลายคราดูสิครับ

เอาแค่คำว่า "โกงเหรอ ไหนใบเสร็จล่ะ""  ที่ได้ยินจนเป็น*****หูจากรัฐบาล
ที่สส.อีสานเป็นเสียงส่วนใหญ่ก็สุดจี๊ดแล้วละครับ
ประชาธิปัตย์ถึงจะน่าหมั่นไส้ขนาดไหนก็ยังไม่หน้าด้านขนาดนี้นครับ


จนปัจจุบันเราก็ยังให้อภัยเขาเหล่านั้น แม้จะผะอืดผะอมเต็มที

กับป๋าหมัก เราก็ยังเคยให้โอกาสแก

มันก็มีแนวคิดสองอย่างแหละ
1. ประชาธิปัตย์เปลี่ยน คนเลยไม่เลือก
2. ธรรมชาติของคนเลือกเปลี่ยน คนเลยไม่เลือก

แล้วแต่จะเชื่อเนาะลุงเนาะ...


ผมรุ้ว่านัยชวนเคยหนีเข้าป่าแล้วก็เขียนเย็นลมป่า แต่ไม่เคยอ่าน
ซ้ายอ่อนๆน่ะเป็นสิ่งดีครับลุงแคน ทั่นปรีดีก็ซ้ายอ่อนๆ
แต่หมู่นี้เจอแต่ซ้ายเกรียนๆซะจนหุดหิด

อย่างจาตุรนต์ หมอมิ้ง หมอเลี้ยบ เงี้ย
ลุงว่ามันซ้ายแบบไหนล่ะ

ซ้าย 14 ตุลา กับซ้าย 6 ตุลาต่างกันมากมั้ย ถามเพราะอยากรู้จริงๆนะเนี่ย
แต่ผมว่าซ้าย 6 ตุลาแม่งน่ากระทืบว่ะ
อยู่ดีๆหาเรื่องทำตัวเองให้โดนมวลชนทิ้งซะงั้น
เกรียนไม่เข้าเรื่อง


 :slime_doubt:







หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 17:46
ไร้สาระน่า...สอนนักเรียนไม่เข้าใจ น่าจะพิจารณาว่า เด็กโง่ หรือครูไม่มีปัญญา

รู้มั๊ย นโยบายสังคมเข้มแข็ง หมอประเวศ วสี เสนอมาตั้งแต่ปี 35 ไม่มีนักการเมืองเทวดาหน้าไหนสนใจ

พอปี 40 มีวิกฤติ ก็เสนออีก พรรคเทวดาก็ไม่สน

พอหน้าเหลี่ยมมันจะทำพรรคการเมือง ก็ไปขอคุย ขอนโยบาย ขอแนวทาง

ท่านก็ให้มา แถมเป็นที่ปรึกษาให้ แต่หน้าเหลี่ยมมันเอาไปทำครึ่งเดียว ยังได้คะแนนเพียบ

ว่างๆ ก็ไปศึกษาซะ เผื่อจะได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พอจะคุยการเมืองกับเค้าได้บ้าง

ลองไปดูซิ นโยบายของดร.เอนก ทำไว้ให้ ไปเก็บไว้ไหน

เผื่อจะเข้าใจ "สองนคราประชาธิปไตย" ขึ้นมาบ้าง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 17:55
เอ้อ...เคยได้ยินเรื่อง นโยบายเงินผัน ของคึกฤทธิ์มั๊ย

เอ้อ...เคยได้ยินเรื่องนักเรียนขึ้นรถเมล์ฟรีมั๊ย

เอ้อ...เคยได้ยินเรื่อง จอมพล ส. ใช้เงินหวยมาทำนโยบายรากหญ้ามั๊ย

เอ้อ...เคยได้ยินนโยบาย กองทุน กขคจ. ของ ปชป. มั๊ย

เคยได้ยินเรื่อง คนจนรักษาฟรี คนพอมีต้องประกันครอบครัวละ 500 มั๊ย

ถ้าไม่เคยได้ยิน ก็รีบไปศึกษา เผื่อจะได้รู้ว่า ปชป. ก็ทำมาก่อนทั้งนั้น

ตกลงรู้หรือยังว่า ซ้ายๆ ขวาๆ นี่มันอะไรกัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 18:18
เออ...นึกออกแล้ว หลายๆ คนคงเถียงสู้แท็กซี่ไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่กล้าเถียงกับเค้า

เลยมาใช้เว็บบอร์ดระบายอารมณ์ ก็ไม่ว่ากันอะนะ

ช่วยๆ กันไป อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 06-03-2008, 18:39
30 บาท พูดยังกะมันครอบคลุมแค่อีสานนะคุณ isa
การทำนา ภาคกลางก็ทำ พูดยังกะมันมีการทำไร่ทำนาแต่ภาคอีสานอย่างนั้นแหนะ

 :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 18:48
เออ...นึกออกแล้ว หลายๆ คนคงเถียงสู้แท็กซี่ไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่กล้าเถียงกับเค้า

เลยมาใช้เว็บบอร์ดระบายอารมณ์ ก็ไม่ว่ากันอะนะ

ช่วยๆ กันไป อิ อิ


น้านนนน...ชวนทะเลาะซะแล้ว
( ม่ายเป็นไร  เราก็ทำเค้าไว้เยอะ )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 06-03-2008, 18:54
ทักษิณ มันสร้างกระแส ในอีสานดี  เง้อ  เห็นแทกซี่บางคนชมทักกี้มันจัง  บอกว่าทักกี้อยู่แล้วประเทศหายจน แต่ไหง ...  เขายังขับแทกซี่อยู่อ่า    - -*    บางครั้ง ความรู้สึกมันก็สวนทางกับความเป็นจริง  ในช่วง หลายปีที่ทักกี้บริหารประเทศ เขารู้สึกว่าคนไทยมีเงินมากขึ้นแต่ตัวเลข แบงค์ชาติ ฟ้องว่าปริมาณคนจนในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็น 12 ล้านคน  เง้ออออออ    ไม่รู้จะบอกยางงายยยยย :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 06-03-2008, 19:21
*  ชอบ  ทู้  นี้จัง  ........  มันส์ดี  !!

    คงไม่ขอพูดถึงเรื่องคนภาคไหนเป็นยังไงนะคะ .........

    แต่ ....  ที่กำลังแปลกใจ คือ  ก่อนหน้านี้ความรู้สึกแบ่งระหว่าง  คนแต่ละภาค กะ คน กทม.

    มันไม่ชัดเจนขนาดนี้  .....  หรือ  รุนแรงแบบนี้

    เคยคิดเล่น ๆ ว่า .....  เป็นเพราะช่วงหลังการเมืองมันอึมครึมมากไปหรือเปล่า  ??

    และ  มีการแย่งคะแนนกันเพื่อให้ฝ่ายของตัวเองมาเป็นคนคุม ..... อำนาจหลัก  ในบ้านเมือง

    มีการปลุกกระแสเรื่อง  ใครโง่  ใครฉลาด   ใครเป็นศักดินา  ใคร ......... !!  ขึ้นมากันจัง

    หรือง่าย ๆ  คือ มีการเสี้ยมของไอ้พวกเวรที่อยากเป็นรัฐบาล  ที่เอาจุดนี้มาแหย่เพื่อผลประโยชน์

    ก่อนนี้...........  กระแส  คนต่างจังหวัดจะสั่งสอนคนกรุง  ว่า ....

    พวกกรูคนที่มีการศึกษาน้อยกว่า ( บางคน )  นี่แหละจะเป็นคนเลือก.......  นายก  เองมันไม่ได้ชัดเจนขนาดนี้

    ถามว่า  ....  ถ้าจะให้คิดว่าใครน่ารังเกียจที่สุด !!!  ( ใครดี  )

    ถามว่า....  เวลามีการหาเสียงในระยะหลังมีใครเอาจุดที่ว่า  คนภาคนี้โง่  คนเมืองศักดินา  มาหาเป็นประเด็นมั่งหรือเปล่า ???

    (  ไม่เคยไปฟังเวลามีนักการเมืองมาหาเสียง  ขี้เกียจไปยืนให้มันบอกว่าเราเป็น ญาติพี่น้อง  กะมัน  ( ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ )

    มาถามทิ้งไว้เฉย ๆ  .....  เชิญเถียงกันต่อค่ะ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 19:35
อยู่ว่างๆ พรรคเทวดา น่าจะทำสมุดพกเล่มน้อย

รวมคำถาม-คำตอบ สำหรับแฟน ปชป. เพื่อตอบแท็กซี่สิ

จะเล่นคืนแบบไหน ถึงจะซื้อใจแท็กซี่ได้

เผื่อแฟนๆ หนุ่มมาร์ค จะได้มี "วาทะกรรม" ไว้อธิบายสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ

จะได้หายหงุดหงิด

เพราะถ้าเถียงแท็กซี่มากๆ เค้าอาจไล่ลงจากรถก็เป็นได้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: isa ที่ 06-03-2008, 19:40
มาอำลาไว้ก่อนครับ

เถียงกันมาสองวัน สมาธิแตก งานระส่ำระสายไปเยอะ
ถ้ากระทู้นี้ยังอยู่ว่างๆจะแวะเข้ามาใหม่

ดีใจที่เถียงกันแทบเป็นแทบตาย แต่จากกันอย่างมิตรนะครับ :slime_inlove:

ความเห็นของลุงแคนผมก็เคารพนะครับ แต่เราจะมองระนาบต่างกันหน่อย
ของลุงแคนจะอยุ่ในระนาบนักวิชาการ ประวัติศาสตร์การเมือง หรือเกมในระดับพรรค

แต่ระนาบผมมันเป็นวิถีประชา อะไรที่มันพบเจออยู่รอบตัวนี่แหละ ซึ่งผมก็ว่ามันเป็นปัจจัยหนึ่งเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ก็ถือว่าได้ขยายมุมมองเพิ่มขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็คือภาพเครือข่ายการเมืองในภาคอีสานก็สมบูรณ์ขึ้นอีกเยอะ
ส่วนความคิดขัดแย้งกันนั้นมันเป็นปกติมนุษย์

เรื่องแนวคิดสวัสดิการสังคมนั้นมันก็น่าสนใจน่าศึกษา แต่ก็นั่นแหละมันขึ้นอยู่กับว่าคนที่เอามาใช้
จะเอามาใช้จริงๆหรือแค่เป็นวิถีทางการตลาด ซึ่งเราก็รู้ๆอยู่ว่าไม่ว่าอะไรที่โฆษณากันอยู่ จริงๆแล้ว
มันตอแหลซะกว่าครึ่ง เป็นของจริงจิ๊ดเดียว

ถึงผมจะเป็นคนใต้โดยกำเนิด ผมก็ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของประชาธิปัตย์ เพราะเห็นจุดอ่อนว่าคนระดับสูงแถวปักษ์ใต้นั้น
นิยมเรียนมาทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เลยทำให้ภาพรวมประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคคนหัวหมอ
ถ้ามีคนภาคอื่นที่มาจากสายงานอื่นเข้าไปแจม ภาพรวมของพรรคคงจะดีกว่านี้

แล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้คนชั้นกลางในภาคอีสานก็มีจำนวนมากพอสมควร และเป็นพลังที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองได้
หากประชาธิปัตย์กล้าพอที่จะทำเกมเข้าหาคนกลุ่มนี้ อย่างน้อยก็สร้างสส.ได้จำนวนหนึ่ง ยึดหัวหาดไว้ก่อน ส่วนจะรุกคืบยังไงนั้นเอาไว้ทีหลัง
แต่อาจต้องเปลี่ยนเสนาธิการพรรคเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เทพเทือกซะก่อน

ขอลาไปก่อน ขอจรไปแล้ว... ยังไงก็รักลุงเหมือนเดิมนะครับ

เหลือแต่คนแก่ๆอยู่ด้วยกันก็อย่าทะเลาะกันอีกล่ะ   :slime_smile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 19:44
ทำไม หนุ่มมาร์ค ไม่ลองลงไปสัมผัสแท็กซี่ดูบ้างล่ะ

เผื่อจะได้รู้ว่า แท็กซี่คิดอะไร ถ้ามีผู้โดยสารมาเรียก ก็ให้ประชาชนไปก่อน

แต่ไม่รู้หัวหน้าพรรคเทวดาเคยขึ้นรถเมล์ เคยขึ้นแท็กซี่หรือเปล่าหนอ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 06-03-2008, 19:59
มายาคติครับ สรุปสั้นๆ
เหมือนฮิตเลอร์ฝังหัวว่าเยอรมันเป็นเผ่าพันธุ์ยอดเยี่ยมที่สุด ยิวเลวรกโลก ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นๆกันไปแล้ว

ส่วนมายาคติแบบไทยๆก็นี่แหละครับ"คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนอีสานโง่ คนกรุงเห็นแก่ตัว คนไทยขี้เกียจ"
แล้วก็หลงไปกับมายาคติแบบนี้ แล้วก็เกลียดกันเอง สรุปก็เวรกรรมหละครับพี่น้อง

ผมเป็นลาวอีสานแต่ไม่ล้านเปอร์เซ็นต์ มีเจ๊กปนหน่อยๆ ไม่ได้หลงลาวครับ ที่สำคัญไม่หลงไปกับมายาคติแบบตื้นเขินอย่างที่จขกท.ยกมาแบบ้หมารวม


กลับไปคิดดูครับ นาซีฮิตเลอร์มองยิวอย่างไร และปฏิบัติต่อยิวอย่างไร นั่นคือผลแห่งมายาคติแบบเหมาเข่งเหมารวมครับท่าน :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 06-03-2008, 20:09
เที่ยวนี้ ปชป. เสนอแนวทาง รัฐสวัสดิการ หรือ สวัสดิการสังคม ไม่ใช่เหรอ

ทำไมไปว่าเค้ายังงั้นล่ะ...หรือว่าแค่ตอแหลไปวันๆ อย่างที่คุณว่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 06-03-2008, 20:36
Wait A Sec !


เฮ้ย ๆๆๆ
ลุง Can งับ

ลุง Can กำลังเข้าใจอะไรสับสนระหว่าง

1.
"1.1 การทำให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง ของนักการเมือง"
+
"1.2 การตอบแทนบุญคุณที่ได้รับมาเป็นการส่วนตัว โดยประชาชนในท้องถิ่น"
VS
2.
"2.1 การใช้อำนาจทางการเมือง ของนักการเมือง ( ส่วนจะดีชั่วอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง )"
+
"2.2 การรักษาไว้ซึ่งสิทธิ สวัสดิการ สวัสดิภาพ และการปกป้องผลประโชน์ต่าง ๆ ของประชาชน



คือเท่าที่ผมอ่าน 'ment ของลุง Can มา 
พบว่าลุง Can เ้น้นไปทางข้อ 1 แทบจะล้วน ๆ เลยอ้ะครับ

มันคนละเรื่องเลยนะครับ
ลุง Can พยายาม "ปกป้องสิทธิการลงคะแนนเลือกตั้ง" ของคนอีสานอย่างหนัก
โดยกล่าวโยนว่าเป็น "ความผิดของไอ้พวก ปชป." เอง ที่ "ไม่เอาใจคนอีสาน" ให้ดี
จึง "สมน้ำหน้าแล้ว" ที่คนอีสานจะหันไปเลือกพรรคไอ้แม้ว
ที่ได้ "ประยกุต์ใช้แนวคิดอันสุดแสนที่จะวิเศษเลิศเลอ" ตามแนวทางมาร์ค  เหมา  วะสี  กุ๊กกิ๊ก ฯลฯ มาทำเป็นนโยบาย + Implement ได้อย่างเป็นรูปธรรม
...แม้มันจะเอามา "อย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ" ก็ยังทำแล้ว "ได้คะแนนเสียงมาตั้งเยอะแยะ"

^^ สรุปตาม 'ment ของลุง Can ออกไปแนวนี้อ้ะ ^^

ซึ่งผมว่ามันไม่ถูก
โดยฉพาะไม่ถูกต้องสมควร ตามแนวทางแห่งอารยชน - สังคมประชาธิปไตย
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง ข้อ 1 และ ข้อ 2. ที่ผมได้ยกขึ้นมาไว้ ณ ข้างต้น
จะพบว่า
ข้อ 1. ที่เป็น "ความคิดแบบลุง Can" ดูจะเป็นการยืนยันว่า "ระบบอุปถัมป์นี่ล่ะถูกต้องแล้ว"
ในขณะที่ข้อ 2
ผมกลับเ็ห็นว่า  เป็นหนทางที่สมควรสร้างขึ้นหรือทำให้เป็นกระแสหลักของสังคม มากกว่า

มันจริงหรือลุง Can ?
ที่แนวทางมาร์ค เหมา วะสี  ตาม "ค่ายสัมมนา" พยายามปลูกฝังไว้ในหัวของ "สหาย" ทั้งหลายแหล่
คือ
"การตักป้อนซึ่งผลประโยชน์และปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ( ไม่ว่าจะเกินจำเป็นหรือเท่าที่จำเป็น ) ให้แก่ประชาชนระดับรากหญ้าซึ่งเป็นกำลังค้ำชูกลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐ   แล้วให้ประชาชน คนชั้นกลางที่มีการศึกษา + อาศัยอยู่ในเขตเมืองก้มหน้าก้มตาทำมาหากิน เป็นกลไกในสังคมผู้ทำหน้าทีู้จัดหามาซึ่งงบประมาณต่าง ๆ   ที่รัฐบาลจะนำไปจัดสรรให้แก่ประชาชนระดับรากหญ้าให้เป็นอยู่อย่างสุขสบาย"



ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง 
แล้วใครอยากจะเป็น "คนชั้นกลาง" ?
ใครอยากจะเป็น "ผู้มีการศึกษา" ??
ใครอยากจะเข้ามาอยู่ในเมือง ???
...จะพัฒนาตนเพื่อต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไปทำไม ????
...แล้วประเทศที่เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งไม่อยากพัฒนาตน  มันจะเจริญก้าวหน้าไหม ?????


ดู "เขมรแดง" นั่นสิ
...พรรคอังกอร์น่ะ
...ที่จับคนเมืองไปเป็นขี้ข้ารับใช้พวก "รากหญ้าถือปืน"
...ที่จับคนเข้า "ค่ายสัมมนา" ทุกวันน่ะ
...ณ วัน-เวลาที่เขมรแดงมีอำนาจ บ้านเมืองเขาเป็นยังไง ????




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 06-03-2008, 20:48

ผมมองว่ากระทู้นี้ มันมีประเด็นเหลื่อมซ้อนกันอยู่ 2 อย่างน่ะครับ

(1) ทางลุงแคน และคนอื่นๆ ที่มีจุดยืนปกป้องชาวรากหญ้า พูดถึงการโหมกระแส หรือหลงไปกับกระแสภูมิภาคนิยม เหมารวมดูถูกคนอีสาน คนเหนือ รากหญ้า ฯลฯ ว่าเป็นพวกโง่ ต่ำต้อยกว่าไปหมด ซึ่งก็เป็นความน่าเกลียด เป็นกับดักทางการเมืองที่จะไปเข้าทางฝ่ายทักษิณ/พปช./ทรท. และจะย้อนกลับมาทำลาย ปชป./คนใต้/คนเมือง ฯลฯ เองในที่สุด อันนี้มันก็เป็นความจริงที่เห็นได้ค่อนข้างชัด เหมือนกับพุงช้าง

(2) ในอีกด้านหนึ่ง จขกท. และผู้สนับสนุนอีกหลายๆ คน (รวมทั้งผมด้วย) ก็มีความฝังใจกับปรากฎการณ์ "ลัทธิเปิบข้าวนิยมใหม่" ที่ฝ่ายทักษิณ/ทรท./พปช./ซ้ายหลงยุค ได้อาศัยเล่ห์กลการโฆษณาชวนเชื่อ จิตวิทยามวลชน การตลาดต่างๆ ทุกวิถีทาง มาปลุกปั่น ปลุกระดมให้เกิดกระแสลึกๆ แต่ใหญ่โตแบบ "คลื่นใต้น้ำ" เพื่อตอกลิ่มสร้างความเคียดแค้น ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และความอยากลำเลิกบุญคุณขึ้นมาในหมู่ชาวรากหญ้าอย่างแรงกล้า

โดยทั้งหมดนี้มีลักษณะโยนบาปมาให้คนกรุง คนใต้ ชนชั้นกลาง ฯลฯ ที่ขวางทางพวกตน ยัดเยียดให้เป็น "ไอ้พวกคนกรุง เจ้าคนนายคน นักวิชาการ ศักดินาผู้กดขี่" ในสายตาของชาวรากหญ้าอยู่ตลอดเวลา โดยไร้ซึ่งความเป็นธรรม

ในข้อนี้ก็เป็นปรากฎการณ์ที่มันเกิดขึ้นจริงๆ สัมผัสได้จริงๆ ในยุคสมัยนี้เช่นกัน

แล้วเรื่องของการทวงบุญคุณ กับการครอบงำบงการ ก็มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ มีการใช้ประโยชน์จากความโลภของคน ปมด้อย อุปาทานหมู่ ปมความเป็นเหยื่อ (Victim Mentality) ของคน ภาวะพึ่งพาแบบเตี้ยอุ้มค่อม ฯลฯ ล้วนเป็นด้านมืดที่รุนแรงของจิตวิทยามนุษย์ทั้งนั้น

ข้อที่ (2) นี้ ก็คงเป็นเหมือนซอกหลืบส่วนที่น่าเกลียดของช้าง จะไข่หรือทวารก็ว่ากันไป ที่ไม่ค่อยมีใครอยากเห็น อยากเจอ อยากพูดถึง ยิ่งไม่อยากเข้าไปสัมผัส
...แต่ตอนนี้มันกลายเป็นต้นตอของมะเร็ง เป็นแหล่งเชื้อเพาะร้าย ถ้าไม่มีใครเปิดมันออกมาให้เห็นแล้วตระหนักถึงปัญหากันซะบ้าง ก็จะลำบาก

ถ้าจะพยายามปลดชนวนเรื่องบุญคุณความแค้นนี้ ผมเองขอแนะนำว่าชนชั้นกลางเอง ไปจนถึงชั้นสูง หรือชั้นสวรรค์วิมานไหนๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงหรือต่างจังหวัด จำเป็นต้องลดการคิดมองปัญหาทางการเมืองบนพื้นฐานของความ "หวงเงินภาษี" ลงไปก่อน แล้วมองในด้านอื่นๆ ให้มากขึ้นด้วย
แต่ก็ขอทิ้งคำถามไว้อีกซักคำถามนึงว่า...

ถ้าพลพรรคทักษิณ/ทรท/พปช เพียงแค่ดำเนินนโยบายประชานิยม เศรษฐีใจดี เอาเงินภาษีที่เป็นกองกลางของประเทศไปแจกจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อเอาใจเสียงส่วนใหญ่ชาวรากหญ้าอย่างเดียว

โดยไม่ได้มีพฤติกรรมการแสวงหาอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือประเทศชาติและสังคม ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจที่คุกคาม บีบคั้นต่อ "ชนกลุ่มน้อย" ทั้งหลายที่ไม่ใช่พวกตนด้วยแล้ว...

พวกเขาจะถูกต่อต้านจากคนกรุง คนใต้ ชนชั้นกลาง ฯลฯ อย่างรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ถึงทุกวันนี้หรือไม่? และสังคมประเทศชาติจะดำเนินมาถึงจุดที่แตกแยก เกลียดชังกันขนาดนี้หรือไม่??


ปล. เห็นก่อนหน้านี้มีพูดถึงอ.หมอประเวศ ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งเห็นมีพวกสาวกทักษิณ ในเว็บปีกซ้ายๆ นั่นแหละ ผสมโรงกันจิกหัวด่า อ.หมอประเวศ เหมือนไปอาฆาตกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนอยู่แหมบๆ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 06-03-2008, 22:49

(1) ทางลุงแคน และคนอื่นๆ ที่มีจุดยืนปกป้องชาวรากหญ้า พูดถึงการโหมกระแส หรือหลงไปกับกระแสภูมิภาคนิยม เหมารวมดูถูกคนอีสาน คนเหนือ รากหญ้า ฯลฯ ว่าเป็นพวกโง่ ต่ำต้อยกว่าไปหมด ซึ่งก็เป็นความน่าเกลียด เป็นกับดักทางการเมืองที่จะไปเข้าทางฝ่ายทักษิณ/พปช./ทรท. และจะย้อนกลับมาทำลาย ปชป./คนใต้/คนเมือง ฯลฯ เองในที่สุด อันนี้มันก็เป็นความจริงที่เห็นได้ค่อนข้างชัด เหมือนกับพุงช้าง

(2) ในอีกด้านหนึ่ง จขกท. และผู้สนับสนุนอีกหลายๆ คน (รวมทั้งผมด้วย) ก็มีความฝังใจกับปรากฎการณ์  "ลัทธิเปิบข้าวนิยมใหม่" ที่ฝ่ายทักษิณ/ทรท./พปช./ซ้ายหลงยุค ได้อาศัยเล่ห์กลการโฆษณาชวนเชื่อ จิตวิทยามวลชน การตลาดต่างๆ ทุกวิถีทาง มาปลุกปั่น ปลุกระดมให้เกิดกระแสลึกๆ แต่ใหญ่โตแบบ "คลื่นใต้น้ำ" เพื่อตอกลิ่มสร้างความเคียดแค้น ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และความอยากลำเลิกบุญคุณขึ้นมาในหมู่ชาวรากหญ้าอย่างแรงกล้า

โดยทั้งหมดนี้มีลักษณะโยนบาปมาให้คนกรุง คนใต้ ชนชั้นกลาง ฯลฯ ที่ขวางทางพวกตน ยัดเยียดให้เป็น "ไอ้พวกคนกรุง เจ้าคนนายคน นักวิชาการ ศักดินาผู้กดขี่" ในสายตาของชาวรากหญ้าอยู่ตลอดเวลา โดยไร้ซึ่งความเป็นธรรม

ในข้อนี้ก็เป็นปรากฎการณ์ที่มันเกิดขึ้นจริงๆ สัมผัสได้จริงๆ ในยุคสมัยนี้เช่นกัน

แล้วเรื่องของการทวงบุญคุณ กับการครอบงำบงการ ก็มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ มีการใช้ประโยชน์จากความโลภของคน ปมด้อย อุปาทานหมู่ ปมความเป็นเหยื่อ (Victim Mentality) ของคน ภาวะพึ่งพาแบบเตี้ยอุ้มค่อม ฯลฯ ล้วนเป็นด้านมืดที่รุนแรงของจิตวิทยามนุษย์ทั้งนั้น

ถ้าพลพรรคทักษิณ/ทรท/พปช เพียงแค่ดำเนินนโยบายประชานิยม เศรษฐีใจดี เอาเงินภาษีที่เป็นกองกลางของประเทศไปแจกจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อเอาใจเสียงส่วนใหญ่ชาวรากหญ้าอย่างเดียว

โดยไม่ได้มีพฤติกรรมการแสวงหาอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือประเทศชาติและสังคม ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจที่คุกคาม บีบคั้นต่อ "ชนกลุ่มน้อย" ทั้งหลายที่ไม่ใช่พวกตนด้วยแล้ว...

พวกเขาจะถูกต่อต้านจากคนกรุง คนใต้ ชนชั้นกลาง ฯลฯ อย่างรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ถึงทุกวันนี้หรือไม่? และสังคมประเทศชาติจะดำเนินมาถึงจุดที่แตกแยก เกลียดชังกันขนาดนี้หรือไม่??



*  ดิฉัน  .....  เห็นด้วยกะที่คุณเขียน    โดยเฉพาะที่เน้นตัวหนังสือสีแดง

   เหตุผล  คือ  ในระหว่างที่แต่ละคนมา  อีโก้  สูงเถียงกันเรื่องของภาค .....

   คุณลืมมองไปที่   >  กับดักทางการเมือง  <  ( ขอยืมคำพูดหน่อยนะ )  จิตวิทยามวลชน  ที่นักการเมืองสร้างขึ้นมาหรือเปล่า ??

   ประชาชนทะเลาะกัน  ..........  คนได้กำไรที่สุด  คือ  นักการเมืองนี่แหละ  !!

   ปล.  ดิฉัน  ก็เป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน  .....  ถึงทุกวันนี้จะมีสิทธิ์เลือกผู้ว่า  สส.  สว.  ของกรุงเทพก็เหอะ

          แต่ ......  ดิฉัน  ก็ไม่เคยมาเย้วบอกว่า  ตรู  เป็นคนภาคไหน  !! 

          ( เด๋วจะด่าไอ้นักการเมืองที่เกลียดไม่ถนัด  เพราะ  มีคนชอบโยงว่า  คุณอยู่ภาคนี้เลยเชียร์พรรคนี้  ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย  )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-03-2008, 23:13
บอกตามตรงว่า "รำคาญ" และเริ่มรู้สึก "รังเกียจ" กับสำบัดสำนวน ยั่วยุ เหยียดหยาม อวดตัว ที่แฝงอยู่ในประโยคคำพูดมากมายของคุณเจ้าของกระทู้

เข้าทำนองว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเสียเอง -- คุณว่ามุมมองของคนที่อ้างตัวว่า เป็นคนอีสานไม่ถูกต้องจากแหล่งที่คุณอ้างมา แต่มุมมองหลายอย่างของคุณก็ทั้งคับแคบ และมองอะไรแบบเหมารวม ไม่ต่างจากที่คุณว่าเค้าน่ะแหละ แถมอาการหนักกว่าเสียอีก ส่วนตัวแล้ว ไม่ชอบคนที่มีแนวคิดไปในทำนองที่ภาษาฝรั่งว่า stereotype + discrimination

ถ้าจะเขียนอะไรให้มีความเป็นธรรม และเป็นกลาง นับว่ายังห่างไกลอีกมาก เอียงกะเท่เร่เสียขนาดนี้อะนะ 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 00:21
คนดีเขาทำให้ส่วนรวมโดยไม่หวังผลตอบแทน
คนชั่วพูดเอาแต่ดีเข้าตัว

คนดีต้องรู้จัดว่ากล่าวเมื่อเห็นผู้อื่นทำสิ่งที่ไม่ดี
คนชั่วกลับสนับสนุนอ้างเหตุผลนานาเพื่อให้คนทำชั่วเหมือนตัว

คนดียกย่องผู้ที่ทำดี
คนชั่วนิยมการสาดโคลนเพื่อให้ผู้อื่นชั่วกว่าตัว

คนดีรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแล้วพิจารณาถึงข้อเท็จจริงและรู้จักปรับปรุงตัว
คนชั่วดีแต่โทษว่าสิ่งต่างๆล้วนเป็นความผิดของผู้อื่น

มองอะไรก็มองให้มันครบตั้งแต่ต้นจนปลาย จะมองเหรียญก็มองให้ครบทั้งสองด้าน
จะเป็นใครคนไหนภาคไหนอย่างไรก็พิจารณาเอาเองเถอะ.....


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 00:33
หลายคนยังมองไม่ออกในสิ่งที่ผมพยายามสื่อ แต่ก็ยกให้เป็นสิทธิ์ที่จะคิด เป็นสิทธิ์ที่จะสรุป

เพราะการสรุปปัญหาสังคม การเมือง จากกระทู้เดียว แล้วจะแก้ทัศนะอุจาดทางการเมืองได้ คงเป็นไปไม่ได้

การเมืองคือเรื่องของผลประโยชน์ ใครมีผู้แทนก็ต้องอยากได้ผลประโยชน์จากตัวแทนของตน

ไม่เช่นนั้นก็ไม่ทราบจะเลือกผู้แทนหาพระแสงด้ามง้าวไปเพื่ออะไร

แต่ผลประโยชน์นั้น มันต้องได้ทั้งสองด้าน คือทั้งส่วนตัวและส่วนรวม

ที่จริงสิ่งที่พยายามบอกตั้งแต่ต้น สำหรับกระทู้นี้ ก็คือประเด็นกระทู้ ที่ตั้งขึ้นมาจากทัศนะของคนเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น

พอไล่เรียงปัญหาและพยายามบีบเอาแก่นความคิดของเจ้าของกระทู้ออกมา ก็ได้ความว่า

เจ้าของกระทู้ก็พยายาม "ทวงบุญคุณ" จากสังคมเหมือนกัน มันจึงมิใช่การสรุปหัวกระทู้ที่ดีเด่ตรงไหน..ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

ประเด็นภาษีนั่นแหละ ไปทำความเข้าใจซะใหม่ ให้ลึกซึ้งว่า คำว่าหน้าที่เสียภาษี เมื่อเสียไปแล้วมันเป็นของส่วนรวมเป็นของทุกคน

ส่วนการนำภาษีของทุกคนไปใช้ เค้าก็ทำตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ใช้ไปตามที่ตนได้ใข้นโยบายหาเสียงเอาไว้

การนำเงินงบประมาณไปใช้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ทำถือว่าหลอกลวงประชาชน

ทำแล้วต้องรายงานต่อสภาทุกปี ก่อนใช้งบประมาณ ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาตราเป็นกฎหมาย

นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องคิดสิ ถ้าประชาชนเค้าถามว่า "เลือกแล้วได้อะไร"

นโยบายสนองความต้องการของเค้าหรือไม่ ปกป้องเค้าหรือไม่ ไม่ว่ารากหญ้า ชนชั้นกลาง หรือ นายทุนใหญ่

การทำให้ความต้องการของประชาชนเป็นจริงจากทุกกลุ่ม เป็นงานของนักการเมืองที่ต้องคิด ต้องศึกษาวิจัย

ต้องลงสนาม ต้อง ต้อง ต้อง ไม่ใช่ว่าจูงใจประชาชนให้หันมาชอบนโยบายของตนไม่ได้ แล้วไปของว่าเค้าโง่ เค้าจน เค้าไม่มีโอกาส เขาเป็นทาสผลประโยชน์แล้วแต่จะประนามกันไป

แค่หาคำเก๋ๆ ว่า "เอื้ออาทร" ขึ้นมา มันก็ตอบโจทย์ได้เกือบหมด แต่จะเอื้ออาทรแบบไหน ถึงจะดีที่สุด นั่นเป็นอีกประเด็น

หน้าที่นักการเมือง พรรคการเมืองคือสร้างความพึงใจให้ผู้คนในสังคม

หากสร้างความพึงใจไม่ได้ เค้าก็ไม่เลือก ก็เท่านั้นเอง

กว่าจะสังเคราะห์ "คีย์เวิร์ด" ในการหาเสียงมาได้ว่า "ประชาชนต้องมาก่อน" มันครอบคลุมอะไรบ้างล่ะ

ของอีกพรรคหนึ่งบอกว่า "ลดรายจ่าย ขยายรายได้ กระจายโอกาส" มันครอบคลุมอะไรบ้าง

นี่คือกึ๋นของนักการเมือง พรรคการเมือง  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 00:46
อ้อ...ส่วนแนวนโยบายที่กล่าวพาดพิงท่านคุณหมอประเวศ วสี

บอกให้ไปหาอ่านก็ไม่ทราบว่าเข้าใจแค่ไหน ในห้องสมุด WOM ทำไว้หลายกระทู้

แต่เมื่อพูดแล้วก็ต้องมาพูดเรื่อง การสร้างหลักประกันสุขภาพ ซึ่งใช้เวลาตกผลึกทำกฎหมายกันหลายปี

ก็ได้คุณหมอประเวศ วสี นั่นแหละเป็นผู้รวบรวมระดมสมอง จนกลายมาเป็นพรบ.สุขภาพแห่งชาติ

ปชป. เคยทำ คนจนรักษาฟรี คนมีจ่ายบ้าง ประกันสุขภาพครอบครัวละ 500 บาท

ทรท. มาทำ 30 บาท รักษาทุกโรค

ขิงแก่มาทำ "รักษาฟรี ไม่เก็บเงินซักบาท"

ตกลงใครใช้นโยบายด้านสุขภาพได้ดีกว่ากัน

นโยบายไหน โดนใจประชาชนมากกว่ากัน

ผมคิดว่ามันขึ้นกับกึ๋นของนักการเมืองมากกว่า

ไปด่ากองทุนหมู่บ้าน ไม่ลองถามอีกล่ะว่า กองทุน กขคจ. มาจากพรรคไหน ไม่ใช่ ปชป. หรอกเหรอที่ทำ

กติกากองทุนหมู่บ้าน มันก็เกิดจาก กองทุน กขคจ. ของ พรรคปชป. จากหมู่บ้านสันติมั่นยืน รากเหง้าก็มาจากนโยบายหมอประเวศนั่นแหละ

"ทำ 8000 ตำบลให้หายจนได้ เมืองไทยไปได้สบายบรื๋อ"ไปหาอ่านซะ

ถามจริงๆ ศึกษาปัญหาการเมืองไทยมาซักกี่มากน้อย อ่านงานของหมอประเวศ จริงหรือเปล่า ถ้าอ่านคงไม่สรุปแบบมักง่ายแบบนั้น

ถ้าไม่มีสมอง ก็ลองไปลอกวิธีทำงานของรัฐบาลขิงแก่ ด้านสังคมนั่นแหละ เค้าทำให้ดูแล้ว

นั่นคือการระดมพลเพื่อสังคมเข้มแข็ง เค้าทำยังไง เป็นทางแก้ประชานิยมหรือไม่

เค้านำเสนอวิธีการทำให้ประชาชนรวมตัวช่วยตัวเองอย่างไร ถึงจะไม่ถูกครอบงำจากนักการเมือง

ทำยังไง ประชาชนจะยืนบนขาของคนเองได้ในทุกระดับ เค้านำเสนอไปปีเศษๆ ถ้ายังไม่เข้าใจก็เข้าไปศึกษาที่กระทรวงพัฒนาสังคม

จะพัฒนาประเทศ โดยใช้เศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง หรือใช้สังคมเป็นตัวตั้ง ไปศึกษาเอาเอง

จากสันติประชาธรรม ของอาจารย์ป๋วย มาเป็น"ยุทธศาสตร์ชาติ โดย นพ.ประเวศ วสี" คืออะไร

ไปหาอ่าน ปาฐกถาป๋วย อึ๊งภากรณ์ "ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม"

นำเสนอมาตั้งแต่ปี 2541

ถ้ายังหาไม่เจอ ก็หาทางตอบโต้แท็กซี่ รากหญ้า ไปพลางๆ เผื่อจะดูดีในสายตาเพื่อนฝูงบ้าง

ว่า "ข้าแน่ เถียงไม่แพ้แท็กซี่"

เมื่อไหร่จะเลิกซะที วิธีหาเสียงแบบด่าคนอื่นอย่างเดียว




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 00:52
จากสุภาษิต(กรู)

ช้าง ม้า วัว มะเขือ(เผา)

ขอนำเสนอสุภาษิต(กรู)อันดับต่อมาคือ

ควายไม่เดินถอยหลัง
แม้ววันเสาร์ สมัครวันอาทิตย์
เด็กเดินห้าง ปากแม่ค้า

ปล. อย่าถามคำแปล เพราะจะไม่ตอบ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 01:20
(คิดไปเองว่า)มีเสียงเรียกร้องขอแถมสุภาษิติ(กรู)ก่อนนอน
เลยมาจัดให้

ลูก(อี)ช่างต่อ
หมูในฟาร์ม ปลาในกระชัง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 01:39
อ้อ...ถามเป็นความรู้นะครับ นโยบายรากหญ้า กองทุนหมู่บ้าน SML โอท้อป 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่ลงไปทางใต้เหรอครับ

ถ้ามันไม่ดี ทำไมไม่พากันเอาเงินมาคืนเค้าซะ หรือแค่ บริโภคไปด่าไป

พระท่านอุตส่าห์แปลงธรรมะ จาก "ศีเลนะ" มาเป็น "สี่เลนนะ" ทำให้ท่านได้หรือยัง

อย่าทำแบบเขมรปนลาวแถวๆ สะตึกล่ะ เห็นถนนสี่เลน สะพานสี่เลน ตกใจหัวใจจะวาย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 01:57
ผมเข้าใจ "ที่มาของความคิด" ของลุง Can ละ
ว่ามาจาก "รัฐศาสตร์" แบบเกือบจะเพียว ๆ
คือ "การได้มาซึ่งอำนาจและการใช้อำนาจรัฐ"

ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นหลักการที่ถูกต้องยืนยงหรือเปล่า
เพราะเท่าที่เหนก็คือ  แทบไม่มีอะไรที่จะใช้รับประกันได้ว่า "ผู้แสวงหาอำนาจรัฐ" และ "ผู้มอบอำนาจรัฐ" นั้น
จะช่วยกันผดุงรักษาสิ่งที่เรียกว่า "ธรรม" ไว้ในสังคมมนุษย์หรือเปล่า

เพราะเหมือนกับว่า  ถ้าประชาชนสัก 70% ชอบพรรคการเมืองหนึ่ง  ซึ่งมีแนวนโยบาย "ยึดทรัพย์จากไอ้พวกเจ๊กในเมือง" แล้ว "ควบคุมไอ้พวกเจ๊กในเมือง" ไว้
...ย่อมเป็นที่คาดเดาได้ว่าพรรคการเมืองนั้นจะกลายเป็นผู้ได้รับอำนาจปกครองรัฐ ( รัฐถาธิปัตย์ ) อย่างแน่นอน
และเจ๊กในเมือง  ซึ่งอาจจะเป็นผู้กุมทรัพยากรและปัจจัยในการผลิตของประเทศไว้สัก 50% ก็จะต้องถูกริดรอนอำนาจลง
โดยรัฐถาธิปัตยอาจจะเอาทรัพยากรและปัจจัยในการผลิต 50% นั้นไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน 70% ที่มอบฉันทามติให้แก่พวกตน
...ทั้ง ๆ ที่อีก 50% ของทรัพยากรและปัจจัยในการผลิตทั้งระเทศ  อาจจะอยู่ในมือรัฐถาธิปัตย์ "กลุ่มชนจำนวนไม่ถึง 1%" นั้นแล้ว
........................นี่เป็นเรื่องชอบธรรมหรือไม่ ?

ถ้าใช่  ก็ไม่แปลกอะไรที่พรรคนาซีจะเกิดขึ้นใหม่ในโลกนี้อีกครั้ง



ซึ่งไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า "การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์" ไปพร้อม ๆ กับแนวคิด "The Winner Take It All" โดยหวัง ๆ วาด ๆ ว่า "แต่ผลประโยชน์นั้น มันต้องได้ทั้งสองด้าน คือทั้งส่วนตัวและส่วนรวม"

คือ
1. อยู่ ๆ จู่ ๆ มันจะเริ่มต้นกระบวนการที่ "กิเลส" ของกลุ่มบุคคลหลายฝักฝ่าย 
2. แล้วจากนั้นแต่ละฝ่ายก็ใช้ "อุบายหรือกลยุทธ" โดย "ไม่จำกัดความเหมาะสม - รูปแบบ ( เช่น  ใช้ระบอบอุปถัมป์ )"
มาแก่งแย่งสิ่งที่เรียกว่า "คะแนนเสียง" ซึ่งเป็น "อำนาจ ( แท้จริง ) ของรัฐ" เพื่อให้อำนาจนั้นมาอยู่ในมือของพวกตน
3. โดยผู้ที่เป็นอำนาจรัฐหรือประชาชนเอง  ก็ไม่สนใจนำพาว่า  หาก "คนที่ตนนชอบ - พวกที่ตนรัก" เข้าไปมีอำนาจแล้ว  จะไปสร้างความเดือดร้อนให้ "อีกฝ่าย" อย่างไร   หรือสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพยากร - ปัจจัยการผลิตส่วนรวมอย่างไร
...เพียงเพราะ "พอใจกับผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับ หรือคุ้นชินกับการได้รับ"

ถ้า 70% ของประชาชนเลือกรัฐบาล ก. ที่นำพาประเทศเข้าสู่สงคราม
ีอีก 30% ที่ไม่ได้เลือกรัฐบาล ก. ก็จะต้องร่วมรับชะตากรรมจากสงครามด้วย ?
สมมติว่า  ถ้า 70% ที่เป็นประชากรซึ่งอาศัยอยู่รอบนอกเมืองหลวงเลือกรัฐบาล
แล้วรัฐบาลนั้นประกาศสงครามกับรัฐอื่น  อันเป็นเหตให้รัฐอื่นถล่มขีปนาวุธเข้าใส่
...ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมถล่มเข้าใส่เมืองหลวงที่ประชาชนส่วนใหญ่มิได้เลือกรัฐบาลนั้น ๆ
...แบบนี้ยุติธรรมไหม ?


สิ่งที่ผมทวงถาม  เมื่อเห็นกระทู้้นี้ ก็คือ
"มันยุติธรรมไหมที่จะต้องมาเอาอะไร ๆ ไปจากคนกรุงเทพ ฯ 
เสร็จแล้วยังต้องให้คนกรุงเทพ ฯ แสดงอาการสำนึกบุญคุณ + แสดงอาการละอายใจ
ต่อ "ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคพลังประชาชน"
ซึ่งชี้บ่งได้ว่าเป็นคนอีสานและพวก "รากหญ้า"



เมื่อคุณอ้างว่าพวกคุณยากจน - การศึกษาน้อย เพราะ "เข้าไม่ถึง" ซึ่งโอกาส
แล้วคนกรุงเทพ ฯ ผิดตรงไหนที่เรา "มีการศึกษา" และ อยู่ในพื้นที่ซึงสะดวกกว่าในการเข้าถึง "โอกาส"


เดิมทีแล้วคนกรุงเทพ ฯ ก็คือผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ที่มักจะเป็นห้องแถวขนาดไม่เกิน 60 ตารางเมตร
...พ่อแม่เราต้องจ่ายเงิน "ค่าที่พักอาศัย" โดยไม่ได้รับสวัสดิการใด ๆ จากรัฐ

พ่อแม่เราไม่มีอะไรเลย
...ไม่มีบ้าน
...ไม่มีที่ดินทำกิน
...การศึกษาก็ไ่ม่ได้สูงไปกว่า ม.3 หรืออย่างดีก็ ม.8
เป็น "คนกรุงเทพฯ" ที่ต้องปากกัดตีนถีบ อดทนทำงานเพื่อส่งให้ลูก ๆ ได้รับการศึกษา
...ซึ่งเป็็นสมบัติอย่างเดียวที่พ่อแม่เราสามารถทิ้งไว้ให้เราได้

พอพวกเราเติบโต - เรียนจบ - ทำงาน  ครอบครัวเราจึงพอจะ "มีโอกาสได้พักหายใจหายคอบ้าง" เป็นครั้งคราว  ไม่ต้องวิตกกังวลว่าวันใดจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ วันใดจะต้องกินเกี้ยมฉ่ายกระป๋องตลอด 3 มื้อ
...เรากู้เงิน ซื้อบ้าน - ดาวน์รถ  ที่กว่าจะผ่อนหมด  ก็ต้องใช้เวลาทั้งค่อนชีวิตที่เหลือ หรืออาจจะผ่อนไม่หมดในรุ่นชีวิตของเราก็เป็นได้

^^^ นี่อ้ะนะ  คือสภาพของคนที่จะต้องมีหน้าทีอุดหนุนเจือจาน :slime_shy:


แล้วกลับไปดู "คนอีสาน" ซิ
ก่อนหน้านี้  มีที่ดิน - ที่นา  บางครอบครัวมีเป็นร้อยไร่  ที่จนหน่อยก็มีหลักสิบไร่
แล้วไปทำอย่างไรเข้าล่ะที่ทำให้ที่ดิน - ที่นานั้นหายไปหมดหรือเปลี่ยนมือไปหมด ?
หมดไม่เป็นไร  บุกรุกเข้าป่า  ไปหักร้างถางพง
...รัฐก็ตามไป "ออกหนังสือทำกิน  สค.1 สปก. ฯลฯ"
จนวันดีคืนดีก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็น "โฉนด" ที่สามารถเอาไปขายได้อีก !
...ผลิตพืชผลออกมาแล้วราคาไม่ดี  รัฐก็เข้าไป พยุงราคา จำนำพืชผล ฯ
...จะทำนารอบต่อไปไม่มีเงินก็ "กู้ ธกส."
...ไม่มีปัญญาจ่ายเงินกู้ ธกส. รัฐก็ประกาศ "พักชำระหนี้"
ฯลฯ


โอ้โฮ..."แต้มต่อ" แฮนดิแค็ป เหลือเฟือเลยว่ะ !!
แล้วไงล่ะตอนนี้
1 แมน 1 โวต
1 เสียงเท่ากัน  ไม่ว่าจะเป็นไอ้พวกคนเมืองกรุง หรือคนอีสาน และรากหญ้า


จน "สส.ของพวกคุณ - พรรคการเมืองของพวกคุณ" ได้เป็นรัฐบาล - ได้เป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ
พวกคุณก็หันมาตะคอกใส่คนกรุงเทพว่า

"พวกมรึงได้อะไร ๆ ไปหมดทุกอย่าง  ดังนั้น  มรึงต้องรับผิดชอบสิ...พวกมรึงต้องจ่ายเยอะกว่าสิ...พวกมรึงต้องยอมจำนนสิ ว่าพวกมรึงนั่นล่ะคือเสียงส่วนน้อย !"

1 แมน 1 โวต 
หนึ่งเสียงเท่ากัน 
แต่ฝ่ายหนึ่งแฮนดิแคปล้นหลาม + จำนวนคนล้นเหลือ
...โคตรยุติธรรม !







หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 02:10
ไปศึกษาเรื่องความเป็นธรรรมของระบบภาษีอีกรอบ

อธิบายในกระทู้นี้แล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 02:11
ไปศึกษาเรื่องความเป็นธรรรมของระบบภาษีอีกรอบ

อธิบายในกระทู้นี้แล้ว

ต้องเอาแม้วกับนักการเมืองมาเป็นตัวอย่างด้วยหรือเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 02:29
ประเด็นการทุจริตของแม้ว มีวิธีจัดการอยู่แล้วนี่ มันคนละประเด็นกับ การใช้ภาษีไปพัฒนาประเทศ

*****************

อ้อ..นโยบายพรรคการเมืองที่ดี จะต้องครอบคลุมไปทุกส่วนของสังคมไม่ว่า รากหญ้า คนชั้นกลาง คนชั้นสูง นายทุนใหญ่ นายทุนน้อย

ถ้าอยากคุยเรื่องพวกนี้ ต้องหาที่มาของคำว่า "ความเป็นธรรมทางสังคม" ในนั้นแยกแยะให้เข้าใจไม่ยากหรอก

นักวิชาการที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง ชื่อดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เขียนเรื่อง "สองนคราประชาธิปไตย" ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้สังคมไทยในระดับสูง

ลองๆ อ่านดูสิ รวมทั้งที่แปลงมาเป็น นโยบาย "ปชป. 2000" ของเค้าด้วย

นโยบายให้ประโยชน์กับคนกลุ่มหนึ่งอาจไปขัดผลประโยชน์ของคนอีกกลุ่มหนึ่ง

นโยบายใช้งบประมาณลงไปสร้างสาธารณูปโภคในเมืองกรุง สมดุลกับการใช้งบประมาณในการพัฒนาทั้งประเทศหรือไม่

ทำอย่างไรให้เกิดสมดุล ให้เกิดประโยชน์โดยรวม คงอภิปรายกัน 10 ปีไม่จบ

เรื่องนี้ นายชวน หลีกภัย เคยตอบในสภามาแล้วนี่นะ..

ส่วนที่ไปอ้างนโยบายไอ้กันมาเป็นตัวอย่าง คนอเมริกันเค้าก็มีวิธีลงโทษนักการเมืองแล้วนี่

เหมือนประชาชนคนไทย ที่ลงโทษนักการเมืองปากกล้า ที่บอกว่า "ถ้าไม่ดีอย่าเลือก"

ประชาชนคนไทยก็ทำให้ดูแล้วนี่ครับ

อ้อ...นโยบายประชานิยมของไอ้กัน ก็กำลังเป็นประเด็นนะครับ...ลองๆ หามาอ่านดูนะ ว่า ไอ้กันทำประชานิยมยังไงบ้าง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 02:35
สุภาษิติ(กรู) (อีกที)

น้ำยาอุทัย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 02:42
อ้อ...ถ้าจะโจมตีทักษิณเรื่องนโยบายกินมันยาก

ขนาดเหตุผลของการปฏิวัติ ยังเล่นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริตเชิงนโยบาย เล่นพวกเล่นพ้อง และไปเรื่องความแตกแยก กับเรื่องสถาบันฯ

ไม่เห็นมีเหตุผลโจมตีนโยบายรากหญ้า

ที่สำคัญพรรคเทวดาก็ไปแข่งลดแลกแจกแถมเหมือนเค้าไม่ใช่เหรอ

ไม่ว่า ลดภาษี กระจายงบประมาณลงส่วนล่าง

ถามจริงๆ นะ แค่งบประมาณที่ต้องแบ่งไปลงภูมิภาคหรือท้องถิ่น 35 % ไปถึงไหน

มีพรรคไหนทำหรือยัง นั่นมันกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเชียวนะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 02:47
งั้นผมก็แนะนำให้ไปหา "ความผิดหลาดของนายหมาก" ของ คุณวิศิษฐ์  เดชกุญชร
รวมทั้ง แนวคิดแบบไคเซ็น ของ อ.มาซากิ  อิไม
แล้วปรับพื้นความคิดเรื่องการทำงาน อีกสักหน่อยด้วยหลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของ F.W.Taylor
พร้อม ๆ กับแนวคิดเรื่อง Zero Defect & คัมบัง ของใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็ฯ Toyota หรือ Kawasaki

เผื่่อว่าจะได้รู้จัก "หาเงินเองเป็น" บ้าง   ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตารอการบริจาค - ให้ทานจากนักการเมืองในระบอบอุปถัมป์

แล้วท้ายสุดก็คือหลัก "เศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ควรจะหยิบเอามาศึกษาเสียบ้าง
เพราะเมื่อถึงวันนึง  วันที่เจ๊กในเมือง - ไอ้พวกที่เป็นขี้ข้าในออฟฟิสที่ทำงานให้บริษัทของพวกมันจ่ายภาษีเยอะ ๆ และตัวมันเองก็จ่ายภาษีคนละแยะ ๆ ถูกพวกแท้กซี่ - มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรากหญ้า ลุกขึ้นมาเข่นฆ่าหรือจับไปไถนาจนตายโหงตายห่าหมดเมือง...เดินตามรอยเขมร เรียบร้อยแล้ว

...วันนั้นประเทศจะไม่มีภาษีมากมายให้เอาไปซื้อรถไถนาแจกหมู่บ้านละคัน
...ไม่มีเงินอยู่ใน ธกส. และใช้ประกันราคาสินค้าการเกษตร
อันเป็นช่วงเวลาที่คนอีสานและรากหญ้าทั้งหลายจะต้อง "อยู่อย่างรู้จักพอเพียง" จริง ๆ
...หรืออย่างน้อย  ก็สักระยะหนึ่ง  ก่อนที่รัฐบาลของคนอีสานจะไปหลอกเจ๊กต่างชาติชุดใหม่ให้เข้ามา "เป็นชนชั้นกลางในกรุงเทพ ฯ" ทดแทน "คนกรุงเทพ ฯ รุ่นเก่า"
ที่ถูกฆ่าตายด้วยความรู้สึกโกรธแค้นชิงชัง สาสนมกับเวรกรรมที่พวกมัน "เอาเปรียบคนอีสานมานาน"





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 02:49
อ้อ...เห็นพูดเรื่องภาษี

รัฐบาลสมัคร ลดภาษี ปรับฐานภาษี และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมากมายหลายประการ เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว

เป็นนโยบายรากหญ้า ประชานิยมหรือเปล่าครับ ใครรับประโยชน์

นโยบายรถใต้ดิน ใครรับประโยชน์

ชาวนาเหรอคับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 02:53
ก็บอกแล้ว ให้ศึกษาเรื่อง "ชุมชนเข้มแข็ง"

ที่รัฐบาลขิงแก่สาธิตให้ดูไง

ถ้ายังเข้าใจว่าจะพัฒนาการเมือง พัฒนาสังคมโดยเอาเงินเป็นตัวตั้ง มันก็ผิดตั้งแต่เริ่ม

การพึ่งพาตนเอง เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้สอนให้ใช้เงินเป็นตัวตั้ง

เค้าไปเน้น อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ใช่อยู่ร้อนนอนทุกข์

เรื่องเงินเป็นประเด็นรอง...แต่เค้าแนะนำให้ครอบครัวเข้มแข็ง เชื่อมโยงความรู้ อยู่แบบพอเพียง

ถ้าประชาชนเข้มแข็ง นักการเมืองหน้าไหนจะไปใช้ระบบอุปถัมป์มันก็ยากขึ้น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 03:02
รถใต้ดิน รถไฟฟ้า  ทางด่วน
"เป็นสวัสดิการของคนส่วนรวมทั้งสังคม"
ที่ใคร ๆ ก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน
โดยผู้ที่จะเอาประโยชน์นั้นต้อง "จ่ายเงินให้รัฐ"

ไม่ใช่ ธกส.  สปก.  สค.1  นส.3  บ้านมั่นคง  ประกันราคาพื้ชผล
ที่เป็น "ประโยชน์เฉพาะตัว"
ซึ่งรัฐจะต้องเอาทรัพย์สิน - ปัจจัยการผลิตของคนทั้งแผ่นดิน ไปจ่ายให้




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 03:17
ชุมชนเข้มแข็งจนต้องเข้ามาเป็นแท้กซี่  เพื่อหาเงินซื้อค่าแอร์ไทม์ไว้โทร ฯ ทะเลาะกับเมียซึ่งหลอกฝรั่งมาเป็นผัวใหมู่่ที่อุดร ฯ ใช่ไหม ?

ก็สมควรที่จะ "ไม่เอาเงินเป็นตัวตั้ง" นั่นล่ะ
แล้วทำได้ไหม ??
หากยังติดอกติดใจอยู่กับ "อาจสามารถโมเดล"
...ไอ้แบบจำลองการพัฒนาชุมชน  ที่ "เปลี่ยนคนจนเป็นขอทาน"
แค่ไปถามชาวบ้านว่าอยากได้อะไร  แล้วรัฐบาลก็จ่ายลูกเดียว
แถมยัง "ไล่แจกเงินสดใส่มือเด็ก" อีกต่างหาก
...นั่นล่ะ "แบบจำลองที่ทำให้ชาวบ้านแถวอีสานหลงใหลได้ปลื้ม" จนเทคะแนนเสียงให้อย่างล้นหลาม


ว่าง ๆ ก็ไปดูในเมืองลาวเขาหน่อยนะ
ประเทศเขา  ไม่ยินยอมให้นักท่องเทียวทำบุญด้วยการถวายปัจจัยให้พระ
...ถ้าจะให้  ก็ต้องให้เจ้าอาวาส  แล้วเจ้าอาวาสจะนำปัจจัยนั้นไปแบ่งให้พระลูกวัด  โดยไล่เรียงจากรูปที่ขัดสนที่สุดขึ้นมาก่อน
รวมทั้งประเทศเขาก็ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวให้เงินเด็ก ๆ  ไม่อนุญาตให้ขอทานเข้าถึงตัวนักท่องเที่ยว
...ซึ่งไม่ใช่เขากลัวว่าจะถูกเอาไปครหาว่าเป็น "นครขอทาน"
แต่เขาเห็นว่า เพราะถ้าใ้ห้เงินเด็กไปแล้ว  เด็กก็จะเคยชินกับการได้เงินมาง่าย ๆ จนไม่ยอมเข้าโรงเรียน  แอบออกมาหาเงินจนไม่มีเวลาเรียนหนังสือหนังหา  แถมเมื่อทางบ้านก็ไม่รู้ - ทางโรงเรียนไม่รู้ ก็เป็นเหตุทำให้เด็กเคยชินกับการ "โกหก หลอกลวง"

...ซึ่งอย่าหวังว่าจะได้เห็น "การขัดเกลาทางสังคม" แบบนี้ในประเทศไทย
โดยเฉพาะในหมู่ชาวรากหญ้า
...เพราะ ทักษิณสอนว่า "พวกคุณจน  พวกคุณจึงสมควรได้รับ..."



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 03:19
กลัวผีคอมนูนิสต์จนไข้ขึ้น อิ อิ

ฝ่ายซ้าย ไม่ใช่คอมมูนิสต์เท่านั้นนะ ไปศึกษาอีกนิดนึง

อ้อ...รถไถนา หมู่บ้านละคัน เป็นโครงการระดับ อบจ. ไม่ใช่ของ สส. เป็นแค่การเมืองท้องถิ่น

ก็งบประมาณเหมือนกันทุกจังหวัดนั่นแหละ เพียงแต่จังหวัดไหน มีปัญญาทำได้ ก็บริหารงบประมาณกันไป

หรือเรื่องเช่ารถฉุกเฉินเพื่อรับคนป่วย นั่นก็เรื่องของระดับ อบจ. ไม่ใช่ สส.

เรื่องแจกกล้าปาล์มน้ำมัน อบรมชาวบ้านเรื่อง ปาล์มน้ำมัน ก็เรื่องของ อบจ. จังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งไม่สงวนลิขสิทธิ์ ที่ อบจ. จังหวัดอื่นจะเอาไปใช้ เรื่องเอาใจชาวบ้านแบบนี้ พรรคเทวดาคิดไม่ออกหรอก

ระดับ สจ. อบจ. อบต. เค้าคิดกันเอง คงไม่เก่งเหมือนพรรคเทวดา รถไถนา ก็เอาไว้ใช้ไถนา ไม่ได้เอามาเป็นอีแต๋นพลีชีพ

รถหนึ่งคัน ต้องมีชาวบ้าน หมู่บ้านละ 3 คนดูแลรักษา มีเบี้ยเลี้ยงจากงบ อบต. ชาวบ้านออกค่าน้ำมันไม่ใช่ใช้ฟรี

รถไถนาก็เป็นของส่วนรวม ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง มีกรรมการดูแล ให้เอาไปสร้างอาชีพ ซ่อมถนนกันเอง ออกน้ำมันกันเอง

ลงทุนซื้อรถไถให้ชาวบ้านใช้ แตกต่างจากทุ่มงานประมาณให้ทำรถใต้ดินยังไงบ้าง

ที่บอกว่าใครใช้บริการต้องจ่ายเงิน แล้ว คิดต้นทุนระบบเจาะอุโมงค์หรือยัง

หรือคนมารับโครงการแค่มาวางรางแล้วหารถมาวิ่งเป็นสัมปทาน เอาให้แน่


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 07-03-2008, 03:20
ใครบางคนรู้มั๊ยตอนนี้เงินคงคลังที่เหลือเป็นเงินสดเหลือเท่าไหร่ ต้องใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูอีกเท่าไหร่


นโบบายประชานิยมปูพรมรากหญ้าแบบไม่มีจุดหมายหวังแค่เพียงอายุรัฐบาล ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ


ตอบมาเร็วๆเลย ฮ่วยย


ขี้เกียจพิมพ์ตัวหย่ายๆถ้าหูตาฝ้าฟางหาแว่นขยายมาส่องเด้อออ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 03:26
ถามไปเรื่องลดภาระภาษี เรื่องช่วย SME ตอบหรือยัง

หรือนโยบายช่วยเหลือภาคธุรกิจต่างๆ เมื่อ 2-3 วันนี้

นั่นมันเป็นนโยบายรากหญ้าหรือเปล่า

อ้อ...รัฐบาลชวน เอาเงินภาษีไปอุ้มหนี้เน่า นั่นก็ช่วยให้ชาวนาล้มบนฟูกเหรอ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 07-03-2008, 03:32
พูดกับคนแก่หูตาฝ้าฟางจมอยู่กับความเชื่อแบบรอความหวังหล่นทับตีนบวม


ไม่เอาดีฝ่า


ไปเล่นเกมส์หลับตาตีหม้อแก้ปวดต่อมหมวกไตดีฝ่า


ชะแว็บ บีดู บีดู๊



 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 03:37
โธ่ๆ ความคิดระนาบนี้ เข้าไปราชดำเนินโดนควายขวิด ไส้ทะลักตายแน่

ต้องทำความเข้าใจเศรษฐกิจทั้งระบบ บางเรื่องมันเกี่ยวพันทั้งรากหญ้าและคนเมือง

เหมือนเรื่อง หมูที่ไม่หมูนั่นแหละ

ปชป. ก็ทำ สปก. ไช่หรือ ประกันราคาพืชผลทำกันมาตั้งแต่สมัยคึกฤทธิ์ ทำไมเพิ่งมาผิดตอนนี้

ท่าทางจะอิจฉาแท็กซี่ ที่รัฐบาลหน้าเหลี่ยมมีแท็กซี่เอื้ออาทร นั่นเค้าแค่เปิดโอกาสให้กู้ ใช้หนี้เองผ่อนเอง

หาเงินได้ก็เอามาใช้หนี้ธนาคาร ไม่ใช่อุ้มพวกหนี้เน่าให้ล้มบนฟูกแบบ ปชป. ไง

เอาใจมอเตอร์ไซต์ ไล่ตำรวจกินหัวคิวออก ก็แค่นั้นไม่เห็นต้องใช้เงินอะไร

ของง่ายๆ ในกรุงแท้ๆ ยังไม่มีปัญญาคิดทำ เค้าใช้กึ๋นทำงาน บางเรื่องไม่ต้องใช้เงินก็ซื้อใจชาวบ้านได้

เค้าเรียกนโยบายขยายโอกาสให้ทำมาหากิน พวกเรียนสูงแล้วอิจฉามอเตอร์ไซค์ อิจฉาแท็กซี่ น่าเอาใบหน้าไปมุดกองขี้ควาย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 03:52
แถมให้อีกหน่อย ประกันราคาไปศึกษาให้ถ่องแท้ เค้าประกันราคาตลอดไป หรือแค่ซื้อนำราคาตลาด

ยังไม่เข้าใจเรื่องจำนำข้าว ให้ไปศึกษาระบบการค้าข้าวให้เต็มระบบ อย่าโชว์โง่


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 04:05
การพักหนี้เกษตรกร ถ้ารังเกียจคนภาคอีสาน ก็ให้นึกถึงคนภาคเหนือ กับภาคกลางแทนก็ได้ครับ

ให้นึกถึงผลไม้เมืองหนาว และชาวไร่ชาวสวนชาวนาของภาคที่กล่าวไว้ข้างต้นก็ได้ครับ

มีมุมให้ลดอคติลงอีกมากมายครับ

ถ้าบ้านเมืองไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมหนัก แล้วมีคนมาถ่วงความเจริญอย่างชาวนาเหนือ กลาง อีสาน ผมจะควงระเบิดไปปามันให้ตายเรียบเลยครับ

ถ้าคนเราเลือกทำเลได้แต่แรก มันคงขอไปจับปลาอยู่อ่าวไทยแทนล่ะครับ ไม่มีใครอยากมาก้มๆเงยๆรอลุ้นฟ้ารอฝนตกถึงจะทำนาทำสวนได้แบบนี้หรอก

ไปอ่าวไทยดีกว่า ลงทุนแค่เรือกับน้ำมัน หึหึ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 04:06
กลัวผีคอมนูนิสต์จนไข้ขึ้น อิ อิ

ฝ่ายซ้าย ไม่ใช่คอมมูนิสต์เท่านั้นนะ ไปศึกษาอีกนิดนึง

อ้อ...รถไถนา หมู่บ้านละคัน เป็นโครงการระดับ อบจ. ไม่ใช่ของ สส. เป็นแค่การเมืองท้องถิ่น

ก็งบประมาณเหมือนกันทุกจังหวัดนั่นแหละ เพียงแต่จังหวัดไหน มีปัญญาทำได้ ก็บริหารงบประมาณกันไป

หรือเรื่องเช่ารถฉุกเฉินเพื่อรับคนป่วย นั่นก็เรื่องของระดับ อบจ. ไม่ใช่ สส.

เรื่องแจกกล้าปาล์มน้ำมัน อบรมชาวบ้านเรื่อง ปาล์มน้ำมัน ก็เรื่องของ อบจ. จังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งไม่สงวนลิขสิทธิ์ ที่ อบจ. จังหวัดอื่นจะเอาไปใช้ เรื่องเอาใจชาวบ้านแบบนี้ พรรคเทวดาคิดไม่ออกหรอก

ระดับ สจ. อบจ. อบต. เค้าคิดกันเอง คงไม่เก่งเหมือนพรรคเทวดา รถไถนา ก็เอาไว้ใช้ไถนา ไม่ได้เอามาเป็นอีแต๋นพลีชีพ

รถหนึ่งคัน ต้องมีชาวบ้าน หมู่บ้านละ 3 คนดูแลรักษา มีเบี้ยเลี้ยงจากงบ อบต. ชาวบ้านออกค่าน้ำมันไม่ใช่ใช้ฟรี

ลงทุนซื้อรถไถให้ชาวบ้าน แตกต่างจากทุ่มงานประมาณให้ทำรถใต้ดินยังไงบ้าง

ที่บอกว่าใครใช้บริการต้องจ่ายเงิน แล้ว คิดต้นทุนระบบเจาะอุโมงค์หรือยัง

หรือคนมารับโครงการแค่มาวางรางแล้วหารถมาวิ่งเป็นสัมปทาน เอาให้แน่


ผมขี้เกียจอ่าน คคห.ตัดแปะพูดซ้ำย้ำทวน
เพราะทำให้เหมือนกำลังคุยกับคนปัญญาอ่อน
หรืออย่างน้อยก็คุยอยู่กับคนที่เอาแต่ดึงดัน - จะเอาชนะให้ได้ "อย่างไม่รู้สึกไม่รู้สา ( Ignorance )"

ถ้าจะหยามหยันว่าผม "กลัวคอมมิวนิสต์" ล่ะก็คิดผิด
และคอมมิวนิสต์ก็มีหลายประเภท  ซึ่งประเภทที่ผมชื่นชมคือ คอมมิวนิสต์เวียดนาม - ลาว
ในขณะที่คอมมิวนิสต์แบบที่คุณ Can พยายามยกย่องเชิดชูเป็นคอมมิวนิสต์เขมรแดง - จีนแดง "ยุคประธานเหมา"
ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ทำลายหัวใจมนุษย์ - ไม่ยี่หระต่อหลักมนุษยชน






ผมจะตอบเท่าที่ผมรู้  เพราะผมไม่ใช่อดีตนักข่าวสายการเมืองที่วันหนึ่ง ๆ ใช้เวลาหมดเปลืองไปกับข่าวสารข้อมูลทางการเมืองได้ทั้งหมดทั้งสิ้น
...ผมยังต้องทำมาหากิน  แบ่งสมอง  และเวลา ให้กับงานอาชีพวิศวกรรม - การจัดการบริหาร - กม.
คุณอยู่ในลู่ของคุณ  มองอะไร ๆ ไปตามแนววิ่งของคุณ
ผมก็อยู่ในลู่ของผม  มองอะไร ๆ ไปตามแนววิ่งของผม


SME คือผู้ผลิต - ให้บริการ ที่นอกจากจะเป็นผู้จ้างงานบางส่วนแล้ว ยังอยู่ใน Chain ที่ส่งผลกระทบต่อต้นน้ำและปลายน้ำ
ตัวอย่าง  วิสาหกิจหลายรายที่ผมดูแลอยู่  เป็นผู้จ้างงาน "แรงงาน" ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่า "เป็นประชาชนไทยระดับรากหญ้า"
นอกจากนั้นก็ยังเป็นผู้ซื้อ 
เช่น 
ซื้อวัตถุดิบจำพวกพืชผลทางการเกษตร ( ผลไม้ - ผัก  เพื่อนำมาดอง แช่อิ่ม ฯลฯ ) > ระดับ Mediam Entrepreneur
ซื้อ Semi-Product อันเป็นงานแปรรูปพืชผลหรือวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร ( กระดาษสา - เยื่อใบยาง - กะลา - รกมะพร้าว ฯลฯ  เพื่อนำมาทำดอกไม้ประดิษฐ์ ) > ระดับ Small : ผู้ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์และของชำร่วย  มีการจ้างงานสูงมาก โดยเป็นลักษณะของ Sub-Contract กระจายไปตามชุมชนต่าง ๆ
ฯลฯ

แค่นี้พอที่จะตอบคำถามว่า "เกี่ยวข้องกับรากหญ้า" ตรงไหน ได้หรือไม่ ??



ส่วนเรื่องอุ้มแบงค์ - สถาบันการเงินของนายชวน
ผมไม่สนใจ
ไม่เคยมี ปชป.อยู่ในสายตา และไม่เคยเถียงแทนพวกมัน



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 04:09
หัวหน้าพวกพักหนี้ รู้สึกจะมาจากทางใต้นะ ลองๆ หาข้อมูลดู

แถมอีกที วิกฤติเศรษฐกิจ ปี 40 มาจากรากหญ้าใช่มั๊ย

ทำประเทศชาติเจ๊งไปเท่าไหร่ แล้วใครรับกรรม


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 04:20
รากหญ้าเจ๊ง และขายกิจการให้ฝรั่งน่ะลุงแคน
เลยต้องไปทำไร่ทำนาแทน 555

รถไฟฟ้า มาจากภาษี สร้างเพื่อส่วนรวม ?

