ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: สมชายสายชม ที่ 01-03-2008, 20:33



หัวข้อ: น่าจะทำโพล ระหว่าง "กราบแผ่นดิน" กับ "เสียภาษี" ประชาชนจะปลื้มอันไหนมากกว่า
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 01-03-2008, 20:33
เอแบคโพล รามคำแหงโพล และสวนดุสิตโพล น่าทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ว่า

๑. ระหว่าง "การกราบแผ่นดินโชว์" และ "การเสียภาษีให้ครบถ้วน"
ประชาชนจะปลื้มทักษิณในข้อใด มากกว่ากัน

๒. คนไทยที่ไปอยูต่างประเทศนานกว่า ๒ ปี (ไปทำงาน หรือไปเรียน) เมื่อกลับมาเหยียบเมืองไทย
มีกี่เปอร์เซนต์ที่กลับมาแล้ว กราบแผ่นดินไทย

ป.ล. นักข่าวน่าจะถามทักษิณว่า ตอนที่ก้มลงกราบพื้นสนามบิน มีกลิ่นเหม็นคอร์รัปชั่น หรือไม่
...


หัวข้อ: Re: น่าจะทำโพล ระหว่าง "กราบแผ่นดิน" กับ "เสียภาษี" ประชาชนจะปลื้มอันไหนมากกว่า
เริ่มหัวข้อโดย: morning star ที่ 01-03-2008, 21:04
javascript:void(0);
javascript:void(0);


หัวข้อ: Re: น่าจะทำโพล ระหว่าง "กราบแผ่นดิน" กับ "เสียภาษี" ประชาชนจะปลื้มอันไหนมากกว่า
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 01-03-2008, 21:38
บทเปรียบเทียบทักษิณเหยียบประเทศ
“เพชร” เดี๋ยวนี้มีค่าสำหรับใช้เป็นเครื่อง “ประดับตีน” เท่านั้นแล้วหละครับ ก็ดูซี..ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ที่แอลเอวันนี้ (๒๕ ก.พ.) มีข่าวเกรียวกราวว่า นักเขียนบทสาวคนหนึ่งจะสวมรองเท้าประดับเพชร ๑๐๐ กะรัต ค่ากว่า ๑ ล้านดอลลาร์ไปงาน!

“คน” อ่านข่าวนี้แล้วอย่าผ่านเลยนะครับ ดูหนัง-ดูละคร แล้วย้อนดูตัวเองบ้าง ตัวเองอาจเป็นเพชร

“เพชร” ก็คือ “เพชร” แต่ค่าของเพชรขึ้นอยู่กับว่า

ประดับอยู่กับอะไร?

ผมพลิกปฏิทินดาวดูแล้วก็อยากจะถอนใจ นี่..ยังไม่ทันถึงต้นเดือนเมษา.เลยครับ แต่ดูเหมือนว่า “เหตุ” ต่างๆ ค่อยถูกสะสม ก่อตัวเป็นรูป-เป็นร่าง เพื่อไปสู่ความเป็น “ผล” ในอนาคตเร็วจริงๆ

เมื่อศุกร์ที่ ๒๒ กุมภา.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรียุติธรรม ก็ประเดิม “อำนาจใหม่” ด้วยการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายสุนัย มโนมัยอุดม ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.)

นายสุนัยที่เคยออกหมายจับ “พ.ต.ท.ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน” ฐานหลบหนีคดีนั่นแหละครับ!

และก่อนหน้านี้ “นายนพดล ปัทมะ” ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งนอมินีทักษิณ และทั้งทนายแก้ต่างประจำตัว ได้ปฏิบัติหน้าที่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” ในภารกิจแรกอันสำคัญยิ่ง..คือ

คืน “พาสปอร์ตแดง” ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ!

