ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 21:19



หัวข้อ: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 21:19

 :slime_fighto: :slime_cool: :slime_doubt: :slime_smile:

#####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####


ไว้ลองเก็บตัวอย่างมาวิจารณ์ ให้คะแนน ห้าบวกหรือห้าลบ ครับ..


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 21:35


เอาข่าวฉายาล้อเลียนมาลงประกอบครับ


สื่อยกฉายา “ขัน-ที สีเขียว” ให้ สนช. ตั้ง “มีชัย” เทียบชั้นซีอีโอ  
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000155110
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 ธันวาคม 2550 23:41 น.
 
 
   
มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 
 
 
       สื่อรัฐสภา พร้อมใจกันมอบฉายา “ขัน-ที สีเขียว” ให้กับ สนช. แจงเหตุเพราะมีกฎหมายเอื้อประโยชน์เพิ่มอำนาจให้ทหารมากยิ่งขึ้น ยก “มีชัย” เป็น “ซีอีโอ สนช.” โดยมี “ประสงค์” เป็นคู่กัดแห่งปี หลังเปิดศึกชิงตำแหน่งประธาน สนช.
       
       วันนี้ (29 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งจากรัฐสภาว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปีของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา จะร่วมกันระดมความเห็นในการตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิก และการทำงานของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และ สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ในรอบปี 2550 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ถึงแม้ผู้ที่มาทำหน้าที่ดังกล่าวจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเหมือนกับฝ่ายนิติบัญญัติในสถานการณ์ปกติ แต่สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เล็งเห็นว่าผู้ที่ทำหน้าที่นี้มีความสำคัญ ต่อการเปลี่ยนผ่านการเมืองของประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
       
       ดังนั้น สื่อมวลชนประจำรัฐสภาจึงอาศัยเทศกาลปีใหม่นี้ตั้งฉายาให้ สนช. และ ส.ส.ร. ตามผลงานที่ปรากฏออกมา ในมุมมองของสื่อมวลชน โดยสื่อมวลชนประจำรัฐสภาขอยืนยันว่า ในการตั้งฉายาทุกครั้งได้ใช้เหตุผล ความบริสุทธิ์ใจ และอารมณ์ขัน โดยพยายามหลีกเลี่ยงการใช้อคติ ซึ่งปราศจากการแทรกแซง หรือตกเป็นเครื่องมือของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะตระหนักดีว่าผู้ที่ได้รับฉายา อาจมีทั้งที่ถูกใจ หรือไม่ถูกใจ ทั้งนี้ฉายาที่ตั้งขึ้นได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยผลการพิจารณามีดังต่อไปนี้
       
       1.ฉายา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แก่ “ขัน-ที สีเขียว” เพราะหลังจากที่ สนช. ชุดนี้ได้รับการคัดสรรโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ให้เข้ามาทำหน้าที่นิติบัญญัติ สมาชิกส่วนใหญ่มาจากสายทหาร และข้าราชการประจำ รวมทั้งอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จนถูกมองว่าเป็นสภา “สีเขียว” ทำให้ สนช.ชุดนี้ มีกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับ คมช. และเพิ่มอำนาจทหารมากขึ้น โดยผ่านการพิจารณากฎหมายหลายฉบับ
       
       โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. .... นั้น สนช.ใส่เกียร์เดินหน้าโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านอย่างหนักจากองค์กรภาคสังคม และที่ถือได้ว่าเป็นมหกรรมทิ้งทวนของ สนช.ชุดนี้ คือ การทำคลอดกฎหมาย 70 ฉบับภายในเวลาเพียง 3 วัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นการกระทำว่า สนช.มีกริยาเปรียบได้กับ “นกเขา” เมื่อเจ้าของดีดนิ้วก็พร้อม “ขัน” ตอบรับตามสัญชาติญาณทันที
       