โครงการผันน้ำโขง ถ้ามี ก็สร้างขึ้นเพื่อส่วนรวม
แต่คนภาคอื่นก็หาเรื่องด่าอีกจนได้แหละน่า ว่าคนกรุงหรือภาคอื่นๆ ไม่ได้ใช้ด้วย

สะพานกลับรถอยู่มอเตอร์เวย์ คนเขียงรายมันคงมาใช้บ่อยๆเนอะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 04:33
ส่วนเรื่องอุ้มแบงค์ - สถาบันการเงินของนายชวน
ผมไม่สนใจ


การดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ เหตุใดจึงเกิดสนใจขึ้นมารึ

แล้วคนชั้นกลางเดินนโยบายทำให้ความฉิบหายกระทบชีวิตของคนทุกชนชั้นทุกหย่อมหญ้าเนี่ย ไม่เป็นไรเลยเนาะ

มีปากมีเสียงโต้แย้งหน่อยก็มีแต่ฟีดแบคของการเยียดหยามกลับมา

เรื่องผัวฝรั่ง เรืีองซื้อแอร์ไทม์มาทะเลาะกับเมียนี่ ไม่รู้คิดได้ยังไง

สุดยอด หาอะไรมาเทียมมิได้จริงๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 07-03-2008, 04:35
แอบไปงีบดันเจือกไม่หลับมานั่งดูคนประเภทไม้เลนจมปลักรักขี้ควาย


มาช่วยปั่นกระทู้ฮิตฮ๊อตด้วยเอ้า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 04:37
ผมเริ่มรู้สึก "รำคาญ" ที่จะคุยกับลุง Can
ที่คุ้นชินกับการ "ยกหางตัวเอง" 
แล้ว "คำรามข่มขู่" ผู้อื่นด้วยเรื่องที่ตนเองคุ้นชินและติดตามศึกษา  ด้วยมีพื้นฐาน - เรียนจบมาทางนั้น

ไม่มีใครเขาบอกว่าคุณไม่แม่น - ไม่เก่ง ใน Field ของคุณ
แต่เขารำคาญกับการ "ไม่รู้สึกไม่รู้สา" ของคุณ  ที่มักจะมองคนอื่นว่า "โง่"
โดยตัวคุณนั้นไม่ได้แสดงอะไรว่าคุณ "ฉลาด" สักอย่าง

ไม่มีใครเขาสนใจหรอกครับว่าคุณเคยอ่านตำรับตำราอะไรมา หรือเอาอะไรยัดเข้าไว้ในสมองของคุณมาแล้วบ้าง
แต่เขาจะพิจารณาว่าคุณ "มีัปัญญา" รับรู้ในสิ่งที่คุณอ้างว่า อ่านมา - รู้มา แค่ไหน
หรืออย่างสุภาพที่สุดต่อคุณก็คือ  มีมุมมองอย่างไร - มีข้อพิจารณาอย่างไร ต่อเรื่องเหล่านั้น
ด้วยการ "แสดงความฉลาดแบบมนุษย์" ของคุณ  ซึ่งผ่านออกมาทางถ้อยคำภาษาที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้
...ไม่ใช่การแสดงความกร่างแบบสัตว์  ด้วยการ "ยกหางตัวเอง" และ "คำรามข่มขู่"


คุณเป็นคนที่ใช้คำด่าคนอื่นว่า "โง่" มากทีุ่สุด - บ่อยที่สุด
ในขณะที่คุณเองก็ปิดหูปิดตา - ไม่รับรู้ไม่รับทราบสิ่งที่คนอื่นบอกกล่าวมากที่สุด


อย่าทำเป็นโม้ว่าที่ราชดำเนินเขาชื่นชมคุณนัก 
เพราะที่นั่นเขาก็เรียกคุูณว่า "เฒ่ากระป๋อง" ที่เอาแต่ใช้ลีลาสำนวนตระบัดสัตย์ ดีดดิ้นไปเป็นฉาก ๆ



ผมเชื่อว่าคุณคงไม่คิดที่จะปรับปรุงแแก้ไขอะไร
เหมือนดั่งเช่น "คนอีสานแบบคุณ" คนอื่น ๆ ที่คงจะไม่ปรับปรุงแก้ไขตัวเองอย่างไรทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะด้วยสันดานถือดี - อวดเก่ง - ยะโส
หรือเข้าใจว่าพวกตน "มีจำนวนเยอะ"
หรือลำพองว่าตนนั้น "เส้นใหญ่ - มีนายเป็นคนใหญ่คนโต"
...ซึ่งนั่นก็คือที่มาของกระทู้นี้นั่นล่ะครับ
...ลุง Can ได้ยืนยันความถูกต้องของข้อกล่าวหา  ที่ จขกท.ได้ชี้ไว้  อย่างเกินสมบูรณ์ - เกินจำเป็น ทีเดียว


แสดงตัวออกมาเถอะครับว่าคุณชอบระบอบทักษิณ

...และเท่าที่ผ่านมา  ที่คุณเลือกอยู่ฝ่าย "ไม่เอาทักษิณ" ก็เพราะคุณมีพฤติกรรม Alianation
ชอบทำตัวแปลกแยกแตกต่าง  เพื่อให้ตนเองโดดเด่น
...หรือไม่เช่นนั้น  ก็เป็นเพราะคุณไม่ชอบทักษิณอย่างเป็นปัจเจกบุคคล
ซึ่งอาจจะมีต้นสายปลายเหตุมาจากความขุ่นเคืองรำคาญตาต่อพฤติกรรมอันโอ่อ่าเปิดเผย  ตามแบบกฎุมพีคนมีเงินแถมยังมีพื้นฐานสันดานตำรวจของนายทักษิณ
ที่คุณมักจะรู้สึกเช่นนั้นกับใคร ๆ ก็ได้ทุกคนที่ "ทำตัวเด่นเกินไป"




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 07-03-2008, 04:43
ความนิยมและความเคารพนับถือต้องมาจากผู้อื่นไม่ใช่ความเพ้อฝันหรืออุปโหลกแบบหลงตัวเอง


หลงทางเสียเวลาหลงอัตตาคือชี้บหาย


ป๊าป๋าสอนให้ตอนเมา


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 04:47
นอนเถอะลุงแคน

วันนี้เพิ่งได้คำคมใหม่ น่าจะเข้ากะเหตุการณ์

เลือด ย่อมข้นกว่า น้ำ(รัก)
เมียก็ทิ้งได้ทั้งนั้น

เข้าใจครับ การโอบอุ้มคนบ้านเดียวกันนั้นย่อมเข้มข้น

บ้านเราไม่ใช่ภาคแรกหรอกที่ทำ

เพียงแต่มายาคติคนอื่นที่มองเข้ามาด้วยอคติ มันทำให้เราดูผิดไปหมด

แต่ก็ดีซะอีกเนาะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 07-03-2008, 04:50
หัวไม่มีตีนก็เดินไมได้ ตีนไม่มีหัวก็ไม่มีใครสั่งให้เดิน มัวแต่คิดกันว่าใครได้อะไรไม่ได้อะไร ทำไมไม่ไปคิดว่าจะทำอะไรๆให้มันดีขึ้น พวกเล่นเกมส์มันโยนเหยื่อล่อมา มันคงได้ใจที่มีคนติดกับเพียบ อย่าให้มันมาเสี้ยมมากไปกว่านี้อีกเลย :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 05:01
รากหญ้าเจ๊ง และขายกิจการให้ฝรั่งน่ะลุงแคน
เลยต้องไปทำไร่ทำนาแทน 555

รถไฟฟ้า มาจากภาษี สร้างเพื่อส่วนรวม ?

โครงการผันน้ำโขง ถ้ามี ก็สร้างขึ้นเพื่อส่วนรวม
แต่คนภาคอื่นก็หาเรื่องด่าอีกจนได้แหละน่า ว่าคนกรุงหรือภาคอื่นๆ ไม่ได้ใช้ด้วย

สะพานกลับรถอยู่มอเตอร์เวย์ คนเขียงรายมันคงมาใช้บ่อยๆเนอะ


โครงการผันน้ำโขง  ใครเขาค้านในลักษณะว่า "ยังไง ๆ ก็ไม่ควรสร้าง"
แต่เขาถามว่าไอ้อภิมหาโปรเจ็คนั้น  เมื่อทำเสร็จแล้วมันจะคุ้มไหม ?
มันจะ "มีน้ำ" ให้ผันข้ามาจริงหรือ  เพราะอีกไม่นานสารพัดเขื่อนต้นน้ำโขงก็กำลังจะเสร็จเป็นตัวตน
ถ้าไม่เคยรับทราบเรื่องผลกระทบจากการสร้างเขื่อนที่ประเทศต้นน้ำ แล้วมีผลต่อประเทศปลายน้ำ
ก็ให้ศึกษากรณีของประทเอธโอเีปีย
นั่นล่ะประเทศปลายน้ำ  ที่รับผลจากความแห้งขอดของสายน้ำหลักจากประเทศต้นน้ำกักเก็บน้ำไว้เหนือเขื่อน

นอกจากเรื่อง "มีน้ำหรือไม่" แล้ว  เขาก็ถามถึงว่า "จะยกระดับน้ำ ( ให้สูงขึ้น )" อย่างไร
เพราะหากคำนวนระยะทางตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแล้ว  การที่จะทำให้น้ำไหลไปถึงได้นั้น  ต้นน้ำ ( H ) จะต้องอยู่้สูงมาก
ซึ่งหมายถึงจะต้องใช้อภิมหาปั๊มน้ำ + อ่่างเก็บน้ำบนที่สูง  อันไม่มีหนทางใดเลยที่จะทำได้นอกจาก "สร้างภูเขาขึ้นมา 1 ลูก"
หรือไม่เช่นนั้น  หากจะใช้วิธี Sub - Station ก็ต้องมีสถานีดูด + ส่งน้ำ ไปตลอดแนว  และระบบน้ำนี้ก็จะกลายเป็น Pipeline ไม่ใช่คลองส่งน้ำ - คลองชลประทาน  ตามแบบที่ "นักการเมืองซึ่งมีเบื้องหลังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง" ต้องการ

...แค่เขา "ซักไซร้ไล่เลียง" เข้าหน่อย  ก็รีบตีตนไปก่อนไข้ซะแล้ว
นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่นักการเมืองอีสานเคยใช้หลอกชาวบ้านด้วยการเอาแผนที่ประเทศไทยมาตั้ง  แล้ววาดภาพคลองส่งน้ำโดยใช้หลัก "น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ" บนภาพของแผนที่ แหม้งมันซะดื้อๆ ด้าน ๆ อย่างนั้นหรอกนะ


สุดท้าย
แล้วสะพานกลับรถ - ถนนลอยฟ้า ที่เชียงใหม่
คนระยอง - จันทบุรี - หาดใหญ่ หรือเอาใกล้ ๆ หน่อยก็สุโขทัย
คงขึ้นไปใช้บ่อย ๆ นะ

...ผมขออนุญาตใช้ตรรกของคุณย้อนเข้ากับตัวคุณเอง
...ปกติแล้วผมไม่ชื่นชมตรรกทำนองนี้หรอก
เพียงแต่เห็นว่าคุณคุ้นเคยกับมันเท่านั้น



รักจะโต้แย้งด้วยข้อมูลก็อย่าติดเอานิสัยตีรวนมาด้วย
มันจะเหมือนพวกประชาธิปัตย์  ซึ่งผมไม่เคยเห็นว่าจะต้องลอกเลียนเอามาเป็นแบบอย่าง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 05:17
อ่อ ผมไม่ได้ใส่ใจลงรายละเอียดของโครงการผันน้ำโขงหรอกครับ
ผมแค่เอาตัวอย่างมายกว่าถ้ามันมี เห็นคำว่า ถ้า ไหมครับ
แค่จะสื่อถึงถ้ามันมี คนก็คงมาด่าอีกนั่นแหละ ว่าไม่ได้ใช้ด้วย

ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ว่าทำเพื่อส่วนรวม ชาวนาไม่เห็นได้มาใช้ด้วย ไม่เห็นมันออกมาด่า

มันก็ตรรกะที่ว่าด้วยของส่วนรวมของปู่เย็นแหละครับ

ถ้าคิดกันซะแบบนี้
บ้านเมืองก็ไม่ต้องทำอะไรในนามรัฐบาลชาวไทยแล้วล่ะครับ คนไทยก็แบ่งๆกันซะให้มันจบๆ

อ่อ ที่สำคัญ ผมยิ่งไม่เคยเทิดทูนพรรคประชาธิปัตย์เลยครับ
----------------------

ถึง จขกท

กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดีครับสำหรับผมและลุงแคน

แต่ไม่ใช่เพราะว่า จขกท เขียนดีอะไรหรอกครับ

ความเป็นเอกภาพของคนทั้งภาค เป็นภาพที่ดูแล้วบางทีก็น่าชื่นใจ

สำหรับใครหลายคนในนี้ คงไม่เคยเจอคนที่บ้านชี้หน้าบอกว่า มรึงไปเทิดทูนคนภาค xx ที่มันดูถูกเรา ที่มันไม่เคยมาสร้างความเจริญอะไรให้บ้านเราทำไม

หึ
ไม่เพราะผมเป็นคนเนรคุณภาคตัวเองหรอกเหรอครับ ผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ ถึงจะไม่มีใครไปเชิญผมมาก็เถอะ

ผมไม่ยักจะรู้ว่าสักวัน ผมต้องมาเจอเหตุการณ์เอี้ยๆแบบประมาณว่า ขอแค่เมิงเป็นคนอีสานเหอะ กลูจะเหยียดหยาม กลูจะดูถูก กลูจะด่าให้เปิง

บางทีที่บ้านผมเขาคงรู้ล่ะเนาะ ว่าเหตุการณ์เอี้ยๆแบบนี้ มันคงไม่มีทางแก้ไขได้
มีแต่ต้องสั่งสอนพวกผู้ดีตีนแดงยกภาคเท่านั้น

อ่อ อย่าทะลึ่งมาด่าว่าบ้านผมโง่รากหญ้าอีกล่ะ

มีแต่ผมนี่แหละโง่ เสือกไม่รักดี ไม่เอากาผู้แทนตามกระแสภาค

นี่แหละที่เสียดาย
ผูัดีดิ้นพล่าน ดูแล้วก็ขำดี



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 05:22
ส่วนเรื่องอุ้มแบงค์ - สถาบันการเงินของนายชวน
ผมไม่สนใจ


การดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ เหตุใดจึงเกิดสนใจขึ้นมารึ

แล้วคนชั้นกลางเดินนโยบายทำให้ความฉิบหายกระทบชีวิตของคนทุกชนชั้นทุกหย่อมหญ้าเนี่ย ไม่เป็นไรเลยเนาะ

มีปากมีเสียงโต้แย้งหน่อยก็มีแต่ฟีดแบคของการเยียดหยามกลับมา

เรื่องผัวฝรั่ง เรืีองซื้อแอร์ไทม์มาทะเลาะกับเมียนี่ ไม่รู้คิดได้ยังไง

สุดยอด หาอะไรมาเทียมมิได้จริงๆ



กลับไปอ่านตั้งแต่ต้นนะไอ้หนู
ว่าผมไม่เคยสนใจนโยบายห่าเหวของรัฐบาลนอมินีเฮงซวยนี้  ตั้งแต่มันตกลูกออกมาจากการผสมพันธุ์กันของสารพัดสัตว์ แล้ว

ผมเข้ามาในกระทู้นี้ก็เพียงเพราะรำคาญพฤติกรรมเรียกร้องทวงบุญคุณของคนอีสานที่มีต่อคนกรุงเทพ ฯ
ไม่เคยบอกว่าพวกคนอีสานอย่างคุณโง่ ขี้เกียจ หรือมีพฤติกรรมห่าเหวอะไร  จนกระทั่งลุง Can ยอมรับออกมาเองว่าคนอีสานชอบระบอบอุปถัมป์และไม่เห็นเป็นเรื่องเลวร้ายที่จะยกสิทธิ นำประเทศชาติใส่พานถวายให้นักการเมืองที่มีนโยบายอุปถัมป์พวกตน

ขอแค่ให้คนอีสาน "หุบปากที่เอาแต่ทวงบุญคุณจากคนอื่น" ลงบ้าง
แค่นี้คนอีสาน "ทำไม่ได้" เชียวหรือ ??
แค่หุบปากที่ส่งเสียงระคายหูน่ารำคาญ...ทำไม่ได้หรือ ???


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 05:39
อ่อ ผมไม่ได้ใส่ใจลงรายละเอียดของโครงการผันน้ำโขงหรอกครับ
ผมแค่เอาตัวอย่างมายกว่าถ้ามันมี เห็นคำว่า ถ้า ไหมครับ
แค่จะสื่อถึงถ้ามันมี คนก็คงมาด่าอีกนั่นแหละ ว่าไม่ได้ใช้ด้วย

ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ว่าทำเพื่อส่วนรวม ชาวนาไม่เห็นได้มาใช้ด้วย ไม่เห็นมันออกมาด่า

มันก็ตรรกะที่ว่าด้วยของส่วนรวมของปู่เย็นแหละครับ

ถ้าคิดกันซะแบบนี้
บ้านเมืองก็ไม่ต้องทำอะไรในนามรัฐบาลชาวไทยแล้วล่ะครับ คนไทยก็แบ่งๆกันซะให้มันจบๆ

อ่อ ที่สำคัญ ผมยิ่งไม่เคยเทิดทูนพรรคประชาธิปัตย์เลยครับ
----------------------

ถึง จขกท

กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดีครับสำหรับผมและลุงแคน

แต่ไม่ใช่เพราะว่า จขกท เขียนดีอะไรหรอกครับ

ความเป็นเอกภาพของคนทั้งภาค เป็นภาพที่ดูแล้วบางทีก็น่าชื่นใจ

สำหรับใครหลายคนในนี้ คงไม่เคยเจอคนที่บ้านชี้หน้าบอกว่า มรึงไปเทิดทูนคนภาค xx ที่มันดูถูกเรา ที่มันไม่เคยมาสร้างความเจริญอะไรให้บ้านเราทำไม

หึ
ไม่เพราะผมเป็นคนเนรคุณภาคตัวเองหรอกเหรอครับ ผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ ถึงจะไม่มีใครไปเชิญผมมาก็เถอะ

ผมไม่ยักจะรู้ว่าสักวัน ผมต้องมาเจอเหตุการณ์เอี้ยๆแบบประมาณว่า ขอแค่เมิงเป็นคนอีสานเหอะ กลูจะเหยียดหยาม กลูจะดูถูก กลูจะด่าให้เปิง

บางทีที่บ้านผมเขาคงรู้ล่ะเนาะ ว่าเหตุการณ์เอี้ยๆแบบนี้ มันคงไม่มีทางแก้ไขได้
มีแต่ต้องสั่งสอนพวกผู้ดีตีนแดงยกภาคเท่านั้น

อ่อ อย่าทะลึ่งมาด่าว่าบ้านผมโง่รากหญ้าอีกล่ะ

มีแต่ผมนี่แหละโง่ เสือกไม่รักดี ไม่เอากาผู้แทนตามกระแสภาค

นี่แหละที่เสียดาย
ผูัดีดิ้นพล่าน ดูแล้วก็ขำดี
 



ผมไม่เคยบอกว่าเห็นด้วยหรือทำอะไรเป็นการเสริมให้คุณ isa
และก็ไม่อยากร่วมวิพากย์วิจารณ์ลีลายียวนกวนตีน  เพื่อปลุกเร้าเอาสันดานหยาบของคู่สนทนาขึ้นมาทำให้เป็นเรื่องตลกของเขา
...นั่นเป็นเอกลักษณ์  ของใครของมัน
...ถ้าจะได้รับเกียรติ - คำชมเชย  ก็ไม่มีใครไปแชร์ด้วย
...หรือถ้าได้รับความเกลียดชัง - รำคาญหูรำคาญตา  ก็ไม่มีใครอยากแบ่งปันเอาไปใช้ เช่นกัน


อีกอย่าง
คนกรุงเทพ ฯ ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ "ผู้ดีตีนแดง" ตามค่านิยม - ความเข้าใจดั้งเดิม
คนกรุงเทพ ฯ ปัจจุบันนี้
ถ้าเป็นผู้ดี  ก็คือ  ผู้แสดงออกอย่างมีมารยาทดี ( แต่ใจจริงหรือสันดาน ส่วนลึกภายในจิตใจอาจเหี้e )
ถ้าตีนแดง ก็คงเป็นเพราะใส่รองเท้าคัทชูร์  หรือรองเท้าผ้าใบ  ไม่สามารถลากแตะหรือ Bare Foot ไปไหนมาไหนได้ เนื่องจากหน่วยงานราชการหรือเอกชนเกือบทุกแห่งถือว่าเป็นพฤติกรรมอันไม่สุภาพ  จนเป็นเหตุให้หมดโอกาสนำสินค้าเข้าไปเสนอขายให้เขา
...หากสังเกตดี ๆ ก็จะรู้ว่าไม่เพียงแต่ "ตีนแดง" เท่านั้น
...ตีนของคนกรุงเทพ ฯ ทั้งผู้หญิง - ผู้ชาย ( โดยเฉพาะผู้หญิง ) ส่วนใหญ่จะเป็นตาปลา - เล็บขบ กลิ่นเหม็น  เนื่องจากโดนรองเท้ากัดหรือเดินแบบเร่งรีบ ( ลงปลายเท้า ) เพื่อให้ทันต่อนัดหมายต่าง ๆ อย่างเป็นนิจสิน

ซึ่งคุณ ดาร์ธ เวเดอร์ คงทราบดีอยู่แล้ว





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 07-03-2008, 05:39
เรื่องรถไฟฟ้านะ มันสร้างเพื่อคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เมืองที่เสียภาษีมากที่สุดในประเทศ ถ้าคนไม่แห่กันมาอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างหรอกครับ ลองดูช่วงที่คนกลับไปเลือกตั้งหรือช่วงเทศกาลทำไมถนนโล่งครับ ตอบกันได้ไหม


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 05:50

กลับไปอ่านตั้งแต่ต้นนะไอ้หนู
ว่าผมไม่เคยสนใจนโยบายห่าเหวของรัฐบาลนอมินีเฮงซวยนี้  ตั้งแต่มันตกลูกออกมาจากการผสมพันธุ์กันของสารพัดสัตว์ แล้ว

ผมเข้ามาในกระทู้นี้ก็เพียงเพราะรำคาญพฤติกรรมเรียกร้องทวงบุญคุณของคนอีสานที่มีต่อคนกรุงเทพ ฯ
ไม่เคยบอกว่าพวกคนอีสานอย่างคุณโง่ ขี้เกียจ หรือมีพฤติกรรมห่าเหวอะไร  จนกระทั่งลุง Can ยอมรับออกมาเองว่าคนอีสานชอบระบอบอุปถัมป์และไม่เห็นเป็นเรื่องเลวร้ายที่จะยกสิทธิ นำประเทศชาติใส่พานถวายให้นักการเมืองที่มีนโยบายอุปถัมป์พวกตน

ขอแค่ให้คนอีสาน "หุบปากที่เอาแต่ทวงบุญคุณจากคนอื่น" ลงบ้าง
แค่นี้คนอีสาน "ทำไม่ได้" เชียวหรือ ??
แค่หุบปากที่ส่งเสียงระคายหูน่ารำคาญ...ทำไม่ได้หรือ ???


เลือด ย่อมเข้มข้นกว่าน้ำเชื้อครับ

ผมคงไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ที่พอจะไปบังอาจสั่งสอนคนอีสานให้เขาหุบปากหรอกครับ

แต่วิธี ก็พอแนะนำให้ได้ครับ นั่นก็คือ

ที่นั่ง สส ในอีสานกับเหนือ คงรวมกันได้ประมาณ 200 ผมต่อให้พรรคเฮงซวยสารพัดสัตว์มันได้ไปทุกที่นั่งเลย

แล้วทีนี้ก็ทำอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ให้พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคอะไรก็ได้มันชนะการเลือกตั้งทุกเขตใน กทม + ภาคกลาง +ตะวันออก+ใต้
ตั้งรัฐบาลได้แน่นอน

หรือถ้ามัน ยาก เกินไปก็ทำยังไงก็ได้ ให้ไอ้พรรคเฮงซวยสารพัดสัตว์ มันไม่ชนะซักที่นั่งในภาคของคนฉลาดอย่าง กรุงเทพ กลาง ตะวันออก และใต้

ง่ายๆแค่นี้เองครับ คนอีสานเฮงซวยเงียบแน่ครับ

ที่ผ่านมา ผมละไม่สบอารมณ์ที่คนมีความรู้อย่าง กรุงเทพ กลาง ตะวันออก และใต ดันปล่อยให้พรรคเฮงซวยสารพัดสัตว์ได้มาตั้งร่วม 60-70 ที่นั่ง

และโดยที่เหนือกับอีสาน พรรคเฮงซวยสารพัดสัตว์มันก็ได้ไม่ถึง 180

คงมีวิธีแก้แค่นี้จริงๆครับ

ส่วนตัวเลข สส ข้างต้นผมอนุญาตประมาณเอาละกันครับ จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้

และที่เหลือ คงจะได้มาตอบต่ออีกหลาย ชม หลังจากนี้นะครับ
ใช้มือถือต่อ
มันเปลืองเงินค่าแอร์ไทม์
เดี๋ยวผมจะไม่เหลือไปด่าเมีย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 06:34
ผลการเลือกตั้งเกี่ยวข้องอะไรกับสันดานของปัจเจกชน ?

สมมติว่า 
ใน Office คุณมีเพื่อนร่วมงานที่มักจะเอาเท้าเหม็น ๆ ขึ้นมาวางพาดโต๊ะ...ที่อยู่หลังเก้าอี้คุณ
และชอบดีดเศษอาหารที่แคะออกมาซอกฟันกระจายไปทั่ว  รวมทั้งกระเด็นมาใส่คุณ
...พอคุณแสดงความไม่พอใจ  ออกปากร้องขอว่า
"คุณ  อย่าทำแบบนั้นได้ไหม  เกรงใจกันบ้าง"
...แต่เขากลับโต้ตอบว่า
"คุณก็ทำงานให้ได้เป็นหัวหน้าก่อนสิ  แล้วก็ต้องได้เงินเดือนมากกว่าผมด้วยนะ  เช่นนี้แล้วผมจึงจะเลิกทำพฤติกรรมแบบนี้ตามที่คุณต้องการ"
!!


ผมไม่ได้บอกให้พวกคุณ - คนอีสานในเสรีไทยออกไปป่าวประกาศให้พรรคพวกเพื่อนฝูงคนอีสานด้วยกันหยุดกล่าวทวงบุญคุณ หรือสร้างความแปลกแยกแตกต่างระหว่างพวกคุณเองกับคนกรุงเทพ ฯ
... แค่ยอมรับสั้น ๆ ว่า
"เออ  รู้ว่าไม่เข้าท่า   ถ้าผม ( ดิฉัน ) เคยทำก็จะพยายามไม่ทำอีก   ส่วนคนอีสานรายอื่น ๆ ไม่รับรู้ด้วยนะ  ไม่มีปัญญาไปห้ามปรามอะไร  เพราะไม่ใช่พ่อ ( แม่ ) พวกมัน"
...จบ


=======================================================

ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจกับผลการเลือกตั้งที่ดีดให้พวก ปชป.ไปเป็นฝ่ายค้าน
...แถมยังดีใจนิด ๆ ที่บ้านเมืองยังไม่ตกไปอยู่ในมือของเมเนม  เวชชาชีวะ




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 07:20
สุดท้าย

ผมรังเกียจวิธีการแสดงออกซึ่งความเป็นพรรคพวก "เผ่งอิ๊วซี้" แบบคุณ ดาร์ธ เวเดอร์
นั่นเป็นพฤติกรรมตั้งต้นของพวก KKK, ฮูลิแกน, ราชสิทธิ, ไทยวิจิตรศิลป, ฯลฯ

ถ้าจะรัก - ชอบกัน  ก็จงด้วยเหตุผลที่ว่า "มรึงกะกรูสันดานเดียวกัน ( เช่น เหี้eพอ ๆ กัน, บ้าเรื่องเดียวกัน, ถูกตราหน้าว่าเป็นคนจังไsในสถานการณืเดียวกัน ฯลฯ )" หรือ "คบหากันได้เพราะใจตรงกัน - ถ้าสปีชีร์เดียวกันก็ผสมพันธุ์กันไปนานแล้ว"

ไม่ใช่เป็นเพราะอยู่ในคอกเดียวกัน - เล้าเดียวกัน
ถ้าสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใดพอใจที่จะซ่องเสพย์เอากันเฉพาะ "ในหมู่เหล่า" แล้วมุ่งมาดฟาดฟันหมู่เหล่าอื่นให้ฉิบหายวอดวาย
สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นั้นก็วิบัติ  เพราะนอกจากจะฆ่ากันเองจนตายห่าหมดแล้ว  การมุ่งซ่องเสพย์กันเองในหมู่เหล่าก็จะเป็นการพัฒนาลักษณะด้อย -
...จนในที่สุดก็จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์หมู่เหล่าสุดท้ายทีุ่์ปัญญาอ่อน  อวัยวะต่าง ๆ ลีบแบน
จวบจนกระทั่งพินาศไปเองในสภาพซึ่ง หากมีใครในอนาคตมาเห็นซากศพ  ก็พาลเข้าใจว่าเป็นเผ่าพันธุ์อัปลักษณ์พิกลพิการมาตั้งแต่รุ่นโคตรเหง้า
ที่ผ่านร้อนหนาวมาด้วยพฤติกรรมเยี่ยงปรสิต



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 07:57
ไปเอามาจากไหน ที่บอกว่าผมยอมรับว่าระบบอุปถัมป์มีเฉพาะที่อีสาน

ระบบอุปถัมป์ มันมีมานานในทุกอนูของสังคมไทย ทั่วประเทศ แม้แต่ในกรุงและภาคใต้

ระบบคิดให้คนหุบปากนี่แหละ นิสัยช่างกล เผด็จการ  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 08:08
เหอ เหอ ถามไปหลายเรื่องดันไม่ตอบซะนี่

วิธีเขียนคล้ายๆ คำรุนแรงจนดูเหมือนสำราก มันบอกแล้วว่าอับอายกลายเป็นโมโห

ไม่รู้ว่าเป็น "สันดานปัจเจกชน" หรือเปล่า

มิน่าไม่กล้าขึ้นแท็กซี่...ว่างๆ ขึ้นไปลุยกับแท็กซี่บ้างนะครับ

ถ้าคุณแน่อย่าแพ้แท็กซี่


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 08:45
รถใต้ดิน รถไฟฟ้า  ทางด่วน
"เป็นสวัสดิการของคนส่วนรวมทั้งสังคม"
ที่ใคร ๆ ก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน
โดยผู้ที่จะเอาประโยชน์นั้นต้อง "จ่ายเงินให้รัฐ"

ไม่ใช่ ธกส.  สปก.  สค.1  นส.3  บ้านมั่นคง  ประกันราคาพื้ชผล
ที่เป็น "ประโยชน์เฉพาะตัว"
ซึ่งรัฐจะต้องเอาทรัพย์สิน - ปัจจัยการผลิตของคนทั้งแผ่นดิน ไปจ่ายให้

1 รถไถนา 1 หมู่บ้าน ( โครงการของ นายก อบจ.อุบลราชธานี )

เป็นสวัสดิการให้ประชาชนได้ใช้ปัจจัยการผลิตทำมาหากิน

รถเป็นของหลวง ใครเอาไปใช้ออกค่าน้ำมันและเบี้ยเลี้ยงช่างที่ดูแลและบริการ

มันก็แค่"ของหลวง" ที่เอาไปฝากชาวบ้านเก็บ ดูแลรักษาและใช้ในพื้นที่

จะเอาไปซ่อมถนนหนทาง ปรับที่ปรับทางได้ทั้งนั้น

เป็นการให้บริการของรัฐอีกอย่างหนึ่ง ถ้าอยากไปใช้ ก็ไปทำนาหรือไปอยู่ในหมู่บ้านนะครับ

ใครทำนา ใครอยากใช้ก็ไปใช้ ออกค่าเบี้ยเลี้ยงคนขับ ช่าง และจ่ายน้ำมันเอง

ก็เหมือนรถไฟฟ้า รถใต้ดิน ชาวนาเค้าไม่ได้มาใช้ด้วยหรอกครับ

ก็เหมือนพวกคุณไม่ได้ไปใช้รถไถนานั่นแหละ

ถ้าชาวนามาใช้รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ก็ราคาเดียวกับพวกคนกรุงนั่นแหละ

จะว่าไปราคามันไม่ได้มากมายอะไร งบ SML ก็เอาไปทำได้ ถ้าชาวบ้านเห็นร่วมกัน

 
อ้อ...เรื่องความเป็นธรรมของระบบภาษี อธิบายไปหลายที หัดอ่านบ้างนะครับ

คนเสียภาษีเยอะ ก็ไม่ได้มีสิทธิ์พื้นฐานมากไปกว่าประชาชนรากหญ้าชาวนา

ในรัฐธรรมนูญก็รับรองเรื่องสิทธิ์เสรีภาพ ในเรื่องพูด อ่าน เขียน รวมทั้งให้ปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

อย่าบังอาจไปคิดปิดปากใครล่ะ มันแสดงว่าไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง

คุณมีสิทธิ์รำคาญคนพูดไม่เข้าหู แต่คุณไม่มีสิทธิ์ไปสั่งให้ใครหุบปาก แม้คุณจะเป็นลูกเหลิมดาวเทียมก็เถอะ







หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 07-03-2008, 08:55
ถ้าเริ่มต้นจากการเหมารวมว่านิโกรตัวดำ,เจ๊กขากถุยสกปรก,ลาวโง่,พม่าข้าศึก,คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนลาวอีสานโง่ คนกรุงเห็นแก่ตัว คนไทยขี้เกียจ

ซึ่งเป็นมายาคติแบบเหมารวม ผมว่ามันก็เป็นการเปิดเกมชวนทะเลาะแหละครับ คือคนเริ่มก็เริ่มจากอคติแบบเหมารวม คนดีเฟนด์ก็อดมีอคติไม่ได้ สุดท้ายก็คงจบไม่สวยครับ

แต่หากเริ่มวิพากษ์กันแบบพยายามเข้าใจมนุษย์แบบที่เพลงน้าแอ้ดว่า"เอาหัวใจของเขา ใส่ดวงใจของเรา แล้วจะรู้ว่าเขาคิดกับเรายังไง..."ไม่ดีกว่าเหรอครับพี่น้องครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 07-03-2008, 09:01
รากหญ้าเจ๊ง และขายกิจการให้ฝรั่งน่ะลุงแคน
เลยต้องไปทำไร่ทำนาแทน 555

รถไฟฟ้า มาจากภาษี สร้างเพื่อส่วนรวม ?

โครงการผันน้ำโขง ถ้ามี ก็สร้างขึ้นเพื่อส่วนรวม

แต่คนภาคอื่นก็หาเรื่องด่าอีกจนได้แหละน่า ว่าคนกรุงหรือภาคอื่นๆ ไม่ได้ใช้ด้วย

สะพานกลับรถอยู่มอเตอร์เวย์ คนเขียงรายมันคงมาใช้บ่อยๆเนอะ


 หากทำแล้ว คุ้มทุนเร็ว  ก็สมควร ได้รับการสนับสนุน และทำให้เกิดการประหยัดทางอ้อมต่อเศรษฐกิจ ต้องสนับสนุนที่สำคัญมีงานวิจัยสนับสนุนมาแล้ว

 แต่ โครงการ ที่ทำ แล้ว หากินงบประมาณ แต่ว่า คุ้มทุนหรือเปล่าไม่รู้   ทั้งที่ยังมีทางเลือกอื่น ที่ทำแล้วคุ้มกว่า งบน้อยกว่า ก็ควรไปทำทางอื่น

 มันแตกต่างกัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 09:25
ระบบจัดการลุ่มน้ำ หรือระบบการใช้น้ำ มันมีแผนใหญ่อยู่แล้ว ศึกษากันมานาน

สมัครเคยอภิปรายเรื่องเจาะน้ำข้ามภูเขา ลอดใต้ดินมาโดยท่อ ซัก 30 ปีที่แล้ว

ไม่ใช่เรื่องใหม่ ชลประทานระบบท่อก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ระบบคลองชลประทานก็ไม่ใช่เรื่องใหม่

การเกษตรที่พึ่งพาธรรมชาติ มันก็มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการบางทีก็ยังถกเถียงกันไม่จบ

ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ศึกษากันมาดีแค่ไหน

ถึงที่สุดโครงการใหญ่ระดับนี้เกิดยากครับ หากให้สำเร็จหันมาเล่นเรื่องสระน้ำในนานั่นเหมาะสมกว่า

แต่ต้องให้เป็นไปตามสภาพพื้นที่ ใช้พื้นที่การเกษตรให้เหมาะสม

ดูกันไปแล้วมันก็แค่นโยบายหาเสียงหลอกชาวบ้านรากหญ้าเพื่อหาเสียงอีกนั่นแหละ

ไม่เป็นชิ้นเป็นอันหรอกครับ

พวกบ้าภาษีเจ้าของภาษี ก็จะมาบ่นอีก เอาภาษีของกูไปใช้ไม่ได้เรื่อง

มันลืมไปว่าภาษีนั้นเป็นหน้าที่ จ่ายไปแล้วเป็นเงินของประชาชนทั้งประเทศ





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 10:04
55555

สันดานขอทาน คือขอเพื่อให้ได้ทาน
มือตีนมี กำลังวังชาแข็งแรง ด้วยสันดานขอทานก็ยังต้องขอ
ไม่ว่าไม่มีข้าวจะกรอกหม้อ หรือร่ำรวยส่งลูกไปเรียนนอก ด้วยสันดานขอทานมันก็ขอ

สันดานคนเพียร ทำงานเพื่อความเพียร
ไม่ว่าจะหูหนวก ตีนหาย ตาบอดก็ทำงานด้วยความเพียร
ไม่ว่าจะยากจนข้นแค้น ร่ำรวยล้นฟ้าก็ยังไม่ละที่จะทำงานด้วยความเพียร

สันดานขี้ข้า ก็ยังจะเป็นขี้ข้า
ทำงานแบบขี้ข้า ทำงานก็ทำลวกๆ อู้งานได้ก็อู้
ถึงจะมีผู้ใจบุญยื่นทุนให้ มันก็ไม่รู้ค่าของเงินยังจะใช้เงินแบบขี้ข้า
ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ ไม่รู้จักสร้างตัว

สันดานคนเป็นนาย ต้องรู้จักบริหารคน  รู้จักวิธีใช้คนทำงานสำเร็จลุล่วงไปได
รู้จักวิธีบริหารเงินทองทรัพย์สินให้อยู่ในที่ๆควรอยู่ ไปในที่ที่ควรไป
ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่เงินทองหรือไม่ คนเป็นนายคนก็ยังเป็นที่นับน่าถือตา
้เพราะเขาวางตัวเป็นนาย รู้จักทำตัวให้คนอื่นนับถือ


ใครมันเป็นขอทาน ใครเป็นคนเพียร ใครเป็นขี้ข้า ใครเป็นนาย
ไม่ใช่อยู่ที่ใครกำหนด ตัวเองกำหนดเองทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 07-03-2008, 10:05
ถ้าเริ่มต้นจากการเหมารวมว่านิโกรตัวดำ,เจ๊กขากถุยสกปรก,ลาวโง่,พม่าข้าศึก,คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนลาวอีสานโง่ คนกรุงเห็นแก่ตัว คนไทยขี้เกียจ

ซึ่งเป็นมายาคติแบบเหมารวม ผมว่ามันก็เป็นการเปิดเกมชวนทะเลาะแหละครับ คือคนเริ่มก็เริ่มจากอคติแบบเหมารวม คนดีเฟนด์ก็อดมีอคติไม่ได้ สุดท้ายก็คงจบไม่สวยครับ

แต่หากเริ่มวิพากษ์กันแบบพยายามเข้าใจมนุษย์แบบที่เพลงน้าแอ้ดว่า"เอาหัวใจของเขา ใส่ดวงใจของเรา แล้วจะรู้ว่าเขาคิดกับเรายังไง..."ไม่ดีกว่าเหรอครับพี่น้องครับ


แหม....


วันนี้เห็นด้วยกะป๋าฯสุดติ่งครับ...   :slime_p:



ปล.


อันนี้พูดจริงๆน่ะครับ ผมไม่ได้ประชดประชันอะไร  เพราะผมก็เคยพูดอยู่เสมอๆว่า


  ไม่ว่าเราจะกระทำอะไร  เราควรจะเอาใจเขามาใสใจเรา


และอย่าไปเหมารวมใครเด็ดขาด..

เพราะผมก็เชื่อว่า  ไม่ว่าคนภาคไหนๆ จังหวัดไหนประเทศไหนๆ   มันก็มีทั้งคนดีและเลวปะปนกันไป...
 
ฉะนั้นจะว่าอะไรก็อย่าเหมารวม.. 
 





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 10:39
แหมพูดแล้วคันปาก แท็กซี่เอื้ออาทร โอท้อป มันไปใช้งบประมาณอะไรมากมาย

ก็แค่เปิดโอกาสให้แท็กซี่ มีรถเป็นของตัวเอง ใครกู้ก็ต้องใช้หนี้เอาเอง

พวกมอเตอร์ไซต์ ที่หลงทักษิณ ก็ไม่เห็นมันทำอะไร แค่สั่งตำรวจไม่ให้ไปยุ่มย่ามทำคิว

พวกเค้ามาของบประมาณอะไรไปใช้เหรอ ใช้ภาษีพวกคุณตรงไหน

มันแค่การบริหารจัดการง่ายๆ เปิดทางให้รากหญ้าทำมาหากิน

เค้าจะชื่นชมพ่อเค้าก็เรื่องของเค้า

ผลสำรวจว่า "โกงได้แต่ต้องทำงาน" ก็เป็นผลวิจัยของคนในสังคมเมืองกรุงนี่แหละ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 12:55
พักนี้มีมาตรการลดภาษี รายได้ส่วนบุคคล ลดแลกแจกแถมกันใหญ่ มันเท่ากับเพิ่มรายได้ตรงๆ

แต่พอคนใช้แรงงานจะขอขึ้นค่าแรงวันละบาทสองบาท ทำไมมันยุ่งยากชิบเผง

ช่วยกันคิดหน่อย ผู้เสียภาษีทั้งหลาย ความเป็นธรรมมันอยู่ตรงไหน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 15:50
ตลกจริงๆ
สั่งให้คนหุบปากนี่ ในชีวิตจริง ถ้าไม่ใช่พ่อเค้า เค้าคงยากที่จะหุบ
ถามใจตัวเองก่อนเถอะว่าใครสันดานทราม

สักแต่จะด่าคนอีสานว่าสันดานขอทาน ขี้เกียจ อู้งาน ฯลฯ

มิน่าล่ะ พวกประเสริฐเหลือล้นมันถึงได้มีสันดานการด่าคนภาคอื่นกันทั้งภาค

ภาคของพวกประเสริฐดีที่เยี่ยมกว่าใคร

จับปลาฟรีๆในแหล่งธรรมชาติของส่วนรวมมากกว่าคนอื่นแล้วยังไม่สำนึก
มาเที่ยวกร่างอีก น่าขำ
ท่าทางจะเลวกว่าขอทาน

เป็นได้แค่ไอ้ซ่าจอมเนรคุณกระมัง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 16:58
ไปเอามาจากไหน ที่บอกว่าผมยอมรับว่าระบบอุปถัมป์มีเฉพาะที่อีสาน

ระบบอุปถัมป์ มันมีมานานในทุกอนูของสังคมไทย ทั่วประเทศ แม้แต่ในกรุงและภาคใต้
ระบบคิดให้คนหุบปากนี่แหละ นิสัยช่างกล เผด็จการ  

ตลกจริงๆ
สั่งให้คนหุบปากนี่ ในชีวิตจริง ถ้าไม่ใช่พ่อเค้า เค้าคงยากที่จะหุบ
ถามใจตัวเองก่อนเถอะว่าใครสันดานทราม

สักแต่จะด่าคนอีสานว่าสันดานขอทาน ขี้เกียจ อู้งาน ฯลฯ
มิน่าล่ะ พวกประเสริฐเหลือล้นมันถึงได้มีสันดานการด่าคนภาคอื่นกันทั้งภาค
ภาคของพวกประเสริฐดีที่เยี่ยมกว่าใคร

จับปลาฟรีๆในแหล่งธรรมชาติของส่วนรวมมากกว่าคนอื่นแล้วยังไม่สำนึก
มาเที่ยวกร่างอีก น่าขำ
ท่าทางจะเลวกว่าขอทาน

เป็นได้แค่ไอ้ซ่าจอมเนรคุณกระมัง


บอกให้ "หุบปากที่ทวงบุญคุณ"
ส่วนจะเอาปากอีสานไปเลียไข่ สอพลอ ขอทานใคร หรือตอแหลอะไรอื่น
อันนั้นคงเป็นเรื่องของคนอีสานสันดานไม่รู้สึกไม่รู้สาจักกระทำได้
...เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่กวนส้นตีนใคร

คงไม่ด่าว่าโง่
แต่แค่ปรารถนาที่จะชี้ให้ใครต่อใครเห็นว่า "คนอีสาน" อย่างน้อยในที่นี้ 2 คน
มีพฤติกรรมบิดเบือนมั่วซั่ว
คนเขามีเจตนาอย่างหนึ่ง ก็ไปแปรเปลี่ยนเป็นอีกอย่างหนึ่ง
เขาแสดงไว้อย่างหนึ่ง ก็ไปตีความเอาอีกอย่างหนึ่ง
มิน่า...ต่อให้มีการพัฒนาทางด้านสาธารณประโยชน์ ในภาคอีสานมากเท่าไร
ก็ยังไม่มีใครอยากไปลงทุน  โยกย้ายไปปักหลัก
ด้วยเป็นเพราะ "คนที่นี่มันชอบมั่ว"
"มันไม่รับรู้ความเดือดร้อนรำคาญที่มันก่อให้คนอื่น"
"มันเอาแต่พล่ามพ่นถึง "ความเป็นคนอีสาน" ของตนเองเสียจนไม่สนใจนำพาว่าสิ่งที่คนอื่นกล่าวถึงอยู่นั้น  เขาเพียงแค่ร้องขอให้ "ทำตัวเป็นคน" อย่างธรรมดาสามัญ - เท่าเทียมกัน  แค่นั้นเอง"

...พูดกันไม่รู้เรื่องแบบนี้  ก็คงต้องจมปลักดักดานหลอกกันเอง  ปั่นหัวกันเอง - ล้างสมองกันเอง
โดยไม่มีใครเขาอยากจะเสวนาตอแยด้วยอีก


ถ้ามีลูกตาและสติกำกับ
ก็จงกลับขึ้นไปดูว่าคำขอให้ "หุบปาก" นั้น
คนอื่นเขาหมายถึง "เพียงไหน"

เกิดเป็นคน ต้องรู้จักแยกแยะว่าการใดเป็นศีล การใดเป็นสูตร
ไม่ใช่เห็นว่า "พูดแล้วก็ืคือพูดได้หมด - หากไม่ได้พูดก็ไม่ต้องพูดเลย"
เพราะเสียงคนที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงหมาเสียงแมว  หรือเสียงของสัตว์เดรัจฉานใด ๆ  ที่มีแต่เพียงเห่า  หอน  และคราง
ด้วยเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของคน  ย่อมมีสาระและวัตถุประสงค์ หรืออย่างน้อยก็เหตุที่มา
กลับไปคิด พินิจพิเคราะห์เอาเองว่า
เสีียงประเภทใดที่คนอื่นเขาขอให้ระงับ "หรือหุบปากไว้" อย่าพ่นพล่ามออกไปให้เคืองใจระคายหูเขา
หากใจมั่นร่าน - สันดานมันเสี้ยน - ปากมันสั่นระริก
อดไม่ได้ที่จะทวงหาบุญคุณจากคนที่เขาไม่ได้เป็นหนี้สินกับตน
็ก็จงเก็บไว้ทวงกับคนที่บ้าน
ไปทวงกับแม่หรือพ่อของพวกคุณก็ได้ 
ว่าการที่ท่านทั้งสองได้ร่วมกันให้กำเนิดพวกคุณนั้น
ต้้องถือว่าเป็นวาสนาอันวิเศษสุดแล้ว 
และก็เป็นหน้าที่ ที่ท่านทั้งสองจะต้องเลี้ยงดูพวกคุณให้ดี 
เงินทองที่ท่านทั้งสองทำงานได้มา ก็ให้ถือเป็น "เงินกงสี - เงินในครอบครัว"
ไ่ม่มีใครสามารถอ้างว่าตนเป็นผู้จัดสรร - จัดหา  เพราะผิดหลัก "ความเป็นธรรมของระบบภาษี"

"อีพ่ออีแม่เอ๋ย พวกมรึงจงไปหาเงินมา...และเมื่อไหร่ที่กรูหยิบใช้ มรึงก็อย่าลืมสำนึกในบุญคุณของพวกกูที่อุตส่าห์ทำตัวเป็นเด็กดี !"


ถ้าหากยุติ - ระงับพฤติกรรมสันดานอันสร้างคาวมขุ่นเคืองรำคาญใจคนอื่นไม่ได้
...หยุดกล่าวทวงบุญคุณจากคนอื่น ที่เขาไม่ได้เคยเป็นหนี้เป็นสินอะไรกับพวกคุณ  ไม่ได้
ก็ไม่ต้องหยุด
จงกระทำต่อไป  ทำไปเถอะ
ซ้ำจะบอกใครต่อใครว่าพฤติกรรมนั่นเป็น "เอกลักษณ์ของคนอีสาน" ก็คงไม่มีใครว่าในที่นี้
แม้ในสายตาของคนภาคอื่น - ท้องถิ่นอื่น  ที่เขาไม่เคยถูกปลูกฝัง - ล้างสมองให้คิดเห็นเอาแต่ได้ - ไร้ยางอายช่นนี้ สามารถเล็งเห็นอย่างเด่นชัด
ว่าแท้แล้ว
นั่นล้วนเป็นพฤติสันดานอันดื้อดึงดือด้าน ยากที่จะอยู่ร่วมกับผู้คนอื่นทั่วไปได้อย่างสุขสงบ


หวังว่า "คนอีสานในกระทู้นี้" คงอ่านภาษาไทยตามแบบมาตรฐานราชการ ได้อย่างกระจ่างแจ้ง เข้าใจ
และขออภัยหากจะต้องยอมรับว่าไม่มีความสามารถใช้ถ้อยสำนวนใด ๆ อย่างเหมาะสมแก่อรรถรส - อรรถวิสัย - อรรถสันดานของคนอีสาน
ด้วยเหตุที่มิใช่คนอีสานทั้งภูมิกำเนิดและภูมิลำเนา




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 07-03-2008, 17:14
ไปเจอบทความหนึ่งของสมาคมชาวอีสานครับ ลองพิจารณาดู
................................................................................

http://www.prachatai.com/ireport/view.php?id=65

มายาคติหลังประชามติ: คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนอีสานโง่ คนกรุงเห็นแก่ตัว คนไทยขี้เกียจ!?


 1.มายาคติเรื่อง “คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนอีสานโง่ คนไทยขี้เกียจ*       

น่าประหลาดใจที่ว่า ภายหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมทื่ผ่านมานั้น เหตุและผลของมันได้กลายเป็นรอยร้าวลึกๆ ในหมู่ประชาชนคนไทย ดังที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง

            เสียงวิจารณ์หนักหนาสาหัสนั้นเริ่มจากมายาคติเดิมๆ ที่ครอบงำสังคมมาด้วยวลีหยาบๆ ว่า “คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนอีสานโง่ คนกรุงเห็นแก่ตัว และคนไทยขี้เกียจ”

            ดูเหมือนว่าเสียงสะท้อนของการวิจารณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้เราหลุดพ้นจากหล่มปลักแห่งมายาคตินี้เลย อาทิ

            -คนเหนือทำไมใจง่ายนัก แม้จะลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญทั้งภาค แต่คะแนนรับร่างก็เกือบสูสีกัน ลืมคุณงามความดีของอดีตนายกฯทักษิณได้ง่ายดายอะไรขนาดนี้

            -คนอีสานก็โง่อย่างนี้แหละ เห็นแก่เงินไม่กี่บาทแล้วก็ลงมติไม่รับร่างฯ กันทั้งภาค แบบนี้ก็ถือว่าเป็นภาคที่ด้อยพัฒนา อย่างนี้ก็ไม่มีวันเจริญเสียที ถือเป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศชาติ

            -คนใต้ทำไมใจจืดใจดำกับคุณทักษิณนัก ทั้งที่คุณทักษิณเคยช่วยให้ราคายางดีขึ้นขนาดนั้น แล้วเป็นไงตอนนี้ลองกองก็ราคาตก มังคุดเอย เงาะเอยแย่ไปหมด แล้วยังไปรับร่างของพวกเผด็จการอีก ไม่ได้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเลย

            -คนกรุงเทพฯก็งี้แหละเห็นแก่ตัว ที่ไปรับร่างรัฐธรรมนูญซะเยอะก็เพราะไม่อยากให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการทำมาหากิน ช่างเห็นแก่ได้เฉพาะหน้าจริงๆ

            -คนไทยนี่ขี้เกียจชะมัด แทนที่จะอ่านหนังสือร่างรัฐธรรมนูญให้เข้าใจซะหน่อย เขาอุตส่าห์ส่งไปให้ถึงบ้านก็ไม่ยอมอ่าน ไปบ้าเห่อรับ-ไม่รับตามกระแส แล้วบ้านเมืองมันจะพัฒนาไปได้ไง

2.ความแตกต่างในเชิงสร้างสรรค์:ลึกๆ แล้วทำไมคนอีสานไม่รับร่างฯ

แต่หากทะลุด่านม่านมายาคติไปแล้ว เราอาจพบเหตุผลที่แท้จริงของการรับร่างหรือไม่รับร่างตามเนื้อผ้าดังนี้ครับ

            *คนเหนือนั้นก็ไม่ได้ใจง่าย ผลรวมที่คนภาคเหนือลงประชามติไม่รับร่างชนะฝ่ายรับร่างไปเล็กน้อยทั้งภูมิภาคนั้นก็สะท้อนอยู่แล้วว่า คนเหนือมีเหตุมีผลตามสมควรแก่กรณี ผลถึงออกมาก้ำกึ่งอย่างนั้น

            *คนใต้ก็ไม่ได้ใจดำ-อาจมีเหตุผลลึกๆ เช่นคนใต้มีอุดมการณ์ไม่ให้เงินทองอามิสสินจ้างมีผลต่อการลงประชามติของตน หรือคนใต้นั้นนิยมชมชอบพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนมาก เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีธงชัดเจนว่าจะรับร่าง คนใต้ก็ย่อมรับร่างตามไปด้วย ไม่ได้เกี่ยวว่าคนใต้รับร่างเพราะนิยมชมชอบการทำรัฐประหาร หรือไม่เกี่ยวกับว่าไปใจจืดใจดำกับคุณทักษิณแต่ประการใด

            *คนกรุงก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว คนกรุงอาจเห็นแก่ประเทศชาติส่วนรวม ไม่อยากให้บ้านเมืองต้องเผชิญหน้ากัน และนำไปสู่ความสับสนวุ่นวายไม่จบหากผลออกมาว่าไม่รับร่าง จะได้เลือกตั้งไวๆ กระทั่งอยากให้ คมช.ออกไปให้พ้นไวๆ เมื่อเลือกตั้งได้ไวๆ ไม่เกี่ยวกับว่าคนกรุงเห็นแก่ตัวเห็นแก่ปากท้องซะหน่อย

            *คนไทยก็ย่อมไม่ขี้เกียจเช่นกัน เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเทคนิคเอามากๆ ภาษาต่างๆ ก็เป็นเรื่องกฎบัตรกฎหมาย ประชาชนชาวบ้านก็ย่อมต้องเปิดกว้างรับฟังจากผู้เชี่ยวชาญ แล้วตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าขี้เกียจอ่าน ทั้งที่เขาส่งหนังสือร่างฯ เล่มสีเหลืองมาให้อ่านแล้ว

            *คนอีสานก็ไม่ได้โง่หรือรับเงินแล้วไม่รับร่าง ซึ่งในฐานะอุปนายกสมาคมชาวอีสาน (สมาคมนี้ก่อตั้งโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกสมาคมคนแรก,นายกสมาคมคนปัจจุบันคือพลเอกพินิจ โจมพรม มีพลเอกรณชัย ศรีสุวรนันท์ เป็นประธานที่ปรึกษาสมาคมชุดปัจจุบัน) ผมคงจะอธิบายได้ดังนี้

            1.การประกาศตัวของชาวอีสานว่าพวกเราคือคน และไม่ใช่พลเมืองชั้นสองของประเทศนี้-โดยมายาคติที่สร้างกันมานั้น คนอีสานคือคนเชื้อชาติลาว เป็นบักเสี่ยว (เราไม่ปฏิเสธฐานะทางประวัติศาสตร์ของเรา เราภาคภูมิใจเสมอในสิ่งที่บรรพบุรุษสานสร้างและสืบสาน) แต่ในเมื่อคนอีสานได้ละทิ้งการต่อต้านอำนาจรัฐจากส่วนกลางมานานพอสมควร (ดังกรณีกบฎผู้มีบุญนับ 18 ครั้งตลอดประวัติศาสตร์ปลายกรุงศรีอยุธยามาจนถึงปีพ.ศ.2502) เป็นที่มาของสำนวน “ลืมชาติ” ก็เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งอันเดียวอย่างกลมเกลียวกับประชาชาติไทยทั้งมวล ในบัตรประชาชนทุกคนนั้นต่างมีทั้งสัญชาติและ “เชื้อชาติ” ไทย ดังนั้นเราก็สมควรได้รับการพิจารณาฐานะเป็นไทยอย่างภาคภูมิด้วย

            ทว่าพี่น้องร่วมชาติของเราจำนวนไม่น้อยก็ยังเห็นคนอีสานเป็นพลเมืองชั้นสองของประเทศนี้ สิ่งที่คนอีสานคิด ทำ ตัดสินใจหากไม่น่าขบขันชวนตลก ก็ดูโง่ ไร้คุณภาพไปเสียทั้งนั้น

            เมื่อคนภูมิภาคนี้เลือกพรรคการเมืองหนึ่งเข้าไปบริหารประเทศ พี่น้องร่วมชาติร่วมแผ่นดินของเราส่วนหนึ่งก็ตราหน้าว่ามาจากคนอีสานเลือก เลยไม่มีคุณภาพมาจากการซื้อเสียง และเมื่อจัดการเลือกตั้งอีกครั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 คนอีสานเลือกพรรคนั้นเข้าไปอีกครั้งก็ถูกตราหน้าเช่นเดิม และไม่เคารพต่อการตัดสินใจของคนอีสาน ตัดสินให้การเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะ และซ้ำร้ายทำการรัฐประหาร 19 กันยาฯ ดังว่าเสียงของคนภูมิภาคนี้ไร้ความหมายใดๆ และจะทำอะไรก็ได้

            ปรากฎการณ์ทำนองนี้คนอีสานเขาเรียกว่า “ตีนช้างเหยียบปากนก” และเมื่อช้างง้างตีนขึ้นไป เปิดโอกาสให้นกได้ส่งเสียงซะบ้างในการลงประชามติ 19 สิงหาฯ มติอันท่วมท้นของคนอีสานด้วยการ “ไม่รับ”นั่นก็เป็นช่องทางเดียวที่นกจะร้องออกมาได้

            เหตุใดเมื่อนกร้องออกมาด้วยเสียงอันแหบพร่าทว่าทรงพลัง ช้างจะหวนมาเหยียบปากนกอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?

            2.ความสืบเนื่องอันมาแต่เศรษฐกิจและวิถีชีวิตของพลเมืองอีสาน-อีสานปรับตัวครั้งใหญ่หลังแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ เมื่อปีพ.ศ.2504 คนอีสานจากเดิมผลิตแบบยังชีพพออยู่พอกินพอเพียง มาเป็นการผลิตพืชผลการเกษตรเชิงเดี่ยวเพื่อส่งขายโรงมันฯ โรงปอ โรงอ้อยแล้วส่งออกไปยังสหภาพยุโรป แต่โครงสร้างพื้นฐานนั้นกลับไม่เอื้อ ต้องขนข้าว ขนปอใส่เกวียนมาขายในเมือง

            ดังนั้นเมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แห่งพรรคกิจสังคม มีนโยบาย “เงินผัน ประกันราคาพืชผล”สร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนนคึกฤทธิ์ บ่อน้ำคึกฤทธิ์ อะไรๆ ก็คึกฤทธิ์ ก็เป็นธรรมดาว่าต้องเป็นพรรคขวัญใจคนอีสานในพ.ศ.นั้น เพราะทำให้เรามีถนนหนทางขนพืชผลการเกษตรออกไปขายสะดวก อ้อยจะได้ไม่แห้งกรอบจนน้ำหนักฮวบฮาบขายไม่ได้ราคา ปอจะได้ไม่แห้งจนน้ำหนักหายไปครึ่งต่อครึ่งเมื่อถึงโรงงานรับซื้อพืชผล ฯลฯ

            ก็ดังนั้นเมื่อพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จัดตั้งพรรคความหวังใหม่บอกว่าจะทำให้อีสานเขียว นายประจวบ ไชยสาส์น บอกว่าจะผันน้ำโขงมาลงโขง-ชี-มูล พวกเราจึงเทเสียงให้ เพราะน้ำใช้ในการเกษตรของเราจำเป็นต่อพืชผลการเกษตรที่ต้องส่งไปขาย (ขายเพื่อมีเงินมากินมาใช้ มาส่งลูกไปเรียนหนังสือในเมือง จะได้ไม่โง่ ไม่จน ไม่เจ็บ ไม่ถูกดูหมิ่นถิ่นแคลน) คนอีสานก็ต้องเลือกพรรคการเมืองเหล่านี้

            คนอีสานเป็นภูมิภาคที่ยากจน (พรรคไทยรักไทยของอดีตนายกฯ ทักษิณก็บอกว่าถ้าเช่นนั้นจะตั้งกองทุนให้หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท), เจ็บ (พรรคไทยรักไทยออกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค),โง่ (พรรคไทยรักไทยมีนโยบาย 1 โรงเรียน 1 อำเภอ และให้ทุนหวยใต้ดินไปเรียนเมืองนอก) สิ่งเหล่านี้ไม่เฉพาะพรรคไทยรักไทย หรือทักษิณ ขอให้เป็นพรรคไหนก็ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังได้ หรือพรรครักชาติก็ไม่ว่า หากตอบสนองความต้องการที่แท้จริง คนอีสานก็พร้อมเทคะแนนเสียงให้

            มันไม่ใช่เรื่องเงิน 50 บาท 200 บาทฟาดหัวกัน แล้วคนอีสานที่ “โง่-จน-เจ็บ”ก็ไปเลือก หย่อนบัตรไป 4 วินาทีไว้เจอกันใหม่อีก 4 ปีข้างหน้า

            ก็ดังนั้นเองคือการตัดสินใจเลือกของคนอีสานล้วนผูกพันกับวิถีการผลิต วิถิเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตภายใต้ระบบเศรษฐกิจการตลาดสมัยใหม่

            ทำไมพี่น้องร่วมชาติของเราจึงละเลยผ่านข้ามความจริงข้อใหญ่เช่นนี้ และดูหมิ่นถิ่นแคลนว่าคนอีสานเป็นทาสน้ำเงินไม่กี่บาท...น่าอนาถใจแท้ๆ

            3.ผู้แทนคนจน ผู้แทนในอุดมคติของชนชาวอีสานหน้าตาเป็นเช่นใด

            ด้วยมายาคติที่ดูหมิ่นถิ่นแคลนทำให้จินตนาการนั้นผิดพลาดบกพร่องมองเห็นแต่ “โรคร้อยเอ็ด”ภาพของคนอีสานพากันขายเสียง 200 ซื้อเหล้าขาวได้ไม่กี่ขวด ซื้อยาทัมใจไม่กี่ซอง...

            คนอีสานนั้นเลือกผู้แทนของเราแบบที่เป็นขวัญใจของเราในฐานะผู้แทนในอุดมคตินั้นมากต่อมาก

            -สมัยเมื่อแรกประชาธิปไตยไม่นาน คนอย่างนายเตียง ศิริขันธ์ ผู้ได้ชื่อเป็นขุนพลภูพานในการสร้างขบวนการเสรีไทยสายอีสานต่อต้านญี่ปุ่นผู้รุกราน, นายจำลอง ดาวเรือง , นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ,นายถวิล อุดล หรือนายครอง จันดาวงศ์ คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้รักชาติรักประชาชน และถูกสังหารโหดในยุคมืดเผด็จการครองเมือง

            -คนที่เป็นนักอุดมคติอย่างนายแคล้ว นรปติ นายทองปักษ์ เพียงเกษ นายทองใบ ทองเปาว์ พันเอกสมคิด ศรีสังคม เหล่านี้ย่อมไม่ใช่นักอุดมคติที่รักชาติรักประชาธิปไตย ผ่านคุกตะรางเผด็จการมาดอกหรือ คนอีสานเลือกบางท่านตั้งแต่หนุ่มยันชรา บางท่านทำหน้าที่ถึงวันสุดท้ายของชีวิต คนเหล่านี้เคยซื้อเสียงดอกหรือ แค่คนอีสานรู้ว่าลงเลือกตั้ง นอกจากจะเทเสียงให้ท่วมท้นแล้วยังช่วยเป็นหัวคะแนนอาสาสมัครให้อีกด้วย ก็ย่อมไม่ต่างจากคนใต้ชื่นชมในอุดมการณ์ของชวน หลีกภัยแม้แต่กระผีก....เงิน100-200 เท่านั้นเองหรือที่เป็นเหตุผลให้คนอีสานโหวตเลือกใคร??!

            -แม้กระทั่งปัจจุบัน คนที่ไม่ได้มีเงินมีทองอะไรเลยก็เป็นผู้แทนของคนอีสานตั้งมากตั้งมาย และผู้แทนหมาหลงแบบสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ หรือพงส์ สารสินก็เคยไปแพ้ยับเยินในสนามเลือกตั้งอีสานมาแล้ว

            4.คนอีสานในฐานะส่วนหนึ่งของประชาชาติไทย และในฐานะพลเมืองที่มีศักดิ์ศรี-ผมไม่ได้คิดไปอย่างอื่นกว่านี้เลย ก็ในเมื่อคนอีสานทั้งภูมิภาค ไม่มีใครแล้วที่คิดว่าตนเป็นเชื้อชาติอื่น หรือไม่เคยทวงถามด้วยซ้ำไปว่าจากกรุงสุโขทัย สู่อยุธยา มารัตนโกสินทร์นั้น ประวัติศาสตร์ของพวกเรา “หายไปไหน?” ทำไมจู่ๆ มาโผล่ขึ้นแบบลอยๆ ราวกับว่าบ้านเชียงอันยืนยาวราว 5,000 ปีนั้น ไร้พัฒนาการที่สืบเนื่อง...

            ชาวอีสานประกาศตนอย่างเต็มภาคภูมิว่าเราคือไทย และสามัคคีกลมเกลียวอย่างเหนียวแน่นกับความเป็นไทย ไม่คิดจะแยกชาติแยกแผ่นดิน แต่พี่น้องร่วมชาติที่รักพร้อมจะยอมรับหรือยังในสิ่งที่เราเป็นอยู่ เป็นมา และอยากจะเป็น และเคารพต่อการตัดสินใจของพวกเราว่าล้วนมีบริบทความเป็นมาอันสมเหตุสมผลทุกประการ และสิ่งที่คนอีสานได้ตัดสินใจลงประชามติไปนั้นเป็นความภาคภูมิใจที่คนอีสานได้ตัดสินใจลงไปเช่นนั้น

            ในเมื่อ “ตีนช้างเหยียบปากนก”เราก็จะไม่ร้อง แต่หากตีนช้างง้างขึ้น เราก็จะร่ำร้อง แม้เสียงนั้นจะแหบพร่า และนำพาซึ่งการเย้ยหยัน

            อีสานก็ยังพร้อมที่จะสงบเสงี่ยมในฐานะพลเมืองของประเทศนี้ แต่เป็นความสงบเสงี่ยมที่มีศักดิ์ศรีเกียรติยศ และพร้อมจะเดินหน้าไปสู่การพัฒนาประเทศร่วมกับประชาชาติไทยทุกภาคส่วน ด้วยการเคารพต่อการตัดสินใจของคนไทยทุกๆ คน ทุกภูมิภาคว่าล้วนมีเหตุมีผลมีความเป็นมา โดยเราจะไม่มองหรือตัดสินด้วยอคติอันฉาบฉวย

            แต่หากผู้ทรงอำนาจ และประชาชาติไทยไม่ต้องการเช่นนั้น เราก็พร้อมจะให้ท่านเป็นช้างเหยียบปากนกต่อไป โดยไร้การทัดทาน ไร้การต่อต้าน ไร้การทวงถามความเป็นธรรมใดๆ เพราะตลอดประวัติศาสตร์ของเรานั้น คนอีสานเป็นนกที่ถูกช้างสารเหยียบปากมาอย่างยาวนานและชินชาเสียแล้ว

 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 07-03-2008, 17:24
 เอามาฝากป๋าฯ...


 เพราะว่าน่ากลัวป๋าฯจะไม่ได้อ่าน... :slime_whistle:

อ้างถึง

 'ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์’ ตกงานนาน1ปี ฐานให้ข้อมูลมั่ว  (อ่าน 173 ครั้ง)


Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****

โพสต์ทูเดย์ — ก.ล.ต. เชือด “ณัฏฐ์  รุ่งวงษ์” แล้ว สั่งภาคทัณฑ์การปฏิบัติงาน เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน 1 ปี ข้อหาให้ คำแนะนำมั่ว
         
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้ภาคทัณฑ์การปฏิบัติงานเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนายณัฏฐ์ รุ่งวงษ์ เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2549 เนื่องจากกระทำผิด มาตรฐานการปฏิบัติงานการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์
         
ท ั้งนี้ นายณัฏฐ์ ได้ให้คำแนะนำผ่านทางเว็บไซต์แห่งหนึ่งในลักษณะใช้ข่าวลือหรือ ข้อมูลที่เป็นข่าวที่ปราศจากหลักฐานการ ยืนยันมาประกอบการให้คำแนะนำ เช่น ข่าวที่ระบุว่ามีผู้ลงทุนรายใหญ่เข้ามาซื้อหุ้นตัวนี้ มีกองทุนต่างชาติไล่ซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก หรือข่าวที่อ้างแหล่งที่มาจากผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนว่าจะมีการจ่ายเงิ นปันผลสูง เป็นต้น
         
การกระทำดังกล่าวของนายณัฏฐ์ ถือว่าให้คำแนะนำโดยไม่มีเอกสารสนับสนุนที่ใช้อ้างอิงได้ และเผยแพร่หรือบอกต่อข่าวลือ หรือให้ข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นที่ยังไม่ได้รับการยืนยันความถูกต้ องจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติงานโดยใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิ ชาชีพ และกระทำผิดมาตรฐานการปฏิบัติงานที่กำหนดตามประกาศ ก.ล.ต.
         
สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ตรวจสอบการทำงานของนายณัฏฐ์ หรือเดิมชื่อนายณัฐวุฒิ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุนต้นธารคอร์ปอเรชั่นมานานแล้ว เพราะเป็นแหล่งกระพือข่าวลือ และชี้นำราคาหุ้นมาหลายครั้งเนื่องจากมีช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลหลากหลาย ทั้งการส่งข้อมูลผ่านเพจเจอร์ให้แก่สมาชิกระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แถมยังให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์และจัดสัมมนาบ่อยครั้ง รวมถึงการออกทีวีหลายช่องด้วย--จบ-

http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2006/02/I4102562/I4102562.html

มาตัดแปะ 


///

มายาคติหลังประชามติ: คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนอีสานโง่ คนกรุงเห็นแก่ตัว คนไทยขี้เกียจ!? (http://www.prachatai.com/ireport/view.php?id=65)
รายงานโดย: ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ อุปนายกสมาคมชาวอีสาน

คุ้นๆ กันไหมชาวเสรีไทย :slime_v:



http://forum.serithai.net/index.php?topic=22630.0



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อมพระมาพูด ที่ 07-03-2008, 18:18
อามิตาพุทธ อ่านเสร็จ อาตมา เอ๊ย กระพ้มตาลายไปหมด เลือดสาดเจงๆ กระทู้นี้ เห็นได้ว่าการเสี้ยมให้แตกแยกแตกต่างทางภูมิภาคย่อมได้ผลตามที่พวกมันต้องการแล้วคือ แบ่งแยกและปกครอง ทำไมเราถึงไปตกหลุมพลางนี้ ? :slime_worship:

พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนว่า บัวมี 4 เหล่า พ้นน้ำ ปริ่มน้ำ ใต้น้ำ และในโคลนตม ฉันใดฉันนั้น ผมว่าประชาชนทุกภาค ไม่เว้น กทม.มีคนประเภททั้งสี่ปะปนอยู่ บางส่วนพ้นน้ำแล้วเข้าใจเห็นแจ้งสัจธรรมที่เป็นอยู่ของเหล่านักการเมืองขี้ฉ้อ สามารถที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ แต่บางส่วนและอาจจะเป็นส่วนที่คคห.ด้านบนๆ กำลังอ้างอิง ยังอยู่ใต้น้ำ และในโคลนตม ทำอย่างไรถึงจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นให้เข้าใจ !!!! (ยกเว้นอะไรจ๊ะ ที่เป็นบัวเต่าผุย แก้ยากเพราะเป็นนิสัยถาวรไปแล้ว)

ความด้อยโอกาส และการตื่นตัวในการเข้าถึงข้อมูล ทัศนคติ ค่านิยมที่ผิดๆตามที่ถกเถียงกัน ยังมีอยู่ในภาคอิสาน ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนแปลง ? คงต้องอาศัยปราชญ์ชาวบ้าน ผลิตปราชญ์ชาวบ้านจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติการดำรงชีวิต เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่เข้ามาทดแทน ใช้เวลานานแน่นอน เหล่าเสี่ยวอิสานน่าจะเริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ได้แล้ว รุ่นปัจจุบันคงเปลี่ยนแปลงลำบาก เพราะเป็นวิถีชีวิตของเขาแล้ว

ผมฟังข่าวที่พ่อชาวบุรีรัมย์ ถึงกับแขวนคอฆ่าตัว เพียงเพื่อต้องการจัดงานบวชลูกชาย ซึ่งต้องใช้เงินถึงสามหมื่นบาท แล้วบังเอิญให้เงินเพื่อนบ้านยืม ไม่ได้คืน เลยฆ่าตัวเพื่อเอาเงินฌาปนกิจ จาก ธกส. มาจัดงาน !! ผมสลดใจ...บุญคงไปไม่ถึงแน่นอน... นี่คือตัวอย่างของความเชื่อที่ผิดๆ !!! ไม่รู้จะแก้ได้หรือเปล่า ?  :slime_hmm:
 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 07-03-2008, 18:29
  ยอมรับนะฮะว่าไม่ได้อ่านมันทุกตัวอักษรในกระทู้หรอก  มีแค่บางประเด็นที่ผมสนใจ

----- ปู่เย็น -----------
ผมเข้าใจ "ที่มาของความคิด" ของลุง Can ละ
ว่ามาจาก "รัฐศาสตร์" แบบเกือบจะเพียว ๆ
คือ "การได้มาซึ่งอำนาจและการใช้อำนาจรัฐ"

ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นหลักการที่ถูกต้องยืนยงหรือเปล่า
เพราะเท่าที่เหนก็คือ  แทบไม่มีอะไรที่จะใช้รับประกันได้ว่า "ผู้แสวงหาอำนาจรัฐ" และ "ผู้มอบอำนาจรัฐ" นั้น
จะช่วยกันผดุงรักษาสิ่งที่เรียกว่า "ธรรม" ไว้ในสังคมมนุษย์หรือเปล่า

----------------------------

----- ลุงแคน (ขอพูดถึงลุงคนเดียวแล้วกัน เพราะมีประเด็นที่ผมสนใจ ---------------
รัฐจะเข้มแข็ง ประชาชนต้องเข้มแข็ง   ประมาณนี้นะ
-----------------------------------------

ตรงนี้มันมี gap ระหว่างสองแนวคิดนี้นะครับ  (อย่าเพิ่งมองไปถึงเรื่องภาษีเลย)

ซึ่งถ้ายังคงยืนยันว่า รัฐ จะอยู่ได้ด้วยแนวคิดการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ 
ตอกย้ำเข้าไปเรื่องเลือกคนที่สร้างผลประโยชน์ให้กับหมู่เรา  (เช่น ใครเลือกผม ผมต้องดูแลก่อน)

แล้ว คุณธรรม มันมีพื้นที่ยืนอยู่ตรงไหนล่ะครับ

ประชาชนรากหญ้าต้องการความเข้มแข็ง  นั่นแปลว่า เราต้องให้ผลประโยชน์กับเค้ามากๆ
จนเมื่อเค้าประคองชีวิตอย่างเข้มแข็งได้แล้ว  ถึงค่อยไปพูดกับเค้าเรื่อง "ผลประโยชน์ส่วนรวม คุณธรรม"

อย่างนั้นหรือครับ????