และเมื่อคืนวันเสาร์ ๒๓ ก.พ.ที่ตลาดนำสวัสดิ์ ริมถนนซูเปอรไฮเวย์เชียงราย ชมรมคนรักทักษิณได้จัดงาน “วันคิดถึงทักษิณ” ขึ้นในช่วงที่ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ว.ล่วงหน้า “เสาร์-อาทิตย์” และห้ามจัดงาน

มีคนรักทักษิณทั้งจากเหนือ-ใต้-อีสาน-ออก-ตก และคนกรุงรัตนโกสินทร์ ไปร่วมสดุดีและรอรับคำปราศรัยท่านผู้นำทักษิณ พร้อมกินฟรี-ดื่มฟรี..เป็นพัน

มีการซื้อขายจ่ายแจกเสื้อยืดคนรักทักษิณ เข็มกลัด สติกเกอร์ หมวก แผ่นซีดี พร้อมตั้งเวทีปราศรัย แสดงกิจกรรมเชิดชูทักษิณ

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือรายการที่ พ.ต.ท.ทักษิณโทรศัพท์จากประเทศจีนมาถึงสาวกในงาน โดยเอาโทรศัพท์จ่อไมโครโฟนขยายเสียง “ท่านผู้นำ” ให้ได้ยินกันทั่วทั้ง ๖๓ ล้านคน ทุกชนชั้นและทุกวรรณะ

“ขอให้รัฐบาลใหม่ได้นำนโยบายของอดีตพรรคไทยรักไทยมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนผมจะกลับคืนสู่ประเทศไทยเมื่อไหร่นั้นยังไม่รู้ ขณะที่รับโทรศัพท์นี่กำลังอยู่ระหว่างในงานเลี้ยงตรุษจีนวันสุดท้ายที่ประเทศจีน ในวันอังคารนี้ก็จะทราบแล้วว่าจะได้กลับเมื่อไหร่...

ดีใจมั้ย..ที่ได้ประธานสภาเป็นชาวเชียงราย ได้พบกันนายยงยุทธที่ปักกิ่ง และผมจะได้พบกับชาวเชียงรายเร็วๆ นี้แน่นอน...”

คิดถึง..แกนนำปราศรัยบนเวทีตะโกนขึ้น แล้วแฟนคลับทักษิณข้างล่างก็ประสานเสียงกระทุ้งรับ

...ทักกกกกษิณ!

คิดถึงงงงง...

...ทักกกกกษิณ!

ครับ..ก็ถือเป็นการคอนเฟิร์มข่าวที่ว่า ประมุขแห่งสภาบันอำนาจนิติบัญญัติ “นายยงยุทธ ติยะไพรัช” บินเงียบอ้าง “ไพรเวท วิสิต” ไปเฝ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปักกิ่งขณะนี้

ถูกต้องแล้วครับ!

นี่..ผมก็รวบรวมมาสรุปบันทึกประเด็นหลักๆ ไว้ให้ท่าน เพราะขืนดูในภาพใหญ่-ภาพรวมอาจต่อไม่ติดเรื่อง การกลับ-ไม่กลับของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นเรื่องปกติ

คนไทย จะกลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับได้ แต่ตัวเอง “หนีคดี” ไม่ยอมกลับมาเองตะหาก แล้วก็เที่ยวพลิกประเด็นเป็นเหตุเฉไฉให้คนที่ไม่ประสาเข้าใจว่า

อำนาจเผด็จการไม่ยอมให้กลับบ้าง มีอำนาจที่มองไม่เห็นคอยปองร้ายหมายชีวิตบ้าง ต่างๆ นานา

แล้วก็บิน “ร่อนไป-ร่อนมา” วนเวียนเป็นวิญญาณแม่นาคพระโขนง กลัวสายสิญจน์อยู่รอบๆ ประเทศไทย

เดี๋ยวจีน เดี๋ยวฮ่องกง เดี๋ยวสิงคโปร์ เดี๋ยวลอนดอน ปากก็ออกข่าวว่า “ผมเลิกแล้ว..ผมพอแล้ว การเมือง”

แต่ลีลาในที่ลับ “มอบการบ้าน” ให้ข้าทาสบริวารมีทั้ง ทหาร-ตำรวจ-ข้าราชการ-นักการเมืองที่ภักดีไปหมอบรับแผนปฏิบัติ “การเมืองเหนือการเมือง” ปูพื้นการคืนเมืองของตัวเองมาโดยตลอด

ผมอยากจะเตือนทักษิณด้วยความหวังดีตรงนี้ การที่ไทยรักไทยคืนชีพในร่างพลังประชาชนก็ดี และตัวท่านประทับทรงในร่าง “สมัครนอมินี” ก็ดี

ตรงนี้ถือว่า ประเทศชาติ-ประชาชน แฟร์กับท่าน ให้ความเป็นธรรมกับท่านมากแล้ว ชนิดที่ “ไม่มีที่ไหนในโลก” จะแฟร์ได้ขนาดนี้

ลีลา “การตลาดเพื่อการเมือง” ของท่าน นับจาก ๒๓ ธันวา.๕๐ ถ้าจะเปรียบก็เหมือน ท่านสามารถยืนเหยียบอกประเทศไทย-คนไทยได้แล้ว

แล้วจำเป็นนักหรือที่ท่านต้อง “เอาตีนขยี้หน้า” คนไทย-ประเทศไทย ซ้ำอีก?