       2. ฉายานายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. ได้แก่ “ซีอีโอ สนช.” เนื่องจากนายมีชัย ถือเป็นนักกฎหมายระดับปรมาจารย์ที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกกลุ่มอำนาจตลอดมา ซึ่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางสถานการณ์ทางการเมือง นายมีชัย ยังได้รับความไว้วางใจจาก คมช. ให้มาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งนายมีชัย ก็ไม่ได้ทำให้ผู้แต่งตั้งผิดหวัง เมื่อสามารถลำเลียงกฎหมายที่รัฐบาล และ คมช.ต้องการ เข้าสู่ที่ประชุมได้อย่างไม่บกพร่อง และใช้ความเด็ดขาดในการควบคุมการประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
       
       นอกจากนี้ยังใช้ฝีมือบวกความเก๋าสยบความขัดแย้ง และความแตกแยกระหว่าง สนช.กับกลุ่มก๊กต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้สมาชิกมีความยำเกรงในตัวนายมีชัย ราวกับพนักงานบริษัทที่เกรงอกเกรงใจซีอีโอของบริษัทเลยทีเดียว
       
       3.ฉายาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ได้แก่ “แสบสนิทศิษย์ คมช.” ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2549 ได้กำหนดที่มาของ ส.ส.ร.ให้มาจากกลุ่มวิชาชีพต่างๆ ที่เรียกว่า “สมัชชาแห่งชาติ” จำนวน 2,000คน ให้เลือกกันเองเหลือ 200 คน แล้วนำมาให้ คมช.คัดเหลือ 100 คนเพื่อมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง ส.ส.ร.100 (บวก10 กมธ.ยกร่างฯ) ก็ได้ตอบแทน คมช.ด้วยการพ่วงมาตรา 309 ซึ่งเป็นมาตราสุดท้ายในบทเฉพาะกาลให้ยกเว้นความผิดที่ คมช.ได้กระทำมาหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “นิรโทษกรรม” นั่นเอง
       
       พฤติกรรมที่แสบซ่าของ ส.ส.ร. ยังถูกกล่าวขวัญอย่างหนาหูจากการทำงานที่ขัดแข้ง และขัดขากันเอง โดยเฉพาะข่าวอื้อฉาวเรื่องซื้อเก้าอี้ประธานกรรมาธิการ แม้กระทั่งโค้งสุดท้ายยังไม่วายมีความความไม่โปร่งใสในการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติปูดขึ้นมาอีก ซึ่งถือว่า “แสบสนิท” จริงๆ
       
       4.เหตุการณ์แห่งปี ได้แก่ “ม็อบยึดสภา” เกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. เมื่อกลุ่มเอ็นจีโอกว่า 500 คน นำโดยนายจอน อึ้งภากรณ์ ที่คัดค้านการออกกฎหมายที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยื่นคำขาดให้ สนช.ยุติบทบาททันที โดยนำกำลังปิดล้อมทางเข้า และออกรัฐสภา ก่อนที่เหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 50 คน ปีนรั้วบุกเข้ามาภายในอาคารรัฐสภา แล้วยกพลเข้าประชิดห้องประชุมในระหว่างที่ สนช.กำลังถกกฎหมายสำคัญ เป็นเหตุให้ต้องยกเลิกการประชุมทันที และการประท้วงครั้งนี้ยังสามารถทำให้ สนช.กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนในการพิจารณากฎหมาย ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับสถาบันทางนิติบัญญัติมาก่อน
       
       5.เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ได้แก่ “ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550” โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว17 ฉบับ แต่ไม่มีครั้งไหนที่ประชาชนจะมีโอกาสได้ร่วมตัดสินใจในร่างรัฐธรรมนูญแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย.49 ซึ่งยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2540 จากนั้น คมช.ได้มีการแต่งตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และในวันที่ 19 ส.ค.50 ก็มีการจัดให้ประชาชนทั้งประเทศลงประชามติ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2475
       