ปล.  ดูเหมือนว่าไอ้พวกนักกินเมืองปัจจุบัน  มันก็จะมีวิธีเล่นแบบนี้แหละ
เป็นยาแรงที่ได้ผลในการเลือกตั้ง

แล้วในฐานะประชาชน  เราจะขีดเส้นแบ่งตรงไหน เมื่อไหร่ครับ
เราถึงจะลุกขึ้นมาเรียกร้องได้บ้างว่า  หันมาดูผลประโยชน์ส่วนรวมกันบ้างนะ
หรือจะรอให้ส่วนรวมพังพินาศก่อน



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 18:33
ยังกะมาแข่งสำบัดสำนวนชิงแชมเปี้ยนโลก

เจตนาตัวเองยังมองไม่ออก แล้วยังจะมาชี้ทางคนอื่นได้อีก

ในสมองมีแต่อคติโสมม จริตเหยียดหยามด่าทอ

เอาไว้ให้เป็นชนชั้นฟาโรห์ก่อนเถอะ ค่อยมาดูถูกทาส

คนอีสานสองคนในบอร์ดนี้ คงไม่อัปรีย์เนรคุณไปร่วมด่าทอไส้ตัวเองหรอก เพราะคนด่ามันไร้สาระน่ะ

ยิ่งมาเห็นอีกพวกที่มีแต่จริตด่าทอ ใส่ไข่สารพัดมาด่า ยิ่งเพลิดยื่งเพลินซะอีก

แต่งนิทานโลกีย์ผัวทะเลาะกับเมีย เมียหนีไปเอาผัวฝรั่งมาละก็แล้ว

ไม่อารยะเหมือนปากที่สำรอกบอกเป็นคนที่เจริญแล้วเลยจริงๆ

ป๋าเจ้าเก่า วันหลังเขียนเรืองสนุกๆของภาคอื่นๆมาหน่อยสิ
เห็นมันชักลืมกำพืด


อ่อ
อีสานไม่ได้ติด astv ก็อย่าเหมาว่าเขาเข้าไม่ถึงข่าวสารเลยครับ

เขาไม่อยากกาพรรคเทพเฉยๆนี่แหละ เพราะมันก็โกงไม่แพ้กัน แถมดูถูกคนเขาซะด้วย



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 07-03-2008, 18:45
*  ไม่มาตอบ ทู้ แล้ว ..........

    แต่ จะมาถามว่า  .....  จะเถียงกันเอา  ดร.  หรือไงค่ะ   ไอ้เรื่องภาคเนี่ย  !!!

    งั้น  ตี  กันเลย  ....................  ฆ่า   กัน  ให้ตายไปเลยค่ะ   เรา  มา บู๊  ล้างผลาญกันเหอะ  พี่น้อง

    สะใจ  ๆๆๆ   เราประชาชน   ต้อง  มา  ทะเลาะกัน  เพื่อ  นักการเมือง  !!!

    ต้องมาหา  ทิษฏี   ในการคุย  ..........  ไม่งั้น  เด๋ว เค๊า  จะคิดว่า

    ตายแล้ววว   เล่นบอร์ดการเมือง  U  ไม่มีภูมิ  ........

    สุดท้าย !!!  ใครได้อะไรมั่งว่ะ   ไอ้พวกนักการเมืองมันก็หาเรื่อง  แดรก   ต่อไป


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 18:53
ไปเอามาจากไหน ที่บอกว่าผมยอมรับว่าระบบอุปถัมป์มีเฉพาะที่อีสาน

ระบบอุปถัมป์ มันมีมานานในทุกอนูของสังคมไทย ทั่วประเทศ แม้แต่ในกรุงและภาคใต้

~~~~~~~~   



นั่นเป็นเพราะ "ไม่พยายามทำความเข้าใจ" สิ่งที่คนอื่นโพสไว้  เช่นในกระทู้นี้
http://forum.serithai.net/index.php?topic=22985.msg271506#msg271506]

ซึ่งถ้าหาก "รีบเร่งเถียง" ซะจนขาดสติสัมปชัญญะ  ก็จะช่วยอธิบายความให้เข้าใจอีกครั้งหนึ่ง

คำว่า "ระบบอุปถัมป์" กับคำว่า "การจัดสวัสดิการ" นั้นเป็นคนละเรื่อง
ที่ "คนอีสาน" อย่างน้อยก็คนหนึ่งในที่นี้ไม่เข้าใจ

ตัวอย่างเช่น
กรณี 1
ถ้าบริษัทจัดหารถรับส่งพนักงาน  เพื่อให้พนักงานทั้งหมดทั้งมวลสามารถใช้บริการได้
แม้ว่าจะมีใครบางคนเลือกที่จะ "เดินทางด้วยรถส่วนตัว" หรือไม่ใช้รถรับส่งพนักงานนี้ 
แม้ว่าบางวัน - บางเวลา  เช่น  การทำ OT จะทำให้มีที่นั่งว่าง ๆ มากมาย - ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย  แต่บรัษัทก็ยังจัดดำเนินการให้
...แบบนี้เรียก "สวัสดิการ"

กรณี 2
เถ้าแก่ เห็นว่าเลขา ฯ สาวของตนต้องเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียจากการเดินทาง  จึงอาสาทำหน้าที่รับ - ส่งเลขา ฯ นางนั้นเป็นประจำทุกวัน  โดยหากวันใดเถ้าแก่ไม่ว่าง  แกก็จะให้เลขา ฯ นางใช้ใช้บริการจากรถแท้กซี่ แล้วแกจะจ่ายค่าโดยสารให้ทีหลัง 
...แบบนี้เรียก "อุปถัมป์"


การอุปถัมป์นั้น  จะทำให้เกิดสิ่งหนึ่งขึ้น...เรียกว่า "บุญคุณ"
ส่วน "สวัสดิการ" จะเป็นการทำให้ "ข้อตกลง - ข้อสัญญา" ได้รับการปฏิบัติ


กลับไปดู คคห. http://forum.serithai.net/index.php?topic=22985.msg271506#msg271506]

ข้อ 1. ( อุปถัมป์ )
"1.1 การทำให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง ของนักการเมือง"
+
"1.2 การตอบแทนบุญคุณที่ได้รับมาเป็นการส่วนตัว โดยประชาชนในท้องถิ่น"
---------------------- VS ---------------------------
ข้อ 2. ( สวัสดิการ )
"2.1 การใช้อำนาจทางการเมือง ของนักการเมือง ( ส่วนจะดีชั่วอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง )"
+
"2.2 การรักษาไว้ซึ่งสิทธิ สวัสดิการ สวัสดิภาพ และการปกป้องผลประโยชน์ต่าง ๆ ของประชาชน


ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนอีสานมีความเข้าใจอย่างคลาดเคลื่อน 
ในลักษณะ "ถ้ามีใครให้อะไรแก่เรา  ก็ถือเป็นบุญคุณ"
ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็น "ความเข้าใจระดับภูมิภาค" จนสามารถสะท้อนผ่านออกมาทางความคิดของ คนอีสานนายหนึ่ง  ้ที่มักยกย่องตัวเองให้ใครต่อใครเข้าใจว่า ตนเป็นปราชญ์ - ศาสดาทางการเมืองคนหนึ่งในโลกไซเบอร์
...อันดูได้จาก Quote ที่ผมได้นำขึ้นมาประกอบในข้างต้น




1.
เมื่อ คนอีสานเห็นว่าตน "ติดหนี้บุญคุณ" นักการเมือง กลุ่มใด
เขาจึง "ตอบแทนบุญคุณ" ให้บุคคลเหล่านั้น  ด้วยสิ่งที่นักการเมืองเหล่านั้นต้องการ
...วันนี้ "ขอคะแนนเสียง" คนอีสานก็ "ให้คะแนนเสียง"
...วันหน้าขอ "ม็อบ" คนอีสานก็ "ช่วยก่อม็อบ"

ส่วนจะผิด - ถูก หรือไ่ม่ - อย่างไร ?
...ยังไม่ตอบ


2.
เมื่อคนภาคอื่น ( โดยเฉพาะคนใต้...ไอ้พวกทองแดง )  คนกรุงเทพ ฯ  และแม้แต่คนภาคเหนือ ( ทักษิณนิสัยอย่างไร  คนเชียงใหม่และคนภาคเหนือบางส่วนก็นิสัยอย่างนั้นล่ะครับ ) เห็นว่าตน "ได้รับสวัสดิการ" ตามที่ไอ้พวกนักเล่นการเมืองกลุ่มใด "สัญญาว่าจะทำให้" แล้ว
พวกเขาก็ "อยู่เฉย ๆ" หรืออย่างดีก็นึก "ขอบใจนะ ( ไอ้แม้ว, ไอ้เตี้ย, ไอ้ชวน, ฯลฯ )" อยู่ในใจ
...แต่ถ้าไม่ทำ หรือ "เบี้ยว" หรือแม้แต่ "ทำ" แต่ "ออกมาเป็นห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ - ขี้โกงอีกต่างหาก"
...แบบนี้ พวกเขาก็จะออกมาทักท้วง ประนาม ฟ้องร้อง ก่นด่าโคตรพ่อโคตรแม่ จนอาจถึงขั้นก่อม็อบไล่
ทางด้านการตอบแทน "ความสำเร็จ ( ไม่เรียกว่า "บุญคุณ" นะจ๊ะ )" ?
...ถ้าทำได้ตามสัญญา ไม่หมกเม็ด ไม่แอบแฝงเล่ห์กล หรือไม่มีวาระซ่อนเร้นอำพราง 
คนภาคอื่นและคนกรุงเทพ ฯ ก็จะ "พิจารณา" นักการเมืองคนนั้น - กลุ่มนั้น "ก่อน" ถ้าหากมีการจัดการเลือกตั้ง
โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเอา "ผลงาน - ความสำเร็จ ( ลุล่วงของงาน )" นั้นมาเป็นองค์ประกอบเดียวในการตัดสินใจ  เช่น หากพบว่านักการเมืองคนนั้น - กลุ่มนั้น แท้แล้วมีเบื้องหลังเป็นคนชั่ว อาชญากร  หรือกระทำการอันผิดศีลธรรมร้ายแรง  ก็ยินดีที่จะพิจารณานักการเมืองคู่แข่งที่ตนคุ้นชิน - รู้จักรายถัดไป  ขึ้นมาแทน



เมื่อถึงตรงนี้แล้ว...หวังว่าคงเข้าใจความแตกต่างของพฤติกรรมทางการเมือง ระหว่างผู้ที่อยู่ในระบบอุปถัมป์ักับผู้ที่อยู่ในระบบสวัสดิการ บ้างแล้ว




เอาล่ะ  กลับมาตอบคำถามที่ติดค้างไว้
คำถาม : ผิด หรือ ไม่ผิด  ที่ "ตอบแทนบุญคุณ"
คำตอบ : ไม่ผิดที่ตอบแทน  แต่ผิดที่ "สิ่งซึ่งนำไปตอบแทน"

ืคือ นักการเมือง
"นำสิ่งที่เป็นทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิตของคนส่วนรวมทั้งประเทศ  มาแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิตของพวกคุณเฉพาะกลุ่ม"
คุณก็สมควรที่จะตอบยแทนด้วยการ
"นำสิ่งที่เป็นทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิตของพวกคุณ ไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิตของคนส่วนรวมทั้งประเทศ"

หรือ - โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณจะเอา
"ทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิตของคนทั้งประเทศ" ที่คุณถือครองอยู่ไปให้นักการเมืองนั้น...ยิ่งไม่ได้

เพราะนักการเมือง "นำสมบัติของคนอื่น - ของส่วนรวมมาให้คุณ"
เขาไม่ใช่ "เจ้าของสิ่งที่เอามาให้" แต่เขาเป็นเพียง "ทางผ่านของทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิต" เหล่านั้น แค่นั้นเอง


( 2 ) ถามต่อ : แล้วเจ้า "สิ่งที่เป็นทรัพย์ประโยชน์ - ปัจจัยการผลิต "ของพวกคุณ นั้น คืออะไร
( พึมพำ...พวกกรูจนจะตายห่า  มีแต่หำกะกาดอ...จะเอาอะไรให้มันล่ะ ? :mrgreen: )
ตอบ : สิ่งนั้นเรียกว่า
"สิทธิ หน้าที่ ของการเป็นพลเมืองในราชอาณาจักรไทย" ไงล่ะครับ
...ซึ่ง "หน้าที่" ที่ว่านี้ก็คือ "การร่วมกันรักษาและผดุงไว้ซึ่งอธิปไตย และความมั่นคงของรัฐ"
Scope เข้ามาหน่อยก็คือประดาการใช้สิทธิเสรีภาพต่าง ๆ ทางการเมือง  ไม่ว่าจะเป็นการเขียน - ปาฐกถา - ส่ง SMS  รวมไปจนถึง การแสดงออกผ่านทาง "คะแนนเสียงเลือกตั้ง"

...ซึ่งคุณจะเอาสิ่งนี้ไปมอบใส่มือ "คนที่มีบุญคุณกับคุณ" คนไหน ๆ ก็ไม่ได้
...คุณจะเอาของส่วนรวม  โดยเฉพาะสิ่งที่ที่เรียกว่า "วันแมนวันโวต - อำนาจอธิปไตย ซึ่งบุคคลแต่ละรายแบ่งกันรับผิดชอบอย่างเท่าเทียม" ไปแจกจ่ายให้ใคร ๆ ราวกับเป็น "ของของกู" ไม่ได้
...และพวกนักการเมืองเหล่านั้นก็ไม่สมควรได้ 
มันเป็น "คนละเรื่อง"



แต่ ...
ถ้าคุณจำเป็นต้องตอบแทนเพราะเห็นว่าอย่างน้อยเขาก็ "ช่วยวิ่งเต้น" ให้
...สังเกตคำว่าช่วยวิ่งเต้น ( งาน "นายหน้า" ) นะครับ
...และสังเกตนะครับ  ว่า "ผลงานของนายหน้า" นี้  ผมไม่เรียกว่า "บุญคุณ"

เปรียบเทียบ :
หากมีใคร "ช่วยวิ่งเต้น" ให้ลูกชายใจตุ๊ดของคุณไม่ต้องโดนเกณฑ์ทหารจนเป็นผลสำเร็จ
คุณจะยก "เครื่องยนต์ยันมาร์" อันเป็นปัจจัยการผลิตของคุณให้เขาไหม ?
...จะยกลูกสาว อันเป็นแก้วตาดวงใจ ของคุณให้เขาไหม ?
...............รู้สึกว่ามัน "มากไป" ใช่ไหม ?.............

หรือถ้า เขา "หน้าด้านขอ"
คุณก็คงจะต้อง "ต่อรอง" แล้วล่ะ  สำหรับงานนี้
เพราะนั่นเป็นเรื่องของการตอบแทน >>> หนี <<< จากการทำหน้าที่เป็น "นายหน้า ( หรือคนกลาง )" เท่านั้น
..."มันจะเอาอะไรจากกรูหนักหนาวะ  ไอ้นายหน้า !"
( และ "ไอ้สอสอ" ด้วยนะ...อย่าลืมล่ะ  :mozilla_cool:)


หวังว่าคงเข้าใจในความแตกต่างระหว่าง 2 ระบบ
และรับทราบแล้วว่าทำไมคนกรุงเทพ ฯ และคนจังหวัดอื่น ( โดยเฉพาะคนใต้ - ไอ้พวกทองแดง )
จึงไม่เคยเห็นว่า "นักการเมืองมีบุญคุณ" กับตน



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 18:59
ยังกะมาแข่งสำบัดสำนวนชิงแชมเปี้ยนโลก

เจตนาตัวเองยังมองไม่ออก แล้วยังจะมาชี้ทางคนอื่นได้อีก

ในสมองมีแต่อคติโสมม จริตเหยียดหยามด่าทอ

เอาไว้ให้เป็นชนชั้นฟาโรห์ก่อนเถอะ ค่อยมาดูถูกทาส

คนอีสานสองคนในบอร์ดนี้ คงไม่อัปรีย์เนรคุณไปร่วมด่าทอไส้ตัวเองหรอก เพราะคนด่ามันไร้สาระน่ะ

ยิ่งมาเห็นอีกพวกที่มีแต่จริตด่าทอ ใส่ไข่สารพัดมาด่า ยิ่งเพลิดยื่งเพลินซะอีก

แต่งนิทานโลกีย์ผัวทะเลาะกับเมีย เมียหนีไปเอาผัวฝรั่งมาละก็แล้ว

ไม่อารยะเหมือนปากที่สำรอกบอกเป็นคนที่เจริญแล้วเลยจริงๆ

ป๋าเจ้าเก่า วันหลังเขียนเรืองสนุกๆของภาคอื่นๆมาหน่อยสิ
เห็นมันชักลืมกำพืด


อ่อ
อีสานไม่ได้ติด astv ก็อย่าเหมาว่าเขาเข้าไม่ถึงข่าวสารเลยครับ

เขาไม่อยากกาพรรคเทพเฉยๆนี่แหละ เพราะมันก็โกงไม่แพ้กัน แถมดูถูกคนเขาซะด้วย




เล่นเว็บบอร์ดการเมืองก็ต้องยอมสกปรกเลอะเทอะบ้าง
ไม่งั้นไม่มันส์

แล้วผมก็ถามลุง Can ก่อนแล้วว่าเอาจริงเหรอ...จะซดหมัดกับผมจริงเหรอ
ซึ่งแกก็ท้าทายกลับ
...ถูกใจ...ชอบอ้ะ  :wink:


คุณดาร์ธ เวเดอร์ อาจจะรู้สึกเป็นเรื่องแปลกใหม่ ( แต่ไม่ชิ่นชม ) สำหรับลีลาสำนวนของผม
อาจจะไม่ได้ศึกษากำพืด - สันดานของผมว่า ผมแสดงตัวเช่นไรในเว็บบอร์ดนี้ มาตั้งแต่ต้น
จึงอาจจะเกิดอาการ "ช็อค" แล้วพึมพำอยู่ในใจว่า "กรูโป้งมรึงละ"  :slime_mad:


ฝากไว้...
"การเมืองก็เหมือนกับการทำไร่นั่นล่ะ  หากจะทำให้ได้ดี  ก็ต้องยอมสกปรก"
( คำพูดของ จ็อค  อีวิ่ง จากเรื่องเจ้าพ่อดัลลัส : หนังซีรี่ส์อเมริกัน )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 07-03-2008, 19:35
ยังกะมาแข่งสำบัดสำนวนชิงแชมเปี้ยนโลก

เจตนาตัวเองยังมองไม่ออก แล้วยังจะมาชี้ทางคนอื่นได้อีก

ในสมองมีแต่อคติโสมม จริตเหยียดหยามด่าทอ

เห็นด้วยอยู่แค่นี้แหละ

เอาไว้ให้เป็นชนชั้นฟาโรห์ก่อนเถอะ ค่อยมาดูถูกทาส

คนอีสานสองคนในบอร์ดนี้ คงไม่อัปรีย์เนรคุณไปร่วมด่าทอไส้ตัวเองหรอก เพราะคนด่ามันไร้สาระน่ะ

ถ้าไม่ใช่คนอีสานรู้ไปถึงขดไส้ของคนอีสานคงด่าได้ไม่เต็มปากแบบนี้หรอก

ยิ่งมาเห็นอีกพวกที่มีแต่จริตด่าทอ ใส่ไข่สารพัดมาด่า ยิ่งเพลิดยื่งเพลินซะอีก

แต่งนิทานโลกีย์ผัวทะเลาะกับเมีย เมียหนีไปเอาผัวฝรั่งมาละก็แล้ว

ไม่อารยะเหมือนปากที่สำรอกบอกเป็นคนที่เจริญแล้วเลยจริงๆ

ป๋าเจ้าเก่า วันหลังเขียนเรืองสนุกๆของภาคอื่นๆมาหน่อยสิว่า


อ่อ
อีสานไม่ได้ติด astv ก็อย่าเหมาว่าเขาเข้าไม่ถึงข่าวสารเลยครับ

อีสานติด ASTV เยอะครับ เผลอๆเยอะกว่า PTV ซะด้วยซ้ำ แต่คนนอกนั้นคงไม่ต้องบอกก็รู้มั๊งว่าเขาดูอะไร

เขาไม่อยากกาพรรคเทพเฉยๆนี่แหละ เพราะมันก็โกงไม่แพ้กัน แถมดูถูกคนเขาซะด้วย



คนที่ไม่ยอมรับความจริงไม่รู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี  ย่อมไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรแก้ไข
คนเหล่านั้นย่อมไม่สามารถพัฒนาได้
แล้วจะไปโทษใคร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 07-03-2008, 19:40
ผมขอย้ำคำถามนี้อีกทีนะครับว่า...


ถ้าพลพรรคทักษิณ/ทรท/พปช เพียงแค่ดำเนินนโยบายประชานิยม เศรษฐีใจดี เอาเงินภาษีที่เป็นกองกลางของประเทศไปแจกจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อเอาใจเสียงส่วนใหญ่ชาวรากหญ้าอย่างเดียว

โดยไม่ได้มีพฤติกรรมการแสวงหาอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือประเทศชาติและสังคม ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจที่คุกคาม บีบคั้นต่อ "ชนกลุ่มน้อย" ทั้งหลายที่ไม่ใช่พวกตนด้วยแล้ว...

พวกเขาจะถูกต่อต้านจากคนกรุง คนใต้ ชนชั้นกลาง ฯลฯ อย่างรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ถึงทุกวันนี้หรือไม่? และสังคมประเทศชาติจะดำเนินมาถึงจุดที่แตกแยก เกลียดชังกันขนาดนี้หรือไม่??



ผมว่าถ้าหาคำตอบให้คำถามนี้ได้ เราน่าจะพอจับทางกันได้มากขึ้น ว่าที่จริงแล้วมันประเด็นอะไรกันแน่?? ที่ทำให้ชาวรากหญ้ากับชนชั้นกลาง ชาวอีสาน+เหนือ กับชาวกรุง+ใต้ ต้องมาตีกันแทบเป็นแทบตายอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 19:48
กลัวแล้ว...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 19:49
ผมขอย้ำคำถามนี้อีกทีนะครับว่า...

ผมว่าถ้าหาคำตอบให้คำถามนี้ได้ เราน่าจะพอจับทางกันได้มากขึ้น ว่าที่จริงแล้วมันประเด็นอะไรกันแน่?? ที่ทำให้ชาวรากหญ้ากับชนชั้นกลาง ชาวอีสาน+เหนือ กับชาวกรุง+ใต้ ต้องมาตีกันแทบเป็นแทบตายอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้





คงหาคนรับผิดชอบทำหน้้าที่ตอบคำถามนี้ยาก
เพราะทุกคนในกระทู้นี้ "เกลียดไอ้แม้ว" หมด
ถ้าตอบเลี่ยง - ตอบแถ  ประโยชน์ก็จะตกแก่ไอ้แม้ว
ถ้าตอบตรง - ตอบลุย  พวกเดียวกันก็บอกอู่ในใจว่า "เออ...นั่นล่ะ"
 :slime_p:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 19:52
กลัวแล้ว...

เอาน่า...เอ้า แต่  แต่  แต่
นิ่งเตะ ๆ

ถ้าใครกล้าจัด Meetings คราวหน้าแล้วคุณดาร์ธกล้าไป
...ผมจะส่ง Stripper ไปให้คุณเป็นการเฉพาะสัก 2 คน








...Stripper จากบาร์เกย์ นะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 19:58
เอาน่า...เอ้า แต่  แต่  แต่
นิ่งเตะ ๆ

ถ้าใครกล้าจัด Meetings คราวหน้าแล้วคุณดาร์ธกล้าไป
...ผมจะส่ง Stripper ไปให้คุณเป็นการเฉพาะสัก 2 คน








...Stripper จากบาร์เกย์ นะ

เออ คนเรานี่ก็ประหลาด อุตส่าห์ยอมความ ขี้เกียจเถียง ก็ไม่ยอมสินะ
ว่าต่อไปครับปู่เย็น

จะทุบผมก็ได้ครับ ถ้าผมไปมีตติ้งครั้งหน้า  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Cylonn ที่ 07-03-2008, 19:59
*  ไม่มาตอบ ทู้ แล้ว ..........

    แต่ จะมาถามว่า  .....  จะเถียงกันเอา  ดร.  หรือไงค่ะ   ไอ้เรื่องภาคเนี่ย  !!!

    งั้น  ตี  กันเลย  ....................  ฆ่า   กัน  ให้ตายไปเลยค่ะ   เรา  มา บู๊  ล้างผลาญกันเหอะ  พี่น้อง

    สะใจ  ๆๆๆ   เราประชาชน   ต้อง  มา  ทะเลาะกัน  เพื่อ  นักการเมือง  !!!

    ต้องมาหา  ทิษฏี   ในการคุย  ..........  ไม่งั้น  เด๋ว เค๊า  จะคิดว่า

    ตายแล้ววว   เล่นบอร์ดการเมือง  U  ไม่มีภูมิ  ........

    สุดท้าย !!!  ใครได้อะไรมั่งว่ะ   ไอ้พวกนักการเมืองมันก็หาเรื่อง  แดรก   ต่อไป

5555555  ไม่มีใครฟังหน้ามืดกันหมด


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 20:03
เออ คนเรานี่ก็ประหลาด อุตส่าห์ยอมความ ขี้เกียจเถียง ก็ไม่ยอมสินะ
ว่าต่อไปครับปู่เย็น

จะทุบผมก็ได้ครับ ถ้าผมไปมีตติ้งครั้งหน้า  :slime_bigsmile:

Stripper จากบาร์เกย์ตั้งใจเตรียมไว้ให้อีจ๊ะ
ส่วนหนุ่ม ๆ อาจแจกคูองส่วนลด 20% ที่เจ้าสมุทรหรือฟาร์มแมว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 20:08
ขอกราบครับ

 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 07-03-2008, 20:13
ขอบคุณปู่เย็นที่เอา striper บาร์เกย์มาฝากผม 2 คนนะครับ

แต่ผมขอแบบนี้ดีกว่าครับ
(http://photos1.hi5.com/0010/735/651/CoJPur735651-02.jpg)


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 21:23
รถใต้ดิน รถไฟฟ้า  ทางด่วน
"เป็นสวัสดิการของคนส่วนรวมทั้งสังคม"
ที่ใคร ๆ ก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน
โดยผู้ที่จะเอาประโยชน์นั้นต้อง "จ่ายเงินให้รัฐ"

ไม่ใช่ ธกส.  สปก.  สค.1  นส.3  บ้านมั่นคง  ประกันราคาพื้ชผล
ที่เป็น "ประโยชน์เฉพาะตัว"
ซึ่งรัฐจะต้องเอาทรัพย์สิน - ปัจจัยการผลิตของคนทั้งแผ่นดิน ไปจ่ายให้

แต้มต่อ


สิ่งที่ผมทวงถาม  เมื่อเห็นกระทู้้นี้ ก็คือ
 
"มันยุติธรรมไหมที่จะต้องมาเอาอะไร ๆ ไปจากคนกรุงเทพ ฯ 
เสร็จแล้วยังต้องให้คนกรุงเทพ ฯ แสดงอาการสำนึกบุญคุณ + แสดงอาการละอายใจ
ต่อ "ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคพลังประชาชน"
ซึ่งชี้บ่งได้ว่าเป็นคนอีสานและพวก "รากหญ้า"



เมื่อคุณอ้างว่าพวกคุณยากจน - การศึกษาน้อย เพราะ "เข้าไม่ถึง" ซึ่งโอกาส
แล้วคนกรุงเทพ ฯ ผิดตรงไหนที่เรา "มีการศึกษา" และ อยู่ในพื้นที่ซึงสะดวกกว่าในการเข้าถึง "โอกาส"


เดิมทีแล้วคนกรุงเทพ ฯ ก็คือผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ที่มักจะเป็นห้องแถวขนาดไม่เกิน 60 ตารางเมตร
...พ่อแม่เราต้องจ่ายเงิน "ค่าที่พักอาศัย" โดยไม่ได้รับสวัสดิการใด ๆ จากรัฐ

พ่อแม่เราไม่มีอะไรเลย
...ไม่มีบ้าน
...ไม่มีที่ดินทำกิน
...การศึกษาก็ไ่ม่ได้สูงไปกว่า ม.3 หรืออย่างดีก็ ม.8
เป็น "คนกรุงเทพฯ" ที่ต้องปากกัดตีนถีบ อดทนทำงานเพื่อส่งให้ลูก ๆ ได้รับการศึกษา
...ซึ่งเป็็นสมบัติอย่างเดียวที่พ่อแม่เราสามารถทิ้งไว้ให้เราได้

พอพวกเราเติบโต - เรียนจบ - ทำงาน  ครอบครัวเราจึงพอจะ "มีโอกาสได้พักหายใจหายคอบ้าง" เป็นครั้งคราว  ไม่ต้องวิตกกังวลว่าวันใดจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ วันใดจะต้องกินเกี้ยมฉ่ายกระป๋องตลอด 3 มื้อ
...เรากู้เงิน ซื้อบ้าน - ดาวน์รถ  ที่กว่าจะผ่อนหมด  ก็ต้องใช้เวลาทั้งค่อนชีวิตที่เหลือ หรืออาจจะผ่อนไม่หมดในรุ่นชีวิตของเราก็เป็นได้

^^^ นี่อ้ะนะ  คือสภาพของคนที่จะต้องมีหน้าทีอุดหนุนเจือจาน :slime_shy:


แล้วกลับไปดู "คนอีสาน" ซิ
ก่อนหน้านี้  มีที่ดิน - ที่นา  บางครอบครัวมีเป็นร้อยไร่  ที่จนหน่อยก็มีหลักสิบไร่
แล้วไปทำอย่างไรเข้าล่ะที่ทำให้ที่ดิน - ที่นานั้นหายไปหมดหรือเปลี่ยนมือไปหมด ?
หมดไม่เป็นไร  บุกรุกเข้าป่า  ไปหักร้างถางพง
...รัฐก็ตามไป "ออกหนังสือทำกิน  สค.1 สปก. ฯลฯ"
จนวันดีคืนดีก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็น "โฉนด" ที่สามารถเอาไปขายได้อีก !
...ผลิตพืชผลออกมาแล้วราคาไม่ดี  รัฐก็เข้าไป พยุงราคา จำนำพืชผล ฯ
...จะทำนารอบต่อไปไม่มีเงินก็ "กู้ ธกส."
...ไม่มีปัญญาจ่ายเงินกู้ ธกส. รัฐก็ประกาศ "พักชำระหนี้"
ฯลฯ


โอ้โฮ..."แต้มต่อ" แฮนดิแค็ป เหลือเฟือเลยว่ะ !!
แล้วไงล่ะตอนนี้
1 แมน 1 โวต
1 เสียงเท่ากัน  ไม่ว่าจะเป็นไอ้พวกคนเมืองกรุง หรือคนอีสาน และรากหญ้า


จน "สส.ของพวกคุณ - พรรคการเมืองของพวกคุณ" ได้เป็นรัฐบาล - ได้เป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ
พวกคุณก็หันมาตะคอกใส่คนกรุงเทพว่า

"พวกมรึงได้อะไร ๆ ไปหมดทุกอย่าง  ดังนั้น  มรึงต้องรับผิดชอบสิ...พวกมรึงต้องจ่ายเยอะกว่าสิ...พวกมรึงต้องยอมจำนนสิ ว่าพวกมรึงนั่นล่ะคือเสียงส่วนน้อย !"

1 แมน 1 โวต 
หนึ่งเสียงเท่ากัน 
แต่ฝ่ายหนึ่งแฮนดิแคปล้นหลาม + จำนวนคนล้นเหลือ
...โคตรยุติธรรม !







แถมอีกหน่อย "แต้มต่อเหลือเฟือ" ใครได้แต้มต่อ

ธอส. เอ็กซิมแบ็งค์ ธนาคารพานิชย์ทั้งหมดเป็นเรื่องส่วนรวมเหรอ
หรือว่ากู้ส่วนตัว บริษัทเอกชนใช่มั๊ย ชื่อก็บอกธุรกิจเอกชนแล้วมันส่วนรวมตรงไหน

ประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่

ถามจริงๆ เหอะ เรียนอะไรมาครับ

เดี๋ยวนี้ ธกส. เค้าเปิดให้ SME เข้าไปกู้แล้ว มันเรื่องส่วนตัวส่วนรวมตรงไหน

ใครกู้คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

ภาคธุรกิจ คนมีความรู้มีเงินเดือน ใช้เครดิตกู้เงินมาเสริมสร้างความมั่งมี มากินมาใช้ มาซื้อรถซื้อบ้านมาตลอดที่มีธนาคารในประเทศไทย

ถ้าภาคเกษตรจะมีเครดิตขึ้นมาบ้าง แท็กซี่ แม่ค้าจะมีเครดิตขึ้นมาบ้าง จะตายเลยหรือไง

"หนี้บัตรเครดิต" มีชาวนาไปใช้ด้วยมั๊ย พูดอะไรแบบรู้ครึ่งเดียวเค้าเรียกโง่

ปัจจัยการผลิต รัฐบาลทำเรื่องนโยบายภาษีนำเข้า ปกป้องใคร แก่ภาคไหน มีทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมใช่หรือไม่

ภาคอุตสาหกรรมไม่ใช้ทรัพยากร ไม่ทำลายทรัพยากรของประเทศยังงั้นเหรอ

น้ำเสีย ทำลายทรัพยากรจนผู้คนฆ่ากันตายแถวๆ ประจวบ หรือที่อื่นๆ เพราะโรงงานเหล็ก

ผลประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่

ธนาคารพานิชย์ ปล่อยกู้เอกชนแล้วไม่ใช้หนี้ทำไมไม่พูด

ประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่

"รุกที่ป่า" สร้างรีสอร์ต ชาวนาทำได้มั๊ย

ผลประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่

ใครไปกู้ทำเศรษฐกิจเจ๊งทั้งประเทศปี 40 มันเรื่องส่วนตัวหรือส่วนรวม

ประเทศชาติเจ๊งเพราะพิษเศรษฐกิจ กี่แสนล้าน เกษตรกรเป็นคนทำใช่มั๊ย..

ประโยชน์เฉพาะตัวหรือไม่

"หนี้ครู" ร้องกันโอดโอย พวกมีปัญญาทั้งนั้น ชาวนาทำหนี้ให้เหรอ

รัฐบาลมีมาตรการลงไปช่วย นี่ก็เรื่องส่วนรวมอีกมั๊ย

หนี้เกษตรกรเล็กๆ น้อยๆ เสียหายบางส่วนเค้าช่วยไม่ได้หรือไง

คนกรุงจำพวกนี้นอกจากจะโง่แล้วยังใจดำพูดเอาแต่ได้ สำรากด่าคนนั้นคนนี้ไปวันๆ ไม่สร้างสรรค์อะไรเลย

รัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมทั้งภาคการผลิต อุตสาหกรรม ส่งออก เกษตรกรรบอาจมีนโยบายเฉพาะด้านสำหรับกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เช่น กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจต่างๆ  แยกแยะไปตามสภาพของธุรกิจ

ถ้าความรู้ระนาบนี้ไปเป็นที่ปรึกษาใครเค้าได้ ไม่นึกว่าคนกรุงโง่ขนาดนี้ ความโง่มันไม่ปราณีว่าเป็นคนกรุง คนเรียนหนังสือหรือไม่เรียนหนังสือ

ความรู้ระนาบนี้ไปเดินแถวราชดำเนินควายขวิดไส้ทะลักแน่นอน

เรียนมาเล็กๆ น้อยๆ ทำเป็นผู้วิเศษ รู้ความจริงครึ่งเดียวเหมือนตาบอดคลำช้าง

ถ้าความรู้ แค่นี้ ไปเลี้ยงกวางยังขาดทุนเลยครับ

มันเป็นความโง่เฉพาะตัวจริงๆ

อย่าโชว์โง่อีกเลยครับ คนอีสานอยากฮาก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 22:26
แถมอีกหน่อย

ธอส. เอ็กซิมแบ็งค์ ธนาคารพานิชย์ทั้งหมดเป็นเรื่องส่วนรวมเหรอ
หรือว่ากู้ส่วนตัว บริษัทเอกชนใช่มั๊ย ชื่อก็บอกธุรกิจเอกชนแล้วมันส่วนรวมตรงไหน

ถามจริงๆ เหอะ เรียนอะไรมาครับ

เดี๋ยวนี้ ธกส. เค้าเปิดให้ SME เข้าไปกู้แล้ว มันเรื่องส่วนตัวส่วนรวมตรงไหน

ปัจจัยการผลิต รัฐบาลทำเรื่องนโยบายภาษีนำเข้า ปกป้องใคร แก่ภาคไหน มีทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมใช่หรือไม่

ภาคอุตสาหกรรมไม่ใช้ทรัพยากร ทำลายทรัพยากรของประเทศยังงั้นเหรอ

ธนาคารพานิชย์ ปล่อยกู้เอกชนแล้วไม่ใช้หนี้ทำไมไม่พูด

ใครไปกู้ทำเศรษฐกิจเจ๊งทั้งประเทศปี 40 มันเรื่องส่วนตัวหรือส่วนรวม

ประเทศชาติเจ๊งเพราะพิษเศรษฐกิจ กี่แสนล้าน เกษตรกรเป็นคนทำใช่มั๊ย..

หนี้เกษตรกรเล็กๆ น้อยๆ เสียหายบางส่วนเค้าช่วยไม่ได้หรือไง

รัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมทั้งภาคการผลิต อุตสาหกรรม ส่งออก เกษตรกรรบอาจมีนโยบายเฉพาะด้านสำหรับกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เช่น กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจต่างๆ  แยกแยะไปตามสภาพของธุรกิจ

ถ้าความรู้ระนาบนี้ไปเป็นที่ปรึกษาใครเค้าได้ ไม่นึกว่าคนกรุงโง่ขนาดนี้ ความโง่มันไม่ปราณี คนกรุง คนเรียนหนังสือหรือไม่เรียนหนังสือ

เรียนมาเล็กๆ น้อยๆ ทำเป็นผู้วิเศษ แต่จริงๆ ตาบอดคลำช้าง รู้ความจริงครึ่งเดียวเหมือนตาบอดคลำช้าง

ถ้าความรู้ แค่นี้ ไปเลี้ยงกวางยังขาดทุนครับ

อย่าโชว์โง่อีกเลยครับ คนอีสานอยากฮาก


ใครจะเรียนจบอะไรมามันไม่สำคัญหรอก
แต่ก็ไม่ได้เมาเข้ามาตอบกระทู้  อ้วกจุกอยู่ที่คอ - ออกอาการรากแตกรากแตน
ถ้าอยากจะฮากก็ไปฮากซะก่อน 
แต่อย่าฮากแรงนัก 
เพราะเดี๋ยวสมองที่ไม่ค่อยจะมีอาจทะลักหลุดออกมาด้วย
ศพสมองกลวง ๆ มักจะดูไม่สวย  เพราะเบ้าตาจะยุบเข้าไป


กลับไปดูหน่อย  อย่าเร่งร้อนตอบเพราะกลัวเถียงไม่ทัน
ว่า Quote ที่หยิบยกมานั้น  เป็นบริบทที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องอะไรมาก่อน
ดั้นด้นดิ้นรนว่าคนอื่นโชว์โง่ 
บางทีตัวเองอาจสำแดงง่าว สาวหมัดเป็นวรรคเป็นเวร 
...เสียแรงเปล่า 

ขี้เกียจอธิบายหรือย้อนไปหยิบมาขยายความ
เพราะคนอื่น ๆ เขาเข้าใจหมดแล้ว
...เสียเวลาของคนอื่นเขา

อีกอย่างหนึ่ง 
มันไปไกลเกินว่าเจตนาที่เข้ามาตอบ
และเจตนาที่เข้ามาตอบก็ได้รับข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว
ว่าคนอีสานบางคนมันไม่รับรู้อะไรสักอย่าง
แม้แต่เรื่องที่ - พวกตนได้ก่อไว้นั้นสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่น - ถิ่นอื่น
ก็ไม่สนใจนำพา

ใครจะยกอ้าง "มายาคติ" อย่างไรก็แล้วแต่
มันยากที่จะบอกว่า
"แล้วมึงล่ะ  ไอ้ที่มึงยกมานั้นมึงก็เชื่อด้วยมายาคติเช่นกันว่าคนอื่นเขาเป็นเช่นโน้นเช่นนี้ ใช่หรือไม่ ?"
แต่ไม่ว่าใครจะด่าคนอีสานว่าอย่างไร
ที่แน่ ๆ ก็็คือ ได้เห็นนิสัยของคนอีสานในกระทู้นี้ 1 คน


ถ้าอยากลากกระทู้ออกทะเล - ออกมหาสมุทร
ก็ขอให้ปรึกษากับเจ้ากระทู้ก่อนก็แล้วกัน
คนกรุงเทพ ฯ อาจจะโง่ในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้
แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นคนอีสานจะรับรู้ในสิ่งพื้น ๆ ที่เรียกว่า
"ใจของคนอื่น" เลย


สุดท้าย...
ถามตรง ๆ เหอะ
ไอ้ที่ถาม ๆ มาตั้งเยอะแยะนั่น
มันมีความจำเป็นอะไรต่อการใช้ชีวิตของคนกรุงเทพ ฯ ?
มันเกี่ยวข้องอะไรกับกระทู้นี้หรือ ??
และที่สุดแล้ว มันทำให้ใครต่อใครมีความรู้สึกดีขึ้น ต่อ "คนอีสาน" บ้างไหม ???



มนุษย์ต่างดาวเรียกพ่อแล้วลุง
กลับมา ๆๆ
...กลับมาเอาซูวิเนียร์ไปขายให้เอเลี่ยน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 22:30
ชอบถามว่า "ช่วยเกษตรกรมากมายแล้วทำไมชาวนายังยากจน"

ตอบง่ายๆ ว่า พ่อค้าคนกลาง ผู้ส่งออก ผู้บริโภค เป็นคนตีราคา

เอาเปรียบเกษตรกรมาตลอด เพราะมีอำนาจมากกว่า เสียงดังกว่า

เอาแค่เรื่องหมูแพงแค่นี้ ร้องจะเป็นจะตาย

บริโภคกันตามใจ คิดว่ามีเงินแล้วอยากแหลกอะไรก็จะแหลก

ไข่แพงขึ้นมาหน่อย ร้องโอด ร้องโอย

พืชอาหารสัตว์ในประเทศแพง ก็ไปสั่งนำเข้าของถูกจากต่างประเทศ

กากถั่วเหลืองในประเทศแพง ไม่ยอมแหลกของแพงไปสั่งมาจากนอก

มันสัมปะหลัง พืชอาหารสัตว์ถูกกดราคา ชาวไร่มันทำไปร้องไห้ไป ทำเท่าไหร่ขาดทุน เพื่อให้พวกเรียนสูงแหลกของถูก

ตอนนี้พืชอาหารสัตว์บางตัวเค้าซื้อไปทำพลังงานทดแทน พอจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง ในราคาพืชผล

ก็กลายเป็นว่าทำให้พืชอาหารสัตว์แพง แหลกไม่ลง รัฐบาลต้องมาช่วยพวกเรียนสูง ให้แหลกของถูก

สินค้าเกษตรต้องไม่แพงไม่งั้นพวกเรียนหนังสือเยอะๆ มันจะเดือดร้อน...ไอ้เจ้ทครก..!

หอมกระเทียมไทยมันแพงนัก ก็เปิดให้สินค้าเกษตรต่างประเทศเข้ามาตี เพื่อให้พวกเรียนหนังสือได้แหลกของถูก

สำนึกแบบนี้แหละที่ทำให้เกษตรกรยังจนมาตลอกเวลานับร้อยๆ ปี รู้หรือยัง

หัดแหลกของแพงจากเกษตรกรไทยมั่งสิ เผื่อชาวนาจะได้หายจน

หัดแหลกผลไม้ไทย ให้ราคาสูงขึ้นสิ อย่าไปแหลกแต่ผลไม้นอก

มันเรื่องของความเห็นแก่ตัวของคนที่เรียนสูงๆ เรียนมาเพื่อกอบโกยส่วนตัว มองคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเป็นคนโง่

ก็พวกครูเก่งๆ ก็วิ่งเข้ากรุง หารายได้สอนพิเศษ เพราะทนกับรายได้ไม่คุ้มรายจ่าย เหลือแต่ครูที่มีหนี้ คอยหนีเจ้าหนี้ไม่เป็นอันสอน

แล้วลูกชาวไร่ชาวนาที่มีครู 2 คน สอนแม่ง 6 ชั้นเรียนมันจะได้คุณภาพมาจากไหน

พวกที่บอกเรียนเก่งๆ ในกรุง ลองส่งมาเรียนบ้านโคกอีแร้งดูสิ แค่ 5-6 ปี แล้วมาวัดกัน

ถามจริงๆ เถอะ ทรัพยากรของประเทศมันปรนเปรอคนกลุ่มไหนมากกว่ากัน ช่วยตอบหน่อย

ตอบแบบกวางๆ ก็ได้นะ เผื่อแท็กซี่จะมีคำตอบให้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 22:39
สันดานแบมือขอ ไม่ใช่สันดานชาวนาหรอก

เค้าอยู่ของเค้าเจียมเนื้อเจียมตัวกันมานาน

แต่สันดานแบมือขอ มันเป็นสันดานคนกรุง พอมีอำนาจทางเศรษฐกิจ ก็บีบรัฐบาลให้ช่วยเหลือทุกด้าน

มันเป็นสันดานเห็นแก่ตัวของคนชั้นกลางกับชนชั้นสูง ที่คนน้อยเสียงดังนี่แหละ

แหม แหลกหมูแพงเข้าหน่อยจะเป็นจะตาย

พืชอาหารสัตว์ในประเทศจะแพงขึ้นหน่อย พวกเรียนสูงก็เปิดให้ซื้อพืชอาหารสัตว์จากต่างประเทศมากดดัน

ไม่ให้ไก่แพง หมูแพง กลัวพวกเรียนสูงเดือดร้อน

ราคาพืชอาหารสัตว์ในประเทศก็เบ่งราคาพอให้ได้เห็นน้ำเห็นเนื้อไม่ได้

แล้วยังงี้ฝ่ายภาคเกษตรมันจะอยู่ได้ยังไง ทำไมชาวนายังยากจน คำตอบวางอยู่ตรงหน้า

ใช้สมองส่วนเอื้ออาทรคิดหน่อยครับ

อย่าเที่ยวแบมือขอลดราคาหมูเลยครับ...

สันดานแบบนี้เลิกซะที


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 22:47
ชอบถามว่า "ช่วยเกษตรกรมากมายแล้วทำไมชาวนายังยากจน"

ตอบง่ายๆ ว่า พ่อค้าคนกลาง ผู้ส่งออก ผู้บริโภค เป็นคนตีราคา

เอาเปรียบเกษตรกรมาตลอด

เอาแค่เรื่องหมูแพงแค่นี้ ร้องจะเป็นจะตาย

บริโภคกันตามใจ คิดว่ามีเงินแล้วอยากแหลกอะไรก็จะแหลก

ไข่แพงขึ้นมาหน่อย ร้องโอด ร้องโอย

สินค้าเกษตรต้องไม่แพงไม่งั้นพวกเรียนหนังสือเยอะๆ มันจะเดือดร้อน

หอมกระเทียมไทยมันแพงนัก ก็เปิดให้สินค้าเกษตรต่างประเทศเข้ามาตี เพื่อให้พวกเรียนหนังสือได้แหลกของถูก

สำนึกแบบนี้แหละที่ทำให้เกษตรกรยังจน รู้หรือยัง

มันเรื่องของความเห็นแก่ตัวของคนที่เรียนสูงๆ เรียนมาเพื่อกอบโกยส่วนตัว มองคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเป็นคนโง่

ถามจริงๆ เถอะ ทรัพยากรของประเทศมันปรนเปรอคนกลุ่มไหนมากกว่ากัน ช่วยตอบหน่อย

ตอบแบบกวางๆ ก็ได้นะ เผื่อแท็กซี่จะมีคำตอบให้



แล้วใครจะว่าอะไรได้
ก็ลอง...
บรรจุข้าวหอมมะลิ 5% โดย 5% นั้นหมายถึงกรวด หิน ขี้ดิน แกลบ ลงถุงก๊อบแก๊บ  แล้วแปะป้ายราคา 2 หมื่นบาท
คัดไข่แตก ๆ ใกล้เน่า ออกมาขายฟองละ 200 บาท
หรือหมูติดขน - ติดมัน - ติดขี้  กิโลกรัมละ 5 ล้านบาท
ฯลฯ

...ทำได้นี่
...ไม่เห็นจะมีใครว่า

เพราะหากมีวันนั้นแล้ว  ไอ้พวกคนกรุงเทพ ฯ มันก็จะหาหนทาง "นำเข้า" ข้าว - ไข่ - หมู" จากต่างประเทศ
คนกรุงเทพ ฯ อาจได้กินข้าวเวียดนาม ( ปลูกข้าวหอมมะลิได้นานแล้วนะครับ ) ไข่จากพม่า  หมูจากอินเดีย ในราคาถูกกว่าที่ซื้อจากเกษตรกรไทย
...ดีไม่ดี "ติดใจ" เพราะของเขาถูกกว่า + ใหญ่กว่า + ใส่ยาน้อยกว่า
บอกฝรั่งให้บังคับรัฐบาลไทย "เปิดการนำเข้าสินค้าภาคการเกษตรอย่างเสรี"
โอ๊ย...ดีใจ

ก็แล้วทำไมจึงมีผ้า - เสื้อผ้าราคาถูกจากเขมรเข้ามาแย่งตลาดกับผู้ผลิตไทยได้ ?
ก็แล้วทำไมจึงมีเครื่องใช้ไฟฟ้้า ( คุณภาพกะหลั่ว ) ราคาถูกโคตร ๆ จากจีน  เข้ามาแย่งตลาดกับผู้ผลิตไทยได้ ?
ก็แล้วทำไมจึงมีวิศวกร - แพทย์ - ครูสอนภาษา จากต่างประเทศ  เข้ามาแย่งงานกับบัณฑิตไทยได้ ?

การค้าเสรี - ตลาดเสรี
ใครมีปัญญาทำได้ถูกกว่า + ดีกว่า
ก็เอาสตังค์ไป


( คคห.นี้  ระหว่างพิมพ์ไปก็ทุเรศใจตัวเองไป - ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องทำเรื่องปากกับใจไม่ตรงกันแบบนี้   แต่ยังไง ๆก็ต้องพิมพ์  เพื่อสนองตัณหาให้ลุง Can )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 23:01

ราคาหมูหน้าฟาร์ม 60 ( ตัวเลขสมมติ ) > ราคาหมูบนเขียงในตลาด 120
มะม่วงเขียวเสวยหน้าสวน กก.ละ 3 บาท > มาถึงตลาดไท กก.ละ 7 บาท > มาถึงตลาดใกล้บ้าน กก.ละ 15 บาท

"ส่วนต่าง" มันตกอยู่กับใคร "บ้าง" ล่ะ ?

รถขนส่งน่ะ...ใคร
น้ำมันน่ะ...ใคร
( ก่อสร้างถนนน่ะ...ใคร   รถโตโยต้า ฮิโน อีซูซุ ฯลฯ น่ะ...ใคร )




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 23:03
เปิบข้าว

ของ จิตร ภูมิศักดิ์


เปิบข้าวทุกคราวคำ

จงสูจำเป็นอาจิณ

เหงื่อกูที่สูกิน

จึงก่อเกิดมาเป็นคน




ข้าวนี้น่ะมีรส

ให้ชนชิมทุกชั้นชน

เบื้องหลังซิทุกข์ทน

และขมขื่นจนเขียวคาว




จากแรงมาเป็นรวง

ระยะทางนั้นเหยียดยาว

จากรวงเป็นเม็ดพราว

ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ




เหงื่อหยดสักกี่หยาด

ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น

ปูดโปนกี่เส้นเอ็น

จึงแปรรวงมาเป็นกิน




น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง

และน้ำแรงอันหลั่งริน

สายเลือดกูทั้งสิ้น

ที่สูซดกำซาบฟัน

รับข้อมูลจาก "http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7"


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 07-03-2008, 23:05
เสรีไท กำลังแตกคอ  กันเองหรือครับท่าน  ??????     :slime_mad:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 23:22
เสรีไท กำลังแตกคอ  กันเองหรือครับท่าน  ??????     :slime_mad:

แตกคอยังพอไหว
เจอ "ตอแขก" ล่ะก็...
เหอ ๆๆๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 23:26
กระทู้เปิดให้สำแดงสันชาตญาณความเห็นแก่ตัวของพวกเรียนสูงไงครับ

คิดได้ยังไงว่า ชาวนามีแต้มต่อมากกว่าคนกรุง

ใช้สมองส่วนไหนคิดครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 07-03-2008, 23:34

เท่าที่จำได้ ไม่เคยเรียนที่ไหนที่มีตึกสูงเกิน 4 ชั้นเลย
 :slime_bigsmile:  :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-03-2008, 23:47
ถามอีกที คนจำพวกไหนล้มรัฐบาลบิ๊กจิ๋ว

สันดานกู้เงินแล้วไม่รับผิดชอบนี่มันพวกไหนกันแน่ ที่ทำให้ประเทศชาติล่มจม


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 08-03-2008, 00:03
เรียนทา่นประธาน Ridkun ที่เคารพ

ลุง Can เมาเข้าเว็บบอร์ดครับ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 00:08
ท่านประธานที่เคารพ

ปู่เย็นโดนน็อคแล้ว เรียกหน่วยพยาบาลด้วยครับ

แผลแตกหมอส่ายหน้าไม่รับเย็บ แอนตาซินจ่ายไม่ไหวครับ

สาวๆ และแฟนมุมน้ำเงินร้อง ทารุณ ทารุณ ทารุณ

บอกแล้วอย่าไหว้ครูนาน มวยอีสาน...อึด..!!!

 :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-03-2008, 00:13

 :slime_agreed:

พักกันก่อนก็ได้ครับ..

ทำลิงค์เก็บไว้ให้แล้ว



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 08-03-2008, 00:15
เข้ามาอ่านและนับถือความดื้อด้านของใครบางคน


เอ้ามามะมามา มาช่วยขุดหลุมฝังศพซากเดนกระหังที่ลืมพกสากตำข้าวมาเป็นหาง


กระจองงองเจ้าข้าเอ๋ย ในน้ำมีปลาในนามีง่าว


 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 08-03-2008, 00:15
ขอพยาบาลสาว ๆ และนมใหญ่ ๆ
...ไม่สวยไม่เป็นไร

..แล้วไอ้ตัวที่ชอบเข้ามาโพสขาย Cialis นั่นด้วย
ส่งตัวอย่างมาให้ใช้ก่อนซะ 1 แผงดิ๊







หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-03-2008, 00:19


ตามสะดวกครับ ถ้ายังแรงดี ก็ว่ากันไป

ชกได้ไม่จำกัดเวลา.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 08-03-2008, 00:33
ผมมันพวกโรคจิตชอบเห็นมวยน๊อคคาเวทีแบบ ที.เค.โอ จะได้หายคาใจ


และหลายๆสิ่งที่ได้เรียนรู้จาการตอบโต้จากสมาชิกที่นี่


ว่าระบบความคิดพื้นฐานของแต่ละคนมีการหล่อหลอมมาจากสิ่งแวดล้อมแบบไหน




"ของจริงมันไม่สั่นไม่ไหว แต่สงสัยแล้วทำไมชอบใส่ฟันปลอม


สงสัยข้างในคงใส่ของปลอม ที่พ่อเนื้อหอมปลอมไว้หลอกตัวเอง"


เพลงแต่เองทั้งดุ้นเอามาเอ็นเตอร์เทนพวกท่านๆทั้งหลายน่ะ



ใครเป็นกรรมการห้าม กาโม่ มีเคือง



 :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-03-2008, 01:05

จริงๆกระทู้แนวภาคนิยม ที่มุ่งประเด็นคนอีสานมีเยอะครับ

ผมว่าตั้งบ่อยๆมากไปก็ไม่ค่อยเหมาะ อ่านแล้วมันออกแนวชวนทะเลาะ แบ่งพรรคแบ่งพวก


กระทู้ภาคนิยม ภาควิเคราะห์ ภาควิพากษ์ ในเสรีไทยเว็บบอร์ด
http://forum.serithai.net/index.php?topic=23099.0


ว่ากันกระทู้เดียวจนกว่าจะหมดคู่ชกดีกว่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 06:24
แถม

อันคนเลี้ยงหมูขายนั้น เขามีอาชีพเดียว คือ เลี้ยงหมูขาย ถ้าเขาขายหมูไม่ได้ หรือต้องขายหมูในราคาขาดทุน เพราะรัฐบาลไปบีบ

บังคับให้เขาขายในราคาขาดทุน เพื่อให้คนอีกกลุ่มหนึ่งได้กินเนื้อหมูราคาถูก ทั้งๆที่สามารถหาเนื้ออย่างอื่นมากินทดแทนได้ คนเลี้ยงหมูก็ต้องเจ๊ง และเลิกเลี้ยงหมูไปในที่สุด แล้วใครเดือดร้อน

นี่คือลอจิกในการแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม ไม่มีใครต้องเจ็บตัวจากการแก้ปัญหา มีแต่ได้กับได้ทุกฝ่าย

เพราะสินค้าที่แพงมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันไปตามพื้นฐานความจำเป็น คนแก้ไขปัญหาต่างหาก จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในกลไกของปัญหา กลไกของตลาด และกลไกการบริหารจัดการ

ไม่ใช่แก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินโดยไม่ต้องคิด สั่งควบคุมราคาอย่างเดียว ในที่สุด ความเดือดร้อนทั้งหมดก็จะหวนกลับไปที่เกษตรกรผู้ยากจน ซึ่งก็เดือดร้อนจากภาวะค่าครองชีพแพงเหมือนกัน แต่กลับต้องเป็นผู้เสียสละ ซึ่งไม่ยุติธรรม

ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อฝากไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อยากให้เข้าใจวิธีแก้ปัญหาครบวงจร ไม่ใช่ กระทรวงการคลัง อัดเงินลงไปช่วยเกษตรกรล้างหนี้ แต่อีกด้าน กระทรวงพาณิชย์ สั่งกดราคาสินค้าทั้งที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น เพิ่มหนี้ให้กับเกษตรกร อย่างนี้ไม่รู้จะแก้กันอีกกี่ชาติ เกษตรกรไทยจะได้เงยหน้าอ้าปากเสียที.


ที่มา http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=81447


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 07:36
คนที่มาด่าทอคนอื่น
ถ้ามันดีกว่าคนอื่น ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

เหมือนพวกเสพย์พีทีวีบอกว่าเป็นกลาง แล้วก็มาด่าทอพวกดูเอเอสทีวีว่าไม่ดี

ทรรศนะคติที่อ่อนด้อย นำไปสูการดำเนินชีวิตที่บัดซบจริงๆ :slime_evil:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 07:56
มันเป็นความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้าง

ปัญหายิ่งใหญ่ หากไม่ปรับทัศนคติ เรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร

ไม่ว่าผู้แทนจะมาจากภาคไหน หากมีวิธีคิด วิธีแก้ปัญหาแบบให้ผู้มีโอกาสดีกว่า เป็นผู้กำหนดราคา

ความเป็นธรรมมันก็ไม่มีหรอก ....

นั่นคือคำตอบที่ว่า ชาวนา เกษตรกรทำไมจน ทำไมมีหนี้ ทำไมแก้ไม่ได้ซักที

คนใช้แรงงานขอขึ้นค่าแรงวันละบาทสองบาท ประชุมกันข้ามปี

คนกินเงินเดือนรัฐ เรียนสูงหน่อย ก็ได้ขึ้นเงินเดือนตามอัตราเงินเฟ้อเป็นอย่างน้อย

บางพวกได้ทุนไปเรียนนอก กลับมาใช้ทุนไม่กี่ปี ก็ออกไปแสวงหารายได้ที่ดีกว่าจากภาคเอกชน

บางพวกไม่เคยคิดว่ารัฐได้ลงทุนในเรื่องการศึกษาให้แล้วเท่าไหร่

แต้มต่อของคนกรุง คนมีการศึกษา คนมีเงิน มันย่อมมากกว่าพวกคนจนอยู่ดี

ไม่ว่าพวกผู้แทนที่มาจากคนจนนั่นก็เถอะ ถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหา ก็ใช้วิธีคิดแบบพวกเรียนสูง

อ้างเสรีนิยม การค้าเสรี

ทีแรกมีนโยบายอุดหนุนดีเซล เพราะเชื่อว่า เกษตรกรใช้มาก

ตอนหลังพวกมีเงินก็ดันไปใช้ดีเซลด้วย

สปก.ให้คนจน ก็ดันมีพวกอยากจนลงไปชิงรับจำนอง ใช้ชื่อเกษตรกรครอบครองทำรีสอร์ต

เรื่องพวกนี้พูดกันมานาน แต่พวกเรียนสูงมันไม่สำนึกว่า เกษตรกร ชาวนา ผู้ใช้แรงงานต้องเสียสละความยุติธรรมให้มันมากน้อยแค่ไหน

ยังดีที่ชาวบ้านเค้ารู้ เลยไม่ค่อยกินหมู สู้กินกะปอม กุ๊ดจี่ เสริมสมองดีกว่า ผักป่าหวานๆ ก็พอลวกพอต้มกินกันไปอย่างพอเพียง

ระวังนะครับ...วันหลังคนกรุง อาจโดยพิษยาฆ่าแมลงจากพืชผัก ของชาวนาเข้าซักวัน

เหมือนพวกหมอนักร้องคาราโอเกะ ที่โดนปืนกรอกปากตายไป 8 ศพ

เพราะไม่เคารพ อาชีพคนตัดยาง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 08-03-2008, 08:02
จากกระทู้นี้ และจากที่ได้เห็นยุทธการป่าล้อมเมืองภาคพิสดารแบบไทยแลนด์มา

ทำให้ผมนึกขึ้นมาจริงๆ จังๆ ว่า...

สภาพสังคมแบบที่มีการแบ่งขั้วเป็นเมือง-ชนบทชัดเจนขนาดนี้ มันไม่น่าจะ work แล้ว  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 08:26
คุณ QuaOs

มันเป็นความอัปรียะของนักการเมืองเจ้าเล่ห์

บวกกับความเห็นแก่ตัวของคนเรียนสูง

แทนที่จะหาเพื่อนหาพวก ดึงคนด้อยโอกาสมาเป็นพวก

แต่กลับไปสร้างเงื่อนไขให้เป็นศัตรูกัน

ใช้การดูถูก แดกดันคนทั้งภาค ดูถูกคนทั้งชนชั้น

คนอีสานลงไปใช้แรงงานในสวนยางทางใต้ ขยันขันแข็งมากน้อยก็ดีกว่าทำนาที่บ้าน ได้ค่าแรงดี มีส่วนแบ่ง

ทำไปนานๆ เจ้านายแบ่งที่ให้ทำ 10 ไร่ 15 ไร่ มีเงินก็ไปสร้างสวนยางใหม่

บางทีกลับมาบ้าน ขายไร่ขายนาไปสร้างสวนยางทางใต้ ข้อมูลพวกนี้ไม่คค่อยได้รับการเผยแพร่

คนอีสานตั้งเนื้อตั้งตัวมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองใต้ อยากเห็นลองแวะไปดูที่ท่าแซะ จังหวัดชุมพรมั๊ง

แม้ชื่อหมู่บ้านยังเป็นชื่อจังหวัดทางภาคอีสาน

ถ้าทรัพยากรเท่ากัน คนภาคใต้อึดสู้คนอีสานไม่ได้หรอกครับ

ลูกเรือตังเก ก็คนอีสานทั้งนั้น

การที่สถานที่เกิด มีทรัพยากรดีกว่าคนอื่น มันก็เป็นแต้มต่อทางการทำมาหากินอยู่แล้ว

ทัศนคติของคนใต้ในพื้นที่ มองคนอีสานในด้านดีเป็นส่วนใหญ่

ความขยันขันแข็งของหนุ่มอีสาน ทำเอานายหัวบอกลูกสาว อย่าไปแต่งเอากับคนใต้ที่สำมะเลเทเมา เช้ากินกาแฟ สายเล่นนก

ตกเย็นกินเหล้า เมาแล้วเตะเมีย

อยากได้ผัวดี ขยันเฮ็ดงาน ผัวอีสานซักคนมั๊ยครับ...อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 08-03-2008, 08:44
แล้วคนอีสานที่เข้ามาก่อปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อม ก่อคดีอาชญากรรม ในกรุงนี่ คนกรุ่งควรขับไล่ออกไปไหม ทุกวันนี้กรุงเทพโคตรเน่าเลย รถแม่งก็ติด ท้องถนนสกปรก ควันพิษ น้ำเน่า แม่งกินเหล้าส่งเสียงดัง ทำตัวเป็นกุ้ยชอบแซวหญิง ไปไหนต้องระวังว่าแม่งจะมาปล้นกูไหม จะฉุดคนรู้จักกูไปข่มขืนไหม คนกรุ่งต้องทนเหรอครับ ทุกวันนี้คนกรุงจริงๆแม่งมีไม่ถึงครึ่ง ระแวกบ้านผมแม่งอีสานเกิน 70% กินเหล้าส่งเสียงดังทุกวัน นี่แม่งเคารพในอาชีพผมเหรอ แล้วอีกอย่างส่วนตัวผมว่าคนแม่งจะดีจะเลวจะเห็นแก่ตัว มันไม่ได้ดูที่ภูมิภาคหรอก เหมารวมกันหมดเลยหรือไง แล้วที่บอกคนกรุงดูถูกคนอีสานเนี่ย มันคนกรุงคนไหน คนกรุงทุกคนเลยหรือไง หรือผมซื้อของจากคนอีสานเนี่ย ผมไม่ต้องจ่ายเงินเหรอครับ แล้วที่คนอีสานเอาแผ่นผี แผ่นปั้มมาขายนี้ ไม่เป็นหนีบุญคุณ อาเอส แกรมมี่บ้างเหรอ
หรือผมต้องไปไหว้พวกพม่าด้วยไหม ตอนนี้เห็นมันเต็มประเทศเลย แล้วราคาสินค้าเกษตร ผมกำหนดเองได้เหรอ ที่คนเค้าบ่นกัน ไม่ใช่ว่ามันแพงจนคนเริ่มไม่มีปัญญาซื้อกันเหรอ สุดท้ายถ้าไม่มีใครซื้อแล้วราคามันตก จะโทษคนกรุงที่ไม่ซื้อหรือเปล่า ประเด็นมันอยู่ที่เขาเสี้ยมมา แล้วดันไปให้เขาเสี้ยม บ้านผม พ่อจีน แม่คนเหนือ พี่น้องผมลูกครึ่งจีน แฟนพี่คนอีสาน แฟนผมคนใต้ น้องเขยคนประจวบ แม่งไม่เห็นมีใครดูถูกใครเลย ท่าทางมุขไอ้หมัก ไอ้เหลี่ยมมันจะได้ผล เสี้ยมคนได้ตั้งเยอะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 08:47
"ชุมชนคนอีสาน" ให้ไปดูในสามจังหวัดชายแดนใต้

พวกที่เรียกว่านิคมสร้างตนเอง อะไรแบบนั้นแหละครับ

เป็นนโยบายสมัยจอมพลส. ณ ผ้าขะม้าแดง

ยุคต่อสู้กับคอมมูนิสต์ก็มี หาอาสาสมัครลงไปในพื้นที่ พาลูกพาเมียไปสร้างเนื้อสร้างตัว

ทางการออก สทก.ให้ ไม่ก็ เอกสารของกรมแรงงาน นค.2 ตอนนี้ขอออกโฉนดได้แล้วมั๊ง

พวกในนิคมสร้างตนเองต่างๆ ก็คนอีสานนั่นแหละ ลงไปเป็นกันชน ลงไปสลายความเป็นรัฐอิสลาม

เดี๋ยวนี้เค้าสร้างเนื้อสร้างตัวได้ดี ไม่แพ้เกษตรกรของภาคใต้ มีทั้งสวนยาง สวนผลไม้

คนใต้ทำอะไรได้ เค้าก็ทำได้...ไม่แพ้กันหรอกครับ

แต่หนุ่มอีสานไปอยู่ใหม่ๆ ให้ระวังพวกหนู หรือปลา นก จะหมดนะครับ อิ อิ

หนุ่มอีสานกลุ่มนี้ไปที่ไหน นกไม่กล้าขัน งูไม่กล้าออกหากิน หนูผอมโซ พวกหนุ่มอีสานจับกินหมด

เพราะติดตัวไปแต่ข้าวสารกับเกลือ ส่วนกับข้าวหาเอาข้างหน้า...ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 08:57
คุณ QuaOs

คนเลวมีทุกภาคนั่นแหละครับ

คนเลวไม่ใช่เพราะเกิดที่นั่นที่นี่ มันเกิดเพระกิเลส ตันหา ความโลภ ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม

ซึ่งสังคมก็มีกฎหมายจัดระเบียบสังคม

ตำรวจชั่วๆ จากทางใต้ ที่กระทำผิดต่อประชาชนผู้บริสุทธ์ เป็นข่าวดังๆ ก็คนใต้

อย่าไปเหมารวมว่า คนภาคนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ดีชั่วเป็นเรื่องปัจเจก

เด็กซิ่งสะก๊อย ก็มีไปทั่ว อย่าไปเหมารวมว่าคนชั่วคือคนภาคนั้นภาคนี้เท่านั้น

คนจนทำเลวก็เยอะ คนรวยทำเลวก็มาก

ไปดูในคุกสิ มันพวกไหนกันบ้าง

ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป ลาติน

ยังมีคุกเลยคุณ

ในกรุงเทพ หรือทางใต้ ปลอดคุกเหรอครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 08-03-2008, 09:03
ไอ้เรื่อง ขอนู่น ขอนี่ กับ รัฐบาล มันก็ขอหมด ทั้งนั้นแหละ ลุงแคน

จะคนกรุง  คนอีสาน คนชนบท คนใต้ คนเหนือ  ขอนู่น ขอนี่ ให้ช่วย นู่นช่วยนี่

แต่มันต่าง ที่ คนกรุง มองว่า เค้าต้องทำให้  และเค้าทำให้ แต่ เค้าไปทำเฮงซวย อย่างอื่น

คนกรุงมันก็ ไม่เลือก    แต่คนต่างจังหวัด มันไม่ใช่   ดันมาถือ เป็นบุญคุณ  ต้องทดแทน กันอยู่นั่นแหละ

กะอีแค่ทำโครงการให้นิดหน่อย  และ สส มัน ก็ไปทำเฮงซวย กับประเทศ  คนอีสานก็ไม่สน  เพราะ เค้ามีบุญคุณกับ พวกเรา


มันคิดกันแค่นี้หรือไง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 09:08
ใครบอกเค้าไม่สน คุณไปดูพันธมิตรสิ พวกไหนเข้มแข็งที่สุด ไม่ใช่พันธมิตรอีสานเหรอที่ลุยอยู่นั่น

NGO ที่เข้มแข็งที่สุดก็แถวๆ อีสาน สหายเก่าก็เยอะ แต่เค้าสังเคราะห์ปัญหาจนตกผลึกแล้ว

ไม่ว่าไอ้พรรคการเมืองหน้าไหน พรรคไหน พอเป็นรัฐบาลแล้วก็เลวพอกัน

แก้ปัญหาให้คนรวยพอๆ กัน...

ถ้ามันมีพรรคดี คนดี ประชาธิปไตย เกือบ 100 ปี มีอะไรให้ประชาชนชื่นใจ

มันก็วังวนเดิมๆ เปลี่ยนหน้ากันชนอยู่เหมือนเดิม

พวกที่ตกผลึกแล้ว เค้าไปเดินสายพอเพียง เชื่อมร้อยเครือข่ายสายการเมืองภาคประชาชน

ซึ่งเป็นทางแก้ที่ประชาชนต้องเริ่มแก้ที่ตัวประชาชนหรือจากหมู่บ้าน ชุมชน

เค้าไม่ได้มาหวังพิ่งพาอะไรมากมาย หรือคอยแบมือขออย่างที่เข้าใจกัน

งบประมาณก็ได้เล็กๆ น้อยๆ จาก สสส.บ้าง จากกระทรวงพัฒนาสังคมบ้าง

ในเมื่อการศึกษาในระบบมันล้มเหลว เค้าก็ไปหาทางแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีปราชญ์ชาวบ้าน ทำสวนสาธิต ผลิตกรรมวิธีอยู่ในสังคมอย่างไม่มีทุกข์

การเมืองภาคประชาชนสายนี้ เค้ารู้แล้วว่าการเมืองในระบบมันล้มเหลว เลยต้องไปสร้างความเข้มแข็งจากหมู่บ้าน

นักการเมืองเลว มันก็มีระบบตรวจสอบของมันอยู่แล้วนี่ครับ ถ้ามันชั่วก็ลงชื่อถอดถอนอยู่นี่ไง

ถ้าทำภาคประชาชนเข้มแข็ง นั่นคือความสำเร็จของประชาธิปไตย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 08-03-2008, 09:29
ใครบอกเค้าไม่สน คุณไปดูพันธมิตรสิ พวกไหนเข้มแข็งที่สุด ไม่ใช่พันธมิตรอีสานเหรอที่ลุยอยู่นั่น

 พันธมิตร ณ สัดส่วนมันเท่าไหร่ กับประชากร ลุงแคน  คงไม่ลงรายละเอียดว่าเป็นชนชั้นกลางหรือเปล่า

 อ้อ  ผมมาแสดงความเห็นในฐานะ ชนชั้นกลางนะ  ไม่ใช่ในฐานะคนกรุง เพราะชีวิตผมต้องทำงานกับพวกรากหญ้า เห็นอะไรมาพอควร

 มุมมองผม จะมองในฐานะชนชั้นกลาง มองชาวชนบท แต่งวดนี้ ผมต้องสงสัยชาวอีสาน   แต่ผมไม่เคยรังเกียจหรอกนะ เพราะลูกน้องก็อีสาน แต่ ไม่เข้าใจว่าเอาความคิดเป็นบุญคุณ ต้องทดแทนตลอดก็ไม่ไหวเหมือนกัน

 อย่างที่บอก ลุงแคน

 ทุกชนชั้น  มันก็ขอ หมดแหละ ทุกชนชั้น ก็ต้องการตักตวงผลประโยชน์ กับ รัฐบาลให้ทำอะไรให้กลุ่มเค้าหมด อะไรที่เค้าได้ประโยชน์เค้าเอาหมด

 แต่  ในขณะเดียวกัน  หาก พวก  นักการเมือง แม้จะประเคน อะไรมาให้ ก็เถอะ  แต่มัน ไปทำ เลว ทำชั่ว  ชนชั้นกลางเค้าก็ถึบทิ้ง แม้จะหลง โง่ ไปเลือกมา

ตัวอย่างมันเห็นได้ตลอด   ไม่เคยถือเป็นบุญคุณ  กับพวกนักการเมืองที่มาทำมาประเคนผลประโยชน์ให้


  แต่ขณะเดียวกัน ชาวรากหญ้า มันถือเป็นบุญคุณ   โดย ที่ ไม่สนว่าพวกนักการเมืองจะทำยำยำกับประเทศยังไงก็ไม่สน


 และที่สำคัญ  นักการเมืองทางอีสานน่ะ  ยิ่งกว่าลูกสามพ่อ  ชายสามโบสถ์อีก   ย้ายพรรคไปทั่ว ยิ่งกว่า กะหรี่   

ในมุมมองชนชั้นกลาง มันมีความสงสัย ว่า  เพราะบุญคุณที่เค้าประเคนให้เลยต้องเลือกเท่านั้นเหรอ  แค่นี้ เองเหรอ  สรุป หวังผลกันเพื่อตัวเองอย่างเดียวอย่างอื่น กรูไม่สน หรือไง

 
  สมัย เติง  จิ๋ว ผมว่า ยังพออนุโลมได้ แต่สมัยเหลี่ยมนี่ มันยอมรับไม่ได้เลยจริงๆหว่ะ ลุงแคน

   นั่น คือ สิ่งที่ผมว่าชนชั้นกลาง กำลังสงสัยอยู่   ส่วนไอ้ พรรค สะตอ น่ะ อย่างไปหวังอะไรมากหรอก ผมแม้จะเลือก แต่ก็ไม่อยากให้มันโตอยู่แล้ว ตราบใดที่สะตอ ยังครองพรรค


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 09:33
เออ..ไอ้เรื่องคิดเอาบุญคุณ มันต้องดูว่าเรื่องไหน

แต่ถ้าคุณยอมรับว่า ประชาธิปไตยต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ คุณก็ต้องยอมรับในกติกานั้น

ฝ่ายตรวจสอบแบบพันธมิตร ไม่ต้องเยอะหรอกครับ ใช้"หลักการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ"สู้

เวลาระดมก็ไม่ต้องใช้คนอีสานเป็นล้านหรอกครับ

แต่การเมืองภาคประชาชนฝ่ายพัฒนานี่สิ ต้องเพิ่มให้มาก กระจายตัว เชื่อมร้อยให้เป็นเครือข่าย ขยายแนวออกไป

ไปสร้างองค์ความรู้ในหมู่บ้าน ในชุมชน สร้างสหกรณ์เพิ่มอำนาจการต่อรอง

เมื่อประชาชนอยู่ได้ ไปรอด ก็จะปลดพันธนาการจากระบบอุปถัมป์ออกไปได้

ปัจจุบัน นักการเมืองท้องถิ่นก็ลงมาเล่นเรื่องชุมชนกันเยอะ ทำสหกรณ์กันเยอะ เค้าก็สร้างเครือข่ายของเค้าไป

ใช้งบประมาณจังหวัดลงไปพัฒนา...นั่นหมายถึง อบจ.ก้าวหน้านะครับ...ไม่ใช่ อบจ.โกงกิน

ส่วนการเมืองระดับชาติ จะว่าไปเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หากเพื่อแผ่นดินกัน กับชาติไทย ได้มากขึ้นอีกซักพรรคละ 10 ที่นั่ง

การเมืองก็จะพลิกมาทางฟาก ปชป.

แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ..อิ อิ

ก็อย่างที่ผมบอกแล้ว การเมืองในระบบมันก็เลวพอๆ กัน พรรคไหนมา ก็ใช้ เสรีนิยม นายทุน ขุนศึก ศักดินา ข้าราชการ คนชั้นกลาง

แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่เป็นฐาน ก็ถูกเหยียบอยู่ร่ำไป...

คุณรู้มั๊ยรัฐบาลนี้ มาจากรากหญ้า ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายของชนชั้นกลางไปเท่าไหร่แล้ว

นี่แค่เป็นรัฐบาลไม่ถึงเดือนมั๊ง...อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 08-03-2008, 09:46
เย็น ๆ จะมาอ่านต่อ


ต้องไปให้ค่าจ้างลูกน้องแล้ว

 ทุกครั้งทีให้ค่าจ้าง  ผมก็จะบอกเสมอ ว่า เก็บนะ  อย่ากินเหล้าหมด   แม้ว่าจะมาทำงานมีเงินตลอดก็เถอะ

แต่สิ่งที่ได้รับ คือพวกนี้ เค้าใช้เงินวันต่อวัน ขนาด เค้ามั่นใจได้เรื่องรายได้ แล้วนะ ว่าไม่อด แต่ ก็ยังคิดแค่ระยะสั้น

มาบอกว่า เดี๋ยวอาทิตย์หน้า นายก็ต้องมาจ่ายเงินค่าแรงผมอยู่แล้ว

 
อันนี้ คือ ความคิดแบบ รากหญ้าหรือเปล่าลุงแคน 

หาก รากหญ้าคิดกันแค่นี้    ผมก็บอกตรงๆ ว่า ชนชั้นกลาง มันก็ต้องดูถูก ละลุงแคน

 เพราะชนชั้นกลางน่ะ มันโดนบีบมา จาก ชั้นบน พวกคนรวย   แล้วยังโดนรากหญ้า ที่โดนประเคนผลประโยชน์ ไป โดยที่ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ

ก็เลยอยากบ่น ดังๆ ว่า  อย่าคิด แค่ ระยะสั้น   คิดแค่ มีคนเอาเงินมาให้ทุกวัน  ชีวิต กรูพอแล้ว

ตอนเศรษฐกิจพังปี 40 น่ะ ผมยังเรียนอยู่  ที่มันพัง ไม่ใช่ เพราะคนกรุง คนชั้นกลางหรอกลงุแคน  พังเพราะคนรวย    แต่ผลประทบน่ะ คนเมืองโดนเต็มๆ แต่โดยความรู้ ความสามารถ  กัดฟัน น่ะ มันถึงกลับมาได้



แต่ตอนนี่น่ะ หากมันจะพัง  รากหญ้า มันจะ พัง  แบบฉิบหายเลยลุงแคน 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 10:10
ก็ค่าแรงมันน้อย ไม่พอค่าเหล้านะสิครับ

นั่นคือความไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง

ก็เพิ่มรายได้ให้เค้าพออยู่ได้แบบมีความหวังซีครับ

อย่าจ่ายแค่ให้รอดชีวิตไปวันๆ เพราะเค้าก็อยากกินหมู ราคา โลละ 120 บาทเหมือนกัน

แค่เหลือเงินให้ลูกไปซื้อขนม วันละ 20 บาท พ่อแม่ก็ต้องกลืนน้ำลายอยากกิน "ปิซซ่า" อยากกิน สุกี้ MK มั่ง

ทำไงได้ น้ำมันแพง ค่าแรงถูก ก็รอแต่นายจ้างใจดีแบบคุณนั่นแหละ จะช่วยให้เค้าลืมตาอ้าปาก

เวลาบอกเค้าอย่าบอกครั้งเดียวแบบดูถูกเค้า จัดคอร์สอบรมไปเลย เป็นลูกจ้างจะสร้างฐานะได้อย่างไร

ติดอาวุธทางปัญญาให้เค้าซีครับ....แบ่งเวลาให้เค้ารู้จักไปตั้งแผงบ้างสิ....ให้ทุนเค้าสิ...ดูแลแค่ให้ลูกน้องได้ดิบได้ดีในกลุ่มของเรา

ประเทศชาติก็จะดีไปเอง...ถึงเวลาเลือกตั้ง คุณก็บอกได้ แนะได้ มันให้เงินมึงเอา แต่อย่าไปกาให้มัน ก็แค่นั้น

มนุษย์ทุกผู้ทุกนาม มีสัญชาตญาณใฝ่ดีกันทุกคนนั่นแหละครับ...

แต่มันขาดโอกาส...ใครมีโอกาสก็รอดได้เยอะแยะไป แม้การศึกษาน้อยก็เป็นเถ้าแก่ได้ในซักวันหนึ่ง

คนงานอีสานที่ทำานโรงงานเย็บผ้าจำนวนไม่น้อย พอมีฝีมือก็ออกมาผ่อนจักรเย็บผ้า รับเสื้อโหลมาทำ ใส่ท้ายมอเตอร์ไซค์ส่งเครือข่าย

ส่งโบ๊เบ๊ ประตูน้ำ..เยอะครับ...ขอเพียงรัฐหรือโรงงานพัฒนาฝีมือแรงงานให้เก่งขึ้น ดีขึ้น พัฒนาขึ้น

และให้โอกาสเค้ามีทุนผ่อนจักรอุตสาหกรรมบ้าง เค้าก็ทำไปได้...รายละเอียดพวกนี้ ฝ่ายรัฐมองไม่ค่อยออก


ในซอยบ้านญาติที่กรุงเทพ พวกอีสานที่ฉลาดๆ ทำส้มตำ ไก่ย่าง ปลาย่าง ไปขาย ส่งลูกน้องไปตั้งแผงตามหอพักนักศึกษาเยอะแยะ

ขอแค่เค้ามีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง...ก็สร้างฐานะได้..

ถ้าเห็นแผงส้มตำสะอาดๆ ก็ช่วยอุดหนุนกันด้วยนะครับ

บางเวลา บางโอกาส ส้มตำ น้ำตก ลาบก้อย ก็อร่อยกว่าเนื้อโกเบ แผ่นบางๆ จานละ 7-800 บาทนะครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 10:32
แล้วคนอีสานที่เข้ามาก่อปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อม ก่อคดีอาชญากรรม ในกรุงนี่ คนกรุ่งควรขับไล่ออกไปไหม ทุกวันนี้กรุงเทพโคตรเน่าเลย รถแม่งก็ติด ท้องถนนสกปรก ควันพิษ น้ำเน่า แม่งกินเหล้าส่งเสียงดัง ทำตัวเป็นกุ้ยชอบแซวหญิง ไปไหนต้องระวังว่าแม่งจะมาปล้นกูไหม จะฉุดคนรู้จักกูไปข่มขืนไหม คนกรุ่งต้องทนเหรอครับ ทุกวันนี้คนกรุงจริงๆแม่งมีไม่ถึงครึ่ง ระแวกบ้านผมแม่งอีสานเกิน 70% กินเหล้าส่งเสียงดังทุกวัน นี่แม่งเคารพในอาชีพผมเหรอ แล้วอีกอย่างส่วนตัวผมว่าคนแม่งจะดีจะเลวจะเห็นแก่ตัว มันไม่ได้ดูที่ภูมิภาคหรอก เหมารวมกันหมดเลยหรือไง แล้วที่บอกคนกรุงดูถูกคนอีสานเนี่ย มันคนกรุงคนไหน คนกรุงทุกคนเลยหรือไง หรือผมซื้อของจากคนอีสานเนี่ย ผมไม่ต้องจ่ายเงินเหรอครับ แล้วที่คนอีสานเอาแผ่นผี แผ่นปั้มมาขายนี้ ไม่เป็นหนีบุญคุณ อาเอส แกรมมี่บ้างเหรอ
หรือผมต้องไปไหว้พวกพม่าด้วยไหม ตอนนี้เห็นมันเต็มประเทศเลย แล้วราคาสินค้าเกษตร ผมกำหนดเองได้เหรอ ที่คนเค้าบ่นกัน ไม่ใช่ว่ามันแพงจนคนเริ่มไม่มีปัญญาซื้อกันเหรอ สุดท้ายถ้าไม่มีใครซื้อแล้วราคามันตก จะโทษคนกรุงที่ไม่ซื้อหรือเปล่า ประเด็นมันอยู่ที่เขาเสี้ยมมา แล้วดันไปให้เขาเสี้ยม บ้านผม พ่อจีน แม่คนเหนือ พี่น้องผมลูกครึ่งจีน แฟนพี่คนอีสาน แฟนผมคนใต้ น้องเขยคนประจวบ แม่งไม่เห็นมีใครดูถูกใครเลย ท่าทางมุขไอ้หมัก ไอ้เหลี่ยมมันจะได้ผล เสี้ยมคนได้ตั้งเยอะ

นี่ถือเป็นตัวอย่างสิ่งที่ก่อนตายไอน์สไตน์ได้สอนไว้
ทรรศนะคติที่อ่อนด้อย นำไปสู่การดำเนินชีวิตที่บัดซบ (อันหลังเติมเอง)

เสียงดัง โวยวาย แหกปาก กินเหล้า มันมีทุกที่แหละครับ

ส่วนทำตัวกุ๊ย
แซวหญิง
คุณไปจำอะไรผิดๆมาหรือเปล่า คุณไปเห็นบุคคลเหล่านั้นมาจากหน้าเดอะมอลล์ บางกะปิหรือเปล่าครับ
ที่นั่งดูดกาแลม ถ่มน้ำลายปิ๊ดๆ แซวหญิง แหกปากเสียงดัง ทำตัวกุ๊ยๆน่ะ

เรื่องมลพิษ
จะพาลแถโชว์โง่ไปด่าแท๊กซี่สิท่า

ทบทวนความคิดผมใส่สมองที่น่าจะมีพัฒนาการเกิน 30+ ด้วยนะ
แท๊กซี่ใช่แก๊ส LPG มานานแล้ว
ตั้งแต่คนชั้นกลาง ยังใช่น้ำมันที่มีสารตะกั่วอยู่เลยครับ
ไม่รู้สุนัขตัวไหนมันสร้างมลพิษ
อยากจะพูดเหมือนไอ้หมักจริงๆว่า " ไอ้สัด กลูงงจริงๆ"
แท๊กซี่ปัจจุบัน ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมีประมาณ 2-3 แสนคัน
แบ่งกะเช้ากะดึกอย่างละครึ่ง ก็ได้ 100000 -150000
แล้วจำนวนรถคนกรุงเทพที่ไม่ใช่แท๊กซี่ วิ่งตอนเช้าน่ะกี่คัน ตอนดึกน่ะกี่คัน
รถติดเพราะแท๊กซี่จริงหรือ

เรื่องซีดีผี ยังจะเถลือกไถลไปได้เนาะ
เดินไปถามทุกคนเหรอครับ ว่าคนขายมันเป็นคนอีสานมากกว่า
ผมเห็นพวก rayum เจ้าใหญ่ปั้มแผ่นซีดี มันคนแถวๆบ้านคุณนะ เป็นญาติเป็นโยมกะนักการเมืองอีก ไปไหว้อากู๋แกรมมี่ด้วย

เรื่องยอดเทปตก
จะลากไปด่าอีสาน ผมว่าคนคิดมีความคิดส้นเท้าจริงๆ
คนที่ไหนบริโภค MP3 มากกว่ากันครับ คิดให้ดี
จะไปรวมว่ายอดขายเทปของทาทา ยัง ตกแล้ว ต่าย อรทัยต้องตกด้วยเนี่ย ตลก

ไอ้วินโดวส์ ที่คุณใช้กะคอมคุณเนี่ย
ถ้าใช้ของจริงก็ขอให้เจริญ ถ้าใช้ของปลอมก็อย่าลืมจุดธูปบูชาบิล เกต กับ โปรแกรมเมอร์ชาวอินเดียเพื่อเป็นการขอบคุณเขาด้วยนะ

ขำจริงๆ ความคิดของชาว Metro
55


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: อังศนา ที่ 08-03-2008, 10:44
เอาน่า...เอ้า แต่  แต่  แต่
นิ่งเตะ ๆ

ถ้าใครกล้าจัด Meetings คราวหน้าแล้วคุณดาร์ธกล้าไป
...ผมจะส่ง Stripper ไปให้คุณเป็นการเฉพาะสัก 2 คน

...Stripper จากบาร์เกย์ นะ


..ข้าพเจ้าจะจัดให้เองค่ะ มีทติ้งนั่นน่ะ  :slime_fighto:
มีข้อแม้ว่าคนที่ตอบกระทู้นี้ต้องมาทุกคน ..เอาปะ?!

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 08-03-2008, 10:49
ก็ค่าแรงมันน้อย ไม่พอค่าเหล้านะสิครับ


ประโยคนี้ไม่น่าหลุดออกมาจากปากลุงแคนเลยนะครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 10:51
เมื่อก่อน รถใช้แก๊ส เป็นรถคนจน อันตรายก็ให้แท็กซี่ไปตายก่อน

พอพัฒนาได้มาตรฐานพิสูจน์ว่าปลอดภัย คราวนี้ก็ถึงทีการใช้รถของคนพอมีกะตังค์มั่ง อิ อิ

ราคาแก๊สก็เลยขึ้นไปอีก จัดการยาก

ก็เหมือนดีเซลนั่นแหละ หรือ 30 บาทนั่นแหละ

ของดี ของถูกที่รัฐจะจัดให้คนจน ก็ดันมีคนอยากจนมาช่วยใช้

มันก็เลยกลายเป็นคนจนคนรวยก็กินหมูราคา โลละ 120 บาทเหมือนกัน...
 
เวลาลงคะแนนเลือกตั้ง เค้าบอกว่า "1 คน 1  เสียง"  จะเป็นจะตายเอา

ทั้งๆ ที่หลากหลายเรื่องราวที่ "คนจนต้องตายก่อน" ตามระบบเสรีนิยม

ทีคนรวยใช้ของแพง อยู่ดีกินดี กลับบอกว่า เรื่องของกู กูมีตังค์ ใช้ของนอกซะโก้

พอของกินของแพงในประเทศ ตามที่เกษตรกรรับภาระต้นทุนสูง มันก็มาดันบอกว่า เฮ้ย ห้ามขายแพง...เอากะมัน

เหนื่อยครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 10:51
ส่วนพวกที่ดัดจริตบอกว่าคนอีสานคิดว่าการเลือก สส เป็นบุญเป็นคุณ
เอามือตบปากตัวเองสังเวยความควายซักทีเถอะครับ

สส ในพื้นที่ เขาอยู่กะชาวบ้านมานาน
ทำอะไรทุกวันนี้ ก็ยื่นหมูยื่นแมวทั้งนั้น
น้ำ ไฟ ถนน เขาทำให้ชาวบ้าน ชาวบ้านเค้าก็ชอบ วันไหน สส มันไม่ทำ เลือกเข้าไปแล้วเป็นกลับทำตัวเป็นเทวดา เหมือน สส บางพรรค ที่เคยได้รับโอกาส
คนมันก็ไม่เอาอีกหนหรอกครับ
รอบเมื่อกี้ก็เสนอหน้าลงสมัครหลายคน แต่ก็ไม่ได้หรอก

ผู้ดีหลายคนในบอร์ดนี้คงเคยไปสุพรรณบ้านบรรหารอยู่สินะ
ต่อให้บรรหารเลวบัดซบแค่ไหน เขาก็เลือก เชื่อผมสิ แล้วเสรือกไม่ไปด่าคนสุพรรณที่เลือกไอ้ตระบัตย์สัตย์บรรหาร
บางจังหวัด มี สส ตัวเอง เอาที่ดินแจกคนจน ไปแจกคนรวย เลวบัดซบ ก็ยังก้มหน้าก้มตา กามันเขาสภาอีก ทีงีละไม่ผิด

แหม ส่วนพวกที่บอกว่าชาวกรุงเทพขอแค่งบ แล้วชาวกรุงจะบริหารเอง
โถ่ มันก็แหงล่ะครับ ก็ผู้ว่า พวกคุณเลือกมันมาเองนี่
ถ้ามันทำไม่ดี อนาคตมันก็ดับ

คิดถึงโอกาสของชาวต่างจังหวัดที่เหลือด้วย
ผู้ว่าเฮงซวยก็ไม่มีโอกาสได้เลือก
กระทรวงมหาดไทยเลือกมาทั้งนั้น
การเป็นผู้ว่าได้ ไม่ต้องถามความเห็นจากคนในพื้นที่เลย
เลียรัฐบาลก็พอ

ทีผู้ว่ากรุงเทพจะเอาเงินภาษีไปร้างส่วนต่อขยายเส้นทาง BTS
ชาวกรุงกรีดกราย ดีอกดีใจ ทั้งๆที่ไปทำให้บริษัทเอกชนแท้ๆ

แล้วทีนายก อบจ เล็กๆ(มันทำได้แค่นั้นแหละ โครงสร้างมันยังแพ้ผู้ว่า) ของอุบลที่ลุงแคนได้นำเสนอไปว่า เอาภาษีไปซื้อรถไถ มาให้ชาวบ้านยืมใช้ แต่สถานะก็คือของหลวง กลับโดนพวกผู้ดีดัดจริตเข้ามาด่าทอ

บอกได้ตรงๆว่า ควายจริงๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 11:02
ประโยคนี้ไม่น่าหลุดออกมาจากปากลุงแคนเลยนะครับ

วัฒนธรรมการดื่มเหล้ามีทุกสังคมครับ จะมากหรือน้อยนั่นเป็นอีกเรื่อง

กรรมกรทำงานหนัก เหนื่อยสายตัวแทบขาด ตกเย็นถ้าไม่มีเหล้ากรอกลงให้มึนชาเล็กน้อย คงผ่านพ้นความเหนื่อยล้าไปได้ยาก

บางพวกก็เข้าร่านยาดอง ต้องมีซักกรึ๊บ พอกินข้าวแซ่บ

บางครอบครัว พ่อบ้านดื่มแต่พองาม เมาแล้วน่ารัก ชอบร้องเพลง.."แม่ศรีเอย..แม่ศรีเรือน น้องเป็นทั้งเพื่อนและเมียที่รักบูชา..."

ตกเย็นแม่บักหำ ก็ตั้งวงรอ.....บ่กินเหล่าบ๊อ...มื่อนี่...มันเป็นเรื่องปัจเจก

 :slime_inlove: :slime_inlove:

บางทีมิวสิควิดิโอ...ก็เอาเรื่องเหล้ามาเป็นตัวแทนของหนุ่มอกหัก "ต้องดื่มให้ลืมเธอ"

เพลงสนุกๆ เกี่ยวกับวงเหล้ามันเยอะครับ.."เหล้าจ๋า"..นี่ขาดไม่ได้เลย

ถ้าอยากรู้เรื่องนี้ ต้องลงไปทำวิจัยดู ทำไมกรรมกรผู้ใช้แรงงานต้องดื่มเหล้า...

แต่ใช่ว่าผู้ใช้แรงงานที่ไม่ทำงานหนักต้องดื่มเหล้าทุกคนนะครับ มีดื่ม มีไม่ดื่ม ตามแต่การอบรมสั่งสอน

ดื่มแต่พอดี ก็เป็นยาครับ

ถ้าจะคุยเรื่องวัฒนธรรมเกี่ยวกับการดื่มเหล้า ต้องเล่นกันอีกกระทู้ครับ

เพราะมุมมองพวกนี้มีหลากหลาย เกี่ยวพันทั้งทัศนคติ ความเชื่อ ภูมิปัญญา ธุรกิจ ฯลฯ

อ้อ...สำหรับผมไม่ดื่มเหล้ามา 40 ปีแล้วครับ

เอ้อ...ที่ไม่ดื่มน่ะ..ไม่ใช่คนดีนะครับ หนุ่มๆ ดื่มจนไส้จะขาดน่ะครับ เลยต้องงดเหล้าตลอดชีวิต..แหะ แหะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 11:05

..ข้าพเจ้าจะจัดให้เองค่ะ มีทติ้งนั่นน่ะ  :slime_fighto:
มีข้อแม้ว่าคนที่ตอบกระทู้นี้ต้องมาทุกคน ..เอาปะ?!

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

คัดคู่กรณีมา 4 คนก็พอน๊า
ผม ปู่เย็น ลุงแคน กะเจ้าของกระทู้

จากเดิมที่ผมกับลุงแคนอาจแค่ฟกช้ำดำเขียว ถ้าปล่อยให้มามากกว่านั้น ผมกับลุงแคนคงต้องเข้าห้อง ICU ละม๊าง  :slime_bigsmile: :slime_smile2:

เพราะหมดกระทู้เนี่ย รู้สึกจะมีเป้าให้รุมอยู่สองหน่อเองนิ! อิอิอิ!! มา 4 คนพอละ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 08-03-2008, 11:10
นึ่จะเป็นพันธมิตร หรือจะ แตกคอ กันครับ  (อย่าลืมไป ซัดพวกเวปลิ่วล้อด้วยนะ) :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 11:20
แหมถามกันจั๊ง....พวก สส. ด่าพ่อล่อแม่กันในสภา ออกมาเจอกันข้างนอกมันก็พวกเดียวกัน

ประเด็นโต้แย้ง เป็นเรื่องปกติ ในโลกประชาธิปไตย...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gun ที่ 08-03-2008, 11:24
กระทู้นี้มันจริง ๆ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อังศนา ที่ 08-03-2008, 11:29
คัดคู่กรณีมา 4 คนก็พอน๊า
ผม ปู่เย็น ลุงแคน กะเจ้าของกระทู้

จากเดิมที่ผมกับลุงแคนอาจแค่ฟกช้ำดำเขียว ถ้าปล่อยให้มามากกว่านั้น ผมกับลุงแคนคงต้องเข้าห้อง ICU ละม๊าง  :slime_bigsmile: :slime_smile2:

เพราะหมดกระทู้เนี่ย รู้สึกจะมีเป้าให้รุมอยู่สองหน่อเองนิ! อิอิอิ!! มา 4 คนพอละ

..ขืนมาแค่ ๔ คนน่ากลัวว่าจะเป็นบ๊อกซิ่งแทนมีทติ้งน่ะสิคะ  :slime_hmm:
เอาน่า.. ข้าพเจ้าว่าหากคู่กรณีได้เจอตัวประสานตากันละก็ :slime_sentimental:
ไทยมุง(คนอ่านที่วางอุเบกขา)ในงานคงไม่ปล่อยให้เกิดเลือดตกยางออกร้อก ..อิอิ

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 08-03-2008, 11:57
นี่ยังไม่รู้ตัวกันอีก เวรกรรม ที่เค้าเสี้ยมมาก็เพราะ ในไม่ช้าคาดการณ์ว่า ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ที่คนกรุงลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล มันจะเกิณไอ้แก๊งค์คุณนั่นแหละมาเป็นแนวต้าน มันเลยฝั่งหัวเรื่องพวกนี้ บัดซบแล้ว :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 12:07
ทำไมมีแก๊งส์คุณ แก๊งส์ผม

พันธมิตรอีสานก็จัดตั้งไปแล้วนี่

บักใสก็คนอีสาน อ.สมเกียรติก็คนอีสาน

ผมยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่ต้องออกมาต่อต้าน

ยังอีกนานครับ ช่วงนี้ก็คงแค่ยื่นตรวจสอบออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน

ถ้าสถานการณ์มันสุกงอมพอ ประชาชนเค้าจะออกมาเอง

เอ้อ..คนกรุงจะออกมาเล่นประเด็นไหนครับ ช่วยบอกที





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 08-03-2008, 12:10
ลุงแคนลองไปฟังคลื่นพวก 92 กว่าๆ ดูซิ มันเสี้ยมกันอยู่ ด่ากันออกอากาศเลย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 08-03-2008, 12:15
โทษทีที่อาจทำให้เข้าใจผิด มันไม่ได้ออกอาศเสี้ยมกันตอนนี้ ที่พิมพ์ไปข้างบนอาจทำให้คิดเป็นอย่างนั้น แต่ผมนั่ง Taxi กลับบ้านประจำช่วง 4 ทุ่ม แล้วมันก็มักจะเปิดคลื่นนี้ เนื้อหายั่วยุให้คนอีสานเกลียดคนกรุงอย่างเดียว หลายวันแล้ว ไม่รู้หมดไปยัง เมื่อวานไม่ได้กลับ Taxi


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 08-03-2008, 12:18
พันธมิตรอีสานคงกลุ่มไม่ใหญ่ แต่คนอีสานที่เชียร์ไอ้แม้ว แล้วมันเสี้ยมอยู่หน่ะ ใหญ่มากๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 12:29
เราทำอะไรเค้าไม่ได้หรอกครับ

มันเป็นสิทธิ์และเสรีภาพที่จะเคลื่อนไหว

คนกลุ่มที่จะมาก็คงเป็นกลุ่ม "จตุจักร" เดิมๆ ครับ

เมื่อกี้สนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า เฉลิม ขอมาเคลียร์ แต่สนธิไม่เล่นด้วย

เพราะไม่อยากสร้างราคาให้เฉลิม

อ้อ...สนธิจะไปพักผ่อนเชียงราย นายชวนจะลงปักษ์ใต้ มาเจอกันที่สนามบินโดยบังเอิญ..เลยได้คุยกันเล็กน้อย

ส่วนหากจะมีกลุ่มอีสานมากทม. คงยากครับ...ยกเว้นจ้างมา

อย่าไปตื่นเต้นครับ หากรัฐบาลจัดมาชน รัฐบาลยิ่งจะถูกโค่นง่ายขึ้น

ลองฝ่ายพันธมิตร บาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรอกครับ

อย่าไปตื่นเต้นครับ...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gun ที่ 08-03-2008, 12:39

อย่าไปตื่นเต้นครับ หากรัฐบาลจัดมาชน รัฐบาลยิ่งจะถูกโค่นง่ายขึ้น

ลองฝ่ายพันธมิตร บาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรอกครับ

อย่าไปตื่นเต้นครับ...

แน่ใจหรือครับ ว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้
Standard ประเทศนี้มันบิดเบี้ยวมานานแล้ว

อาจจะอยู่ได้ก็ได้ใครจะไปรู้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 12:48
ประวัติศาสตร์มันเป็นเช่นนั้น

แนวทางการประท้วงของพันธมิตรยืนหยัดแนวสันติอหิงสาของแท้

ยืนหยัด อดทนตลอดไป ไม่มีทางจะสร้างความรุนแรงได้

รับประกันไม่มีเรื่องหรอก พวกแอบแฝงไปใช้วิชามารเค้าป้องกันไว้ดี

ที่สำคัญผมยังมองไม่ออกว่า พันธมิตรจะออกมาเดินขบวนหรือทำม้อบด้วยประเด็นไหน

มันยังไม่ถึงเวลาเลยครับ...มีแต่ต้องจับตาดู คอยตะโกนผ่านสื่อ กระแสยังไม่มีอะไรเข้มข้นพอ

อย่างมากก็จะมากก็มีกลุ่มปู่เดช พ่มคชา ไปเล่นงานรมต.สาธารณะสุข

ฝ่ายเชียร์ รมต. ก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะออกมา

ฝ่ายเรายังคงเดินเกมอย่างสุขุมเหมือนเดิมครับ

หลักของการทำม้อบทีจะได้รับชัยชนะคือ

คุณต้องทำตัวเป็นพระเอก ยอมให้เค้าต่อยโดยไม่ตอบโต้

อาจารย์โต้ง บุกเข้าไปในม้อบเค้า โดนถีบออกมา พวก นปก.ก็เป็นผู้ร้ายทันที

และต้องให้ความมั่นใจกับม้อบว่าทุกคนจะต้องปลอดภัย

หากทำตัวเป็นผู้ร้ายแบบม้อบ นปก. ก็มีแต่ทางเดียวคือโดนข้อหา ติดคุก ต้องประกันตัว

และพ่ายแพ้ในที่สุด

ถ้าพวกเราจะไป ต้องมั่นใจว่า ไม่กลัวเจ็บหากถูกทำร้าย และต้องอดทนให้ฝ่ายเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ

อย่าไปหลงกลตอบโต้ด้วยความรุนแรงเด็ดขาด

ความกล้าหาญของนักประท้วง คือกล้าที่จะให้คนอื่นทำร้าย ไม่ใช่กล้าต่อยคนอื่น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-03-2008, 19:56
ขออนุญาตนอกเรื่องค่ะ  :slime_smile:

สมัยก่อน ได้ยินคนเค้าพูดกันบ่อย ๆ ว่า " ตรุษฝรั่งพี่ไทยก็เมา ตรุษจีนพี่ไทยก็เมา ตรุษไทยก็เมา ตรุษไหน ๆ พี่ไทยก็เมา"  :slime_bigsmile:

สำหรับคนจีนรุ่นแรกที่อพยพมาเมืองไทยเมื่อประมาณหลายสิบปีก่อนอาจจะถึงร้อยปี กับรุ่นต่อมา เข้าใจว่าส่วนใหญ่ มักจะต่อต้านถ้าลูกหลานจะต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองเรียกว่า "ฮวงนั้ง" ซึ่งทัศนคติเช่นนี้ยังส่งผลมาถึงทุกวันนี้ ถ้าลูกหลานมีคนรัก ประโยคแรกที่จะสอบถามประวัติคนรักที่แปลได้ความว่า "ตึ่งนั้งหรือป่าว" อย่างน้อยขอให้มีเชื้อจีนสักน้อยนิดก็ยังดี  คนไทย(สมัยนั้น)จะถูกมองว่า ขี้เกียจทำมาหากิน เอาแต่เมาอีกต่างหาก

ส่วนคนที่เรียกตนเองว่า "ตึ่งนั้ง" ก็ยังมองคนอื่นที่ต่างเผ่าพันธุ์ออกไปแม้จะจีนเหมือนกันก็เถอะ ที่ได้เคยยินได้ฟังก็เช่น

ถ้าเป็นจีนแต้จิ๋ว -- หน้าใหญ่ (จนมีคำพูดว่า "บ่อเลี่ยงตึ้งซีเป๋"  :mrgreen:)

จีนแคะ- และไหหลำ -- เค็ม ขี้เหนียว (ทั่นเหลี่ยมนี่เชื้อสายคนจีนแคะ ส่วนสนธิ ลิ้มก็เชื้อสายจีนไหหลำ สงสัยจะจริงแฮะ  :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: อีกตัวอย่างหนึ่งที่คนเค้าชอบยกมาก็คือ กลุ่มเซ็นทรัล )

จีนกวางตุ้ง -- เชี้ยพิ้งบ่อเชี่ยจั่ว หัวเราะเยาะคนจน แต่จะชื่นชมคนรวย (รวยด้วยวิธีการอย่างไรไม่สำคัญขอให้มีเงินก็แล้วกัน จะ "จั่วกุ๊กเท้า" อย่างไรก็ไม่ว่า)

แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป นิยามของ "คนไทย" เมื่อหลายสิบปีก่อน กับ "คนไทย" ในยุคนี้ มันคนละเรื่องกันเลย

ก็เลือกพิจารณาเอาว่า จะหลงไปกับทัศนคติแบบเหมารวมในแง่ลบแบบผิวเผิน ฉาบฉวย หรือจะมองในแง่ปัจเจก หรือจะศึกษาวิเคราะห์เจาะลึกต่อว่าปัญหาอยู่ที่ทัศนคติของคนมองที่หลงตัวเอง แต่อคติกับคนอื่น หรือไม่ 



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 20:37
เศรษฐีเมืองไทยติดอันดับโลกมี 3 คน

คนแรกเมื่อก่อนขายยา ตอนหลังขายกระทิงแดง

คนที่สองขายเหล้าขายเบียร์

คนที่สาม ขายสินค้าเกษตร ตั้งแต่เมล็ดพืช ไปจนสินค้าส่งออก

มันบอกอะไรในนั้นเยอะครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 08-03-2008, 20:38
ขออนุญาตนอกเรื่องค่ะ  :slime_smile:

สมัยก่อน ได้ยินคนเค้าพูดกันบ่อย ๆ ว่า " ตรุษฝรั่งพี่ไทยก็เมา ตรุษจีนพี่ไทยก็เมา ตรุษไทยก็เมา ตรุษไหน ๆ พี่ไทยก็เมา"  :slime_bigsmile:

สำหรับคนจีนรุ่นแรกที่อพยพมาเมืองไทยเมื่อประมาณหลายสิบปีก่อนอาจจะถึงร้อยปี กับรุ่นต่อมา เข้าใจว่าส่วนใหญ่ มักจะต่อต้านถ้าลูกหลานจะต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองเรียกว่า "ฮวงนั้ง" ซึ่งทัศนคติเช่นนี้ยังส่งผลมาถึงทุกวันนี้ ถ้าลูกหลานมีคนรัก ประโยคแรกที่จะสอบถามประวัติคนรักที่แปลได้ความว่า "ตึ่งนั้งหรือป่าว" อย่างน้อยขอให้เชื้อจีนสักน้อยนิดก็ยังดี  คนไทย(สมัยนั้น)จะถูกมองว่า ขี้เกียจทำมาหากิน เอาแต่เมาอีกต่างหาก

ส่วนคนที่เรียกตนเองว่า "ตึ่งนั้ง" ก็ยังมองคนอื่นที่ต่างเผ่าพันธุ์ออกไปแม้จะจีนเหมือนกันก็เถอะ ที่ได้เคยยินได้ฟังก็เช่น

ถ้าเป็นจีนแต้จิ๋ว -- หน้าใหญ่ (จนมีคำพูดว่า "บ่อเลี่ยงตึ้งซีเป๋"  :mrgreen:)

จีนแคะ- และไหหลำ -- เค็ม ขี้เหนียว (ทั่นเหลี่ยมนี่เชื้อสายคนจีนแคะ ส่วนสนธิ ลิ้มก็เชื้อสายจีนไหหลำ สงสัยจะจริงแฮะ  :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: อีกตัวอย่างหนึ่งที่คนเค้าชอบยกมาก็คือ กลุ่มเซ็นทรัล )

จีนกวางตุ้ง -- เชี้ยพิ้งบ่อเชี่ยปู่ หัวเราะเยาะคนจน แต่จะชื่นชมคนรวย (รวยด้วยวิธีการอย่างไรไม่สำคัญขอให้มีเงินก็แล้วกัน)

แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป นิยามของ "คนไทย" เมื่อหลายสิบปีก่อน กับ "คนไทย" ในยุคนี้ มันคนละเรื่องกันเลย

ก็เลือกพิจารณาเอาว่า จะหลงไปกับทัศนคติแบบเหมารวมในแง่ลบแบบผิวเผิน ฉาบฉวย หรือจะมองในแง่ปัจเจก หรือจะศึกษาวิเคราะห์เจาะลึกต่อว่าปัญหาอยู่ที่ทัศนคติของคนมองที่หลงตัวเอง แต่อคติกับคนอื่น หรือไม่ 



อ้าววว  สรุปว่า เหลี่ยม นี่มัน จีนเเคระ หรือ... ผมนึกว่ามันเป็นพวก จีนเตี๊ยะ ซะอีกกกก :slime_whistle:
 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 21:22
รู้สึกจะเคยมีรูป ทักษิณไปไหว้บรรพบุรุษที่เมืองจีน

มีเจ๊หน่อยแต่งชุดจีน ไปร่วมงาน

คนอีสานก็คล้ายๆ กรุงเทพ มีคนจีนไปตั้งรกรากกันมานาน

ผสมผสานเชื้อสายจากลาวเวียง ลาวจำปาศักดิ์

ช่วงพระวอพระตา อพยพผู้คนขามโขงมา เพื่อมาอาศัยเจ้าลาวจำปาศักดิ์ ก็ทิ้งผู้คนตามรายทางไว้เป็นกลุ่มๆ เมื่อ 200 ปี

ช่วงตั้งกรุงเทพนั่นแหละ

จะว่าไปก็พวกเจนละบก ที่กลายมาเป็นเผ่า "ศยาม"หรือ "เสียม" อพยพทำมาค้าขายไปทางสุโขทัย ผ่านเพชรบูรณ์

พวกที่ใกล้แม่น้ำโขง มีสัมพันธ์ไทยลาวลึกซึ้ง

บางกลุ่มเป็นญวนปนไทย...นั่นก็ไปอีกเชื้อชาติ...

แต่บ้านบักใส หรือบ้านเนวิน มีเชื้อสาย เขมร ส่วย ฯลฯ ปะปนกันอยู่เยอะ

อีกด้าน สุรินทร์ บุรีรัมย์ คนชายขอบทุ่งกุลาร้องไห้ ก็เป็นการผสมผสานชาติพันธุ์ที่แปลกไปอีก

การผสมผสานของหลายชาติพันธุ์ ในอีสานจึงหาคำนิยามยากครับว่า จริงๆ แล้ว คำว่า "คนอีสาน" คืออะไร

อยากรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับคนอีสาน ต้องอ่าน "ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยาม" ของอาจารย์ศรีศักดิ์  และสุจิตต์ วงษ์เทศ

ไม่ก็ไปอ่านผลงานอาจารย์ธิดา ศาลายา

พวกชอบสรุปอะไรแบบมักง่าย ผมถึงบอกว่า พวกตาบอดคลำช้าง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 08-03-2008, 21:35

อยากร้องไห้ กับ หัวเราะ สลับ กันไป ใช้อะไรคิดกัน????

แก๊งลักนอตทำวุ่น เสาไฟแรงสูงล้ม! ดูมันทำ !!! ใครจะเดือดร้อนก็ช่าง



โจรมักง่ายถอดนอตเสาไฟฟ้าแรงสูงล้มระเนระนาด ทำไฟฟ้าดับป่วนไปทั่วเมือง ทำมั่วนิ่มแกล้งไปตกปลาย่านหนองจอก เพื่อนร่วมแก๊งถอดนอตยึดเสาไฟฟ้าแรงสูง 36 ตัว จนเสาไม่มีแรงยึด กระชากสายไฟฟ้าแรงสูงขาดกระเด็น ตัดขาดระบบสายส่งภาคตะวันออก-กรุงเทพฯ กระแสไฟฟ้า 5 แสนโวลต์วิ่งลงดินจนไฟลุกพึ่บไหม้ทั่วทุ่ง ค่าเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท ไม่นับค่าเสียโอกาสที่ไฟดับและเสียความเชื่อมั่น รองผู้ว่าฯกฟผ.แฉตรวจพบเสาไฟแรงสูงย่านฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี กว่า 20 ก.ม. เจอถอดนอตไปแล้ว 18 ตัน ลักขายร้านของเก่าก.ก.ละ 10-12 บาท ทั้งที่กฟผ.ซื้อมาก.ก.ละ 50-60 บาท ส่วนในภาคอีสาน โคราช ขอนแก่น อุบลฯ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ชาวบ้านขโมยไปใส่รถอีแต๋นเพราะมีขนาดเดียวกัน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 มี.ค. ร.ต.ท.จาตุรนต์ จันทรวรชาต ร้อยเวรสน.หนองจอก กทม. รับแจ้งเหตุเสาไฟฟ้าแรงสูงล้ม บริเวณพื้นที่จัดสรรหมู่บ้านเกษตรปรีชา หมู่3 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดตรวจสอบพร้อมด้วยพล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.3 พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ รองผบก.น.3 พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผกก.สน.หนองจอก และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเสาไฟฟ้าแรงสูง ความสูงประมาณ 50 เมตร หักล้มได้รับความเสียหาย เสาไฟฟ้าดึงสายไฟที่ยึดติดอยู่ขาดทั้งหมด ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวไฟฟ้าดับ ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบถุงพลาสติกภายในบรรจุนอตที่ใช้ยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงกว่า 100 ตัว น้ำหนักรวม 20 กิโลกรัม ประแจเลื่อน 1 อัน ขวดน้ำมันหล่อลื่นและรองเท้าแตะของคนร้ายตกอยู่ บริเวณฐานของเสาไฟฟ้าแรงสูง พบเหล็กที่ใช้ประกบยึดฐานเสาไฟฟ้าตกอยู่ นอกจากนี้พบคราบน้ำมันหล่อลื่นบริเวณโคนเสาไฟฟ้าแรงสูงต้นที่ 3 ฝั่งตะวันตก ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะใช้ทา เพื่อให้ถอดนอตง่ายขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญนายเอกสิงห์ เกิดกำไร เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย กฟผ. มาให้ข้อมูลด้านเทคนิค

พล.ต.ต.อนันต์กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกระจายกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมุ่งไปที่คนร้ายที่มีพฤติกรรมเคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากดูจากพฤติกรรมที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ มีความเชี่ยวชาญและชำนาญมาก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

ด้านนายวิเชียร เนียมสอน หัวหน้ากองบำรุงรักษาสายส่งกฟผ. กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ารุนแรงมาก เนื่องจากเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ล้มเป็นเสาไฟแรงดันขนาด 500,000 โวลต์ เมื่อเสาไฟฟ้าล้มลง ทำให้การเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของภาคตะวันออกและกรุงเทพฯ ถูกตัดขาด เบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามีคนร้ายได้ถอดนอตบริเวณฐานของเสาไฟฟ้า ซึ่งเสาไฟฟ้าแรงสูงเกือบทั้งหมดจะมีนอตยึดบริเวณฐานประมาณ 36 ตัว ซึ่งคนร้ายน่าขโมยนอตที่ยึดฐานกับเสาไฟฟ้าไปจำนวนมาก ทำให้ฐานรับน้ำหนักของเสาไม่ไหวและหักล้มลงมา

นายวิเชียรกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบประแจเลื่อน น้ำมันหล่อลื่น และรองเท้าแตะของคนร้ายตกอยู่ โดยก่อนเกิดเหตุมีเด็กที่เล่นน้ำอยู่เห็นกลุ่มชายต้องสงสัยประมาณ 20 คน ขับรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน 2 คัน เมื่อมาถึงกลุ่มชายดังกล่าวได้แยกย้ายกัน โดยบางคนทำทีจะจับปลา ส่วนอีกกลุ่มไปถอดนอต เมื่อเสาไฟฟ้าล้มกลุ่มคนร้ายได้ขึ้นรถหลบหนีไปทางถ.สุวินทวงศ์ ส่วนสาเหตุที่เกิดไฟไหม้บริเวณที่เกิดเหตุ เนื่องจากเมื่อเสาไฟฟ้าแรงสูงล้มทำให้เกิดประกายไฟและลุกลามไหม้หญ้าแห้ง สำหรับมูลค่าความเสียหายนั้น เสาไฟฟ้าแรงสูงจะมีราคาประมาณ 3.6 ล้านบาท สายไฟฟ้าประมาณ 3 ล้านบาท แต่ที่ถือว่าเสียหายมากที่สุดคือค่าเสียโอกาส เนื่องจากทำให้ระบบของกฟผ.ดูไม่มั่นคงและมีผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้า โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการเก็บกู้เสาไฟฟ้าแรงสูงที่ล้มประมาณ 5-6 วัน

"หลังรับแจ้งไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะผมทำงานมากว่า 30 ปี ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ อีกทั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงถือเป็นเสาไฟที่แข็งแรงที่สุดในประเทศไทย โดยเสามีน้ำหนักประมาณ 50 ตัน สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปีพ.ศ.2546 ที่อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ครั้งนั้นประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันเวลา เสาไฟฟ้าแรงสูงจึงเอียงลงมาเท่านั้น โดยจากการตรวจสอบพบว่าถูกขโมยนอตเช่นกัน" หัวหน้ากองบำรุงรักษาสายส่งกล่าว

นายวิเชียรกล่าวอีกว่า ตอนนี้กฟผ.ถูกคนร้ายขโมยนอตยึดเสาไฟฟ้าไปเกือบทั่วประเทศ มีเพียงพื้นที่ภาคใต้เท่านั้นที่ถูกขโมยน้อยที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้สำรวจเสาไฟฟ้าในจ.ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี ระยะทางประมาณ 20 ก.ม. พบว่าถูกขโมยชิ้นส่วนต่างๆของเสาไฟฟ้าน้ำหนักรวมประมาณ 18 ตัน โดยส่วนมากคนร้ายจะนำนอตที่ขโมยมาได้ไปขายตามร้านรับซื้อของเก่าในราคา 10-12 บาทต่อกิโลกรัม แต่กฟผ.ต้องซื้อนอตมาในราคา 50-60 บาทต่อก.ก. ต่อมาเจ้าหน้าที่กฟผ.ได้เชื่อมนอตยึดติดกับเสาไฟฟ้า แต่คนร้ายยังหาวิธีการมาขโมยนอต อาทิ ใช้น้ำกรดและน้ำมันหล่อลื่น จึงอยากฝากไปยังประชาชนหากพบเห็นคนร้ายที่มีพฤติกรรมขโมยนอตเสาไฟฟ้ากรุณาแจ้งมาที่ 0-2436-2413-4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ควบ คุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยนอตยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงมาสอบปากคำ โดยจากการสอบสวนเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยดังกล่าวน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายจำนงค์ วงศ์สว่าง รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่าพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือจ.พระนครศรีอยุธยาและปราจีนบุรี ขณะนี้ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ค้าของเก่าในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับทางการด้วยการไม่รับซื้อเหล็กที่ขโมยมาจากเสาไฟฟ้าแรงสูง ขณะเดียวกันกฟผ.ได้ขันหัวนอตแน่นขึ้น ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการขโมยได้ระดับหนึ่ง

นายปรีชา จูสิงห์ ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กฟผ. กล่าวว่าชิ้นส่วนของโครงเหล็กเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ชนบท ซึ่งตามโครงสร้างมีนอตยึดระหว่างโครงเหล็กเพื่อกันไม่ให้ล้ม แต่ละเสามีนอตมากกว่า 1,000 ตัว ปัจจุบันในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม มีคนขโมยถอดเหล็กชิ้นส่วนของเสาไฟฟ้าแรงสูง โดยเฉพาะนอตและแผ่นเหล็กฉากความยาวประมาณ 3 เมตรไปจำนวนมาก สืบทราบว่าบางส่วนนำไปขาย แต่บางส่วนนำนอตไปใช้กับรถไถนาเดินตาม หรือรถอีแต๋น เพราะมีขนาดเดียวกัน



http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOakE0TURNMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNeTB3T0E9PQ==


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 22:09
^
^

พอใจรึยัง  :slime_bigsmile:
คนอั*** มันมีทุกภาคแหละครับ

รวบแก๊งวัยรุ่นข้ามถิ่นขโมยยางแผ่น
ตำรวจรวบยกทีม 4 หัวขโมยวัยรุ่นเมืองคอน อายุระหว่าง 17-22 ปี เห็นยางมีราคาดี เลยรวมพวกบึ่งรถเครื่องออกจากจังหวัด ข้ามไปลักยางแผ่นชาวบ้าน อ.ห้วยยอด ขายหาเงินเที่ยว

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม สายตรวจ สภ.ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ร่วมกับสายตรวจชุมชน อ.รัษฎา จับกุมกลุ่มวัยรุ่นขณะลักยางพาราแผ่นในท้องที่หมู่ 1 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด พร้อมด้วยของกลางยางพาราแผ่น 63 แผ่น มูลค่าประมาณ 5,200 บาท รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ สีม่วง ดำ ทะเบียน ขพต 956 นครศรีธรรมราช และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีม่วง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นำส่ง ร.ต.อ.จรูญ เอียดสีทอง ร้อยเวร สภ.อ.ห้วยยอด สอบสวนดำเนินคดี

ผู้ต้องหาประกอบด้วย 1.นายสมพงษ์ สงวนเชาว์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169/1 หมู่ 1 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช 2.นายสุพล ด้วงฤทธิ์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122/5 หมู่ 2 ต.หินตก 3.นายอาณัติ พิศแลงาม อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 375 หมู่ 1 ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ 4.นายพล (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว ต.เสาธง

ร.ต.อ.จรูญ เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากสายตรวจ สภ.อ.รัษฎา ได้วิทยุแจ้งว่ามีชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน นั่งซ้อนท้ายกันมารวม 4 คน ตามเส้นทางถนนสาย อ.รัษฎา โดยขนยางพาราแผ่นด้วยท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.ต.ห้วยนาง จึงประสานสายตรวจ สภ.อ.รัษฎา ให้สกัดกลุ่มดังกล่าว ก่อนออกติดตามไป จนร่วมกันควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้บริเวณสามแยกบ้านควนยอม ถ.บ่อล้อ-ลำทับ หมู่ 7 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา นำมาสอบปากคำที่โรงพักก่อนแจ้งข้อหา

ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ช่วงนี้ยางพารามีราคาดี พวกตนจึงร่วมกันขี่รถจักรยานยนต์มาออกจาก จ.นครศรีธรรมราช มุ่งไปที่พื้นที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อลักยางพาราแผ่นโดยเฉพาะ โดยใช้ช่วงกลางดึกซึ่งปลอดผู้คน หลังจากได้ยางตามต้องการแล้วจะนำไปขายตามร้านรับซื้อยางพาราทั่วไปในจังหวัด แล้วนำเงินมาแบ่งกันใช้เที่ยวเตร่ จนกระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวนในที่เกิดเหตุ เลขที่ 280 หมู่ 1 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด เพื่อสอบถามนางอุบล คงพรรณ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านว่ายางพาราแผ่นหายไปหรือไม่ โดยเจ้าของบ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนหลับอยู่ในบ้าน จึงไม่ทราบว่ายางพาราแผ่นที่ตากทิ้งไว้ในโรงรีดยางด้านหลังบ้านหายไปรวม 43 แผ่น ส่วนของนายไกรทิพย์ ไกรนรา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 1 ต.ห้วยนาง ยางพาราได้หายไป 20 แผ่น เช่นกัน

http://www.komchadluek.com/news/2005/08-22/cri-18397363.html

 :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 22:13
ลุงแคน
ผมไปเจอบทความของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของภาค xx
เขาบอกว่าพรรคของเขาเลยน๊า....
มิน่าล่ะ 5555
เอาไปเถอะ ไม่มีใครอยากได้หรอก

"พรรคของเราคนของเรา" ...ประชาชนได้อะไร !?

(http://www.focuspaktai.com/upload/news/news_10185.jpg)

หลังพรรคประชาธิปัติย์มีการอนุมัติให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นลงในนามพรรคทั้ง ในส่วนของเทศ บาลและ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้ง 8 แห่งในภาคใต้ ได้แก่ นายอำนวย บัวเขียว อบจ. ชุมพร,นายนภา นาทีทอง อบจ.ระนอง,นายธานี เทือกสุบรรณ อบจ.สุราษฎร์ธานี,นางอั
ญชลี วานิช เทพบุตร อบจ.ภูเก็ต,นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อบจ.พัทลุง,นายธานินทร์ ใจสมุทร อบจ.สตูล,นายดาวุด ซา อบจ.ยะลาและนายไพร พัฒโน เทศบาลนครหาดใหญ่
เริ่มมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองและมีประเด็นที่น่าสนใจเกิดขึ้นว่า การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นลงในนามพรรคของพรรคประชาธิปัตย์นั้น
ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ และการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของพรรคประชาชนได้อะไร เมื่อพรรคประชาธิปั
ตย์คือพรรคของคนใต้

หลังพรรคประชาธิปัตย์อนุมัติให้นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 6 สมัยลงสมัครนายกอบจ.จังหวัดพัทลุงก็เกิดกระแสข่าวว่าบรรดาสมาชิกสภา
องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุงและว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต่างย้ายทีมมาเข้ากับนายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อีกทั้งความแน่ชัดที่นายสานันท์
สุพรรณ ชนะบุรี นายกอบจ.พัทลุงคนปัจจุบันเริ่มไม่ชัดเจนว่าจะลงสมัครอีกหรือไม่ ทั้งที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก็จะหมดวาระลง
ย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งอบจ.พัทลุงครั้งที่แล้วที่นายสานันท์ ได้รับการสนับสนุนจากนายนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่นายสุพัฒน์
สนับสนุนนายบันเทิง วรศรี ลงนายกอบจ. มาครั้งนี้นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร ยอมสละเก้าอี้ ส.ส.ส่งลูกสาวลงส.ส.แทน ตนหันมาลงสนามการ เมืองท้องถิ่นอย่างอบจ.ทำให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.ในมุ้งเดียวกันต้องถอยออกมา นายสานันท์ ขณะนี้จึงดูเหมือนไร้คนสนับสนุน ในสนามการเมืองภาคใต้ที่ยังขายความเป็นประชาธิปัตย์
นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร ว่าที่ผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุงและอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีมติอนุมัติให้ตนลงสมั
ครนายกอบจ.ในนาม พรรคแล้ว ด้านความแน่ชัดว่าใครบ้างที่จะมา เป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่มีใครเปิด ตัวชัดเจน ด้านนายสานันท์ นายกอบจ.คนปัจจุบันจะลงสมัครหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ส่วนกระแสข่าวที่ว่าสมาชิกสภาองค์ การบริหารส่วนจังหวัด ต่างย้ายทีมมาอยู่กับ ตนขณะนี้ส.จ.เก่าจำนวน 26 คนมาอยู่กับตน ทั้ง นี้ส.จ.ทั้งหมดล้วนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้นและแจ้งความประสงค์ที่จะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้นเพราะฉะนั้น ส.จ.ทั้งหมดคือคนของพรรคประชาธิปัตย์และตนก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์
ด้านความได้เปรียบเสียเปรียบที่ตนลงในนามพรรคประชาธิปัตย์นายสุพัฒน์ กล่าวว่า มีทั้งความได้เปรียบและเสียเปรียบ ที่ผ่านมาทั้ง การเมืองท้องถิ่นและ
การเมืองระดับชาติเข้ากัน ไม่ได้ทำให้มีปัญหาเรื่องการพัฒนาจังหวัด เวลาส.ส.คิดอย่างไรท้องถิ่นไม่ได้คิดตาม ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปั
ตย์ต้องเป็นพรรคแรกที่ทำให้การเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติไปด้วยกันได้ ในวันนี้ถึงพรรคไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่นโยบายของพรรคก็สามารถนำมาใช้ได้
ในจังหวัดพัทลุงที่ผ่านมาการเมืองท้อง ถิ่นกับการเมืองระดับชาติไม่เอื้อต่อกันทำให้มี ปัญหาในการพัฒนาพัทลุงเพราะฉะนั้นหากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจั
บมือกันเป็นเครือข่ายร่วมกันพัฒนากับการเมืองระดับชาติ หากการพัฒนาไปกันได้จะเป็นประโยชน์ ต่อบ้านเมืองและประชาชนได้ประโยชน์
ส่วนความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้ง นี้ตนมีความพร้อมมานานแล้ว ตนรอที่จะลง สมัคร นายกอบจ.มานานแล้วตามที่พรรคต้องการให้ตนลงส่วนคู่แข่งนั้น ยั
งไม่มีการเปิดตัวแต่อย่างใดนายสุพัฒน์กล่าวและว่า
ด้านนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พัทลุง กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่มีการเปิดตัวว่าจะลง สมัครอีกครั้ง หรือไม่ต้องรอหลังหมดวาระ
ส่วนเรื่องส.จ.ที่ไปอยู่กับนายสุพัฒน์นั้นตนไม่ทราบและไม่ขอให้ความคิดเห็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งคนลงในนามพรรค
ด้านสนามการเลือกตั้งอบจ.สตูลซึ่งขณะนี้มีความแน่ชัดแล้วว่าจะมีผู้สมัครลงชิง นายกอบจ. 3คน คือนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งลงสมั
ครในนามพรรคประชาธิปัตย์ นายปัจจุบัน อังโชติ พันธ์ อดีตนายกอบจ.และนายวิทูร หลังจิ นายกอบจ.สตูลคนปัจจุบัน
นายธานินทร์ ใจสมุทร อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์และว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.สตูลในนามพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การเลือกตั้งอบจ.ครั้งนี้พรรคมีมติให้ตนลงใน นามพรรคประชาธิปัตย์ คนสตูลส่วนใหญ่ให้ การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว นี้เป็นครั้งแรกที่พรรคส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นในนามพรรค ด้านความได้เปรียบเสียเปรียบนั้นขณะนี้ยังมองไม่ออก ตนเป็นทีมเดียวที่ส.จ.ในการลงสมัครครั้งนี้เป็นทีมนอกนั้นลงนายกอบจ.คนเดียวทั้งสิ้น และตน มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนการลงในนามพรรคหรือไม่ลงในนามพรรคนั้น ตนมองว่ามีความแตกต่างกันมาก การที่พรรคสนับสนุนมีข้อดีที่ว่า เหมือนมีคนรับรองในเรื่องตัวผู้สมัคร ในความโปร่งใสในการทำงาน เหมือนมีพี่เลี้ยงทั้งในการตรวจสอบการทำงาน การจะทำอะไรต้อง คำนึงถึงพรรคด้วยเพราะเราเป็นคนของพรรคนายธานินทร์ กล่าว ด้านนายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ อดีตนายกอบจ.กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้ความสนใจว่าใครจะลงสมัครครั้งนี้ในนามอะไร ตนมอง ว่าเป็นผู้สมัครคนหนึ่งที่เข้ามาในสนามการเลือกตั้งอบจ.ซึ่งเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น ด้านความได้เปรียบเสียเปรียบนั้นขึ้นอยู่กับพี่น้อง ประชาชนที่ต้องรับรู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็น การเลือกตั้งอะไร แบบไหน เป็นการเมืองใหญ่ หรือการเมืองท้องถิ่นประชาชนจะตัดสินใจเอง ความได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ที่ว่าใครจะมีกลยุทธ์การหาเสียงแบบไหน ความพร้อมที่จะเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนต่างหากที่เป็นความได้เปรียบ และหากพูดถึงความพร้อมตนเป็นคนแรกที่ขึ้นป้ายหาเสียงเป็นคนแรกในจังหวัดสตูล ตนมีความพร้อมที่จะเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนจริงๆ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกั
บพรรคหนึ่งพรรคใด
การแข่งขันครั้งนี้ตนไม่ได้กังวลว่าใครเข้ามาเป็นคู่แข่งหรือใช้ยี่ห้ออะไรมาลงแข่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพร้อม ด้านความมั่นใจตนมีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนจะ
ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนว่าต้องการคนแบบไหน คนที่เป็นนักการเมืองมา หลายสมัยแต่เคยทำอะไรเพื่อชาวบ้านบ้างประชาชนรู้ดีว่าใครเป็นอย่างไร
เป็นใครมาจากไหน จะมาหลอกลวงประชาชนอีกไม่ได้ ประชาชนน่าแยกแยะได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้ง แบบไหนและเลือกคนเข้าไปทำอะไร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนดูแลพี่น้องประชาชนมาตลอดเพราะฉะนั้น ฐานเสียงจึงมีอยู่ในทุกๆ กลุ่ม ตนสามารถยืนอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งการทำมาหากินทางการเมืองพร้อมที่จะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ด้านนายวิทูร หลังจิ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นเรื่อง ความได้เปรียบเสียเปรียบทาง การเมืองที่ใครลงในนามพรรคหนึ่งพรรคใด ตนมองการแข่งขันการเลือกตั้งอบจ.ครั้งนี้เหมือนครั้ง ที่ผ่านมา และมีความพร้อมที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนมากกว่าครั้ง
ที่ผ่านมาเนื่องจากตนบริหารงานมาแล้วถึง 4 ปี
ด้านนายประสงค์ สุวรรณวงศ์ หรือปลัดอ๋อย หนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกเทศ มนตรีนครหาดใหญ่กับนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ที่ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรคลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่แต่ละคนจะมีผู้ให้การสนับสนุน ให้การช่วยเหลือ ตนไม่ขอให้ความคิดเห็นอะไรมากกว่านี้ อ.จรูญ หยูทอง นักวิจัยสถาบันทักษิณคดีศึกษาและนักวิชาการท้องถิ่น ให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในองค์การปกครอง ส่วนท้องถิ่นลงในนามพรรค ว่า ตนคิดว่าการ ลงสมัครในนามพรรคนั้นเป็นความประสงค์ของผู้สมัครที่ต้องการลงในนามพรรคเพราะในพื้นที่ภาคใต้การลงในนามพรรคประชาธิปัตย์นั้นทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้
ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของนักการเมืองท้องถิ่น ในภาคใต้ที่ต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่าตนเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์แต่ประชาชนจะได้ประโยชน์หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากคนที่พรรคส่งลงในนามพรรคเป็นคนดีก็ดีไปแต่ถ้าคนที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนไม่ดีตามที่คาดหวังก็จะทำ ให้ประชาชนเสียประโยชน์ เพราะในพื้นที่ภาคใต้
ตรรกะของการเลือกคือเลือกเพราะเป็นประชาธิปัตย์ไม่ได้เลือกคนที่คุณภาพ การที่พรรคจะสนับสนุนใครลงในนามพรรคนั้นควรดูที่คุณสมบัติอื่นนอกเหนือจาก ความเป็นสมาชิกพรรค แต่ส่วนใหญ่ในภาคใต้นักการเมืองท้องถิ่นล้วนเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้นการจะได้ลงในนามพรรคหรือไม่ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรคเป็นสำคัญ การตัดสินใจเลือกของประชาชนส่วนใหญ่จึงดูว่าใครเป็น ประ ชาธิปัตย์มากกว่ากัน ใครเป็นคนของใครไม่ใช ่เรื่องเสียหายแต่การสนับสนุนใครควรดูที่คุณภาพของคนด้วย ถึงแม้เป็นคนของประชาธิ ปัตย์แต่ไม่มีศักยภาพก็ไม่น่าจะเป็นคนชี้ขาด ไม่ควรตัดโอกาสคนที่มีคุณภาพแต่ไม่มีโอกาสสังกัดพรรค ที่สำคัญคือประชาชนจะได้ประโยชน์จากการเมืองที่แท้จริง
ด้านความได้เปรียบเสียเปรียบทาง การเมืองการลงในนามพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะภาคใต้ ก่อให้เกิดความได้เปรียบทางการเมืองอย่างแน่นอน ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ว่าในอดีตใครสังกัดพรรคฝ่ายรัฐบาลจะได้เปรียบแต่ในภาคใต้ใครสังกัดพรรคฝ่ายค้านกลับได้เปรียบ ประชาชนควรพิจารณาคุณสมบัติอย่างอื่นด้วยประชาชนผู้เลือกควรเป็นผู้ตัดสิน กลายเป็นค่านิยมที่นักการเมืองท้องถิ่นในภาคใต้ต้องสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเพราะหาเสียงได้ง่าย โอกาสชนะมีสูง ไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้รับการเลือกจากพี่น้องประชาชน เราจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีดุลพินิจที่กว้างขึ้น ไม่ผูกติดอยู่กับพรรคหรือมติพรรค ยิ่งใน ปัจจุบันที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านด้วยแล้วไม่มีสิ่งใดยืนยันได้ว่าการลงในนามพรรคประชาธิปัตย์แล้วประชาชนจะได้ประโยชน์ ต้องถามประชาชนว่าคาดหวังอะไรจากการเมืองบ้าง ที่เราเลือกผู้แทนทุกวันนี้เราเลือกเป็นประเพณีนิยม เรื่องตามกันมาหรือไม่ ตนไม่ออกว่านโยบายของนักการเมืองท้องถิ่นที่จะนำมาแก้ไข พัฒนาท้องถิ่นของตน มีอะไรบ้างนอกจากการวิ่งเต้นเพื่อสังกัดพรรคใดพรรคหนึ่งภาคใต้กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้นำเอาการเมืองมาแก้ไขปัญหาในพื้นที่แต่เป็นการนำการเมืองมาประดับ การเมืองต้องกินได้ ต้องแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนได้ การลงในนามพรรค การสังกัดพรรคเป็นเกมส์การเมือง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตั
ดสิน
ในความคิดเห็นส่วนตัวตนมองว่านัก การเมืองท้องถิ่น ไม่ควรสังกัดพรรค เพราะพรรคสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้เกิดขึ้น และการสังกัดพรรคหรือลงในนามพรรคนั้นตนมองว่าควรจะสังกัดพรรครัฐบาลมากกว่า เพื่อสามารถดึงงบประมาณมาพัฒนาท้องถิ่นได้ง่ายกว่า ถ้านักการเมืองสังกัดพรรคจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องการพัฒนาเนื่องจากในพรรคเดียวกันก็มีการแบ่งขั้วกันเอง เกิดการแข่งขันเพื่อเอาชนะกันถามว่าประชาชนได้อะไร การพัฒนาในบางพื้นที่เกิดเงื่อนไข ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากนั้นก่อให้เกิดความแตก แยกในหมู่ประชาชน
ด้านดร.บูฆอรี ยีหมะ ประธานกรรม การสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยา ลัยราชภัฎสงขลา กล่าวว่า การส่งนักการเมืองท้องถิ่นลงสมัครในนามพรรคการเมือง เป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาอาจยังไม่มีความชัดเจน เป็นที่น่าสังเกตว่าที่ผ่านมาส.ส.หรือนักการเมืองระดับชาติบางคนก็มีการสนับสนุนนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็มีการสนับสนุนกันคนละคนและล้วนแต่เป็นประชาธิปัตย์ด้วยกันทั้งหมด ที่ผ่านมาการเมืองระดับชาติให้การสนับสนุนการเมืองท้องถิ่นในลักษณะเป็น การส่วนตัวมากกว่า คือเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนในพรรค
ความพยายามจะส่งคนลงในนามพรรค ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากส.ส.ในพรรคเองก็จะมีนักการเมืองท้องถิ่นในเครือข่ายที่แตกต่างกันก่อให้เกิดความขัดแย้งกันเอง และจะเห็นว่าในพื้นที่จังหวัดที่พรรคส่งคนลง ในนามพรรคนั้น เป็นพื้นที่ที่พรรคเห็นแล้วว่า การส่งใครคนใดคนหนึ่งลงในนามพรรคนั้น จะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือมีสมัครที่ลงแข่งมีตัว แทนของพรรคเพียงคนเดียว
การที่การเมืองระดับชาติเข้ามาสนับ สนุนการเมืองท้องถิ่นย่อมก่อให้เกิดความได้เปรียบ ในกรณีของภาคใต้ใครลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ย่อมได้เปรียบ คือ
ความเป็นพรรคทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในความพร้องและทำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับการ เมืองระดับชาติทำให้สะดวกในการประสาน ประโยชน์ด้านงบประมาณ ด้านพัฒนาท้องถิ่นได้ นอกจากนั้นยังได้เปรียบใน การหาเสียงเลือกตั้ง โดยการนำแกนนำพรรค มาช่วยเหลือในการหาเสียง
การส่งคนลงในนามพรรคมีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดี คือ ทำให้การเมืองท้องถิ่นเชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติในแง่ของแนว ทางในการพัฒนาหากพรรคนั้นเป็นพรรครัฐบาล หากเป็นคนละพรรคหรือพรรคที่นักการเมืองสังกัดเป็นพรรคฝ่ายค้าน ย่อมมีผลต่อแนวทางในการพัฒนาได้เช่นกันซึ่งอาจ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของท้อง ถิ่นได้ เราจะให้การเมืองท้องถิ่นปลอดจากการเมืองระดับชาติดีหรือไม่และในทางปฏิบัติเป็นอย่างไร
สุดท้ายแล้วการเมืองระดับชาติย่อมเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองท้องถิ่นเพียงแต่ไม่ประกาศตัวว่าเป็นคนของพรรคชัดเจนแต่ในทางปฏิบัตินั้นใช่ จะเห็นว่านักการเมืองท้องถิ่นส่วนใหญ่ในภาคใต้มีความสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองระดับชาติทั้งสิ้น ใครที่ไม่อยู่ในเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์โอกาสการประสบความสำเร็จก็ยาก คนในสังคมควรร่วมกันอภิปรายว่านักการเมืองท้องถิ่นควรจะสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่

ด้านนายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยาผู้อำนวยการ สถานีวิทยุชุมชน เอฟ.เอ็ม 97 เมก กะเฮิร์ซ กล่าวว่า การส่งคนลงในนามพรรค ของพรรคประชาธิปัตย์จะมีผลมาถึงการบริหารท้องถิ่น หากท้องถิ่นเป็นคนของพรรค ทั้งหมดประชาชนต้องมองว่าถ้าส.ส.ทำงานดีก็จะมีผลมาถึงท้องถิ่นด้วยแต่หากส.ส.มีผลงานที่ไม่ดีย่อมมีผลต่อตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย แน่นอนว่าในพื้นที่ภาคใต้หากใครลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ย่อมได้เปรียบ ทุกวันนี้ที่ประชาชนเลือกประชาธิปัตย์ก็เลือกไปตามกระบวนการไม่ได้เลือกเพราะพิจาร ณาตัวบุคคลว่าดีหรือไม่เป็นการให้ความไว้วางใจกับพรรคเป็นที่ตั้ง

อยากฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าให้พรรคนึกถึงประชาชนตามสโลแกนที่ว่าประชาชนต้องมาก่อน ต้องฟังเสียงประชา ชนว่า บุคคลที่จะลงสมัครนั้นประชาชนต้องการหรือไม่ การทีผู้บริหารท้องถิ่นหรือนัก การเมือง ท้องถิ่นต้องลงในนามพรรคนั้น ตนมองว่า ประการแรกนักการเมืองหรือผู้บริหารนั้นอาจ ไม่มั่นใจว่าผลงานที่ตนทำนั้นเป็นที่ประทับใจ ของประชาชนและเพื่อตอกย้ำชัยชนะให้กับ ตนเองโดยไม่ต้องมีคู่แข่งและนอกจากนั้น เป็นการเอาเปรียบคนอื่นมากเกินไปหรือไม่เพราะคนในพรรคเองไม่ได้มีเพียงคนเดียวที่ลงสมัคร พรรคเลือกจะสนับสนุนเป็นบางคน การที่นักการเมืองท้องถิ่นลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ประชาชนไม่ได้อะไร เพราะการเมืองท้องถิ่นไม่ได้เกี่ยวข้องนโยบายระดับชาติ คนที่ลงในนามพรรคอาศัยพรรคเพื่อให้เกิดความมั่นใจในชัยชนะแต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย
นอกจากประชาชนไม่ได้อะไรแล้วประชาชนยังเสียโอกาส ที่จะเลือกผู้บริหาร พรรคควรมองประชาชนมาก่อน ในกรณีของจ.พัทลุงมีความชัดเจนที่สะท้อนให้เห็นว่า
พรรคเห็นแก่พวกมากกว่าประชาชน

http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=10185)&PHPSESSID=e9964e23e646d402dec26d316ad98666

หลับหูหลับตากา สส เป็นเอาหนักกว่าอีสานอีกนะเนี่ย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 22:18
ขโมยเหล็กฉาก เสาไฟฟ้าแรงสูง มีมานานนับ สิบยี่สิบปีแล้วครับ

เค้าเอาไปทำรถเข็น  

ที่นาผมไม่โดน เพราะผมสั่งให้คนช่วยดูแล ในนาผมมีเสาไฟฟ้าแรงสูง 2 ต้น อยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเอาเปรียบชาวบ้าน จ่ายเงินทีเดียวหายจ้อย เหมือนโดนเวนคืนนั่นแหละครับ

ที่ดินใต้สายไฟ ทำอะไรไม่ได้เลย บางที่ควรจะขายได้ราคาดี แต่มีเสาแรงสูงอยู่ในที่ดิน หมดโอกาสเลยครับ

ถ้าจะแก้ปัญหานี้ ต้องไปทำสัญญาใหม่กับชาวบ้าน ให้ช่วยดูแล



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 08-03-2008, 22:26

ดู ดู๊ ดู ดูมันทำ ทำไมถึงทำกับฉันได้ !!!

หนุ่มกรีก อวดรวย จะซื้อรถ ปลดหนี้ให้ได้แล้วหนี- ภาพงานแต่งงานของนายลีนอส ชาวกรีก และน.ส.นุช (นามสมมติ) สาวชาวหนองคาย ที่บิดามารดาน.ส.นุชใช้เป็นหลักฐานแจ้งจับภรรยาพี่ชายนายลีนอส ฐานหลอกให้ลูกสาวแต่งงานกับฝรั่ง แล้วหลบหนีไปหลังได้หลับนอน

 
หลอกสาวหนองคายให้แต่ง งานกับหนุ่มกรีก อ้างจะสร้างบ้านใหม่ ซื้อรถยนต์ปลดหนี้ให้ สุดท้ายเสียทั้งเงิน เสียตัว หนุ่มกรีกหนีกลับประเทศลอยนวล เผยสาวใหญ่อ้างน้องของสามีที่เป็นชาวกรีกอยากมีเมียคนไทย จะแต่งงานด้วยแต่ห้ามเรียกสินสอดทองหมั้น จัดงานแต่งงานใหญ่โต และไปอยู่ด้วยกัน 15 วัน จนหนุ่มกรีกกลับประเทศจึงรู้ว่าถูกหลอก เพราะไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว แถมยังเสียตัวไปแล้ว ตร.เตือนสาวที่อยากมีสามีฝรั่งระวังถูกหลอก เพราะแก๊งนี้ลวงมาแล้วหลายราย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 ม.ค. พ.ต.ท.เนรมิตร นนสะเกตุ สารวัตรเวรสภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งจาก ญาติของน.ส.นุช (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ว่า ถูกนางพวงเพชร บานเย็น อายุ 43 ปี กับสามีชาวต่างชาติ หลอกลวงให้ลูกสาวแต่งงานกับฝรั่งแล้วหลับนอนด้วย จากนั้นหลบหนีไป

ญาติของน.ส.นุชให้การว่า นางพวงเพชรซึ่งเป็นญาติกัน มีสามีชาวต่างชาติ ชื่อนายนิโคร ไม่ทราบนามสกุล ชาวกรีก และนายนิโครมีน้องชายชื่อ นายลีนอส เมื่อปลายปี 2550 นางพวงเพชรบอกว่าต้องการหาแฟนให้นายลีนอส จึงมาทาบทามน.ส.นุช โดยบอก ว่านายลีนอสจะช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ ซื้อรถยนต์ และปลดหนี้สินให้ แต่ไม่ให้ตนขอสินสอด ขณะนั้นน.ส.นุชทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ จึง เรียกตัวน.ส.นุชกลับมาให้นายลีนอสดูตัว ปรากฏว่านายลีนอสพึงพอใจ และกำหนดหมั้นหมายกันในวันที่ 2 ธ.ค.2550 แล้วค่อยหาฤกษ์แต่งงานภายหลัง

ญาติของน.ส.นุชกล่าวว่า ต่อมานางพวงเพชรมา บอกว่า ต้องเร่งแต่งงานให้เร็วขึ้น เพราะนายลีนอสจะรีบกลับประเทศกรีซ เพื่อไปขายที่ดินนำเงินมาให้น.ส.นุช ตนจึงจัดงานแต่งงานให้น.ส.นุชกับนายลีนอสในวันที่ 3 ธ.ค.2550 มีชาวบ้านมาเป็นสักขีพยานจำนวนมาก ซึ่งนางพวงเพชรบอกว่าจะนำเงินสดมาให้ 199,999 บาท เป็นค่าสินสอดในภายหลัง เมื่อเสร็จพิธีแต่งงานในช่วงเช้า ตอนเย็นนางพวงเพชรกับสามีก็มารับตัวน.ส.นุชไปอยู่กินกับนายลีนอสที่บ้านของนางพวงเพชร เป็นเวลา 15 วัน จากนั้นนางพวงเพชรและสามีก็นำตัวนายลีนอสไปประเทศกรีซ ส่วนน.ส.นุชจึงกลับมาอยู่กับครอบครัว

ญาติของน.ส.นุชให้การต่อว่า เมื่อนายลีนอสกลับไปแล้ว ได้ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือน.ส.นุชบอกว่า ตั้งแต่ก่อนแต่งงานกับน.ส.นุชหมดเงินไปแล้ว 4 แสนบาท พวกตนจึงเอะใจว่าเงินอยู่ไหน ไม่เคยได้เงินเลยแม้แต่บาทเดียว ค่าจัดงานแต่งงานพวกตนก็จ่ายทั้งหมด ต่อมาต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นางพวงเพชรกับสามีก็มาที่บ้าน บอกว่านายลีนอสอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ขอให้น.ส.นุชไปหา แต่เมื่อไปถึงกลับไม่ปรากฏชื่อของนายลินอสจองห้องพักแต่อย่างใด น.ส.นุชจึงกลับจ.หนองคายมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง จึงเชื่อว่าถูกนางพวงเพชรหลอกลวงแน่นอน ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนางพวงเพชรได้สร้างความเสียหาย เสียชื่อเสียง และทำให้ลูกสาวอับอายและเสียความบริสุทธิ์ไปอย่างไม่สามารถทดแทนได้ จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังทราบจากชาวบ้านหมู่บ้านอื่นว่า เคยถูกนางพวงเพชรหลอกลวงเช่นเดียวกัน โดยหาชาวต่างชาติมาหลอกแต่งงานกับลูกสาว อ้างว่าจะมาสร้างบ้านหลังใหญ่ ซื้อรถยนต์ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้ออกเงินจัดงาน เมื่อได้หลับนอนกับฝ่ายหญิงแล้วก็หายตัวไป

พ.ต.อ.จักกฤษณ์ จันทรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับหญิงสาวที่ต้องการมีสามีชาวต่างชาติ ขณะนี้พบว่ามีแก๊งหลอกลวงหญิงสาวให้มาแต่งงานกับชาวต่างชาติในพื้นที่จ.หนองคายแล้วหลายราย ใครหลงเชื่อก็ต้องเสียทั้งตัว เสียทั้งเงิน และยังอับอายอีก แต่ก็เป็นการยากที่จะห้ามปราม เพราะยังมีค่านิยมที่ต้องการให้ลูกสาวได้สามีชาวต่างชาติ เนื่องจากหวังว่าจะมีฐานะดีขึ้น มีรายได้ มีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์ขับ จึงเตือนว่าหากต้องการให้ลูกสาวมีสามีชาวต่างชาติ ให้สังเกตพฤติกรรมและตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจ

http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEl6TURFMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5TXc9PQ==


'ฝรั่งขี้นก'....
คนไทยส่วนหนึ่งยังคิดว่า 'ผมดำ-ผมขาว-ผมทอง' เป็น'ฝรั่ง'หมด.....
เต็มใจขายตัว ขายลูกสาว...





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 22:31
คนอีสานเลือกทุกพรรคถ้าทำดี

อุบลราชธานีก็มี 4 พรรค กระจายกัน ไม่ทุ่มให้พรรคใดพรรคหนึ่ง ให้แข่งกันทำงาน

สำหรับการเมืองต่างจังหวัด การสร้างเครือข่าย สส. สจ. เทศบาล อบต. ถือเป็นเรื่องปกติ

ที่ใดมีการแข่งขัน ที่นั่นก็ต้องหาเพื่อน

ไปตัวคนเดียวโดดๆ แล้วเที่ยวไปด่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ดีกว่า แล้วจะไปซื้อใจเค้าได้ยังไง

ด่าเก่งอย่างเดียว คนอีสานไม่เลือกหรอกครับ ต้องมีดี มีผลงาน มีฐานชาวบ้านตลอดเวลา

แม้ตกคราวนี้ คราวหน้ามาใหม่ ทำดีๆ ให้เค้าเห็น เค้าก็เลือกเองแหละ

ถ้าแบบที่ปีกลองเลือกตั้งค่อยโผล่หน้า...หมายังเมินเลยครับ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 22:39
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
เถียงกะ enjoy the silence นี่เหมือนเถียงกะเกรียนในเกมส์ออนไลน์เลย
คงได้แค่ปล่อยมันเห่าไปแหละ

กระทู้นี้เถียงด้วยสาระมีเหตุผลดีเหมือนกันนะ เพียงแต่มีเกรียนมาป่วนนิดหน่อย สีสันดี

 :slime_bigsmile:

ปล่อยมันพล่านไป

ส่งท้ายให้

สลดใจ! พ่อแท้ ๆ "ข่มขืน" ลูกสาวอ้างสอน "เพศศึกษา"

             ข่าว รายงานที่จังหวัดสงขลามีพ่อแท้ ๆ ข่มขืน มี sex กับลูกสาวมานานกว่า 10 ปี โดยอ้างว่าการมี sex ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความใคร่ เพียงแค่ต้องการสอน เรื่อง เพศศึกษา ลูกเท่านั้น เชื่อว่าไม่ผิด ศีล 5 เพราะไม่ได้ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น


รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลาเมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ พ.ต.อ.โพธ สวยสุวรรณ ผกก.สภ.หาดใหญ่  เปิดเผยว่าจากกรณี นางอ้อย(นามสมมุติ)  อายุ 60 ปี เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.(หญิง) อมรรัตน์ สุทธิเกิด พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่  ว่าหลานสาว คือ ด.ญ.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ถูกพ่อซึ่งเป็นน้องชายคนละพ่อของตนข่มขืน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา

           จากนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย ทราบว่าพ่อแท้ๆ ได้ข่มขืนครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2544 จากนั้นก็หยุดไป จนกระทั่งตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งพ่อแยกทางกับแม่ และนำลูกสาวมาเลี้ยง มาเช่าบ้านอยู่ในเมืองหาดใหญ่พ่อก็เริ่มข่มขืนเรื่อยมา จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับพ่อของเด็ก ชื่อนายหวัง(นามสมมุติ) อายุ 50 ปี  ชาว อ.จะนะ  จ.สงขลา ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี  ซึ่งศาลจังหวัดสงขลาได้อนุมัติหมายจับเลขที่  751/2550 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2550 จากนั้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสายสืบเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าว

           กระทั่งในวันที่ 5 พ.ย. เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล สว.สส.สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะทำงานอยู่โรงไม้แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ นำส่งพนักงานสอบสวน

           ผู้ต้องหาให้การว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะข่มขืนกระทำชำเราบุตรสาวของตัวเองแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการสอนวิชาเพศศึกษาให้บุตรสาว ประกอบกับตนเองได้บวชเรียนมาถึง 9 ปี เชื่อว่าสิ่งที่กระทำกับลูกสาวไม่ผิดเพราะตลอดระยะเวลาที่บวชเรียนมาศีล 5 ก็สอนมาตลอดว่าอย่าผิดลูก ผิดเมียผู้อื่น แต่นี้กระทำกับลูกสาวตัวเองจึงไม่ผิดศีลธรรม และไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย

           แต่ก่อนหน้านี้เคยไปดูดวงหมอดูทักว่าจะติดคุกเพราะลูกสาว ก็คาดว่าคงจะมีเรื่องกับวัยรุ่นที่มาติดพันธ์ลูกสาวไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นนี้ และยืนยันว่าทุกครั้งที่ความสัมพันธ์กับลูกสาวไม่ได้มีด้วยความใคร่ แต่ต้องการสอนเพศศึกษาให้ลูกสาวจริง ๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าวเพื่อดำเนินการต่อไป

http://hilight.kapook.com/view/17027

ดีเน๊าะ ไม่ขายลูกกิน เป็นคนดีมากๆเลย แต่ฟาดลูกเองเลย 5 5 5

:slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

ตร.หาดใหญ่รวบหนุ่มข่มขืนสาวใบ้ท้อง

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ตร.หาดใหญ่โชว์ฟอร์มรวบผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 รายซ้อนแรก รายแรกเป็นหนุ่มใหญ่ข่มขืนสาวใบ้จนท้องแล้วหนี ส่วนอีกรายเป็นพ่อเฒ่าวัย 59 คดีลักขโมย แต่ยังปากแข็งไม่รับผิด
     
      วันนี้ (7 ม.ค.) เวลาประมาณ 11.30 น. จากการสืบทราบของ พ.ต.ต.เอกรัฐ สวนแสน สว.สส.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่ามีผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 1037/2546 ลงวันที่ 1 พ.ค.46 หนีไปกบดานที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาดใหญ่จำนวนหนึ่งพร้อมหมายจับเดินทางเข้าพื้นที่ อ.สทิงพระ
     
      เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงหน้าสถานีอนามัยวัดจันทร์ หมู่ 1 ต.วัดจันทร์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา พบผู้ต้องหากำลังเดินอยู่ จึงเข้าแสดงตัวเป็นจนท.เข้าทำการจับกุมตัวทันที ทราบชื่อ นายแสม ศรีสุวรรโณ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/4 หมู่ 7 ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
     
      จึงนำหมายจับให้ดูก่อนแจ้งข้อหานายแสม ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช้ภรรยาตน โดยขู่เข็ญ ด้วยประการใดฯ โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 75/4 หมู่ 7 ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2545 ที่ผ่านมา โดยนายแสมได้ทำการข่มขืน น.ส.ศรัญญา (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นสาวใบ้จนเกิดท้องแล้วหลบหนีไป จึงควบคุมตัวนายแสมส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป ในชั้นนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
     
      ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาดใหญ่จำนวนหนึ่งพร้อมหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 713/2550 ลงวันที่ 5 ต.ค.50 เข้าจับกุมคนร้ายอีก 1 ราย โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านไม่มีเลขที่ ตรงข้ามซอย 20 ถนนโชคสมาน 5 อ.หาดใหญ่ พบผู้ต้องหากำลังเดินอยู่บริเวณหน้าบ้านดังกล่าว จึงเข้าแสดงตัวเข้าจับกุมทันที
     
      ทราบชื่อคือนายประสิทธิ์ เลื่อนแป้น อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 962 ถนนกาญจนวานิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงนำหมายจับให้ดูก่อนแจ้งข้อหานายประสิทธิ์ ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยใช้ยานพาหนะฯ ตามหมายจับคุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีต่อไปในชั้นนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มกราคม 2551 13:02 น.

http://songkhlatoday.com/index.php?file=focustrendy&obj=forum(24270)

ชอบของฟรีจังเน๊าะ 5 5 5 คนพิการยังไม่เว้น

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-03-2008, 22:50
รู้สึกจะเคยมีรูป ทักษิณไปไหว้บรรพบุรุษที่เมืองจีน

มีเจ๊หน่อยแต่งชุดจีน ไปร่วมงาน

คนอีสานก็คล้ายๆ กรุงเทพ มีคนจีนไปตั้งรกรากกันมานาน

ผสมผสานเชื้อสายจากลาวเวียง ลาวจำปาศักดิ์

ช่วงพระวอพระตา อพยพผู้คนขามโขงมา เพื่อมาอาศัยเจ้าลาวจำปาศักดิ์ ก็ทิ้งผู้คนตามรายทางไว้เป็นกลุ่มๆ เมื่อ 200 ปี

ช่วงตั้งกรุงเทพนั่นแหละ

จะว่าไปก็พวกเจนละบก ที่กลายมาเป็นเผ่า "ศยาม"หรือ "เสียม" อพยพทำมาค้าขายไปทางสุโขทัย ผ่านเพชรบูรณ์

พวกที่ใกล้แม่น้ำโขง มีสัมพันธ์ไทยลาวลึกซึ้ง

บางกลุ่มเป็นญวนปนไทย...นั่นก็ไปอีกเชื้อชาติ...

แต่บ้านบักใส หรือบ้านเนวิน มีเชื้อสาย เขมร ส่วย ฯลฯ ปะปนกันอยู่เยอะ

อีกด้าน สุรินทร์ บุรีรัมย์ คนชายขอบทุ่งกุลาร้องไห้ ก็เป็นการผสมผสานชาติพันธุ์ที่แปลกไปอีก

การผสมผสานของหลายชาติพันธุ์ ในอีสานจึงหาคำนิยามยากครับว่า จริงๆ แล้ว คำว่า "คนอีสาน" คืออะไร

อยากรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับคนอีสาน ต้องอ่าน "ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยาม" ของอาจารย์ศรีศักดิ์  และสุจิตต์ วงษ์เทศ

ไม่ก็ไปอ่านผลงานอาจารย์ธิดา ศาลายา

พวกชอบสรุปอะไรแบบมักง่าย ผมถึงบอกว่า พวกตาบอดคลำช้าง


จะมีใครสักกี่คนที่มีเชื้อสายเผ่าพันธุ์เดียวอยู่ในตัวนะคะ แต่ก็ยังมีคนหลงยุค คลั่งเลือดบริสุทธิ์อยู่ได้  :slime_smile2:

ถ้าว่าตามหลักการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ลูกผสมที่เรียกว่า ไฮบริด ส่วนใหญ่จะได้ลักษณะเด่นของพ่อกับแม่รวมกัน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ทั้งถูกใจนักวิชาการ และเกษตรกร ยิ่งนัก

คนไทยในผืนแผ่นดินแห่งนี้ก็เป็นคนหลากเชื้อชาติ ต่างเผ่าพันธุ์ที่หล่อหลอมให้อยู่ร่วมกัน ถ้าลดละอคติ และความหลง หรือคลั่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ของตน หัดมองคนอืนในทัศนคติที่ดี มองด้วยความเข้าใจบ้าง  ประเทศชาติก็คงเจริญก้าวหน้าพัฒนามากกว่านี้



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 23:01
ในเว็บบอร์ดเสี่ยวอีสานของ ห้องสมุด WOM

อัพเดทอาสาหาข้อมูลพื้นฐานของหลายจังหวัดอีสานใต้มาใส่ไว้แล้ว

ว่างๆ ลองไปดูสิ ไล่เรียงรายจังหวัดดูเลย

ชื่ออีสานใต้ แต่มีนับสิบเชื้อชาติ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 08-03-2008, 23:01
น้ำหน้า อย่างดาร์ธ เวเดอร์  เหรอ จะปล่อยให้สิ่งที่เห่าได้
ให้เห่าไป? ไม่รีบ จับแดร๊ก ซะก่อนเหรอ ก่อนที่จะปล่อยให้เห่า? แค่อ้าปาก ก็
เชื่อถือไม่ได้  ไม่ถนัดตามตรูดใครจ๊ะ
  :slime_smile2:  :slime_smile2:  :slime_v:  :slime_v:



The Truth About Darth Vader (Doogtoons)
http://youtube.com/watch?v=AQp2knCCiGU&feature=related

http://www.siangtai.com/TH/newsthai_detail.php?News_ID=1136


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 08-03-2008, 23:13
อะไรกันนักอะไรกันหนาวะ'ทู้นี้
จากประเด็นคนอีสานที่ทึกทักว่าตัวเองมีบุญคุณเหนือคนกรุงเทพ ฯ และภูมิภาคอื่น
พาออกทะเล ออกมหาสมุทร
จนกลับมาแล้ว  ยังจะย้อนไทม์ แมชีน อ้างไปถึงชาวเจนละบก เสียม ส่วย ม้อย หยอย หยิก ฯลฯ
โอ้แม่เจ้า...
นี่้ถ้าปล่อยให้ยาวต่อไป
คนอีสานอาจมีความเกี่ยวพันทางเชื้อชาติร่วมกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และชนเผ่าอินคาในเม็กซิโก แหง ๆ



เอ...หรือจะเกี่ยวข้องกับเอเลี่ยนจากหมูู่ดาวเวก้าดีหว่า ?  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 08-03-2008, 23:18

จะมีใครสักกี่คนที่มีเชื้อสายเผ่าพันธุ์เดียวอยู่ในตัวนะคะ แต่ก็ยังมีคนหลงยุค คลั่งเลือดบริสุทธิ์อยู่ได้  :slime_smile2:

ถ้าว่าตามหลักการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ลูกผสมที่เรียกว่า ไฮบริด ส่วนใหญ่จะได้ลักษณะเด่นของพ่อกับแม่รวมกัน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ทั้งถูกใจนักวิชาการ และเกษตรกร ยิ่งนัก

คนไทยในผืนแผ่นดินแห่งนี้ก็เป็นคนหลากเชื้อชาติ ต่างเผ่าพันธุ์ที่หล่อหลอมให้อยู่ร่วมกัน ถ้าลดละอคติ และความหลง หรือคลั่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ของตน หัดมองคนอืนในทัศนคติที่ดี มองด้วยความเข้าใจบ้าง  ประเทศชาติก็คงเจริญก้าวหน้าพัฒนามากกว่านี้



ฮิตเลอร์ ยังบ้าๆบวมๆ นึกว่าคนเยอรมัน เป็นชนเผ่าอารยันแท้
หน้าคนเยอรมัน มันเหมือนคนอิหร่าน ซะที่ไหน บ้องตื้นเรื่องเผ่าพันธุ์ อยู่ได้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-03-2008, 23:35
มันขึ้นกับมันสมองของใคร ว่ามองปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมืองได้ลึกซึ้งแค่ไหน

พวกตาบอดคลำช้างมันเยอะไง รู้น้อยว่ารู้มาก อยากด่าแบบโง่ๆ โชวลีลาโวหาร ก็คงแค่นั้นมั๊ง

คำว่าคนอีสานทุกระดับ มันหมายถึงใครบ้างล่ะ

คนใต้ทุกระดับหมายถึงใครบ้างล่ะ

คนกรุงเทพ หมายถึงใครบ้างล่ะ

นิยามมาสิ

พวกตาบอดคลำช้างก็แบบนี้แหละ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 08-03-2008, 23:41
ฮิตเลอร์ ยังบ้าๆบวมๆ นึกว่าคนเยอรมัน เป็นชนเผ่าอารยันแท้
หน้าคนเยอรมัน มันเหมือนคนอิหร่าน ซะที่ไหน บ้องตื้นเรื่องเผ่าพันธุ์ อยู่ได้

ฮิตเลอร์ล้างสมองชาวเยอรมัน ว่า "เราเป็นชาวอารยัน"
เพราะอารยันเป็นชนชาติที่มีบุญคุณเหนือชนชาติยิว
จากการที่อารยัน ( เปอร์เซีย ) บุกเข้ายึดครองเมโสโปเตเมีย ( บาบิโลน - อิรัคในปัจจุบัน ) แล้วช่วยปลดปล่อยชาวยิว ( อิสราเอล - ยิวเผ่าสุดท้าย ) จากการเป็นทาส
...ซึ่งในช่วงเวลาที่ฮิตเลอร์ใช้กุศโลบายนี้  เป็นช่วงเวลาที่พวกยิวกำลังมีอำนาจ + บทบาททางเศรษฐกิจเหนือสังคมเยอรมัน

"ชาวเยอรมัน ( ซึ่งเป็นอารยัน ) เป็นชาติพันธุ์ที่มีบุญคุณเหนือพวกยิวนะโว้ย
...ทำไมเรา ( ชาวเยอรมัน ) จึงต้องไปยอมให้ไอ้พวกยิว ( ที่เป็นกฎุมพี ) กดขี่ + เอารัดเอาเปรียบ
...พวกมันต่างหากที่จะต้องมาเคารพเรา  ต้องตอบแทนบุญคุณของพวกเรา
...เอ้า  ออกไปฆ่าพวกยิวกันเถิดโว้ย"
ฟังคุ้น ๆ ไหม ?
...งั้นเอาใหม่
"คนอีสาน ( และรากหญ้า ) มีบุญคุณเหนือไอ้พวกคนรุงเทพ ฯ นะโว้ย
ทำไมเรา ( คนอีสานและรากหญ้า ) จึงต้องก้มหัวให้ไอ้พวกกรุงเทพ ฯ ( ที่เป็นศักดินาี ) กดขี่ + เอารัดเอาเปรียบ
...พวกมันต่างหากที่จะต้องมาเคารพเรา  ต้องตอบแทนบุญคุณของพวกเรา
...เอ้า  ออกไปฆ่าไอ้พวกกรุงเทพ ฯ กันเถิดโว้ย"




ถามเองนะว่า เมื่อเทียบกันกับเมืองไทยเวลานี้
ใครกำลังใช้ความพยายามล้างสมอง ( เดินตามรอยตามฮิตเลอร์ - พรรคนาซี )
ใครคือผู้ถูกล้างสมอง ( หลงผิดแบบชาวเยอรมัน )
ใครคือผู้ที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อ ( กำลังจะถูกฆ่าแบบยิว )



ถ้าพูดถึง เยอรมัน + ยิว แล้วรู้สึกว่าู่ไกลเกินไป
...
ก็มองเข้าไปในเขมร  ช่วงที่เขมรแดงเรืองอำนาจ
แล้วก็มองกลับเข้ามาในเมืองไทย
พิจารณาว่าเวลานี้ "ไอ้พวกไหน" กำลัง "เดินตามรอยอังกอร์"
ซึ่งก่อนหน้านี้ ไอ้พวกนี้ก็ไม่ค่อยบังเอิญ "ออกมาจากรูเดียวกันกับเขมรแดง - อังกอร์" ซะด้วย




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 00:01

ถ้าเรื่องในเขมร - เขมรแดง - คิลลิ่งฟิลด์
"นานไป - จำไม่ได้แระ"

ก็ลองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์การจลาจลในประเทศอินโดเนเซีย
ที่ชาวเมืองจาร์กาต้าและหัวเมืองอื่น ๆ ที่มีเืชื้อสายจีน
ถูกฆ่า
ถูกตัดหัว
...ลากศพไปตามถนน
ผู้หญิงถูกข่มขืน ( แล้วฆ่า )

...นั่นก้ล้วนแต่เป็นฝีมือ "รากหญ้า"
ที่ถือว่าตนเป็น "ผู้มีบุญคุณ ( เป็นภูมิบุตร - ที่เอื้อเฟื้อให้ไอ้พวกคนจีนเข้ามาหากินในแผ่นดิน )"




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 00:36
หากเหตุการณ์แบบนี้
...การเข่นฆ่าชาวยิวในเยอรมัน
...การเข่นฆ่าคนเมืองในเขมร
...การเข่นฆ่าคนเชื้อสายจีนในอินโดเนเซีย
จะเกิดในเมืองไทยสักครั้ง
...ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้


เพราะ "องค์ประกอบครบแล้ว"
คือ
1. การสร้างขึ้นหรือตอกย้ำ ซึ่งความรู้สึก - ความคิดในด้าน "ความแตกต่าง"
...แตกต่างทาง "เผ่าพันธุ์" ( ไอ้พวกคนกรุงเพพ ฯ Vs คนอีสาน )
...แตกต่างกันทางฐานะ ( ไอ้พวกผู้ดีตีนแดง - ไอ้พวกศักดินา อำมาตยาธิปไตย )
2. การยัดเยียดให้ "เหยื่อ" มีมลทิน
...ไอ้พวกนิยมเผด็จการ
...ไอ้พวกเอาเปรียบ  แย่งเอาความร่ำรวยไปเสวยสุข  ปล่อยให้กรูลำบาก
3. การสร้างค่านิยม "กูนี้ละคือผู้ประเสริฐกว่า"
...พวกเราคือผู้ที่ปลูกข้าว ปลูกผัก ฯลฯ เลี้ยงดูให้พวกมันอิ่มหนำสำราญ
...พวกเราคือแรงงานสร้างความเจริญ
...พวกเราคือผู้ที่หุงหาข้าวปลา  ขับรถพามันไปไหน ๆ
...พวกเราคือเจ้าของแผ่นดินที่แท้จริง   พวกมันเพิ่งอพยพมา - โคตรเหง้าไม่ใช่คนไทย และบรรพบุรุษของเราได้เอื้อเฟื้อให้พวกมันมาอาศัยและให้โอกาสทำมาหากิน
4. การอ้างสิทธิชอบธรรมที่จะ "ลงมือ"
...กรูคือเสียงส่วนใหญ่ของแผ่นดิน  รัฐบาลที่ปกครองประเทศในขณะนี้ก็คือพวกกรู - นักการเมืองของพวกกรู
พวกกรูนี้ล่ะคือ "อำนาจที่ชอบธรรมอย่างแท้จริง"

เมื่อ"ครบหมดแล้ว" ก็พร้อมก่ออาชญากรรมแล้วสินะ
"ตามรอยประวัติศาสตร์ ( ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ) ที่ได้ระบุไว้" ไง


ถึงเวลา "ฆ่าคนเมือง" เมือไหร่
ผมไม่เชื่อหรอกว่า "คนอีสาน" ของนายใส - ลุง Can หรือชัยวัฒน์ จะเข้ามาขัดขวาง
...ไม่เชื่อว่า "นักต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม" อย่างประทีป เหวง  ฯลฯ  จะห้ามปรามบรวารรากหญ้าของตน

เพราะเวลานั้นคง "ประสานจุดร่วม - สงวนจุดจ่าง"
อ้างว่า "ไง ๆ เราก็เป็นรากหญ้าเหมือนกัน - เป็นคนอีสานเหมือนกัน" ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะ
ฆ่าไอ้พวกกรุงเทพ ฯ ให้หมดก่อน แล้วจึงค่อยมาทะเลาะกันทีหลังก็ได้

เอาน่า...ยอมรับเหอะว่า
เลือด ( อีสาน ) มันข้นกว่าน้ำ ( ใจไมตรี )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 00:41
อยากโง่เปิดประเด็นเหมารวมเอง จะไปโทษใครได้เล่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 00:44
อยากโง่เปิดประเด็นเหมารวมเอง จะไปโทษใครได้เล่า

ผมไม่ได้เหมารวมเน้อ..
ผมเล่นประเด็นเดียวแทบจะล้วน ๆ มาตั้งแต่ต้น
คือ "อย่าอ้างว่ามีบุญคุณต่อกัน"


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 00:48
ยกเหตุผลร้อยแปดมาประกอบแล้วบวกเข้ากับอคติ

ด่าอีสานไม่พอ พาลไปด่าเจ๊กด่าจีนอีก
น่ารักจัง

ผมเป็นทั้งคนอีสาน และเป็นลูกครึ่งเจ๊กอีก

น่าจะพอเป็นที่บัดบัดความใคร่ ส่งเสริมความพอใจให้ปู่เย็นได้กรีดร้องระบายอคติได้ดีเนอะ

ฮีตเลอร์สร้างลัทธิว่าชาวเยอรมันเป็นชนเผ่าอารยันจริง
แต่ไม่น่าจะ prove ได้
เพราะชาวอารยัน มันไม่ได้หน้าเหมือนคนเยอรมัน

หากเหตุการณ์แบบนี้
...การเข่นฆ่าชาวยิวในเยอรมัน
...การเข่นฆ่าคนเมืองในเขมร
...การเข่นฆ่าคนเชื้อสายจีนในอินโดเนเซีย
จะเกิดในเมืองไทยสักครั้ง
...ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้
ก็ดีครับ ถ้ามันมี

เพราะ "องค์ประกอบครบแล้ว"
คือ
1. การสร้างขึ้นหรือตอกย้ำ ซึ่งความรู้สึก - ความคิดในด้าน "ความแตกต่าง"
...แตกต่างทาง "เผ่าพันธุ์" ( ไอ้พวกคนกรุงเพพ ฯ Vs คนอีสาน )
...แตกต่างกันทางฐานะ ( ไอ้พวกผู้ดีตีนแดง - ไอ้พวกศักดินา อำมาตยาธิปไตย )
แถวนี้มีอยู่ตัว เป็นเอามากๆ

2. การยัดเยียดให้ "เหยื่อ" มีมลทิน
...ไอ้พวกนิยมเผด็จการ
...ไอ้พวกเอาเปรียบ  แย่งเอาความร่ำรวยไปเสวยสุข  ปล่อยให้กรูลำบาก
แถวนี้มีอยู่ตัว ชอบนั่งจินตนาการน้ำแตกว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ชอบนั่นชอบนี่

3. การสร้างค่านิยม "กูนี้ละคือผู้ประเสริฐกว่า"
...พวกเราคือผู้ที่ปลูกข้าว ปลูกผัก ฯลฯ เลี้ยงดูให้พวกมันอิ่มหนำสำราญ
...พวกเราคือแรงงานสร้างความเจริญ
...พวกเราคือผู้ที่หุงหาข้าวปลา  ขับรถพามันไปไหน ๆ
...พวกเราคือเจ้าของแผ่นดินที่แท้จริง   พวกมันเพิ่งอพยพมา - โคตรเหง้าไม่ใช่คนไทย และบรรพบุรุษของเราได้เอื้อเฟื้อให้พวกมันมาอาศัยและให้โอกาสทำมาหากิน
พาคนพูดแบบนั้นตัวเป็นๆมาให้ดูที

4. การอ้างสิทธิชอบธรรมที่จะ "ลงมือ"
...กรูคือเสียงส่วนใหญ่ของแผ่นดิน  รัฐบาลที่ปกครองประเทศในขณะนี้ก็คือพวกกรู - นักการเมืองของพวกกรู
เหรอ

เมื่อ"ครบหมดแล้ว" ก็พร้อมก่ออาชญากรรมแล้ว
"ตามรอยประวัติศาสตร์ ( ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ) ที่ได้ระบุไว้"


ถึงเวลา "ฆ่าคนเมือง" เมือไหร่
ผมไม่เชื่อหรอกว่า "คนอีสาน" ของนายใส - ลุง Can หรือชัยวัฒน์ จะเข้ามาขัดขวาง
...ไม่เชื่อว่า "นักต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม" อย่างประทีป เหวง  ฯลฯ  จะห้ามปรามบรวารรากหญ้าของตน
ประทิน+สนธิ ลิ้ม ขนาดยังไม่ได้ฆ่ากัน แค่เดินขบวนไปปิดทำเนียบ แค่นั้นมันก็จุกตูดแล้วครับ หวังว่าคงไม่ผิดหวังนะ

เพราะเวลานั้นคง "ประสานจุดร่วม - สงวนจุดจ่าง"
อ้างว่า "ไง ๆ เราก็เป็นรากหญ้าเหมือนกัน - เป็นคนอีสานเหมือนกัน" ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะ
ฆ่าไอ้พวกกรุงเทพ ฯ ให้หมดก่อน แล้วจึงค่อยมาทะเลาะกันทีหลังก็ได้
จินตนาการน้ำแตกได้ที่ยังครับ

เอาน่า...ยอมรับเหอะว่า
เลือด ( อีสาน ) มันข้นกว่าน้ำ ( ใจไมตรี )
[/color]

คนภาคอื่นบางคนก็ยังคงแสดงความอัปรีย์อย่างต่อเนื่อง
เลือดของมันไม่รู้จะเรียกอะไรดี
น้ำใจของมันก็บัดซับ ยังกล้ามาถามเอากะคนอื่นอีกเน๊าะ

 :slime_smile:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 00:52
ฝ่ายหนึ่งอ้างเปิบข้าว อีกฝ่ายอ้างเสียภาษีเยอะ

มันก็เจ๊ากันไปแล้วนี่


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-03-2008, 01:07
ฮิตเลอร์ ยังบ้าๆบวมๆ นึกว่าคนเยอรมัน เป็นชนเผ่าอารยันแท้
หน้าคนเยอรมัน มันเหมือนคนอิหร่าน ซะที่ไหน บ้องตื้นเรื่องเผ่าพันธุ์ อยู่ได้

ถ้าเป็นไอน์สไตน์ล่ะก็ ดูเหมือนว่าจะมี 3-4 ประเทศ แย่งกันให้สัญชาติ เพื่ออ้างว่าไอน์สไตน์เป็นคนของชาติตนค่ะ  :slime_smile2:



ถ้าเรื่องในเขมร - เขมรแดง - คิลลิ่งฟิลด์
"นานไป - จำไม่ได้แระ"

ก็ลองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์การจลาจลในประเทศอินโดเนเซีย
ที่ชาวเมืองจาร์กาต้าและหัวเมืองอื่น ๆ ที่มีเืชื้อสายจีน
ถูกฆ่า
ถูกตัดหัว
...ลากศพไปตามถนน
ผู้หญิงถูกข่มขืน ( แล้วฆ่า )

...นั่นก้ล้วนแต่เป็นฝีมือ "รากหญ้า"
ที่ถือว่าตนเป็น "ผู้มีบุญคุณ ( เป็นภูมิบุตร - ที่เอื้อเฟื้อให้ไอ้พวกคนจีนเข้ามาหากินในแผ่นดิน )"




ไม่ค่อยแน่ใจค่ะว่า เหตุใด พอลพตจึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตกมาสมัยนี้ก็ยังคลั่งกันไม่เลิก อย่างเช่น เหตุที่เกิดในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวิน่า

สมัยจอมพลป. ก็มีนโยบายกำจัดคนจีนในไทย  เริ่มด้วยการกวาดต้อนไปอยู่เพชรบูรณ์ แต่เจอญี่ปุ่นยกพลบุกเมืองไทย นโยบายคลุ้มคลั่งนี้จึงสะดุด  ถ้าจำไม่ผิด บรรพบุรุษท่านจอมพลแซ่โง้วด้วย ไม่ทราบทำไมถึงได้เพี้ยนในเรื่องนี้ไปได้อย่างนั้น

ในขณะที่คนท้องถิ่นตามตัวอย่างที่ยกมาในอินโดฯ บางกลุ่มอ้างว่ามีบุญคุณ คนจีนอพยพในไทยส่วนหนึ่งก็จะแอบอ้างบุญคุณว่า ตนนำความเจริญ และช่วยพัฒนาประเทศชาติให้ ลำพังคนท้องถิ่นเองน่ะหรือ ทั้งไม่ฉลาดและล้าหลัง

หลงคลั่งในชาติเผ่าพันธุ์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย  :slime_smile2:


อ้าววว  สรุปว่า เหลี่ยม นี่มัน จีนเเคระ หรือ... ผมนึกว่ามันเป็นพวก จีนเตี๊ยะ ซะอีกกกก :slime_whistle:
 

แบบนี้ต้องเรียกว่า "พะชุกเจ้ง" เสียแล้วมั้งคะ  :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 09-03-2008, 01:14
"การลำเลิกบุญคุณจะทำให้บุญคุณนั้นหมดสิ้นไป" หมายความว่าอย่างไร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-03-2008, 01:28

ผมว่าคนกรุงก็ต้องขอบคุณคนไทยทุกภาค ทุกส่วนครับ

เพราะสาหเหตุหลายประการ เช่น ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับเป็นส่วนใหญ่อย่างดี

แล้วหัวกระทิของตจว. ก็ส่งมาเรียนกันในกรุงเป็นส่วนใหญ่

เมืองกรุงจึงยังคงเป็นเหมืองหลวงอยู่ได้

ส่วนไม่ดีก็มีบ้าง ปัญหาที่หนักใจคือความแออัด แล้วก็มลพิษครับ..  :slime_smile: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 01:30
ยกเหตุผลร้อยแปดมาประกอบแล้วบวกเข้ากับอคติ

ด่าอีสานไม่พอ พาลไปด่าเจ๊กด่าจีนอีก
น่ารักจัง

ผมเป็นทั้งคนอีสาน และเป็นลูกครึ่งเจ๊กอีก

น่าจะพอเป็นที่บัดบัดความใคร่ ส่งเสริมความพอใจให้ปู่เย็นได้กรีดร้องระบายอคติได้ดีเนอะ

ฮีตเลอร์สร้างลัทธิว่าชาวเยอรมันเป็นชนเผ่าอารยันจริง
แต่ไม่น่าจะ prove ได้
เพราะชาวอารยัน มันไม่ได้หน้าเหมือนคนเยอรมัน



อะไรที่มันเคยเกิดขึ้นแล้ว "บ่อยครั้ง" หากมันจะเกิดขึ้น "อีกครั้ง" มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
...ส่วนคนที่ "ไม่รับรู้" ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้  เมื่อเงื่อนไขและสถานการณ์ต่าง ๆ สอดรับกันได้ "ตามที่เคยเป็นมาก่อน"
...เราเรียกคนประเภทนั้นว่า "Ignaorance" หรือพวก "ไม่รู้สึกไม่รู้สา"
อันเป็นพฤติกรรมของ "คนชั่วโดยเกิดจากการมีจิตใจอันชั่ว"
ไม่ใช่กำพืดและโคตรเหง้าสันดานชั่ว
...ไม่ใช่ "เป็นคนอีสาน" จึงชั่ว
แต่ "ชั่วอยู่แล้ว" และมีโอกาสชั่วในเรื่องนั้น ๆ ด้วยเหตุที่ "เป็นคนอีสาน"

สังเกตดี ๆ ว่า ผมไม่ได้ด่าคนอีสาน
ผมด่าคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ ตรง ๆ ตัวเลย
ว่า "Ignorance" เป็น "คนไม่รู้สึกไม่รู้สา"
ส่วนจะพัฒนากลายเป็น "คนชั่ว" หรือไม่ 
อันนี้แล้วแต่ว่า "คนอีสาน ( และรากหญ้า )" จะเดินตามรอยเขมรแดงของพอลพต - เยอรมันของฮิตเลอร์ - อินโดเนเซียนของซูฮาร์โต รึเปล่า
...เพราะถ้ามี "รากหญ้าของทักษิณ" ขึ้นมาเมื่อไหร่
คุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์ ก็กลายเป็น "คนชั่ว" จากผลของการ "ทำตัวไม่รู้สึกไม่รู้สา" ในทันที
โดยเวลานั้นคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์ จะยังคงเป็น"คนอีสาน" หรือเปลี่ยนไปเป็น "คนไทยในต่างแดน" แล้วก็ตาม


หากสิ่งที่เรียกว่า "จินตนาการน้ำแตก" ของคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์ กลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา
เหตุการณ์นั้นจะเปลี่ยนไปเป็น "ฝันร้าย + ภาพติดตา" ของคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์
ที่จะต้องโดนวิญญาณของเหยื่อ - ผู้เสียชีวิตชาวกรงุเทพ ฯ ตามหลอกหลอน  ในทุกขณะจิต
และยังต้อง "รับเวรกรรม" จากการทำตัวไม่รู้สึกไม่รู้สา
เ่ช่น  ถูกลูกหลานและสังคมทอดทิ้ง ( อย่างไม่ไยดี - ไม่รู้สึกไม่รู้สา ) เวลาแก่เฒ่า 
ต้องอด ๆ อยาก ๆ นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับกองขี้กองเยี่ยวของตัวเอง  จนเป็นแผลพุพอง เน่าเหม็น เชื้อโรคกินลึกเข้าไปถึงกระดูก   ทนทุกข์อยู่ในสภาพอัมพาตเนื้อหนังเต็มไปด้วยแผลพุพอง น้ำหนองไหลเยิ้ม   
...ยามหลับตาก็ฝันร้าย  เห็นแต่ภาพคนกรุงเทพ ฯ ถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหด***ม
...ยามตื่นก็เศร้าสลด  เห็นแต่สภาพอันน่สมเพชเวทนาของตนเอง
เป็นเช่นนี้ไป 
จนกว่าจะขาดใจตายในลักษณะอันน่าสลดหดหู่ แก่ผู้พบเห็น
ขนาดที่ว่าผู้เป็นญาติใกล้ชิดยังไม่กล้าออกปากรับว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 01:31
อ้างถึง
ข้อความโดย: qazwsx  
ผมไม่ได้เหมารวมเน้อ..
ผมเล่นประเด็นเดียวแทบจะล้วน ๆ มาตั้งแต่ต้น
คือ "อย่าอ้างว่ามีบุญคุณต่อกัน"  


ไม่มีใครใครไปคิดว่าคนอีสานไปมีบุญมีคุณกับคนกรุงหรอกครับ
เราชาวอีสานล้วนสำนึกในความดีของชาวกรุงอย่างปู่เย็นเป็นล้นพ้น ยิ่งใหญ่จนหาสิ่งใดเปรียบเปรยมิได้ในโลกใบนี้ ยิ่งใหญ่เกินกว่าจักรวาลใดๆ

แค่นี้ก็น่าจะจบประเด็นที่บอกว่า "อย่าอ้างว่ามีบุญคุณต่อกัน" แล้วสินะ

แล้วทีนี้ คนเราไม่มีบุญคุณกันแล้ว
แต่คนอัจริยภาพด้านความปากพล่อย มันก็คงเถลือกไถลไปด่าคนอีสานอีกนั่นแหละน่า

ใจมันมีแค่จริตอยากแค่ด่าทอ
ไม่ได้มีประดงประเด็นอะไรอย่างที่กล่าวอ้างหรอกนิ อิอิอิ!!

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 01:41

อะไรที่มันเคยเกิดขึ้นแล้ว "บ่อยครั้ง" หากมันจะเกิดขึ้น "อีกครั้ง" มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
...ส่วนคนที่ "ไม่รับรู้" ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้  เมื่อเงื่อนไขและสถานการณ์ต่าง ๆ สอดรับกันได้ "ตามที่เคยเป็นมาก่อน"
...เราเรียกคนประเภทนั้นว่า "Ignaorance" หรือพวก "ไม่รู้สึกไม่รู้สา"
อันเป็นพฤติกรรมของ "คนชั่วโดยเกิดจากการมีจิตใจอันชั่ว"
ไม่ใช่กำพืดและโคตรเหง้าสันดานชั่ว
...ไม่ใช่ "เป็นคนอีสาน" จึงชั่ว
แต่ "ชั่วอยู่แล้ว" และมีโอกาสชั่วในเรื่องนั้น ๆ ด้วยเหตุที่ "เป็นคนอีสาน"

สังเกตดี ๆ ว่า ผมไม่ได้ด่าคนอีสาน
ผมด่าคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ ตรง ๆ ตัวเลย
ว่า "Ignorance" เป็น "คนไม่รู้สึกไม่รู้สา"
ส่วนจะพัฒนากลายเป็น "คนชั่ว" หรือไม่ 
อันนี้แล้วแต่ว่า "คนอีสาน ( และรากหญ้า )" จะเดินตามรอยเขมรแดงของพอลพต - เยอรมันของฮิตเลอร์ - อินโดเนเซียนของซูฮาร์โต รึเปล่า
...เพราะถ้ามี "รากหญ้าของทักษิณ" ขึ้นมาเมื่อไหร่
คุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์ ก็กลายเป็น "คนชั่ว" จากผลของการ "ทำตัวไม่รู้สึกไม่รู้สา" ในทันที
โดยเวลานั้นคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์ จะยังคงเป็น"คนอีสาน" หรือเปลี่ยนไปเป็น "คนไทยในต่างแดน" แล้วก็ตาม


หากสิ่งที่เรียกว่า "จินตนาการน้ำแตก" ของคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์ กลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา
เหตุการณ์นั้นจะเปลี่ยนไปเป็น "ฝันร้าย + ภาพติดตา" ของคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์
ที่จะต้องโดนวิญญาณของเหยื่อ - ผู้เสียชีวิตชาวกรงุเทพ ฯ ตามหลอกหลอน  ในทุกขณะจิต
และยังต้อง "รับเวรกรรม" จากการทำตัวไม่รู้สึกไม่รู้สา
เ่ช่น  ถูกลูกหลานและสังคมทอดทิ้ง ( อย่างไม่ไยดี - ไม่รู้สึกไม่รู้สา ) เวลาแก่เฒ่า 
ต้องอด ๆ อยาก ๆ นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับกองขี้กองเยี่ยวของตัวเอง  จนเป็นแผลพุพอง เน่าเหม็น เชื้อโรคกินลึกเข้าไปถึงกระดูก   ทนทุกข์อยู่ในสภาพอัมพาตเนื้อหนังเต็มไปด้วยแผลพุพอง น้ำหนองไหลเยิ้ม   
...ยามหลับตาก็ฝันร้าย  เห็นแต่ภาพคนกรุงเทพ ฯ ถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหด***ม
...ยามตื่นก็เศร้าสลด  เห็นแต่สภาพอันน่สมเพชเวทนาของตนเอง
เป็นเช่นนี้ไป 
จนกว่าจะขาดใจตายในลักษณะอันน่าสลดหดหู่ แก่ผู้พบเห็น
ขนาดที่ว่าผู้เป็นญาติใกล้ชิดยังไม่กล้าออกปากรับว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์




มาละๆ เริ่มมีคำว่าเล่นโคตรเหง้าละ  :slime_smile2:

ให้ผมสังเกตุดีๆ ว่าปู่เย็นมิได้ด่าคนอีสานรึ ??
ไว้ให้ตาผมฟ่าฟางขั้นสุดท้ายก่อนทำเรสิคก่อนละกันครับ ผมถึงจะไม่เห็น

ส่วนเรื่องที่ปู่เย็นด่าผม ผมเห็นแน่นอน
ผมถึงได้ปีนเกลียวมาด่าปู่เย็นคืนแบบนี้

ผมมีความภาคภูมิใจในการเป็นคนอีสานนานแล้วครับ
วันนี้หรือวันไหน ผมก็จะยังเหมือนเดิม
ผมคงอยู่ในไทยนี่แหละครับ คงไม่มีทางไปเป็นคนไทยในต่างแดนหรอกครับ

จากที่ลุงบอกว่า
อ้างถึง
เหตุการณ์นั้นจะเปลี่ยนไปเป็น "ฝันร้าย + ภาพติดตา" ของคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ  เวเดอร์
ที่จะต้องโดนวิญญาณของเหยื่อ - ผู้เสียชีวิตชาวกรงุเทพ ฯ ตามหลอกหลอน  ในทุกขณะจิต
และยังต้อง "รับเวรกรรม" จากการทำตัวไม่รู้สึกไม่รู้สา
เ่ช่น  ถูกลูกหลานและสังคมทอดทิ้ง ( อย่างไม่ไยดี - ไม่รู้สึกไม่รู้สา ) เวลาแก่เฒ่า 
ต้องอด ๆ อยาก ๆ นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับกองขี้กองเยี่ยวของตัวเอง  จนเป็นแผลพุพอง เน่าเหม็น เชื้อโรคกินลึกเข้าไปถึงกระดูก   ทนทุกข์อยู่ในสภาพอัมพาตเนื้อหนังเต็มไปด้วยแผลพุพอง น้ำหนองไหลเยิ้ม   
...ยามหลับตาก็ฝันร้าย  เห็นแต่ภาพคนกรุงเทพ ฯ ถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหด***ม
...ยามตื่นก็เศร้าสลด  เห็นแต่สภาพอันน่สมเพชเวทนาของตนเอง
เป็นเช่นนี้ไป 
จนกว่าจะขาดใจตายในลักษณะอันน่าสลดหดหู่ แก่ผู้พบเห็น
ขนาดที่ว่าผู้เป็นญาติใกล้ชิดยังไม่กล้าออกปากรับว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์


ถ้าสิ่งที่ปู่เย็นเล่า ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากความกลัวที่ออกมาจากจิตใจส่วนลึก ที่กลัวว่าตัวเองต้องเป็นแบบชายคนนั้น
ผมจะถือเป็นฉากในละครที่ลุงประทับใจแล้วมาเล่าให้คนรุ่นลูกอย่างผมฟังก็แล้วกันครับ
คนแต่ง แต่งได้ดี จินตนาการดีมากครับ

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 01:44
เท่าที่ดูแต่ต้น ประเด็นมันไม่ใช่แค่เรื่อง ภาคอีสานกับในกรุงเท่านั้น

แต่มันลึกลงไปถึงเรื่องการแบ่งแยกชนชั้น

ถ้าเราไปตกในบ่วงปัญหานั้น ก็จะหาทางสมานฉันท์ไม่ได้เลย

ยิ่งถ้าอยากได้เสียงสนับสนุนจากรากหญ้า แต่ละฝ่ายก็ยิ่งต้องกวักมือเชิญรากหญ้ามาเป็นพวก

ทำให้เค้าเห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน ไม่ใช่ เทวดากับยาจก

หากยังทำตัวเป็นเทวดา ก็เท่ากับไล่มิตรออกไปเป็นศัตรู
**************

ข้อ 5

จะเอาชนะคอมมูนิสต์ได้อย่างไร

เราจะเอาชนะคอมมูนิสต์ได้เมื่อ

1. เข้าใจผกค. ให้ถ่องแท้
2. แก้ไขข้อผิดพลาดของฝ่ายเรา
3. ขจัดจุดอ่อน เจ้าขุนมูลนาย ฟุ่มเฟือย ทุจริต ให้หมดไป
4. ทุกคนในชาติต้องมีอุดมการณ์ร่วมกันในการต่อสู้ด้วยความเสียสละ

อุดมการณ์ของนัก ปจว.

จะยิงตรงเป้าคือจิตใจคน มุ่งหมายให้คล้อยตามวัตถุประสงค์ที่ชาติต้องการ

( จากเอกสาร ปกปิด ใช้ติดตัวของฝ่ายข่าว เมื่อเดือนกันยายน 2516 ยศระดับพันตรี )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขบวนการ สมาชิกทุกระดับควรมุ่งไปที่เป้าหมายสู้ระบอบทักษิณ
เริ่มหัวข้อโดย: พระพาย ที่ 09-03-2008, 01:52
ว้า... อุตส่าห์หาเวลาแว่บมาเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงในเวบ... ทะไมเป็นอย่างนี้ไปล่ายหว่า

ความคิดเห็นและการปะทะเยอะกันหลายหน้าขนาดนี้ ผมตามอ่านไม่หมดหรอกนะครับ... เหตุผลต่างๆ ก็เหมือนกัน มันเยอะและพัวพันกันหลายเรื่อง ปลิ้นเรื่องโน้น เรื่องนี้ อยู่เรื่อยๆ... กลายเป็นว่าทั้งกระทู้นี้สิ่งที่ผมได้ก็คือการรับทราบ "อารมณ์" ของแต่ละท่านเป็นหลักมากกว่าจะรับทราบเรื่องเหตุผลวิวาทะกันจริงๆ

ที่จริงมันเริ่มตั้งแต่การตั้งกระทู้แล้วท่าน... เริ่มที่การระบายอารมณ์ + แตะภาคนิยม... มันย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยงการโต้ด้วยการระบายอารมณ์ + แตะภาคนิยมกลับมา.. จริงไหมท่าน (แม้จะบอกว่าใช้เหตุผลก็เถอะ)

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขบวนการ สมาชิกทุกระดับควรมุ่งไปที่เป้าหมายสู้ระบอบทักษิณ... มันก็เสรีไทยด้วยกันทั้งนั้น จริงไหมครับ

ปล. ด้วยความเคารพ... เรื่องนิยมภาค เรื่องอารมณ์มันมีกันได้ เหตุผลก็ต่างฝ่ายต่างมี... ผมไม่คิดว่าจะหาข้อสรุปตรงกันได้ (นอกจากจะเบื่อเลิกราไปเองจนเหลือคนที่อึดๆ เท่านั้น) อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเราน่าจะค่อยๆ เบาๆ กันไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันครับ... อะไรที่มันไม่เป็นประโยชน์ก็วางๆ กันบ้างก็ดีครับ... เสียเปรียบนิดหน่อยก็ช่างมันเถอะครับ... มาช่วยกันสู้ระบอบทักษิณกันต่อดีกว่า...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 01:52
ฝ่ายหนึ่งอ้างเปิบข้าว อีกฝ่ายอ้างเสียภาษีเยอะ

มันก็เจ๊ากันไปแล้วนี่


ไอ้ฝ่ายที่อ้างว่าจ่ายภาษีเยอะกว่า  มันจำใจต้องกล่าวอย่างนั้น
ก็็เพราะไอ้พวก "นักการเมืองบ้านนอก ( ไม่จำเพาะอีสาน )" มันเคยหาเสียงกับคนต่างจังหวัดในลักษณะอย่างนี้ก่อน
"คนกรุงเทพ ฯ เอาเปรียบ  งบประมาณตั้งเยอะตั้งแยะ มีเท่าไหร่ก็ลงกรุงเทพ ฯ หมด  อย่างรถไฟฟ้า ถนนลอยฟ้า สะพานลอยข้ามแยก ฯลฯ  นั่นก็มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ"

แล้วจากนั้น "คนต่างจังหวัด" ก็ "ขานรับ ( ผมจะไม่ขอใช้คำว่า "หอนรับ" )" ตามกันเป็นทิวแถว
...ไม่ว่าจะเป็นพวกเล่นเน็ต ( โพสตามเว็บบอร์ด ) เล่นมือถือ ( ส่ง SMS ) ฯลฯ

คนกรุง้ทพ ฯ มันจึงทวง ถามหา
"ความเป็นธรรม"


หวังว่าคง "พอคุ้น ๆ" กับการกล่าวหา "ไอ้ฝ่ายที่อ้างว่าจ่ายภาษีเยอะกว่า"
ถ้าเคยเล่นอยู่ใน Pantip - ราชดำเนิน มานานพอสมควร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 01:58
ปู่เย็นเคยคิดบ้างมั้ยครับ ว่าทำไม กรุงเทพที่ไร้ทรัพยากร ถึงมียอดเสียภาษีชนะคนภาคอื่น

สมมติว่าเราเก็บภาษีจากรายได้การขายตั๋วจากสถานีต่างๆ
สถานีรถไฟหัวลำโพง เหตุใดถึงชนะเลิศการเก็บภาษี ?
ทั้งๆที่ลำพังคนกรุงเทพ ก็ใช้แค่รถไฟชานเมือง ที่ทำให้การรถไฟขาดทุนเอาๆ

แล้วตอบผมด้วยนะครับ ว่า AIS นั้น ที่เสียภาษีรายได้ต่อปีให้รัฐนั้น มันเป็นเงินกำไรที่ได้จากคนกรุงเทพแค่นั้นรึเปล่า
แล้วหากกรุงเทพ ไม่มีสำนักงานใหญ่มาตั้งไว้ที่นี่ กรุงเทพมันจะได้ชื่อว่าเป็นคนเสียภาษีขนาดนี้หรือไม่

ถ้าบริษัทใหญ่ๆเหล่านี้ ย้ายแค่สำนักงานใหญ่ไปที่ยะลา อะไรจะเกิดขึ้น ?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 02:05
ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อประชาธิปไตยใช้เสียงส่วนใหญ่ตัดสิน

กติกามีก็ต้องไปตามกติกา

เห็นด่าเก่งๆ พอเข้าสภา เจอ สส.ปาก***ไม่กี่ตัว ทำไมเงียบเป็นเป่าสาก

ก็กติกามันเป็นแบบนั้น

ไม่ปรับกลยุทธ์สู้ก็มีแต่แพ้ร่ำไป

บ่นไปก็เท่านั้น

เรื่องภาษีรายได้ทั้งระบบ ในเว็บมีเยอะแยะเอามายันกันสิ

ไอ้พวกโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายมันอยู่ในกรุงซะที่ไหน

ไล่เรียงไปทีละภาค อย่าไปมองแต่ว่า บริษัทมันจดทะเบียนที่ไหน

ข้าราชการเสียภาษียังไง อยู่ในกรุงหรือต่างจังหวัด ลองๆ ไปหาอะไรที่มันเป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 02:08
หวัดดียามเช้าครับลุงแคน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 02:10
ผมมาอ่านหน้าแรกและหน้าสุดท้ายเลย

ทำไมทู้นี้มันยาวจัง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 02:12
ไท นี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขาด

อยากเจอจังคนแต่งเพลงนี้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 02:15
รู้แระว่าอาทิตย์ ที่แล้วอยู่ปักกิ่งไหงเข้าเสรีไทมะได้เลย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 09-03-2008, 02:17
ไหนๆก็แถกันมาไกล เอาข้อมูลมาป้อนให้
สายพันธุ์อารยันกับนาซี

โดย วีรกร ตรีเศศ (Varakorn@dpu.ac.th)

ตีพิมพ์ ในมติชนรายสัปดาห์ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 27 ฉบับที่ 1370

สงครามสร้างความชั่วร้าย ทำลายความดีความงามและความเจริญ เรื่องเล่าในวันนี้สนับสนุนข้อความข้างต้น โดยย้อนหลังไป 60 กว่าปี ในประเทศเยอรมนี ภายใต้อำนาจเด็ดขาดของระบอบนาซีที่สถาปนาขึ้นมาโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

(Photo From: carltonross.tripod.com ) คนเยอรมันหลายคนในวัย 60 กว่าปีเพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่าพ่อที่แท้จริงของตนนั้นมิได้ตายเพราะสู้ รบอย่างกล้าหาญในสงครามดังที่แม่เล่าให้ฟัง หากเป็นทหารในหน่วยที่มีชื่อว่า Waffen SS ซึ่งเป็นทหารพิเศษของฮิตเลอร์ที่คัดสรรมาว่าเป็นสายเลือดอารยัน คนเยอรมันเหล่านี้ เป็นเด็กจากโครงการ Lebensborn ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการขยายเชื้อชาติอารยันตามที่ฮิตเลอร์ และกลุ่มนาซีเชื่อว่าเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของคนเยอรมันที่เหนือกว่ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ในโลก

Lebensborn หรือ Spring of Life (น้ำพุแห่งชีวิต) หมายถึงโครงการที่สร้างคลีนิคขึ้นทั่วเยอรมนีและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โปแลนด์ นอร์เวย์ ฯลฯ เพื่อให้หญิงมีครรภ์ (ส่วนใหญ่ยังเป็นโสด) ไปคลอดลูกอย่างเป็นความลับ แม่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยแพทย์และพยาบาลที่จ้างมาโดยหน่วยทหาร SS

หญิงมีครรภ์ที่จะได้รับบริการจากคลีนิคจะต้องมีลักษณะทางชาติพันธุ์ที่เหมาะ สม (ผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า) นอกจากนี้ ยังต้องจงรักภักดีต่อระบอบนาซี และต้องพิสูจน์ว่าไม่มีความบกพร่องทางพันธุกรรมอีกด้วย


 


Photo From: www.zdf.de


หญิงมีครรภ์หลายคนโดยแท้จริงแล้วเป็นภรรยาของนายทหาร SS เพื่อมารับบริการ และอีกหลายคนเมื่อคลอดแล้วก็มีสัมพันธ์กับนายทหาร SS จนท้อง (Heinrich Himmler หัวหน้า SS สนับสนุนให้ลูกน้องมีลูกกับหญิงนอกสมรสมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อขยายชาติพันธุ์ที่ดีของเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสุดยอดของมนุษย์ชาติ)

เด็กประมาณ 6,000-8,000 คน เกิดในคลีนิคเหล่านี้ในเยอรมนีระหว่าง 1936-1945 และเนื่องจากโครงการนี้เป็นเรื่องลี้ลับ บ่อยครั้งไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแน่นอน เด็กเหล่านี้จึงไม่รู้ความจริงและไม่มีการบันทึกรายละเอียดของการเกิดลงในสู ติบัตรด้วย

ใน 20 ปีที่ผ่านมา ความลี้ลับถูกเปิดเผยมากขึ้น และพบผลพวงของความเลวร้ายยิ่งขึ้น ฮิตเลอร์เป็นผู้ก่อสงครามขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะให้เยอรมนีครอบงำโลก โดยตั้งใจใช้โครงการ Lebensborn เป็นเครื่องมือขยายเผ่าพันธุ์อารยัน

นักประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองพบว่าหญิงที่ท้องขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ไม่สามารถทำแท้งได้เพราะผิดกฎหมาย บ้างก็ยกลูกให้ทหาร SS เป็นลูกบุญธรรม บ้างก็เลี้ยงลูกเองหลังสงครามด้วยความทนทุกข์ทรมานใจเพราะต้องหลอกลวงลูก ต้องลวงผู้คนเพราะหากรู้ว่าเป็นลูกทหาร SS ก็จะถูกเกลียดชัง

สำหรับเด็กที่เกิดในคลีนิค Lebensborn ในประเทศที่เยอรมนียึดครองอันเนื่องมาจากความสัมพันธ์กับทหาร SS ยิ่งประสบความลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะรัฐบาลเยอรมนีถือว่าเป็นลูกศัตรู เมื่อเติบโตหลังสงครามก็กลายเป็นพลเมืองของชาตินั้นไปโดยทั้งแม่และลูกถูกตร าหน้าว่าเป็นพวกนาซี

(Photo From : ezoterik.page.by)

เชื้อสายอารยันมีความสำคัญเพียงใดจนต้องมีการตั้งโครงการ Lebensborn ขึ้น? "เชื้อสายอารยัน" เป็นคอนเซ็ปต์ในวัฒนธรรมยุโรปที่ "มาแรง" ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 (1890 กว่าๆ และ 1910 กว่าๆ) บ้างเชื่อว่าเชื้อพันธุ์นี้มีกำเนิดจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียปัจจ ุบัน บ้างเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของคนเยอรมันและสแกนดิเนเวียแต่โบราณ และท้องถิ่นเหล่านี้เท่านั้นที่ยังคงสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของเชื้อพันธุ ์ไว้ได้

ในโลกตะวันตกในยุคต้นศตวรรษที่ 19 บ้างเชื่อว่าชาติพันธุ์อารยันเหนือกว่าทุกชาติพันธุ์ ฉลาดกว่า และเก่งกว่า อย่างสมควรที่จะเก็บไว้เป็นต้นแบบของมนุษยชาติเพื่อเผยแพร่พันธุ์ต่อไป

อย่างไรก็ดี มีนักประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้ระบุว่ามีการกล่าวถึงชาติพันธุ์อารยันในจารึก Persians (เปอร์เซียคือชื่อโบราณของอิหร่าน) ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล 500 ปี คำว่า "Aryan" ในตอนแรกโยงใยกับวัฒนธรรม Indo-Iranian (อินเดีย-อิหร่าน) และต่อมาในศตวรรษที่ 19 กลายมาผูกพันกับวัฒนธรรม Indo-European (อินเดีย-ยุโรป)

นักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าไอเดียเรื่องชาติพันธุ์อารยันเกิดขึ้ นเมื่อนักภาษาศาสตร์ค้นพบว่า Avestan ซึ่งเป็นภาษาโบราณของเปอร์เซียและภาษาสันสกฤตของอินเดียตอนเหนือ เป็นสองภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จึงตั้งชื่อกลุ่มคนโบราณที่ประดิษฐ์ภาษาเหล่านี้ขึ้นว่า Aryans ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตและ Avestan ว่า "Arya" ซึ่งหมายถึงมนุษย์ที่มีความสูงส่ง มีอิสระ มีฝืมือ

Arya ก็คือ "อารยะ" ในภาษาไทยซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกัน สองคำคือ "อารยะ" และ "อารยัน" จึงโยงใยกันอย่างใกล้ชิด ("อารยะขัดขืน" ฟังดูยิ่งน่ารักขึ้นอีก") ซึ่งหมายถึงความสูงส่ง ความศิวิไลซ์ ความมีเกียรติและคุณธรรม

อย่างไรก็ดี ในยุโรปในต้นศตวรรษที่ 20 "อารยัน" ถูกบิดเบือนไปจนหมายถึง White European" (คนยุโรปผิวขาว ยกเว้นยิวและอาหรับ โดยอ้างว่าเพราะภาษาดั้งเดิมไม่ได้อยู่ในตระกูล Indo-European)

ต่อมาถูกบิดเบือนยิ่งขึ้นภายใต้ระบอบนาซี ว่า "อารยัน" คือ ชนชาติพิเศษซึ่งเป็นต้นตระกูลของคนเยอรมันจนต้องคัดสรรสายพันธุ์บริสุทธิ ์แห่งความยิ่งใหญ่เอาไว้ เพราะจะยิ่งทำให้เยอรมันนีสามารถครองโลกไว้ได้นานเท่านาน

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนบ้าเชื่อเช่นนี้ได้ แต่ความจริงก็คือในยุคล่าอาณานิคมของสมัยนั้น ความเชื่อในเรื่องความเหนือกว่าของคนผิวขาวเป็นเรื่องธรรมดา ไอเดียในเรื่อง "อารยัน" จึงเกิดขึ้นและมีส่วนนำไปสู่การฆ่าฟันชาวยิวนับล้านคนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

คนบ้าเพียงคนเดียวพร้อมสมัครพรรคพวกจำนวนหนึ่งที่เชื่อและงมงายในเรื่องเดียวกัน สามารถสร้างความทุกข์และความหายนะให้แก่โลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ข้อความข้างต้นที่นำเสนอ ผมไม่ได้ตัดแต่งใดๆ รวมถึงตรงที่มาร์คไว้ให้เด่นชัดด้วย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-03-2008, 02:17


ทักทายทุกท่าน แล้วขอตัวก่อนครับ

ไว้คุยกันใหม่.. :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 02:18
มาละๆ เริ่มมีคำว่าเล่นโคตรเหง้าละ  :slime_smile2:

ให้ผมสังเกตุดีๆ ว่าปู่เย็นมิได้ด่าคนอีสานรึ ??
ไว้ให้ตาผมฟ่าฟางขั้นสุดท้ายก่อนทำเรสิคก่อนละกันครับ ผมถึงจะไม่เห็น

ส่วนเรื่องที่ปู่เย็นด่าผม ผมเห็นแน่นอน
ผมถึงได้ปีนเกลียวมาด่าปู่เย็นคืนแบบนี้

ผมมีความภาคภูมิใจในการเป็นคนอีสานนานแล้วครับ
วันนี้หรือวันไหน ผมก็จะยังเหมือนเดิม
ผมคงอยู่ในไทยนี่แหละครับ คงไม่มีทางไปเป็นคนไทยในต่างแดนหรอกครับ

จากที่ลุงบอกว่า

ถ้าสิ่งที่ปู่เย็นเล่า ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากความกลัวที่ออกมาจากจิตใจส่วนลึก ที่กลัวว่าตัวเองต้องเป็นแบบชายคนนั้น
ผมจะถือเป็นฉากในละครที่ลุงประทับใจแล้วมาเล่าให้คนรุ่นลูกอย่างผมฟังก็แล้วกันครับ
คนแต่ง แต่งได้ดี จินตนาการดีมากครับ

 :slime_bigsmile:

ผมสาปแช่งคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ เลยนั่นล่ะครับ
ไมไ่ด้แต่งนิยายให้คุณฟัง

โดย
1. ถ้าสิ่งที่ผมโพสไว้ใน คคห.ก่อนหน้า ที่ถูกคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ ในกระทู้นี้ เรียกว่า "จินตนาการน้ำแตก" ได้กลายเป็นความจริง
2. ผมก็ขอให้สิ่งที่ผม "สาปแช่งคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ ไว้จงเป็นจริง

นั่นเพราะผมเชื่อในเรื่องกรรม
กรรมอันเกิดจากการไม่รับรู้ - ไม่รู้สึกไม่รู้สา
โดยเฉพาะไม่รับรู้ในความวิบัติของผู้อื่น
ที่เขาได้เตือนให้คุณช่วยเขาไว้ "ด้วยความไม่ประมาท"
...มักจะเป็นกรรมที่ผู้ก่อต้องได้รับในภพชาตินั้น ๆ
ที่มักจะเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นอย่างย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ และหนัักหน่วงขึ้นทุกครั้งคราว
ตราบใดที่ยังเห็นว่าความวิบัติของผู้อื่นนั้น "ไม่เกี่ยวกับฉัน - ไม่เห็นเป็นไร"


อีกอย่างนึง
ผมเป็นคนเกิดในช่วงเวลาเพชรฆาตฤกษ์  ราศีตุลย์  มีมฤตยูเป็นมหาอุจจ์
โบราณให้ถือว่าเป็น ดวงเกิดของยมทูต
ห้ามแช่งให้ใครตาย - ห้ามชี้ว่าใครชั้ว
เพราะมันจะมีผลต่อคนคนนั้น  พร้อม ๆ กับทำให้อายุขัยของผมสั้นลง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 09-03-2008, 02:19
คำนี้คุ้นไหม Hi-Taksin


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 02:26
"การลำเลิกบุญคุณจะทำให้บุญคุณนั้นหมดสิ้นไป" หมายความว่าอย่างไร


บุญคุณ  เมื่อให้ต้องให้เปล่า ( ไม่คิดหวังผลตอบแทน ) จึงเรียกว่า "บุญคุณ"
แต่ถ้าหากมีการทวงถาม หรือ "ลำเลิก" ขึ้นเมื่อไร
มันจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็น "หนี้"



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 02:30
ผมสาปแช่งคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ เลยนั่นล่ะครับ
ไมไ่ด้แต่งนิยายให้คุณฟัง

โดย
1. ถ้าสิ่งที่ผมโพสไว้ใน คคห.ก่อนหน้า ที่ถูกคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ ในกระทู้นี้ เรียกว่า "จินตนาการน้ำแตก" ได้กลายเป็นความจริง
2. ผมก็ขอให้สิ่งที่ผม "สาปแช่งคุณผู้ใช้นามแฝงดาร์ธ เวเดอร์ ไว้จงเป็นจริง

นั่นเพราะผมเชื่อในเรื่องกรรม
กรรมอันเกิดจากการไม่รับรู้ - ไม่รู้สึกไม่รู้สา
โดยเฉพาะไม่รับรู้ในความวิบัติของผู้อื่น
ที่เขาได้เตือนให้คุณช่วยเขาไว้ "ด้วยความไม่ประมาท"
...มักจะเป็นกรรมที่ผู้ก่อต้องได้รับในภพชาตินั้น ๆ
ที่มักจะเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นอย่างย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ และหนัักหน่วงขึ้นทุกครั้งคราว
ตราบใดที่ยังเห็นว่าความวิบัติของผู้อื่นนั้น "ไม่เกี่ยวกับฉัน - ไม่เห็นเป็นไร"


อีกอย่างนึง
ผมเป็นคนเกิดในช่วงเวลาเพชรฆาตฤกษ์  ราศีตุลย์  มีมฤตยูเป็นมหาอุจจ์
โบราณให้ถือว่าเป็น ดวงเกิดของยมทูต
ห้ามแช่งให้ใครตาย - ห้ามชี้ว่าใครชั้ว
เพราะมันจะมีผลต่อคนคนนั้น  พร้อม ๆ กับทำให้อายุขัยของผมสั้นลง


โอ้ ดีจังครับ เป็นมงคลที่สุดในรอบปีเลยครับ ที่มีคนที่อายุรุ่นพ่อผม มาสาปแช่งคนรุ่นลูกอย่างผม

ผมเห็นครับ ที่ลุงบอกว่าผมต้องโดนภาพหลอนที่คนกรุงถูกฆ่า
ที่แท้แล้วลุงกลัวคนกรุงโดนฆ่าหรอกเหรอครับ 555 แหม นะ คนกรุงออกจะเก่ง จะตายได้ง่ายๆรึ๊


ส่วนเรื่องราศีบ้าบออะไรนั่น
เผอิญผมเป็นนักวิทยาศาสตร์
ผมอยากศึกษาอะไรๆเพื่อสร้างความเจริญให้ไทยในศตวรรษที่ 21 นี้มากกว่าครับ :slime_v:

แต่ที่ตลกกว่านั้น ปู่เย็นเนี่ย ขยันมาสาปแช่งคนอื่นเค้า แล้วบอกอีกด้วยว่าอายุตัวเองจะสั้นลง ผมว่าลุงไปเป็นพระเอกหนังเรื่อง โอปบาติกะได้เลยนะครับ ไปเล่นแทนชาคริต แย้มนามได้ แต่ต้องปรับบทนิสนึง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 02:34
อ้าว นายเกตุ ไปจีนเหรอ...เจอหมวยละสิ อิ อิ

กระทู้แบบนี้แหละ ที่คนท่องเน็ตชอบอ่าน เพราะบางประเด็น จะได้ Hint ไปต่อยอดสืบค้นต่อ

เพราะมันจะแตกประเด็นออกไปเรื่อย ๆ นานๆ ก็จะวนกลับมาที่เดิม


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 09-03-2008, 02:37
เอาลิงค์มาแปะ มันเป็นข้อมูลแถๆ แต่มีความคิดเห็นหนึ่งที่ตรงใจผม
http://www.thangthai.com/index.php?file=topic&obj=forum(269)&PHPSESSID=849a750737768c1d0fa0998c34ce6eb9

ข้อยกมาแปะเลยล่ะกัน

คนไทยใน UK
Guest  Posted : 23-8-2549 05:37:03 ip : 129...76

--------------------------------------------------------------------------------
ผมคิดว่าบทความของคุณขาดการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบและข้อมูลที่สนับสนุนก็ไม่มีน้ำหนักพอ ออกจะใช้ความรู้สึกมากกว่าด้วยซ้ำ น่าจะแสดงความคิดเห็นให้สมกับวุฒิหน่อยน่ะครับ

ผมเองก็ศึกษาประวัติชีวิตของฮิตเลอร์มาพอสมควร มีข้อแตกต่างและเปรียบเทียบหลักๆเช่น
- กลุ่มเป้าหมายและประเด็นที่ใช้เพื่อเป็นฐานในการต่อสู้
กลุ่มเป้าหมายของสนธิกับฮิตเลอร์ต่างกัน ฮิตเลอร์เจาะลงไปที่กลุ่มรากหญ้าเป็นหลักเหมือนทักษิณ ในขณะที่สนธิจะเน้นกลุ่มชั้นกลางมากกว่า ฮิตเลอร์จี้ไปที่ปมด้อยและความต้องการของคนเหล่านั้นโดยเฉพาะเรื่องเชื้อชาติ ทักษิณก็มาในทำนองเดียวกันแต่เปลี่ยนเป็นเรื่องการขาดโอกาส จึงเกิดประชานิยมเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ จุดประสงค์ที่สำคัญคือขอให้ได้มาเพื่อเป็นฐานอำนาจเพื่อที่จะก้าวไปสู่จุดของอำนาจอีกขั้น ในขณะที่สนธิพุ่งเป้าไปที่ตัวทักษิณหรือผู้นำเป็นหลัก โดยสนธิพยายามชี้ไปที่พฤติกรรม การกระทำ คำพูดคำสัญญาและการใช้อำนาจในรูปแบบที่ไม่ถูกต้องต่างๆ
- เครื่องมือและอำนาจที่ใช้
สนธิเป็นแค่คนที่มาจากสื่อ จึงไม่มีอำนาจในมืออย่างอื่นนอกเหนือจากสื่อที่โดนเล่นงานอย่างหนักจากรัฐ ในขณะที่ฮิตเลอร์เมื่อได้อำนาจจากฐานเสียงเหมือนทักษิณแล้ว เป็นอำนาจที่ค่อนข้างเบ็ดเสร็จ แต่การใช้อำนาจนั้นน่ากลัวทั้งใต้ดินบนดิน ยกตัวอย่างเช่นอุ้มฆ่ากดดันในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะการใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามเหมือนฮิตเลอร์ที่จัดตั้งกำลังตำรวจพิเศษเกสตาโปไว้จัดการกับฝ่ายตรงข้าม ที่สำคัญคือ มุ่งที่ผลลัพธ์โดยไม่สนใจวิธีการ ตรงนี้ชัดเจนว่าทักฮิตเลอร์และทักษิณจะเหมือนกันมาก แต่สนธินั้นไม่มีอำนาจเหล่านั้นในมือ ดังนั้นการดำเนินการต่างๆต้องคำนึงถึงวิธีการเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นหากผิดพลาดก็จะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ฝ่ายรัฐตำรวจเข้ามาจัดการได้

- บุคลิกภาพ
ชัดเจนว่า ทั้งฮิตเลอร์และทักษิณจะมีบุคลิกสองแบบ พูดง่ายๆคือประเภทตอแหล หน้าไหว้หลังหลอก ประเภทซาตานในคราบนักบุญ สามารถแสดงความรู้สึกและพฤติกรรมได้อย่างแนบเนียนและไม่รูสึกผิด ยกตัวอย่างเช่น การบอกว่าใช้ธรรมะนำหน้าการเมือง การให้คำสัญญาต่างๆทั้งๆที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งหากคนที่สามัญสำนึกจะไม่กล้าพูดหรือแสดงอย่างนั้น นอกจากนี้ ทั้งคู่จะใช้วิธีการต่างๆที่จะให้มีการเชิดชูตัวเองเลิศเลอ เช่นฮิตเลอร์จะยกให้ตัวเองเป็นฟูเลอร์ ในขณะที่ทักษิณจะยกให้ตัวเองเป็นเก่งทุกอย่าง คิดเร็วทำเร็ว หากขาดทักษิณประเทศต้องแย่ เป็นดาวเด่นของโลก เป็นเหมือนผู้มาโปรดคนจน ฯลฯ เป้าหมายของทั้งคู่คือความต้องการที่จะให้รับการยอมรับและสนับสนุนเพื่อให้ได้อยู่ในอำนาจอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สนธิแทบจะไม่พบคำพูดและการกระทำที่จะยกย่องตัวเอง
อีกประเด็นคือ ทั้งฮิตเลอร์และทักษิณจะปกครองคนด้วยความหวาดกลัว เช่นการโยกย้ายข้าราชการ หากใครพยศก็จะมีปัญหา การใช้อำนาจในการจัดการกับฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะพรรคการเมืองในรูปแบบต่างๆ (รายละเอียดคงไม่พูดถึง) แม้แต่ในลูกพรรคของตัวเองเช่นกัน คนที่อยู่ใต้ระบอบทักษิณจะอยู่ในความหวาดกลัว จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่รอดได้ แต่ในสมัยฮิตเลอร์อาจจะร้ายกว่าเพราะสั่งฆ่าได้เลย แต่ทักษิณเองต่างไปในเรื่องการใช้อำนาจเงินเพื่อควบคุมตัวแปรต่างๆด้วย ส่วนสนธิใช้การให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้คนได้รับรู้และร่วมต่อสู้ด้วย

คิดว่าสิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเป็นประเด็นหลัก(ในความคิดของผม)ที่แสดงให้เห็นความเหมือน ความต่างของบุคคลทั้งสาม

แต่ผมคิดว่า ความคิดเห็นของบทความนี้คงมีคนใต้จำนวนมาก(อาจเกือบทั้งภาคฯ)ที่ไม่เห็นด้วยแน่น่ะครับ ดังนั้นการที่บอกว่าที่นี้เป็นเวทีของคนใต้ ผมเกรงว่า ความคิดของบางคนอาจทำให้ถูกบิดเบือนจากความคิดของคนใต้โดยส่วนใหญ่ได้

ตรงที่มาร์คไว้ ส่วนตัวคิดว่าเข้าสถาณการณ์ตอนนี้

ส่วนลุงแคนนี่ผมว่าความคิดยังไม่แบ่งขั้ว ยังเป็นกลางอยู่ ส่วนไอ้ตัวร้ายในสตาร์วอร์ นี่แหละไม่รู้เป็นทีมที่ถูกจ้างมาเสี้ยมหรือเปล่า  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 02:43
อ้าว นายเกตุ ไปจีนเหรอ...เจอหมวยละสิ อิ อิ

กระทู้แบบนี้แหละ ที่คนท่องเน็ตชอบอ่าน เพราะบางประเด็น จะได้ Hint ไปต่อยอดสืบค้นต่อ

เพราะมันจะแตกประเด็นออกไปเรื่อย ๆ นานๆ ก็จะวนกลับมาที่เดิม

5 วันเข้าไม่ได้เลยครับผมนึกว่าไอ้ปื๊ดมันสั่งปิดเสียแร๊ววววว

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 02:52
ไหนๆก็แถกันมาไกล เอาข้อมูลมาป้อนให้
สายพันธุ์อารยันกับนาซี

โดย วีรกร ตรีเศศ (Varakorn@dpu.ac.th)

ตีพิมพ์ ในมติชนรายสัปดาห์ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 27 ฉบับที่ 1370

สงครามสร้างความชั่วร้าย ทำลายความดีความงามและความเจริญ เรื่องเล่าในวันนี้สนับสนุนข้อความข้างต้น โดยย้อนหลังไป 60 กว่าปี ในประเทศเยอรมนี ภายใต้อำนาจเด็ดขาดของระบอบนาซีที่สถาปนาขึ้นมาโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

(Photo From: carltonross.tripod.com ) คนเยอรมันหลายคนในวัย 60 กว่าปีเพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่าพ่อที่แท้จริงของตนนั้นมิได้ตายเพราะสู้ รบอย่างกล้าหาญในสงครามดังที่แม่เล่าให้ฟัง หากเป็นทหารในหน่วยที่มีชื่อว่า Waffen SS ซึ่งเป็นทหารพิเศษของฮิตเลอร์ที่คัดสรรมาว่าเป็นสายเลือดอารยัน คนเยอรมันเหล่านี้ เป็นเด็กจากโครงการ Lebensborn ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการขยายเชื้อชาติอารยันตามที่ฮิตเลอร์ และกลุ่มนาซีเชื่อว่าเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของคนเยอรมันที่เหนือกว่ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ในโลก

Lebensborn หรือ Spring of Life (น้ำพุแห่งชีวิต) หมายถึงโครงการที่สร้างคลีนิคขึ้นทั่วเยอรมนีและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โปแลนด์ นอร์เวย์ ฯลฯ เพื่อให้หญิงมีครรภ์ (ส่วนใหญ่ยังเป็นโสด) ไปคลอดลูกอย่างเป็นความลับ แม่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยแพทย์และพยาบาลที่จ้างมาโดยหน่วยทหาร SS

หญิงมีครรภ์ที่จะได้รับบริการจากคลีนิคจะต้องมีลักษณะทางชาติพันธุ์ที่เหมาะ สม (ผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า) นอกจากนี้ ยังต้องจงรักภักดีต่อระบอบนาซี และต้องพิสูจน์ว่าไม่มีความบกพร่องทางพันธุกรรมอีกด้วย


 


Photo From: www.zdf.de


หญิงมีครรภ์หลายคนโดยแท้จริงแล้วเป็นภรรยาของนายทหาร SS เพื่อมารับบริการ และอีกหลายคนเมื่อคลอดแล้วก็มีสัมพันธ์กับนายทหาร SS จนท้อง (Heinrich Himmler หัวหน้า SS สนับสนุนให้ลูกน้องมีลูกกับหญิงนอกสมรสมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อขยายชาติพันธุ์ที่ดีของเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสุดยอดของมนุษย์ชาติ)

เด็กประมาณ 6,000-8,000 คน เกิดในคลีนิคเหล่านี้ในเยอรมนีระหว่าง 1936-1945 และเนื่องจากโครงการนี้เป็นเรื่องลี้ลับ บ่อยครั้งไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแน่นอน เด็กเหล่านี้จึงไม่รู้ความจริงและไม่มีการบันทึกรายละเอียดของการเกิดลงในสู ติบัตรด้วย

ใน 20 ปีที่ผ่านมา ความลี้ลับถูกเปิดเผยมากขึ้น และพบผลพวงของความเลวร้ายยิ่งขึ้น ฮิตเลอร์เป็นผู้ก่อสงครามขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะให้เยอรมนีครอบงำโลก โดยตั้งใจใช้โครงการ Lebensborn เป็นเครื่องมือขยายเผ่าพันธุ์อารยัน

นักประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองพบว่าหญิงที่ท้องขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ไม่สามารถทำแท้งได้เพราะผิดกฎหมาย บ้างก็ยกลูกให้ทหาร SS เป็นลูกบุญธรรม บ้างก็เลี้ยงลูกเองหลังสงครามด้วยความทนทุกข์ทรมานใจเพราะต้องหลอกลวงลูก ต้องลวงผู้คนเพราะหากรู้ว่าเป็นลูกทหาร SS ก็จะถูกเกลียดชัง

สำหรับเด็กที่เกิดในคลีนิค Lebensborn ในประเทศที่เยอรมนียึดครองอันเนื่องมาจากความสัมพันธ์กับทหาร SS ยิ่งประสบความลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะรัฐบาลเยอรมนีถือว่าเป็นลูกศัตรู เมื่อเติบโตหลังสงครามก็กลายเป็นพลเมืองของชาตินั้นไปโดยทั้งแม่และลูกถูกตร าหน้าว่าเป็นพวกนาซี

(Photo From : ezoterik.page.by)

เชื้อสายอารยันมีความสำคัญเพียงใดจนต้องมีการตั้งโครงการ Lebensborn ขึ้น? "เชื้อสายอารยัน" เป็นคอนเซ็ปต์ในวัฒนธรรมยุโรปที่ "มาแรง" ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 (1890 กว่าๆ และ 1910 กว่าๆ) บ้างเชื่อว่าเชื้อพันธุ์นี้มีกำเนิดจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียปัจจ ุบัน บ้างเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของคนเยอรมันและสแกนดิเนเวียแต่โบราณ และท้องถิ่นเหล่านี้เท่านั้นที่ยังคงสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของเชื้อพันธุ ์ไว้ได้

ในโลกตะวันตกในยุคต้นศตวรรษที่ 19 บ้างเชื่อว่าชาติพันธุ์อารยันเหนือกว่าทุกชาติพันธุ์ ฉลาดกว่า และเก่งกว่า อย่างสมควรที่จะเก็บไว้เป็นต้นแบบของมนุษยชาติเพื่อเผยแพร่พันธุ์ต่อไป

อย่างไรก็ดี มีนักประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้ระบุว่ามีการกล่าวถึงชาติพันธุ์อารยันในจารึก Persians (เปอร์เซียคือชื่อโบราณของอิหร่าน) ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล 500 ปี คำว่า "Aryan" ในตอนแรกโยงใยกับวัฒนธรรม Indo-Iranian (อินเดีย-อิหร่าน) และต่อมาในศตวรรษที่ 19 กลายมาผูกพันกับวัฒนธรรม Indo-European (อินเดีย-ยุโรป)

นักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าไอเดียเรื่องชาติพันธุ์อารยันเกิดขึ้ นเมื่อนักภาษาศาสตร์ค้นพบว่า Avestan ซึ่งเป็นภาษาโบราณของเปอร์เซียและภาษาสันสกฤตของอินเดียตอนเหนือ เป็นสองภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จึงตั้งชื่อกลุ่มคนโบราณที่ประดิษฐ์ภาษาเหล่านี้ขึ้นว่า Aryans ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตและ Avestan ว่า "Arya" ซึ่งหมายถึงมนุษย์ที่มีความสูงส่ง มีอิสระ มีฝืมือ

Arya ก็คือ "อารยะ" ในภาษาไทยซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกัน สองคำคือ "อารยะ" และ "อารยัน" จึงโยงใยกันอย่างใกล้ชิด ("อารยะขัดขืน" ฟังดูยิ่งน่ารักขึ้นอีก") ซึ่งหมายถึงความสูงส่ง ความศิวิไลซ์ ความมีเกียรติและคุณธรรม

อย่างไรก็ดี ในยุโรปในต้นศตวรรษที่ 20 "อารยัน" ถูกบิดเบือนไปจนหมายถึง White European" (คนยุโรปผิวขาว ยกเว้นยิวและอาหรับ โดยอ้างว่าเพราะภาษาดั้งเดิมไม่ได้อยู่ในตระกูล Indo-European)

ต่อมาถูกบิดเบือนยิ่งขึ้นภายใต้ระบอบนาซี ว่า "อารยัน" คือ ชนชาติพิเศษซึ่งเป็นต้นตระกูลของคนเยอรมันจนต้องคัดสรรสายพันธุ์บริสุทธิ ์แห่งความยิ่งใหญ่เอาไว้ เพราะจะยิ่งทำให้เยอรมันนีสามารถครองโลกไว้ได้นานเท่านาน

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนบ้าเชื่อเช่นนี้ได้ แต่ความจริงก็คือในยุคล่าอาณานิคมของสมัยนั้น ความเชื่อในเรื่องความเหนือกว่าของคนผิวขาวเป็นเรื่องธรรมดา ไอเดียในเรื่อง "อารยัน" จึงเกิดขึ้นและมีส่วนนำไปสู่การฆ่าฟันชาวยิวนับล้านคนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

คนบ้าเพียงคนเดียวพร้อมสมัครพรรคพวกจำนวนหนึ่งที่เชื่อและงมงายในเรื่องเดียวกัน สามารถสร้างความทุกข์และความหายนะให้แก่โลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ข้อความข้างต้นที่นำเสนอ ผมไม่ได้ตัดแต่งใดๆ รวมถึงตรงที่มาร์คไว้ให้เด่นชัดด้วย


ถ้าผมจะบอกว่าที่บ้านผมมีหมวกกันน๊อคอันหนึ่ง เป็นหมวกทรงทหารของหน่วย SS คงไม่มีใครมาด่าผมว่าผมคลั่งฮีตเลอร์นะครับ
กับอีกเรื่องคือ ผมไปลงเรียนรัฐศาสตร์เล่นๆ ที่ราม แต่ไปแค่เทอมเดียวเอง เพราะติดหลายอย่าง
ผมเลือกลงแต่วิชาที่ผมอยากจะเรียนคือ การเมืองในโซเวียต ในลาว ในจีน ในยุโรปตะวันออก และระบอบคอมมิวนิสต์
ผมได้ G ทุกตัว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงว่าผมไปคลั่งคอมมิวนิสต์หรอกครับ ทุกวันนี้เห็นแต่คลั่งกันตามแฟชั่น

ส่วนศาสตร์ที่ศึกษาโดยตรง คือวิทยาศาสตร์
ผมไม่เคยสอบได้ที่ 1 ในชั้น
แต่คนที่ 1 ในชั้นของผม ก็ไม่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณผลงานจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติอย่างผม
คนเรามันมีดีต่างกันแหละน่า


ที่เล่าให้ฟังน่ะไม่มีไรหรอก
อยากขี้คุยเฉยๆนี่แหละ

ได้ยินคำว่าโง่มากๆเข้า เลยอยากโชว์ลาวให้สาวกรี๊ดหน่อยก็แค่นั้น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 03:04

ส่วนลุงแคนนี่ผมว่าความคิดยังไม่แบ่งขั้ว ยังเป็นกลางอยู่ ส่วนไอ้ตัวร้ายในสตาร์วอร์ นี่แหละไม่รู้เป็นทีมที่ถูกจ้างมาเสี้ยมหรือเปล่า  

ผมก็แบบนี้มานานแล้ว...พวกที่ชอบแบ่งขั้วเรียกผมลุงกั๊ก

ผมไม่กลางหรอกครับ มีความชัดเจนในทุกประเด็น เป็นพวกหัวชนฝาอีกต่างหาก

ก็แค่ด่าทุกพรรค ชมทุกพรรค ด่าทักษิณ ร่วมพันธมิตร เอามาคิดมาเขียนในราชดำเนิน

บางทีก็สู้เพื่อสนธิ บางทีก็ด่าสนธิ แล้วแต่ว่ามันเป็นเรื่องอะไร

มันแล้วแต่ประเด็นครับ ชาวนาแบบผมไปแบ่งขั้วกับใครไม่ได้หรอกครับ

อย่างมากก็แค่นักสังเกตการณ์ มันจำเป็นสำหรับสังคมชาวนา ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก

เหมือนพวกฮิปปี้ยุค 50 รักสันติ สายลม แสงแดดและเสรีภาพ อาจมีเชื้อเรื่องความเป็นธรรมในสังคมอยู่บ้าง

ผู้ร้ายในสตาร์วอร์ เท่าที่รู้จัก ตรวจสอบแล้วเค้าอีสานของแท้ครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 03:07
A : คนเกลียดเหลี่ยม เป็นคนฉลาด มีความรู้ มีการศึกษา เข้าถึงข่าวสาร
     คนรักเหลี่ยม เป็นคนโง่ ไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา เข้าไม่ถึงข่าวสาร
B:  แล้วพวก รศ.ดร พวก ศ.ดร มากมายคนกรุงเทพหลายคนที่ชอบเหลี่ยม เขาไม่ฉลาด เขาเข้าไม่ถึงข่าวสารเหรอครับ ?

A: การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร
B: อ้าว

มันก็วนเวียนอยู่แค่ไม่กี่ประการเช่นนี้ ไม่จบไม่สิ้น....

เหมือนวินมอไซค์สองคนยืนด่ากันนั่นแล
วินมอไซค์กรุงเทพด่าวินมอไซค์อุบลว่า มรึงน่ะโง่

จบ ป.4 เหมือนกัน เบ่งใส่กัน ทำมาหาแดรกอาชีพเดียวกัน
ยังอุตส่าห์หาสิ่งที่เหนือกว่ามาข่มเขาได้เน๊าะ

 :slime_bigsmile:

อ้างถึง
อ้างจาก: Caocao ที่ วันนี้ เวลา 02:37

ส่วนลุงแคนนี่ผมว่าความคิดยังไม่แบ่งขั้ว ยังเป็นกลางอยู่ ส่วนไอ้ตัวร้ายในสตาร์วอร์ นี่แหละไม่รู้เป็นทีมที่ถูกจ้างมาเสี้ยมหรือเปล่า

ถ้าเข้าใจผิด เรื่องที่ผมอ้างอิงคำพูดจากบทความเรื่องนาซีนั่น
ขอโทษด้วย

ตั้งใจด่าคนอื่นน่ะ แต่ไม่ได้ไปตั้งใหม่
แต่แปลกใจ เหตุใดไม่คิดติดใจลุง qazwsx บ้างน้อ

สำบัดสำนวนแกแตกแยก เน้นด่าทอเอาความมันส์ซะเหลือเกิน

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Caocao ที่ 09-03-2008, 03:09
ผมไม่เคยว่าคนที่คิดต่างจากผมว่าโง่ อาจมีการถกเถยงที่รุนแรงก็เพราะผมไม่เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ก็ขออภัย แต่ผมชื่นชอบคำๆหนึ่งในภาพยนต์ ฮอลลี่วูด เรื่อง ดัม แอม ดัมเบอร์ เค้าพูดว่า "คนโง่ก็มักแสดงออกอย่างโง่ๆ"  อันนี้ผมคิดว่าจริง และหลายครั้งผมก็หลุดโง่ และได้คำปลอบใจจากเพื่อนเสี่ยวอีสานของผมปลอบโยนเสมอ "โง่มันมาก่อนฉลาดเด้อ"  ไม่ต้องแปลกใจ ผมไม่ได้ประชดใคร เพราะผมเป็นคน Metro ที่คุณมักกล่าวว่า เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่เผอิญว่าได้ไปใช้ชีวิตช่วงมหาลัยที่อีสาน เพื่อนผมก็เสี่ยวกันทั้งนั้น รวมทั้งชื่อหน้าของผมก็มีคำว่าบัก นำหน้าเสมอ เรื่องมายาคติไม่ได้ลงลึกในระดับความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งได้หรอก และผมเป็นคนกรุงคนหนึ่งที่ว่าวลาวได้ เหตุเพราะเพื่อนผมมันอายสำเนียงเวลาพูดกลาง ผมเลยต้องหัดว่าวลาวแทน ก็แค่นั้น ส่วนใครจะเล่นบทบ่างช่างยุก็แล้วแต่ เด้อบักปอบ :slime_slapped:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 03:12
รู้สึกว่าลุงแคนนี่จะเป็นขวํญใจชาวเวบบอร์ดนะเนี่ย

ผมว่าเอาเจ้าของกระทู้กับลุงแคนขึ้นเวที ด้วยกระทู้หัวข้อนี้

เจอกันตัวเป็นๆดีมะเนี่ย

ผมหาสถานที่และออกค่าใช้จ่ายให้

แต่ผมเก็บตังส์ สงสัยโน๊ตอุดมนี่รายได้ตกแน่เลย
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 03:14
คำสาปแช่งไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดนะเว้ย

เพราะการสาปแช่งที่ถูกต้องเหมาะสม  เป็นการชี้บ่งถึงสิ่งที่ผู้ถูกสาปแช่งก่อและ "คนสาปแช่ง" เห็นสมควรว่าน่าจะเป็นเหตุให้รับ "เคราะห์กรรม"
...ถ้าปรับปรุงแก้ไขหมดแล้ว  คำสาปแช่งก็ไม่สัมฤทธิผล  เพราะเคราะห์กรรม "ไม่มีเจ้าเรือน" ให้รับไปซะแล้ว


======================================

สำนวนโวหารของผม  มีเจตนาให้อีกฝ่ายเกิดโทสะจริต
เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเกิดโทสะจริต   ก็มักจะลืม "ดัดจริต ( S-Ego )"


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 03:15
แต่ผมเชียร์ลุงแคนนิดๆในฐานะที่ผมเป็นเจ้าภาพ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 03:20
ผมไม่เคยว่าคนที่คิดต่างจากผมว่าโง่ อาจมีการถกเถยงที่รุนแรงก็เพราะผมไม่เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ก็ขออภัย แต่ผมชื่นชอบคำๆหนึ่งในภาพยนต์ ฮอลลี่วูด เรื่อง ดัม แอม ดัมเบอร์ เค้าพูดว่า "คนโง่ก็มักแสดงออกอย่างโง่ๆ"  อันนี้ผมคิดว่าจริง และหลายครั้งผมก็หลุดโง่ และได้คำปลอบใจจากเพื่อนเสี่ยวอีสานของผมปลอบโยนเสมอ "โง่มันมาก่อนฉลาดเด้อ"  ไม่ต้องแปลกใจ ผมไม่ได้ประชดใคร เพราะผมเป็นคน Metro ที่คุณมักกล่าวว่า เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่เผอิญว่าได้ไปใช้ชีวิตช่วงมหาลัยที่อีสาน เพื่อนผมก็เสี่ยวกันทั้งนั้น รวมทั้งชื่อหน้าของผมก็มีคำว่าบัก นำหน้าเสมอ เรื่องมายาคติไม่ได้ลงลึกในระดับความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งได้หรอก และผมเป็นคนกรุงคนหนึ่งที่ว่าวลาวได้ เหตุเพราะเพื่อนผมมันอายสำเนียงเวลาพูดกลาง ผมเลยต้องหัดว่าวลาวแทน ก็แค่นั้น ส่วนใครจะเล่นบทบ่างช่างยุก็แล้วแต่ เด้อบักปอบ :slime_slapped:


เผอิญตัวร้ายในสตาร์วอร์สอย่างผมนั้นสลับกะคุณน่ะ
ผมเป็นคนอีสานมาเรียนอยู่เมืองเมโทรโปลิส

ผมมีคำนำหน้าว่า เxรี้ย
คนกรุงนี่ก็ไม่รู้อะไร เห็นอะไรๆก็บอกเหรี้ยไปหมด สวยเหรี้ยๆ เป็นเหรี้ยไรว๊าสาดด เป็นต้น
ไม่ซีเรียสนะ

ที่สำคัญ
ผมมีภาวะเพียงพอ ที่จะไม่เป็นคนช่างบ่างช่างยุแน่ๆ โดยเฉพาะในกระทู้นี้

ไม่ได้หวังจะหาแนวร่วมมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามช่วยเลยซักนิด
มีแค่ 2 คนกะลุงแคนก็พอแล้ว

และที่สำคัญ ดูไม่ออกจริงๆเหรอครับ ว่าใครมันช่างบ่างช่างยุ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 03:25
คำสาปแช่งไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดนะเว้ย

เพราะการสาปแช่งที่ถูกต้องเหมาะสม  เป็นการชี้บ่งถึงสิ่งที่ผู้ถูกสาปแช่งก่อและ "คนสาปแช่ง" เห็นสมควรว่าน่าจะเป็นเหตุให้รับ "เคราะห์กรรม"
...ถ้าปรับปรุงแก้ไขหมดแล้ว  คำสาปแช่งก็ไม่สัมฤทธิผล  เพราะเคราะห์กรรม "ไม่มีเจ้าเรือน" ให้รับไปซะแล้ว

ไม่ทราบ

ที่บ้านไม่เคยสอนให้สาปแช่งใครครับ

จิตใจไม่เคยขุ่นมัวขนาดต้องไปสาปแช่งใคร
แต่สิ่งที่เห็นก็คือ ชายวัยพ่อ ถึงกับสบถคำสาปแช่งคนรุ่นลูก เพราะเรื่องความไม่ตรงกันเรื่องภาค

เห็นแล้วก็หดหู่ครับ
เพราะคนที่ทำ น่าจะเป็นคนที่ภาวะน้อยกว่าอย่างผมซะมากกว่า แต่ก็เปล่า มันตรงข้ามกัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 03:30
เผอิญตัวร้ายในสตาร์วอร์สอย่างผมนั้นสลับกะคุณน่ะ
ผมเป็นคนอีสานมาเรียนอยู่เมืองเมโทรโปลิส

ผมมีคำนำหน้าว่า เxรี้ย
คนกรุงนี่ก็ไม่รู้อะไร เห็นอะไรๆก็บอกเหรี้ยไปหมด สวยเหรี้ยๆ เป็นเหรี้ยไรว๊าสาดด เป็นต้น
ไม่ซีเรียสนะ

ที่สำคัญ
ผมมีภาวะเพียงพอ ที่จะไม่เป็นคนช่างบ่างช่างยุแน่ๆ โดยเฉพาะในกระทู้นี้

ไม่ได้หวังจะหาแนวร่วมมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามช่วยเลยซักนิด
มีแค่ 2 คนกะลุงแคนก็พอแล้ว

และที่สำคัญ ดูไม่ออกจริงๆเหรอครับ ว่าใครมันช่างบ่างช่างยุ



ช่าย ๆๆๆๆๆ
คำติดปากคนกรุงเทพ ฯ
ได้แก่
เหี้eeeeeee...
สาดดดดดดด...
แหม้งงงงงง....
ควายยยย  เอ๊ยยยยยย.....
ริยัมมมมมมม...
จังรายยยยย...
ฉิบหายยยย...
โคตตตตตตรร...

นั่นล่ะ "ภาษาของเทพ"
ใช้กันทั้งนั้นไม่ว่าเทพชายหรือเทพหญิง
ส่วนสรรพนามของเทพก็คือ "มึง - กู - มัน"
...โคตรสุภาพ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 03:33
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง

ผมว่าถ้าจะประนามกันเราประนามข้อความข้างบนไม่ดีกว่าหรือครับ

เพราะข้อความอย่างนี้ใครลองเขียนแล้วไปยืนถือในทั่วทุกภาคของประเทศไทยแล้วไม่โดนกระทืบบ้าง

นี่แหละมันสร้างความแตกแยกในชาติหละ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 03:35
ผมไม่เข้าใจจริงๆจะทะเลาะกันเพื่ออะไร


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 03:39

ช่าย ๆๆๆๆๆ
คำติดปากคนกรุงเทพ ฯ
ได้แก่
เหี้eeeeeee...
สาดดดดดดด...
แหม้งงงงงง....
ควายยยย  เอ๊ยยยยยย.....
ริยัมมมมมมม...
จังรายยยยย...
ฉิบหายยยย...
โคตตตตตตรร...

นั่นล่ะ "ภาษาของเทพ"
ใช้กันทั้งนั้นไม่ว่าเทพชายหรือเทพหญิง
ส่วนสรรพนามของเทพก็คือ "มึง - กู - มัน"
...โคตรสุภาพ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

โอเคครับ ปู่เย็น เข้าใจแล้ว
ผมคงต้องพักแล้ว

พรุ่งนี้คุยกันใหม่นะครับ
สุขภาพแข็งแรงครับลุง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 03:41
แหะ แหะ เรื่องหัวกระทู้ผมก็พยายามให้เจ้าของกระทู้อธิบายตั้งแต่ต้น

ก็บอกตั้งแต่ความเห็นแรกว่าไม่อยากเข้ากระทู้แบบนี้

แต่ทำไงได้ เล่นเอาชื่อเราไปแขวนตั้งแต่ต้นกระทู้ ไม่สู้ก็กระไร

************************
นายเกตุ..

พวกราชดำเนินมาจีบตั้งหลายที ผมไม่ไปร่วม

ตั้งแต่ยุค dCode กับอีก 2-3 เว็บ

คนที่พวกเราหลายคนไม่ชอบขี้หน้ามาชวนหลายครั้ง

บรรยากาศมันไม่ดี ผู้คนหลากหลาย ไม่รู้ใครเป็นใคร

พวกฟ้าเดียวกันก็ชวนนะ แต่เราไม่ชอบ

ก็ในราชดำเนิเค้าเอาผมขึ้นเขียงยำเล่นบ่อยๆ

แต่เราก็เป็นเรา อย่าไปใส่ใจในสิ่งที่ชาวบ้านเค้ามองมากนัก

เรารู้ตัวเราให้มากที่สุดดีกว่า เล่นเว็บบอร์ด มันก็แค่ตัวหนังสือตีกัน

นานๆ ก็สรุปข้อเขียน เก็บไว้เป็นที่เป็นทาง ใครชอบก็ไปอ่านใครไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน แค่นั้นเอง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 03:49
เหอ เหอ ดาร์ธจาไปกินนมนอนซะแล้ว

อย่าลืมไปโซ้ยใน ไกด์อุบลด้วยเด้อ...

บักเกรียงมันบอกว่า..."เอาอบจ.ของกรูคืนมา"

ช่วยๆ ไปยำกันหน่อย

คราวที่แล้วไปยำทักษิณในนามเสี่ยวอีสาน เค้าจำหน้าผมได้แล้ว...

กระทู้โดนลบแล้วมั๊ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 03:49
ไม่ทราบ

ที่บ้านไม่เคยสอนให้สาปแช่งใครครับ

จิตใจไม่เคยขุ่นมัวขนาดต้องไปสาปแช่งใคร
แต่สิ่งที่เห็นก็คือ ชายวัยพ่อ ถึงกับสบถคำสาปแช่งคนรุ่นลูก เพราะเรื่องความไม่ตรงกันเรื่องภาค

เห็นแล้วก็หดหู่ครับ
เพราะคนที่ทำ น่าจะเป็นคนที่ภาวะน้อยกว่าอย่างผมซะมากกว่า แต่ก็เปล่า มันตรงข้ามกัน

แสดงว่าที่บ้านสอนมาผิดหรือไม่ก็เข้าใจผิด
 :slime_bigsmile: :slime_cool:

เพราะนบีมูหะหมัด และบรรดานบีต่าง ๆ ก็ยัง "สาปแช่ง"
เพราะนักบุญต่าง ๆ ก็ยังสาปแช่ง
เพราะแม้แต่เซียนก็ยังสาปแช่ง


ถ้าผู้ใหญ่สาปแช่งผู้อายุน้อยกว่า  ไม่ได้แสดงว่าเขาอยากให้คุณได้รับผลร้าย
แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาทีเล่นทีจริงกับเด็ก  เช่น  "ไว้ให้มรึงเป็นบ้า้งเถอะ...กรูจะขอให้มรึงหนักกว่าสัก 2 เท่า"
ส่วนผม...บังเอิญ "ปากร้าย" จึงดู "ดุเดือดดุดัน" น่าสพรึงกลัว

ผู้ใหญ่สาปแช่งเด็ก  เพราะมีเจตนาให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  หรือละเลิกพฤติกรรม  หรืออย่างน้อยก็ละเลี่ยง - อย่าแสดงออก
ไม่ใช่แช่งเพราะ "อยากให้วิบัติ"
ด้วยลักษณะการสาปแช่งของผู้ใหญ่ ( ที่ไม่งี่เง่า ) จะมีลักษณะ
"เพราะเธอ ..... ฉันจึงขอให้เธอ ...."
ไม่ใช่
"เพราะฉัน ..... ฉันจึงขอให้เธอ ...."

ดังนั้น "เธอ" และ "...." ของเธอ
จึงเป็นเงื่อนไขของความสัมฤทธิผลแห่งคำสาปแช่ง

และ "เคราะห์กรรม" ที่ระบุไว้ในคำสาปแช่ง  ผู้ใหญ่ก็มักไม่ได้ระบุไว้เิกินสมควรหรือผิดทิศผิดทางไปจากเวรกรรม ( "...." ของเธอ )
อย่างในกรณีที่ผมแช่งคุณนั้น
...คุณแน่ใจหรือว่าจะได้ "มีชีวิตอยู่จนถึงแก่ - วัยชรา" ?


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-03-2008, 04:00
ปล่อยไปเถอะครับลุงแคน เจได และท่านอื่นๆที่ไม่เห็นด้วยกับกระทู้แบบนี้ก็อย่าไปต่อล้อต่อเถียงเลย

เด๊ยวกระทู้มันก็ตายไปเอง

บอกไว้ก่อนนะว่าผมคนชลบุรี และเที่ยวนี้เลือกปชปด้วย แต่เคารพในสิทธิ์และเสียงของคนทุกภาคครับ

จะไม่เข้าทู้นี้อีกแล้ว....เบื่อ

ไปหามะโนสาเร่ เล่นดีกว่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 04:05
แสดงว่าที่บ้านสอนมาผิดหรือไม่ก็เข้าใจผิด
 :slime_bigsmile: :slime_cool:

เพราะนบีมูหะหมัด และบรรดานบีต่าง ๆ ก็ยัง "สาปแช่ง"
เพราะนักบุญต่าง ๆ ก็ยังสาปแช่ง
เพราะแม้แต่เซียนก็ยังสาปแช่ง


ถ้าผู้ใหญ่สาปแช่งผู้อายุน้อยกว่า  ไม่ได้แสดงว่าเขาอยากให้คุณได้รับผลร้าย
แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาทีเล่นทีจริงกับเด็ก  เช่น  "ไว้ให้มรึงเป็นบ้า้งเถอะ...กรูจะขอให้มรึงหนักกว่าสัก 2 เท่า"
ส่วนผม...บังเอิญ "ปากร้าย" จึงดู "ดุเดือดดุดัน" น่าสพรึงกลัว ( และพลอยเกลียดขี้หน้ามรึง...ไอ้คนแช่ง )

ผู้ใหญ่สาปแช่งเด็ก  เพราะมีเจตนาให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  หรือละเลิกพฤติกรรม  หรืออย่างน้อยก็ละเลี่ยง - อย่าแสดงออก
ไม่ใช่แช่งเพราะ "อยากให้วิบัติ"
ด้วยลักษณะการสาปแช่งของผู้ใหญ่ ( ที่ไม่งี่เง่า ) จะมีลักษณะ
"เพราะเธอ ..... ฉันจึงขอให้เธอ ...."
ไม่ใช่
"เพราะฉัน ..... ฉันจึงขอให้เธอ ...."

ดังนั้น "เธอ" และ "...." ของเธอ
จึงเป็นเงื่อนไขของความสัมฤทธิผลแห่งคำสาปแช่ง

และ "เคราะห์กรรม" ที่ระบุไว้ในคำสาปแช่ง  ผู้ใหญ่ก็มักไม่ได้ระบุไว้เิกินสมควรหรือผิดทิศผิดทางไปจากเวรกรรม ( "...." ของเธอ )
อย่างในกรณีที่ผมแช่งคุณนั้น
...คุณแน่ใจหรือว่าจะได้ "มีชีวิตอยู่จนถึงแก่ - วัยชรา" ?


ตอบซักหน่อยก็ได้

บ้านผมไม่สอนสิ่งแบบนั้นหรอกครับ
และที่บ้านคงไม่ได้สอนผิดอีกนั่นแหละ

เผอิญผมไม่ใช่มุสลิม ไม่ใช่คนนับถือเซียนและนักบุญ ผมนับถือคนที่น่านับถือครับ
แต่ผมจะพยายามฟังเหตุผล 108 ที่ปู่เย็นหามาสร้างความชอบธรรมเรื่องการสาปแช่งคนรุ่นลูกก็แล้วกัน

แล้วก็ให้ลุงย้อนไปอ่านบทสนทนาเก่าๆที่โพสต์ไปก็แล้วกัน

และหากการแช่งลุงบอกว่าดี
แต่ผมคงไม่เอาสิ่งดีๆแบบนี้ไปให้ลุงคืนหรอกครับ

เพราะยังไงลุงก็ต้องได้รับด้วยตัวเองอยู่แล้วนิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 04:06
แหะ แหะ เรื่องหัวกระทู้ผมก็พยายามให้เจ้าของกระทู้อธิบายตั้งแต่ต้น

ก็บอกตั้งแต่ความเห็นแรกว่าไม่อยากเข้ากระทู้แบบนี้

แต่ทำไงได้ เล่นเอาชื่อเราไปแขวนตั้งแต่ต้นกระทู้ ไม่สู้ก็กระไร

************************
นายเกตุ..

พวกราชดำเนินมาจีบตั้งหลายที ผมไม่ไปร่วม

ตั้งแต่ยุค dCode กับอีก 2-3 เว็บ

คนที่พวกเราหลายคนไม่ชอบขี้หน้ามาชวนหลายครั้ง

บรรยากาศมันไม่ดี ผู้คนหลากหลาย ไม่รู้ใครเป็นใคร

พวกฟ้าเดียวกันก็ชวนนะ แต่เราไม่ชอบ

ก็ในราชดำเนิเค้าเอาผมขึ้นเขียงยำเล่นบ่อยๆ

แต่เราก็เป็นเรา อย่าไปใส่ใจในสิ่งที่ชาวบ้านเค้ามองมากนัก

เรารู้ตัวเราให้มากที่สุดดีกว่า เล่นเว็บบอร์ด มันก็แค่ตัวหนังสือตีกัน

นานๆ ก็สรุปข้อเขียน เก็บไว้เป็นที่เป็นทาง ใครชอบก็ไปอ่านใครไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน แค่นั้นเอง

ผมประเมินเอาเองนะ  เรื่องหัวข้อกระทู้และเนื้อหาในกระทู้ ( ยังไม่รวม "คคห." อื่น ๆ ที่ตามกันมาของ จขกท. )

กระทู้นี้ดูเหมือนเจตนาจะขาย "ไข่เจียว"
แต่พ่อครัวแกล้ง "ไม่ล้างกะทะ" ก่อนลงน้ำมัน + ทอดไข่ เพื่อให้ "รสชาติอาหารที่ตกค้าง" ติดไปกับไข่เจียว
ตักเสิร์ฟมาบน "ถ้วยน้ำพริก"
แล้วราด "นำ้จิ้มสุกี้" มาให้

คนกินก็ต้อง "เลือกกิน - เลือกด่า กันเอง" แล้วแต่ว่าจะ "ติดค้างคาใจ" ใน "ความสัปดน" ของผู้ปรุงตรงไหน




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 04:09
ปล่อยไปเถอะครับลุงแคน เจได และท่านอื่นๆที่ไม่เห็นด้วยกับกระทู้แบบนี้ก็อย่าไปต่อล้อต่อเถียงเลย

เด๊ยวกระทู้มันก็ตายไปเอง

บอกไว้ก่อนนะว่าผมคนชลบุรี และเที่ยวนี้เลือกปชปด้วย แต่เคารพในสิทธิ์และเสียงของคนทุกภาคครับ

จะไม่เข้าทู้นี้อีกแล้ว....เบื่อ

ไปหามะโนสาเร่ เล่นดีกว่า


เอาน่า ...
คงมีคนอารมณ์ค้างอยู่น่ะครับ

เมื่อครั้ง ทรท 377 เสียง
คนกรุงเลือกพี่แม้วไปถล่มทะลาย

แล้วพอมีเหตุการณ์กดดันรัฐบาลในช่วงนั้นโดยม๊อบโกตั๊บ
คนกรุงถึงกับคลั่ง
ด่าทอแต่คนอีสานกับเหนือที่เลือกไทยรักไทย

แต่ลืมมองตัวเอง ว่ากาอะไรไป

ผมก็ขำตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแหละครับ

ฝันดีครับพี่.....
เดี๋ยวเราชวนท่าน อะไรจ๊ะ ไปดูโคโยตี้กัน :slime_evil:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 04:11
คิดว่าอีกสักเดี๋ยวคุณจะต้องโดน "เรียงหน้าอัด"

ทำใจหน่อยก็แล้วกัน
ปัจจุบันนี้คนอีสานเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษ ชนิดใครจะตำหนิติเตือนอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น  วิพากย์วิจารณ์อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะไมว่าจะพิจารณาด้านไหนคนอีสานก็วิเศษวิโสเหนือคนภาคอื่นทั้งหมด 
โดยเฉพาะ "ไอ้พวกคนกรุงเทพฯ"
...ซึ่งทั้งโง่  ทั้งขี้เกียจ  ง่อยเปลี้ยเสียขา ทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 04:16
เหอ เหอ ดาร์ธจาไปกินนมนอนซะแล้ว

อย่าลืมไปโซ้ยใน ไกด์อุบลด้วยเด้อ...

บักเกรียงมันบอกว่า..."เอาอบจ.ของกรูคืนมา"

ช่วยๆ ไปยำกันหน่อย

คราวที่แล้วไปยำทักษิณในนามเสี่ยวอีสาน เค้าจำหน้าผมได้แล้ว...

กระทู้โดนลบแล้วมั๊ง

 :slime_sentimental:

ไม่รู้จะไปยำยังไงครับ
เพราะ นายก อบจ คนปัจจุบันก็ ไทยร๊ากไทย...

ถล่มเกรียง แล้ว นายก อบจ ที่ได้ก็ไทยรักไทยอยู่ดี

 :slime_mad:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 04:21
ตอบซักหน่อยก็ได้

บ้านผมไม่สอนสิ่งแบบนั้นหรอกครับ
และที่บ้านคงไม่ได้สอนผิดอีกนั่นแหละ

เผอิญผมไม่ใช่มุสลิม ไม่ใช่คนนับถือเซียนและนักบุญ ผมนับถือคนที่น่านับถือครับ
แต่ผมจะพยายามฟังเหตุผล 108 ที่ปู่เย็นหามาสร้างความชอบธรรมเรื่องการสาปแช่งคนรุ่นลูกก็แล้วกัน

แล้วก็ให้ลุงย้อนไปอ่านบทสนทนาเก่าๆที่โพสต์ไปก็แล้วกัน

และหากการแช่งลุงบอกว่าดี
แต่ผมคงไม่เอาสิ่งดีๆแบบนี้ไปให้ลุงคืนหรอกครับ

เพราะยังไงลุงก็ต้องได้รับด้วยตัวเองอยู่แล้วนิ


ตรงสีแดง ๆ นั้นคุณใช้คำได้เพราะดี

ถ้าเป็นผม  ผมจะ "ัยั่วโทสะ" ด้วยคำว่า
"ตอแหลฟูมฟายเพื่อกลบเกลือนพฤติกรรมเลว ๆ"
 :slime_bigsmile: :slime_cool:


เออ...โกรธก็ขอโทษ
...รู้แล้วใช่ไหมว่าโกรธเป็นยังไง - เคืองเป็นยังไง
และ
"ขุ่นเคืองรำคาญใจ"


ซึ่งนั่นล่ะ 
คือสิ่งที่ผมขอให้ "หุบปาก - เลิกทวงบุญคุณ" ซะที
...เพราะคนกรุงเทพ ฯ ( ที่ไม่ได้เกิดในกรุงเทพ ฯ ) อย่างผมได้ยินทีไรมักจะ "ขุ่นเคืองรำคาญใจ" ทุกที


ถ้าข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยมันสร้างความเดือดร้อน - ทุกข์ยากให้แก่ชาวนาไทย เหมือนดังเพลง "เปิบข้าว" มากมายนัก
ถึงขนาดเห็นว่า "สมควรทวงบุญคุณ" จาก "ไอ้ - อีทั้งหลายหล่ที่ซดกำซาบฟัน"
วันหน้าวันหลัง...ถ้าเลือกได้
ผมก็จะไม่รบกวนแล้วล่ะ  ไม่กล้ากิน - ไม่กล้าซื้อข้าวที่ชาวนาไทยปลูก

...มีใครรู้บ้างว่าสถานที่ไหนขายข้าวที่ปลูกโดยชาวนาประเทศอื่นบ้างไหม
...โดยเฉพาะที่ปลูกโดยเครื่องจักรในนาข้าวประเทศอเมริกา  จะยิ่งดีมาก
หากไม่แพงกว่าข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยมากนัก  ผมคงต้องหันไปซื้อมากิน
...เกรงใจชาวนาไทย งับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 04:27
คิดว่าอีกสักเดี๋ยวคุณจะต้องโดน "เรียงหน้าอัด"

ทำใจหน่อยก็แล้วกัน
ปัจจุบันนี้คนอีสานเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษ ชนิดใครจะตำหนิติเตือนอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น  วิพากย์วิจารณ์อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะไมว่าจะพิจารณาด้านไหนคนอีสานก็วิเศษวิโสเหนือคนภาคอื่นทั้งหมด
โดยเฉพาะ "ไอ้พวกคนกรุงเทพฯ"
...ซึ่งทั้งโง่  ทั้งขี้เกียจ  ง่อยเปลี้ยเสียขา ทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง




^^^ ก็ผิดไปจากที่ comment ไหมล่ะ ?
ดูจากบรรดา คคห.ของ คนอีสานในกระทู้นี้ก็ได้

>> คนอีสานเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษ ชนิดใครจะตำหนิติเตือนอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น <<

(  :wink: แต่จะว่าไปก็มีบางคนที่บอกว่าเป็นคนอีสานเข้ามารับทราบคำร้องขอ ฯ ตามหัวข้อกระทู้เหมือนกันนะ... :wink: )


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 04:33
 
:slime_sentimental:

ไม่รู้จะไปยำยังไงครับ
เพราะ นายก อบจ คนปัจจุบันก็ ไทยร๊ากไทย...

ถล่มเกรียง แล้ว นายก อบจ ที่ได้ก็ไทยรักไทยอยู่ดี

 :slime_mad:

พรชัย โควสุรัตน์

นามสกุล เพื่อแผ่นดิน และชาติไทย ครับ

ก็มันสู้กันอบู่ 2 ตระกูลแค่นี้ ต่างมี สจ. ในมือ ก้ำกึ่ง 22/20

ฝ่ายแชป์เป็นต่ออยู่นิดหน่อย เพราะกวาด สท.มาแล้ว

ฝ่ายไอ้เกรียงเป็นรองเยอะ เพราะเป็นมวยไทยรักไทยไร้สังกัด

แต่ต้องไม่ลืมว่า รองชิดชัย /เนวิน ถือหาง ฝั่งสุพล อาจจะพ่วงไอ้เกรียงเข้ามา เพื่อผลการเลือกตั้ง "นายกนครอุบล"

ต่อยอดไปถึงเลือกตั้งครั้งหน้า

ฝั่งวังพญานาค (เพื่อแผ่นดิน )กับชาติไทย อาจจะเหนื่อย ถ้าวิฑูรย์ ชดใช้หนี้ ที่ไอ้เกรียงช่วยคราวนี้

ศึกครั้งนี้จะว่าไป มันหยดติ๋ง ๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 04:40
ตรงสีแดง ๆ นั้นคุณใช้คำได้เพราะดี

ถ้าเป็นผม  ผมจะ "ัยั่วโทสะ" ด้วยคำว่า
"ตอแหลฟูมฟายเพื่อกลบเกลือนพฤติกรรมเลว ๆ"
 :slime_bigsmile: :slime_cool:


เออ...โกรธก็ขอโทษ
...รู้แล้วใช่ไหมว่าโกรธเป็นยังไง - เคืองเป็นยังไง
และ
"ขุ่นเคืองรำคาญใจ"


ซึ่งนั่นล่ะ 
คือสิ่งที่ผมขอให้ "หุบปาก - เลิกทวงบุญคุณ" ซะที
...เพราะคนกรุงเทพ ฯ ( ที่ไม่ได้เกิดในกรุงเทพ ฯ ) อย่างผมได้ยินทีไรมักจะ "ขุ่นเคืองรำคาญใจ" ทุกที


ถ้าข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยมันสร้างความเดือดร้อน - ทุกข์ยากให้แก่ชาวนาไทย เหมือนดังเพลง "เปิบข้าว" มากมายนัก
ถึงขนาดเห็นว่า "สมควรทวงบุญคุณ" จาก "ไอ้ - อีทั้งหลายหล่ที่ซดกำซาบฟัน"
วันหน้าวันหลัง...ถ้าเลือกได้
ผมก็จะไม่รบกวนแล้วล่ะ  ไม่กล้ากิน - ไม่กล้าซื้อข้าวที่ชาวนาไทยปลูก

...มีใครรู้บ้างว่าสถานที่ไหนขายข้าวที่ปลูกโดยชาวนาประเทศอื่นบ้างไหม
...โดยเฉพาะที่ปลูกโดยเครื่องจักรในนาข้าวประเทศอเมริกา  จะยิ่งดีมาก
หากไม่แพงกว่าข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยมากนัก  ผมคงต้องหันไปซื้อมากิน
...เกรงใจชาวนาไทย งับ


ขี้บุหรี่หล่นใส่ขากางเกง มีหลากหลายวิธีในการแก้ไข
คนหนึงขาดสติ ไร้ปัญญา ก็รีบเอามือไปปัดออก ผลก็คือ กางเกงเปื้อนเป็นลายยาว

ส่วนอีกคน มีสติ ก็แค่เป่า ขี้บุหรี่มันก็ร่วงออกจากขากางเกงแล้ว

ส่วนโกรธ ผมไม่ได้โกรธครับ
สนทนาหาทางออกกัน ผมไม่จำเป็นต้องไปยั่วยุโทสะของใคร แม้จะไม่ได้ใช้กำลัง แต่ก็ไม่อารยะ

ปู่เย็นกินข้าวหอมมะลิ ที่อเมริกาเอาไปปลูกที่เท็กซัสได้ครับ
ข้าวจัสมิน
เห็นไหมครับ แค่นี้ลุงก็ไม่ต้องกลัวเป็นหนี้บุญคุณใครแล้ว

ไปเป็นหนี้ไอ้กันดีกว่า สบายใจเฉิบครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 09-03-2008, 04:41


ถ้าข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยมันสร้างความเดือดร้อน - ทุกข์ยากให้แก่ชาวนาไทย เหมือนดังเพลง "เปิบข้าว" มากมายนัก
ถึงขนาดเห็นว่า "สมควรทวงบุญคุณ" จาก "ไอ้ - อีทั้งหลายหล่ที่ซดกำซาบฟัน"
วันหน้าวันหลัง...ถ้าเลือกได้
ผมก็จะไม่รบกวนแล้วล่ะ  ไม่กล้ากิน - ไม่กล้าซื้อข้าวที่ชาวนาไทยปลูก

...มีใครรู้บ้างว่าสถานที่ไหนขายข้าวที่ปลูกโดยชาวนาประเทศอื่นบ้างไหม
...โดยเฉพาะที่ปลูกโดยเครื่องจักรในนาข้าวประเทศอเมริกา  จะยิ่งดีมาก
หากไม่แพงกว่าข้าวที่ปลูกโดยชาวนาไทยมากนัก  ผมคงต้องหันไปซื้อมากิน
...เกรงใจชาวนาไทย งับ

กินไปเถอะครับก็แค่ของซื้อของขาย ถ้ามีที่ถูกกว่าแต่คุณภาพเท่ากันก็หันไปซื้อที่ถูกกว่า เพราะบุญคุณมันหมดสิ้นไปตั้งแต่ที่ทวงบุญคุณแล้ว :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 04:44

พรชัย โควสุรัตน์

นามสกุล เพื่อแผ่นดิน และชาติไทย ครับ

ก็มันสู้กันอบู่ 2 ตระกูลแค่นี้ ต่างมี สจ. ในมือ ก้ำกึ่ง 22/20

ฝ่ายแชป์เป็นต่ออยู่นิดหน่อย เพราะกวาด สท.มาแล้ว

ฝ่ายไอ้เกรียงเป็นรองเยอะ เพราะเป็นมวยไทยรักไทยไร้สังกัด

ผมจำได้ มันลงสมัครพร้อมไอ้กานต์ ตอนนายก อบจ น่ะ

ป้ายติดไทยรักไทยทั้งคู่
ผมยังบ่นในใจอยู่เลยว่า

โฮ่ แย่งแบรนด์ไทยรักไทยกันจริงโว้ย

กินไปเถอะครับก็แค่ของซื้อของขาย ถ้ามีที่ถูกกว่าแต่คุณภาพเท่ากันก็หันไปซื้อที่ถูกกว่า เพราะบุญคุณมันหมดสิ้นไปตั้งแต่ที่ทวงบุญคุณแล้ว :slime_bigsmile:

กินของเวียดนามคู่แข่งข้างบ้านก็ได้ครับ ไม่น่าจะต้องไปถึงเมกา
ลืมคิดไปน่ะ

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 04:49
สงสัยวันหลัง หลายคนต้องออกไปอยู่ประเทศนอกซะแล้วล่ะ
เดี๋ยวเกิดวันไหน คนธนบุรีเขาทวงบุญคุณที่กู้ประเทศได้ คงลำบากไม่น้อย

ระวังนายเฉลิมทวงล่ะ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 05:00
ฝ่ายหนึ่งอ้างเปิบข้าว อีกฝ่ายอ้างเสียภาษีเยอะ

มันก็เจ๊ากันไปแล้วนี่


ยังไม่จบอีกเหรอ มันก็อ้างบุญคุณกันทั้งนั้น

ถ้ายังไม่เข้าใจประเด็น ต้องกลับไปอ่านตั้งแต่เริ่มต้นกระทู้ใหม่

เพราะไม่มีอะไรต้องอธิบายกันแล้ว ว่างๆ จะทำสรุปความเห็นสองฝั่งออกมาดูกัน

แค่เถียงแพ้แท็กซี่ แล้วไปพาลทั้งภาค มันไม่ใช่ คนบ้านผมรวยกว่าพวกในกรุงเยอะแยะครับ เสียภาษีอาจจะมากกว่าหลายๆ คนในนี้

ผมเกิดอีสาน มาเรียนมาทำงานในกรุง เกือบ ๆ 30  กว่าปี เพิ่งกลับไปปักหลักไม่กี่ปีนี่เอง

คุณคิดว่าผมเป็นคนที่ไหนดีล่ะ

ในฐานะแก่กว่าทำงานมาก่อนพวกคุณ น่าจะเสียภาษีมากกว่าพวกคุณมั๊ย

ใจเขา ใจเรา อย่าไปเหมารวม มันไม่ดีหรอก ให้รู้จักแยกแยะเป็นกลุ่มๆ

ในรากหญ้า ก็ใช่ว่าต้องเลือกไทยรักไทย

ทั้งหมู่บ้านชายขอบของพวกผม ก็เลือก อิสระ สมชัย

อย่าไปมองอะไรตื้น ๆ

การชนะเลือกตั้งในแต่ละเขต ชนะคะแนนเดียวก็ถือว่าชนะ บางเขตสูสี บางเขตทิ้งห่าง

อย่าไปสร้างความบาดหมางในกล่มรากหญ้า เรียนสูงๆ หัดใช้ปัญญามากกว่านี้กันหน่อยครับ

อย่าไปหลงตกลงในบ่วงวาทะกรรมสร้างศัตรูดึงมิตรของพวกเขาเลย

ความเสียหายมันจะตกแก่ใร พวกคุณยังมองไม่ออก

เมื่อศัตรูยังเป็นศัตรู กลับผลักมิตรออกไปเป็นศัตรู

อย่างนี้จะสู้เค้าไหวหรือ

ถ้ายังมีความคิดระนาบนี้ สงสัยสูญพันธุ์ในอีสานคราวนี้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 05:09
ยังไม่จบอีกเหรอ มันก็อ้างบุญคุณกันทั้งนั้น

ถ้ายังไม่เข้าใจประเด็น ต้องกลับไปอ่านตั้งแต่เริ่มต้นกระทู้ใหม่

เพราะไม่มีอะไรต้องอธิบายกันแล้ว ว่างๆ จะทำสรุปความเห็นสองฝั่งออกมาดูกัน

แค่เถียงแพ้แท็กซี่ แล้วไปพาลทั้งภาค มันไม่ใช่ คนบ้านผมรวยกว่าพวกในกรุงเยอะแยะครับ เสียภาษีอาจจะมากกว่าหลายๆ คนในนี้

ผมเกิดอีสาน มาเรียนมาทำงานในกรุง เกือบ ๆ 30  กว่าปี เพิ่งกลับไปปักหลักไม่กี่ปีนี่เอง

คุณคิดว่าผมเป็นคนที่ไหนดีล่ะ

ในฐานะแก่กว่าทำงานมาก่อนพวกคุณ น่าจะเสียภาษีมากกว่าพวกคุณมั๊ย

ใจเขา ใจเรา อย่าไปเหมารวม มันไม่ดีหรอก ให้รู้จักแยกแยะเป็นกลุ่มๆ

ในรากหญ้า ก็ใช่ว่าต้องเลือกไทยรักไทย

ทั้งหมู่บ้านชายขอบของพวกผม ก็เลือก อิสระ สมชัย

อย่าไปมองอะไรตื้น ๆ

การชนะเลือกตั้งในแต่ละเขต ชนะคะแนนเดียวก็ถือว่าชนะ บางเขตสูสี บางเขตทิ้งห่าง

อย่าไปสร้างความบาดหมางในกล่มรากหญ้า เรียนสูงๆ หัดใช้ปัญญามากกว่านี้กันหน่อยครับ

อย่าไปหลงตกลงในบ่วงวาทะกรรมสร้างศัตรูดึงมิตรของพวกเขาเลย

ความเสียหายมันจะตกแก่ใร พวกคุณยังมองไม่ออก

เมื่อศัตรูยังเป็นศัตรู กลับผลักมิตรออกไปเป็นศัตรู

อย่างนี้จะสู้เค้าไหวหรือ

ถ้ายังมีความคิดระนาบนี้ สงสัยสูญพันธุ์ในอีสานคราวนี้

อันที่จริง เราสองคนนั่นแหละ ที่แลดูเป็นห่วงภาคอื่นมากกว่า จริงๆอยู่เฉยๆก็ได้นี่เนอะ
เราเนี่ย มาด่า พปช แล้วหวังให้ สส พรรคอื่นหรือพรรคเทพมาแทนที่

ทั้งๆที่ พปช มันเอาใจใส่เราดีกว่าพรรคเทพซะด้วยซ้ำ

นี่เรายอมทิ้งเมียแม่ค้า ไปหาเมียใหม่ที่เป็นสาวออฟฟิศ เลยนะเนี่ย
ทั้งๆที่เมียแม่ค้าดีกับเรามากกว่าแท้ๆ ในเรื่องความเอาใจใส่


 :slime_evil:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 05:14
อ้อ...เบื้องหลังล็อคอินต่างๆ คุณรู้หรือว่า จริงๆ แล้ว ใครเป็นใคร

แต่ถ้าอยากจะเล่นประเด็นนี้ ผมก็ยังยืนยันจะเล่นเรื่องชนชั้น

ซึ่งโดยหลักการแล้ว ฝ่ายเข้มแข็ง ไม่มีวันชนะคนอ่อนแอได้หรอกครับ

เพราะมัน 1 คน 1 เสียง เท่ากันแต่คนอ่อนแอมีมากกว่า

สุดท้ายพวกคุณก็แพ้วันยังค่ำ ถ้าจะเป็นรัฐบาลต้องชาติหน้าตอนบ่าย ๆ

ทำไมไม่คิดว่า กลุ่มภาคประชาชน นักวิชาการ ผู้อาวุโส มหาจำลอง จึงเชียร์ ไทยรักไทยในระยะแรก

ก็เพราะมันมีจุดแข็งในแนวนโยบาย

ส่วนที่มาไล่ในภายหลัง มันเรื่องทุจริต

ทำไมไม่คิดว่าเค้าชื่นชอบในแนวนโยบายรากหญ้าบ้างล่ะ

เมื่อมันชอบนโยบายรากหญ้า มันก็พลอยไปศรัทธา ทักษิณ

โดยเฉพาะพวกทำงานทางสื่อ ทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีระบมันสมองกรองแนวทางประชาสัมพันธ์เชิงรุก

ต้องให้อธิบายอะไรละเอียดกว่านี้มั๊ย....


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 05:31
ถ้ายังไม่เก็ตอีก ลองชำเลืองไปดู ล็อคอินเจ้าของกระทู้ดูซิ ไปยังไง มายังไง

แสดงความคิดอ่านในเว็บบอร์ดนี้อย่างไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน พอจะวิเคราะห์จุดยืนออกหรือไม่

จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้เพื่ออะไร  

ถ้ายังดูถูกรากหญ้าผมก็ยังยืนข้างรากหญ้า

บอกแล้วว่าอย่าเล่นอะไรเหมารวม มันไม่เข้าท่าจริง ๆ

ภาษาคนรุ่นเก่าเค้าเรียกว่า......เสียมวลชน....

แทนที่จะเป็นที่ชุมนุมของความหลากหลาย มันก็กลายเป็นที่ชมนุมของคนกลุ่มเดียว




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 05:35
ปู่เย็นงอนผม แอบไปนอนแล้วอ่า
 :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: คาคาชิ ที่ 09-03-2008, 05:52
นั่งอ่านจนเจ็บตูด

ผมมีเพื่อนเป็นคนลาว ลาวแท้ ๆ ครับ ประเทศลาวเลย
มีเป็นร้อย ๆ คน เพราะชอบไปเที่ยวที่นั่น
ส่วนมากก็มีน้ำใจงดงาม ครับ
แต่.... เวลาฉลองกินเบียร์กัน ทำไมมันต้องกินแก้วเดียวกันด้วย....

ผมขับรถกลับบ้านตอนกลางคืนเป็นส่วนใหญ่
ผมได้พบกับรถแท็กซี่ ขับโคตรเลวยำยำ อยู่ทุกวัน
เหมือนคนขับมันพยายามบอกว่า ถนนเป็นของกู คนเดียว

เวลาผมเจอพวกห่านี่ เต๊าะไฟสูงไล่ ทั้ง ๆ ที่มันอยู่ไกลมาก เหมือนมันเต๊าะไฟทั้งวันจนมือมันไปเอง
ผมจะจอดรถเลย แล้วหยิบปืน เปิดประตูออกไปด่าโคตรพ่อโคตรแม่มัน
พวกห่านี่ หนีหางจุกตูด
ที่น่าสังเกตก็คือ พวกห่านี่ มีสติ๊กเกอร์ พรรคพลังประชาชนคนเห็นแก่ตัว ติดอยู่ท้ายรถ แทบจะทุกคัน

ผมไม่รู้ว่าไอ้คนขับรถแท็กซี่เลว ๆ นี่ มันพวกคนภาคไหน
ทำไมมันถึงได้เห็นแก่ตัวขนาดนี้

ใครไม่เลวก็อย่ารับ อย่ามาเถียงกับผมนะ
ผมขี้เกียจเถียงด้วย  แค่เข้ามาเล่าให้ฟังเฉย ๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 06:11
คนขับรถมีดีมีเลวทุกที่ ทั้งส่วนตัว แท็กซี่ รถซิ่ง ในกรุงนอกกรุงมีทั้งนั้น

ที่คุณไปเจองเป็นรถเช่ามั๊ง ถ้าแท็กซี่เป็นเจ้าของรถเอง ผมเห็นเค้าถนอมรถนะ

บางคันแต่งภายในดีกว่ารถอีแก่ผมอีก เจ๋ง

วัฒนธรรมดื่มเหล้าของไทย-ลาว ( แบบชาวบ้านๆ ) ใช้จอกใบเดียวกันครับ

เรียกว่า "แผ่งเหล้า" ( แบ่งเหล้า )

นั่งล้อมวงเหล้าขวดเดียว จอกใบเดียว รินแจกไปทีละคน

ยกทีเดียวหมด ช้าไม่ได้ เพื่อนรอ

มารยาทของคนรินต้องรินเยอะ ๆ รินแรง ๆ

มารยาทของคนรับต้องบอก พอแล้ว ๆ ( ในใจอาจคิดว่าน้อยจัง )

ดื่มแล้วก็จะมีท่าทางทำหน้าทำตา..พอมัน ๆ...แบบของใครของมัน..


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 08:38
ในประเด็นกระทู้ผมคงไม่ตอบอีกนะครับ แต่อยากฝากแง่คิดให้คิดกันเล่นๆ เช่น

วัฒนธรรมการให้ทิป เป็นการให้ทานหรือขอบคุณ

เวลาคุณให้ทิป ต้องให้มีจานรองบิลและเงินทอนหรือไม่

ถ้าเค้าทอนเงินโดยไม่มีจานรองคุณจะจ่ายทิปหรือไม่

ถ้ามิเตอร์แท็กซี่บอกว่า 98 บาท คุณจ่ายแบ็งต์ 100 คุณรอตังทอน 2 บาทหรือไม่

วัฒนธรรมแต๊ะเอีย อั่งเปา เป็นการให้ทานหรือขอบคุณ เป็นสิ่งที่ควรทำหรือต้องทำ

วัฒนธรรมโบนัส เป็นการให้ทานหรือขอบคุณ เป็นเรื่องสิทธิ์ของลูกจ้างหรือรางวัล

แม่สอนลูกว่า ลูกเอ๋ยทานข้าวให้หมดจานนะ สงสารชาวนาเค้าเหนื่อยยาก เป็นการสอนอะไรบ้าง สอนถูกหรือสอนผิด

เมื่อคุณเป็นลูกน้อง คุณคิดว่าเงินที่ได้รับเป็นค่าจ้างในการทำงานเป็นบุญคุณจากนายจ้างหรือไม่

เมื่อคุณเป็นนายจ้าง คุณจ่ายเงินไปเพราะเป็นเงินของคุณแล้วคุณมีคุณบุญกับลูกน้องหรือไม่

เวลาคุณกล่าวในงานประชุมประจำปีของบริษัทคุณ ในฐานะคุณเป็น "นายใหญ่" คณจะบอกลูกน้องถึงความสำเร็จของคุณหรือของบริษัท

ในเวลานั้นคุณจะบอกว่าเป็นความสำเร็จของคุณคนเดียวหรือเป็นความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคนหรือไม่

ใครที่เป็นที่ปรึกษาบริษัท ลองร่างสุนทรพจน์ให้ "นายใหญ่" กล่าวในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จประจำปีต่อพนักงานซัก 3 นาที

เวลาคุณไปติดต่อราชการแล้ว คุณใช้กิริยาวาจาในฐานะเป็นผู้เสียภาษี เป็นเจ้าของเงินเดือน เป็นนายของข้าราชการหรือไม่

เมื่อข้าราชการบริการคุณจนเสร็จ คุณกล่าวขอบคุณเขาหรือไม่ เผื่อมีงานที่ต้องติดต่อกันอีก

นี่เป็นเรื่องที่เรามักเจอในชีวิตประจำวัน ใครคิดอย่างไร ผมยกให้เป็นสิทธิ์ของท่านครับ

*****
เหตุการณ์สมมุติ

หากคุณเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนต์ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม คุณจะเตรียมกล่าวอะไรไปบ้างบนเวทีต่อหน้ากล้องถ่ายทอดสด

เหตุการณ์จริง

ว่างๆ ลองลิสต์รายชื่อผู้ที่ท่านคิดว่ามีบุญคุณกับคุณดูสิ ใครได้มากได้น้อยแค่ไหน

ผมไม่มีเกณฑ์ตัดสินให้ครับ เพราะเป็นแบบประเมินตนเอง ให้คะแนนตัวเองครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 09-03-2008, 12:27


อ้าว.....

สรุปแนวคิดกันได้แล้วหรือครับ 

แนวคิด    ผู้ใช้อำนาจ จะใช้อำนาจตามอำเภอใจอย่างไรก็ได้  ตราบใดที่ อำนาจนั้นได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ ไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม

การได้มาซึ่งอำนาจ 
ใช้วิธีสร้างเครือข่ายการเมืองในชุมชน  การเมืองท้องถิ่นพัฒนาชุมชนของตัวเอง
ประชาชน  เลือกคนในเครือข่าย  เนื่องจากจะได้ผลประโยชน์โดยตรง
การเมืองส่วนกลาง  ใช้ทุน ใช้เงิน ในการซื้อตัวเครือข่ายท้องถิ่นเข้าเป็นพวก  ผลคือ ได้เสียงส่วนใหญ่จัดตั้งรัฐบาล

การใช้อำนาจ
รัฐบาลจะทำอะไรก็ได้    จะออกนโยบายเอื้อให้พรรคพวก  ให้พ่อสิงคโปร์ ยังไงก็ได้
การใช้อำนาจแต่ละครั้งถ้าไม่มีเหตุผลอธิบายได้ ก็อ้างว่ากูมาจากเสียงส่วนใหญ่
การคานอำนาจ  ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตรวจสอบ
ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะแทรกแทรงกลไกตรวจสอบ  แต่นั่นเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ (ไม่ชั่ว) สำหรับคนบางกลุ่ม
ตราบใดที่รัฐบาลยังให้ผลประโยชน์กับพวกเรา  ถือว่าเขามีบุญคุณกับเรา  อย่าไปด่าผู้มีบุญคุณ
เพราะพวกเราเป็นรากหญ้า  พวกเราถูกเอาเปรียบ 
ตราบใดที่พวกเรายังไม่เข้มแข็ง  เราไม่ต้องไปสนใจอะไรคือดีชั่ว  เราดูแค่ผลประโยชน์ของเรา จบ

ใครนิยมแนวคิดนี้  ใครเชื่อว่าคิดแบบนี้จะทำให้เมืองไทยเจริญบ้าง  ยกมือขี้นนน



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 09-03-2008, 12:32
ตกลงว่า

ถ้าเราฝัน  อยากให้คนมีจิตสำนึก นึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับส่วนรวมบ้าง

เราต้องสร้างจิตสำนึกนั้นโดยไม่มีเงื่อนไข

หรือว่า  เราต้องสร้างจิตสำนึกนั้นโดยมีเงื่อนไขที่ว่า ต้องให้ผลประโยชน์เขาก่อน เขาถึงจะมีจิตสำนึก.....


ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม  คุณเลือกที่จะประพฤติตัวตามแนวคิดไหนครับ.............






หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-03-2008, 14:10
ขอพูดต่ออีกหน่อย  :slime_smile:

จากประเด็นในเนื้อหากระทู้ต้นเรื่อง

๑. ค่านิยมรวยทางลัด -- ขอประทานโทษแค่คนอีสานหรือ ตลกที่สุด พวกทำธุรกิจแบบตีหัวเข้าบ้าน มีเยอะแยะ ลูกจีนหลานจีนนี่ก็มาก พวกแชร์แม่ชม้อย สารพัดแชร์ลูกโซ่ นี่ฝีมือคนภาคไหนกันคู้นนน

๒. ค่านิยมมีสามีฝรั่ง - เอ๋า นี่ไม่เคยได้ยินสาวไทยบางคนที่มีการศึกษาดี มีฐานะ บอกว่า อยากแต่งงานกับฝรั่งต่างชาติ เหตุผลก็คือว่า คุณผู้ชายไทยไม่มีความรับผิดชอบ ไม่โรแมนติก และชอบมีภรรยาน้อย  บ้างหรืออย่างไร (มาตะเภาเดียวกัน พวกเหมารวม) :mrgreen:

ฯลฯ

ถ้าจะแย้ง ยังแย้งได้อีกเพียบ  :slime_smile:





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 16:42
ขอพูดต่ออีกหน่อย  :slime_smile:

จากประเด็นในเนื้อหากระทู้ต้นเรื่อง

๑. ค่านิยมรวยทางลัด -- ขอประทานโทษแค่คนอีสานหรือ ตลกที่สุด พวกทำธุรกิจแบบตีหัวเข้าบ้าน มีเยอะแยะ ลูกจีนหลานจีนนี่ก็มาก พวกแชร์แม่ชม้อย สารพัดแชร์ลูกโซ่ นี่ฝีมือคนภาคไหนกันคู้นนน

๒. ค่านิยมมีสามีฝรั่ง - เอ๋า นี่ไม่เคยได้ยินสาวไทยบางคนที่มีการศึกษาดี มีฐานะ บอกว่า อยากแต่งงานกับฝรั่งต่างชาติ เหตุผลก็คือว่า คุณผู้ชายไทยไม่มีความรับผิดชอบ ไม่โรแมนติก และชอบมีภรรยาน้อย  บ้างหรืออย่างไร (มาตะเภาเดียวกัน พวกเหมารวม) :mrgreen:

ฯลฯ

ถ้าจะแย้ง ยังแย้งได้อีกเพียบ  :slime_smile:



ขอแย้งคับ  ท่านปะทานที่พาผู้คนไปยิงตู้เย็น

๑ ( อุ๊ย...เพิ่งสังเกตนะว่าคุณเหม่ยใช้เลขลาว  :mrgreen: )
สำหรับความคิดของไอ้กระพ้ม
ไม่เคยบอกว่าคนอีสานและรากหญ้าอยาก "รวยทางลัด" นะครับ
แต่พูดถึงพฤติกรรม "ถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม - ได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ - หาเรื่องขอได้เรื่อย ๆ"
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เป็นเพราะโลภมาก  อยากได้อะไรต้องเอา้เยอะ ๆ ดี ๆ แบบที่คนกรุง - คนเมืองมี 
แต่หมายถึงการดำเนินชีวิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภท
"รั่วตรงโน้นรั่วตรงนี้" + รูไหนรั่วก็ยังรั่วซ้ำู่ร่ำไป  + ต้องได้รับการอุดหนุนอนุเคราะห์แทบทุกขั้นตอน"
...ซึ่งถ้าหากภาคธุรกิจอื่นใดมีพฤติกรรมแบบนี้   
...เจ๊ง ครับ


ปัญหาเดิม ๆ ซ้ำซาก  ตั้งแต่  ราคาตก  คุณภาพต่ำ  ไม่มีที่จัดเก็บ  ผลิตผลล้นตลาด ฯลฯ
แล้วก็แก้ด้วยวิธีการเดิม ๆ   คือ  ปล่อยเงินกู้  ตั้งกองทุน  พักชำระหนี้  ประกันราคา ฯลฯ
...ที่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็คือการ "ใส่เงิน ( งบประมาณของผู้คนทั้งประเทศ  รวมทั้งที่ได้มาจากภาคธุรกิจอื่น ๆ ) ลงไป" 
จนถ้าหากถอยออกมาแล้ว มองกลับลงไป   ก็อาจจะพูดได้ว่า 
"ตลอดเวลา 20 ที่ผ่านมา ที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วหากเทียบกับช่วงก่อนหน้า  ด้วยศักยภาพทางด้านการผลิตและให้บริการของภาคอุตสาหกรรม - พาณิชยกรรม - บริการ นั้น
ธุรกิจภาคการเกษตรของประเทศกลับ "เดืนถอยหลัง" เข้าสู่สภาพเป็นตัวฉุดรั้ง ถึงขั้นแสดงตัวว่าไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างซ้ำซาก"

หากวิเคราะห์ตาม BCG Model ( Star -- Cash Cow -- Problem Child -- Dog )
ก็ต้องบอกว่า ธุรกิจภาคการเกษตร ( หมายถึงรายย่อย - ส่วนรายใหญ่อย่าง CP ต้องเรียกว่า "เกษตรเชิงอุตสาหกรรม" ) กำลังจะหลุดจาก Problem Child ไปเป็น Dog
...แต่บังเอิญ  ผู้คนในภาคธุรกิจกลุ่มนี้เป็น "ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ"
หรือ "ฐานเสียง" ของนักการเมือง ทั้งนั้น !

จึง "เลิกไม่ได้"

แม้ว่า รบ.เปรม จะพยายามผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าไปรองรับแรงงานในส่วนนี้  แล้วลดบทบาทภาคเกษตรลง  ให้ค่อย ๆ กลับไปสู่สภาวะเศรษฐกิจพอเพียง - พึ่งพาตัวเองได้ตามอัตภาพ เหมือนเปลี่ยนบทบาทเป็น "ก็อกสอง" ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ   
แต่ "รบ.ทุนนิยมจ๋า + ประชานิยมจี๊ด" ในสมัยหลัง ๆ กลับเลือก "เล่นการเมือง" ด้วยการรักษาฐานมวลชนภาคการเกษตรนี้ไว้   แถมยังส่งเสริม สร้างค่านิยมให้แก่ประชาชนในภาคส่วนนี้ เข้าใจว่าตนเป็น "ผู้มีบุญคุณเหนือผู้คนทุกภาคส่วนในแผ่นดิน"

...หรือตั้งหน้าตั้งตา "สอพลอตอแหล เพื่อให้ชาวไร่ชาวนาพากันหลงใหลได้ปลิ้ม" กันไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองจากแก๊งไหน  หน้าเหลี่ยมหรือหน้าหล่อ  ตัวเตี้ยหรือตัวอ้วน


ตัวอย่างเปรียบเทียบ
...โรงงานแห่งหนึ่ง  มีการผลิตสินค้าหลายอย่าง  ซึ่งก็มีัทั้งสินค้าที่ "ขายดิบขายดี - ยังขายได้เรื่อย ๆ - ผีเข้าผีออก  และ ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง"
...ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าไอ้กลุ่มสินค้าประเภท "ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง" นั้น  สมควร "หมดเวลา" หรือ "ผ่อนเบาซึ่งการสนับสนุนส่งเสริม" ลงได้แล้ว   
...หรือถ้าบังเอิญสินค้าตัวนั้นยังเป็น "สิ่งทำขึ้นเพื่อใช้กันเอง - แจกจ่ายกันเองในลักษณะสวัสดิการ" ก็สมควรลดบทบาทลง  ให้กลายเป็นเพียงส่วนงานเล็ก ๆ เอกเทศ  จากนั้นก็สนับสนุนกันไปตามอัตภาพ  โดยพนักงานในส่วนนี้ก็ทำงานไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ แบบรับรู้ว่า "เงินไม่มาก + โบนัสไม่มี"   หรือถ้าพบว่ามีพนักงานรายไหนที่ยังมีความกระตือรือร้น - ทะเยอทะยาน - ต้องการแสดงศักยภาพ
ก็ให้โอนย้ายไปยังส่วนงานอื่น ๆ ที่ "่กำลังทำเงิน"

ไ่ม่ใช่ดันทุรังทุ่มเทเงินทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงไปอีก "ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
ไม่ว่าจะ เพื่อ "แก้ปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังเกิดขึ้นอีก ( รั่วรูเดิม )"
หรือ เพื่อ "แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากความเสื่อม ( รูรั่วใหม่อันเกิดจากความเก่า )"
เพียงเพราะ "แผนกนี้คนเยอะี  แถมเ็ป็นพวกกรู - คนของกรูทั้งนั้น"


หรือ ถ้าจะอ้างเรื่อง OTOP ว่าเป็น "การแทรกตัวลงไปทดแทนธุรกิจภาคการเกษตร  เพื่อลดบทบาทธุรกิจภาคการเกษตรลง"
ก็ต้องทำให้ - บอกให้ผู้คนในภาคการเกษตรเหล่านี้ "รับรู้และตระหนักว่าต่อไป OTOP จะต้องถูกกำหนดให้เป็นกิจกรรมหลักในการหารายได้ของประชากรในชุมชน"  ไม่ใช่ไป "ตอแหลเอาใจ" ว่า "OTOP เ็ป็นช่องทางเพิ่มรายได้ - จะได้มีเงินเอาไว้ซื้อของสนองตอบตัณหาที่กิจกรรมภาคการเกษตรไม่่สามารถตอบสนองให้ได้"

OTOP คือ Problem Child ที่ชาวบ้านเองก็ยัง "ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย - ผีเข้าผีออก" และบางคนก็ยอมรับว่า หากไร้การสนับสนุนจากภาครัฐ  เช่น  ไม่มีการสนับสนุนทางการตลาด  ไม่มีการช่วยเหลือทางด้าน R&D แล้ว  ไอ้สิ่งที่เรียกว่า OTOP นี้ก็ ..."ตายหยังเขียด"...
ในขณะเดียวกันนั้น ภาคการเกษตรก็เป็น Problem Child ที่ชาวบ้านเองก็เห็นเค้าลางแล้วว่า "อนาคตพร่ามัว"
เพราะเมื่อเปรียบเทียบสินค้าี่ที่ตนผลิตกับ "สินค้า ( ผลผลิตด้านการเกษตร ) นำเข้าจากต่างประเทศ" แล้ว  ก็เริ่มยอมรับว่า "สู้เขาไม่ได้" ทั้งในด้านคุณภาพ การตลาด  และราคา

แบบนี้แล้ว...ยังจะให้ "ชาวบ้านระดับรากหญ้า ( ที่ส่วนใหญ่จะเป็น "รากหญ้าจริง" - ไม่ใช่ "รากหญ้าของทักษิณ" )
ต้องรับภาระดูแล "เด็กมีปัญหา ( Problem Child )" ถึง 2 คน อีกหรือ ?

แค่นั้นไม่พอ
...ยังบังคับกงการให้ภาคธุรกิจส่วนอื่นต้องแบ่งสรรรายได้ ไปถมเทลง  ในแบบที่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถตอบได้ว่าการสงเคราะห์เหล่านี้สมควรจะจบสิ้นหรือผ่อนคลายลง...เมื่อไหร่

คงไม่ต้องตั้งข้อสังเกตนะว่า หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะสู้ประเทศอื่น  ไม่่ว่าจะเป็นเวียดนาม  ลาว   เขมร  พม่า ได้อย่างไร
...แทนที่จะ "เอาเงินกำไรที่ได้จากภาคส่วนอื่น ๆ" ไปสร้างเสริมพื้นฐาน + ความแข็งแกร่งให้ประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาของเยาวชน  หรือแม้แต่ทางด้านศักยภาพทางทหาร
...นี่กลับต้องเอามา "เทใส่รูรั่วเก่า ๆ + ปะผุครั้งแล้วครั้งเล่า" ให้กับ "ถังน้ำผู้มีพระคุณต่อปู่ย่าตายายของเรา"  ทั้งที่ปัจจุบันนี้เราใช้น้ำจาก "ก๊อก + ท่อประปา และถังพลาสติกราคาถูก ๆ" ในชีวิตประจำวันได้อย่างเพียงพอและสะดวกดาย



เดี๋ยวจะลากยาวไปไกล...ขอกระเด้งกลับมาที่ข้อ
๒ ( สังเกตว่ายังเป็นเลขลาวอยู่  :mrgreen: :mrgreen: )

การเอาผัวเป็นแขก  นิโกร  ฝรั่ง  หรือมันแกว ของสาวไทยไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคไหน
...ไม่มีใครเขาติดใจในเรื่อง "รสนิยม"
แต่การ "เอาผัวฝรั่ง" ของสาว ( บางทีก็ไม่สาว ) อีสาน "จำนวนไม่น้อย" เป็นไปในลักษณะ "เอามาแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ"
เพราะหลาย ๆ คน "แทบไม่เคยรู้จักฝรั่ง" ที่กำลังจะมาเป็็นผัวของตน
เพียงแต่รู้ว่า "มันมีเงิน"
แถมยังพอใจที่ "มันแก่แล้ว  อยู่ไปอีกไม่กี่ปีมันก็ตาย"

ซึ่งเหล่านี้มิใช่ลักษณะของ "การเอาผัวตามธรรมชาติ"
แต่เป็นการ "หาผู้อุปถัมป์" ทางด้านฐานะการเงิน


มันมาอีกแล้วนะ...เจ้าวลีฮิตที่ว่า "เคยชินกับการอยู่ในระบอบอุปถัมป์"

...หนักหนาสาหัสแค่  มีการทำวิจัย  ด้วยการไปถามเด็กวัยก่อนประถม ในเขตพื้นที่อีสาน ว่า
"หนูอยากเป็นอะไรเมื่อโตขี้น"
แล้วก็ได้คำตอบอันไร้เดียงสา  แต่ทำเอานักวิชาการถึงกับอึ้ง ว่า
"อยากเป็นเมียฝรั่งก้ะ..."


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 09-03-2008, 18:43
*  อุ๊ย  !!  เริ่ด  จัง  ทู้นี้  ........
    ขึ้นหน้าที่  9  แล้ว   .........  กรี๊ดดดดดดดดดด  ค่ะ   :slime_inlove:

    อ่านแค่หน้าที่  5  แล้วเลิกอ่าน .......  !!!

    ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ .... คือว่า   ตอนนี้   เอ้  กำลังสนใจเรื่อง  ยูคาลิปตัส  อยู่

    ที่คนนามสกุล  ฉายแสง  นำเสนอให้ปลูกในส่วน  คันนา  ที่ภาคอีสาน  .....

    และ   หมัก   ก็ตอบรับเรื่องนี้   .........  ถ้ามีใครสนใจเอาข้อดี ~ เสีย  มาอธิบายเพิ่มเติมใน ลิงค์

    http://forum.serithai.net/index.php?topic=22459.msg268392#msg268392

    จะยินดีมาก  ......  อ่อ  ไม่ต้องตอบใน ทู้ นี้นะคะ  เรียนเชิญตอบ  ทู้  ใน  ลิงค์   !!



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 19:14
*  อุ๊ย  !!  เริ่ด  จัง  ทู้นี้  ........
    ขึ้นหน้าที่  9  แล้ว   .........  กรี๊ดดดดดดดดดด  ค่ะ   :slime_inlove:

    อ่านแค่หน้าที่  5  แล้วเลิกอ่าน .......  !!!

    ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ .... คือว่า   ตอนนี้   เอ้  กำลังสนใจเรื่อง  ยูคาลิปตัส  อยู่

    ที่คนนามสกุล  ฉายแสง  นำเสนอให้ปลูกในส่วน  คันนา  ที่ภาคอีสาน  .....

    และ   หมัก   ก็ตอบรับเรื่องนี้   .........  ถ้ามีใครสนใจเอาข้อดี ~ เสีย  มาอธิบายเพิ่มเติมใน ลิงค์

    http://forum.serithai.net/index.php?topic=22459.msg268392#msg268392

    จะยินดีมาก  ......  อ่อ  ไม่ต้องตอบใน ทู้ นี้นะคะ  เรียนเชิญตอบ  ทู้  ใน  ลิงค์   !!




ไหนบอกว่าจะไม่เข้ามาตอบใน'ทู้นี้แล้วไงยะ ? :slime_slapped: :slime_hitted:


------------------------------
ต่ออีกนิดเรื่องเอาผัวฝรั่ง
เรื่องนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า "กระแส" ของคนอีสานส่วนใหญ่มิได้เห็นดีเห็นงาม
โดยดูได้จา้กคำเรียก "เมียฝรั่ง" ที่ใช้กับหญิงเหล่านั้น 
หรือแม้แต่ MV เพลงลูกทุ่งเพลงหนึ่งที่กล่าวถึงสาวอีสานคนหนึ่งซึ่ง
"เห่ยสุด ๆ - เป็นลูกไล่และยัยถึก  หาความสวยความงามและความฉลาดไม่ได้ ( หัวเป็นเหาอีกต่างหาก  :mrgreen:) " ได้หายหน้าไปจากหมู่บ้าน   จนในที่สุดแล้วก็กลับมาในสภาพอัน "ไม่มีใครจำได้" กับผัวฝรั่ง
...เอาเงินมาบริจาคให้น้อง ๆ ในโรงเรียนที่ตน "ได้รับการดูหมิ่นดูแคลน" จากเพื่อน ๆ อีกต่างหาก

ตรงนี้ทำให้ผมเข้าใจได้ว่าหญิงที่เป็นเมียฝรั่งนั้น  "ไม่ได้รับเกียรติ" จากสังคมคนอีสานนักหรอก
แต่ด้วยนิสัย "ไม่ชอบทำร้ายจิตใจใคร" ของคนอีสานจึง "แดกดันแบบนิ่ม ๆ" และ "พยายามเลือกมองในส่วนที่ดี"
ซึ่งก็หวังว่าคนอีสาน - ผู้หลักผู้ใหญ่ชาวอีสาน  จะช่วยสอนสั่งลูกหลานโดยเฉพาะผู้หญิง
ให้ตระหนักถึงเกียรติ - ศักดิ์ศรีของตน  ไม่ลดตัวลงไปเป็น "สิ่งที่ซื้อได้" เพราะหวังสุขสบายจากทรัพย์ปัจจัยของคนอื่นที่ "ซื้อตน"

เพราะมิเช่นนั้นแล้ว  หากปล่อยให้สภาพการณ์เช่นนี้ "ลุกลามขยายตัว" ออกไป จนกลายเป็นความนิยม
ภาพลักษณ์ของผู้หญิงอีสานทั้งหมด  จะ "ต่ำเสียยิ่งกว่ากะหรี่ - เมียเช่า"
ด้วยเหตุที่กะหรี่ - เมียเช่า นั้นเป็นทาสนายเงิน "เฉพาะในช่วงเวลา" ที่ผู้ซื้อบริการสามารถตักตวงเอากามารมณ์ไปจากพวกหล่อน
ในขณะที่ "เมียฝรั่ง"  คือการเป็นทาสนายเงิน "ตลอดทั้งชีวิต"

หากเผลอตัวไปมีอะไรกับชายอื่น หรือกับผัวเก่า ( อาจเป็นชายไทย ) ก็จะกลายเป็น "หญิงมีชู้ - หญิงแพศยา"

นอกเหนือจากนั้น  พ่อ - แม่ หรือรวมทั้งพี่น้อง  ลูกติดจากผัวเก่า ( ถ้ามี ) ของหล่อน
ก็ยังต้องเปลียนสถานภาพเป็น "ผู้รับใช้ผัวฝรั่ง" ไปด้วยโดยปริยาย




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 09-03-2008, 19:56

ไหนบอกว่าจะไม่เข้ามาตอบใน'ทู้นี้แล้วไงยะ ? :slime_slapped: :slime_hitted:


------------------------------
ต่ออีกนิดเรื่องเอาผัวฝรั่ง
เรื่องนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า "กระแส" ของคนอีสานส่วนใหญ่มิได้เห็นดีเห็นงาม
โดยดูได้จา้กคำเรียก "เมียฝรั่ง" ที่ใช้กับหญิงเหล่านั้น 
หรือแม้แต่ MV เพลงลูกทุ่งเพลงหนึ่งที่กล่าวถึงสาวอีสานคนหนึ่งซึ่ง
"เห่ยสุด ๆ - เป็นลูกไล่และยัยถึก  หาความสวยความงามและความฉลาดไม่ได้ ( หัวเป็นเหาอีกต่างหาก  :mrgreen:) " ได้หายหน้าไปจากหมู่บ้าน   จนในที่สุดแล้วก็กลับมาในสภาพอัน "ไม่มีใครจำได้" กับผัวฝรั่ง
...เอาเงินมาบริจาคให้น้อง ๆ ในโรงเรียนที่ตน "ได้รับการดูหมิ่นดูแคลน" จากเพื่อน ๆ อีกต่างหาก

ตรงนี้ทำให้ผมเข้าใจได้ว่าหญิงที่เป็นเมียฝรั่งนั้น  "ไม่ได้รับเกียรติ" จากสังคมคนอีสานนักหรอก
แต่ด้วยนิสัย "ไม่ชอบทำร้ายจิตใจใคร" ของคนอีสานจึง "แดกดันแบบนิ่ม ๆ" และ "พยายามเลือกมองในส่วนที่ดี"
ซึ่งก็หวังว่าคนอีสาน - ผู้หลักผู้ใหญ่ชาวอีสาน  จะช่วยสอนสั่งลูกหลานโดยเฉพาะผู้หญิง
ให้ตระหนักถึงเกียรติ - ศักดิ์ศรีของตน  ไม่ลดตัวลงไปเป็น "สิ่งที่ซื้อได้" เพราะหวังสุขสบายจากทรัพย์ปัจจัยของคนอื่นที่ "ซื้อตน"

เพราะมิเช่นนั้นแล้ว  หากปล่อยให้สภาพการณ์เช่นนี้ "ลุกลามขยายตัว" ออกไป จนกลายเป็นความนิยม
ภาพลักษณ์ของผู้หญิงอีสานทั้งหมด  จะ "ต่ำเสียยิ่งกว่ากะหรี่ - เมียเช่า"
ด้วยเหตุที่กะหรี่ - เมียเช่า นั้นเป็นทาสนายเงิน "เฉพาะในช่วงเวลา" ที่ผู้ซื้อบริการสามารถตักตวงเอากามารมณ์ไปจากพวกหล่อน
ในขณะที่ "เมียฝรั่ง"  คือการเป็นทาสนายเงิน "ตลอดทั้งชีวิต"

หากเผลอตัวไปมีอะไรกับชายอื่น หรือกับผัวเก่า ( อาจเป็นชายไทย ) ก็จะกลายเป็น "หญิงมีชู้ - หญิงแพศยา"

นอกเหนือจากนั้น  พ่อ - แม่ หรือรวมทั้งพี่น้อง  ลูกติดจากผัวเก่า ( ถ้ามี ) ของหล่อน
ก็ยังต้องเปลียนสถานภาพเป็น "ผู้รับใช้ผัวฝรั่ง" ไปด้วยโดยปริยาย




555  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ระวังโดนกระเทยอัดตูดนะครับปู่เย็น
ลุงด่าเก่งๆแบบนี้ เดี๋ยวกระเทยมันก็นึกว่าลุงเป็นพวกเดียวกะมันแล้วรุมโทรมลุงหรอก

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 09-03-2008, 19:58

...อย่าเล่นตุ๊ด...
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 09-03-2008, 20:44



ขอคารวะ ปู่เย็น  :slime_worship: เขียนแทนใจใครหลายๆ คน :slime_inlove: Peace





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-03-2008, 00:09
คิดว่าจะจบ แต่มีประเด็นให้เล่น ก็ต่อให้อีกละกัน

ถ้าแนวคิดนโยบายไทยรักไทยไม่ดี

พรรคการเมืองไหนบ้างที่คิดยกเลิกนโยบายประชานิยม

มีใครคิดเลิกกองทุนหมู่บ้าน มีใครคิดยกเลิก โอท้อป

เพราะนั่นคือการทำให้ประชาชนที่เลือกเข้ามาพอใจ

ก็บอกแล้วว่าผมไม่เคยนิยมพรรคการเมืองจริงจัง เพราะมันก็พอๆ กันนั่นแหละ

ในทุกนโยบายย่อมมีทั้งข้อดีและข้อด้อย มันขึ้นกับว่าจะนำมุมมองด้านไหนมานำเสนอ


ผมบอกเสมอว่า ทักษิณนำแนวคิดหมอประเวศ วสี มาทำนโยบายแต่นำมาไม่ทั้งหมด

ไทยรักไทย นำไปใช้แต่ด้านที่จะได้คะแนนเสียง ไม่คิดสานต่อความเข้มแข็งของชุมชนอย่างจริงจัง

เพราะแนวคิด "ชุมชนเข้มแข็ง" มิใช่แค่ประชานิยม การทำนโยบายเหล่านั้นยังมีข้อควรคำนึงอีกหลายด้าน

**********************************

ประเด็น ทัศนคติอื่นๆ เรื่องหาผัวรวยเกี่ยวข้องกับการทวงบุญคณยังไงบ้าง

หรือแค่อยากอภิปรายไปงั้น ๆ

พอให้รู้สึกว่าเป็นคนดีของสังคมอยู่บ้าง

อ้อ...ไม่มีครอบครัวไหน อยากให้ลูกเป็นกะหรี่ หรือ ต้องการให้ต้องไปหาผัวฝรั่งหรอก

แต่ถึงอาจมีบ้าง ก็เป็นเรื่องปัจเจก ซึ่งมิใช่คนอีสานส่วนใหญ่แต่อย่างใด

ถ้าอยากดูข้อมูลความนิยมหาผัวฝรั่ง ลองเข้าไปดูในเว็บหาคู่ คงจะได้ข้อมูลอีกอย่าง ที่พวกคุณอาจตกใจ

คนมีความรู้ระดับดี สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี อยากมีผัวฝรั่งเยอะแยะ อย่าว่าแต่ปริญญาตรี ปริญญาโทก็มี

เวลามองปัญหาอย่าหยิบยกแต่ส่วนที่ทำให้ตัวเองดูดี หรือคิดเอามาเป็นเหตุผลเพียงเพื่อแพ้ชนะ

ความจริงนั้นมันมีหลากหลายด้าน การยกความจริงเพียงด้านเดียวมานำเสนอ เรียกว่ามองไม่รอบด้าน

จะไปเป็นที่ปรึกษาใครได้ล่ะ...เรื่องพวกนี้ก่อนนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบโดยรวม

คนที่ครอบครัวแตกแยก ผัวไทยไม่รับผิดชอบ ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียว เพราะผัวคนไทยชั่วๆ ไม่รับผิดชอบ

ใครช่วยเค้าได้บ้าง ทัศนคติของชายไทยต่อหญิงม่ายมียังไงบ้าง ทำไมไม่คิดให้ลึกกว่านั้นล่ะ

ความนิยมผัวฝรั่ง เพราะหญิงไทยบางส่วนได้รับผลกระทบจากผัวไทย จากผู้ชายไทยครับ

นอกจากนั้นยังมีองคกรสตรี NGO ทำงานแก้ไขทัศนคติเหล่านั้นอยู่แล้ว

ปัญหากะหรี่ โสเภณีมันมีคู่โลก หรี่ฝรั่งก็เยอะแยะ อยากรู้แวะไปอาบอบนวดสิ ผมทองตาสีฟ้า พูดไทยไม่ได้เยอะแยะ

แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้วก็ยังมีปัญหาพวกนี้ กะหรี่มีทุกที่ในโลก

ทำไมไม่บอกว่า กะหรี่ในโลกนี้เป็นคนชั่วทุกคน หรือมันชั่วมันเลวแต่กะหรี่ไทย

ถ้าจะอภิปรายแบบกำปั้นทุบดิน ทุบเมื่อไหร่ก็โดน

เพราะความไม่ดี ก็คือความไม่ดี ความดีก็คือความดี

แต่มิใช่ความดีความชั่วนั้น จะไปเหมารวมทั้งภาค

ถ้าคนนอกบอกว่า "คนไทยส่วนใหญ่คิดแบบนั้น" คุณจะรู้สึกอย่างไร

คงได้โดนกระหน่ำตั้งแต่แรก เพราะคนอีสานก็คือคนไทย

แก่ป่านนี้ยังไม่รู้จักแยกแยะ ขอแค่ได้สำแดงความเห็นแก่ตัวหรืออยากด่าคนเล่น

ไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย กำปั้นทุบดินมันดังตุ๊บ ๆ ทั้งนั้นแหละ

แต่การนำเสนอในทางดูถูกดูแคลนคนอื่นนี่สิ มันส่อสำนึกยกตนข่มท่าน

มีแต่ความรู้แต่ไม่มีปัญญาที่จะคิดออกว่า ผลของการกระทำนั้น จะส่งผลด้านไหนต่อสังคม

ถ้าหากจะเปลียนประเด็นกระทู้เป็นว่า

"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ผู้มีความรู้ควรเลิกทำตัวยกตนข่มท่าน ดูถูกผู้ด้วยกว่า" จะดีมั๊ย

การนำเสนอแนวคิดที่ไม่ดีของคนอื่นผู้ด้อยกว่าในเชิงเสียดสี ดูถูกดูแคลน เป็นสิ่งที่พึงกระทำหรือไม่

แล้วแบบนี้จะเรียกร้องความสมานฉันท์สามัคคีได้อย่างไร

เพราะนี่คือการตอกลิ่มให้กับสังคมอย่างน่าละอาย

"อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน" คงเคยได้ยินกระมัง

เพราะคนภาคไหนๆ ก็คือคนไทยทุกคนนี่แหละครับ

*****************

(http://www.matichon.co.th/newspic/b09-03-08-13-47-19.jpg)

'อรุณี' -' Ryuhei' คู่บ่าวสาวตัวอย่างที่รักกันด้วยจิตใจ ร่วมกันเก็บเกี่ยวความประทับใจ


'อรุณี ลิ้มมณี' เจ้าสาวผู้มีปัญหาขาพิการ ควงคู่เจ้าบ่าวแดนปลาดิบ Ryuhei Sano เผยความในใจว่า หลังเจอกันที่ประเทศญี่ปุ่น และติดต่อกัน จนกระทั่งคบเป็นแฟนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายและเอาใจใส่ตลอดเวลา  เธอเล่าเคสประทับใจให้ฟังอยู่ว่า  มีครั้งหนึ่ง ต้องทำธุระในห้างสยาม พารากอน ผู้ชายก็โทรมาถามอยู่เรื่อยๆ ว่าถึงไหนแล้ว พร้อมโกหกว่าบังเอิญอยู่แถวนั้น แต่ความจริงต้องเดินมาไกล เพียงเพราะไม่อยากให้ฝ่ายหญิงลำบากต้องเดินขึ้นบันไดเอง อยากเป็นคนอุ้มและอยากดูแลไม่ให้เจ้าสาวลำบาก

งานนี้ มีคนแอบกระซิบว่าเจ้าบ่าวน่ารักกว่าที่เจ้าสาวชมมาก 'เมื่อครั้งแม่ฝ่ายหญิงเสียชีวิต ฝ่ายชายบวชให้เลยนะ เจ้าบ่าวยังคิดไปถึงว่า หากมีลูก อยากได้ลูกชาย จะได้ดูแลแม่'

เจ้าสาวผู้โชคดีพูดทิ้งท้ายด้วยอาการน้ำตาคลอเบ้าว่า 'ไม่เคยสงสัยในความรักของผู้ชายคนนี้เลย ไม่นึกเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะมีใครทำให้เราขนาดนี้'

ความรักก็เหมือนบอลลูน ต้องถ่วงน้ำหนักให้สมดุล ตรวจเชื้อเพลิงให้เรียบร้อย สำรวจรอยรั่วของผ้าใบบอลลูน หากมีรอยโหว่ก็หาทางอุด การเดินทางจึงลอยอยู่ได้นาน แต่หากตรงกันข้าม บอลลูนลูกนั้นก็ย่อมลงสู่พื้นดินเร็วเป็นธรรมดา ...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-03-2008, 01:28


อ้าว.....

สรุปแนวคิดกันได้แล้วหรือครับ 

แนวคิด    ผู้ใช้อำนาจ จะใช้อำนาจตามอำเภอใจอย่างไรก็ได้  ตราบใดที่ อำนาจนั้นได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ ไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม

การได้มาซึ่งอำนาจ 
ใช้วิธีสร้างเครือข่ายการเมืองในชุมชน  การเมืองท้องถิ่นพัฒนาชุมชนของตัวเอง
ประชาชน  เลือกคนในเครือข่าย  เนื่องจากจะได้ผลประโยชน์โดยตรง
การเมืองส่วนกลาง  ใช้ทุน ใช้เงิน ในการซื้อตัวเครือข่ายท้องถิ่นเข้าเป็นพวก  ผลคือ ได้เสียงส่วนใหญ่จัดตั้งรัฐบาล

การใช้อำนาจ
รัฐบาลจะทำอะไรก็ได้    จะออกนโยบายเอื้อให้พรรคพวก  ให้พ่อสิงคโปร์ ยังไงก็ได้
การใช้อำนาจแต่ละครั้งถ้าไม่มีเหตุผลอธิบายได้ ก็อ้างว่ากูมาจากเสียงส่วนใหญ่
การคานอำนาจ  ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตรวจสอบ
ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะแทรกแทรงกลไกตรวจสอบ  แต่นั่นเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ (ไม่ชั่ว) สำหรับคนบางกลุ่ม
ตราบใดที่รัฐบาลยังให้ผลประโยชน์กับพวกเรา  ถือว่าเขามีบุญคุณกับเรา  อย่าไปด่าผู้มีบุญคุณ
เพราะพวกเราเป็นรากหญ้า  พวกเราถูกเอาเปรียบ 
ตราบใดที่พวกเรายังไม่เข้มแข็ง  เราไม่ต้องไปสนใจอะไรคือดีชั่ว  เราดูแค่ผลประโยชน์ของเรา จบ

ใครนิยมแนวคิดนี้  ใครเชื่อว่าคิดแบบนี้จะทำให้เมืองไทยเจริญบ้าง  ยกมือขี้นนน



เห็นด้วยกับการได้มาซึ่งอำนาจ

ส่วนการใช้อำนาจ ประชาชนต้องตรวจสอบ หากกนอกลู่นอกทาง ประชาชนต้องทำหน้าที่ใช้สิทธิ์ตรวจสอบครับ

ไม่ว่ารัฐบาลหน้าแหลม หรือ หน้าเหลี่ยม หรือหน้าเหี่ยว ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งนั้น

ประชาธิปไตยจะครบถ้วนสมบูรณ์ได้ ก็ต้องให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบและรักษาสิทธิ์ของตนเอง

นั่นคือสนับสนุนในสิ่งที่ดี คัดค้านในสิ่งที่ไม่ดี ก็คงแค่นั้นมั๊ง

เพราะเรื่องพวกนี้ทำคนเดียวไม่ได้หรอกครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 10-03-2008, 02:24
อ้างถึง
“อานันท์” เผยบทวิเคราะห์ต่างชาติ หมิ่นนิสัยคนไทย“ขี้เกียจ ขี้โอ่ ขี้โกง ขี้อิจฉา”

นาย อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานสภาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวเปิดงานสัมมนาประจำปี โดยระบุว่า การสัมมนาครั้งนี้จะครอบคลุมด้านเศรษฐกิจมหภาคและจุลภาค เพื่อระดมความคิดเห็นในการลดความเสี่ยงจากวิกฤติเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาตลาดทุน และเพิ่มพูนหลักธรรมาภิบาล ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อไม่ให้นโยบายเศรษฐกิจถูกบิดเบือน รวมถึงเอื้อประโยชน์ให้ผู้มีอำนาจทางการเมือง พร้อมกันนี้ได้หยิบยกบทวิเคราะห์ของต่างชาติ ที่ระบุว่า นิสัยคนไทยมี 4 อย่าง คือ ขี้เกียจ ขี้โอ่ ขี้โกง และขี้อิจฉา หากในความเป็นจริงนิสัยคนไทยเป็นเช่นนั้น ถือเป็นเรื่องน่าเศร้า


ประธาน ทีดีอาร์ไอ ยังขอให้ทุกฝ่ายน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงพระราชทานทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติ
วันที่ 9/12/2006

เบี่ยงประเด็นดีกว่าา :slime_hitted: :slime_smile2:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-03-2008, 02:31
ฮ่า ฮ่า เล่นเบี่ยงประเด็นแบบนี้ผมก็ตายซีครับ จะเอาอะไรไปเถียงเค้าดี อิ อิ

 :slime_hmm: :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-03-2008, 10:10
แถม

อันคนเลี้ยงหมูขายนั้น เขามีอาชีพเดียว คือ เลี้ยงหมูขาย ถ้าเขาขายหมูไม่ได้ หรือต้องขายหมูในราคาขาดทุน เพราะรัฐบาลไปบีบ

บังคับให้เขาขายในราคาขาดทุน เพื่อให้คนอีกกลุ่มหนึ่งได้กินเนื้อหมูราคาถูก ทั้งๆที่สามารถหาเนื้ออย่างอื่นมากินทดแทนได้ คนเลี้ยงหมูก็ต้องเจ๊ง และเลิกเลี้ยงหมูไปในที่สุด แล้วใครเดือดร้อน

นี่คือลอจิกในการแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม ไม่มีใครต้องเจ็บตัวจากการแก้ปัญหา มีแต่ได้กับได้ทุกฝ่าย

เพราะสินค้าที่แพงมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันไปตามพื้นฐานความจำเป็น คนแก้ไขปัญหาต่างหาก จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในกลไกของปัญหา กลไกของตลาด และกลไกการบริหารจัดการ

ไม่ใช่แก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินโดยไม่ต้องคิด สั่งควบคุมราคาอย่างเดียว ในที่สุด ความเดือดร้อนทั้งหมดก็จะหวนกลับไปที่เกษตรกรผู้ยากจน ซึ่งก็เดือดร้อนจากภาวะค่าครองชีพแพงเหมือนกัน แต่กลับต้องเป็นผู้เสียสละ ซึ่งไม่ยุติธรรม

ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อฝากไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อยากให้เข้าใจวิธีแก้ปัญหาครบวงจร ไม่ใช่ กระทรวงการคลัง อัดเงินลงไปช่วยเกษตรกรล้างหนี้ แต่อีกด้าน กระทรวงพาณิชย์ สั่งกดราคาสินค้าทั้งที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น เพิ่มหนี้ให้กับเกษตรกร อย่างนี้ไม่รู้จะแก้กันอีกกี่ชาติ เกษตรกรไทยจะได้เงยหน้าอ้าปากเสียที.


ที่มา http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=81447

ตอบคำถาม ถมไม่รู้จักพอ

นอกจาก "ถมไม่เป็น" เหมือนถมน้ำลงไปในทะเลทราย ถมยังไงก็ไม่เต็ม

หากจะให้เต็มต้องถม "ความรู้" ถมป่าลงไป เพื่อให้ป่าสร้างน้ำ เมื่อมีป่า มีน้ำ ก็ไม่มีทะเลทราย

ถมความรู้เรื่องการทำยังไงให้ พออยู่ พอกิน พอใช้ และ พอเพียง

และอย่าเอารัดเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกว่า รู้จักเอื้ออาทร และเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

อย่าเรียนเอาความรู้มาเพียงแค่เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น เอาเปรียบสังคม

แล้วมองว่าผู้ด้อยกว่า มันโง่ มันเจ็บ มันจน แค่นั้นก็จะได้ชื่อว่า..."เรียนเอาปัญญา"..มาพัฒนาประเทศ

ไม่ใช่เรียนมาเพื่อบำเราความสุขส่วนตนแต่ถ่ายเดียว

เมื่อมีโอกาสดีกว่า ต้องรู้จัก แบ่งปัน รู้จัก ทาน รู้จักการให้ ประเทศชาติก็จะสุขสงบอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ไม่มีพวกกู พวกมึง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 11-03-2008, 11:30
กระทู้นี้ไร้สาระที่สุดเลยว่ะผมว่า


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าเจ้าเก่า ที่ 11-03-2008, 12:37
หลายๆคนไปเมืองนอกมาคงเจอทัศคติเหมารวมของต่างชาติมาไม่น้อยนะฮะว่า
เห็นผูหญิงไทยทุกคนนั้นเป็น"โสเภณ"หมด

กระทู้นี้ก็ให้ความรู้สึกต่อคนอีสานทำนองเดียวกันแหละครับคือโง่ ขี้เกียจ แบมือขอ ซื้อได้....



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 11-03-2008, 13:05
ก็บอกแล้ว...ตาบอดคลำช้าง...กำปั้นทุบดิน...

มองปัญหา หรือ หยิบบยกปัญหาขึ้นมาแบบฉาบฉวย หรือลงไปคลุกในปัญหาอย่างรอบคอบ รอบด้าน

ตัวกระทู้มันมีนัยยะซ้อนกันอยู่หลายมิติ...ยืนผิดข้างก็เสียหายหลายแสน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-03-2008, 01:06

ขอแย้งคับ  ท่านปะทานที่พาผู้คนไปยิงตู้เย็น

๑ ( อุ๊ย...เพิ่งสังเกตนะว่าคุณเหม่ยใช้เลขลาว  :mrgreen: )
สำหรับความคิดของไอ้กระพ้ม
ไม่เคยบอกว่าคนอีสานและรากหญ้าอยาก "รวยทางลัด" นะครับ
แต่พูดถึงพฤติกรรม "ถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม - ได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ - หาเรื่องขอได้เรื่อย ๆ"
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เป็นเพราะโลภมาก  อยากได้อะไรต้องเอา้เยอะ ๆ ดี ๆ แบบที่คนกรุง - คนเมืองมี 
แต่หมายถึงการดำเนินชีวิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภท
"รั่วตรงโน้นรั่วตรงนี้" + รูไหนรั่วก็ยังรั่วซ้ำู่ร่ำไป  + ต้องได้รับการอุดหนุนอนุเคราะห์แทบทุกขั้นตอน"
...ซึ่งถ้าหากภาคธุรกิจอื่นใดมีพฤติกรรมแบบนี้   
...เจ๊ง ครับ


ปัญหาเดิม ๆ ซ้ำซาก  ตั้งแต่  ราคาตก  คุณภาพต่ำ  ไม่มีที่จัดเก็บ  ผลิตผลล้นตลาด ฯลฯ
แล้วก็แก้ด้วยวิธีการเดิม ๆ   คือ  ปล่อยเงินกู้  ตั้งกองทุน  พักชำระหนี้  ประกันราคา ฯลฯ
...ที่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็คือการ "ใส่เงิน ( งบประมาณของผู้คนทั้งประเทศ  รวมทั้งที่ได้มาจากภาคธุรกิจอื่น ๆ ) ลงไป" 
จนถ้าหากถอยออกมาแล้ว มองกลับลงไป   ก็อาจจะพูดได้ว่า 
"ตลอดเวลา 20 ที่ผ่านมา ที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วหากเทียบกับช่วงก่อนหน้า  ด้วยศักยภาพทางด้านการผลิตและให้บริการของภาคอุตสาหกรรม - พาณิชยกรรม - บริการ นั้น
ธุรกิจภาคการเกษตรของประเทศกลับ "เดืนถอยหลัง" เข้าสู่สภาพเป็นตัวฉุดรั้ง ถึงขั้นแสดงตัวว่าไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างซ้ำซาก"

หากวิเคราะห์ตาม BCG Model ( Star -- Cash Cow -- Problem Child -- Dog )
ก็ต้องบอกว่า ธุรกิจภาคการเกษตร ( หมายถึงรายย่อย - ส่วนรายใหญ่อย่าง CP ต้องเรียกว่า "เกษตรเชิงอุตสาหกรรม" ) กำลังจะหลุดจาก Problem Child ไปเป็น Dog
...แต่บังเอิญ  ผู้คนในภาคธุรกิจกลุ่มนี้เป็น "ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ"
หรือ "ฐานเสียง" ของนักการเมือง ทั้งนั้น !

จึง "เลิกไม่ได้"

แม้ว่า รบ.เปรม จะพยายามผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าไปรองรับแรงงานในส่วนนี้  แล้วลดบทบาทภาคเกษตรลง  ให้ค่อย ๆ กลับไปสู่สภาวะเศรษฐกิจพอเพียง - พึ่งพาตัวเองได้ตามอัตภาพ เหมือนเปลี่ยนบทบาทเป็น "ก็อกสอง" ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ   
แต่ "รบ.ทุนนิยมจ๋า + ประชานิยมจี๊ด" ในสมัยหลัง ๆ กลับเลือก "เล่นการเมือง" ด้วยการรักษาฐานมวลชนภาคการเกษตรนี้ไว้   แถมยังส่งเสริม สร้างค่านิยมให้แก่ประชาชนในภาคส่วนนี้ เข้าใจว่าตนเป็น "ผู้มีบุญคุณเหนือผู้คนทุกภาคส่วนในแผ่นดิน"

...หรือตั้งหน้าตั้งตา "สอพลอตอแหล เพื่อให้ชาวไร่ชาวนาพากันหลงใหลได้ปลิ้ม" กันไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองจากแก๊งไหน  หน้าเหลี่ยมหรือหน้าหล่อ  ตัวเตี้ยหรือตัวอ้วน


ตัวอย่างเปรียบเทียบ
...โรงงานแห่งหนึ่ง  มีการผลิตสินค้าหลายอย่าง  ซึ่งก็มีัทั้งสินค้าที่ "ขายดิบขายดี - ยังขายได้เรื่อย ๆ - ผีเข้าผีออก  และ ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง"
...ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าไอ้กลุ่มสินค้าประเภท "ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง" นั้น  สมควร "หมดเวลา" หรือ "ผ่อนเบาซึ่งการสนับสนุนส่งเสริม" ลงได้แล้ว   
...หรือถ้าบังเอิญสินค้าตัวนั้นยังเป็น "สิ่งทำขึ้นเพื่อใช้กันเอง - แจกจ่ายกันเองในลักษณะสวัสดิการ" ก็สมควรลดบทบาทลง  ให้กลายเป็นเพียงส่วนงานเล็ก ๆ เอกเทศ  จากนั้นก็สนับสนุนกันไปตามอัตภาพ  โดยพนักงานในส่วนนี้ก็ทำงานไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ แบบรับรู้ว่า "เงินไม่มาก + โบนัสไม่มี"   หรือถ้าพบว่ามีพนักงานรายไหนที่ยังมีความกระตือรือร้น - ทะเยอทะยาน - ต้องการแสดงศักยภาพ
ก็ให้โอนย้ายไปยังส่วนงานอื่น ๆ ที่ "่กำลังทำเงิน"

ไ่ม่ใช่ดันทุรังทุ่มเทเงินทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงไปอีก "ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
ไม่ว่าจะ เพื่อ "แก้ปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังเกิดขึ้นอีก ( รั่วรูเดิม )"
หรือ เพื่อ "แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากความเสื่อม ( รูรั่วใหม่อันเกิดจากความเก่า )"
เพียงเพราะ "แผนกนี้คนเยอะี  แถมเ็ป็นพวกกรู - คนของกรูทั้งนั้น"


หรือ ถ้าจะอ้างเรื่อง OTOP ว่าเป็น "การแทรกตัวลงไปทดแทนธุรกิจภาคการเกษตร  เพื่อลดบทบาทธุรกิจภาคการเกษตรลง"
ก็ต้องทำให้ - บอกให้ผู้คนในภาคการเกษตรเหล่านี้ "รับรู้และตระหนักว่าต่อไป OTOP จะต้องถูกกำหนดให้เป็นกิจกรรมหลักในการหารายได้ของประชากรในชุมชน"  ไม่ใช่ไป "ตอแหลเอาใจ" ว่า "OTOP เ็ป็นช่องทางเพิ่มรายได้ - จะได้มีเงินเอาไว้ซื้อของสนองตอบตัณหาที่กิจกรรมภาคการเกษตรไม่่สามารถตอบสนองให้ได้"

OTOP คือ Problem Child ที่ชาวบ้านเองก็ยัง "ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย - ผีเข้าผีออก" และบางคนก็ยอมรับว่า หากไร้การสนับสนุนจากภาครัฐ  เช่น  ไม่มีการสนับสนุนทางการตลาด  ไม่มีการช่วยเหลือทางด้าน R&D แล้ว  ไอ้สิ่งที่เรียกว่า OTOP นี้ก็ ..."ตายหยังเขียด"...
ในขณะเดียวกันนั้น ภาคการเกษตรก็เป็น Problem Child ที่ชาวบ้านเองก็เห็นเค้าลางแล้วว่า "อนาคตพร่ามัว"
เพราะเมื่อเปรียบเทียบสินค้าี่ที่ตนผลิตกับ "สินค้า ( ผลผลิตด้านการเกษตร ) นำเข้าจากต่างประเทศ" แล้ว  ก็เริ่มยอมรับว่า "สู้เขาไม่ได้" ทั้งในด้านคุณภาพ การตลาด  และราคา

แบบนี้แล้ว...ยังจะให้ "ชาวบ้านระดับรากหญ้า ( ที่ส่วนใหญ่จะเป็น "รากหญ้าจริง" - ไม่ใช่ "รากหญ้าของทักษิณ" )
ต้องรับภาระดูแล "เด็กมีปัญหา ( Problem Child )" ถึง 2 คน อีกหรือ ?

แค่นั้นไม่พอ
...ยังบังคับกงการให้ภาคธุรกิจส่วนอื่นต้องแบ่งสรรรายได้ ไปถมเทลง  ในแบบที่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถตอบได้ว่าการสงเคราะห์เหล่านี้สมควรจะจบสิ้นหรือผ่อนคลายลง...เมื่อไหร่

คงไม่ต้องตั้งข้อสังเกตนะว่า หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะสู้ประเทศอื่น  ไม่่ว่าจะเป็นเวียดนาม  ลาว   เขมร  พม่า ได้อย่างไร
...แทนที่จะ "เอาเงินกำไรที่ได้จากภาคส่วนอื่น ๆ" ไปสร้างเสริมพื้นฐาน + ความแข็งแกร่งให้ประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาของเยาวชน  หรือแม้แต่ทางด้านศักยภาพทางทหาร
...นี่กลับต้องเอามา "เทใส่รูรั่วเก่า ๆ + ปะผุครั้งแล้วครั้งเล่า" ให้กับ "ถังน้ำผู้มีพระคุณต่อปู่ย่าตายายของเรา"  ทั้งที่ปัจจุบันนี้เราใช้น้ำจาก "ก๊อก + ท่อประปา และถังพลาสติกราคาถูก ๆ" ในชีวิตประจำวันได้อย่างเพียงพอและสะดวกดาย



เดี๋ยวจะลากยาวไปไกล...ขอกระเด้งกลับมาที่ข้อ
๒ ( สังเกตว่ายังเป็นเลขลาวอยู่  :mrgreen: :mrgreen: )

การเอาผัวเป็นแขก  นิโกร  ฝรั่ง  หรือมันแกว ของสาวไทยไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคไหน
...ไม่มีใครเขาติดใจในเรื่อง "รสนิยม"
แต่การ "เอาผัวฝรั่ง" ของสาว ( บางทีก็ไม่สาว ) อีสาน "จำนวนไม่น้อย" เป็นไปในลักษณะ "เอามาแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ"
เพราะหลาย ๆ คน "แทบไม่เคยรู้จักฝรั่ง" ที่กำลังจะมาเป็็นผัวของตน
เพียงแต่รู้ว่า "มันมีเงิน"
แถมยังพอใจที่ "มันแก่แล้ว  อยู่ไปอีกไม่กี่ปีมันก็ตาย"

ซึ่งเหล่านี้มิใช่ลักษณะของ "การเอาผัวตามธรรมชาติ"
แต่เป็นการ "หาผู้อุปถัมป์" ทางด้านฐานะการเงิน


มันมาอีกแล้วนะ...เจ้าวลีฮิตที่ว่า "เคยชินกับการอยู่ในระบอบอุปถัมป์"

...หนักหนาสาหัสแค่  มีการทำวิจัย  ด้วยการไปถามเด็กวัยก่อนประถม ในเขตพื้นที่อีสาน ว่า
"หนูอยากเป็นอะไรเมื่อโตขี้น"
แล้วก็ได้คำตอบอันไร้เดียงสา  แต่ทำเอานักวิชาการถึงกับอึ้ง ว่า
"อยากเป็นเมียฝรั่งก้ะ..."


ขอบพระคุณท่านปู่เย็นที่กรุณาให้คำอธิบายค่ะ   :slime_worship:

เหตุมันโยงใยมาจากเนื้อหาของคุณ isa เจ้าของกระทู้ค่ะ   :mrgreen: :D :mrgreen:

เลข ๑ ๒ ๓ -- ไม่ใช่เลขขอมหรือคะ ส่วนภาษาลาวใช้ด้วยหรือป่าวก็ไม่ทราบค่ะ   :mozilla_surprised:

พอดีเพิ่งไปอีสานกลับมาค่ะ ชอบมากกกกก อยากย้ายไปอยู่อุบลฯ แล้วค่ะ   :slime_smile:

สงสัยคงเพราะมีเชื้อสายลาวพวนของคุณยายทวดอยู่ในตัวด้วย สิบปีมานี้ได้ไปขอนแก่นประจำอีกต่างหาก  :slime_smile:

เดี๋ยวจะหาโอกาสไปเที่ยวหลวงพระบางต่อค่ะ เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมาก -- แค่ดูจากรูปที่น้องที่รู้จักไปเที่ยวมาก็อยากไปเสียแล้ว  :mrgreen:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 12-03-2008, 01:42
กระทู้นี้ลากยาว......ออกทะลไปไกล

คืบก็ทะเล....ศอกก็ทะเล หาฝั่งไม่เจอ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-03-2008, 02:57
ในความขี้เหร่ ก็มีความงดงามซ่อนอยู่

แล้วแต่ว่าใครจะหยิบมุมไหนขึ้นมาชื่นชม

"กระต่ายกับเต่า"

หันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง

ช่วงชิงไปสู่สวรรค์ ใครไม่ทันเป็นคนหลงทาง

ขาเต่ากระต่ายมันต่างกัน......

...............................................
เจ้านกแสงตะวันบินผ่านมา มันส่งเสียงเจรจา ทำไมเกิดมาเพื่อแข่งขัน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 12-03-2008, 03:13
ความงดงาม....ต้องเกิดจากความจริงใจ

ที่ไม่มีสิ่งแอบแฝง....มีใครเคยรู้จักการให้เป็นบ้างหรือเปล่า

เช่นให้อภัย......................................................................

ยอมรับในสิ่งที่ผิดถูกในตัวตนและผู้อื่น...ว่าย่อมมีข้อผิดพลาดกันคนละเล็กน้อย

และอภัยให้กันโดยไม่มี มิจฉาทิฐิ เพราะมีจุดยืนอันเหนียวแน่วแน่น ที่จะจะสนองตอบต่อสิ่งเร้า...

ที่ไม่ควรและไม่น่าที่จะเป็น......


ถามใจท่านๆ...ทั้งหลายเถิด

ดูกร....ท่านกูรูทั้งหลาย ข้าพเจ้า...ขอคารวะ ในจิตสำนึกของทุกท่าน....

ว่าจะเห็นหนทางอันสว่างไสว ที่จะมุ่งไปในหนทางอันควร ทั้งยังประโยชน์ให้แก่ตัวท่านเองและเพื่อส่วนรวมอีกด้วย .....


สาธุ..

 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-03-2008, 04:12
ในเพลงเค้าบอก "กระต่ายพ่ายเต่า"

ลองวิเคราะห์ดูสิ...ทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น

ทั้งๆ ที่ "ขาเต่า/กระต่ายมันต่างกัน"

****************************

กระต่าย เต่า แข่งขัน   

หลักชัยอยู่ไกลแสนไกล

สองคนต่างไม่ท้อใจ   

แข่งขันไปในเส้นทาง

ต่างมุ่งในเส้นทาง

ขาเต่ากระต่ายมันต่างกัน

สั้นยาวไม่มีสัมพันธ์

กระต่ายประมาทพลันมันหลับไหล

เต่าถึงเส้นชัยเพราะพากเพียร

หันหน้ากันคนละทาง

สร้างดาวกันคนละดวง

ช่วงชิงไปสู่สวรรค์

ใครไม่ทันเป็นคนหลงทาง

กระต่ายพ่ายเต่า

เจ้านกแสงตะวันบินผ่านมา

มันส่งเสียงเจรจา

ทำไมเกิดมาเพื่อแข่งขัน

น่าจะร่วมกันสู่เส้นชัย

ปลุกเพื่อนจากการหลับไหล

เพื่อสร้างสมใจร่วมกัน

(ที่มา : คาราวาน)


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: คิคิ ที่ 12-03-2008, 04:23
 :slime_sleeping:

เป็นกระทู้ที่ยาวมากกกกกกกกก แต่ชอบ จขกท นะ เสียดายเผ่นไปซะก่อน 555ๆๆๆๆๆๆ :slime_surrender: :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-03-2008, 04:54
เห็นอ้างทัศนะคติเรื่องการขายตัวจากเพลงลูกทุ่ง

ขอแนะนำเพลง

คุณนายโรงแรม

สาวจันทร์กั้งโกบ

สมศรี

ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามปี นึกว่าไปได้ดี...

อื่นๆ อีกมากมายวิเคราะห์ได้อีกหลากหลายมุมมอง

ทัศนะที่ดีๆ ต่อสตรีจากชนบท

เทพธิดาในป่าปูน

เทพธิดาผ้าซิ่น

ปริญญาชาวนา

แม่ศรีเรือน

บทเพลงของชาวลูกทุ่ง ไม่เคยทวงบุญคุณกับใครหรอกครับ

นอกจากพูดถึงความแร้นแค้น และปลุกปลอบให้สู้ชีวิต

หาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่ ไม่เห่อเหิมเกินฐานะ

ฯลฯ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 12-03-2008, 09:32

มาให้กำลังใจ จขกท.ค่ะ ในฐานะที่คุณแสดงออกในสิ่งที่คิดอย่างไม่เสแสร้ง


(http://www.great-romances.com/wp-content/RoseBear02.jpg)


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-03-2008, 21:09
ตอบคำถาม ถมไม่รู้จักพอ

นอกจาก "ถมไม่เป็น" เหมือนถมน้ำลงไปในทะเลทราย ถมยังไงก็ไม่เต็ม

หากจะให้เต็มต้องถม "ความรู้" ถมป่าลงไป เพื่อให้ป่าสร้างน้ำ เมื่อมีป่า มีน้ำ ก็ไม่มีทะเลทราย

ถมความรู้เรื่องการทำยังไงให้ พออยู่ พอกิน พอใช้ และ พอเพียง

และอย่าเอารัดเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกว่า รู้จักเอื้ออาทร และเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

อย่าเรียนเอาความรู้มาเพียงแค่เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น เอาเปรียบสังคม

แล้วมองว่าผู้ด้อยกว่า มันโง่ มันเจ็บ มันจน แค่นั้นก็จะได้ชื่อว่า..."เรียนเอาปัญญา"..มาพัฒนาประเทศ

ไม่ใช่เรียนมาเพื่อบำเราความสุขส่วนตนแต่ถ่ายเดียว

เมื่อมีโอกาสดีกว่า ต้องรู้จัก แบ่งปัน รู้จัก ทาน รู้จักการให้ ประเทศชาติก็จะสุขสงบอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ไม่มีพวกกู พวกมึง

 :slime_worship:

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ 

อย่างระดับอุดมศึกษา รัฐบาลต้องใช้เงินภาษีของประชาชนอุดหนุน ตามที่เคยทราบ ประมาณ 70 % ผู้เรียนจ่ายจริงประมาณ 30 % เท่านั้น

โดยเฉพาะคณะวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทันตะฯ และ ฯลฯ นั้น ค่าเรียนต่อหัวสูกว่าสายสังคมศาสตร์อยู่มากทีเดียว





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 12-03-2008, 22:26
คนจบ ปตรีส่วนใหญ่ในประเทศ ผมไม่เชื่อว่าจบจาก ม เอกชน มากกว่าของรัฐ

คนจบ ม ของรัฐ ค่าเทอมถูกจริง เพราะรัฐเอาเงินไปอัด(อุดหนุน)เอาไว้
พวกเรียนสายวิทยาศาตร์ วิศวะ แพทย์ศาสตร์ ต้นทุนสูงมาก

ผมเป็นคนหนึ่ง ที่เรียนสถานศึกษาของรัฐมาทั้งชีวิต

ผมเห็นใครหลายคน ที่เรียน ม ของรัฐ ค่าเทอมถูกๆ มาทั้งชีวิต แล้วทำท่ารังเกียจงานข้าราชการซึ่งทำงานตอบแทนรัฐ...

ผมละอยากย้อนเวลาไปออก กม มหาลัยออกนอกระบบ ให้ทันพวกนั้นจริงๆ

ไม่ตอบแทนรัฐไม่ว่า แต่ปากอย่างอัปป.รีย์ก็พอแล้ว

กระทู้นี้พูดถึงบุญถึงคุณ
ลองย้อนภาพตัวเองดูหน่อยละกัน ว่าเป็นพวกที่ผมขีดเส้นใต้ไว้บ้างหรือเปล่า
บางที คุณอาจอัปรี.ย์กว่าที่คิด


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 12-03-2008, 22:30
ถ้าคิดทันหน่อย
ป่านนี้ผมอ้อนให้พ่อส่งไปเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัยตั้งนานแล้ว

 :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 12-03-2008, 22:37
ก่อนอำลากระทู้นี้
ขอสรุปสั้นๆว่า

จากกระทู้ นี่คือกรณีพิพาทระหว่างคนกรุงกับอีสาน

แต่มีคนภาค XX มาแจมอยู่มากเชียว

จึงขอสรุปว่า

คนภาคอีสาน ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับภาค XX
และคนภาค XX ก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับคนภาคอีสานเช่นกัน
ฉันใดก็ฉันนั้น

จะเข้ามาด่าทอเล้วยกหางพวกพ้องตัวเองนั้น โปรดอย่าทำ พวกท่านหาได้ประเสริฐ และพวกผมก็ไม่ได้ประเสริฐเช่นกัน

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: โต มิ โต โชว์ ดะ ที่ 12-03-2008, 22:46
ก่อนอำลากระทู้นี้
ขอสรุปสั้นๆว่า

จากกระทู้ นี่คือกรณีพิพาทระหว่างคนกรุงกับอีสาน

แต่มีคนภาค XX มาแจมอยู่มากเชียว

จึงขอสรุปว่า

คนภาคอีสาน ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับภาค XX
และคนภาค XX ก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับคนภาคอีสานเช่นกัน
ฉันใดก็ฉันนั้น

จะเข้ามาด่าทอเล้วยกหางพวกพ้องตัวเองนั้น โปรดอย่าทำ พวกท่านหาได้ประเสริฐ และพวกผมก็ไม่ได้ประเสริฐเช่นกัน

 :slime_cool:




อื้อฮือ








......................................น่าจะจริงแฮะ...................................................................................................................................................
:slime_cool:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-03-2008, 22:58
ก่อนอำลากระทู้นี้
ขอสรุปสั้นๆว่า

จากกระทู้ นี่คือกรณีพิพาทระหว่างคนกรุงกับอีสาน

แต่มีคนภาค XX มาแจมอยู่มากเชียว

จึงขอสรุปว่า

คนภาคอีสาน ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับภาค XX
และคนภาค XX ก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับคนภาคอีสานเช่นกัน
ฉันใดก็ฉันนั้น

จะเข้ามาด่าทอเล้วยกหางพวกพ้องตัวเองนั้น โปรดอย่าทำ พวกท่านหาได้ประเสริฐ และพวกผมก็ไม่ได้ประเสริฐเช่นกัน

 :slime_cool:

ถ้าเข้าใจระบบนิเวศวิทยา อาจจะเข้าใจกันมากกว่านี้ก็ได้นะ  :mrgreen: ว่าด้วยเรื่อง biological diversity ยาวไปเรื่อง mutualism ฯลฯ บวกกับหลักการเบื้องต้นทางด้านมนุษยวิทยา สังคมวิทยา จิตวิทยา อะนะ - เด็กวิทย์ถูกบังคับให้เรียนตอนปีสองงั้ย จะได้เข้าใจโลกนี้ได้ดีขึ้น  :mrgreen:

เดี๋ยวพี่คงต้องไปค้นหนังสือโบราณคดี และประวัติศาสตร์มาอ่านเพิ่มเติม จากที่เรียนมาน้อยนิด ที่ลุงแคนแนะนำก็ของ "สุจิตต์ วงษ์เทศ" :D




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 22:59
ทู้นี้ดีจัง ทำให้รู้จักคนที่ไม่เคยรู้จักอีกเยอะ
ชอบวลีเด็ด"หลงลาว"........เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-03-2008, 23:07
คนจบ ปตรีส่วนใหญ่ในประเทศ ผมไม่เชื่อว่าจบจาก ม เอกชน มากกว่าของรัฐ

คนจบ ม ของรัฐ ค่าเทอมถูกจริง เพราะรัฐเอาเงินไปอัด(อุดหนุน)เอาไว้
พวกเรียนสายวิทยาศาตร์ วิศวะ แพทย์ศาสตร์ ต้นทุนสูงมาก

ผมเป็นคนหนึ่ง ที่เรียนสถานศึกษาของรัฐมาทั้งชีวิต

ผมเห็นใครหลายคน ที่เรียน ม ของรัฐ ค่าเทอมถูกๆ มาทั้งชีวิต แล้วทำท่ารังเกียจงานข้าราชการซึ่งทำงานตอบแทนรัฐ...

ผมละอยากย้อนเวลาไปออก กม มหาลัยออกนอกระบบ ให้ทันพวกนั้นจริงๆ

ไม่ตอบแทนรัฐไม่ว่า แต่ปากอย่างอัปป.รีย์ก็พอแล้ว

กระทู้นี้พูดถึงบุญถึงคุณ
ลองย้อนภาพตัวเองดูหน่อยละกัน ว่าเป็นพวกที่ผมขีดเส้นใต้ไว้บ้างหรือเปล่า
บางที คุณอาจอัปรี.ย์กว่าที่คิด

เรื่องนี้คุยกันได้ยาวค่ะ  :slime_smile:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 12-03-2008, 23:11
ถ้าเข้าใจระบบนิเวศวิทยา อาจจะเข้าใจกันมากกว่านี้ก็ได้นะ  :mrgreen: ว่าด้วยเรื่อง biological diversity ยาวไปเรื่อง mutualism ฯลฯ บวกกับหลักการเบื้องต้นทางด้านมนุษยวิทยา สังคมวิทยา จิตวิทยา อะนะ - เด็กวิทย์ถูกบังคับให้เรียนตอนปีสองงั้ย จะได้เข้าใจโลกนี้ได้ดีขึ้น  :mrgreen:

เดี๋ยวพี่คงต้องไปค้นหนังสือโบราณคดี และประวัติศาสตร์มาอ่านเพิ่มเติม จากที่เรียนมาน้อยนิด ที่ลุงแคนแนะนำก็ของ "สุจิตต์ วงษ์เทศ" :D




ลำพังแค่วิชาสุขศึกษา เป็นวิชาบังคับแท้ๆ เด็กยังร่อแร่เลยครับพี่เม่ย

แต่ 15-16-17-18 เนี่ย ผมจะกลับไปทำหน้าที่ผู้ตรวจการ 8 มณฑล (กรุงเทพ อยุธยา สระบุรี โคราช บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลฯ) อีกแล้วนะครับ  :slime_smile2:
พี่สาวเพื่อน วานน้องชายตัวเองที่ขับรถไม่เป็น ให้เอารถกลับไปให้ที่อุบล
และน้องชายตัวเอง ก็ขับรถไม่เป็นอีก

มันเลยต้องพึ่งผม

ดีละ กุญแจอยู่กับเรา รถก็เราขับเป็นคนเดียว
เลยจะหาเรื่องเมื่อย ขับต่อไม่ไหว แวะเที่ยวเธคที่บุรีรัมย์ บ้านเนวินซะหน่อย

พี่เล่น msn มั้ยครับ หลังไมค์ให้หน่อยสิครับ  :slime_sentimental:



ทู้นี้ดีจัง ทำให้รู้จักคนที่ไม่เคยรู้จักอีกเยอะ
ชอบวลีเด็ด"หลงลาว"........เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

อ้าว เห็นลาบอร์ดไปแล้ว กลับมาแล้วหรือครับลุง
คิดถึงลุงจังครับ
เอาภาพเรือยอร์ชสวยๆมาฝากอีกนะครับ
 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:11
ประเทศนี้ ปอ.ตรีเกลื่อนเมือง.....เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:14
ว่างๆจะหามาให้ชมสักเจ็ดลำ เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 12-03-2008, 23:17
ว่างๆจะหามาให้ชมสักเจ็ดลำ เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



ตั้งเจ็ดลำเลยนะลุง


แล้วจะเอาท่าที่ไหนจอดล่ะลุงถึก 555555 พูดเป็นเล่นไป



:slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:19
แถวๆเมืองเพชร พอจะมีที่จอดบ้างเปล่า....เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:22
ช่วงนี้มีความสุข สิ้นเดือนนี้ยิ่งสนุก
อย่าทะเลาะกันนานๆนะครับ.....เอิ้กกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 12-03-2008, 23:24
ถ้าจะจอดเรือของลุงที่เมืองเพชรอย่างที่ว่าอ่ะ


คงต่อรอไปถึงเดือนกันยาโน่นเลย กระทู้นี้ขำจิงๆให้ดิ้นตาย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-03-2008, 23:27
ลำพังแค่วิชาสุขศึกษา เป็นวิชาบังคับแท้ๆ เด็กยังร่อแร่เลยครับพี่เม่ย

แต่ 15-16-17-18 เนี่ย ผมจะกลับไปทำหน้าที่ผู้ตรวจการ 8 มณฑล (กรุงเทพ อยุธยา สระบุรี โคราช บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลฯ) อีกแล้วนะครับ  :slime_smile2:
พี่สาวเพื่อน วานน้องชายตัวเองที่ขับรถไม่เป็น ให้เอารถกลับไปให้ที่อุบล
และน้องชายตัวเอง ก็ขับรถไม่เป็นอีก

มันเลยต้องพึ่งผม

ดีละ กุญแจอยู่กับเรา รถก็เราขับเป็นคนเดียว
เลยจะหาเรื่องเมื่อย ขับต่อไม่ไหว แวะเที่ยวเธคที่บุรีรัมย์ บ้านเนวินซะหน่อย

พี่เล่น msn มั้ยครับ หลังไมค์ให้หน่อยสิครับ  :slime_sentimental:


 :slime_bigsmile: ขอคารวะท่านผู้ตรวจการแปดมณฑล -- อุปโลกน์ตำแหน่งได้ใหญ่โตมากกกก  :slime_bigsmile:

ขอให้เดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ

ปล. ๑. ฝากกินไข่กะทะทุกเช้าด้วยเด้อ ที่อุบลฯ อะนะ  :slime_bigsmile:

      ๒. เปิดติวสอนขับรถฟรี สิคะ  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:29
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 12-03-2008, 23:30
 :slime_p: :slime_cool: :slime_smile2: :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:35
เพชรเดือนกันยา ถ้าเป็นเพชรซาอุฯ
ก็ตัวใครตัวมันละGamobankเอ้ย.....เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 12-03-2008, 23:35
ขอบคุณครับพี่เม่ย

แล้วจะไปยืมหนังสือ ไม่เปรม จากลุกแคนมาอ่านนะครับ ขออนุญาตยืมไปดูหน่อยนะครับ
 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 12-03-2008, 23:39
เพชรเดือนกันยา ถ้าเป็นเพชรซาอุฯ
ก็ตัวใครตัวมันละGamobankเอ้ย.....เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:




เพชรกันยากับเพชรซาอุ


มันก็มีที่มาจากความอยากท้างน้านคร๊าบบลุงถึก :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:42
จริงของคุณGamobank เห็นด้วยกับคุณ...เอิ้กกกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 12-03-2008, 23:45
ขอบคุณครับพี่เม่ย

แล้วจะไปยืมหนังสือ ไม่เปรม จากลุกแคนมาอ่านนะครับ ขออนุญาตยืมไปดูหน่อยนะครับ
 :slime_smile:

ยินดีไม่มีปัญหาแบบอัสนี วสันต์  :mrgreen:

ขอเลยค่ะ ลุงแคนใจดี อาจให้เปล่า  :mrgreen: :D :mrgreen:

และขอชาเย็นแบบอินสะแต้นท์ดื่มด้วยนะคะ   :slime_smile:







หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 12-03-2008, 23:47

จริงของคุณGamobank เห็นด้วยกับคุณ...เอิ้กกกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:










ผมกาโม่ เห็นควรด้วย กับลุงถึกแบบไม่มีข้อข้องใจ


กร๊ากกกกกกกกกกกกก



:slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 12-03-2008, 23:50
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
ไปนอนก่อนล่ะ กาโม่ HEJ DA....(เห...โด่)


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-03-2008, 01:10
มองเฮ้น...ควายตัวผู้ตัวเมีย

คลอเคลียแล้วให้นึกอิจฉา

เป็นควาย..มันไม่มีปัญญา ปัญหาเล้ยม่ายมี...

......

หลงเมืองกรุงทั้งยาวทั้งใหญ่ จ้างก็หาม่ายเจอ...

ท่านดาร์ธ ว่างก็แวะมารับหนังสือ "ไม่เปรม" ได้เลย

ลุงอ่านแล้ว...ไม่มีอะไรน่าศึกษา ...อ่านแล้วปัญญาจะอ่อนตาม


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 13-03-2008, 01:19
ควายก็เป็นควายไม่เคยกลายเป็นคน



ไถนาแถกไถไปตามใจสบายๆ


มีฟามสุขจริงวุ๊ย
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-03-2008, 01:41
คุณเม่ยก็พูดถูก เรียนอะไรมานิดๆ หน่อย ๆ ก็คิดว่า "รู้มาก"

ผมบอกไปกลางๆ กระทู้ วิชาที่เรียนมันไม่ครอบคลุมไปทุกอย่างหรอก ต่อให้จบด็อกเตอร์ก็เถอะ ยิ่งเรียนยิ่งแคบ

ยิ่งเรียนยิ่งโง่...

ที่สำคัญ เค้าไม่ค่อยสอนวิชา "ความเป็นมนุษย์" เรื่องมนุษยธรรม มันมักจะเกิดขึ้นเองโดยสำนึกแห่งความเป็นธรรมในสังคม

แต่รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ให้ยอมรับความเป็นปัจเจก

ให้ยอมรับความแตกต่าง ด้าน เพศ วัย เชื้อชาติ ศาสนา การศึกษา ความเชื่อ วัฒนธรรมท้องถิ่น ฯลฯ

ดังนั้นพวกตาบอดคลำช้างมันจึงเยอะมาก

ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยไหน สอนให้ดูถูกประชาชนผู้ด้อยกว่า

มันน่าละอายกับความล้มเหลวของระบบการศึกษาของประเทศจริงๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 13-03-2008, 01:55
คนที่อ้างรากเหง้าแล้วเอาสิ่งเหล่านี้มายกหางแอบอ้างสรรพคุณตัวเอง



เรียกว่าอะไรดีล่ะของไม่จริงมันย่อมปรากฎให้เห็น



หรือใครจะเถียง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-03-2008, 02:29
"ตาบอดคลำช้าง" มันก็เป็นไปตามความรู้ของตัวเองนั่นแหละ

วาดยังไงมันก็เป็น "ช้างของคนตาบอด" ไม่ใช่ช้างในความเป็นจริงที่มีรูปร่างครบทุกสัดส่วน

แถมยังพูดบนหอคอยงาช้างเข้าไปอีก เลยไปกันใหญ่ ไม่เข้าใจอะไรเลย

พวกยิ่งเรียนยิ่งโง่ มันเยอะซะด้วย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-03-2008, 02:51
ตาบอดคลำช้างก็ยังดี เพราะคนตาบอดยังอธิบายในสิ่งที่ตัวเองคลำเจอ
จะดีจะร้ายจะส่วนไหนก็ยังเป็นช้าง

ไม่เหมือนพวกตาหลิ่ว พอเป็นพวกตัวเข้าหน่อยที่เห็นก็ทำตาหลิ่วมองไม่เห็น
มือก็คลำช้างอยู่หรอกแต่ดันอธิบายกลายเป็นหมู


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-03-2008, 03:14
แต่มันแปลกที่ เหตุผลที่ยกมา มันไม่สนับสนุนกระทู้นั่นเลยนะสิ

ไม่เห็นว่าความคิดระนาบนั้น มันแก้ปัญหาอะไรได้

นอกจากสร้างความบาดหมางระหว่างคนไทยด้วยกัน

มันก็แค่พวกเรียนสูงที่อยากยกตนข่มท่าตัวเป็นเทวดา แค่นั้นเอง

ทั้งๆ ที่มนุษย์ทุกคน ต่างก็มีดี มีชั่ว มีเห็นผิดเป็นชอบด้วยกันทั้งนั้น

เอาส่วนย่อยไปสรุปส่วนใหญ่ แค่ตรรกะง่ายๆ แค่นี้ยังคิดไม่เป็น

แล้วจะเอาวิชาไหนไปโต้แย้งให้เป็นเหตุเป็นผล

แค่คิดอย่างสร้างสรรค์ ยังคิดไม่เป็น เห็นทีประเทศชาติจะอาศัยพวกเรียนสูงไม่ได้อีกแล้ว

สโลแกนอะไรซักอย่าง "เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์"

แสดงว่า ในโลกนี้ยังมีที่ต้องเรียนอีกเยอะ คิดทางบวกไว้ให้มาก

ที่สำคัญ สังคมนี้มันมีคนอยู่หลายประเภท

เช่นพวกไม่รู้ไม่ชี้ กับอีกพวก คือ พวกไม่รู้แต่ชอบชี้

บุคคลประเภทหลัง เป็นอัน้ตรายกว่าพวกแรก...เค้าว่ากันยังงั้นนะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-03-2008, 03:23
มันแปลกที่คนตาบอดจับหางช้างก็บอกว่าเป็นหางช้าง
จับขาช้างก็บอกว่าเป็นขาช้าง
จับส้นตีนช้างก็บอกว่าส้นตีนช้าง

แต่คนตาหลิ่วจะมองก็มองเห็นแต่ก็ทำเป็นไม่เห็น ลูบๆคลำๆบ่นไปตามเรื่อง
พอจับหางช้างบอกเป็นหัวหมา
จับขาช้างบอกเป็นฝาหม้อ
จับส้นตีนช้างดันบอกว่าส้นตีนแมลงสาบคาคอซะงั้น(ไม่รู้ไปเผลอกลืนเอาตอนไหน)

 :slime_whistle: :slime_whistle: :slime_whistle:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 13-03-2008, 03:28
มันแปลกที่คนตาบอดจับหางช้างก็บอกว่าเป็นหางช้าง
จับขาช้างก็บอกว่าเป็นขาช้าง
จับส้นตีนช้างก็บอกว่าส้นตีนช้าง

แต่คนตาหลิ่วจะมองก็มองเห็นแต่ก็ทำเป็นไม่เห็น ลูบๆคลำๆบ่นไปตามเรื่อง
พอจับหางช้างบอกเป็นหัวหมา
จับขาช้างบอกเป็นฝาหม้อ
จับส้นตีนช้างดันบอกว่าส้นตีนแมลงสาบคาคอซะงั้น(ไม่รู้ไปเผลอกลืนเอาตอนไหน)

 :slime_whistle: :slime_whistle: :slime_whistle:




แบบนี้เรียกว่า ตาบอดสอดตาดี คับ



รู้แค่หางอึ่งแต่ทำอวดโวหาร


ฮิตเลอร์ไม่ชอบคนชนิดนี้


โง่แล้วขยัน


จับไปตอนซะให้เข็ด


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-03-2008, 03:32
ส้มเน่าผลเดียว ดันไปเหมาเข่งยกโหล

ไปเรียนวิชายกโหล / ยกเข่ง มาจากสำนักไหน

ตาบอดคลำช้าง เจอหางช้างก็บอกว่า "ช้างเป็นเส้นๆ "

ตาบอดคลำช้าง คำเจองวง ก็บอกว่า "ช้างเหมือนท่อยาง"

ตาบอดคลำช้าง เจอหูช้างก็บอก "ช้างเป็นแผ่นๆ"

ตกลงช้างของคนตาบอดมันเป็นยังไงแน่


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: โต มิ โต โชว์ ดะ ที่ 13-03-2008, 03:43
8ส้มเน่าๆไร้ราคากิโลละสิบบาท


โคตรเสียของ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-03-2008, 03:55
คนตาบอดคลำช้างหัวจรดหาง
หลังจรดตีนก็พอจะได้ช้างทั้งตัวไม่ผิดเพี้ยน

คนตาหลิ่วคลำหัวจรดหางกลา่ยเป็นเหี้-ยห่า
คลำหลังจรดตีนกลายเป็นแมลงสาบแมลงวัน
ผสมพันธุ์กันกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเสียฉิบฯ
จะเป็นช้าง หรือเป็นส้มเน่ายังไม่ได้เลย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-03-2008, 04:02
ก็น่าแปลกคนตาบอดรู้ว่าส้มเน่า
ถึงตามองไม่เห็นก็ดมๆคัดเอาที่ดีไว้กิน ที่เสียก็โยนทิ้ง

แต่คนตาหลิ่วเห็นเต็มสองตากลับทิ้งส้มเน่าในตระกร้าส้มดี ให้มันเหม็นเน่าไปทั้งเข่ง
เวลากินก็ขยันเลือกกินแต่ส้มเน่า ไม่ยอมกินส้มดีๆ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 13-03-2008, 06:15
ยังดียังรู้จักใช้จมูกแยกแยะอยู่บ้าง

คนนะ จะไปจับคนโยนทิ้งได้ยังไงล่ะ

รู้แล้วเหรอ ทฤษฎีส้มเน่า

ค่อยๆ เรียนนะ...

ถ้ากระทู้นี้ถูกต้อง วานนำไปใช้แก้ไขปัญหาการเมืองเรื่องที่เค้าจะชุมนุมกันหน่อยสิ

เผื่อจะแก้ปัญหาการเมืองได้บ้าง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 13-03-2008, 12:37

อ้าว นึกว่าทู้นี้จบไปแล้ว   :D

เฮ้อออ ไหนๆ ไม่ยอมเลิก ก็ขอบอกว่า เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนเขียน
ด่าตัวเองไม่หยุดหย่อน ก็ที่นี่แหละ ที่เขียนๆ ตัวคนเขียนเองทั้งนั้น คริคริ
  :slime_smile2:

โง่แล้วขยัน  :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 14-03-2008, 14:42
วันศุกร์ ที่ 14 มีนาคม 2551
ปลื้มไม่ออก คิดได้ไงเนี่ย กรุงเทพมีแต่คนโง่  
Posted by pkerror , ผู้อ่าน : 336 , 00:28:21 น.   


http://www.oknation.net/blog/gallery/2008/03/14/entry-1

คนชั้นกลางดูถูกรากหญ้า

คนชั้นสูงดูถูกคนชั้นกลาง

ถูกเด็กๆ ชี้หน้าว่าเป็น "คนโง่กลางกรุง" รู้สึกดีขึ้นมั๊ยครับ

มีใครเกิดอาการ "หลงกรุง" บ้างมั๊ยน้อ...

แง้มใจ
 
เอาดวงใจของเขาใส่ดวงใจของเรา
เราจะรู้ว่าเขาคิดกะเรายังไง
คิดยังโง้นยังงี้ คิดเอาเองเรื่อยไป
ไม่ว่าใจของใคร ย่อมอยากให้ใครเข้าใจ...เห็นใจ

เอาดวงใจของเราใส่ดวงใจของเขา
เขาจะรู้ว่าเราคิดกะเขายังไง
คิดยังโง้นยังงี้ คิดเอาเองเรื่อยไป
เปิดประตูหัวใจ ให้ความจริงมันแง้ม......ออกมา

คิดดูก็เบื่อเหลือที่จะคิด นี่แหละชีวิตคิดสั้นคิดยาว
คิดไปก็ป่วยการที่จะคิด
คิดถูกคิดผิดก็คิดไปคนเดียว

เปิดใจให้กว้างเราจะได้เป็นสุข
ใจมีแต่ทุกข์เป็นใจคับใจแคบ
ก็ลดตัวลงหน่อย..มาจับเข่าคุยกัน
"จะโกรธกันรักกันก็บอกกันตรงๆ"
 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 14-03-2008, 23:28
ทู้นี้ดีจัง ทำให้รู้จักคนที่ไม่เคยรู้จักอีกเยอะ
ชอบวลีเด็ด"หลงลาว"........เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


มาฟังเพลงกันดีกว่า จัดให้

http://www.pa-orn.com/pohkae_maetao1.mp3


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 02:12
เว็บป้าอร ฟังดูคุ้นๆ ว่าเป็นพวก อรุณสวัสดิ์

มากันครบหรือยัง จะได้ฉีดไบก้อน ซะทีเดียว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 15-03-2008, 03:40
มาคั่นโฆษณา 30 วินาที

อีสานไม่ธรรมดา เป็นแดนคนกล้า เป็นเมืองคนเก่ง...
นักคิดนักเขียนครู นักชกนักมวยเก่งๆ อยู่แดนอีสาน...
อีสานไม่ธรรมดา เป็นเมืองคนกล้า เป็นเมืองคนเก่ง...
อาหารก็แซ่บอีหลี เบียร์ดังเบียร์ดี นั้นอยู่ที่อีสานนนนน...

อีสานเบียร์ เบียร์ของเฮา อีสานของเฮา ...


(http://www.positioningmag.com/vaf/pictures/508/50856n_1l.jpg)
พลิศร์ ภิรมย์ภักดี ดูแลฝ่ายขาย มาร่วมงานเปิดตัวที่อุดรธานีและใช้เวลาพูดคุยกับเอเย่นต์รายใหญ่ของเมืองอุดรฯอย่างถูกคอ

(http://www.positioningmag.com/vaf/pictures/508/50857n_2l.jpg)
อีสานเบียร์…ออกแบบโลโก้โดยสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง ขณะที่ชื่อได้รับการสำรวจแล้วว่าให้ความรู้สึกด้านบวก และบ่งบอกถึงความจริงใจ ความรักพวกพ้อง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 15-03-2008, 05:46
มาคั่นโฆษณา 30 วินาที

อีสานไม่ธรรมดา เป็นแดนคนกล้า เป็นเมืองคนเก่ง...
นักคิดนักเขียนครู นักชกนักมวยเก่งๆ อยู่แดนอีสาน...
อีสานไม่ธรรมดา เป็นเมืองคนกล้า เป็นเมืองคนเก่ง...
อาหารก็แซ่บอีหลี เบียร์ดังเบียร์ดี นั้นอยู่ที่อีสานนนนน...

อีสานเบียร์ เบียร์ของเฮา อีสานของเฮา ...


(http://www.positioningmag.com/vaf/pictures/508/50856n_1l.jpg)
พลิศร์ ภิรมย์ภักดี ดูแลฝ่ายขาย มาร่วมงานเปิดตัวที่อุดรธานีและใช้เวลาพูดคุยกับเอเย่นต์รายใหญ่ของเมืองอุดรฯอย่างถูกคอ

(http://www.positioningmag.com/vaf/pictures/508/50857n_2l.jpg)
อีสานเบียร์…ออกแบบโลโก้โดยสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง ขณะที่ชื่อได้รับการสำรวจแล้วว่าให้ความรู้สึกด้านบวก และบ่งบอกถึงความจริงใจ ความรักพวกพ้อง


หลายวันก่อน เห็นข่าวมีบางกลุ่มประท้วง  :mozilla_undecided:

แต่เบียร์อังกอร์ของเขมรอร่อยค่ะ -- ชาวเขมรทีขายบอกว่า เป็นเบียร์ที่อร่อยที่สุดของเขมรแล้ว กระป๋องละ 30 บาท (ตรงประสาทเขาพระวิหาร) :D





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 15-03-2008, 07:26
เว็บป้าอร ฟังดูคุ้นๆ ว่าเป็นพวก อรุณสวัสดิ์

มากันครบหรือยัง จะได้ฉีดไบก้อน ซะทีเดียว



  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 11:02



แก่กะโหลก กะลา พาลได้ทุกเวป
แก่ไม่รู้สำนึก แก่ไม่รู้สึกอะไร แก่ซะเปล่า
แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
แกหนังเหนียว
แก่ได้แก่ดี
โธ่ ไอ้แก่ !!!!


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 11:41
มีเว็บเดียวพวกขี้อิจฉาอ่ะ

กลับมาทำมั๊ย...คุณนายโรงแรม...

ทำผลุบๆ โผล่ เดี๋ยวก็ขุดกระทู้เก่ามาอีกสิ

นิสัยแบบนี้มีพวกเดียวอ่ะ  

มาเที่ยวว่าคนอื่นแก่ เว็บโน้นมีแต่วัยรุ่น...รุ่นวัยทองต้องปรับฮอร์โมน

เมื่อไหร่จะเลิกป่วนบอร์ดชาวบ้านล่ะ หรือเจ้าของเว็บไม่ยอมให้คุยการเมือง

 :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 11:59
เวปเอ็งน่ะ เอ็งปั่นเองทั้งนั้น
ไม่รู้มีกี่ลอกอิน มาเชียร์ตัวเอง อีก
ใคร เค้าจะไปอิจฉาเอ็ง ไอ้เฒ่า
จะเรียกไอ้ควาย ก็เกรงใจควาย  :D
ส่วนเอ็ง เลิกเกรงใจไปนานแล้ว
หลงตัวเอง แบบทุเรศๆ อีก

คุณนายโรงแรม ฮ่าฮ่าฮ่า
ไว้ใช้กับคนบ้านเอ็งเถิด

โธ่ไอ้แก่...ซะเปล่า
  :slime_inlove: :slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 12:02
จะมาหลอกตั้งชมรมอะไรอีกล่ะคราวนี้


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 12:10


ไม่เคยตั้งชมรมอะไร เรื่องหลอกเนี่ย
พวกบ้านเอ็งเก่งกว่า หลอกแม้กระทั่งคนบ้านเดียวกัน
ได้ลงคอ เป็นแถวบ้านกรู พวกหลอกๆ นะตายคาตรีน

ไม่ได้กลับบ้านเกิดหรอก นอกจากบ้านเก่า
   :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 12:19
พวกภาคประชาชนหลอกๆ เยอะ...อย่าไปหลงคารมล่ะ

ตกลงมาระบาย เพราะไม่มีที่ระบายความคิดทางการเมืองเหรอ หรือเก็บกด แฟนทิ้ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 12:32

แฟนทิ้งอ่ะ มันฟันแล้ว หนีไป ปล่อยให้ จ่ายค่ากินเลี้ยง
เลี้ยงทั้งหมู่บ้าน เลย นะ
หนี้บานเบอะ มันสัญญาว่าจะสร้างคฤหาสน์ ให้
สุดท้าย แม้แต่ กระท่อมผุๆ ยังไม่ได้เลยอ่า

เนี่ยทั้งพ่อ และ แม่ ก็ต้องกระโจนมาช่วยปลดหนี้อีก
พ่อกับแม่ ก็หน้าใหญ่ ใจถึง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ได้แต่ ทำตาม เพราะ สมองมี น้อย
แต่เรื่องความกตัญญู มีเยอะ นะ จะบอกให้
พอดีบวกกับ อยากรวยทางลัดอยู่ด้วย
เลยลงตัวพอดี

  :oops:


ลาวหลอกลาว ฝรั่งหลอกลาว โอ๊ยย หลอกกันให้มั่ว
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEl6TURFMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5TXc9PQ==


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 12:38
ปรึกษาหนุ่มๆ แถวนี้สิ หรือในอรุณสวัสดิ์ ขายไม่ออก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 15-03-2008, 19:03


แก่กะโหลก กะลา พาลได้ทุกเวป
แก่ไม่รู้สำนึก แก่ไม่รู้สึกอะไร แก่ซะเปล่า
แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
แกหนังเหนียว
แก่ได้แก่ดี
โธ่ ไอ้แก่ !!!!


^

^

คคห. ข้างบนนี่บ่นอะไรหว่า....

สงสัยจะไม่แก่ตายซะแล้วม๊าง...?
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile:








หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 15-03-2008, 19:28
^

^

คคห. ข้างบนนี่บ่นอะไรหว่า....

สงสัยจะไม่แก่ตายซะแล้วม๊าง...?
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


สงสัยเขาด่าสมัครค่ะ  แก่ไม่รู้สำนึก แก่ไม่รู้สึกอะไร แก่ซะเปล่า


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 15-03-2008, 19:56

สงสัยเขาด่าสมัครค่ะ  แก่ไม่รู้สำนึก แก่ไม่รู้สึกอะไร แก่ซะเปล่า


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



จิงคับแก่แบบสมองกลวง



ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กร๊ากกกกกกกกกกกก
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 15-03-2008, 20:14
^

^

คคห. ข้างบนนี่บ่นอะไรหว่า....

สงสัยจะไม่แก่ตายซะแล้วม๊าง...?
:slime_bigsmile: :slime_bigsmile:








สงสัยเขาด่าสมัครค่ะ  แก่ไม่รู้สำนึก แก่ไม่รู้สึกอะไร แก่ซะเปล่า


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



อ้าววว...เหรอครับคุณ อธิฏฐาน   :slime_smile2: :slime_smile2:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 15-03-2008, 21:55
ก่อนอำลากระทู้นี้
ขอสรุปสั้นๆว่า

จากกระทู้ นี่คือกรณีพิพาทระหว่างคนกรุงกับอีสาน

แต่มีคนภาค XX มาแจมอยู่มากเชียว

จึงขอสรุปว่า

คนภาคอีสาน ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับภาค XX
และคนภาค XX ก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับคนภาคอีสานเช่นกัน
ฉันใดก็ฉันนั้น

จะเข้ามาด่าทอเล้วยกหางพวกพ้องตัวเองนั้น โปรดอย่าทำ พวกท่านหาได้ประเสริฐ และพวกผมก็ไม่ได้ประเสริฐเช่นกัน

 :slime_cool:

ขออ้างอิงใหม่เด้อ  :mrgreen:

อิอิ ของมันแน่อยู่แล้ว โลกนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่เธอและฉัน เราสองคนเสียเมื่อไหร่  :slime_bigsmile: หันไปมองคนรอบตัว เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงด้วยนะ  :D

มีบางคนออกอาการ แค้นฝังหุ่น ไม่รู้ว่า แค้นมาแต่ชาติปางไหน แค้นนี้ไม่ยอมยุติ แค้นมาก ๆ ระวังความดันขึ้น หัวใจโตทำงานหนักเอาน่ะหนา  :slime_smile2:









หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 15-03-2008, 22:01
เข้ามาฮา...คุณอธิฏฐาน

คิดได้ไง....สุดยอดดด
:slime_v:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 22:09
สงสัยไปโดนคนแก่ฟันแล้วทิ้งมั๊งครับ

อาจเคยมีอาการ "หลงลาว" หรือโดน "ลาวหลอก"

 :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 22:40


หลงลาว หรือ ลาวหลอกลาว เพิ่งเคยเห็น
หรือได้ยิน ก็ กระทู้ก่อนหน้านี้ กับ กระทู้นี้ ฮ่าฮ่า

ลาวโง่ๆ อย่างเอ็ง ยังมีคนหลง กรูละเชื่อ
ลาวหลอกลาว สิ ถึงจะสมกัน ฮ่าฮ่า :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
ไม่ เคยหลอกลาว และ ไม่เคยโดนลาวหลอก เคยแต่เห็นลาวหลอกลาว
และเคย มี ลาว มาทำงานให้ที่บ้าน ตั้งแต่อดีต ยัน ปัจจุบัน
  :slime_smile:  :slime_smile:


นี่ไง ลาวหลอกลาว เป็นข่าวซะโด่งดัง

http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEl6TURFMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5TXc9PQ==


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 15-03-2008, 22:55
แล้วลาวหลอกญวนมีบ้างมั๊ยคร๊าบบบบ



ใครรู้มาตอบด่วน


ผมอยากทราบจิงๆนะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 15-03-2008, 22:57
นึกซะว่าคุยกะปลาทอง 3วินาทีก็ลืม จะสอนหรือจะเอาอะไรกับมันคงไม่ได้

แต่พอเป็นเรื่องปากท้อง ไม่เห็นต้องสอน
แค่เดินเฉียดๆก็ว่ายวน ทำปากพะงาบๆขออาหาร



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 23:05
ตกลงเป็นชายหรือหญิงฮ้า..

เอ็นจอย..

ถ้าเป็นหญิงแบบนี้ก็สมควรถูกฟันแล้วทิ้ง

นิสัยไม่ดีเลยนี่นะ

อ้อ...มากันหมดเว็บยัง ใกล้เวลาฉีดไบก้อนแล้วนะ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 15-03-2008, 23:10
ไม่จบกันใช่ไหมเนี่ย กระทู้นี้ :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 23:12
ตกลงเป็นชายหรือหญิงฮ้า..

เอ็นจอย..

ถ้าเป็นหญิงแบบนี้ก็สมควรถูกฟันแล้วทิ้ง

นิสัยไม่ดีเลยนี่นะ

อ้อ...มากันหมดเว็บยัง ใกล้เวลาฉีดไบก้อนแล้วนะ

ถูกฟันแล้วทิ้ง น่ะ ไม่ใช่คนบ้านกรู
สาวๆ เค้าไม่ใจง่าย อย่างคนแถวบ้านมรึง
ไปสอนลูกๆ หลานๆ ซะใหม่ไป๊
 :slime_inlove:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 23:29
แล้วความเห็นบนๆ นั่นก็...หลอกชาวบ้านเหรอ...

ตกลงบ้านอยู่ไหนเหรอ....ไหนบอกถูกฟันแล้วทิ้งไง

ผู้หญิงภาคโน้นเค้าเป็นแบบนี้ทุกคนเหรอ..


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 15-03-2008, 23:36
แฟนทิ้งอ่ะ มันฟันแล้ว หนีไป ปล่อยให้ จ่ายค่ากินเลี้ยง
เลี้ยงทั้งหมู่บ้าน เลย นะ
หนี้บานเบอะ มันสัญญาว่าจะสร้างคฤหาสน์ ให้
สุดท้าย แม้แต่ กระท่อมผุๆ ยังไม่ได้เลยอ่า

เนี่ยทั้งพ่อ และ แม่ ก็ต้องกระโจนมาช่วยปลดหนี้อีก
พ่อกับแม่ ก็หน้าใหญ่ ใจถึง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ได้แต่ ทำตาม เพราะ สมองมี น้อย
แต่เรื่องความกตัญญู มีเยอะ นะ จะบอกให้
พอดีบวกกับ อยากรวยทางลัดอยู่ด้วย
เลยลงตัวพอดี

  :oops:


ลาวหลอกลาว ฝรั่งหลอกลาว โอ๊ยย หลอกกันให้มั่ว
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEl6TURFMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5TXc9PQ==



แล้วความเห็นบนๆ นั่นก็...หลอกชาวบ้านเหรอ...

ตกลงบ้านอยู่ไหนเหรอ....ไหนบอกถูกฟันแล้วทิ้งไง

ผู้หญิงภาคโน้นเค้าเป็นแบบนี้ทุกคนเหรอ..


ก็เขียนประชด เอ็งไง อาร้ายยย อ่านแบบไหน ถึง
แกล้ง ไม่รู้ทัน ใครๆ เค้าอ่านก็รู้ มีเอ็งนี่แหละ โง่จริงๆ
เขียน ซะตรง กับลิงค์ เป๊ะๆ ยังสับสน อีก
   :slime_hitted:  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 15-03-2008, 23:36
แล้วความเห็นบนๆ นั่นก็...หลอกชาวบ้านเหรอ...

ตกลงบ้านอยู่ไหนเหรอ....ไหนบอกถูกฟันแล้วทิ้งไง

ผู้หญิงภาคโน้นเค้าเป็นแบบนี้ทุกคนเหรอ..

เออนะ....โดนหลอกด่ายังไม่รู้ตัวอีก
กระทุ้งตั้งหลายความเห็นแล้วยังทำซื่อบื้ออยู่ได้
ยิ่งตอบแบบนี้ยิ่งโชว์โง่นะลุง......


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 15-03-2008, 23:38

เขาคงตามลุงแคนมาด้วยความเสน่หา  ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักค่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 15-03-2008, 23:39
เขาคงตามลุงแคนมาด้วยความเสน่หา  ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักค่ะ

เขาเรียกผู้ชายหน้าด้านครับ

ด้านได้ อายอด 5555


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 23:41
ไม่เคยไปเว็บโน้นเลยนะ จ๊ะจ๋าไม่เป็น

ไม่น่ามาหลงเสน่ห์แถวนี้ อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 15-03-2008, 23:46
เขาคงตามลุงแคนมาด้วยความเสน่หา  ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักค่ะ



quote author=อธิฏฐาน link=topic=22985.msg273470#msg273470 date=1205599108]
เขาคงตามลุงแคนมาด้วยความเสน่หา  ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักค่ะ



ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรัก


ผู้หญิงเสียบปฎักแปลว่ารักจิง


ใครไม่คุ้นวลีนี้ ไปหาอ่านในกู๋เกิ้นน ละกานน น้า พี่ ป้าน้าลุงทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 23:47
ถ้าด่าส่วนตัวไม่ว่ากัน โดนมาเยอะแล้ว ด่าไปเหอะ

อย่าไปด่ามั่วๆ ด่าทั้งภาค

มันส่อสันดานไม่ดี ท่าทางเหมือนมีการศึกษานี่นะ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 15-03-2008, 23:48


quote author=อธิฏฐาน link=topic=22985.msg273470#msg273470 date=1205599108]
เขาคงตามลุงแคนมาด้วยความเสน่หา  ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักค่ะ



ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรัก


ผู้หญิงเสียบปฎักแปลว่ารักจิง


ใครไม่คุ้นวลีนี้ ไปหาอ่านในกู๋เกิ้นน ละกานน น้า พี่ ป้าน้าลุงทั้งหลาย


คราวหลังใครกวนมากๆลองหยอดด้วย .38ซักเม็ดซิครับ
แทนคำว่ารักจริงจน "ตายกันไปข้าง"  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 15-03-2008, 23:49
ถ้าด่าส่วนตัวไม่ว่ากัน โดนมาเยอะแล้ว ด่าไปเหอะ

อย่าไปด่ามั่วๆ ด่าทั้งภาค

มันส่อสันดานไม่ดี ท่าทางเหมือนมีการศึกษานี่นะ



คนมันจะด่าสาดทั้งภาคก็เพราะท่าทางแกล้งโง่ปนหน้าด้านแบบลุงนี่แหละ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 15-03-2008, 23:51
ปกติผมใช้ .357 ยิงแมงสาปที่มาก่อกวนบ้านแทนไบก้อนครับคุณล็อกอิน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 15-03-2008, 23:52
คราวหลังใครกวนมากๆลองหยอดด้วย .38ซักเม็ดซิครับ
แทนคำว่ารักจริงจน "ตายกันไปข้าง"  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

.38 น้อยไปค่ะ ต้อง 11 มม. หรือปืนผู้ใหญ่บ้าน เขามักจะขู่ว่าไม่รู้จักปืนผู้ใหญ่เสียแล้ว

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 15-03-2008, 23:53
พวกลูกแกะกินน้ำอยู่ดีๆ หมาป่าอยู่เหนือน้ำบอกว่ามาทำให้น้ำขุ่น
พอลูกแกะบอกว่า
  คนที่อยู่ใต้น้ำจะทำให้คนที่อยู่เหนือน้ำกินน้ำขุ่นได้อย่างไร
  หมาป่ามันบอกว่า ถึงมรึงไม่เคยทำ แต่บรรพบุรุษมรึงก็เคยทำมาก่อน....เอิ้กกกกกก

สนุกจังเลยทู้นี้......เอิ้กกกกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 15-03-2008, 23:55
คนมันจะด่าสาดทั้งภาคก็เพราะท่าทางแกล้งโง่ปนหน้าด้านแบบลุงนี่แหละ

อ้อ...วิจารณญาณ ปัญญา แยกแยะเป็นแค่นี้เหรอ อืมม...

การศึกษามันไม่ช่วยอะไรเลยนะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 15-03-2008, 23:56
ปกติผมใช้ .357 ยิงแมงสาปที่มาก่อกวนบ้านแทนไบก้อนครับคุณล็อกอิน

.357 หากกระสุนด้านก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ  ระเบิดที่ปัตตานีวันนี้บาดเจ็บอย่างน้อย 15 ราย


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 15-03-2008, 23:57
อ้อ...วิจารณญาณ ปัญญา แยกแยะเป็นแค่นี้เหรอ อืมม...

การศึกษามันไม่ช่วยอะไรเลยนะ

เห็นด้วยครับ

การศึกษามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 15-03-2008, 23:57
พวกลูกแกะกินน้ำอยู่ดีๆ หมาป่าอยู่เหนือน้ำบอกว่ามาทำให้น้ำขุ่น
พอลูกแกะบอกว่า
  คนที่อยู่ใต้น้ำจะทำให้คนที่อยู่เหนือน้ำกินน้ำขุ่นได้อย่างไร
  หมาป่ามันบอกว่า ถึงมรึงไม่เคยทำ แต่บรรพบุรุษมรึงก็เคยทำมาก่อน....เอิ้กกกกกก

สนุกจังเลยทู้นี้......เอิ้กกกกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



สวัสดีคร๊าบลุงถึกผมเอนจอยกับกระทู้นี้เหมือนกัน


เพราะพยาธิในลำใส้ผมเริ่มทำงานโดยไม่ต้องพึ่งแลคโตบาซิลัส


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 00:00
อ้าว...มาอีกแล้วเหรอ นึกว่าลาขาด...มีอีกหลายกระทู้ให้ขุดนะ ฮ่า ฮ่า

มากันครบยังล่ะ ไบก้อนเตรียมไว้แล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 16-03-2008, 00:00
ขนาดขนเรือยอร์ช7ลำมาจอด ยังเอาไม่อยู่เลย....เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 00:01
.357 หากกระสุนด้านก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ  ระเบิดที่ปัตตานีวันนี้บาดเจ็บอย่างน้อย 15 ราย



รับรองกระสุนไม่ด้านเลยคับ


เพราะใจเราไม่ด้านพอ แบบเพลงของพี่กี้ :slime_inlove:


จะว่าไปแล้ว คุณน่ารักจัง
:slime_shy:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 00:02
.38 น้อยไปค่ะ ต้อง 11 มม. หรือปืนผู้ใหญ่บ้าน เขามักจะขู่ว่าไม่รู้จักปืนผู้ใหญ่เสียแล้ว

 :slime_bigsmile:

11มม. ขอใบพกยากครับ

9มม.ลูกดกอย่าง glock น่าจะสะใจกว่า
สาดเล่นๆซักแม็กนึง สนุกว่าลูกซองที่ต้องยิงทีละนัดเยอะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 16-03-2008, 00:05
แนวรบภาคประชาชนยังมีอีกเยอะ แวะมาดู
"ลาวหลงลาว"......กับเข้ามาขำ
   เคยบอกแล้ว ใครเลิกก่อน คนนั้น แพ้.....เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 16-03-2008, 00:07
11มม. ขอใบพกยากครับ

9มม.ลูกดกอย่าง glock น่าจะสะใจกว่า
สาดเล่นๆซักแม็กนึง สนุกว่าลูกซองที่ต้องยิงทีละนัดเยอะ

วันก่อนที่หาดใหญ่ยิงพวกร้องเพลงหนวกหูรวดเดียว 8 ศพ  น่าจะ 9 มม.นี่เอง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 16-03-2008, 00:13


รับรองกระสุนไม่ด้านเลยคับ


เพราะใจเราไม่ด้านพอ แบบเพลงของพี่กี้ :slime_inlove:


จะว่าไปแล้ว คุณน่ารักจัง
:slime_shy:

เดี๋ยวจะโดนต่อว่าว่าหลงลาวไปอีกคนค่ะ ขืนโดนลาวหลอกต้องเสียหน้าบรรพบุรุษไปถึง 7 ชั่วโตครเลยค่ะ  บายไปนอนแล้วค่ะ

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 00:13
วันก่อนที่หาดใหญ่ยิงพวกร้องเพลงหนวกหูรวดเดียว 8 ศพ  น่าจะ 9 มม.นี่เอง

วันนี้ก็มีพวกร้องเพลงหนวกหู กำลังโดนแบบศพเดียวหลายรูอยู่ครับ
เผลอๆได้ใช้แม็กสำรองแบบ 30ลูกศพคงสวยน่าดู


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 00:15
กรัมม๊อกโซนพอจะฆ่าหญ้าแห้วหมูพวกวัชชพืชไร้สาระได้บ้างนะลุงแค้นแคน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: personal jesus ที่ 16-03-2008, 00:17



กระทู้นี้ก็ดีนะ ทำให้เห็น คนตรง คนน่านับถือ เพิ่มขึ้นด้วย
ไม่ต้องบอกว่า คือใคร คนเค้าเห็นเอง  เอ็นจอย ขอคารวะ คนแบบนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ไหน
 :slime_worship:  :slime_smile:


Peace  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 00:18
เดี๋ยวจะโดนต่อว่าว่าหลงลาวไปอีกคนค่ะ ขืนโดนลาวหลอกต้องเสียหน้าบรรพบุรุษไปถึง 7 ชั่วโตครเลยค่ะ  บายไปนอนแล้วค่ะ

 :slime_bigsmile:



โธ่ จะหนีผมไปไหนผมไม่ใช่ลาวติดกาวนะ


ไอ้พวกนั้นน่ะมันขี้ห๊กทั้งเพ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 00:32
ยังไม่ทันไร หนีไปกระทู้อื่นซะแล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 00:36
จุดธูปดอกนึงเรียก


เดี๋ยวก็มาคับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 00:59
ปล่อยผีไม่มีที่ไปให้ระบายอารมณ์กลัดกลุ้มกันมั่ง เว็บโน้นจีบปากจีบคออย่างเดียว

มาที่นี่ ใส่กันกี่แม็ก ก็ไม่มีใครว่า ก็บอกแล้ว อย่าทำใจน้อยหนีไปตั้งเว็บใหม่

สุดท้ายก็มาตายที่นี่แหละ ช่วยๆ กันไป

มาแล้วก็อย่าไปขุกระทู้เก่าขึ้นมาอีกล่ะ เจตนาไม่ดี คนอ่านเค้ารู้นะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 01:01
ผีกองกอยลืมหลุมยังไม่ได้จุดธูปเรียกก็มาแล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 01:12
ปล่อยผีไม่มีที่ไปให้ระบายอารมณ์กลัดกลุ้มกันมั่ง เว็บโน้นจีบปากจีบคออย่างเดียว

มาที่นี่ ใส่กันกี่แม็ก ก็ไม่มีใครว่า ก็บอกแล้ว อย่าทำใจน้อยหนีไปตั้งเว็บใหม่

สุดท้ายก็มาตายที่นี่แหละ ช่วยๆ กันไป

มาแล้วก็อย่าไปขุกระทู้เก่าขึ้นมาอีกล่ะ เจตนาไม่ดี คนอ่านเค้ารู้นะ

กร๊ากกกก
ลุงไม่อายปากมั่งเหรอครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 01:31
อายอะไรล่ะ ก็อยู่เสรีไทยตั้งแต่ยังไม่มีเว็บให้เล่นเลย

คุณมาสมัครตอนไหนครับ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 01:37
ตอบเต็มปากเต็มคำแบบไม่อายลูกหลาน


เชื่อแล้วหล่ะว่าอย่างหนาตราช้างขย่มโลก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 01:46
คงได้แค่นี้มั๊ง พวกสัมภเวสี

วันๆ ได้แต่เรื่องไร้สาระ

ถ้าไม่รู้จักสร้างสรรค์

กลับไปที่เก่าเถอะครับ เปลืองเนื้อที่เว็บเค้าเปล่า ๆ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 02:05
มีเว๊บตัวเองกลับไปสร้างให้มันแมสเถอะ


อย่ามาทำตัวเป็นเรือดที่น่ารังเกียจในรถไฟให้คนรำคาญเลยนะลุง



เตือนด้วยฟามรักและหวังดีจาก กาโม่นะคับลุงแค้นแคน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 02:06
คงได้แค่นี้มั๊ง พวกสัมภเวสี

วันๆ ได้แต่เรื่องไร้สาระ

ถ้าไม่รู้จักสร้างสรรค์

กลับไปที่เก่าเถอะครับ เปลืองเนื้อที่เว็บเค้าเปล่า ๆ

สาธุ ขอให้เหล่าสัมภเวสี กลับไปอยู่ที่ชอบๆ(ที่ไม่ใช่แถวนี้)ด้วยเถิด  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 02:09
ไหน ยกกระทู้ของตัวเองมาโชว์หน่อยสิ

เผื่อจะได้รู้จักบ้าง ว่ากึ๋นแค่ไหน

หรือแค่กดคีย์บอร์ดได้แค่นั้น

อ้อ..WOM...ก็เป็นเว็บสำรองของ เสรีไทยนี่แหละ

คนจ่ายเงินค่าเช่าก็อยู่แถว ๆ นี้แหละ อิ อิ



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 02:16
สาธุ ขอให้เหล่าสัมภเวสี กลับไปอยู่ที่ชอบๆ(ที่ไม่ใช่แถวนี้)ด้วยเถิด  :slime_worship:

ทำไมมาไล่คนร่วมก่อตั้งยังง้านนน อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 02:21
พวกหน้าด้านใจมดไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรโคตรนับถือด้วยสองเท้าเลยว่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 02:28
อืมม..มาสมัครสมาชิกใม่ยังไม่ถึง 6 เดือน นี่รู้ดีจัง

น่าจะไปเล่นห้องสาธารณะนะ ไม่ก็กลับไปเว็บโน้นเถอะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 02:29
ทำไมมาไล่คนร่วมก่อตั้งยังง้านนน อิ อิ

เก่าใหม่ไม่รู้แหละ ทำตัวไม่น่าเคารพ ก็ถอนหงอกมาเยอะแล้ว


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: cameronDZ ที่ 16-03-2008, 02:31
ไอ้ hEar แคน

ไอ้สัมภเวสี มีบ้านก็เหมือนไม่มี

อย่าพล่ามส่อสันดาน hEar ให้มากนักเลยวะ

ไอ้หน้าด้าน สันดาน ม่อ อย่างมรึง ต้องเจอกับกรู

กรูนี่แหละ เว้ย cameronDZ ของจริง คนจริง

ไม่เก่งแต่เห่าในเวบหรอก ถ้าไม่เชื่อมรึงถามคนแถวนี้ดูได้

เวบเสรีไทย กรูก็ช่วยผ่านพ้นวิกฤติใหญ่ มาตั้งหลายครั้ง
เวบอรุณสวัสดิ์ กรูก็ไปอยู่กับเขาอย่างสมเกียรติ

แต่ตอนนี้ กรูไม่อยู่ ไม่เข้าทั้งสองเวบ
เพราะ คน hEar มันสวิตช์เพ่นพ่าน ไปมา ทั้งสองบ้าน
กรูรำคาญ คน hEar กลับกลอกสองหน้า เลย Say No แม่งทั้งสองบ้านเลย
(คน hEar ที่ว่า ไม่ใช่ไอ้คนตอแหล เนรคุณคนอย่างมรึงหรอก อย่าร้อนตัวไป)

มรึงจะกล้า ว่ากรูว่ายังไง ละทีนี้
ว่าเป็นพวกสนิมสร้อย มาจากบ้านโน้น
หรือเป็นพวกเคยทำอะไรให้เสรีไทยบ้าง หรือเปล่า อย่างนั้นเหรอ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คนอย่างมรึง ต้องเจออย่างกรูว่ะ


ไอ้นักประดิษฐ์


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 02:36
ดีนี่...แสดงออกมาเลย มีไรอีก อิ อิ

ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ

ไปหาดูสิ เรียกผมเท่าไหร่ผมก็ไม่ไป ฮ่า อ่า

แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: cameronDZ ที่ 16-03-2008, 02:41
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ
ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะฝั่งโน้นตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ




แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ
แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ
แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ
แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ
แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ
แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ
แก้วิกฤติ อะไรให้เสรีไทยเหรอครับ



เวง....
 :slime_hmm:
กลุ้มเลย
แค่สองประโยคนี้ ก็กลุ้มแทน เพื่อนฝูง ลูกเมีย ญาติพี่น้อง
มันแล้วครับ พี่น้องงงงงงงงงงงงงงงง


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

กระทู้นี้ น่าจะจบกันได้แล้วนะ
จากประโยคที่ยกมานี้
หรือใครอยากเล่นต่อ
 :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 16-03-2008, 02:46
:slime_hitted: ตีกันฉันป่วย กำลังไปขอน้ำเกลือที่หมอ ตามสบายครับทุกท่าน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 02:49
ไอ้พวกตอแหลลงตับต้องกำจัด


มีอะไรรึเปล่าครับ


ใครข้องใจถามมาเถอะมีคำตอบให้ทุกคน


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: cameronDZ ที่ 16-03-2008, 02:50
อ้าว ม็อดป่วย ใครจะช่วยดูแลเวบ
 :slime_bigsmile:

เงียบกันไปหมดเลย
ตกใจอะไรกันนักหนาละพี่น้อง

ผมก็จะไปแล้ว
ไม่อยู่นานหรอก
อวตารเป็นครั้งคราว
อยู่นานไม่ได้
เดี๋ยวราศีตก

 :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 02:53
อ้าว ม็อดป่วย ใครจะช่วยดูแลเวบ
 :slime_bigsmile:

เงียบกันไปหมดเลย
ตกใจอะไรกันนักหนาละพี่น้อง

ผมก็จะไปแล้ว
ไม่อยู่นานหรอก
อวตารเป็นครั้งคราว
อยู่นานไม่ได้
เดี๋ยวราศีตก

 :slime_smile2: :slime_smile2:




ราศีคน ก่อนนอนอยู่ที่เท้า


อย่าลืมล้างเท้าก่อนนอนล่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 02:56
ไปหาข้อเขียนผมในเว็บอรุณสวัสดิ์มาสิ

เข้าไปทักทาย ไม่กี่คำมั๊ง

นอกนั้นไม่ได้เข้าเลย

ก็บอกแล้ว ไม่ชอบเจ๊าะแจ๊ ขี้อิจฉา

น่าจะรู้แต่แรกว่า WOM มันเกิดมาเป็นตรงกลางของคนสองกลุ่ม



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 02:57
WOM...ก็เป็นเว็บสำรองของ เสรีไทยนี่แหละ

โถ่โถๆ.....ลุง
เว็บนั้นมันออกจะเป็นเว็บเก็บข้อเขียนส่วนตัวซะมากกว่า
อย่าถึงกับเป็นเว็บสำรองเลยครับ ระดับความหลากหลายมันต่างกัน

และถึงวันไหนเสรีไทยเกิดเล่นไม่ได้ขึ้นมา
ผมก็ยังพอจะหาที่เล่นได้ ไม่มีที่เล่นจริงๆก็ออกไปคุยกับคนจริงๆข้างนอกได้
ไม่ต้องรบกวนเว็บส่วนตัวของลุงเป็นเว็บสำรองหรอก


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 03:06
ถ้าไม่มีอะไรให้ทำแก้กลุ้มนะ


นั่งเกาไข่หมาที่บ้านดีฝ่า


ให้ไปเข้าเว๊บจอมปลอมของลุง


เสียเวลาว่ะ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 03:08
เออ นั่นสิ ผมก็ไม่เห็นมันไปหนักส่วนไหนของใคร
 
คนเข้าไปอ่านวันละ 100 ก็ดีใจแล้ว ใครอยากไปฝากบทความข่าวสารเค้าก็ไป

มีปัญหาอะไรเหรอ คุณไม่เข้า คนอื่นเค้าก็เข้า ทำไมเหรอ เดือดร้อนละไรล่ะ

ผมคนดูแลยังไม่เห็นเดือดร้อน อย่ามาทำเป็นเดือดร้อนแทนผมเลยครับ

เว็บเปิดแล้วใครอยากไปก็ไป ไม่ไปก็บังคับคนได้ที่ไหน..อิ อิ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 03:26
ผมสงสารลุงแคนไงล่ะ


นั่งตบยุงเปาะแปะอยู่คนเดียวจิงๆนาคับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 03:33
แหมจิตใจดีจัง ห้องสมุดมันก็แบบนั้นแหละ มีบรรณรักษ์อยู่ก็พอแล้ว

ไม่ต้องมาสงสารคนอื่นหรอกครับ เว็บในโลกนี้มีเป็นล้าน อย่าไปเที่ยวยุ่งในเรื่องของคนอื่น


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 16-03-2008, 03:50
งั้นขอกรวดน้ำคว่ำกะลาให้ลุงนะคร๊าบ


ที่หนึ่งที่ใดที่ชอบขอบรรลุมรรคผล


สาธุ
:slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 03:57
เออ...เราไม่เคยรู้จักกันนี่นะ...


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: hunter ที่ 16-03-2008, 05:31
 :slime_whistle: :slime_whistle: :slime_whistle:

กรูจะบ้าตาย
ทั้งน่าขำ ทั้งน่าเวทนา

อ่านกระทู้นี้แล้ว นึกถึงสมัยเมื่อหลายปีที่แล้ว
สมัยที่ช้างจากทั่วสาระทิศ ยังมีสิทธิ์เข้ากรุง
เจ้าของช้างพาช้างเดินตระเวณขอทานหาเงินตามตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน

สุนัข และหมา ต่างก็รวมตัวเดินตามเห่ากันขรม คงเพราะกลัวช้างจะมาแย่งถิ่น

พอช้างเดินพ้นออกไปนอกหมู่บ้าน  สุนัข และหมาบรรดามีเหล่านั้นก็ว่างมาก

เมื่อไม่มีอะไรจะทำ ก็หันมากัดกันเอง ตามประสาสันดานหมา

ไม่ว่าหมาแม้ว หมาดอย หมาไทย หมาพันธุ์ทาง หมาตัวผู้ หมาตัวเมีย หมาหนุ่มหมาแก่

เห่ากัน หนกขูจิ๊บเป๋ง แต่ก็ดีนะ ดีกว่าอยู่ป่าวๆ5555555555555


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

แต่ยังไงๆ หมาก็ยังมีประโยชน์กว่าหมูวันยังค่ำนะเออ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 06:03
กระทู้อกหัก รักคุด ตุ๊ด เกย์ ริษยา อาฆาต แอบด่า สะใจ

แล้วแต่สภาพจิตใจของผู้คนหลังล็อคอิน

อย่าไปถือสาครับ ออกจากเน็ตก็นอนหลับฝันดี

ในราชดำเนินมามากกว่านี้อีกครับ...สบาย ๆ

สังคมทราม ทรามเพราะคนนี่แหละครับ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 16-03-2008, 07:35
ไอ้เรื่องภาคนิยมนี้นับวันมันแหร้งขึ้นแฮะ บ้างทีก็สงสัยว่าเคยมีนายกที่เป็นคนกรุงเต้บแท้ๆบ้างไหม

เห็นแต่นายกฯคนต่างจังหวัดมาตั้งแต่เด็ก สงขลาบ้าง สุพรรณฯ ตรัง เชื้อสายขุนนางลาวก็เคยอ้าง

แล้วแต่ว่าจะใช้อ้างในโอกาสใด

ส่วนใหญ่ก็ภาคนิยมกันตอนรวมตัว แต่เวลาทำมาหากินก็วิ่งเข้ามาในพื้นที่ๆมีงานให้ทำ

น่าจะมองได้ว่า ปากท้องเป็นอันดับก่อนมายาคติด้านภาคนิยม

หากคิดเรื่องนี้ไม่ออก ก็จะโดนเขาเอาภาคนิยมใช้มาหลอกใช้ตลอด โดยคนที่อยู่ภาคเดียวกันนั่นแหละ

ผมไม่ชอบเรื่องความพยายามโจมตีประเด็น คนต่างจังหวัดแร้นแค้น คนกรุงเทพฯระดับสูง

ความเป็นจริงมันเป็นอย่างไรก็รู้ดี มัวแต่สร้างนิยายอยู่ได้อะคับ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-03-2008, 08:31
ไอ้เรื่องภาคนิยมนี้นับวันมันแหร้งขึ้นแฮะ บ้างทีก็สงสัยว่าเคยมีนายกที่เป็นคนกรุงเต้บแท้ๆบ้างไหม

เห็นแต่นายกฯคนต่างจังหวัดมาตั้งแต่เด็ก สงขลาบ้าง สุพรรณฯ ตรัง เชื้อสายขุนนางลาวก็เคยอ้าง

แล้วแต่ว่าจะใช้อ้างในโอกาสใด

ส่วนใหญ่ก็ภาคนิยมกันตอนรวมตัว แต่เวลาทำมาหากินก็วิ่งเข้ามาในพื้นที่ๆมีงานให้ทำ

น่าจะมองได้ว่า ปากท้องเป็นอันดับก่อนมายาคติด้านภาคนิยม

หากคิดเรื่องนี้ไม่ออก ก็จะโดนเขาเอาภาคนิยมใช้มาหลอกใช้ตลอด โดยคนที่อยู่ภาคเดียวกันนั่นแหละ

ผมไม่ชอบเรื่องความพยายามโจมตีประเด็น คนต่างจังหวัดแร้นแค้น คนกรุงเทพฯระดับสูง

ความเป็นจริงมันเป็นอย่างไรก็รู้ดี มัวแต่สร้างนิยายอยู่ได้อะคับ

นั่นสิคะ  :slime_agreed:

บางทีมัวแต่หลงกระชากหน้ากากคนอื่น โดยลืมไปว่า ตัวเองก็เปลือยล่อนจ้อนให้คนอื่นได้หัวร่ออยู่เหมือนกัน  :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: hunter ที่ 16-03-2008, 08:32
กระทู้อกหัก รักคุด ตุ๊ด เกย์ ริษยา อาฆาต แอบด่า สะใจ

แล้วแต่สภาพจิตใจของผู้คนหลังล็อคอิน

อย่าไปถือสาครับ ออกจากเน็ตก็นอนหลับฝันดี

ในราชดำเนินมามากกว่านี้อีกครับ...สบาย ๆ

สังคมทราม ทรามเพราะคนนี่แหละครับ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:





ผมไม่ได้ห่วงลุงแคนหรอกครับ...เพราะเรืองแค่นี้ เป็นเรื่อง chill chill สำหรับลุงอยู่แว้ว...

ที่ผมห่วงน่ะ คือ พวกเก่งแต่ฝีปาก  กลัวว่าอีกหน่อยพอพวกนี้เติบโตขึ้นถึงขนาดสามารถคุมอำนาจภาคส่วนต่างๆได้

มันจะชักนำไปสู่การแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบบสุดขั้ว เอานะนา

 :slime_p: :slime_p: :slime_p:  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 08:52
ต้องแล้วแต่วาสนาครับ

คนกรุงเลือกรสนา โดนพวกนายทุน ศักดินาด่าว่าโง่

ก็เห็นดิ้นกันพราด ๆ ไปเหมือนกัน ใจเค้าใจเรา

ปลงเถอะครับ สังคมหลากหลาย เบื้องหลังล็อคอิน ไม่เห็นโชว์หน้าลาว ๆ แบบผมซักคน

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: baby ที่ 16-03-2008, 09:08
การเถียงกันอย่างไร้สาระ (ในช่วงหลัง) ของกระทู้นี้   ทำให้กระทู้อื่นที่น่าสนใจตกไปจากหน้ากระดานของบอร์ด





หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 16-03-2008, 09:10

โปรดทราบ เว็บนี้มีสมาชิกอยู่ทุกภาคค่ะ  เพราะฉะนั้นไม่ควรดูถูกสมาชิกด้วยกันเอง จุดยืนของเว็บสมาชิกน่าจะรู้กันอยู่แล้ว  


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 09:47
นั่นสิคะ  :slime_agreed:

บางทีมัวแต่หลงกระชากหน้ากากคนอื่น โดยลืมไปว่า ตัวเองก็เปลือยล่อนจ้อนให้คนอื่นได้หัวร่ออยู่เหมือนกัน  :slime_bigsmile:



จะโป้เปลือยก็ไม่มีอะไรให้ปิดนี่ครับ ธรรมชาติของคนเป็นอย่างนี้อยู่แล้วไม่รู้จะปิดไปทำไม
ไม่เหมือนบางคน จะสร้างภาพก็สร้างเป็นแต่ภาพโปเกเหมือนเครื่องเล่น MP3 โซนี่จากเมืองจีน
ไม่เหมือนเครื่องจริงซักนิด เสียงก็ห่วย โกงเมมโมรี่ ใช้สามเดือนเจ๊ง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-03-2008, 10:08
จะโป้เปลือยก็ไม่มีอะไรให้ปิดนี่ครับ ธรรมชาติของคนเป็นอย่างนี้อยู่แล้วไม่รู้จะปิดไปทำไม
ไม่เหมือนบางคน จะสร้างภาพก็สร้างเป็นแต่ภาพโปเกเหมือนเครื่องเล่น MP3 โซนี่จากเมืองจีน
ไม่เหมือนเครื่องจริงซักนิด เสียงก็ห่วย โกงเมมโมรี่ ใช้สามเดือนเจ๊ง


พวกย้อมแมวขายน่ะ มันเยอะ ระวังไว้หน่อยก็ดี   :slime_bigsmile:

















หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 10:19
:slime_whistle: :slime_whistle: :slime_whistle:

กรูจะบ้าตาย
ทั้งน่าขำ ทั้งน่าเวทนา

อ่านกระทู้นี้แล้ว นึกถึงสมัยเมื่อหลายปีที่แล้ว
สมัยที่ช้างจากทั่วสาระทิศ ยังมีสิทธิ์เข้ากรุง
เจ้าของช้างพาช้างเดินตระเวณขอทานหาเงินตามตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน

สุนัข และหมา ต่างก็รวมตัวเดินตามเห่ากันขรม คงเพราะกลัวช้างจะมาแย่งถิ่น

พอช้างเดินพ้นออกไปนอกหมู่บ้าน  สุนัข และหมาบรรดามีเหล่านั้นก็ว่างมาก

เมื่อไม่มีอะไรจะทำ ก็หันมากัดกันเอง ตามประสาสันดานหมา

ไม่ว่าหมาแม้ว หมาดอย หมาไทย หมาพันธุ์ทาง หมาตัวผู้ หมาตัวเมีย หมาหนุ่มหมาแก่

เห่ากัน หนกขูจิ๊บเป๋ง แต่ก็ดีนะ ดีกว่าอยู่ป่าวๆ5555555555555


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

แต่ยังไงๆ หมาก็ยังมีประโยชน์กว่าหมูวันยังค่ำนะเออ

การอยู่ร่วมกันก็ต้องมีความเห็นต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา
หากปรับความเข้าใจคุยกันด้วยเหตุผล ก็จบลงด้วยดีมีความคิดต่อยอด
หากตะแบงคุยกัน เอาแต่ความคิดตัวเป็นใหญ่ เฉไฉเบี่ยงประเด็น
ก็ต้องมีเห่า มีกัดกันบ้าง

ถ้าจะถือว่าอยู่คอกเดียวกันแล้วห้ามกัดกัน โดยไม่คำนึงถึงผิดถูก
ก็ไม่ต่างอะไรจากขี้ข้าแม้ว แม้พี่เป้าจะปากห-มาก็ยังชมกันเปาะ โยนความผิดให้สื่อ
กลายเป็นพวกหมาข้างถนน หมาหมู่ไปเสียฉิบ


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 10:49
พวกย้อมแมวขายน่ะ มันเยอะ ระวังไว้หน่อยก็ดี   :slime_bigsmile:


ปกติจะใช้ของอะไรก็จะดูว่าตอบสนองความต้องการได้ขนาดไหน คุ้มค่าหรือไม่
ไม่เคยเเห็นแก่ยี่ห้อรูปลักษณ์ภายนอกอยู่แล้ว

ถ้าจะซื้อก็ซื้อเพราะจะเอามาศึกษา
เวลาใครถาม จะได้ตอบได้ ไม่ดีก็จะได้ด่าได้ถนัดๆปาก
ไม่ใช่ตอบแบบไม่รู้ก็ยังจะตอบ ให้คนเขาถามกลับมาด่าได้ทีหลัง


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-03-2008, 11:19
ปกติจะใช้ของอะไรก็จะดูว่าตอบสนองความต้องการได้ขนาดไหน คุ้มค่าหรือไม่
ไม่เคยเเห็นแก่ยี่ห้อรูปลักษณ์ภายนอกอยู่แล้ว

ถ้าจะซื้อก็ซื้อเพราะจะเอามาศึกษา
เวลาใครถาม จะได้ตอบได้ ไม่ดีก็จะได้ด่าได้ถนัดๆปาก
ไม่ใช่ตอบแบบไม่รู้ก็ยังจะตอบ ให้คนเขาถามกลับมาด่าได้ทีหลัง

พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นต่างกัน สินค้าจึงมีมากมายหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ถูกใจ ไม่ถูกใจใคร ก็ว่ากันไป

ส่วนจะตอบคำถามหรือไม่อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมทั้งลักษณะคำถาม และวัตถุประสงค์ของคนถามด้วยว่า มีเจตนาดีหรือร้าย หรือมีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่  ยิ่งถ้ารู้เบื้องหลังด้วย ก็ยิ่งดี   :mrgreen:

พวกโอ่ประโคมตัวเอง มีให้เห็นประจำ  :slime_bigsmile:






หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคน
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 16-03-2008, 13:49
พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นต่างกัน สินค้าจึงมีมากมายหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ถูกใจ ไม่ถูกใจใคร ก็ว่ากันไป

ส่วนจะตอบคำถามหรือไม่อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมทั้งลักษณะคำถาม และวัตถุประสงค์ของคนถามด้วยว่า มีเจตนาดีหรือร้าย หรือมีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่  ยิ่งถ้ารู้เบื้องหลังด้วย ก็ยิ่งดี   :mrgreen:

พวกโอ่ประโคมตัวเอง มีให้เห็นประจำ  :slime_bigsmile:


ของชิ้นไหนสำหรับใคร คุ้มหรือไม่คงตอบแทนใครไม่ได้
ต้องเลือกเองตัดสินใจเอาเอง

พวกที่ไม่รู้เรื่องแล้วอวดเก่ง วันนี้ก็เจอครับ
ซ่ิอมรถบอกเสียโน่น ต้องทำนี่ พอผมเห็นแค่ขยับสายนิดเดียวก็หายเป็นปกติ
พวกบอกว่าคอมโดนแฮก แท้จริงเพราะตัวเองไปโหลดไวรัสมาบ้าง
หรือปิดระบบการทำงานเองบ้าง มีอยู่ตรงหน้าแต่ใช้ไม่เป็นบ้าง
ถ้าถามผมรู้ผมก็ตอบ ไม่รู้ผมก็บอกให้ไปถามคนอื่นที่น่าจะแก้ให้ได้มันก็จบ
แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้มักจะทำเก่ง โวยวายไว้ก่อน โทษคนอื่นอย่างอื่นก่อนทุกที
ที่จะแก้ได้เลยแก้ไม่ได้ ที่จะคุยรู้เรื่องก็เลยไม่รู้เรื่อง

จะว่าไปพวกหวังดีประสงค์ร้ายก็เยอะ
ทำเป็นพูดดี แต่จริงๆแค่แสวงหาผลประโยชน์
คนพวกนี้มักจะทำดีได้ไม่นานหรอก ซักพักหางก็โผล่
ความโง่ความเลวในตัวเองก็จะแสดงออกมาให้คนอื่นเห็น
ถ้ารู้ทันเอาตัวออกห่างได้ก็ดี ถ้ากำจัดคนพวกนี้ออกจากสังคมได้ยิ่งดีใหญ่
แบบแม้วเนี่ย ถ้าไม่มีมันซักคน สังคมคงสงบสุขขึ้นอีกเยอะ

 :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-03-2008, 21:52


น่าลุ้น ว่าภาคใดและคนภาคจะเจริญและเป็นภาระด้วยงบประมาณต่อหัวทีคุ้มค่ามากกว่ากัน :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 16-03-2008, 22:06
ภาคไหนๆก็มีทั้งคนเก่ง คนดี คนฉวยโอกาส
คนโง่ คนฉลาดด้วยกันทั้งนั้น
 สำคัญที่ว่าทำอย่างไรให้คนคิดเป็นและคิดได้ถูกต้องขึ้นมาบ้าง แค่นั้นแหละ
พอแล้ว....เอิ้กกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: chaturant ที่ 17-03-2008, 10:55
แหม ผมมีประสบการณ์ อย่าด่าอย่าว่า อย่าพูดถึงอีสานเลยครับ  ลุงแคนเค้าไม่ยอมหรอก  แต่อย่างน้อยจุดยืนเราคือ ไม่เอาทักษิณ หรือ คนที่จ้องจะมากินบ้านกินเมือง ยังไงก็เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ   :slime_fighto: :slime_fighto: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 17-03-2008, 12:00
เอาน่ะ ฝากไปอ่านกระทู้นี้สิ

สมองคิดได้เท่ากันเลย [17 มี.ค. 51 - 02:37]
 

“นักการเมืองหน้าโง่
 
 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics03&content=82672

ในเสรีไทยกระทู้นี้ครับ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=23387.0

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ย่อมเป็นสิทธิส่วนตน ไม่ก้าวล่วงกัน

(http://www.thairath.co.th/images/header/politics03.gif)

สมองคิดได้เท่ากันเลย  
ไทยรัฐ[17 มี.ค. 51 - 02:37]

(http://www.thairath.co.th/2551/politics03/Mar/library/17/s_politic1.jpg)
 

“นักการเมืองหน้าโง่”

ไม่แน่ใจว่านิยามศัพท์แรงๆแบบนี้ของ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ปะทุอารมณ์กับการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนกรณีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ยุติบทบาทผู้ว่าฯ กทม.

กินความกว้างไกลแค่ไหน

แต่ที่แน่ๆ แม้แต่คนฝ่ายเดียวกันเองยังพูดลับหลังว่า ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย กับความเคลื่อนไหวของนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในการตั้งกลุ่ม “มหาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย”

ประกาศเจตนารมณ์ชัด จะระดมพลเครือข่ายคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคลื่อนไหวตอบโต้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ม็อบไล่ “ทักษิณ” ที่เตรียมเคลื่อนไหวครั้งแรกในวันที่ 28 มีนาคม ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ตั้งธงเผชิญหน้าแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าการตอบโต้กันแบบมึงแรงมา กูแรงไป

ก็ไม่แปลกที่เหล่าขุนพลอยพยักจะถูกทักว่า มีสมองคิดได้แค่นี้เองหรือ

เปรียบกับท่าทีสุขุมลุ่มลึก เสียงหล่อๆของนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาโฆษณา ขณะนี้มีกระแสตอบรับเข้าร่วมจำนวนมาก

คงเป็นเพราะการเคลื่อนไหวยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และกรอบรัฐธรรมนูญ

ลีลาจุดกระแสสร้างความชอบธรรม เนียนผิดกัน

ถ้าไม่บังเอิญความแตกซะก่อน กับคิวแฉทะลุกลางปล้องของนายสมจิตร งุ่ยไก่ ประธานสหกรณ์ชาวสวนยาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุกันโต้งๆเลยว่า

หลังจากแกนนำพันธมิตรฯประกาศชุมนุมในวันที่ 28 มีนาคม ปรากฏว่าหัวคะแนนของพรรคการเมืองหนึ่ง ออกเดินสายทาบทามประชาชนในพื้นที่ตำบลคลองวาฬ ตำบลอ่าวน้อย ตำบลบ่อนอก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์

ขอให้ไปร่วมชุมนุมประท้วงและทำกิจกรรมที่กรุงเทพมหานคร มีค่าตอบแทนรายวันให้วันละ 200 บาท พร้อมอาหารครบ 3 มื้อ

สำทับด้วยนายเผชิญ เกตุแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์บ้านเกิด บ้านหนองหญ้าปล้อง ตำบลอ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็ออกมาแฉดังๆว่า

หัวคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ติดต่อขอให้นำประชาชน ในกลุ่มไปร่วมทำกิจกรรมกับแกนนำพันธมิตรฯ มีค่าตอบแทนรายวันให้

“การเชิญชวนประชาชน ในลักษณะดังกล่าวเคยได้รับความนิยมอย่างสูงเมื่อสองปีก่อน และเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านบางกลุ่มที่ได้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเที่ยวฟรีกินฟรี แต่ภายหลังต่อมาทราบว่าประชาชนมีความขัดแย้ง กับหัวคะแนนบางรายเพราะอมค่าแรงรายวัน”

พร้อมๆกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบล เชียรใหญ่ อำเภอเชียรใหญ่ ในคิวประชุมใหญ่สามัญประจำปี สาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 นครศรีธรรมราช มีคนชื่อคุ้นๆอย่างนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ หรืออีกสถานะที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง ในนามแกนนำพันธมิตรฯม็อบไล่ “ทักษิณ” เข้าร่วม

ไฮไลต์อยู่ที่คิวนายสมเกียรติปราศรัยว่า ภาคใต้ไม่ทำให้พันธมิตรฯ ว้าเหว่ พรรคไทยรักไทยกำเนิดไม่กี่ปี แต่สามารถครอบครองประเทศไทยได้ ไม่น่าเชื่อ แต่มีภาคเดียวที่ไม่ให้พรรคไทยรักไทยเกิดคือภาคใต้ คนภาคใต้ทำให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบ

“พันธมิตรฯต้องการล้มระบอบทักษิณที่รักของคนอีสาน คนภาคเหนือและภาคกลางบางกลุ่ม และเป็นที่น่ารังเกียจของคนภาคใต้ อยากให้ทุกคนพร้อมกันไปล้มระบอบทักษิณอีกรอบ ยินดีต้อนรับนักรบศรีวิชัย ต้อนรับพันธมิตรลุ่มน้ำปากพนัง ในวันที่ 28 มีนาคม

เราจะร่วมกันล้มผู้ชักใยและระบอบหุ่นเชิด วันนี้ระบอบทักษิณมีสิ่งพะรุงพะรังมาก นายสมัครเป็นรัฐบาลศรีธนญชัยแห่งเอเชีย อยู่เหนือกฎหมาย จึงทำให้พันธมิตรฯต้องไปธรรมศาสตร์ ร้องขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่า 3 รัฐมนตรีและนายสมัครที่ถูกชี้มูล พันธมิตรฯขออนุญาตพรรคประชาธิปัตย์ให้โค่นล้มทักษิณอีกรอบ”

ที่สุดความจริงก็เปิดเผย ใครอยู่เบื้องหลังชักใย ใครแอบแตะมือ วางแผนป่วนกันยังไง

ระดับสมองคิดได้ไม่ต่างกันเลย.

"ทีมการเมือง"


http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics03&content=82672
 
 


หัวข้อ: Re: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 19-03-2008, 01:30


รถไฟรางคู่ ควรเดินหน้าโครงการได้แล้ว  :slime_doubt:

โดยเฉพาะส่วนที่จะเข้าไปสู่จังหวัดหลักๆในภาคอีสาน