อย่างที่จัดรายการชุมนุม แล้วปราศรัยถ่ายทอดเสียงท่านจากปักกิ่ง มายังสาวกที่รอเฝ้า โหมโรง-ปลุกเร้า ด้วยการชูประเด็น “จะกลับวันนั้น-จะกลับวันนี้” ชูดอกไม้แดงล่อเจ้าเงาะอยู่วันแล้ว-วันเล่า

ทำเหมือนจะอวดด้วยว่า..เห็นมั้ย..๑ ใน ๓ ประมุขสถาบันหลักของชาติ คือประมุขสถาบันนิติบัญญัติแห่งชาติ “นายยงยุทธ ติยะไพรัช” ขณะนี้ พินอบหมอบกราบอยู่ข้างๆ เก้าอี้แล้วนี่ไง

ส่วนประมุขผู้นำฝ่ายบริหาร ไม่ต้องพูดถึง เพราะตัวเขา “นายสมัคร สุนทรเวช” ประกาศให้ได้ยินชัดเจนไปแต่แรกแล้วว่า “เป็นนอมินีทักษิณ”!!

ชนวนที่สังคมไทยแตกแยกเกิด “ขวา-ซ้าย” ในยุค ๖ ตุลา.เริ่มแรกก็จาก Communism

แต่ตอนนี้ ยุคนี้ พ.ศ.นี้ เงื่อนไขลัทธิคอมมิวนิสต์ และผู้คลั่งไคล้ใน “ท่านประธานเหมา” หมดไปแล้ว

แล้วท่านคิดจะปลูกฝัง Thaksinism เผยแพร่ระบบทักษิโณมิกส์ให้สังคมแตกแยก-คลั่งไคล้ใน “ท่านประธานทักษิณ” เกิดขึ้นใหม่งั้นหรือ?

บ้านเมืองเราขณะนี้ ระบาดไปด้วย “แชร์ลูกโซ่” ไม่ว่าแชร์รถตู้ แชร์ข้าวสาร แล้วลัทธิ Thaksinism จะใช้ระบบ “แชร์ทักษิณ” ให้ระบาดไปด้วยทำไม?

ตอนนี้ “แฟนคลับ” ในรูปแบบต่างๆ แมนฯ ซิฯ แฟนคลับบ้าง ชมรมคนรักทักษิณและเพื่อนบ้าง กลุ่ม นปก.บ้าง กลุ่มต่อต้านเผด็จการบ้าง กลุ่ม ๒๔ มิถุนาบ้าง กลุ่มวิทยุเสรีชนบ้าง กลุ่มไฮโซบ้าง กลุ่ม Hi Thaksin บ้าง ฯลฯ

ร้านค้าบางแห่ง ติดป้าย “ยินดีต้อนรับแฟนคลับทักษิณ” และลด ๑๕% สำหรับสมาชิกพลังประชาชน ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ

มันไม่มีอะไรผิดหรอกครับ

แต่จะทำอะไร ท่านควรให้เกียรติสังคม ไมใช่เหมือนเอาตีนขยี้หน้าสังคมทางพฤตินัย วิสัยนักเลงย่อมเข้าใจมิใช่หรือ?

ดูภริยาท่านซีครับ คุณหญิงพจมาน เมื่อต้องการกลับเมืองไทยก็บินกลับมา มีคดีต้องสะสางที่ไหน ก็เอื้อเฟื้อกฎกติกาบ้านเมืองที่นั่น ไปมอบตัว ไปยื่นประกันให้เรียบร้อย

ก็แค่นั้น ศาลท่านสั่งว่าอย่างไร ก็ปฏิบัติไปตามนั้น ทุกอย่างก็จบ ไม่เห็นต้องไปสร้างเรื่อง-สร้างเหตุ พูดโทรศัพท์ ต่อลำโพง ทำเป็นไชยา มิตรชัย อ้อนพ่อยก-แม่ยก สร้างกระแสให้คนอีกส่วนหมั่นไส้ไปเปล่าๆ

ซึ่งนั่น..รังแต่จะขยายความบาดหมางระคางเคืองในสังคมโดยใช่เหตุ หรือว่าท่านต้องการอย่างนั้น?