       อย่างไรก็ตาม การลงประชามติครั้งนี้ไม่ได้เป็นการชี้วัดว่าคนไทยเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญหรือไม่เพียงอย่างเดียว แต่ได้ถูกข้อสังเกตว่าเป็นการตัดสินว่าประชาชนเห็นด้วยกับการรัฐประหารด้วยหรือไม่
       
       6.ดาวเด่น ได้แก่ “นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์” เป็น สนช.สายสังคมที่มีบทบาทโดดเด่นในการเสนอกฎหมายด้านสังคม หรือสาธารณประโยชน์ โดยเฉพาะการปกป้องสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ไม่เคยมีข้อครหาว่ารับผลประโยชน์กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด นายวิริยะ ยังควรได้รับการยกย่องว่าเป็น สนช.ที่เข้าประชุมอย่างสม่ำเสมอด้วย รวมทั้งยังมีสปิริตในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเห็นได้จากกฎหมายบางฉบับที่แม้ตนเองเป็นผู้เสนอ แต่ปรากฏว่าที่ประชุมไม่เห็นด้วย ก็จะยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ ไม่มีการตีรวนทำให้เกิดความวุ่นวายในสภา
       
       7.ดาวดับ “ได้แก่ “พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน” แรกเริ่มเมื่อเข้ารับตำแหน่ง สนช.ได้ประกาศตัวว่าจะเข้ามาเป็นมือปราบคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะการตรวจสอบการทุจริตภายในสนามบินสุวรรณภูมิ และยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่าชื่ออภิปรายซักฟอกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่สุดท้ายการดำเนินการทั้งหลายกลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อถูกย้อนเกล็ดโดย สนช.สายทหารด้วยกันเอง ที่กล่าวหาว่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ไม่โปร่งใสในระหว่างทำหน้าที่บริหารองค์การแบตเตอรี่
       
       ต่อมาถูกปลดออกจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมหลังจากที่กระทบกระทั่งกับผู้บังคับบัญชาการจากกรณีที่ออกมาปกป้องเพื่อนซี้ที่ชื่อ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เท่านั้นยังดับไม่พอในบั้นปลายชีวิตราชการอยากจะเล่นการเมืองก็วืดอีกเช่นเดิม เนื่องจาก รมว.กลาโหม เล่นเกมดึงเวลา ไม่เซ็นหนังสืออนุมัติลาออกให้จนแห้ว ไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้
       
       8.คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ กับ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แม้จะมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันคือ คมช. แต่ก็อยู่คนละกลุ่มตั้งแต่วันแรกที่ สนช.ตั้งไข่ ทั้งคู่ก็กลายเป็นหนามตำใจของกันและกันเมื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธาน สนช. แต่ศึกยกแรก น.ต.ประสงค์ พ่ายไปอย่างราบคาบ หลังจากนั้นก็ตั้งป้อมใส่กันแบบไม่เกรงศักดิ์ศรี เพราะต่างเป็นมวยเฮฟวี่เวททั้งคู่
       
       โดยกฎหมายฉบับไหนนายมีชัย หนุน น.ต.ประสงค์ ก็จะค้านอย่างสุดลิ่ม เช่น ร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยออกนอกระบบทั้งหลาย และในช่วงทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เวทีไหนมี น.ต.ประสงค์ ก็จะไม่มีนายมีชัย เช่นเดียวกันถ้านายมีชัยเข้าไปนั่งหัวโต๊ะวงประชุม ก็จะไม่เห็นเงา น.ต.ประสงค์ เข้าทำนอง “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”
       
       9.วาทะแห่งปี ได้แก่ “ไปตายเอาดาบหน้า” เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ขณะทำหน้าที่ประธานที่ประชุม สนช.ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมในวาระ 2 ซึ่งนายมีชัย ได้ทักท้วงว่าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กำหนดรายละเอียดข้อห้ามในการรับของกว้างเกินไป
       
       แม้แต่การไปตรวจราชการแล้วประชาชนนำผ้าขาวม้ามาผูก หรือเอาลองกองมาให้กิน ก็ยังรับมาเป็นของส่วนตัวไม่ได้ ต้องนำเข้าเป็นของหลวงเท่านั้น แต่ทาง กมธ.ยังยืนยันตามร่างเดิม ทำให้นายมีชัย กล่าวเชิงประชดว่า “ถ้างั้นให้ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน” จนในที่สุด กมธ.นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปปรับปรุงใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง

 
 


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 21:48

:slime_fighto: :slime_cool: :slime_doubt: :slime_smile:

#####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####


ไว้ลองเก็บตัวอย่างมาวิจารณ์ ให้คะแนน ห้าบวกหรือห้าลบ ครับ..

กระทู้นี้จะเสนอประเด็นหัวข้อและพาดหัวเป็นหลักครับ เช่น


“สดศรี” ปัดข่าว “รองบัง” ขอลูกสาวช่วยงาน - ขู่ฟ้อง"เว็บไข่แม้ว" 
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000003812


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 21:55
กระทู้นี้จะเสนอประเด็นหัวข้อและพาดหัวเป็นหลักครับ เช่น


“สดศรี” ปัดข่าว “รองบัง” ขอลูกสาวช่วยงาน - ขู่ฟ้อง"เว็บไข่แม้ว" 
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000003812

หัวข้อที่ยกตัวอย่าง ดูปกติธรรมดานะครับ เพียงยกมาเป็นตัวอย่าง..


(http://pics.manager.co.th/Thumbnails/551000000419801.JPEG)

(http://www.imagehosting.com/out.php/i1498673_konna.jpg)


(http://www.imagehosting.com/out.php/i1498664_doc2008010901.jpg)

(http://www.imagehosting.com/out.php/i1498673_konna.jpg)


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 22:13



ปัญาหลักของหัวข้อการเมืองคือ ต้องใช้คำสั้นๆ และสื่อให้ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่สับสนหรือจงใจใส่ความ

ใส่สีตีไข่มากจนผิดกาละเทศะ แม้เป็นยาม หรือสุนัขเฝ้าบ้านก็อาจจะติดคุกได้ :slime_doubt: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 01:14



สื่อ คอลัมนิสต์ นักโพสต์ ลิ่วล้อ สาวก  บ่าง นักเสี้ยม นางอาย แห้ว กระเทียม มีคนในสังคมข่าวสารจ้องมองคุณอยู่ครับ.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 16:06


ผมยังไม่ได้เช็คประเด็น แนวทางของคอลัมนิสต์และการ์ตูนนิสต์แต่ะคนช่วงนี้..

แต่จากหัวข้อข่าวการเมืองทั่วไปแล้ว ได้ลดความร้อนแรงลงแล้ว


อย่างไรก็ต้อง สมานฉันท์   :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 18:35



ฉายานักการเมืองแบบแอ๊บๆ ก็ไม่น่าใช้...

การจิกหัวเรียก เหมือนมาจากละครน้ำเน่า

สื่อต่างๆนั่นแหละตัวกระตุ้นความรุนแรงในแง่นี้.. :slime_fighto:





หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 18:42



คำว่าแม้ว มนต์ดำเสื่อม  ท่านว่าใช้ได้หรือไม่?

มารค์มอเจ็ด หรือมาร์คมอมอ ท่านว่าใช้ได้หรือไม่? :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 19:12



จริงแล้วสื่อควรวางตัวเป็นกลางเหมือนข้าราชการ..