มีอำนาจเหนือไป ๒ สถาบัน แค่นั้นก็บารมีเหลือล้นแล้ว ไม่เชื่อลองถาม “นายสมชัย จึงประเสริฐ” อดีตตุลาการผู้เป็น ๑ ใน ๕ เสือ กกต.ขณะนี้ดูก็ได้

เห็นเส้นทาง “ทักษิณ-พจมาน” ใน พ.ศ.๒๕๕๑ แล้วก็อดนึกถึงเส้นทาง “ถนอม-จงกล” ใน พ.ศ.๒๕๑๙ ไม่ได้

และเห็นทั้งเส้นทาง “ถนอม-จงกล” เส้นทาง “ทักษิณ-พจมาน” แล้ว ก็ยิ่งนึกถึง “เส้นทางประเทศ” ด้วยสะเทิ้นร้อน-สะเทิ้นหนาว

เมื่อ ๒๗ ส.ค.๑๙ ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร เดินทางกลับเข้าประเทศไทย ส่วนจอมพลถนอมยังรอท่าอยู่ที่สิงคโปร์

ส่วนเมื่อ ๘ ม.ค.๕๑ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณสามี ยังสนุกอยู่กับการปฏิบัติการเขย่าประเทศอยู่นอกประเทศ

๓ ก.ย.๑๙ นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ “โค้วตงหมง” เจ้าของวลีอมตะขณะเป็นประธานสภาว่า “อย่างนี้ก็ยุ่งตาย..ห่ะ” เดินทางไปสิงคโปร์ด้วยตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม

ขอร้องจอมพลถนอม อย่าเพิ่งกลับประเทศไทยเลย!

แต่ ๒๑ ก.พ.๕๑ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานรัฐสภา นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางลับๆ ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ปักกิ่ง ก่อนมีการจัดงาน “วันคิดถึงทักษิณ”

ให้ทักษิณ “ปราศรัยข้ามประเทศ” ไปถึงผู้คลั่งไคล้ลัทธิทักษิณที่เชียงราย!

๑๙ ก.ย.๑๙ จอมพลถนอม “บวชเณร” เดินทางกลับประเทศไทย บวชเป็นพระจำพรรษาอยู่วัดบวรฯ

ส่วนทักษิณจะกลับวันไหน ในคำปราศรัยข้ามประเทศ ๒๔ ก.พ.๕๑ บอกว่า “อังคารนี้จะรู้!”

๒๘ ก.ย.๑๙ นิสิต-นักศึกษา-ประชาชน “ลุกฮือ” นิมนต์ให้พระถนอมไปจำพรรษาอยู่นอกประเทศ

แล้วทักษิณ “เจ้าลัทธิใหม่” ล่ะ เห็นว่าจะมี ส.ส.และสาวกส่วนหนึ่งเตรียมเดินทางแต่งขบวนไปรับกลับเข้ามาทีเดียว

ก็คงไม่มีนิสิต-นักศึกษา-ประชาชน “ลุกฮือ” ต่อต้าน และขับไล่ให้ออกไปเหมือนเหตุการณ์ ๖ ตุลา.ที่จะย้อนกลับมาในปี พ.ศ.๒๕๕๑ นี้เป็นแน่!?

เกริ่นไว้แต่วันเสาร์ว่า จะนำเบื้องหลังคน-เบื้องหลังเหตุการณ์ ๖ ตุลา.จากจดหมาย “สุรินทร์ มาศดิตถ์” รมต.รัฐบาลเสนีย์ที่เก็บบรรยากาศ ครม.ในวันนั้นเขียนไว้มาให้อ่าน คิดไป-คิดมา “อย่าดีกว่า” ให้ท่านไปหาอ่านเอง และจะกระจ่างยิ่งขึ้น ถ้าได้อ่านบทสนทนาระหว่าง “พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่-บุญชนะ อัตถากร” ประกอบอีกชั้น แล้วท่านจะเห็นสวรรค์-นรก ๖ ตุลา.