หากไม่เป็นกลางนอกประเด็นข่าวแต่ละประเด็น ก็ควรมีผิดพอๆกับข้าราชการ

และไม่น่าจะถือว่าเป็นการปิดกั้นสื่อ เพราะเสนอได้แต่ต้องเป็นกลาง หรือว่าตามข้อเท็จจริง  :slime_doubt: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-01-2008, 23:21
 :slime_cool:

การตรวจสอบ การวิเคราะห์หรือบทความ


วิธีพิจารณาง่ายๆ

ก็คงต้องดูที่การตั้งหัวข้อเรื่อง เจ้าของบทความ

ขบวนการและแฟนานุแฟนของผู้เขียน ผู้เข้าร่วม

และการสรุปท้ายบทความ....



จะขอยกตัวอย่างในภายหลังครับ..

อาจจะเป็นกระทู้จากเว็บบอร์ดการเมืองในนี้หรือที่อื่นๆ

หรือเป็นบทความ หัวข่าว ที่ดูเอียงๆหรือมีอคติทั้งสี่ ขาดวัฒนธรรมอันดี หรือจรรยาบรรณ จริยธรรมในฐานะสื่อและผู้เข้าร่วมวิจารณ์ท้ายข่าวก็ตาม


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 19-01-2008, 19:42



กระทู้ในบอร์ดต่างๆ และหัวข้อข่าว

เราควรพิจารณาให้ดี โดยเฉพาะที่เอนเอียงเราจะเห็นเทคนิคการเชียนข่าวและบทความ


อย่าง ไฮ ทักษิณ  อ่านกี่ครั้งก็เอียง ไม่มีเนื้อเท่าไร?

ที่อยู่ได้ ก็อาศัยปั่นข่าวลือ ผสมหลักฐานนิดๆหน่อยๆ หลอกลิ่วล้อไปวันๆ


สรุป เป็นเทคนิคการเขียนข่าว ของบรรณาธิการที่อยู่เบื้องหลัง

คนละฟากอย่าง พาดหัวข่าว ผู้จัดการ และเทคนิคการเขียน ก็ทำให้แฟนอีกฝ่ายชอบได้..

อ่านข่าวอย่าเอาสนุกแค่เหมือนอ่านนิยายจากนักเขียนคนโปรด..


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-01-2008, 17:51


ดูวิธีการพาดหัวข่าวแล้ว

เว็บผู้จัดการ พาดหัวข่าวล่อแหลม บ่อยครั้งเป็นลักษณะชี้นำ คงต้องเพ่งเล็งกันมากหน่อย

ตย.

“สมชัย” เคว้งศาลฎีกาไม่รับกลับ-สติแตก  ชม “บัง” ปฏิวัติเยี่ยม

กกต.โยนอนุฯ สอบ "ทั่นยุทธ" พิจารณาส่ง VCD ให้ ตร.ตรวจสอบ


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-01-2008, 18:03

ดูวิธีการพาดหัวข่าวแล้ว

เว็บผู้จัดการ พาดหัวข่าวล่อแหลม บ่อยครั้งเป็นลักษณะชี้นำ คงต้องเพ่งเล็งกันมากหน่อย

ตย.

“สมชัย” เคว้งศาลฎีกาไม่รับกลับ-สติแตก  ชม “บัง” ปฏิวัติเยี่ยม

กกต.โยนอนุฯ สอบ "ทั่นยุทธ" พิจารณาส่ง VCD ให้ ตร.ตรวจสอบ



ในเนื้อข่าวไม่เห็นว่าแหยงสันดานตรงไหน? :slime_fighto:


“มีชัย” แหยงสันดาน “หมัก” เตือนสื่อระวังตั้งคำถาม

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000012919
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 มกราคม 2551 16:02 น.
 
 
   
มีชัย ฤชุพันธ์ ปธ.สภานิติบัญญัติฯ  
 
 
       “ปธ.สนช.” งดวิจารณ์ “ครม.หมัก” เพื่อนร่วมรุ่น เตือนสื่อระวังตั้งคำถาม ชี้นิสัยนายกฯ ไม่เคยเปลี่ยน แนะสังคมจับตาจะถูกใครเชิดหรือไม่ ติง กม.เจ็ดชั่วโคตรตึงเกินไป แต่ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการจัด ครม.เพราะยังไม่มีผลบังคับใช้
       
       วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้บริหารระดับสูงของรัฐสภา นำโดย นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสครบวันเกิด 69 ปี ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
       
       ภายหลังการอวยพร นายมีชัยให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองภายหลังนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ชีวิตคนเราอยู่ได้ต้องมีความหวัง ต้องหวังในทางดี อย่าหวังในทางร้าย เมื่อ 2-3 วันก่อนได้อ่านหนังสือชื่อ “เดอะ ซีเคร็ท” หรือความลับในการดำเนินชีวิต สิ่งที่คิดว่าจะมีพลัง หากคิดดีจะได้พลังที่ดีออกมา แต่ถ้าคิดไม่ดี พลังที่ไม่ดีจะออกมา เป็นไปตามที่เราคิด ต้องรอดูรัฐบาลไปก่อน อย่าไปคาดการณ์ในทางร้าย เพราะจะไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย คือคนที่คาดการณ์ก็มีทุกข์ คนที่ถูกคาดการณ์ก็หมดกำลังใจ ดังนั้น คงไม่ต้องไปแนะนำอะไรรัฐบาลใหม่ รัฐบาลก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ตนอยู่มามานาแล้วรู้ดีว่าไม่ควรแนะนำใคร
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลชุดนี้อาจถูกแทรกแซงได้ง่าย นายมีชัย กล่าวว่า ต้องรอดู แต่การที่มีคนเป็นห่วงรัฐบาลอย่างนี้จะเป็นการบอกรัฐบาลไปในตัว เรื่องนี้ต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่าการที่นายสมัครประกาศจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ เป็นภารกิจแรกจะทำให้เป็นปัญหากับรัฐบาลหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ปกติสามารถกลับได้อยู่แล้ว และเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีการไปแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างที่คิดกัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรอิสระ ปลอดจากการเมืองเพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มที่ ใครจะไปทำอะไรไม่ได้
       
       เมื่อถามว่ามีการมองว่านายสมัครขัดคุณสมบัติของนายกฯ เพราะเคยเป็น ส.ว.มาก่อน นายมีชัย กล่าวว่า มองไม่ได้ และตนมองเรื่องนี้ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจวินิจฉัย เราเป็นคนนอก เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง สนช.อย่าไปยุ่งกับ ส.ส.
       
       เมื่อถามว่า ประเด็นนี้จะกระทบต่อรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ และเชื่อว่ายังไม่มีปัญหาอะไร ถ้าตราบใดยังเป็นความสงสัยก็สามารถเดินหน้าไป จะห้ามอะไรไม่ได้ และ สนช.ไม่น่าเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ตีความคุณสมบัตินี้ ที่ สนช.อยู่เพื่อให้องค์ประกอบสภาครบ ถ้าไปได้ก็ไปกันตั้งแต่วันนี้แล้ว ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องของ ส.ส. ไม่เกี่ยวกับสนช.
       
       เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสมัครในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ 01 หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ หรือยัง นายมีชัย กล่าว่า ไม่ได้คุย แต่ดีใจที่นิติศาสตร์รุ่นเดียวกันได้เป็นนายกฯ คนที่ 2 เมื่อถามว่าลักษณะของนายสมัครจะทำให้มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า นายสมัครเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปลี่ยน เป็นรูปแบบหนึ่งที่สร้างจนคนชอบและเลือกเข้ามาด้วยคะแนนท่วมท้น แสดงว่าสื่อกับประชาชนได้
       
       “ผมไม่ห่วงคุณสมัคร แต่ห่วงพวกคุณ ดังนั้นต่อไปนี้เวลาไปตั้งคำถามต้องคิดให้ดี คิดให้รอบคอบ” ส่วนภาพลักษณ์ของนายสมัครจะกระทบต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายสมัครต้องคิดเอาเอง
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนกังวลว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนตัว หรือที่เรียกว่ากฎหมายเอาผิดเจ็ดชั่วโคตรจะส่งผลกระทบต่อการตั้งรัฐบาล นายมีชัย กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย เนื่องจากมีสนช.เข้าชื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ เพราะเนื้อหาของกฎหมายมีความเกี่ยวโยงกับเครือญาติที่ไปไกลมากคนที่จะเป็นรัฐมนตรีต้องไปทำความเข้าใจกับเครือญาติว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับระบบราชการ ไม่ว่าจะเป็นลูกลุงป้า น้า อา ลูกเขย ลูกสะใภ้ ซึ่งทำให้ญาติที่สุจริตลำบากใจ ไม่รู้ว่าคนที่เป็นญาติของตนเองไปทำอะไรไว้ที่ไหน หรือไม่รู้ว่าญาติอยู่ตรงไหนบ้าง จะทำอะไรต้องระมัดระวัง กฎหมายนี้ไม่หยุมหยิม แต่ไปสร้างเงื่อนไขให้ไปเชื่อมโยงคนหมู่มาก ดังนั้นอะไรที่ตึงหรือหย่อนเกินไปก็มีพิษมีภัย ต้องดูด้วยความเหมาะสม
       
       นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนกฎหมาย ป.ป.ช.จะครอบคลุมเฉพาะสามี ภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่กฎหมายเจ็ดชั่วโคตรนี้รวมไปหมด ทั้งภรรยาที่จดหรือไม่จดทะเบียน เช่น หากมีญาติบางคนไปอ้างว่ามีญาติเป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีคนนั้นจะเข้าข่ายผิดกฎหมายนี้ทันที เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องทางการเมือง
       
       เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ตั้ง ส.ส.ร.ชุดใหม่ขึ้นมาพิจารณาแก้ไข นายมีชัย กล่าวว่า สามารถทำได้ เป็นเรื่องดี หากพบว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา แต่ควรศึกษาปัญหาต่างๆ ให้รอบคอบทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าแก้ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะโยงกันหลายประเด็น และการศึกษาไม่ใช่ทำกันวันนี้พรุ่งนี้เสร็จ ต้องใช้เวลา ทั้งนี้ การศึกษารัฐธรรมนูญ โดยมีคณะบุคคลขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำการศึกษาให้รอบด้านทุกแง่ทุกมุม
 
 


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-01-2008, 18:16



เอาไปจับแพะชนแกะกับคำพูดของชวนดู.. :slime_fighto:


จะเห็นว่าเริ่มเพื้ยนกันต่อไปได้อย่างไร? เพราะสื่อใช้อยู่ซ้ำๆบ่อยๆ ควบกับคำสัมภาษณ์ บุคคลต่างๆในสังคม

ทั่น ผู้เป็น ประธาน (ทาน)


หัวข้อ: Re: #####พาดหัวข่าว หัวข้อ การเมืองร้อนๆ แต่ดู ลามปาม เลอะเทอะ สกปรก ปนขบขัน..#####
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 02-02-2008, 02:03


พาดหัวข่าว ของค่ายผู้จัดการ อ่านบ่อยๆระวังกันให้ดีครับ..

เนื้อข่าวกับพาดหัวไม่ตรงกันนัก เป็นเทคนิคของสื่อ

ซึ่งจะมีผลต่อผู้ที่สนใจการเมืองและชนชั้นกลางอย่างมาก


ที่แปลกใจคือขณะนี้ เครือนี้ไม่ลงข่าวหรือพาดหัวโจมตีปชป.เลย

คงเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่มีกันอยู่


ชนชั้นกลางนี่แหละเหยื่อของข้อมูลข่าวสาร เพราะไม่ได้สัมผัสข้างบนบนและข้างล่างล่างมากนัก มัวแต่ทำงานงกๆ :slime_fighto: