ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 18:50



หัวข้อ: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 18:50
ตั้งกระทู้ใหม่เพราะกระทู้เดิมเน้นภาคอีสาน แล้วก็เอาไปผูกกับทักษิณ ผมลองผูกให้ดูใหม่

จะได้แก้ปัญหาได้มีโอกาสลุล่วงมากกว่า  :slime_fighto:



ครับ ในหลักการถูกต้อง แต่ก็ต้องทำทุกอย่างให้ยุติธรรม

อย่างไรก็ตามคนพื้นที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนต่างพื้นที่ครับ.

ทำไมเหตุการณ์ความไม่สงบที่เบาบางลงหลายสิบปีแต่อยู่ ๆ กลับรุนแรงขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
[/quote


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 18:52



ขอเชิญคนใต้ทุกคน เข้ามาแสดงควมคิดเห็น ว่าจะแก้ปัญหาที่มีอยู่ปัจจบันได้อย่างไรครับ? :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 18:59


ผมยอมรับนะครับว่า ทักษิณและพวกมีส่วนทำให้ปัญหาปะทุขึ้นมา

แค่ทว่าปัญหามีมานานแล้วครับ..

จะแก้ไขอย่างไรได้ผลมากกว่าเดิม..?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 06-01-2008, 19:29
คนที่ก่อปัญหาให้ปะทุขึ้นเป็นคนนอกพื้นที่ แต่กลับต้องให้คนในพื้นที่รับผิดชอบมันถูกต้องแล้วหรือครับ แต่ก่อนยังพอมีสายปะปนอยู่ในพวกที่ก่อความไม่สงบ แต่เพราะนโยบายบางคนทำให้สายพวกนี้โดนเก็บ แถมวิธีแก้ปัญหาของบางคนแทนที่จะแก้กลับสาดน้ำมันเข้ากองไฟอีก ส่วนปัญหากับชาวบ้าน ไม่ใช่เพราะความคิดที่ว่าลงโทษย้ายเจ้าหน้าที่มาชายแดนภาคใต้หรือครับ ที่ทำให้ปัญหาสะสมมานาน


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 19:35

คนที่ก่อปัญหาให้ปะทุขึ้นเป็นคนนอกพื้นที่ แต่กลับต้องให้คนในพื้นที่รับผิดชอบมันถูกต้องแล้วหรือครับ แต่ก่อนยังพอมีสายปะปนอยู่ในพวกที่ก่อความไม่สงบ แต่เพราะนโยบายบางคนทำให้สายพวกนี้โดนเก็บ แถมวิธีแก้ปัญหาของบางคนแทนที่จะแก้กลับสาดน้ำมันเข้ากองไฟอีก ส่วนปัญหากับชาวบ้าน ไม่ใช่เพราะความคิดที่ว่าลงโทษย้ายเจ้าหน้าที่มาชายแดนภาคใต้หรือครับ ที่ทำให้ปัญหาสะสมมานาน

นั่นคือเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณถูกพิพากษาจากสังคม

ส่วนการย้ายพวกมีปัญหาลงใต้ คือปัญหาของระบบการเมืองและราชการไทยตั้แต่อดีตครับ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Albert Einsteins ที่ 06-01-2008, 19:56
คนที่ก่อปัญหาให้ปะทุขึ้นเป็นคนนอกพื้นที่ แต่กลับต้องให้คนในพื้นที่รับผิดชอบมันถูกต้องแล้วหรือครับ แต่ก่อนยังพอมีสายปะปนอยู่ในพวกที่ก่อความไม่สงบ แต่เพราะนโยบายบางคนทำให้สายพวกนี้โดนเก็บ แถมวิธีแก้ปัญหาของบางคนแทนที่จะแก้กลับสาดน้ำมันเข้ากองไฟอีก ส่วนปัญหากับชาวบ้าน ไม่ใช่เพราะความคิดที่ว่าลงโทษย้ายเจ้าหน้าที่มาชายแดนภาคใต้หรือครับ ที่ทำให้ปัญหาสะสมมานาน

นั่นคือเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณถูกพิพากษาจากสังคม

ส่วนการย้ายพวกมีปัญหาลงใต้ คือปัญหาของระบบการเมืองและราชการไทยตั้แต่อดีตครับ..



เรื่องทั้งหมดเกิดจากนโยบายฆ่าตัดตอนฮะ
เขาเอาคืนโดยการปล้นปืน

หลังจากนั้นบานปลายจากนโยบายปาก*** "โจรกระจอก" ฮะ
ต่อจากนั้นราดกองเพลิงด้วยการยุบ ศอบต และส่งกำลังโดยตรงเข้าพื้นที่ เพราะฟังญาติที่คุมกำลัง (แต่ขอบอกว่าโง่)
ในที่สุดก็ลามปามขยายตัว จากการบุกมัสยิด ตามด้วยการตายที่ของคนประท้วงที่กรือเซะ (ถ้าอันนี้ผิดขออภัย)

แต่สิ่งที่เห็นคือ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ขี้ขลาดตาขาว
พยายามลอยตัวเหนือปัญหา เมื่อรู้ว่าไม่สามารถควบคุมได้
ทั้งที่ตอนแรกบอกสามเดือนหกเดือน
ตอนหลังบอกเป็นเรื่องของคณะกรรมการความมั่นคง
โยนให้ทหารรับไปเต็มๆ

สำหรับผมโชคร้ายที่มีนา่ยกสวะ ชอบโกง ไม่รับผิดชอบ มาบริหารประเทศ
(ดูจากอดีตก็เห็นโกงเงินคดีเช็ค โกงสัมปทานรัฐ (แก้ไขสัญญา) อื่นๆ อีกมากมาย)
(ผมอยู่วงการโทรคมนาคมกว่ายี่สิบปี รู้ดีว่าชินโตยังไง)


ส่วนเจ้าของกระทู้ถามว่า
ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป

ขอตอบเลยว่า
อย่าโยนให้ ปชป พรรคเดียวฮะ เพราะ พื้นที่สามจังหวัดไม่ได้มี สส ปชป พรรคเดียว
วิธีการแก้ปัญหา ปชป ก็ได้พูดไว้ระดับหนึ่งตอนหาเสียง นโยบายเก้าสิบเก้าวัน
อยากแก้ปัญหาก็ให้ ปชป เป็นรัฐบาล
สส ในพื้นที่อย่างมากก็ได้แค่บอกกล่าวกับคนในพื้นที่
ไม่มีอำนาจควบคุมกลไกรัฐ

ตอนนี้ พปช น่าจะเป็นแกนนำรัฐบาล
มี ชท พผด ที่มี สส ในพื้นที่
คงจะสามารถแก้ปัญหาได้
ถ้าแก้ไม่ได้ อย่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นแบบการตั้งกระทู้นี้นะฮะ

ไม่มีฝีมือ ก็อย่ามาบริหารประเทศ
ประเทศไม่ใช่หนูทดลองของคนชั่วๆ


อีกอย่างก็ควรประนาฌตัวต้นเหตุด้วย
ชอบพูดแต่ปลายเหตุ
อย่าปล่อยให้ตัวชั่วลอยนวล

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 20:02


อ้าวแล้วเลิกโทษคนอีสานแล้วเหรอ หรือจะโทษใคร?

หุบปากไปเถอะครับถ้าแนะนำอะไรโดยไม่ต้องโทษใครไม่ได้..

กระทู้จะได้ไม่เสียครับ.. :slime_doubt:



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Albert Einsteins ที่ 06-01-2008, 20:22
ตอบชัดมากว่าถ้าโทษต้องโทษ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ที่ขี้ขลาดตาขาว

ส่วนคำแนะนำผมก็บอกแล้วว่าอยากแก้ปัญหาก็ให้ ปชป เป็นรัฐบาล

อ่านไม่ดีอย่าพล่าม แล้วมาเขียนกระทู้เอาชั่วใส่คนอื่น
สส ในพื้นที่มีหลายพรรค
ปชป ก็ไม่ได้มีอำนาจคุมกลไกรัฐ
ก็ไปตั้งกระทู้ให้กหมือนเขาต้องไปรับผิดชอบ

อย่าตั้งกระทู้อย่างนี้เลย
เปลืองฮาร์ดดิสครับ

 :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 20:26
ตอบชัดมากว่าถ้าโทษต้องโทษ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ที่ขี้ขลาดตาขาว

ส่วนคำแนะนำผมก็บอกแล้วว่าอยากแก้ปัญหาก็ให้ ปชป เป็นรัฐบาล

อ่านไม่ดีอย่าพล่าม แล้วมาเขียนกระทู้เอาชั่วใส่คนอื่น
สส ในพื้นที่มีหลายพรรค
ปชป ก็ไม่ได้มีอำนาจคุมกลไกรัฐ
ก็ไปตั้งกระทู้ให้กหมือนเขาต้องไปรับผิดชอบ

อย่าตั้งกระทู้อย่างนี้เลย
เปลืองฮาร์ดดิสครับ

 :slime_cool:

เข้าตัวเองหวะ ไอ้หนู อ่านกระทู้ให้ดีแล้วคิดได้แค่นี้นะครับ

ก็ไปเป็นฝ่ายค้านไป..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJia ที่ 06-01-2008, 20:38
 :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 21:06


เอาไว้มาช่วยกันหาข้อมูลและช่วยกันคิดต่อครับ..

เผื่อนักการเมืองและทหารจะหลงหูหลงตา หรือคิดไม่ละเอียด..

หรือว่าติดขัดตรงไหน? ที่ใครในประเทศนี้..

แต่เท่าที่ดู ผมว่าทหารปีสองปีที่ผ่านมาแก้ปัญหาไปได้มากพอสมควรแล้ว..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 06-01-2008, 21:17

การแก้ไขปัญหาต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องค่อย ๆ สร้างมวลชนขึ้นมาใหม่ การสร้างกับการทำลายมันใช้เวลาไม่เท่ากันค่ะ  คุณคิวตั้งกระทู้ให้เขามาตอบ เขามาตอบแล้วไม่ถูกใจคุณคิว กลับไปต่อว่าเขาอย่างนี้ก็ไม่ถูกค่ะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-01-2008, 21:24
การแก้ไขปัญหาต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องค่อย ๆ สร้างมวลชนขึ้นมาใหม่ การสร้างกับการทำลายมันใช้เวลาไม่เท่ากันค่ะ  คุณคิวตั้งกระทู้ให้เขามาตอบ เขามาตอบแล้วไม่ถูกใจคุณคิว กลับไปต่อว่าเขาอย่างนี้ก็ไม่ถูกค่ะ


ตอบแบบกล่าวหา เตือนแล้วครับ.. :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 07-01-2008, 10:41
เอางี้นะครับ คนยะลาเกิดยะลา ตายยะลาไหมไม่รู้

คุณมาผูกกับ พรรค ปชป.ไม่ถูกครับอย่าผูกแบบนี้ ไม่ยุติธรรม สส.ในสามจังหวัดชายแดน จะกระจายไปสองพรรคใหญ่ๆมาตลอดจนกระทั่งเลือกตั้งครั้ง48 สองพรรคที่ว่าคือ ปชป.(กลุ่ม11 นำโดยนายประเสริฐ พงศ์สุวรรณศิริ)  และควม.(กลุ่มวาดะ นำโดย นาย วันมูหะหมัด นอร์ มะทา) ทั้งสองคนเป้นสส.พื้นที่จังหวัดยะลา โดนบางครั้ง ควม ได้มากว่า บาครั้ง ปชป ได้มากกว่า ดังนั้นจะบอกว่า ปชป.จะแบกรับคำกล่าวอ้างของคุณ ไม่ยุติธรรม
ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วยังยืนยันหลักการเดิมก็ปิดคำตอบผมไปเลยครับ เพราะเสียเวลาจะมาคุยกันแล้ว

หลังจากเลือกตั้ง48 ปชป.10 ชท.1 ทรทกลุ่มวาดะ ไม่ได้แม้แต่คนเดียว เพราะ การบริหารงานของ ทรท.ช่วงนั้น ย้ำว่าช่วงนั้นเท่านั้นทำให้คนในพื้นที่แม้แต่ฐานเสียง มุสลิมของ อ.วันนอร์ก็ยังเทให้ปชป.อย่างเหลือเชื่อ และเลือกตั้งครั้งล่าสุดก็กลับมาสภาพใหม่ที่แปลกไปอีกคือกลุ่ม อ.แวที่ สามารถเบียดขึ้นมาได้ แต่การไปร่วมกลุ่มกับ พปช.ครั้งนี้ ครั้งหน้า อ.แวอาจจะหมดบทบาทการเมืองระดับชาติ(ส.ส)เลยก็ได้ครับ

ถ้าคุณจะย้อนเวลาไปซักนิดต้องย้อนไปถึงสมัยน้าชาติจนถึงรัฐบาลทุกรัฐบาลที่เน้นการบริหารพัฒนาเศษฐกิจมากมายจนถึงกับละเลยก็ว่าได้ ในด้านสังคมฯวัฒนฯ ไปจนการศึกษาของสามจังหวัดไม่มีการแยกออกจากกัน นักเรียนมุสลิมที่เรียนโรงเรียนหลวงก็ไม่มีการจัดแยกลักษณะ แต่ใมห้เรียนรวมกันมากจนกระทั่ง กลุ่มคน มุสลิมบางกลุ่ม(ใหญ่ๆมากๆ)ไม่พอใจการเรียนแบบนี้ เพราะสอนศาสนาเดียวคือพุทธและศาสนาอิสลามกลายเป้นศาสนาที่การเรียนการสอนไม่เน้นย้ำและแยกให้เด่นเท่าเทียมกัน(บางที่ไม่มีการเรียนการสอนศาสนาอิสลามในระบบ) พ่อแม่ก็ลากลูกออกไปเรียนสอนศาสนากันส่วนใหญ่ซึ่งถ้าคุณนึกภาพไม่ออกให้นึกโรงเรียนวัดที่มีพระสอนในช่วง50ปีก่อนนู้นเลย(ผมไม่รู้ว่าพระสอนเด้กช่วงเวลาไหน) สอนแต่ศาสนาประวัติศาสนาภาษาก็สอนแต่ภาษามาลายู ภาษายาวี คนที่ออกมาก็พูดแต่ภาษายาวี พูดไทยไม่ค่อยได้ เลยทำงานไม่ได้ เพราะคนกุมอำนาจทางเศษฐกิจของ3จ.นี้นั้เป็นกลุ่มคนจีน+ไทยที่มีประชากรแค่15-25%แต่คนที่ตกเป้นเบี้ยล่างมีมากว่ากี่เท่า*เอาเอง แล้วคุณมองดูเวลาสภาพแบบนี้ ความรู้สึกแตกต่าง ความรู้สึกขับค้องใจจะเป็นเช่นไร แต่เรื่องนี้โทษกันยาก ผมเห้นว่า ชาวมุสลิมขายที่ทกำกินให้คนจีน+ไทยกันเป้นว่าเล่นเพราะ นึกว่ามีไม่หมดแต่มันก้หมด ตลอดเวลา20ปีที่รับรู้เรื่องราว(หักตอนเด็กแล้วนะเพราะไม่รู้เรื่องอาราย) เวลาชาวมุสลิมไปเมกะกันทีก็เอาที่ดินที่ทำกิน มาจำนำ มาจำนอง มาขายให้คนจีน คนไทยแล้วเอาเงินไปใช้พอกลับมาก็ไม่มาไถ่คืน อันนี้เป้นมาตลอดปัจจุบันเริ่มไม่มาขายคนจีนแหละ ขายมุสลิมกันเอง และคนจีนคนไทยก็ไม่กล้ารับแล้วด้วย
จริงๆมีมากมายกว่านี้ผมหมดเวลาแล้วคงต้องเอาข้อมูลแค่นี้ให้คุณกลับไปคิดก่อน

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังทำใจอ่านได้ต่อไป บอกผมาผมจะพยายามอย่างที่สุดเล่าเรื่องที่คุณอยากรู้ต่อไป แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ตอบว่าไร้สาระ ผมจะไม่เข้ามากระทู้นี้อีก

ป.ล. นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่คุณไม่รู้แล้วผมก็ไม่คิดว่าคุณอยากรับรู้จากคำกล่าวที่บอกว่า คนในพื้นที่ต้องรับผืดชอบ ผมก็จะอยู่กับบ้านผมเมืองผมไปแบบนี้แล้วกันนะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-01-2008, 14:37
เอางี้นะครับ คนยะลาเกิดยะลา ตายยะลาไหมไม่รู้

คุณมาผูกกับ พรรค ปชป.ไม่ถูกครับอย่าผูกแบบนี้ ไม่ยุติธรรม สส.ในสามจังหวัดชายแดน จะกระจายไปสองพรรคใหญ่ๆมาตลอดจนกระทั่งเลือกตั้งครั้ง48 สองพรรคที่ว่าคือ ปชป.(กลุ่ม11 นำโดยนายประเสริฐ พงศ์สุวรรณศิริ)  และควม.(กลุ่มวาดะ นำโดย นาย วันมูหะหมัด นอร์ มะทา) ทั้งสองคนเป้นสส.พื้นที่จังหวัดยะลา โดนบางครั้ง ควม ได้มากว่า บาครั้ง ปชป ได้มากกว่า ดังนั้นจะบอกว่า ปชป.จะแบกรับคำกล่าวอ้างของคุณ ไม่ยุติธรรม
ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วยังยืนยันหลักการเดิมก็ปิดคำตอบผมไปเลยครับ เพราะเสียเวลาจะมาคุยกันแล้ว

หลังจากเลือกตั้ง48 ปชป.10 ชท.1 ทรทกลุ่มวาดะ ไม่ได้แม้แต่คนเดียว เพราะ การบริหารงานของ ทรท.ช่วงนั้น ย้ำว่าช่วงนั้นเท่านั้นทำให้คนในพื้นที่แม้แต่ฐานเสียง มุสลิมของ อ.วันนอร์ก็ยังเทให้ปชป.อย่างเหลือเชื่อ และเลือกตั้งครั้งล่าสุดก็กลับมาสภาพใหม่ที่แปลกไปอีกคือกลุ่ม อ.แวที่ สามารถเบียดขึ้นมาได้ แต่การไปร่วมกลุ่มกับ พปช.ครั้งนี้ ครั้งหน้า อ.แวอาจจะหมดบทบาทการเมืองระดับชาติ(ส.ส)เลยก็ได้ครับ

ถ้าคุณจะย้อนเวลาไปซักนิดต้องย้อนไปถึงสมัยน้าชาติจนถึงรัฐบาลทุกรัฐบาลที่เน้นการบริหารพัฒนาเศษฐกิจมากมายจนถึงกับละเลยก็ว่าได้ ในด้านสังคมฯวัฒนฯ ไปจนการศึกษาของสามจังหวัดไม่มีการแยกออกจากกัน นักเรียนมุสลิมที่เรียนโรงเรียนหลวงก็ไม่มีการจัดแยกลักษณะ แต่ใมห้เรียนรวมกันมากจนกระทั่ง กลุ่มคน มุสลิมบางกลุ่ม(ใหญ่ๆมากๆ)ไม่พอใจการเรียนแบบนี้ เพราะสอนศาสนาเดียวคือพุทธและศาสนาอิสลามกลายเป้นศาสนาที่การเรียนการสอนไม่เน้นย้ำและแยกให้เด่นเท่าเทียมกัน(บางที่ไม่มีการเรียนการสอนศาสนาอิสลามในระบบ) พ่อแม่ก็ลากลูกออกไปเรียนสอนศาสนากันส่วนใหญ่ซึ่งถ้าคุณนึกภาพไม่ออกให้นึกโรงเรียนวัดที่มีพระสอนในช่วง50ปีก่อนนู้นเลย(ผมไม่รู้ว่าพระสอนเด้กช่วงเวลาไหน) สอนแต่ศาสนาประวัติศาสนาภาษาก็สอนแต่ภาษามาลายู ภาษายาวี คนที่ออกมาก็พูดแต่ภาษายาวี พูดไทยไม่ค่อยได้ เลยทำงานไม่ได้ เพราะคนกุมอำนาจทางเศษฐกิจของ3จ.นี้นั้เป็นกลุ่มคนจีน+ไทยที่มีประชากรแค่15-25%แต่คนที่ตกเป้นเบี้ยล่างมีมากว่ากี่เท่า*เอาเอง แล้วคุณมองดูเวลาสภาพแบบนี้ ความรู้สึกแตกต่าง ความรู้สึกขับค้องใจจะเป็นเช่นไร แต่เรื่องนี้โทษกันยาก ผมเห้นว่า ชาวมุสลิมขายที่ทกำกินให้คนจีน+ไทยกันเป้นว่าเล่นเพราะ นึกว่ามีไม่หมดแต่มันก้หมด ตลอดเวลา20ปีที่รับรู้เรื่องราว(หักตอนเด็กแล้วนะเพราะไม่รู้เรื่องอาราย) เวลาชาวมุสลิมไปเมกะกันทีก็เอาที่ดินที่ทำกิน มาจำนำ มาจำนอง มาขายให้คนจีน คนไทยแล้วเอาเงินไปใช้พอกลับมาก็ไม่มาไถ่คืน อันนี้เป้นมาตลอดปัจจุบันเริ่มไม่มาขายคนจีนแหละ ขายมุสลิมกันเอง และคนจีนคนไทยก็ไม่กล้ารับแล้วด้วย
จริงๆมีมากมายกว่านี้ผมหมดเวลาแล้วคงต้องเอาข้อมูลแค่นี้ให้คุณกลับไปคิดก่อน

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังทำใจอ่านได้ต่อไป บอกผมาผมจะพยายามอย่างที่สุดเล่าเรื่องที่คุณอยากรู้ต่อไป แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ตอบว่าไร้สาระ ผมจะไม่เข้ามากระทู้นี้อีก

ป.ล. นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่คุณไม่รู้แล้วผมก็ไม่คิดว่าคุณอยากรับรู้จากคำกล่าวที่บอกว่า คนในพื้นที่ต้องรับผืดชอบ ผมก็จะอยู่กับบ้านผมเมืองผมไปแบบนี้แล้วกันนะ

ตั้งกระทู้เพื่อหาข้อมูลและรายละเอียดการแก้ปัญหาเพิ่มขึ้นครับ..

ถ้าสส.ใต้ส่วนใหญ่ตลอดหลายสิบปีเช่นพรรคปชป.และคนใต้ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่รับผิดชอบ จะให้ใครรับผิดชอบร่วม? ระบุหน่อยครับ..?

อย่างน้อยคนตายจำนวนมาก รับผิดชอบไปแล้ว พวกคุณอยู่ตรงนั้นมานาน


จะแก้ปัญหาอย่างไรครับ ดูซิว่ามันจะได้ผลแค่ไหนเมื่อ่ไร?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 07-01-2008, 15:12
ถ้าสส.ใต้ส่วนใหญ่ตลอดหลายสิบปีเช่นพรรคปชป.และคนใต้ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่รับผิดชอบ   จะให้ใครรับผิดชอบร่วม? ระบุหน่อยครับ..?


แล้วปัญหาที่ลุกลามใหญ่โตใครก่อไว้ครับ ต้องมองย้อนไปว่า องค์กรที่โดนยุบ หน่วยงานที่ทำงานหายไปใครสั่ง ใครคิดว่าแน่จริง จะแก้ปัญหา พูดประกาศด่า ผู้ก่อการร้าย ท้าทาย คนอื่น สุดท้ายแนวทางที่คิดว่าดีไม่ประสบผลเลยครับ แล้วคำนี้ มันส่อให้แตกแยกนะครับ สีแดงที่คุณถาม ถ้าผมตอกกลับในฐานะที่คใต้มี ทรพยากรธรรมชาติมากกว่า มีทะลเ มีความแดมสมบูรณ์  ขอโทษนะขอถามกลับกลับแบบกำปั้นทุบดิน อีสานมันห่วย ยังเลือก สส.แบบเดิม ก็ให้มันไม่แก้ปัญญาความยากจน ก็ให้ สส.แก้กันเอง ป่าไม้โดนทำลายก็แก้กันเอง ดีไหมครับ ประเทศ คือประเทศ ไม่ใช่ ปชป.ดูแลใต้ ทักษิณดูแลอีสาน แบบนี้เปลี่ยนจากรัฐเดี่ยวเป้น มลรัฐดีกว่า ครับ

อย่างน้อยคนตายจำนวนมาก รับผิดชอบไปแล้ว พวกคุณอยู่ตรงนั้นมานาน  

แล้วป่าไม้ที่ถูกทำลายไปมาก คนที่อยู่อีสานมานานไม่รับผิดชอบกันเองละครับ

ในเมื่อคุณตั้งกระทู้แล้วถามแบบกำปั่นทุบดิน ผมก็ตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้เหมือนกัน เพราะผมอ่านเม้นคุณแล้ว มันส่อว่าคุณจะด่า ปชป.เท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-01-2008, 15:23
ถ้าสส.ใต้ส่วนใหญ่ตลอดหลายสิบปีเช่นพรรคปชป.และคนใต้ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่รับผิดชอบ   จะให้ใครรับผิดชอบร่วม? ระบุหน่อยครับ..?


แล้วปัญหาที่ลุกลามใหญ่โตใครก่อไว้ครับ ต้องมองย้อนไปว่า องค์กรที่โดนยุบ หน่วยงานที่ทำงานหายไปใครสั่ง ใครคิดว่าแน่จริง จะแก้ปัญหา พูดประกาศด่า ผู้ก่อการร้าย ท้าทาย คนอื่น สุดท้ายแนวทางที่คิดว่าดีไม่ประสบผลเลยครับ แล้วคำนี้ มันส่อให้แตกแยกนะครับ สีแดงที่คุณถาม ถ้าผมตอกกลับในฐานะที่คใต้มี ทรพยากรธรรมชาติมากกว่า มีทะลเ มีความแดมสมบูรณ์  ขอโทษนะขอถามกลับกลับแบบกำปั้นทุบดิน อีสานมันห่วย ยังเลือก สส.แบบเดิม ก็ให้มันไม่แก้ปัญญาความยากจน ก็ให้ สส.แก้กันเอง ป่าไม้โดนทำลายก็แก้กันเอง ดีไหมครับ ประเทศ คือประเทศ ไม่ใช่ ปชป.ดูแลใต้ ทักษิณดูแลอีสาน แบบนี้เปลี่ยนจากรัฐเดี่ยวเป้น มลรัฐดีกว่า ครับ

อย่างน้อยคนตายจำนวนมาก รับผิดชอบไปแล้ว พวกคุณอยู่ตรงนั้นมานาน  

แล้วป่าไม้ที่ถูกทำลายไปมาก คนที่อยู่อีสานมานานไม่รับผิดชอบกันเองละครับ

ในเมื่อคุณตั้งกระทู้แล้วถามแบบกำปั่นทุบดิน ผมก็ตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้เหมือนกัน เพราะผมอ่านเม้นคุณแล้ว มันส่อว่าคุณจะด่า ปชป.เท่านั้นเอง

ปชป. มีวิธีแก้ปัญหาใต้ที่ดีอะไรบ้าง?  หรือคุณก็ได้? เรื่องอื่นผมไม่สนใจเท่าไหร่ครับ?  

ส่วนคิดอย่างไรกับปชป.และสาวก เป็นเรื่องที่คนเขาไม่เลือกค่อนประเทศ..!


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 07-01-2008, 15:57
แล้วไม่ใช่ปัญหาลับสมองรัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลอนาคตเหรอครับ   :slime_doubt:

ผมว่าปัญหาลับสมองของประชาธิปัตย์คือทำยังไงจะได้คะแนนเสียงจากคนอย่างคุณคิวมากกว่า (ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสซักกี่เปอร์เซนต์  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:)



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 07-01-2008, 15:59
อย่าซ้ำเติมเลยค่ะ เรื่องนี้พวกเราเจ็บปวดมามากแล้ว ฝ่ายรัฐบาลก่อปัญหาขึ้นมา แล้วให้ฝ่ายค้านซึ่งไม่มีทั้งอำนาจ งบประมาณมาแก้ไขปัญหา เหตุการณ์ตอนนี้มันบานปลายเกินกว่าที่จะเยียวยาแล้ว คุณคิวคงไม่ทราบว่าคนในพื้นที่ คนที่ทำงานที่นั่นเขาตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดแค่ไหน รักษาตัวเอง เป้นห่วงลูก เป็นห่วงครอบครัว บางคนถึงกับกระอักเลือดก็มีเพราะความเครียด ยังจะไปโทษพวกเขาอีกหรือคะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-01-2008, 16:03
แต่มันก็แปลกนะ หลายเขตแถวๆ นั้น ยังเลือกพรรคนอมินีทักษิณ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 07-01-2008, 16:20
แต่มันก็แปลกนะ หลายเขตแถวๆ นั้น ยังเลือกพรรคนอมินีทักษิณ

ที่แน่ๆ มีกลุ่มนึงเ้ลือก เพราะเห็นเป็นอิสลามเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-01-2008, 19:00




อยากให้หาทางแก้ปัญหาให้หายขาดครับ  สส.ปชป.ต้องรันเจ้าภาพร่วมด้วยกับทหารและรัฐบาล :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 07-01-2008, 19:18
เรื่องสายลับ การข่าว ที่มีบางท่านกล่าวใว้ในกระทู้ อันนี้ผมว่าสาเหตุหลัก

โดนเค้าทุบแตกกระจาย เนื่องจากโดนสงสัยว่าอยู่ฝ่ายนักการเมืองตรงข้าม และโดนยั่วยุโดย นักการเมืองฝั่งเดียวกัน


การจัดทีมลงรากฝังตัวใหม่ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ย่อมยากเย็นแสนเข็ญนัก


ปัญหาหนักก็เลยต้องตกอยู่ที่  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-01-2008, 19:27
เรื่องสายลับ การข่าว ที่มีบางท่านกล่าวใว้ในกระทู้ อันนี้ผมว่าสาเหตุหลัก

โดนเค้าทุบแตกกระจาย เนื่องจากโดนสงสัยว่าอยู่ฝ่ายนักการเมืองตรงข้าม และโดนยั่วยุโดย นักการเมืองฝั่งเดียวกัน


การจัดทีมลงรากฝังตัวใหม่ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ย่อมยากเย็นแสนเข็ญนัก


ปัญหาหนักก็เลยต้องตกอยู่ที่  :slime_doubt:

ขอบคุณครับ ผมว่าเล่นกันบนดินมากหน่อยก็น่าจะดี ค่อยๆสร้างความไว้วางใจให้ชาวบ้าน..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 07-01-2008, 19:47
เรื่องสายลับ การข่าว ที่มีบางท่านกล่าวใว้ในกระทู้ อันนี้ผมว่าสาเหตุหลัก

โดนเค้าทุบแตกกระจาย เนื่องจากโดนสงสัยว่าอยู่ฝ่ายนักการเมืองตรงข้าม และโดนยั่วยุโดย นักการเมืองฝั่งเดียวกัน


การจัดทีมลงรากฝังตัวใหม่ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ย่อมยากเย็นแสนเข็ญนัก


ปัญหาหนักก็เลยต้องตกอยู่ที่  :slime_doubt:

คุณ soco และเพื่อนๆ

ผมว่างานนี้หนัก

เพราะประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ มีทั้ง 3 ศาสนา และหลากหลายนิกาย

ผมยังมองไม่ออกว่าจะทำให้สมานฉันท์กันได้อย่างไร

แต่เหตุสำคัญที่สุดคือ โลภะ โมหะ โลภ เอาชนะ (จะเปรียบกับคำในศาสนาอื่นน่าจะมี)

ตอนนี้แค่เอาคุยกันธรรมดา เห็นต่างกัน กันยังลำบากเลย ไม่ต้องกล่าวถึงการเอาชนะใจกัน

เรื่องของจิตใจ ของใครของเขา

ผมมองไม่เห็นทางออกจริงๆ...

เป็นไปได้ไหมที่คนเราละลดกิเษสลง

ผมว่าระบอบทุนนิยมแฝงปชตกำลังจะทำให้เราสูญเสียกันทั้งหมด

:slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 07-01-2008, 19:59
ปัญหาตรงนั้น เป็นเรื่องของพวกไร้ศาสนาครับ


เพราะมันกระทำต่อคนทุกศาสนา


ผมไม่อยากคุยเรื่องศาสนาน่ะครับ



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-01-2008, 20:23


คุยกันด้วยคำว่าคุณธรรมจริยธรรม มันดูกลางๆดีครับ..

ประเทศประชาธิปไตยทุกประเทศ ที่มีหลายความเชื่อ

เจอปัญหาเหมือนกัน แต่ของเราดีกว่าประเทศตะวันออกกลาง

หรือประเทศตำรวจโลกและพันธมิตร เราไม่ได้อยู่ระหว่างเขาควาย


ปัญหาแก้ได้ ถ้าหยุดปัญหาที่ผ่านมาทั้งหมดได้จริง.ลดความคิดใช้กำลังตัดสินปัญหา..

ผมเชื่อว่า พวกสายเหยี่ยว และพวกเสี้ยม ทำให้ปัญหาบานปลาย จับต้นชนปลายไม่ได้

ต้องเอาจริเอาจัง เริ่มหาจุดตัดวงจรของปัญหา แล้วทำซอฟท์แลนดิ้ง..

กิจกรรมเพื่อสังคม สม่ำเสมอ จากพวกหัวกลางๆ ช่วยได้มาก

นักการเมืองต้องไม่สาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 07-01-2008, 20:27
แสดงว่า ผลประโยชน์ของนักการเมืองในพื้นที่ขัดกัน ทำให้มีปัญหา

ประกอบกับการยุบ ศอบต. ทำให้สายงานเดิมๆ เปลี่ยนแปลง

( ประเด็นนี้ เป็นผลงานอันสุดชั่วของตำรวจในระบอบทักษิณ ลงไปกำจัดกลุ่มอิทธิพลของหลายฝ่าย )

มีการกำจัด กลุ่มอิทธิพลฝั่งตรงข้าม ( ยาเสพติด-สินค้าหนีภาษี )

คนที่โดนกำจัด มีทั้ง อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ( หัวคะแนน )

โดยมีการล้างบางกันไปมาทั้งสองฝ่ายหรือหลายฝ่าย

ถ้าสรุปตามนี้ก็คือ การขัดกันผลประโยชน์ของ นักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น

รวมทั้งการขัดกันของข้าราชการ ทหาร พลเรือน ตำรวจ ศูนย์รวมอำนาจเปลี่ยนแปลงไป

ทำให้เกิดการห้ำหั่น ( อดีต สส. โดนข้อหาปล้นปืน )

สุดท้ายก็โยนให้เป็นความขัดแย้งเรื่อง เชื้อชาติ ศาสนา

โดยมีประชาชน ครู นักการศาสนา พระ เป็นผู้รับกรรม

เมื่อความแตกแยก - หวาดระแวงถึงขีดสุด ก็ยากที่จะทำให้สังคมสันติสุขได้

ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ คือนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น รวมทั้ง ทหาร/ตำรวจ/ฝ่ายปกครอง ต้องประสานประโยชน์กันให้ได้ก่อน

เพื่อให้เกิดเอกภาพ ในการแก้ปัญหา

ถ้าพวกระดับนำในพื้นที่ยังซัดกันเอง ไม่ห้ามลูกน้อง ก็ยากที่จะสงบลงได้

สรุปคือ ความไม่สมานสามัคคีของระดับนำในพื้นที่ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 07-01-2008, 20:40
ปัญหาตรงนั้น เป็นเรื่องของพวกไร้ศาสนาครับ


เพราะมันกระทำต่อคนทุกศาสนา


ผมไม่อยากคุยเรื่องศาสนาน่ะครับ


ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือสื่อมักลงแต่ไทยพุทธที่โดนทำร้าย แต่ไทยมุสลิมที่โดนทำร้ายมักไม่ค่อยลง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-01-2008, 20:44

ตอนนี้ถ้ามุ่งแก้ด้วยการใส่เงินเข้าไปสร้างความจริญทางวัตถุหรือทุนนิยม

อาจจะทำให้ใช้ความรุนแรงในการก่อการร้ายมากขึ้นไปอีก ตามความรู้ทั่วไปและโอกาสของตัวเบี้ยของแต่ละฝ่าย


หากไม่พยายามแก้ไขอย่างถูกวิธี  ปัญหาความยากจน และความรุนแรงจะเป็นตัวเลี้ยงเชื้อปัญหาเอาไว้

หน่วอยงานแบบศอบต. ที่มีประสิทธิภาพมากๆในการทำมวลชนสัมพันธ์ไปด้วย งานแบบนี้ต้องเป็นคนในพื้นที่ครับ

คนนอกพื้นที่ไปก็ถูกส่อง.. คนและทหารนอกพื้นที่ต้องเอาไว้คุมเชิงประคองสถานการณ์ ลดความรุนแรงทางอารมณ์..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-01-2008, 02:36
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือสื่อมักลงแต่ไทยพุทธที่โดนทำร้าย แต่ไทยมุสลิมที่โดนทำร้ายมักไม่ค่อยลง



แนวความคิดแบบสายเหยี่ยวต้องให้ลดบทบาทไปทำงานด้านอื่น

สื่อมวลชนใดทำข่าวไม่สร้างสรรค์ยั่วยุด้วยประเด็นอ่อนไหวต้องมีเจ้าหน้าที่ประกบ คอนนี้มีพรบ.ความมั่นคงฯ นักการเมืองอย่าไปแตะ..


ในพื้นที่ผมว่าเล่นมารค์ตัวให้หมดดีแล้ว ห่วงแต่นักการเมืองเอาหน้า ต้องยกย่องคนทำงาน คนเสียสละหลังฉาก..ทุกโอกาสที่เหมาะสม

มันก็เรื่องแตกแยก ทุกระดับ เรื่องเก่าๆ พยายามอย่าไปรื้อฟื้นเอามาให้บาดใจชาวบ้าน..

ผู้ก่อการร้ายอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตัวเล่น..ระดับปฏิบัติการ 


พวกยุแหย่อยู่นอกประเทศ

คงต้องใช้วิธีการเดียวกับที่จัดการกับนักการเมิองรายใหญ่ที่หนีไปนอกประเทศของเรา


สายข่าวของฝ่ายตรงข้าม ต้องพยายามตัดวง การสื่อสารออกจากกัน

ส่งเด็กในพื้นที่เข้าเรียนนอกเขตอิทธิพลครับ

ผมว่าเรื่องเบาไปแล้ว

แค่อยากบอกปชป.และพปช. อย่าฉวยโอกาสเอาหน้าตอนนี้ เดี๋ยวก็แก้ไขได้ในไม่กี่ปี.. ปขป.ต้องดูแลให้ดีด้วย

ควรกันประเด็นการเมืองทุกชนิดออกไปด้วยครับ..คืออาการน่าจะเป็นระยะเพิ่งฟื้นไข้ ตามความเห็นผมนะ

ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงไปกว่าปีก่อนๆ  


ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ มองเห็นต่างหรือไม่ครับ?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-01-2008, 03:02
บทบาทสื่อมวลชน ใช้ ศูนย์อิศรา ของสมาคมนักข่าว ร่วมกับ ดร.สนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าฯ สงขลาสิ

ผู้ว่าฯ คนนี้จบนิเทศศาสตร์ จุฬา รุ่น 4 เพื่อน อธิบดี กรมกร๊วกนั่นแหละ

ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยกันไม่ได้ เพราะข่าวกับความมั่นคง ต้องประสานกันให้ได้


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-01-2008, 03:25

บทบาทสื่อมวลชน ใช้ ศูนย์อิศรา ของสมาคมนักข่าว ร่วมกับ ดร.สนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าฯ สงขลาสิ

ผู้ว่าฯ คนนี้จบนิเทศศาสตร์ จุฬา รุ่น 4 เพื่อน อธิบดี กรมกร๊วกนั่นแหละ

ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยกันไม่ได้ เพราะข่าวกับความมั่นคง ต้องประสานกันให้ได้

ครับขอบคุณครับ ฝ่ายความมั่นคงต้องเข้ามาเดินไปกับสื่อ สนับสนุนครับ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 08-01-2008, 03:27


แนวความคิดแบบสายเหยี่ยวต้องให้ลดบทบาทไปทำงานด้านอื่น

สื่อมวลชนใดทำข่าวไม่สร้างสรรค์ยั่วยุด้วยประเด็นอ่อนไหวต้องมีเจ้าหน้าที่ประกบ คอนนี้มีพรบ.ความั่นคงฯ นักการเมืองอย่าไปแตะ..


ในพื้นที่ผมว่าเล่นมารค์ตัวให้หมดดีแล้ว ห่วงแต่นักการเมืองเอาหน้า ต้องยกย่องคนทำงาน คนเสียสละหลังฉาก..ทุกโอกาสที่เหมาะสม

มันก็เรื่องแตกแยก ทุกระดับ เรื่องเก่าๆ พยายามอย่าไปรื้อฟื้นเอามาให้บาดใจชาวบ้าน..

ผู้ก่อการร้ายอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตัวเล่น..ระดับปฏิบัติการ  พวกยุแหย่อยู่นอกประเทศ

คงต้องใช้วิธีการเดียวกับที่จัดการกับนักการเมิองรายใหญ่ที่หนีไปนอกประเทศของเรา


สายข่าวของฝ่ายตรงข้าม ต้องพยายามตัดวง การสื่อสารออกจากกัน

ส่งเด็กในพื้นที่เข้าเรียนนอกเขตอิทธิพลครับ

ผมว่าเรื่องเบาไปแล้ว

แค่อยากบอกปชป.และพปช. อย่าฉวยโอกาสเอาหน้าตอนนี้ เดี๋ยวก็แก้ไขได้ในไม่กี่ปี.. ปขป.ต้องดูแลให้ดีด้วย

ควรกันประเด็นการเมืองทุกชนิดออกไปด้วยครับ..คืออาการน่าจะเป็นระยะเพิ่งฟื้นไข้ ตามความเห็นผมนะ

ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงไปกว่าปีก่อนๆ  


ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ มองเห็นต่างหรือไม่ครับ?
ปชป ก็ได้แต่รับฟังปัญหาคนในพื้นที่ที่ตัวเองเป็นผู้แทนเพราะไม่มีอำนาจไปสั่งการเจ้าหน้าที่ ผู้ที่มีอำนาจสั่งเจ้าหน้าที่คือรัฐบาล ถึงหลายฝ่ายช่วยกันเสนอทางแก้แต่หากรัฐบาลไม่ฟังไม่สนแล้วมันจะแก้ได้ไหมครับ ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนี่ครับแก้ปัญหาตามใจนายกสุดท้ายก็เป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ผู้ที่มีหน้าที่ที่ต้องดูแลให้ดีคือรัฐบาล ไม่ใช่ ปชป. แล้วพรรคที่จะร่วมเป้นรัฐบาลขณะนี้ต่างก็มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาเป็นของตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ  แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องขโมยผลงาน คนหนึ่งทำงานและแก้ปัญหาแทบตายสุดท้ายกลับโดนอีกคนขโมยผลงานไปแบบนี้ใครเขาจะยอมทำยอมช่วยครับ

ส่วนเรื่องข่าวก็ดูตามหน้าหนังสือพิมพ์เองครับ หากไทยพุทธโดนหนังสือพิมพ์พาดหัวเด่นเลยไม่ใช่หรือครับ แต่หากเป็นไทยมุสลิมโดนมักจะเป็นตัวอักษรเล็ก ๆ หรือไม่ระบุศาสนาเลยก็มี

การสร้างสายข่าวมันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ เพราะต้องใช้คนในพวกก่อความไม่สงบที่กลับใจไปเป็นสายให้ แต่คนพวกนี้ก็ใช่ว่าจะมาก เพราะหากจับได้ว่าเป็นสายให้คือตาย  ยิ่งเพราะนโบบายบางคน สายข่าวดันถูกเจ้าหน้าที่เก็บซะเอง แล้วใครจะเป็นสายให้ง่าย ๆ ครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-01-2008, 03:35
ปชป ก็ได้แต่รับฟังปัญหาคนในพื้นที่ที่ตัวเองเป็นผู้แทนเพราะไม่มีอำนาจไปสั่งการเจ้าหน้าที่ ผู้ที่มีอำนาจสั่งเจ้าหน้าที่คือรัฐบาล ถึงหลายฝ่ายช่วยกันเสนอทางแก้แต่หากรัฐบาลไม่ฟังไม่สนแล้วมันจะแก้ได้ไหมครับ ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนี่ครับแก้ปัญหาตามใจนายกสุดท้ายก็เป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ผู้ที่มีหน้าที่ที่ต้องดูแลให้ดีคือรัฐบาล ไม่ใช่ ปชป. แล้วพรรคที่จะร่วมเป้นรัฐบาลขณะนี้ต่างก็มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาเป็นของตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ  แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องขโมยผลงาน คนหนึ่งทำงานและแก้ปัญหาแทบตายสุดท้ายกลับโดนอีกคนขโมยผลงานไปแบบนี้ใครเขาจะยอมทำยอมช่วยครับ

ส่วนเรื่องข่าวก็ดูตามหน้าหนังสือพิมพ์เองครับ หากไทยพุทธโดนหนังสือพิมพ์พาดหัวเด่นเลยไม่ใช่หรือครับ แต่หากเป็นไทยมุสลิมโดนมักจะเป็นตัวอักษรเล็ก ๆ หรือไม่ระบุศาสนาเลยก็มี

การสร้างสายข่าวมันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ เพราะต้องใช้คนในพวกก่อความไม่สงบที่กลับใจไปเป็นสายให้ แต่คนพวกนี้ก็ใช่ว่าจะมาก เพราะหากจับได้ว่าเป็นสายให้คือตาย  ยิ่งเพราะนโบบายบางคน สายข่าวดันถูกเจ้าหน้าที่เก็บซะเอง แล้วใครจะเป็นสายให้ง่าย ๆ ครับ

พูดไปพูดมา ผมก็ยังอยากให้รัฐบาลใหม่เดินนโยบายสมานฉันท์ในการทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรม

แต่ฝ่ายตรวจสอบก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย คือไม่ใช่ฝ่ายจับผิดหรือค้านตะบัน ตรวจสอบตามหน้าที่

สร้างความเป็นมิตรต่างพรรค ตัวเชื่อมก็นักการเมืองด้วยกัน.คือหมดฤดูเลือกตั้งแล้ว ก็ต้องให้เกียรติกัน

ใครผิดมีหลักฐานก็ทำตามกฎหมาย ไม่ใช้กระแสการเมืองโจมตีกัน พูดจาต้องมีหลัก มีฐานครับ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 08-01-2008, 03:50
ปชป. ก็แบ่ง ๆ สส. ในพื้นที่กันแล้วไม่ใช่รึ

อะไรควรแบ่งก็ต้องแบ่ง อย่าโลภมากจนเกินงาม

รู้ว่าครอบงำไม่ได้ ก็อย่าโง่เข้าไปบุกเค้า

การเมืองเห็นแก่ตัว รังแต่จะสร้างความแตกแยกไม่สิ้นสุด

มัวแต่สะตอสามัคคี ต้องให้ที่ยืนกับลองกองเค้าบ้าง

โลภมากลากเอาแต่พวก มันไม่มีใครกลัวใครหรอก จำใส่หัวไว้เลย


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: seea ที่ 08-01-2008, 10:27
เดี๋ยว พปช ได้เป็นรัฐบาลก็ฝากพวกปลาร้า ไปช่วยแก้ไขด้วยแล้วกัน
ไม่รู้ว่ามีหวังเปล่าหรือมีเวลาเปล่าเพราะแค่ตอนนี้ยังทะเลาะกับกกตไม่เลิกจนเหม็นไปหมดแล้ว
คงเพราะโกงกับซื้อเสียงจนชิน


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: seea ที่ 08-01-2008, 10:55
จริงๆแล้วต่อให้ปชปได้เป็นรัฐบาล ก็คงแก้ปัญหานี้ยากเต็มกลืน
ขนาดเรามีเทวดามาเป็นนายกตั้ง หลายปีแต่ปัญหายังจะเพิ่มขึ้นเพราะปากพาซวยและมัวแต่ไปแจกเงินให้ความหวังอยู่แต่ที่อีสาน
ด้วยมั่งทำเอาพลพรรคปลาร้าและสะตอตายไปก็หลายคน
แต่ตอนนี้เรามีเทวดาหมักนอมินีทรท ลงมาจุติแล้ว ปัญหานี้ไม่จบก็ชิหายละว่ะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-01-2008, 18:53

 :slime_cool:


โปรดเก็บกระทู้นี้ไว้ เพื่อติดตามปัญหาที่เกิดทางภาคใต้

และพฤติการณ์ของฝ่ายต่างๆกันต่อไปครับ..


ยังเปิดรับ แนวคิดดีๆจากมันสมองสส.ปชป. และเพือนสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ครับ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 18:12
อาจารย์ ม.ดังแดนผู้ดีชี้ปัญหาไฟใต้ไทยไม่ใช่ญีฮัด-ก่อการร้าย  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 มกราคม 2551 15:24 น.
 
 
 (http://pics.manager.co.th/Images/551000000330601.JPEG)
กองกำลังความมั่นคงยังควบคุมเหตุความไม่สงบในภาคใต้ของไทย
 
 
       เอเอฟพี – ผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของภูมิภาคชี้ เหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ไม่ใช่ญีฮัด หรือสงครามต่อต้านก่อการร้ายทั่วโลก แต่เป็นเพียงรากเหง้าของความปรารถนาของชาวมุสลิมในภาคใต้ ที่จะควบคุมดินแดนของตัวเอง
       
       นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า การสังหารโหดในขังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมาถึงระดับที่ไม่สามารถคาดเดาได้แล้ว ขณะที่ กลุ่มหัวรุนแรงได้ดำเนินการเพื่อเรียกร้องแบ่งแยกดินแดนมุสลิมเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว
       
       “สำหรับผม มันลงมาถึงจุดวิกฤตของสิทธิตามกฎหมายแล้ว” ดันแคน แมคคาร์โก ผู้เขียนหนังสือ “Tearing Apart the Land: Islam and Legitimacy in Southern Thailand” ซึ่งกำลังจะออกวางแผงกล่าวในการประชุม ที่สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ เรื่องอนาคตของภูมิภาค
       
       “แรงกระตุ้นทางการเมืองอยู่ภายใต้สิ่งที่กำลังดำเนินไป คือแรงปรารถนาที่จะควบคุมดูแลดินแดนของพวกเขาเอง และความเชื่อที่ว่าประเทศไทยไม่ยอมให้เป็นไปตามกฎหมาย” เขาเสริม
       
       แมคคาร์โก อาจารย์วิชาการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษ ระบุว่า เหตุความไม่สงบในปัจจุบันสามารถมองเป็นเรื่องที่ปรับปรุงใหม่ของวิธีแบบเก่าในการต่อสู้ของชนเชื้อชาติมาเลย์ ที่พำนักพักพิงอยู่ในประเทศไทยได้ด้วย
       
       เขาได้ชี้ว่า ความขัดแย้งเป็นเรื่องราวที่ยุ่งเหยิง และซับซ้อน ซึ่งไม่สามารถอธิบายอย่างง่ายได้ว่าเป็นเพียงความรุนแรงของศาสนาอิสลาม หรือเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ต่อต้านการก่อการร้ายทั่วโลก
       
       “มันไม่ใช่ความทุกข์ทางด้านสังคม-เศรษฐกิจที่ฝังรากลึก ส่วนใหญ่ก็ไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์ของญีฮัด แม้ว่าจะมีวิธีการแบบญีฮัดปรากฏให้เห็นก็ตาม จริงๆ แล้ว จนถึงตอนนี้ จุดเน้นหลักของความขัดแย้งค่อนข้างเป็นเรื่องในท้องถิ่น และค่อนข้างแคบกว่าระดับภูมิภาค” เขาชี้แจง
       
       ยิ่งไปกว่านั้น ลีกวนยู ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ยังได้กล่าวในที่ประชุมเดียวกันเมื่อวันจันทร์ (7) ที่ผ่านมานี้ โดยเห็นด้วยว่า สถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่ใช่ปัญหาประเภทเดียวกับกลุ่มอัลกออิดะห์
       
       อย่างไรก็ดี แมคเคนระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของไทยประสบความล้มเหลวในการจัดการกับความรุนแรงนี้ให้เหมาะสม ซึ่งในความเป็นจริง ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหานี้ด้วยเช่นกัน

 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 09-01-2008, 18:23
ผมเชื่อว่า

เว็บผจกออนไลน์ ต้องใช้โปรแกรมแปลภาษาอันเดียวกับพวกซับไตเติ้ลนรกในดีวีดีเถื่อนแผ่นละเจ็ดสิบบาทแน่ๆเลยครับ

"แต่เป็นเพียงรากเหง้าของความปรารถนาของชาวมุสลิมในภาคใต้ "

“สำหรับผม มันลงมาถึงจุดวิกฤตของสิทธิตามกฎหมายแล้ว”

"“แรงกระตุ้นทางการเมืองอยู่ภายใต้สิ่งที่กำลังดำเนินไป คือแรงปรารถนาที่จะควบคุมดูแลดินแดนของพวกเขาเอง "

 :mrgreen:




หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 18:28
ผมเชื่อว่า

เว็บผจกออนไลน์ ต้องใช้โปรแกรมแปลภาษาอันเดียวกับพวกซับไตเติ้ลนรกในดีวีดีเถื่อนแผ่นละเจ็ดสิบบาทแน่ๆเลยครับ

"แต่เป็นเพียงรากเหง้าของความปรารถนาของชาวมุสลิมในภาคใต้ "

“สำหรับผม มันลงมาถึงจุดวิกฤตของสิทธิตามกฎหมายแล้ว”

"“แรงกระตุ้นทางการเมืองอยู่ภายใต้สิ่งที่กำลังดำเนินไป คือแรงปรารถนาที่จะควบคุมดูแลดินแดนของพวกเขาเอง "

 :mrgreen:




อย่างว่าครับภาษาอินเตอร์เน็ตสมัยนี้ บางที่สั้นจนต้องเดา ยาวจนงง

เรียบเรียงจนสับสน.. อ่านหลายสำนักข่าวเปรียบเทียบดีกว่า..
                                                                                      :slime_surrender: :slime_fighto: :slime_smile: :slime_v:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emporer ที่ 09-01-2008, 19:59
[b]เชิญอ่านแนวคิดปชป.ที่นี่เลยครับ[/b]
http://www.democrat.or.th/intention/south.htm


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: plankton ที่ 09-01-2008, 20:06
มิถุนายน 16, 2007
คำพูดของ นายกทักษิณ เมื่อเวลา 21.00 น.
ส่วนหนึ่งทักษิณว่าแบนี้
"ผมถึงได้อาสามาทำงานการเมือง เมื่อผมทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมทุ่มเทอย่างสุดชีวิต เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อชาติ เพื่อเรียกร้องให้ความน่าเชื่อถือกลับคืนมาหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลผมสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปี เป็นที่ยกย่องไปทั่วโลก เมื่อมีเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ พวกเราก็ทุ่มเทกัน จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ว่าประเทศไทยได้จัดการเรื่องนี้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศที่ประสบปัญหาเดียวกัน มีโรคซารส์ มีโรคหวัดไข้นกระบาด เราก็ช่วยดูแลกันเต็มที่ พี่น้องประชาชนมีปัญหายาเสพติด เราก็ช่วยกันปราบปราม ปัญหาภาคใต้เราก็พยายามทำ ถึงขนาดนั้นก็ยังมีคนคัดค้าน จนในที่สุดวันนี้ยิ่งแย่กว่าเดิม จนวันนี้การแบ่งแยกดินแดนยิ่งมากกว่าเดิม แต่ไม่ยอมพูดความจริงกัน"
 เราเรียนที่สงขลาหลายปีก้อไม่มีเรื่องร้ายๆ(ก่อนยุคทักษิณ) ปัตตานีก้อไปบ่อย  ไม่เห็นมีอะไรน่ากล้ว หลังจากมีระเบิดที่ สถานีรถไฟหาดใหญ่ และมีคำว่าโจรกระจอก แล้วยังมีการอุ้มอีก นี่แหละความจริง การปราบปรามยาเสพติดก็มีคนตายไปเยอะ ไม่มีการติดตามว่าที่ตายเป็นผู้ที่ค้ายาเสพติดจริงๆรึเปล่า จากนั้นมาความสงบก้อไม่มีใน3 จว.อีกเลย แต่ก่อนถ้าเกิดเรื่องก้อเรื่องวางระเบิด ทีเดียวจบ หลังจากนั้นมีการฆ่ารายวัน วางระเบิดเกือบทุกวัน ถ้าจะให้สงบใน 1 ปีนี้ียากน่ะ  เราอยากให้ทักฯกราบมาขอโทษคน 3 จว.ซักครั้ง แต่คงไม่พอกับการสูญเสียหรอก :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emporer ที่ 09-01-2008, 20:18
ว่างๆลงมาหาดใหญ่บ้างซิครับไม่ต้องเลยไป3จังหวัดที่เป็นศูนยกลางปัญหาหรอก

แล้วจะเห็นว่าผลกระทบจากปัญหาภาคใต้ทำให้เศรษฐกิจหาดใหญ่แย่ลงมาก

และมองไม่เห็นความหวังในการแก้ไข

ร้านค้าปิดตัวเองเรื่อยๆ

ป้ายประกาศขายหรือให้เซ้งกิจการปรากฎทั่วไป

สนามบินก็ไม่เป็นนานาชาติซะแล้ว

บริษัทต่างชาติเริ่มนับถอยหลังย้ายออกนอกพื้นที่

สิงคโปร์-มาเลย์หนีไปลงทุนฝั่งอันดามัน

บริษัทน้ำมันหนีไปนครศรีฯ

ต้องให้กระทบไปทั้งภาคหรือไงถึงจะสะใจคุณQกะคุณCanCan


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 20:21
ว่างๆลงมาหาดใหญ่บ้างซิครับไม่ต้องเลยไป3จังหวัดที่เป็นศูนยกลางปัญหาหรอก

แล้วจะเห็นว่าผลกระทบจากปัญหาภาคใต้ทำให้เศรษฐกิจหาดใหญ่แย่ลงมาก

และมองไม่เห็นความหวังในการแก้ไข

ร้านค้าปิดตัวเองเรื่อยๆ

ป้ายประกาศขายหรือให้เซ้งกิจการปรากฎทั่วไป

สนามบินก็ไม่เป็นนานาชาติซะแล้ว

บริษัทต่างชาติเริ่มนับถอยหลังย้ายออกนอกพื้นที่

สิงคโปร์-มาเลย์หนีไปลงทุนฝั่งอันดามัน

บริษัทน้ำมันหนีไปนครศรีฯ

ต้องให้กระทบไปทั้งภาคหรือไงถึงจะสะใจคุณQกะคุณCanCan


ใช้ทัศนคติในการแก้ปัญหาแบบที่คุณแสดงออกหรือครับ? :slime_doubt: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 20:27


[b]เชิญอ่านแนวคิดปชป.ที่นี่เลยครับ[/b]
http://www.democrat.or.th/intention/south.htm


 ขอบคุณครับ แต่ละท่านอ่านแล้วคิดยังไงครับ..

หาดใหญ่ ที่ดินราคาประเมินล่าสุดตรงกับความจริงหรือเปล่าครับ?

คงเหมือนกรุงเทพฯ แต่การเก็งกำไรก็มาจากเศรษฐีสงขลาหรือต่างถิ่นครับ?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 20:42
มิถุนายน 16, 2007
คำพูดของ นายกทักษิณ เมื่อเวลา 21.00 น.
ส่วนหนึ่งทักษิณว่าแบนี้
"ผมถึงได้อาสามาทำงานการเมือง เมื่อผมทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมทุ่มเทอย่างสุดชีวิต เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อชาติ เพื่อเรียกร้องให้ความน่าเชื่อถือกลับคืนมาหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลผมสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปี เป็นที่ยกย่องไปทั่วโลก เมื่อมีเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ พวกเราก็ทุ่มเทกัน จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ว่าประเทศไทยได้จัดการเรื่องนี้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศที่ประสบปัญหาเดียวกัน มีโรคซารส์ มีโรคหวัดไข้นกระบาด เราก็ช่วยดูแลกันเต็มที่ พี่น้องประชาชนมีปัญหายาเสพติด เราก็ช่วยกันปราบปราม ปัญหาภาคใต้เราก็พยายามทำ ถึงขนาดนั้นก็ยังมีคนคัดค้าน จนในที่สุดวันนี้ยิ่งแย่กว่าเดิม จนวันนี้การแบ่งแยกดินแดนยิ่งมากกว่าเดิม แต่ไม่ยอมพูดความจริงกัน"
 เราเรียนที่สงขลาหลายปีก้อไม่มีเรื่องร้ายๆ(ก่อนยุคทักษิณ) ปัตตานีก้อไปบ่อย  ไม่เห็นมีอะไรน่ากล้ว หลังจากมีระเบิดที่ สถานีรถไฟหาดใหญ่ และมีคำว่าโจรกระจอก แล้วยังมีการอุ้มอีก นี่แหละความจริง การปราบปรามยาเสพติดก็มีคนตายไปเยอะ ไม่มีการติดตามว่าที่ตายเป็นผู้ที่ค้ายาเสพติดจริงๆรึเปล่า จากนั้นมาความสงบก้อไม่มีใน3 จว.อีกเลย แต่ก่อนถ้าเกิดเรื่องก้อเรื่องวางระเบิด ทีเดียวจบ หลังจากนั้นมีการฆ่ารายวัน วางระเบิดเกือบทุกวัน ถ้าจะให้สงบใน 1 ปีนี้ียากน่ะ  เราอยากให้ทักฯกราบมาขอโทษคน 3 จว.ซักครั้ง แต่คงไม่พอกับการสูญเสียหรอก :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship:

หลังทักษิณ ก็มาถึงสนธิ และหลังสนธิก็มาต่อที่สส.และรัฐบาลใหม่?

ทำไงต่อดีครับ??


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 20:54



  แนวทางตามที่เอาลิงค์ปชป.มาแปะ

•  คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

•  สร้างกลไกการทำงานภาครัฐที่เป็นเอกภาพ

•  พัฒนาเศรษฐกิจด้วยจุดแข็งของพื้นที่

•  พัฒนาการศึกษาเพื่ออนาคตที่มีงานทำพึ่งตนเองได้

 

วิธีปฏิบัติ

1.ออกกฏหมายจัดตั้งกลไกแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

2.ดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายในทุกกรณี เพื่อสร้างความชอบธรรมของการปกครองให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน และนำไปสู่ความไว้วางใจและความร่วมมือของประชาชนในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ให้สำเร็จอย่างถาวร

3.จัดระบบและปรับกลไกการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ระหว่างพลเรือน ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างๆ เพื่อให้เกิดเอกภาพของการบริหารตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติการ อันจะนำไปสู่สัมฤทธิผลของการแก้ไขปัญหาจริง

4.สร้างความเข้มแข็งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรภายใต้โครงการอาหาร “ ฮาลาล ” ให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องในพื้นที่ เพื่อการส่งออกไปยังประเทศกลุ่มตะวันออกกกลางและประเทศมุสลิมทั่วโลก

5.จัดการศึกษาที่มีคุณภาพให้แก่เยาวชน เพื่อให้มีความรู้และคุณธรรม เพื่อให้สามารถมีงานทำพึ่งตนเองได้ ตลอดจนการพัฒนามุสลิมศึกษาให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: plankton ที่ 09-01-2008, 20:58


ทำไงต่อดีครับ??[/color]
 :slime_dizzy:

นั่นดิใครก่อก็มาต่อให้จบก้อได้น่ะ  เอาไว้ตั้งรัฐบาลได้แล้วจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว ทักกี้เทวดาี้หรือ แม้วนอร์มินี เก่งจริงรึเปล่า  สาธุ :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:03


ทำไงต่อดีครับ??[/color]
 :slime_dizzy:

นั่นดิใครก่อก็มาต่อให้จบก้อได้น่ะ  เอาไว้ตั้งรัฐบาลได้แล้วจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว ทักกี้เทวดาี้หรือ แม้วนอร์มินี เก่งจริงรึเปล่า  สาธุ :slime_worship:

รู้สาเหตุทั้งหมดหรือเปล่าครับ ว่าใครก่อบ้าง? :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 09-01-2008, 21:10
คนประเทศนี้ี้   มีปัญหาีอะไร ก็โทษทักษิณเข้าไว้

ง่ายดี ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ก็คนตายมันไม่ใช่ญาติพี่น้องเรา แล้วจะต้องไปเดือดร้อนด้วยทำไม


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: plankton ที่ 09-01-2008, 21:14
ขอโทษน่ะ  คิว เราไม่รู้อะไรเลย ที่บ้านทีวีเข้าไม่ถึง ไม่รู้จักเคเบิ้ลทีวี ไม่รู้จักUBC  ด้วยหล่ะ ไปไหนก็ไม่เคยไปเลย ไม่เคยเจอคนแปลกหน่าด้วยหล่ะ   ว่างๆช่วยบอกเราหน่อยน่ะ เราที่ไม่รู้ความจริง ว่าแต่บ้านท่านอยู่ ยะลา นราฯ หรือ ปัตตานีอะ

เราไม่ได้ว่าทักกี้ ทำซะหน่อย แค่จุดระเบิดเท่านั้นเอง ไม่ใช่เหรอ แย่จัง ขอโทษอีกที่น่ะ :slime_shy:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:16


คนประเทศนี้ี้   มีปัญหาีอะไร ก็โทษทักษิณเข้าไว้

ง่ายดี ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ก็คนตายมันไม่ใช่ญาติพี่น้องเรา แล้วจะต้องไปเดือดร้อนด้วยทำไม


ทักษิณและพวกตายไป แต่ไทยยังต้องคงอยู่ เห็นด้วยกับความเห็นตามที่ยกมาครับ..

ไม่ทราบจะตั้งชื่อว่าระบอบอะไรดี? :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:17
ขอโทษน่ะ  คิว เราไม่รู้อะไรเลย ที่บ้านทีวีเข้าไม่ถึง ไม่รู้จักเคเบิ้ลทีวี ไม่รู้จักUBC  ด้วยหล่ะ ไปไหนก็ไม่เคยไปเลย ไม่เคยเจอคนแปลกหน่าด้วยหล่ะ   ว่างๆช่วยบอกเราหน่อยน่ะ เราที่ไม่รู้ความจริง ว่าแต่บ้านท่านอยู่ ยะลา นราฯ หรือ ปัตตานีอะ

เราไม่ได้ว่าทักกี้ ทำซะหน่อย แค่จุดระเบิดเท่านั้นเอง ไม่ใช่เหรอ แย่จัง ขอโทษอีกที่น่ะ :slime_shy:


บ้านเกิดอยู่จังหวัดไหนครับ?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:26



ถ้าจะแก้ปัญหาให้หายขาดนอกจากทราบสาเหตุแล้ว

ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู้สภาพแวดล้อมทางความคิดและอารมณ์ที่ดีกว่า


ตัวผู้แก้ไข ต้องสามารถทำตามที่คิดให้เป็นรูปธรรม หน่วยปฏิบัติการคือปัญหา?

จะหาคนคุณภาพขนาดนั้นได้ที่ไหน? หน่วยทหารยังยอมรับว่า โจรใต้มันฉลาดหัวหมอในการยุแหย่.. :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:35


คุณมีความสามารถแยกออกหรือยังว่าใครที่ ฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ลงมือเองสักครั้งในชีวิต..?

ถ้าคุณแยกออกคุณรักษาเยียวยาคนเหล่านั้นได้ไหม? :slime_doubt: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:42



แต่ถ้าคุณพลาด คุณอาจจะเดือดร้อนหรืออาจจะตาย อย่างใดอย่างหนึ่ง..

ที่สำคัญ คุณคิดว่าในหน่วยงานหรือในพื้นที่ มีใครยืนอยู่ข้างคุณบ้าง..?ยามที่ต้องแลกชีวิต..?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:48



ถ้าศัตรู ฝังรากลึก ครอบงำทางความคิดแม้ของตนเองแลพวกตนเองได้..

การจะถอนปัญหาในมวลชน จะเหวี่ยงแห หรือล้างสมองดีครับ..?

ต้องรู้ก่อนนะว่าพวกชาวบ้าน ไม่ได้เรียนมากเขาเชื่อคนใกล้ชิดของเขา..


มองมุมนี้ปัญหาไม่ต่างอะไรจากชาวบ้านอีสาน :slime_doubt: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 09-01-2008, 21:49
ปัญหามันรุนแรงมา 3 ปีแล้ว ผมก็ยังไม่เคยได้ยินใครมาบอกสาเหตุชัดๆให้ฟังได้สักที
เห็นมีแต่โทษกันไปโทษกันมา เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและถนัดของคนไทยจริงๆ

ตราบใดที่ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
ปชป รู้แน่แล้วเหรอ ว่าปัญหามันคืออะไร แนวทางของปชปเสนอมา มันแก้ได้จริงๆหรือ แน่ใจแล้วหรือ

ถ้าปัญหามันเป็นอย่างที่ว่ามา้จริงๆ ก็แสดงว่า มันฟักตัวมานานมากแล้ว  มันฝังลึกลงไปในตัวคนรุ่นที่ขึ้นมาก่อการ
แล้วเป็น สส มาทำอะไรอยู่ตั้งนานถึงเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ ทำไมถึงเพิ่งจะมาฉลาดเอาตอนที่ปัญหามันลุกลามซะขนาดนี้

อ้อ อย่าลืมอีกทฤษฏีหนึ่งล่ะีี้้ ที่พูดกันว่า ภาครัฐเองแหละที่เป็นตัวเลี้ยงเชื้อเอาไว้ เพื่อของบประมาณ



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:54


ผมอยากจะเสนอความคิดว่า คอร์รัปชันทำลายได้ทุกประเทศ..ทุกวงการ.. :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emporer ที่ 09-01-2008, 21:57
ใช้ทัศนคติในการแก้ปัญหาแบบที่คุณแสดงออกหรือครับ? :slime_doubt: :slime_cool:
เกือบถูกละครับ

แต่ต้องเป็นทัศนคติที่ถูกต้องหรือสัมมาทิฏฐิ

ปัญหามันเป็นปัญหาของประเทศ

เพียงแต่กระทบคนในพื้นที่ก่อน

ต้องช่วยกันคิดทุกคน ทุกพรรค และทุกพรรคละครับ

เพราะถ้าแก้ไม่ตกปัญหาก็ต้องกระทบไปทั้งประเทศ

ผมเพียงแต่แสดงความอึดอัดใจ

เพราะถ้าเริ่มต้นมองปัญหาส่วนรวมแบบแยกภาคแยกพรรค

มันก็พลาดตั้งแต่ต้นแล้วครับ

ผมเข้าใจเอาว่าคุณQและคุณCanCanอาจไม่ชอบใจคนปชป.บางคนหรือคนใต้บางคน

แต่โปรดอย่าเหมารวม

ทุกสังคมมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน

แยกคนเลวออกจากคนดีเถอะครับ

อย่าแยกไปทั้งพรรคหรือทั้งภาคเลย

ผมติดตามงานของคุณทั้ง2คนมากพอสมควร

อ่านไม่น้อยกว่า80เปอร์เซนต์ของกระทู้ที่นำเสนอ

น่าชื่นชมความคิดเห็นหลายๆเรื่อง

เสียดาย หากอคติจะทำให้ทัศนคติลดคุณค่าลงไป

หากล่วงเกินก็ขออภัยด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 21:58
ปัญหามันรุนแรงมา 3 ปีแล้ว ผมก็ยังไม่เคยได้ยินใครมาบอกสาเหตุชัดๆให้ฟังได้สักที
เห็นมีแต่โทษกันไปโทษกันมา เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและถนัดของคนไทยจริงๆ

ตราบใดที่ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
ปชป รู้แน่แล้วเหรอ ว่าปัญหามันคืออะไร แนวทางของปชปเสนอมา มันแก้ได้จริงๆหรือ แน่ใจแล้วหรือ

ถ้าปัญหามันเป็นอย่างที่ว่ามา้จริงๆ ก็แสดงว่า มันฟักตัวมานานมากแล้ว  มันฝังลึกลงไปในตัวคนรุ่นที่ขึ้นมาก่อการ
แล้วเป็น สส มาทำอะไรอยู่ตั้งนานถึงเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ ทำไมถึงเพิ่งจะมาฉลาดเอาตอนที่ปัญหามันลุกลามซะขนาดนี้

อ้อ อย่าลืมอีกทฤษฏีหนึ่งล่ะีี้้ ที่พูดกันว่า ภาครัฐเองแหละที่เป็นตัวเลี้ยงเชื้อเอาไว้ เพื่อของบประมาณ



ผมเสนอความคิดต่อว่า ไม่มีทางที่จะเอาน้ำโคลน ไปล้างสิ่งสกปรกได้.. :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 22:06



ใคร พรรคใดจะแก้ปัญหาภาคใต้เรียกว่าหมดจดได้ นี่ถือเป็นงานชิ้นโบแดงเลยครับ.!!

ผมพักก่อนครับ.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emporer ที่ 09-01-2008, 22:24
ประการแรกต้องมีการมอบหมายบุคคลหรือคณะบุคคลที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่

สร้างศรัทธาให้เกิดชัดเจนเป็นรูปธรรม

อย่างน้อยให้มีการลงโทษอย่างรุนแรงและเปิดเผย

ต่อผู้รับผิดชอบที่แท้จริงกรณีตากใบและกรือเซะ

ถึงจะพอที่จะดึงแนวร่วมออกมาจากกลุ่มปฏิบัติได้

ไม่เช่นนั้นมาตรการเสริมอื่นจะเกิดผลได้ยาก

หากนับหนึ่งได้แล้วอย่างอื่นต้องตามมาทั้งระบบ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: dantri ที่ 09-01-2008, 23:13
ถ้าพลังประชาชนเป็นรัฐบาลคงแก้อยาก  เพราะพรรคนี้คงเอาใจแต่คนที่เลือกเข้ามา  ที่สำคัญมันเป็นมาตั้งแต่ทักษิณแล้ว  เก่งแต่ปากขาไม่ขยับ

ตอนนี้ยิ่งต้องตั้งพรรคหาทางเอาเงินคืน  คงไม่มีสติปัญญามาแก้ปัญหาให้พี่น้องใต้หรอก  คนปลื้มทักษิณย่อมรู้ดี  เผลอๆเอาความเกลียดประชาธิปปัตย์ไปลงกะคนใต้ด้วยซ้ำ  เพราะตีประธิปปัตย์ต้องตีที่คนใต้ 

ตัวคนตั้งกระทู้ก็เข้าใจหาเรื่องดีนะครับ  ตั้งกระทู้เหมือนไม่หาเรื่องแต่กะหาเรื่อง  แล้วมาอ้างว่ากำลังคุยหาเหตุผล ให้มาช่วยคิดวิธี  ฟังดูเหมือนดี  แต่เจตนาเป็นยังไงก็น่ารู้อยู่แก่ใจ  ถ้าใครตอบไม่ตรงใจคนนั้นก็พาลก็หาเรื่องเขา  เฮ้อ...ประชาธิปไตยแบบทักษิณจริงๆ

อยากได้คำตอบถูกใจก็ไปเล่นพันธ์(ปัญญา)ทึบ หรือพวกประชาไท (หรือเปล่า) จะดีกว่านะ  ที่นั่นคงมีคำตอบที่ตรงใจนายมากกว่า


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 23:37
ถ้าพลังประชาชนเป็นรัฐบาลคงแก้อยาก  เพราะพรรคนี้คงเอาใจแต่คนที่เลือกเข้ามา  ที่สำคัญมันเป็นมาตั้งแต่ทักษิณแล้ว  เก่งแต่ปากขาไม่ขยับ

ตอนนี้ยิ่งต้องตั้งพรรคหาทางเอาเงินคืน  คงไม่มีสติปัญญามาแก้ปัญหาให้พี่น้องใต้หรอก  คนปลื้มทักษิณย่อมรู้ดี  เผลอๆเอาความเกลียดประชาธิปปัตย์ไปลงกะคนใต้ด้วยซ้ำ  เพราะตีประธิปปัตย์ต้องตีที่คนใต้ 

ตัวคนตั้งกระทู้ก็เข้าใจหาเรื่องดีนะครับ  ตั้งกระทู้เหมือนไม่หาเรื่องแต่กะหาเรื่อง  แล้วมาอ้างว่ากำลังคุยหาเหตุผล ให้มาช่วยคิดวิธี  ฟังดูเหมือนดี  แต่เจตนาเป็นยังไงก็น่ารู้อยู่แก่ใจ  ถ้าใครตอบไม่ตรงใจคนนั้นก็พาลก็หาเรื่องเขา  เฮ้อ...ประชาธิปไตยแบบทักษิณจริงๆ

อยากได้คำตอบถูกใจก็ไปเล่นพันธ์(ปัญญา)ทึบ หรือพวกประชาไท (หรือเปล่า) จะดีกว่านะ  ที่นั่นคงมีคำตอบที่ตรงใจนายมากกว่า



ตอบ ล็อคอินขำขันสักครั้ง

คือปัญหานี้สำหรับคุณ คงเหมือน

กางเกงนี้เป็นของพี่ แต่ที่กางกางเกงและที่คาก้นคุณ ไม่ทราบเป็นของใคร ?

ลองไปเก็บตัวเลขความเสียหายมาโพสต์ดูสิครับ ดีกว่ามาสนใจเรื่องอื่นที่ไม่ตรงกับปัญหาจริง แบบพวกแอบๆหาเสียง เซ็งกระทู้ อย่างนี้ปัญหาทางใต้แก้ไม่ได้ครับขยันผิดเรื่อง :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 23:40
ประการแรกต้องมีการมอบหมายบุคคลหรือคณะบุคคลที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่

สร้างศรัทธาให้เกิดชัดเจนเป็นรูปธรรม

อย่างน้อยให้มีการลงโทษอย่างรุนแรงและเปิดเผย

ต่อผู้รับผิดชอบที่แท้จริงกรณีตากใบและกรือเซะ

ถึงจะพอที่จะดึงแนวร่วมออกมาจากกลุ่มปฏิบัติได้

ไม่เช่นนั้นมาตรการเสริมอื่นจะเกิดผลได้ยาก

หากนับหนึ่งได้แล้วอย่างอื่นต้องตามมาทั้งระบบ


พอช่วยได้บ้าง แต่ก็คงได้แต่ปลาซิว ปลาสร้อยครับ..

หลักการความรุนแรง แบบสายเหยี่ยวผิดตั้งแต่เริ่มคิด..

จุดตั้งต้นมันต้องเป็นวาระระดับชาติที่เนียนๆครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 23:54


ไว้ลองหากระทู้เก่าในบอร์ดนี้เรื่องเดียวกันมาลองอ่านดูบ้างก็ได้ครับ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 00:04



ไว้ลองหากระทู้เก่าในบอร์ดนี้เรื่องเดียวกันมาลองอ่านดูบ้างก็ได้ครับ :slime_smile:

หาให้เผื่อจะมีแรงบันดาลใจในทางที่ถูกครับ..

มาตรการ เทคโนโลยี ดับราคี ไฟใต้  (อ่าน 435 ครั้ง) 
http://forum.serithai.net/index.php?topic=12954.0
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-01-2008, 01:51
ผมก็มองว่า หากเริ่มที่ตัวนักการเมือง พรรคการเมือง นั่นแหละ ประสานผลประโยชน์กับส่วนราชการและประชาชนได้ดีแค่ไหน

ผมไม่ได้มองเรื่องความสะใจอะไรหรอก ผมไม่ได้บีบรัดให้เร่งรีบอะไร ทำไปเรื่อย ๆ ในแนวทางสมานฉันท์

ที่สำคัญ ปัญหานี้มิใช่ว่ามันเกิดจากประชาชนขึ้นมาเป็นด้านหลัก ประชาชนที่ก่อเหตุล้วนมีแรงบันดาลใจและรายได้จากการทำงาน

แต่มีแรงหนุนเสริมจากผลประโยชน์ในพื้นที่เป็นหลัก ส่งทุน ส่งเงิน สร้างอิทธิพลจูงใจให้ก่อเหตุร้าย( โดยผู้รับผลประโยชน์ในระดับสูง )

แม้เราจะยอมรับว่า มีความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดน เราก็ไม่ควรปฏิเสธ

แต่หากเราคิดว่า ความคิดแบ่งแยกดินแดน คือเรื่องการรักถิ่นฐาน รักวัฒนธรรมประเพณี ศาสนาของตนเอง

รัฐธรรมนูญก็ให้ทำได้อยู่แล้ว

ถ้าส่วนบน ๆ หรือ "ผู้มีอิทธิพล" ในพื้นที่ ประกอบกับ พรรคการเมืองส่วนกลาง นักการเมืองส่วนกลางรู้จักแบ่งปัน ไม่หวังครอบงำ ปัญหาทั้งหลายมันจะคลี่คลายลงเอง

ผมไม่เชื่อว่าประชาชนในพื้นที่จะต้องการความรุนแรงหรือสภาพสงครามที่มองไม่เห็น เช่นนี้ตลอดไป

ส่วนเรื่อง "ผลกระทบ" มันเป็นไปโดยธรรมชาติครับ จะโทษก็ต้องบอกว่า ผลมาจากเหตุ

อ้อ...ไม่มีใครสะใจ กับแนวทางแก้ปัญหาครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Familie ที่ 10-01-2008, 02:53
ปัญหาสามจังหวัดใต้ เป็นปัญหาที่หมักหมมมานานแล้ว
เมื่อก่อนอาจจะไม่มีความรุนแรง แต่ก็มีปัญหามาตลอด
ในฐานะคนใต้แต่ไม่ได้รู้ลึกมากนัก มองปัญหาออกมาได้ดังนี้
1. เกี่ยวกับศาสนา
2. ระบบราชการของไทย ที่ข้าราชการเป็นใหญ่กว่าประชาชน
3. ระบบอิทธพลของพวกมาเฟียต่างๆ
4. ความเหลื่อมล้ำของประชาชนของสองศาสนา
คิดได้คร่าวๆแค่นี้
เมื่อก่อนเราต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ เพราะพวกเขาคิดว่าโดนรังแกจากระบบราชการ
แต่ทุกคนที่หลงผิดก็คือคนไทยด้วยกันทั้งนั้น จึงพูดกันง่าย
แต่ปัญหาสามจังหวัดใต้ปัจจุบัน มาจากคนไทยที่ต่างศาสนากัน
ความไม่เข้าใจมันจึงยากกว่า และเพราะเหตุการณ์ที่ตะวันออกกลางเป็นตัวอย่าง
เราต้องยอมรับว่าตอนนี้เราไม่ได้ต่อสู้แต่ภายในประเทศเท่านั้น
แต่เรากำลังต่อสู้กับส่วนนอกประเทศด้วย ที่เป็นแรงและกำลังให้คนไทยในนี้
ลำพังแต่ปัญหาของคนในประเทศที่สามจังหวัดใต้ถ้าไม่มีแรงหนุนจากข้างนอก
คงไม่เกินกำลังของชาวไทยไปได้ แต่นี้เรากำลังต่อสู้อยู่กับองค์กรระดับโลก
ฉนั้นดูแล้วปัญหามันยังแก้ไม่ได้ง่ายๆอย่างที่หลายคนคิด เพราะใหนจะคนข้างใน ใหนจะคนข้างนอก
วิธีทางทางการฑูตและการเข้าถึงมวลชนและให้ความเป็นธรรมอย่างแท้จริงเท่านั้น
ที่เราสามารถจะทำได้ในขณะนี้


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 19:34





สั่งดำเนินคดีอาญา จนท.ขายความลับป่วนใต้    http://www.komchadluek.net/2008/01/10/a001_185057.php?news_id=185057
10 มกราคม 2551 18:44 น.  
แม่ทัพภาค 4 สั่งแจ้งดำเนินคดีอาญา "พ.ท." พร้อมพวกขายความลับแนวร่วมป่วนใต้ หวังสร้างกระบวนการยุติธรรมสมบูรณ์แบบ ทนายมุสลิมหนุนสั่งดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด หวั่นเป็นแบบอย่างแก่ข้าราชการรายอื่น ร้ายบึ้มทหารในโรงเรียนบ้านปาเซ จ.นราธิวาส เจ็บ 2 ส่วนปัตตานีเจอระเบิด-ยิงถล่ม เจ็บอีก 2


ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าว 3 นายของกองทัพภาคที่ 4 ได้แก่ ทหารยศ พ.ท. และ ส.อ. และเจ้าหน้าที่พลเรือน โจรกรรมข้อมูลให้กลุ่มโจรก่อการร้ายนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผอ.กองปฏิบัติการข้อมูล ข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เรื่องนี้ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ พล.ต.จิรพันธ์ เกษมศานติ์สุข ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ให้ส่งตัวแทนเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความกล่าวโทษกับทั้งสามนาย ซึ่งเป็นทหารในสังกัด พตท.ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในข้อหาเปิดเผยความลับของทางราชการ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดทางวินัยและสั่งพักราชการนายทหารทั้งสองนายไว้ก่อน เพื่อรอผลการสอบสวนจาก ศปก.ตร.ส่วนหน้า

นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ รองเลขาธิการศูนย์ทนายความมุสลิม เปิดเผยว่า เห็นด้วยที่สั่งพักราชการและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวที่ขายข้อมูลให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หากกระบวนการสอบสวนออกมา ว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายข่าวจริง ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ จนไม่สามารถอนุโลมบทลงโทษให้ได้ เพราะทำให้ระบบความมั่นคงของประเทศถูกทำลาย ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งดำเนินการในขั้นเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับเจ้าหน้าที่รัฐรายอื่น เพราะไม่เช่นนั้นจะมีพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก จนไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้

คนร้ายบึ้มทหาร ร.ร.บ้านปาเซ บาดเจ็บ 2

ขณะที่ความรุนแรงยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 10 มกราคม ร.ต.ท.นเรศ พุ่มแก้ว ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุระเบิดภายในโรงเรียนบ้านปาเซ หมู่ 7 ต.บองอ มีทหารสังกัด ร้อย.ร.15123 ฉก.38 ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จึงนำกำลังตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบบริเวณโคนต้นข่อยมีหลุมระเบิดลึก 6 นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว และเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่อง เศษโทรศัพท์มือถือ ส่วนทหารที่ได้รับบาดเจ็บ คือ จ.ส.อ.สมศักดิ์ จุลพันธ์ อายุ 35 ปี หน.ชุด รปภ.โรงเรียน และ ส.ท.สมิตร คำศรี อายุ 20 ปี มีเพื่อนทหารนำตัวส่งโรงพยาบาลระแงะ ก่อนหน้านี้แล้ว

จากการสอบสวนทราบว่า จ.ส.อ.สมศักดิ์ ได้นำกำลัง 12 นายมารักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนตามปกติ ขณะที่ทหารลงจากรถก็เกิดระเบิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีพยานให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 มกราคม มีวัยรุ่นต้องสงสัย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดในโรงเรียนช่วงที่ชาวบ้านและชุด ชรบ. ทำพิธีละหมาดอยู่ในห้องละหมาดของโรงเรียนแล้วเดินไปตรงจุดที่ระเบิด

นอกจากนี้ เวลาไล่เลี่ยกันมีรายงานว่า คนร้ายโทรขู่วางระเบิดศาลากลางจังหวัดนราธิวาส และจะเกิดระเบิดขึ้นภายใน 10 นาที ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเหยี่ยวดงจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบทันที โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ไม่พบวัตถุระเบิดตามที่คนร้ายได้โทรขู่ไว้

ระเบิด-ยิงทหาร เจ็บ 2 นาย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.วิพัฒ สุวรรณรัตน์ สารวัตรเวร สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุระเบิดบ้านบือแนกือบง ต.ประจัน มีทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จึงนำกำลังตำรวจ ทหาร 50 นายไปตรวจสอบ จุดเกิดเหตุอยู่ใต้ต้นไม้ห่างจากริมถนนปัตตานี-ยะลา ประมาณ 10 เมตร พบชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 5 กิโลกรัม จุดระเบิดด้วยรีโมท ส่วนผู้บาดเจ็บเพื่อนทหารด้วยกันได้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลระแงะไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อคือ พลทหารวิทยา แสงไสแก้ว อายุ 22 ปี และพลทหารพัฒนชัย พัดด้วง อายุ 22 ปี สังกัดกองร้อย.ร.1613 ฉก.21 จ.ยโสธร

จากการสอบสวนทราบว่า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมเพื่อนทหารอีก 2 นาย ใช้รถปิกอัพออกลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยบนถนนดังกล่าว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจึงหยุดรถพัก โดยพลทหารวิทยากับพลทหารพัฒนชัยได้เดินเข้าไปใต้ต้นไม้ จากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น

จากนั้นเวลา 11.10 น. วันเดียวกัน คนร้ายได้ดักยิงทหารชุด ฉก.38 จำนวน 20 นาย บนถนนปัตตานี-นราธิวาส บ้านลาลอ ต.ละหาร อ.สายบุรี หลังเดินทางจาก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อเดินทางไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ดักซุ่มยิงแล้วหลบหนีไป เคราะห์ดีไม่มีทหารได้รับอันตราย
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-01-2008, 22:46



วิธีการของปชป. ดูเหมือนว่าขณะนี้รัฐบาลก็ทำกันอยู่แล้ว.. :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 15:18


ผบ.ทบ.ลงใต้ปรับงานการข่าว     http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=214020
--------------------------------------------------------------------------------

โดย Post Digital 11 มกราคม 2551 10:05 น.

ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ใต้วันนี้ ติดตามการปฏิบัติงาน ยอมรับต้องหารือเรื่องการข่าวรั่ว ย้ำให้จัดหน่วย-เลือกคนทำงานใหม่ ระบุสถานการณ์ดีขึ้น แต่ไม่ยืนยันแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบลดลงหรือไม่ ตำรวจยะลาปะทะเดือดกลุ่มป่วน!

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ภาคใต้วันนี้ (11 ม.ค.) ว่าเป็นการไปติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายและแนวทางที่ให้ไว้ ว่ามีสิ่งใดที่ขัดข้องหรือต้องปรับเปลี่ยนอีก ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานค่อนข้างมีผลดีขึ้น แต่ก็ต้องการให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ พร้อมยอมรับว่าการลงพื้นที่วันนี้จะไปดูเรื่องการข่าวให้ละเอียดด้วยว่าจะต้องปรับอย่างไร จากกรณีที่การข่าวรั่วไหลไปยังกลุ่มก่อความไม่สงบ แม้ที่ผ่านมาจะมีการสั่งให้จัดหน่วยใหม่แล้ว


“เรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงซ้อน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าข้าราชการส่วนหนึ่งเป็นคนในพื้นที่ ถึงจะมีการจัดระบบความปลอดภัยใหม่ แต่ก็ยังต้องใช้คนทำงานเดิมอยู่ อย่างไรก็ตาม ผมได้สั่งให้เปลี่ยนการจัดหน่วยและเลือกคนทำงานใหม่ เพราะถ้ารู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนทำ เราคงจัดการอะไรได้ง่าย แต่นี่เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว และว่า ในส่วนทางเดินเอกสารสำคัญ จะต้องจำกัดอยู่ในช่องที่จำเป็นเฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง ให้รู้กันอยู่ในกลุ่มคนทำงานเรื่องนั้นๆ


ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้จะไปรับฟังปัญหา และได้เตรียมปัญหาไปถามด้วย เพราะจะไม่ถือสูตรสำเร็จว่าลงไปสั่งให้พื้นที่ทำอะไร แต่จะเป็นการไปพูดคุย เพื่อหาแนวทางปฏิบัติให้สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อถามว่า ขณะนี้ถือว่าแกนนำผู้ก่อความไม่สงบลดลงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ยังไม่ยืนยันในกรณีนี้ เพราะเร็วเกินไปที่จะสรุป เนื่องจากเหตุการณ์สะสมมาเป็น 10 ปี ทำงานแค่ 3 เดือนจะให้ลดลงไปเลยคงไม่ได้



ขณะที่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา นำกำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ ขณะกำลังเข้าตรวจค้นได้ถูกกลุ่มก่อความไม่สงบ ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงเข้าใส่ ก่อนเกิดการปะทะกันราว 5 นาที คนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้ เบื้องต้นฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ พร้อมนำสุนัขสงครามออกไล่ล่าติดตามคนร้ายอย่างกระชั้นชิด



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: plankton ที่ 11-01-2008, 15:40
แต่มันก็แปลกนะ หลายเขตแถวๆ นั้น ยังเลือกพรรคนอมินีทักษิณ

ไม่แปลกหรอก ลองไม่ใช่คนมุสลิมที่มำงานในพื้นที่มานานก็คงอดเหมือนกัน ไม่รู้หรือพี่ๆน้องๆเค้า ช่วยคนแถวนั้นเยอะ ชาวบ้านหวังว่าพึ่งพาได้ สมัยหน้าถ้าจะแย่น่ะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 16:10


นอกจากปัญหาโจรใต้ ตอนนี้ปัญหาอื่นทางใต้ก็มีพอสมควร เช่นน้ำมันพืชไม่มีจำหน่ายทั่วถึง..

ปัญหาเศรษฐกิจ ฯลฯ :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 11-01-2008, 16:26

นอกจากปัญหาโจรใต้ ตอนนี้ปัญหาอื่นทางใต้ก็มีพอสมควร เช่นน้ำมันพืชไม่มีจำหน่ายทั่วถึง..

ปัญหาเศรษฐกิจ ฯลฯ :slime_fighto:

เรื่องน้ำมันพืช ทาง 5 จว.คงไม่มีปัญหาค่ะคุณคิว ยิ่งพ่อค้าแม่ค้านิยมใช้น้ำมันปาล์มจากมาเลย์ฯ ราคาถูกกว่าของไทยเสียอีก มีปัญหาอย่างอื่นมากกว่าค่ะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 16:30
เรื่องน้ำมันพืช ทาง 5 จว.คงไม่มีปัญหาค่ะคุณคิว ยิ่งพ่อค้าแม่ค้านิยมใช้น้ำมันปาล์มจากมาเลย์ฯ ราคาถูกกว่าของไทยเสียอีก มีปัญหาอย่างอื่นมากกว่าค่ะ

ภาคใต้มี สิบกว่าจังหวัด..นะเออ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 11-01-2008, 16:33

แล้วปัญหาโจรใต้ที่คุณคิวพูดถึง อยู่ใน 5 จว.ไม่ใช่หรือคะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 16:35


แล้วปัญหาโจรใต้ที่คุณคิวพูดถึง อยู่ใน 5 จว.ไม่ใช่หรือคะ

ต้องดูปัญหาประกอบทั้งหมดครับ..

คนตายจากสาเหตุความขัดแย้งด้วย


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 17:53


แล้วปัญหาโจรใต้ที่คุณคิวพูดถึง อยู่ใน 5 จว.ไม่ใช่หรือคะ

ถ้ามองปัญหาแคบๆ ภาคใต้จะเจริญเป็นหย่อมๆ :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 21:56



แม้แต่อุบัติภัยต่างๆ ผมก็ว่าน่าจะหลีกเลี่ยงได้ ถ้าไม่ปล่อยอย่างที่เป็นมา

ถ้าเลิกสร้างจตุคาม หันมาสร้างจตุคำ ส่งออกกินอิ่มได้ก็ดี

มันไม่ใช่พุทธเหมือนกัน..เป็นพราหมณ์

พวกพิธีกรรมศาสนา เข้าเมืองตาหลิ่วต้อง รู้จักเลือกเชื่อหน่อย

แต่จริงๆเท่าที่เห็นแฝงการเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ ตำรวจก็เอาด้วย..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 04:04


จากข่าวผลโพลหาดใหญ่ คนใต้ ต้องการหมอแวฯ มาแก้ปัญหาโจรใต้ มากกว่าคนอื่นๆ

ทำไมไม่มีชือคนจากปชป.? :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 04:09

จากข่าวผลโพลหาดใหญ่ คนใต้ ต้องการหมอแวฯ มาแก้ปัญหาโจรใต้ มากกว่าคนอื่นๆ

ทำไมไม่มีชือคนจากปชป.? :slime_doubt:


พปช.ปูด'อ้อ'หารือ'ผู้ใหญ่'ไฟเขียวให้ตั้งรบ.ค้าน'สมัคร'นั่งนายกฯห่วงปัญหาสมานฉันท์
http://forum.serithai.net/index.php?topic=18175.msg255799#msg255799
อ้างถึง
ร้อยละ 75.7 เห็นด้วยที่จะให้มีตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับดูแลการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนบุคคลที่เหมาะสมในตำแหน่งนี้ พบว่า นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ จากพรรคเพื่อแผ่นดิน มีความเหมาะสมมากที่สุด ร้อยละ 49.9 รองลงมานายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ จากพรรคพลังประชาชน ร้อยละ 30.5 และนายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทย ร้อยละ 19.6



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 14-01-2008, 04:42

จากข่าวผลโพลหาดใหญ่ คนใต้ ต้องการหมอแวฯ มาแก้ปัญหาโจรใต้ มากกว่าคนอื่นๆ

ทำไมไม่มีชือคนจากปชป.? :slime_doubt:

ง่ายๆ เลยครับก็หมอแวฯ เป็นคนที่ทำงานเกาะติดมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และได้รับการยอมรับมากกว่าคนจาก ปชป.

ที่คุณ Q ตั้งโจทย์ถึง ปชป. ในเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก ความจริงจึงควรไปถามหมอแวมากกว่า
คนใต้น่าจะรู้ปัญหาดีกว่าคนภาคอื่น เขาไว้ใจใครก็ควรให้คนนั้นได้ลองทำงานดู

ตอนนี้หมอแวก็ได้เป็นผู้แทนเรียบร้อยแล้ว และพรรคที่สังกัดก็น่าจะได้เข้าร่วมรัฐบาลแน่ๆ
ในขณะที่ ปชป. คงได้เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นคนที่จะได้รับงานไปทำก็น่าจะเป็นหมอแว
ทุกอย่างก็น่าจะลงตัวดีแล้วใช่ไหมล่ะครับ  :slime_smile:

...

แต่ถ้าถามว่าแล้วทาง ปชป.ไม่มีไอเดียจะทำอะไรเลยหรือ ความจริงเขาก็มีคนที่เกาะติด
กับปัญหาเรื่องนี้เป็นกำลังสำคัญของพรรคคือ ผศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา อาจารย์แผนกวิชา
รัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ที่คราวนี้ ชนะเลือกตั้งเป็น ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 8 เข้ามาเหมือนกัน

แนวคิด ดร.พีรยศ เป็นอย่างไร ลอง search หาเอาเองนะครับ เพราะมีมากมายมโหฬาร
เขาทำถึงขนาดร่างโครงสร้างเขตปกครองพิเศษขึ้นมานำเสนอแล้ว

เรื่องนี้ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ แล้วทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ
จะเทียบเท่ากับที่ นายกฯ โทนี่ แบลร์ สามารถทำให้สก็อตแลนด์เป็นเขตปกครองตนเอง
ยุติปัญหาเกี่ยวกับเชื้อชาติที่มีมาตลอดประวัติศาสตร์เกาะอังกฤษ

เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องระยะยาว ยังมีแง่มุมปัญหาให้ต้องพิจารณาอีกมาก
ในระยะสั้นทาง ปชป. ถึงเสนออยู่ในภารกิจเร่งด่วน 99 วันเฉพาะการออกกฎหมายรองรับ
การจัดตั้งหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ดูแล จากที่ปัจจุบันยังไม่มีการจัดทำให้เรียบร้อย

ส่วนการแก้ปัญหาให้จบสิ้นโดยสมบูรณ์เป็นเรื่องระยะยาว ผมคิดว่าต้องใช้เวลาเป็นสิบปี

...

แต่ในเมื่อคราวนี้ ปชป. คงไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็รอดูฝีมือหมอแวแล้วกันนะครับว่าจะทำยังไง
แต่อย่างน้อยที่สุดในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ผมคิดว่าในส่วนของกองทัพเรามาได้ถูกทางแล้ว
ต่อไปสภาพปัญหาถึงจะยังแก้ไขไม่ได้ แต่ก็จะอยู่ในความควบคุม สังเกตว่าระยะหลังมานี้
เราสามารถระบุชื่อของกลุ่มผู้ก่อการร้าย และชื่อแกนนำในพื้นที่ได้แล้ว
ระยะหลังผมมั่นใจว่าปัญหาภาคใต้เริ่มอยู่ในความควบคุม อย่าไปรื้ออะไรมั่วๆ อีกก็แล้วกัน  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 05:08
ง่ายๆ เลยครับก็หมอแวฯ เป็นคนที่ทำงานเกาะติดมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และได้รับการยอมรับมากกว่าคนจาก ปชป.

ที่คุณ Q ตั้งโจทย์ถึง ปชป. ในเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก ความจริงจึงควรไปถามหมอแวมากกว่า
คนใต้น่าจะรู้ปัญหาดีกว่าคนภาคอื่น เขาไว้ใจใครก็ควรให้คนนั้นได้ลองทำงานดู

ตอนนี้หมอแวก็ได้เป็นผู้แทนเรียบร้อยแล้ว และพรรคที่สังกัดก็น่าจะได้เข้าร่วมรัฐบาลแน่ๆ
ในขณะที่ ปชป. คงได้เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นคนที่จะได้รับงานไปทำก็น่าจะเป็นหมอแว
ทุกอย่างก็น่าจะลงตัวดีแล้วใช่ไหมล่ะครับ  :slime_smile:

...

แต่ถ้าถามว่าแล้วทาง ปชป.ไม่มีไอเดียจะทำอะไรเลยหรือ ความจริงเขาก็มีคนที่เกาะติด
กับปัญหาเรื่องนี้เป็นกำลังสำคัญของพรรคคือ ผศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา อาจารย์แผนกวิชา
รัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ที่คราวนี้ ชนะเลือกตั้งเป็น ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 8 เข้ามาเหมือนกัน

แนวคิด ดร.พีรยศ เป็นอย่างไร ลอง search หาเอาเองนะครับ เพราะมีมากมายมโหฬาร
เขาทำถึงขนาดร่างโครงสร้างเขตปกครองพิเศษขึ้นมานำเสนอแล้ว

เรื่องนี้ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ แล้วทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ
จะเทียบเท่ากับที่ นายกฯ โทนี่ แบลร์ สามารถทำให้สก็อตแลนด์เป็นเขตปกครองตนเอง
ยุติปัญหาเกี่ยวกับเชื้อชาติที่มีมาตลอดประวัติศาสตร์เกาะอังกฤษ

เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องระยะยาว ยังมีแง่มุมปัญหาให้ต้องพิจารณาอีกมาก
ในระยะสั้นทาง ปชป. ถึงเสนออยู่ในภารกิจเร่งด่วน 99 วันเฉพาะการออกกฎหมายรองรับ
การจัดตั้งหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ดูแล จากที่ปัจจุบันยังไม่มีการจัดทำให้เรียบร้อย

ส่วนการแก้ปัญหาให้จบสิ้นโดยสมบูรณ์เป็นเรื่องระยะยาว ผมคิดว่าต้องใช้เวลาเป็นสิบปี

...

แต่ในเมื่อคราวนี้ ปชป. คงไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็รอดูฝีมือหมอแวแล้วกันนะครับว่าจะทำยังไง
แต่อย่างน้อยที่สุดในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ผมคิดว่าในส่วนของกองทัพเรามาได้ถูกทางแล้ว
ต่อไปสภาพปัญหาถึงจะยังแก้ไขไม่ได้ แต่ก็จะอยู่ในความควบคุม สังเกตว่าระยะหลังมานี้
เราสามารถระบุชื่อของกลุ่มผู้ก่อการร้าย และชื่อแกนนำในพื้นที่ได้แล้ว
ระยะหลังผมมั่นใจว่าปัญหาภาคใต้เริ่มอยู่ในความควบคุม อย่าไปรื้ออะไรมั่วๆ อีกก็แล้วกัน  :slime_smile:

ยังไงก็ปฏิเสธไม่ขึ้นครับ เศรษฐกิจ สังคม การเมืองภาคใต้เกี่ยวพันกันหมด

คนของปชป.ต้อง กระตือรือล้นในการแก้ปัญหามากกว่านี้

อีกอย่างประทู้นี้มุ่งติดตามการแก้ปัญหาต่างๆในภาคใต้ครับ.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 21:41

เอาลิงค์มาฝากคนใต้และคนที่สนใจครับ..

http://oas.psu.ac.th/wbns/newsgroup.html
 ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาเกิดภาวะสถานการณ์ความรุนแรงและเหตุการณ์ ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้

     ระบบฐานข้อมูลข่าวชายแดนใต้ จึงจัดทำขึ้นเพื่อเป็นเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ ที่เกิดจากการรวบรวมสถานการณ์ข่าว บทความการวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ จากเว็บไซต์ออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสืบค้นได้อย่างแพร่หลายและกว้างขวาง ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้วิจัย นักวิชาการและผู้ใช้สนใจทั่วไป ในการวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในระดับชาติต่อไป

.......................


แสดงรายการที่ 1 ถึง 20 จากทั้งหมด 1530 รายการ

http://www.muslimcampus.com/news.php

................................


http://www.pataninews.net/links.asp

Sejarah
ประวัติ/ Patani
Hajisulong & Patani
Patani itu Langkasuka 
Patani&Mahyiddeen
Sejarah Melayu
Sejarah Perjuangan Melayu Patani 
Takbai and kerisek Report
 
Radio Online 
Al-Quraan
Free Thai TV online
Islamway
Nur islam Radio
Radio DVR player
Radio1
 
News Online
มติชน
ข่าวสด
คม ชัด ลึก
หนังสือพิมพ์ชาวใต้
กรุงเทพธุรกิจ
ฐานข้อมูลข่าวจังหวัดชายแดนภาคใต้
กองปราบฯ
สยามรัฐ
ผู้จัดการ
บ้านเมือง
แนวหน้า
al-islam/ ke lebihan jihad
ANN
Bahrul Hayat
Bangkok post
BBC/Thai
Berita Harian
Dailynews
DSI/กรมสอบสวนคดีพิเศษ 
Harakah
Isra News
Kelebihan jihad
Link Berta Harian
malaysiakini
mesra.Malay
Nationchannel
OIC / Persatuan Islam
Pantip
PMHRO /perikemanusiaan Patani
posttoday ,โพสต์ทูเดย์
prachathai
PULO
Thaiinsider
Thaipost
Thairath
Tras Melayu
TV 7
Utusan Malaysia
 
แหล่งข่าวอังกฤษ
Al-Jazirah
ANN/asianews
arabnews
Asia times
Bangkokpost
Basque country (New) 
BBC 
Bernama
Brand News Malaysia
CNN
crisisgroup.
dictionary
Fire on South
gren card
Human Rights Watch
International Crisis Group
IP address
Islam online
islamicity
islam-online
Malay Star
Nation
UN / Pertubuhan Dunia
World News
 
แหล่งข่าวอาหรับ
Al-Jazirah 
memritv

.........................

โจรใต้ -> ผลการค้นหาจำนวน 100 ข่าว

http://www.thaisarn.com/th/search_news.php?keyword=%E2%A8%C3%E3%B5%E9&startdate=&search.x=24&search.y=6



 :slime_fighto: :slime_fighto:


 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 21:47
http://songkhlatoday.com/index.php?file=webboard&obj=forum.topic.forprint(13342)
ที่มา: มติชน
โดย Focus Team   เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2550 12:07:32 น.


"ป่วนใต้"ทำเด็กกำพร้า ยอดพุ่งทะลุ4พันราย ลอบยิงครูสายบุรีดับอีก
ข่าวประจำวัน >> ข่าวประจำวัน (บทความ)
สมเด็จพระราชินีพระราชทานเงิน 5 แสน ช่วยครอบครัว"ปงกันมูล" ครูใต้พอใจนายกฯรับฟังข้อเสนอมาตรการคุ้มครองครู

**"สุรยุทธ์"กำหนดแผนคุ้มครองครู

นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) และ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมรักษาความปลอดภัยให้แก่สถานศึกษา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมว่า เป็นการหารือมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ยังมีจุดอ่อนต้องแก้ไขให้รัดกุมขึ้น

**ขู่หญิงมุสลิมให้ก่อม็อบกดดัน

นายพระนายกล่าวว่า ศอ.บต.จะขอเพิ่มกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครหมู่บ้าน (อส.) เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดย อส.จะเพิ่มเป็นหมู่บ้านละ 12 คน จากทั้งหมด 1,600 หมู่บ้าน และปลายเดือนมกราคมนี้ นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่อีกครั้ง

พล.ท.วิโรจน์กล่าวว่า ได้มีสตรีที่มาชุมนุมปิดล้อมโทรศัพท์มาบอกว่าโดนบังคับ หากไม่ไปชุมนุม สามีจะถูกยิงตาย และถ้าเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุมเด็กและสตรีเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นภาพอีกอย่าง เนื่องจากมีการจัดตั้งอยู่อีกส่วนหนึ่งไว้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงพยายามถ่ายวิดีโอช่วงที่มีการชุมนุมกดดันไว้ เพราะเกรงจะมีการสวมรอยทำร้ายตัวเอง เพื่อป้ายความผิดให้เจ้าหน้าที่ และอยากถามคนร้ายที่ยิงผู้บริสุทธิ์ ทั้งครู คนเก็บขยะ คนพิการ ว่า จิตใจทำด้วยอะไร จึง***มโหด แถมมีการมาปลุกระดมว่า หากสามารถฆ่าไทยพุทธได้ 1 คน ก็สามารถพาญาติของตัวเองขึ้นสวรรค์ได้

**สมาพันธ์ครูฯพอใจนายกฯรับข้อเสนอ

นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ผู้แทนครูพอใจกับผลการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจาก พล.อ.สุรยุทธ์ รับฟังและรับข้อเสนอของผู้แทนครูทุกเรื่อง สำหรับข้อเสนอของผู้แทนครูมี 2 เรื่องใหญ่คือ กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของครูในพื้นที่ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น และเสนอให้เร่งรัดเรื่องการปรับฐานะครูอัตราจ้างเป็นข้าราชการ การปรับปรุงวิทยฐานะของครู การเลื่อนขั้นเงินเดือน การพิจารณาให้เหรียญชายแดนใต้ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับครูในพื้นที่

**"แม้ว"ไม่ฟัง"สุรยุทธ์"ค้านยุบศอ.บต.

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ได้พูดถึงการเสียชีวิตของ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ว่า "เป็นความสูญเสียของพวกเราทุกคน ดังนั้น เราจึงต้องระลึกถึงคุณธรรมและเกียรติภูมิของครูจูหลิง รัฐบาลได้ดำเนินการสันติวิธีด้วยการฟื้น ศอ.บต. ในอดีตตอนที่มีการยุบเลิก ศอ.บต.และกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ในสมัยที่ผมเป็น ผบ.ทบ.ในปี 2545 ตอนนั้นมีการประชุม ครม.นอกสถานที่ ที่ จ.นราธิวาส ผมไปร่วมประชุมด้วย ผมได้คัดค้านคุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) แล้วแต่ท่านก็ไม่ฟัง"

**ศธ.เสนอทหารฝังตัว 200 หมู่บ้าน

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า กระทรวงศึกษาธิการจะเสนอมาตรการคุ้มครองครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ขอกำลังทหารมาฝังตัวในหมู่บ้านที่มีความเสี่ยง ซึ่ง ศอ.บต.ประเมินว่ามีกว่า 200 หมู่บ้าน จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะครูปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง จึงอาจถูกทำร้ายได้ตลอดเวลาทั้งที่บ้านพักและชุมชน ไม่ใช่เฉพาะเวลาเดินทางไปโรงเรียนเท่านั้น รวมถึงขอให้มีการลาดตระเวนให้ถี่มากขึ้น มีแผนดูแลครูในพื้นที่เสี่ยง

**ต่ออายุพ.ร.บ.ฉุกเฉินอีก3จว.ใต้

นายประกิต ประจนปัจจนึก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุม สมช. โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเห็นสมควรขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นครั้งที่ 6 ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ถึง 19 เมษายนนี้ ส่วนในพื้นที่ชายแดนอีก 4 อำเภอใน จ.สงขลา และสตูล ไม่มีการขยายระยะเวลาของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังคงกฎอัยการศึกที่มีการประกาศใช้อยู่แล้วไว้

**มั่นใจปล่อย 10 อุสตาซไม่มีปัญหา

ส่วนกรณีศาลอาญาให้ประกันตัวอดีตครูสอนศาสนา หรืออุสตาซ 15 คน จำเลยในคดีความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ทำหนังสือรับรองว่า จะดูแลไม่ให้หลบหนี ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และมีแผนจะดึงตัวมาช่วยราชการเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้นั้น พล.ท.วิโรจน์กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่ทำให้เหตุการณ์ยุ่ง เพราะจำเลยเหล่านี้ยังอยู่ในความดูแลและควบคุมของเจ้าหน้าที่ แต่บอกไม่ได้ว่าจะใช้วิธีควบคุมอย่างไร เจ้าหน้าที่ได้ดูและตรวจสอบร่วมกัน 3 ฝ่ายแล้ว

ด้านนายพระนายกล่าวว่า การประกันตัว 15 อุสตาซ เป็นเรื่องของทางทหารเป็นคนจัดการทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับ ศอ.บต. และกองทัพภาคที่ 4 ไม่ได้ประสานงานกับ ศอ.บต.

**"จรัญ"สั่งดีเอสไอถอนอายัดตัว

นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขออายัดตัวอุสตาซ 1 คน ที่ศาลให้ประกันตัวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นการขออายัดตัวคดีเก่า ซึ่งยื่นเรื่องไว้ตั้งแต่นำตัวมาควบคุมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และดีเอสไอจะถอนการอายัดตัวให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ (10 มกราคม) จากนั้นเรือนจำฯจะปล่อยตัวได้ทันที นอกจากนี้ดีเอสไอได้ประกาศยกเลิกรางวัลนำจับผู้ต้องในคดีความมั่นคงของดีเอสไอทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการประสานข้อมูลกับชุมชน และให้เกิดความร่วมมือในการแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

**ประกบยิงครู"สายบุรี"เสียชีวิตอีก1

ด้านเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนร้ายยังลงมือก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 08.30 น. นายดอมะ เด็งลา อายุ 60 ปี แพทย์ประจำตำบลปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ขับรถปิคอัพเพื่อไปส่งนางฟาตีเมาะ เด็งลา อายุ 50 ปี ภรรยา ครูโรงเรียนบ้านโต๊ะบาลา อ.สายบุรี ที่โรงเรียน โดยนางฟาตีเมาะนั่งเบาะหน้า และมีนางนางสุไลยา กาเซ็ง อายุ 35 ปี นางสาลินี สะนิวา และ น.ส.ซัยนะ มะยาแม ครูโรงเรียนเดียวกันกับนางฟาตีเมาะ นั่งเบาะด้านหลัง โดยขับรถมาตามถนนสายสายบุรี-เจาะกือแย เมื่อมาถึงหมู่ 3 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี ได้ถูกคนร้าย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเข้าประกบ และใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่ กระสุนถูกนายดอมะที่ต้นคอ และนางซัยนะถูกยิงเข้าที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นายดอมะแข็งใจขับรถมาถึงโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี แต่นางซัยนะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงเรียนบ้านโต๊ะบาลา ได้ปิดการเรียนการสอนทันทีโดยไม่มีกำหนด หลังทราบเหตุคนร้ายยิงนางซัยนะเสียชีวิต

สำหรับ น.ส.ซัยนะเป็นหลานสาวของ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมาน แกนนำของกลุ่มเปอร์ซาตูหรือประธานเบอร์ซาตู โดยมีการทำพิธีฝั่งศพที่กูโบร์ปะเสยาวอ อ.สายบุรี เมื่อเวลา 17.00 น.โดยมีญาติพี่น้อง ข้าราชการครู เพื่อนครู และประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งตัวแทนจากสำนักงานเขตการศึกษาเขตที่ 1 มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 22,300 บาท ส่วนเงินช่วยเหลืออื่นๆจะมอบช่วยเหลือภายหลัง

**รวบผู้ต้องสงสัยซุ่มยิงทหารเจ็บ

สำหรับเหตุการณ์ที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามซุ่มยิงทหารชุดลาดตระเวน จนเกิดการปะทะกัน บริเวณหมู่ 8 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมานั้น เป็นเหตุให้ทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นายคือ ส.ต.สุขสันต์ โคนันทะ และในช่วงเช้าวันที่ 10 มกราคม เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนคือ นายอารง เจ๊ะซอ อายุ 22 ปี ขณะกำลังล้างโคลนที่เปลื้อนตัวบริเวณบ่อน้ำห่างจุดปะทะประมาณ 200 เมตร และจากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นพบว่า นายอารงอยู่ในสังกัดหน่วยอาร์เคเคในพื้นที่

เวลา 02.30 น. คนร้ายลอบยิงนายซุลกิฟลีย์ วามะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี ขณะกลับมาจากร้านน้ำชาในหมู่บ้านเสียชีวิต และเวลา 18.30น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางเพลิงโรงเรียนบ้านจ่ากอง ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหาย 1 ห้องเรียน

**ตั้งด่านสกัดโจรใต้ค่าหัว2ล.ลอบบึ้ม

รายงานข่าวจาก สภ.อ.เมืองยะลา ว่า พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา ได้สั่งตั้งด่านตรวจทุกจุดในเส้นทางที่เข้าเขตเทศบาลนครยะลา เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า นายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ อายุ 27 ปี ผู้ต้องคดีก่อความไม่สงบ ที่เคยมีรางวัลนำจับของศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า (ศปก.สน.) จ.ยะลา จำนวน 2 ล้านบาท จะลอบเข้ามาก่อเหตุวินาศกรรมในเขตเทศบาลนครยะลา โดยมีเป้าหมายเป็นร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านประดับยนต์ และห้างสรรพสินค้าต่างๆ

**พระราชินีพระราชทานเงิน5แสน

ด้านบรรยากาศการจัดงานศพ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ อ.ระแงะ จ.เชียงราย ที่ถูกชาวบ้านจับเป็นตัวประกันและทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมานั้น ทางญาติพี่น้องได้เคลื่อนย้ายศพจากบ้านพักเลขที่ 114 หมู่บ้านปงน้อย หมู่ 10 ต.ปงน้อย กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดปงสนุก ต.ปงน้อย

เช้าวันเดียวกัน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ช่วยงานศพ น.ส.จูหลิง จำนวน 5 แสนบาท ขณะเดียวกันราชองครักษ์ ผู้แทนพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อัญเชิญพวงมาลาในพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ มาพระราชทานแก่ศพ น.ส.จูหลิง โดยเครื่องบินกองทัพอากาศ ซี 130 ถึงท่าอากาศยานเชียงราย เมื่อเวลา 13.30 น. และนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และคณะรอรับ จากนั้นอัญเชิญพวงมาลาไปวางยังหน้าหีบศพ น.ส.จูหลิง

นายสุน ปงกันมูล บิดา น.ส.จูหลิง กล่าวว่า ครอบครัวปงกันมูลและชาวกิ่ง อ.ดอยหลวงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานพวงมาลาศพ น.ส.จูหลิง เชื่อว่าจะทำให้วิญญาณ น.ส.จูหลิงไปสู่สรวงสวรรค์

**เพิ่มข้อหา58ผู้ต้องหาทำร้ายครูจูหลิง

พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.อ.ระแงะ กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนเพิ่มโทษในสำนวนผู้ต้องหาร่วมกันทำร้าย น.ส.จูหลิง ที่ออกหมายจับ 58 คน จับกุมและเข้ามอบตัวแล้ว 27 คน จากกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายให้มีโทษหนักขึ้น หลังจากที่ น.ส.จูหลิงเสียชีวิต จึงขอให้ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมอีก 31 คนรีบเข้ามอบตัวสู้คดี

**ป่วนใต้ทำเด็กกำพร้าเพิ่มกว่า4พัน

วันเดียวกัน ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และเครือข่ายแกนนำด้านเด็กและเยาวชน จัดเสวนาในหัวข้อ "จุดยืนของเยาชนกับสถานการณ์ความรุนแรงในสังคม" โดยตัวแทนเยาวชนจากพื้นที่ต่างๆ ประมาณ 60 คนเข้าร่วมเสวนา

น.ส.วรรณกนก เป๊าะอีแตดาโอะ ประธานกลุ่มลูกเหลียง และผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กและเยาวชนยุติความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ทำให้เด็กกำพร้าเพิ่มมากขึ้นแบบรายวัน ปัจจุบันมีมากกว่า 4,000 คน และเด็กต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำงาน ที่น่าห่วงคือเด็กร้อยละ 80 ถูกชักชวนให้กระทำความผิดเพื่อแก้แค้นเจ้าหน้าที่รัฐ

**ห่วงปัญหาเด็กแบ่งกลุ่มแยกแค้น

น.ส.วรรณกนกกล่าวว่า ขณะที่ในหมู่บ้านมีแม่หม้ายเพิ่มขึ้น เช่น หมู่บ้านปุโรง อ.กรงปีนัง จ.ยะลา มีแม่หม้ายร้อยละ 70 จากคนในหมู่บ้านประมาณ 700-800 คน เนื่องจากผู้ชายเสียชีวิตมากขึ้น และบางส่วนหนีไปอยู่ประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและไม่มั่นใจในความปลอดภัย

"อีกหนึ่งปัญหาน่าห่วงคือ เด็กที่สูญเสียพ่อหรือแม่จากเหตุไม่สงบจะเกิดความรู้สึกเคียดแค้น ซึ่งแบ่งเด็กได้ 2 กลุ่มคือ ลูกเจ้าหน้าที่รัฐจะแค้นกลุ่มผู้ก่อการร้าย และกลุ่มลูกชาวบ้านจะแค้นเจ้าหน้าที่รัฐ" น.ส.วรรณกนกกล่าว

**"ไพบูลย์"ชี้แรงยิ่งกว่าสงครามโลก

ด้านนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีความรุนแรงสร้างความเสียหายเจ็บปวดทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เป็นความรุนแรงกว้างขวางอย่างต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่ 2

"อยากให้สังคมโดยรวมร่วมขับเคลื่อนกระบวนการต่อต้านความรุนแรงด้วยสันติวิธี 4 ข้อ คือ 1.ต้องไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรง ด้วยการประณามและต่อต้าน 2.ต้องไม่ยอมสยบ ยอมแพ้ต่อความรุนแรง 3.ต้องไม่ประมาท มีมาตรการป้องกัน เฝ้าระวังและเตรียมพร้อม และ 4.สร้างภูมิคุ้มกันเชิงสันติวิธีในตัวเอง ครอบครัว และชุมชน เครือข่าย ให้คนที่คิดจะใช้ความรุนแรงทำได้ยากขึ้น" นายไพบูลย์กล่าว

**บึ้มทหารมาเลย์ฐานชายแดนเจ็บ4

วันเดียวกัน ทหารมาเลเซียที่ตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณเขตรอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซีย ห่างจากชายแดนไทยบริเวณบ้านดินเสมอ หมู่ 5 ต.คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา ประมาณ 200 เมตร ได้ซ้อมเผนเผชิญเหตุ และเกิดอุบัติเหตุระเบิดทำให้ทหารมาเลเซีย 4 นายได้รับบาดเจ็บ จึงมีการประสานมายัง สภ.อ.ธารโต ขอความช่วยเหลือในการนำทหารทั้ง 4 นายที่ได้รับบาดเจ็บส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลธารโต

พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองบัญชาการผสม พลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) กล่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุมีฝนตกหนักในพื้นที่ ทัศนวิสัยไม่ดี เจ้าหน้าที่มาเลเซียไม่สามารถนำทหารที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลของประเทศมาเลเซียได้ จึงร้องขอให้ทหารของไทยนำส่งโรงพยาบาลธารโต เมื่อทำบาดแผลเสร็จได้นำส่งกลับฐานของทหารมาเลเซียแล้ว

"จุดตรวจร่วมบ้านดินเสมอเป็นข้อตกลงระหว่างทหารไทยและทหารมาเลเซียในการตั้งจุดตรวจร่วมกัน เพื่อรักษาความปลอดภัยพื้นที่ตามแนวชายแดนของแต่ละประเทศ โดยมีทหารทั้ง 2 ประเทศลาดตระเวนร่วมกันจุดตรวจละ 25 นาย" พล.อ.อัครกล่าว

ที่มา: มติชน
โดย Focus Team   เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2550 12:07:32 น.
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 14-01-2008, 21:55

วันนี้ได้ข่าวว่า จนท.ทหารโดนทำร้าย 8 นายค่ะ ที่ อ.จะแนะ ยังไม่ทราบรายละเอียด


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 22:05

วันนี้ได้ข่าวว่า จนท.ทหารโดนทำร้าย 8 นายค่ะ ที่ อ.จะแนะ ยังไม่ทราบรายละเอียด

เสียปืนครับ ปล้นอาวุธที่มากับรถ เกือบสองวันแล้ว (อันนี้พูดให้ดูนาน เผื่อเวลาให้พวกการข่าว)

ข่าวแรกๆครับ

ทหารนราธิวาส ยิงปะทะโจรใต้ จนท.ดับ 1 สาหัส 7 นาย
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2551 10:42 น.  http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000005039
 
 
       เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธสงครามซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน ร้อย ร.2923 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส ที่ 34 ขณะกำลังลาดตระเวนบนถนนในหมู่บ้านรือเปาะ หมู่ 6 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นนานกว่า 30 นาที สิ้นเสียงปืนพบมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 7 นาย ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้นำกำลังเข้าไปช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุเพื่อส่งโรงพยาบาล
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 22:09


พณ.เร่งนำเข้าน้ำมันปาล์ม หลังพบสต๊อกลดฮวบ
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2551 13:51 น.  http://www.manager.co.th/Lite/ViewNews.aspx?NewsID=9510000005190
 
 
       นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยถึง การตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าพบมีสต๊อกลดลงอีกเหลือ 82,000 ตัน จากเดิมมีอยู่ 98,000 ตัน ซึ่งเป็นสต๊อกที่ต่ำมากอยู่แล้ว โดยทางกรมการค้าภายในจะเร่งให้มีการนำเข้าโดยเร็วที่สุดครั้งแรก จำนวน 20,000 ตัน เพื่อให้สามารถผลิตน้ำมันสำเร็จรูปออกจำหน่ายให้กับประชาชนได้ตามปกติ ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ ในวันที่ 16 มกราคม นี้ โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในสัปดาห์หน้า
        อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า สถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศไทย ขณะนี้มีความผิดปกติโดยมีราคาเฉี่ยสูงกว่าราคาในตลาดโลกมาก ราว 6 - 7 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมราคาจะไม่สูงกว่าตลาดโลก 1 บาท
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 23:15
เสียปืนครับ ปล้นอาวุธที่มากับรถ เกือบสองวันแล้ว (อันนี้พูดให้ดูนาน เผื่อเวลาให้พวกการข่าว)

ข่าวแรกๆครับ

ทหารนราธิวาส ยิงปะทะโจรใต้ จนท.ดับ 1 สาหัส 7 นาย
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2551 10:42 น.  http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000005039
 
 
       เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธสงครามซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน ร้อย ร.2923 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส ที่ 34 ขณะกำลังลาดตระเวนบนถนนในหมู่บ้านรือเปาะ หมู่ 6 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นนานกว่า 30 นาที สิ้นเสียงปืนพบมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 7 นาย ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้นำกำลังเข้าไปช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุเพื่อส่งโรงพยาบาล
 



รายชื่อผู้เสียชีวิต


ผบ.ฉก.34 นราฯยันเหตุโจรใต้ถล่มลูกน้อง 8 ศพ ไม่มีหนอนบ่อนไส้   http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000005205
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2551 15:06 น.
 
 

   
 
 
   
 

 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 

 

 

 
 
 
  นราธิวาส – ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจที่ 34 นราธิวาส ซึ่งลูกน้องถูกโจรใต้กว่า 20 คน ลอบวางระเบิดและซุ่มยิงขณะออกลาดตระเวนในพื้นที่จนเสียชีวิต 8 นาย เผยไม่มีเจ้าหน้าที่ในสังกัดรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อคนร้ายจ้องโจมตีเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา
       
       พ.ท.กานต์นาท นิกรยานนท์ ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจที่ 34 นราธิวาส (ผบ.ฉก.นราธิวาสที่ 34) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางระเบิด และใช้อาวุธสงครามซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดลาดตระเวน ร้อย ร.2923 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 34 ขณะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังลาดตระเวน ที่บริเวณบนถนนในหมู่บ้านรือเปาะ หมู่ 6 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นนานประมาณ 20 นาที หลังจากสิ้นเสียงปืน ผลปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตรวม 8 นาย
       
       โดย พ.ท.กานต์นาท กล่าวว่า ในเวลา 08.00 น.วันนี้ (14 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนดังกล่าวได้ออกลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อตรวจความเรียบร้อยตามเส้นทางในหมู่บ้านรือเปาะ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับครู โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารออกลาดตระเวนทั้งหมด 12 นาย นั่งรถจักรยานยนต์ 4 นาย รถฮัมวี 8 นาย ขณะที่ขับผ่านถนนสายในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเส้นทางหุบเขา กลุ่มคนร้ายซึ่งได้ดักซุ่มอยู่แล้วได้จุดชนวนระเบิดที่ฝังไว้ใต้ถนนขึ้น แรงระเบิดทำให้รถฮัมวีกระเด็นไปถึง 50 เมตร
       
       จากนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายยิงกราดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทันทีและเกิดปะทะกันขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ที่ขับรถจักรยานยนต์ได้หลบหนีออกจากบริเวณที่เกิดเหตุได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บภายในรถฮัมวี่นั้นถูกกลุ่มคนร้ายเข้ามายิงซ้ำจนทั้งหมดเสียชีวิตทั้ง 8 นาย
       
       การลอบก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายมีมากกว่า 20 คน และมีการเตรียมการมาอย่างดีทั้งการวางระเบิด การซุ่มโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการปิดกั้นเส้นทางการเข้ามาช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ทำให้เจ้าหน้าที่เสริมเข้ามาถึงที่เกิดเหตุล่าช้า
       
       นอกจากนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 34 กล่าวด้วยว่า การก่อเหตุครั้งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ในสังกัดรู้เห็นอย่างแน่นอน ถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมเปลี่ยนแผนในการลาดตระเวนทุกวัน ซึ่งเชื่อว่า เหตุครั้งนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการจ้องทำร้ายของกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่แล้ว และหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกตรวจค้นพื้นที่ที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยพบร่องรอยเส้นทางที่เจ้าหน้าที่หลบหนี รวมถึงเสื้อผ้าที่มีการถอดทิ้งไว้ โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อหาคนร้ายต่อไป ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นกลุ่มในหมู่บ้านหรือไม่
       
       สำหรับรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต ประกอบด้วย
       
       1.ร.ต.อานนท์ บุญธรรม หัวหน้าชุด
       2.ส.อ.วัชระ วัฒโณทัย
       3.ส.อ.พงษ์ศักดิ์ จันทร์มาลา
       4.ส.อ.ประชุม ขอปะการ
       5.จ.ส.อ.บุณธรรม นิลสนธิ
       6. จ.ส.อ.สมจิตต์ พัวพุ่มพฤกษ์
       7.พลทหารสมปอง กมลช่วง
       8.พลทหารสุพิศ ปานมาตร
       
       ส่วนอีก 4 นายที่ขับรถจักรยานยนต์ปลอดภัย
       
       1.ส.ท.อมร ศักดิ์ศีสมุทร
       2.ส.ต.อนุสรณ์ สู้ณรงค์
       3.พลทหารกฤษดา วงศ์จันทร์
       4.พลทหารณรงค์ เพิ่มฉลาด
 
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 23:19

รวมลิงค์ให้อีกครั้งครับ..

http://oas.psu.ac.th/wbns/newsgroup.html

http://www.muslimcampus.com/news.php

http://www.pataninews.net/links.asp

http://songkhlatoday.com/index.php?

.......................................


ข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งหมดจำนวน 63499 รายการ  

http://oas.psu.ac.th/wbns/browse.php


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-01-2008, 01:44



ข่าวมีให้วิเคราะห์มาก หวังว่าจะถูกใจสส.ปชป.และคนใต้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง..

จะได้นำไปคิดอ่านต่อ ว่าควรกำหนดท่าทีต่อปัญหาภายในภูมิภาคอย่างไรต่อไป.. :slime_fighto:


หัวข้อ: ตร.สั่งร้านค้ายะลาตรวจสอบสิ่งผิดปกติ - หลังบึ้มกลางตลาดเจ็บ 27 ราย
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-01-2008, 12:14

สส.แต่ละพรรคการเมืองไปดูกันหน่อย


ตร.สั่งร้านค้ายะลาตรวจสอบสิ่งผิดปกติ - หลังบึ้มกลางตลาดเจ็บ 27 ราย
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000005559

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มกราคม 2551 10:22 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 

 

 
1 ในจำนวน 27 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดในครั้งนี้

 

 
 
 
  ยะลา - เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งการให้ร้านค้าในยะลาตรวจสอบสิ่งผิดปกติ หลังคนร้ายซุกระเบิดในตะกร้ารถจักรยานยนต์ก่อนนำไปจอดทิ้งหน้าตลาด กดจุดชนวนชาวบ้านเจ็บระนาว 27 ราย
       
       วันนี้ (15 ม.ค.) เวลา 06.42 น. ร.ต.ท.สมศักดิ์ ฤทธิ์ศักดิ์ ร้อยเวร สภ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชุดกู้ภัยว่า มีเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณตลาดถนนผังเมือง 4 ซอย ปากซอย 11 เขตเทศบาลนครยะลา หลังรับแจ้งจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.เมืองยะลา พ.ต.อ.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ชุดศรศึก-ศรชัย) ทหาร ฉก.ยะลา และฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
       
       ที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าว หน้าบ้านเลขที่ 447 ถนนผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายจำนวนหลายคัน ข้าวของและเศษรถจักรยานยนต์กระจุยกระจายเต็มพื้นถนน ใกล้กันพบกองเลือดจำนวนใหญ่หลายกอง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ชุดกู้ภัยแม่กอเหนี่ยว และเจ้าแม่ทับทิม นำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
       
       ก่อนเกิดเหตุมีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากได้ตั้งแผงขายข้าวแกง และอาหารบริเวณหน้าบ้านเลขที่ดังกล่าวและร้านติดกันเลขที่ 449 ได้เปิดเป็ดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนได้นำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ในกล่องเหล็ก แล้วจุดชนวน ด้วยรีโมตคอนโทรล มาวางไว้ในหน้าตะกร้ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม 100 ซีซี สีน้ำตาลเข้ม แผ่นป้ายทะเบียน กนษ 232 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ที่ถูกคนร้ายขโมยมาจากตลาดนัดเสื้อผ้ามือสองบ้านบุดีเมื่อวันที่ 13 ม.ค.51 ที่ผ่านมา มาตั้งบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 447
       
       จากนั้นจึงได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นทำให้ประชาชนที่กำลังจับจ่ายซื้ออาหารเช้าและพ่อค้าแม่ค้าบริเวณที่เกิดเหตุ ได้รับบาดเจ็บรวม 27 คนในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน คือ นายสุวิทย์ อนุกูล, นางวัชราภรณ์ รังสีมันท์กุล, นางสาวสุกัญญา กาลัญกุล, นายสน ขวัญชู
       
       จากนั้น พล.ต.ต.สายัณห์ กระแสแสน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจออกประชาสัมพันธ์กับร้านค้า กิจการต่างๆ ในเขตเทศบาลนครยะลา ให้ตรวจสอบสิงผิดปกติบริเวณหน้าร้าน เพราะอาจจะเป็นจุดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความไม่สงบได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา อย่างแน่นอน

 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-01-2008, 12:41

ระเบิดแบบนี้ใครได้ประโยชน์นอกจากพวกผู้ก่อการร้ายเอง


ก็คงเป็นพวกผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น และผู้มีอิทธิพลระดับชาติ

นายทุนก่อการร้ายภายในชาติ ข้ามชาติ  อยู่ใต้จมูกคนใต้นั่นแหละ


ตรงนี้อิทธิพลของทางเหนือและอีสานไปไม่ถึงหรอกครับ ตาสว่างกันได้แล้ว.. :slime_fighto:



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-01-2008, 13:00


ก็อยากจะแนะนำคนใต้ว่า แก้ปัญหาอย่าไปเลี้ยงไข้

เอาคนเก่ง คนดีไปจัดการปัญหา อย่าเอากุ๊ยไปจัดการ

มันซูเอี๋ย เล่นพรรคเล่นพวก แก้ไขไม่ได้หรอก แก้ไขไม่ได้อย่าคิดไปดูแลภาคอื่น..

ระบบราชการทางใต้ก็เหมือนกัน คงต้องปรับปรุงอย่างหนัก มันเละจนคนท้องถิ่นเขาไม่เชื่อใจหรือเปล่า?


ภัยธรรมชาติ เกิดได้ถ้าขาดการจัดการที่ดีทุกแห่งหล่ะครับ..ยอมรับความจริงแล้วลงมือแก้ไข

เริ่มจากเลิกหลับหูหลับตาเชื่อสส.พรรคใดพรรคหนึ่ง..เห็นแก่ทหารที่ตายไป และครอบครัวคนที่ตายไป



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-01-2008, 15:46


คนภาคอื่นโง่หรือเปล่าครับ ที่มองปัญหาของคนใต้ เป็นปัญหาของคนไทยด้วยกัน

บริจาคสิ่งของ เงินทองไปช่วย คนใต้เลยมองการกระทำของเขาเป็นคนโง่


ผมอยากจะเตือนว่าคนไทย จะภาคไหนๆ ก็ต้องส่งเสริมความมีน้ำใจต่อกัน

หากเป็นการแข่งขัน ก็ต้องมีน้ำใจแบบนักกีฬา คือรู้แพ้รู้ชนะ เล่นหรือทำงานเป็นทีมได้

ไม่เอาแต่ตุกติกเล่นโกงจนกรรมการเป่าฟาว ดูชีวิตของ นักฟุตบอลหัตถ์มรณะ ไว้ให้ดี

ตกต่ำเห็นไหม? เก่งไม่ว่า แต่อย่าโกง.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-01-2008, 16:41


ลิ่วล้อปชป. หายหัว คงจะอาย..

ไปหาโอกาสแทง เวลาเจ้าของเผลอ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-01-2008, 20:29

เอามาจากสมาชิกประชาไทโพสต์ไว้ ขอบคุณ
http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=668660

แต่แค่อ่านข้อมูลประกอบ อย่าไปเชื่อแนวทางการมองปัญหาของผู้เขียน

ผมคิดว่า มีประเด็นซ่อนเร้น หรือถุกครอบงำทางการเมืองแฝงอยู่

(http://busqu.webcindario.com/sur.jpg)

http://skyupload.com/12Z1H5VB9846/TopSecretSouthThailand.pdf


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-01-2008, 20:37
รวมลิงค์ให้อีกครั้งครับ..

http://oas.psu.ac.th/wbns/newsgroup.html

http://www.muslimcampus.com/news.php

http://www.pataninews.net/links.asp

http://songkhlatoday.com/index.php?

.......................................


ข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งหมดจำนวน 63499 รายการ  

http://oas.psu.ac.th/wbns/browse.php

ติดตามข่าวคราวเปรียบเทียบได้ตามลิงค์ ข้อมูลเขาอัพเดทเพิ่มข่าวทุกวัน


หัวข้อ: กองเชียร์ปชป.เห็นด้วยหรือไม่ครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-01-2008, 18:48



กองเชียร์ปชป.เห็นด้วยหรือไม่ครับ..

ชื่อเรื่อง   เตรียมฟื้นทำนา3จว.ชายแดนใต้
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdOVEUzTURFMU1RPT0=§ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB4Tnc9PQ==
 เนื้อหา  ยะลา - นายจักรี สุจริตธรรม ผู้ตรวจราชการกระ ทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมจัดทำยุทธศาสตร์การผลิตข้าวในพื้นที่จัง หวัดชายแดนภาคใต้ ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่า เนื่องจากปัจจุบันพบว่า ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่นาร้างเพิ่มขึ้นทุกปี สาเหตุจากต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ทำให้เกษตรกรเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องฟื้นฟูและพัฒนาการปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้มีความมั่นคงยั่งยืน เป็นการลดความเสี่ยงที่ประชาชนจะถูกชักจูงไปในทางที่ผิดด้วย

นายจักรี กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานตามโครง การนี้ประกอบด้วย 3 แนวคิด คือ 1.จะฟื้นฟูนาร้างในพื้นที่มีอยู่คืนกลับมาภายใน 4 ปี 2.จะพัฒนาประสิทธิ ภาพการทำนาในพื้นที่ที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น คือ ใช้พันธุ์คุณภาพดีขึ้นและให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น และ 3.ให้ประชาชนเห็นความสำคัญ และสมัครใจกลับมาประ กอบอาชีพทำนามากขึ้น ส่วนงานเร่งด่วนที่ต้องทำในขณะนี้คือการเอกซเรย์พื้นที่นาร้างทั้งหมดว่าเหมาะสมที่จะรื้อฟื้นอยู่กี่ไร่ ใช้วิธีการใด โดยศอ.บต.และกระทรวงเกษตรฯ จะเข้าไปดำเนินการ ทั้งนี้ จากข้อมูลในปี 2549/2550 พบว่า พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจ.สงขลา มีพื้นที่ปลูกข้าวรวม 590,000 ไร่เศษ มีผลผลิตข้าวเฉลี่ยประมาณไร่ละ 380 ก.ก. น้อยกว่าผลผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศ คือ ไร่ละ 465 ก.ก. ปัจจุ บันมีพื้นที่นาร้างอยู่กว่า 57,000 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าวมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับปลูกข้าวอยู่กว่า 40,000 ไร่

 


หัวข้อ: ชื่อเรื่อง วิฯโจรใต้ ฆ่า8ทหาร เหิมชิงปืน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-01-2008, 14:35


ชื่อเรื่อง   วิฯโจรใต้ ฆ่า8ทหาร เหิมชิงปืน  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhNREU0TURFMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB4T0E9PQ==
 เนื้อหา  บิ๊กกลาโหมลงพื้นที่ใต้ ระบุคดีฆ่าทหาร 8 ศพ เอาผิดโจรได้แน่ 2 ราย ในขณะที่คดีสายโจรพันโทยังปากแข็ง ส่วนจ่าเปิดปากสารภาพแล้ว วิสามัญโจรใต้อีกศพ สงสัยอยู่ในแก๊งฆ่าทหาร แย่งปืนทหารขณะคุมตัวไปค้นจุดซ่อนปืนบนเทือกเขาป่าจะแนะ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา บ้านนิคมเทพา อ.เทพา จ.สงขลา พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานร่วมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยมี พ.อ.กิจจา ศรีทองกุล ผบ.หน่วยเฉพาะกิจสงขลา พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ รองผบ. ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้านจากพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา ร่วมบรรยายสรุปให้ข้อมูล

พล.อ.บุญรอด กล่าวถึงการติดตามกลุ่มก่อความไม่สงบถล่มฆ่า 8 ทหาร ที่จ.นราธิวาส ว่ากระทรวงกลาโหมไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยร่วมกับสถาบันนิติ วิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจและเก็บหลักฐานบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด ในเบื้องต้นได้หลักฐานที่เป็นประโยชน์ สามารถมัดตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 5 คน โดย 2 ใน 5 คน จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ สามารถดำเนินคดี และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างแน่นอน ส่วนกรณีทหารที่เป็นสายข่าวให้แก่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น ล่าสุดระดับชั้นประทวนยอมรับสารภาพแล้ว ส่วน พ.ท.ยังให้การปฏิเสธ และถูกนำตัวไปสอบปากคำที่ศูนย์การปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า ขณะที่ทางกองทัพส่งนายทหารพระธรรมนูญร่วมสอบปากคำด้วย

ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า จ.ยะลา พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะผบ.ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า เป็นประธานฝึกอบรมและมอบนโยบายให้แก่ตำรวจในระดับรองผบก. ผกก. รองผกก. และสว. จำนวน 142 นาย ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ ทั้งกรณีเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และสับเปลี่ยนหมุนเวียนในระดับเท่าเดิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ จ.สงขลา

พล.ต.ท.อดุลย์กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับกำลังใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะระดับรอง ผบก. ผกก. รองผกก. ที่มีอายุไม่เกิน 50 ปี ลงมาทั้งหมดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นโยบายคือการปรับพื้นฐานด้านความคิด และการปฏิบัติให้รู้ยุทธวิธีของฝ่ายตรงข้าม และเรียนรู้ประเพณีการปฏิบัติ เพื่อจะได้มีขีดความสามารถในการบริหารจัดการโรงพัก อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมในระดับผู้บริหารด้วย ส่วนกรณีการติดตาม 6 ผู้ต้องหา หลบหนีออกไปจากสภ.ตันหยง จ.นราธิวาส ว่าสั่งการและมอบหมายให้รองผบก.นราธิวาส เป็นผู้ดูแลติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ได้ข้อมูลมาพอสมควร ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะนี้ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ยังคงกระจายกำลังกันไล่ล่าและค้นหา 6 ผู้ต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน ด้าน อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งติดกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันจากญาติพี่น้องของผู้ต้องหา 3 ใน 6 คน คือ นายนัสรีย์ มือลี นายอาทริ เจ๊ะเลาะ และนายนอรอดิง บินบือราเฮง ว่าหลบหนีเข้าไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว ส่วนอีก 3 คน ยังหลบซ่อนตัวตามบ้านพักของสมาชิกแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ

ข่าวแจ้งอีกว่า จากการสืบสวนในทางลึก ทางเจ้าหน้าที่ทราบว่ามีกลุ่มแนวร่วมคอยให้ความช่วยเหลือ 6 ผู้ต้องหาขณะหลบหนี โดยเฉพาะนายอารีฟ โต๊ะโก อยู่บ้านเปาะเจ๊ะเต็ง หมู่ 1 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ช่วยเหลือ 3 ใน 6 ผู้ต้องหาไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังหนึ่ง บริเวณซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้กับโรงเรียนบ้านรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสถานที่กลุ่มความไม่สงบใช้เป็นศูนย์พบปะ และร่วมประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายในพื้นที่ โดยนายอารีฟทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน และให้ความช่วยเหลือกลุ่มแนวร่วมหลังจากก่อเหตุ อีกทั้งสถานที่กบดานดังกล่าว คาดว่ามี นายมะแซ อุเซ็ง และ นายสะแปอิง บาซอ แกนนำคนสำคัญพักอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

ส่วนกรณีเหตุฆ่า 8 ทหาร จ.นราธิวาส นั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือการกระทำของนายเจ๊ะฆูยา หัวหน้ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเคและพวก มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บังคับการกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค เป็นเพื่อนสนิทของนายมะแซ อุเซ็ง ที่ผ่านการฝึกรบแบบจู่โจม มีความชำนาญประกอบและวางระเบิด

เวลา 16.00 น. ร.ต.ท.เสริม แกล้ววาที ร้อยเวร สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงปะทะเจ้าหน้าที่ในท้องที่หมู่ 5 บ้านฮูลูกูนุง ต.ดุซงญอ อ. จะแนะ จึงนำกำลังตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุอยู่บนเทือกเขาเมาะแต ห่างจากหมู่บ้าน 2 กิโลเมตร พบศพนายซือมัน เจ๊ะดาโอ๊ะ อยุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 บ้านรือเปาะ หมู่ 4 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าและเอ็ม-16 เข้าตามลำตัวหลายนัดเสียชีวิตคาที่อยู่ริมลำธารภายในป่า

จากการสอบสวนทราบว่า นายซือมัน เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีกลุ่มคนร้ายระเบิดถล่มฆ่าทหาร 8 นาย ทางทหารจึงไปควบคุมตัว ก่อนจะพานายซือมันเข้าไปตรวจสอบสถานที่ซ่อนปืนที่ปล้นมาจากทหาร 8 นาย โดยนายซือมันนำทหารขึ้นบนเทือกเขาเมาะแต จะไปยังสถานที่ซุกซ่อนปืน เมื่อมาถึงบริเวณที่มีลำธารตัดผ่าน นายซือมันแย่งปืนขนาด 11 ม.ม. จากเอวของทหารที่ควบคุมตัวไป ก่อนวิ่งกระโดดลงไปลำธาร และยิงใส่กันทั้ง 2 ฝ่าย เป็นเหตุให้นายซือมันเสียชีวิต
 
 วันที่เผยแพร่  18 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  18 ม.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-01-2008, 14:38

ชื่อเรื่อง   งบฯไฟใต้  
 ผู้เขียน   วงค์ ตาวัน
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   คอลัมน์/จดหมาย/หลากหลาย : คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPVEU0TURFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB4T0E9PQ==
 เนื้อหา  ปฏิบัติการถล่มฆ่าทหารถึง 8 ศพในพื้นที่นราธิวาสงวดนี้ ได้สร้างความหนักอกหนักใจให้กับกองทัพอย่างมาก ถือว่าเป็นการโจมตีหน่วยลาดตระเวนที่ติดอาวุธพร้อมรบอย่างรุนแรง ซึ่งมีไม่บ่อยนัก

"ฟังว่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เตรียมจะลงพื้นที่เองในวันสองวันนี้"

ต้องไปสรุปวิเคราะห์ปรับแผนกันยกใหญ่ ถือว่าเพลียงพล้ำอย่างมาก

งานแบบนี้ ทหารเขาทุ่มเทให้ความสนใจ ระดับผบ.ต้องลงไปเอง

ส่วนฝ่ายตำรวจนั้น มีนายตำรวจใหญ่ที่ลงไปเองอยู่บ่อยๆ ก็คือ 2 รองผบ.ตร.

พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. ลงไปเน้นการสืบสวนสอบสวน ใช้สำนวนคดีใช้กระบวนการยุติธรรมเข้าไปหยุดยั้งการก่อการร้าย รวมทั้งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ลงไปดูด้านงานข่าวกรอง

โดยมีพล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่ปักหลักดูแลด้านปฏิบัติการของตำรวจ

"เรียกว่าของตำรวจนั้น มีระดับรองผบ.ตร.กับผู้ช่วยผบ.ตร.ที่เป็นผู้ใหญ่ลงไปบัญชาการในสนาม!"

ส่วนฝ่ายทหารผบ.ทบ.ลงเองเป็นระยะๆ

ทหารต้องทำงานหนัก เพราะสงครามกับโจรก่อการร้ายนั้น ไม่มีแบบแผนแน่นอน ฝ่ายรัฐต้องปรับยุทธวิธีไปเรื่อย

"บางช่วงกองกำลังรัฐเริ่มกุมความเหนือกว่า เริ่มเป็นฝ่ายรุกไล่ รุกไปเรื่อยๆ รุกเพลินๆ สักพักก็เจอแผนใหม่ๆ จากโจรใต้ตอบโต้กลับ"

ก็ต้องมาปรับกันใหม่

"แต่อย่างที่ผบ.ทบ.เคยพูดเอาไว้ หน้าที่ของทหารคือ ยุติความรุนแรงให้ได้ ยุติการกระทำเหนือกฎหมายให้ได้ แต่ไม่ใช่ผู้แก้ปัญหาทั้งหมด!"

การแก้ปัญหาภาคใต้อย่างแท้จริง เป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมือง  

รัฐบาลต้องเข้าไปสร้างสังคมใหม่ใน 3 จังหวัดใต้ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

ไม่ให้เกิดปมปัญหานำไปสู่ความคิดแบ่งแยกดินแดนอีก

พูดง่ายๆ ว่า ที่ทหาร-ตำรวจลงไปพลีชีพกันทุกวันนี้ เพื่อทำให้ความรุนแรงลดลง แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างถึงที่สุด

"รัฐบาลชุดนี้ ไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ค่อยได้แก้เรื่องภาคใต้ แต่สิ่งที่น่าจะพอช่วยได้ก็คือ การดูแลด้านงบประมาณ"

เพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือที่พอจะช่วยเซฟชีวิตเจ้าหน้าที่ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าไปหยุดโจรใต้

เครื่องตรวจระเบิด กล้องวงจรปิด เครื่องสแกนใบหน้าบุคคล อะไรต่างๆ เหล่านี้

ว่างๆ นายกฯ ช่วยตรวจสอบหน่อยว่า หน่วยงานบางหน่วยนั้น ใช้งบประมาณเพื่อภาคใต้อย่างจริงจังหรือไม่

"มีการตัดงบฯ ดึงงบฯ เอาไปใช้อย่างอื่นหรือเปล่า?"

ควรจะตรวจสอบกันบ้าง ไม่ใช่เชื่อเขาอย่างเดียว

"เชื่อไปเสียทุกเรื่อง จนเป็นที่ขบขันกันไปทั่วเมืองในเวลานี้!?!"

 
 วันที่เผยแพร่  18 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  18 ม.ค. 2551


สส.ปชป. เป็นใบ้ไปแล้ว..5>>>>>


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 06:50





ประมวลสถานการณ์ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit1.htm

เป็นข้อมูลช่วง รัฐบาลทักษิณ อย่างละเอียดพอสมควร เล่าเรื่องสรุป การประชุม ครม. ช่วงก่อนและหลังยุบ ศอบต..


ความไม่สงบในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ 

  ประมวลสถานการณ์   http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit1.htm
 แนวทางแก้ไขปัญหา  http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit2.htm
 จ.ปัตตานี  http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit6.htm
 จ.ยะลา http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit7.htm
 จ.สงขลา http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit8.htm
 จ.นราธิวาส  http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit9.htm
 บิดเบือนศาสนาอิสลาม  http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/distort_islam1.htm

 ปัญหาชายแดนภาคใต้

 จากหนังสือพิมพ์(๑๔)  http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/border_n1.htm
 จากเอกสารวิชาการ(๑๐) http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/border_r1.htm
 
 




หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-01-2008, 09:49
ดูเหมือนคุณ Q จะเน้นอยู่ประเด็นเดียวว่า ส.ส. ปชป. ไม่มีแนวทางแก้ปัญหาจังหวัดภาคใต้

แต่พอผมเข้าไปอ่านตามลิงค์ที่คุณ Q แนะนำมา..

ประมวลสถานการณ์   http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit1.htm

...

อ่านไปแค่ 2 หน้าแรก ก็พบว่ามีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ความเห็น ให้คำแนะนำ
แก่สังคม และรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง โดยชี้ชัดมาตั้งแต่แรกเมื่อปี 2545 ว่าสถานการณ์ที่เกิด
มาจากกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดน และการยุบ ศอ.บต. ทำให้เกิดปัญหาลุกลาม

ในขณะที่รัฐบาลไทยรักไทยในขณะนั้น ตัว พตท.ทักษิณ รวมทั้ง ส.ส.กลุ่มวาดะห์ มีความเห็น
ว่าเป็นเพียงเรื่องโจรกระจอก และภาคใต้ไม่มีปัญหาโจรแบ่งแยกดินแดน

ความเห็นข้างล่างนี้มาจาก ปชป. ผม copy มาจากลิงค์ที่คุณ Q แนะนำมาเองนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีเหตุผล ๒ ประการที่รัฐบาลต้องเข้าใจ
คือ ยอมรับว่า พื้นที่ ๕ จังหวัดภาคใต้ เป็นพื้นที่พิเศษ มีปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ ที่สำคัญ รัฐบาลชุดนี้ได้ทำลายโครงสร้างสำคัญ
ของการแก้ปัญหา นั่นคือ การยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

          "ปัญหานี้ ไม่ใช่เด็กติดยา เด็กเกเร แต่เข้าสู่ปัญหาที่รัฐบาลต้องยอมรับว่า มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนอยู่จริง
เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเสมอ แต่ระยะหลังพัฒนาไป เมื่อมีการก่อการร้ายสากลเกิดขึ้น เหตุการณ์ในไทยก็เกิดขึ้นตามมา
เป็นระยะอีกด้วย ถ้ารัฐบาลยอมรับมีปัญหานี้ รัฐบาลต้องแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศให้ได้..."

(ไทยโพสต์รายวัน ๔ พ.ย.๔๕)
---
นายถาวร เสนเนียม สส.สงขลา พรรค ปชป. กล่าวว่า ...ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามพูดดูถูกว่าเป็น
โจรก่อการร้ายจนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนที่มีการพูด จะเป็นการพูดเหยียดหยาม ก็จะเกิด
เหตุการณ์รุนแรงขึ้นทุกครั้ง ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่เหมาะสม น่าจะเป็นการเจรจามากกว่า จึงต้องมีข้อเสนอแนะ
ให้รัฐบาล คือ
     ๑. หากมีการจับคนร้าย ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
     ๒. พยายามสร้างแนวร่วม เพื่อให้กลุ่มคนร้ายเข้าสู่การพัฒนาประเทศ เหมือนกับอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำ
     ๓. ให้การศึกษาภาษาไทยกับราษฎรไทยใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการสื่อความหมาย
         และความเข้าใจ
     ๔. เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้สำเร็จโดยเร็ว ไม่ใช่แค่ให้เงินเพียงหมู่บ้านละ ๑ ล้านบาท แต่ต้องสร้าง
         ความเข้าใจในการดำเนินงาน เพราะการให้เงินจะเกิดเป็นหนี้สูญและเกิดความขัดแย้งในหมู่บ้าน

(ผู้จัดการรายวัน ๒๕ พ.ย.๔๕)
---
นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง อดีต สส.นราธิวาส เขียนบทความลงใน นสพ.มติชน เสนอแนวทางแก้ปัญหา
ความไม่สงบในภาคใต้ว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องแยกกลุ่มประชาชนผู้บริสุทธิ์ ออกจากปัญหากลุ่มโจรก่อการร้าย
และความขัดแย้งของบุคลากรของรัฐให้ชัดเจน แล้วแก้กันให้เป็นกลุ่ม ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากี่รัฐบาล จะมีคนออกมาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา ทำเป็นเหมือนอัศวินม้าขาวในการ
แก้ไขปัญหา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่รู้ข้อมูลที่เป็นจริง นำเสนอข้อมูลที่ผิด ๆ ต่อรัฐบาล นำไปสู่การแก้ไขปัญหา
และการตัดสินใจที่ผิดพลาดในเวลาต่อมา

การแก้ไขปัญหาในภาคใต้มิได้ขึ้นอยู่กับองค์กรเพียงอย่างเดียว การยุบองค์กรไม่ว่าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หรือจะยุบหน่วยเฉพาะกิจพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ ๔๓ (พตท.๔๓) แล้วจะให้ตำรวจภูธร
ภาค ๙ รับผิดชอบแต่ฝ่ายเดียว ควรต้องไตร่ตรองให้มากที่สุด จะเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างองค์กรขึ้นมาได้ในภายหลัง
การแก้ปัญหาไม่ควรยุบหน่วยงานใด ทั้งนั้น เพียงแต่ให้ปรับภายในองค์กรให้กะทัดรัดลง มีความคล่องตัวในการบริหาร
และจัดการที่เหมาะสมกว่า

(มติชนรายวัน ๓ เม.ย.๔๕)
---
ดร.พีรยศ ราธิมมูลา อจ.คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี บอกว่าต้องยอมรับ
ว่าพื้นที่ป่าเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ...ยังเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวไม่ได้เป็นกลุ่มขบวนการ
ที่ใหญ่โต คนที่เคลื่อนไหวจะเป็นพวก...อาชญากรรมธรรดา อาชญากรพวกที่จะเข้ามาอยู่ในพื้นที่ป่า แต่ก่อนเรียกกันว่า
..กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานีในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่กลุ่มโจรที่จะมีอุดมการณ์ต่อสู้ในแบบของมูจาฮีดีน เหมือนในประเทศ...
อัฟกานิสถาน ซีเรีย หรือตะวันออกลาง กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานีในพื้นที่.. เป็นกลุ่มโจรที่มีเป้าหมายคนละรูปแบบ

คำว่า.... มูจาฮีดีน มาจากภาษาอาหรับ ๒ คำ มูจาฮีดิช แปลว่า การต่อสู้ และดีน หมายถึง ศาสนา รวมกันแล้วหมายถึง
... การต่อสู้ทางศาสนา หรือหมายถึง ...นักรบศาสนา มีเป้าหมาย ๒ อย่างคือ ปกป้องดินแดนในฐานะเป็นรัฐอิสลาม
และปกป้องศาสนา

ผศ.ดร. พีรยศ ย้ำอีกครั้ง กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี ไม่ใช่ขบวนการที่มีอุดมการณ์แบบที่แน่นอน โดยเฉพาะกรณีที่มีข่าว
กลุ่มที่อ้างว่าเป็นกลุ่มมูจาฮีดีน อิสลามปัตตานี มีพฤติการณ์จับตัวประกันเรียกค่าไถ่

"ผมและประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส เคยลุกขึ้นมาประฌามเมื่อ ๒ ปีก่อน ...ขอประฌาม
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี ที่ใช้ชื่อนี้..มันไม่เหมาะสมกับพฤติกรรม ๒ - ๓ ปี ที่ผ่านมา ...

ผศ.ดร.พีรยศ บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่า บางพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการฝึกอาวุธ ต้องยอมรับว่ามีการเคลื่อนไหวจริง โดยนำเยาวชนรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนต่าง ๆ อยู่ห่างไกลชนบท เข้าไปฝึกแล้ว ...กลุ่มจะปลูกฝังอุดมการณ์ การเคลื่อนไหวเหล่านี้..ส่วนหนึ่งเกิดในช่วงปี ๒๕๓๙ หลังการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง จะมีขบวนการพูโล เป็นขบวนการแรก
ที่ปลูกฝังอุดมการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อให้ความรู้กับเยาวชนรุ่นใหม่ตามโรงเรียนต่าง ๆ รวมทั้งเยาวชนในระดับมหาวิทยาลัย

(ไทยรัฐ ๑๔ ม.ค.๔๗)
---
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนอย่างนุ่มนวลว่า ระวังจะเข้าตัวเอง

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีต รมว.กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงท่าทีของนายกรัฐมนตรี
เพราะที่พรรค ปชป.ทำไปเป็นการทำโดยสำนนึกในหน้าที่ ที่ต้องเสนอแนวคิด เสนอทางออก และวิธีมองปัญหา
ที่เราพูดมาตลอด ๓ ปี แต่รัฐบาลไม่สนใจเลย ทั้งยังดำเนินการในลักษณะที่คิดว่าเข้าใจปัญหา
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแก้ไขได้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รอง หน.พรรค ปชป.พูดถึงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ นายก ฯ จะใช้อารมณ์
ในการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

(สยามรัฐรายวัน ๒๒ ม.ค.๔๗)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมคิดว่าคนของประชาธิปัตย์เข้าใจปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเข้าใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ในขณะที่รัฐบาลไทยรักไทย มัวแต่งมโข่ง ตั้งทฤษฎีบ้าบอ จัดตั้งหน่วยงาน เปลี่ยนตัวบุคคล
วุ่นวายไปหมด แต่แก้ปัญหาไม่ได้

หลักฐานก็มีให้เห็นว่าเขานำเสนอข้อมูล และแนวทางแก้ปัญหามาตตั้งแต่ต้น และมาถึงตอนนี้
ก็พิสูจน์แล้วว่าข้อมูลของ ปชป. ตั้งแต่ปี 2545 เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง มีโจรแบ่งแยกดินแดนจริง

คุณ Q ยังจะบอกว่า "สส.ปชป. เป็นใบ้ไปแล้ว" อีกหรือเปล่า  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 15:29
ดูเหมือนคุณ Q จะเน้นอยู่ประเด็นเดียวว่า ส.ส. ปชป. ไม่มีแนวทางแก้ปัญหาจังหวัดภาคใต้

แต่พอผมเข้าไปอ่านตามลิงค์ที่คุณ Q แนะนำมา..

ประมวลสถานการณ์   http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/situation/sit1.htm

...

อ่านไปแค่ 2 หน้าแรก ก็พบว่ามีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ความเห็น ให้คำแนะนำ
แก่สังคม และรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง โดยชี้ชัดมาตั้งแต่แรกเมื่อปี 2545 ว่าสถานการณ์ที่เกิด
มาจากกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดน และการยุบ ศอ.บต. ทำให้เกิดปัญหาลุกลาม

ในขณะที่รัฐบาลไทยรักไทยในขณะนั้น ตัว พตท.ทักษิณ รวมทั้ง ส.ส.กลุ่มวาดะห์ มีความเห็น
ว่าเป็นเพียงเรื่องโจรกระจอก และภาคใต้ไม่มีปัญหาโจรแบ่งแยกดินแดน

ความเห็นข้างล่างนี้มาจาก ปชป. ผม copy มาจากลิงค์ที่คุณ Q แนะนำมาเองนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีเหตุผล ๒ ประการที่รัฐบาลต้องเข้าใจ
คือ ยอมรับว่า พื้นที่ ๕ จังหวัดภาคใต้ เป็นพื้นที่พิเศษ มีปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ ที่สำคัญ รัฐบาลชุดนี้ได้ทำลายโครงสร้างสำคัญ
ของการแก้ปัญหา นั่นคือ การยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

          "ปัญหานี้ ไม่ใช่เด็กติดยา เด็กเกเร แต่เข้าสู่ปัญหาที่รัฐบาลต้องยอมรับว่า มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนอยู่จริง
เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเสมอ แต่ระยะหลังพัฒนาไป เมื่อมีการก่อการร้ายสากลเกิดขึ้น เหตุการณ์ในไทยก็เกิดขึ้นตามมา
เป็นระยะอีกด้วย ถ้ารัฐบาลยอมรับมีปัญหานี้ รัฐบาลต้องแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศให้ได้..."

(ไทยโพสต์รายวัน ๔ พ.ย.๔๕)
---
นายถาวร เสนเนียม สส.สงขลา พรรค ปชป. กล่าวว่า ...ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามพูดดูถูกว่าเป็น
โจรก่อการร้ายจนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนที่มีการพูด จะเป็นการพูดเหยียดหยาม ก็จะเกิด
เหตุการณ์รุนแรงขึ้นทุกครั้ง ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่เหมาะสม น่าจะเป็นการเจรจามากกว่า จึงต้องมีข้อเสนอแนะ
ให้รัฐบาล คือ
     ๑. หากมีการจับคนร้าย ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
     ๒. พยายามสร้างแนวร่วม เพื่อให้กลุ่มคนร้ายเข้าสู่การพัฒนาประเทศ เหมือนกับอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำ
     ๓. ให้การศึกษาภาษาไทยกับราษฎรไทยใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการสื่อความหมาย
         และความเข้าใจ
     ๔. เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้สำเร็จโดยเร็ว ไม่ใช่แค่ให้เงินเพียงหมู่บ้านละ ๑ ล้านบาท แต่ต้องสร้าง
         ความเข้าใจในการดำเนินงาน เพราะการให้เงินจะเกิดเป็นหนี้สูญและเกิดความขัดแย้งในหมู่บ้าน

(ผู้จัดการรายวัน ๒๕ พ.ย.๔๕)
---
นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง อดีต สส.นราธิวาส เขียนบทความลงใน นสพ.มติชน เสนอแนวทางแก้ปัญหา
ความไม่สงบในภาคใต้ว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องแยกกลุ่มประชาชนผู้บริสุทธิ์ ออกจากปัญหากลุ่มโจรก่อการร้าย
และความขัดแย้งของบุคลากรของรัฐให้ชัดเจน แล้วแก้กันให้เป็นกลุ่ม ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากี่รัฐบาล จะมีคนออกมาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา ทำเป็นเหมือนอัศวินม้าขาวในการ
แก้ไขปัญหา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่รู้ข้อมูลที่เป็นจริง นำเสนอข้อมูลที่ผิด ๆ ต่อรัฐบาล นำไปสู่การแก้ไขปัญหา
และการตัดสินใจที่ผิดพลาดในเวลาต่อมา

การแก้ไขปัญหาในภาคใต้มิได้ขึ้นอยู่กับองค์กรเพียงอย่างเดียว การยุบองค์กรไม่ว่าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หรือจะยุบหน่วยเฉพาะกิจพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ ๔๓ (พตท.๔๓) แล้วจะให้ตำรวจภูธร
ภาค ๙ รับผิดชอบแต่ฝ่ายเดียว ควรต้องไตร่ตรองให้มากที่สุด จะเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างองค์กรขึ้นมาได้ในภายหลัง
การแก้ปัญหาไม่ควรยุบหน่วยงานใด ทั้งนั้น เพียงแต่ให้ปรับภายในองค์กรให้กะทัดรัดลง มีความคล่องตัวในการบริหาร
และจัดการที่เหมาะสมกว่า

(มติชนรายวัน ๓ เม.ย.๔๕)
---
ดร.พีรยศ ราธิมมูลา อจ.คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี บอกว่าต้องยอมรับ
ว่าพื้นที่ป่าเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ...ยังเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวไม่ได้เป็นกลุ่มขบวนการ
ที่ใหญ่โต คนที่เคลื่อนไหวจะเป็นพวก...อาชญากรรมธรรดา อาชญากรพวกที่จะเข้ามาอยู่ในพื้นที่ป่า แต่ก่อนเรียกกันว่า
..กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานีในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่กลุ่มโจรที่จะมีอุดมการณ์ต่อสู้ในแบบของมูจาฮีดีน เหมือนในประเทศ...
อัฟกานิสถาน ซีเรีย หรือตะวันออกลาง กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานีในพื้นที่.. เป็นกลุ่มโจรที่มีเป้าหมายคนละรูปแบบ

คำว่า.... มูจาฮีดีน มาจากภาษาอาหรับ ๒ คำ มูจาฮีดิช แปลว่า การต่อสู้ และดีน หมายถึง ศาสนา รวมกันแล้วหมายถึง
... การต่อสู้ทางศาสนา หรือหมายถึง ...นักรบศาสนา มีเป้าหมาย ๒ อย่างคือ ปกป้องดินแดนในฐานะเป็นรัฐอิสลาม
และปกป้องศาสนา

ผศ.ดร. พีรยศ ย้ำอีกครั้ง กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี ไม่ใช่ขบวนการที่มีอุดมการณ์แบบที่แน่นอน โดยเฉพาะกรณีที่มีข่าว
กลุ่มที่อ้างว่าเป็นกลุ่มมูจาฮีดีน อิสลามปัตตานี มีพฤติการณ์จับตัวประกันเรียกค่าไถ่

"ผมและประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส เคยลุกขึ้นมาประฌามเมื่อ ๒ ปีก่อน ...ขอประฌาม
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มมูจาฮีดีนอิสลามปัตตานี ที่ใช้ชื่อนี้..มันไม่เหมาะสมกับพฤติกรรม ๒ - ๓ ปี ที่ผ่านมา ...

ผศ.ดร.พีรยศ บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่า บางพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการฝึกอาวุธ ต้องยอมรับว่ามีการเคลื่อนไหวจริง โดยนำเยาวชนรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนต่าง ๆ อยู่ห่างไกลชนบท เข้าไปฝึกแล้ว ...กลุ่มจะปลูกฝังอุดมการณ์ การเคลื่อนไหวเหล่านี้..ส่วนหนึ่งเกิดในช่วงปี ๒๕๓๙ หลังการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง จะมีขบวนการพูโล เป็นขบวนการแรก
ที่ปลูกฝังอุดมการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อให้ความรู้กับเยาวชนรุ่นใหม่ตามโรงเรียนต่าง ๆ รวมทั้งเยาวชนในระดับมหาวิทยาลัย

(ไทยรัฐ ๑๔ ม.ค.๔๗)
---
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนอย่างนุ่มนวลว่า ระวังจะเข้าตัวเอง

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีต รมว.กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงท่าทีของนายกรัฐมนตรี
เพราะที่พรรค ปชป.ทำไปเป็นการทำโดยสำนนึกในหน้าที่ ที่ต้องเสนอแนวคิด เสนอทางออก และวิธีมองปัญหา
ที่เราพูดมาตลอด ๓ ปี แต่รัฐบาลไม่สนใจเลย ทั้งยังดำเนินการในลักษณะที่คิดว่าเข้าใจปัญหา
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแก้ไขได้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รอง หน.พรรค ปชป.พูดถึงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ นายก ฯ จะใช้อารมณ์
ในการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

(สยามรัฐรายวัน ๒๒ ม.ค.๔๗)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมคิดว่าคนของประชาธิปัตย์เข้าใจปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเข้าใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ในขณะที่รัฐบาลไทยรักไทย มัวแต่งมโข่ง ตั้งทฤษฎีบ้าบอ จัดตั้งหน่วยงาน เปลี่ยนตัวบุคคล
วุ่นวายไปหมด แต่แก้ปัญหาไม่ได้

หลักฐานก็มีให้เห็นว่าเขานำเสนอข้อมูล และแนวทางแก้ปัญหามาตตั้งแต่ต้น และมาถึงตอนนี้
ก็พิสูจน์แล้วว่าข้อมูลของ ปชป. ตั้งแต่ปี 2545 เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง มีโจรแบ่งแยกดินแดนจริง

คุณ Q ยังจะบอกว่า "สส.ปชป. เป็นใบ้ไปแล้ว" อีกหรือเปล่า  :slime_smile:

หากต้องการแก้ปัญหาให้ได้ผล จำเป็นต้องถอดแว่นปชป.ออกก่อนครับ..

การพิจารณาข้อมูล จึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ และได้รับความไว้วางใจจากผู้เกี่ยวข้อง ที่คลุกอยู่ในการแก้ไขปัญหาจริง..
                                                                                                                                                       :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 16:16


ต้องถามว่า ปชป. ได้ร่วมเข้าไปแก้ปัญหากับ รัฐบาลอย่างไร ทุกยุคทุกสมัยครับ?

และสส.ในสามจังหวัดภาคใต้ ทำไมปชป.ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่มากพอที่จะได้รับเลือกสส.เข้าไปบ้าง ..


ทั้งที่ปชป.ครองสส.ภาคใต้เกือบทั้งหมดและรู้ปัญหามากพอสมควรมาตลอด.. และอิทธิพลของคนภาคอื่นไปไม่ถึง? :slime_doubt:



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 20-01-2008, 16:24
มายืนยันว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีอยู่จริง มีเครือข่าย
โยงใยกันในหลายๆประเทศด้วยครับ



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 16:32
มายืนยันว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีอยู่จริง มีเครือข่าย
โยงใยกันในหลายๆประเทศด้วยครับ



 ชื่อเรื่อง   ทหารลุยล่า มะแซ อุเซ็ง ชี้แก๊งป่วนใต้ถึงจุดสลาย
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   คมชัดลึก
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.komchadluek.com/2008/01/19/n001_186351.php?news_id=186351
 เนื้อหา  ทหารลุยไล่ล่า "มะแซ อุเซ็ง" ต่อเนื่อง ชี้แก๊งป่วนใต้ถึงจุดสลาย เหตุสูญเสียกำลังพลหลังถูกจับกุมถูกวิสามัญและกลุ่มแนวร่วมรุ่นใหม่ขาดความจงรักภักดี พร้อมระบุ ฝ่ายตรงข้ามออกใช้ความโหด***มก่อเหตุหวังแสดงศักยภาพกลบเกลื่อน


(19มค.) พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผอ.กองปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า หลังหลายฝ่ายเชื่อว่านายมะแซ อุเซ็ง แกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เข้าก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังกบดานอยู่ในพื้นที่นั้น ขอยืนยันว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังในพื้นที่ยังคงเดินหน้าติดตามจับกุมนายมะแซ อุเซ็ง และแกนนำคนสำคัญรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน เพราะเชื่อว่าไม่เพียงแต่นายมะแซ อุเซ็ง เพียงคนเดียวที่ทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังคงมีสมาชิกในเครือข่ายอีกหลายคนที่ร่วมขบวนการ

ผอ.กองปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวอีกว่า ขณะนี้กลุ่มขบวนการที่เข้าก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่เริ่มถึงจุดสลายแล้ว เพราะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและถูกวิสามัญไปก่อนหน้านี้แล้วเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญคือฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถปลุกระดมเยาวชนในพื้นที่ให้เกิดความจงรักภักดีต่อกลุ่มขบวนการและเกิดความพร้อมทั้งด้านจิตวิญญาณและด้านร่างกายให้เข้ามาก่อเหตุได้เช่นเดิม เพราะต้องสูญเสียกำลังอันเนื่องมาจากการการกระทำของเจ้าหน้าที่มามากมาย ประกอบกับการปลูกฝังเยาวชนให้เกิดความจงรักภักดีต่อกลุ่มขบวนการในแต่ละรุ่นนั้นต้องใช้เวลานับสิบปี ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขาดกองกำลังที่มีความจงรักภักดีค่อนข้างสูงในขณะนี้ และคงเหลือเยาวชนรุ่นเก่าที่ผ่านการฝึกฝนและถูกปลูกฝังตามแนวคิดของกลุ่มขบวนการเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ยังออกก่อเหตุร้ายให้กับพวกเขาอยู่

"ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เรามั่นใจว่าจนถึงขณะนี้กลุ่มขบวนการอยู่ในช่วงขาลง ที่หมดโอกาสการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังของภาครัฐแล้ว เนื่องจากขาดการปลุกระดมเยาวชนอย่างต่อเนื่องและไม่มีคนทำงานให้ ในทางกลับกันหากเขาดึงเยาวชนเข้าไปร่วมอุดมการณ์และเข้าฝึกฝนในระยะสั้นแล้ว เชื่อแน่ว่าเยาวชนที่เข้าไปร่วมอุดมการณ์ในลักษณะดังกล่าวคงขาดความจงรักภักดีต่อกลุ่มขบวนการ เหมือนกับเยาวชนรุ่นเก่าที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วอย่างแน่นอน อีกทั้งคนกลุ่มนี้เริ่มคิดแล้วว่าหลังจากนี้ไปพวกเขาจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร สังเกตได้จากการให้การรับสารภาพของกลุ่มสมาชิกผู้ร่วมขบวนการหลังจากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวและทำการถอนซุมเปาะให้นั้น พบว่าสมาชิกแนวร่วมได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่จนหมดเปลือก จนทำให้เรารู้ความลับของฝ่ายตรงข้ามอย่างมากเช่นกัน" พ.อ.อัคร กล่าว

พ.อ.อัคร กล่าวด้วยว่า สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้เชื่อแน่ว่าฝ่ายตรงข้ามเองต้องการแสดงศักยภาพให้สังคมทั่วไปได้รับรู้ว่ายังสามารถออกก่อเหตุได้อยู่ ขณะเดียวกันก็จะนำความโหด***มและความสยดสยองมาใช้มากขึ้น เพื่อให้สังคมโลกได้รับรู้และเพื่อต้องการข่มขู่ให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวตามแผนการสกัดกั้นไม่ให้ราษฎรในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ จนนำมาสู่การฟื้นคืนชีพของพวกเขาให้กลับคืนมาให้จงได้ แต่ตนมั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถกลับมารวมกำลุ่มเพื่อก่อตั้งกลุ่มขบวนการให้เกิดความเข้มแข็งได้เหมือนเดิมแล้วอย่างแน่นอน
 
 วันที่เผยแพร่  19 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  19 ม.ค. 2551

..........


 ชื่อเรื่อง   โฆษกรัฐบาลปูดเหตุไฟใต้ลุกโชน แฉ อัล-เคดา สนับสนุนเงิน
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวการเมือง
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=91526
 เนื้อหา  "บิ๊กแอ้ด"ยอมรับเชื่อมโยงแนวคิด
โจรชั่วบึ้มทหารปัตตานีดับ1-เจ็บ2

 เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและพ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ร่วมแถลงผลดำเนินงานแก้ไขเหตุไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ว่า ช่วงต้นปี2551 ที่มีข่าวซุ่มโจมตีทหารทั้ง 8นาย การวางระเบิดร้านสะดวกซื้อที่ จ.ยะลาและผู้ต้องหาหลบหนีจากที่ควบคุมตัว รวมถึงด้านการข่าวข้อมูลรั่วไหล ซึ่งมีความรุนแรงต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ของตนและทีมงานด้านความมั่นคงคาดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับการเมืองที่มีการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล เชื่อว่าการก่อเหตุอาจเป็นการแสดงผลงานที่มักปรากฎเป็นวงรอบหลังเทศกาลฮารีรายอ เพื่อสร้างความหึกเหิมให้แนวร่วม

นายไชยา กล่าวต่อว่า การก่อเหตุร้ายน่าจะอยู่ในพื้นที่ต่อไป ตราบใดที่แกนนำระดับสูงยังอยู่ในพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเป้าหมาย ส่วนงานด้านการข่าวที่รั่วไหล ข้อมูลในหน่วยการข่าว 2551 ที่ถูกปิดไปแล้วนั้น หน่วยงานจะต้องเรียกความมั่นใจของเจ้าหน้าที่การข่าวกลับมาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลการปฏิบัติการด้านยุทธการและด้านมวลชน ส่วนงานด้านยุทธการและด้านมวลชนที่ผ่านมานั้น มีความก้าวหน้ามาก ในทางตรงกันข้ามงานด้านมวลชนกลับอยู่ในสภาวะคงที่

"สำหรับเงินสนับสนุนกลุ่มป่วนภาคใต้นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายสากลและน่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลเคด้า แม้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคงหนีไม่พ้น เพราะเมื่อใดยังมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีบุคคลที่เป็นคนมีสีเข้าไปประสานร่วมรับประโยชน์ด้วย มีกลุ่มการเมืองท้องถิ่น กลุ่มนักการเมืองระดับชาติ กลุ่มนักธุรกิจท้องถิ่นและระดับชาติเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็เป็นเหตุปกติที่ปัญหาเหล่านี้จะแก้ได้หมดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคงเป็นไปไม่ได้" นายไชยา กล่าว

ด้าน พ.อ.ธนาธิป ชี้แจงว่า กลุ่มก่อความไม่สงบมีจำนวนไม่มาก แต่แนวร่วมยังมีความเคลื่อนไหว ตนคิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้น เนื่องจากงานด้านการข่าวมีการบูรณาการกำลังทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พ.ต.ท.)รวมถึงตำรวจในพื้นที่สังเกตุเห็นว่า ทุกครั้งที่ตรวจค้นพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ พบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบรวมถึงอาวุธต่างๆ คิดว่า ทิศทางความรุนแรง คงไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ ส่วนการรั่วไหลข้อมูลด้านการข่าวนั้น ได้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3คน คือส่งให้กับศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลเชิงยุทธการในจุดนั้น

เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตมีจำนวนสูงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า การพัฒนาการของผู้ก่อความไม่สงบ มีพัฒนาแบบก้าวกระโดดและพัฒนารูปแบบระเบิดถึงขั้นซองบุหรี่ จุดนี้เราทราบและพยามยุติจำนวนผู้เสียชีวิต ทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ทหาร

ต่อข้อถามว่า แกนนำที่ก่อเหตุเป็นแกนนำระดับไหน พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขาก็ไม่ได้สูงอะไร เป็นพวกกองกำลังติดอาวุธเท่านั้น ซึ่งเรามีข้อมูลตัวนี้อยู่ สำหรับงานด้านดึงมวลชนนนั้น กรณีพื้นที่หมู่บ้านสีแดงเมื่อปี2550 ลดลงกว่า50%และปี2551 เราตั้งเป้าจะทำให้หมู่บ้านสีแดง 72 หมู่บ้าน กลับมาเป็นหมู่บ้านสันติสุข

 ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่โฆษกประจำสำนักนายกฯระบุกลุ่มผู้ก่อการร้ายภาคใต้ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลเคด้า ว่า เราไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นความเชื่อมโยง เป็นเรื่องความคิด ไม่ได้เป็นเรื่องการพบกัน

เมื่อถามว่า โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า เงินสนับสนุนมาจากกลุ่มอัลเคด้า นายกฯกล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องนี้ กลุ่มอัลเคด้า ไม่ได้เป็นองค์กรที่มีขีดความสามารถที่จะให้การสนับสนุนอะไรมากมาย แต่มีความเป็นไปได้ ที่เชื่อมโยงกันในเรื่องความคิด  

ส่วนความคืบหน้ากรณี 6ผู้ต้องหาอาร์เคเคหลบหนีออกจากห้องขัง สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส นั้น ล่าสุด พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมถึงกำลังพลนอกเครื่องแบบ ได้ลงพื้นที่ค้นหาและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวแล้ว คาดว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะหลบหนีไปกบดานที่บ้านคนสนิทในประเทศมาเลเซีย ซึ่งประเทศมาเลเซีย พร้อมให้ความร่วมมือกับประเทศไทยอยู่แล้ว

วันเดียวกัน พ.ท.กานต์นาท นิกรยานนท์ ผบ.ฉก.นราธิวาส34 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวนกว่า 500นาย พร้อมชุดสุนัขดมกลิ่น เข้าตรวจค้นหมายเป้าในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน คือบ้านรือเปาะ บ้านดูกุลุง และบ้านบือแต ใน อ.จะแนะ เพื่อจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดทหารเสียชีวิตไป 8นาย ผลการตรวจค้นกว่า 4 ชั่วโมง สามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 13ราย และยึดของกลางได้ 17รายการ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมของกลางมาสอบสวนขยายผลที่กองบังคับการชุดเฉพาะกิจนราธิวาสที่34 จากการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยทั้ง 13ราย พบสารปนเปื้อนวัตถุระเบิด ก่อนคุมตัวทั้งหมดให้ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และคณะ ทำการตรวจดีเอ็นเอ ก่อนนำตัวไปสอบสวนขยายผล

สำหรับเหตุร้ายในพื้นที่ เมื่อเวลา 15.10น.เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ขณะลาดตระเวนเส้นทางบ้านต้นมะขาม ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำให้ทหารบาดเจ็บสาหัส 3นาย ต่อมา พลทหาร อภิเชษฐ์ พันชรา ซึ่งขาหัก ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตลง 

วันที่เผยแพร่  19 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  19 ม.ค. 2551

.........


ชื่อเรื่อง   โจรใต้ยิงสายตำรวจยะลาดับ
 ผู้เขียน   ผู้จัดการออนไลน์
 แหล่งข่าวหลัก   ผู้จัดการ
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000007714
 เนื้อหา   คนร้ายขับรถ จยย.เป็นพาหนะใช้อาวุธปืนประกบยิงสายตำรวจ ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิตอย่างน่าอนาถอีก 1 ศพ
       
       วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.50 น. พ.ต.ท.สมปราชน์ กรรณกานนท์ สว.หน.สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุใช้อาวุธปืนยิงกัน บนถนนสายภายในหมู่บ้านลีเซ็ง –จะกว๊ะ หมู่ที่ 4 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา หลังได้รับแจ้งรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และ ทำการเคลียร์พื้นที่เส้นทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุ และ เดินทางไปยังที่เกดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก.สภ.รามัน ทหาร ฉก.12 อ.รามัน และ ฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
       
       ที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มลงอยู่ข้างทาง ห่างกันพบศพนายตัลมีซี ลาอัมนิกะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/5 หมู่ที่ 3 บ้านบูลกาสะนอ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นสายข่าวของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่บริเวณลำตัว และศีรษะจำนวนหลายนัดเสียชีวิตคาที่อย่างน่าอนาถ
       
       สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายตัลมีซี กำลังขับรถจักรยานยนต์ จะกลับไปยังบ้านพัก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม จำนวน 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสียี่ห้อ และแผ่นป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่จำนวนหลายนัดจนรถ จักรยานยนต์ล้มลงและทำให้เสียชีวิตดังกล่าว
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากนายตัลมีซี เป็นสายข่าว ให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่
 
 วันที่เผยแพร่  20 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  20 ม.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 20-01-2008, 16:41
มายืนยันว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีอยู่จริง มีเครือข่าย
โยงใยกันในหลายๆประเทศด้วยครับ



สนับสนุนคำพูดของคุณลุงถึกค่ะ  เพราะขบวนการนี้ได้รับเงินอุดหนุนมาจากต่างประเทศ พวกนักฆ่าส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่เคร่งในศาสนาได้ถูกส่งตัวไปฝึกในต่างประเทศ พวกนักฆ่าจะไม่ใช่พวกป่วนในพื้นที่  พวกป่วนในพื้นที่ได้แก่เยาวชนที่ไม่ได้รับการศึกษา ชักจูงได้ง่าย และส่วนใหญ่ติดยาเสพติด


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 16:45

สนับสนุนคำพูดของคุณลุงถึกค่ะ  เพราะขบวนการนี้ได้รับเงินอุดหนุนมาจากต่างประเทศ พวกนักฆ่าส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่เคร่งในศาสนาได้ถูกส่งตัวไปฝึกในต่างประเทศ พวกนักฆ่าจะไม่ใช่พวกป่วนในพื้นที่  พวกป่วนในพื้นที่ได้แก่เยาวชนที่ไม่ได้รับการศึกษา ชักจูงได้ง่าย และส่วนใหญ่ติดยาเสพติด

ขอดูหลักฐานครับ ว่ารับเงินมาจากต่างประเทศ.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 17:29

 :slime_cool:



สังเกตว่าไม่กล้าพูดอะไรมาก..

ได้แต่ ศอบต. ศอบต. และศอบต.

ผมกลับคิดว่าชื่อหน่วย ไม่จำเป็นต้องชื่อ ศอบต. จะชื่ออะไรที่สื่อได้ดีเข้าใจง่ายก็ได้...

ยืนยันว่ากลาโหมและด้านความมั่นคง ไม่ควรตัดสินใจไปตามกระแสการเมืองช่วงสั้นชี้นำ

นักการเมืองไม่ว่าคนใด ไม่ควรหากินกับชีวิตคนไทยที่เสียไป ทั้งที่ปัญหายังไม่ลุล่วง..


ปชป.แนะรัฐบาลใหม่สานต่อนโยบาย "ขิงแก่" ดับไฟใต้
http://www.manager.co.th/Lite/ViewNews.aspx?NewsID=9510000007902
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2551 16:52 น.
 
 
       นายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม 8 อดีตนักวิชาการที่ติดตามสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศว่า อยากเรียกร้องรัฐบาลใหม่ ในเรื่องของการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเร่งยุติเหตุการณ์ฆ่ารายวัน อยากฝากว่าเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว รัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคง ขอให้สานต่อนโยบายรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ใช่นับ 1ใหม่หมด  โดยเฉพาะการมีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
        ส่วนที่มีข่าวนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อาจจะมานั่งควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น นายพีรยศ กล่าวว่า หากรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่ทหารไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าควบ 2 ตำแหน่ง อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะคนที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ถือเป็นงานหนัก ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ควรให้คนอื่นเป็นดีกว่า และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรลงพื้นที่ภาคใต้ทุกเดือน เพื่อดูแลปัญหาด้วยตัวเอง

 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 20-01-2008, 17:42
"ขอดูหลักฐานครับ ว่ารับเงินมาจากต่างประเทศ.."
ต้องไปขอจากสันติบาล
หรือไม่ก็จากหน่วยข่าวกรองของทหารครับ......เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 17:49
"ขอดูหลักฐานครับ ว่ารับเงินมาจากต่างประเทศ.."
ต้องไปขอจากสันติบาล
หรือไม่ก็จากหน่วยข่าวกรองของทหารครับ......เอิ้กกกกกกก

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

เอาเป็นข่าวยืนยันก็ได้ครับ..

สุรยุทธ ล่าสุดไม่ได้ยืนยัน.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-01-2008, 19:54

ต้องถามว่า ปชป. ได้ร่วมเข้าไปแก้ปัญหากับ รัฐบาลอย่างไร ทุกยุคทุกสมัยครับ?

และสส.ในสามจังหวัดภาคใต้ ทำไมปชป.ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่มากพอที่จะได้รับเลือกสส.เข้าไปบ้าง ..


ทั้งที่ปชป.ครองสส.ภาคใต้เกือบทั้งหมดและรู้ปัญหามากพอสมควรมาตลอด.. และอิทธิพลของคนภาคอื่นไปไม่ถึง? :slime_doubt:

คุณ Q พูดเหมือนเลือกตั้งคราวนี้ ปชป. แพ้เลือกตั้ง 3 จังหวัดภาคใต้ไม่มี ส.ส.สักคนเดียว

เลือกตั้งคราวนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาธิปัตย์ก็ชนะเข้ามา 5 คน นะครับ
และมีผู้สมัครอีก 2 คนที่แพ้นิดเดียว ระดับ พันกว่าคะแนน ถึง 2 พันกว่าคะแนนอีกด้วย
นอกนั้นที่มีแพ้ก็ตามมาในลำดับถัดจากคนชนะในทุกเขตเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมี รศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม 8
ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาศ ชนะเลือกตั้งเข้ามาด้วยอีกคนนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปัตตานี เขต 1  มี ส.ส. ได้ 2 คน ประชาธิปัตย์ ชนะยกเขต
- นายอันวาร์ สาและ              พรรคประชาธิปัตย์  ได้  57,986 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 1
- นายอิสมาแอล เบญอิบรอฮิม  พรรคประชาธิปัตย์  ได้  47,764 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 2

ปัตตานี เขต 2  มี ส.ส. ได้ 2 คน ประชาธิปัตย์ได้อันดับสามแพ้แค่นิดเดียว
- นายซาตา อาแวกือจิ            พรรคประชาธิปัตย์ ได้  38,214 คะแนน ได้อันดับ 3 แพ้แค่ 1,951 คะแนน

นราธิวาส เขต 1  มี ส.ส. ได้ 3 คน ประชาธิปัตย์ ชนะ 1 คน และมีอีก 1 คนแพ้แค่นิดเดียว
- นายเจะอามิง โตะตาหยง      พรรคประชาธิปัตย์ ได้  61,911 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 2
- นายกูฮาเซ็ม กูจินามิง          พรรคประชาธิปัตย์ ได้  57,771 คะแนน ได้อันดับ 4 แพ้แค่ 2,591 คะแนน

นราธิวาส เขต 2  มี ส.ส. ได้ 2 คน ประชาธิปัตย์ได้อันดับสาม เป็นเขตที่แพ้คะแนนห่างที่สุด
- นายแวฮามะ บากา              พรรคประชาธิปัตย์ ได้  29,331 คะแนน ได้อันดับ 3 แพ้ 13,072 คะแนน
                                      โดยแพ้ นายนัจมุดดีน อูมา ที่มีเครือข่ายหนาแน่น

ยะลา เขต 1  มี ส.ส. ได้ 3 คน ประชาธิปัตย์ชนะ 2 คน อีกคนได้อันดับ 4 ตามอันดับ 3 ไม่ห่างนัก
- นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ พรรคประชาธิปัตย์ ได้  85,455 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 1
- นายอับดุลการิม เด็งระกีนา   พรรคประชาธิปัตย์ ได้  77,449 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 2
- นายณรงค์ ดูดิง                พรรคประชาธิปัตย์ ได้  65,684 คะแนน ได้อันดับ 4 แพ้อันดับ 3 ไป 6,567 คะแนน
                                    โดยแพ้ นายซูการ์โน มะทา น้องชาย นายวันมูฮัมมัดนอร์ มะทา แกนนำกลุ่มวาดะห์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องแก้ปัญหาภาคใต้..  ศอ.บต. ก็เป็นเครือข่ายที่ ปชป. สร้างไว้แล้ว ทักษิณ ไปรื้อทิ้งไงครับ
ที่เกิดปัญหาวุ่นวายจนเอาไม่อยู่ ก็เพราะทักษิณไปเชื่อฝังหัวว่าโจรแยกดินแดนเป็นแค่โจรกระจอก
ทั้งที่ ปชป. ก็ให้ข้อมูลที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นเมื่อปี 2545 อย่างที่คุณ Q เองเป็นคนแนะนำลิงค์ข้อมูล

แต่แนะนำแล้่วรัฐบาลดันทุรังไปผิดทิศผิดทางเองจะให้ทำยังไง ในเมื่อ ปชป.ไม่มีอำนาจบริหาร
เครือข่ายที่สร้างไว้เป็นหูตาให้บ้านเมืองก็ถูกรื้อทำลายไปต่อหน้าต่อตา
ตอนนี้รัฐบาลใหม่ก็วนกลับมาเป็นขั้วไทยรักไทยเดิมอีกแล้ว คุณ Q จะให้ทำยังไงล่ะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 20:21
คุณ Q พูดเหมือนเลือกตั้งคราวนี้ ปชป. แพ้เลือกตั้ง 3 จังหวัดภาคใต้ไม่มี ส.ส.สักคนเดียว

เลือกตั้งคราวนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาธิปัตย์ก็ชนะเข้ามา 5 คน นะครับ
และมีผู้สมัครอีก 2 คนที่แพ้นิดเดียว ระดับ พันกว่าคะแนน ถึง 2 พันกว่าคะแนนอีกด้วย
นอกนั้นที่มีแพ้ก็ตามมาในลำดับถัดจากคนชนะในทุกเขตเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมี รศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม 8
ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาศ ชนะเลือกตั้งเข้ามาด้วยอีกคนนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปัตตานี เขต 1  มี ส.ส. ได้ 2 คน ประชาธิปัตย์ ชนะยกเขต
- นายอันวาร์ สาและ              พรรคประชาธิปัตย์  ได้  57,986 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 1
- นายอิสมาแอล เบญอิบรอฮิม  พรรคประชาธิปัตย์  ได้  47,764 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 2

ปัตตานี เขต 2  มี ส.ส. ได้ 2 คน ประชาธิปัตย์ได้อันดับสามแพ้แค่นิดเดียว
- นายซาตา อาแวกือจิ            พรรคประชาธิปัตย์ ได้  38,214 คะแนน ได้อันดับ 3 แพ้แค่ 1,951 คะแนน

นราธิวาส เขต 1  มี ส.ส. ได้ 3 คน ประชาธิปัตย์ ชนะ 1 คน และมีอีก 1 คนแพ้แค่นิดเดียว
- นายเจะอามิง โตะตาหยง      พรรคประชาธิปัตย์ ได้  61,911 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 2
- นายกูฮาเซ็ม กูจินามิง          พรรคประชาธิปัตย์ ได้  57,771 คะแนน ได้อันดับ 4 แพ้แค่ 2,591 คะแนน

นราธิวาส เขต 2  มี ส.ส. ได้ 2 คน ประชาธิปัตย์ได้อันดับสาม เป็นเขตที่แพ้คะแนนห่างที่สุด
- นายแวฮามะ บากา              พรรคประชาธิปัตย์ ได้  29,331 คะแนน ได้อันดับ 3 แพ้ 13,072 คะแนน
                                      โดยแพ้ นายนัจมุดดีน อูมา ที่มีเครือข่ายหนาแน่น

ยะลา เขต 1  มี ส.ส. ได้ 3 คน ประชาธิปัตย์ชนะ 2 คน อีกคนได้อันดับ 4 ตามอันดับ 3 ไม่ห่างนัก
- นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ พรรคประชาธิปัตย์ ได้  85,455 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 1
- นายอับดุลการิม เด็งระกีนา   พรรคประชาธิปัตย์ ได้  77,449 คะแนน ชนะเลือกตั้งได้อันดับ 2
- นายณรงค์ ดูดิง                พรรคประชาธิปัตย์ ได้  65,684 คะแนน ได้อันดับ 4 แพ้อันดับ 3 ไป 6,567 คะแนน
                                    โดยแพ้ นายซูการ์โน มะทา น้องชาย นายวันมูฮัมมัดนอร์ มะทา แกนนำกลุ่มวาดะห์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องแก้ปัญหาภาคใต้..  ศอ.บต. ก็เป็นเครือข่ายที่ ปชป. สร้างไว้แล้ว ทักษิณ ไปรื้อทิ้งไงครับ
ที่เกิดปัญหาวุ่นวายจนเอาไม่อยู่ ก็เพราะทักษิณไปเชื่อฝังหัวว่าโจรแยกดินแดนเป็นแค่โจรกระจอก
ทั้งที่ ปชป. ก็ให้ข้อมูลที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นเมื่อปี 2545 อย่างที่คุณ Q เองเป็นคนแนะนำลิงค์ข้อมูล

แต่แนะนำแล้่วรัฐบาลดันทุรังไปผิดทิศผิดทางเองจะให้ทำยังไง ในเมื่อ ปชป.ไม่มีอำนาจบริหาร
เครือข่ายที่สร้างไว้เป็นหูตาให้บ้านเมืองก็ถูกรื้อทำลายไปต่อหน้าต่อตา
ตอนนี้รัฐบาลใหม่ก็วนกลับมาเป็นขั้วไทยรักไทยเดิมอีกแล้ว คุณ Q จะให้ทำยังไงล่ะครับ  :slime_smile:

ผมถามอย่านี้ต้องการให้เห็นว่านปชป. ยึดครองสส.ใต้เกือบทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งคงจะไม่ได้มาจากพรรค เท่าตัวบุคคล

อย่างไรก็ตามปัญหาภาคใต้มีมานาน แล้วช่วงปี 39 ก็เริ่มปะทุอีกแล้ว ลองอ่านจากข่าวได้ครับ..

ดังนั้นถ้าจะให้ผมแนะนำปชป. ก็เลิกพูดเรื่องศอบต. เอาดีเข้าตัวได้แล้ว  

ผมตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่เป็นรัฐบาล ปชป. ไม่ได้พยายามที่จะแก้ปํญหามากนัก เพราะความไม่มีประสิทธิภาพของปชป.เองครับ

ที่ปชปงควรทำประการถัดมาก็คือ ตั้งวาระแก้ปัญหาภาคใต้ ส่งสส.ลงพื้นที่ ประสานงานกับรัฐบาล โดยไม่พยายามกล่าวหาเรื่องเก่าๆซึ่งจะเข้าตัวปชป.เอง

ในปัจจุบันจะแก้ไขอะไร ก็ประสานงานตรวจสอบว่ามีการทำงานของทุกฝ่าย

อย่างไม่มีคนทุจริต หรือคนทำไม่ดีในพื้นที่ ทำภาคใต้ให้สะอาดปลอดอบายมุขในเบื้องแรก


แค่ปิดปากเทพเทือก และชวน ไม่ให้พูดนอกพรรคได้ผมก็ว่าดีแล้ว มติพรรคก็อย่าอ้างมากนัก

ทั้งที่ไม่มีการลงมติเป็นเรื่องเป็นราวหรือมีบันทึกรายงานการประชุมลงมติดังที่อ้าง


ปชป.ลองลำดับแผนปฏิบัติการ สี่ปีเกี่ยวกับภาคใต้ออกมาเสนอรัฐบาลใหม่ดูสิครับ.. :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 20-01-2008, 20:47
แล้วสมัย ทรท สส ในพรรค ทรท ทำอะไรบ้างครับ พรรคตัวเองก็เป็นรัฐบาลไม่ใช่หรือครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: (ก้อนหิน) ละเมอ ที่ 20-01-2008, 20:48
ก็น่าจะเดาได้ลางๆ ว่า ถ้าหากปัญหาภาคใต้แก้ไขไม่ได้ในสมัยหมัก เพราะบัวใต้น้ำก็คงจะบอกว่ามันขึ้นกับ สส. ในพื้นที่แหงๆ  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-01-2008, 20:49
ผมถามอย่านี้ต้องการให้เห็นว่านปชป. ยึดครองสส.ใต้เกือบทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งคงจะไม่ได้มาจากพรรค เท่าตัวบุคคล

อย่างไรก็ตามปัญหาภาคใต้มีมานาน แล้วช่วงปี 39 ก็เริ่มปะทุอีกแล้ว ลองอ่านจากข่าวได้ครับ..

ดังนั้นถ้าจะให้ผมแนะนำปชป. ก็เลิกพูดเรื่องศอบต. เอาดีเข้าตัวได้แล้ว  

ผมตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่เป็นรัฐบาล ปชป. ไม่ได้พยายามที่จะแก้ปํญหามากนัก เพราะความไม่มีประสิทธิภาพของปชป.เองครับ

ที่ปชปงควรทำประการถัดมาก็คือ ตั้งวาระแก้ปัญหาภาคใต้ ส่งสส.ลงพื้นที่ ประสานงานกับรัฐบาล โดยไม่พยายามกล่าวหาเรื่องเก่าๆซึ่งจะเข้าตัวปชป.เอง

ในปัจจุบันจะแก้ไขอะไร ก็ประสานงานตรวจสอบว่ามีการทำงานของทุกฝ่าย

อย่างไม่มีคนทุจริต หรือคนทำไม่ดีในพื้นที่ ทำภาคใต้ให้สะอาดปลอดอบายมุขในเบื้องแรก


แค่ปิดปากเทพเทือก และชวน ไม่ให้พูดนอกพรรคได้ผมก็ว่าดีแล้ว มติพรรคก็อย่าอ้างมากนัก

ทั้งที่ไม่มีการลงมติเป็นเรื่องเป็นราวหรือมีบันทึกรายงานการประชุมลงมติดังที่อ้าง


ปชป.ลองลำดับแผนปฏิบัติการ สี่ปีเกี่ยวกับภาคใต้ออกมาเสนอรัฐบาลใหม่ดูสิครับ.. :slime_fighto: :slime_cool:

ผมอ่านคำถามคุณ Q แล้วไ่มเห็นตรงไหนแสดงว่า "ต้องการให้เห็นว่านปชป. ยึดครองสส.ใต้เกือบทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด"

และสส.ในสามจังหวัดภาคใต้ ทำไมปชป.ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่มากพอที่จะได้รับเลือกสส.เข้าไปบ้าง ..

คุณ Q ถามมาระบุพื้นที่ชัดเจน เจาะจงถามถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ทำไมไม่มี สส.ปชป. ได้รับเลือก

และคุณ Q ชี้ประเด็นในคำถามแบบฟันธงว่า ปชป.ไม่ได้รับความไว้วางใจจากคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ผมก็ไปค้นข้อมูลมาให้ดูว่า ส.ส. ปชป. ได้รับความไว้วางใจในพื้นที่ และได้รับเลือกเยอะกว่าพรรคอื่นๆ ด้วย

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าคุณ Q เข้าใจผิดเกี่ยวกับความเชื่อถือในพรรคประชาธิปัตย์ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เชื่อไปถึงขนาดที่ว่าไม่มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้รับเลือกในพื้นที่สักคนเดียว
พอผมค้นข้อมูลมาตอบ คุณ Q กลับเฉไฉ ทำเป็นว่าไม่ได้ตั้งคำถามตามที่ผมตอบมา .. แบบนี้ไม่แฟร์นะครับ  :slime_smile:
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. เรื่องแผนปฏิบัติการภาคใต้ ถ้ารัฐบาลใหม่มีความจริงใจต้องการให้ประชาธิปัตย์ช่วยเหลือก็ให้เขาติดต่อไปเอง
      เพราะข้อมูลพวกนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีทำไว้อยู่แล้วครับ อยู่ที่รัฐบาลจะให้ช่วยหรือเปล่าเท่านั้น


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 20-01-2008, 20:55
แล้วสมัย ทรท สส ในพรรค ทรท ทำอะไรบ้างครับ พรรคตัวเองก็เป็นรัฐบาลไม่ใช่หรือครับ

ทำคับทำเรื่องใหญ่เลย สส. ทรท. ร่วมกันปล้นปืนในค่ายทหาร


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 20-01-2008, 20:56
เพิ่มเติมอีกสักหน่อย..

ที่่ว่าปัญหาภาคใต้มีมานานแล้ว ช่วงปี 39 ก็เริ่มปะทุอีกแล้ว
ตอนนั้นมันรัฐบาลบรรหารครับ ถ้าปี 40 ก็รัฐบาลชวลิต

ปัญหาภาคใต้มันก็มีมาตลอดคุณ Q จะคุยถึงยุคไหนล่ะครับ
สมัยอยุธยาก็มีปัญหาภาคใต้ สมัย ร.3 ก็ยกทัพลงไปปราบ
ยุคก่อน พ.ศ. 2500 ก็วุ่นวายคิดจะแยกไปอยู่กับมาเลเซีย

แต่ในยุคใหม่ หลังตั้ง ศอ.บต. ปัญหาภาคใต้ก็อยู่ในระดับที่
สามารถควบคุมไำด้  ทักษิณยุบ ศอ.บต.เป็นต้นเหตุสำคัญ
ที่ทำให้ปัญหาภาคใต้ลุกลามจนเกินระดับควบคุม
ไม่ให้เขาพูดถึง ศอ.บต. จะให้พูดถึงอะไรล่ะครับ?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 21:11

แล้วสมัย ทรท สส ในพรรค ทรท ทำอะไรบ้างครับ พรรคตัวเองก็เป็นรัฐบาลไม่ใช่หรือครับ

ก็เห็นทักษิณไปอาบน้ำที่วัด..อภิสิทธิ์หรือเทพเทือกคงไม่ทำ?


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 20-01-2008, 21:17

กว่าจะถึงตัวทักษิณ บรรดาทหารต้อง รปภ.ถึง 3 ชั้นค่ะ  นับเป็นพันคนก็ว่าได้ หากอภิสิทธิ์ หรือเทพไป เขาไม่มี รปภ.ไปด้วยนะคะคุณคิว


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 21:23
ผมอ่านคำถามคุณ Q แล้วไ่มเห็นตรงไหนแสดงว่า "ต้องการให้เห็นว่านปชป. ยึดครองสส.ใต้เกือบทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด"

และสส.ในสามจังหวัดภาคใต้ ทำไมปชป.ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่มากพอที่จะได้รับเลือกสส.เข้าไปบ้าง ..

คุณ Q ถามมาระบุพื้นที่ชัดเจน เจาะจงถามถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ทำไมไม่มี สส.ปชป. ได้รับเลือก

และคุณ Q ชี้ประเด็นในคำถามแบบฟันธงว่า ปชป.ไม่ได้รับความไว้วางใจจากคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ผมก็ไปค้นข้อมูลมาให้ดูว่า ส.ส. ปชป. ได้รับความไว้วางใจในพื้นที่ และได้รับเลือกเยอะกว่าพรรคอื่นๆ ด้วย

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าคุณ Q เข้าใจผิดเกี่ยวกับความเชื่อถือในพรรคประชาธิปัตย์ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เชื่อไปถึงขนาดที่ว่าไม่มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้รับเลือกในพื้นที่สักคนเดียว
พอผมค้นข้อมูลมาตอบ คุณ Q กลับเฉไฉ ทำเป็นว่าไม่ได้ตั้งคำถามตามที่ผมตอบมา .. แบบนี้ไม่แฟร์นะครับ  :slime_smile:
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. เรื่องแผนปฏิบัติการภาคใต้ ถ้ารัฐบาลใหม่มีความจริงใจต้องการให้ประชาธิปัตย์ช่วยเหลือก็ให้เขาติดต่อไปเอง
      เพราะข้อมูลพวกนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีทำไว้อยู่แล้วครับ อยู่ที่รัฐบาลจะให้ช่วยหรือเปล่าเท่านั้น

ลองไปค้นประวัติคนที่ได้รับเลือกดูก่อนครับ

ว่าเป็นลูกหม้อปชป. หรือลูกหม้อสามจังหวัด ได้รับเลือกเพราะพรรคหรือไม่? หรือพรรคได้รับเลือกเพราะคนเหล่านี้?

อีกสักพักปชป. จะหมดฤทธิ์ทางใต้ครับ แค่ไม่กี่ปีต่อจากนี้ไปอดทนรอหน่อยครับ.

ตกลงสส.ปชป. เกี่ยวกับปัญหาภาคใต้นะครับ..


จะได้ไปทำตามที่แนะนำไป

ศอบต.ไม่ใช่แนวคิดผูกขาดเพราะชื่อหน่วยงานหรอกครับ..

ปชป.ไม่มีแผนปฏิบัติการ เสนอ ก็คงไม่มีส่วนการแก้ปัญหาอีกแล้ว

สมัยปชป. ก็มีการเผาโรงเรียน ถอดหมุดรางรถไฟ วางระเบิด

สมัยนี้ที่นี่รุนแรงเพราะคนร้ายฉลาดขึ้น แต่นักการเมืองภาคใต้หน้าเดิม ยังรอรายงานเหมือนเดิม

ยังไม่มีบทบาทอะไร นอกจากพูดออกสื่อนิดหน่อย..ผมว่าไม่ค่อยคุ้มเงินค่าจ้างสส. พื้นที่ตนเองได้รับเลือกมายังแก้ไขปัญหาแบบเรื้อรัง

คอยโทษรัฐบาลที่ยังไม่ได้เริ่มงานด้วยซ้ำไป..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 21:29
เพิ่มเติมอีกสักหน่อย..

ที่่ว่าปัญหาภาคใต้มีมานานแล้ว ช่วงปี 39 ก็เริ่มปะทุอีกแล้ว
ตอนนั้นมันรัฐบาลบรรหารครับ ถ้าปี 40 ก็รัฐบาลชวลิต

ปัญหาภาคใต้มันก็มีมาตลอดคุณ Q จะคุยถึงยุคไหนล่ะครับ
สมัยอยุธยาก็มีปัญหาภาคใต้ สมัย ร.3 ก็ยกทัพลงไปปราบ
ยุคก่อน พ.ศ. 2500 ก็วุ่นวายคิดจะแยกไปอยู่กับมาเลเซีย

แต่ในยุคใหม่ หลังตั้ง ศอ.บต. ปัญหาภาคใต้ก็อยู่ในระดับที่
สามารถควบคุมไำด้  ทักษิณยุบ ศอ.บต.เป็นต้นเหตุสำคัญ
ที่ทำให้ปัญหาภาคใต้ลุกลามจนเกินระดับควบคุม
ไม่ให้เขาพูดถึง ศอ.บต. จะให้พูดถึงอะไรล่ะครับ?  :slime_smile:

เริ่มนอกเรื่องแล้ว ก็ปัญหามันไม่ได้ขาดช่วงไปจริงๆ ในขณะที่มีศอบต.ก็ตาม

ขณะนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาของทหารและขิงแก่ล้วนๆ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 21:33


กว่าจะถึงตัวทักษิณ บรรดาทหารต้อง รปภ.ถึง 3 ชั้นค่ะ  นับเป็นพันคนก็ว่าได้ หากอภิสิทธิ์ หรือเทพไป เขาไม่มี รปภ.ไปด้วยนะคะคุณคิว

อภิสิทธิ์เคยลงไปนอนโรงแรมอยู่วันสองวันครับ.

คนร้าย คงไม่ได้วางแผนทำอะรในส่วนนี้ มังครับ?

แต่ถ้าต้องการการคุ้มกัน ขอกำลังจากทหารตำรวจหรือรัฐบาลเ

เขาก็ต้องจัดให้ ไม่มีปัญหา  ต้องอาสาตัวเข้าไปแก้ไขครับ

คงไม่มีใครเชิญ..ต้องพยายามทำงานเองครับ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 21:41

ยังไงก็เอาใจช่วยสส.สามจังหวัดภาคใต้ปชป. ตามที่คุณจี กรุณาไปสืบค้นมา

ให้ได้แสดงฝีมือและความมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาครับ

อย่าเอาแต่ตั้งแง่ ศอบต. มันไม่ใช่ยาศักดิ์สิทธิ์หรอกครับ..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 20-01-2008, 22:03
ก็เห็นทักษิณไปอาบน้ำที่วัด..อภิสิทธิ์หรือเทพเทือกคงไม่ทำ?
ทำแล้วแก้ปัญหาได้ไหมครับ แก้ยังไงถึงเหตุการณ์รุนแรงขึ้นครับ สส ในพื้นที่ไม่ช่วยอะไรเลยรึครับในเมื่อเป็นรัฐบาล มีอำนาจในการสั่งการเจ้าหน้าที่


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 22:08


ทำแล้วแก้ปัญหาได้ไหมครับ แก้ยังไงถึงเหตุการณ์รุนแรงขึ้นครับ สส ในพื้นที่ไม่ช่วยอะไรเลยรึครับในเมื่อเป็นรัฐบาล มีอำนาจในการสั่งการเจ้าหน้าที่

มองในแง่ดี ก็ทำให้เราเห็นตัวปัญหา และตัวแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้น

ดีกว่าเก็บเงียบไว้จนกลายเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย..

แต่เรื่องแบ่งแยกการปกครองแบบพหุรัฐ ผมคงไม่เห็นด้วย


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 20-01-2008, 22:50

มองในแง่ดี ก็ทำให้เราเห็นตัวปัญหา และตัวแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้น

ดีกว่าเก็บเงียบไว้จนกลายเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย..

แต่เรื่องแบ่งแยกการปกครองแบบพหุรัฐ ผมคงไม่เห็นด้วย
ก็เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วนี่ครับ ขนาดเป็นทั้ง ส.ส. เป็นทั้งรัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วจะโยนเรื่องแก้ปัญหาให้คนใต้กับ ปชป แก้มันถูกรึครับ ตอนนี้ ปชป ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะมีอำนาจอะไรไปสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐครับ เสนอวิธีแก้ไขปัญหานะเหรอ หากรัฐบาลไม่ฟังซะอย่าง จะช่วยได้ไหมครับ ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนี่ครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 23:08


ก็เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วนี่ครับ ขนาดเป็นทั้ง ส.ส. เป็นทั้งรัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วจะโยนเรื่องแก้ปัญหาให้คนใต้กับ ปชป แก้มันถูกรึครับ ตอนนี้ ปชป ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะมีอำนาจอะไรไปสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐครับ เสนอวิธีแก้ไขปัญหานะเหรอ หากรัฐบาลไม่ฟังซะอย่าง จะช่วยได้ไหมครับ ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วนี่ครับ

คุยกันดีๆ คนไทยด้วยกัน ทำไมเขาจะไม่ฟัง ที่ฟังไม่ได้ เพราะไม่ไว้ใจกัน แม้แต่ในพื้นที่กันเอง..


ผมเสนอประเด็นปัญหาดีกว่า


-ศาสนา?ภาษา?  อันนี้ผมไม่เชื่อว่าเป็นปัญหาหลัก?

-แบ่งแยกการปกครอง?  อันนี้ก็ไม่จริง คนส่วนใหญ่ยังไปเลือกตั้ง

-การเมืองท้องถิ่น ระดับชาติ ข้ามชาติ์? น่าจะมีส่วนเพราะพรรคเจ้าของพื้นที่ไม่กระตือรือล้นร่วมมือกับรัฐบาลทุกรัฐบาล ยกเว้นพรรคปชป.?

-ปัญหาหมักหมมของพื้นที่?  ผมว่าอันนี้ปัญหาหลัก..คือปล่อยปละละเลยกันมานาน..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 23:13


ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน

ต้องางแผนปฏิบัติการแมบบูรณาการทุกอย่างไปด้วยกัน

วางลำดับขั้นตอนการทำงานไม่ให้ลักลั่น ถ่วงรั้งการจัดการสร้างความมั่นใจให้มวลชนในพื้นที่


ก็แน่นอน สายข่าวของทางการต้องไม่ถูกจับได้ และถูกยิงตายครับ :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 20-01-2008, 23:18

คุณคิวน่าจะลงไปสัมผัสพื้นที่ดังกล่าวโดยตนเอง จะได้รู้ปัญหาที่แท้จริงค่ะ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 23:21


คุณคิวน่าจะลงไปสัมผัสพื้นที่ดังกล่าวโดยตนเอง จะได้รู้ปัญหาที่แท้จริงค่ะ

แสดงความรู้ของคนในพื้นที่หน่อยสิครับ.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภา
เริ่มหัวข้อโดย: goolnw ที่ 21-01-2008, 01:07
สถานที่นั้นเป็นแหล่งฆ่า ตัดตอนชั้นดีเลยและ ผมว่าทหารน่าจะเอาอยู่นะ
โจรใต้ก็ไม่น่าจะใหญ่โตอะไรมากมาย ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือของ
เหล่า... ผมว่าเก็บสถานที่นั้นเอาไว้ฆ่าตัดตอน แน่ๆ  ความคิดผมนะครับ
ใครไม่เห็นด้วยก็ เรื่องของคุณถ้าใครเห็นด้วยผมจะบอกว่า  ผมไม่มีข้อมูล
มั่วเอาเอง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 21-01-2008, 01:11
อืม จริงๆปัญหาภาคใต้มันมีมาหลายสิบๆปีแล้วไม่ใช่เหรอ ?
แต่พักหลัง เค้ามาควบคุม กัน คุยกันรู้เรื่อง มีการตั้งหน่วยงาน ลงพื้นที่
ในชุมชนต่างๆ จนมาถึงนายกปากพล่อย ยุบไอที่เค้าตั้งไว้ แล้วโชว์ลาว
จนมันเป็นแบบนี้ไงหละ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 01:32


ถ้าการเมืองไม่แทรกแซงปกป้องคนของตน(ซึ่งไม่ได้ทำงานให้รัฐบาลก่อนส่วนตัว)

ความไว้วางใจในส่วนปฏิบัติการมันจะมาได้เอง..

การกำจัดคนของฝ่ายตรงข้าม(ที่ไม่ใช่พวกก่อการร้าย) ก็จะไม่มี

การแยกคนร้ายออกจากชาวบ้านก็จะทำได้ง่าย

สายก็จะไม่ถูกคนร้ายเปิดโปงง่ายๆ คนของรัฐและพลเมืองดีก็จะช่วยกันดูได้


แยกคนร้ายออกจากคนดีไม่ได้ คนร้ายก็เดินงานสบาย ไม่ต้องกลัวถูกจับเป็น รอลอบโจมตีแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยิ่งส่วนหัวคิด มันอาจจะไม่ได้ลงมือเองบ่อยนัก..เผลอๆมันอาจจะทำตัวเป็นนักการเมือง ข้าราชการ อยู่ทุกฝ่าย ทุกพรรค

เวลาจวนตัวมันก็ใช้เงิน หรือเรียกร้องเหมือนคนปกคิ


นักการเมืองนั่นแหละไม่เอาจริง..เพราะไม่ได้ไปยืนล่อเป้าเอง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Anti_Dictator ที่ 21-01-2008, 10:11
        :slime_v:โดยรวมแล้วผมเห็นด้วยกับคุณ Q ครับผมไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรหรอกครับไม่ได้เป็นคนใต้และก็ไม่เคยไป 3 จังหวัดภาคใต้แต่เราต้องเปิดใจกว้างยอมรับกันก่อนครับว่าปัญหาภาคใต้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เรายังเป็นสยามประเทศแล้วครับ แต่บางยุคบางสมัยปัญหาดังกล่าวมันไม่ได้รุนแรงจนตกเป็นข่าว(หรือว่ามีการปิดข่าว) สมัยคุณชวนเป็นนายกแกก็เป็นขวัญใจคนใต้แต่ปัญหาดังกล่าวยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงนั้นปัญหาจะเน้นหนักไปในเรื่องการเผาโรงเรียนซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ฆ่ากันเป็นว่าเล่นอย่างทุกวันนี้ ซึ่งวิวัฒนาการของโจรใต้นั้นโดยความเห็นผมคิดว่ามันเป็นไปตามกาลเวลานะครับพวกมันฉลาดขึ้น มีการศึกษามากขึ้น คิดหาวิธีการต่างๆ ที่ทำให้เราสูญเสียทั้งขวัญและกำลังใจได้ต่างๆนาๆ
        ถ้ามองในเรื่อง สส ผมว่าไม่ได้เป็นปัจจัยหลักหรอกครับที่จะสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ได้ถึง ปชป จะครองพื้นที่ได้เกือบ 100% ของภาคใต้ แต่ผมว่าพวกนี้ส่วนใหญ่ถนัดด้ายบริหารมากกว่าครับ(เน้น ว่าถนัดนะครับ แต่มีอิทธิพลต่อด้านการปกครองแน่นอน) แต่ปัญหานี้เพียงแค่ สส ไม่สามารถแก้ได้หรอกครับมันลึกซึ้งกว่านั้นแน่นอน เปรียบได้กับหญ้าคาหากมันขึ้นที่ไหนถึงจะเกี่ยวกี่ครั้งมันก็ยังขึ้นที่เดิมตลอดครับตราบใดที่ไม่ถอนรากถอนโคนมันก็ยังขึ้นที่เดิมและลามขยายวงกว้างไปเรื่อยๆครับ
         แต่หากได้รัฐบาลอื่นที่ไม่ใช่ ปชป มาแก้ปัญหาแล้ว สส ปชป ในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือปัญหาคงรู้นะครับว่าจะเป็นยังไง ขนาดรัฐบาลนี้มีอำนาจทหาร มีกองทัพอยู่ในมือยังส่งทหารไปตายทุกวันเลยครับปัญหายังรุนแรงขึ้นทุกวันๆเลยครับ ผมไม่มีความสามารถพอที่จะเสนอแนะว่าควรแก้ไขปัญหานี้ยังไงแต่สามารถบอกได้เต็มปากว่า การขอโทษหรือว่ากราบเท้าพวกโจรมันไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาหรอกครับ
 :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:10
        :slime_v:โดยรวมแล้วผมเห็นด้วยกับคุณ Q ครับผมไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรหรอกครับไม่ได้เป็นคนใต้และก็ไม่เคยไป 3 จังหวัดภาคใต้แต่เราต้องเปิดใจกว้างยอมรับกันก่อนครับว่าปัญหาภาคใต้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เรายังเป็นสยามประเทศแล้วครับ แต่บางยุคบางสมัยปัญหาดังกล่าวมันไม่ได้รุนแรงจนตกเป็นข่าว(หรือว่ามีการปิดข่าว) สมัยคุณชวนเป็นนายกแกก็เป็นขวัญใจคนใต้แต่ปัญหาดังกล่าวยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงนั้นปัญหาจะเน้นหนักไปในเรื่องการเผาโรงเรียนซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ฆ่ากันเป็นว่าเล่นอย่างทุกวันนี้ ซึ่งวิวัฒนาการของโจรใต้นั้นโดยความเห็นผมคิดว่ามันเป็นไปตามกาลเวลานะครับพวกมันฉลาดขึ้น มีการศึกษามากขึ้น คิดหาวิธีการต่างๆ ที่ทำให้เราสูญเสียทั้งขวัญและกำลังใจได้ต่างๆนาๆ
        ถ้ามองในเรื่อง สส ผมว่าไม่ได้เป็นปัจจัยหลักหรอกครับที่จะสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ได้ถึง ปชป จะครองพื้นที่ได้เกือบ 100% ของภาคใต้ แต่ผมว่าพวกนี้ส่วนใหญ่ถนัดด้ายบริหารมากกว่าครับ(เน้น ว่าถนัดนะครับ แต่มีอิทธิพลต่อด้านการปกครองแน่นอน) แต่ปัญหานี้เพียงแค่ สส ไม่สามารถแก้ได้หรอกครับมันลึกซึ้งกว่านั้นแน่นอน เปรียบได้กับหญ้าคาหากมันขึ้นที่ไหนถึงจะเกี่ยวกี่ครั้งมันก็ยังขึ้นที่เดิมตลอดครับตราบใดที่ไม่ถอนรากถอนโคนมันก็ยังขึ้นที่เดิมและลามขยายวงกว้างไปเรื่อยๆครับ
         แต่หากได้รัฐบาลอื่นที่ไม่ใช่ ปชป มาแก้ปัญหาแล้ว สส ปชป ในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือปัญหาคงรู้นะครับว่าจะเป็นยังไง ขนาดรัฐบาลนี้มีอำนาจทหาร มีกองทัพอยู่ในมือยังส่งทหารไปตายทุกวันเลยครับปัญหายังรุนแรงขึ้นทุกวันๆเลยครับ ผมไม่มีความสามารถพอที่จะเสนอแนะว่าควรแก้ไขปัญหานี้ยังไงแต่สามารถบอกได้เต็มปากว่า การขอโทษหรือว่ากราบเท้าพวกโจรมันไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาหรอกครับ
 :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:

เอ้อ คนไม่ใช่หญ้าครับ แก้ไขได้..หรืออาจจะเลวร้ายกว่าเดิมก็ได้.. :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:15


ส.ส.3 จังหวัดใต้รับข้อเสนอประชาชน ท้องถิ่นจี้ตั้งกระทู้ถามกรณีทหารทำร้ายผู้ถูกคุมตัว
http://www.prachatai.com/05web/th/home/10926


(http://www.prachatai.com/05web/upload/HilightNews/library/200801/20_153002_57.jpg)
จากซ้ายไปขวา - นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ, นายอันวาร์ สาและ, นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์

 

นายเจะอามิง โตะตาหยง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีที่กลุ่มเครือข่าย กลุ่มเครือข่ายการเมืองภาคพลเมืองเพื่อท้องถิ่น ได้เสนอให้ ส.ส.ในจังหวัดชยแดนภาคใต้ ตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องที่ยังมีการทำร้ายผู้ถูกควบคุมตัวภายในหน่วยเฉพาะกิจทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลังจากมีการเปิดสภาแล้วนั้น จำเป็นต้องหาข้อมูลที่ชัดเจนก่อน แต่การตั้งกระทู้จะไม่เจาะจงเฉพาะเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น จะครอบคลุมถึงความเดือนร้อนของประชาชนทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในพื้นที่


นายเจะอามิง เปิดเผยว่าว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับความเดือนร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาก ซึ่งพรรคได้เตรียมประเด็นที่จะตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรไว้แล้ว ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ ส่วนเรื่องการทำร้ายผู้ถูกควบคุมตัวนั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเป็นกรณีไป ซึ่งต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะหาข้อมูลอย่างไร

 

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ม.ค. 51 ที่ห้องประชุมอิบนูค็อลดูน วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กลุ่มเครือข่ายการเมืองภาคพลเมืองเพื่อท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยองค์กระภาคประชาชน นักวิชาการและองค์กรพัฒนาเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีนายอิสมาแอล อาลี เป็นประธานได้จัดเวทีแสดงความยินดีและมอบข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปผลักดันหรือกำหนดเป็นนโยบายในการแก้ปัญหา

 

ในเวทีดังกล่าวมี ส.ส.เข้าร่วม 4 คน ได้แก่ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.นราธิวาส จากพรรคพลังประชาชน นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี จากพรรคประชาธิปัตย์ นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส หัวหน้ากลุ่มสัจจนุภาพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และนายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี จากพรรคเพื่อแผ่นดิน

 

ข้อเสนอดังกล่าวมาจากการระดมความคิดเห็นจากองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ ประกอบด้วยข้อเสนอด้านการเมืองและการปกครอง เป็นแนวทางจะปฏิรูปรูปแบบการปกครอง พร้อมปรับปรุงระบบความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดยเน้นหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

 

ด้านเศรษฐกิจและทรัพยากร ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการผลิตที่ขึ้นอยู่กับทรัพยากรธรรมชาติ และการสังคมด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยมุ่งเน้นเรื่องการปลอดอบายมุข การมีส่วนร่วมและจัดการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับความเป็นท้องถิ่น

 

ที่ประชุมยังย้ำว่า ขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกษา พระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้องค์กรอื่นหรือประชาชนสามารถตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐได้ โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งบางครั้งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น มีการทำร้ายผู้ถูกควบคุมตัว โดยเฉพาะตามหน่วยเฉพาะกิจย่อยๆ ในพื้นที่ก่อนที่ผู้ถูกควบคุมตัวจะถูกส่งไปยังหน่วยเฉพาะกิจที่ใหญ่กว่าขึ้นไปหรือถูกปล่อยตัว

 

รวมทั้งทราบว่าขณะนี้ทางกองทัพเตรียมที่จะเปิดเรือนจำทหารแห่งใหม่ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งเชื่อว่าคงจะใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นอาจทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นเมื่อเปิดสภาแล้ว ขอให้ส.ส.ตั้งกระทู้ถามในสภาในเรื่องดังกล่าวด้วย

 

 

นายอันวาร์ สาและ กล่าวว่า หลายครั้งของการเลือกตั้ง ก็ยังไม่เคยมีบรรยากาศอย่างนี้ จึงอยากให้มีต่อไป เพราะถ้าขาดความต่อเนื่องก็จะขาดศักยภาพในการทำงาน ตนอยากเห็นภาพนักการเมืองพรรคไหนก็แล้วแต่ เป็นภาพของนักการเมืองที่เป็นตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของชาวบ้าน

 

“ผมมีอายุการทำงานน้อย แต่ไม่น่ามีปัญหา เพราะถ้ามีอายุการทำงานมาก แต่มีเป้าหมายแอบแฝง ผมว่าอายุน้อยและมีเป้าหมายเพื่อมวลชนน่าจะดีกว่า ตอนนี้ภาพพจน์นักการเมือง ตกต่ำมาก มองว่านักการเมืองเลว ก็ต้องยอมรับ แต่ส่วนหนึ่งเพราะมาจากตัวแบบที่มีปัญหา ถึงนักการเมืองโดยรวมจะเป็นอย่างไร แต่ผมอยากให้ภาพพจน์นักการเมืองในพื้นที่ดี อย่าข้องแวะ ผลประโยชน์หรือการทุจริตเหมือนตอนที่อยู่ในตำแหน่ง ทำให้ภาพพจน์ความเป็นมุสลิมแย่ด้วย

 

นายอารีเพ็ญ กล่าวหลังรับข้อเสนอว่า ยินดีที่กลุ่มเครือข่ายฯ ได้เสนอปัญหาชาวบ้านมาอย่างเป็นระบบ เพราะเป็นการทุ่นเวลาการทำงานของนักการเมืองได้มาก นับเป็นความก้าวหน้าทางการเมือง โดยข้อเสนอบางข้อเคยผ่ายหูผ่านตามาแล้ว เพราะตนเป็น ส.ส.มา 20 ปีแล้ว เป็นกรรมาธิการมาหลายสิบชุด ล้วนเอาเรื่องที่เสนอแล้วมาเสนอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะยังไม่ได้รับการตอบสนอง แต่บางข้อก็ได้รับการตอบสนอง

 

“ข้อเสนอบางข้ออาจกระทบกับคนอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม ทำให้ไม่สามารถสนองตอบความต้องการทั้งหมด เช่น ให้ยกเลือกกฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ความมั่นคง อันตรายที่สุด เพราะ สนช.(สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) มาจากการแต่งตั้ง เขาก็ต้องรับใช้คนที่แต่งตั้งเข้ามา ถ้าเป็นสภาผู้แทนราษฎรปกติ คิดว่ากฎหมายนี้ยากที่จะผ่านไปได้ เพราะเรามองแล้วว่า เป็นกำหมายที่ลิดรอนสิทธิของประชาชนอย่างร้ายแรงที่สุด เพราะฉะนั้น เขาต้องรีบออก” นายอารีเพ็ญ กล่าว

 

นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการยกเลิก โดยเฉพาะกฎอัยการศึก ซึ่งอ้างได้ เพราะมันใช้ได้เฉพาะในภาวะสงคราม ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นสาหัสสากรรจ์ อยู่แล้ว เพราะกฎอัยการซึ่งให้อำนาจกับทหารฝ่ายเดียว และพ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจกับทั้งตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ต้องเสนอให้ยกเลิก เพราะเข้าสู่สภาวะการปกครองในระบบประชาธิปไตยแล้ว เชื่อว่าในสภาเองก็มีส่วนที่เห็นด้วยไม่น้อย

 

“อย่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่เพิ่งออกมาหมาดๆ มีคนที่ไม่เห็นด้วยมาก เพราะดูเนื้อหาแล้วมันหมิ่นเหม่ต่อประสิทธิภาพการใช้กฎหมาย ปัญหาคือเจ้าหน้าที่อาจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือทำแรงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด”

 

นายอารีเพ็ญ กล่าวด้วยว่า การจะให้เหตุการณสงบ มีความปลอดภัยนั้น บอกตรงๆ ว่า หนักใจ แต่ถ้าแค่เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน สิทธิเสรีภาพในทางศาสนาและวิถีชีวิตนั้น รัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับปี 2540 มาแล้ว รวมทั้งเรื่องระเบียบหรือนโยบายให้ความคุ้มครองอยู่แล้ว ไม่มีอะไรมาลิดรอนเรื่องนี้ได้ และไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรค

 

นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ข้อเสนอทั้งหมด หนีไม่พ้นเรื่องหลักการกระจายอำนาจ เช่น การกำหนดเขตห้ามอบายมุข ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโอนอำนาจให้ท้องถิ่น ท้องถิ่นก็กำหนดได้ แต่อำนาจการอนุญาตต่างๆ อยู่ส่วนกลาง ถ้าจะคุยเรื่องนี้จะทะเลาะกันยาว เพราะหน่วยงานต่างเสียดายอำนาจของตัวเอง

 

“นักการเมืองต้องการให้องค์กรรัฐเล็กลง แต่ภาคราชการขัดขบวางตลอด เพราะเขาอยากอยู่อย่างช้างตัวโตๆ อยากมีบารมี แต่ต่างประเทศองค์กรรัฐเล็กลง อำนาจต่างๆ ลงสู่ท้องถิ่น ซึ่งสามารถตัดสินใจทำอะไรได้ตามที่ต้องการ”

 

นายแพทย์แวมาฮาดี กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินได้ประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วว่า จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล แต่แนวนโยบายการแก้ปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะถูกไปสู่การปฏิบัติโดยพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยินดี ตนก็พร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคบอกแล้วว่า ยินดีที่จะเอา 43 แรงบันดาลใจของกลุ่มสัจจานุภาพ ไปเจรจาพูดคุยกับพรรคอื่น 6 พรรคที่จะร่วมรัฐบาล

 

“เราไม่ลืมในสิ่งที่เราสัญญาว่าจะร่วมกันผลักดันการแก้ปัญหาภาคใต้แต่ผมต้องการให้ ส.ส.ทั้ง 15 คนในพื้นที่มามีส่วนร่วมมากกว่านี้ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับเงื่อนไขหลายอย่าง ทั้งการทำงานหลายพรรค เรื่องกฎหมายที่มีอยู่ บางอย่างอาจทำไม่สำเร็จในรัฐบาลนี้ ซึ่งคงอยู่ไม่นาน ฉะนั้นจึงอยากให้ลำดับความสำคัญว่าอะไรทำได้เลยบ้าง ซึ่งใน 43 แรงบันดาลใจนั้น มี 9 ข้อที่ผมได้ยื่นกับพรรค และเป็นข้อที่สามารถทำได้เลย ซึ่งทางพรรคยินดี ในการบริหารของรัฐบาลนี้ในช่วงสั้นๆ จะสามารถทำตามข้อเสนอนั้นได้เลย และทางพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งต้องทำหน้าที่ตรวจสอบให้เป็นไปในทางที่ต้องการต่อไป” นายแพทย์ แวมาฮาดี กล่าว

 

นายอารีเพ็ญ กล่าวกับประชาไทหลังการประชุมว่า สำหรับเรื่องการทำร้ายผู้ถูกควบคุมตัวนั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนก่อน จึงจะดำเนินการเพื่อให้มีการแก้ปัญหาหรือตั้งกระทู้ถามในสภาได้ ซึ่งหากมีการอภิปรายเรื่องนี้ในสภาก็คงจะอยู่ประมาณเดือนมีนาคม 2551 เพราะหลังจากนี้แต่ละพรรคการเมืองที่เขาร่วมรัฐบาลต้องมาร่วมหารือนโยบายร่วมกันก่อน เพื่อที่จะแถลงนโยบายในสภาได้

 



 

 
 

--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท   วันที่ : 20/1/2551 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:19
http://203.151.46.10/anda/krabi/rela/Question.ASP?ID=3473&CAT=tou
รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ (อย่างไม่เป็นทางการ)

กระบี่
หมายเลข 1 นายวิษนุ มณีมัย (พนท.)
หมายเลข 2 นายสมเกียรติ ชำนาญกิจ (พนท.)
หมายเลข 3 นายจริยวัฒน์ ปานแก้ว (พนท.)
หมายเลข 4 น.ส.รุ่งนภา ใยทอง (รช.)
หมายเลข 5 นายม่านัด หลานหาด (รช.)
หมายเลข 6 นายสนธยา เครื่อบุตร (รช.)
หมายเลข 7 นายอาคม เอ่งฉ้วน (ปชป.)
หมายเลข 8 นายสาคร เกี่ยวข้อง (ปชป.)
หมายเลข 9 นายพิเชษฐ พันธ์วิชาติกุล (ปชป.)
หมายเลข 10 ด.ต.วิมล ศรีสวัสดิ์ (ชท.)
หมายเลข 11 ว่าที่ พ.ต.เจ๋ะห้าสัน ยะลา (ชท.)
หมายเลข 12 นายนันทพร คาวิจิตร (ชท.)
หมายเลข 13 นายวิทยากร ลูกหยี (พผ.)
หมายเลข 14 นายอริษฎ์ ธีระเดชตระกูล (พผ.)
หมายเลข 15 นายวรเชษฐ์ บุญประกอบ (พผ.)
หมายเลข 16 นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง (พปช.)
หมายเลข 17 นายอรรพล หิรัญพงษ์ (พปช.)
หมายเลข 18 นายสวัสดิ์ พยายาม (พปช.)

ชุมพร
หมายเลข 1 นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ (ปชป.)
หมายเลข 2 นายสราวุธ อ่อนละมัย (ปชป.)
หมายเลข 3 นายชุมพล จุลใส (ปชป.)
หมายเลข 4 นายเกษม เทียนทอง (ปชร.)
หมายเลข 5 นายชโยดม สระภูริพงศ์ (ปชร.)
หมายเลข 6. นายเดชวิทย์ หญีตภู่ (ปชร.)
หมายเลข 7 น.อ.อิษฎา น้อยขาว (พผ.)
หมายเลข 8 นายวิเชียร แก้วสว่าง (พผ.)
หมายเลข 9 นายมนตรี ขอรัตน์ (พผ.)
หมายเลข 10 นายเฉลิมชัย นิยมไท (พปช.)
หมายเลข 11 นายทรงศักดิ์ แก้วอิศวร (พปช.)
หมายเลข 12 นายอัครพงษ์ นิลสุวรรณ (พปช.)
หมายเลข 13 นายสุรินทร์ ทองน้อย (ปชม.)
หมายเลข 14 นายเฉลิมพล ปฏิแพทย์ (ปชม.)
หมายเลข 15 นายสิทธิเมษฐ์ วัฒนจิตร (ปชม.)
หมายเลข 16 น.ส.รุจินาถ ศรีสุวรรณ (ทปท.)
หมายเลข 17 นายปองสิชฌ์ ม่วงขาว (ทปท.)
หมายเลข 18 นายเกรียงไกร พรหมราช (ทปท.)

ตรัง
เขตเลือกตั้งที่ 1
หมายเลข 1 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย (ปชป.)
หมายเลข 2 นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ (ปชป.)
หมายเลข 3 นายมาโนชญ์ เอียดบาง (พผ.)
หมายเลข 4 นายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ (พผ.)
หมายเลข 5 นายชัยพร ชูเสน (พปช.)
หมายเลข 6 นายธนัท ลาชโรจน์ (พปช.)

เขตเลือกตั้งที่ 2
หมายเลข 1 นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ (ปชป.)
หมายเลข 2 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล (ปชป.)
หมายเลข 3 นายประกิต ยอดสนิท (พผ.)
หมายเลข 4 นางวันทา วงศ์ธรรมโอสถ (พผ.)
หมายเลข 5 นายเจริญ ศรนรายณ์ (พปช.)
หมายเลข 6 นายทวี ปรังพันธุ์ (พปช.)

นครศรีธรรมราช
เขตเลือกตั้งที่ 1
หมายเลข 1.นายสัมพันธ์ ทองสมัคร (ปชป.)
หมายเลข 2.น.ส.นริศา อดิเทพวรพันธ์ (ปชป.)
หมายเลข 3.นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ (ปชป.)
หมายเลข 4.นายอำนาจ รอดช่วย(รช.)
หมายเลข 5.นายอนันต์ พรหมอินทร์ (รช.)
หมายเลข 6.นายพะโยม กั่งเซ่ง(รช.)
หมายเลข 7.นายสมชาติ จิตรามวงศ์ (ชท.)
หมายเลข 8.นายฐานุวัฒน์ ภูมี (ชท.)
หมายเลข 9.นายมนัส วิชชุปกรณ์ (ชท.)
หมายเลข 10.นายณัฏฐ์ประชา เกื้อสกุล(พปช.)
หมายเลข 11.นายปิติ เทพภักดี (พปช.)
หมายเลข 12.นายวิโรจน์ วรินทรราช (พปช.)
หมายเลข 13.นายสุพจน์ ขนอม (พผ.)
หมายเลข 14.นายสิทธิพล คำวิจิตร (พผ.)
หมายเลข 15.น.ส.ศิริพร เพชรหนองชุม (พผ.)
หมายเลข 16.พ.ท.สุพจน์ วงศ์พิศาล (ปชท.)
หมายเลข 17.นายเฉลิมชัย นิจพรหม (ปชท.)
หมายเลข 18.นายฐาปกรณ์ มีล่อง (ปชท.)

เขตเลือกตั้งที่ 2
หมายเลข 1.นายชิณวรณ์ บุณยเกียรติ (ปชป.)
หมายเลข 2.นายเทพไท เสนพงศ์ (ปชป.)
หมายเลข 3.นายประกอบ รัตนพันธ์ (ปชป.)
หมายเลข 4.นางนพวรรณ วงศ์เบี้ยสัจจ์(ปชท.)
หมายเลข 5.นายไกรศรี ขุท์ทะกะพันธ์ (ปชท.)
หมายเลข 6.นายสุรวงศ์ มีล่อง (ปชท.)
หมายเลข 7.นายวรพจน์ ธรฤทธิ์ (พผ.)
หมายเลข 8.นายบุญเลิศ ถังมณี (พผ.)
หมายเลข 9.จ.ส.อ.นิเวน์ รุ่งเรือง (พผ.)
หมายเลข 10.นายอารีย์ ไกรนรา (พปช.)
หมายเลข 11.นายโชคดี ประทุมมาศ (พปช.)
หมายเลข 12.นายอุดมเกียรติ อภินันทิกุล ปานมี (พปช.)
หมายเลข 13.นายสนธิยา สวัสดี (ชท.)
หมายเลข 14.นางเรวดี สวัสดี (ชท.)
หมายเลข 15.นายวีระศักดิ์ อนุเคราะห์กุล (ชท.)
หมายเลข 16.นายอรรถสิทธิ์ ทองอร่าม (รช.)
หมายเลข 17.นายสมนึก พิบูลย์ (รช.)
หมายเลข 18.นายสมยศ ส้มเขียวหวาน (รช.)
หมายเลข 19.นายนิติ จิตรัตน์ (ป.ช.ร.)
หมายเลข 20.นายจรัล พรมเพศ (ป.ช.ร.)
หมายเลข 21.นายสมโชค โกศล (ป.ช.ร.)

เขตเลือกตั้งที่ 3
หมายเลข 1.นายเร็วจริง รัตนวิชา(พปช.)
หมายเลข 2.นายสมบูรณ์ เกตุแก้ว (พปช.)
หมายเลข 3.น.ส.จุรีรัตน์ บุญฤทธิ์ (ปชท.)
หมายเลข 4.นายสุธี จันทรเอียด (ปชท.)
หมายเลข 5.นายประกอบ คงพรหม (พผ.)
หมายเลข 6.นายอัจฉวี พลสังข์ (พผ.)
หมายเลข 7.พ.ต.สุรชัย สมาคม (รช.)
หมายเลข 8.นายธีระพล ฉายวิริยานนท์ (รช.)
หมายเลข 9.นายชนะวัฒน์ ษารักษ์ (ชท.)
หมายเลข 10.นายกฤษณะ ทองแก้ว (ชท.)
หมายเลข 11.นายวิทยา แก้วภราดัย (ปชป.)
หมายเลข 12.นายอภิชาต การิกาญจน์ (ปชป.)
หมายเลข 13.นายโชติช่วง คงแก้ว (ปม.)
หมายเลข 14.นายข้อเหรด นิยมเดชา (ปม.)

เขตเลือกตั้งที่ 4
หมายเลข 1.นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) (พปช.)
หมายเลข 2.นายดล ศรีสว่าง (พปช.)
หมายเลข 3.นายอัมพร ฉิมมี (ปชท.)
หมายเลข 4.นายจารึก อินทรรินทร์ (ปชท.)
หมายเลข 5.นายชัยนาท ทิพย์รักษา (พผ.)
หมายเลข 6.นายเอกชาติ ศรีวิชัย (พผ.)
หมายเลข 7.นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ (ปชป.)
หมายเลข 8.น.ส.พิมภัทรา วิชัยกุล (ปชป.)
หมายเลข 9.นายชัยสิรัตน์ ตรึกตรอง (รช.)
หมายเลข 10.นายพอพันธ์ รัตนคช (รช.)

นราธิวาส
เขตเลือกตั้งที่ 1
หมายเลข 1 นายเตาฟิก สะมะแอ (พปช.)
หมายเลข 2 นายอดิศักดิ์ แวเต๊ะ (พปช.)
หมายเลข 3 นายอัศวิน อิสมะแอ (พปช.)
หมายเลข 4 นายวัชระ ยาวอหะซัน (ชท.)
หมายเลข 5 นายมาหะมะรอปี เจ๊ะแว (ชท.)
หมายเลข 6 นายมิลลาดน หะยีมะ (ชท.)
หมายเลข 7 นายไพศาล ตอยิบ (มฌ.)
หมายเลข 8 นางพรพิชญ์ พัฒนกุลเลิศ (มฌ.)
หมายเลข 9 นายเริ่ม หนูสวัสดิ์ (มฌ.)
หมายเลข 10 นายอับดุลอาซิ หามะ (ป.ช.ร.)
หมายเลข 11 นายอับดุลฮารีม หะสาเมาะ (ป.ช.ร.)
หมายเลข 12 นายวรวุธว์ วิชชุวัฒน์ (ป.ช.ร.)
หมายเลข 13 นายมะอุเซ็น มะสุยี (รช.)
หมายเลข 14 นายมัยสุรุ หะยีอับดุลเลาะ (รช.)
หมายเลข 15 นายมะแอ สะอะ (รช.)
หมายเลข 16 นายแวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ (พผ.)
หมายเลข 17 นายนิอาแซ ซีอูเซ็ง (พผ.)
หมายเลข 18 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ (พผ.)
หมายเลข 19 นายเจะอามิง โตะตาหยง (ปชป.)
หมายเลข 20 นายอดุลย์ สาฮีบาตู (ปชป.)
หมายเลข 21 นายกูฮาเซ็ม กูจินามิง (ปชป.)

เขตเลือกตั้งที่ 2
หมายเลข 1 นายกูเฮง ยาวอหะซัน (ชท.)
หมายเลข 2 นายอาทร ธนสุเสถียร (ชท.)
หมายเลข 3 นายสุกรี ยือราบอ (รช.)
หมายเลข 4 นายอับดุลการิม มะแซ (รช.)
หมายเลข 5 นายยูโซ๊ะ แวยูโซ๊ะ (พผ.)
หมายเลข 6 นายอัฮมัดมูฮำมัดยูนุรอับดุฮ มะยูนุ (พผ.)
หมายเลข 7 นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ (ปชป.)
หมายเลข 8 นายแวฮามะ บากา (ปชป.)
หมายเลข 9 นายนัจมุดดีน อูมา (พปช.)
หมายเลข 10 นายสมรรถ วาหลง (พปช.)

ปัตตานี
เขตเลือกตั้งที่ 1
หมายเลข 1 นายมูหามัด หะยีหามะ (ปชท.)
หมายเลข 2 นายสาเละ หะยีสามะ (ปชท.)
หมายเลข 3 นายมูฮำมัด หะยีฮามะ (รช.)
หมายเลข 4 นายแวอาแซ เซ็งยี (รช.)
หมายเลข 5 นายอันวาร์ สาและ (ปชป.)
หมายเลข 6 นายอิสมาแอล เบญอิบรอฮิม (ปชป.)
หมายเลข 7 นายเด่น โต๊ะมีนา (พปช.)
หมายเลข 8 พ.ต.ท.เจ๊ะอิสมาแอ เจ๊ะโมง (พปช.)
หมายเลข 9 นายชนินทร์ เศียรอินทร์ (พนท.)
หมายเลข 10 นายสุรัตน์ มุกดารัตน์ (พนท.)
หมายเลข 11 นายสอมะ สมานพิทักษ์ (ควม.)
หมายเลข 12 นายเจ๊ะอุมา สาเมาะ (ควม.)
หมายเลข 13 นายสมมุติ เบญจลักษณ์ (พผ.)
หมายเลข 14 นายมูฮำมัดอารีฟีน จะปะกิยา (พผ.)

เขตเลือกตั้งที่ 2
หมายเลข 1 นายมุข สุไลมาน (พปช.)
หมายเลข 2 นายสามารถ เจ๊ะนา (พปช.)
หมายเลข 3 ว่าที่ร.ต.โมฮาหมัดยาสรี ยูซง (ปชป.)
หมายเลข 4 นายซาตา อาแวกือจิ (ปชป.)
หมายเลข 5 นายนิมุคตาร์ วาบา (พผ.)
หมายเลข 6 นายยุซรี ซูสารอ (พผ.)
หมายเลข 7 นายระวี เจะนุ (รช.)
หมายเลข 8 นายมะซาปรี หะยีดือเร๊ะ (รช.)
หมายเลข 9 นายชาญวิทย์ กาซอ (อ.ก.ร.)
หมายเลข 10 นายอีรฟาน วาจิ (อ.ก.ร.)

พังงา
หมายเลข 1 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ (พปช.)
หมายเลข 2 นายสมพร ศิริบุญยัง (พปช.)
หมายเลข 3 นายศุภเดช นาคน้อย (ชท.)
หมายเลข 4 นายอาคม ทองเจิม (ชท.)
หมายเลข 5 นายเชิดเกียรติ แก้วกำเนิด (พผ.)
หมายเลข 6 นายประเสริฐ สืบหมาด (พผ.)
หมายเลข 7 นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ (ปชป.)
หมายเลข 8 นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ (ปชป.)
หมายเลข 9 นายปริตตย์ ศรีฟ้า (รช.)
หมายเลข 10 นายสุรัตน์ ธันยุภักดิ์ (รช.)

พัทลุง
หมายเลข 1 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ (ปชป.)
หมายเลข 2 นางสุพัชรี ธรรมเพชร (ปชป.)
หมายเลข 3 นายนริศ ขำนุรักษ์ (ปชป.)
หมายเลข 4 นายอัฏาวุธ ยงหนู (มฌ.)
หมายเลข 5 นายกู้ชาติ ชายเกตุ (มฌ.)
หมายเลข 6 นายเชี่ยวชาญ เกื้อชู (มฌ.)
หมายเลข 7 นายประภาส แสงสี (พนท.)
หมายเลข 8 นายภู่ ศรีสัจจา (พนท.)
หมายเลข 9 นายอำนวย มณีนิล (พนท.)
หมายเลข 10 นายคณนาถ หมื่นหนู (พปช.)
หมายเลข 11 นายเจริญ ชูเรือง (พปช.)
หมายเลข 12 นายสุพัฒน์ แก้วจันทร์ (พปช.)

ภูเก็ต
หมายเลข 1 นายทศพร เทพบุตร (ปชป.)
หมายเลข 2 นายเรวัต อารีรอบ (ปชป.)
หมายเลข 3 จ่าเอกสรนันท์ เสน่ห์ (ชท.)
หมายเลข 4 นายสมชาติ สมนาม (ชท.)
หมายเลข 5 ทญ.ศรีญาดา (ปาลิมาพันธ์) ชินวัตร (พปช.)
หมายเลข 6 นายวิสุทธิ์ สันติกุล (พปช.)
หมายเลข 7 นายชวิศ ตุ้งกู (รช.)
หมายเลข 8 นายชัยพิทักษ์ (ออหลิม) อภิชาติสิทธิกุล (รช.)

ยะลา
หมายเลข 1 นายไพศาล ยิ่งสมาน (พปช.)
หมายเลข 2 นายบูราฮานูดิง อูเซ็ง (พปช.)
หมายเลข 3 นายซูกาโน มะทา (พปช.)
หมายเลข 4 นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ (ปชป.)
หมายเลข 5 นายอับดุลการริม เด็งระกีนา (ปชป.)
หมายเลข 6 นายณรงค์ ดูดิง (ปชป.)
หมายเลข 7 นายนิรันดร์ วายา (พผ.)
หมายเลข 8 นายอนันต์ แสงวัณณ์ (พผ.)
หมายเลข 9 นายสาลาหูดิง ยาญา (พผ.)
หมายเลข 10 นายฮัสซัน ตาดู (รช.)
หมายเลข 11 นายชานนท์ เจะหะมะ (รช.)
หมายเลข 12 นายตอลีฟ สะมะอาลี (รช.)
หมายเลข 13 นายอิบราเฮง ยูโซ๊ะ (ปชท.)
หมายเลข 14 นายมะสือดี สะแลแม (ปชท.)
หมายเลข 15 นายอับดุลกอริม เจะแซ (ปชท.)

ระนอง
หมายเลข 1 นายบัลลังก์ อนุภักดิ์ (พกก.)
หมายเลข 2 นายไพโรจน์ ชาญพาณิชย์ (พปช.)
หมายเลข 3 นางสิริลักษณ์ จุธาจิรกุล คุ้มวงศ์ (รช.)
หมายเลข 4 นายเฉลิม ศุภานุศาสน์ (ชท.)
หมายเลข 5 นายวิรัช ร่มเย็น (ปชป.)
หมายเลข 6 นายอติคม ธนบัตร (พผ.)
หมายเลข 7 นายสุทธิ วังทองชุก (ปชท.)
หมายเลข 8 พ.ต.ท.ชัยวุธ ณ ระนอง (มฌ.)
หมายเลข 9 นายบุญเลิศ สิทธิเวช (พนท.)

สงขลา
เขตเลือกตั้งที่ 1
หมายเลข 1.นายจรัญ วงศ์กระจ่าง(ปชท.)
หมายเลข 2.นายกรีฑา คงมา(ปชท.)
หมายเลข 3.นายวีรวัฒน์ พรหมคง(ปชท.)
หมายเลข 4.นายกิตติพัฒน์ แก้วมณี (พปช.)
หมายเลข 5.นายสมมิตร ประทุมวรรณ(พปช.)
หมายเลข 6.นายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ(พปช.)
หมายเลข 7.นายไพจิตร จันทรโชติ (พป.)
หมายเลข 8.นางอมรา ไชยศรี(พป.)
หมายเลข 9.นายอาวุธ สะอาดแก้ว(พป.)
หมายเลข 10.นาวิรัตน์ หิรัญสาย(ป.ช.ร.)
หมายเลข 11.นายหน็อด มะหมัด(ป.ช.ร.)
หมายเลข 12.นายวิสูตร ภักดี(ป.ช.ร.)
หมายเลข 13.นายวินัย เสนเนียม(ปชป.)
หมายเลข 14.นายประพร เอกอุรุ(ปชป.)
หมายเลข 15.นายเจือ ราชสีห์(ปชป.)
หมายเลข 16.นายดลเลาะ หละติมะ(รช.)
หมายเลข 17.นายสนั่น หมัดเจริญ(รช.)
หมายเลข 18.นายวันชัย จันทร์สุข(รช.)
หมายเลข 19.นายราเชษฐ์ อารีย์ (พผ.)
หมายเลข 20.นายรัชพล เสวตนิสากร(พผ.)
หมายเลข 21.นายกฤษนพล เจริญวิรยภาพ(พผ.)
หมายเลข 22.นายเสริม สายอ๋อง(พกก.)
หมายเลข 23.นายธรรมรัตน์ เสน่หา(พกก.)
หมายเลข 24.นายเสรี ชุมทอง(พกก.)

เขตเลือกตั้งที่ 2
หมายเลข 1.นายถาวร เสนเนียม(ปชป.)
หมายเลข 2.นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจนกิจ(ปชป.)
หมายเลข 3.นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ(ปชป.)
หมายเลข 4.นายฉัตรชัย ชูแก้ว(มฌ.)
หมายเลข 5.นายนาสิน มากจังหวัด (มฌ.)
หมายเลข 6.นายเจษฏา พงศ์ ชูแก้ว(มฌ.)
หมายเลข 7.นายทวีเกียรติ รองสวัสดิ์ (พปช.)
หมายเลข 8.นายอรรถชาญ เชาว์วาณิช(พปช.)
หมายเลข 9.นายสุรเชษฐ์ ชินวุฒิวงศ์(พปช.)
หมายเลข 10.นายสนธยา หมัดหมีน(รช.)
หมายเลข 11.นายภาราดร พรหมสุทธิ์(รช.)
หมายเลข 12.นายเอกชัย ถวาวรวงศ์(รช.)
หมายเลข 13.นายชาญยุทธ หิรัญสาย (ป.ช.ร.)
หมายเลข 14.ร.ต.อ.ชัยคม เกื้อนุกูล (ป.ช.ร.)
หมายเลข 15.นายวิษณุ บุหงา(ป.ช.ร.)
หมายเลข 16.ร.ต.ต.พลประสิทธิ ยอดนภา (ปชท.)
หมายเลข 17.นายบัญชา ยอดหวาน(ปชท.)
หมายเลข 18.นายขนบ ชูคดี (ปชท.)

เขตเลือกตั้งที่ 3
หมายเลข 1.พ.ต.อ.สุรินทร์ ปาลาเร่(พผ.)
หมายเลข 2.นายอับดุลอาซีส สาเมาะ(พผ.)
หมายเลข 3.นายศิริโชค โสภา(ปชป.)
หมายเลข 4.นายนาราชา สุวิทย์(ปชป.)
หมายเลข 5.นายอับดุลเลาะ สาแมแน็ง (พปช.)
หมายเลข 6.นายสุรศักดิ์ มณี(พปช.)
หมายเลข 7.นายพิเชษฐ์ เพ็งสม (รช.)
หมายเลข 8.นายการิยา หวังมะ(รช.)

สตูล
หมายเลข 1 นายสุชาติ ใบสะอาด (ป.ช.ร.)
หมายเลข 2 นายอานันทธ์สิทธิ อริยสันติ (ป.ช.ร.)
หมายเลข 3 นายอสิ มะหะมัดยังกี (ปชป.)
หมายเลข 4 นายฮอชาลี ม่าเหร็ม (ปชป.)
หมายเลข 5 ว่าที่ ร.ต.หญิง หยาดพิรุณ ธนูสาย (ศส.)
หมายเลข 6 นายไพโรจน์ บุญนำ (ศส.)
หมายเลข 7 นายจิรายุส เนาวเกตุ (พปช.)
หมายเลข 8 นายมูนีร์สมูฮัมหมัด ใบกาเด็ม (พปช.)
หมายเลข 9 นายอาหมาด หลังยาหน่าย (พผ.)
หมายเลข 10 นายสุทรรศน์ จุนณศักดิ์ศรี (พผ.)

สุราษฎร์ธานี
เขตเลือกตั้งที่ 1
หมายเลข 1.นายชุมพร กาญจนะ(ปชป.)
หมายเลข 2.นายประพนธ์ นิลวัชรมณี(ปชป.)
หมายเลข 3.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (ปชป.)
หมายเลข 4.นายชูชัย ทองขาว (พผ.)
หมายเลข 5.นายพิพัฒน์ อินทรักษ์(พผ.)
หมายเลข 6.นายชัยชนะ สงฤทธิ์ (พผ.)
หมายเลข 7.นายภานุ สุวรรณพานิช(รช.)
หมายเลข 8.นายประสิทธิ์ เจริญศรี (รช.)
หมายเลข 9.น.ส.ไพลิน นพคุณ(รช.)
หมายเลข 10.นายสมพล วิชัยดิษฐ์(พปช.)
หมายเลข 11.นายประเสริฐ บุญประสพ (พปช.)
หมายเลข 12.นายมานพ เกษมณี(พปช.)
หมายเลข 13.นายยรรยง ศรีฟ้า (ชท.)
หมายเลข 14.ร.ต.ต.คเนศ ศรีศักดิ์ (ชท.)
หมายเลข 15.นายเฉลิม บัญรัตนัง (ชท.)

เขตเลือกตั้งที่ 2
หมายเลข 1.นายภิญญา ช่วยปลอด(มฌ.)
หมายเลข 2.นายประดิษฐ รักสวัสดิ์(มฌ.)
หมายเลข 3.นายเอกราช รอดเจริญ (มฌ.)
หมายเลข 4.พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ (พผ.)
หมายเลข 5.นายไชยันต์ ลิหมัด (พผ.)
หมายเลข 6.นายกีรติ ช่วยชนะ (พผ.)
หมายเลข 7.นายเชน เทือกสุบรรณ (ปชป.)
หมายเลข 8.นายสินิตย์ เลิศไกร (ปชป.)
หมายเลข 9.นางนิภา พริ้งศุลกะ(ปชป.)
หมายเลข 10.นายโกมล นกวิเชียร (พปช.)
หมายเลข 11.นายประกิจ เพชรรัตน์ (พปช.)
หมายเลข 12.นายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์(พปช.)

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2550 16:53 น.
 
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานจังหวัดกระบี่
14 พ.ย. 50 10:51:29
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:21
http://mp.parliament.go.th/map2550/form_search.aspx

ที่ ชื่อ-สกุล พรรค แบ่งเขต/สัดส่วน วันเวลาที่มารายงานตัว ประวัติเผยแพร่
1  นายกรณ์ จาติกวณิช
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 2  7 ม.ค.51
   
 
2  นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพังงา เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
3  นายกัมพล สุภาแพ่ง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดเพชรบุรี เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
4  นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสระบุรี เขตที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
5  คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 8  4 ม.ค.51
   
 
6  นายโกวิทย์ ธารณา
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 11  7 ม.ค.51
   
 
7  นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 5  4 ม.ค.51
   
 
8  นายครรชิต ทับสุวรรณ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสมุทรสาคร เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
9  นายจุติ ไกรฤกษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพิษณุโลก เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
10  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  8 ม.ค.51
   
 
11  นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพังงา เขตที่ 1  6 ม.ค.51
   
 
12  นายเจริญ คันธวงศ์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6  4 ม.ค.51
   
 
13  นายเจะอามิง โตะตาหยง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนราธิวาส เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
14  นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
15  นายเจือ ราชสีห์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
16  นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
17  นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  7 ม.ค.51
   
 
18  นายชนินทร์ รุ่งแสง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 12  6 ม.ค.51
   
 
19  นายชวน หลีกภัย
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  8 ม.ค.51
   
 
20  นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตาก เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
21  นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  7 ม.ค.51
   
 
22  นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
23  นายชุมพล กาญจนะ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
24  นายชุมพล จุลใส
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชุมพร เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
25  นายเชน เทือกสุบรรณ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
26  นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
27  นางสาวณิรัฐกานต์ ศรีลาภ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดยโสธร เขตที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
28  นายดนัย นพสุวรรณวงศ์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 4  9 ม.ค.51
   
 
29  นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  4 ม.ค.51
   
 
30  นายถวิล ไพรสณฑ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 10  4 ม.ค.51
   
 
31  นายถาวร เสนเนียม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
32  นายทศพร เทพบุตร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดภูเก็ต เขตที่ 1  10 ม.ค.51
   
 
33  นายทศพล เพ็งส้ม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนนทบุรี เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
34  นายทิวา เงินยวง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 6  5 ม.ค.51
   
 
35  นายเทพไท เสนพงศ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 2  5 ม.ค.51
   
 
36  นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
37  นายธนา ชีรวินิจ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 3  4 ม.ค.51
   
 
38  นายธนิตพล ไชยนันทน์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตาก เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
39  นายธวัชชัย อนามพงษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดจันทบุรี เขตที่ 1  8 ม.ค.51
   
 
40  นายธารา ปิตุเตชะ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดระยอง เขตที่ 2  7 ม.ค.51
   
 
41  นายธีระ สลักเพชร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตราด เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
42  นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชุมพร เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
43  นายเธียรชัย สุวรรณเพ็ญ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตาก เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
44  นายนคร มาฉิม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพิษณุโลก เขตที่ 2  5 ม.ค.51
   
 
45  นายนราพัฒน์ แก้วทอง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพิจิตร เขตที่ 1  11 ม.ค.51
   
 
46  นายนริศ ขำนุรักษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพัทลุง เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
47  นางสาวนริศา อดิเทพวรพันธุ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 1  8 ม.ค.51
   
 
48  นางนันทพร วีรกุลสุนทร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 9  4 ม.ค.51
   
 
49  นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 7  4 ม.ค.51
   
 
50  นายนาราชา สุวิทย์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 3  10 ม.ค.51
   
 
51  นายนิพนธ์ บุญญามณี
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  4 ม.ค.51
   
 
52  นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7  8 ม.ค.51
   
 
53  นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพัทลุง เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
54  นางนิภา พริ้งศุลกะ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตที่ 2  8 ม.ค.51
   
 
55  นายบรรจบ รุ่งโรจน์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
56  นายบัญญัติ เจตนจันทร์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดระยอง เขตที่ 2  7 ม.ค.51
   
 
57  นายบัญญัติ บรรทัดฐาน
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  10 ม.ค.51
   
 
58  นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 4  4 ม.ค.51
   
 
59  นายประกอบ จิรกิติ
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6  4 ม.ค.51
   
 
60  นายประกอบ รัตนพันธ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
61  นายประพนธ์ นิลวัชรมณี
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
62  นายประพร เอกอุรุ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 1  8 ม.ค.51
   
 
63  นายประมวล พงศ์ถาวราเดช
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
64  นายประมวล เอมเปีย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
65  นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดยะลา เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
66  นางสาวปรีชญา ขำเจริญ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดราชบุรี เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
67  นายปรีชา มุสิกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกำแพงเพชร เขตที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
68  นายปัญญวัฒน์ บุญมี
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7  6 ม.ค.51
   
 
69  นายปารเมศ โพธารากุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกาญจนบุรี เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
70  นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดลพบุรี เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
71  นางผุสดี ตามไท
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6  4 ม.ค.51
   
 
72  นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดจันทบุรี เขตที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
73  นางพจนารถ แก้วผลึก
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
74  พลเอก พิชาญเมธ ม่วงมณี
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
75  นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกระบี่ เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
76  นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 4  8 ม.ค.51
   
 
77  ผู้ช่วยศาสตราจารย์พีรยศ ราฮิมมูลา
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8  7 ม.ค.51
   
 
78  นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 3  4 ม.ค.51
   
 
79  นายพุฒิพงศ์ สงวนวงศ์ชัย
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2  7 ม.ค.51
   
 
80  นายไพฑูรย์ แก้วทอง
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2  11 ม.ค.51
   
 
81  นายภุชงค์ รุ่งโรจน์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 5  7 ม.ค.51
   
 
82  นายมนตรี ปาน้อยนนท์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
83  พลตรี มนูญกฤต รูปขจร
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7  8 ม.ค.51
   
 
84  นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
85  นางมาลินี สุขเวชชวรกิจ
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2  5 ม.ค.51
   
 
86  นายไมตรี สอยเหลือง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 2  6 ม.ค.51
   
 
87  นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดจันทบุรี เขตที่ 1  8 ม.ค.51
   
 
88  นางสาวรังสิมา รอดรัศมี
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสมุทรสงคราม เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
89  นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 3  4 ม.ค.51
   
 
90  นางสาวรัชดา ธนาดิเรก
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 12  6 ม.ค.51
   
 
91  นายเรวัต อารีรอบ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดภูเก็ต เขตที่ 1  10 ม.ค.51
   
 
92  นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 2  5 ม.ค.51
   
 
93  นายวรงค์ เดชกิจวิกรม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพิษณุโลก เขตที่ 1  6 ม.ค.51
   
 
94  นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสระบุรี เขตที่ 2  9 ม.ค.51
   
 
95  นายวิชัย ล้ำสุทธิ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดระยอง เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
96  นายวิฑูรย์ นามบุตร
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 4  9 ม.ค.51
   
 
97  นายวิทยา แก้วภราดัย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 3  8 ม.ค.51
   
 
98  พันเอก วินัย สมพงษ์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 5  4 ม.ค.51
   
 
99  นายวินัย เสนเนียม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
100  นายวิรัช ร่มเย็น
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดระนอง เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
101  นายวิรัตน์ กัลยาศิริ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
102  นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุโขทัย เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
103  นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 9  6 ม.ค.51
   
 
104  พลตำรวจตรี วีระ อนันตกูล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 3  5 ม.ค.51
   
 
105  นายวุฒิพงษ์ นามบุตร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดอุบลราชธานี เขตที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
106  นายศิริโชค โสภา
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสงขลา เขตที่ 3  4 ม.ค.51
   
 
107  นายศุภชัย ศรีหล้า
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดอุบลราชธานี เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
108  นายสกลธี ภัททิยกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 4  4 ม.ค.51
   
 
109  นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครสวรรค์ เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
110  นายสมเกียรติ ฉันทวานิช
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
111  นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 5  9 ม.ค.51
   
 
112  นายสมควร โอบอ้อม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครสวรรค์ เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
113  นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตรัง เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
114  นายสมบัติ ยะสินธุ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดแม่ฮ่องสอน เขตที่ 1  13 ม.ค.51
   
 
115  นายสมบัติ สิทธิกรวงศ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนนทบุรี เขตที่ 2  5 ม.ค.51
   
 
116  นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตรัง เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
117  นายสมัย เจริญช่าง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 6  4 ม.ค.51
   
 
118  นายสรรเสริญ สมะลาภา
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 3  4 ม.ค.51
   
 
119  นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชลบุรี เขตที่ 3  4 ม.ค.51
   
 
120  นายสราวุธ อ่อนละมัย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดชุมพร เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
121  นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุโขทัย เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
122  นายสัมพันธ์ ทองสมัคร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
123  นายสาคร เกี่ยวข้อง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกระบี่ เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
124  นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตรัง เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
125  นายสาธิต ปิตุเตชะ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดระยอง เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
126  นายสามารถ พิริยะปัญญาพร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดราชบุรี เขตที่ 2  4 ม.ค.51
   
 
127  นายสามารถ มะลูลีม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 8  8 ม.ค.51
   
 
128  นายสามารถ ราชพลสิทธิ์
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
129  นายสำราญ ศรีแปงวงค์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกำแพงเพชร เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
130  นายสินิตย์ เลิศไกร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตที่ 2  8 ม.ค.51
   
 
131  นายสุกิจ อัถโถปกรณ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดตรัง เขตที่ 1  8 ม.ค.51
   
 
132  นายสุขวิชชาญ มุสิกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกำแพงเพชร เขตที่ 1  9 ม.ค.51
   
 
133  หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6  7 ม.ค.51
   
 
134  นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 8  8 ม.ค.51
   
 
135  นายสุทัศน์ เงินหมื่น
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 3  7 ม.ค.51
   
 
136  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
137  นาวาตรี สุธรรม ระหงษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสมุทรสาคร เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
138  นางสาวสุพัชรี ธรรมเพชร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดพัทลุง เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
139  นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 4  17 ม.ค.51
   
 
140  นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
141  นายสุรันต์ จันทร์พิทักษ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 9  6 ม.ค.51
   
 
142  นายสุวโรช พะลัง
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7  4 ม.ค.51
   
 
143  นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 12  6 ม.ค.51
   
 
144  นายอนุชา บูรพชัยศรี
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 2  5 ม.ค.51
   
 
145  นายอภิชาต การิกาญจน์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 3  11 ม.ค.51
   
 
146  นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
147  นายอภิชาติ สุภาแพ่ง
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดเพชรบุรี เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
148  หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 1  6 ม.ค.51
   
 
149  นายอภิวัฒน์ เงินหมื่น
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดอำนาจเจริญ เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
150  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6  4 ม.ค.51
   
 
151  นายอรรถพร พลบุตร
 ประชาธิปัตย์
 แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 7  4 ม.ค.51
   
 
152  นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 4  4 ม.ค.51
   
 
153  นางสาวอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
154  นางอรอนงค์ คล้ายนก
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตที่ 11  4 ม.ค.51
   
 
155  นายอลงกรณ์ พลบุตร
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดเพชรบุรี เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
156  นายอสิ มะหะมัดยังกี
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสตูล เขตที่ 1  8 ม.ค.51
   
 
157  นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกาญจนบุรี เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
158  นายอันวาร์ สาและ
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดปัตตานี เขตที่ 1  5 ม.ค.51
   
 
159  นายอับดุลการิม เด็งระกีนา
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดยะลา เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 
160  นายอาคม เอ่งฉ้วน
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดกระบี่ เขตที่ 1  6 ม.ค.51
   
 
161  นายอิสมาแอล เบญอิบรอฮีม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดปัตตานี เขตที่ 1  7 ม.ค.51
   
 
162  นายอิสสระ สมชัย
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดอุบลราชธานี เขตที่ 4  9 ม.ค.51
   
 
163  นายฮอชาลี ม่าเหร็ม
 ประชาธิปัตย์
 จังหวัดสตูล เขตที่ 1  4 ม.ค.51
   
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:26


เฮือกสุดท้ายปชป. http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=9992)
   
 
 การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ทั้งระบบสัดส่วนและเขต ทั้งสิ้น 397 คนที่ผ่านมา ทำให้คนใต้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกองเซียร์ปชป.ใจชื้นขึ้นมาด้วยเพราะหวังลึกๆ ว่า พลังประชาชนจะมีจำนวนส.ส. หายไปกว่า 60 คนตามที่นายสุเทพ เทิือกสุบรรณ เคยกล่าวไว้ และหวังว่าจะส่งผลให้ส.ส.ปชป.เพิ่มขึ้น

พลันที่ข่าวออกมา กองเซียร์สุเทพเฮ

ขณะที่กองเซียร์พลังประชาชนจ้องไปที่กกต.ว่ามีเอี่ยวกัน คำถามเพื่อหาคำตอบว่ามีอะไรในกอไผ่ตามมามากมาย

เช่นเดียวกับคถแถลงของนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ว่าทำไมตัวเลขมันใกล้เคียงกัน

สำหรับคนทั่วไป เชื่อว่าเป็นเหตุบังเอิญ!

แต่เชื่อว่าจากนี้ไปคนทุกกลุ่มจะจับตาดูการแจกใบแดงและใบเหลืองว่า 65 คนของพลังประชาชนนั้นจะโดน สักกี่คน เช่นเดียวกับ 6 คนของปชป.ว่า จะรอดจริงเท่าไหร่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ภาคใต้มีเหตุที่น่าหวาดเสียวกับว่าที่ 2 ส.ส.ภูเก็ต ปชป.ที่กกต.ยังไม่รับรองทั้งสองคน คือนายทศพร เทพบุตร กับนายเรวัต อารีรอบ

ก่อนเลือกตั้งมีการร้องเรียนจากพรรคคู่แข่ง 4 พรรคว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ที่ชื่อ อัญชลี วานิช เทพบุตร ผู้เป็นภริยาของนายทศพล เทพบุตร มีพฤติกรรมช่วยเหลือผู้สมัครส.ส. ซึ่งกรณีที่กกต.แขวนทั้งสองคนว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นเรื่องอื่นจึงน่าติดตาม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเกี่ยวข้อง และมีผลทางคดี ซึ่งหากความผิดเชื่อมโยงถึงตัวนายกอบจ.ภูเก็ตแล้ว จะเป็นจุด เปลี่ยนการเมืืองภูเก็ตอย่างน่าสนใจยิ่ง

นั่นหมายถึงว่า การแจกใบแดงและใบเหลืองของกกต. ภายในวันที่ 15 มกราคมนี้มีส่วนของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ได้ลุ้นกัน 2 ระดับทีเดียวสำหรับคนใต้และกองเซียร์ปชป. รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

เพราะที่ภูเก็ตเป็นพื้นที่การเมืองที่เป็นสายตรงของนายสุเทพด้วย อีกทั้งยังเป็นสายตรงที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับคนใต้แล้ว การเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือว่าได้ทุ่มเทสุดสุดแล้วกับพรรคประชาธิปัตย์ จากนี้ไปคือการเฝ้าดูพฤติกรรมของส.ส.เหล่านี้ รวมทั้งหากประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ต้องดูว่า ครั้งนี้มีผลงานที่สมกับที่คนใต้ได้มอบกายเทใจให้หรือไม่

ที่บอกว่า "มอบกายเทใจ" ให้นั้น ท่านที่ติดตามการเมืองย่อมนึกได้ว่า เมื่อ
ครั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยพูดว่า จะเลือกจัดงบพัฒนาสำคัญให้พื้นที่ที่เลือกส.ส.เขามาก่อน นั้นย่อมให้ถึงว่า พื้นที่ภาคใต้ย่อมแห้งแล้ง เมื่อแห้งแล้งการพัฒนา คุณภาพชีวิตก็ย่อมส่งผลกระทบ ซึ่งก็หมายถึงร่ายกายของคนใต้นั่นเอง

การมอบกายเทใจให้ปชป.ครั้งนี้ บางคนบอกว่า น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับปชป. โดยยกตัวอย่าง 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ประชาชนที่นั้นติดสินกลุ่มวาดะห์ รวมทั้งนายเด่น โต๊ะมีนา และเปิดโอกาสให้กลุ่มการเมืองใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทน ทั้งกลุ่มหมอแว-สัจจานุภาพ กับสองพี่น้องตระกูลยาวอหะซัน

ต่างจากเลือกตั้งครั้งก่อนที่คนสามจังหวัดไม่เลือกกลุ่มวาดะห์ แต่เทคะแนนให้ปชป. รอบนี้ปชป.ก็ถูกตัดทิ้งได้

ดังนั้นจากวันนี้ไปจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งส.ส.ครั้งต่อไป ซึ่งวิเคราะห์กันว่า ไม่น่าจะเกิน 2 ปีนั้น น่าจะเป็นโอกาสของกลุ่มการเมืองใหม่และพรรคการเมืองใหม่ ที่เดินหน้ามุ่งมั่น และตั้งใจทำงานให้ชนะใจคนใต้ ซึ่งคงไม่ใช่กลุ่มการเมืองหรือพรรคเดิมๆ ที่เป็นคู่ต่อกรแบบจองล้าง จองผลาญกับปชป.

หากแต่จะเป็นโอกาสของอีกหลายพรรค และหลายๆ คนที่มีคะแนนรองลงไป เพียงแต่ท่านอย่ามาเสนอหน้ากับพี่น้องประชาชนเฉพาะช่วงเลือกตั้งก็เท่านั้นเอง!

โดย Focus Team  เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2551 22:10:29 น.
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:40


สรุป 45 เดือนสถานการณ์ความรุนแรง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้   
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=162
ฐานงานวิจัย DSW | 2550-10-29 13:24:39
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้


สรุปสถานการณ์ความรุนแรงในรอบ 45 เดือน
จังหวัดชายแดนภาคใต้
(ระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2547-กันยายน พ.ศ. 2550)

สถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ 45 เดือนที่ผ่านมา ในภาพรวมยังมีแนวโน้มความรุนแรงที่ต่อเนื่อง สถานการณ์จึงยังมีความไม่มั่นคงและไม่แน่นอน เหตุการณ์นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 ถึงกันยายน 2550 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,587  ครั้ง เหตุการณ์ความไม่สงบในระยะเวลาดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมกันประมาณ 6,878 คน โดยมีผู้เสียชีวิตรวม 2,631 คนและมีผู้บาดเจ็บ 4,247 คน

น่าสังเกตว่าสถานการณ์ดูเหมือนจะลดลงในสองเดือนหลังนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมซึ่งเหตุการณ์ลดระดับลงเหลือ 147 ครั้ง มาตกลงมากอีกครั้งในเดือนกันยายน ซึ่งมีเหตุการณ์ลดลงเหลือ 114 ครั้ง เหตุการณ์มีผลทำให้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงด้วยในเดือนกันยายนลดลงเหลือ 125 คน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 209 คน

น่าสังเกตอีกด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดจากการระเบิดก็ลดลงเช่นกันนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ซึ่งในเดือนกรกฎาคมมีการวางระเบิด 29 ครั้ง เดือนสิงหาคม 37 ครั้ง และกันยายน 26 ครั้ง

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุดยังเป็นการยิง ซึ่งในเดือนกันยายนมีเหตุการณ์ที่เกิดจากการยิงสังหารสูงถึง 74 ครั้งลดลงจากเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงถึง 95 ครั้ง

การที่เหตุการณ์ดูเหมือนจะลดลงอาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิมและอาจจะเป็นเพราะตัวประกอบทางนโยบายอื่นๆ ของรัฐในช่วงนี้

อาจจะกล่าวได้ว่า สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ 45 เดือนที่ผ่านมามีแนวโน้มการเปลี่ยนระดับความรุนแรงแบบขึ้นๆ ลงๆ ในลักษณะคลื่นหรือกระแสที่เปลี่ยนแปลงสูงๆ ต่ำๆ อยู่ตลอดเวลา แต่แนวโน้มที่น่าสนใจก็คือ เมื่อมองในรายละเอียดโดยจับข้ามมิติเวลา นับตั้งแต่มกราคม 2547 เส้นแนวโน้ม trend line จะมีภาวะคงที่ กล่าวในอีกแง่หนึ่ง แนวโน้มเหตุการณ์แม้จะมีระดับความรุนแรงสูงซึ่งเป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บค่อนข้างมากแต่ก็มีภาวะคงที่ในแนวระนาบ หรือแนวโน้มขึ้นสูงๆ ต่ำๆ ในระดับเดียวกันข้ามมิติของเวลา ไม่ใช่ความรุนแรงแบบไต่ขั้นบันไดสูงขึ้นโด่ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีความโน้มเอียงลดต่ำลงเช่นกัน

สภาพดังกล่าวทำให้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับต่อเนื่องมาเกือบสี่ปี มีการใช้ความรุนแรงในระดับพื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน หรือในชุมชน ความรุนแรงเป็นภาวะสถิต ต่อเนื่อง ไม่แน่นอนและยึดเยื้อเรื้อรัง รอวันปะทุขึ้นมาในทุกขณะเวลา ยังไม่มีใครและคนกลุ่มใดที่ปลอดภัยในพื้นที่แห่งนี้

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เราอาจจะอาจจะตีความได้ในสองแง่มุม คือ

ในด้านหนึ่ง ปัจจัยภายใน หรือตัวแปรที่ก่อความรุนแรง การก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดส่วนมากที่สุดจะเป็นความรุนแรงแบบมีการจัดตั้งรวมกลุ่มหรือ organized violence ดังนั้น จึงเกิดการโจมตีเป้าหมายอย่างชัดเจน มีการร่วมกันลงมือปฏิบัติการต่อพลเรือนและต่อเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งต่อสถานที่สาธารณะ ในลักษณะสงครามขนาดเล็ก (small wars) ความรุนแรงแบบมีการจัดตั้งเช่นนี้ จะมีศักยภาพการก่อความไม่สงบทางการเมืองสูงมาก และสามารถสร้างความหวาดกลัว หวาดระแวง รวมทั้งส่งผลต่อความรู้สึกกลัวและเกลียดชัง (fear and hatred) ในความสัมพันธ์ทางสังคมและชุมชนในวงกว้าง

ความรุนแรงได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ทางสังคมทุกฝ่าย ไม่ว่าระหว่างรัฐกับประชาชน ระหว่างประชาชนด้วยกันเองคือชุมชนไทยพุทธและมุสลิม หรือแม้แต่ในคนแต่ละกลุ่มเอง ต่างก็มีแนวโน้มเอียงความรู้สึกไม่ไว้ใจกันและไม่เชื่อมั่นต่อกัน

ในอีกด้านหนึ่ง ต้องยอมรับว่าตัวแปรสำคัญของความรุนแรงก็คือ กลไกอำนาจรัฐ ปฏิบัติการของความรุนแรงในสงครามแบบใหม่เป็นสิ่งที่เกิดจากลักษณะอำนาจรัฐ "ในพื้นที่ชายขอบ" หรือจุดที่มีความเปราะบางอ่อนแอของการใช้อำนาจรัฐ ทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงที่เป็นกองกำลังนอกแบบ (insurgencies) อาชญากรรมที่มีการจัดตั้ง (organized crimes) ซึ่งท้าทายการใช้อำนาจรัฐที่มีความชอบธรรม รวมทั้งสามารถท้าทายอำนาจการควบคุมทางสังคมในชุมชน แต่การที่รัฐอ่อน (weak state) ก็มีผลทำให้อำนาจรัฐเองก็ไม่สามารถควบคุมความรุนแรง ความโปร่งใสที่เกิดจากการจัดการของฝ่ายตนเองได้ด้วย

ดังนั้น ในห้วงเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีความพยายามโดยตลอดในการปรับปรุงแก้ปัญหานโยบายและมาตรการการจัดการความขัดแย้งโดยเน้นวิธีการที่อ่อนลง มีความพยายามสร้างสมานฉันท์และเน้นการแก้ปัญหาโดยมาตรการทางการเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา แต่การที่ความรุนแรงและการก่อเหตุความไม่สงบไม่ลดลงในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เกิดความกดดัน สภาวะระส่ำระสายในบางพื้นที่ซึ่งแม้จะมีความสงบราบคาบ ในบางครั้ง (หรืออาจจะหลายๆ ครั้ง) ความรุนแรงก็อาจจะเกิดจากอำนาจรัฐเองที่ก่อให้เกิดความสับสน

จะต้องเข้าใจว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ "บางส่วน" ที่ปฏิบัติการอย่างผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน และใช้วิธีการแก้แค้นที่ไร้ความชอบธรรม เป็นตัวเร่งความรุนแรงอย่างน่ากลัวด้วย และก่อให้เกิดความต่อเนื่องของห่วงโซ่แห่งการก่อความรุนแรงอีกมากมายที่จะตามมาในอนาคต

ดังนั้น ภาวการณ์ขึ้นๆ ลงๆ สูงต่ำของความรุนแรงในรอบ 45 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งสองตัว คือ อำนาจของฝ่ายก่อการต่อต้านรัฐ และปฏิบัติการของฝ่ายรัฐเองบางส่วน การมีภาวะเสถียรหรือคงที่ของความรุนแรง ในลักษณะไม่ไต่ระดับสูงขึ้นโด่งมากเกินไปในช่วงหลังอาจจะเป็นผลมาจากการควบคุมการใช้ความรุนแรงให้อยู่ในกรอบของกฎหมายหรืออำนาจของรัฐ โดยใช้กองกำลังจำนวนมากเข้าปิดล้อมจับกุมตามอำนาจของพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฝ่ายก่อความสงบชั้นนำในหมู่บ้านได้บางส่วน

แต่การที่ฝ่ายก่อเหตุไม่สามารถสร้างความรุนแรงที่ไต่ระดับสูงขึ้นได้ ก็อาจจะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าฝ่ายนี้ยังมีขีดจำกัดอยู่ภายในตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นด้วยศักยภาพองค์การ แนวทางการทหารที่สุ่มเสี่ยง ขีดจำกัดในการขยายกำลังแนวร่วม และอาจจะเป็นผลมาจากการดำเนินการทางนโยบายของฝ่ายความมั่นคงของรัฐในระยะหลังที่ประสบความสำเร็จ จนทำให้มีอุปสรรคในการทำงานทางการเมืองเพื่อขยายกำลังมากกว่าเดิม

ในขณะเดียวกัน การไม่สามารถควบคุมความรุนแรงของรัฐหรือเจ้าหน้าที่บางส่วนให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาในการเมือง การปกครอง การบริหาร และการพัฒนาในระยะยาว ก็เป็นเหตุให้ความรุนแรงไม่อาจจะลดลงได้อย่างแท้จริง

สิ่งที่น่ากลัวก็คือ การแก้ปัญหาด้วยการดับไฟ จะต้องไม่ใช้การสร้างไฟกองใหม่ขึ้นมาอีกเพราะไฟกองใหม่จะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ตามมาในอนาคต หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาความรุนแรงที่มาจากการเมืองแห่งอัตลักษณ์และความเป็นชายขอบก็คือการฟื้นคืนอำนาจอันชอบธรรม การสร้างอำนาจอันชอบธรรมหรือการสร้างอำนาจการควบคุมความรุนแรงที่มีการจัดตั้งโดยอำนาจสาธารณะ (public authorities) ไม่ว่าจะเป็นอำนาจในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระหว่างประเทศ

          การแก้ปัญหาอำนาจทางการเมืองที่มีความชอบธรรมจะทำได้ในสองทางคือ กระบวนการทางการเมือง ในกระบวนการทางการเมืองที่ชอบธรรมจะสร้างความรู้สึกที่ดี ความเชื่อมั่นไว้วางใจ (trust) ที่ประชาชนท้องถิ่นมีต่ออำนาจหรือผู้นำและทำให้เกิดความสนับสนุนที่ประชาชนมีต่ออำนาจสาธารณะ และการควบคุมทางสังคม และ กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อสถาปนาหลักการแห่งนิติธรรม (rule of law) ซึ่งเป็นฐานที่จะทำให้สถาบันที่มีความชอบธรรมทำงานได้ 

          การแก้ปัญหาทั้งหมดต้องเน้นที่ความชอบธรรมและกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ความรุนแรงทั้งหมดลดลงได้อย่างยั่งยืน



คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนภูมิขนาดใหญ่ขึ้น 
แผนภูมิเปรียบเทียบจำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา
(มกราคม 2547 - กันยายน 2550)




แผนภูมิแสดงจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ช่วงระยะเวลา 45 เดือน
(1 มกราคม 2547 - 30 กันยายน 2550)



  แผนภูมิแสดงจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในรอบ 45 เดือน
(มกราคม 2547 - กันยายน 2550)


 
แผนภูมิแสดงจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เปรียบเทียบรายเดือน
(มกราคม 2547 - กันยายน 2550)


 
ความถี่ในการก่อเหตุแยกประเภทเหตุการณ์รายเดือน
(มกราคม 2547 - กันยายน 2550)



 

แผนภูมิแสดงจำนวนเหตุการณ์ของ 7 อำเภอที่มีเหตุการณ์สูงสุดในรอบ 45 เดือน
(มกราคม 2547 - กันยายน 2550) จำแนกเป็นรายเดือน


 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:47


(http://www.deepsouthwatch.org/photos/G45d-3.jpg)


(http://www.deepsouthwatch.org/photos/vis301150.gif)


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:55


รวมลิงค์ให้อีกครั้งครับ..

http://oas.psu.ac.th/wbns/newsgroup.html

http://www.muslimcampus.com/news.php

http://www.pataninews.net/links.asp

http://songkhlatoday.com/index.php?

http://www.focuspaktai.com/index.php

.......................................


ข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งหมดจำนวน 63499 รายการ  

http://oas.psu.ac.th/wbns/browse.php

ติดตามข่าวคราวเปรียบเทียบได้ตามลิงค์ ข้อมูลเขาอัพเดทเพิ่มข่าวทุกวัน


ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ Deep South Watch (DSW).

http://www.deepsouthwatch.org/


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:57


แนะนำเว็บไซต์   http://www.deepsouthwatch.org/?l=information&c=weblink

เครือข่าย

ศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้...
สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ชมรมแพทย์ชนบท
วิชาการ

เวทีแห่งการแสวงหาความจริง (south watch)
ฐานข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยเทียงคืน
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล
วิทยาลัยวันศุกร์
สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รวมบทความ 'สันติสุขภาวะ 3 จังหวัดชายแดนใต้'
วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
วิทยาลัยอิสลามยะลา
โครงการจัดตั้งสถาบันสมุทรรัฐเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วารสารฟ้าเดียวกัน
ภาครัฐ

สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด
กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต)
กองกำลังสันติสุข
จังหวัดปัตตานี
จังหวัดยะลา
จังหวัดนราธิวาส
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
โครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้
องค์กรอิสระ

คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.)
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลปกครอง
ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
คณะกรรมการเลือกตั้ง
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
องค์กรอิสลามโลก OIC-OCI
สภาทนายความ
องค์กรพัฒนาเอกชน

องค์กรพัฒนาเอกชนไทย
องค์การนิรโทษกรรมสากล ประเทศไทย
มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์
มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
ศูนย์ข้อมูลเพื่อเสรีภาพประชาชน
สำนักข่าวประชาธรรม
สำนักข่าวประชาไท
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ
มูลนิธิโกมลคีมทอง
ชมรมนักกฎหมายมุสลิมไทย
ฐานข้อมูลอื่นๆ

ฐานข้อมูลข่าว 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
แฟ้ม – ภาพข่าว (เจาะลึกข้อมูลภาคใต้)
แด่...ทนายสมชาย นีละไพจิตร
เวบเกี่ยวกับชาวไทยมุสลิมทั้งหมด
ฐานข้อมูลข่าวชายแดนใต้


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 17:06

นักการเมือต้องอาศัยข้าราชการเป็นแขนขา

ข้าราชการแต่ละฝ่ายก็ชิงดีชิงเด่น

จะแก้ปัญหานี้ได้ พรรคการเมืองต้องสนับสนุนให้นักการเมืองและข้าราชการร่วมมือกันทำงาน

เพื่อพัฒนาสังคมของตน  โดยอาศัยปัญหาต่างๆเป็นดัชนีชี้วัดความเจริญในด้านต่างๆ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 18:38




ยังไม่เห็นแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กระเด้งรับลูก

เดี่ยวมารอดูฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง ว่าจะมอบหมายงานให้สส.ผ่านรัฐสภาและเครือข่ายชุมชนได้หรือเปล่า?


ที่หนาวๆร้อนๆตอนนี้ คงเป็นอภิสิทธิ์ ศิษย์เทพเทือก ลูกเจ้าแม่จวนทอง

แล้วก็หลวงแม้วของเหล่าสาวก..


ส่วนคนใต้เลือกตั้งครั้งต่อๆไปคงไม่ยอมเป็นของตายของปชป.อีกแล้ว :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 21:19


สมาชิกปชป. กรุณาเอาปัญหาไปท้าทายการทำงานของพรรคและหัวแถวของพรรคด้วย

อยากทราบว่า มีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เป็นหรือเปล่า?

สามารถทำเป็นตัวอย่างนำร่งอให้เห็นเป็นรูปธรรมหรือไม่?

นับจำนวนคนร้ายที่ถูกจับเป็นก็ได้ครับ.. :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 21-01-2008, 22:06

หากรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาทางใต้ได้ คนใต้อาจเปลี่ยนใจสนับสนุน พปช.ก็ได้ค่ะ ไม่ใช่แก้ที่ฝีปากอย่างเดียว จุดไฟไว้ให้แล้วปล่อยให้คนในภาคดับกันเอง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 22:20


หากรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาทางใต้ได้ คนใต้อาจเปลี่ยนใจสนับสนุน พปช.ก็ได้ค่ะ ไม่ใช่แก้ที่ฝีปากอย่างเดียว จุดไฟไว้ให้แล้วปล่อยให้คนในภาคดับกันเอง

ค่าของคนอยู่ที่ผลงาน ยังใช้ได้อยู่ครับ.. :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 23:11




ผมว่าโทษประหารชีวิต ยังจำเป็น..

แล้วก็เมื่อได้รับการตัดสินถึงที่สุดแล้วแล้ว ต้องมีระเบียบประหารโดยเร็ว  


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: kkh ที่ 22-01-2008, 17:02


พื้นที่ 3 จว เป็นของกุ่มวาดะ สังกัด ทรท เดิมแถมเป็น รัฐบาล เป็นคนยกเลิก ศอบต ร่วมสร้างปัญหาเพิ่ม ยังไม่ต้องรับผิดชอบ

ทำไม จขกท ไม่สงสัยบ้างหรือว่าคนใต้อีก 11 จว. ทำไมยังเลือก ปชป เพราะเขารู้ว่าปัญหามาจาก รัฐบาล เดิมงัยเขาจึงไม่โทษ ปชป

แต่ประชาธิปไตยเสียงมากว่าเป็นรัฐบาล รัฐบาลคือคนแก้ปัญหาบ้านเองโดยนำนโยบายของพรรคตนมาบริหาร

 ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ แต่ จขกท. อยากให้ฝ่ายค้านเสนอความเห็นและช่วยแก้ เหมือน บริษัทมี ผจก ไว้นั่งกินกาแฟเอาเท่ แต่มียามไว้ช่วยตัดสินใจบริหาร

แต่ความจริงถ้า บริษัทคุณ ผจก. ทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นที่มีความสามารถมาบริหาร ผู้จัดการทำไม่ได้ต้องลาออก ยากได้ยามมาตัดสินใจก็ให้ยามเป็น ผู้จัดการแทนก็เท่านั้น ไม่เห็นยาก


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-01-2008, 17:44

พื้นที่ 3 จว เป็นของกุ่มวาดะ สังกัด ทรท เดิมแถมเป็น รัฐบาล เป็นคนยกเลิก ศอบต ร่วมสร้างปัญหาเพิ่ม ยังไม่ต้องรับผิดชอบ

ทำไม จขกท ไม่สงสัยบ้างหรือว่าคนใต้อีก 11 จว. ทำไมยังเลือก ปชป เพราะเขารู้ว่าปัญหามาจาก รัฐบาล เดิมงัยเขาจึงไม่โทษ ปชป

แต่ประชาธิปไตยเสียงมากว่าเป็นรัฐบาล รัฐบาลคือคนแก้ปัญหาบ้านเองโดยนำนโยบายของพรรคตนมาบริหาร

 ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ แต่ จขกท. อยากให้ฝ่ายค้านเสนอความเห็นและช่วยแก้ เหมือน บริษัทมี ผจก ไว้นั่งกินกาแฟเอาเท่ แต่มียามไว้ช่วยตัดสินใจบริหาร

แต่ความจริงถ้า บริษัทคุณ ผจก. ทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นที่มีความสามารถมาบริหาร ผู้จัดการทำไม่ได้ต้องลาออก ยากได้ยามมาตัดสินใจก็ให้ยามเป็น ผู้จัดการแทนก็เท่านั้น ไม่เห็นยาก

อาการของคุณเหมือนแมลงรำคาญ  มากกว่ายาม

ปชป. เลี้ยงคนอย่างคุณไว้ก็ไม่ได้เสียงอื่นสนับสนุน


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-01-2008, 17:46


ชื่อเรื่อง   ใต้บึมทหารเจ็บระนาว8 ไล่ฆ่าภารโรง-สายข่าว จอดรถสูบส้วมก็ยังตาย  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ไทยรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนี้
 URL   http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=76060
 เนื้อหา  เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 ม.ค. ขณะที่ จ.ส.อ. สงกรานต์ ยิ้มพงษ์ อายุ 46 ปี หัวหน้าชุดลาดตระเวนเส้นทางรถไฟสังกัด ฉก.นราธิวาส 39 นำกำลังรวม 8 นาย กลับจากตระเวนเดินเท้าตรวจเส้นทางรถไฟสถานีรถไฟลาโละ หมู่ 7 ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อกลับฐานบริเวณสถานีรถไฟ ระหว่างทางถูกคนร้ายกดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือที่วางไว้โคนเสาไฟฟ้าริมถนน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนเสาไฟฟ้าหักโค่น และทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บทั้ง 8 นาย   
ประกอบด้วย 1.จ.ส.อ.สงกรานต์ ยิ้มพงษ์ หัวหน้าชุด 2.จ.ส.ท.เชษฐ์ชัย นาคหลง 3.ส.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เพียงใจ 4.พลทหารเอกสิทธิ์ วงษ์ดอน 5.พลทหารสุรศักดิ์ เนตรจ่อย 6.พลทหารคมกริช มีแม่นวิทย์ 7.พลทหารยอดยิ่ง จำลองเดช และ 8.พลทหารชาญชัย เพียงแก้ว จากนั้นกลุ่มคนร้ายยังระดมยิงทั้งปืนอาก้าและเอ็ม 16 ถล่มซ้ำ แต่ทหารยังกัดฟันยิงตอบโต้จนเกิดปะทะกันดุเดือด ภายหลัง พ.ต.ต. เรืองศักดิ์ บัวแดง สวส.สภ.รือเสาะ พ.ต.ท.ธนาพล มีชัย รอง ผกก.(ป.) พ.ท.ปฐวี ศรีสุข ผบ.ฉก.นราธิวาส 39 นายอรุณ ศรีใส ปลัดอาวุโสอำเภอรือเสาะ และ พ.ต.ต.ฉลอง คงอินทร์ สว.นปพ.จ.นราธิวาส นำกำลังและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด “เหยี่ยวดง” ไปตรวจสอบรีบนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ 

ต่อมา พ.ต.อ.จุมพล เปรมศิริ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.ท.ปฐวี ศรีสุข ผบ.ฉก.นราธิวาส 39 และนายอรุณ ศรีใส ปลัดอาวุโสอำเภอรือเสาะ นำกำลังตรวจค้นบ้าน 50 หลัง ในหมู่บ้านเกิดเหตุสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 17 คน เป็นชาย 16 หญิง 1 คน จากการสอบสวนพบว่า ทั้งหมดเป็นคนนอกพื้นที่และไม่มีอาชีพประกอบเป็นหลักแหล่ง จึงได้จัดทำประวัติไว้ พร้อมส่งตัวไปตรวจสอบ ดีเอ็นเอและสารปนเปื้อนวัตถุระเบิดตามร่างกาย ก่อนที่จะส่งตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อสอบขยายผลต่อไป

ช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.จุมพล เปรมศิริ ผกก.สภ.รือเสาะ นำกำลังไปสอบสวนคนถูกยิงเสียชีวิต บริเวณหน้าร้านกาแฟ บ้านบาโงปูโล๊ะ ต.เรียง พบศพนายอัครเดช จือยือแร อายุ 53 ปี นักการภารโรงโรงเรียนบ้านบาโงปูโล๊ะ ถูกยิงที่ศีรษะ 3 นัด สอบสวนทราบว่า ขณะผู้ตายกับภรรยาเดินออกจากบ้านจะไปธุระถูกคนร้ายเดินตามแล้วกระชากผมก่อนชักปืนจ่อยิง 3 นัดต่อหน้าภรรยาและชาวบ้านแล้ววิ่งหนีไป และเมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค. ขณะที่นายมูหามะ นิเกาะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 3 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เดินออกจากบ้านจะไปธุระถูกคนร้ายซุ่มยิงเสียชีวิตที่ริมคลองภายในหมู่บ้าน 

ส่วน จ.ปัตตานี พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ รอง ผบก. พ.ต.อ.มนัส ศิษมัต ผกก.สภ.เมืองปัตตานี พร้อมกำลังไปสอบสวนเหตุยิงกันตาย บนถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 5 บ้านสะนิง ต.บาราเฮาะ พบศพนายอับดุลเลาะ โต๊ะอาดัม อายุ 40 ปี อยู่หมู่ 7 ต.ปูยุด นอนตายอยู่ข้างรถ จยย. สภาพศพถูกยิงด้วยปืน .38 ที่ศีรษะและลำตัว 4 นัด สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นสายข่าวทหาร ขณะขี่ จยย.ไปธุระถูกคนร้าย 2 คนซ้อน จยย.ตามประกบยิง

อีกราย พ.ต.ท.นรัตน์ เทพเฉลิม รอง ผกก.(สส.) สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พร้อมกำลังไปสอบสวนเหตุยิงกันตาย 2 ศพ บนถนนหมู่ 4 บ้านมะนังหยง ต.ปากู พบรถบรรทุกถังเก็บสิ่งปฏิกูล ทะเบียน 70-0960 ยะลา จอดอยู่ ในเบาะคนขับ พบศพนายบุญโชค ไม่ทราบนามสกุล อายุ 40 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัดและที่ประตูด้านซ้าย พบศพนางอรวรรณ ดอกเตย อายุ 38 ปี ถูกยิงที่ศีรษะและลำตัว 2 นัด สอบสวนทราบว่า ผู้ตายทั้งสองรับจ้างดูดส้วม ขณะจอดรถดูดสิ่งปฏิกูลในหมู่บ้าน ถูกคนร้าย 2 คนซ้อน จยย.จ่อยิง

ด้าน จ.ยะลา เมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค. กลุ่มคนร้ายยิงถล่มใส่มัสยิด บ้านยุโป ต.ยุโป อ.เมืองยะลา กระสุนถูกนายเจ๊ะดาโอ๊ะ ปีเยาะ อายุ 72 ปี กับนายรอสือดี โต๊ะมะ อายุ 15 ปี บาดเจ็บนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา เชื่อว่าเป็นฝีมือโจรกลุ่มเดียวกันที่ยิงนายอาหะมะ เจ๊ะสู อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านบาโด หมู่ 3 ต.ยุโปเสียชีวิตในคืนเดียวกัน ส่วนนายสมัยศึก งามขำ ชรบ.หมู่ 3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ที่ถูกโจรใต้ยิงสาหัส รักษาตัวที่ รพ.ศูนย์ยะลา เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ได้เสียชีวิตลง แล้วแต่คดียังไม่คืบที่ฐานปฏิบัติการ ฉก.ทหารช่าง บ้านทุ่งยามู ต.ยุโป อ.เมืองยะลา

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และคณะ เดินทางไปเยี่ยมกำลังทหารช่างที่กำลังก่อสร้างถนนสายปัตตานี-ยะลา โดยนายก รัฐมนตรีกล่าวว่า ถนนสายนี้ผู้รับเหมาทิ้งงานไปเพราะเหตุไม่สงบ กระทั่งทหารช่างมาดำเนินการแทน ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ อาจจะมีความรุนแรงบ้างในบางช่วง แต่ในภาพรวมแล้วการทำงานมีความคืบหน้าไปมาก ดังนั้น ขอฝากรัฐบาลใหม่ให้ยึดเอาแนวพระราชดำริ ในการแก้ปัญหาคือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา

ด้าน จ.สระแก้ว ร.อ.สมปอง บุญชัย ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1207 ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 กกล.บูรพา อ.อรัญประเทศ พร้อมกำลังควบคุมตัวนางสวน ลอน อายุ 24 ปี ชาวกัมพูชา บริเวณริมคลองพรมโหด ติดพรมแดนไทย-กัมพูชา ขณะสะพายกระเป๋าเดินข้ามไปกัมพูชา ตรวจค้นพบซิมโทรศัพท์ มือถือ 3 อัน คีม ไขควง ปะแจขนาดต่างๆ 12 ตัว ใบโอนเงินธนาคารและบัตรค่ารถยนต์โดยสาร จาก จ.ยะลา สอบถามยอมรับว่าเดินทางมาจาก จ.ยะลา เพราะมีสามีอยู่ที่ จ.ยะลา กำลังจะกลับบ้านที่กัมพูชา แต่เจ้าหน้าที่สงสัยในพฤติกรรมเกรงจะเป็นแนวร่วมโจรใต้ นำตัวส่งฝ่ายการข่าวกองกำลังบูรพาสอบสวนอีกครั้ง 

รายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคงระบุว่า ขณะนี้แกนนำกลุ่มโจรใต้คนสำคัญที่ทางการต้องการตัวทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้หลบไปกบดานในเขตประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ที่ผ่านมารัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัย ได้ประสานงานขอความช่วยเหลือจับกุม ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ ประสบความสำเร็จบ้างแล้วแต่กรณี โดยแกนนำโจรทั้งหมดเข้าไปกบดานในนามสมาชิกสมาคมอดีตทหารที่มีอดีตผู้นำมาเลย์คนหนึ่งเป็นแกนนำ ใช้เครื่องหมายรวงข้าววงล้อมอัลกุรอาน   

สมาคมนี้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่รัฐเคดาห์ จากการตรวจสอบรายชื่อคนไทยที่เป็นแกนนำโจรใต้คนสำคัญที่ทางการไทยต้องการตัวและได้รับความคุ้มครองจากสมาคมแห่งนี้มี 1. นายสะแปอิง บาซอ ผู้จัดการโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา 2. นายมะแซ อุเซ็ง อุสตาซ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส หัวหน้ากองกำลังบีอาร์เอ็น โอคอร์ดิเนต 3. นายมือลี ฮะห์ เป็นต้น

 
 ภาพประกอบ [1]
 
 วันที่เผยแพร่  22 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  22 ม.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-01-2008, 19:03



ยังไม่เห็นแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กระเด้งรับลูก

เดี่ยวมารอดูฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง ว่าจะมอบหมายงานให้สส.ผ่านรัฐสภาและเครือข่ายชุมชนได้หรือเปล่า?


ที่หนาวๆร้อนๆตอนนี้ คงเป็นอภิสิทธิ์ ศิษย์เทพเทือก ลูกเจ้าแม่จวนทอง

แล้วก็หลวงแม้วของเหล่าสาวก..


ส่วนคนใต้เลือกตั้งครั้งต่อๆไปคงไม่ยอมเป็นของตายของปชป.อีกแล้ว :slime_fighto:


29 ม.ค. 51 : เวทีนโยบายสาธารณะครั้งที่ 5 "จินตนาการความเป็นไทยกับสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้" 
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=208
กิจกรรมเคลื่อนไหวทางวิชาการและสังคม | 2551-01-22 12:57:23
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 จัดโดย
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะกรรมการยุทธศาสตร์สันติวิธี สภาความมั่นคงแห่งชาติ
สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สนับสนุนโดย
สำนักงานคณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ

สถานที่ : โรงแรมรอยัลริเวอร์ ถ.จรัลสนิทวงศ์ ซ.66/1 บางพลัด กรุงเทพฯ
วันเวลา : วันอังคารที่ 29 มกราคม 2551 เวลา 08.30-12.45 น.

ด้วยมหาวิทยาลัยมหิดล โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม และศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง จินตนาการใหม่ความเป็นไทย อันเป็นหนึ่งในชุดโครงการวิจัยของศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ที่ก่อเกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ บัดนี้งานวิจัยนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงแล้ว และมหาวิทยาลัยมหิดลได้จัดพิมพ์หนังสือรวมผลงานของโครงการวิจัยนี้เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะต่อไป

ในการสื่อสารต่อสาธารณะนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์สันติวิธี สภาความมั่นคงแห่งชาติ และสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการสนับสนุนของคณะกรรมการ สาขาสังคมวิทยา สำนักงานคณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ จึงกำหนดจัดเวทีนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ 5 เรื่อง "จินตนาการความเป็นไทยกับสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้" ในวันอังคารที่ 29 มกราคม 2551 เวลา 08.30-12.45 น. ณ ห้องกรุงธนบอลรูม โรงแรมรอยัลริเวอร์ ถนนจรัลสนิทวงศ์ บางพลัด กรุงเทพมหานคร (โทรศัพท์ 02 422-9222) เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง "ความเป็นไทยในจินตนาการ" โดยกำหนด ให้มีปาฐกถานำจุดประเด็นการประชุมเรื่อง ประวัติศาสตร์การสร้าง ‘ความเป็นไทย' กระแสหลัก โดย รศ.สายชล สัตยานุรักษ์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปัจฉิมกถาเรื่อง พหุนิยมกับพหุความเป็นไทย โดย ธีรยุทธ บุญมี ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



กำหนดการ

08.30 น. - 09.00 น.   ลงทะเบียน
09.00 น. - 09.10 น.   กล่าวรายงานการประชุม
                            โดย รศ.อนุชาติ พวงสำลี
                                   (รองอธิการบดีฝ่ายระบบกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล)
09.10 น. - 09.30 น.   กล่าวเปิดการประชุม
                            โดย รศ.ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา
                                   (รองอธิการบดี ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และเครือข่าย  มหาวิทยาลัยมหิดล)
09.30 น. - 10.00 น.   ปาฐากถานำจุดประเด็นเรื่อง
                            "ประวัติศาสตร์การสร้าง ‘ความเป็นไทย' กระแสหลัก"
                                   โดย รศ.สายชล สัตยานุรักษ์
                                   (ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
10.00 น. - 10.15 น.   พักรับประทานอาหารว่าง
10.15 น. - 11.45 น.   การอภิปรายเพื่อให้ความเห็นต่อผลงานวิจัยเรื่อง
                            "ความเป็นไทยในจินตนาการ"
                                    ดำเนินรายการโดย  รศ.สุริชัย หวันแก้ว
                                    (ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
10.15 น. - 10.45 น.   นำเสนอโดย รองศาสตราจารย์กฤตยา อาชวนิจกุล
                                    (รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล)
10.45 น. - 11.00 น.   ให้ความเห็นโดย ดร.นิติ ภวัครพันธุ์
                             (คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
11.00 น. - 11.15 น.   ให้ความเห็นโดย ดร. วรวิทย์ บารู
                                    (ผู้อำนวยการโครงการจัดตั้งสถาบันสมุทรรัฐเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
                                     มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)                   
11.15 น. - 11.45 น.   เปิดอภิปราย
11.45 น. - 12.15 น.   ปัจฉิมกถาเรื่อง "พหุนิยมกับพหุความเป็นไทย"
                            โดย ธีรยุทธ บุญมี
                                   (ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย
                                    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

                                   (จบการประชุม รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน)

 


หัวข้อ: ถามถึงการเมืองชายแดนใต้ หาคำตอบการเมืองขบวนการใต้ดิน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-01-2008, 19:29


ถามถึงการเมืองชายแดนใต้ หาคำตอบการเมืองขบวนการใต้ดิน
 http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=185
สกู๊ป/รายงานพิเศษ | 2550-12-09 02:13:03
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้


          สนามการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความซับซ้อนและมีปัจจัยในการวิเคราะห์แตกต่างไปจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบซึ่งมี ‘เจ้าภาพ' ที่เป็นเครือข่ายของขบวนการใต้ดินเกิดขึ้น เป็นอีกขั้วหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณา

          ภาพความรุนแรงและการเสียชีวิตผู้คนแทบทุกวี่วัน ในตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา เป็นความเจ็บปวดของสังคมไทยที่ต้องการการเยียวยาเป็นการเร่งด่วน ซึ่งนักการเมืองและพรรคการเมืองทุกพรรคต่างรับรู้ความต้องการนี้ดี ดังนั้น ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้จึงได้ช่วงชิงกันนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กันคึกคัก พร้อมทั้งยกเป็นวาระแห่งชาติไปโดยปริยาย ซึ่งไม่แน่นักว่าข้อเสนอเหล่านี้จะมีผลต่อคะแนนเสียงในท้องถิ่นมากน้อยเพียงใด และชาวบ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ใส่ใจในเนื้อหาสาระหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ วาระแห่งชาติข้อนี้สามารถนำมาใช้หาเสียงได้กับคนทั้งประเทศ

          สนามการเลือกตั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มี ส.ส.ได้ 12 คน ประกอบด้วย ปัตตานี 4 คน นราธิวาส 5 คน และยะลา 3 คน

 คู่ชิงที่สำคัญในหลายเขตยังคงเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มวาดะห์ในนามพรรคพลังประชาชน แต่การปรากฏตัวของ น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ หรือ ‘หมอแว' ประธานกลุ่มสัจจานุภาพ ในสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็น่าสนใจไม่น้อย เช่นเดียวกับบางเขตที่พรรคชาติไทยยอมทุ่มทุนเพราะหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ส่วนแบ่ง ส.ส.

          โจทย์ที่ชวนวิเคราะห์ คือ กลุ่มขบวนการใต้ดินที่ต่อกรกับรัฐไทยอยู่ขณะนี้ มีท่าทีและกำหนดบทบาทอย่างไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะต้องไม่ลืมว่าจำนวนบัตรเสียกว่า 30,000 ใบในคราวลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ถือว่ามีนัยยะทางการเมืองพอสมควร

          "ผมว่าพวกเขาเล่นการเมืองเป็น และครั้งนี้เขาย่อมฉกฉวยสถานการณ์อยู่แล้ว เพราะมันต้องไปเกาะเกี่ยวกับโต๊ะครู อุสตาซ ต้องเกาะเกี่ยวกับมัสยิด ซึ่งเป็นการดึงพลังมวลชนไว้ พวกเขาปฎิเสธพลังมวลชนไม่ได้ ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่พวกเขาจะได้สวมรอยเข้าสู่การเมืองด้วย เพียงแต่เข้าไปในลักษณะใดเท่านั้น" นักวิเคราะห์รายหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชิดกลุ่มขบวนการใต้ดินให้ความเห็น

นักคิดรายนี้มีอายุกว่า 40 ปี หลังจากเรียนจบโรงเรียนศาสนาชั้น 10 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชายแดนใต้ ได้ไปศึกษาต่อที่เมืองบันดุง บนเกาะชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับเพื่อนๆ อีกกลุ่มใหญ่ แต่เมื่อกลับสู่บ้านเกิด เขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฎิบัติการของ ‘บางฝ่าย' ที่นำหลักศาสนามาบิดเบือนและใช้ในทางที่ผิดเพื่อดึงมวลชนให้เข้าร่วมและนำไปสู่เป้าหมายของการแบ่งแยกดินแดน

"บางทีการออกไปกาบัตรลงคะแนน ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเอาอย่างไร แต่อาจเป็นเพียงการสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นก็ได้ เหมือนกับการลงประชามติครั้งก่อน" นักวิเคราะห์รายนี้กล่าว

แม้เขาไม่กล้าฟันธงว่ามีการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับกลุ่มใต้ดินหรือไม่ แต่เขาระบุว่า หัวคะแนนหลายคนที่เดินเคียงคู่อยู่กับนักการเมือง ก็คือคนๆ เดียวกันที่เคยไปเรียนต่อกับเขาที่บันดุง

แม้อุดมการณ์หนึ่งของกลุ่มใต้ดินคือการปฎิเสธอำนาจรัฐทุกรูปแบบ แต่เขาเชื่อว่า สถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ การ ‘เล่น' กับการเมืองจะให้ประโยชน์กับพวกใต้ดินมากกว่า

"พวกที่ไปเรียนอินโดนีเซีย บางคนจบด้านการเมืองและสังคมในมหาวิทยาลัยเดียวกับอดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย" นักวิเคราะห์รายนี้ยกเหตุผลเพื่อย้ำถึงความเชื่อที่ว่า กลุ่มขบวนการใต้ดินต้องแสดงพลังโยงใยไปถึงการเมืองเรื่องเลือกตั้ง ส.ส.ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้

ความเห็นของเขาสอดคล้องกับ ‘วัยโรจน์ พิพิธภักดี' อดีต ส.ส.หลายสมัยของจังหวัดปัตตานี โดยวัยโรจน์มีบทเรียนจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2548 ซึ่งครั้งนั้น เขาย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่พรรคไทยรักไทยแล้ว เพื่อรวมพลังกลุ่มดารุสลามเข้ากับกลุ่มวาดะห์

"คนพวกนี้ไปข่มขู่ชาวบ้านไม่ให้เลือก โดยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร-อดีตนายกรัฐมนตรี) สั่งฆ่ามุสลิม แถมพวกที่ไปอยู่ในมาเลเซีย พวกสมาคมต้มยำกุ้งสั่งให้คนงานกลับมาเลือกตั้งพร้อมให้ค่ารถ เลือกใครก็ได้ ยกเว้นพวกเรา" วัยโรจน์วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เขาสอบตก เช่นเดียวกับกลุ่มวาดะห์ที่แทบสูญพันธุ์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2548

แต่นั่นอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดที่ทำให้ทั้งวาดะห์และดารุสลามต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เพราะยังมีปัญหาความแตกแยกภายในของกลุ่มวาดะห์ รวมถึงการ ‘ไม่เอาทักษิณ' ก็ไม่ใช่เฉพาะแค่กลุ่มใต้ดินเท่านั้น แต่ประชาชนเกือบทั่วด้ามขวานทองก็ไม่เอาทักษิณด้วยเช่นกัน

ตระกูลพิพิธภักดีของวัยโรจน์เป็นอดีตเจ้าเมือง ‘ยะหริ่ง' แถมมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับผู้ปกครองในหลายรัฐทางฝั่งมาเลเซียมาแต่เก่าก่อน ทำให้นายวัยโรจน์รู้จักมวลชนอย่างกว้างขวาง แต่ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้เขาถูกตัดสิทธิ์เพราะอยู่ในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 

ที่น่าสนใจคือ ในอดีต ตระกูลพิพิธภักดีและตระกูลโต๊ะมีนา เดินกันคนละเส้นทางการเมืองมาโดยตลอด แต่การหวนคืนสู่สนามเลือกตั้งปัตตานีครั้งนี้ของ นายเด่น โต๊ะมีนา ได้สอดประสานกับนายวัยโรจน์ แม้ไม่ถึงกับใกล้ชิด แต่ถือว่าเป็นมิติใหม่ของคนทั้ง 2 ตระกูลและกองหนุน

"เราอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น ส.ส.พรรคไหน หลังการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 3 จังหวัดนี้น่าจะมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวเพื่อร่วมกันปฎิรูปความรู้สึกของประชาชน เพราะพวกเขาถูกกดดันมาก" วัยโรจน์ฝากข้อเสนอไปยัง ส.ส.ทุกคนที่ได้รับเลือกตั้งหนนี้

แม้กลุ่มดารุสลามผสานเข้ากับกลุ่มวาดะห์แล้วก็ตาม แต่วันนี้ของวาดะห์ กับวาดะห์ในอดีตย่อมแตกต่างกัน การรวมทั้งสองกลุ่มเพื่อความเข้มแข็งทางการเมืองก็ใช่ว่าจะสามารถผนึกพลังมวลชนไว้ได้ โดยเฉพาะนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์รุนแรง ทำให้ความน่าเชื่อถือของวาดะห์ถูกกัดกร่อนไปมาก

ภาพของวาดะห์กลายเป็นเพียงตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในสนามการเมืองเท่านั้น แต่กองกำลังที่แท้จริงกลับเป็นขุมพลังใต้ดิน ซึ่งมีอิทธิพลต่อชาวบ้านอย่างมาก แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็เข้าไม่ถึง

แม้แกนนำอย่าง เด่น โต๊ะมีนา, อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ และ นัจมุดดิน อูมา ถูกนำไปเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังของเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้ดูเหมือนมีระยะใกล้กับกลุ่มใต้ดินมากกว่า แต่คนในพื้นที่สีแดงก็ไม่ได้มองพวกเขาเป็น ‘พวก' สักเท่าไหร่

"เมื่อก่อนพวกเราก็ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ทำให้สังคมมองเราในทางไม่ดี อีกฝ่ายหนึ่งก็หาว่าเราเป็นขี้ข้ารัฐบาล ทำให้เราอยู่ลำบาก" นัจมุดดิน สะท้อนสถานการณ์อันน่าอึดอัดของวาดะห์ ซึ่งตัวเขาเองถูกตั้งข้อหาหนักหน่วงและถูกหวาดระแวงจากคนในภาครัฐ จนทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์บทเรียนการต่อสู้ทางการเมืองของวาดะห์ว่าเป็นความล้มเหลว

แต่สำหรับนัจมุดดินกลับมองว่า การเมืองในระบอบรัฐสภา ยังสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ แต่อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

"มันอาจทำให้ประชาชนบางส่วนลังเลบ้าง เขาถามว่าเรามีอำนาจทางการเมืองจริงหรือ มันแก้ได้จริงหรือ ขนาดผมเข้าไปช่วยเหลือรัฐแล้ว แต่รัฐให้ความคุ้มครองผมได้แค่ไหน นี่ขนาดเราทำดีแท้ๆ"

นัจมุดดินบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจนักว่ากลุ่มใต้ดินจะส่งคนเข้ามาเล่นการเมืองในครั้งนี้หรือไม่

"ผมว่าไม่น่าจะมีน่ะ มันขัดกับแนวทางของเขา เพราะเขาปฎิเสธระบบรัฐสภา และเขาเชื่อว่าความสำเร็จของเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้"

แต่เขาก็ยอมรับว่า การชี้นำของกลุ่มใต้ดินมีผลต่อการเลือกตั้งอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านเลือก ส.ส.ในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของตัวบุคคลและความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่า เพราะสังคมมุสลิมเป็นสังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันเหมือนเป็นเครือญาติ ยกเว้นคนในเมืองที่อาจมีความศรัทธาในตัวพรรคการเมือง

แต่คำถามที่นัจมุดดินและกลุ่มวาดะห์ต้องตอบให้ได้คือ ทำไมในวันนี้พวกเขาถึงกลับมาอยู่พรรคพลังประชาชน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน สมาชิกทุกคนของวาดะห์ต่างทำท่าเข็ดขยาดในพรรคที่มีดาวเทียมส่องนำ พร้อมกับประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าจะหาพรรคที่เป็นกลางทางการเมืองเข้าสังกัด

ปัจจัยอะไรที่ทำให้วาดะห์เปลี่ยนใจ?

ในขณะที่การเมืองในขั้วประชาธิปัตย์ค่อนข้างนิ่งและเตรียมการพร้อมกว่ากลุ่มอื่นๆ แม้เชื่อกันว่าคะแนนเสียงของประชาชนใน 3 จังหวัดยึดโยงที่ตัวบุคคลมากกว่าพรรค แต่การดำเนินงานการเมืองที่ต่อเนื่องมายาวนานก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบในหลายเขต เพราะมีฐานคะแนนจัดตั้งอยู่ในระดับหนึ่งโดยเฉพาะเขตเมือง

พรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างสุขุมเมื่อพูดถึงกลุ่มใต้ดินและกองกำลังนอกระบบ ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนวาดะห์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนของประชาธิปัตย์จะปฎิเสธมือที่มองไม่เห็น เพราะในเกมลึกก็มีข่าวเหมือนกันว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ‘บางคน' ได้พบปะกับ ‘หัวขบวน' บางองค์กร เพื่อรับฟังข้อมูล แม้ไม่มีการยืนยันว่า บุคคลนั้นเป็น ‘แก่น' หรือ ‘เปลือก' แต่ก็สะท้อนให้เห็นความเคลื่อนไหวของประชาธิปัตย์ในการให้น้ำหนักกับกลุ่มใต้ดินอยู่เหมือนกัน

"อิทธิพลของพวกใต้ดินน่าจะมีผลอยู่บ้าง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่อำนาจรัฐเข้าไปควบคุมไม่ได้ ทำให้ชาวบ้านต้องเชื่อฟังเขา" เจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเห็น ยิ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ใช้วิธีนับคะแนนในหน่วยเลือกตั้งด้วยแล้ว จะทำให้ชาวบ้านไม่กล้าขัดใจอำนาจนอกระบบ เพราะเช็คบิลกันได้ง่าย

"เรื่องนี้รัฐต้องควบคุมให้ดี เมื่อก่อนชาวบ้านรักชอบใครก็เก็บไว้ในใจ พอถึงเวลาก็ไปลงคะแนน พอเอาผลคะแนนไปกองรวมกันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ครั้งนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ชาวบ้านกลัว" เจ๊ะอามิง รับรู้ความรู้สึกของชาวบ้าน

ความกลัวที่ปกคลุมทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ความรู้สึกเฉพาะชาวบ้านเท่านั้นที่ถูกรุกราน แม้แต่ความรู้สึกของผู้สมัคร ส.ส.ต่างก็ถูกความกลัวรุกรานไม่แพ้กัน ทำให้ต้องปรับรูปแบบการหาเสียงกันครั้งใหญ่ จากที่เคยมีกำหนดการณ์ชัดเจนและเปิดเวทีปราศัย เปลี่ยนเป็นการเดินเคาะประตูบ้านแทนและจัดเวทีย่อยโดยไม่มีการบอกกล่าวกันล่วงหน้า

"ผมไม่มีข้อมูลน่ะว่ากลุ่มใต้ดินส่งคนเข้ามาเป็นนอมินีทางการเมือง" เจ๊ะอามิงเชื่อว่า เรื่องเช่นนี้เป็นความสามารถเฉพาะบุคคลมากกว่า

ขณะที่มุมมองของนักวิชาการอย่าง ดร.อิบรอเฮ็ม ณรงค์รักษาเขต แห่งวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ค่อนข้างมั่นใจว่ากลุ่มขบวนการใต้ดินต้องใช้การเมืองเรื่องเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเครื่องมือแน่นอน เพียงแต่จะใช้แบบไหน

"พวกเขาต้องใช้ทุกอย่างที่มี อะไรที่เป็นทุนได้ก็ต้องเอา และการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นทุนที่ดี เขาต้องมีการสร้างเงื่อนไขบางอย่างให้กับคนที่ต้องการชนะ"

ดร.อิบรอเฮ็มเชื่อว่าแนวทางของกลุ่มใต้ดินที่กำลังดำเนินการอยู่คือ ต้องเชื่อมต่อกับประชาชน หรือศาสนา หรือนานาชาติ ให้ได้ทางใดทางหนึ่ง และหากเชื่อมติดทางใดทางหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะศาสนา เพราะจะได้ใช้เป็นเหตุผลยกระดับให้เป็นการต่อสู้ทางศาสนาได้

"ผลการลงประชามติครั้งก่อน ทำให้เห็นว่าชาวบ้านยังไม่สิ้นหวังกับการเมืองเสียทีเดียว พวกเขาจึงออกมาใช้สิทธิ์ แต่ที่ต้องตั้งใจทำบัตรเสียกันมาก เพราะไม่อยากเอาทั้ง 2 ฝ่าย"

เช่นเดียวกับ ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี แห่งคณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี วิเคราะห์ว่าเครือข่ายขบวนการใต้ดินต้องใช้ประโยชน์จากการเมือง เพราะแต่ละคนแต่ละกลุ่มต่างต้องการขยายฐานของตัวเอง ดังนั้นหากผู้สมัคร ส.ส.ที่ตนให้การสนับสนุนชนะเลือกตั้ง ก็ทำให้บทบาทของเขาเพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย

"ผมเชื่อว่าภายในกลุ่มใต้ดิน มีการดันกันอยู่ระหว่างคนที่เชื่อว่าจะใช้การเมืองแก้ปัญหากับพวกที่ปฎิเสธการเมือง แต่เนื่องจากแนวทางแรกเคยล้มเหลว เพราะพวกที่ไปเล่นการเมืองอาศัยฐานของขบวนการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในระดับชาติ กลายเป็นความตอกย้ำในทางลบ"

เขายังเชื่อว่าขบวนการใต้ดินสามารถชี้นำการเลือกตั้งได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตสีแดง สังเกตได้จากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ซึ่งมี 30,000 คะแนนที่ตั้งใจทำบัตรเสีย ซึ่งเป็นคำถามว่าใครมีส่วนชี้นำ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ คะแนนเสียงเหล่านี้จะเป็นของใคร

"การเลือกตั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ เป็นการพิสูจน์เครือข่ายและหัวคะแนนกันมากกว่า เพราะนโยบายที่ออกมาไม่มีผลเท่าไหร่ แต่ความรุนแรงที่เป็นมายาวนาน ทำให้ทุกอย่างถูกกดให้นิ่งหมด ไม่มีใครกล้าขยับอะไร" ดร.ศรีสมภพย้ำให้เห็นภาพการเมืองในพื้นที่ซึ่งเป็นไปในลักษณะปิดมากกว่าที่อื่น

สิ่งที่น่าจับตามองคือ เมื่อโจทย์ที่กำหนดไว้ได้คำตอบเชิงวิเคราะห์ในทิศทางเดียวกันว่า เครือข่ายใต้ดิน ‘เล่นการเมือง' ครั้งนี้ด้วยแน่ เพียงแต่เป็นรูปแบบใด

คำถามที่ชวนวิเคราะห์ต่อไป คือ รูปแบบของการต่อสู้ในสนามสีแดงจะแปรเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ และรัฐไทยจะกำหนดท่าทีอย่างไร

สงครามทางความคิดนี้จะสะท้อนผลออกมาในรูปแบบใด??

 
..............


ชูข้อเสนอประชาสังคมใต้ จับตา พ.ร.บ.ความมั่นคง  
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=186
ข่าวเฝ้าระวัง | 2550-12-11 12:09:51
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้
Deep South Watch : DSW
 



วงเสวนาดับไฟใต้จับตา พ.ร.บ.ความมั่นคง หวั่นส่งผลกระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน จี้องค์กรภาคประชาชนทำข้อเสนอยุติธรรมทางเลือกให้กองทัพดำเนินการ ชี้กระบวนการยุติธรรมมีจุดอับ แนะคุยกับกับคนทำ


วานนี้ (10 ธ.ค.) ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ร่วมกับศูนย์ข่าวสารสันติภาพ ม.ธรรมศาสตร์ และเครือข่ายรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ภาคใต้ ร่วมจัดเวทีเสวนา ‘ดับไฟใต้โดยไม่ก่อไฟกองใหม่ ข้อเสนอเชิงนโยบายจากภาคประชาชน' โดยมีตัวแทนภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และนักวิชาการร่วมนำเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แก่พรรคการเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังประมาณ 50 คน รวมทั้งยังถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ของศูนย์เฝ้าระวังฯ


นายพงศจรัส รวยร่ำ อนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 1 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องติดตามก็คือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ น่าจะผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือให้กองทัพนำมาใช้แก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน ดังนั้นองค์กรต่างๆ ที่ทำงานภาคประชาสังคมจะต้องคิดว่าจะมีข้อเสนอต่อกองทัพอย่างไรเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของคนส่วนใหญ่ เพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจะส่งผลกระทบต่อประชาชน น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย จึงควรสร้างกระบวนการยุติธรรมทางเลือกให้มากที่สุดเพื่อนำเสนอต่อกองทัพภาคที่ 4 ให้ได้


นายพงศจรัสกล่าวต่อว่า ขณะนี้ขบวนการก่อความไม่สงบมีการจัดตั้งเป็นสามส่วน คือ อาเยาะหรือโครงสร้างการเมืองในหมู่บ้าน อาร์เคเคหรือชุดติดอาวุธ และส่วนระดับบนทั้งในและต่างประเทศ ในระดับอาเยาะเป็นผู้นำศาสนาช่วยเหลือชาวบ้าน แต่มีพฤติกรรมที่รัฐมองว่าผิดกฎหมาย เพราะต่อต้านรัฐต่อต้านสยาม ซึ่งขัดแย้งกับความรู้สึกกับชาวบ้าน ในอนาคตรัฐอาจจะต้องปฏิบัติการกวาดจับคนเหล่านี้ เพื่อดันให้อาร์เคเคเข้าป่า เชื่อว่าท้ายที่สุดก็ต้องจบที่การพูดคุย การแก้ปัญหาจึงต้องคำนึงถึงคนด้วย มิใช่จะยึดครองพื้นที่แต่เพียงอย่างเดียว


"นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลคือการสกัดกั้นความเกลียดชัง ดูแลเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางการสูญเสียของญาติพี่น้อง โดยที่เข้าใจว่าเป็นฝีมือของคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา บางทีรัฐอาจจะคิดดีคือการเอาเด็กเหล่านี้ไปเป็นทหารและตำรวจ เอาคนที่เคียดแค้นเหล่านี้ไปจับอาวุธอีก ซึ่งผิด อย่างไรก็ตามกระบวนการยุติธรรมในขณะนี้กลับสร้างความอยุติธรรมก่อน เพราะเมื่อเป็นคดีขึ้นมาชาวบ้านจะหาหลักฐานและทนายเก่งๆ มาสู้คดีได้ยาก" นายพงศจรัสกล่าว


นายอิสกานดาร์ ธำรงทรัพย์ นักวิชาการท้องถิ่น กล่าวว่า ไม่คาดหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมของรัฐ การต่อสู้ของขบวนการก่อความไม่สงบในขณะนี้อยู่ที่เหตุผลของการต่อสู้ ไม่ใช่เพียงแค่ว่าหลังเรียนจบแล้วจะไปประกอบอาชีพอะไร ในประวัติศาสตร์สิทธิที่คนมลายูได้รับก็แลกมากับระเบิดมาโดยตลอด ไม่ใช่ด้วยวิธีการที่สันติ


"แม้ว่ารัฐจะตั้งใจจะดับไฟใต้ แต่คนที่กำลังก่ออยู่ในขณะนี้ตั้งใจที่จะก่ออยู่แล้ว ผมคิดว่าเหตุผลในการต่อสู้ของพวกเขาต่างหากคือสิ่งที่รัฐต้องทำความเข้าใจ มันหยุดได้ ถ้าให้อะไรเขาไปบ้าง" นายอิสกานดาร์กล่าว


นายอิสกานดาร์กล่าวว่า การกำหนดนโยบายของรัฐจะต้องกำหนดให้ชัดว่าความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งจะนำไปสู่การวางยุทธศาสตร์แก้ปัญหา ต้องให้แน่ชัดว่าปัญหาเป็นเรื่องทรัพยากร กระบวนการยุติธรรม หรือเรื่องอะไรกันแน่ เพื่อให้รู้ว่าคู่ขัดแย้งนั้นมีใครบ้าง หลังจากนั้นจึงจะสามารถกำหนดยุทธวิธีได้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ความขัดแย้งในแต่ละด้านจะจัดการอย่างไร ทั้งด้านทรัพยากรปัญหาเป็นอย่างไร ในภาคการเมืองมีปัญหาอย่างไร ในด้านประวัติศาสตร์มีความขัดแย้งอย่างไร


นายอิสกานดาร์ กล่าวอีกว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2547 หรือการยุบ ศอ.บต. แต่มีการจัดตั้งมานานแล้ว ถึงขณะนี้หากจะยุติสงครามก็คงจะต้องคุยกับคนที่ทำ เพราะถึงจุดนี้แล้วคนที่กำลังต่อสู้มานานขนาดนี้คงไม่ละทิ้งไปได้ง่ายๆ หากไม่ได้อะไรเลย


ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ วิจารณ์ว่า การแก้ปัญหาของรัฐละเลยการรับฟังเสียงจากคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของแผ่นดินและยังเป็นคนจนเสียส่วนใหญ่ รัฐเองก็จะฟังจากปัญญาชนและผู้นำศาสนา ซึ่งเป็นความจริงคนละชุดจากชาวบ้าน ในขณะที่รัฐสูญเสียความไว้เนื้อเชื้อใจจากชาวบ้าน และหวาดระแวงประชาชนตลอด มองว่าใครต่อใครเป็นแนวร่วมไปเสียหมด นอกจากนี้ ยังพบว่า รัฐบาลปัจจุบันยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะยุทธการพิทักษ์แดนใต้ซึ่งควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้าโครงการฝึกอาชีพ 4 เดือน


นางอังคณา กล่าวว่า มีข่าวลือหนาหูเรื่องกองกำลังติดอาวุธที่ใช้รถกระบะไล่ยิงคนมุสลิมเสียชีวิต คำถามคือสามารถนำอาวุธวิ่งอยู่ในพื้นที่ได้อย่างไร รัฐต้องตอบคำถามว่าเป็นอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจหรือไม่ว่าเป็นการกระทำดังกล่าวฝีมือของเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ นอกจากนี้แล้ว กรณีคนหายก็ยังคงมีอยู่ รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกหลายกรณี คำถามเหล่านี้รัฐจะต้องชี้แจง


นางอังคณากล่าวว่า เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง หลักนิติธรรมต้องมีอยู่และต้องตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ ไม่ให้อำนาจกระทำเกินเลย รัฐจะต้องไม่ตั้งเองสอบเอง ซึ่งจะกลายเป็นไฟกองใหม่ที่รัฐก่อขึ้น ถ้ารัฐยังใช้อำนาจไม่ชอบธรรมอยู่ นอกจากนี้ ประชาชนมีสิทธิในการล่ารายชื่อเพื่อเสนอกฎหมาย เราได้จัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาภาคใต้ แม้ว่ารัฐบาลใหม่เชื่อว่าคงไม่ทำแน่ก็ตาม ที่เห็นขณะนี้มีเพียงพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวถึงการออกกฎหมายการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ แต่ภาคประชาชนจะต้องผลักดันให้ได้


นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา กล่าวถึงล้มเหลวของระบบราชการในการรับมือกับภารกิจแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ โดยยกตัวอย่างของการขอใบรับรองแพทย์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเพื่อขอรับความช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานราชการซึ่งบางรายต้องให้แพทย์เขียนถึง 11 ใบ ในขณะที่นักลงทุนกลับมีศูนย์บริการเพียงจุดเดียวเสร็จสรรพ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายการรับพยาบาลลงมาในพื้นที่ยังพบปัญหาที่ไม่สามารถบรรจุได้


"ปัญหาจุกจิกอย่างนี้มีอยู่เต็มไปหมด ไม่เฉพาะแค่ปัญหาความรุนแรง" เขาเสนอว่า ต่อจากนี้การดับไฟไม่ใช่เรื่องทหารและตำรวจ แต่สิ่งสำคัญคือระบบราชการ เพราะรัฐไทยเป็นรัฐราชการ แต่ไม่สามารถแก้ไขตัวเองได้ แต่ต้องอาศัยคนอื่นมาช่วย อาจจะต้องมีองค์กรคล้าย ศอ.บต. ที่มีอำนาจสั่งการจริง ยกกรณีใบรับรองแพทย์สิบใบ กระทรวงต่างๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะ ผอ.ศอ.บต.มีตำแหน่งเพียงรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ไม่อาจสั่งการข้ามกระทรวงได้จริง


นพ.สุภัทร กล่าวอีกว่า จะต้องมีสภาประชาชนหรือองค์กรภาคประชาชนที่เป็นกลไกรวมตัวกันอย่างเป็นทางการเพื่อให้ความเห็นต่อผุ้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังต้องมีกลไกการสนับสนุนการเมืองภาคพลเมือง ให้เห็นช่องทางอื่นมากกว่าการยิงกันรายวัน เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งอาจหมายถึงเขตพัฒนาพิเศษที่มีบริบทที่แตกต่างกันออกไป ในขณะที่ปัจจัยที่น่ากลัวคือรัฐบาลใหม่ซึ่งต้องส่งสัญญาณว่าจะใช้แนวทางสันติวิธีต่อไป


ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตรภิรมย์ศรี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์
ปัตตานี กล่าวว่า สถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง จากสถิติมีผู้เสียชีวิต 2.7 พันคน ทำให้โดยภาพรวมยังมีความไม่แน่นอนอยู่ เมื่อเทียบภูมิหลังของเหยื่อมุสลิมกับพุทธเป็นผู้ได้รับผลกระทบทั้งสองกลุ่ม โดยที่มุสลิมจะมีมากกว่าเล็กน้อย


น่าสังเกตว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.2550 มีความรุนแรงมากที่สุดโดยมีเหตุรุนแรงกว่า 300 กว่าครั้ง ต่อจากนั้นมีแนวโน้มจะลดลง รวมทั้งเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาด้วย เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันก็สูงมากถึงสองร้อยกว่าครั้ง เมื่อมองในภาพรวมปีนี้มีเหตุรุนแรงถี่ในช่วงต้นปีและเริ่มเบาบางลงในปลายปี ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากสถานการณ์และนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง


โดยเฉพาะมาตรการปิดล้อมกวาดจับกุมประชาชน ซึ่งจากโพลสำรวจทัศนะของประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย คือประมาณร้อยละ 38 จากตัวอย่างประมาณ 2 พันคน แต่เห็นด้วยราวร้อยละ 30 และอีกประมาณร้อยละ 30 ไม่มั่นใจ แม้สถานการณ์อาจจะลดลงจากมาตรการดังกล่าว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการยอมรับจากประชาชน ด้วยเหตุนี้ คำถามก็คือว่าจะทำอย่างไรที่จะลดความรุนแรง ในขณะที่สามารถแก้ปัญหาความรู้สึกด้านลบของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ไปด้วย ซึ่งต้องทำควบคู่ไปพร้อมๆ กัน


ด้านความรู้สึกของประชาชนต่อการเลือกตั้ง ร้อยละ 32 คาดหวังว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะแก้ปัญหาได้ แต่ร้อยละ 40 -50 ยังไม่แน่ใจ จะเห็นได้ว่านโยบายแก้ใต้เป็นประเด็นใหญ่ที่พรรคการเมืองจะต้องนำเสนอต่อประชาชนอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนเห็นว่ามีความพยายามแก้ไขปัญหาและมีความพร้อมมากกว่ารัฐบาลจากทหาร


เขากล่าวต่อว่า ข้อเสนอทางนโยบายใจกลาง คือ อัตลักษณ์ของคนมลายูมุสลิมในพื้นที่ซึ่งต้องประกอบด้วยหลายอย่างพร้อมๆกัน ด้านยุติธรรม เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม และความมั่นคงของท้องถิ่นหรือการกระจายอำนาจของท้องถิ่น ประกอบกับการทำงานของข้าราชการ หลายประเด็นเหล่านี้ต้องร่วมกัน


ด้าน นายมูฮำมัดอายุบ ปาทาน อุปนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีการนำเสนอนโยบายเกี่ยวกับภาคใต้จำนวนมาก แต่ประเด็นสำคัญคือจะขับเคลื่อนให้นำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไรและแก้ปัญหาได้

ในมุมมองของตนจะต้องมีหลัก 3 ข้อ คือ หนึ่งชกจากมุมของตัวเองอย่างเดียวไม่ได้ การจับเฉพาะแต่ละด้าน จะต้องดูมุมของคนอื่นด้วย ต้องรอบรู้ รอบด้าน และรอบคอบ บางทีรอบรู้แต่ไม่รอบด้านก็มีปัญหา บางครั้งขัดขากันเองจึงต้องระวัง


สอง คือ ข้อเสนอภาคประชาชนจะต้องแหลมคมและตกผลึกเพียงพอที่จะนำไปปฏิบัติได้ ถ้ายังนำเสนอของภาคประชาชนที่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ก็ไม่รู้ว่าไง ต้องกลับมาทบทวนแนวทางการทำงานของตัวเอง และสาม ตนอยากเห็นคนในพื้นที่ลุกขึ้นมาพูดเองว่าเขาไม่ต้องการความรุนแรง ภาคประชาสังคมจะช่วยขับเคลื่อนเขาอย่างไร จะต้องเป็นข้อเสนอที่นำไปปฏิบัติได้


เขากล่าวต่อว่า ภาคประชาสังคมจะต้องร่วมกับพูดคุยในมุมมองของตัวเองเพื่อคิดหาแนวทางของภาคประชาสังคมเองแล้วนำเสนอนโยบาย ถ้าไม่ทำก็ต้องประท้วงรัฐบาล


"ผมอยากให้คนในพื้นที่สามารถกำหนดนโยบายของตัวเอง ไม่เฉพาะเพียงการจัดเวทีสาธารณะ ที่สำคัญต้องเอาชนะทางความคิดด้วย ไม่เพียงแต่ใช้แนวทางการทหาร"


ตนอยากเห็นการพูดเรื่องภาคใต้ที่ต้องรับรู้คือเรื่องความรู้และข้อมูล การพิจารณาตามข้อมูล เราจะต้องคุยด้วยความเข้าใจในกลุ่มภาคประชาสังคม และพูดคุยกันด้วยว่าจะขับเคลื่อนร่วมกันได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นจะเป็นไม้ซีกงัดไม้ซุง สิ่งที่ต้องระวังว่าสิ่งที่ตนเสนอจะกลายเป็นผลข้างเคียงสำหรับคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอนาคต


เขากล่าวอีกว่า สื่ออาจต้องรู้เท่าทันความเป็นสงครามด้วยและต้องทำหน้าที่ในการอธิบายความขัดแย้งจากพื้นที่ให้ชัดเจน รวมทั้งการนำเสนอทุกฝ่าย นอกจากนี้ เรายังไม่เห็นสื่อภาษามลายู ต่อไปจะต้องสนับสนุนให้พวกเขาสื่อสารออกจากพื้นที่เพื่อถ่วงดุลข่าวสารที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะต้องไม่ให้เสียงของสงครามและสิ่งที่ดีในพื้นที่ที่จะต้องถ่วงดุลกัน


ในขณะที่ นางละม้าย มานะการ ผู้ประสานงานศูนย์อาสาสมัครเพื่อประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า คิดว่าการตั้งคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีการแบ่งแยกดินแดนไม่น่าจะถูกนัก ที่นั่นเป็นใบไม้แห้งที่พร้อมถูกน้ำมันและไฟ เป็นคำตอบว่าทำไมสถานการณ์ถึงเกิดขึ้น พร้อมที่จะถูกปะทุขึ้นมาโดยตลอด เราเชื่อว่ามีอุดมการณ์ต้านรัฐมีอยู่จริง แต่ก็มีปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรและสิทธิในการเข้าถึงโอกาส สิ่งเหล่านี้เป็นเชื้อไฟ คิดว่าชาวบ้านกำลังถูกบุกรุกทางวัฒนธรรม


เธอกล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางที่ กอส.วิเคราะห์ปัญหา เราค่อนข้างเห็นด้วยทั้งหมดคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาไม่เฉพาะแค่รัฐบาล น่าจะเอาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

อย่างไรก็ตาม อันดับแรก คือการเรียกความเชื่อถือศรัทธากลับมา โดยกำหนดวาระแห่งชาติโดยยึดสันติวีธีเป็นหลัก พร้อมทั้งไม่ใช่ปากว่าตาขยิบเหมือนที่มีการวิพากษ์ นอกจากนี้ การเพิ่มมาตรการป้องกันของชุมชน ให้ชุมชนมีพื้นที่สันติภาพ ให้ชุมชนเป็นคนกำหนด โดยรัฐและเอกชนคอยสนับสนุนประคับประคอง ให้พวกเขามีส่วนร่วมในการกำหนดชะตาของเขา คนนอกควรต้องส่งเสริมให้เขาเรียนรู้ระหว่างกันและกัน ระหว่างรัฐกับประชาชน

 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-01-2008, 23:38
ชื่อเรื่อง   อาร์เคเคปะทะฉก.นราธิวาสสนั่นสวนยาง แกนนำตาย2หนีรอด4-ทหารปลอดภัย
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0117280151&day=2008-01-28§ionid=0101
 เนื้อหา  ทหารและตำรวจประสานกำลังใช้มาตรการเชิงรุกเข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ วันที่ 27 มกราคม เวลา 07.30 น. พ.ท.ปฐวี ศรีสุข ผบ.ฉก.นราธิวาส 39 ชุดช่วยราชการ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นำทหาร ร้อย ร.3 พัน ม.138 และทหารพราน 4601 จำนวน 150 นาย ปิดล้อมตรวจค้นบ้านธารน้ำทิพย์ 2 หมู่ 7 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ เมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 9/8 ซึ่งเป็นบ้านยกพื้น 2 ชั้น มีชายฉกรรจ์ 6 คน วิ่งหนีลงจากบ้านหลบหนีเข้าไปในสวนยางพาราด้านหลังบ้าน แล้วใช้ปืนกราดเปิดฉากยิงเข้าใส่ทันที ทหารจึงยิงตอบโต้เกิดการปะทะกัน เมื่อสิ้นเสียงปืนเข้าตรวจสอบพบคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 2 คน ตรวจสอบทราบว่าเป็นแกนนำกลุ่มโจรอาร์เคเคชื่อ นายซูวาราดี เด็งสาแม อายุ 23 ปี อยู่เลขที่ 15 หมู่ 3 ต.บือนัง อ.รามัน จ.ยะลา และ นายนอแซ สามะ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 2 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ส่วนคนร้ายอีก 4 คน หลบหนีไปได้

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังเกิดเหตุพบบัตรประจำตัวประชาชน 4 ใบ ระบุชื่อนายมาโช มามะ อายุ 29 ปี อยู่เลขที่ 18 หมู่ 2 ต.ลูโบ๊ะรือโย อ.มายอ จ.ปัตตานี นายรองนิง อิงดิง อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1576 หมู่ 6 ต.ยุโป อ.บันนังสะตา จ.ยะลา นายเจ๊ะมาเต๊ะ สาและ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 2 ต.ดอน อ.ปานาเร๊ะ จ.ปัตตานี และ นายอับดุลมามะ กาเร็ง อายุ 31 ปี อยู่เลขที่ 1587 หมู่ 6 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสะตา จ.ยะลา วางปะปนอยู่กับวิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง ชุดลายพรางทหาร และอุปกรณ์การเดินป่าอีกจำนวนหนึ่ง จึงจัดกำลังไล่ติดตามจับกุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังก่อเหตุยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่แล้ว คนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งได้โปรยตะปูเรือใบและระเบิดไว้บนถนนสายรือเสาะ-บ้านน้ำน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นช่องทางต้องผ่านภูเขาและเป็นเส้นทางแคบพอรถยนต์วิ่งสวนกันได้เท่านั้น และมีต้นไม้รกทึบตลอด 2 ข้างทางไว้หลายจุดด้วย เจ้าหน้าที่จึงรอตรวจสอบก่อนเพราะเกรงจะเป็นแผนกับดักของคนร้าย

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. ขณะที่ น.ส.กมลา แซเปาะมะ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 2 ต.เนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา ขับรถจักรยานยนต์มี น.ส.นฤมล ยีมีน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/5 ถนนโรงอ่าง ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี นั่งมาด้วยเมื่อถึงบริเวณถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 1 บ้านต้นไผ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบใช้อาวุธปืน .38 ยิง น.ส.กมลาที่ลำตัว 2 นัด เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลยะรัง ส่วน น.ส.นฤมลถูกยิงบริเวณหน้าผากอาการสาหัส

เวลา 14.00 น. ขณะที่นายอับดุลเลาะ เจ๊ะแว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 หมู่ 3 ต.พ่อมิง ขับรถจักรยานยนต์กลับจากเก็บลูกมะพร้าว เมื่อถึงถนนสายเจาะโบ-พ่อมิง ต.พ่อมิง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ถูกคนร้ายยิงด้วยปืนอาก้าเข้าลำตัว 1 นัด เสียชีวิตคารถจักรยานยนต์

เวลา 19.45 น. เกิดเหตุยิงกันที่บริเวณ ม.6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา กำลังตำรวจและทหารไปตรวจสอบ พบศพนายมาโซ ณ สุวรรณ อายุ 38 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ฝ่ายรักษาความสงบ อยู่บ้านเลขที่ 108/5 ม.6 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ถูกยิงที่ศีรษะและลำตัว พบปลอกกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 15 ปลอก และยังมีนายอัสมี สะมอลี อายุ 22 ปี ชาว อ.เมือง จ.ยะลา ถูกกระสุนปืนที่ขาบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

สอบสวนทราบว่า ขณะที่นายมาโซกำลังเตรียมไปละหมาด มีคนร้าย 4 คน ขับรถจักรยานยนต์ 2 คัน ใช้อาวุธปืนสงครามและปืนพกสั้นยิงจนเสียชีวิต และก่อนหลบหนียังเอาอาวุธปืนลูกซอง1 กระบอกและวิทยุสื่อสารของผู้ตายไปด้วย เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่
 วันที่เผยแพร่  28 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  28 ม.ค. 2551


...........................


ชื่อเรื่อง   ปะทะเดือดดับ 2 โจรใต้ อีก 5 เผ่นหนี
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว   อาชญากรรม
 URL   http://www.dailynews.co.th//web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=152897&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา  ปะทะเดือด ทหารพรานสั่งตอบโต้โจรใต้กลุ่มอาร์เคเค ขณะปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราฯ วิสามัญ 2 โจรดับ ส่วนอีก 5 หนีขึ้นเขา หลัง จนท. เปิดแผนยุทธการไล่ล่ากดดันกลุ่มแกนนำและสมาชิกแนวร่วม ที่มารวมตัวเพื่อวางแผนก่อเหตุร้าย เตรียมไล่ล่าที่เหลือด่วน ขณะที่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ยังตกเป็นเหยื่อ เซ่นไฟใต้อีก 2 ราย บาดเจ็บ 1
 
เหตุการณ์ไฟใต้รายวัน ล่าสุดเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 27 ม.ค. ร.อ.อภิวุฒิ จุลกลับ ผบ.ร้อย ม.1 ฉก.นราธิวาส 39 ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 4601 จำนวน 6 ชุดปฏิบัติการ รวม 100 นาย เปิดแผนยุทธการออกไล่ล่ากดดันกลุ่มแกนนำและสมาชิกแนวร่วม RKK ที่แฝงตัวเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านธารน้ำทิพย์ 2 หมู่ 7 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่ากลุ่มดังกล่าวได้มารวมตัวเพื่อประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายในพื้นที่
 
ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมและตรวจค้นบ้านเลขที่ 9/8 เมื่อชายฉกรรจ์ 6-7 คน เห็นเจ้าหน้าที่ จึงกระโดดออกจากบ้านพัก พร้อมใช้ปืนเอ็ม 16  ปืนอาก้า ปืนลูกซอง และปืนพกสั้น ยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันสนั่นหวั่นไหวนาน 5 นาที โดยคนร้ายได้แยกย้ายกันหลบหนีลงไปในหุบเขาหลังหมู่บ้าน เมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพคนร้ายนอนเสียชีวิตจมกองเลือดติดอยู่ที่โคนต้นไม้ 1 ศพ ทราบชื่อนายซูวาระดี เด็งสาแม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 3 บ้านบือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ข้าง ศพพบปืน .357 จำนวน 1 กระบอกและปืนลูกซองยาว 1 กระบอก มีดสปาต้า 1 เล่ม โทร ศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สภาพศพถูกยิงพรุนทั้งร่าง
 
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ได้ออกไล่ล่ากลุ่มคนร้ายอย่างกระชั้นชิด และเกิดยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายอีกระลอกในหุบเขาใกล้จุดเกิดเหตุนาน 10 นาที เมื่อสิ้นเสียงปืนเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย คือ นายนิแซ สามะ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 2 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ข้างศพพบเป้สนามตกอยู่ 1 ใบ พร้อมปลอกกระสุนปืน 8 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
ขณะที่ พ.อ.สมพล ปานกุล รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบก. และ ร.ต.ท.แดนชัย มูลป้อง ร้อยเวร สภ.รือเสาะ พร้อมเจ้าหน้าที่กองวิทยาการ ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 9/8 ที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นสถานที่กบดาน พบว่าภายในบ้านมีวิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง ซึ่งได้เปิดเครือข่ายดักฟังความเคลื่อนไหวของทางราชการ พร้อมด้วยเสื้อผ้าสัมภาระต่าง ๆ ที่ใส่ไว้ในเป้สนาม รวมทั้งบัตรประชาชนของกลุ่มสมาชิก RKK ที่หลบหนีการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ไปได้ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายมาโซ มานะ 2.นายเจ๊ะมะเต๊ะ ลาแล 3.นายรอนิง ลาแล 4.นายอิงริง อับดุลมานะ และ 5.นายยะโกะ ฮะซา พร้อมเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน                                       
ส่วนการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่หลบหนีไปได้ จำนวน 5 คน ตามรายชื่อในบัตรประชาชนนั้น พ.อ.สมพล ได้ร่วมสนธิกำลัง 100 นาย เข้าสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 4601 ในการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่คาดว่าจะใช้เทือกเขาหลังหมู่บ้านหลบหนีไปยังเขตรอยต่อของ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส กับเขตพื้นที่รอยต่อของ อ.รามัน จ.ยะลา
 
ที่ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ปะนาเระ รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตายที่บริเวณบ้านพ่อมิ่ง ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จึงพร้อมกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายอับดุลเลาะห์ เจะแว อายุ 30 ปี ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สอบสวนทราบว่า ขณะที่คนตาย ขี่รถ จยย.เพื่อเดินทางจะกลับบ้าน ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขี่รถ จยย.มาประกบแล้วชักปืนยิงใส่จนเสียชีวิตดังกล่าว อีก รายได้เกิดเหตุคนร้ายประกบยิงชาวบ้านบนถนนสาย 410 บริเวณบ้านต้นไพ หมู่ 1 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ทำให้นางกมลา แวเซาะมะ อายุ 26 ปี เสียชีวิตขณะนำตัวส่ง รพ. และนางนฤมล ยีมันต์ อายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส สอบสวนทราบว่า ขณะทั้งสองกำลังขี่รถ จยย. มุ่งหน้าเข้าเมืองปัตตานีได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย. ตามประกบแล้วชักปืนยิงใส่ทั้งสองแล้วหลบหนีไป
 
ถัดมาเมื่อเวลา 21.30 น. พ.ต.ท.เสน่ห์ แสงเพชร รอง ผกก.(ป.) สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านพักเลขที่ 66 หมู่ 10 บ้านยะหอ ต.บองอ อ.ระแงะ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลระแงะแล้ว แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อว่า นายรอดิง อีบูหามะ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่ศีรษะและหน้าอกหลายนัด จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ขณะที่นายรอดิงกำลังรับประทานอาหารอยู่ใน บ้านพัก ได้มีคนร้ายไม่น้อยกว่า 3-4 คน ถีบประตูหน้าบ้านบุกเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลง 1 ใน คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนลูกซองกระหน่ำยิงใส่นายรอดิง 2 นัดซ้อน จนเสียชีวิตดังกล่าว ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีได้อย่างลอยนวล ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนใต้รายวัน.
 
 วันที่เผยแพร่  28 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  28 ม.ค. 2551


หัวข้อ: RTT อส.พิทักษ์ถิ่นเมื่อชาวบ้านลุกขึ้นร่วมสู้เพื่อปกป้องชีวิตจากการถูกไล่ทำร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-01-2008, 23:40


ชื่อเรื่อง   RTT อส.พิทักษ์ถิ่นเมื่อชาวบ้านลุกขึ้นร่วมสู้เพื่อปกป้องชีวิตจากการถูกไล่ทำร้าย และรักษาแผ่นดินเกิด
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวอิศรา
 URL   http://www.tjanews.org/cms/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3128&Itemid=58&PHPSESSID=293c581f2ac7b984375e3fcf809b0d1a
 เนื้อหา  เหตุรุนแรงจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในความรู้สึกของทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้มาเยือนและผู้ต้องอยู่คงไม่มีสิ่งเลวร้ายมากกว่านี้อีกแล้ว  เมื่อเกิดเหตุร้ายรายวันไล่ฆ่าผู้คนในพื้นที่ทั้งไทยพุทธและมลายู  ด้วยเป้าหมายสร้างความหวาดระแวงให้พี่น้องต่างศาสนิกในพื้นที่ที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมาอย่างยาวนาน

หากคุณเป็นชาวบ้านที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดผวากับชะตากรรมที่มองไม่เห็นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะทำอย่างไร? ปล่อยชีวิตผ่านไปวันๆโดยไม่ทราบชะตากรรม หรือเลือกที่จะลุกขึ้นมาปกป้องชีวิต ทรัพย์สินและครอบครัวเพื่อบอกให้ทราบว่า นับจากนี้จะไม่ยอมจำนนกับความเลวร้ายที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว 

ถ้าข้อแรกเป็นคำตอบ คงทำนายไม่ยากว่า สถานการณ์รุนแรงคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมๆกับการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้สูญเสียจากเหตุรุนแรงรายวัน

 และถ้าประเด็นหลัง คือ ตัวเลือกที่น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด การตัดสินใจรวมกลุ่มของราษฎรทั้งไทยพุทธ-มุสลิม ภายใต้การนำของพ.ต.อ.พิทักษ์ เอียดแก้ว อดีตผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรยะลา ในนาม"รวมไทยทีม" หรือ RUAM THAI TEAM (RTT) จะเป็นมาตรการป้องกันตนเองที่ดีที่สุดในสมรภูมิเลือดนี้หรือไม่
“รวมไทยก่อตั้งขึ้นมา ไม่ได้รบกับใคร ไม่ได้รุกรานใคร แต่เป็นการดูแลป้องกันตนเอง ไม่ใช่อยู่ดีๆ วิ่งไปยิงเขา ไปลอบวางระเบิดหน้าบ้านคนอื่น ทุกวันนี้คนดีๆ คนบริสุทธิ์จำนวนมากเป็นฝ่ายถูกทำร้าย เราอยู่ในบ้านแล้วมีคนเข้ามาฆ่า เผาบ้าน ถามจริงๆว่ายังจะให้เราเฉยได้อีกหรือ”เจ้าของรหัสรท.29 สมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มรวมไทย ระบายความอัดอั้น

 เสียงระเบิด เสียงปืน รอยเลือดและเสียงร่ำให้จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในเขต อ.เมือง จะ.ยะลา ทำให้ชายผู้นี้จากยะลาตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มรวมไทย พร้อมกับอีกหลายๆคน เพื่อเข้ารับการอบรมฝึกทักษะป้องกันตนเองด้วยมือเปล่า การใช้อาวุธปืน การฝ่าวงล้อมในสถานการณ์คับขัน การเลี่ยงหลบในกรณีที่ถูกฝ่ายตรงข้ามขว้างระเบิดใส่ท้ายรถ และกรณีที่จะต้องต่อสู้หากถูกคนร้ายขี่รถเครื่องประกบหมายทำร้าย

 "สมาชิกกลุ่มรวมไทย มีหลายอาชีพ ทุกรุ่น ทุกเพศและทุกวัย เหตุการณ์วันนี้ เรารอให้ใครมาช่วยไม่ได้อีกแล้ว รอทหาร ตำรวจ กว่าจะเข้ามาถึง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะโดนกับดักอะไรระหว่างทาง  เบื้องต้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็ต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน"รท.29 เปิดบทสนทนา

 ความปลอดภัยของผู้สมัครใจเป็นสมาชิกของกลุ่ม จะมีข้อตกลงร่วมกัน คือ การปกปิดไม่ให้บุคคลภายนอกล่วงรู้ความเคลื่อนไหวในการดำเนินกิจกรรม และที่สำคัญทุกคนจะต้องผ่านหลักสูตรการฝึกตามยุทธวิธีของทางการด้วย เนื่องจากสมาชิกส่วนหนึ่งจะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยเหลือการปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่ด้วย

 "ผมผ่านหลักสูตรรบพิเศษ (commando) พร้อมๆกับลุงคนนี้”รท.29 เล่าพลางชี้ไปที่เพื่อนสูงวัยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

การฝึกยุทธวิธีของสมาชิกรวมไทยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นในปี 2548 หลังจากเหตุการณ์ปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็งไม่นานนัก โดยทางกองกับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลาได้เปิดรับสมาชิกรุ่นแรกและมีการตั้ง”ศูนย์รวมไทย”ขึ้นมา ปัจจุบันรวมไทยมีสมาชิกครอบคลุมในพื้นที่ จ. ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รวมทั้ง 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลาคือ  จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย

“คนที่ไม่ฝึกด้านยุทธวิธี แต่ในฐานะสมาชิกก็จะคอยสังเกตความผิดปกติที่เกิด แล้วก็รายงานเข้าไปที่ศูนย์ เราก็จะรายงานให้เจ้าหน้าที่รับทราบ เมื่อได้รับคำแนะนำ ก็จะมาแบ่งงานกันว่า ใครรับผิดชอบอะไรบ้าง ปกติการทำงานของเราจะแบ่งเป็นชุดๆ แต่ละกลุ่มมีเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนเองชัดเจน ลักษณะโครงสร้างและเครือข่ายของเราจะเหมือนกับเขา คือ ฝ่ายตรงข้ามมี RKK commando เราก็มี RTT commando" รท.29กล่าว

ด้วยการทำงานในลักษณะ”ล้อโครงสร้าง”ฝ่ายตรงข้ามนี้จึงทำให้หลายต่อหลายครั้งพวกเขาสามารถป้องกันเหตุร้ายได้ทันท่วงที โดยเฉพาะการปะทะกับกลุ่มคนร้ายที่ลักลอบเข้ามาเผาโรงเรียนแห่งหนึ่งที่บ้านพงยือไร ต.บันนังสาเร็ง อ.เมือง จ.ยะลา จนกลุ่มคนร้ายได้รับบาดเจ็บเมื่อปี 2549

 "บางกรณีเราช่วยตำรวจจับคนร้าย ตรงนี้ผลงานก็เป็นของตำรวจไป ซึ่งเราไม่สนใจอยู่แล้ว ..ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ เราก็ทำงานไม่ได้ เหตุผลที่เราต้องสู้ ย้ำนะครับว่า เราไม่ทำร้ายใครก่อน เพราะเราไม่อยากเห็นความสูญเสียอีกแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ชาวบ้านไทยพุทธ มุสลิม”สมาชิกต่างวัยอีกคนหนึ่งร่วมสนทนา

 ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สมาชิกของกลุ่ม RTTได้เสียชีวิตไปแล้วถึง 6 คน และทั้งหมดเป็นชาวบ้านที่ดำเนินชีวิตปกติประจำวัน

 รท.18 เป็นหนึ่งในจำนวนผู้รอดชีวิตจากเหตุถูกปองร้าย  ชายสูงวัยผู้นี้เป็นข้าราชการวัยใกล้เกษียณ ทุกๆเช้าตรู่เขามักจะมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งกลางตัวเมืองยะลา ในวันหนึ่งขณะกำลังขับรถออกจากบ้าน สังเกตเห็นวัยรุ่นขับมอเตอร์ไซค์ตามมาห่างๆ  เนื่องจากระวังอยู่แล้วจึงหยิบอาวุธปืนขึ้นมา

เมื่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เร่งเครื่องประกบและคนซ้อนท้ายเหลือบเห็นปืน รถคันดังกล่าวจึงชะลอและวิ่งย้อนไปฝั่งตรงข้ามก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว

 "วันนั้นหากไม่ไหวทัน ลุงถูกยิงตายไปแล้ว "เจ้าของรหัสรท.18 เล่าว่าเหตุการณ์วันนั้นทำให้เขาและครอบครัวตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกรวมไทยทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยสนใจมาก่อน เพราะเห็นว่าภัยยังไม่เข้าใกล้ตัว

 ยุทธวิธีอารักขาตนเองจากการถ่ายทอดของครูฝึกผู้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยทยอยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งต่อมาเยาวชนเหล่านี้กลายเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันหมู่บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่ และรวมถึงหมู่บ้านที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าไปข่มขู่เพื่อกดดันให้ชาวบ้านย้ายพ้นจากพื้นที่ด้วยเช่นกัน

 "หากไม่มีพวกเรารวมไทย ชาวบ้านในหมู่บ้านรอบนอกอาจย้ายหนีหมดแล้ว การฝึกให้รู้จักป้องกันตัวเอง มีประโยชน์มากๆ เรามั่นใจ ก็ไม่ย้ายไปไหน จะออกไปไหนก็ไม่กลัวเหมือนเก่า จะออกไปทำธุระหรือซื้อกับข้าว ก็มีเพื่อนผลัดกันช่วยดูแล"ลุงเจ้าของรหัสรท.18 บอกอย่างภาคภูมิ

                                        2.

พิธีฝังศพอย่างเร่งรีบ โดยไม่มีผู้สวดวอก๊ะห์ยามค่ำคืน งานศพที่พระต้องเร่งสวดพระอภิธรรมในเวลาประมาณสามโมงเย็น การเวียนเทียนในเทศกาลวันวิสาขบูชาตอนเที่ยงวัน การกินเลี้ยงงานแต่งงานที่ต้องร่นเวลาให้เร็วขึ้น เป็นวิถีวัฒนธรรมที่พบเห็นได้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะไม่พบในพื้นที่อื่น

"รวมไทย"เปิดรับสมาชิกทั้งไทยพุทธ-มุสลิม  ก็จะมีการฝึกในหลักสูตร"สหไทย"เพื่อให้รู้จักป้องกันเหตุร้ายและการแฝงตัวจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุ ครูฝึกจะสอนทักษะการต่อสู้และยุทธวิธีในการป้องกันตนเอง แต่จะไม่เน้นการฝึกหลักสูตรรบพิเศษ

 รท.29 และเพื่อนสมาชิกผลัดกันเล่าว่า หลักสูตรที่นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันจริงๆ คือ การสอนให้รู้จักเอาตัวรอดจากเหตุการณ์คับขัน เช่น ในกรณีที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามลำพัง และมีรถอีกคันหนึ่งขี่ประกบในระยะประชิดเพื่อจ่อยิง

ในกรณีที่เดินทางมากันสองคนผู้ซ้อนท้ายจะต้องช่างสังเกตโดยมองกระจกด้านขวาบ่อยๆ ในขณะที่ผู้ขับขี่จะต้องมองกระจกด้านซ้าย ถ้าฝ่ายติดตามพุ่งเข้ามาให้ผู้ถูกตามหักหลบข้างทาง หรือขับในลักษณะฟันปลา หรือหักหัวรถวิ่งเข้าชนเลย ส่วนกรณีที่มาตามลำพังให้เร่งเครื่องหนีอย่างรวดเร็ว ขับเข้าไปในชุมชน หรือวัดดวงด้วยการเลี้ยวรถวิ่งเข้าชน

 สำหรับรถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ถูกตะปูเรือใบ มีข้อห้ามคือ ห้ามจอดรถลงไปดูเด็ดขาด เพราะหมายถึงจะมีการซุ่มโจมตี ดักซุ่มยิง หรือการวางระเบิดอยู่ข้างหน้า ดังนั้นแม้ล้อรถยนต์จะถูกตะปูเรือใบก็ให้บดล้อต่อไปอย่าได้หยุด

 "อยู่ในพื้นที่ต้องตื่นตัวตลอดเวลา เราพบว่าฝ่ายตรงข้าม ถ้ามีความเสี่ยงสูงเขาก็จะไม่กล้า ตรงนี้วัดใจ เราก็ต้องกล้าเสี่ยง  อย่างที่คีรีเขต บ้านตาชี จ.ยาลา เคยมีปัญหามุสลิมประท้วงปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไม่กล้าเข้าพื้นที่ รวมใจไทยก็ไปช่วย เพราะเรามีสมาชิกอยู่ในนั้น เขาก็ช่วยหาทางให้เราเข้าไปคุย"สมาชิกคนเดิม กล่าว

 ความรุนแรงในพื้นที่ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าผู้ประสบเคราะห์จะมีทั้งไทยพุทธและมุสลิม แต่สมาชิกรวมไทยยอมรับ ความระแวงยังคงมีอยู่แต่ไม่ทั้งหมด เหตุผลเกิดเพราะคนต่างศาสนาและวัฒนธรรมจำนวนมากยังเป็นคนดี และรักความสงบสุข   

 "เขาแยกออกว่าเราเป็นไทยพุทธ แต่เราแยกเขาไม่ออกว่าคนไหนดี ไม่ดี เราไม่รู้ว่า เขาอยู่ในกลุ่มแนวร่วมหรือเปล่า เราไม่เคยเกลียดคนมุสลิม อยู่ด้วยกันมา ลูกจ้างเรา เพื่อนเราก็เป็นมุสลิม บางครอบครัวก็ประสบปัญหา พ่อถูกยิง บ้านโดนเผา ความแตกต่างทาง วัฒนธรรมไม่ใช่ปัญหา เราเกลียดคนไม่ดี กับคนดี เราอยู่ร่วมกันได้”สมาชิกรวมไทยสูงวัยย้ำ

 นอกจากการฝึกเยาวชน ผู้ชายและผู้หญิงให้มีทักษะในการป้องกันตนเองแล้ว ปัจจุบันยังมีการขยายการฝึกสมาชิกในครอบครัวกลุ่มรวมไทยด้วย โดยเฉพาะเด็กอายุระหว่าง 8-10 ขวบซึ่งส่วนใหญ่จะเข้ารับการฝึกในหลักสูตร"กุมารทอง"ถึงจำนวน 300 คน

 "RKK ฝึกเด็กให้รู้จักอาวุธปืน เราก็ฝึกเยาวชน RTTของเราให้รู้จักการใช้อาวุธปืนเช่นเดียวกัน เด็กที่ผ่านการฝึกไปแล้ว ทั้งชายและหญิง ยิงปืนเป็น ต่อสู้แบบมือเปล่าได้ เราไม่ได้สอนให้เขาก้าวร้าว ไปรังแกคนอื่น แต่สอนให้เขารู้จักป้องกันตัวเองและช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า"3.รวมไทยหรือ "RUAM THAI TEAM" (RTT) เป็นการรวมตัวของชาวบ้านทั้งไทยพุทธและมุสลิมที่ได้รับความเดือดร้อนจากความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2525 ที่ ต.บ้านฆอเลาะ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เมื่อมีกลุ่มก่อความไม่สงบกราดยิงเข้ามาในบ้านชาวบ้าน เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิตโดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน

 "ยศผมตอนนั้นเป็นเพียงจ่า เราเป็นตชด.ก็สงสารชาวบ้าน ไม่รู้จะช่วยเขาอย่างไร ก็ถามว่า จะฝึกการต่อสู้ป้องกันตนเองให้เอาไหม ชาวบ้านก็ต้องการ ผมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งจึงขออนุญาตผู้บังคับบัญชา นำชาวบ้านเข้ารับการฝึกทางยุทธวิธีที่บก.ยุทธวิธีแก้ง กองร้อย 406 สมัยนั้น ไม่มีอาวุธยืมฝึก ก็ใช้ไม้พลอง ผลการฝึกทำให้ชาวบ้านมั่นใจมากขึ้น เขาก็ช่วยเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังคนแปลกหน้าที่แฝงเข้ามา เวลามีเบาะแสอะไรก็มาบอก ถือว่า เราเดินมาถูกทาง" พ.ต.อ.พิทักษ์ ย้อนเหตุการณ์ในอดีต

 ปัญหาคนร้ายปล้นสดมภ์ชาวบ้านยังเกิดขึ้นประปราย และรุนแรงเพิ่มขึ้นในปี2539 โดยเฉพาะในเขตพื้นที่บ้านซาโห่ ต.ยะรัง อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อ”มาโซะ ตาเย๊ะ”หัวหน้ากลุ่มก่อความไม่สงบยิงชาวบ้านเสียชีวิต 3 ศพ และนำศพออกมาทิ้งที่บ้านจาโระซูซู เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านอย่างยิ่ง ตชด.หนุ่มในขณะนั้น จึงเรียกขวัญและกำลังใจชาวบ้านให้กลับคืนด้วยการตั้งกลุ่ม"อาสาสมัครพิทักษ์ถิ่น"ขึ้นมาโดยให้ตำรวจตระเวนชายแดนเป็นครูฝึกให้เช่นเดิม และผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากหมู่บ้านนำร่อง

 "หัวใจสำคัญคือ เมื่อเราฝึกชาวบ้านแล้ว อย่าทิ้งให้เขาโดดเดี่ยว ต้องเป็นพี่เลี้ยงเขา การแก้ปัญหาความมั่นคง ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองเท่านั้น การทำงานเราจะเป็นพระเอกคนเดียวไม่ได้ แต่ควรจะเปิดให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม เพราะมันมีความพยายามให้ชาวบ้านทั้งไทยพุทธ-มุสลิมทิ้งพื้นที่ เราต้องอุดจุดอ่อนตรงนี้”พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าว

 แม้วันนี้พ.ต.อ.พิทักษ์จะพ้นจากตำแหน่งผู้กำกับสืบสวนภูธรกองกำกับตำรวจภูธรจังหวัดยะลาไปเป็นผู้กำกับสถานีตำรวจอำเภอกระแสสินธุ์ อ.กระแสสินธ์ จ.สงขลาแล้ว แต่”ศูนย์รวมไทย”ซึ่งเป็นศูนย์รวมในการพบปะระหว่างสมาชิกกลุ่มยังอยู่ และดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

 “เราไม่ทำตรงนี้อะไรจะเกิดขึ้น การฝึกชาวบ้านให้รู้จักป้องกันตัวเองรักษาชีวิตคนได้เยอะเลย เรื่องแรงเสียดทานมีมาตลอด เมื่อก่อนทหารไม่เข้าใจ ตำรวจด้วยกันเองก็ไม่เข้าใจ ปัจจุบันเขาก็เข้าใจมากขึ้น เขาจะเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามจะสร้างเซลล์ตลอด เราก็ต้องสร้างเซลล์บ้าง ไม่ใช่อยู่เฉยๆ”เจ้าของไอเดีย RTT กล่าว

 ไม่เพียงการสร้างเซลล์ล้อโครงสร้างของกลุ่มก่อความไม่สงบอย่างเดียว แม้แต่แผนบันใด 7 ขั้นก็ได้วางไว้ในโครงสร้างของ” RUAM THAI TEAM”ด้วยมีศูนย์กลาง คณะกรรมการ ประธานที่ปรึกษา หัวหน้าเขตรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ ชุดรบพิเศษ โดยมีบก.ร้อยเคลื่อนที่เป็นฐานปฎิบัติการ และมีการรับเงินจาคเงินเข้ากองทุนอุดหนุนการดำเนินงาน

ขณะที่การทำงานของสมาชิกรวมไทยประกอบด้วยอาสาสมัคร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและชาวบ้านทั่วไป โดยการออกปฎิบัติหน้าที่แต่ละครั้งจะมีตำรวจที่เรียกว่า”ชุดล้อเหล็ก”ประกบไปด้วยตลอดและหากมีปัญหาเกิดขึ้นพวกเขาจะเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานทันที

“ถ้าเราไม่ต้องให้การให้ชาวบ้านทิ้งพื้นที่ เราต้องฝึกเขาให้สู้ ไม่เช่นนั้นในสถานการณ์อย่างนี้เขาอยู่ไม่ได้  มันเหมือนกับการทำสงครามย่อยๆ เราไม่เห็นตัวเขา เราก็ต้องไม่ประมาท จะบอกว่า ไม่มีศัตรู อยู่มานาน ชาวบ้านรู้จัก หรือ ไม่มีอะไร เลิกคิดไปเลย เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนแล้ว”อดีตผู้บังคับการสืบสวนฯจ.ยะลาให้ข้อคิด

ทุกชีวิตที่ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่มีใครทราบชะตากรรมล่วงหน้าว่าจะปลิดปลิววันใด ทางเลือกเพื่อให้อยู่รอดอาจจะมีไม่มากนัก การเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ชาวบ้านไทยพุทธ–มุสลิม กว่า 2,800 ศพ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ปกป้องตัวเองแล้วจะทำอย่างไรที่ดีกว่านี้?

 
 วันที่เผยแพร่  27 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  27 ม.ค. 2551


หัวข้อ: หมอแว ปัดได้รมต.แลกโหวตรับ สมัคร นายกฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-01-2008, 23:46


ชื่อเรื่อง   หมอแว ปัดได้รมต.แลกโหวตรับ สมัคร นายกฯ  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ประชาชาติอิสลามออนไลน์
 คอลัมน์ข่าว   เกาะติดข่าวโลกมุสลิม
 URL   http://www.thaiislamic.com/pinonlines/news/view.php?newsno=0046396
 เนื้อหา  “หมอแว”พลิกลิ้นภายใน 24 ชม. หลังปล่อยข่าวพร้อมไม่ลงมติหนับหนุน ”สมัคร”นั่งเก้าอี้นายกฯ หากกลุ่มสัจจานุภาพไม่มีเก้า รมต. ยันไม่ขอรับตำแหน่งใดๆครม. “ป้าหญิง”ล้มป่วยกะทันหัน ขอบายโหวตเลือกนายกฯ ประชุมวิปพรรคพผ.นัดแรก ลูกแถวโดดร่มอื้อ

ก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้นัดประชุมเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยมี ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคเข้าร่วมประชุม ขาดเพียงแกนนำหลัก เช่น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ รองหัวหน้าพรรค เพื่อแผ่นดิน ในฐานะวิปรัฐบาลชั่วคราว ที่ยังเดินทางมาไม่ถึง โดยมีนายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลชั่วคราว พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นประธานในที่ประชุม

ในการหารือ นายรณฤทธิชัย ได้ชี้แจงว่า ขั้นตอนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ถือว่ามีความสำคัญต่อภาพพจน์รัฐบาล ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับพรรคร่วม ส่วนตัวแทนวิปฯ ของพรรค ตนคิดว่าคงจะมอบตำแหน่งประธานวิปของพรรคให้กับ พ.ต.อ.ประชา เนื่องจากมีความอาวุโส ส่วนการดูแลสมาชิกของพรรคนั้น จะมีตน และนายสุชาติ ตันติวาณิชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี เป็นผู้รับผิดชอบสมาชิกในพื้นที่ภาคอีสาน ส่วน นพ.แวมาฮาดี จะรับผิดชอบสมาชิกในพื้นที่ภาคใต้ สำหรับการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการโหวตเลือก นายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายรณฤทธิชัยยังบอกกับที่ประชุมว่า ไม่ควรที่จะมีใครแหกมติพรรค เพราะพรรคได้มีจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่า จะสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ก็ควรจะให้เกียรติกัน

อย่างไรก็ตามในขณะที่นายรณฤทธิชัยกำลังหารือกับเพื่อนสมาชิกถึงประเด็นนี้ นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.แบบสัดส่วน ได้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า ตนขอพูดอะไรอย่างหนึ่งได้หรือไม่ วันนี้ตนมารอเพื่อนสมาชิกตั้งแต่ 08.00 น. ซึ่งเราได้นัดกันอย่างชัดเจนแล้วว่า จะมีการประชุมกันในเวลา 08.30 น. เพื่อนสมาชิกกลับมาประชุมไม่ครบ ตนก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งในการประชุมครั้งหน้า ขอให้พร้อมเพรียงกันกว่านี้ได้หรือไม่

นายรณฤทธิชัย ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้เรายังไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งในวิป ว่าใครจะประสานอะไร จึงอาจจะทำให้การประสานงานมีความผิดพลาดบ้าง อยากให้เพื่อนสมาชิกเข้าใจด้วย

ทั้งนี้สมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ มรว.กิตติวัฒนา ไชยันตร์ ปกมนตรี ส.ส.สัดส่วน นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี และนายยุซารี ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชุมไปกว่า 30 นาที พล.ต.อ.ประชา และ นพ.แวมาฮาดี ได้เดินเข้ามาในห้องประชุม ท่ามกลางสายตาจับจ้องของสมาชิกในห้องประชุมทั้งหมด โดยพล.ต.อ.ประชาได้แจ้งต่อที่ประชุมทราบว่า ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ จะมีสมาชิกของพรรคขาดประชุม 1 คน คือ มรว.กิตติวัฒนา เพราะป่วยอย่างกระทันหันตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา และในเช้าวันนี้ ได้พยายามที่จะเข้าร่วมประชุม แต่อาการป่วยยังไม่ทุเลา จึงไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมประชุมได้

หลังจากพล.ต.อ.ประชา ชี้แจงเสร็จ นายรณฤทธิชัยก็ได้พูดแซว นพ.แวมาฮาดีว่า คนที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้ว และยังมีสมาชิกจำนวนหนึ่งได้กระซิบบอกนายรณฤทธิชัยว่า ขอให้นพ.แวมาฮาดี ชี้แจงข่าวที่เกิดขึ้นด้วย หลังจากนั้นบรรดาสมาชิกก็ได้เรียกร้องให้ นพ.แวมาฮาดี ชี้แจงข้อเท็จจริง ถึงข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งว่า จะโหวตสวนมติพรรคไม่ลงคะแนนให้นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี

นพ.แวมาฮาดี กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ขอให้ที่ประชุมทุกคนสบายใจได้ว่า ตนและกลุ่มสัจจานุภาพทุกคนจะทำตามมติพรรคแน่นอน เพราะได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคมาโดยตลอด เพียงแต่ข่าวพยายามออกมาในทางที่ไม่ดี ตนและกลุ่มสัจจานุภาพ ยอมรับกติกา แต่โดยความเห็นก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และตนก็อยู่กับพล.ต.อ.นายประชา และหารือกับหัวหน้าพรรคมาโดยตลอด ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันแต่อย่างใด

น.พ.แวมะฮาดี ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังจากเข้าร่วมหารือกับวิปประสานงานรัฐบาลชั่วคราวของพรรคว่า ไม่ได้เป็นการเจรจา และพรรคก็ไม่ได้มีปัญหา เราพุดคุยกันทุกวันในฐานะหัวหน้าพรรค และวิปประสานงานรัฐบาลชั่วคราว ก็ต้องมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่า กลุ่มสัจจานุภาพจะได้ตำแหน่งเข้าไปดูแลการแก้ปัญหาภาคใต้ น.พ.แวกล่าวว่า เป็นไปตามนโยบายเดิม ซึ่งไม่ใช่ว่า ส.ส.ทั้ง 4 คนของกลุ่มสัจจานุภาพ จะต้องได้เป็นรัฐมนตรี กลุ่มไม่เคยเรียกร้องในเรื่องเหล่านี้ แต่สื่อไปออกกันเอง อย่างไรก็ตามในการแก้ปัญหาภาคใต้ คงต้องเป็นไปตามนโนบายเดิมซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดินก็ไม่ใช่แกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล อยู่ที่พรรคพลังประชาชนว่าจะให้อย่างไร

ต่อข้อถามว่า เป็นเพราะตกลงในเรื่องตำแหน่งได้ลงตัวใช่หรือไม่ ถึงออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะโหวตตามมติพรรค ไม่มีแหกโผเหมือนที่เป็นข่าว น.พ.แวกล่าวว่า ตนไม่เคยบอกว่าจะแหกมติพรรค ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ก็ยืนยันตามเดิม ไม่ว่าจะในตำแหน่งวิปประสานงานชั่วคราวของรัฐบาล รองหัวหน้าพรรค และในฐานะประธานกลุ่มสัจจุภาพ ซึ่งส.ส.ทั้ง 4 คนในกลุ่ม ก็ต้องปฏิบัติตามมติพรรค เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตามกติกา แล้วเราจะอยู่ในพรรคด้วยกันได้อย่างไร การที่เราจะขอเสนอขอตำแหน่งนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น ส.ส. 4 คนในกลุ่มสัจจานุภาพ และตนก็ไม่อยากเป็นรัฐมนตรี ข่าวที่ออกมาคือสื่อไปคาดเดากันเอง และสื่อก็ตอบเองถามเอง ซึ่งตนขอยืนยันอีกครั้งว่า เรื่องที่ออกไปนั้นไม่เป็นความจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ตัวของน.พ.แว เป็นคนออกให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองว่า ถ้าไม่ได้รับตำแหน่งจะโหวตสวนมติพรรค นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า สิ่งที่ตนบอกคือ ถ้าไม่มีการดำเนินการตามนโยบาย 13 ข้อ ที่เราได้ยื่นไว้ในช่วงเลือกตั้งนั้น กลุ่มสัจจานุภาพจะทบทวนท่าทีในการสนับสนุนรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาพรรคก็ไม่เคยมีท่าทีที่ไม่สนองนโยบายที่ได้เคยประกาศไว้ เรื่องนี้จึงไม่น่ามีปัญหา นโยบายของพรรคมีอยู่แล้ว อยากจะให้ไปทบทวนกัน

เมื่อถามว่า ตำแหน่งที่เหมาะสมในการเข้าไปดูแลปัญหาภาคใต้ ว่าควรจะเป็นตำแหน่งอะไร นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่สามารถตอบได้ ทุกอย่างอยู่ที่พรรคพลังประชาชน เพราะเราไม่ได้มีหน้าที่จัดสรรตำแหน่ง และขณะนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยถึงกระทรวงใด มีแต่เรื่องการโหวตนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่า กลุ่มจะได้ตำแหน่งดังกล่าว นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ไม่ต้องมั่นใจ เพราะพรรคพลังประชาชนมีศักดิ์ศรี เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบายเดิม ส่วนจะทำได้หรือไม่ พรรคเพื่อแผ่นดินจะพยายามทำให้ดีที่สุด

ต่อข้อถามว่า หลังเกิดข่าวนี้ขึ้น ได้คุยกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคบ้างหรือยัง นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ข่าวก็คือข่าว ที่ผ่านมาตนก็ได้คุยกับหัวหน้าพรรคตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้เอาตำแหน่งเก้าอี้มาต่อรองในการลงมติเลือกนายกเช่นนี้เหมือนเป็นการโยนบาปให้นักข่าว ทั้งๆ ที่ตัวคุณหมอเองเป็นคนให้สัมภาษณ์ นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ใช่ตนให้สัมภาษณ์ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าขอต่อรองตำแหน่ง แต่เป็นเรื่องนโยบายการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยตนอยากจะให้มีการกำชับในเรื่องนโยบายนี้ ส่วนมติของพรรคก็ไม่เคยเปลี่ยน โดยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาตนเคยยืนยันอย่างไร ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า จะเสนอใครเป็นผู้รับตำแหน่ง นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้คิด เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีการจัดสรรกันอย่างไร วันนี้พูดถึงเพียงการโหวตนายกรัฐมนตรี ยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน เรื่องนี้พรรคจะต้องมีขั้นตอนในการทำงาน

“ ผมขอยืนยันว่าไม่เคยต่อรองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี และผมขอยืนยันว่า ผมจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย ส่วนจะเสนอชื่อใคร จะเป็นคนในหรือคนนอกกลุ่ม ที่มีความเหมาะสมก็ได้ อยู่ที่พรรคจะเป็นผู้พิจารณา” นพ.แวมาฮาดี กล่าว

ถามว่า ท่าทีที่อ่อนลงเช่นนี้หมายความว่าได้มีการเจรจาตกลงเรื่องตำแหน่งลงตัวแล้วใช่หรือไม่ นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ไม่มีการเจรจา เราเพียงต้องการให้มีการกำชับในเรื่องนโยบายแก้ไขปัญหาภาคใต้ ที่ผ่านมาหัวหน้าได้ยืนยันผ่านสื่อ และการให้สัมภาษณ์ว่าพรรคเพื่อแผ่นดินจะเน้นเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้  
 วันที่เผยแพร่  28 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  28 ม.ค. 2551


หัวข้อ: ยะลา-จนท.ยิงปะทะคนร้าย ตร.พลีชีพ 1 นาย คนร้ายดับ 1
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 20:12

ชื่อเรื่อง   ยะลา-จนท.ยิงปะทะคนร้าย ตร.พลีชีพ 1 นาย คนร้ายดับ 1
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   โทรทัศน์ช่อง 3
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.becnews.com/data/regional.html
 เนื้อหา  จนท.เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จนยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายดุเดือด
ตร.พลีชีพ 1 นาย คนร้ายดับ 1 นาย สืบประวัติต้องคดีความมั่นคง ทั้งยิง
ถล่มรถตู้ ยิง อดีต ผบ.ฉก.1 ยะลา จนเสียชีวิต เมื่อปี 49




เมื่อเช้านี้ ( 29 มค.51 ) เวลาประมาณ 06.00 น. พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา
ผุ้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
หน่วยเฉพาะกิจที่ 15 ทหารพราน ที่ 41 ยะลา อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอ
บันนังสตา และชุด ชรบ.จำนวนกว่า 80 นาย ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่
เป้าหมาย บ้านอุแบ ม.1 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังสืบทราบว่า
มีกลุ่มก่อความไม่สงบจำนวน 8 – 9 คน เข้ามาเคลื่อนไหวและหลบซ่อนตัว เพื่อเตรียมก่อการร้ายในพื้นที่อำเภอบันนังสตา




ขณะเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ ก็พบขนำไม่มีเลขที่อยู่กลางหมู่บ้าน โอบล้อมไปด้วยบ้านเรือนของชาวบ้าน
จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็ได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันนานหลายนาที สิ้นเสียงปืน เจ้า-
หน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่า คนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ส่วนที่เหลือหลบหนีไปได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับ
บาดเจ็บสาหัส 1 นาย จึงได้ช่วยกันนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบันนังสตา แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต
ขณะนำส่ง ทราบชื่อคือ จ่าสิบตำรวจสรศักดิ์ รักษ์นาย ตำแหน่งผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา




ส่วนที่เกิดเหตุ หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ทราบชื่อคนร้ายที่เสียชีวิตคือนายสุไลมาน อภิบาลแบ อายุ 29 ปี เป็น
กลุ่มแนวร่วม RKK ที่มีประวัติด้านคดีความมั่นคงอย่างโชกโชน จากการสืบประวัติพบว่า นายสุไลมาน อภิบาลแบ พบว่า
นายสุไลมาน เป็นกลุ่มคนร้ายที่ลอบวางระเบิดและยิงถล่มขบวนรถยนต์ของ พ.อ.สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี อดีตผู้บังคับการ
หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 ยะลา จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2549 ที่ผ่านมา และได้ดักยิงถล่มรถตู้สายยะลา – เบตง
ที่ อ.ยะหา จนทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิตรวม 8 ราย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นในขนำ ซึ่งเป็นที่พัก
อาศัยของกลุ่มคนร้ายพบระเบิดขว้างแบบสังหาร เอ็ม 26 จำนวน 1 ลูก จึงได้เตรวจยึดเพื่อตรวจพิสูจน์ต่อไป




พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า กลุ่มคนร้ายนำ
โดยนายแวอาลี แวสะมะแอ นายมะแอ อภิบาลแบ และนายสุไลมาน อภิบาลแบ พร้อมพวกอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่ม
คนร้ายที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่อำเภอบันนังสตา มาแล้วหลายครั้ง ทั้งการฆ่าตัดคอทหารรบพิเศษ การยิงรถตู้โดยสาร
การวางระเบิด และการยิงตระกูลอภิบาลแบ ใน ต.บาเจาะ ล้วนเป็นการกระทำของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ และครั้งนี้ก็ได้เข้ามา
กบดานหลบซ่อนตัวในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีการเรียกประชุมเพื่อวางแผนก่อเหตุร้ายในพื้นที่ เมื่อ
ชาวบ้านพบเห็นจึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าตรวจสอบ และเกิดการยิงปะทะกัน




หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อม
ทั้งให้กำลังใจและกล่าวชมเชยในการปฎิบัติงาน นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่
เสียชีวิตอย่างดีที่สุด 
 ภาพประกอบ [1]
 
 วันที่เผยแพร่  29 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  29 ม.ค. 2551


หัวข้อ: บึ้มสะพาน ถล่มทหาร สนั่นนราฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 20:13

ชื่อเรื่อง   บึ้มสะพาน ถล่มทหาร สนั่นนราฯ
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhNREk1TURFMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5T1E9PQ==
 เนื้อหา  โจรใต้ปฏิบัติการล้างแค้น หลังสมาชิกอาร์เคเคถูกจนท.วิสามัญฯ 2 ศพ วางระเบิดสะพานหมายถล่มทหารชุดลาดตระเวนที่รือเสาะ คอสะพานเสียหาย แต่ชุดลาดตระเวน 12 นายไม่มีใครเป็นอันตราย เพราะเคลื่อนกำลังผ่านไปก่อน ตร.-ทหารล่าต่อ 5 อาร์เคเคที่หลบหนีการล้อมจับ พบแต่รอยเลือดแต่ยังไม่พบตัว

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวว่า ในวันที่ 29 ม.ค. ตนมีกำหนดเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามและประเมินการทำงานว่าควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้จะมีเรียกผู้บังคับกองพันเข้ามารายงานถึงสถานการณ์ความคืบหน้า ส่วนสถานการณ์ภาคใต้ขณะนี้ประเมินว่าดี คิดว่าหากได้ปรับอะไรตามที่ควรจะเป็นคงจะดีขึ้น

"การสูญเสียและก่อเหตุร้ายรายวันเป็นอีกส่วนที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าดีขึ้น จะต้องมีการวางมาตรการเพื่อแก้ไขเพื่อมาปรับแก้" ผบ.ทบ.กล่าว และว่า การที่ผู้ก่อความไม่สงบพยายามทำร้ายประชาชนเป็นสิ่งที่ตนไม่อยากพูด เพราะอาจจะมีผลกระทบ อย่างไรก็ตามคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้นมาก

เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ มัทยาท สวญ.สภ.ลำใหม่ จ.ยะลา ร.ต.ท.สุนทร อัมโร ร้อยเวร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา รุดไปตรวจสอบ ที่เกาะกลางถนนสายบ้านลำใหม่-บ้านเนียง หน้าโรงโม่หินมนู หมู่ 1 ต.ลิดล อ.เมืองยะลา หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดร้อย ร.5034 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา

จุดเกิดเหตุพบหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 80 ซ.ม. อยู่ที่เกาะกลางถนน เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและรีโมตคอนโทรล จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบ พบเศษกล่องเหล็กคาดว่าใช้บรรจุระเบิด เศษสายไฟรีโมตคอนโทรล เศษถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ และเศษสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 ซ.ม. เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 7 ก.ก.บรรจุในกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล

สอบสวนทราบว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 ม.ค.ขณะเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดร้อย ร.5034 จำนวน 13 นาย เสร็จสิ้นจากภารกิจตั้งด่านตรวจตราความสงบเรียบร้อยที่บริเวณสามแยกบ้านเนียง เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ 4 คัน และรถฮัมวี่ 1 คัน เพื่อมุ่งหน้ากลับฐานปฏิบัติการที่วัดลำใหม่ เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายซึ่งซุกระเบิดไว้ก่อนหน้านี้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที และคนร้ายอีกชุดได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการปะทะกันขึ้นประมาณ 5 นาที คนร้ายจึงล่าถอยหนีไป หลังเกิดเหตุพบพลฯ พงษ์พัฒน์ รัตนมุสิก อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ขวาเล็กน้อย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์

เวลา 15.10 น. ร.ต.ท.แดนชัย มูลป้อม ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน สังกัดร้อย 2 กองพันทหารม้าที่ 138 ฉก.นราธิวาส 39 ที่บริเวณคอสะพานบ้านสุเปะ ม.2 ต.เรียง จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.จุมพล เปรมศิริ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.ท.ปฐวี ศรีสุข ผบ.ฉก.นราธิวาส 39 พ.ต.ต.ฉลอง คงอินทร์ สว.นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเจ้าหน้าที่กองวิทยาการ จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังตำรวจทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบคอนกรีตเสริมเหล็กที่คอสะพานถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย และมีสายไฟฟ้าแรงสูงจำนวนหนึ่งขาดตกไปอยู่ในคลอง พร้อมทั้งเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในขวดน้ำยาฆ่าเชื้อพลาสติก สีเหลือง น้ำหนัก 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ อาทิ เหล็กเส้นตัดสั้น ปุ๋ยยูเรีย เชื้อปะทุ ซากชิ้นส่วนขวดน้ำยาฆ่าเชื้อและโทรศัพท์มือถือตกกระจายเกลื่อนในลำคลอง บริเวณคอสะพาน เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานโดยเหตุที่เกิดขึ้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

สอบสวนจ.ส.อ.เมืองดี เหล่าแต๋ว หัวหน้าชุด เจ้าหน้าที่ทราบว่าก่อนเกิดเหตุนำกำลังรวม 12 นาย เดินเท้าออกจากฐานเพื่อลาดตระเวนเส้นทางในการดูแลความเรียบร้อยให้กับชุดคุ้มครองครู เพื่อรับคณะครูโรงเรียนบ้านสุเปะกลับบ้านพัก เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทางได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่นำไปวางไว้ที่บริเวณคอสะพาน จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาคนสุดท้ายที่เดินผ่านได้เลยสะพานไปประมาณ 10 เมตรระเบิดจึงได้ทำงานขึ้น จึงทำให้ทหารรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด

ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เป็นสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเค กลุ่มเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ได้ยิงปะทะเสียชีวิตที่บ้านธารน้ำทิพย์ 2 ต.โคกสะตอ เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่เป็นการแก้แค้นให้กับสมาชิกที่ถูกยิงตาย

ส่วนความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 39 และทหารพรานที่ 4601 เปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มอาร์เคเคที่หมู่บ้านธารน้ำทิพย์ 2 ม.7 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 9/8 ส่งผลทำให้นายซูวาระดี เด็งสาแม และนายนิแซ สามะ 2 สมาชิกกลุ่มอาร์เคเคเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องสัมภาระรวมทั้งวิทยุสื่อสารหลายรายการ

ร.อ.อภิวุฒิ จุลกลับ ผบ.ร้อย ม.1 ฉก.นราธิวาส 39 สนธิกำลังทหารพรานที่ 4601 จำนวน 300 นาย กระจายกำลังโอบล้อมเทือกเขา 2 หมู่บ้าน คือ บ้านกาแบตีกอ ม.5 และบ้านตะปิ้งปูโต๊ะ ม.8 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านรอยต่อกับบ้านธารน้ำทิพย์ 2 จุดเกิดเหตุที่กลุ่มคนร้าย 5 คนใช้เป็นเส้นทางหลบหนี โดยได้ส่งกำลังในลาดตระเวนเดินหน้ากระดานจากเทือกเขาลงสู่หมู่บ้านทั้ง 2 จุด เพื่อติดตามไล่ล่ากลุ่มอาร์เคเคทั้ง 5 คน คือ 1.นายมาโซ มานะ 2.นายเจ๊ะมาเต๊ะ ลาแล 3.นายรอนิง ลาแล 4.นายอิงริง อับดุลมานะ และ 5.นายยะโกะ ฮะซา ที่คาดว่าน่าจะหลบหนีมากบดานในบ้านพักของสมาชิกแนวร่วมหลังใดหลังหนึ่ง และคาดว่าในจำนวนนั้นถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะ ระหว่างทางเจ้าหน้าที่พบรอยคราบเลือดตามรายทางของเชิงเขาที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี แต่ยังไม่พบบุคคลทั้ง 5 แต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารอีกชุดหนึ่ง หลังได้รับการประสานขอความร่วมมือจาก พล.ต.ต. พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดนอกเครื่องแบบในการตรวจสอบบ้านพักของกลุ่มอาร์เคเค 5 คนที่หลบหนีจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไปได้ โดยทั้ง 5 คน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.มายอ และ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี 4 คนและมีภูมิลำเนาอยู่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะมีสมาชิกในกลุ่มเดียวกันช่วยเหลือนำตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ได้รับบาดเจ็บมารักษาตัวที่บ้าน

ส่วนประวัติของผู้ตาย 1 ใน 2 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต คือ นายซูวาระดี เด็งสาแม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.3 บ้านบือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีหมายจับของ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ที่ จส.510/2550 ลงวันที่ 8 ก.ย. 2550 คดียิงนายอาบาซา มะแอ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2550 เหตุเกิดในสวนยางพาราบนเทือกเขากาลอ ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา และนายซูวาระดียังมีคดีก่อเหตุความมั่นคงในพื้นที่อีกหลายคดี โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยที่ไม่มีเหตุอันควร
 
 วันที่เผยแพร่  29 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  29 ม.ค. 2551


หัวข้อ: บทปลอบ ประโลม หมอแวมาฮาดี แวดาโอะ ใน พรรคเพื่อแผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 20:14


ชื่อเรื่อง   บทปลอบ ประโลม หมอแวมาฮาดี แวดาโอะ ใน พรรคเพื่อแผ่นดิน
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   คอลัมน์/จดหมาย/หลากหลาย : คอลัมน์ หักทองขวาง
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dOekk1TURFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5T1E9PQ==
 เนื้อหา  ถูกต้องแล้ว ที่ น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ผู้นำกลุ่มสัจจานุภาพ จะต่อรองภายในพรรคเพื่อแผ่นดิน

แม้ว่าการต่อรองนี้จะมีน้ำหนักน้อยอย่างยิ่ง

น้อยอย่างยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับน้ำหนักของแกนนำอื่นๆ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นถุงเงินใหญ่ของพรรค

ไม่ว่าจะมาจากตระกูล "พรรณเชษฐ์" ไม่ว่าจะมาจากตระกูล "วสุรัตน์"

แต่มีความจำเป็นต้องต่อรอง อย่างน้อยก็เพื่อทวงถามถึงข้อตกลงที่พรรคเพื่อแผ่นดินเคยมีให้กับกลุ่มสัจจานุภาพ เมื่อกลุ่มสัจจานุภาพย้ายออกมาจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย

เพราะว่าสัจจานุภาพ เท่ากับ สัจจะ สนธิ เข้ากับ อานุภาพ

เพราะว่าระหว่างการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ กลุ่มสัจจานุภาพเคยเสนอแนวทางนี้กับประชาชน

ดังนั้น จึงจำเป็นที่กลุ่มสัจจานุภาพจักต้องยืนหยัด

การยืนหยัดของกลุ่มสัจจานุภาพจึงเป็นหินลองทองอันยอดเยี่ยมยิ่งในการตรวจสอบคุณค่าและความหมายของพรรคเพื่อแผ่นดินว่ามีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไร



มองจากพรรษาทางการเมือง น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ อาจเป็นคนหน้าใหม่ เพราะว่าความจัดเจนก่อนหน้านี้ก็เสมอเป็นเพียงผู้ได้รับเลือกเป็นส.ว.

และก็มีบทบาทระยะสั้นๆ ก่อนจะถูกทำลายโดยกระบวนการรัฐประหารของคปค.

กระนั้น หากมองจากการเคลื่อนไหวในภาคประชาชน น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ มิได้เป็นละอ่อนแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม โดยนามแห่ง "หมอแว" จำหลักหนักแน่นอยู่ในพื้นที่อย่างคงมั่น

ยิ่งผ่านการถูกจับกุมและต่อสู้ภายในกระบวนการยุติธรรมกระทั่งผ่านคำรับรองในความบริสุทธิ์จากการพิพากษาของศาล ยิ่งทำให้เกียรติภูมิของ น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ สูงเด่นในสายตาของประชาชน

การเมืองอย่างนี้อาจไม่น่าตื่นเต้นหากมองจากการเมืองแบบเก่า การเมืองที่แนบแน่นอยู่กับระบบเงินและการไหลเลื่อนของทุน

แต่รากฐานการเมืองภาคประชาชนนี่แหละคือตัวตนของ "หมอแว"

การต่อรองของ น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ จึงมิได้อยู่ที่ตนเอง หากแต่อยู่กับผลประโยชน์และการรับใช้ประชาชนตามคำมั่นสัญญา



โดยพรรษาทางการเมือง น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ อาจด้อยกว่านักการเมืองอาชีพระดับเช่นนายสุวิทย์ คุณกิตติ อย่างแน่นอน

กระนั้น จังหวะก้าวการเคลื่อนไหว จังหวะก้าวการเรียกร้อง ก็น่าศึกษา

ประการหนึ่ง กลุ่มสัจจานุภาพยืนหยัดในคำมั่นสัญญา ขณะเดียวกัน ก็เป็นคำมั่นสัญญาบนพื้นฐานทางการเมืองที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

นั่นก็คือ กลุ่มสัจจานุภาพได้รับเลือกมาด้วยความยากลำบากและด้วยจำนวนที่แน่นอน

ประการหนึ่ง กลุ่มสัจจานุภาพถือว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มตนเป็นเรื่องภายในพรรคเพื่อแผ่นดิน มิได้เป็นข้อขัดแย้งกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นแกนนำของรัฐบาล แต่กลุ่มสัจจานุภาพมีความจำเป็นตามเหตุผลในประการต้น

ไม่ว่ากลุ่มสัจจานุภาพจะได้รับตามข้อเรียกร้องหรือไม่ หรือว่าถูกลอยแพไม่สนใจไยดีจากแกนนำพรรค

แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็จะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

การเรียกร้องนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการตรวจสอบจุดยืนของกลุ่มสัจจานุภาพ หากแต่ยังตรวจสอบจุดยืนของพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ยืนหยัดในหลักการ ยืนหยัดในสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนหรือคำนึงแต่กลุ่มทุนภายในพรรค

คำว่า "เพื่อแผ่นดิน" จะมีความหมายย่อมขึ้นอยู่กับสำเหนียกนี้ในทางการเมืองเท่านั้น



ประเด็นอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อแผ่นดินวางน้ำหนักให้กับปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้อย่างไร

ประเด็นอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อแผ่นดินจะประสานน้ำหนักปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้กับกลุ่มสัจจานุภาพและกับพรรคพลังประชาชนอย่างไร

ประเด็นอยู่ที่ว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ มีกึ๋นแค่ไหน หรือว่าดำเนินไปอย่างเปล่ากลวง

 
 วันที่เผยแพร่  29 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  29 ม.ค. 2551


หัวข้อ: ขบวนการสายลับสองหน้า ‘หอกข้างแคร่’ จุดไฟใต้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 20:16



ขบวนการสายลับสองหน้า ‘หอกข้างแคร่’ จุดไฟใต้
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=206 
บทความน่าสนใจ | 2551-01-17 02:15:55
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 ปกรณ์ พึ่งเนตร
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ



          เปิดศักราชใหม่อย่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง สำหรับสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับเหตุการณ์ซุ่มโจมตีทหารชุด รปภ.ครู สังกัด ร้อย ร.2933 ในท้องที่หมู่ 4 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันจันทร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ทหารต้องพลีชีพพร้อมกันทีเดียว 8 นาย

          ยุทธวิธีของกลุ่มคนร้ายยังไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก คือ ลอบฝังระเบิดแสวงเครื่องแรงสูงเอาไว้ใต้ถนน เมื่อรถของทหารผ่านมาก็กดจุดชนวน พลันที่เสียงตูมดังสนั่นและรถเป้าหมายกระเด็นไปตามแรงอัดของดินระเบิด กองกำลังที่ซ่อนอยู่ก็จะกรูกันออกมา ใช้อาวุธสงครามรัวยิงที่ศีรษะอย่างโหด***ม ก่อนจะชิงอาวุธประจำกายแล้วหลบหนีไป

          ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือไม่ที่เหตุรุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเพิ่งมีข่าวฉาวกรณี "กำลังพล" ของหน่วยข่าวกรอง 251 ถูกตั้งข้อหาฉกรรจ์ว่า "ขายข้อมูลลับ" ให้กับกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จึงถูกจับโยงอย่างช่วยไม่ได้

          อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) เรียกมันว่า "อุตสาหกรรมความไม่มั่นคง" นั้นมีอยู่จริง และเป็นที่รับรู้มาเนิ่นนานว่า มีกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากความรุนแรงที่ดำรงอยู่ ซึ่งบางแง่มุมอาจเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง ดังที่เคยมีเสียงวิจารณ์หนาหูเรื่อง "พูเรา" อันหมายถึงเหตุการณ์รุนแรงบางเหตุการณ์อาจเป็นฝีมือคนของรัฐ ไม่ใช่ขบวนการ "พูโล" แบ่งแยกดินแดนที่ไหน

          ทว่าปัจจุบันดูเหมือนสถานการณ์จะดิ่งลึกไปมากกว่าเดิม เพราะประเด็นที่พูดกันให้แซ่ดในหน่วยงานความมั่นคงวันนี้ก็คือ "สายลับสองหน้า" อันได้แก่ คนที่ตัวอยู่ฝ่ายรัฐ แต่ใจอยู่ข้างกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งในที่นี้เป็นได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือเป็นแนวร่วมโจร แต่แทรกซึมเข้ามาอยู่ในหน่วยงานของรัฐตามช่องทางเปิดต่างๆ อาทิเช่น ทหารพราน หรือ อาสามัครรักษาดินแดน (อ.ส.) เป็นต้น

          คงจะจำกันได้ เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2549 มีการจับกุม นายเปาซี อ.ส.บันนังสตา ในข้อหาเป็นสายโจร โดยนายเปาซีผู้นี้ทำหน้าที่เป็นพนักงานวิทยุของอำเภอ ทำให้รู้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐทุกระดับ และเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ส่งข้อมูลเหล่านั้นให้กลุ่มก่อความไม่สงบ แต่กรณีของนายเปาซีก็เงียบหายไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกดำเนินคดีอะไรบ้าง แว่วๆ ว่าได้รับการปล่อยตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

          ส่วนอีกรูปแบบหนึ่ง คือ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วขายข้อมูลให้กลุ่มโจร ดังที่เป็นข่าวครึกโครมกันอยู่กรณีหน่วยข่าว 251 ซึ่งล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งยุบหน่วยข่าวฉาวแห่งนี้แล้ว

          สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ข้อสันนิษฐานที่ว่า ฝ่ายโจรรู้ข่าวสารของทางราชการ และใช้ข่าวนั้นสร้างความสูญเสียให้กับฝ่ายรัฐ เป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธ

          ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ต่อก็คือว่า แล้วเหตุการณ์สูญเสียครั้งรุนแรงดังเช่นการดักซุ่มโจมตีทหารเสียชีวิตถึง 8 นายเมื่อวันที่ 14 ม.ค.นั้น เป็นผลพวงจากขบวนการ "สายลับสองหน้า" หรือไม่

          หากย้อนดูเหตุการณ์ดักซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐครั้งรุนแรง เลือดเย็น ถึงพร้อมด้วยยุทธการ และสร้างความสูญเสียเกินกว่า 5 ศพ จะพบว่าเกิดเหตุลักษณะนี้ในปี 2550 ถึง 3 ครั้ง

          คือที่บ้านลาแป หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อบ่ายวันที่ 9 พ.ค.2550 เป็นเหตุให้ทหารหน่วยรบพิเศษเสียชีวิต 7 นาย, ที่หมู่ 5 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อค่ำวันที่ 31 มิ.ย.2550 เป็นเหตุให้ทหารพรานชุดเฉพาะกิจที่ 4105 เสียชีวิต 11 นาย และที่บ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 มิ.ย.2550 เป็นเหตุให้ทหารชุดคุ้มครองครู สังกัด ร้อย ร.2514 ค่ายวิภาวดีรังสิต เสียชีวิตอีก 7 นาย รวม 3 เหตุการณ์ทหารพลีชีพไปถึง 25 นาย

          นี่ยังไม่นับรวมเหตุการณ์ลอบวางระเบิดสังหาร นายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานี ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ต้องสูญเสียนายอำเภอนักพัฒนา และนายทหารระดับพันโทอีก 1 นาย เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ปีเดียวกัน

          เป็นที่ทราบกันดีว่า ในพื้นที่สีแดงเช่นนี้ การใช้ "ว." หรือวิทยุสื่อสาร ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ มีการใช้ "รหัสลับ" หลายชั้นเพื่อสร้างความสับสนและป้องกันการถูกดักฟัง เช่นเดียวกับการแจ้งหมายหรือแจ้งข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะเดินทางไปที่ไหน ใช้เส้นทางใด ต้องถือเป็นความลับขั้นสุดยอด หลายครั้งมีการแจ้งหมายหลอกกันด้วย

          ฉะนั้นหากชุดที่ถูกซุ่มโจมตีเป็นชุด รปภ.ครู ที่ต้องใช้เส้นทางเดิมในการเดินทางเกือบทุกวัน การก่อเหตุอาจไม่ต้องใช้ "การข่าว" ที่ลึกลับอะไรมากมาย แต่การซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนที่พยายามเปลี่ยนเส้นทางไม่ให้ซ้ำเดิม ต้องถือว่าไม่ธรรมดา และฝ่ายตรงข้ามต้องรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐอย่างแน่นอน

          เมื่อหันไปพิจารณาจากวัตถุระเบิดที่ฝังไว้ใต้พื้นถนน ก็ไม่ใช่ฝังกันแค่วันเดียว แต่ต้องมีการเตรียมการ และมีวิธีตัดตอน ซึ่งในทางตำรวจเรียก "คัทเอาท์" แต่ในศัพท์ทางการทหารเรียก "คอมพาร์ท นีด ทู โนว์" (compart need to know) คือ มีการตัดช่วงการรับรู้ของบุคคลที่ร่วมก่อการ คนวางระเบิดกับคนมาจุดระเบิดจะเป็นคนละคนกัน และยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่รู้จักกัน

          เหตุซุ่มโจมตีที่เกิดขึ้น 3 ครั้งในปี 2550 และล่าสุดคือเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2551 ฝ่ายตรงข้ามฝังระเบิดแรงสูงไว้ล่วงหน้า หนำซ้ำยังขนกำลังนับสิบมารอถล่มซ้ำอีก นั่นแสดงว่าการข่าวต้องแม่นยำว่า "เป้าหมายต้องมาแน่" และรู้ล่วงหน้าก่อนเป็นเวลานานด้วย เพราะชุดปฏิบัติการพวกนี้เป็นชุด "โมบาย" ที่มาจากนอกพื้นที่เพื่อเปิดปฏิบัติการโหดโดยเฉพาะ

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีแนวร่วมปะปนกับชาวบ้านเป็นจำนวนมาก และคุ้นชินกับสภาพภูมิประเทศมากกว่า คือความได้เปรียบอย่างชัดเจนของกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่หลายต่อหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีความแม่นยำต่อเป้าหมายสำคัญมากเกินไป ซ้ำยังหลบหนีเล็ดรอดด่านตรวจถี่ยิบไปได้อย่างลอยนวล ฉะนั้น นอกจากปัจจัยได้เปรียบ 2 ปัจจัยดังกล่าวแล้ว การข่าวที่แม่นยำย่อมเป็นเหตุผลสำคัญในความสำเร็จของปฏิบัติการด้วย

          แม้นักวิชาการที่ศึกษาประเด็นด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาเนิ่นนานอย่าง ชิดชนก ราฮิมมูลา จาก ม.อ.ปัตตานี จะประเมินว่าการที่ "คนของรัฐ" ขายข่าวให้กับกลุ่มโจรโดยตรงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระบบปัจจุบัน แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามีแนวร่วมเชิงอุดมการณ์มากมายแทรกซึมเข้าไปอยู่ตามหน่วยงานราชการต่างๆ เพราะแม้แต่รถบัสทหารใหม่ที่เดินทางลงพื้นที่วันแรกหลังสับเปลี่ยนกำลังเมื่อปลายปีที่แล้วก็ยังถูกวางระเบิด

            ได้เวลาที่หน่วยงานด้านความมั่นคงจักต้องกวาดบ้านตัวเองกันขนานใหญ่เสียที !




อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
- จาก ‘การข่าว' ถึง ‘ยุทธวิธี' จุดอ่อนไฟใต้ที่รัฐต้องปรับ
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=205
- พล.อ.บุญรอด มองการข่าวใต้ "เราไม่รู้เขา แต่เขารู้เราหมด"
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=204
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 29-01-2008, 22:21

ก็เพราะอย่างนี้ เขาเลยเอาทหารนอกพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จว. คดีปล้นปืนในค่ายก็เช่นกันมีคนในรู้เห็นเป็นใจ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 22:32


ก็เพราะอย่างนี้ เขาเลยเอาทหารนอกพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จว. คดีปล้นปืนในค่ายก็เช่นกันมีคนในรู้เห็นเป็นใจ

ทหารนอกพื้นที่ทำงานด้านการข่าว คงได้แต่งานสำนักงานครับ

นอกนั้นคงเป็นงานลาดตระเวณ ซึ่งเสี่ยงตาย..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 30-01-2008, 19:18


ชื่อเรื่อง   Democrats push for a key bill to quell southern violence
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   The Nation
 คอลัมน์ข่าว   Breaking News
 URL   http://www.nationweekend.com/breakingnews/read.php?newsid=30063899
 เนื้อหา  The opposition will sponsor a legislation designed to solve the southern insurgency, Democrat MP Niphon Boonyamanee said on Wednesday.

The draft bill will aim at upgrading the status of the Southern Border Provinces Administrative Centre in coordinating military and civilian operations, ensuring the dispensing of justice and rights protection, and implementing policies for the Deep South as the special development region.

The revamped centre would be headed by a C-11 official working under the jurisdiction of the Prime Minister's Office and reporting work progress to the Cabinet every three month.

 
 วันที่เผยแพร่  30 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  30 ม.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 30-01-2008, 19:22


ชื่อเรื่อง   ผบ.ทบ.ลั่นดับไฟใต้ต้องเด็ดขาด ปะทะอีกจ.ส.ต.พลีชีพ-โจรดับ1
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon_detail.php?s_tag=01p0115300151&day=2008-01-30§ionid=0101
 เนื้อหา  "อนุพงษ์"ควง"5 เสือ ทบ."ลงใต้ ลั่นใช้ปฏิบัติการทางทหารเด็ดขาด โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 เผยเหลือแนวร่วม 200 หมู่บ้าน 2 พันคน จากที่เคยสำรวจไว้ 1.7 หมื่น ตร.-ทหารปะทะเดือด 9 คนร้าย จ.ส.ต.พลีชีพ ดับแกนนำได้ 1 เผยประวัติฆ่า พ.อ. ตัดคอหน่วยรบพิเศษ ยิงรถตู้ 8 ศพ ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวอีก 4

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 มกราคม ก่อนนำคณะ ประกอบด้วย พล.อ.วีรวิทย์ คูสำราญ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.มนตรี ชมภูจันทร์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.สำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 ลงพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ลงไปรับทราบปัญหาและรายละเอียดของหน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) ทุกจังหวัด สิ่งใดปรับแก้แล้วจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นจะต้องปรับ

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นเอกภาพในการทำงานระหว่าง ทหาร ตำรวจ และพลเรือน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ที่มีนายพระนาย สุวรรณรัฐ เป็น ผอ.ศอ.บต.มีความคืบหน้าอย่างมากในการที่จะใช้มาตรการเศรษฐกิจ สังคม และแนวทางทางสันติ ทำให้สถานการณ์ทางภาคใต้ดีขึ้น ตำรวจก็ใช้มาตรการทางตำรวจที่ถูกต้อง มีหลักฐานก็จับกุมสอบสวนส่งฟ้อง เมื่อถามว่า จะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ หลังจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า จะต้องฟังทางรัฐบาลว่าจะมีแนวคิดอย่างไร อาจจะมีมุมมองหรือการปฏิบัติที่เปลี่ยนไป

ต่อมา พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมคณะประชุมร่วมกับ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วย ฉก.นราธิวาส ทั้ง 9 หน่วย ที่หน่วย ฉก.นราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส ว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้มอบนโยบายให้กำลังพลปฏิบัติเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเหตุความไม่สงบไว้ 3 มาตรการ คือ 1.ให้ปรับเปลี่ยนแนวคิด ความเชื่อ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้กลุ่มแนวร่วมของคนร้ายที่ยังเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายให้ถอนคำสาบาน (ซูเปาะ) แล้วหันมาให้ความร่วมมือกับทางการให้มากที่สุด 2.ผู้ถูกคุมตัวหรือจับกุมให้ดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม และ 3.หากกลุ่มแนวร่วมคนร้ายยังดื้อดึง ยังไม่เลิกพฤติกรรมให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเด็ดขาด

"แนวร่วมคนร้ายในทุกวันนี้ เปลี่ยนจากอุดมการณ์เพื่อแบ่งแยกดินแดน มาเป็นก่อเหตุร้ายขึ้นเพื่อหวังเงินค่าจ้าง และหวังเป็นพระเอกในกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น" พ.อ.อัครกล่าว และว่า เมื่อปี 2547 ทางกองทัพบกเคยประเมินจำนวนของกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา ว่า มีประมาณ 17,000 คน แต่เมื่อถูกกดดันมากเข้า ปัจจุบันเหลือหมู่บ้านที่เป็นเขตความเคลื่อนไหวของคนร้ายประมาณ 200 หมู่บ้าน และคนร้ายเหลือหมู่บ้านละไม่ถึง 10 คน หรือประมาณ 2,000 คนเท่านั้น  

วันเดียวกัน เวลา 06.00 น. พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ทหารพราน อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) บันนังสตา และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จำนวน 80 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่สวนผลไม้ หมู่ 1 บ้านอูแบ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา ระหว่างตรวจค้นคนร้าย 9 คน ที่ซ่อนตัวในขนำภายในสวนผลไม้ ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ จึงเกิดการยิงตอบโต้กันประมาณ 10 นาที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 นายคือ จ.ส.ต.สรศักดิ์ รักนาย ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บันนังสตา และคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ศพ คือ นายสุไลมาน อภิบาลแบ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 1 ต.บาเจาะ ค้นในตัวพบระเบิดชนิดขว้าง แบบเอ็ม.26 จำนวน 1 ลูก

พ.ต.อ.สมเพียรกล่าวว่า นายสุไลมาน เป็นน้องชายของนายมะแอ อภิบาลแบ หัวหน้ากองกำลังอาร์เคเค ซึ่งเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บันนังสตา โดยนายสุไลมาน มีหมายจับในคดียิง พ.อ.สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี ผบ.ฉก.1 ยะลา เสียชีวิต คดียิงรถตู้โดยสารสายเบตง-หาดใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 8 ศพ และคดีฆ่าตัดคอทหารชุดรบพิเศษ โดยคนร้ายกลุ่มนี้มีแกนนำหลัก 3 คน คือนายมะแอ นายสุไลมาน และนายแวอาลี สะมะแอ

เวลา 08.00 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายอับดุลรอแม สาแม อายุ 33 ปี เสียชีวิต ขณะนายอับดุลรอแม ขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงบริเวณหน้ามัสยิดบ้านบาตูฆอ ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา

เวลา 13.30 น. นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.ปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามปัตตานี นำผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง พื้นที่ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นางรอเมาะ สุหลง อายุ 38 ปี น.ส.นาปีซะ การี อายุ 28 ปี น.ส.ยามีล๊ะ สุหลง อายุ 37 ปี และนายบารอรี สุหลง อายุ 23 ปี มาแถลงข่าวหลังติดต่อขอมอบตัวเพื่อสู้คดี

"ทั้ง 4 คน เป็นกลุ่มแนวร่วมที่เคลื่อนไหวในพื้นที่บ้านป่าทุ่ง หมู่ 4 ต.บางเก่า อ.สายบุรี โดย 3 แนวร่วมที่เป็นผู้หญิง มีหน้าที่ปลุกระดมชาวบ้านและเยาวชนให้หลงผิดออกมาชุมนุมประท้วงเจ้าหน้าที่รัฐ และเป็นกลุ่มจัดเก็บเงินสนับสนุนให้กับกลุ่มก่อความไม่สงบ" พล.ต.ต.กรีรินทร์กล่าว

เวลา 16.10 น. ขณะที่นายอับดุลเลาะ เจ๊ะเด็ง ชาวบ้าน ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงหน้าโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา หมู่ 7 ต.จวบ ถูก 2 คนร้าย ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะประกบยิง กระสุนถูกนายอับดุลเลาะได้รับบาดเจ็บ แต่นายอับดุลเลาะได้ชักปืนยิงตอบโต้ถูกคนร้ายบาดเจ็บ คนร้ายจึงทิ้งรถจักรยานยนต์ที่โจรกรรมมาวิ่งหลบหนีเข้าป่าไป

เวลา 17.15 น. คนร้าย 4 คน ใช้จักรยานยนต์ 2 คัน เป็นพาหนะ ประกบใช้ปืนยิงนายฮาเซ็ง อูแซดอเลาะ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิต เหตุเกิดหน้าโรงเรียนบ้านตันหยง หมู่ 7 ต.โคกสะตอ
 วันที่เผยแพร่  30 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  30 ม.ค. 2551


หัวข้อ: นศ.3จว.ใต้ขู่ก่อม็อบ ประท้วงจับเพื่อน9คน ทหารโต้ทำตามก.ม. บิ๊กบังถกมุสลิมโลก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-02-2008, 04:14

ก็ต้องยุติธรรม และเด็ดขาด อบ่าไปกลัวพวกกฎหมู่ ดีที่เป็นส่วนน้อย ให้กำลังใจคนทำงานครับ


ชื่อเรื่อง   นศ.3จว.ใต้ขู่ก่อม็อบ ประท้วงจับเพื่อน9คน ทหารโต้ทำตามก.ม. บิ๊กบังถกมุสลิมโลก
http://oas.psu.ac.th/wbns/shownews.php?news_id=64312
 
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   การเมือง
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=93174
 เนื้อหา  เมื่อวันที่ 30มกราคม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจที่ประเทศตะวันออกกลาง ระหว่างวันที่ 21-30มกราคม2550 ว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาตนไม่มีเวลาไปไหน ตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ.มีผู้นำศาสนาหลายประเทศเดินทางมาเยี่ยมที่กองทัพบก(ทบ.)และคนที่มามีส่วนเกี่ยวข้องและมีความสำคัญในองค์ที่ประชุมมุสลิมโลก(โอไอซี) บุคลสำคัญที่อยากกล่าวถึงคือ ในประเทศอิหร่านและอียิปต์ เขามีส่วนเข้าไปอยู่ในองค์กรนั้น ซึ่งตนเคยพบกับบุคคลเหล่านั้นในประเทศไทย ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับเขาว่า ปัญหาภาคใต้ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งศาสนา แต่เกิดจากการก่อการร้าย ซึ่งเขาเชิญมาตั้งแต่เป็นผบ.ทบ.และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการประชุมโอไอซี จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปทำความเข้าใจเพิ่มเติม

 พล.อ.สนธิ กล่าวอีกว่า ทางเลขาโอไอซีเคยเดินทางมาพบตน ซึ่งตนก็อธิบายจนท่านเข้าใจว่าปัญหาภาคใต้เป็นอย่างไร ซึ่งเขามีเงื่อนไขให้ตอบคำถาม 6-7ข้อ ซึ่งตนอธิบายจนเขาเข้าใจและยกเลิกคำถามทุกข้อที่จะให้รัฐบาลไทยแก้ไข ส่วนปัญหาที่ต่างประเทศไม่เข้าใจคือ สังคมไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างไรและสถานการณ์เป็นอย่างไร คนที่จะอธิบายได้ต้องเข้าใจจริงๆ การไปครั้งนี้มุ่งประเด็นที่จะสางปัญหาต่อและไปขอบคุณทำความเข้าใจเขา พร้อมทั้งเพิ่มเติมการประชุมโอไอซี นั่นคือเหตุผลที่เดินทางไป แต่บังเอิญว่าไปเร่งด่วน เพราะเวลาเป็นรองนายกฯจะหมด หลังจากนั้นถ้าไปส่วนตัว คงไม่ดีเท่าไหร่ นี่คือสาเหตุที่ไปโดยไม่บอกเหตุผลใดๆ นอกจากนี้ ตนยังไปดูเรื่องแรงงานและนักศึกษาไทยที่ไปเรียนในอียิบป์ อิหร่าน ดูไบและลิเบีย ตนไปพบและสอบถามปัญหาว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ก็จะได้ประสานช่วยแก้ไขต่อไป

 วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายนิพนธ์ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์(ส.ส.)สัดส่วนกลุ่ม 8 และคณะส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติ(พรบ.)สำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ... หรือ สบ.ชต.เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เป็นฉบับแรก ว่า เพื่อแก้ปัญหาเหตุไม่สงบในชายแดนภาคใต้และเพื่อการทำงานที่เป็นเอกภาพ พรรคจึงมีมติให้จัดตั้งองค์กรขึ้นมาเป็นหน่วยงานกลางในการทำงาน ซึ่งสามารถรวบรวมปัญหาทุกหน่วยงานมาสังกัดที่เดียวกันและขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หาก พรบ.ฉบับนี้ผ่าน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)ก็จะถูกยุบไปรวมอยู่ภายใต้องค์กร สบ.ชต.นี้ด้วย  

 ส่วนความคืบหน้ากรณีทหาร ฉก.11 ยะลา ควบคุมตัว นายกุยิ อีแต คณะกรรมการสมาพันธ์นิสิตนักศึกษา(สนย.) จ.ยะลา นายอามีซี มานาก,นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ,นายอัสมาดี ประดู่,นายอัซมัน เจ๊ะยอ,นายอิสมาแอล เตะและนายมาหามะ บาตง ทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาและสถาบันพลศึกษา วิทยาเขตยะลา ได้ที่หอพัก ขณะทั้งหมดกำลังจะไปเล่นฟุตบอลต้านยาเสพติด พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า มียาบ้าและอาวุธปืนในครอบครอง แต่จากการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นทหารเข้าควบคุมตัว นายซอบรี กาซอและนายอับดุลอาซิส อารง นักศึกษาปี 3 คณะวิทยาศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้ที่พักบ้านเลขที่11 ซ.แยนาวากัฟ ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา ทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่ ฉก.11 เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27มกราคมที่ผ่านมานั้น

 ล่าสุด นายตูแวตานียา ตูแวแมแง ประธานเครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน(คพช.) กล่าวว่า ขณะนี้องค์กรภาคี ได้แก่ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.),เครือข่ายนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม(คนท.),เครือข่ายนักศึกษาเพื่อสันติภาพ,สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาปัตตานี ยะลา นราธิวาสและศูนย์ประสานงานนักศึกษาและประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมเคลื่อนไหวกดดันให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้นักศึกษาในชายแดนภาคใต้ต้องตกเป็นเหยื่อของสังคมภายนอก ซึ่งมองว่ามีส่วนพัวพันกับการก่อเหตุไม่สงบ หากยังไม่ได้รับกระจ่าง จะมีการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาที่ จ.ยะลา

 ด้าน พ.อ.อัคร ทิพยโรจน์ ผอ.กอ.ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวชี้แจงว่า การคุมตัวนักศึกษาต้องสงสัย 9คน เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย เจ้าหน้าที่สามารถเชิญตัวสอบสวนได้ 30วัน กรณีที่เชื่อได้ว่าบุคคลนั้นตกเป็นผู้ต้องสงสัย เหมือนให้โอกาสผู้ต้องสงสัยได้ชี้แจงความบริสุทธิ หากพิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้อง ก็จะปล่อยตัว แต่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อาจบกพร่องในประเด็นที่ไม่ได้ชี้แจงให้ญาติ เพื่อนและองค์กรได้ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง จึงเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่สบายใจ

 สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่นั้น เมื่อเวลา 06.55น.เกิดเหตุยิงกันบนถนนสายบ้านบูเก๊ะกะลูโฆ-บ้านบาโงย ม.4 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา ทำให้ นายมูฮัมมัดคอลิค บาโงยสะโต อายุ 34 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส) กระสุนเจาะลำตัวและศีรษะ เสียชีวิตทันที   
 วันที่เผยแพร่  31 ม.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  31 ม.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 01-02-2008, 06:50
มีข่าวว่า ปชป. เตรียมเสนอกฎหมายแก้ปัญหาภาคใต้ เป็นกฎหมายที่จะเสนอต่อสภาฯ เป็นฉบับแรกครับ  :slime_smile:

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=18546&catid=19
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปชป.เล็งเสนอกม.แก้ปัญหาไฟใต้ 10แกนนำอาร์เคเคมอบตัวสู้คดีมั่นคง
วันที่ 30 มกราคม 2551 เวลา 21:40:39 น.

ปชป.เตรียมเสนอกม.ตั้งสนง.แก้สถานการณ์ไฟใต้ มุ่งเปลี่ยน 3 จังหวัดเป็นเขตพัฒนาพิเศษ-คุมศอ.บต.
ผู้ว่าฯปัตตานีนำทีมแถลงข่าว 10 ผู้ต้องหาแกนนำอาร์เคเคมอบตัวสู้คดีความมั่นคง

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่า พรรคต้องการเสนอร่างพระราชบัญญัติ
(พ.ร.บ.) สำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นฉบับแรก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้
โดยสำนักงานจะขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีเลขาธิการสำนักงานซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 11 ทำหน้าที่ติดตามเร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่
และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นเขต
พัฒนาพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยงานดังกล่าวจะทับซ้อนกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หรือไม่ นายนิพนธ์กล่าวว่า
เดิม ศอ.บต.สังกัดอยู่กับกระทรวงมหาดไทย แต่หากมีหน่วยงานนี้ขึ้นมาแล้วจะต้องมีการย้าย ศอ.บต.เข้ามาอยู่ในสังกัด

ด้านเหตุร้ายรายวัน เวลา 06.55 น. นายมูฮัมมัดคอลิค บาโงยสะโต อายุ 34 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา
ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตบนถนนสายบ้านบูเก๊ะกะลูโฆ-บ้านบาโงย พื้นที่ ต.กาตอง

เวลา 08.30 น. คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะประกบยิงนายเจ๊ะบือราเฮง บาเหะ อายุ 53 ปี เสียชีวิตบริเวณถนนสายชลประทาน
หมู่ 2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

เวลา 14.30 น. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อม พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รอง ผบช.ภ.9 และคณะ นำผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จำนวน 10 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ซึ่งเข้ามอบตัวมาแถลงข่าว
โดยระบุว่า ทั้งหมดเป็นกลุ่มแกนนำอาร์เคเค ทำหน้าที่ปลุกระดมประชาชนและเยาวชนให้หลงผิดออกมาก่อเหตุทำร้าย
และยังเป็นกลุ่มจัดเก็บเงินสนับสนุนให้กับกลุ่มก่อความไม่สงบ นอกจากนี้ บางรายเคยก่อเหตุร้ายในพื้นที่หลายครั้ง

พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการให้ผู้ที่มีหมายจับคดีความมั่นคงหรือผู้ที่หลงผิดให้ออกมา
มอบตัวสู้คดีในโครงการมอบตัววางใจ เพื่อไทยสันติสุข เมื่อเดือนมกราคม มีผู้ออกมามอบตัวแล้ว 30 ราย


หัวข้อ: จนท.เชื่อกลุ่มอาร์เค เตรียมป่วนตรุษจีนใต้ เหตุพบไดนาไมต์กว่า70 ลูก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-02-2008, 17:07



ชื่อเรื่อง   จนท.เชื่อกลุ่มอาร์เค เตรียมป่วนตรุษจีนใต้ เหตุพบไดนาไมต์กว่า70 ลูก
http://oas.psu.ac.th/wbns/shownews.php?news_id=64364
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวอาชญากรรม
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=93368
 เนื้อหา  จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กว่า 300 นาย ตรวจค้นพบระเบิดไดนาไมต์กว่า 70 ลูกในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน  และคาดว่าเป็นของกลุ่มก่อความไม่สงบที่เตรียมก่อเหตุในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน

            ความคืบหน้าพบว่า ระเบิดดังกล่าวถูกลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อบ้านเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายสู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 
 

ด้านหน่วยข่าวและความมั่นคง แจ้งเตือนว่า ขณะนี้มีรายงานว่าเครือข่ายกลุ่มก่อความไม่สงบได้นำเชื้อปะทุระเบิดเข้ามาให้กับสมาชิกแนวร่วมที่ผ่านการฝึกและการประกอบระเบิดจาก นายมะแอ อภิบาลแบ ในพื้นที่ อ.ยะหา อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อแจกจ่ายให้กับกลุ่มสมาชิกอาร์เค แล้ว
 
 วันที่เผยแพร่  1 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  1 ก.พ. 2551


หัวข้อ: ตร.ระแงะยึดซีโฟร์-อุปกรณ์ผลิตบึ้มเพียบ
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-02-2008, 17:08


ชื่อเรื่อง   ตร.ระแงะยึดซีโฟร์-อุปกรณ์ผลิตบึ้มเพียบ
http://oas.psu.ac.th/wbns/shownews.php?news_id=64354
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0119010251&day=2008-02-01§ionid=0101
 เนื้อหา  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส เข้าตรวจยึดวัตถุระเบิด พร้อมอุปกรณ์การผลิตได้จำนวนมาก ขณะคนร้ายกำลังประกอบระเบิดเพื่อใช้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 31 มกราคม ขณะที่ ร.ต.ต.อับดุลรอฮิม จารงค์ รอง สวป.สภ.ระแงะ หัวหน้าชุดคุ้มครองครูโรงเรียนบ้านบาโงสะโต หมู่ 4 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ นำรถยนต์เข้าไปจอดบนถนนที่หน้ามัสยิดนูรดีน มัสยิดประจำหมู่บ้าน ตั้งอยู่เยื้องกับโรงเรียนบ้านบาโงสะโต พบชายวัยรุ่นสวมกางเกงชุดวอร์มสีดำ และสวมเสื้อสีดำ 4 คน วิ่งหนีออกจากมัสยิดเข้าไปในสวนยางพาราด้านหลังมัสยิด จึงเข้าตรวจสอบบริเวณศาลาที่พักด้านหลังมัสยิด พบระเบิดซีโฟร์ 2 แท่ง เชื้อปะทุจุดชนวนระเบิด 11 ดอก นาฬิกาปลุก 1 เรือน รีโมตคอนโทรล 1 อัน และอื่นๆ อีกหลายรายการ

ต่อมานายประคอง คงแก้ว นายอำเภอระแงะ พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบด้านหลังของมัสยิด พบชิ้นส่วนของเหล็กแผ่นที่ถูกตัดออกเป็นแผ่นเล็กๆ เพื่อใช้ประกอบเป็นระเบิดบรรจุในถุงปุ๋ย ซุกซ่อนอยู่ใต้โคนต้นลองกองด้านข้างมัสยิดอีก 2 ถุง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับจัดกำลังไล่ติดตามวัยรุ่นทั้ง 4 คน ซึ่งคาดว่าเป็นแกนนำกลุ่มโจรอาร์เคเค ที่อาศัยมัสยิดแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตวัตถุระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ

วันเดียวกัน ที่ฐานปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ 1 ยะลา ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ทิม เรือนโต ผู้บังคับการกรมทหาพรานที่ 41 แถลงกรณีอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) มะรอเซ๊ะ ตาเย๊ะ สังกัดกองร้อย ทพ.4102 อ.บันนังสตา จ.ยะลา ร่วมกับอีก 1 คน ใช้ปืนยิงนายมะรอนิง อาลีมามะ ได้รับบาดเจ็บ และ อส.ทพ.มะรอเซ๊ะ ถูกนายมะรอนิงใช้มีดฟันเสียชีวิต ส่วนคนร้ายอีกคนหลบหนีไปได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับความสงบ โดย อส.ทพ.มะรอเซ๊ะ เพิ่งสมัครเข้ามาได้เพียง 9 เดือนเท่านั้น

ด้านนายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า นายอำเภอบันนังสตาได้ไปเยี่ยมนายมะรอนิง ที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมทั้งนำเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปมอบให้แล้ว

ด้านเหตุการณ์ในพื้นที่ เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 มกราคม นายธนน เวชกรกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเข้าตรวจค้นบ้านใหม่ หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส ควบคุมตัวบุคคลต่างถิ่น 5 คน ไปซักถาม

พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.สงขลา กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่คุมเข้ม พร้อมบูรณาการงานร่วมกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่

เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดเคโม น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ที่คนร้ายนำมาวางไว้ริมนถนนสาย อ.แว้ง-อ.สุไหงโก-ลก บริเวณหัวสะพานบ้านน้ำขาว หมู่ 3 ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ได้สำเร็จ

วันเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.นนทเดช ย้อยนวล พร้อมด้วย พ.ท.ทรงพล สาดเสาเงิน ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจยะลา 16 พ.ต.อ.สมบัติ หวังดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเบตง จ.ยะลา สนธินำกำลัง 3 ฝ่าย จำนวน 300 นาย บุกเข้าตรวจค้นปูพรมหมู่บ้านอัยเยอร์ควีน หมู่ที่ 8 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา รอยต่อ ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา จำนวน 2 เป้าหมายพร้อมกัน พบกลุ่มบุคคลเดินทางเข้าป่านำวัตถุระเบิดมาซุกซ่อน จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่าในเป้าหมายที่ 1 พบร่องรอยการขุดดินและจากการตรวจสอบรัศมีใกล้เคียงพบระเบิดชนิดไดนาไมด์ 57 ลูก และห่างไปเล็กน้อยพบอีก 18 ลูก พร้อมด้วยเชื้อปะทุ ระเบิดฝักแค อีก 62 ดอก สายไฟ 85 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้นำมาตรวจสอบพบว่าสภาพระเบิดทั้งหมดยังพร้อมใช้งาน
 
 ภาพประกอบ [1]
ชิ้นส่วนบึ้ม - อุปกรณ์ผลิตระเบิดที่ชุดคุ้มครองครูโรงเรียนบ้านบาโงสะโต หมู่ 4 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ค้นพบในมัสยิดนูรดีน มัสยิดประจำหมู่บ้าน หลังพบวัยรุ่นวิ่งหนีออกจากมัสยิดเข้าไปในสวนยางด้านหลัง จึงเข้าตรวจค้นพบอุปกรณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 31 มกราคม 
 วันที่เผยแพร่  1 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  1 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 03-02-2008, 18:54


คมช.ไม่ได้ล้มเหลว คิดกันไปเองครับ

ปัญหาภาคใต้ เห็นได้ชัดว่าคืบหน้าไปมาก

ถ้านักการเมืองไม่ส่งสัญญาณผิด ปัญหาภาคใต้จะทุเลา ฟันธง..


หัวข้อ: รวบ 6 ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้ที่ตากใบ พบคลิปเหตุรุนแรงในตะวันออกกลาง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-02-2008, 03:44


รวบ 6 ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้ที่ตากใบ พบคลิปเหตุรุนแรงในตะวันออกกลาง
 http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000013895
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2551 22:36 น.
 
 
 
นราธิวาส – ตร.-ทหารตากใบบุกค้น 2 หมู่บ้านหลังรับรายงานแนวร่วมป่วนใต้กบดานในพื้นที่ รวบ 6 หนุ่มสอบเครียด เผยพบภาพคลิปวิดีโอเหตุรุนแรงในตะวันออกกลาง-3 จชต.
       
       วันนี้ (3 ก.พ.) เวลา 15.00 น. พ.ต.อ.จักรพร แท่นทอง ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าปิดล้อมตรวจค้น พื้นที่ ม.1 และ ม.6 ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ หลังมีรายงานว่า ขบวนการยาเสพติดและแนวร่วมก่อความไม่สงบกบดานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
       
       จากการจู่โจมตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 6 ราย ประกอบด้วย
       1.นายนอ อาลีรูวี อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.1 ต.บางขุนทอง
       2.นายยากี สาแม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.1 ต.บางขุนทอง
       3.นายอัมรัน อาแวฮามะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม. 6 ต.บางขุนทอง
       4.นายมะนอรี ซะนิชู 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม. 6 ต.บางขุนทอง
       5.นายสามะแอ ซะนิชู อายุ 18 ปี น้องชาย นายมะนอรี
       6. นายดือเระ สะแม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.1 ต.บางขุนทอง เช่นกัน
       
       ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้ง 6 ราย ส่งค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ตรวจสอบเบื้องต้นพบโทรศัพท์มือถือของ นายนอ มีภาพเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในตะวันออกกลางและภาพความรุนแรงในพื้นที่ ทั้งวางระเบิด ตัดต้นไม้ โรยเรือใบ
       
       พ.ต.อ.จักรพร เปิดเผยว่า การเข้าค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับรายงาน ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบคดีความมั่นคง 6 รายที่หลบหนีจากห้องขัง สภ.ตันหยง หลบมากบดานในพื้นที่ อ.ตากใบ โดยมีการตัดต้นไม้ สวนยาง และพ่นสีตามป้ายของทางราชการ จึงได้เข้ามาทำการตรวจค้นจนกระทั่งพบผู้ต้องสงสัย 6 ราย ดังกล่าว

 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: อดีตทนายตาหวาน ตระกูลชินวัตรฉวยโอกาสให้สัมภาษณ์ เรื่องงานที่อยากมีส่วนร่วม..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-02-2008, 03:47

ว่าที่ รมว.กต.ขอร่วมทีมแก้ ศก.ชาติ-แก้ปัญหาภาคใต้  
http://www.manager.co.th/Lite/ViewNews.aspx?NewsID=9510000013918
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2551 19:46 น.
 
 
       นายนพดล ปัทมะ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนใหม่ เปิดเผยว่า งานแรกที่คิดจะทำคือ ร่วมเป็นทีมแก้ไขเศรษฐกิจชาติ และปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ โดยเชื่อว่า หากแก้ไขปัญหาสำคัญทั้ง 2 เรื่องได้สำเร็จ จะเป็นการส่งเสริมและสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนไทย
        นายนพดล กล่าวด้วยว่า จะลดบทบาทการทำหน้าที่ทนายความให้กับตระกูลชินวัตร โดยจะหาทนายความที่มีความสามารถมาทำหน้าที่แทน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกครหาว่า ใช้อำนาจรัฐบาลแทรกแซง เพื่อช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว หลุดพ้นจากคดีความ
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-02-2008, 15:28

http://oas.psu.ac.th/wbns/browse.php   :slime_v:


ชื่อเรื่อง   โจรใต้จ้องถล่มใหญ่ เตรียมระเบิด225ลูก เร่งติดตามหวั่นเกิดเหตุร้าย ยิงชาวบ้านตาย2ทหารเจ็บ1  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวอาชญากรรม
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=93509
 เนื้อหา  ความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 300 นาย เข้าตรวจค้นหมู่บ้านอัยเยอร์ควีน หมู่ที่ 8 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา จนพบระเบิดไดนาไมท์ จำนวน 75 ลูก พร้อมเชื้อประทุ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้นำระเบิด ไปเก็บไว้ในสถานที่ สภ.เบตง จ.ยะลา สำหรับระเบิดดังกล่าวเป็นของกลุ่มก่อความไม่สงบ รอการแจกจ่ายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุในช่วงวันที่ 5-10 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่าระเบิดมีทั้งหมด 3 ลัง แต่ละลังมีระเบิด 75 ลูก รวม 225 ลูก แต่กลุ่มแนวร่วมได้เคลื่อนย้ายออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตรวจค้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม อีกทั้งมีการสั่งให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการในการดูแลความสงบในพื้นที่อีกด้วย

วันเดียวกัน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส สนธิกำลัง จำนวน 150 นาย ตรวจค้น หมู่บ้านบือแรง ม.1 ต.ลาโละ อ.รือเสาะ เพื่อขยายผลการจับกุมกลุ่มแนวร่วมที่ทำระเบิดภายในมัสยิดนูรดิน ม.4 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในหมู่บ้านดังกล่าวได้ จำนวน 8 คน หลังพบว่าบุคคลดังกล่าวมีสารปนเปื้อนวัตถุระเบิดตามร่างกาย จากนั้นนำตัวไปทำการสอบสวนขยายผลต่อไป

สำหรับเหตุร้ายรายวัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจุดตรวจบ้านซีรอ ม.9 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ อส.ทพ.อิรอฮิม เจ๊ะแต อายุ 25 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ไล่เลี่ยกัน คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามประกบยิง นายซาการียา เจ๊ะซอ อายุ 56 ปี รองนายกเทศมนตรี ต.มะรือโบตก เสียชีวิตบนถนนสายกำปงบาเร๊ะ-มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ต่อมา คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายมะรีเป็ง อุเซ็ง อายุ 60 ปี สายข่าว ศอ.บต. เสียชีวิตบริเวณริมถนนสายสุไหงปาดี-สุไหงโก-ลก ม.1 ต.ปะลุรู จ.นราธิวาส 
 วันที่เผยแพร่  2 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  2 ก.พ. 2551


ชื่อเรื่อง   ทหารโชว์ผลงาน จับรองแม่ทัพโจรใต้ มะรอเซะ กายียุ คุมพื้นที่ทั่วยะลา
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวการเมือง
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=93654
 เนื้อหา  เมื่อวันที่ 2 กุมภาพัน์ พ.อ.(พิเศษ)ประยงค์ กล้าหาญ รอง ผบ.ฉก.สงขลา เปิดเผยว่า ได้จับตัวนายมะรอเซะ กายียุ อายุ 38 ปีและ นาย มะกอเซ็ง กายียุ อายุ 31 ปี และนำตัวไปยังพื้นที่กาบัง ต.บางบัง อ.กาบัง จ.ยะลา เพื่อขยายผลแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เหลือ เนื่องจากพื้นที่คลื่อนไหวก่อเหตุของแกนนำในอำเภอสะบ้าย้อย จะดำเนินการควบคู่กับพื้นที่กาบัง ซึ่งถือเป็นเขตรับผิดชอบร่วมกันของขบวนการก่อความไม่สงบที่นำโดยนายมะรอเซะ กากียุ

 รอง ผบ.ฉก.สงขลา กล่าวว่า วันที่ 1ก.พ.ที่ผ่านมากำลัง 3ฝ่าย ทหาร ตำรวจ พลเรือน เข้าปิดล้อมตรวจค้น บ.สวนใน ม.1 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย และได้ควบคุมตัว นาย มะรอเซะ กายียุ อายุ 38 ปี และ นาย มะกอเซ็ง หลังจากได้รับข้อมูลจากชาวบ้าน และแนวร่วมที่กลับใจจำนวนมากในพื้นที่ให้ข้อมูลกับทางการว่าในพื้นที่มีแกนนำที่สำคัญและเป็นผู้สั่งการคนสำคัญที่สุดในการก่อเหตุและเคลื่อนไหวเขตอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา กับอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา

 สำหรับนายมะรอเซะ กายียุ ถือเป็นแกนนำระดับมันสมองที่อยู่ระดับบนขององค์กร หรือขบวนการโดยในระดับพื้นที่แทบไม่มีหน่วยงานใดรู้ถึงประวัติ ซึ่งมีการปิดบังอำพรางที่แนบเนียนและขั้นตอนการสั่งการแนวงร่วมก่อเหตุมีรูปแบบหลายชั้นไม่สามารถสาวไปถึงตัว รวมทั้งมีระบบตัดตอนไม่ให้เจ้าหน้าที่เจาะข้อมูลถึงตัวได้

 "เราได้ข้อมูลหลังจากเหตุการณ์กองกำลังหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 สงขลา ปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เป็นเหตุให้คนร้าย เสียชีวิต 5 ศพ และ ยึดอาวุธสงครามพร้อม เวชภัณฑ์การดำรงชีวิตในป่าเป็นจำนวนมาก บริเวณบ้านสวนใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อ ช่วงเย็น ๆ วันที่ 8 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมาและการควบคุมตัวผุ้ต้องสงสัยกว่า20คนไปซักทั้งหมดให้การตรงกันว่านายมะรอเซะ กายียุ เป็นผู้อยู้เบื้องหลังและมีตำแหน่งสูงเป็นถึงระดับรองแม่ทัพในการสั่งการแนวร่วมทั้งหมดให้เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่"

 พ.อ.(พิเศษ)ประยงค์ กล่าว กล่าวต่อว่า นายมะรอเซะ กายียุ ยังเป็นมือขวาของนายมะอีซอ กาหลง แกนนำระดับสูงที่เคลื่อนไหวในพื้นที่กาบัง จ.ยะลา แต่ได้เสียชีวิตลงจากเหตุการปะทะกับเจ้าหน้าที่ในเดือนกันยายน 50ที่ผ่านมา ทำให้นายมะรอเซะ มีบทบาทมากขึ้นในการสั่งการและบัญชาการแนวร่วมในระยะหลัง

 รอง ผบ.ฉก.สงขลา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในพื้นที่สะบ้าย้อยยังมีแกนนำระดับผู้นำกองกกำลังรบคนสำคัญ ซึ่งหลบหนีการปิดล้อมจับกุมไปได้นั่นคือ นายเจะรูดิง มาหะมะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/2 ม.1 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งบุคลลรายนี้ถือเป็นคู่หูคนสำคัญของนายมะรอเซะ กายียุ โดยทำหน้าที่สนองคำสั่งด้วยการนำเครือข่ายหรือกองกำลังออกปฏิบัติการแทบทุกครั้งในพื้นที่สะบ้าย้อย และอ.กาบัง จ.ยะลา

 ด้าน พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ที่หลบหนีจากสถานที่ควบคุมตัว สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ยังคงส่งกำลังออกไล่ล่าติดตามกลุ่มผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั้งหมดยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ หลังจากตรวจสอบตามด่านชายแดนไม่พบรายชื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวผ่านเข้า-ออก นอกจากนี้ จากรายงานการข่าวของเจ้าหน้ายังสืบทราบว่า 1 ใน 6 ผู้ต้องหา คือ นายรุสลัน มือลี แกนนำคนสำคัญ ได้ออกมาเคลื่อนไหวและกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล ก่อนนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่องขณะนี้ คาดว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ต้องหาที่หลบหนีไปจากห้องขัง

 สำหรับเหตุร้ายรายวัน ร.ต.ท.สุนทร อัมโร ร้อยเวร สภ.ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุระเบิดที่ริมถนนสายบ้านบาตัน-ลิดล บริเวณ ม.4 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา หลังรับแจ้งจึงได้ประสานชุดเก็บกู้ระเบิดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดกว้าง 30 ซม.ลึก 15 ซม. มีเศษสะเก็ดระเบิดกระจายทั่วบนถนน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัมจุดชนวนด้วยรีโมท

 สอบสวน ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ทหารพรานชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เดินเท้าลาดตระเวนเส้นทางสายบ้านบาตัน - บ้านลิดล เมื่อมาถึงบริเวณ ม.4 บ.บาตัน ก่อนที่กำลังจะเดินถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร ได้เกิดระเบิดขึ้นก่อน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดลาดตระเวนเส้นทางจำนวน 15 นาย ทั้งหมดปลอดภัย ส่วนสาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

 ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.จิรายุ ภู่ระหงษ์ ร้อยเวรสภ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีเหตุยิงกันบนถนนสายพงจือนือเร๊ะ-ปะแต หมู่ที่ 3 ต.กายูบอเกาะ หลังรับแจ้งจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ คริสตัล สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพเก่าล้มอยู่ข้างทาง ห่างกันพบศพนายอับดุลรอซะ นะดารานิง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ที่ 3 ต.กายูบอเกาะ อดีตเป็น ชรบ.หมู่ที่ 3 สภาพศพถูกยิงที่บริเวณศีรษะ และ ลำตัว จำนวน 2 นัด เสียชีวิตจมกองเลือดอยู่

 จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว พร้อมด้วยลูกชายวัย 3 ขวบ มุ่งหน้าจะไปบ้านภรรยา ที่ บ้านปะแต หมู่ที่ 1 ต.กอตอตือร๊ะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีวัยรุ่น 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสียี่ห้อ และแผ่นป้ายทะเบียน คนซ้อนท้ายนุ่งโสร่ง ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด ประกบยิงในระยะเผาขน จนรถจักรยานยนต์ล้มลง และ ทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 
 วันที่เผยแพร่  2 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  2 ก.พ. 2551


ชื่อเรื่อง   ทหารตำรวจสรุปสถานการณ์ใต้ในรอบปีจับโจรได้แล้ว1,900คน
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สยามรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.siamrath.co.th/UIFont/NewsDetail.aspx?cid=108&nid=6420
 เนื้อหา  เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ 3 ก.พ.51ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ท.วิโรจน์   บัวจรูญ  แม่ทัพภาคที่ 4   พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์  แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.  พร้อมด้วย นายพระนาย  สุวรรณรัฐ  ผอ.ศอ.บต. และ นายธีระ  มินทราศักดิ์  ผวจ.ยะลา ได้เข้าร่วมประชุมตามโครงการพบปะกับผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อให้แต่ละหน่วยงานทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน ได้ชี้แจงนโยบายผลงานในการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมาและนโยบายในปี 2551 นี้ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
                  ภายหลังจากการประชุม พล.ท.วิโรจน์  เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการสั่งกำชับหน่วยกำลังในพื้นที่ที่ตั้งชุดเฉพาะกิจอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น ให้ดูแลความความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด และเฝ้าระวังการก่อเหตุร้ายของกลุ่มก่อความไม่สงบที่จะเข้ามาลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าวนี้ หากไม่ได้รับความร่วมมือกับประชาชนการแก้ไขปัญหาก็คงลำบาก แต่หากประชาชนให้ความร่วมมือเป็นหูเป็นตาและคอยแจ้งเบาะแสให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ทราบ การแก้ไขปัญหาก็ง่ายขึ้นและก็จะสามารถจับกุมคนร้ายได้มากขึ้นด้วย

          ทางด้าน พล.ต.ท.อดุลย์   กล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ความรุนแรงได้เริ่มลดลงไปมากกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบถึงวิธีการการก่อเหตุของคนร้ายได้มากขึ้น และรู้ถึงกลุ่มแกนนำที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ จนสามารถจับกุมตัวมาได้แล้วหลายคน จนสามารถขยายผลและออกหมายจับกลุ่มก่อความไม่สงบ จนถึงขณะนี้มีจำนวน 4,000 คดี  จับได้แล้วจำนวน 1,900 คน และคนร้ายตามหมายจับได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ผ่านมามีจำนวน 66 ราย  ดังนั้นในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก
 
 วันที่เผยแพร่  3 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  3 ก.พ. 2551


ชื่อเรื่อง   เพิ่มศักยภาพ ตร.ใต้
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=153611&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา  ตร.ระดับรองผู้การฯ ใน 4 จว.ใต้ เข้าอบรมหลักสูตรตอบโต้สถานการณ์ไฟใต้ หวังเพิ่มศักยภาพผู้บังคับบัญชาสั่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้านที่ อ.เบตง ตร.-ทหาร ปูพรมปิดล้อมค้นพื้นที่เป้าหมายต่อเนื่อง ป้องกันการก่อเหตุร้ายช่วงตรุษจีน
 
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ห้องยะลารวมใจ ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา ศปก.ตร.สน.ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร. ในฐานะ ผบ. ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหาร และตอบโต้สถานการณ์ในภาวะวิกฤต ระดับหัวหน้าหน่วย ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ระดับ รองผู้บังคับการ ที่รับผิดชอบชุดปฏิบัติการครูฝึกเคลื่อนที่ของตำรวจภูธร จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา และหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา จำนวน 63 นาย ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 4 -6 กุมภาพันธ์ 2551
 
พล.ต.ท.อดุลย์ กล่าวว่า การอบรมเป็นการดำเนินการ เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มคนร้ายยังคงมีการปฏิบัติการก่อเหตุความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเกิดเหตุการณ์ ผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำหน่วยซึ่งรับผิดชอบการสั่งการ สามารถสั่งการบริหารวิกฤตการณ์ในขณะนั้น ตามแนวทางยุทธวิธี แผนปฏิบัติ ให้เกิดผลการปฏิบัติ จนไปสู่การแก้ไขสถานการณ์ในภาวะวิกฤต และปฏิบัติการโต้ตอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างท่วงที  การอบรมจะใช้สถานการณ์สมมติหรือการคาดการณ์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น มาใช้ในการฝึกปฏิบัติภาคสนาม อาทิ การลอบวางระเบิดในเส้นทางลาดตระเวน การชุมนุมประท้วง เป็นต้น เพื่อให้ ผู้บังคับหน่วยมีทักษะ ความชำนาญ และศักยภาพของความพร้อมและตื่นตัวอยู่เสมอ
 
ขณะที่เมื่อเวลา 04.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วม 100 นาย กระจายกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด ของพื้นที่ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา หลังสืบทราบว่าเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของขบวนการก่อความไม่สงบ เพื่อเตรียมก่อเหตุในช่วงเทศกาลตรุษจีน
 
พ.ต.อ.สมบัติ หวังดี ผกก.สภ.เบตง จ.ยะลา กล่าวว่า หลังจากที่กองกำลังผสมได้ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ในพื้นที่ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา จนสามารถตรวจยึดวัตถุระเบิด ตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆ ที่คนร้ายใช้เตรียมก่อเหตุรุนแรงได้หลายรายการ
 
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา นั้น ยอมรับว่า ขณะนี้ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีอย่างต่อเนื่องที่ยังคงพยายามหาโอกาสก่อเหตุและสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจของ สภ.เบตง รวมทั้งกองกำลังทหารตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ได้เตรียมเปิดแผนยุทธการโดยขยายไปสู่การปิดล้อมตรวจค้น พื้นที่เป้าหมาย ซึ่งแต่ละจุดได้มีการกระจายกำลังไปทั้งอำเภอ ที่สำคัญคือพื้นที่ซึ่งมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ เพื่อต้องการจำกัดเสรีของฝ่ายตรงข้ามเพื่อนโยบายการสร้างสันติสุขสู่ชายแดนซึ่งในการตรวจค้นในครั้งนี้ไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด
 
ส่วนสาเหตุที่กองกำลังทั้ง 3 ฝ่ายเข้าปิดล้อมตรวจค้นตามจุดเป้าหมายนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมืออย่างจริงใจของกลุ่มชาวบ้านที่มีความเข้าอกเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งเบาะแสการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามที่พยายามแทรกซึมเข้ามากบดานและซุกซ่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ในหมู่บ้านของพวกเขา
 
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กองกำลังเปิดแผนเชิงรุกในการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในส่วนของมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยชาวบ้านก็ต้องกระทำควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านหลังจากที่หันมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
 ภาพประกอบ [1]
 
 ภาพประกอบ [2]
 
 ภาพประกอบ [3]
 
 วันที่เผยแพร่  4 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  4 ก.พ. 2551


ชื่อเรื่อง   พ่อเมืองปัตตานีคุมเข้มประมง เรียกชาวอ.เมือง-หนองจิกหารือ แก้ปัญหาเครื่องมือผิดกฎหมาย
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=93674
 เนื้อหา  ปัตตานี:ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เรียกกลุ่มตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอ ของจังหวัดปัตตานี ได้แก่พื้นที่อำเภอหนองจิกและเมือง ที่ยังคงมีการใช้เครื่องมือลากข้างที่ผิดกฎหมายใช้ทำการประมง เนื่องจากตลอดระยะที่ผ่านมาทางจังหวัดได้มีการผ่อนผันมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการใช้เครื่องมือลากข้างส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะสัตว์น้ำวัยอ่อนที่กำลังเจริญเติบโต

 โดยนายภาณุ กล่าวว่า จังหวัดปัตตานีมีรายได้หลักมาจากการทำประมงประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำ ไม่ให้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำเศรษฐกิจประมงต่อเนื่องได้ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้หลักของจังหวัดปัตตานี จึงอยากให้ชาวประมงพื้นบ้านให้ความร่วมมือในการจะประกอบอาชีพที่ใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเราจะได้ร่วมกันรักษาทรัพยากรสัตว์ของปัตตานีเราให้กลับอุดมสมบูรณ์มาอีกครั้ง และปีนี้ทางจังหวัดปัตตานีได้รับการสนับสนุนงบประมาณทำปะการังเทียม เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล สร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ

ด้านนายวสันต์ ศรีวัฒนะ ประมงจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางประมงได้มีการตกลงร่วมกันกับชาวประมงเรือพาณิชย์อวนรุนขนาดใหญ่ที่ยังใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายให้มีการสับเปลี่ยนใช้เครื่องมือที่ถูกต้องนำร่องไปแล้วจำนวน 20 ลำ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ศอ.บต.จำนวน 4 ล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีบางรายที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือ โดยอ้างว่าได้กู้เงินลงทุนมาจำนวนมาก จึงได้มีการบันทึกตกลงที่ไม่มาทำประมงในพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีเรียบร้อยไปแล้ว ยังคงเหลือประมงพื้นบ้านที่ใช้ลากข้างโดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ มีจำนวนหลายร้อยลำในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดปัตตานี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าทีของรัฐกับกลุ่มชาวบ้าน ทางจังหวัดจึงได้เรียกตัวแทนประมงลากข้างเข้ามาประชุมเพื่อตกลงร่วมกันก่อนที่จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง 
 วันที่เผยแพร่  4 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  4 ก.พ. 2551



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-02-2008, 15:31


ชื่อเรื่อง   กองกำลัง 3 ฝ่ายลุยค้นเบตง 2 จุด ยึดวัตถุระเบิดอื้อ   :slime_worship:

http://oas.psu.ac.th/wbns/shownews.php?news_id=64396
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ไทยรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนี้
 URL   http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=77652
 เนื้อหา  เช้าวันนี้ (4 ก.พ.) กองกำลัง 3 ฝ่าย ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเกือบ 100 นาย กระจายกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด ใน ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ต่อเนื่องที่กองกำลังได้ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ ต.อัยเยอเวง อ.เบตง เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

โดยการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดวัตถุระเบิดและชิ้นส่วนต่างๆ ที่คนร้ายใช้เตรียมก่อเหตุ และขณะนี้ยังพบมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่อาจจะเกิดเหตุไม่สงบขึ้นได้

ทั้งนี้ การปิดล้อมส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาวบ้าน ที่ได้แจ้งเบาะแสการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ที่พยายามแทรกซึมเข้ามากบดาน และซุกซ่อนอาวุธไว้ในพื้นที่ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน
 
 วันที่เผยแพร่  4 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  4 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-02-2008, 16:47



มีใครคิดว่าปัญหาภาคใต้ต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติมครับ..

อย่าไปรอดินฟ้าอากาศ  ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจริงจังทุกท่านครับ

การสงครามนั้น ให้ชาวบ้านร่วมมือและฝึกฝนวิชาป้องกันตนเองดีที่สุดครับ..



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 05-02-2008, 17:43

เรื่องการสังเกตระเบิดคงต้องสอนชาวบ้านด้วย..


ชื่อเรื่อง   ปลัดอำเภอมายอเหยื่อบึ้มอาการยังน่าห่วง
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว   อาชญากรรม
 URL   http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=153734&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา  วันนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณแพชั่วคราว คลองกระเสาะ ข้างโรงเรียนตาดีกา บ้านกระเสาะ ม.2 ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน และถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 2 คน คือ นายหร่ออ็บ  มุเส็มสะเดา อายุ 43 ปี ปลัดอำเภอมายอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบลกระเสาะ และนายประดิษฐ์  เพ็งเจริญ อายุ 57 ปี ผู้ช่วยเกษตรจังหวัดปัตตานี

รศ.นพ.สุเมธ  พีรวุฒิ ผอ.โรงพยาบาลสงขลานครนิทร์  เปิดเผยว่า ในส่วนของนายหร่ออ็บ ขณะนี้อยู่ในห้องไอซียูเนื่องจากอาการค่อนข้างสาหัส  โดยโดนระเบิดบริเวณแขน 2 ข้าง ขาขาดทั้งสองข้าง มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง รู้สึกตัวดี หัวใจและความดันปกติ แต่ยังคงใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ ในขณะที่ภาวะเลือดออกไม่รุนแรง แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดในระยะนี้เพื่อดูภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ในขณะที่อาการของ นายประดิษฐ์  มีแผลบริเวณตา ได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ต้องฉีดยาฆ่าเชื้อ และหยอดตาทุก ๆ ชั่วโมง รู้สึกตัวดี ความดันและการเต้นของหัวใจปกติ อาการโดยรวมพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยพักฟื้นอยู่ที่หอผู้ป่วยเฉลิมพระบารมี 11

รศ.นพ.สุเมธ  กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จำนวน 6 รายซึ่งล้วนบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดทั้งหมด  ประกอบด้วย พล.ต.ต.นพดล  เผือกโสมณ  อาการล่าสุดผ่าตัดขาด้านซ้ายและมือด้านซ้าย มีแผลที่หลังเนื่องจากเอากระดูกออกไปใส่ที่ขา มีอาการปวดแผลให้ยาฆ่าเชื้อแบบรับประทาน ทำแผลทุกวัน งดการทำกายภาพบำบัดชั่วคราว  ร.ต.ท.ศักดิ์ศรี ทายสงค์  ขาซ้ายใส่เผือก  ขาขวาใส่เหล็ก  เช็ดทำแผลทุกวันด้วยระบบสุญญากาศ  กระดิกนิ้วเท้าได้ ไม่มีไข้ ให้ยาแก้ปวด ทำ
 
 วันที่เผยแพร่  5 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  5 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 05-02-2008, 23:04


อ่านกันเยอะๆครับ

คนท้องถิ่นมีปัญหา เพราะข้าราชการต่างถิ่น

เข้ามาตั้งรกรากทำงานอยู่ในพื้นที่และมีผลประโยชน์

ยกตัวอย่าง ตำรวจยัดยาบ้า มันกลายเป็นวัฒนธรรมโจร ที่ชาวบ้านที่มีปัญหา

ไม่ทราบจะพึ่งใคร..ทั้งคนร้ายคนดีปะปนกัน

จนตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว สำหรับคนร้าย แต่ข้าราชการที่มีปัญหา คงมีไม่น้อย..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 05-02-2008, 23:12



รวมลิงค์ให้อีกครั้งครับ..

http://oas.psu.ac.th/wbns/newsgroup.html

http://www.muslimcampus.com/news.php

http://www.pataninews.net/links.asp

http://songkhlatoday.com/index.php?

http://www.focuspaktai.com/index.php

.......................................


ข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งหมดจำนวน 63499 รายการ  

http://oas.psu.ac.th/wbns/browse.php

ติดตามข่าวคราวเปรียบเทียบได้ตามลิงค์ ข้อมูลเขาอัพเดทเพิ่มข่าวทุกวัน


ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ Deep South Watch (DSW).

http://www.deepsouthwatch.org/


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-02-2008, 19:35


ชื่อเรื่อง   สมัคร ปัดปลดอาวุธทหาร- ชาวบ้านใต้ ระบุแค่รับข้อเสนอก็ถูกด่า
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ประชาไท
 คอลัมน์ข่าว   -
 URL    http://www.prachathai.com/05web/th/home/11126
 เนื้อหา  นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่างถึงแนวทางการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการปลดอาวุธชาวบ้าน และ ตำรวจ ทหาร ระดับร้อยโทลงมาว่า เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการกลางอิสลามประจำประเทศไทย ที่มาคารวะตนโดยเสนอให้ปลดอาวุธ แก้ปัญหาปัญหายาเสพติด เรื่องการศึกษา โดยให้เวลา 3 เดือนแล้วไปตรวจสอบ ใครมีอาวุธอยู่ในบ้านก็ให้ประหารชีวิต ตนเห็นว่าเป็นแบบมาเลเซีย จึงเสนอว่า ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตก็รุนแรงแล้วแต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีจะนำไปบอกคนที่รับผิดชอบว่ามีคนเสนอมาแบบนี้

 

พอมีข่าวออกไป ชาวพุทธบอกว่า ชาวพุทธยังไม่ได้พบกับนายกฯ แต่ไปพบกับอิสลามแล้ว ซึ่งมันเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้นยังไม่ไปถึงขั้นตอนไหนก็โดนด่าเสียแล้ว ต่อไปจะไม่เอาอีกแล้ว ใครจะมาติดต่ออย่างไร ขอให้เขียนหนังสือมา แล้วจะไปแง้มๆ ดู

         

“ผมจะคุยกับคนที่มีหน้าที่อีก 2-3 วันว่าอะไรควรจะดำเนินการแก้ไข หากดีแล้วก็ทำต่อไป ถ้าไม่ดีผมจะขอแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมที่เป็นส่วนตัว ในฐานะที่รับผิดชอบก็ต้องไปร่วมหารือ แต่หากจะมาบอกทั้งๆ ที่เพิ่งถวายสัตย์ฯ มาหมาดๆ และพรุ่งนี้จะมีการประชุม ครม. รวมทั้งวันอังคารที่ 12 ก.พ.ก็จะประชุม ครม.เพื่อเตรียมการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องเข้าสภาก่อน ตอบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”

         

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ยืนยันว่า การแก้ปัญหาภาคใต้จะยังคงเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่เรื่องดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติงานเพียงลำพัง ดังนั้น ต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่ร่วมรับผิดชอบคือ ทหาร รัฐบาลชุดนี้ จะถือว่าปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาระดับความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งอาจต้องมีการพิจารณาในการปรับปรุงโครงสร้าง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.ให้มีอำนาจหน้าที่มากยิ่งขึ้นและยืนยันว่า จะยังคง พ.ร.บ.ศอ.บต.ต่อไป

 

พล.ต.ต.สายัณห์ กระแสเสน ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการรณรงค์ป้องกันการก่อเหตุร้าย โดยใช้มาตรการจอดรถเปิดเบาะ แขวนหมวกกันน็อค เพื่อเป็นการง่ายต่อการดูแลความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ในเขตเทศบาลนครยะลา หลังกลุ่มคนร้ายมักใช้รถจักรยานยนต์นำระเบิดเข้ามาก่อเหตุจนทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

 

พล.ต.ต.สายัณห์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นโครงการรณรงค์ให้ประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ เปิดเบาะและแขวนหมวกกันน็อคทุกครั้งที่นำไปจอดยังที่สาธารณะ เช่น ตลาด ชุมชน ย่านการค้า และสถานที่ราชการ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลารับทราบและถือปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกัน

 

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุร้าย ซึ่งระยะหลังพบว่ากลุ่มคนร้าย มักจะนำระเบิดซุกซ่อนมากับรถจักรยานยนต์และนำไปจอดทิ้งไว้ในย่านชุมชน จนเกิดเหตุร้ายทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมาแล้วหลายราย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้นำมาใช้เป็นมาตรการสำคัญผ่านมาแล้ว 3 วัน ในจำนวน 10 จุด ที่พบว่าเป็นจุดเสี่ยงอันตราย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนดีมาก แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์ พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือไปยังประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา ได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว

 

ขณะที่นางไซนะ สาซิ ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นมาตรการที่ดีในการดูแลชีวิตของประชาชน และตนเองก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ และอยากให้มีการนำมาตรการดังกล่าวนี้ไปใช้ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเหตุร้าย

 

นายวิรัช ประเศรษโฐ นายอำเภอมายอ จ.ปัตตานี กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ถึงแม้ตนจะถูกระเบิดจนบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ยังคงมีกำลังใจดี เพราะที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุประชาชนโดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ ได้รับทราบข่าวต่างออกมาแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจ พร้อมประณามกลุ่มที่ก่อเหตุ ซึ่งขอยืนยันว่าจะยังคงมีความปรารถนาที่จะทำหน้าที่เพื่อการอุทิศตนให้กับคนในพื้นที่ ให้มีความอยู่ดีกินดีต่อไป โดยไม่ย่อท้อ และขอให้ทุกคนร่วมมือ ปรองดอง สมานสามัคคี เพื่อสันติสุขของบ้านเมืองโดยเร็ว

 

สำหรับอาการโดยรวมของนายวิรัช ประเศรษโฐ นายอำเภอมายอ ขณะนี้ความปลอดภัยแล้ว แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนนายประดิษฐ์ เพ็งเจริญ ผู้ช่วยเกษตรจังหวัดปัตตานี สะเก็ดที่เข้าตา แพทย์เร่งให้การช่วยเหลือ และนายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา ปลัดตำบลที่ถูกตัดขายังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนที่เหลืออาการปลอดภัยหมดแล้ว

 

ทั้งนี้ ข้อเสนอให้ปลดอาวุธประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้ภายใน 3 เดือนนั้น มาจากการสเนอของนายพิเชษฐ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวบ้านบางคนเช่น นางลีตีเยาะ หะระตี ผู้ใหญ่บ้านดูซงตาวา อ.รามัน จ.ยะลา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เชื่อว่าผู้เสนออาจไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงวันนี้หนทางเดียวที่ประชาชนพึ่งนั่นคือ การหาอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง


 

"ถ้าปลดอาวุธชาวบ้าน ทหาร ชรบ.และ อส.ช่วงนี้บอกได้คำเดียวว่าอยู่ไม่ได้ อยากให้รัฐและผู้เกี่ยวข้องลงมาสัมผัสข้อเท็จจริงด้วยตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร วันนี้สถานการณ์เลยช่วงเวลาวางอาวุธไปแล้ว เราต้องพึ่งทหาร ต้องพึ่งฝ่ายความั่นคงที่ติดอาวุธเพื่อรักษาชีวิต เมื่อก่อนบ้านดูซงตาวาเป็นจุดหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรงของกลุ่มอาร์เคเค แต่จากยุทธการรุก ทำให้วันนี้แนวร่วมที่แฝงตัวอยู่ในมวลชนลดลง แต่ยังไม่สามารถให้เป็นพื้นที่ปลอดอาวุธได้ สิ่งที่ท่องจำขึ้นใจทุกวันคือ เตรียมพร้อมที่จะสู้และปกป้องตัวเองให้พ้นจากคมกระสุนฝ่ายตรงข้าม หากปลดอาวุธเชื่อว่าจะมีผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่เสียชีวิตอีกไม่น้อย ที่สำคัญเราไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย นอกจากตัวเองเท่านั้น" นางลีตีเยาะ กล่าว


 

นายอภิวัฒน์ อารีบำบัด ผู้ใหญ่บ้านตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากในการสั่งให้คนร้ายปลดอาวุธ ขณะที่ชาวบ้านการปลดอาวุธเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่ถามว่าทำไปแล้วรัฐได้อะไรและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับมันคุ้มค่าหรือไม่เมื่อแลกกับการเพิ่มภาระความเสี่ยงให้ชาวบ้าน โดยมีชีวิตของคนในพื้นที่เป็นเดิมพัน เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่ได้เพราะมีอาวุธ


 

นายสายันต์ เอี่ยมหิรัญ ชาวบ้านที่เคยหนีไปอาศัยในวัดนิโรธสังฆาราม จ.ยะลา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะไม่เชื่อว่าแนวที่แฝงตัวเป็นชาวบ้านด้วยกันเองจะยอมปลดอาวุธ ประกอบกับสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงเกินไปที่จะให้ชาวบ้านอยู่โดยไร้อาวุธปกป้องตัวเอง ตนยอมติดคุกข้อหากระทำผิดในการพกอาวุธเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว เนื่องจากติดคุกยังมีโอกาสอยู่รอด เพราะมั่นใจว่าโจรจะไม่มีทางปลดอาวุธและทันทีที่ชาวบ้านปลดอาวุธเท่ากับเป็นเป้านิ่งรอให้คนร้ายมายิง


 

นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ประธานสมาพันธ์ครู จ.ยะลา กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวสวนทางกับความเป็นจริงในพื้นที่ เพราะทุกวันนี้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นเจ้าหน้าที่ ประชาชน แนวร่วมก่อความไม่สงบ การปลดอาวุธของประชาชนฝ่ายเดียวโดยไม่ปลดอาวุธแนวร่วมก่อความไม่สงบ เพราะรัฐสั่งไม่ได้ ก็เท่ากับให้ประชาชนตกเป็นเป้านิ่งถูกทำร้ายฝ่ายเดียว ประชาชนพกอาวุธไม่ได้เพื่อการต่อสู้ แต่เพื่อป้องกันตัวเอง หากจะปลดอาวุธ ต้องปลดกันครบทุกฝ่าย ซึ่งใครจะเป็นผู้รับประกันว่าปฏิบัติได้จริง


 

นายสงวน อินทรักษ์ ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า การปลดอาวุธประชาชนไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา แต่กลับจะยิ่งสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะจะมีประชาชนตกป็นเหยื่อมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ปัจจุบันเป็นเหมือนสงครามการต่อสู้ที่มีเหตุร้ายรายวันซึ่งส่วนใหญ่มาจากการใช้อาวุธยิงทั้งสิ้น โดยเฉพาะครูที่ต้องเสียชีวิตถึง 92 คน


 

"ผมเห็นด้วยกับแนวคิดการปลดอาวุธ แต่ไม่ใช่ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะปัจจัยไม่เอื้ออำนวย การจะปลดอาวุธประชาชนได้ รัฐต้องแสดงความมั่นใจว่าเหตุการณ์คลี่คลายและมีมาตรการ บทลงโทษสำหรับผู้ที่ละเมิดที่รุนแรง โดยเฉพาะคนร้ายที่กระทำความผิด เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่เท่าเทียมกัน หากทำได้ภายใน 3-6 เดือน สามารถแก้ปัญหาความไม่สงบได้แน่ แต่ถ้าไม่สามารถการันตีความมั่นใจได้อย่าปลดอาวุธประชาชน" นายสงวน กล่าว


 

นายนิมุ มะกาเจ อดีต รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา กล่าวว่า การที่องค์การศาสนาอิสลามในส่วนกลาง ได้เสนอให้ปลดอาวุธ ถือเป็นมิติที่ดี และไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาวุธอย่างเดียว ความยุติธรรมอื่นด้วย อบายมุข เพราะทั้งหมดเกี่ยวข้องกันและนำไปสู่ความรุนแรง

   

ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พบว่าไม่มีคณะรัฐมนตรีรายใดที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรง โดยเฉพาะกระทรวงสำคัญๆ ทั้งกระทรวงกลาโหมที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เข้าดำรงตำแหน่งเอง รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง


 

"ผมรู้สึกกังวลกับแนวทางและนโยบายการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลชุดใหม่มาก เนื่องจากคณะผู้บริหารรัฐบาลชุดนี้ยังขาดคุณสมบัติในหลายประการ ทั้งคุณสมับติด้านการบริหารจัดการและประสบการณ์ด้านการแก้ปัญหาไฟใต้" ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว


 

พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม ประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ และอดีตรอง ผบก.ตชด.ภาค 4 กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นับจากนี้ไปรัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งบุคคลที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่มีความเข้าใจโครงสร้างของปัญหา มาเป็นคณะทำงานโดยเฉพาะ เนื่องจากพิจารณารายชื่อคณะรัฐมนตรี ไม่พบว่ามีบุคลากรที่ศึกษาเข้าใจและใกล้ชิดปัญหาอย่างละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งการแก้ปัญหามีโอกาสเป็นไปในลักษณะควบคุมสถานการณ์เพียงช่วงเวลาเท่านั้น โอกาสที่จะเห็นสันติภาพอย่างยั่งยืนยังคงเป็นเรื่องยาก


 

"ผมผิดหวังที่ไม่เห็นบุคคลซึ่งมีบทบาทในการร่วมขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ อยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ โดยเฉพาะ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหาดีคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รับโอกาสทำหน้าที่ แม้แต่หมอแวก็ไร้บทบาท แล้วใน ครม.ชุดนี้มีใครที่ศึกษาและเข้าใจปัญหาท่องแท้กว่าหมอแว หรือจะให้คาดหวังการแก้ปัญหาด้วยการกำหนดนโยบายจากส่วนกลางเหมือนที่ผ่านมา ส่วนตัวจึงเชื่อว่าปัญหาที่เป็นอยู่ก็คงไม่ต่างไปจากเดิมเท่าใดนัก" พล.ต.ต.จำรูญ กล่าว


 

นายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สสต.) กล่าวว่า จากรายชื่อ ครม. ยอมรับว่าไม่เป็นไปตามความต้องการ และความคาดหวังของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจาก ครม.ชุดนี้ไม่มีชื่อบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ เพราะการแก้ไขปัญหานอกเหนือจากการเป็นผู้รู้เข้าใจศึกษาโครงสร้างปัญหาอย่างแท้จริงแล้ว ยังต้องใกล้ชิดและสัมผัสกับข้อเท็จจริงโดยตรง


 

"ส่วนตัวยอมรับว่าเสียดายที่ไม่มีตัวแทน ส.ส.จากพื้นที่ชายแดนภาคใต้อยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เพราะคนพื้นที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางความต้องการของพื้นที่โดยตรง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาความไม่สงบ แต่อย่างไรก็ตามจำเป็นที่จะต้องให้เวลารัฐบาลชุดนี้พิสูจน์ฝีมือเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน หากยังไม่มีความสำเร็จใดที่เป็นรูปธรรม จึงค่อยออกมาขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในแนวทางแก่ปัญหาต่อไป" นายอาซิส กล่าว
 
 วันที่เผยแพร่  8 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  8 ก.พ. 2551


หัวข้อ: ล็อกผู้ว่าฯรัฐปัตตานีพร้อมอาร์เคเค
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-02-2008, 19:50
ชื่อเรื่อง   ล็อกผู้ว่าฯรัฐปัตตานีพร้อมอาร์เคเค  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว   อาชญากรรม
 URL   http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=154098&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา  เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 8 ก.พ. พ.ต.อ.ขวัญดี ฉิมพลี ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย นปพ.จ.นราธิวาสที่ 2 พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 ได้สนธิกำลัง 150 นาย ใช้กฎอัยการศึกทำการปิดล้อมตรวจค้นแบบปูพรมหมู่บ้านไอบาตู หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง หลังสืบทราบมีกลุ่มสมาชิกกลุ่มขบวนการอาร์เคเคระดับแกนนำจำนวนหนึ่ง ที่หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปอาศัยอยู่ในพื้นที่รัฐกลันตันของประเทศมาเลเซีย ได้แฝงตัวกลับบ้านพักเพื่อประชุมวางแผนกับสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่เพื่อก่อเหตุร้าย
 
ทั้งนี้จากการจู่โจมตรวจค้นเป็นเวลานาน กว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแกนนำและสมาชิก ได้ 13 คน โดยแยกเป็นระดับแกนนำและสั่งการ 1 คน คือ นายมะสุกรี สะตอปา อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 8 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทั้งนี้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบว่านายมะสุกรี สะตอปา ยังมีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการรัฐปัตตานีเขต 1 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมแกนนำในพื้นที่อีกระดับหนึ่ง
 
นอกจากนี้ในระดับครูฝึกประกอบระเบิด 1 คน คือ นายอาลพาเด อายะ อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 1 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นรา  ธิวาส มือวางระเบิด 1 คน คือ นายสุกรีมัน กูบารู อยู่บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 8 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และสมาชิกแนวร่วมอีก 10 คน โดยแยกเป็นคน ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี 7 คน คือ 1.นายอับดุลเลาะ แซมซูดิง 2.นายอับดุลรอมัน มามะ 3.นายยาการียา อาแวนุ 4.นายบาฮาเร็จ มูหามะ 5.นายยูกิฟปรี มูหามัด 6.นายมะยูกี มูหามะ และ 7.นายอับดุลซาตา ปาตาฮาลีเป็ง และแยกเป็นคน ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี 2 คน คือ นายดารูวี ตาซู และนายอับดุลปารี สะมะแอ แยกเป็นคน ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี อีก 1 คน คือ นายมูหามัดสากี บินหะมะ
 
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบของกลางต่าง ๆ จำนวน 12 รายการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ในบ้านพักหลังหนึ่งไม่มีเลขที่ ที่กลุ่มขบวนการอาร์เคเค ใช้กบดาน คือ 1.วงจรประกอบระเบิด จำนวน 1 ชุด 2.ถ่านแบตเตอรี่ต่อวงจรขนาด 7 โวลต์ 5 ก้อน 3.ถ่านแบตเตอรี่ก้อนเล็ก 4 ก้อน 4.สวิตช์กดระเบิด จำนวน 1 ตัว 5.ไฟฉาย จำนวน 1 กระบอก 6.โทรศัพท์ มือถือ จำนวน 2 เครื่อง 7.ที่ชาร์จแบตเตอรี่ จำนวน 1 อัน 8.เปลสนาม จำนวน 1 ผืน 9.กระเป๋าคาดเอวสีดำ จำนวน 2 ใบ 10.ถุงมือสีดำ จำนวน 1 คู่ 11.กระเป๋าสตางค์ จำนวน 1 ใบ และ 12.หมวกไหมพรมสีดำ จำนวน 1 ใบ เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปสอบสวนขยายผลต่อไป.
 
 วันที่เผยแพร่  9 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  9 ก.พ. 2551







ชื่อเรื่อง   โจรป่วนใต้ลอบขุดอุโมงค์ ใต้ถนนเส้นหาดใหญ่-ปัตตานี  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ไทยรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนี้
 URL   http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=78226
 เนื้อหา  ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (8 ก.พ.) ว่า  เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ นิตยวิมล ผกก.สภ.เทพา จ.สงขลา ได้รับรายงานว่า พบมีการขุดดินบริเวณริมถนนเอเชีย สาย 43 เส้นทางหาดใหญ่-ปัตตานี บริเวณ ม.7 บ้านควนตีหมุน ต.ปากบาง อ.เทพา เป็นโพรงขนาดใหญ่ผิดปกติ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบพื้นบริเวณริมถนนดังกล่าว ถูกขุดดินเป็นโพรงขนาดกว้าง 50 เซนติเมตร ลึกเข้าไปกลางถนนประมาณ 4 เมตร จึงประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

เบื้องต้นคาดว่า กลุ่มก่อความไม่สงบขุดโพรงดังกล่าวเอาไว้สำหรับนำระเบิดมาวางซุก เตรียมก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ระหว่างสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่งจะต้องผ่านเส้นทางดังกล่าว โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบก่อนมีการก่อเหตุ
 
 วันที่เผยแพร่  9 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  9 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-02-2008, 11:06

สมาชิกปชป. กรุณาเอาปัญหาไปท้าทายการทำงานของพรรคและหัวแถวของพรรคด้วย

อยากทราบว่า มีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เป็นหรือเปล่า?

สามารถทำเป็นตัวอย่างนำร่องให้เห็นเป็นรูปธรรมหรือไม่?

นับจำนวนคนร้ายที่ถูกจับเป็นก็ได้ครับ..  :slime_fighto: :slime_cool:



มีใครคิดว่าปัญหาภาคใต้ต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติมครับ..

อย่าไปรอดินฟ้าอากาศ  ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจริงจังทุกท่านครับ

การสงครามนั้น ให้ชาวบ้านร่วมมือและฝึกฝนวิชาป้องกันตนเองดีที่สุดครับ..





อ่านกันเยอะๆครับ

คนท้องถิ่นมีปัญหา เพราะข้าราชการต่างถิ่น

เข้ามาตั้งรกรากทำงานอยู่ในพื้นที่และมีผลประโยชน์

ยกตัวอย่าง ตำรวจยัดยาบ้า มันกลายเป็นวัฒนธรรมโจร ที่ชาวบ้านที่มีปัญหา

ไม่ทราบจะพึ่งใคร..ทั้งคนร้ายคนดีปะปนกัน

จนตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว สำหรับคนร้าย แต่ข้าราชการที่มีปัญหา คงมีไม่น้อย..


หัวข้อ: โจรใต้ป่วนยะลา ยิงวันเดียวดับ3ศพ บึ้ม!เจ็บสาหัสอีก3
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 02:03


ชื่อเรื่อง   โจรใต้ป่วนยะลา ยิงวันเดียวดับ3ศพ บึ้ม!เจ็บสาหัสอีก3  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   คมชัดลึก
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวการเมือง
 URL   http://www.komchadluek.com/news.asp?ID=94754
 เนื้อหา  สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นางพาฮียะ แวสือแม อายุ 29 ปี ที่บริเวณถนนสายตะโล๊ะหะลอ - กะพ้อ ม.4 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา กระสุนเข้าที่ลำตัวหลายนัดได้รับบาดเจ็บสาหัส ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล

 จากการสอบสวนทราบว่าขณะที่นางพาฮียะ ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อเดินทางไปทำธุระ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 ราย ขับรถตามประกบ โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักปืนสั้นไม่ทราบขนาดยิงใส่นางพาฮียะจำนวนหลายนัด จากนั้นคนร้ายหลบหนีไป

 ต่อมา คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงนายมูซอ ลาโอยา อายุ 48 ปีภารโรงโรงเรียนบ้านสาคู ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และนายแวสะมะฮะ กาจะลากี อายุ 57 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา กระสุนถูกจุดสำคัญของร่างกาย เป็นเหตุให้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย

 เวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเหตุระเบิดที่หน้าบ้านเลขที่ 1 ม.2 ต.พังพญา อ.รามัน จ.ยะลา เป็นบ้านของนายนาเชร์ ดิงปะแต อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.วังพญา เป็นเหตุให้นายยุ ดามาเลาะ อายุ 61 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็ก น้ำหนัก 5 กิโลกรัม มาวางไว้ที่เกิดเหตุ ก่อนจะจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ

 อีกราย เกิดเหตุระเบิด บริเวณริมถนนสาย 410 ยะลา-กรงปินัง ม.7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ส่งผลให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.อ.รัตติกาล เรือนแก้ว และส.อ.นิวัฒน์ วรรทาทราย สังกัด ร้อย ร.752 ฉก.13 สอบสวนทราบว่า ทราบชุดดังกล่าวมีจำนวน 6 นาย ขับรถจักรยานยนต์ลาดตระเวนบนถนนสายดังกล่าว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายไว้วางระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล ส่งผลให้มีทหารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

 ด้าน พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.31 เปิดเผยว่าภายหลังนำกำลังผสมปิดล้อมบ้านไอบาตู ม.4 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จนสามารถควบคุมตัวแนวร่วมก่อความไม่สงบได้จำนวน 13 คน รวมถึงยึดวัตถุประกอบระเบิดได้จำนวนมากว่า หากคนเหล่านี้หลุดรอดไปได้ จะนำแผนการไปส่งต่อให้กับเครือข่ายออกสร้างความไม่สงบได้เป็นกลุ่มใหญ่ โดยผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ออกติดตามผู้ต้องหาที่เหลือ พร้อมกับจับตาเป้าหมายที่ให้แหล่งพักพิงผู้ต้องหา และเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะหาจังหวะโต้ตอบ ตนได้กำชับให้กำลังพลวางกำลังในพื้นที่ล่อแหลมแล้ว

 พ.ท.สืบ ปิยะสอน ผบ.ฉก.25 เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ รวมถึงการเข้าตรวจค้นปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย เพื่อกดดันฝ่ายตรงข้าม ทำให้ทราบว่าแนวร่วม และกลุ่มผู้ก่อการได้เปลี่ยนพฤติการณ์ จากเดิมที่มีการสลับพื้นที่เคลื่อนไหวเพื่อหลบหนีการติดตามของทางการ แต่ปัจจุบันได้หันไปใช้รูปแบบ ปลอมแปลงบัตรประชาชนใช้ทะเบียนบ้านปลอม เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

 ผบ.ฉก.25 กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ต้องสงสัยถือหรือพกบัตรประชาชนคนเดียวถึง 5ใบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบลงลึกเป็นบัตรประชาชนที่ถูกปลอมแปลงทั้งสิ้น จึงได้รายงานข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยเหนือรับทราบ ถึงความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามที่พยายามหลบเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ พฤติกรรมดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบประวัติของเป้าหมายอย่างชัดเจนทุกครั้ง เพราะเชื่อว่ามีการสร้างและปลอมแปลงเอกสารทางราชการปลอมเพื่อตบตาและอาจทำให้หนีรอดพ้นจากการจับกุมหลังจากก่อเหตุหรือกระทำผิดในพื้นที่

 ด้าน พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.31 นราธิวาส เปิดเผยว่า สำหรับพฤติการณ์ของแนวร่วม ซึ่งเคลื่อนไหวในพื้นที่นราธิวาส ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่รอบนอก และลอบเข้ามาก่อเหตุ ก่อนจะหาช่องทางไปกบด่นนอกพื้นที่เพื่อเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้ได้เตรียมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ในการตรวจสอบบัตรประชาชนเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ใครที่ถือบัตรประชาชนปลอม เครือ่งมือดังกล่าวจะส่งสัญญาณ ซึ่งทำให้การค้นเป้าหมายเป็ยไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 ด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผอ.กองประชาสัมพันธ์ข่าวสาร กอ.รมน.ภาค4 เปิดเผยว่า จากการเดินทางลงพื้นที่ของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และรับฟังความก้าวหน้า ในการขับเคลื่อนนโยบายการรักษาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งล่าสุด กองบัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร, หน่วยเฉพาะกิจยะลา ปัตตานี, นราธิวาส และสงขลา ได้รายงานข้อมูลพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ซึ่งพยายามสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน

 พ.อ.อัคร กล่าวต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเฉพาะกิจทำการเปิดยุทธการเชิงรุก ด้วยการปิดล้อมตรวจค้น จับกุมแกนนำทั้งในและนอกพื้นที่เพื่อสลายโครงสร้าง พร้อมกับการขยายผลที่นำไปสู่การจับกุมแนวร่วมเพิ่มเติมและอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ เพราะทราบว่า ขณะนี้ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบได้ทำการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนและหลักฐานทะเบียนราษฎร์ การปล่อยข่าวลือในร้านน้ำชา การวางใบปลิวข่มขู่ห้ามให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และพยายามซุ่มโจมตีอลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อสร้างสถิติการก่อเหตุร้ายและการชิงพื้นที่ข่าวของสื่อมวลชน

 ขณะเดียวกัน ประชาชนในอ.เมือง จ.นราธิวาส กว่า 20,000 คน ร่วมถวายสังฆทานพระสงฆ์ ที่มารับบิณบาตร ที่โรงเรียนนราสิยาลัย โดยมีทหารและเจ้าหน้าท่ำตรวจ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ ที่มารับบิณฑบาตรอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น   
 ภาพประกอบ [1]
คุ้มกัน : เจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ให้การคุ้มกัน พระสงฆ์ เดินทางกลับวัด ภายหลังแล้วเสร็จจากการรับบิณฑบาตร ถวายสังฆทานจากประชาชน ที่โรงเรียนนราสิขาลัย อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 
 วันที่เผยแพร่  10 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  10 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 14:02
รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังการบาดเจ็บจากความรุนแรง   http://medipe2.psu.ac.th/~vis/report/VIS_Report_Jan_Dec07.pdf
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Violence-related Injury Surveillance - VIS)
ประจำเดือน มกราคม - ธันวาคม 2550
ที่มา
ระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บจากความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดตั้งขึ้นในเดือน
มกราคม 2550 เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลให้เอื้อต่อการนำไปใช้พัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
กำหนดนโยบายและวางแผน จัดสรรทรัพยากร ควบคุมป้องกันการบาดเจ็บ และช่วยเหลือเยียวยาผู้
สูญเสียจากความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มประชากรที่เฝ้าระวัง คือ ผู้ได้รับบาดเจ็บ
และเสียชีวิตจากการบาดเจ็บจากสาเหตุภายนอกแบบตั้งใจ (Intentional injury) ทุกราย ที่มารับการ
รักษาหรือชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลของรัฐจำนวน 47 แห่งของจังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา
และนราธิวาส โดยรายงานฉบับนี้จะนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลระบบเฝ้าระวังฯ เฉพาะเหตุการณ์ที่มี
สาเหตุจากความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น
สรุปสถานการณ์
มีเหตุการณ์ความรุนแรงจำนวน 1,228 ครั้ง มีจำนวนผู้บาดเจ็บ 2,362 ราย อัตราการบาดเจ็บ
5.9 ต่อแสนประชากรต่อเดือน มีจำนวนผู้เสียชีวิต 628 คน อัตราตาย 1.6 ต่อแสนประชากรต่อเดือน
อัตราป่วยตาย (case fatality rate-CFR) ร้อยละ 26.6 มีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบในครอบครัวของ
ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 1,516 คน
ระบบเฝ้าระวัง
ความครบถ้วน (วัดจากความสอดคล้องของข้อมูลจำนวนคนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์
ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จากระบบเฝ้าระวังเทียบกับข้อมูลจากฐานข้อมูลศูนย์
ประสานงานวิชาการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้-
ศวชต.) เท่ากับร้อยละ 84.4
ความถูกต้อง (วัดจากความสอดคล้องของข้อมูลตัวแปรวันที่เกิดเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ
เทียบกับฐานข้อมูล ศวชต.) เท่ากับร้อยละ 70.6
ความทันเวลา (วัดจากจำนวนโรงพยาบาลที่ส่งรายงานถึงศูนย์บริหารการพัฒนาสุขภาพ
จังหวัดชายแดนภาคใต้-ศบ.สต. ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป) เท่ากับ ร้อยละ 74.2 โดยมีรายละเอียด
ดังเอกสารแนบท้าย (ภาคผนวก 1)
หมายเหตุ: Download รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังการบาดเจ็บจากความรุนแรงในพื้นที่จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ได้ที่ VIS Website: http://medipe2.psu.ac.th/~vis/




ตารางที่ 5. จำนวนและอัตรา (/แสนประชากร/เดือน) ของการบาดเจ็บและเสียชีวิต และอัตราป่วยตาย
(%) ตามตำบลที่เกิดเหตุ
อันดับ
บาดเจ็บ ตาย ป่วยตาย
ตำบล จำนวน อัตรา ตำบล จำนวน อัตรา ตำบล อัตรา (%)
1. ปะกาฮะรัง 25 46.4 เกะรอ 15 18 ทุ่งพอ 80
2. รือเสาะ 59 44.2 ปะแต 21 17.8 บาเจาะ (ยล.) 80
3. ปะแต 51 43.3 บองอ 25 15.3 กายูบอเกาะ 80
4. บองอ 63 38.5 ศรีบรรพต 6 14.9 ละหาร 75
5. ป่าบอน 15 34.7 ตะมะยูง 7 12.8 บ่อทอง 71.4
6. กะรุบี 20 33.6 จะแหน 9 12.5 สุไหงปาดี 66.7
7. เขื่อนบางลาง 14 32.5 ดอนรัก 7 12.3 จะแหน 64.3
8. สะบ้าย้อย 44 31.8 บาตง 8 12 ตะมะยูง 63.6
9. บันนังสตา 64 31.2 เขื่อนบางลาง 5 11.6 ปากู 62.5
10. เกะรอ 25 30 บาโร๊ะ 10 11.5 บาตง 61.5


หัวข้อ: คู่มือการป้องกันเกี่ยวกับวัตถุต้องสงสัยสำหรับประชาชน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 14:17

เอกสารสำหรับประชาชน New!
คู่มือการป้องกันเกี่ยวกับวัตถุต้องสงสัยสำหรับประชาชน
http://medipe2.psu.ac.th/~securitysafety/resource/public/eod_guideline.zip


สารบัญ
ลำดับ ชื่อเรื่อง หน้า
๑ คำนำ ๔
๒ วัตถุต้องสงสัย หรือ ระเบิดแสวงเครื่องกันแน่ ? ๕
๓ สิ่งที่จำเป็นสำหรับการระเบิด ๕
๔ เป้าหมายในการวางระเบิด ๒๔
๕ การป้องกนั ๒๔
๖ การป้องกันเป็นหน้าที่ของใคร? ๒๕
๗ เราจะป้องกันอย่างไร ? ๒๕
๘ อุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกนั ๓๐
๙ ของที่ลืมไว้ กับ วัตถุต้องสงสัย? ๓๑
๑๐ จะทำอย่างไรเมื่อพบวัตถุต้องสงสัย ? ๓๒



ข้อคิดคติเตือนใจ
วัตถุระเบิด ไม่เคยปรานีใคร
วัตถุระเบิด ไม่เคยให้โอกาสใครแก้ตัว
วัตถุระเบิด ไม่เคยมีคำตอบที่ถูกต้องให้ใคร
วัตถุระเบิด ไม่เคยจำว่าใครเป็นเจ้าของ
วัตถุระเบิด คือ ดาบสองคม


หัวข้อ: ข้อค้นพบจากการศึกษาและสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 14:36

“ตัดวงจรสงคราม - ขจัดเงื่อนไขความรุนแรง : มาตรการดับไฟใต้ฉบับสนช. 
สกู๊ป/รายงานพิเศษ | 2551-02-10 10:11:27  
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=212

(รายงานผลการสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นประธาน ซึ่งได้เสนอต่อที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมที่จะนำเสนอต่อรัฐบาล และขับเคลื่อนต่อภาคประชาสังคมโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในลำดับต่อไปนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงสภาพที่เป็นเหตุปัจจัย ที่นำไปสู่การขยายตัวของปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเพื่อสอบสวนและศึกษาข้อร้องเรียนและเหตุเฉพาะหน้า ที่มีผลต่อสถานการณ์ความรุนแรง อันนำไปสู่การเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว บนพื้นฐานความเป็นจริง รวมถึงการปรับกระบวนทัศน์และเสริมสร้างทัศนคติความคิดความเข้าใจในเชิงบวกต่อเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ให้มีความเชื่อมั่นในพลังความร่วมมือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น)



ข้อค้นพบจากการศึกษาและสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

               ๏    การใช้มาตรการปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐในหลายเหตุการณ์ไม่มีความโปร่งใสและเป็นข้อกังขาในความรู้สึกของประชาชน

               ๏    ประชาชนเห็นว่าความรุนแรงเกิดขึ้นจากทั้ง ๒ ฝ่าย คือ จากขบวนการก่อความไม่สงบและเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน และผู้ตกเป็นเหยื่อคือประชาชน  ผลที่ตามมาคือประชาชนไม่ร่วมมือหรือยอมบอกข่าวสารความเป็นจริงกับเจ้าหน้าที่รัฐ

               ๏    ประชาชนยอมรับว่ามีการปรากฏอยู่จริงของขบวนการแบ่งแยกดินแดนแต่เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กและส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมเป็นผลจากเงื่อนไขความอยุติธรรมที่ผ่านมา

               ๏    สายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยพุทธและไทยมุสลิมที่เคยมั่นคง กำลังเปราะบางและมีสิ่งบ่งชี้ถึงความบาดหมางใจต่อกันมากขึ้น

               ๏    การจัดการกับปัญหาการใช้ความรุนแรงโดยใช้การปราบปรามควบคู่กับสันติวิธีที่ไม่เต็มรูปแบบ ทำให้ด้อยประสิทธิภาพ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติมักเห็นว่าสันติวิธีเป็นอุปสรรคต่อการปราบปราม

               ๏    ประเด็นความไม่ปลอดภัยในชีวิตและการบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเข้าใจว่าไม่โปร่งใสและเลือกปฏิบัติ 

               ๏    ปัญหาการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในพื้นที่อันเป็นผลจากความรุนแรง ที่สร้างบรรยากาศของความหวาดระแวงปะปนกับความหวาดกลัว 

               ๏    ประชาชนส่วนมากในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขาดการสร้างเสริมความเข้าใจว่าวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในขณะที่ภาครัฐยึดถือรัฐธรรมนูญโดยไม่เข้าใจว่า มีความสอดคล้องกับหลักการศาสนา

 

               นอกจากผลการศึกษาดังกล่าวแล้ว กรรมาธิการวิสามัญฯ ยังพบว่า การดำเนินงานของรัฐทั้งในระดับภาพรวม นโยบายและระดับพื้นที่ ยังขาดระบบการติดตามประเมินผล อันเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งนอกจากบ่งบอกถึงความสำเร็จหรือล้มเหลวในการดำเนินหรือไม่ดำเนินการของภาครัฐแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่ครบวงจร สร้างความโปร่งใสและความเชื่อ มั่นให้กับภาคประชาชนด้วยด้วย

               ขณะที่ภาคประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังทางวัฒนธรรมอาทิ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนท้องถิ่น นักการศึกษา ผู้นำสตรี ผู้นำเยาวชน องค์กรเอกชนและสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ควรจะมีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมเสนอแนะแนวทางหรือร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ แต่เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาคประชาชนขาดโอกาสและความพร้อมในการเข้าสู่เวทีการมีส่วนร่วม ประกอบกับความหวาดกลัวจากความไม่รู้หรือรู้ความจริงคนละชุด ทำให้ภาคประชาชนโดยเฉพาะผู้นำฯ ถูกเพ่งเล็งและตกเป็นเป้าทั้งจากภาครัฐและกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยไม่มีช่องทางตอบโต้แต่ประการใด

               นอกจากนั้นปมเงื่อนความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความสัมพันธ์กับความคิดและความรู้สึกถูกกดดันจากความไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดปฏิกิริยาใน ๒ ลักษณะคือ อดทนและวางเฉย และออกมาต่อสู้โดยใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ระดับของการใช้ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ซึ่งสภาวะความรุนแรงในปัจจุบันเกิดจาก จุดอ่อนในการจัดการของภาครัฐในห้วงก่อนปี ๒๕๔๗ และการจัดตั้งที่เข้มแข็งของกลุ่มฯ ซึ่งถูกบ่มเพาะจากกระแสชาติพันธุ์ การรับรู้ข้อมูลประวัติศาสตร์และหลักศาสนาที่บิดเบือน เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ความรุนแรง

               กล่าวโดยสรุป  สถานการณ์ไฟใต้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีรากเหง้าของปัญหาที่เชื่อมโยงกับความอยุติธรรมที่สะสมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะจากการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐเพียงด้านเดียว โดยไม่ได้เปิดช่องให้ภาคประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่และปัญหาการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่ซึ่งบ่มเพาะความไม่ไว้วางใจต่อรัฐอีกชั้นหนึ่ง

 

               ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาความรุนแรงจะต้องเริ่มต้นที่การทำความเข้าใจ ความเป็นจริงของสถานการณ์ที่ถ่องแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการข่าวที่มีประสิทธิภาพ  ปราศจากอคติทางวัฒนธรรม อีกทั้งเร่งฟื้นความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อรัฐและระหว่างประชาชน การเพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการร่วมแก้ไขทุกปัญหาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสนับสนุนพัฒนาเพื่อสร้างภูมิต้านทานให้กับชุมชน เหล่านี้ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะแกะปมปัญหาความรุนแรงที่เป็นอยู่ และก็จะสามารถหาทางออกในการจัดการกับปัญหาให้เกิดสันติสุขที่ยั่งยืนถาวร อันจะนำไปสู่การยังประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติในที่สุด   



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 16:03


ชื่อเรื่อง   บาดาวีขอถกสมัครดับไฟใต้ มาเลย์เพิ่มกำลังพื้นที่ชายแดน  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0128110251&day=2008-02-11§ionid=0101
 เนื้อหา  เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานว่านายกรัฐมนตรีอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวีของมาเลเซีย กล่าวว่า เขากำลังหาโอกาสที่จะพบกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเพื่อหารือถึงวิธีการที่จะช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดความสงบขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งกับไทยและมาเลเซีย

"เราได้แสดงออกถึงความเต็มใจที่จะร่วมมือกับไทยในการช่วยเหลือชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ และผมต้องการที่จะหารือกับนายกฯคนใหม่ของไทยในเร็วๆ นี้" นายบาดาวีกล่าว

วันเดียวกันนี้กระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย แถลงว่า พวกเขาได้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่ชายแดนด้านที่ติดกับไทย โดยเพิ่มกำลังทหารเป็น 3,600 กอง ทำหน้าที่หน่วยลาดตระเวนเต็มเวลาตลอดระยะทางกว่า 500 กิโลเมตรของพรมแดนที่ติดกับไทย

นายราจีฟ ราซัก รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาเลเซีย ระบุว่าการเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดนมาเลย์-ไทย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึงการลักลอบนำสินค้าเข้าผิดกฎหมาย เนื่องจากเศรษฐกิจมาเลเซียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เพิ่มแรงดึงดูดในการนำสินค้าเข้ามา

พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า แนวร่วม 13 คน ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ค่อนข้างชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย 1 รายอยู่ในระดับแกนนำ และเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การขยายผล ในการรื้อโครงสร้างการปกครองในพื้นที่ ทั้งนี้ยืนยันว่า ในการตรวจพิสูจน์ ได้ใช้เครื่องมือนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจดีเอ็นเอ และการตรวจสารปนเปื้อนอย่างชัดเจนตามหลักกฎหมายก่อนที่จะมีการกล่าวหา ขณะนี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เข้ามาช่วยในกระบวนการนี้

วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ร้อย ร.15212 สังกัดชุดเฉพาะกิจที่ 12 (ฉก.12 ) บนถนนเลียบทางรถไฟสายบ้านกอตอตือระ-บ้านไม้แก่น ม.1 ต.กอตอตือระ อ.รามัน จ.ยะลา แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จับกุมนายมาหมุด อีซอมูซอ อายุ 29 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นวิทยุสื่อสารชนิดมือถือ

ที่ จ.นราธิวาส เวลา 07.30 น. คนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ จ่อยิงศีรษะนายอารง มะแซจือนารง อายุ 65 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านซือเลาะ อ.รือเสาะ จำนวน 6 นัดจนเสียชีวิต และยิงนายมะหะ มะหะ อายุ 57 อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านซือเสาะ บาดเจ็บสาหัส
 
 วันที่เผยแพร่  11 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  11 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 23:35


สรุปว่าทุเลา เป็นได้ว่าจะ หายชาด

ถ้าหากไม่มีการเมืองไม่สร้างสรรค์เข้าแทรกแซง

ดีไม่ดี จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะเจริญขึ้นผิดหูผิดตา สส.พรรคปชป.ก็ได้..


หมอแวควรเสนอตัวกับรัฐบาล..ติดตามเกาะติดปัญหาในพื้นที่ครับ..


หัวข้อ: Re: ข้อค้นพบจากการศึกษาและสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-02-2008, 00:33
“ตัดวงจรสงคราม - ขจัดเงื่อนไขความรุนแรง : มาตรการดับไฟใต้ฉบับสนช. 
สกู๊ป/รายงานพิเศษ | 2551-02-10 10:11:27  
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=212

(รายงานผลการสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นประธาน ซึ่งได้เสนอต่อที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมที่จะนำเสนอต่อรัฐบาล และขับเคลื่อนต่อภาคประชาสังคมโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในลำดับต่อไปนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงสภาพที่เป็นเหตุปัจจัย ที่นำไปสู่การขยายตัวของปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเพื่อสอบสวนและศึกษาข้อร้องเรียนและเหตุเฉพาะหน้า ที่มีผลต่อสถานการณ์ความรุนแรง อันนำไปสู่การเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว บนพื้นฐานความเป็นจริง รวมถึงการปรับกระบวนทัศน์และเสริมสร้างทัศนคติความคิดความเข้าใจในเชิงบวกต่อเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ให้มีความเชื่อมั่นในพลังความร่วมมือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น)



ข้อค้นพบจากการศึกษาและสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

               ๏    การใช้มาตรการปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐในหลายเหตุการณ์ไม่มีความโปร่งใสและเป็นข้อกังขาในความรู้สึกของประชาชน

               ๏    ประชาชนเห็นว่าความรุนแรงเกิดขึ้นจากทั้ง ๒ ฝ่าย คือ จากขบวนการก่อความไม่สงบและเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน และผู้ตกเป็นเหยื่อคือประชาชน  ผลที่ตามมาคือประชาชนไม่ร่วมมือหรือยอมบอกข่าวสารความเป็นจริงกับเจ้าหน้าที่รัฐ

               ๏    ประชาชนยอมรับว่ามีการปรากฏอยู่จริงของขบวนการแบ่งแยกดินแดนแต่เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กและส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมเป็นผลจากเงื่อนไขความอยุติธรรมที่ผ่านมา

               ๏    สายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยพุทธและไทยมุสลิมที่เคยมั่นคง กำลังเปราะบางและมีสิ่งบ่งชี้ถึงความบาดหมางใจต่อกันมากขึ้น

               ๏    การจัดการกับปัญหาการใช้ความรุนแรงโดยใช้การปราบปรามควบคู่กับสันติวิธีที่ไม่เต็มรูปแบบ ทำให้ด้อยประสิทธิภาพ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติมักเห็นว่าสันติวิธีเป็นอุปสรรคต่อการปราบปราม

               ๏    ประเด็นความไม่ปลอดภัยในชีวิตและการบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเข้าใจว่าไม่โปร่งใสและเลือกปฏิบัติ 

               ๏    ปัญหาการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในพื้นที่อันเป็นผลจากความรุนแรง ที่สร้างบรรยากาศของความหวาดระแวงปะปนกับความหวาดกลัว 

               ๏    ประชาชนส่วนมากในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขาดการสร้างเสริมความเข้าใจว่าวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในขณะที่ภาครัฐยึดถือรัฐธรรมนูญโดยไม่เข้าใจว่า มีความสอดคล้องกับหลักการศาสนา

 

               นอกจากผลการศึกษาดังกล่าวแล้ว กรรมาธิการวิสามัญฯ ยังพบว่า การดำเนินงานของรัฐทั้งในระดับภาพรวม นโยบายและระดับพื้นที่ ยังขาดระบบการติดตามประเมินผล อันเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งนอกจากบ่งบอกถึงความสำเร็จหรือล้มเหลวในการดำเนินหรือไม่ดำเนินการของภาครัฐแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่ครบวงจร สร้างความโปร่งใสและความเชื่อ มั่นให้กับภาคประชาชนด้วยด้วย

               ขณะที่ภาคประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังทางวัฒนธรรมอาทิ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนท้องถิ่น นักการศึกษา ผู้นำสตรี ผู้นำเยาวชน องค์กรเอกชนและสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ควรจะมีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมเสนอแนะแนวทางหรือร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ แต่เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาคประชาชนขาดโอกาสและความพร้อมในการเข้าสู่เวทีการมีส่วนร่วม ประกอบกับความหวาดกลัวจากความไม่รู้หรือรู้ความจริงคนละชุด ทำให้ภาคประชาชนโดยเฉพาะผู้นำฯ ถูกเพ่งเล็งและตกเป็นเป้าทั้งจากภาครัฐและกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยไม่มีช่องทางตอบโต้แต่ประการใด

               นอกจากนั้นปมเงื่อนความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความสัมพันธ์กับความคิดและความรู้สึกถูกกดดันจากความไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดปฏิกิริยาใน ๒ ลักษณะคือ อดทนและวางเฉย และออกมาต่อสู้โดยใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ระดับของการใช้ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ซึ่งสภาวะความรุนแรงในปัจจุบันเกิดจาก จุดอ่อนในการจัดการของภาครัฐในห้วงก่อนปี ๒๕๔๗ และการจัดตั้งที่เข้มแข็งของกลุ่มฯ ซึ่งถูกบ่มเพาะจากกระแสชาติพันธุ์ การรับรู้ข้อมูลประวัติศาสตร์และหลักศาสนาที่บิดเบือน เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ความรุนแรง

               กล่าวโดยสรุป  สถานการณ์ไฟใต้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีรากเหง้าของปัญหาที่เชื่อมโยงกับความอยุติธรรมที่สะสมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะจากการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐเพียงด้านเดียว โดยไม่ได้เปิดช่องให้ภาคประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่และปัญหาการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่ซึ่งบ่มเพาะความไม่ไว้วางใจต่อรัฐอีกชั้นหนึ่ง

 

               ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาความรุนแรงจะต้องเริ่มต้นที่การทำความเข้าใจ ความเป็นจริงของสถานการณ์ที่ถ่องแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการข่าวที่มีประสิทธิภาพ  ปราศจากอคติทางวัฒนธรรม อีกทั้งเร่งฟื้นความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อรัฐและระหว่างประชาชน การเพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการร่วมแก้ไขทุกปัญหาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสนับสนุนพัฒนาเพื่อสร้างภูมิต้านทานให้กับชุมชน เหล่านี้ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะแกะปมปัญหาความรุนแรงที่เป็นอยู่ และก็จะสามารถหาทางออกในการจัดการกับปัญหาให้เกิดสันติสุขที่ยั่งยืนถาวร อันจะนำไปสู่การยังประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติในที่สุด   




เอามาแปะต่อ เห็นว่าเป็นแนวทางที่นำไปใช้ได้

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเกิดจากปัญหาหมักหมม เชิงวัฒนธรรม

และการละเลยของฝ่ายการเมืองต่อพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง

ดังที่เราได้เห็น ปัญหาอื่นๆ ใน จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ด้วย.. :slime_fighto:


ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ยังมีหนทางแก้ไขได้ หากสามารถสร้างกลไกจัดการเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของความจริงให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยอมรับ  และตัวเชื่อมประสานให้เกิดการบริหารจัดการความเป็นธรรมที่ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐

               คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตราพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรเพื่อเป็นเครื่องมือหรือกลไกเพื่อขับเคลื่อนภารกิจอย่างน้อย ๒ องค์กร คือ

               ๑.      สถาบันสันติยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความเป็นธรรมและพัฒนาการใช้สันติวิธี เป็นองค์กรอิสระทั้งความคิดและการดำเนินงานโดยไม่ถูกแทรกแซงจากภาครัฐ โดยมีคณะกรรมการขององค์กรฯ มาจากผู้แทนของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรด้านสันติวิธีของภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีภารกิจสำคัญคือ

                        กำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนโดยทั้งภาคประชาชนและภาครัฐมีส่วนร่วม เพื่อให้มีการปฏิบัติในทุกขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมายโดยหลักนิติธรรม  การสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานการข่าวที่แม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ดุลพินิจเกินความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติในพื้นที่และหากมีกรณีที่จำเป็นต้องใช้ดุลพินิจ ก็ให้แสดงเหตุผลประกอบการใช้ดุลพินิจนั้น รวมทั้งมีมาตรการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจที่มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม

                        จัดโครงสร้างการประสานงานในกระบวนการยุติธรรมและแนวทางการใช้สันติวิธีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยให้มีการประสานการปฏิบัติเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ  สิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม และการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน รวมทั้งพัฒนา การใช้สันติวิธีและกระบวนการยุติธรรมเพื่อขจัดเงื่อนไขความไม่เป็นธรรม

                        วิธีการหนึ่งที่ควรนำมาดำเนินการคือ การบูรณาการยุทธศาสตร์และยุทธวิธีระหว่างฝ่ายกระบวนการยุติธรรมและฝ่ายความมั่นคง เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพและให้การดำเนินการของแต่ละฝ่ายเกื้อหนุนกัน ไม่ขัดแย้งหรือเป็นอุปสรรคต่อกัน

                        สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ และจัดวางความสมดุลในทุกมิติทั้งด้านความมั่นคง สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  การส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งของกลไกลภาคประชาชนในการที่จะเข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบายการพัฒนาระบบและการอำนวยความยุติธรรม งานยุติธรรมชุมชน รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การส่งเสริม
การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตามแนวทางสันติวิธีของภาคประชาชนการพัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมและการใช้สันติวิธี เพื่อปรับกระบวนทัศน์ใหม่และให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาพทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น

                        ติดตาม ประสาน และประเมินผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมและการปฏิบัติในแนวทางสันติวิธี รวมถึงจัดทำรายงานผลการดำเนินงานความยุติธรรมและสันติวิธีต่อรัฐบาล รัฐสภา และสาธารณชนเป็นประจำทุกปี

               ๒.      สภาประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นองค์กรชุมชนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพื่อเสริมสร้างความรู้และกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของทุกฝ่าย รวมทั้งการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของภาคประชาชน พร้อมทั้งส่งเสริมการรวมตัวเป็นเครือข่ายเพื่อนำ ไปสู่การเตรียมความพร้อมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถวางแผนการพัฒนาการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ การเมืองของชุมชนที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม วิถีชีวิตและความต้องการของชุมชน การอนุรักษ์ฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม การบำรุง รักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและกระบวนการยุติธรรมชุมชน

 

                        สภาประชาชนฯ จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการอย่างเพียงพอจากรัฐบาล มีสมาชิกมาจากภาคประชาชนทั้งหมดประกอบด้วย กลุ่มพลังทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ได้แก่ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ท้องถิ่น นักการศึกษา ผู้นำสตรี ผู้นำเยาวชน องค์กรเอกชนและสื่อมวลชน มีภารกิจสำคัญ คือ

                        กำหนดนโยบายการพัฒนาชุมชนในทุกด้าน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมเต็มรูปแบบ อาทิ การศึกษา การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและการเมืองและอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม รวมทั้งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดสรรการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น

                        เสนอแนะและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับศาสนา วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของท้องถิ่น อาทิ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างคนในชุมชนและระหว่างชุมชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นของท้องถิ่น เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เข้าใจและเรียนรู้ปัญหา ความจริงและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความรู้เท่าทัน การส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนเข้าใจในสิทธิหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงให้ยึดถือแนวคิดและแนวทางสันติวิธีเป็นหลักการสำคัญในการเรียกร้องและจัดการความขัดแย้ง

                        สนับสนุนให้ท้องถิ่นสามารถวิจัยและเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาของท้องถิ่น โดยใช้ภูมิปัญญาของคนในชุมชนเอง การติดตามเร่งรัดและประเมินผลการดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับข้อเสนอของสภาประชาชน

                        ในการดำเนินการของสภาประชาชนฯ อาจพิจารณาให้มีกลไกขับเคลื่อนการทำงานเฉพาะเรื่อง เช่น ศูนย์พัฒนาการศึกษาของชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการรับฟังและแก้ไขปัญหากรณีพิพาทต่อการละเมิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ  และสภานักปราชญ์ เป็นต้น

 

               การประสานงาน ติดตาม และประเมินผล

               เพื่อให้ระบบบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง จะต้องมีกลไกการประสานงาน ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยองค์กรหรือทีมงานอิสระ มีความเป็นกลาง เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีผลต่อการรับรู้ของประชาชนในเชิงบวกและสร้างสรรค์ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมทั้งความโปร่งใสในการดำเนินการของภาครัฐ โดยจะ ต้องติดตามและประเมินผล ๒ ระดับ กล่าวคือในระดับชุมชนและระดับภาพรวม โดย

               ระดับชุมชน ภายใต้การกำกับดูแลของสภาประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนในพื้นที่สามารถติดตามและประเมินผล เรื่องราว กิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่กระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้ด้วยตัวของชุมชนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอด ภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การใช้สันติวิธีเพื่อสร้างสันติสุขร่วมกัน เรื่องของสุขภาวะ การศึกษา เศรษฐกิจและการก่อร่างสร้างตัวของคนในชุมชน ตลอดจนผลกระทบจากโครงการที่รัฐส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดขึ้นในชุมชน จะมีผลประโยชน์เกิดขึ้นมากน้อยเช่นไรกับชุมชน

               ทั้งนี้การจะได้มาซึ่งขีดความสามารถในการติดตามและประเมินผลชุมชนด้วยคนในชุมชนเอง จะต้องสร้างความเข้าใจเบื้องต้นในวิธีการดำเนินการ ผ่านกลไกที่ชุมชนศรัทธาและไว้วางใจ เช่น ผู้นำศาสนา แพทย์และครูในพื้นที่เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่า ทำไม่ต้องทำ ทำแล้วได้อะไร และจะทำอย่างไร โดยใช้เครื่องมือช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสม และริเริ่มทดสอบการติดตามประเมิน ผลในระดับชุมชน เป็นโครงการนำร่องก่อนที่จะขยายผลให้กว้างขวางออกไป

               ระดับภาพรวม เป็นเรื่องที่กลไกระดับชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาควิชาการ รัฐสภา องค์กรอิสระ และองค์กรที่ให้การสนับสนุนด้านการวิจัย รวมทั้งภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน จะต้องผลักดันให้มีการติดตามและประเมินผลตามข้อเสนอจากรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยให้ความสำคัญกับการแปลงข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานสรุปการประเมินผลให้รัฐบาลและรัฐสภาทราบเมื่อครบกำหนด ๑ ปี เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงแผนในการปฏิบัติการในระยะต่อไป

               เพื่อให้เกิดระบบการติดตามประเมินผลที่สามารถปฏิบัติได้จริง จึงสมควรจัดทำโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาระบบการติดตามประเมินผลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในระดับชุมชนและระดับชาติ

               การพัฒนายุทธศาสตร์การแก้ไขความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้

               รัฐบาลควรนำข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หลักที่ถูกบรรจุไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๔ เพื่อให้มีการบูรณาการแผนงานและโครงการอย่างเป็นระบบ มีตัวชี้วัดการประเมินผลความสำเร็จ และมีผลบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม

 

ตัดวงจรไฟใต้ - ขจัดเงื่อนไขความรุนแรง : ทางออกของปัญหา

               ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดำรงอยู่ภายใต้พื้นฐานและเงื่อนไขความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับ ๓ ประเด็นสำคัญคือ ๑) กระบวนการยุติธรรม สิทธิมนุษยชน และการเยียวยากับผลกระทบต่อความรุนแรงต่อเนื่อง  ๒) การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และ ๓) การสื่อสารความเข้าใจและการปรับกระบวนทัศน์ใหม่ ที่ยึดโยงกันเป็นเหตุแห่งปัจจัยของสภาวะความไม่เชื่อมั่น ไม่ไว้วางใจและหวาดระแวง ทั้งสั่งสมอยู่ในระดับที่ทำให้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแก้ไขได้ยาก

               ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญให้ตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างต่อเนื่องใน ๓ ประเด็นหลัก อันนำไปสู่การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนอย่างแท้จริงนั้น อยู่บนฐานคิดที่ว่า รัฐควรมีนโยบายที่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่มีที่ยืนในสังคมบนกติการ่วมกันคือ รัฐธรรมนูญ และทำให้คนส่วนใหญ่ปฏิเสธการใช้ความรุนแรงหรือการคิดแบ่งแยก รวมทั้งทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันที่จะอยู่ร่วมกันบนวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้

               ทั้งนี้รัฐต้องปรับเปลี่ยนการต่อสู้กับ "กลุ่มคน"มาเป็นการต่อสู้กับ "แนวทางการใช้ความรุนแรง" ซึ่งมุ่งแก้ไขที่สาเหตุที่เป็นรากเหง้าของปัญหามากกว่าอาการของปัญหา รวมทั้งการตระหนักว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงล้วนเป็นพี่น้องร่วมชาติเดียวกันที่มีความคิด ความเชื่อจากแรงจูงใจของเงื่อนไข ความอยุติธรรมที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะประเด็นความขัดเขินและหวาดระแวง เนื่องจากอิทธิพลของงานการข่าวที่ไม่แม่นยำของภาครัฐ ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน และนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองที่ประชากรมุสลิมส่วนหนึ่งรู้สึกว่า ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ทั้งได้รับการปฏิบัติอย่างขาดความเคารพในอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น และพยายามเปลี่ยนให้เหมือนชนส่วนใหญ่ของประเทศ สถานการณ์ที่มีอยู่เดิมดังกล่าวมิได้คลี่คลายไปในทางที่ดีเพราะเจ้าหน้าที่รัฐยังคงมุ่งแก้ไขปัญหาโดยการปรับเทคนิคงานการข่าวโดยยังมิได้ใช้ความพยายามทำความเข้าใจและเข้าให้ถึงความคิดความต้องการและความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ด้วยเป็นสำคัญ         

               นอกจากนั้น ยังมีเงื่อนปัจจัยจากแนวคิด ความมั่นคง ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายฉบับ โดยเฉพาะก่อนการปรับมาใช้แนวคิดยุทธศาสตร์สันติวิธีในฐานะยุทธศาสตร์ความมั่นคงในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่าเป็น การรักษาอำนาจรัฐหรือการสามารถควบคุมระดับความรุนแรงได้ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในพื้นที่เนื่องจากในช่วงเวลานั้นรัฐตั้งโจทย์ว่าทำอย่างไรที่จะรักษาอำนาจรัฐแทนที่จะเป็นการรักษาความมั่นคงในชีวิตของคนในพื้นที่ และ นโยบายเดิมถูกกำหนดจากส่วนกลางโดยขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่

               แม้จะมีการปรับมาใช้ยุทธศาสตร์สันติวิธีในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๒-๒๕๔๖  แล้ว ก็ยังพบว่า มีปัญหาความไม่เป็นเอกภาพของเจ้าหน้าที่ปฏิบัตินโยบายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งการที่รัฐบาลใช้มาตรการความรุนแรงจัดการกับปัญหา อาทิเรื่องยาเสพติด โดยไม่สนใจว่า จะก่อให้เกิดสังคมที่ใช้ความรุนแรงอย่างชอบธรรมได้ ประกอบกับคนในสังคมส่วนหนึ่งยังมีทัศนคติไม่ยอมรับความเป็นพหุวัฒนธรรมของสังคมไทย ทำให้เกิดมุมมองว่า ประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพวกอื่นไม่ใช่พวกเรา และมีผลอย่างเป็นนัยสำคัญต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่

               ขณะที่ความรุนแรงในช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งถือว่า เป็นจุดสูงสุดของความรุนแรงและมีการใช้การต่อสู้ในหลายรูปแบบ อาทิ การลอบยิง การวางระเบิด การวางเพลิง การปะทะด้วยกำลัง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายขยายวงกว้าง เป็นผลจากการที่รัฐตั้งโจทย์ว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในภาวะสงคราม จำเป็นต้องทุ่มงบประมาณ กำลังทหารจำนวนมากหมุนเวียนลงไปปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยต่อสถานที่ราชการและบุคลากรภาครัฐ  ขณะที่ปมเงื่อนสำคัญที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ อาทิ ความไม่เป็นธรรมและการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน การใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม ไม่ได้ถูกนำมาเป็นประเด็นในลำดับที่มีความสำคัญ ทำให้เกิดช่องว่างความไม่ไว้วางใจระหว่างภาครัฐกับชาวไทยเชื้อสายมลายู



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-02-2008, 14:22


มท.1ปัดพูดเรื่องยกเลิกกฎอัยการศึก
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=89062   
   
  โดยทีมข่าว INN News 13 กุมภาพันธ์ 2551 13:25:01 น.     
 
   
     
 

รมว.มหาดไทย ปัด แสดงความเห็นเรื่องการเตรียมยกเลิกกฎอัยการศึก พร้อมรับต่อไปจะปรับปรุงการให้สัมภาษณ์หลังนายกฯออกมาตำหนิ



ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิเสธแสดงความเห็นเรื่องการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ระบุ รอการแถลงนโยบายก่อน และจากนี้ไปจะขึ้นบัญชี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองเฉพาะส่วน ซึ่งไม่ได้มีการเลือกตั้งเพื่อปกครองตนเอง แต่ให้สิทธิ์ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ได้รับสวัสดิการ และได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเร็วกว่าข้าราชการในพื้นที่อื่น

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาท้วงติงเรื่องเขตปกครองพิเศษนั้น เป็นเรื่องที่ต้องฟังและนำมาปรับปรุง ต่อไปการให้สัมภาษณ์ต้องระมัดระวัง และมีเหตุผล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันอีกว่า การจัดตั้งที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชน และตั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย มีความเหมาะสมแล้ว
 
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-02-2008, 14:42

ผมมีความเห็นว่า เขตปกครองพิเศษหรือเฉพาะส่วนไม่จำเป็น
ที่จำเป็นก็คือ การกวาดล้างแกนนำผู้ก่อความไม่สงบ
โดยเน้นความยุติธรรมและเด็ดขาด ควรจับเป็น พร้อมหลักฐาน
ส่งตัวขึ้นศาล ส่วนกลางครับ  และที่จำเป็นอีกประการหนึ่งคือ
กวาดล้างของเถื่อนร้ายแรง เข่นยาเสพติด อาวุธ
พวกเจ้าหน้าที่รับส่วย เก็บค่าคุ้มครองต่างๆ

ชื่อเรื่อง   สมัครติงเหลิม เขตพิเศษใต้
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEV6TURJMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB4TXc9PQ==
 เนื้อหา  ทำประชาพิจารณ์ 3จว.เมืองศาสนา

หมัก"เบรก"เหลิม"เขตปกครองพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ชี้ไม่ควรพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ ไม่ควรออกมาแสดงความเห็น มีอะไรให้พูดกันวงเล็ก ด้านมท. เหลิม ระบุกำลังดูว่าจะให้ปกครองรูปแบบใด อาจปรับวิธีการของต่างประเทศ อย่างจีน หรือเยอรมัน ยืนยันไทยเป็นรัฐเดียว แบ่งแยกไม่ได้ ยึดหลักการเมืองนำการทหาร พร้อมทั้งสั่งผู้ว่าฯ ทำประชาพิจารณ์ 3 จังหวัดเป็น "เมืองศาสนา" ไม่ให้เปิดสถานบริการเพิ่ม ที่มีอยู่เดิมต้องลดลง ขณะที่สถาน การณ์ในพื้นที่ทวีรุนแรง โจรใต้ถล่มฆ่า อบต.ตันหยงลิมอ กับลูกชาย 2 ศพคาปิกอัพ จับ "อาร์เคเค" ได้อีก 1 ลุยค้นสวนยางพบระเบิดจำนวนมาก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมครม. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ ว่าการแก้ปัญหาภาคใต้ต้องให้ทหารเป็นหลัก แต่กระทรวงมหาดไทยในฐานะฝ่ายปกครองจะมีส่วนผสมผสาน โดยต้องคิดค้นหาสูตรว่า ที่ผ่านมาแม้พยายามแก้แล้วทำไมแก้ไม่ได้ ยังลอบทำร้ายและฆ่ากันอยู่เป็นประจำ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา หารือกับผู้ว่าฯ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่าเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเมืองศาสนา จะให้ทำประชาพิจารณ์ โดยมีแนวคิดคือไม่เพิ่มสถานบริการ ในส่วนที่มีอยู่เดิมก็ไปคิดว่าจะลดลงได้หรือไม่ ใครอยากเที่ยวก็ให้ไปที่ จ.สตูล และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วลองดูว่าผลกระทบจะมีมากน้อยแค่ไหน

รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ส่วนแนวคิดตั้งเขตปกครองพิเศษ ก็ต้องมาช่วยกันดูว่าจะให้เป็นรูปแบบใด จีน หรือเยอรมัน ให้ช่วยกันคิดไม่ใช่มานั่งเฉยๆ แล้วปล่อยให้เกิดเหตุร้ายรายวันโดยไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยปกครองในระบบรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ใช่นั่งรอวันตาย สำหรับตนคงไม่เน้นการลงไปในพื้นที่ เพราะกองกำลังฝ่ายตรงข้าม พอรู้มีผู้ใหญ่ลงพื้นที่ ก็จะโต้กลับค่อนข้างรุนแรง และการลงพื้นที่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ข้าราชการในพื้นที่ก็เหนื่อย ต้องมารับมาดูแลความปลอดภัย แล้วอยากถามว่าถ้ารัฐมนตรีลงไปแล้วขวัญกำลังใจดีขึ้นหรือเปล่า เป็นคนละเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องทำความเข้าใจกับกองทัพหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปรึกษากับกองทัพ เพราะกระทรวงมหาดไทยเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ทหารมีบทบาทสำคัญที่สุดในการกำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ในฐานะรมว.มหาดไทยต้องเอาของเก่ามาศึกษาว่าเป็นอย่างไร บกพร่องตรงไหนแล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร ต้องทำควบคู่กันไประหว่างมวลชนและการทำหน้าที่ของทหาร โดยการเมืองจะต้องนำการทหาร ต้องทำให้ประชาชนที่ยังมีความคลางแคลงใจกลับมาเป็นพวกให้ได้ สำคัญที่สุดต้องใช้หลักนิติธรรมนิติรัฐเอาความเป็นธรรมเป็นตัวตั้ง

"ในเรื่องของความเด็ดขาดในการดำเนินการนั้น ทหารทำหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนนี้ต้องให้ทหารเป็นหลัก และการหารือกันเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผมยืนยันไปแล้วว่าเรื่องเปลี่ยนแปลงโดยการยกเลิกนั้นไม่มี แต่จะต้องปรับปรุงตามที่ร้องขอว่าประชาชนต้องการ และไม่ต้องการอะไร ส่วนจะมีโอกาสได้หารือกับฝ่ายทหารเมื่อไหร่ คงต้องปรึกษากับนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมก่อน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ต่อข้อถามว่าแนวโน้มการตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษมีความเป็นไปได้หรือไม่ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่รูปแบบค่อยมาว่ากันภายหลัง และปีนี้ต้องรู้ว่าผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดจะต้องจัดทำงบประมาณเอง จะปรับความคิดผู้ว่าฯ ให้ทำตัวเป็นนายกฯ ของจังหวัดนั้นๆ ส่วนความเป็นไปได้เมื่อไหร่ต้องหารือกันก่อน ส่วนเรื่องการเรียนการสอนในปอเนาะและตาดีกานั้น เป็นเรื่องยาวมีประวัติศาสตร์มานานต้องใช้เวลาศึกษาและแก้ไข

"ในส่วนที่ผมระบุว่า อาจเกิดเหตุการณ์ระเบิดในช่วงนี้ ก็เป็นการคาดการณ์ เพราะมักมีเหตุการณ์แบบนี้เกือบทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จุดที่มักเป็นเป้าเกิดเหตุ คือ กรุงเทพฯ แถวๆ กระทรวงมหาดไทย หาดใหญ่ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มักจะเกิดเหตุที่คาราโอเกะต่างๆ เรื่องนี้เป็นการคาดการณ์ของผม และยอมรับว่ามีข้อมูลด้านการข่าวนิดหน่อย" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมครม.ถึงแนวคิดตั้งเขตปกครองพิเศษ ว่า เรื่องนี้ต้องบอกร.ต.อ.เฉลิมว่าการพูดแบบนี้ตนยังโดนมาแล้ว เรื่องนี้คงไปอ่านหนังสือมาแล้วเห็นว่าการตั้งเขตปกครองพิเศษเป็นเรื่องดี ก็เลยเอามาเสนอ แต่อันตราย เพราะความจริงเรื่องแบบนี้ไม่ควรออกมาแสดงความเห็น ควรจะคุยกันในวงเล็ก ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะไปกันใหญ่ และในการประชุม ครม.วันนี้ ไม่ได้พูดถึงเรื่องเขตปกครองพิเศษ เพราะไม่อยู่ในวาระการประชุม ส่วนตัวไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ เพียงแต่อยากฝากไปบอกร.ต.อ.เฉลิม ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรแสดงความคิดเห็น เพราะจะมีปัญหาตามมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีโอกาสจะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ถ้ามีโอกาสเดินทางก็จะไป แต่จะไม่บอกใครก่อน เมื่อกลับมาแล้วถึงจะมาเล่าให้ฟัง เมื่อถามว่ามองว่าการแก้ปัญหาภาคใต้ที่ผ่านมาดีขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ข่าวเขาว่าดีขึ้น แต่เมื่อเราชมว่าดีก็มีเหตุระเบิดขึ้นอีก จะไปรับฟังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แล้วเอาสถิติมาดูว่าสถานการณ์ดีขึ้นจริงหรือไม่ และต่อข้อถามว่า นายกฯ มาเลเซีย เสนอจะหารือถึงการทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหาภาคใต้ นายสมัครกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะบอกให้ทราบว่า จะพบได้เมื่อไหร่ มีกำหนดการที่จะพบกันอยู่แล้ว

ถัดมาเวลา 13.00 น. ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เขตปกครองพิเศษไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกดินแดน ให้มีการเลือกตั้งปกครองกันเอง ถ้าอย่างนั้นชาติหน้าก็ไม่เคยคิด ชาตินี้จะคิดได้อย่างไร แต่ที่ว่าเขตปกครองพิเศษ คือการนำแนวทางการแก้ปัญหาในต่างประเทศมาปรับใช้ เพราะเอามาใช้ทั้งดุ้นไม่ได้ เนื่องจากเราเป็นรัฐเดี่ยว แบ่งแยกไม่ได้ จึงให้ผู้ว่าฯ ลงไปทำประชาพิจารณ์ดูว่า ถ้าจะให้เป็นเขตปกครองพิเศษที่ไม่มีสถานบริการเลย จะเห็นด้วยหรือไม่ หากประชาชนอยากเที่ยวสถานบริการ ก็ให้ไปที่ จ.สตูล หรือ อ.หาดใหญ่ แทน เพราะคนที่นั่นอาจเคร่งศาสนา แต่การจะทำอะไรจะต้องถามความเห็นของคนในพื้นที่ก่อน โดยทางจังหวัดจะต้องเร่งทำประชาพิจารณ์ให้เร็วที่สุด

รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ต้องใช้คำว่าเขตปกครองพิเศษ เพราะจะต้องมีระเบียบมารองรับแนวทางการบริหารงาน เพราะมีแนวคิดว่าจะใช้ ระบบฟาสต์แทร็ก เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้จะต้องได้รับค่าตอบแทนสูงกว่า ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งการเติบโตก้าวหน้าในการทำงาน การขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากไม่ใช้คำว่าเขตปกครองพิเศษจะออกระเบียบมารองรับได้อย่างไร

สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ วันเดียวกัน เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.ฉิมพลี ขวัญดี ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ทหารพราน 45 พ.ท.ยุทธนา สายประเสริฐ รอง.ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 และพ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง สว.หน.นปพ.นราธิวาส นำกำลังตำรวจและทหาร 100 นาย เข้าตรวจค้นสวนยางพาราด้านหลังมัสยิดบ้านดอเฮะ หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี สืบเนื่องจากการสอบสวนขยายผล 2 สมาชิกกองกำลังระดับหน่วยจรยุทธ์ขนาดเล็กประจำถิ่น หรืออาร์เคเค จำนวน 13 คน ซึ่งเป็นมือประกอบวัตถุระเบิดและครูฝึก ที่ถูกจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา

จากการตรวจค้นเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง พบอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวน 13 รายการ ซุกซ่อนอยู่ในในถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร ฝังดินที่โคนต้นไม้ ประกอบด้วย ระเบิดซีโฟร์ 2 แท่ง, ระเบิดทีเอ็นที 10 แท่ง, ดินระเบิดชนิดอีมัลชั่น 2 แท่ง, โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 10 เครื่อง, แผงวงจรจุดระเบิด, สายนาฬิกา, หลอดไฟ, ถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ จำนวน 3 ก้อน, ถุงน้ำเกลือ, สายไฟฟ้า, ไขควง, อุปกรณ์ประกอบระเบิด, และถังดับเพลิงขนาดน้ำหนัก 15 กิโลกรัม จากของกลางที่ยึดได้สามารถนำไปประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องได้กว่า 10 ลูก และห่างจากจุดแรกประมาณ 20 เมตร ยังพบระเบิดไดนาไมต์ 11 แท่ง กระสุนปืนลูกซอง 75 นัด และเสื้อลายพรางอีก 3 ชุด

ต่อมาเวลา 06.30 น. พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบก.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.สัญชัย วราพงษ์ลิขิต สว.กลุ่มงานสืบสวน นำกำลังตำรวจเข้าจับกุมตัวนายยะยา อับดุลราซิ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนเปาะเบาะ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิ วาส เป็นสมาชิกอาร์เคเค ระดับปฏิบัติการ ภายหลังหลบหนีไปกบดานอยู่ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แล้วลอบกลับมาในพื้นที่ สอบสวนให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนสงครามยิงนายอับดุลเลาะ อภิบาลแบ เสียชีวิตคาบ้านพักในพื้นที่ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2548

ถัดมาเวลา 10.10 น. ร.ต.ท.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวรสภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนสายตันหยงลิมอ-ป่าไผ่ อยู่เยื้องกับกุโบร์ หรือสุสานบ้านตันหยงลิมอ หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จึงนำกำลังตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน บม 6491 สงขลา ชนหลักกิโลเมตรริมถนน มีรอยกระสุนปืนเอ็ม-16 และอาก้า พรุนทั้งคัน ภายในรถพบศพนายอับดุลมาซิ สะอะ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ เป็นสมาชิกอบต.ตันหยงลิมอ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม-16 และอาก้า เข้าที่ศีรษะ หน้าอก หัวไหล่ และแผ่นหลังหลายนัด และศพนายนุรดิน สะอะ อายุ 18 ปี ลูกชาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันพรุนทั้งร่าง

นอกจากนี้ห่างจากจุดแรกไปประมาณ 5 เมตร พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน บง 8318 นราธิวาส บรรทุกน้ำแข็งบดใส่กระสอบมาเต็มคัน ที่กระบะท้ายถูกชนเสียหาย พบปลอกกระสุนปืน เอ็ม-16 และอาก้า จำนวนกว่า 30 ปลอกเกลื่อนถนน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนางตูแวเนาะ ดอกอ อายุ 37 ปี ภรรยานายอับดุลมาซิ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุสามีและลูกชายชวนกันไปซื้อผลไม้ที่ตลาดตันหยงมัส โดยลูกชายเป็นคนขับ สามีนั่งข้าง ขากลับเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ สี และทะเบียน ไล่หลังแซงประกบ คนร้าย 2 คน ในกระบะกราดยิงด้วยปืนเอ็ม-16 และอาก้า ถล่มใส่จนรถเสียหลักชนรถบรรทุกน้ำแข็งของ นายสะมะแอ หะ อายุ 45 ปี ที่จอดอยู่ริมถนน คนร้ายกระโดดลงจากกระบะกราดยิงซ้ำอีกชุดจนแน่ใจว่าเสียชีวิต ก่อนจะขึ้นรถหลบหนีไป

ด้าน จ.ยะลา เวลา 08.20 น. ร.ต.ท.ชาญยุทธ พวงสั้น ร้อยเวร สภ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในสวนยางพารา บ้านซาไก หมู่ 3 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จึงนำกำลังตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุพบศพ นางพริ้ม ไกรสุวรรณ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 3 ต.บ้านแหร อ.ธารโต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัวหลายนัด สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางพริ้มเข้ามากรีดยางพารา ขณะนั้นมีคนร้ายดักซุ่มอยู่ข้างทางใช้อาวุธปืนยิงใส่เสียชีวิต สันนิษฐานในเบื้องต้นคาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่

ส่วนที่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 09.30 น. พ.ต.อ. ชาคริต สวัสดี ผกก.ตำรวจภูธร จ.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชาวจิตร์ ชัยกาญจนกิจ รอง ผกก.สส.สภ. นาทวี จ.สงขลา นำตัวนายอามีนูดีน กะจิ อายุ 26 ปี ครูสอนศาสนา หรืออุสตาซ โรงเรียนรุ่งโรจน์วิทยา อ.จะนะ จ.สงขลา เจ้าทุกข์ในคดีแจ้งความถูก ตชด.จับกุมและซ้อมบาดเจ็บสาหัส ไปชี้จุดเกิดเหตุภายในฐานปฏิบัติการ ตชด.หน่วยเฉพาะกิจ 43 อ.นาทวี

จากนั้นนายอามีนูดิน พร้อมด้วยนายจรัล สุวรรณะ ทนายความ พาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดเกิดเหตุที่ห้องประชุมชั้น 2 โดยระบุว่า เป็นจุดที่ถูกตชด.ซักถาม และรุมซ้อม ก่อนจะพาไปชี้จุดที่บริเวณระเบียงชั้น 2 โดยพนักงานสอบสวนถ่ายรูปนายอามีนูดิน ชี้จุดที่เกิดเหตุต่างๆ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน จากนั้นจะเรียก ตชด.ผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ โดย ทางญาติผู้เสียหายยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด

เวลา 16.40 น. พ.ต.ท.รัตน์ เทพเฉลิม รองผกก.สส.สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี นำกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบ 12 นาย เข้าติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยในพื้นที่บ้านบือจะ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ภายหลังสืบทราบมีกลุ่มคนร้ายอาวุธครบมือเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ เมื่อมาถึงบริเวณโรงเรียนอิสลามนิติวิทย์ พบกลุ่มชายวัยรุ่นประมาณ 6-7 คน จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น แต่กลุ่มวัยรุ่นวิ่งหนี พร้อมทั้งชักอาวุธปืนยิงใส่ และยิงปะทะกันนาน 15 นาที คนร้ายล่าถอยหนีเข้าสวนยางพารา เจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพนายนิมิตร เลาะลาแม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/4 หมู่ 4 ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ สภ.ปะนาเระ ในคดีฆ่าและเผาบ้านเรือนประชาชนที่บ้านบางหมู ต.น้ำบ่อ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และที่มือยังกำอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. ถูกยิงเข้าที่หลังและขา

ศ.ดร.กฤษฎา สุชีวะ รักษาการรองผอ.ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ หรือเอ็มเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมลงนามความร่วมมือโครงการขยายกำลังการผลิต งานวิจัยเสื้อเกราะกันกระสุน ของเอ็มเทค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด โดยศ.ดร.กฤษฎา กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้น ตำรวจและทหารต้องออกลาดตระเวนเสี่ยงภัย แต่จำนวนเสื้อเกราะกันกระสุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่จริง มีจำนวนเพียงหลักร้อย ขณะที่มีผู้ต้องการใช้เสื้อเกราะกันกระสุนมีเป็นหลักหมื่น

ดร.กฤษฎากล่าวต่อว่า เอ็มเทคและคณะวิทยา ศาสตร์ ม.มหิดล ร่วมกันพัฒนาเกราะแข็งน้ำหนักเบา สำหรับใช้งานด้านยุทโธปกรณ์ทางทหารในกองทัพไทย เพื่อผลิตเสื้อเกราะกันกระสุน และสร้างเครื่องจักรสำหรับการผลิตขึ้น โดยได้รับการสนับ สนุนทุนและวัตถุดิบเม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง เพื่อผลิตเส้นใยเสื้อเกราะกันกระสุน ตั้งเป้าจำนวน 100 ตัวในล็อตแรก

ด้าน รศ.ดร.ทวีชัย อมรศักดิ์ชัย อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวว่า เสื้อเกราะที่จะผลิตขึ้นใช้เม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง ทำให้เป็นเส้นใยที่มีความทนทาน จะประกอบเป็นเสื้อเกราะกันกระสุน ร่วมกับเซรามิก สามารถป้องกันกระสุนได้ใน 3 ประเภท คือปืนเล็กยาว หรือปืนไรเฟิล และอาวุธสงครามได้ มีน้ำหนักต่อตัวประมาณ 9 กิโลกรัม ราคาประมาณตัวละ 20,000 บาท ถูกกว่าเสื้อเกราะกันกระสุนที่ซื้อจากต่างประเทศที่มีราคาถึงตัวละ 40,000 บาท และมีอายุใช้งานเพียง 4 ปีเท่านั้น
 
 ภาพประกอบ [1]
คลังระเบิด- เจ้าหน้าที่ตรวจค้นสวน ยางพารา บ้านดอเฮะ อ.สุ ไหงปาดี จ.นราธิวาส พบอุปกรณ์วัตถุระเบิดจำนวนมาก เป็นการขยายผลหลังจับกุมแกนนำกลุ่มอาร์เคเค ได้ที่ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดีก่อนหน้านี้ 
 วันที่เผยแพร่  13 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  13 ก.พ. 2551


 ชื่อเรื่อง   สมัครเบรกเฉลิมพูดไวระวัง ตั้งเขตปค.พิเศษ-แนะคุยวงเล็ก  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0114130251&day=2008-02-13§ionid=0101
 เนื้อหา  นายกฯเตือน มท.1 ให้ระวังเรื่องพูด ตั้งเขตปกครองพิเศษแก้ปัญหาใต้ แนะให้คุยวงเล็กก่อน "เฉลิม"ชี้"สมัคร"ไม่เข้าใจ แค่สวัสดิการพิเศษ ขรก. คิดสูตรให้เป็นเมืองเคร่งศาสนา นักวิชาการหนุน ระบุเป็นการเริ่มต้นที่ดี เสนอให้ศึกษารูปแบบ"อาเจะห์" โจรใต้กราดอาก้า-เอ็ม 16 ดับสมาชิก อบต.พร้อมลูกชาย

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตือน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ระมัดระวังการเสนอแนวคิดการแก้ปัญหาภาคใต้ ที่จะเสนอให้เป็นเขตปกครองพิเศษ โดยแนะนำให้คุยกันในวงเล็กก่อน เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะโดนวิพากษ์วิจารณ์ ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า นายสมัครยังไม่เข้าใจแนวคิดดังกล่าว โดยจะทำให้เป็นเมืองเคร่งศาสนา ห้ามมีสถานบริการใหม่

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายสมัครปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณี ร.ต.อ.เฉลิมเสนอแนวความคิดตั้งเขตปกครองพิเศษเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ แต่แสดงความเป็นห่วงว่า "ไปอ่านข้อมูลมาแล้วก็เสนอแนวคิด อย่างนี้อันตรายและไม่ควรออกความเห็น จะต้องไปคุยกันในวงเล็ก คือเห็นว่าดี แล้วออกความเห็นแต่ก็จะไปกันใหญ่ ต้องบอก ร.ต.อ.เฉลิมว่าผมเคยโดนมาแล้ว ไม่นาน ร.ต.อ.เฉลิมก็โดนอีก เรื่องนี้ไม่ควรไปแสดง เพราะแสดงแล้วมีปัญหา ผมก็เคยเจอตอนอิสลามเข้ามาเยี่ยมที่พรรคพลังประชาชนนิดเดียวก็เกิดเรื่องนี้มาครั้งหนึ่ง"

นายสมัครยังกล่าวถึงการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถึงการแก้ปัญหาภาคใต้ว่า บรรดาทหารขอคุยห้องเล็ก แล้วให้มาช่วยคิด เพราะความรับผิดชอบอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาล หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเห็นด้วยก็เดินหน้า แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็จะถาม ซึ่งจะรีบทำโดยเร็ว และในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องขอเวลาดูหน่อย ซึ่งก็มีข้อมูลและคงไม่ถูกหลอก

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ได้คิดค้นหาสูตรในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า ทำไมที่ผ่านมันจึงแก้ไม่ได้ ยังมีการฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน ได้เสนอให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นเมืองเคร่งศาสนา ห้ามมีสถานบริการ ไปทำประชาพิจารณ์ หากประชาชนเห็นด้วยก็จะดำเนินการทันที

"แนวคิดคือ 1.จากนี้ต่อไปสถานบริการอย่าไปเพิ่ม ที่มีอยู่ลดลงแล้วไปเป็นจังหวัดที่เคร่งครัดศาสนากันไปเลย 2.เขตปกครองพิเศษจะเอารูปแบบไหน แต่ไม่ใช่แบ่งแยกดินแดน มันต้องมีวิธีเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ใช่มานั่งรอวันตาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีว่าอย่างไรต้องดูกันอีกที" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องทำความเข้าใจกับกองทัพกรณีจะทำเป็นเขตปกครองพิเศษหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ต้องปรึกษากองทัพอยู่แล้ว ทหารมีบทบาทสำคัญที่สุดในการกำหนดยุทธศาสตร์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิด ต้องเอาของเก่ามาดูว่าบกพร่องตรงไหน ต้องแก้ไขอย่างไร การทำงานต้องให้การเมืองนำการทหาร

เมื่อถามถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงเรื่องการเสนอเขตปกครองพิเศษ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า แสดงว่ายังไม่เข้าใจว่าเขตปกครองพิเศษดังกล่าวคืออะไร ที่ผ่านมาเกิดเหตุรุนแรงมาตลอด โดยเฉพาะปี 2550 เกิดกว่า 2,000 ครั้ง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะไม่ให้คิดค้นไม่ให้ศึกษาได้อย่างไร จึงคิดว่าเขตปกครองพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1.ต้องทำประชาพิจารณ์ว่าไม่ต้องมีสถานบริการเลย เอาหรือไม่ ให้เป็นพื้นที่ที่เคร่งครัดในเรื่องของศาสนา และยังต้องการให้ผู้ว่าฯ 3 จังหวัดอย่าอนุญาตหรืออนุมัติให้มีสถานบริการเพิ่ม

"2.ให้นายอำเภอ ปลัดอำเภอได้รับการโยกย้ายเป็นพิเศษ อย่างที่อื่นต้องเป็น 5 ปี แต่ถ้าเป็นในพื้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ให้เลื่อนขั้นได้เร็วขึ้นเป็น 3 ปี และการให้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ 3.ให้ผู้นำศาสนาเน้นที่เป็นมุสลิม ดูว่าที่ผ่านมากฎหมายของพวกคุณมีปัญหาหรือไม่ นี่คือแนวทางเขตปกครองพิเศษ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว และว่า ไม่ได้คิดที่จะแบ่งแยกดินแดน การแบ่งแยกดินแดนคงต้องเอาไว้ชาติหน้า

นางอรทัย ก๊กผล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การกระจายอำนาจแบบเขตปกครองพิเศษ จะช่วยให้แต่ละพื้นที่มีโอกาสบริหารจัดการวิถีชีวิตของตนเอง ซึ่งก่อนจะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครอง พิเศษ ต้องมาคุยกันหลายประเด็นว่ารัฐจะกระจายอำนาจแค่ไหน

นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเข้าใจทางการเมืองที่มีความแตกต่างหลากหลาย แต่ข้อสำคัญจะต้องศึกษาและดูกรอบของเขตการปกครองพิเศษว่าครอบคลุมแนวคิดใดกฎหมายด้านทางแพ่ง กฎหมายมรดกของชาวอิสลาม ที่มีความพยายามจะเรียกร้องมาก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ อีกทั้งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่แนวทางสำเร็จรูป เพราะหากมีการปกครองพิเศษ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะสนใจแนวทางการตั้งโต๊ะเจรจามากขึ้น

นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า แนวคิดที่ ร.ต.อ.เฉลิมจะศึกษาโมเดลเขตการปกครองพิเศษจากมณฑลซินเกียง ของจีน ถือว่าน่าสนใจ แต่จีนมีรูปแบบการปกครองที่ต่างจากไทย อยากแนะนำให้รัฐบาลศึกษาประกอบด้วยคือ กรณีจังหวัดอาเจะห์ ของอินโดนีเซีย ซึ่งมีรูปแบบการบริหารปกครองแบบท้องถิ่นเข้ามาผสมผสาน ทั้งเรื่องการมีส่วนร่วมของชาวมลายู รากฐานวิถีคิด ที่มีรูปแบบเฉพาะอันน่าสนใจ

นายสุริชัย หวั่นแก้ว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ถ้าคิดว่าปัญหาภาคใต้ใช้วิธีปราบปรามอย่างเดียวไม่พอ อาจจะต้องสนใจวิธีแก้ปัญหาที่เปิดให้มีส่วนร่วมในระยะยาว เพราะในพื้นที่มีข้อแตกต่างเยอะ ขณะเดียวกันก็จะต้องดำรงความเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยไว้พร้อมๆ กับให้มีส่วนร่วมในท้องถิ่นได้มากขึ้น เน้นความเป็นสมดุล เน้นความเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย แต่มีวิธีการจัดการบริหารท้องถิ่นที่มีลักษณะการยอมรับส่วนร่วมของท้องถิ่นมากกว่าเดิม

นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานแก้ปัญหาความไม่สงบภาคใต้ กล่าวว่า แนวคิดจัดตั้งเขตปกครองพิเศษ จะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับสถานการณ์รุนแรงกว่าเดิม ทั้งนี้ ปัญหาในภาคใต้ แม้จะมีบางส่วนที่มีความคิดเรื่องการแบ่งแยกดินแดนอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเช่นนั้น จุดสำคัญอยู่ที่ต้องสร้างความเป็นธรรมให้กลับคืนสู่สังคม

"ขอเสนอแนะให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาความไม่สงบภาคใต้ ซึ่งสามารถให้ทั้งคนนอกและในพื้นที่มาร่วมกันทำงาน เพราะขณะนี้ฝ่ายนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นตัวนายกฯและรัฐมนตรีมหาดไทยไม่เข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง" นายเจะอามิงกล่าว

ด้านเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เมื่อเวลา 08.20 น. ขณะที่นางพริ้ม ไกรสุวรรณ อายุ 28 ปี กำลังกรีดยางพาราภายในสวน พื้นที่หมู่ 3 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา ได้ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต

เวลา 10.20 น. ขณะที่นายนูรูดิน สะอะ อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ขับรถกระบะ โดยมีบิดา คือ นายอับดุล อาซิ สะอะ อายุ 43 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นั่งมาภายในรถ เมื่อมาถึงหน้ามัสยิดตันหยงลิมอ หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ได้ถูกคนร้าย 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นพาหนะเข้าประกบใช้ปืนอาก้าและเอ็มกราดยิงใส่ กระสุนถูกนายอับดุลอาซิ เสียชีวิต นายนูรูดิน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลระแงะ

เวลา 06.00 น. พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท หัวหน้าชุดเฉพาะกิจที่ 31 นราธิวาส สนธิกำลังทหารพรานรวมกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นสวนยางพารา บ้านดอเฮะ หมู่ 4 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พบถังขนาดใหญ่ฝังอยู่ใต้ดิน ภายในบรรจุโทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง วงจรจุดชนวนระเบิดต่อพ่วงนาฬิกาดิจิตอล และแบตเตอรี่พร้อมใช้งาน ดินระเบิดชนิดซีโฟร์ 2 แท่ง ไดนาไมต์ 10 แท่ง พลุสัญญาณ และถังดับเพลิงบรรจุวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่จึงยึดไปตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ เพื่อขยายผลจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายนำวัตถุประกอบระเบิดทั้งหมดมาพักไว้ เพื่อนำไปก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ จ.นราธิวาส

เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.นรัตน์ เทพเฉลิม รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีแนวร่วมเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่หมู่ 4 บ้านบือจะ ต.พิเทน จึงนำกำลังชุดกู้เกียรติ จำนวน 12 นาย ออกลาดตระเวนเดินเท้า พบกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย 4-5 คน นั่งอยู่ในกระท่อมหลังบ้านของชาวบ้าน จึงพยายามที่จะเข้าไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยชักอาวุธปืนยิงใส่แล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าหลังหมู่บ้าน เจ้าหน้า ที่จึงยิงตอบโต้คนร้ายและวิทยุขอกำลังสนับสนุน จนเกิดการปะทะกันขึ้นประมาณ 10 นาที ปรากฏว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ศพ ส่วนที่เหลือหลบหนีเข้าไปในป่า
 
 ภาพประกอบ [1]
ฆ่าพ่อลูก - ทหารเข้าตรวจสภาพศพนายอับดุลอาซิ สะอะ อายุ 43 ปี สมาชิก อบต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ 4 คน ยิงถล่มเสียชีวิตคารถกระบะ ส่วนนายนูรูดิน สะอะ บุตรชาย นักเรียน ม.6 โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ที่นั่งมาด้วยกันไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 
 วันที่เผยแพร่  13 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  13 ก.พ. 2551

......................................
ผบ.ทบ.ติง “เหลิม” ตั้งเขตปกครองฯ ใต้เรื่องใหญ่
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 กุมภาพันธ์ 2551 13:24 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000018125

วันนี้ (13 ก.พ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเชิญหารือเกี่ยวกับกรอบการทำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่ายังไม่ได้รับการประสาน แต่กองทัพบกได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว
       
       พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จะให้จัดพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ โดยกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากและใหญ่เกินไปที่จะนำมาพูดผ่านสื่อ เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติ แต่หากจะมีการหารือกัน กองทัพบกมีข้อมูลที่จะนำเสนอ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามในหลายแง่มุม ทั้งในแง่ของการปฏิบัติได้จริงและข้อห่วงใยของฝ่ายทหารที่ผ่านมาที่เกรงว่าการจัดตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษจะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธว่าไม่มีความคิดเห็น ต้องไปถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
       
       นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกว่า ที่กองทัพจำเป็นต้องขอให้รัฐบาลประกาศใช้กฎอัยการศึกที่ในขณะนี้มีเหลือเพียงตามอำเภอต่างๆ ที่ติดแนวชายแดน เนื่องจากมีภัยคุกคามประเภทต่างๆ เช่น ปัญหายาเสพติดที่เข้ามาในพื้นที่ชั้นในของประเทศ ซึ่งขณะนี้มี 7 กองกำลังของกองทัพบก และ 1 กองกำลังของกองทัพเรือดูแลอยู่ และฝ่ายรักษาความมั่นคงภายในเห็นว่ายังจำเป็นต้องมีเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้ แต่หากจะมีการพิจารณาเป็นอื่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาเหตุผลว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เรื่องนี้อยู่นอกเหนืออำนาจของกองทัพ
       
       ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ใด้ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางตรวจเยี่ยมการทำงานของกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ ว่าจะไปดูการปฏิบัติงานในภาพกว้างของกองกำลังผาเมืองและนเรศวร โดยเฉพาะปัญหาเรื่องม้ง ซึ่งในภาพรวมทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวพร้อมรับกลับ แต่มีปัญหาเรื่องกระบวนการส่งกลับของไทยที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหากันต่อไป ส่วนจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับองค์กรเอกชน หรือเอ็นจีโอหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Arch_FreeMan ที่ 13-02-2008, 16:23
ปัญหาภาคใต้ ก่อความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลทักษิณ มีมุมมอง และ แนวทางการแก้ไขปัญหา ที่ผิดพลาด

ตลอดระยะเวลาที่ รัฐบาลทักษิณอยู่ในอำนาจ ปัญหาภาคใต้นอกจากจะไม่ได้รับการแก้ไข อย่างถูกวิธีแล้ว จะถูกเติมเชื้อไฟ ด้วยคำสั่ง CEO ด้วยคำพูดยั่วยุของนายกทักษิณ ตลอดเวลา

ปัจจุบัน ปัญหาภาคใต้เริ่มได้รับการแก้ไข เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ผมก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลของคุณสมัคร จะไม่ทำให้พี่น้องคนไทยต้องตายเพิ่มขึ้นอีก ปัญหาภาคใต้ ไม่ได้อยู่ในวิสัย ที่ สส ฝ่ายค้านจะแก้ได้ แต่อยู่ในอำนาจที่ฝ่ายบริหาร หรือ รัฐบาลจะแก้ไข

หน้าที่ สส ฝ้ายค้าน คือการตรวจสอบการกระทำของฝ่ายบริหารผ่านรัฐสภา เท่านั้น เจ้าของกระทู้ควรจะไปศึกษาระเบียบวิธีการเมืองการปกครองของระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาเสียใหม่

สส. ฝ่ายค้าน ไม่ได้มีอำนาจบริหารแบบรัฐบาล งบประมาณก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ดังนั้น อย่าไปโยนความรับผิดชอบของ หรือ โยนปัญหาให้เป็นของฝ่ายค้าน รัฐบาลต่างหากที่จะต้องทำหน้าที่แก้ไขปัญหาให้ลุล่วง หากแก้ได้ก็เป็นเครดิตของเขา


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-02-2008, 16:40
ปัญหาภาคใต้ ก่อความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลทักษิณ มีมุมมอง และ แนวทางการแก้ไขปัญหา ที่ผิดพลาด

ตลอดระยะเวลาที่ รัฐบาลทักษิณอยู่ในอำนาจ ปัญหาภาคใต้นอกจากจะไม่ได้รับการแก้ไข อย่างถูกวิธีแล้ว จะถูกเติมเชื้อไฟ ด้วยคำสั่ง CEO ด้วยคำพูดยั่วยุของนายกทักษิณ ตลอดเวลา

ปัจจุบัน ปัญหาภาคใต้เริ่มได้รับการแก้ไข เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ผมก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลของคุณสมัคร จะไม่ทำให้พี่น้องคนไทยต้องตายเพิ่มขึ้นอีก ปัญหาภาคใต้ ไม่ได้อยู่ในวิสัย ที่ สส ฝ่ายค้านจะแก้ได้ แต่อยู่ในอำนาจที่ฝ่ายบริหาร หรือ รัฐบาลจะแก้ไข

หน้าที่ สส ฝ้ายค้าน คือการตรวจสอบการกระทำของฝ่ายบริหารผ่านรัฐสภา เท่านั้น เจ้าของกระทู้ควรจะไปศึกษาระเบียบวิธีการเมืองการปกครองของระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาเสียใหม่

สส. ฝ่ายค้าน ไม่ได้มีอำนาจบริหารแบบรัฐบาล งบประมาณก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ดังนั้น อย่าไปโยนความรับผิดชอบของ หรือ โยนปัญหาให้เป็นของฝ่ายค้าน รัฐบาลต่างหากที่จะต้องทำหน้าที่แก้ไขปัญหาให้ลุล่วง หากแก้ได้ก็เป็นเครดิตของเขา

เขาพูดถึงปชป. รัฐบาลเงา? ไม่ได้สนใจฝ่ายค้านตะบัน  

ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก


หัวข้อ: เฉลิมล้มเขตปกครองพิเศษใต้ ปัตตานีซุ่มยิงกำนัน-อบต.สาหัส
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-02-2008, 01:27

เฉลิม คงต้อหันมากวาดบ้าน กระทรวงมหาดไทย มีพวกกเฬวราก จัดการกวาดไปเรื่อยๆ หันมาสร้างบารมีดีกว่า :slime_fighto:


ชื่อเรื่อง   เฉลิมล้มเขตปกครองพิเศษใต้ ปัตตานีซุ่มยิงกำนัน-อบต.สาหัส
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0106160251&day=2008-02-16§ionid=0101
 เนื้อหา  "เฉลิม"เลิกแนวคิดตั้งเขตปกครองเฉพาะส่วน แก้ปัญหาความไม่สงบ 3 จว.ใต้ อ้างไม่อยากให้มีการทะเลาะกัน ยุติเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังเดินหน้าให้พื้นที่เกิดความสงบสุข อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 แนะใช้การเมืองนำทหาร ชี้ไฟใต้ไม่ดับเพราะ"ทักษิณ-สุรยุทธ์"ไม่รู้จริง กลุ่มโจรซุ่มยิงกำนัน-อบต.สาหัส

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ว่า ขอยกเลิกแนวคิดเขตปกครองพิเศษหรือ เขตปกครองเฉพาะส่วน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ โดยให้เป็นเขตปกครองธรรมดา 75 จังหวัด รวม กทม.เป็น 76 จังหวัด และจะหาวิธีการที่จะแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความสงบสุขต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเพราะเกิดจากแรงเสียดทานหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นการเถียงกันไปเถียงกันมา คนก็คิดว่าจะไปเอาแบบเขตปกครองตนเองซินเจียง หรือแบบเยอรมนี คิดว่าจะต้องมีการแบ่งแยกการเลือกตั้ง กลัวว่าจะเสียดินแดน คิดกันไปต่างๆ นานา จึงไม่อยากให้มีการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะทุกคนหวังดีต่อบ้านเมืองเหมือนกัน อยากให้ภารกิจสำเร็จ จึงได้ยกเลิกและอย่าไปเรียกในลักษณะนั้นเลย ส่วนการปฏิบัติงานในพื้นที่ก็ยังจะเป็นไปตามแนวทางเดิมที่เคยพูดไว้แน่นอน

ด้าน พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ประเทศไทยยังไม่มีเขตปกครองพิเศษ จะมีก็เป็นเรื่องของการปกครองตนเอง เช่น เมืองพัทยา หรือกรุงเทพมหานคร คือไม่ขึ้นกับส่วนกลางในการบริหารงานบางส่วน ทั้งนี้ หากพิจารณา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องดูที่ความพร้อม และทำเรื่องนี้แล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่

พล.อ.กิตติกล่าวว่า ช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลยังไม่รู้เลยว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องการอะไร ต้องการจัดตั้งรัฐปัตตานี ไม่ใช่ปกครองตนเอง ต้องมองกันให้ชัดเจน อย่าพูดเพื่อการเมือง อย่าพูดเพื่อหาเสียง หรือพูดแล้วก่อให้เกิดความแตกแยก พูดอะไรออกมาขอให้มีความรอบคอบ มีขั้นมีตอน มันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง เรื่องของแผ่นดิน เรื่องของเอกราช

"เขตปกครองพิเศษเป็นขั้นบันไดที่เขาวางเอาไว้ อย่าทำอะไรเรื่อยเปื่อยเหมือน 4 ปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาให้สำเร็จไม่ได้อยู่ที่ทหาร แต่อยู่ที่การเมือง ความสำเร็จต้องด้วยสันติวิธี คือ การเจรจาทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ การเมืองจึงต้องนำการทหาร แต่การเมืองต้องเข้าใจ การเมืองไม่ใช่นักการเมือง ที่ผ่านมาอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ไม่เข้าใจปัญหา" พล.อ.กิตติกล่าว

ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เมื่อเวลา 05.00 น. จ.ส.อ.ชุมพร วงศ์ปิ่นตา หัวหน้าชุดลาดตระเวนทหารม้า ร้อย ร.1273 ชุด ฉก.นราธิวาส 31 นำรถยนต์หุ้มเกราะ 4 คัน ทหาร 21 นาย ออกตรวจเหตุคนร้ายโปรยตะปูเรือ และลอบเผายางรถยนต์บนถนนสายจารุเสถียร เส้นทางสาย อ.สุไหงปาดี-อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส บริเวณบ้านปาเร๊ะปูโร๊ะ หมู่ 9 ต.มะ รือโบตก อ.เจาะไอร้อง เมื่อถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ที่ลอบวางไว้ที่โคนเสาไฟฟ้าบริเวณหัวสะพานบ้านปาเร๊ะปูโร๊ะ แต่ระเบิดทำงานไม่ครบวงจร มีแค่เสียงดัง แต่สะเก็ดระเบิดไม่กระจายออกมา จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่มีรถยนต์ชาวบ้านถูกตะปูเรือใบยางแตกหลายคัน

เวลา 08.00 น. พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ รอง ผบ.ฉก.สงขลา ร่วมกับตำรวจ,ทหารพรานร้อย และอาสาสมัคร (อส.) สะบ้าย้อย จ.สงขลา เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 14 หมู่ 3 ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย จับกุมนายรอซาลี หะยีอาบู ผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดี จากนั้นคุมตัวไปสอบสวนเบื้องต้น โดยนายรอซาลีสารภาพว่า เป็นผู้ก่อความไม่สงบจริง และที่ผ่านมาได้ประสานให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นราธิวาส ประสานกับผู้ใหญ่เพื่อเข้ามอบตัว แต่ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้ได้ จึงหลบหนีมาซ่อนตัวก่อนถูกจับกุม

เวลา 12.30 น. ขณะที่ จ.ส.อ.ปรีชา สุขสร้อย อายุ 40 ปี สังกัด ร้อย ร.12 รอ. ชุด ฉก.นราธิวาส ขับรถกระบะ เพื่อไปประชุมที่ค่ายสิรินธร มีทหารนั่งมาในรถ 3 นาย โดยขับมาตามเส้นทางสายยะรัง-มายอ เมื่อมาถึงหมู่ 4 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ถูกคนร้ายใช้ปืนอาก้ายิงใส่ จึงเกิดการยิงตอบโต้กัน และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามคนร้ายที่หลบหนี พบชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องของคนร้ายที่ทำตกไว้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

เวลา 15.00 น. ขณะที่นายมะดารี ลาเม็ง อายุ 43 ปี กำนัน ต.หนองแรต อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขับรถกระบะ โดยมีนายดอรอม มะโร๊ะ อายุ 41 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.)หนองแรต นั่งมาภายในรถ เมื่อมาถึงพื้นที่หมู่ 1 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง ได้ถูกคนร้ายใช้รถกระบะเป็นพาหนะเข้าประกบและใช้ปืนอาก้ายิงใส่ แต่นายมะดารีได้ชักปืนยิงตอบโต้ก่อนที่คนร้ายจะเร่งเครื่องหลบหนีไป โดยมะดารีถูกยิงเข้าที่แก้มขวา ไหล่ขวา และชายโครงขวา ส่วนนายดอรอมถูกยิงเข้าที่คอ ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่

วันเดียวกัน ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตนายอัดนัน วาเต๊ะ และพวกอีก 4 คน ในคดีร่วมกันฆ่า และเผาวัดพรหมประสิทธิ์ ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ทำให้พระมรณภาพ 1 รูป และเด็กวัดเสียชีวิต 2 ศพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2548 ส่วนจำเลยอีก 6 คน ให้ยกฟ้อง

 
 วันที่เผยแพร่  16 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  16 ก.พ. 2551


หัวข้อ: วิกฤตป่าสงขลาเหลือ5แสนไร่
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 00:31


ชื่อเรื่อง   วิกฤตป่าสงขลาเหลือ5แสนไร่  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdOakl3TURJMU1RPT0=§ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB5TUE9PQ==
 เนื้อหา  สงขลา - นายสุทธิ มโนธรรมพิทักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า การประชุมการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดสงขลา มีคณะอนุกรรมการจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดสงขลาอยู่ในขั้นวิกฤตมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่กว่า 5 แสนไร่เท่านั้น ขณะนี้ขอความร่วมมือให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 18 และหน่วยป้องกันรักษาป่าชายเลนที่ 10 สงขลา บูรณาการการปฏิบัติงานดูแลป้องกันรักษาพื้นที่ป่าเอาไว้ให้ได้ หากพบการบุกรุกพื้นที่ป่าในพื้นที่ของหน่วยงานใดให้หน่วยงานนั้นแจ้งความดำเนินคดี และเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่า พร้อมกับให้ดูแลปราบปรามการลักลอบจับสัตว์ป่า และค้าสัตว์ป่า ตรวจตราการนำไม้ที่ได้มาโดยไม่ถูกต้องปะปนกับไม้ฟืน ไม้ยางพารา ที่นำส่งโรงงาน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง

นายสุทธิกล่าวอีกว่า พยายามสร้างเครือข่ายให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลรักษาป่า เพราะประชาชนอยู่ในพื้นที่ย่อมมีส่วนได้ส่วนเสียหากป่าไม้ถูกทำลายอาจจะมีภัยธรรมชาติขนาดใหญ่เกิดขึ้นได้ บุกรุกพื้นที่ป่า มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นจากการบุกรุกทำลายป่า หากพบเห็นการตัดไม้ทำลายป่าแจ้งเรื่องได้ที่ฝ่ายปกครองของอำเภอ และจังหวัด หรือที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 โทรศัพท์หมายเลข 0-7431-3166 สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 18 โทรศัพท์หมายเลข 0-7439-8211 และหน่วยป้องกันรักษาป่าชายเลนที่ 10 สงขลา โทรศัพท์หมายเลข 08-4968-7930
 
 วันที่เผยแพร่  20 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  20 ก.พ. 2551


หัวข้อ: อดีตกก.อิสลามหนุนแนวคิดปลดอาวุธ แต่ต้องยุติเหตุฆ่ารายวัน-จังหวัดถกผู้รับเหมาทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 00:32


ชื่อเรื่อง   อดีตกก.อิสลามหนุนแนวคิดปลดอาวุธ แต่ต้องยุติเหตุฆ่ารายวัน-จังหวัดถกผู้รับเหมาทิ้งงาน
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdNVEl3TURJMU1RPT0=§ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB5TUE9PQ==
 เนื้อหา  นราธิวาส - นายนิมุ มะกาเจ อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา เปิดเผยถึงกรณีที่ทางคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เสนอรัฐบาลให้มีการปลดอาวุธประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ที่ผ่านมาจากการทำโครงการระดมความคิดจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น องค์กรชุมชน ความหลากหลายในปัจจุบันนี้ ทางรัฐสนับสนุนการใช้อาวุธที่แตกต่างกัน พื้นที่ต่างๆ มีความคับข้องใจในการใช้อาวุธ บางพื้นที่สนับสนุนเต็มที่ในการใช้อาวุธ บางกลุ่มไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นการที่องค์การศาสนาอิสลามในส่วนกลางที่ได้มีการเสนอให้ปลดอาวุธก็ถือว่าเป็นมิติที่ดี แต่ในการที่จะปลดอาวุธได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธของผู้ที่มีใบอนุญาตแล้วก็ตาม ชดเชยตามราคาที่ซื้อมา หรืออาวุธเถื่อนที่จะต้องเรียกร้องตรวจ เช็กอย่างละเอียด และจะต้องมีการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน ในเรื่องนี้จะต้องมีการหารือและพูดคุยกันในระดับพื้นที่ด้วย เป็นเรื่องที่ดี ในขณะเดียวกันไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาวุธอย่างเดียว ยังมีเรื่องความยุติธรรม อบายมุข เพราะทั้งหมดมันเกี่ยวข้องกัน นำไปสู่ความรุนแรง และต้องถือว่าเป็นมิติที่ดี

อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา กล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ที่ดูแลความปลอดภัยประชาชน ควรจะให้รางวัลตำรวจและทหารที่สามารถจับกุมคนร้ายได้และที่รักษาสันติภาพได้ดี ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารจะดูแลความปลอดภัยรอบนอกของหมู่บ้าน และให้ประชาชนในพื้นที่สร้างความเข้มแข็งในการดูแลความปลอดภัย ในลักษณะอย่างนี้จะดีกว่า ส่วนสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จะต้องยุติสถานการณ์รายวันให้ได้

ด้านนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล รอง ผวจ.นราธิวาส เผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้เดินทางไปตรวจพื้นที่เส้นทางก่อสร้างใหม่ระหว่างบ้านปาลอบาต๊ะ อ.ยี่งอ พร้อมด้วยนายไพบูลย์ ยิ้มแย้ม นายอำเภอยี่งอ ไปถึงบ้านตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา ระยะทาง 25 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ประหยัดเวลาและใกล้ที่สุด ขณะนี้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากบริษัทรับเหมาอ้างว่าเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จึงไม่กล้าที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จ

นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาปรึกษาหารือ เพื่อจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2545 เป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนใช้สัญจรไป-มา สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยใช้เส้นทางในการขนส่งสินค้าเกษตรไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย อีกทั้งเพื่อความสะดวกในการคมนาคมไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
 
 วันที่เผยแพร่  20 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  20 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 00:35


รวมลิงค์ให้อีกครั้งครับ..

http://oas.psu.ac.th/wbns/newsgroup.html

http://www.muslimcampus.com/news.php

http://www.pataninews.net/links.asp

http://songkhlatoday.com/index.php?

http://www.focuspaktai.com/index.php

.......................................


ข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งหมดจำนวน 63499 รายการ  

http://oas.psu.ac.th/wbns/browse.php

ติดตามข่าวคราวเปรียบเทียบได้ตามลิงค์ ข้อมูลเขาอัพเดทเพิ่มข่าวทุกวัน


ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ Deep South Watch (DSW).

http://www.deepsouthwatch.org/


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 00:41

อ่านกันเยอะๆครับ

คนท้องถิ่นมีปัญหา เพราะข้าราชการต่างถิ่น

เข้ามาตั้งรกรากทำงานอยู่ในพื้นที่และมีผลประโยชน์

ยกตัวอย่าง ตำรวจยัดยาบ้า มันกลายเป็นวัฒนธรรมโจร ที่ชาวบ้านที่มีปัญหา

ไม่ทราบจะพึ่งใคร..ทั้งคนร้ายคนดีปะปนกัน

จนตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว สำหรับคนร้าย แต่ข้าราชการที่มีปัญหา คงมีไม่น้อย..  


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 21:28


ชื่อเรื่อง   มท.1 ดับไฟใต้ยืมปาก เหลี่ยม แค่โจรกระจอก  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ThaiPost
 คอลัมน์ข่าว   การเมือง-ข่าว
 URL   http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=21/Feb/2551&news_id=154853&cat_id=501
 เนื้อหา  ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ดาหน้าชำแหละนโยบายดับไฟใต้ ไม่เชื่อน้ำยารัฐบาลที่ตาบอดคลำช้าง ย่ำรอยความล้มเหลวยุค "ทักษิณ"


สมานฉันท์ไม่มีวันสำเร็จ  จวก  "หมัก" จอมบิดเบือนประวัติศาสตร์  อัด "เหลิม" ผุดเขตปกครองพิเศษเข้าทางบีอาร์เอ็น  ถามทำไมคิดตรงกับโจรจนต้องเด้งเชือกพลิ้วจะขอข้อมูลจาก ปชป.มาแก้ปัญหา

การอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่  20 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่สาม  นายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่าเกิดจากคนในพื้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สมัย พล.อ.เปรม  ติณสูลานนท์ มาจนถึงนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ความรุนแรงลดลงจาก 100  เหลือแค่ 8 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าการประนีประนอมลดความรุนแรงลงได้ แต่หลังจากปี  44 ความรุนแรงเพิ่มขึ้นหลายพันเท่า ถือเป็นความผิดพลาดทางนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายการปราบยาเสพติด  ทำให้คนในพื้นที่ 70 คนถูกกระทำอย่าง***มโหดทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง  เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน  การแก้ปัญหาจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี และไม่ใช่แก้เฉพาะในประเทศ เพราะต่างประเทศจับตาดูอยู่

นายพีรยศกล่าวว่า   สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการเสียชีวิตของคนที่ไม่ใช่เฉพาะคนที่อยู่ใน 3  จังหวัดภาคใต้เท่านั้น  แต่มีทหาร  ครู จากส่วนอื่นของประเทศที่ตายด้วย  เมื่อนำศพกลับภูมิลำเนาก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี   ปัญหาเพิ่มความสลับซับซ้อน  ปัจจุบันเกิดโจรพันธุ์ใหม่อาร์เคเค เป็นกองโจรจรยุทธ์ที่เลียนแบบมาจากอินโดนีเซีย  มีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีต้นสังกัด   อีกกลุ่มเป็นขบวนการอิสระ การแก้ปัญหาจึงต้องระวัง  ต้องเข้าใจมูลเหตุปัญหา เข้าใจมิติทางประวัติศาสตร์   และต้องเห็นใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่  รัฐต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง   ไม่ใช่แค่เขียนนโยบาย  ถ้าผิดพลาดในรัฐบาลชุดนี้อีก เกรงว่าด้ามขวานทองถ้าหักไปแล้วโอกาสจะเชื่อมกลับมานั้นยาก

นายอับดุลการิม  เด็งระกีนา  ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากความอวดดีอวดเก่ง แถมยังปฏิเสธแนวทางที่รัฐบาลก่อนๆ เคยใช้  ถ้าต้องการให้  3  จังหวัดภาคใต้สงบ  ต้องสะสางคดีผู้สูญหายที่เคยเกิดขึ้นตลอด 7-8 เดือนที่ผ่านมามากกว่า 30 ราย ขอถามรัฐบาลว่า กล้าหรือไม่ที่จะตั้งคณะกรรมการสอบคนที่หายไปและผู้ที่ถูกยิงตายจำนวนมาก  ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ถ้าเกิดกับพี่น้องหรือพ่อของท่านประธาน  จะแค้นหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลและมหาดไทยต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง  ทำให้นายมีชัย  ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมต้องกล่าวว่า เวลายกตัวอย่างร้ายๆ ขอยกให้ไกลประธานบ้างก็ดี

ส่วนนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กรือเซะ-ตากใบ  ที่เป็นเหตุรุนแรงเกิดในรัฐบาลที่แล้ว และบานปลายรุนแรงอย่างยิ่ง ดังนั้นรัฐบาลนี้ต้องคิดว่าจะเอาอย่างไร  เพราะดูแล้วว่านโยบายลอกมาจากรัฐบาล  พ.ต.ท.ทักษิณ แม้แต่  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ยังเกิดแนวคิดให้พื้นที่  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ   แสดงว่ารัฐบาลไม่มีความรู้  จึงอยากเตือนรัฐบาลและ รมว.มหาดไทย  ว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องศาสนา เพราะฉะนั้น  การประกาศให้เป็นเมืองศาสนานั้น คนทั่วไปอาจคิดว่าทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัดมุสลิม  แล้วชาวพุทธที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมากจะอยู่ได้อย่างไร   จะยิ่งเกิดความแตกแยกและแตกต่าง  ซึ่งศาสนาพุทธและอิสลามไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาชายแดนภาคใต้  เพราะชาวมุสลิมและชาวพุทธไม่ได้รังเกียจต่อกัน  กรณีที่พระภิกษุถูกฆ่าตาย เกิดจากการก่อการร้ายที่ต้องการให้คนใน 2 ศาสนาระแวงแตกแยกกัน เพราะผู้นำศาสนาก็ถูกฆ่าเช่นกัน

ส.ส.ปัตตานีกล่าวอีกว่า   การแก้ไขปัญหานี้ต้องทำไปพร้อมๆ  กันทั้งด้านสังคมและการศึกษา   และอยากฝากรัฐบาลว่า งบประมาณที่ลงไปใน  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความมั่นคง  จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ดูเรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และให้กำลังใจครูให้มีเงินเดือนมากขึ้น รวมถึงให้ครูได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ  พร้อมทั้งปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้ประชาชนประกอบอาชีพได้จริง  และให้การดูแลหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าที่มาจากปัญหาความรุนแรงในพื้นที่   ที่ต้องมีการเยียวยาและต้องทำให้พื้นที่เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมได้ เช่น อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล

ร.ต.อ.เฉลิม   อยู่บำรุง   รมว.มหาดไทย ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า น้อมรับคำวิจารณ์ด้วยความใจกว้าง  แต่หลังจากที่ขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่  10 คน ปรากฏว่าไม่มีใครคิดเหมือนกันเลย  สำหรับนโยบายภาคใต้นั้นจะบอกกับสาธารณะไม่ได้ เป็นเรื่องลับลวงพราง ที่ผ่านมาคนที่มีอำนาจอย่างอดีต  ผบ.ทบ.เป็นถึงประธาน คมช.ที่ลงไปแก้  ปัญหาก็กลับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม  ขอให้รอดูการทำงานของรัฐบาลบ้าง ขอยืนยันว่าจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส  ไม่ว่าจะเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ ปล้นปืน ตนพอจะรู้ แต่พูดไม่ได้ ส่วนแนวคิดการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษนั้น  ส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นเหมือนเสิ่นเจิ้นในจีนหรือเยอรมนีนั้น ไม่ใช่เข้าใจกันผิด แต่ตนไม่มีโอกาสอธิบาย จะอธิบายในคืนนี้

ทั้งนี้   ปัญหาภาคใต้ต้องคิดว่าเราเป็นนักธุรกิจ  แล้วทำธุรกิจขาดทุน  3 จังหวัดแย่ลง  เมื่อทำธุรกิจขาดทุนต้องเปลี่ยนนโยบายธุรกิจเขตปกครองพิเศษบอกแสลงหู  ไม่เป็นไรกลับมาที่เดิม   ขอยืนยันกับท่านว่า เรามีแนวคิดแนวทางแก้ปัญหาให้สถานการณ์ดีขึ้น  คับแค้นข้องใจ   ยากไร้วัตถุ  เป็นโจทย์ที่ท้าทายรัฐบาลนี้ เราจะไม่พูดว่าทหารทะเลาะกับตำรวจ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ที่ตนจะต้องทำ

"ผมจะบอกกับท่านไม่ได้ว่าจะเสร็จ   3   เดือนหรือ  6  เดือน เพราะมันตกผลึกมานาน  และจะไม่พูดอย่างรัฐมนตรีในอดีตที่ว่าแก้ปัญหาไม่ได้  เพราะข้าราชการแตกแยกและขอเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนไม่ขึ้น เรื่องเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและ รมว.มหาดไทย ไม่ใช่ไปออกตัวว่าทหารทะเลาะกับตำรวจ หรือตำรวจทะเลาะกับฝ่ายปกครอง   ศอ.บต. กฎหมายยังไม่ผ่าน ผมไม่ปรับทุกข์ให้ท่านฟัง แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นอำนาจหน้าที่ที่ผมจะทำ" มท.1 กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า  ที่ผ่านมามีผู้แทนปัตตานีมาพบตนแล้วบอกว่าประชาชนใน  3  จังหวัดอยากทดสอบว่าเป็นเมืองศาสนาเคร่งครัด  ไม่มีสถานบริการได้หรือไม่   ตนตอบว่า ไม่ได้  แต่หลังแถลงนโยบายเสร็จ  ในวันที่ 22 ก.พ. จะเชิญผู้ว่าฯ ทั่วประเทศมาประชุม โดยเฉพาะ  3 จังหวัด และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา ไปทำประชาพิจารณ์ว่าประชาชนเอาหรือไม่   ถ้าไม่เอาก็จบ  ตนไม่ได้เคร่งครัด ไม่ใช่จะมาข่มขู่จิตใจ ท่านต้องคิดใหม่ แล้วตนก็คิดเป็นที่จะทำงานในพื้นที่ภาคใต้

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิมออกตัวว่า การแก้ปัญหาภาคใต้จะทำโดยลำพังไม่ได้ ยุคตนจะเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ใส่กลอนประตู  หน้าห้องไม่มี ผู้แทนทุกพรรคเข้าพบได้ ผู้แทนปักษ์ใต้ต้องช่วยคิด  หากมีแนวคิดที่ดีจะแถลงข่าวว่าเรื่องนี้ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์เป็นต้นคิด เราทำอย่างนี้ในการแก้ปัญหาภาคใต้

จากนั้น  นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า  ไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้  เพราะนอกจากจะคัดลอกนโยบายที่ผิดพลาดสมัย  พ.ต.ท.ทักษิณมาใช้แล้ว  ยังมีรัฐมนตรีเก่าๆ จากรัฐบาลเก่ามานั่งบริหาร  ดังนั้นการดำเนินนโยบายคงเดินไปในทางเดียวกัน  ความผิดพลาดในเรื่องภาคใต้มาจากสมัยทักษิณตั้งแต่ปี   2547-2551  ตัวเลขผู้เสียชีวิต 2,916  คน  ทั้งคนในและนอกพื้นที่ มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ  ประชาชน ครู ฝ่ายปกครอง เจ้าอาวาส อุสตาซ ขณะที่มีผู้ถูกอุ้มเสียชีวิตถึง 23  ราย

นายเจะอามิงกล่าวต่อว่า ถามว่ารัฐบาลนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร  จะหาคนที่เสียชีวิตเหล่านี้หรือไม่ รวมถึงจะตอบคำถามครอบครัวคนที่เสียชีวิตอย่างไร  โดยเฉพาะนายสมัคร  ตนไม่มีความเชื่อมั่น เนื่องจากภายในระยะเวลาไม่กี่วันเขาได้บิดเบือนข้อมูลที่เป็นจริง  2  ครั้ง คือกรณี  6 ตุลา และกรณีตากใบที่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ว่า  78  คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ตากใบนั้นล้มลงกันเองจากการไม่มีน้ำดื่มและอาหาร  ทั้งที่คนรู้กันทั้งประเทศว่าคนเหล่านั้นขาดอากาศหายใจ  วันนี้นายสมัครยังบิดเบือนประวัติศาสตร์ แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าอนาคตจะไม่บิดเบือน

"รัฐบาลมีนโยบายคนตาบอดคลำช้าง  ไม่มีข้อมูล ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์  หลังจากที่ มท.1  มีนโยบายเปิดเขตปกครองพิเศษ  ปรากฏว่าถูกด่าลับหลัง  เพราะคิดเหมือนโจรก่อการร้าย ขบวนการบีอาร์เอ็นมีการแบ่งเขต  แบ่งโซนจัดตั้งอาณาจักรรัฐปัตตานี  จึงขอถามว่าคุณเฉลิมไปคิดสอดคล้องกับโจรก่อการร้ายได้อย่างไร คุณเฉลิมพูดเรื่องนี้กลายเป็นเตะบอลเข้าเท้าฝ่ายตรงข้าม  ผมขอให้คุณเฉลิมตอบหน่อยว่าความคิดของโจรก่อร้ายเป็นความคิดเดียวกับท่านหรือไม่" ส.ส.นราธิวาสกล่าว.
 
 วันที่เผยแพร่  21 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  21 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 21:29


ชื่อเรื่อง   แกนนำRKKมอบตัวตร.นราธิวาส  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สยามรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.siamrath.co.th/UIFont/NewsDetail.aspx?cid=108&nid=7906
 เนื้อหา          เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ชาญ วิมลศรี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ และ ร.อ.นเรศ ปิ่นทอง ผช.ฝอ.2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32  ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเข้ามอบตัวของนายกามารูดิง อารีส อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.3 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมระดับปฏิบัติการณ์ของกลุ่ม RKK ซึ่งมีหมายจับคดีอาญา จำนวน 6 คดี

        นายกามารูดิง กล่าวว่าเบื่อหน่ายการหลบหนีการติดตามไล่ล่าการจับกุมของเ้าหน้าที่จนไม่สามารถที่จะอยู่เป็นหลักแหล่งได้ พร้อมฝากวอนสมาชิกผู้ที่เข้ารวมขบวนการ ให้เข้ามอบตัวกับทางการซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งมันยังไม่สายที่ทุกคนจะได้ร่วมกันหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นเบาบางลง และกลับไปสู่ความสงบสุขเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

          ทางด้านพล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้นำตัวนายซาฮีดน ดอเลาะห์ อายุ 22 ปี และนายอัสมัน อาแวกาจิ อายุ 32 ปี 2 สมาชิกแนวร่วมกลุ่ม RKK เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส เพื่อเข้าพบนายอับดุลอาซิส เจ๊ะมามะ รอง ปธ.คณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส และนายหะยีมูฮามัดยูโซ๊ะ เจ๊ะกูโน โต๊ะครู เพื่อทำพิธีถอนซูเปาะตามหลักศาสนา พร้อมทั้งใช้จิตวิทยาในการนำหลักศาสนาที่ถูกต้อง มาทำความเข้าใจกับนายซาฮีดน และนายอัสมัน ก่อนที่จะนำตัวเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป.

 
 
 วันที่เผยแพร่  21 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  21 ก.พ. 2551


หัวข้อ: ชุมชนเข้มแข็งโจรใต้ปรับวิธีก่อเหตุชนบทแทน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-02-2008, 21:33

 ชื่อเรื่อง   ชุมชนเข้มแข็งโจรใต้ปรับวิธีก่อเหตุชนบทแทน  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สยามรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.siamrath.co.th/UIFont/NewsDetail.aspx?cid=107&nid=7890
 เนื้อหา  วันที่ 21 ก.พ. 51 พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ภาค 4เปิดเผยถึงการเครื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคไต้ว่า ขณะนี้เชื่อว่าการกระทำของกลุ่มที่ทำในเขตตัวเมืองและภายในเขตเทศบาลนครยะลา มีความยากลำบาก เนื่องจาก พี่น้องประชาชนในชุมชนมีความเข้มแข็ง ซึ่งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร ก็ได้มีการฝึกอบรมในด้านการใช้อาวุธและยุทธวิธีให้แก่ชาวบ้าน ที่เข้ารับการฝึกอบรม ชรบ. , อรบ. และ ทสปช. ครบทุกชุมชน จึงเกิดความเข้มแข็ง สามารถดูแลชุมชนหมู่บ้านของตนเองได้

      หลังจากที่ ประชาชนในเขตเมืองมีความเข้มแข็ง กลุ่มก่อความไม่สงบ ได้เปลี่ยนวิธีในการก่อเหตุได้หันไปเพื่อสร้างอิทธิพลในเขตพื้นที่ชนบท พื้นที่ป่าเขาแทน เพื่อที่จะคุกคามสร้างความหวาดกลัว ซึ่งก็มีอยู่ 2 พื้นที่ ที่ยังคงเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มก่อความไม่สงบ คือ พื้นที่ อ.เมือง อ.บันนังสตา อ.ธารโต จ.ยะลา  ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร จะต้องเปิดยุทธการกดดันต่อไป
 
 วันที่เผยแพร่  21 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  21 ก.พ. 2551


หัวข้อ: สงครามข่าวสาร : แปลสรุปจาก Knowing the Enemy โดย George Packer
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-02-2008, 19:23


สงครามข่าวสาร   http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=200
ฐานงานวิจัย DSW | 2551-01-09 11:41:47
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 หมายเหตุ : แปลสรุปจาก Knowing the Enemy โดย George Packer พิมพ์ใน The New Yorker, December 18, 2006 โดยการสนับสนุนข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
บทความนี้เสนอหลักการสำคัญว่า การแก้ปัญหาเหตุการณ์รุนแรงในปัจจุบันในภูมิภาคต่างๆของโลก ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีมองภาพใหญ่ก่อน ปัญหาสำคัญในปัจจุบันไม่ใช่ "ปัญหาการก่อการร้าย (Terrorism)" แต่เป็น "ปัญหาการก่อความไม่สงบ (Insurgency)"  ซึ่งมีข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง 2 กรณีนี้คือ คน ที่เกี่ยวข้อง

ในการก่อการร้ายนั้น "ผู้ก่อการร้าย (Terrorist)" เป็นพวกปฏิบัติการเป็นกลุ่มเฉพาะ ที่มีแนวคิดและพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและมักจะเกินเยียวยาหรือเจรจาหว่านล้อม จึงเป็นภารกิจโดยตรงของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องใช้บุคลากร อุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการจัดการ

แต่ในการก่อความไม่สงบนั้น "ผู้ก่อความไม่สงบ (Insurgent)" เป็นผู้ที่มีฐานมวลชนกว้าง ทำงานกับกระแสสังคม ความคิด และภาพลักษณ์ โดยผ่านทางสื่อทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งจะชนะหรือแพ้กันด้วย "การเมือง" ไม่ใช่การปราบปรามอย่างเดียว

เดวิด คิลคัลเลน นักมานุษยวิทยาชาวออสเตรเลีย ซึ่งไปทำวิจัยในอินโดนีเซียในปี 1996 พบว่า อินโดนีเซียเคยมีขบวนการดารุลอิสลาม ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านรัฐบาลในช่วงทศวรรษ 1950 และขบวนการนี้เป็นจุดกำเนิดของขบวนการเจไอ (Jemaah Islamiya) ในเวลาต่อมา ขบวนการนี้ใหญ่กว่าขบวนการคอมมิวนิสต์มลายูซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นต้นแบบในการจัดการกับปัญหาความไม่สงบเสียอีก แต่รัฐบาลอินโดนีเซียก็ปราบปรามขบวนการดารุลอิสลามได้อย่างราบคาบ โดยใช้วิธีการทางทหารเป็นหลัก

หลังจากนั้นเดวิด คิลคัลเลนได้เข้าไปร่วมเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเหตุการณ์ติมอร์ตะวันออกในปี 2001 ซึ่งต่อสู้จนได้รับเอกราชจากอินโดนีเซีย เชาเห็นความเหมือนของกรณีทั้งสอง โดยรัฐบาลอินโดนีเซียใช้วิธีปราบปรามอย่างรุนแรง เช่น การทำร้ายผู้ต้องสงสัย อพยพประชาชน การห้ามออกนอกบ้าน การเกณฑ์ชาวบ้านมาเป็นหน่วยรักษาความมั่นคง และการกดดันให้ชาวบ้านเข้าร่วมกับฝ่ายรัฐบาลเป็นต้น แต่บริบทและยุคสมัยของกรณีทั้งสองแตกต่างกัน ซึ่งก่อให้เกิดผลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความแตกต่างก็คือ ในกรณีของขบวนการดารุลอิสลามในสมัยปี 1950-1960 นั้น วิธีการเหล่านี้ใช้ได้ผลเนื่องจากข้อมูลข่าวสารสมัยนั้นอยู่ในวงแคบ สิ่งที่เกิดขึ้นรู้กันอยู่ในเฉพาะพื้นที่เท่านั้น  โลกภายนอกไม่ได้รับทราบอะไรมากนัก แต่ในกรณีของติมอร์ตะวันออกนั้นเป็นปี 1990 เป็นยุคโลกาภิวัตน์แล้ว ข่าวสารข้อมูลเดินทางเร็วและกว้างขวางมาก ผู้ก่อการในติมอร์ตะวันออกสามารถใช้สื่อทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพในการเผยแพร่สถานการณ์และเรียกร้องให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซง ป้องกันมิให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนรัฐบาลอินโดนีเซียไม่สามารถใช้วิธีเดิมๆอีกต่อไปได้ และต้องยอมให้ติมอร์ตะวันออกเป็นเอกราชในที่สุด

          ถึงแม้ว่าขบวนการดารุลอิสลามเป็นมุสลิม และขบวนการติมอร์ตะวันออกเป็นคริสต์ ทั้งสองกรณีก็เป็นขบวนการที่มีรากฐานลึกๆอยู่บน เครือข่ายทางสังคมของคน ในท้องถิ่น และวิธีการที่เครือข่ายทางสังคมเหล่านี้สัมพันธ์กัน ไม่ใช่พฤติกรรมทางศาสนา เหตุผลสำคัญที่คนหนุ่มสาวเข้าร่วมในขบวนการเหล่านี้ก็คือความรู้สึกได้ผจญภัย ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เห็นว่าไม่เป็นธรรม โดยถูกชักชวนผ่านทางเครือญาติ เพื่อนฝูง และคนรู้จัก

หลักการในการต่อต้านความไม่สงบนั้นได้ถูกวางไว้ตั้งแต่รัฐบาลอังกฤษในมลายาในทศวรรษ 1950 โดย เซอร์เจราลด์ เทมปลาร์ ว่า กำลังทหารเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของปัจจัยความสำเร็จ ที่เหลืออีก 3 อย่างคือ การเมือง เศรษฐกิจ และ ข้อมูลข่าวสาร

          ประเด็นสำคัญก็คือ ขบวนการก่อความไม่สงบในปัจจุบันอาจถือได้ว่าเป็น "องค์กรโฆษณาข่าวสารที่ติดอาวุธ (Armed Propaganda Organizations)"  มากกว่าขบวนการก่อการร้ายที่มุ่งจะทำลายชีวิตอย่างเดียว ขบวนการเหล่านี้เปลี่ยนวิธีการกลับไปกลับมาได้ระหว่างการใช้อาวุธกับการโฆษณาชวนเชื่อ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ เช่นการที่กลุ่มต่อต้านในอิรักวางระเบิดขบวนรถทหารสหรัฐ ที่จริงแล้วกลุ่มต่อต้านไม่ได้เน้นจะลดจำนวนรถบรรทุกทหาร (เพราะรู้ว่าสหรัฐส่งมาเพิ่มได้เสมอ) แต่ต้องการเผยแพร่ภาพของรถถังหรือรถฮัมวีที่กำลังถูกไฟไหม้มากกว่า ซึ่งจะมีผล 2 ระดับ คือ ระดับท้องถิ่น ทำให้ชาวบ้านเข้ามาเป็นพวกมากขึ้น ให้ชาวบ้านรู้สึกว่ารัฐบาลเองก็มาคุ้มครองไม่ได้ ดังนั้นชาวบ้านก็ถูกทำให้เหมือนกับว่าเหลือทางเลือกเพียง 2 ทาง คือจะช่วยผู้ก่อการหรือจะต่อต้านผู้ก่อการ ในส่วนพวกที่คิดจะต่อต้านนั้น ผู้ก่อการก็จะฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ดู เป็นการตอกย้ำให้ชาวบ้านรู้สึกว่ารัฐบาลป้องกันชาวบ้านไม่ได้และไม่สามารถทำอะไรผู้ก่อการได้ด้วย และ ระดับโลก เพื่อรักษาโมเมนตัมทางการเมืองและสร้างภาพลักษณ์ว่าขบวนการนั้นๆ กำลังเติบโตขึ้น ไม่มีใครหยุดยั้งได้ เป็นการใช้  "สื่อ" ที่จะทำให้ "สาร" ของพวกเขาถูกขยายผลทั้งไปสู่พื้นที่อื่นๆ ใกล้เคียงกันและไปทั่วโลก

เช่นเดียวกัน ในการประชาสัมพันธ์ของกลุ่ม อัล-ไคดา ในระยะหลังๆ จะเห็นว่าความคับแค้นที่กลุ่มนี้ใช้โจมตีสหรัฐมีหลายเรื่อง ตั้งแต่กรณีปาเลสไตน์ ซาอุดิอราเบีย อัฟกานิสถาน และภาวะโลกร้อนด้วย การที่มีเรื่องภาวะโลกร้อนรวมอยู่ในข้อกล่าวหาสหรัฐนี้ ชี้อย่างชัดเจนว่ายุทธศาสตร์ของอัล-ไคดาไม่ใช่สงครามศาสนาแต่เป็นยุทธศาสตร์ข่าวสาร

และการที่การประชาสัมพันธ์นี้ถูกปล่อยออกมาในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2004 ก็แสดงว่าอัล-ไคดามีจุดมุ่งหมายทางการเมืองด้วย โดยต้องการให้ประธานาธิบดีบุชได้รับการเลือกตั้ง เพราะกลุ่มอัล-ไคดาเห็นว่ายุทธศาสตร์ที่สหรัฐใช้ในขณะนั้น คือ สงครามต่อต้านการก่อการร้าย (War on Terror) เป็นผลดีกับกลุ่มอัล-ไคดา ทำให้อัล-ไคดายังมีความสำคัญอยู่ในระดับโลก หากสหรัฐเปลี่ยนแนวทางจากการปราบปรามมาเป็นการค่อยๆ เจรจาหารือกับกลุ่มต่างๆ ได้ กลุ่มอัล-ไคดาก็จะถูกลดความสำคัญลง และถ้าไม่มีสื่อมวลชนออกข่าวให้เป็นระยะๆ ภาพลักษณ์ของอัล-ไคดาก็จะเสื่อมลง

การต่อสู้กับความไม่สงบจะชนะหรือแพ้ก็อยู่ที่สงครามข่าวสารทั้ง 2 ระดับนี้ คือระดับท้องถิ่น และระดับโลก ในระดับท้องถิ่น ชาวบ้านต้องเห็นว่าการเข้าข้างภาครัฐจะเป็นผลดีกับตัวเองมากกว่า ซึ่งหมายความว่าภาครัฐจะต้องทำตัวให้เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นเชิงเศรษฐกิจหรือสังคมหรือความปลอดภัย และหนุนให้สังคมทำความเข้าใจและต่อต้านข่าวสารที่ผิดๆในระดับท้องถิ่น ส่วนในระดับโลกนั้น สื่อมวลชนและภาครัฐต้องจำกัดเขตหรือแก้ไขอย่างทันควันมิให้ข่าวสารที่ถูกตีความผิดๆ ถูกส่งออกไประดับโลก

          เขายกตัวอย่าง เช่นกรณีที่ทหารสหรัฐทำทารุณกรรมนักโทษชาวอิรักในคุก Abu Ghraib หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือภาครัฐต้องเป็นคนแรกที่ให้ข้อมูลก่อน อย่าปล่อยให้ผู้อื่นเป็นคนปล่อยข่าว เพราะภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือที่จะเกิดขึ้นจะต่างกันมาก แต่ฝ่ายทหารระดับสูงยังไม่ยอมรับแนวคิดนี้ เพราะการที่สหรัฐไปติดอยู่กับความคิดเรื่องสงครามต่อต้านการก่อการร้าย (War on Terror) จึงทำให้สหรัฐใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยวิธีการทหารเป็นหลัก

ยุทธศาสตร์การสื่อสารเช่นนี้ดูจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกลุ่มสุดโต่งเกือบทุกกลุ่มในโลก เช่นในการสู้รบระหว่างกลุ่มฮิสบอลเลาะห์กับทหารอิสราเอลในเลบานอน ทันทีที่การสู้รบสิ้นสุดลง ฮิสบอเลาะห์ก็นำธงของกลุ่มไปติดไว้ตามบ้านชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย ทำนองว่ากลุ่มจะให้ความช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้านนั้น แต่ที่จริงการทำเช่นนี้เป็นปฏิบัติการทางสื่อสาร กล่าวคือกลุ่มกำลังบอกกับชาวบ้านว่า "เราจะดูแลพวกท่านเป็นอย่างดี" ในขณะเดียวกันก็กำลังบอกกับองค์กรช่วยเหลือจากต่างประเทศว่า "บ้านนี้อยู่ในความปกป้องของเรา"  ผลก็คือเมื่อองค์กรช่วยเหลือจากต่างประเทศตามเข้าไปในอีก 2-3 วันต่อมา องค์กรเหล่านั้นก็ต้องไปเจรจากับกลุ่มฮิสบอลเลาะห์ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านได้  และชาวบ้านก็ยิ่งถูกตอกย้ำความรู้สึกว่าที่พึ่งหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือกลุ่มฮิสบอลเลาะห์

          การต่อต้านสงครามข่าวสารเช่นนี้ควรทำ 3 อย่าง คือ

1.ต้องสร้างภูมิต้านทานกับข่าวสารที่ผิดๆ  (โดยการสะสมความน่าเชื่อถือทีละน้อยๆ แต่อย่างต่อเนื่อง)

2.ต้องหนุนผู้นำชุมชนที่สามารถแก้ไขข่าวสารที่ผิดๆได้ และ

3.ต้องสร้างกลุ่มหรือหน่วยสื่อสารที่เป็นคู่แข่งขึ้นมา (ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นฝ่ายรัฐ เพียงแต่เสนอข่าวสารในทางที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและวิถีวัฒนธรรม -- ภาครัฐต้องใจกว้างพอที่จะยอมรับข้อนี้)

ส่วนในระดับยุทธศาสตร์นั้น การต่อต้านความไม่สงบต้อง "แยกประเภท (disaggregate)" ฝ่ายตรงข้ามอย่างระมัดระวัง เพราะมวลชนมีหลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มที่ก่อความไม่สงบมีฐานมวลชนที่มีข้อคับแค้น (Grievances) แตกต่างกัน การที่จะเหมารวมเป็นกลุ่มเดียวจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามกลับผนึกกำลังกันต่อต้าน กลายเป็นขบวนการที่ใหญ่ขึ้นโดยไม่เจตนา ในขณะที่ถ้าแยกแยะข้อคับแค้นของแต่ละกลุ่ม และคลี่คลายไปตามเงื่อนไขและบริบทที่ต่างกัน จะทำให้ขบวนการไม่ลุกลามและมีโอกาสที่จะแก้ไขตกลงกันได้ง่ายขึ้น

ยุทธศาสตร์นี้ ซึ่งเดวิด คิลคัลเลน เรียกว่า "ยุทธศาสตร์การแยกประเภท (Disaggregation Strategy)" ควรจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการต่อต้านความไม่สงบในอนาคต  เช่นเดียวกับในยุคสงครามเย็น ซึ่งโลกตะวันตกใช้ยุทธศาสตร์จำกัดเขต (Containment Strategy) ในการจัดการกับสหภาพโซเวียตและโลกคอมมิวนิสต์อย่างได้ผล

          ในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์แยกประเภท จะต้องมองฝ่ายตรงข้ามในนิยามที่แคบที่สุด (define the enemy in narrow terms) เช่น ไม่เหมารวมว่าผู้ก่อความไม่สงบเป็นพวก "มุสลิมหัวรุนแรง" (หรือเป็น "กลุ่มแบ่งแยกดินแดน" ในกรณีของภาคใต้) เหมือนกันหมด เพราะการทำเช่นนั้นจะเป็นการตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องการชูวิสัยทัศน์ร่วมกัน (และสุดโต่ง) อยู่แล้ว  ซึ่งหมายความว่าฝ่ายต่อต้านความไม่สงบ "... จะต้องต่อต้านด้วยการมุ่งให้ความปลอดภัยกับประชาชนในพื้นที่ และโดยการทำตัวเองให้เป็นหน่วยเรียนรู้ (Learning Organizations) ปรับวิธีการให้ทันกับผู้ก่อความไม่สงบ .... สิ่งแรกที่กำลังพลจะต้องทำคือทำความรู้จักกับพื้นที่ รู้จักคน รู้จักประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา เศรษฐกิจ หมู่บ้าน ถนน ของพื้นที่ ทำความคุ้นเคยกับประชาชน ผู้นำชุมชน และเข้าใจความรู้สึกคับแค้นเก่าๆ ที่มีอยู่ ..." (จากคู่มือเล่มใหม่ของกองทัพสหรัฐซึ่งเพิ่งออกเมื่อเดือนธันวาคม 2006)

          ความรู้สำคัญที่จะต่อต้านและจำกัดวงของขบวนการก่อความไม่สงบเหล่านี้ได้ก็คือ ความรู้ทางวัฒนธรรม (Cultural Knowledge) โดยเฉพาะด้วยวิธีการทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เพราะขบวนการเหล่านี้ปฏิบัติการอยู่บนเครือข่ายเครือญาติ เพื่อนฝูงและคนรู้จัก ดังที่กล่าวแล้ว ดังนั้น ฝ่ายต่อต้านความไม่สงบต้องเข้าใจเครือข่ายทางสังคมเหล่านี้ และหนุนให้เกิดเครือข่ายที่เชื่อถือได้ในชุมชน เช่นมัสยิด กลุ่มอาชีพ และกลุ่มแรงงาน รวมทั้งสนับสนุนผู้นำชุมชนตามระบบสังคมเดิมให้มีบทบาทมากขึ้น

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวอย่างที่มีมายาวนานที่สุดก็คือในไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งมีความขัดแย้งมาเป็นเวลากว่า 800 ปีแล้ว  ในกรณีนี้ ก็พบเช่นเดียวกันว่ากลุ่มก่อความไม่สงบมีความเชื่อมโยงกันในเครือญาติและเพื่อนฝูง โดยผู้ที่มีบทบาทสำคัญกลับเป็นพวกที่มีการศึกษาดี มีงานทำ ไม่ใช่วัยรุ่นหัวรุนแรงแต่อย่างใด และสถานการณ์ที่ยืดเยื้อยาวนานนี้ถูกหล่อเลี้ยงโดยเรื่องเล่าทางวัฒนธรรมที่เล่าสืบทอดกันมาหลายสิบชั่วคน

          ภาครัฐจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง "เข้าใจ" กลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะสนามต่อสู้ในเรื่องความไม่สงบนี้เป็นสนามต่อสู้ทางข่าวสารในระดับท้องถิ่น ถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่า "ภูมิประเทศเชิงมนุษย์ (human terrain)" ก็ไม่สามารถแก้ไขหรือต่อต้านความไม่สงบได้ และงานนี้เป็นงานยาว ซึ่งกิจกรรมหลายอย่างต้องไปด้วยกัน ได้แก่ สงครามนอกแบบระยะยาว การต่อต้านการก่อการร้าย การต่อต้านความไม่สงบ และการฟื้นฟูและรักษาเสถียรภาพ (long-duration unconventional warfare, counterterrorism, counterinsurgency, and stabilization and reconstruction)

          การลงทุนของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาก็ต้องทุ่มเทมาทางสังคมมากขึ้นแทนที่จะเน้นทางการทหารเป็นหลัก ในกรณีของอิรักและอัฟกานิสถาน มีผู้ประมาณว่ารัฐบาลสหรัฐใช้เงินประมาณร้อยละ 1.4 เท่านั้นในกิจการพลเรือน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นค่าใช้จ่ายด้านกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์และการส่งกำลังบำรุง ทั้งๆ ที่ตามหลักการต่อต้านความไม่สงบนั้น ควรจะต้องลงทุนประมาณร้อยละ 80 ในกิจกรรมทางพลเรือน

          ยุทธศาสตร์เช่นนี้ต้องคงอยู่ไม่ว่ารัฐบาลใดจะเข้ามาบริหารประเทศ เพราะการเปลี่ยนมุมมองจากการปราบปรามเป็นการต่อต้านความไม่สงบต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงแนวคิด เจตคติ โครงสร้างการบริหาร และระบบงบประมาณ จึงต้องใช้เวลามาก และเป็นการยากที่จะเปลี่ยนจากภายในตัวระบบเอง แต่ก็ต้องสื่อสารยุทธศาสตร์นี้กับผู้บริหารนโยบายอย่างอดทนและต่อเนื่อง เพื่อค่อยๆ เปลี่ยนแปลงความคิดให้พร้อมที่จะรับกับแนวคิดใหม่ได้ในจังหวะที่เหมาะสม
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-02-2008, 19:32


ได้ข่าวว่า นายกฯสมัครคุยกับทางทหาร จะเอาทหารช่างไปทำถนนแทนผู้รับเหมาที่ทิ้งงาน..

รอข่าวยืนยันเป็นทางการกันต่อไปครับ :slime_fighto:


หัวข้อ: Samak to deploy army engineers to build four-lane roads deep South
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-02-2008, 15:47


ชื่อเรื่อง   Samak to deploy army engineers to build four-lane roads deep South
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   The Nation
 คอลัมน์ข่าว   Breaking News
 URL   http://www.nationweekend.com/breakingnews/read.php?newsid=30066275
 เนื้อหา  Prime Minister Samak Sundaravej told his TV audience that he would deploy army engineers to build four-lane roads in Yala and other southern border provinces.

An audience called into his Samak's Talk programme to ask him what he would do now that private construction firms dared not resume the constructions of roads in southern border provinces.

Samak said he had talked to the army commander-in-chief who agreed to deploy army engineers to continue the constructions.

"I hereby promise that the four-land road construction in Yala will be complete," Samak said.
 
 วันที่เผยแพร่  25 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  25 ก.พ. 2551


หัวข้อ: ชมพู่รุก2แผนฟื้นศก.ใต้ ผุดอุตสาหกรรมทหาร ตัดถนน4เลนที่ยะลา
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-02-2008, 15:49


ชื่อเรื่อง    ชมพู่รุก2แผนฟื้นศก.ใต้ ผุดอุตสาหกรรมทหาร ตัดถนน4เลนที่ยะลา  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวการเมือง
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=97086
 เนื้อหา  เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามจากทางบ้านในรายการ"สนทนาประสาสมัคร"ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง11 กรมประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเหตุไม่สงบในชายแดนภาคใต้ โดยยืนยันว่า นโยบายรัฐบาลไม่มีเรื่องการตั้งเขตปกครองพิเศษใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนปัญหานักธุรกิจไม่กล้าไปลงทุนในชายแดนภาคใต้นั้น นายกฯกล่าวว่า มีเอกชนประมูลการสร้างถนน 4เลนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ที่ จ.ยะลา ปรากฎว่าเอกชนที่ประมูลได้ ไม่กล้าที่จะลงไปทำ จึงพูดกับผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)และเห็นตรงกันว่า เมื่อเอกชนไม่กล้าลงไปทำก็ส่งทหารช่างลงไปทำ ท่าน ผบ.ทบ.ก็เห็นด้วย รวมทั้ง จะสร้างอุตสาหกรรมทหารในจังวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โดยให้ทหารลง 51เปอร์เซ็นต์และ เอกชนลง 49เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่า จ.ยะลาจะต้องมีถนน 4เลน

ด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เมื่อวันที่ 22กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลถึงความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดเหตุร้ายดังกล่าวขึ้นอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มการลาดตระเวนป้องกันโดยรอบและป้องปรามการลักลอบก่อเหตุร้ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบและได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่ระยะนี้มีองค์กรนักศึกษาจากภายนอก ทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง เข้ามาเคลื่อนไหวและกดดันให้องค์กรนักศึกษาสร้างพลังในการต่อรองกับคณะผู้บริหารและคณาจารย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการใช้จุดเปราะบางมาเป็นเครื่องมือตอบโต้การทำงาน ซึ่งหากมีผู้ให้เบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถจับกุมตัวได้อย่างแน่นอนและเชื่อว่าจะสาวถึงตัวผู้บงการได้

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ ช่วงเช้าวันเดียวกัน กำลังตำรวจและทหา กว่า 100นาย ร่วมกันนำตัว นายรอนิง เจ๊ะยอ อายุ 30ปี แกนนำกลุ่มอาร์เคเค มาสอบปากคำโดยรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกก่อเหตุป่วนใต้ในพื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาสและพื้นที่ใกล้เคียงมานับครั้งไม่ถ้วน นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมปล้นปืนในค่ายหน่วยทหารพัฒนาที่12 บ้านบาลูกายาอิง ม.12 อ.สุคิริน รวมถึงปล้นปืนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.)วางเพลิงสถานที่ราชการ โดยล่าสุดก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่รถลาดตระเวนสายตรวจตำรวจสุคิริน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันประชาชนและญาติของผู้เสียชีวิต จากการก่อเหตุเข้ามาลุมทำร้ายร่างกาย 
 วันที่เผยแพร่  25 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  25 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-02-2008, 15:56


อ่านข่าวบางกอกโพสต์แล้ว เป็นคอลัมน์ข่าวแห้ง เขียนล่วงหน้า

นายกฯ ควรให้สือประเภทนี้เสนอแนะแนวทางแก้ไข ไม่ควรไปเขียนผ่านสื่อ

เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวระหว่างประเทศครับ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-02-2008, 20:46


ถ้าหากมีความรวดเร็ว แม่นยำ เด็ดขาด และยุติธรรม

ความรุนแรงก็จะอยู่ในวงจำกัด  สรุปว่าขึ้นอยู่กับคุณภาพคนที่เกี่ยวข้อง

                                                                                                    :slime_fighto:
วิวาทะความรุนแรงที่ชายแดนใต้ 
ระหว่างเยาวชนนักต่อสู้ที่ไม่ปฏิเสธความรุนแรงกับเยาวชนนักสันติวิธี *
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=221


หัวข้อ: สิทธิของภรรยา-บุตรตาม กม.อิสลาม
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-02-2008, 18:32


ชื่อเรื่อง   สิทธิของภรรยา-บุตรตาม กม.อิสลาม  
 ผู้เขียน   สายสะพาย
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น การศึกษา : คอลัมน์ ข้าราษฎร
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edu21260251&day=2008-02-26§ionid=0107
 เนื้อหา  แม้มีบัญญัติกฎหมายครอบครัวเป็นการเฉพาะสำหรับผู้ที่นับถืออิสลามซึ่งมีภรรยาได้หลายคน แต่ก็มีปัญหาเมื่อต้องนำไปปรับใช้กับกฎหมายอื่น

กรมบัญชีกลางหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (เรื่องเสร็จที่ 120/2551) สรุปความได้ว่า ด.ต.บุญธรรม ข้าราชการตำรวจถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2550 โดยมีทายาท ได้แก่ มารดา ภริยาคนที่ 1 ภริยาคนที่ 2 ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ และบุตรซึ่งเกิดจากภริยาคนที่ 1 อีก 3 คน โดย ด.ต.บุญธรรมสมรสกับภริยาคนที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

สมรสกับภริยาคนที่ 2 ตามกฎหมายอิสลามจดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี

แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 บัญญัติให้จ่ายบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิได้แก่ บุตร สามีหรือภริยา และบิดามารดา หรือบิดาหรือมารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ ประกอบกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ.2489 ก็ไม่ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า หญิงที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายอิสลามจะมีฐานะเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่

จึงมีปัญหาว่า บุคคลใดจะมีฐานะเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของ ด.ต.บุญธรรมและกรมบัญชีกลางจะต้องจ่ายบำเหน็จตกทอด

ในส่วนของภริยาให้แก่บุคคลใด จึงจะถูกต้อง

คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) พิจารณาข้อหารือดังกล่าว สรุปว่า กรมการปกครองให้แนวทางปฏิบัติแก่นายทะเบียนตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2478 ว่า หากจะให้การสมรสตามหลักอิสลามเป็นการสมรสที่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องยื่นขอจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรับจดทะเบียนแก่หญิงคนใดคนหนึ่งในจำนวน 4 คน ตามที่ชายผู้นับถือศาสนาอิสลามเลือก

คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า

ประเด็นที่หนึ่ง พระคัมภีร์กุรอานกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการในการสมรสระหว่างผู้นับถือศาสนาอิสลามไว้และ ด.ต.บุญธรรมสมรสกับภริยาคนที่ 2 โดยมีหนังสือรับรองการสมรสตาม พ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 ย่อมถือว่าเป็นการสมรสที่ชอบด้วยบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม แต่หนังสือรับรองดังกล่าวยังไม่ถือว่า เป็นการจดทะเบียนสมรสตามมาตรา 1457 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งฯ และ พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว จึงเป็นการจดทะเบียนสมรสไม่ชอบด้วยกำหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ

ประเด็นที่สอง เรื่องการจ่ายบำเหน็จตกทอดและบำนาญพิเศษ นั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมบัญชีกลางที่จะต้องพิจารณาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการกำหนดไว้ ซึ่งคำว่า "ภริยา" มาตรา48 (2) มีความหมายว่า ภริยาที่จดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งฯเท่านั้น

ประเด็นที่สาม สิทธิได้รับบำเหน็จตกทอดและบำนาญพิเศษในฐานะบุตรย่อมเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบทนิยามคำว่า "ทายาทผู้มีสิทธิ" ตามมาตรา 4 และมาตรา 48(1) แห่ง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494
 
 วันที่เผยแพร่  26 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  26 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 26-02-2008, 19:31


ขอบคุณพี่คิวครับ  สำหรับ คห.ที่ 212

อยากจะอ่านทุกๆกระทู้แหละครับ 

แต่อ่านมากๆแล้ว  ตามันแสบครับ  พี่คิวสู้ๆๆๆๆๆ
  :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-02-2008, 15:57
ชื่อเรื่อง   เล็งตั้งม.สตูล-รับม.6เรียนต่อในพื้นที่  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   การศึกษา
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TURObFpIVXdNakk0TURJMU1RPT0=§ionid=TURNeE5RPT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB5T0E9PQ==
 เนื้อหา  นายอดินันท์ ปากบารา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล กล่าวว่า จ.สตูล มีนักเรียนที่จบระดับมัธยมการศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษาละไม่ต่ำกว่า 3,000 คน แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ไม่มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ ทำให้เด็กเหล่านี้ต้องออกไปศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในต่างพื้นที่ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ตนจึงได้ประสานงานกับศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อขอความสนับสนุนจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาขึ้นใน จ.สตูล และคาดว่าในเร็วๆ นี้ จะมีสถาบันอุดมศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงและสนใจเข้าสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดสอนสาขาวิชาต่างๆ ที่เป็นความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่

"ขณะนี้ได้หารือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยสตูลขึ้นในอนาคต ส่วนสาขาที่ต้องการให้เปิดสอนเป็นพิเศษได้แก่ สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม การนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากพื้นที่ จ.สตูล เป็นเขตการค้าทางทะเล และการประมง การแปรรูปน้ำมันปาล์มและยางพารา อย่างไรก็ตามต้องใช้เวลาศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดสถาบันอุดมศึกษาประมาณ 6-8 เดือน แต่หากสามารถเปิดสถาบันอุดมศึกษาใน จ.สตูลได้ เชื่อว่าประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพฯ จะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาที่จำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความสงบและมีศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างมาก" นายอดินันท์ กล่าว
 
 วันที่เผยแพร่  28 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  28 ก.พ. 2551

""""


 ชื่อเรื่อง   วสิษฐลง3จว.ใต้ สู้คดีหมิ่นเสรี
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEk0TURJMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB5T0E9PQ==
 เนื้อหา  ที่โรงพักปะนาเระ เผยเขียนเสนอแนะ ให้ดูแลตร.เสี่ยงภัย



มอบตัวสู้คดี"เสรีพิศุทธ์"แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทที่โรงพักปะนาเระ ปัตตานี เหตุเพราะเขียนบทความเสนอแนะเรื่องสวัสดิการในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ 3 จังหวัดใต้ที่โดนระเบิด อดีตรองอ.ตร. ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากปัตตานีว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อายุ 76 ปี อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมามอบตัวสู้คดีต่อพ.ต.ท.สมศักดิ์ สังข์น้อย พนักงานสอบสวน สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยมีพ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา ผกก.สภ.ปะนาเระ ร่วมอำนวยความสะดวก และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)ติดตามดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

พล.ต.อ.วสิษฐ ถูกกล่าวหาว่า เขียนบทความเรื่อง"ตำรวจเจ็บและตายความสูญเสียที่อาจบรรเทาได้" และบทความ"เงินเขาหรือเงินเรา"ลงหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 และ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. มอบหมายให้พ.ต.อ.สุรศักดิ์ รมยานนท์ แจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวนสภ.ปะนาเระ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.

เมื่อพล.ต.อ.วสิษฐมอบตัวขอต่อสู้คดี พ.ต.ท.สมศักดิ์แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่าหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ และทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งพล.ต.อ.วสิษฐให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงปล่อยตัวโดยไม่ได้ควบคุม

พล.ต.อ.วสิษฐเปิดเผยว่า เขียนบทความมา 30 ปี ทั้งขณะที่เป็นตำรวจและหลังจากเกษียณอายุราชการ โดยวิพากษ์วิจารณ์ ติติงสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงตำรวจระดับเล็กๆ ไม่มีเจตนาให้ใครเสียหาย เช่นเดียวกับคดีนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงเมื่อเดือนพ.ย.2550 ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 3 นาย ปฏิบัติหน้าที่กู้ระเบิดที่ อ.ปะนาเระ และถูกระเบิดเสียชีวิต จึงเขียนบทความเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่าตำรวจที่เสียชีวิตมีเครื่องป้องกันตัวไม่เหมาะสม ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เพราะใช้เสื้อเกราะที่กันกระสุนไม่ใช่ป้องกันระเบิด โดยเสนอแนะว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรดูแลตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยให้ดีขึ้น

พล.ต.อ.วสิษฐกล่าวว่า บทความที่เขียนไปนั้น เน้นที่ตัวเหตุการณ์เป็นหลัก ไม่ว่าเรื่องเกิดขึ้นในยุคผบ.ตร.เป็นคนใดก็จะเขียนเช่นนี้

"สมัยยังเป็นตำรวจ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เรียกผมว่าอาจารย์ ที่ผ่านมาขณะที่มีการประชุมปฏิรูปตำรวจ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ มีการนำเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาตำรวจ ซึ่งมีความเห็นแตกต่างกัน แต่ก็เป็นเรื่องต่างความคิด ก็ไม่เป็นไร คดีนี้ขอปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอต่อสู้คดี" อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าว เวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.อ.วสิษฐเดินทางกลับ โดยมีตชด.และตำรวจ สภ.ปะนาเระ ติดตามดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
 
 วันที่เผยแพร่  28 ก.พ. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  28 ก.พ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-02-2008, 18:56


แก้ปัญหาใต้ ต้องไม่เอาทหารกับตำรวจการเมือง

ตลอดจนการเมืองของพรรคเก่าแก่ไปยุ่งเกี่ยว

สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับครับ..

ระวังเรื่องชักนำหรือพวกพยายามเป็นประเด็นกับต่างปรเทศนิดนึง :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-03-2008, 00:55


ผมเสนอว่า ควรตั้งด่านตรวจรถเป็นระยะ ในเขตพื้นทีเกิดเหตุ ที่ไม่ต้องใช้คนเฝ้า

ใช้ระบบอัตโนมัติ และกล้องวงจรปิด ยี่สิบสี่ชั่วโมงช่วยครับ ภาพวจรปิดสามารถนำมาวิเคราะห์ย้อนหลังได้..


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 04-03-2008, 06:15
ล่าสุด คุณเฉลิม มท.1 ขอคำแนะนำจากประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาภาคใต้แล้วนะครับ  :slime_smile:

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เหลิม” หนุนเปิดบ่อนเสรีอ้างแนวคิด “หมัก” อินเตอร์
โดย ผู้จัดการออนไลน์    3 มีนาคม 2551 13:04 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000026220
   
       “เหลิม” หนุน “หมัก” เปิดบ่อนเสรี ระบุมีข้อมูลในมืออยู่แล้วพร้อมดำเนินการทันทีหากได้รับมอบหมาย อ้างเป็นแนวคิดอินเตอร์ ระบุแม้แต่ประเทศเคร่งศาสนาอย่างมาเลย์ยังมีบ่อนการพนัน
       
       วันนี้ (3 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวสนับสนุนแนวคิดของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่จะให้เปิดบ่อนเสรี และพร้อมจะดำเนินการหากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทำเพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว และนักวิชาการส่วนหนึ่งก็ได้ทำวิจัยเรื่องนี้ไว้ แต่เวลานี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มอบหมาย ส่วนข้อคัดค้านจากนักวิชาการที่เห็นว่าขัดต่อหลักเศรษฐกิจพอเพียง เห็นว่าเป็นธรรมชาติของสังคมไทย หากมีการทำความเข้าใจก็สามารถเดินหน้าไปได้ เช่น มาเลเซีย เป็นประเทศที่เคร่งศาสนา แต่ก็ยังทำได้
       
       “ผมขอบอกว่า แนวคิดของนายสมัครเป็นแนวคิดที่ International และผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ใครคัดค้าน เราจะต้องเร่งทำความเข้าใจ อาจจะใช้วิธีจัดโซนนิ่ง หรือเน้นสำหรับนักท่องเที่ยว และจำกัดผู้เล่นที่เป็นคนไทย ซึ่งมีหลายรูปแบบให้เลือก ก่อนที่จะดำเนินการก็น่าจะทำประชาพิจารณ์ทั้งประเทศ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
       
       ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งให้ใครรับผิดชอบโดยตรง ที่ผ่านมาการแก้ปัญหายาเสพติดมีการตั้งผู้รับผิดชอบ 3 แนวทาง คือ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงเป็นประธาน และให้รัฐมนตรีมหาดไทยเป็นประธาน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังไม่มีการแต่งตั้งใคร กระทรวงมหาดไทยจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และขอปฏิเสธอีกครั้งว่าไม่มีนโยบายฆ่าตัดตอน
       
       นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า ภายในวันนี้ (3 มี.ค.) จะส่งหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เพื่อขอข้อมูลในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ในฐานะที่มี ส.ส.ในพื้นที่จำนวนมาก และพร้อมตอบรับคำเชิญ หากจะให้ไปพบปะพูดคุยที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าไม่สะดวกจะส่งเป็นหนังสือ หรือข้อมูลกลับมาก็ยินดี โดยจะนำสิ่งที่ได้มาเป็นข้อมูลในการปรับปรุงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ทั้งในมุมมองของผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ในฐานะนายกรัฐมนตรีเงา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเงาด้วย
       
       ด้าน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ที่จะทำให้การพนันถูกต้องตามกฎหมาย ว่า รัฐบาลมีหน้าที่ริเริ่มความคิดใหม่ๆ ที่ประชาชนอาจสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าแนวคิดดังกล่าวมีคนสนใจ แต่การจะดำเนินการตามนโยบายได้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ต้องมีการสอบถามความคิดเห็น เพราะการพนันเป็นดาบสองคม ต้องพิจารณาถึงผลกระทบ ต้องมีการศึกษา ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าว


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-03-2008, 01:45


ขำปชป. รอรายงานจากลูกพรรคต่อไป.   :slime_bigsmile:


หัวข้อ: สธ.จับมือกก.อิสลาม5จว.ใต้ ลุยจัดระเบียบมัสยิด-ปอเนาะ
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-03-2008, 23:37


 ชื่อเรื่อง   สธ.จับมือกก.อิสลาม5จว.ใต้ ลุยจัดระเบียบมัสยิด-ปอเนาะ  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=98620
 เนื้อหา  สตูล:ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดสตูล สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 18 และ 19 ร่วมกับศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชายแดนใต้ จัดทำโครงการพัฒนาศาสนสถาน 5 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้น โดยมีผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม คอเต็บบิหลั่น ผู้บริหารปอเนาะจ.สตูล เข้าร่วมกว่า 400 คน

 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต18และ19 กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของการจัดงานโครงการพัฒนาศาสนสถาน 5 จังหวัดชายแดนใต้ว่า เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์และตัวชี้วัดการพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนใต้ ในด้านการพัฒนาสุขภาพโดยการมีส่วนร่วมและใช้วิถีชุมชนพัฒนาให้มัสยิดและปอเนาะได้มาตรฐานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมสุขภาพ เนื่องจากมุสลิมชายแดนใต้จะมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับมัสยิดและใช้ปอเนาะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านศาสนา เนื่องจากมัสยิดและปอเนาะยังเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมของชุมชน บริการทางการศึกษาแก่ชุมชนทั้งระดับพื้นฐานและวิทยาการอิสลามชั้นสูง จึงต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดีตามไปด้วย
 วันที่เผยแพร่  6 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  6 มี.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 07-03-2008, 05:29
มีข่าว ปชป. ไปร่วมหารือกับ รมว.มหาดไทย เพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำ
เกี่ยวกับการแก้ปัญหาไฟใต้ ตามคำเชิญของคุณเฉลิม แล้วนะครับ  :slime_smile:

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000028106
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปชป.วัดใจ “เหลิม” ป้อนข้อมูลดับไฟใต้ เตือนระวังปาก
โดย ผู้จัดการออนไลน์    6 มีนาคม 2551 18:57 น.
   
       “อภิสิทธิ์” แนะ “เหลิม” ใช้การเมืองเป็นตัวนำ พร้อมออกกฎหมาย สบ.ชต.ดับไฟใต้ ยืนยัน ปชป.
พร้อมยกมือหนุนกฎหมายในสภา ด้าน “เฉลิม” ยอมรับต้องเร่งแก้ปัญหาเอกภาพด่วน
       
       วันนี้ (6 มี.ค.) ภายหลังใช้เวลาหารือนานร่วมชั่วโมงครึ่ง นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า การหารือครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนา
ว่า รมว.มหาดไทย จะทำงานและรับฟังฝ่ายค้าน ส่วนจะสำเร็จแค่ไหนฝ่ายค้านก็จะติดตามการทำงานต่อไป เพราะเราพร้อม
ที่จะให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การพบกันวันนี้เป็นการหารือในภาพรวม ส่วนในรายละเอียดของปัญหา
เงื่อนไขต่างๆ คงต้องมีการพูดคุยกับ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง เรื่องที่เห็นตรงกัน คือ การยึดแนวทาง
เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่สิ่งสำคัญ คือ การอำนวยความยุติธรรมในทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาของภาครัฐ นโยบายความมั่นคง การพัฒนาเศรษฐกิจ การศึกษา
       
       นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้เสนอแก้ไขด้วยการใช้การเมืองเป็นตัวนำ โดยการเสนอกฎหมายสำนักงานบริหารราชการ
จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบ.ชต.) ซึ่งมีโครงสร้างที่มีความเป็นเอกภาพ ครอบคลุมการทำงานทุกหน่วยงาน โดยให้การเมือง
เป็นผู้รับผิดชอบ ทาง ร.ต.อ.เฉลิม ก็เห็นว่า ถ้ายังใช้โครงสร้างเดิมมาแก้ปัญหา ความเป็นเอกภาพก็จะไม่เกิดขึ้น โดยให้
ร.ต.อ.เฉลิม เป็นตัวแทนของรัฐบาลในการผลักดันแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้
อยู่ที่รัฐบาลมีความกล้าพอที่จะทำเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ยังถามว่า หากรัฐบาลเป็นผู้เสนอกฎหมาย
ทางพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนหรือไม่นั้น ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ระบุว่า หากเป็นกฎมหายที่เป็นหลักการเดียวกัน
เราก็ไม่ขัดข้อง พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่
       
       นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ และ รมว.มหาดไทย เห็นตรงกันเรื่องการเยียวยา และสร้างขวัญกำลังใจ
ให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะต้องมีการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย และสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้
เรื่องการตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พรรคเห็นว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ โดยต้องเริ่มจากการให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้
และต่อยอดให้กับประชาชน รวมถึงต้องส่งเสริมประชาชนเรื่องการศึกษาด้วย นอกจากนี้ พรรคเสนอให้มีการทำโครงการ
ขนาดใหญ่ โดยการสร้างสะพานเศรษฐกิจ เชื่อมระหว่างจังหวัดบริเวณสงขลา และสตูล ระหว่างฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย
       
       ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า เรายังเห็นตรงกันว่า ต้องหลีกเลี่ยงการสร้างความรุนแรงนอกกฎหมายที่อยู่ในพื้นที่
ซึ่งพรรคจะติดตามว่าการปฏิบัติงานในพื้นที่จะตอบรับมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งตนยังได้แนะนำร.ต.อ.เฉลิมถึงการ
ให้สัมภาษณ์ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพา ะรมว.มหาดไทย เท่านั้น แต่ยังรวมถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีด้วย
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องให้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะการพูดอะไรอาจเป็นปัญหาได้


หัวข้อ: จับ8แนวร่วมโจร บึมนอภ.-เผาร.ร.
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-03-2008, 13:19


ชื่อเรื่อง   จับ8แนวร่วมโจร บึมนอภ.-เผาร.ร.  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ไทยรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนี้
 URL   http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=81501
 เนื้อหา  เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่ บก.ภ.จ.ปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร ผบ.ฉก.2 ปัตตานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงและคดียา เสพติด โดยจับกุมนายมะดาลี หะยีตาแยะ อายุ 42 ปี นายมะเฟาซี เปาะสา อายุ 25 ปี ทั้งสองอยู่ อ.มายอ จ.ปัตตานี ข้อหาร่วมกันวางระเบิดคณะของนายวิรัช ประเศรษโฐ นอภ.มายอ จนบาดเจ็บสาหัสและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา 
นอกจากนี้ ยังจับกุมนายซำซุดดิน แมฮะ อายุ 28 ปี อยู่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะนาเระ และนายณรงค์ ดีบุญธรรม นักศึกษาเทคนิคปัตตานีเสียชีวิตทั้ง 2 ราย และลอบเผาโรงเรียนเสียหาย ส่วนคดียาเสพติดจับกุมนายซอปัน มะแอ อายุ 24 ปี นางแม่ม สาเหาะ อายุ 46 ปี นายยาวาวี รีเด็ง อายุ 27 ปี นายหามะ มะเด็ง อายุ 60 ปี และนายภักดี พูนมาก อายุ 24 ปี พร้อมของกลางยาบ้า ใบกระท่อมและอุปกรณ์การผลิตน้ำใบกระท่อม โดยเชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับกลุ่มโจรใต้ด้วย   

ส่วนกรณีโจรใต้วางระเบิดตลาดนัดปาลัส หมู่ 1 ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ ด.ต.ประเทือง สุวรรณสงเคราะห์ ผบ.หมู่ สภ.ปะนาเระ เสียชีวิต และ ด.ต.พงษ์เทพ ยกประสพรัตน์ บาดเจ็บสาหัส ภายหลังปรากฏว่า ด.ต.พงษ์เทพได้เสียชีวิตลงอีกรายเมื่อกลางดึกวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่วัดนพวงศาราม อ.เมืองปัตตานี พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ด.ต.ประเทือง กับ ด.ต.พงษ์เทพ ท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติและเพื่อนตำรวจจำนวนมาก พร้อมกันนี้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี ได้มอบเงินเยียวยาเบื้องต้นให้กับ 2 ครอบครัว และ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้มอบเงินส่วนตัวให้จำนวนหนึ่งเช่นกัน 

ขณะเดียวกันนายวินัย ครุวรรณวัฒน์ รอง ผวจ. ปัตตานี เดินทางตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตามโครงการพบเด็กนักเรียนหน้าเสาธงยามเช้าเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและรับทราบถึงปัญหาความต้องการของครู นักเรียนในพื้นที่ โดยได้กำชับให้แต่ละโรงเรียนมีการจัดการสอบให้ทันกับที่เขตการศึกษาได้กำหนดไว้พร้อมกันทุกโรงเรียนเพื่อง่ายต่อการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

 ที่ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ชาญ วิมลศรี รอง ผบก.ภ.จ. นราธิวาส พร้อมกำลัง คุมตัว 3 สมาชิกกลุ่มอาร์เคเค คือ นายมามะรอซือดี วาเด็ง ผู้ช่วยครูฝึกอาร์เคเค นายรุสตัน วาเด็ง น้องชาย และนายไซดง ดอเลาะ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงเรียนอิสลามบูรพา สถานที่ฝึกสมาชิก โรงเรียนบ้านตะโล๊ะแน็ง หมู่ 4 ต.บางปอ ที่ลอบวางเพลิง เป็นต้น หลังทำแผน นายมามะรอซือดี กับนายรุสตัน ได้ทำพิธีขอขมา นายเนื่อง น้อยเอียด ผอ.โรงเรียนบ้านตะโล๊ะแน็งและคณะครู ที่ทั้ง 2 คน เป็นศิษย์เก่า และที่ จ.ยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา และคณะนายกเหล่ากาชาดจังหวัดไปเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ ส.ต.อ.สถาพร แก้วสีขาว กับ ส.ต.ต.ชัยวัฒน์ ชัยวี สังกัด สภ.ต.จ๊ะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ที่ถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์ยะลา 

ที่ห้องประชุมวิปฝ่ายค้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย และคณะ เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยก่อนการหารือ ร.ต.อ.เฉลิมได้มอบช่อกุหลาบสีขาวเพื่อแสดงความยินดีที่นายอภิสิทธิ์ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวชื่มชมว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนมีวิสัยทัศน์ มีความรู้ ความสามารถ รวมทั้งจะมาแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง แต่มาในฐานะ รมว.มหาดไทย

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม ได้หารือนอกรอบ สักพักก็ออกมาร่วมหารือกับคณะที่ห้องประชุมวิป ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวก่อนการหารือว่า การแก้ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งประเทศและเป็นประเด็นสำคัญตั้งแต่วันที่อภิปรายในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เรื่องนี้ต้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.ของพรรคจะให้ความร่วมมือเต็มที่ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี 

หลังการหารือ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ได้เสนอแก้ไขด้วยการเมืองเป็นตัวนำ โดยการเสนอ กฎหมายสำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้(สบ.ชต.) ซึ่งมีโครงสร้างที่มีความเป็นเอกภาพ ครอบคลุมการทำงานทุกหน่วยงาน ให้การเมืองเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งร.ต.อ.เฉลิมก็เห็นว่า ถ้ายังใช้โครงสร้างเดิมมาแก้ปัญหา ความเป็นเอกภาพก็จะไม่เกิดขึ้น ร.ต.อ.เฉลิมจะเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการผลักดันแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้อยู่ที่รัฐบาลมีความกล้าพอที่จะทำเรื่องนี้หรือไม่   เราสนับสนุนเต็มที่นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์และ รมว.มหาดไทยเห็นตรงกันเรื่องการเยียวยา และสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะต้องมีการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย และสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งการตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำ ร.ต.อ.เฉลิมถึงการให้สัมภาษณ์เรื่องภาคใต้ รวมถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
 
 ภาพประกอบ [1]
 
 วันที่เผยแพร่  7 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  7 มี.ค. 2551


หัวข้อ: “หมัก” ย้ำไม่มีรุ่นไม่ล้วงโผทหาร อ้างกองทัพว่ากันเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-03-2008, 13:23


“หมัก” ย้ำไม่มีรุ่นไม่ล้วงโผทหาร อ้างกองทัพว่ากันเอง  
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000028325
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2551 12:28 น.
 
 
   
นายสมัคร สุนทรเวช
 
 
       “หมัก” ย้ำโผย้ายทหารกลางปีเป็นเรื่องของกองทัพว่ากันเอง ขึ้นกับความรู้ความสามารถ อ้างรัฐบาลไม่เกี่ยวเพราะไม่มีรุ่น โบ้ยถ้าไม่พอใจก็ให้ไปโวยวายกันเอง
       
       วันนี้ (7 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนประจำสัปดาห์ โดยกล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะนายทหารในกองทัพ ที่มีรายงานว่ามีการโยกย้ายนายทหารที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และดันนายทหารเตรียมทหารรุ่น 10 เพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลของตัวเองไม่มีรุ่น โดยจะดูที่ความรู้ความสามารถ และยึดความพอใจของกองทัพเอง และหลักเกณฑ์การย้ายก็จะใช้ของกองทัพ หากใครจะโวยวายก็ต้องไปโวยวายที่กองทัพ
       นายสมัคร ย้ำว่า ไม่ได้หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องการโยกย้ายนายทหารตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
       
       อย่างไรก็ดี ในส่วนการตั้งสหภาพข้าราชการ และเรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
       
       ทั้งนี้มีรายงานว่า สาเหตุการโยกย้าย พล.อ.มนตรี ชมภูจันทร์ พ้นจากตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ซึ่งถือเป็นคนใกล้ชิดของ พล.อ.สนธิ นั้น เนื่องจากไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้บัญชาการทหารบกได้
       
       นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม นายทหารที่มีบทบาทสำคัญในยุค คมช.ก็จะถูกโยกย้ายในครั้งนี้ด้วย

 
 


หัวข้อ: ปักษ์แรกกพ. สถานการณ์ความรุนแรงไฟใต้ปรับลดลง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-03-2008, 13:37


เริ่มต้นปักษ์แรกกพ. สถานการณ์ความรุนแรงไฟใต้ปรับลดลง  ขณะที่ยอดเสียชีวิตขยับต่ออยู่ที่ 2,941 ศพ
http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3221&Itemid=47     
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2008 17:29น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศราฯ


ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วง 1 -15 กุมภาพันธ์  2551 ลดจำนวนครั้งของเหตุการณ์เหลือ 43 เหตุการณ์ โดยช่วงปักษ์หลังของเดือนมค.มีจำนวนเหตุร้ายถึง 69 เหตุการณ์ ลดลง 26  เหตุการณ์  ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 25 ราย (ยอดเฉลี่ยผู้เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 72 ศพต่อ1 เดือน หรือ 36 ศพต่อ 15 วัน ) บาดเจ็บ 39 ราย  ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดนับจากเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อต้นปี 2547 ขยับมาอยู่ที่ 2,941 ศพ               


 (http://www.tjanews.org/cms/images/stories/2008/Feb08/200208/h_jan_feb.jpg)
 ตารางเปรียบเทียบครึ่งเดือนหลัง มกราคม และ ครึ่งเดือนแรก กุมภาพันธ์
 

เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งหมด  43 เหตุการณ์ แยกตามพื้นที่ในระดับอำเภอและจังหวัดได้ดังนี้

จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นทั้งหมด จำนวน 17 เหตุการณ์  เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอสายบุรี 4 เหตุการณ์อำเภอยะรังและอำเภอไม้แก่น อำเภอละ  3 เหตุการณ์ อำเภอเมือง อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ  อำเภอหนองจิก อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดงอำเภอละ  1 เหตุการณ์
               
จังหวัดยะลาเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ทั้งหมดจำนวน 18    เหตุการณ์ เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอรามัน 9 เหตุการณ์  ธารโต 3  เหตุการณ์  อำเภอเมือง อำเภอบันนังสตา และ อำเภอกรงปินัง  อำเภอละ 2 เหตุการณ์   
           
จังหวัดนราธิวาส เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ทั้งหมดจำนวน
8 เหตุการณ์  เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอระแงะและอำเภอสุไหงโกลก อำเภอละ 3 เหตุการณ์  อำเภอรือเสาะ 2 เหตุการณ์

หากแบ่งตามลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพื้นที่เกิดเหตุได้ดังนี้ 

เหตุการณ์ลอบยิงรายวัน เกิดขึ้นทั้งหมด จำนวน 34 เหตุการณ์แยกเป็นพื้นที่ จังหวัดปัตตานี  13 เหตุการณ์จังหวัดยะลา 13 เหตุการณ์  จังหวัดนราธิวาส 8 เหตุการณ์
               
เหตุลอบวางเพลิง  เกิดขึ้นทั้งหมด จำนวน 1 เหตุการณ์ แยกเป็นพื้นที่
จังหวัดปัตตานี 1 เหตุการณ์ 

เหตุลอบวางระเบิด เกิดขึ้นทั้งหมด จำนวน  8 เหตุการณ์จังหวัดปัตตานี  3 เหตุการณ์ จังหวัดยะลา 5  เหตุการณ์

ด้านเหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 64 ราย แบ่งเป็น เสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บ 39 ราย แยก

ตามจังหวัดกลุ่มและอาการของเหยื่อความรุนแรงได้ดังนี้

จังหวัดปัตตานี เหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ จำนวน 30 ราย มีเจ้าหน้าที่รัฐ เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 9  ราย ประชาชน เสียชีวิต 7
ราย บาดเจ็บ 12 ราย  ผู้ก่อความไม่สงบ เสียชีวิต 1 ราย               

จังหวัดยะลา เหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ จำนวน 24 ราย มีเจ้าหน้าที่รัฐ บาดเจ็บ 10 รายประชาชน เสียชีวิต  9 ราย บาดเจ็บ 5
ราย

จังหวัดนราธิวาส เหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ จำนวน 10 ราย  ประชาชนเสียชีวิต 7 รายบาดเจ็บ 2 ราย ผู้ก่อความไม่สงบ บาดเจ็บ 1  ราย 

บางส่วนของเหตุร้ายในช่วงปักษ์แรกเดือนกพ.

เหตุการณ์แรกของเดือนเริ่มต้นในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.พ. 51 ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ใช้อาวุธปืนสงคราม ซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารชุดสันติสุข 504 ขณะที่กำลังเดินทางผ่านถนนสายรามัน – โกตาบารู บ.บาลูกา ม.1 ต.กาลูปัง อ.รามัน จ.ยะลาเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 นาย คือส.อ.พงษ์ศักดิ์ มูลลาภกระสุนของคนร้ายถูกเข้าที่บริเวณต้นแขนด้านซ้าย  1 นัดได้รับบาดเจ็บ
               
ต่อมาในเช้าของวันที่2ก.พ.51 ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดร้อย ทพ.4712 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานจำนวน 15 นาย ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางริมถนนบ้านบาตัน ม.4 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา คนร้ายได้กดระเบิดขึ้นจำนวน 2 ลูก พร้อมๆกัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
             
ในช่วงเที่ยงของวันที่ 4 ก.พ.51ได้เกิดเหตุคนร้ายนำรถจักรยานยนต์ซุกระเบิดแสวงเครื่อง มาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าร้านขวัญนางในเขตเทศบาลตำบลลำใหม่  อ.เมือง จ.ยะลาและได้ทำการกดระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ราย และ ประชาชน 3 ราย  ในเวลาไล่เลี่ยของวันเดียวกันในพื้นที่ จ.ปัตตานีได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคณะกรรมการจังหวัด และนายอำเภอมายอ ขณะเข้าตรวจเยี่ยมและทำพิธีปล่อยพันธุ์ปลาริมคลองชลประทาน ที่โรงเรียนตาดีกาบ้านกระเสาะ ม.2  ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี   แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย บาดเจ็บอีก 10 ราย ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ผ่านปกครองและกำนันรวมไปถึงนายวิรัช ประเศรษโฐ นายอำเภอมายอ ได้รับบาดเจ็บสาหัส


ต่อมาในช่วงเช้าของวันที่ 6 ก.พ.51ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ ฉก.ปัตตานี 26 ได้ออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณศาลเจ้าเล๋าเอี๋ยกงอ.สายบุรี จ.ปัตตานี คนร้ายได้ขับรถจยย. ซึ่งซุกซ่อนวัตถุระเบิดมาจอดทิ้งไว้และทำการจุดระเบิดขึ้น  แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดดังกล่าวเสียชีวิตจำนวน 1 นาย คือ พ.จ.ท.วิโรจน์  ทินสุวรรณและบาดเจ็บ อีก 6 นาย                 
               
ต่อมาในบ่ายของวันที่11ก.พ.51ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ รปภ.ครู ตชด.44 ขณะลาดตระเวนด้วยรถยนต์กระบะของทางราชการ 1 คันและรถจยย. จำนวน 2 คัน
ด้วยกำลังพล 12 นาย  จากเหตุการณ์ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดรปภ.ครู  ตชด.44ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย                 

ในช่วงเย็นของวันที่ 12 ก.พ.51ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นที่บริเวณพื้นที่ม4 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้พบกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 7 - 10 คน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้วิ่งหนีพร้อมกับใช้อาวุธปืนพกสั้น ยิงใส่เจ้าหน้าที่จึงได้เกิดการปะทะกันทำให้หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวคือ นายนินิต เลาะลาแม อายุ 22 ปีเป็นคนจาก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เสียชีวิต จากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายมีหมายจับของ สภ.อ.ปะนาเระ ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น
               
เหตุการณ์สุดท้าย เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.พ.51 ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้อาวุธปืน ยิงประชาชนที่บริเวณทางขึ้นเขาสวนพิธาน ม.1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะจ.นราธิวาส  ทำให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีก 1 ราย
 


หัวข้อ: เผยมีโจรใต้กลุ่มใหม่แฝงตัวใช้บัตร กอ.รมน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-03-2008, 13:44


เสนอแบ่งใต้ตอนล่าง 2 โซนแยกพัฒนาสองด้าน     
วันพุธที่ 5 มีนาคม 2008 16:58น. 
เสนอแยกไต้ตอนล่าง 2 โซน แก้ปัญหาความมั่นคง-เศรษฐกิจ เผยมีโจรใต้กลุ่มใหม่แฝงตัวใช้บัตร กอ.รมน.
http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3266&Itemid=47
 
      นายสุรศักดิ์  มณี  ประธานกลุ่มสองเลใต้ สงขลา พัทลุง สตูล พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า กลุ่มสองเลใต้เตรียมยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง
ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ไปยัง นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้พิจารณา ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติคือ
        กำหนดโซนพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างออกมาสองโซน โดยโซนแรกคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสี่อำเภอชายแดนสงขลา อ.จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ทีมีปัญหาด้านความมั่นคง  ส่วนโซนที่สองคือตั้งแต่ จ.สงขลา สตูล พัทลุงและตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยว
 
 

       นายสุรศักดิ์  กล่าวว่า จุดประสงค์ที่เสนอให้มีการแยกการพัฒนาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างเนื่องจากมีสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน โดยในพื้นที่สงขลา สตูล พัทลุง และตรังนั้นจะต้องเร่งส่งเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว เป็นหลักเพราะเป็นจุดขาย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สงขลา นั้นจะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น การรณรงค์ให้ส่วนราชการลงมาจัดประชุมสัมมนาที่ จ.สงขลา เป็นต้น
 
       ส่วนในโซนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอชายแดนสงขลาซึ่งมีปัญหาด้านความมั่นคง การพัฒนาต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างออกไป ซึ่งจะต้องเน้นไปในเรื่องของการป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลาย โดยมีแนวทางปฏิบัติคือตั้งกันชนใน3 พื้นที่ คือ ในจ.สงขลา
ควรมีการตั้งด่านตรวจระหว่างอ.จะนะกับอ.นาทวี  ด่านตรวจระห่างอ.เทพากับอ.สะบ้าย้อย
และในจ.ปัตตานี ควรตั้งด่านตรวจระหว่างอ.โคกโพธิ์กับอ.หนองจิก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และจะเป็นกันชนป้องกันปัญหาทั้งที่เกี่ยวกับความมั่นคง  ยาเสพติด หรือแม้แต่การค้าสินค้าหนีภาษี
 
         นายสุรศักดิ์  กล่าวว่า ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นและน่าเป็นห่วงมากที่สุดในขณะนี้คือ “ปัญหาโจรกลุ่มใหม่” ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4อำเภอชายแดนสงขลา นั่นคือ การที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ออกบัตรให้กับบุคคลต่าง ๆเพื่อทำหน้าที่เป็นสายลับและสายข่าวให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งในหลักการนั้นถือว่าเป็นแนวทางที่ดี แต่ปรากฏว่าในทางปฏิบัติกลับกลายเป็นดาบสองคม เนื่องจากการออกบัตรไม่แน่ใจว่าจะมีการตรวจสอบประวัติบุคคลหรือไม่ เพราะขณะนี้บัตรดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเฉพาะผู้ค้ายาเสพติด อย่างกรณีที่ จ.พัทลุง ซึ่งถูกจับได้ขณะลักลอบขนใบกระท่อมและพกบัตรสายข่าวที่ กอ.รมน.ภาค 4 ออกให้ รวมทั้งกรณียิงเจ้าหน้าที่อนามัย ที่ ต.บ่ออิฐ จ.สงขลา ผู้ต้องหาก็มีบัตรสายข่าวของ กอ.รมน.ภาค 4 และมีอีกหลายคดีที่ถูกจับกุมและใช้บัตรสายข่าวออกมาอวดอ้าง เฉพาะในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย
อำเภอเดียวมีผู้พกบัตรดังกล่าวกว่า 1 พันใบ  จึงอยากเรียกร้องไปยังนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ และทางที่ดีควรประกาศยกเลิกบัตรเก่าที่ออกไปทั้งหมด เพื่อสกรีนและออกบัตรใหม่ให้เฉพาะบุคคลที่ไม่มีประวัติพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย   


หัวข้อ: 81โจรใต้มอบตัว ระดับนอภ.-RKK หมักปูดคนสุมไฟ ชาวต่างชาติ2กลุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-03-2008, 19:57

ชื่อเรื่อง   81โจรใต้มอบตัว ระดับนอภ.-RKK หมักปูดคนสุมไฟ ชาวต่างชาติ2กลุ่ม  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวการเมือง
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=99085
 เนื้อหา   เมื่อวันที่ 7มีนาคม นายสมัรคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวทาแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน ว่า ต้องขอบคุณ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ไปคุยกับเขาและอีก 2วัน ตนจะไปคุยกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ซึ่งทางผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ได้นัดหมายแล้ว ทุกอย่างเขายืนยันว่าดี ตนก็รับฟังคำแนะนำและบอกว่า พอจะมองเห็นเค้าว่าอะไรเป็นอะไรและตนจะไปมาเลเซียวันที่ 18มีนาคมนี้ จะได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น

 "ขอบอกว่า งานนี้มันเป็นงานที่คนอื่นเขามาก่อเหตุในบ้านเรา เราสรุปได้แต่เพียงว่า คนของเราเองไม่ทำอะไรอย่างนี้ เขาบอกว่าขอให้ระมัดระวัง สรุปว่ามีคน 2พวกที่มันดำเนินการอยู่ เดิมแม้แต่จะโยงใยอินโดนีเซีย ก็ไม่อยากให้โยง เพราะว่าชื่อไม่โยง ทางฟิลิปปินส์ ก็ไม่ให้โยง เพื่อรักษาตรงนี้ไว้ ผมก็บอกว่า พอมองเห็นเค้าแล้ว ฉะนั้นก็ขอให้รอผมเดินทางไปข้างล่างหน่อย ไปสถานที่เกิดเหตุด้วย กลับมาแล้วจะคุยให้ฟังเท่าที่จะคุยได้"นายสมัคร กล่าว

 ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เห็นด้วยกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)และผู้นำฝ่ายค้าน ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติ(พรบ.)จัดตั้งสำนักบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(สบ.ชต.)แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ โดยให้ สบ.ชต.ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี แทน กอ.รมน.โดยรัฐบาลจะผลักดันร่าง สบ.ชต.มาใช้แทน ส่วนจะใช้ชื่อเดิมหรือชื่อใหม่ ไม่ใช่ปัญหา แต่ผู้อำนวยการยังเป็นของกระทรวงมหาดไทย

 สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา เป็นประธานพิธีต้อนรับแกนนำกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบ จำนวน 80คน ที่ออกมาแสดงตนเพื่อร่วมกับภาครัฐสร้างสันติสุขในชายแดนภาคใต้ ทั้งหมดมาจากพื้นที่บ้านกุดงนอก บ้านกุดงใน บ้านมายอ บ้านเจ๊าะกือเด๊ะ ม.1และบ้านมูนุง ม.5 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา นำโดย นายมะแอ ยูโซ๊ะ บิหลั่น มัสยิดบ้านเจ๊าะกือเด๊ะ แกนนำจัดตั้งระดับนายอำเภอ

 นายธีระ กล่าวว่า ขอขอบคุณในการเข้าร่วมแสดงตนของกลุ่มแกนนำและแนวร่วมในพื้นที่ โดยยืนยันจะให้การดูแลและพร้อมให้การช่วยเหลือหากต้องการ จากนั้น ตัวแทนจากคณะกรรมการอิสลาม จ.ยะลา ทำพิธีถอนซุมเปาะ(ถอนคำสาบาน)ให้อดีตแกนนำและแนวร่วมทั้งหมด

 ด้าน นายมะแอ ยูโซ๊ะ กล่าวนำปฎิญานตนว่า ในฐานะแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ขอปฎิญาณและขอสัญญาต่อองค์พระอัลเลาะห์และท่านทั้งหลายว่า ตนและอดีตแนวร่วมที่ยืนอยู่ที่นี่ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอีกต่อไป โดยเด็ดขาดและจะร่วมมือกับภาครัฐตลอดไป

 ขณะที่ นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ นายอำเภอยะหา กล่าวว่า ตั้งแต่ปี2549 เป็นต้นมา ทางการได้เข้าไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นกับผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด พร้อมกับปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบไม่ให้ขยายอิทธิพล จนสามารถจับกุมและควบคุมตัวแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบได้หลายคนและแกนนำเหล่านี้ได้ซัดทอดไปถึงหัวหน้าใหญ่ คือ นายมะแอ ยูโซ๊ะ จึงเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจนานกว่า 1ปี ก่อนที่เขาจะพาแนวร่วมเข้ามอบตัวในวันนี้

 "กลุ่มผู้หลงผิดที่ยังไม่มารายงานตัวและเคลื่อนไหวในพื้นที่ยังคงมีอีก 2- 3กลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นกำลังติดอาวุธและมีหมายจับ อย่างไรก็ตาม หากพวกที่ยังหลบหนีอยู่ ได้ติดต่อกับพ่อแม่และญาติ เพื่อเข้ารายงานตัว ทางการก็พร้อมให้ความยุติธรรม"นายศุภณัฐ กล่าว

 วันเดียวกัน ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการณ์ สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส นายซูกิฟรี ลีมา อายุ 23 ปี สมาชิกกลุ่มอาร์เคเคและผู้ต้องหาตามหมายจับฐานร่วมกับพวกใช้ปืนยิง ด.ต.อับดุลพาริก สาและ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนเสียชีวิตและยังร่วมกับพวกลอบวางเพลิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบือเจาะ ม.1 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เพื่อลวงเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแล้วจุดชนวนระเบิดดักสังหาร ทำให้ นายมะรูดิง สือนิ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบือเจาะ เสียชีวิตและน.ส.สัญฐิติ ขอจิตต์เมตต์ ผู้สื่อข่าวทีวีสีช่อง3และผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16มกราคม2550 เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ เพราะเบื่อหน่ายการหลบหนี นายซูกิฟรี ให้สัญญาว่า เมื่อพ้นโทษไปแล้ว จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีและจะไม่หันไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเลวร้ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมาอย่างเด็ดขาด 

 
 วันที่เผยแพร่  8 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  8 มี.ค. 2551

"""""""""""


ชื่อเรื่อง   มอบตัว  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวอาชญากรรม
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=99076
 เนื้อหา  นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา เป็นประธานในพิธีต้อนรับแกนนำแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา จำนวน 80 คน ที่แสดงตนเพื่อเข้าร่วมกับภาครัฐเพื่อสร้างสันติสุขในชายแดนภาคใต้



 ภาพประกอบ [1]
 
 วันที่เผยแพร่  8 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  8 มี.ค. 2551




หัวข้อ: สงขลา-รวบ 14 เยาวชน ปล้น วิ่งราวทรัพย์
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-03-2008, 20:01


ชื่อเรื่อง   สงขลา-รวบ 14 เยาวชน ปล้น วิ่งราวทรัพย์  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   โทรทัศน์ช่อง 3
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.becnews.com/data/regional.html#61
 เนื้อหา  นอกจากวิ่งราวทรัพย์และปล้นในท้องที่อำเภอหาดใหญ่ แล้ว ยังมีหัวโจ๊ก
ถูกหมายจับจากศาลจังหวัดพัทลุงคดีพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย ขณะที่
ผกก.สภ.หาดใหญ่ วอนให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี หากผู้เสีย-
หายรายใดไม่มั่นใจให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอดูภาพผู้ต้องหาได้

 

 

เมื่อเวลา 09.00 น.พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด
สงขลาได้นำ 14 เยาวชน ที่ก่อเหตุปล้น วิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา มาแถลงข่าวการจับกุม พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์กว่า
10 คัน และทรัพย์สินบางส่วนที่ยึดได้จากผู้ต้องหา อาทิ โทรศัพท์มือถือ เงินสด อาวุธปืนปลอมที่ใช้ในการก่อเหตุ โดย
เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 7 ราย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ส่วนผู้ต้องหารายอื่น ๆ คือ

 

1.นายขวัญชัย ไชยแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ซอย 7 ถนนเทศาพัฒนา ตำบล/อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
2.นายชาญชัย ชุมคง อายุ 26 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 3 ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีหมายจับจาก
ศาลจงหวัดพัทลุง คดีพยายามฆ่าผู้อื่น
3.นายวีระศักดิ์ รักษาคง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ถนนเทศพัฒนา ตำบล/อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
4. นายชัยวุฒิ หนูเนียม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/40 ถนนหน้าสถานีรถไฟ ตำบล/อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
5 นายณงค์ พุทธโชติ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ซอย 9 ถนนคลองเรียน ตำบล/อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
6. นายวรพงศ์ กายจนเพ็ญ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ซอย 2 ถนนทุ่งเสา 2 ตำบล/อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
7. นายฉัตรชัย ช่วยภักดี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ถนนทุ่งเสา 2 ตำบล/อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

 


ส่วนผู้ต้องหาอีก 7 คน เป็นเยาวชน โดยเจ้าหน้าที่ใช้หมวกไหมพรมปิดหน้าไว้ เนื่องจากเป็นเยาวชน กฏหมายคุ้มครองสิทธิ์
แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า หากผู้เสียหายรายใดเคยถูกแก้งค์นี้ ปล้น หรือวิ่งราวไปให้มาดูรูปได้ที่ สภ.หาดใหญ่ และอีกส่วนจะส่งรูป
ไปตามสถานศึกษาให้เด็กที่เคยถูกแก้งค์นี้ปล้น หรือ วิ่งราวทรัพย์ ยืนยัน โดยเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยผู้-
ต้องหาทั้งหมด ได้ก่อเหตุ ปล้น วิ่งราว ทรัพย์ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 25 คดี ตั้งแต่ ต้นปี จนถึง ปัจจุบัน ซึ่งเจ้า-
หน้าที่สามารถดำเนินคดีได้บางส่วน

 

 

โดย พ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ทับเคียว ผกก.สภ.หาดใหญ่ กล่าวว่า ยังมีผู้เสียหายที่ถูกแก้งค์พวกนี้ปล้น วิ่งราว ทรัพย์ ไปอีกเป็น
จำนวนมาก ทั้งที่มาแจ้งความ และไม่ได้แจ้งความ โดยขอให้ผู้เสียหายที่เคยถูกแก้งค์นี้กระทำการดังกล่าว ให้มาแจ้งความ
ดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรม และดำเนินคดีกับคนร้ายกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด ส่วนผู้เสียหายที่เป็นเยาวชนตาม
สถานศึกษา ผกก.สภ.หาดใหญ่ บอกว่าจะส่งรูปถ่ายของ แก้งค์วิ่งราวทรัพย์เหล่านี้ไปทางอินเตอร์เน็ต เพื่อให้เยาวชนดูรูป ว่าเคยถูกแก้งค์นี้ปล้น หรือ วิ่งราวทรัพย์ไปด้วยหรือไม่
 
 ภาพประกอบ [1]
 
 วันที่เผยแพร่  8 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  8 มี.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 09-03-2008, 00:49
อืมม...มัวแต่ไปยุ่งบ้านคนอื่น กลับมาบ้านขี้แมวเต็มกระด้ง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-03-2008, 01:35
อืมม...มัวแต่ไปยุ่งบ้านคนอื่น กลับมาบ้านขี้แมวเต็มกระด้ง

ถ้าบ้านเราสะอาดได้ บ้านอื่นก็คงสะอาดมากขึ้น

บ้านอื่นสะอาดมากขึ้น บ้านเราก็คงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้

ถือว่าแข่งกันแก้ปัญหา รักษาสภาพครับ ธรรมชาติของมนุษย์

ส่วนกระทู้ปัญหาภาคใต้ ผมเชื่อว่าถ้าหากทำได้ต่อเนื่องก็คงดีขึ้นได้เห็นหน้าเห็นหลังกัน

อย่างไรก็ตามประชาธิปัตย์ต้องทำให้ใต้เจริญ มิฉะนั้น ต่อไปเสียงสส.รุ่นใหม่ไม่ใช่ของตายอีกแล้ว

สส.ปชป.ต้องพยายามมีส่วนร่วมพัฒนาจริงจัง จะมาทำหัวหมอกับคนภาคเดียวกัน ชาวบ้านคงรู้ทันกันดีครับ


หัวข้อ: ปิดล้อมตากใบรวบแนวร่วมป่วนใต้6คน
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-03-2008, 16:42


ชื่อเรื่อง   ปิดล้อมตากใบรวบแนวร่วมป่วนใต้6คน
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   โพสต์ทูเดย์
 คอลัมน์ข่าว   Breaking News
 URL   http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=225481
 เนื้อหา  ทหาร-ตำรวจกว่า 200 นายสนธิกำลังปิดล้อม ตากใบ รวบแนวร่วมป่วนใต้ได้ 6 คน

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง จ.นราธิวาสมากกว่า 200 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นจุดต้องสงสัย 6 จุด ภายในหมู่บ้านสีพงันและบ้านปูยู ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา คือ นายเสาร์ปี นิกาเร็ง ครูอัตราจ้าง โรงเรียนบ้านสีพงัน นายสะมะแอ เล็งฮะ ครูสอนศาสนา โรงเรียนอิสลามบรูพา นายสารากือตา เสาะเล๊าะ นักการภารโรง โรงเรียนบ้านปูยู และแนวร่วมอีก 3 คน โดยทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดทหารชุดคุ้มครองครูและลอบเผาโรงเรียนหลายแห่ง

 


ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจพยานหลักฐานที่มีอยู่ โดยส่งตัวทั้งหมดไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี

 
 
 วันที่เผยแพร่  9 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  9 มี.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-03-2008, 16:49


ชื่อเรื่อง   มุสลิมเตือน สมัคร ใส่ใจประชุม โอไอซี ก่อนเยือนมาเลย์18มี.ค.
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   กรุงเทพธุรกิจ
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวประจำวัน
 URL   http://www.bangkokbiznews.com/2008/03/08/WW10_WW10_news.php?newsid=237117
 เนื้อหา  "ประธานมูลนิธิวัฒนธรรมภาคใต้"เผยนายกรัฐมนตรี เยือนมาเลเซีย 18 มี.ค. ขณะที่"นพดล"ส่งที่ปรึกษาฯเข้าร่วมประชุม"โอไอซี" วันที่13-14 มี.ค.ทำให้กลุ่มประเทศมุสลิมจับตาไม่ส่งบุคคลสำคัญไปร่วม อาจเป็นการไม่ให้เกียรติเท่าที่ควร

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม ประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ เปิดเผยว่า การที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเตรียมตัวเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียในวันที่ 18 มีนาคม นี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ และผู้นำประเทศของคนไทย จะมีโอกาสได้เห็นถึงมิติลึกตื้นของปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากหนทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การยุติความรุนแรงได้นั้นคือนโยบายความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลซีย จะต้องชัดเจนและกระชับแน่นแฟ้น

"นายอับดุลลาห์อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้ความสนใจและเกาะติดปัญหาชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิด เพราะเขามีบรรพบุรุษหรือทวดฝ่ายแม่อยู่ในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา  ฉะนั้นมาเลเซียจึงเฝ้ามองการแก้ปัญหาของรัฐบาลมาโดยตลอด"พล.ต.ต.จำรูญ กล่าว

ประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ กล่าวต่อว่าการเดินทางไปเยือนมาเลเซีย ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ของไทยในวันที่ 18มีนาคม อาจจะถูกประเทศกลุ่มมุสลิมจับตามองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากในระหว่าง13-14 มีนาคม 51 จะมีการประชุมระดับสุดยอดองค์การการประชุมอิสลาม ครั้งที่ 11 หรือโอไอซี

โดยประเทศไทยในฐานะเป็นประเทศสังเกตการณ์ ซึ่งมีข่าวว่านายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ติดภารกิจร่วมคณะนายกรัฐมนตรีเยือนอาเซียน จึงได้ส่งนายพิทยา พุกกะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมโอไอซีแทน

พล.ต.ต.จำรูญ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเวทีโอไอซี ถือเป็นการประชุมที่สำคัญและจะมีผลต่อสถานการณ์3จังหวัดของไทยอย่างมาก เพราะสมาชิกประเทศโลกมุสลิมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และถือเป็นการให้เกียรติประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตุการณ์ ทั้งที่ไม่ได้เป็นประเทศสมาชิก แต่การส่งที่ปรึกษารัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมถือเป็นการไม่ให้เกียรติการประชุมเท่าที่ควร รวมถึงไม่ให้เกียรติคนมุสลิมในประเทศไทยอีก 6ล้านคน

"รัฐควรส่งตัวแทนทำหน้าที่ ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสถานการณ์ชายแดนภาคใต้และเป็นบุคคลที่สมเกียรติกับเก้าอี้ที่สมาชิกโลกมุสลิมมอบให้ และที่สำคัญจะเป็นการฉวยโอกาสในการทำความเข้าใจ รวมถึงชี้แจงตอบคำถามปัญหาต่างๆที่อยู่ในความสงสัยใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อสมาชิกกลุ่มโลกมุสลิม"พล.ต.ต.จำรูญ กล่าว

'นพดล'ยันความไม่สงบชายแดนใต้'คนอื่นเข้ามาก่อเหตุไม่ใช่คนของเรา'

นายนพดล ปัทมะ  รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุในการพบสื่อฯ ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (7 มี.ค.) ว่า ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็นงานที่คนอื่นเข้ามาก่อเหตุในบ้านเรา ไม่ใช่คนของเราว่า ข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นไปในทิศทางเดียวกับนายกรัฐมนตรี และในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ในช่วงกลางเดือนนี้ คงจะได้นำปัญหาและหลักการไปพูดคุย

“ผมยังยืนยันว่า ปัญหาภาคใต้ยังเป็นปัญหาภายในประเทศ แม้จะมีการสนับสนุนภายจากภายนอก เช่น เรื่องการเงิน แต่ก็ยังเป็นเรื่องภายในของไทยอยู่ดี เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะพูดคุย และชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม ในรายการสนทนาประสาสมัคร ต่อจากเรื่องการบริโภคไก่” นาย นพดล กล่าว
 
 
 วันที่เผยแพร่  9 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  9 มี.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-03-2008, 22:10

ชื่อเรื่อง   Chalerm seeks advice on South  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   The Nation
 คอลัมน์ข่าว   Breaking News
 URL   http://www.nationweekend.com/worldhotnews/read.php?newsid=30067165
 เนื้อหา  Interior Minister Chalerm Yoobamrung yesterday sought recommendations from the Democrat Party for solutions to the southern unrest.


Chalerm issued an urgent letter to Democrat Party secretary-general Suthep Thaugsuban seeking advice from him on how to curb the violence in the South.  

The Interior Minister said he was not ashamed or embarrassed about the move because he regarded the issues as national problems. He wants to get information from the opposition because he believes the Democrats know the South very well.


He said he was ready to talk to both Suthep and opposition leader and Democrat Party leader Abhist Vejjajiva on the issues.
 
 วันที่เผยแพร่  9 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  9 มี.ค. 2551



แก้ปัญหาใต้ ต้องไม่เอาทหารกับตำรวจการเมือง

ตลอดจนการเมืองของพรรคเก่าแก่ไปยุ่งเกี่ยว

สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับครับ..

ระวังเรื่องชักนำหรือพวกพยายามเป็นประเด็นกับต่างปรtเทศนิดนึง :slime_fighto:


หัวข้อ: โจรใต้ซุ่มยิง ขี่จักยานยนต์ประกบยิง-เผา
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 18:10


ชื่อเรื่อง   โจรใต้ซุ่มยิงผช.ผญบ.ดับ-ชาวบ้านสาหัส2 ขี่จักยานยนต์ประกบยิง-เผา2ศพที่ปัตตานี
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0117100351&day=2008-03-10§ionid=0101
 เนื้อหา  กลุ่มคนร้ายยังลอบก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุด เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 9 มีนาคมขณะที่นายหัมดำ มะดาบู อายุ 18 ปี และนายการิม แยแน อายุ 25 ปี นั่งคุยกันบริเวณหน้าบ้าน42/2 ม.2 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงจากป่าละเมาะข้างทางเข้าใส่ทำให้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์

เวลา 10.10 น. นายยา วอรี อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 44/2 หมู่ 3 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ากลับบ้านพัก เมื่อมาถึงสวนยางพารา ห่างจากบ้านพัก ประมาณ 3 กิโลเมตร คนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบมาจากด้านหลัง  ใช้ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จ่อยิงถูกศีรษะ นายยา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เวลา 14.30 น. คนร้ายซุกระเบิดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ในรถจักรยานยนต์หมายเลข กนษ 283 ยะลา  ริมถนนปากซอยวิฑูรอุทิศ 1 ย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน  และเจ้าหน้าที่สามารถมาตรวจพบและเก็บกู้ได้

ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 18.00 น. ขณะที่นายอภินันท์ ฟักสุวรรณ อายุ 24 ปี เป็นอดีตทหารเกณฑ์ สังกัด ร้อย ร.15323 อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายนิคม สิทธิสวาท อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/1 หมู่ 6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักบนเส้นทางถนนสายบ้านบาแฆะ-บ้านโต๊ะชูด หมู่ที่ 6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงทั้งคู่เสียชีวิต  จากนั้นคนร้ายใช้น้ำมันเบนซินราดแล้วจุดไฟเผาซ้ำ

ด้านพ.ต.ท.พหล เกตุแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 อ.นาทวี จ.สงขลา  เปิดเผยว่า เนื่องจากได้รับรายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคงว่า แนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีแผนที่จะสร้างสถานการณ์โดยการลอบวางเพลิงโรงเรียนช่วงปิดเทอม  จึงสั่งการให้คุมเข้มโรงเรียนในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบใน อ.จะนะ และอ.นาทวี และจะร่วมกับชุด ช.ร.บ. และชุดอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน (อรบ.) เข้ารักษาความปลอดภัยโรงเรียนในพื้นที่ล่อแหลมในช่วงโรงเรียนปิดเทอม โดยเพิ่มความเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง เพราะช่วงปิดเทอมโรงเรียนจะมีเพียงภารโรงและครูบางส่วนเท่านั้น

พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ในฐานะประธานกรรมการตรวจการจ้างและตรวจรับวัสดุ การก่อสร้างมัสยิดบ้านดุซงญอ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาศิริวัฒนาพรรณวดี สละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นเงินกว่า 2,275,000 บาท เพื่อให้ปรับปรุงมัสยิดดุซงญอ โดยขยายออกด้านข้าง ข้างละ 3 เมตร ทั้ง 4 ด้าน ทำให้มัสยิดกว้างขึ้นจากเดิมเป็น 12 เมตร และยาวเป็น 14 เมตร ทำให้ชาวไทยมุสลิมในอำเภอจะแนะ ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น
 
 ภาพประกอบ [1]
กู้ระเบิด - เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.ยะลา ตรวจสอบและกู้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ที่คนร้ายซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ แล้วนำไปจอดในเขตเทศบาลเมืองยะลา เมื่อบ่ายวันที่ 9 มีนาคม
 วันที่เผยแพร่  10 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  10 มี.ค. 2551


หัวข้อ: ผู้ว่าฯ 3 จว.ใต้เริ่ม 'เพรสเซ็นเตอร์' สู้โจรใต้ ใช้ SMS วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 16:52
ผู้ว่าฯ 3 จว.ใต้เริ่ม 'เพรสเซ็นเตอร์' สู้โจรใต้ ใช้ SMS วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว  
 http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=10252)&PHPSESSID=9cfbbbce1c281b811410701749373f46 
 
 จากการที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีการเปิดกลยุทธ์ปล่อยข่าวลือและข่าวลวง เพื่อหวัง ผลทางจิตวิทยาเป็นยุทธศาสตร์การเปิด สงครามข่าวสาร ที่ทำให้ได้ผลที่สุดของกลุ่มก่อการร้าย โดยเป้าที่ถูกโจมตี ย่อมหนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติ งานอยู่ในพื้นที่นั่นเอง

เมื่อประชาชนหลงเชื่อจนรู้สึกหวาดระแวง และเกลียดชัง เจ้าหน้าที่รัฐ ก็เท่ากับเพิ่มโอกาสชนะให้กลุ่มโจร เพราะเป็นเรื่อง ยากกว่าที่เจ้าหน้าที่รัฐจะตั้งหลักเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ และดึงเอาศรัทธาจากมวลชนกลับคืนมา

กรณีดังกล่าว นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี จึงสรรหาวิธีเพื่อหาทางเอาชนะการเปิดสงครามข่าวสาร ของฝ่ายตรงข้าม ระยะแรกมีการจัดชุดเจ้าหน้า ที่ลงปฏิบัติการตามมัสยิด และที่ทำการชุม ชนชี้แจงทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อต้องการให้ประชาชนในพื้นที่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่หลงเชื่อ ไปตามข้อมูลที่บิดเบือนของ ฝ่ายตรงข้าม

เมื่อดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านได้ระยะหนึ่ง จึงมีการประเมินผลที่ได้รับ
พบว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งสามารถเข้าถึง ข้อมูลจากการประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี และ
บางส่วนที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง จึงทำให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้ามอยู่เช่นเดิม

ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็พยายามจะ ชิงพื้นที่ข่าวกลับคืนมาอย่างหนัก และประสบผลสำเร็จมากกว่าภาครัฐ เนื่องจากมีแนวร่วมกลุ่มก่อความ ไม่สงบแทรกซึมอย่างทั่วถึงในระดับรากหญ้า เมื่อเห็นเค้าลางที่จะพ่ายแพ้ พ่อเมืองปัตตานีจึง คิดหาช่องทางข่าวสารใหม่ๆ เพื่อช่วงชิงมวลชนกลับคืนมาให้ได้ กระทั่งมาลงตัวกับเทคโนโลยี สื่อสารสมัยใหม่ที่ฮอตฮิตที่สุดในปัจจุบัน นั่น คือ การส่งข้อความสั้น หรือ "เอสเอ็มเอส"ไปยังกลุ่มเป้าหมาย

แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2550 ใช้ชื่อโครงการว่า "Patani Press Center" (ปัตตานีเพรสเซ็นเตอร์) หรือ PN_PC โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะส่งเอสเอ็มเอสข่าวไปให้นั้น แบ่งเป็น 7 กลุ่มเป้าหมายสำคัญ คือ
1.กลุ่มผู้บังคับบัญชา และกองกำลัง 2.กลุ่มหัวหน้าส่วนราชการ 3.กลุ่มโรงเรียน โดยเฉพาะผู้ อำนวยการสถานศึกษา 4.กลุ่มผู้สื่อข่าว 5.กลุ่มตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบจ. อบต. เทศบาล 6.กลุ่มผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจน ชรบ. 7.กลุ่มเครือข่ายเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่สมัครใจ และแสดงความจำนงในการรับข้อมูลข่าวสาร

จากการปรับกลยุทธ์ใหม่ เห็นว่า ผลตอบแทนที่ได้รับ คุ้มค่าต่อการลงทุนมาก โดยรูปแบบข้อความสั้นจะมีความยาวไม่เกิน 70 ตัวอักษรต่อครั้ง สามารถส่งได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง เพราะแต่ละครัวเรือนย่อมมีโทรศัพท์บ้านละ 1 เครื่องแน่นอน

"เมื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้ระหว่างการจัดส่ง เจ้าหน้าที่ลงไปพบปะชี้แจงข้อมูลให้ชาวบ้านฟัง กับการ สื่อสารเรื่องราวต่างๆ ผ่านข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส ทางโทรศัพท์ มือถือนั้น พบว่า การส่งข้อความสั้นได้ ผลลัพธ์ดีมาก เพราะจากการประเมินสถาน การณ์ความรุนแรงที่ผ่านมา แทบจะกล่าว ได้ว่า ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ไม่เกิดการรวมตัวประท้วงของกลุ่มชาวบ้านในลักษณะเข้าใจผิดอันเกิดจากการตกเป็นเหยื่อของการบิดเบือน
ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามโดยสิ้นเชิง"

ปัจจุบันจึงมีเครือข่าย เพรสเซ็นเตอร์ใน จ.ปัตตานี ครอบคลุมในกลุ่มเป้าหมายทั้ง 7
มากกว่า 7,000 คน ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก

ขณะที่ นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าการจังหวัดนราธิวาส ระบุถึงแนวทางของจังหวัดว่า ได้จัดสรรงบประมาณบูรณาการประมาณ 2 แสนบาท ในการนำร่องจัดตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน และประชาสัมพันธ์" (Information Organization) หรือ "IO" ขึ้น จุดประสงค์เพื่อต้องการพัฒนาช่องทางการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน
เบื้องต้นได้ดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ

ปฏิบัติการเชิงรุก จะเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ในเรื่องทั่วๆ ไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวกับการสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นรอบด้าน โดยเฉพาะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ตลอดจนมาตรการการรักษาความปลอดภัยของภาคประชาชน

ปฏิบัติการเชิงรับ เป็นการสื่อสารในลักษณะที่ต้องการชี้แจงตอบโต้ข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมักจะปล่อยข่าวลือและข่าวลวง ซึ่งโครงการดังกล่าวดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ผลเป็นอย่างดีในการทำ ความเข้าใจกับประชาชน คาดว่าช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ จังหวัดจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายมากยิ่งขึ้น

แนวทางการดำเนินการตามโครงการนี้ คือ คณะดำเนินการ ซึ่งได้แก่ ปลัดจังหวัดนราธิวาส ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสื่อมวลชน จะร่วมกันรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ของแกนนำท้องถิ่น เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 13 อำเภอ รวม 593 หมู่บ้าน

นอกจากนี้ยังรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ของผู้นำศาสนาประจำมัสยิดต่างๆ ซึ่งทั้งจังหวัดมีอยู่กว่า 600 แห่ง แต่ละแห่งจะต้องมีเบอร์กลุ่มเป้าหมายอย่างน้อย 2 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัด มีรูปแบบการส่งข่าวผ่านเอสเอ็มเอสด้วยเช่นกัน และยังมีช่องทางอื่นๆ ด้วย เช่น การติดใบปลิว หรือแผ่นไวนิลขนาดใหญ่ตามทางแยกริมถนน การกระจายข่าวผ่านวิทยุชุมชน หรือหอกระจายข่าวในหมู่บ้าน เป็นต้น

ด้าน นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราช การจังหวัดยะลา มีรูปแบบที่ต่างออกไป คือ เจ้าหน้าที่ยังคงยึดหลักดำเนินการแบบ Door To DoorŽ โดยมีการลงพื้นที่พบปะกลุ่มเป้าหมายอย่าง ใกล้ชิด ทั้งผู้นำศาสนา และประชาชน ทั้งนี้แม้จะเน้นการพบปะพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับประชาชนเป็นหลัก แต่ในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีการพัฒนารูปแบบการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลไปยังระดับรากหญ้าที่หลากหลายมากขึ้น

อย่างไรก็ตามต้องประเมินความพร้อมของแต่ละกลุ่มเป้าหมายก่อนว่า มีความเหมาะสมกับการรับข่าวสารด้วยวิธีใด เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนทุกคนจะรับข้อความผ่านเอสเอ็มเอส เพราะบางคนก็ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้

โดย Focus Team  เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2551 01:21:55 น.
ภาคใต้
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 18:53


‘นาร้าง คนร้าง’ เรื่องราวของชาวปะนาเระ   
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=223
บทความน่าสนใจ | 2551-03-08 23:57:32
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 สุรเดช มั่นวิมล



กระแสลมโชยมาไม่ขาดสายส่งใบตาลบนยอดสูงเคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะ ใต้ต้นตาลเหล่านั้น เป็นพื้นที่เวิ้งว้างหลายสิบไร่ซึ่งถูกปล่อยปะละเลย ไม่ได้ทำประโยชน์มากว่า 20 ปี และเป็นที่รู้กันของคนที่นี่ว่าพื้นที่รกร้างดังกล่าว ในอดีตเคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำมาหลายชั่วอายุคน

          ตำบลบ้านกลาง อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ชาวบ้านเกือบทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม โดยมากล้วนมีอาชีพทำนาเป็นหลัก เพราะมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ อาชีพทำนาจึงอยู่คู่กับคนที่นี่มาหลายช่วงอายุคน จนถือได้ว่าเป็นวิถีชีวิตของชุมชน

          แต่มาวันหนึ่งปัจจัยที่เพียบพร้อมสำหรับการปลูกข้าวมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าก็เริ่มถูกคุกคาม เมื่อระบบชลประทานเข้ามา โดยกรมชลประทานได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงลำธารสายเล็กๆ ที่ตัดผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน ให้กลายเป็นคลองส่งน้ำขนาดใหญ่ตัดออกสู่ทะเล   

"เมื่อก่อนตรงนี้เป็นแค่ลำธารเล็กๆ จนประมาณปี พ.ศ. 2532 กรมชลประทานเริ่มขุดขยายคลอง โดยไม่ได้บอกชาวบ้านว่าขุดเพื่ออะไร เราก็เห็นเป็นงานของราชการก็น่าจะส่งผลประโยชน์ให้กับชาวบ้าน แต่ไม่เลย มีแต่เสียกับเสีย" รอเซะ เจะแมง หรือ แบเซะ ชาวบ้านกลาง เล่าให้ฟังถึงที่มาของคลองชลประทานที่มีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร

แบเซะเล่าว่าเมื่อก่อนทำนาก็จะอาศัยน้ำจากธรรมชาติ ฝนตกลงมาก็เพียงพอต่อความต้องการในการปลูกข้าว แต่พอกลายเป็นคลองชลประทาน ช่วงฤดูฝนน้ำก็เอ่อเข้าท่วมแปลงข้าว ขังอยู่กว่า 3 เดือนถึงจะลด ข้าวก็เน่าหมด แต่พอหน้าแล้ง น้ำกลับแห้ง  ไม่มีน้ำให้ชาวบ้านใช้เลย

ปัญหาของคลองชลประทานที่กว้างประมาณ 3 เมตรนี้คือ ไม่มีประตูเปิดปิดน้ำสำหรับควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่พื้นนาของชาวบ้าน มีเพียงเนินดินสองฝั่งคลอง ซึ่งเป็นดินที่มาจากการขุดคลองเท่านั้นที่กั้นน้ำในคลองกับแปลงนา ซึ่งแน่นอนหากฤดูน้ำหลากเข้ามาเยือน นาที่ใช้ปลูกข้าวจะกลายเป็นทะเลสาบในทันที

"พอเริ่มมีผลกระทบจากคลองเข้ามา ชาวบ้านก็ทำนาไม่ได้ ไม่ใช่แค่หมู่บ้านผมที่เดียวนะ อีกหลายหมู่บ้าน ที่คลองไหลผ่าน ชาวบ้านทำนาไม่ได้กันหมด" แบเซะระบายความในใจ เนื่องจากที่นาที่อยู่ในที่ลุ่มไม่สามารถปลูกข้าวได้ตลอดทั้งปี และกลายเป็นที่ไร้ซึ่งประโยชน์ในทันที

"นาที่อยู่สูงหน่อย ก็พอปลูกข้าวได้นะ แต่ก็มีไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์หรอก ที่ใครปลูกข้าวได้ก็ถือเป็นความโชคดีไป" ชายวัย 55 ปียิ้มเยาะต่อชะตากรรมที่ประสบ

แบเซะเคยรวบรวมกลุ่มชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากคลองชลประทาน เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกับนายอำเภอและหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ แต่คำตอบที่ได้รับคือการรอคอย

"เกือบ 20 ปีแล้วที่เราไม่ได้ทำมาหากินในอาชีพที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้ ผมเลิกหวังกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐแล้ว เพราะได้แต่พูดว่าจะดูแลให้ จะช่วยเหลือ นี่ผ่านมากี่ปีแล้ว มันก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

เมื่อไม่สามารถทำนาที่เป็นอาชีพหลักได้ ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวนมากขาดรายได้ จนหลายต่อหลายครอบครัวต้องดิ้นร้น โดยหลายคนในหมู่บ้านตัดสินใจไปรับจ้างทำนาที่ประเทศมาเลเซีย ที่แม้จะได้ค่าจ้างที่ไม่สูงนัก หากเทียบกับการปลูกข้าวบนผืนนาของตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ยังได้เงินมาจุนเจือลูกเมียบ้าง บางส่วนเข้าไปหางานทำที่กรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด

"คิดแล้วมันปวดใจ สายเลือดของเราคือการเป็นชาวนา แต่ตอนนี้ต้องมาซื้อข้าวคนอื่นกิน มีที่นาเป็นของตัวเองก็ทำไม่ได้ ต้องไปรับจ้างดำนา เกี่ยวข้าวให้คนอื่น หรือทิ้งบ้านที่อยู่มานานไปหางานทำที่อื่น จนตอนนี้บ้านหลายหลังที่ไม่มีคนกลายเป็นบ้านร้าง มันน่าเศร้านะนอกจากนาจะร้างแล้ว คนก็ร้างไปด้วย" แบเซะระบายความอัดอั้นตันใจด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ตอนนี้แบเซะยังพอมีนาที่สามารถปลูกข้าวอยู่บ้าง แม้จะมีเนื้อที่ไม่มากหากเทียบกับที่นาที่มีทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็พอสร้างรายได้ให้พออยู่พอกินได้อย่างไม่เดือดร้อนเท่าใดนัก             และด้วยพื้นที่นาที่มีจำกัด จึงทำให้เขาพยายามค้นหาวิธีวิธีต่างๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตในนาของตนเอง

"ผมเคยเห็นพวกต้นไม้เล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับตะกอนที่บำบัดจากของเสียของโรงงานแปรรูปอาหารทะเลมันเจริญงอกงามดี เลยลองเอาตะกอนนั้นมาใส่ในกระถางต้นไม้ เปรียบเทียบต้นที่ใส่กับไม่ใส่ดู เลยเห็นถึงความแตกต่าง ว่าต้นที่ใส่ตะกอนมันงอกงามกว่า จึงมีความคิดที่จะลองกับนาข้าวดู" แบเซะพูดถึงที่มาของวิธีการเพิ่มผลผลิตข้าวที่เกิดจากภูมิปัญญาของตัวเขาเอง






แบเซะอธิบายถึงกรรมวิธีให้ฟังว่า ตะกอนจะมีลักษณะแข็ง โดยจะนำมาผสมกับปุ๋ยยูเรียก่อนที่จะหว่านลงในแปลงข้าว ซึ่งส่วนใหญ่จะใส่ส่วนผสมนี้ลงไปหลังจากดำนาเสร็จ โดยปีหนึ่งใส่แค่ครั้งเดียว จากที่ทำมาสามารถเพิ่มผลผลิตได้จริง ที่นาครึ่งไร่จากเมื่อก่อนใช้ปุ๋ยเคมีจะได้ข้าวประมาณ 3 กระสอบ แต่พอใช้ปุ๋ยที่คิดขึ้นเองนี้ได้ข้าวถึง 6 กระสอบเลยทีเดียว

"นอกจากจะเพิ่มจำนวนข้าวให้มากขึ้นแล้ว รู้สึกว่าจะช่วยสร้างระบบนิเวศน์ในนาข้าวได้ด้วย เพราะเมื่อก่อนใช้ปุ๋ยเคมีพวกสัตว์มีชีวิตจะมีน้อยมาก แต่พอหันมาใช้ปุ๋ยตะกอนนี้แล้ว พวกปู ปลา หอยมีเต็มไปหมด ช่วยให้เรามีอาหารเพิ่มขึ้นอีกด้วย" แบเซะพูดอย่างภาคภูมิใจ

ตอนนี้แบเซะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ของ "กลุ่มนาร้าง" ที่มีสมาชิกประมาณ 15 คน โดยแบเซะพยายามผลักดันการใช้ปุ๋ยตะกอนให้แพร่หลายมากขึ้น สิ่งสำคัญไม่ใช่เฉพาะการเพิ่มผลผลิตในนาข้าวเท่านั้น แต่เพื่อลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมีของชาวบ้านไปในตัวด้วย

"ปุ๋ยเคมีตอนนี้ราคาก็แพงขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดว่าจะหันมาลองใช้ปุ๋ยตะกอนที่แบเซะคิดบ้าง เพราะนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ยแล้ว ยังสามารถช่วยให้นาของแบเซะเพิ่มผลผลิตได้อีกด้วย ตอนนี้ของผมก็ลองไป 1 แปลง ถ้าได้ผลจริงๆ ก็จะเลิกใช้ปุ๋ยเคมี แล้วใช้ปุ๋ยตะกอนแบบเต็มตัว" ยาหายะ สาแมง ชาวบ้านบ้านกลาง หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่หันมาใช้ปุ๋ยตะกอนร่วมกับแบเซะยืนยันผลสัมฤทธิ์

หลังจากใช้ปุ๋ยตะกอนมาเกือบ 2 ปี แบเซะเริ่มมีความมั่นใจในประสิทธิภาพของปุ๋ยชนิดมากยิ่งขึ้น จนเริ่มเกิดไอเดียในการแจกจ่ายปุ๋ยให้กับชาวบ้านที่ทำนา เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เสียให้กับปุ๋ยเคมี

"ผมไม่คิดที่จะทำขึ้นมาขายเลย เพราะวัตถุดิบก็ได้มาฟรีๆ เป็นตะกอนที่เขาจะไม่ต้องการแล้ว ผมจึงอยากให้ชาวบ้านที่ยากจนมีทางเลือกในการทำนาเพิ่มมากขึ้น เหมือนเป็นสิ่งที่ช่วยปลอบใจพวกเขาจากการทำนาที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมาหลายปี" แบเซะพูดถึงความตั้งใจอย่างแนวแน่

แม้ปุ๋ยตะกอนที่เกิดจากแนวความคิดของแบเซะจะช่วยเยียวยาความทุกข์ของพี่น้องชาวนาได้บ้าง แต่บาดแผลที่ฝังลึกมานานกว่า 20 ปีที่ไร้ซึ่งที่ผืนนาที่เคยเป็นแหล่งผลิตเงินตราก็ยังไม่เคยลบเลือนไปจากจิตใจ

"ถึงตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรจากใครแล้ว เหมือนจะปลงมากกว่า เพราะมันผ่านมาหลายปีไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเราเลย ถ้ารัฐเข้ามาช่วยเราหน่อย ทำประตูเปิด-ปิดน้ำให้สักนิด พวกเราก็อยู่ได้แล้ว" แบเซะพูดถึงความต้องการด้วยสายตาที่ไม่คาดหวังสิ่งใด

ท่ามกลางกระแสลมที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน พัดพาวัชพืชนานาชนิดให้เอนตัวไปตามแรงลม ทั้งที่ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นนาข้าวที่อุดมสมบูรณ์ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นนาร้างไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้

วันนี้ไฟใต้ยังคงพัดโหมกระหน่ำชาวบ้านอย่างหนัก หลายคนสูญเสียครอบครัว หลายคนต้องจากคนที่รัก แทนที่หน่วยงานรัฐจะเข้าไปช่วยเยียวยา แต่กลับซ้ำเติมสถานการณ์และสร้างเงื่อนไขทับซ้อนเข้าไปอีก

แล้วเมื่อไหร่ไฟใต้ถึงจะดับมอบลงได้ ?


หัวข้อ: ปํญหาภาคใต้ แนวทางป้องกันการก่อเหตุด้วยวัตถุระเบิด
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 22:22
แนวทางป้องกันการก่อเหตุด้วยวัตถุระเบิด
http://www.nia.go.th/FileRoom/CABFRM01/DRAWER01/GENERAL/DATA0008/00008097.PDF

สถานการณ์ในปัจจุบันมีเหตุลอบวางระเบิดและการขู่วางระเบิดตามสถานที่ราชการ และสถานที่ต่างๆ อันเป็นภัยและส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อขวัญ กำลังใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายต่อความสงบเรียบร้อย ภาพลักษณ์ของประเทศ เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะในด้านธุรกิจการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ เกี่ยวข้องและประชาชนทุกคน ต้องมีส่วนร่วมในการระวังป้องกัน เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ผู้อื่น เฉพาะอย่างยิ่งของส่วนราชการ
แนวทางป้องกันการก่อเหตุด้วยวัตถุระเบิด ตามหลักการแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. เชิงตั้งรับ หมายถึง การป้องกัน การเฝ้าระวัง รักษาสถานที่ โดยกำหนดรูปแบบมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ หรือการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่เรานั่นเอง เช่น
- การสร้างแนวกีดขวาง รั้ว กำแพง ประตู เหล็กดัด
- ระบบแสงสว่าง อุปกรณ์เสริมด้านรักษาความปลอกภัย เช่น กล้องวงจรปิด ประตูรหัส เข้า-ออก
- การกำหนดพื้นที่ควบคุม การควบคุมบุคคล เข้า-ออก ควบคุมยานพาหนะ เข้า-ออก
- การจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติบุคลก่อนเข้าทำงาน
- ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำกำลังป้องกันเป้าหมาย
- ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย การสังเกต การตรวจค้น
การแก้ปัญหาจากเหตุการณ์เบื้องต้น จัดทำแผนฉุกเฉิน แผนการเคลื่อนย้าย และการป้องกันในเชิงตั้งรับนั้น ถ้าสถานที่เป็นสถานที่ปิด จะไม่ประสพปัญหาในการวางมาตรการแต่ถ้าเป็นสถานที่เปิด เพื่อให้ประชาชนเข้ามาติดต่อหรือเข้ามาใช้บริการ เช่น ที่ว่าการอำเภอ โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด แหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ สถานีขนส่ง ก็จะเกิดปัญหาด้านกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีไม่เพียงพอ หากกำหนดมาตรการควบคุมเข้มงวดเกินไป ก็จะขัดต่อการอำนวยความสะดวกในการให้บริการ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจและขอความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอยู่ในสถานที่นั้นว่า การระวังป้องกันภัยมิใช่เป็นเพียงหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือตำรวจเพียงอย่างเดียว ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้น ทุกคนย่อมได้ผลกระทบเช่นกัน การทุ่มเทกำลังพลและงบประมาณจำนวนมากต่อการเฝ้าสถานที่เป็นการสิ้นเปลือง ดังนั้นการที่ทุกคนกระจายทำงานอยู่ในสถานที่นั้นๆ อยู่แล้ว จึงควรช่วยกันทำหน้าที่เฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา และสังเกต สิ่งผิดปกติรอบๆ ตัวเรา ถ้าพบเห็นสิ่งผิดปกติ ต้องแจ้งเ จ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้า
- 2 -
ตรวจสอบทันที และปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
2. เชิงรุก หมายถึง มาตรการในการต่อต้านต่างๆ ที่มุ่งกระทำโดยตรงต่อตัวผู้มุ่งร้าย
เป็นงานในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะ เช่น
- การหาข่าวและรวบรวมข่าวสารความเคลื่อนไหว เพื่อทำลายเครือข่ายของขบวนการ สืบสวน ติดตาม พิสูจน์ทราบ องค์กร กลุ่มบุคคล ตัวผู้ลอบ วางระเบิดแล้วเข้าทำการจับกุม
- การบังคับใช้ กฎหมาย ควบคุมการนำเข้าและการมีไว้ในครอบครองวัสดุ อุปกรณ์ ที่อาจนำมาดัดแปลงเป็นเครื่องมือในการลอบวางระเบิด
- ศึกษาวิเคราะห์ วิจัย กลวิธีในการลอบวางระเบิด และปรับปรุงมาตรการป้องกัน การลอบวางระเบิด
มาตรการต่อต้านในเชิงรุกนั้น ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องประสานกำลังหลายฝ่ายเข้าปฏิบัติตามแผนอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาและอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ คือ การเฝ้าระวังพื้นที่สาธารณะที่มีประชาชนเข้ามาใช้พื้นที่หนาแน่นและพื้นที่มีขนาดกว้างขวาง กำลังเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรและพื้นที่ ดังนั้น จึงต้องเสริมทั้งกำลังภาครัฐอื่นๆ และภาคประชาชนเข้ามาช่วยเฝ้าระวังร่วมกัน เช่น
- ประสานการปฏิบัติระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาชน อาสาสมัครป้องกันภัย มูลนิธิ สมาคม ตำรวจบ้าน กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน พนักงานรักษาความปลอกภัยเอกชน ฯลฯ คอยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส และตื่นตัวในการรักษาความปลอดภัย
- จัดอบรมให้มีความรู้ในด้านการสังเกต ตรวจสอบ แจ้งเตือน แก่เจ้าหน้าที่รัฐหรือเจ้าหน้าที่เอกชน ที่ต้องเข้าปฏิบัติหน้าที่ผ่านพื้นที่สาธารณะ เช่น พนักงานของการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่เทศกิจ พนักงานทำความสะอาดของกรุงเทพมหานคร กลุ่มรถรับจ้างสาธารณะ
- จัดทำข้อมูล เอกสารเผยแพร่ คำแนะนำ ให้ประชาชนเข้าใจถึงภัยของการลอบวางระเบิด พร้อมแนวทางปฏิบัติในการป้องกันภัย
- ประสานการใช้เครื่องมือเสริมด้านการรักษาความปลอดภัยกับภาคเอกชน เช่น การใช้กล้องวงจรปิด โดยกำหนดจุดตั้งกล้องของภาครัฐและเอกชนให้ครอบคลุมพื้นที่เฝ้าระวัง
- จัดทำแผนและเตรียมความพร้อมในการกู้ภัย การดับเพลิง การอพยพประชาชน เตรียมการรักษาพยาบาล การซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคที่จำเป็น
- การประชาสัมพันธ์และบำรุงขวัญ
- 3 -
การปฏิบัติเมื่อมีการขู่วางระเบิดทางโทรศัพท์
1. ผู้รับโทรศัพท์อย่าตื่นเต้นหวาดกลัวจนเกินเหตุ มีสติ ทำใจให้สงบ (จากสถิติการ
โทรศัพท์ขู่วางระเบิดจะเกิดระเบิดจริงเพียงร้อยละ 1-5 เท่านั้น)
2. รีบเตรียมอุปกรณ์บันทึกข่าวสาร
3. พยายามจับความให้ละเอียด ปล่อยให้ผู้โทรศัพท์ขู่พูดไปเรื่อย ๆ อย่าขัดจังหวะ
4. ในระหว่างการพูดสนทนา ให้พยายามซักถามรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด เช่น
- วางระเบิดไว้ที่ไหน
- จะระเบิดเวลาใด
- ทำไมต้องวางระเบิด
- วางระเบิดไว้เมื่อใด และวางไว้ด้วยวิธีอะไร
- วัตถุระเบิดซุกซ่อนไว้ในภาชนะใด
5. พยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้โทรศัพท์ขู่ให้มากที่สุด
- วัน เวลา ที่รับโทรศัพท์
- เพศ อายุประมาณ
- สภาพจิตใจระหว่างสนทนา
- สังเกตสำเนียง ภาษาที่ใช้ คำพูด
- เสียงต่าง ๆ ที่เข้ามาระหว่างสนทนา
- พยายามชวนพูดคุยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรวบรวมข้อมูลของการขู่
6. การติดตั้งโทรศัพท์ชนิดแสดงหมายเลขโทรเข้า
7. ถ้าเป็นไปได้ ให้พ่วงเครื่องโทรศัพท์เครื่องอื่น เพื่อให้มีผู้ร่วมฟังด้วย หรือเปิดเครื่อง
บันทึกเสียง ถ้ามีเตรียมไว้
8. ให้แจ้งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
- 4 -
แนวปฏิบัติเมื่อพบวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นวัตถุระเบิด
หากพบวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นวัตถุระเบิด ให้ปฏิบัติดังนี้
1. อย่าแตะต้อง และห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปใกล้วัตถุต้องสงสัย
2. กั้นบริเวณที่วัตถุต้องสงสัยนั้นไว้
3. นำยางนอกรถยนต์มาวางครอบวัตถุต้องสงสัย โดยวางซ้อน 3-4 ชั้น
4. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด และคอยพบเพื่อชี้แจงรายละเอียด
ในกรณีที่พบว่า เป็นอุปกรณ์ก่อวินาศกรรมแน่ชัดแล้ว ถ้าเป็นการก่อวินาศกรรมด้วยไฟ ผู้
พบเห็นควรจัดการแก้ไข เพื่อไม่ให้มีสิ่งที่เสริมการลุกไหม้ ถ้าเป็นวัตถุระเบิด ผู้พบต้องดำเนินการด้วยความเยือกเย็น มีสติ ไม่ตื่นเต้น เพื่อรอให้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ และมีประสบการณ์มาดำเนินการต่อ และ วิธีที่ดีที่สุด คือ พยายามหาหนทางให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินให้มากที่สุด โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
1. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
2. ออกจากพื้นที่ที่วัตถุต้องสงสัยตั้งอยู่ ให้ถือว่าพื้นที่นั้นเป็นเขตอันตรายโดยเร็ว และ
พยายามร่วมมือกับบุคคลอื่นๆ กันมิให้มีผู้อื่นเข้าไปในเขตอันตราย ระยะปลอดภัยประมาณ 100 เมตรขึ้นไป
3. ปิดไฟฟ้า ท่อแก๊ส ท่อเชื้อเพลิง ที่เข้าไปสู่เขตอันตราย
4. ถ้ามีกระสอบทราย ให้วางไว้โดยรอบ และให้สูงเกิน 1 เท่าของความสูงของระเบิด แต่
อย่าใช้กระสอบทรายทับระเบิด เพราะจะทำให้แรงระเบิดสูงขึ้น ถ้ามีการระเบิดหรือมีเครื่อง ช่วยลดแรงระเบิดอื่นๆ เช่น ยางรถยนต์ ให้นำไปครอบไว้ 3-4 ชั้น
5. ถ้ามีเวลาเพียงพอ อาจเคลื่อนย้ายวัสดุติดไฟและวัตถุเล็กๆ อื่น ออกจากบริเวณใกล้เคียง
แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงเชือก ลวด หรือสิ่งอื่นใดที่มีลักษณะโยงไปสู่วัตถุระเบิด หากพบลักษณะเช่นนี้ อย่าดึงหรือแตะต้องเด็ดขาด
6. อย่าแตะต้องหรือกู้ระเบิดเป็นอันขาด ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญด้านวัตถุระเบิดมากู้
ให้เท่านั้น
- 5 -
การปฏิบัติเมื่อมีผู้ส่งจดหมายหรือกล่องพัสดุที่น่าสงสัย
1. ตรวจสอบความถูกต้องของการจ่าหน้าซอง สังเกตและพิจารณาชื่อผู้รับและผู้ส่งมีความถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ลายมือหรือตัวพิมพ์เป็นตัวหนังสือที่คุ้นเคยหรือไม่ รวมทั้งโอกาส
และเหตุผลในการส่งสิ่งของมาให้
2. สังเกตน้ำหนักและความสมดุลของน้ำหนัก หากมีความหนักมากเกินสมควรหรือมีความหนักที่ด้านใดด้านหนึ่ง ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน
3. สังเกตรอยเปื้อนหรือรอยด่างคล้ายคราบน้ำมัน และอาจมีกลิ่น
4. ใช้ความรู้สึกสัมผัส เพราะจดหมายปกติจะเป็นแผ่นกระดาษพับ หากพบเป็นแผ่นแข็ง หรือมีความหยุ่นมือ หรือพบเส้นลวดเล็กบางที่ซ่อนพรางไว้เอา หรือมีรูเล็กที่เจาะไว้ ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า อาจเป็นวัตถุระเบิด
5. ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นวัตถุระเบิด ให้ดำเนินการดังนี้
5.1 แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
5.2 นำสิ่งต้องสงสัยไปวางในที่โล่งแจ้ง และให้ห่างจากตัวอาคารให้มากที่สุด
5.3 อย่าดัด งอ เปิด เขย่า หรือกระแทกสิ่งต้องสงสัย รวมทั้งอย่าตัดเชือกที่ผูกอยู่ และอย่านำไปล้างหรือแช่น้ำ หรือเก็บในตู้เก็บเอกสารเด็ดขาด
5.4 กันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของ
เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญด้านวัตถุระเบิด
6. ข้อพิจารณา
6.1 อย่ารับสิ่งของจากบุคคลแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก รวมทั้งสิ่งของที่ไม่ได้สั่ง หรือผู้ที่นำ
มาส่งแบบผิดปกติ
6.2 อย่าให้คนนำส่งของเข้ามาในบ้าน ถ้าทำได้ให้จดชื่อและที่อยู่ของผู้นำส่งไว้ด้วย
6.4 ไม่ควรรับฝากสิ่งของไว้ให้บุคคลอื่น ควรแนะนำผู้นำส่งให้ส่งกับผู้ที่ระบุชื่อบนจดหมายหรือพัสดุโดยตรง
6.5 หากต้องรับฝาก ให้บันทึก วัน เวลา ชื่อผู้รับ – ผู้ส่งให้ครบถ้วน
บันทึกข้อมูลขู่วางระเบิด
1.วัน เดือน ปี ที่รับโทรศัพท์........................... จำนวนครั้ง.....................................
2. เพศของผู้โทร ( ) หญิง ( ) ชาย
3. อายุประมาณ.............................................. เบอร์ที่โทรเข้ามา.....................................
4. ได้รับโทรศัพท์เมื่อเวลา..................................... ระยะเวลาในการโทร...............................
5. สิ่งที่ต้องถาม
1. ระเบิดจะระเบิดเมื่อไร...................................... 6. คุณรู้ไหมว่าระเบิดอยู่ตรงไหน...................................
2. ตอนนี้ระเบิดอยู่ที่ไหน.................................... 7. ทำไมถึงเอามาวาง......................................................
3. ระเบิดรูปร่างคล้ายอะไร.................................. 8. คุณอยู่ที่ไหน..............................................................
4. เป็นระเบิดชนิดไหน....................................... 9. คุณชื่ออะไร................................................................
5. อะไรที่เป็นสาเหตุให้เกิดการระเบิด..........................................................................................................
6. บันทึกการขู่วางระเบิด (พูดว่าอย่างไร...........................................................
1................................................................................................................................................................
2................................................................................................................................................................
7. น้ำเสียงของผู้โทรเข้ามา (กาเครื่องหมาย / )
( ) สงบนิ่ง ( ) เน้นเสียง ( ) นุ่ม ( ) ตื่นเต้น ( ) หัวเราะ ( ) ดัดเสียง
( ) เร็ว ( ) ธรรมดา ( ) โกรธ ( ) เสียงดัง ( ) ช้า ( ) ร้องไห้
( ) เสียงลึก ( ) แตกต่าง ( ) ขาดหาย ( ) หายใจลึก ( ) ปิดบัง ( ) กระซิบ
( ) คล่อง ( ) คล้าย (ถ้าเสียงคล้าย, คล้ายใคร)
8. เสียงแบคกราวด์ (กาเครื่องหมาย / )
( ) บนท้องถนน ( ) เครื่องจักรในโรงงาน ( ) วุ่นวาย ( ) เสียงสัตว์
( ) เงียบ ( ) เครื่องเสียง ( ) เสียงเพลง ( ) เสียงในบ้าน
( ) เสียงอยู่ไกล ( ) ภายใน ( ) เสียงมอเตอร์ ( ) เครื่องจักรสำนักงาน
( ) อื่น ๆ (ระบุ) .........................................................................................................................................
9. ภาษาที่ใช้ในการขู่วางระเบิด (กาเครื่องหมาย / )
( ) พูดเร็ว (มีการศึกษา) ( ) อักขระ ( ) เสียงจากเทป ( ) อ่านข้อความที่เตรียมมา
10. การออกสำเนียง (กาเครื่องหมาย / )
( ) ภาคเหนือ ( ) ภาคอิสาน ( ) ภาคใต้ ( ) ไม่ชัดเจนแบบจีน ( ) ไม่ชัดเจนแบบฝรั่ง
( ) ไม่ชัดเจนแบบ ..........................................................................................
11. สภาพอารมณ์ ( ) ปกติ ( ) ไม่ปกติ
12. ข้อพิจารณา (อื่น ๆ)....................................................................................................................................
ชื่อผู้บันทึก..............................................ตำแหน่ง.......................................เบอร์โทร..................................
วัน เดือน ปี ที่บันทึก ................../............................/............................


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 22:42


ขณะนี้ปัญหาที่พบส่วนใหญ่เป็นการซุ่มยิงและลอบวางเพลิง

แนวทางที่ใช้ต่อต้านการซุ่มยิงทุกชนิด ต้องมีการจัดทำเพื่อให้แต่ละหมู่บ้านฝึกฝน
เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วย สามารถกวาดล้างผู้ซุ่มยิงได้มากขึ้น

นอกจากนั้นก็พบว่าเข้าไป ยิงตามงานต่างๆ หรือใกล้แคหะสถานก็มี

ดังนั้นแต่ละหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยง ต้องสำรวจและจัดการชัยภูมิของหมู่บ้านของตนให้สะดวกในการป้องกัน


การเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิด มอบตัว เป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง การกดดันกวาดจับเป็น

ตามที่กระทำอยู่ คือแนวทางลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้มาก

การให้ชาวบ้านในหมู่บ้านร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ป้องกันหมู่บ้านตนเอง คือแนวทางที่ถูกต้องแล้วครับ


ขอยกย่องและให้กำลังใจผู้เกี่ยวข้องในการป้องกันและลดความรุนแรงโดยไม่มีความเดียดฉันท์ในความแตกต่างอยู่บ้าง ทุกท่าน


หัวข้อ: จับไม้พะยูงเถื่อนล็อตใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-03-2008, 00:09


ชื่อเรื่อง   จับไม้พะยูงเถื่อนล็อตใหญ่  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น กระบวนการยุติธรรม
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01jud03100351&day=2008-03-10§ionid=0117
 เนื้อหา  เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 แถลงข่าวการจับกุมไม้พะยูงเถื่อนล็อตใหญ่จำนวน 3 ตู้คอนเทนเนอร์ รวม 600 ท่อน มูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายสืบสวนและปราบปรามศุลกากรภาคที่ 4 ร่วมกับด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ จับกุมได้ขณะเตรียมลำเลียงส่งเข้าไปยังประเทศมาเลเซียผ่านด่านพรมแดนปาดังเบซาร์เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เอกสารแสดงชนิดสินค้าเป็นไม้ยางพารา และนำปีกไม้ยางพาราปิดไว้ด้านนอกเพื่อตบตา แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบว่าภายในตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 3 ตู้ซุกซ่อนไม้พะยูงเอาไว้ จากการสอบสวนทราบว่า ไม้พะยูงทั้งหมดถูกลำเลียงมาจาก จ.สตูล เพื่อส่งต่อเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงยึดไม้พะยูงทั้งหมดไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินการตามกฎหมายศุลกากรต่อไป
 วันที่เผยแพร่  10 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  10 มี.ค. 2551


หัวข้อ: เหยื่อบึ้มปัตตานี! ดับเพิ่มเป็น 2 ราย
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-03-2008, 00:40


เผยเหยื่อ “คาร์บอมบ์” ยะลา ที่แท้น้องชายผู้ต้องหาป่วนใต้ หวังป่วนเมืองแต่ระเบิดใส่ตัวเองดับก่อน
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2551 20:56 น.
 
 
   ยะลา - ตำรวจยะลาสอบเหตุคาร์บอมบ์กลางเมือง ระบุคนร้ายเป็นน้องชายของผู้ต้องหาคดีก่อเหตุความไม่สงบ ซุกระเบิดในรถยนต์เก๋ง หวังก่อกวนช่วงซ้อมรับปริญญา แต่กลับระเบิดก่อนจนตัวเองดับคาที่
       
       ความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.56 น. พ.ต.ท.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผกก.สภ.ยะลา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุแม่ก่อเหนี่ยวยะลา ว่ามีเหตุระเบิดขึ้นบนถนนสุขยางค์ บริเวณหน้าโรงเรียนนิบงชุนูปถัมภ์ ภายในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งอยู่ห่างจาก ที่ทำการสำนักงานเทศบาลนครยะลา เพียง 50 เมตร หลังได้รับแจ้งจึงรุดไปยังจุดที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.สายัญ กระแสแสน ผบก.ภ.จว.ยะลา ชุดเก็บกู้ และ ตัดสัญญาณ (ชุดศรศึก – ศรชัย) เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเขต 45 ยะลา และ กำลังตำรวจ ทหาร ฉก.ยะลา และ ฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
       
       ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกรัศมีของระเบิด บริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบซากรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีคาร์ สีเขียว แผ่นป้ายทะเบียน กข2065 ปัตตานี กระจายเต็มพื้นถนน เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่สามารถใช้งานได้ ห่างกันประมาณ 30 เมตร พบศพ นายซาลาฮูดิน ปูลา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ที่ 6 ต.บ้านแหร่ อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งเป็นลูกของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.บ้านแหร่ และยังเป็นน้องชายของนายอับดุลเลาะ ปูลา มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียงสภาพศพแหลกละเอียด น่าสยดสยอง ชิ้นส่วนร่างกายขาดหาย แขนขาด ไส้ทะลัก
       
       จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายไม่ทราบกลุ่มนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง กดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล น้ำหนักไม่ตำกว่า 15 กิโลกรัม ซุกไว้ในรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว เพื่อเตรียมไปใช้ก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา โดยมีนายซาลาฮูดิน ปูลา เป็นคนขับรถยนต์ เพื่อก่อเหตุร้าย เมื่อขับรถยนต์มาถึงที่เกิดเหตุรถยนต์ก็ได้ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนเศษชิ้นส่วนรถยนต์ปลิวกระจายเต็มพื้นถนน ไฟลุกท่วมตัวรถ และทำให้นายซาลาฮูดิน ปูลา เสียชีวิตดังกล่าว
       
       ส่วนรถยนต์ที่คนร้ายนำมาซุกระเบิดนั้นเดิมเป็นรถยนต์ของนางหัทยา แตมามุ ปลัดฝ่ายทะเบียน อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้ขายให้กับเต้นรถยนต์มือสอง ของนายยูโซะ ลาเต๊ะ อายุ 45 ปี เลขที่ 154/9 ถนนยะรัง ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี และ นายยูโซะ ได้ขายรถยนต์เก๋งคันที่เกิดเหตุให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา และจนมาพบเป็นรถยนต์ซุกระเบิด(คาร์บอมบ์)ดังกล่าว
       
       เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายนำคาร์บอมบ์เตรียมก่อเหตุในเทศบาลนครยะลา เนื่องจากในวันนี้มีประชาชนนอกพื้นที่จังหวัดยะลามาร่วมงานซ้อมใหญ่การรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาเป็นจำนวนมาก แต่รถยนต์กลับระเบิดขึ้นเสียก่อน ไม่ทันที่จะสร้างความเสียแก่ประชาชนในพื้นที่ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเต้นรถยนต์ของนายยูโซะว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้หรือไม่อย่างไร

 
 
"""""""""""""""""""""""""""
 
 
 
เหยื่อบึ้มปัตตานี! ดับเพิ่มเป็น 2 ราย  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2551 22:25 น.
 
 
       ปัตตานี – เหตุระเบิดด้านข้างโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตรวมเป็น 2 รายแล้ว และทราบชื่อผู้บาดเจ็บทั้งหมดซึ่งแพทย์ได้ตรวจสอบอาการและรักษาแล้ว
       
       ผู้สื่อข่าวจาก จ.ปัตตานี รายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณด้านหน้าของ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดย 1 ใน 2 เป็นยามรักษาความปลอดภัยของโรงแรม และมีผู้บาดเจ็บหลายราย
       
       โดยระเบิดลูกแรก เกิดขึ้นที่บริเวณห้องน้ำห้องบุหงา ต่อมาได้เกิดระเบิดที่บริเวณใต้ท้องรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิที่จอดอยู่ใกล้บันไดทางขึ้นด้านหน้าของโรงแรม แรงระเบิดทำให้พนักงานของโรงแรม แขกที่มาพัก ซึ่งนั่งคุยและกินชาชักอยู่ ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งกระจกอาคารของโรงแรมและรถยนต์ที่จอดได้รับความเสียหายหลายคัน
       
       สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บทั้งหมด ประกอบด้วย
       1.นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล เจ้าของโรงแรม และ ส.ว.สรรหา บาดเจ็บที่ศีรษะ
       2.นายปาเรซ โลหะสัณฑ์ ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ และไทยพีบีเอสปัตตานี บาดเจ็บที่ศรีษะ
       3.นายอับดุลเลาะ สาและ
       4.ส.ต.ท.อหะมัด มะเซ็ง สาหัสเข้าห้องผ่าตัด
       5.นายอำนาจ สาและ ส่งโรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่
       6.นางจิรา ประทาย
       7.นายวีรยุทธิ์ แวสุหลง
       8.นางจิตลออ เด่นอุดม
       9.ดช.สาละ เทียรปรีชา
       10.ดญ.รสา เทียรปรีชา
       11.นายชาย ขาวทอง
       12.นายเปรมมนัส เทียรปรีชา
       13.นายอับดุลรอซะ ลาเตะ กลับบ้านได้

 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-03-2008, 01:03
ใจเย็นๆ ครับ สส.ภาคใต้ ยังไม่ได้รับรายงานครับ

 :slime_worship: :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-03-2008, 09:22


ตำรวจปัตตานีโชว์ผลงานยึดระเบิดพร้อมเครื่องกระสุนล็อตใหญ่      
วันพุธที่ 12 มีนาคม 2008 21:38น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศรา

 ตำรวจปัตตานีโชว์ผลงานยึดระเบิดและเครื่องกระสุนเพียบ หลังพบรถต้องสงสัยวิ่งเข้าออกผิดปกติ คาดขนยุทโธปกรณ์ทางเรือส่งให้แนวร่วมก่อเหตุป่วน

 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 พ.ต.ท.ธวัชชัย สังฆมิตกุล รอง ผกก.สภ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี ได้สนธิกำลังกับฝ่ายทหาร เข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยว่าจะมีการซุกซ่อนวัตถุระเบิดและกระสุนหลายรายการ ที่บริเวณนากุ้งริมทะเล ท้องที่หมู่ 3 ตำบลบาราโหม อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี


ผลการตรวจค้น พบอุปกรณ์ทำระเบิดและวัตถุระเบิดจำนวนมากซ่อนอยู่ในถุงพลาสติก ได้แก่ ระเบิดเครโม จำนวน 2 แท่ง เชื้อปะทุ 12 อัน เครื่องกระสุนปืนอาก้า 134 นัด ดินระเบิดซีโฟร์ 1 แท่ง ดินระเบิดไดนาไมค์ 1 แท่ง ตะปูเรือใบ 5 กิโลกรัม และระเบิดแบบขว้าง เอ็ม 26 จำนวน 2 ลูก

 "การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากฝ่ายทหารว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีรถต้องสงสัยวิ่งเข้าออกผิดปกติในบริเวณดังกล่าว จึงนำกำลังไปตรวจสอบ คาดว่าคนร้ายนำยุทโธปกรณ์ทั้งหมดเข้ามาทางเรือ และนำมาซุกซ่อนเพื่อส่งต่อให้กับคนร้ายอีกกลุ่มเพื่อนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้" ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ระบุ

 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Familie ที่ 16-03-2008, 16:57
มาให้กำลังใจ และขอชื่นชมในความมุ่งมั่นครับ
ผมอ่านไม่หมดหรอกครับ ตาลาย
แต่ขอชมจากใจจริง


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 16-03-2008, 19:05
ใจเย็นๆ ครับ สส.ภาคใต้ ยังไม่ได้รับรายงานครับ

 :slime_worship: :slime_worship:

ปัตตานีเป็นบ้านของ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา  ค่ะลุงแคน เผลอ ๆ อาจจะพบเพชรสีฟ้าที่ปัตตานีก็ได้


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 16-03-2008, 21:12
บึ้ม ‘ซีเอส’ ปัตตานี ทำลายพื้นที่ปลอดภัย เขย่าแนวทาง ‘สันติภาพ’ 
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=225

สกู๊ป/รายงานพิเศษ | 2551-03-16 14:53:56
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้
www.deepsouthwatch.org
แม้การลอบวางระเบิดโรงแรม สถานบริการ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จะเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่สำหรับเหตุการณ์คาร์บอมบ์โรงแรมซีเอสปัตตานี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 มีนาคม กล่าวได้ว่า นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ ที่สะเทือนความรู้สึกของผู้ที่ใกล้ชิด และเกี่ยวข้องกับปัญหาการก่อความไม่สงบชายแดนภาคใต้

ก่อนหน้านั้นช่วงบ่ายวันเดียวกันเกิดเหตุคาร์บอมขึ้นกลางเมืองยะลา โดยรถยนต์ที่มีวัตถุระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ภายในถังดับเพลิงรวม 3 ลูกๆ ละ 15 กิโลกรัม ซึ่งคนร้ายกำลังขับอยู่นั้นเกิดระเบิดขึ้นกลางถนนบริเวณด้านหน้าโรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ เขตเทศบาลเมืองยะลา ทำให้นายสาลาฮูดิน   ปูลา  อายุ 20 ปี  แนวร่วมก่อความไม่สงบซึ่งเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น

และช่วงค่ำวันเดียวกันนั้นเองก็เกิดเหตุขึ้นที่โรงแรมซีเอสปัตตานี

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองพื้นที่ ซึ่งมีการใช้รถยนต์บรรทุกวัตถุระเบิดจำนวนมากเช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่านี่คือการวางแผนก่อเหตุมาแล้วล่วงหน้า

กรณีซึ่งเกิดขึ้นที่จ.ยะลา พล.ต.วรรณทิพย์ ว่องไว ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจยะลา(ผบ.ฉก.ยะลา) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเชื่อมโยงกับการก่อเหตุที่โรงแรมซีเอส ที่ จ.ปัตตานี เพราะมีลักษณะของการวางระเบิดคล้ายคลึงกัน นายสาลาฮูดิน เป็นสมาชิกของกลุ่มอาร์เคเค และมีประวัติเคยถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่เมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอสำหรับการดำเนินคดี เมื่อถูกปล่อยตัวก็กลับมาก่อเหตุดังกล่าว  โดยเป้าหมายหลักของการก่อเหตุวิเคราะห์ได้หลายด้าน ซึ่งนอกจากจะมุ่งก่อการในพื้นที่ที่มีประชาชนจำนวนมากแล้ว
อาจหวังสร้างผลงานขยายผลไปสู่การเรียกร้องบางอย่างต่อต่างประเทศ

"ทราบว่าขณะนี้กำลังมีการประชุมตัวแทนประเทศมุสลิมในที่ประชุมองค์กรโอไอซีในตะวันออกกลางนอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นที่เชื่อมโยงกับวันสำคัญของกลุ่มขบวนการโดยเฉพาะวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันก่อตั้งขบวนการบีอาร์เอ็นอีกด้วย"

พ.อ.ชินวัตน์ แม้นเดช รอง ผบ.ฉก.ยะลา กล่าวเสริมว่า การก่อเหตุทั้งที่ปัตตานีและที่ยะลาในลักษณะของการซุกซ่อนภายในรถยนต์ เป็นพัฒนาการด้านยุทธวิธีของฝ่ายตรงกันข้าม เพราะที่ผ่านมาการวางระเบิดในรูปแบบต่างๆ ถูกเจ้าหน้าที่จับทางได้หมดแล้ว แต่สำคัญกว่านั้นการก่อเหตุครั้งนี้ต้องการสะท้อนให้สาธารณะเห็นว่าพวกเขายังมีศักยภาพในการก่อเหตุอยู่
ในขณะเดียวกันก็ต้องการสื่อสารกับส่วนต่างๆ หรือเซลล์ภายในขบวนการเองด้วย

"ธรรมชาติของกองกำลังในสงครามกองโจรจะต้องเป็นผู้ริเริ่มกระทำก่อน และที่สำคัญจะต้องกระตุ้นให้เซลล์ต่างๆ ของพวกเขาเห็นว่าพวกเขายังต่อสู้อยู่ถ้าไม่มีการกระตุ้นอย่างนี้ อุดมการณ์การต่อสู้จะฝ่อ เซลล์ต่างๆ จะถดถอย ในแง่หนึ่งการก่อเหตุในลักษณะช็อคอย่างนี้ก็เป็นการจัดตั้งของพวกเขาอย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างกับระบบข้าราชการที่มีโครงสร้างชัดเจน"

พ.อ.ชินวัตน์ วิเคราะห์ว่า สำหรับการก่อเหตุใน จ.ยะลา นั้น เชื่อว่าเป้าหมายในการวางระเบิดน่าจะอยู่ที่ ม.ราชภัฎยะลา ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปทำงานความคิดกับนักศึกษาหนักขึ้น การวางระเบิดภายในสถาบันซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คือปฏิกิริยาตอบโต้มาตรการของฝ่ายรัฐ 

ส่วนกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่า คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็ก ซุกซ่อนไว้ที่โถฉี่ห้องน้ำชายด้านล่าง และเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. แต่ทางโรงแรมไม่ต้องการให้ผู้มาใช้บริการแตกตื่นหวาดกลัว จึงปิดข่าวเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบระเบิดอีกลูกหนึ่งอยู่ภายในห้องส้วม ภายในห้องน้ำชายเช่นเดียวกัน คาดว่าเป็นระเบิดลูกที่สอง เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปตรวจสอบ แต่ระเบิดไม่ทำงาน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. จึงเกิดระเบิดขึ้นที่ด้านหน้าโรงแรม โดยคนร้ายซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิง 2 ลูกๆ ละ 15 กิโลกรัมไว้ในรถยนต์ และจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ

ข้อมูลการก่อเหตุของคนร้ายตามที่ผบ.ฉก.ปัตตานีระบุมา อาจวิเคราะห์ได้ว่า ระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องน้ำหวังผลให้เกิดความแตกตื่น เมื่อผู้มาใช้บริการวิ่งหนีออกมาด้านนอกโรงแรม ระเบิดในรถยนต์ดังกล่าวจะสร้างความสูญเสียอย่างมหาศาล ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ถือเป็นโชคดีที่ทางโรงแรมพยายามปิดข่าวเพื่อป้องกันความแตกตื่น

ปัญญศักดิ์ โสภณวสุ นักวิชาการโครงการความมั่นคงศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) กล่าวว่า การก่อเหตุเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2550 ช่วงเทศกาลตรุษจีน มีการก่อเหตุขึ้นพร้อมกันหลายจุดในพื้นที่จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส  โดยที่อ.สุไหงโก-ลกจ.นราธิวาสคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนไว้ในโซฟา ภายในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง เมื่อเกิดระเบิดขึ้นลูกค้าที่มาใช้บริการพากันแตกตื่นวิ่งหนีออกมาภายนอก คนร้ายจึงจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย

เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่โรงแรมซีเอสจ.ปัตตานีและที่จ.ยะลา แม้รูปแบบการก่อเหตุจะมีความคล้ายกัน แต่การวิเคราะห์ถึงสาเหตุเป้าหมายการก่อเหตุของผู้รับผิดชอบพื้นที่ทั้งสองกลับแตกต่างกัน ผบ.ฉก.ยะลาระบุเป้าหมายการก่อเหตุว่าเป็นการก่อการร้าย 100 % แต่สำหรับผบ.ฉก.ปัตตานี กลับให้น้ำหนักในประเด็นนี้แค่ 40 %

"ผมคิดว่าสาเหตุหลักน่าจะเป็นเรื่องการเมือง ขณะนี้กำลังจะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีการนัดหมายหารือกลุ่มต่างๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจำนวนมาก คาดว่าเป้าหมายอาจเป็นการหวังผลในประเด็นทางการเมืองมากกว่า"

ประเด็นเป้าหมายการก่อเหตุซึ่งผบ.ฉก.ปัตตานี พุ่งเป้าไปยังประเด็นทางการเมือง สำหรับปัญญศักดิ์ เขากลับไม่เห็นด้วย เนื่องจากแน่ชัดว่ารูปแบบของการก่อเหตุครั้งนี้มีลักษณะที่น่าจะเชื่อได้ว่า หวังผลความสูญเสียจำนวนมาก ที่สำคัญนี่คือการ Shock ความรู้สึก เป็นการก่อความรุนแรงในเชิงคุณภาพ หลังจากที่ฝ่ายทางการพยายามตอกย้ำอยู่เสมอว่าจำนวนเหตุการณ์ ความถี่ในการก่อเหตุลดลง

"พื้นที่โรงแรมซีเอสเป็นพื้นที่ซึ่งทุกฝ่ายใช้เป็นที่จัดประชุม จัดกิจกรรม ทั้งฝ่ายรัฐ ภาคเอกชน เอ็นจีโอ รวมทั้งสื่อมวลชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป เป็นเรื่องของกระบวนการวิธีคิดของผู้ก่อเหตุ ที่จะต้องตามให้ทัน กรณีซีเอสถือเป็นการสร้างผลสะเทือนขนาดหนักต่อความรู้สึกของทุกฝ่าย"

พื้นที่ปลอดภัยและการสร้างผลสะเทือนทางความรู้สึกของทุกฝ่าย ที่ปัญญศักดิ์กล่าวถึง คงต้องย้อนอดีตช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ไม่เคยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งนี้เลย เรียกได้ว่านี่คือพื้นที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ไม่แปลกหากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นเวทีประชุม สัมมนา และเวทีวิชาการทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ตลอดจนฝ่ายต่างๆ ซึ่งลงมาทำงานในพื้นที่จะเลือกเป็นที่พัก ไม่เพียงเท่านั้นโรงแรมแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งสำนักงานภาคสนามขององค์ระหว่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม องค์กรทุนสนับสนุนการวิจัยนานาชาติ อีกทั้งที่พักของสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศที่ลงมาในพื้นที่

โรงแรมซีเอสปัตตานี จึงเป็นพื้นที่ หรือเวทีการแห่งการขับเคลื่อนทางความคิดของทุกฝ่าย และทุกระดับ

ดังนั้นการก่อเหตุที่เกิดขึ้นถึงแม้จะยังไม่มีข้อมูลใดระบุได้อย่างชัดเจนว่า เป็นการพุ่งเป้าหมายไปเพื่อปิดกั้นโอกาส การทำงานของภาคส่วนต่างๆ ในการร่วมกันสร้างสันติสุข และหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี  แต่ในแง่ของความรู้สึกเมื่อสูญเสียพื้นที่ปลอดภัยเช่นนี้ไปแล้ว อาจปิดกั้นโอกาสที่ภาคส่วนต่างๆ จะลงมาทำงานขับเคลื่อนการสร้างสันติสุขในพื้นที่

และหากมองถึงการเป็นสถานที่พักของสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศที่ลงมาในพื้นที่ ประเด็นการก่อเหตุเพื่อยกระดับความรุนแรงขยายปัญหาให้เป็นที่รับรู้ของสังคมโลก ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ความรุนแรงครั้งนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าส่งผลสะเทือนอย่างสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และมองกันแค่ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น

วรวิทย์ บารู อดีตผู้อำนวยการสถาบันสมุทรรัฐ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และสว.ปัตตานี เป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งแสดงความห่วงใยในประเด็นนี้ เขาบอกว่า สถานที่แห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมของคนหลายกลุ่ม ถือเป็นที่ปลอดภัยสำหรับทุกฝ่าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ของทุกฝ่ายซึ่งลงมาทำงานที่นี่ ทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และเอ็นจีโอ เพราะจิตใจของคนเหล่านี้มาด้วยความเป็นกลาง เพื่อความเป็นธรรม การแสวงหาข้อเท็จจริงไม่ใช่จะไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

"ผมว่าเราคงต้องจับทิศทางให้ถูกในการที่จะลดความรุนแรง ผมยืนยันว่าวันนี้ต้องให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ วันนี้ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับความรุนแรงเราคงอยู่ไม่ได้ แต่ความใฝ่ฝันถึงสันติสุขยังมีมากกว่า ซึ่งรัฐจะต้องเพิ่มมาตรการเพื่อความปลอดภัย รักษาโอกาสในการทำงานเพื่อสันติสุขเหล่านี้ไว้"

ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งไม่ควรมองข้ามนั่นคือห้วงเวลาการก่อเหตุครั้งนี้ มีนัยผุกโยงกับประวัติศาสตร์การต่อสู้ของขบวนการก่อความไม่สงบเมื่อครั้งอดีต นั่นคือ

วันที่ 10 มีนาคม คือวันลงนามในสนธิสัญญาปักปันเขตแดนปัตตานี ไทย-อังกฤษ เมื่อพุทธศักราช  2452 ซึ่งหากนับถึงขณะนี้รวมเวลาได้ 99 ปี ขณะที่วันที่ 13 มีนาคม คือวันสถาปนาขบวนการบีอาร์เอ็น

ในประเด็นนี้วรวิทย์กล่าวว่า หากมองเช่นนี้ก็ถือว่าขบวนการก่อความไม่สงบจงใจแสดงศักยภาพ กรณีที่มีการแจ้งเตือนความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 10 และ 13 มีนาคม และมีสื่อมวลชนนำเสนอประเด็นนี้ไปก่อนหน้านี้  นี่คือความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง การปรามกลายเป็นการท้าทาย และสิ่งที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่า ขบวนการก่อความไม่สงบยังสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่

ปัญญศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ กำลังเข้าสู่ ‘ศักราชใหม่แห่งความรุนแรง' หลังเหตุการณ์วางระเบิด ซุ่มโจมตีทหารเสียชีวิต 8 นาย และตัดศีรษะหนึ่งในนั้นไปด้วย พร้อมทั้งชิงอาวุธปืนกลประจำรถ ที่บ้านลือเปาะ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความรุนแรง ซึ่งการก่อเหตุจะไม่เน้นจำนวนเหตุการณ์ ไม่เน้นจำนวนการสูญเสีย แต่มุ่งเน้นการก่อเหตุซึ่งแม้จะใช้รูปแบบวิธีการเดิมๆ แต่จะพัฒนาวิธีการความรุนแรงให้ส่งผลสะเทือนต่อความรู้สึก เช่นกรณีวางระเบิด ซุ่มโจมตีแล้วตัดศีรษะซ้ำ พร้อมทั้งนำศีรษะไปวางไว้บนรถฮัมวี่ และถัดมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็มีการก่อเหตุพร้อมกันหลายจุดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

ปัญญศักดิ์มองว่า ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีนัยต่อการแสดงศักยภาพของขบวนการก่อความไม่สงบ เพราะพื้นที่ความรุนแรงในช่วงดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ดุซงญอ  รวมทั้งต.จ๊ะก๊วะ ต.วังพญา อ.รามัน เป็นพื้นที่ซึ่งฝ่ายทหารดำเนินยุทธการปิดล้อม ตรวจค้น และจับกุมแกนนำในพื้นที่ไปแล้วเป็นจำนวนมาก และสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่เหล่านี้เงียบหายไปนาน

เขาตีความว่านี่คือการทุ่มกำลังเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแสดงให้มวลชนเห็นว่ายังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐ ืโดยเฉพาะทหาร ไร้ความสามารถแม้แต่จะคุ้มครองตนเอง

สอดคล้องกับข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งเปิดเผยว่า หลังการใช้มาตรการทางทหารเพื่อกดดันขบวนการก่อความไม่สงบอย่างหนัก ทั้งการตรวจค้น จับกุม เชิญตัวมาสอบสวน ก็มีความขัดแย้งขึ้นในขบวนการก่อความไม่สงบ

"ฝ่ายการเมืองมาต่อว่าฝ่ายกองกำลังว่าไม่เข้มแข็ง ทำให้ฝ่ายการเมืองถูกจับกุม ขณะที่ฝ่ายกองกำลังก็ถูกลิดรอน ถูกควบคุมโดยการสกัดกั้นการก่อเหตุ   ช่วงไม่นานมานี้ มีทั้งใบปลิวหลายพื้นที่ หรือข่าวลือซึ่งพูดต่อๆ กันมาว่า จะมีการสูญเสียครั้งใหญ่"

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายต่างๆ เพ่งเล็งมากในขณะนี้คือการก่อเหตุโดยใช้คาร์บอมบ์ โดยเลือกเป้าหมายซึ่งเป็นฐานที่มั่นกองกำลังของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมถนน

ประเด็นดังกล่าวมิใช่ข้อมูลซึ่งหลุดออกสู่การรับรู้ต่อสาธารณะหลังเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวซึ่งทำงานในพื้นที่ยืนยันว่า มีการแจ้งเตือนประเด็นเหล่านี้จริง แต่หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ขอร้องมิให้สื่อมวลชนนำเสนอออกไป เพื่อป้องกันความตื่นตระหนก  ประเด็นการแจ้งเตือนก่อนหน้านี้ก็คือ  อาจจะมีการก่อเหตุในลักษณะ ‘ดับไฟเผาเมือง' เช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อเดือนกรกฏาคม 2548 แต่จากการวิเคราะห์หลังเกิดเหตุครั้งนี้แหล่งข่าววิเคราะห์ว่า อาจเป็นการเลือกเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เพียงไม่กี่เป้าหมาย เพื่อให้เกิดผลสะเทือนทางความรู้สึกมากที่สุด เนื่องจากขบวนการก่อความไม่สงบมีกำลังไม่เพียงพอที่จะก่อเหตุพร้อมกันอย่างเช่นที่เคยทำในอดีต

สถานการณ์ชายแดนใต้หลังจากนี้ไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันคิดและวิเคราะห์ เพื่อเจาะเข้าไปให้ถึงวิธีการก่อเหตุซึ่งแม้จะไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม มิหนำซ้ำเหตุร้ายรายวันยังลดจำนวน มีความถี่น้อยลง แต่มุ่งความสูญเสียใจแง่ความรู้สึกหวาดผวา ปิดกั้นโอกาส แนวทางแห่งการสร้างสันติสุข  ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์อาจพลิกโฉมเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-03-2008, 18:47


กลุ่มก่อความไม่สงบปูพรมสร้างสถานการณ์ หลังปฏิบัติการ "คาร์บอมบ์" หน้าซี.เอส.  
http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3297&Itemid=47
     
วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2008 15:11น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศรา

 กลุ่มก่อความไม่สงบระดมก่อเหตุรุนแรงในหลายพื้นที่ ภายหลังปฏิบัติการ "คาร์บอมบ์" หน้าโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ในตัวเมืองปัตตานี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 มีนาคม 2551 จนสร้างความตื่นกลัวและตึงเครียดไปทั่วสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยตลอดทั้งวันของวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม ต่อเนื่องวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม คนร้ายได้ก่อเหตุรุนแรงอีกหลายเหตุการณ์ เริ่มจากเมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 16 มีนาคม คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายมะนุง ดอเลาะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 2 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายปารามีแต-พงยือไร ช่วงหน้าสุสานจีน ท้องที่ตำบลบันนังสาเร็ง อำเภอเมืองยะลา เป็นเหตุให้นายมะนุงได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน

 ที่จังหวัดนราธิวาส เวลา 19.00 น.วันเดียวกัน เกิดระเบิดขึ้นภายในร้านอาหาร "กำแพงเพลงเพื่อชีวิต" ตั้งอยู่เลขที่ 9 ถนนเจริญพงศ์ ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ทั้งนี้ คนร้ายลอบวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัมเอาไว้ในคูน้ำข้างม้านั่งของร้าน โดยบรรจุระเบิดไว้ในกล่องเหล็ก ยัดไว้ในกระป๋องนมผงยี่ห้อหนึ่งเอาไว้อีกชั้น และจุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุกแบบดิจิตอล

ทหารพรานปะทะเดือดที่ยี่งอ

 ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ร.4606 จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ รวม 24 นาย ได้จัดกำลังเดินเท้าเข้าตรวจสอบกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายก่อความไม่สงบ ในท้องที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 5-8 คน มีอาวุธครบมือ แต่งกายคล้ายทหาร ลอบเข้าไปกบดานเพื่อเตรียมก่อเหตุรุนแรง

  ทั้งนี้ เมื่อชุดทหารพรานเข้าไปถึงชายป่าเชิงเขาหลังหมู่บ้านกูยิ หมู่ 5 ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ พบกองกำลังของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแอบซุ่มอยู่ในป่ารกข้างทางในหมู่บ้าน และใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการปะทะกันขึ้นนานกว่า 15 นาที ก่อนที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีจะล่าถอยไป โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

 หลังเข้าเคลียร์พื้นที่อย่างละเอียด ชุดทหารพรานจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย แต่บุคคลดังกล่าวยังให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เผาโรงเรียนลวง จนท.ก่อนกดบึ้มซ้ำ

 ต่อมาเวลา 22.15. น. ที่จังหวัดปัตตานี พ.ต.ท.สการียา ยูโซะ รอง ผกก.สส.สภ.สายบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียนโรงเรียนบ้านบน ท้องที่หมู่ 2 ตำบลปะเสยาวอ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและรถดับเพลิงหลายคัน แต่ระหว่างทางเจอตะปูเรือใบและต้นไม้ถูกตัดขว้างถนน รวมทั้งพบวางวัตถุต้องสงสัยอีกหลายจุด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาเคลียร์พื้นที่อยู่พักใหญ่ เมื่อไปถึงโรงเรียนที่เกิดเหตุจึงพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้อาคารเรียนอย่างรุนแรงจนเกือบวอดหมดทั้งหลังแล้ว

 ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังระดมฉีดน้ำดับเพลิงอยู่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกแรงอัดของระเบิดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ส่วนตำรวจ ทหาร และชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุต่างหมอบลง ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยลำเลียงคนเจ็บส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี

 ทั้งนี้ ระหว่างที่รถลำเลียงคนเจ็บกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล เมื่อถึงบริเวณหมู่ 4 ตำบลปะเสยาวอ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มยิงอาวุธสงครามจากข้างทาง จนเกิดการปะทะกันประมาณ 10 นาที ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีเข้าป่าไป

 สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย นายสุรศักดิ์ บุญรัตน์พันธ์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล นายสุธรรม ขาวผ่อง นายสะรี เจ๊ะมะ นายสุชาติ พรประเสริฐ นายลุชลัม กาเจ และนายซุลกิลมาน เจ๊ะมะ โดยทั้ง 5 คนเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง นอกจากนั้นยังมี ส.อ.อดิศักดิ์ ลาภลึก เป็นทหาร ทั้งหมดโดนสะเก็ดระเบิดบริเวณร่างกาย

 จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ลอบเข้าไปงัดหน้าต่างอาคารเรียนแล้วราดน้ำมันก่อนจุดไฟเผา   เพื่อลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปดับเพลิง ส่วนกำลังอีกชุดหนึ่งได้นำระเบิดซุกไว้ใต้ม้านั่งหินอ่อน แล้วกดจุดชนวนระเบิดเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ อีกทั้งระหว่างทาง ยังจัดกำลังไปดักซุ่มยิงขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้วย คาดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบที่หวังตอบโต้มาตรการตรวจค้นจับกุมแนวร่วมอย่างหนัก และเพื่อเป็นการแสดงศักยภาพในพื้นที่ว่ายังสามารถก่อเหตุรุนแรงได้


ดักถล่มนายก อบต.เกะรอดับพร้อมลูกน้อง

 ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 มีนาคม คนร้ายใช้รถกระบะเป็นพาหนะ และใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถกระบะขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกะรอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เหตุเกิดที่บ้านทุ่งขมิ้น หมู่ 3 ตำบลตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน ทำให้ นายอายุ ริตีโมง อายุ 39 ปี นายก อบต.เกะรอ เสียชีวิต พร้อมกับ นายมะกรี ดอเลาะ อายุ 28 ปี นายช่างโยธา อบต.เกะรอ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธสงครามอาก้าและเอ็ม 16 พรุนไปทั้งร่าง รถยนต์พังยับเยิน

 สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอายุ และนายมะกรี กำลังขับรถเดินทางไปร่วมประชุมรับมอบนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่โรงแรมปาร์ควิว อำเภอเมืองยะลา แต่ระหว่างทางถูกดักยิงเสียก่อน เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ประเด็นของการสังหารโหดครั้งนี้อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ หรือไม่ก็เป็นปมขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น
 
"""""""""
เครือข่ายภาคประชาชน 3 จชต.ออกจดหมายเปิดผนึก กรณีระเบิด 'ซีเอส' ปัตตานี 
สานเสวนา | 2551-03-16 20:38:25
 
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=226

จดหมายเปิดผนึกจากเครือข่ายภาคประชาชน

ก่อนอื่นใด  เราเครือข่ายภาคประชาชนคนทำงานเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บนับสิบของพี่น้องของเราขอให้กำลังใจแก่เจ้าของกิจการโรงแรมที่ทรัพย์สินถูกทำลายเสียหาย  จากเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมซีเอส จังหวัดปัตตานี ในวันที่ ๑๕ มีนาคม  ๒๕๕๑ และขอตำหนิการกระทำรุนแรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยฝ่ายใดและสาเหตุใดก็ตาม ความสูญเสียอาจไม่ต่างจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นทุกครั้ง แต่สำหรับคนทำงานด้านสันติภาพจำนวนมาก เราใช้ที่นี่ในการพูดคุย ปรึกษาหารือ ปรับทุกข์ ผูกมิตรทั้งที่เป็นคนในและคนนอก เพื่อร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสรุปบทเรียนการทำงานสันติภาพ หลายคนที่มีหัวใจสันติภาพ บอกว่า ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัย หลายคนเจอเพื่อนร่วมทางสันติภาพที่นี่ และทำงานเชื่อมโยง ประสานกันโดยใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวทำงานเพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ตลอดห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา  เมื่อทุกคนเหนื่อยล้าจากการทำงานในสนามแห่งความขัดแย้ง หมดแรงจากการเข้าพื้นที่ห่างไกลเพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจสมาชิกครอบครัวที่สูญเสีย  หมดความศรัทธาต่อมนุษย์เมื่อเจอผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจงานสันติภาพ กำลังใจในการทำงานสันติวิธีอ่อนลงเมื่อกลับมาจากพื้นที่ที่มีบางฝ่ายใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ ซีเอสก็จะเป็นที่เย็นที่เราได้พึ่งพิง และเรียกพลังเบื้องต้นกลับมา ซีเอสเป็นต้นธารแห่งพลังของคนทำงานที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง เรามิได้รู้สึกว่าที่นี่เป็นพื้นที่ทางธุรกิจหรือพื้นที่ของขั้วการเมือง ตรงกันข้าม ซีเอส ในการให้ความหมายของเราคือสัญลักษณ์ของ "พื้นที่ที่ปลอดภัย" สำหรับเราและทุกคน เมื่อมาถีงจุดนี้ เราจะเหลือที่ที่ปลอดภัยกี่ที่กันเล่า เราทั้งหลายเคยตระหนักถึงสิ่งนี้หรือไม่

ชีวิตพี่น้องเราที่บริสุทธิ์ทั้งหลาย ชีวิตพี่น้องเราที่อาจหลงผิดและผิดพลาดบ้างได้ถูกทำลาย และดับสิ้นลงด้วยผู้ที่มิได้สร้างเขาขึ้นมา พื้นที่สันติภาพของเราถูกบั่นทอนทำลาย  ด้วยพวกที่นิยมความรุนแรง ใจดำอำมหิต ผิดมนุษย์ผู้มีธรรม  มิเคยคิดถึงชีวิตที่สูญเสียและชีวิตที่เหลืออยู่ของผู้อื่น   และเราจึงขอตำหนิการกระทำครั้งนี้และครั้งอื่นๆ ที่ผ่านมาอีกครั้ง   แท้ที่จริงแล้วในใจของเรา คิดว่าการเพียงแต่ตำหนินั้นน้อยไป เราน่าจะประณามการกระทำนั้นมากกว่า  แต่ศาสดาทั้งหลายของเราทุกศาสนา   มิได้เปิดช่องไว้ให้เราทำเช่นนั้น และเราถูกสอนให้รัก    ให้เมตตา ให้ให้อภัย ให้ช่วยเหลือผู้ที่กระทำรุนแรงนั้นให้กลับใจ ไม่เข่นฆ่า ไม่ทำร้าย ไม่คุกคาม และไม่ทำลายพื้นที่สันติภาพ เราอยากให้โอกาสท่านต่อแต่นี้ไป 

        เครือข่ายผู้หญิงเพื่อความก้าวหน้าและสันติภาพ
        เครือข่ายประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้
        ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครภาคประชาชนชายแดนใต้
        กลุ่มเพื่อนครอบครัวผู้สูญเสีย
        เครือข่ายผู้ทำงานเยียวยาผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบฯ
        เครือข่ายชุมชนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
        เครือข่ายผู้หญิงที่ได้รับรางวัลด้านการสร้างสันติภาพและสิทธิมนุษยชน
        เครือข่ายคนทำงานสันติวิธีและสันติภาพ


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 19-03-2008, 01:12


อันนี้จะเป็นกระทู้เน้นด้านการทหาร และระดับยุทรการ

การมองและอธิบายปัญหาเชื่อมโยงมากหน่อย แต่ผู้ตั้งกระทู้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแนวความคิดของผมโดยตรง

อย่างไรก็ตาม อ่านแล้วจะได้แนวคิดหลายด้านเพื่อการประเมินปัญหาที่เกี่ยวข้องได้ครับ

ขณะนี้ปัญหาลดความสูญเสียและน่าหวาดกลัว จนกลายเป็นเรื่องการการแสดงความอ่อนแอขององค์กรและแนวร่วมของคนร้ายให้เห็นชัดเจนแล้ว

คาร์บอม กลายเป็นเค่ระเบิดสังหารขนาดเล็กธรรมดา การสนธิกำลังของฝ่ายบ้านเมืองต้องรุกไล่จับเป็นต่อไปครับ

แก้ปัญหาภาคใต้ให้ได้ใน ๖ เดือน ทำอย่างไร
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mscc2&topic=641&page=1


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-03-2008, 05:19
โดยทีมข่าว INN News 19   มีนาคม   2551   17:25:31  น http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=96744
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ฤกษ์ลงพื้นที่ภาคใต้แล้ว ออกเดินทางเช้ามืดพรุ่งนี้ พร้อมเรียกประชุมความคืบหน้า ตำรวจภูธรภาค 9



ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษก กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มีกำหนดการที่จะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ในวันพรุ่งนี้ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 1232 ออกเดินทางเวลา 06.05 น. โดยมีกำหนดการเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 9

อย่างไรก็ตาม กำหนดการอื่นที่จะเดินทางตรวจพื้นที่ในจุดต่างๆนั้น ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า อาจจะมีการกำหนดรายละเอียดการเดินทางอีกครั้ง ขณะที่พักอยู่ที่ จ.สงขลา แต่ในเบื้องต้นนั้น มีกำหนดการจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเช้าวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม โดยอาจจะพักที่ โรงแรมย่านหาดสมิหลา



หัวข้อ: เฉลิมลั่นไม่กลัวตาย!ลง3จ.ชายแดนใต้แน่
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-03-2008, 20:47


เฉลิมลั่นไม่กลัวตาย!ลง3จ.ชายแดนใต้แน่  
 http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=97016   
   
  โดยทีมข่าว INN News 20   มีนาคม   2551   17:15:37  น. 

   รัฐมนตรีฯมหาดไทย ลั่น ไม่กลัวตายลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้แน่ โดยยึดนโยบายการเมืองนำทหารแก้ปัญหาด้วยความสมานฉันท์ เตรียมรายงานผลประชุม 5ชั่วโมงให้นายกฯพรุ่งนี้

(http://www.innnews.co.th/politic/97016[0].jpg)

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมหารือกับหัวหน้าส่วนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ทั้งทหาร-ตำรวจ และฝ่ายปกครองที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดยใช้เวลากว่า 5 ชม.โดยระบุว่าจากการปมเพาะปัญหาของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่พบว่ายังขาดแคลนในเรื่องของอาวุธและเครื่องมือในการตรวจที่เกิดเหตุ รวมทั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด โดยในวันพรุ่งนี้จะรายงานให้นายกฯได้รับทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามที่ทุกฝ่ายได้เสนอ

อย่างไรก็ตามจากเรื่องจำเป็นจะต้องมีการเจรจากันนอกประเทศ ซึ่งต้องหาช่องทางติดต่อกับบุคคลที่สามารถคุยกับฝ่ายตรงข้ามได้ สำหรับนโยบายการแก้ปัญหาของรัฐบาลยังยืนยันว่า จะใช้การเมืองนำพาทหารโดยใช้วิธีการเจรจาโดยรัฐบาลนี้จะไม่ใช้กำลัง

นอกจากนี้ รมว.มหาดไทย ยังยืนยันเจตนาเดิมว่า จะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอนแต่เหตุผลที่ยังไม่ลงขณะนี้ เพราะต้องการรับทราบปัญหาโดยตรงจากพื้นที่ก่อน ไม่ใช่เพราะกลัวตาย เพราะถ้ากลัวคงไม่รับอาสานายกฯลงมาแก้ปัญหาส่วนเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นระยะนี้ไม่ใช่เรื่องของการเมืองหรือการที่นายสมัครเป็นนายกฯ หรือ ตนเป็นรมว.มหาดไทยแต่เป็นไปตามสถานการณ์

 
 
 


หัวข้อ: ผบ.ทบ. เผยนายกฯกำชับให้ยุติเหตุร้ายรายวันภาคใต้ให้ได้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-03-2008, 20:50


ผบ.ทบ. เผยนายกฯกำชับให้ยุติเหตุร้ายรายวันภาคใต้ให้ได้    
   
  โดยทีมข่าว INN News 20 มีนาคม 2551 16:58:09 น.     
 
   
(http://www.innnews.co.th/local/97012[0].jpg)     
 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เผย นายกฯกำชับให้ยุติเหตุร้ายรายวันภาคใต้ให้ได้
 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า การดำเนินการที่ผ่านมาในระดับยุทธศาสตร์ เราถือว่ายังแก้ไขปัญหาในประเทศของเราได้ โดยที่ต่างประเทศยังให้เครดิตเราว่าเป็นเรื่องในประเทศ ซึ่งเราแก้ไขไปตามกฎหมาย ก็ถือว่าการทำงานด้านยุทธศาสตร์ได้ผลดี ส่วนในทางยุทธวิธีเราได้ดำเนินคดีตามกฎหมายมากขึ้น แม้จะมีการดำเนินการจากทางฝ่ายเขาบ้าง

ท่านนายกฯได้กำชับในส่วนของการดำเนินการว่า เหตุร้ายรายวันต้องพยายามทำให้ยุติลงให้ได้ และท่านยังได้สอบถามว่ามีอะไรที่ขัดข้อง และต้องการสนับสนุน โดยขอให้เรียนท่าน ผมก็เรียนท่านว่าขอเวลาปรับดำเนินงานส่วนหนึ่งก่อน ก็จะเรียนความคืบหน้าให้ทราบ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

 
 
 


หัวข้อ: สถานการณ์ที่อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-03-2008, 04:51
“ไม้แก่น”ตึงเครียด คนร้ายบุกยิงโต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านกูวิงดับต่อหน้าภรรยา
http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3318&Itemid=47      
วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2008 21:37น.  
รอซิดะห์ ปูซู
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศรา

สถานการณ์ที่อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ส่อเค้าตึงเครียด เมื่อเกิดเหตุคนร้ายบุกยิงโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านกูวิง เสียชีวิตคาบ้านต่อหน้าภรรยาและลูก

โดยเมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 21 มีนาคม 2551 พ.ต.อ.สุนทร ขวัญเพชร ผกก.สภ.ไม้แก่น รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 3 ตำบลไทรทอง จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นายสุรพร พร้อมมูล นายอำเภอไม้แก่น


อย่างไรก็ดี เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าคนในบ้านไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่เข้าไปชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบที่เกิดเหตุ แม้ว่านายสุรพรจะพยายามชี้แจงกับผู้นำชุมชนเพื่อขอเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุก็ตาม

จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ทราบเพียงว่าผู้ตายชื่อ นายมูแยรีมิง ศูเดาะ อายุ 30 ปี  เป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านกูวิง อยู่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 3 ตำบลไทรทอง

ก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายอยู่ในบ้านพร้อมด้วยภรรยา ลูก และพ่อแม่ ได้มีคนร้าย 6 คน  แต่งกายด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาว นุ่งโสร่ง ปิดหน้าด้วยผ้าคลุมศีรษะของชายมุสลิม ขับรถเก๋งสีขาวมาจอดห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร จากนั้นคนร้าย 2 คนได้ขึ้นไปบนบ้าน พร้อมกับใช้อาวุธปืนยาวไม่ทราบชนิดจ่อยิงใส่ นายมูแยรีมิง จนเสียชีวิตคาที่ต่อหน้าคนในบ้าน จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้ขับรถหนีไปทางอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 18.00 น. คนในบ้านยังไม่ยอมเปิดประตูให้ใครเข้าไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจถอนกำลังกลับก่อน เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ในเขตอิทธิพลของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
 


หัวข้อ: สรุปตรงกันว่า ในเชิงสถิติ มีคดีร้ายแรงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-03-2008, 05:19


"เฉลิม"รับปากเที่ยวหน้าบุกสามจังหวัดใต้ แย้มหาตัวกลางเจรจากลุ่มป่วน      
วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2008 22:05น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศรา

 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ทว่าเขาไม่ได้เข้าไปตรวจราชการในสามจังหวัดชายแดน เพียงแต่เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยมี พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายสมัคร สุนทรเวช) เข้าร่วมหารือด้วย


ภายหลังการประชุม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือคือปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหลายเรื่องกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและประกวดราคาไปเรียบร้อยแล้ว เช่น อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) เป็นต้น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นว่า ในส่วนของกล้องซีซีทีวี ต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จครอบคลุมทั้งพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายในปีนี้ โดยใช้งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ส่วนเรื่องที่ตำรวจร้องเรียนว่า ขาดแคลนอาวุธประจำกายและเครื่องมือเครื่องใช้ทางเทคโนโลยี ทางรัฐมนตรีก็รับไปพิจารณาและจะนำเรียนนายกฯให้

 ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ย้ำให้ทุกฝ่ายได้รับทราบว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น โดยจะเน้นการทำงานในลักษณะบูรณาการ และเปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย แม้กระทั่งพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งที่ผ่านมาก็ประสานข้อมูลกันตลอด เนื่องพรรคฝ่ายค้านมี ส.ส.ในพื้นที่จำนวนมาก นอกจากนี้ก็จะให้ความสำคัญกับกำลังพลพลเรือน ทั้งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) โดยจะจัดงบประมาณและเครื่องมือเครื่องไม้ให้อย่างเต็มที่

 “รัฐมนตรีมหาดไทยบอกด้วยว่า จะเดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่ใช่วันนี้ เหตุผลเพราะวันนี้มาเพื่อต้องการรับทราบปัญหาและเสียงสะท้อนจากทุกหน่วยงานก่อน จากนั้นจะนำเรียนให้นายกฯพิจารณาดำเนินการ แล้วค่อยลงพื้นที่จริงอีกครั้งหลังจากที่รัฐบาลได้ตัดสินใจดำเนินการตามที่ส่วนราชการต่างๆ ร้องขอแล้ว"

 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงอีกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังได้สอบถามปัญหาเกี่ยวกับบุคคลสองสัญชาติ เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องฐานข้อมูลบุคคล ประเด็นนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า สาเหตุที่ยังมีความล่าช้า เพราะระบบการทำสมาร์ทการ์ดของไทยกับมาเลเซียแตกต่างกัน การจะตรวจสอบว่าบุคคลใดถือ 2 สัญชาติยังติดขัดและมีปัญหาอยู่ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งแก้ไขและปรับระบบของไทยกับมาเลเซียให้สอดคล้องกัน คาดว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้  
 สำหรับสถานการณ์ในภาพรวมของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จากรายงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สรุปตรงกันว่า ในเชิงสถิติ มีคดีร้ายแรงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็พอใจ แต่ได้ย้ำให้ทุกฝ่ายทราบว่ารัฐบาลยังไม่พอใจ เพราะเป้าหมายของรัฐบาลคือคดีหรือเหตุร้ายต่างๆ ต้องลดลงหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลย  

 "สถานการณ์ขณะนี้บ่งชี้ว่า หลายๆ แนวทางของการแก้ปัญหาเราเดินมาถูกทางแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าจะสนับสนุนอย่างไรในระดับผู้ปฏิบัติเท่านั้น โดยหลังจากนี้จะต้องเร่งทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ แต่การทำงานเชิงรุกของฝ่ายทหารและตำรวจจะต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย จะต้องไม่สร้างเงื่อนไขหรือการร้องเรียนจนนำไปสู่ความขัดแย้งซ้ำอีก ส่วนมาตรการเชิงรับจะต้องดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน สถานที่ราชการ และบุคลากรของภาครัฐทุกหน่วยงาน" นายณัฐวุฒิ ระบุ

 ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวภายหลังการประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายว่า จากการสะท้อนปัญหาของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ พบว่ายังขาดแคลนเรื่องอาวุธและเครื่องมือในการปฏิบัติงาน เช่น เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะนำไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป

  นอกจากนี้ จากข้อมูลในเชิงลึกของฝ่ายทหารและตำรวจ พบว่าบางเรื่องจำเป็นต้องมีการเจรจากับนอกประเทศ ซึ่งต้องหาช่องทางติดต่อกับบุคคลที่สามารถคุยกับฝ่ายตรงข้ามได้ พร้อมยืนยันว่าจะลงพื้นที่สามจังหวัดอย่างแน่นอน แต่เหตุผลที่ยังไม่ลงในขณะนี้ เพราะต้องการรับทราบปัญหาโดยตรงจากพื้นที่ก่อน ถ้าลงไปทันทีจะทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลา ไม่ใช่เพราะกลัวตายหรือเสียดายชีวิต
 


หัวข้อ: นายกฯสมัครเปิดข้อมูลเอง มี 6 กลุ่มเคลื่อนไหวป่วนใต้ แย้ม 2 กลุ่มถกกันที่สวิสฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-03-2008, 05:26


นายกฯสมัครเปิดข้อมูลเอง มี 6 กลุ่มเคลื่อนไหวป่วนใต้ แย้ม 2 กลุ่มถกกันที่สวิสฯ 
 http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3301&Itemid=47   
วันอังคารที่ 18 มีนาคม 2008 16:30น. 

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2551 ถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้น ว่า ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็วที่สุดแล้ว เพื่อรับทราบปัญหาและแก้ไข
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้มี 6 กลุ่มที่เกี่ยวข้อง และที่ผ่านมาได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) และแม่ทัพภาคที่ 4 มาโดยตลอด ทราบดีว่าปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร และล่าสุดที่ได้รับรายงานระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ว่า ตัวถังดับเพลิงที่ใช้ทำระเบิดนั้น ลำเลียงมาจากจังหวัดตราด 21 ลูก

"เรื่องภาคใต้มีความพยายามจะนำเรื่องนี้ไปสู่นานาชาติ บอกได้เลยว่ามี 6 กลุ่มที่เคลื่อนไหว 2 กลุ่มไปเจรจาไปคุยกันที่สวิสฯ  (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เป้าประสงค์คือให้รัฐบาลไทยเจรจากับเขา ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่คนไทยพุทธ ไม่ใช่คนไทยมุสลิม แต่เป็นคนไม่มีศาสนา นอกศาสนา ผมเชื่อว่าพระเจ้าไม่เข้าข้างคนผิด" นายสมัคร กล่าว

    อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายสมัครปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับ ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด แม้แต่ หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่ติดตั้งในรถยนต์ หรือ “คาร์บอมบ์” ที่หน้าโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ในอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อค่ำวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา นายสมัครก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ และไม่มีความชัดเจนว่าจะมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เมื่อใด จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากหลายฝ่าย 


หัวข้อ: ใหม่ ยอดเหยื่อขยับ 2,979 ราย
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-03-2008, 21:06

ใหม่ ยอดเหยื่อขยับ 2,979 ราย      
วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2008 15:33น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศราฯ


http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3309&Itemid=1

สำหรับตัวเลขของจำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น มีทั้งหมด 37 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากรอบ15 วันที่ผ่านมา 2 ครั้ง ส่วนยอดผู้ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์มีรวม 59  ราย ลดลงจาก15 วันที่ผ่านมาถึง 18 ราย  โดยยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 22 ราย บาดเจ็บ 37 ราย  ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดนับจากเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อปี 2547 ขยับมาอยู่ที่ 2,979 ศพ





เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในในช่วงวันที่ 1-15 มีนาคม 51 เกิดขึ้นทั้งหมด  37  เหตุการณ์ แยกตามพื้นที่ในระดับอำเภอและจังหวัดได้ดังนี้
               จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นทั้งหมด จำนวน 14 เหตุการณ์  เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอยะหริ่งและอำเภอกะพ้อ อำเภอละ 3 เหตุการณ์  อำเภอสายบุรีและอำเภอปะนาเระ อำเภอละ 2 เหตุการณ์ อำเภอเมือง อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอมายอ และอำเภอทุ่งยางแดง อำเภอละ 1 เหตุการณ์
      จังหวัดยะลาเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ทั้งหมดจำนวน 12   เหตุการณ์  เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอรามัน  8  เหตุการณ์ อำเภอเมือง  3  เหตุการณ์  อำเภอเบตง 1 เหตุการณ์
              จังหวัดนราธิวาส เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ทั้งหมดจำนวน 11 เหตุการณ์  เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอรือเสาะ 5 เหตุการณ์  อำเภอบาเจาะและอำเภอตากใบ อำเภอละ  2 เหตุการณ์  อำเภอระแงะและอำเภอสุไหงปาดี อำเภอละ 1 เหตุการณ์
      หากแบ่งตามลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพื้นที่เกิดเหตุได้ดังนี้ 
             เหตุการณ์ลอบยิงรายวัน เกิดขึ้นทั้งหมดจำนวน 22  เหตุการณ์แยกเป็นพื้นที่ จังหวัดปัตตานี  8  เหตุการณ์ จังหวัดยะลา  7   เหตุการณ์ จังหวัดนราธิวาส  7 เหตุการณ์
            เหตุลอบวางระเบิดเกิดขึ้นทั้งหมด จำนวน  12  เหตุการณ์ จังหวัดปัตตานี  5  เหตุการณ์ จังหวัดยะลา 3  เหตุการณ์  จังหวัดนราธิวาส 4 เหตุการณ์
    เหตุโปรยตะปูเรือใบ เกิดขึ้นทั้งหมดจำนวน 3 เหตุการณ์ จังหวัดปัตตานี  1  เหตุการณ์ จังหวัดยะลา 2  เหตุการณ์ 
     
         ด้านเหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 59 ราย แบ่งเป็นเสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บ 37 ราย แยกตามจังหวัด กลุ่มและอาการของเหยื่อความรุนแรงได้ดังนี้
             จังหวัดปัตตานี เหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ จำนวน 31  ราย มีเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ประชาชนเสียชีวิต 8  ราย บาดเจ็บ 20 ราย
             จังหวัดยะลา เหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ จำนวน 14 ราย มีเจ้าหน้าที่รัฐ บาดเจ็บ 7 ราย ประชาชน เสียชีวิต  6 ราย ผู้ก่อความไม่สงบ เสียชีวิต 1  ราย
             จังหวัดนราธิวาส เหยื่อความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ จำนวน 14  รายเจ้าหน้าที่รัฐ บาดเจ็บ 4 ราย ประชาชนเสียชีวิต 5 รายบาดเจ็บ 5 ราย                 

(http://www.tjanews.org/cms/images/stories/2008/march08/200308/15day.jpg)


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-03-2008, 02:51
     
ดาวน์โหลดหนังสือแนะนำ   http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=195
กิจกรรมเคลื่อนไหวทางวิชาการและสังคม | 2550-12-27 18:53:51
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 จุลสาร SOUTH SEE Vol.5
‘ ใจถึงใจ '
โดย :  สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=187





เรื่องเล่าของฉัน  เสียงบริสุทธิ์จากชายแดนใต้
โดย : โครงการทัศนศึกษาสัมพันธ์รวมพลังสร้างสันติสุข

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=210







โรงเรียนแพทย์ชนบท
ในสถานการณ์ไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้
โดย : ชมรมแพทย์ชนบท / ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/documents/Hospital_onlineFile.pdf



 


'อิสลาม' กับความจริงที่ต้องรู้
โดย : สภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=188

 




ชุมนุมปาฐกถา ผู้นำองค์กรมุสลิมโลก
โดย : สภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=187






วารสาร ‘deepsouth bookazine' Vol. 1
สัญญาณอันตราย สงครามกลางเมือง
โดย : ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=198






จุลสาร SOUTH SEE Vol.4
‘ตา (ต่อ) มองตา '
โดย :  สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คลิกดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
http://www.deepsouthwatch.org/documents/SouthSeeVol4.pdf
 

   
     

 


หัวข้อ: พ่อเมืองยะลาพลิก 6 ยุทธศาสตร์ลดหวาดระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-03-2008, 04:51


ชื่อเรื่อง   พ่อเมืองยะลาพลิก 6 ยุทธศาสตร์ลดหวาดระแวง
 ผู้เขียน   อับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์
 แหล่งข่าวหลัก   เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=158473&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา  ผสานวัฒนธรรมพุทธ-อิสลาม-จีน สร้างความยุติธรรม-เมืองน่าอยู่คู่สันติสุข   
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน กว่า 4 ปี สร้างความเสียหายด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสูญเสียบุคลากรของรัฐ ทั้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือน ครู ตลอดจนผู้บริสุทธิ์เป็นรายวันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ซึ่ง จังหวัดยะลา เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบไม่แพ้   จังหวัดอื่น ๆ เช่นกัน นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ. ยะลา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ “ยะลาเมืองน่าอยู่ คู่สันติสุข” เพื่อให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืน โดยได้ระดมความคิดเห็นจากผู้คนทุกระดับ ทุกอาชีพ ตลอดจนองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดที่เป็นรูปธรรมสามารถปฏิบัติได้และนำไปสู่ความสันติสุขอย่างถาวรในอนาคตได้
   
ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างสันติสุข เป้าหมายให้ประชาชนมีความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีกลยุทธ์ การป้องกัน การพัฒนาเสริมสร้างความมั่นคง การปราบปราม และการต่อสู้เอาชนะยาเสพติด มาตรการยุติเหตุร้ายรายวัน การปฏิบัติ ทำการปิดล้อม ตรวจค้น กดดัน เชิญตัว จับกุม มาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งภาครัฐและการมีส่วนร่วมของประชาชน การปฏิบัติ ทำลายระบบสื่อสารของฝ่ายตรงกันข้าม ฝึกอบรมทบทวน อรบ. ชรบ. อปพร. อส. พลังมวลชน จัดเวทีประชาคม เสวนา สัญจร การสรรหาบุคลากรภาครัฐ และจัดตั้งทีมกู้ภัยประจำตำบล มาตรการปรับแนวความคิดความเชื่อ การปฏิบัติ จัดโครงการ  ดาวะห์/ดาอีห์ โครงการแก้ไขผู้ต้องขังคดีความมั่นคง (ครอบครัวสมานฉันท์) จัดทำเอกสารเผยแพร่ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง มาตรการการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ การปฏิบัติ ปรับปรุงหลักสูตรดาฎีกา ปอเนาะ โรงเรียนเอกชน มอบทุนการศึกษาผู้ยากจนและด้อยโอกาสมาตรการประสิทธิภาพการข่าวภาคประชาชน สร้างระบบเครือข่าย ตำบล หมู่บ้าน สร้างความเชื่อมั่น กระบวนการข่าว ประชาชนมีส่วนร่วม ยุทธศาสตร์ที่ 2 เสริมสร้างความยั่งยืนทางด้านเศรษฐกิจจังหวัดเป้าหมาย เศรษฐกิจจังหวัดขยายตัวตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการมีงานทำ สนับสนุนผลิตภัณฑ์จังหวัด พัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ Modem Trade พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม (Cluster)  สร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐ กิจระดับครัว   เรือนโดยการ รณรงค์ให้มีการออม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส จัดตั้งศูนย์เศรษฐกิจประ จำจังหวัดและเมืองยางพารา (RUBBER CITY) มาตรการ เร่งรัดเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานสัมพันธ์ สร้างเครือข่ายแรงงานและการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม ใช้คณะทำงานการ บูรณาการงานพัฒนาเศรษฐกิจระดับจังหวัดเพื่อกลไกในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายด้านเศรษฐกิจของจังหวัด
 
 ยุทธ ศาสตร์ที่ 3 ยะลาเมืองน่าอยู่ คู่สันติสุข เป้าหมายประชาชนมีคุณภาพดี ได้รับการพัฒนาศักยภาพ มีพฤติกรรม สุขภาพที่ถูกต้อง และมีสวัสดิการสังคมที่ครอบคลุม เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงนิเวศเป้าหมาย ป่าไม้และความหลากหลายทางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ การจัดการน้ำอย่างทั่วถึงเพียงพอ ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ป้องกันและควบคุมมลพิษอยู่ในระดับมาตรฐานและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยมีกลยุทธ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมให้กลับคืนความสมบูรณ์ พัฒนาแหล่งน้ำแบบบูรณาการอย่างเป็นระบบ จัดตั้งระบบคาดการณ์และแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การมีส่วนร่วมและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน การลดมลพิษ การบริหารจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนเมือง พัฒนาองค์กรความรู้แก่บุคลากรชุมชน ท้องถิ่น ด้านการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน 
 
ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและระบบคมนาคม เป้าหมาย มีโครงการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบคมนาคมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจระดับอนุภาคและการค้าชายแดน กลยุทธ์ การพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานระบบคมนาคมเขตเมืองและชนบท การใช้มาตรการด้านผังเมืองกำหนดทิศทางการพัฒนา มาตรการพัฒนาประสิทธิภาพของการบริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบ  การพัฒนาตามผังเมือง
 
ยุทธศาสตร์ที่ 6 เป้าหมาย ประชาชนมีการศึกษาที่สูงขึ้นและดำรงชีวิตภายใต้อัตลักษณ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีกลยุทธ์ การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาการศึกษาอาชีวศึกษา การพัฒนาการศึกษาอุดมศึกษา การพัฒนาด้านศาสนา และวัฒนธรรม การพัฒนาการศึกษาพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตรการการขยายโอกาสทางการศึกษา การขยายโอกาสทางการศึกษานอกระบบ ทั้งการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) และวิทยาลัยชุมชน (วชช.) ส่งเสริมการเรียนรู้ควบคู่ศาสนา สนับสนุนองค์กรส่วนท้องถิ่น และองค์กรมหาชนพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคแรงงาน การพัฒนาคุณภาพนักเรียน นักศึกษา เพิ่มตลาดแรงงานในพื้นที่และนอกพื้นที่
   
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา กล่าวถึงการกำหนดกลยุทธ์ในภาพรวมที่ผ่านมาได้ทำความเข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ การออกหนังสือความจริงที่ต้องเปิดเผยนำแจกจ่ายให้กับประชาชนในทุกระดับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่แท้จริงในหลักการศาสนาอิสลามที่ถูกผู้ไม่หวังดีนำมาบิดเบือน  พร้อมกับออกคัตเอาต์ใหญ่หลักการอิสลาม ที่ควรรู้ ติดตั้งในพื้นที่ทุกอำเภอ การทำความเข้าใจในเรื่องของการทำซูเปาะห์ของกลุ่มวัยรุ่น และทำการถอน ซูเปาะห์ นำไปสู่การกลับเนื้อกลับตัวมามอบตัวกับทางราชการ การทำความเข้าใจระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถจัดการและดูแลตนเองได้ การลดความหวาดระแวง การแก้ไขปัญหาห้ามใช้ความรุนแรง ใช้สติปัญญา มีเหตุมีผลในการแก้ปัญหา พยายามแยกแยะคนดีคนไม่ดีให้ชัด ป้องกันคนดีตกเป็นจำเลยของสังคม สร้างบรรยากาศที่ดีต่อกันระหว่าง 3 วัฒนธรรม พุทธ อิสลาม และจีน โดยการจัดกิจกรรมแสดงออกถึงความเป็นเอกภาพของ 3 วัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดกิจกรรมของดีเมืองยะลา การจัดประกวดนางงามยะลา เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม สร้างความยุติธรรม ใช้กฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดกระทำการผิดกฎหมายให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด โดยไม่มีการยกเว้น ให้ขวัญและกำลังใจผู้ปฏิบัติงานดี การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และนำ ยะลาสู่สันติสุข ด้วยการจัดทำโครงการเมกะโปรเจคท์ อาทิ การจัดตั้งเมืองยางพารา การก่อสร้างถนน 4 เลนเลียบเมืองยะลา-ดอนยาง-ปัตตานี ใช้งบประมาณพันกว่าล้านบาท สร้างสะพานข้ามทะเลสาบธารโต ที่บ้านสะป๋อง ต.แม่หวาด อ.ธารโต สร้างสนามบินจันทรัตน์ อ.เบตง และจัดสร้างถนน 4 เลน ยะลา-ตะโละหะลอ-นราธิวาส นอกจากนี้ ผวจ.ยะลา ยังได้ให้ความสำคัญโดยถือเป็นวาระของจังหวัด ในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด บ่อนการพนัน และการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งได้ตั้งชุดเยียวยาเฉพาะกิจของจังหวัดในการกวาดล้างอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่เกิดขึ้น   
หากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ให้ความร่วมมือ และมีความจริงใจในการแก้ไขตลอดจนรู้แก่นแท้ของสาเหตุน่าจะสามารถยุติสถานการณ์ และนำกลับสู่สันติสุขอย่างยั่งยืนและถาวรในไม่ช้าอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าทุกฝ่ายมีความตั้งใจมากน้อยเพียงใดเท่านั้น.
 
 วันที่เผยแพร่  24 มี.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  24 มี.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-03-2008, 05:34


อ้างถึง

ที่ทำเนียบรัฐบาล   09.30 น. วันที่ 21 มีนาคม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดภาคใต้  (กพต.)  ครั้งที่  1/2551  โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง   อาทิ พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผู้บัญชาการทหารบก  ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพระนาย  สุวรรณรัฐ   ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้  (ศอ.บต.)  แม่ทัพภาค  4 สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด  5  จังหวัดชายแดนภาคใต้   ผู้แทนสำนักจุฬาราชมนตรี  คณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย  สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทย หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น
ภายหลังการประชุมกว่า  2  ชั่วโมงครึ่ง นายสมัครเปิดเผยว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้   แบ่งออกเป็น  2  ซีก  คือทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)  และกองกำลังผสมพลเรือน  ตำรวจ ทหาร (พตท.) ขณะนี้เสนองานด้านฝ่ายภาคพลเรือน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเน้นโครงการอะไร  เพราะรัฐบาลที่แล้วขิงแก่ไม่ได้ริเริ่ม  นายสมัครกล่าวว่า  ตอนนี้ไม่แก่  ตนแก่กว่าขิง  บริษัทห้างร้านต่างๆ ไม่ยอมลงไปทำอุตสาหกรรมต่างๆ   จึงขอให้เป็น "อุตสาหกรรมทหาร"  ที่มีเอกชนต้องการลงทุนโดยการถือหุ้น ทหารอาจจะถือ  51  เอกชนอาจจะถือ 49 เหมือนเป็นรัฐวิสาหกิจกลายๆ  แต่ไปพัฒนาที่นั่น เอกชนที่กล้าลงทุนแต่ไม่กล้าลงไปในพื้นที่ก็จะให้ทหารลงไปทำให้  ต้องใช้วิธีแบบนี้ อย่างการประมูลการสร้างถนน 4 เลน แล้วเอกชนประมูลได้แต่ไม่ลงพื้นที่ ยกให้ทหารช่าง 111 ราชบุรีลงไปดำเนินการ

"จริงๆ  ความรับผิดชอบผมตอบในสภาว่ารัฐบาลรับผิดชอบทั้งหมด ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันก็มีฝ่ายปฏิบัติการทั้งภาคพลเรือน ทหาร ตำรวจ ทั้งหมดความเปลี่ยนแปลงมีมาตั้งแต่วันที่  1 ตุลาคมปีที่แล้ว เมื่อเปลี่ยนผู้บัญชาการทหารบกก็เปลี่ยนระบบการดำเนินการใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาค่อยเบาบางลง  โดยผมจะไม่บอกยุทธศาสตร์การทำงาน  เพราะเดี๋ยวผู้ก่อการร้ายรู้หมด  แต่จะรายงานสภาว่า เมื่อก่อนหน้านี้ 16  เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์เป็นอย่างไร หลังวันที่ 1 ตุลาคม สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร  จะแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น   บรรเทาขึ้นแล้ว แต่เกิดเหตุเพราะต้องการให้ฝ่ายการเมืองกระโดดลงไป" นายสมัครกล่าวถึงการดูแลรับผิดชอบ

นายกฯ   กล่าวว่า   การวิเคราะห์สถานการณ์ระเบิดต่างๆ  ต้องบอกว่า  ถ้าไม่เสนอข่าวให้เอิกเกริกก็เข้าทางผลประโยชน์เขา   ถ้าตนกระโดดลงไปด้วยก็สมประโยชน์เขา  คนทำงานเขาทำงานกันแทบตาย  แล้วมีคนคอยจ้องจะมาฟาดฟัน ตนจะไม่ให้เกิดเหตุนี้ขึ้น ตนจะทำรายงานให้ทางสภาเขารู้ จะไม่มาบอกหรอกว่าจะทำอะไร เดี๋ยวคนร้ายรู้หมด

"เรื่องการเจรจาที่ผมและคุณเฉลิมแตกต่างกันนั้น  มันเป็นความคิด  ผมบอกว่ามี  6 คณะ  2 คณะเขาเคลื่อนไหว  อยากให้เป็นอินเตอร์ พูดจากันที่เจนีวา  แล้วต้องการให้ไทยไปรับรองการเจรจา   ผมบอกไทยไม่มีวันไปรับรองหรอก  ร.ต.อ.เฉลิมเขาก็บอกว่าไปพูดจากัน   ก็ไปพูดกันสิ  จะพูดกันอย่างไรก็ได้ แต่มันไม่ใช่รัฐบาลไปยอมรับสถานะพวกนั้นเข้า  ผมไปมากี่ประเทศเขาก็บอกว่าเป็นเรื่องภายในของประเทศไทย  อดีตประธานาธิบดีลี กวน ยู  ของสิงคโปร์ ก็บอกเรื่องภายในประเทศไทย จะจัดการอย่างไรไม่มีปัญหา  เขาคิดอย่างนั้น  ที่ต้องหวานอมขมกลืนก็เพราะไม่อยากให้มันเป็นอินเตอร์เท่านั้นเอง ร.ต.อ.เฉลิมกับผมพูดไม่ตรงกัน   มันคนละเรื่องกันเลย" นายสมัครกล่าวถึงแนวคิด ร.ต.อ.เฉลิมที่จะเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางแก้ปัญหาจะดำเนินแนวทางโดยสันติหรือไม่  นายสมัครกล่าวว่า ถ้าไม่ดำเนินการโดยสันติจะเดินมาน่วมเนี่ยมๆ  อย่างนี้หรือ  ตนก็ต่อว่าเลิกกันหรือยังเรื่องการอุ้มฆ่า ไม่ให้ความเป็นธรรม  โดยเฉพาะเรื่องหะยี  สุหรง  เรื่อยมาจนป่านนี้ก็ยังมีกรณีดังกล่าวอยู่ เดี๋ยวนี้อุ้มแบบประคับประคอง กลัวจะล้ม

เมื่อถามว่า  อุตสาหกรรมทหารจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่  นายกฯ  กล่าวว่า  เอกชนมีงบประมาณก็เริ่มดำเนินการทันที  อุตสาหกรรมทหารก็มีอยู่ แต่ก่อนทำทั้งไม้อัด แก้ว ผลิตเครื่องหนัง  เดี๋ยวนี้เขาจะไปทำอาหารกระป๋อง  งบประมาณเอกชนลงทุนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่เขาไม่กล้าเข้าไป   แต่จะทำให้ถูกหลัก และเพื่อจะพัฒนาเศรษฐกิจใน 5 จังหวัดนี้ให้พ้นจากความยากจน ฉะนั้น จ.สตูลบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เพื่อเป็นกันชน ส่วนการพัฒนา  จ.สงขลา ที่มีความเจริญอยู่แล้วนั้น เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเพื่อเป็นกันชนเขต สถานการณ์ความรุนแรงจะไม่ขยาย

ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการเรียกร้องให้เชิญนายอานันท์  ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ   (กอส.)  มาร่วมแก้ไขปัญหาภาคใต้  นายสมัครปฏิเสธว่า  "ไม่เชิญ" อย่างไรก็ตาม พร้อมไปตามกระทู้หรือญัตติที่สภา เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

เมื่อถามว่า   วันที่  23 มี.ค.นี้จะเป็นวันคล้ายวันสถาปนาขบวนการพูโล จะเตรียมการอย่างไร  นายสมัครกล่าวว่า ตนจะรับฟัง แต่แบบนี้เราก็ต้องระมัดระวังวันที่ 23-25 แล้วพอวันที่  26  ก็เกิดเหตุ ก็มาพาดหัวใหญ่โตกันอีกว่าสมัครบอกจะเกิดเหตุ 26 ทีหลังอย่ามาบอกเรื่องแบบนี้ อย่าดีกว่า

ผบ.ทบ.ก็ขวางเจรจาโจร

พล.อ.อนุพงษ์   เผ่าจินดา  ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนยังมั่นใจยุทธวิธีเดิมที่เรายังทำได้ดี  โดยเฉพาะยุทธวิธีที่ทหารสามารถอยู่กับประชาชน และประชาชนยังให้ความร่วมมือในด้านการข่าว   จะเห็นได้ว่าการทำงานเชิงรุก โดยเฉพาะการปิดล้อมตรวจค้นได้ตลอดเวลา และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง   แม้ปัญหาการทำร้ายประชาชน  และการวางระเบิดก็เป็นความพยายามของเขา  ซึ่งตนจะปรับการทำงานให้มีผลและประสิทธิภาพโดยใช้เรื่องกำลังพล โดยในวันที่ 22 มี.ค.นี้ตนจะลงไปยังพื้นที่อีกครั้ง

"ทหารไม่ได้ปรับรูปแบบอะไรตามนโยบาย   ยังคงใช้การเมืองนำการทหารอยู่  เราไม่ได้ใช้การทหารนำการเมือง เพราะความสำเร็จในการปฏิบัติการแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องใช้เรื่องการเมือง   รวมทั้งมิติของเศรษฐกิจและสังคม   เพื่อแก้ไขปัญหา   ในส่วนของความมั่นคง เพียงทำให้เกิดประสิทธิภาพ ให้กฎหมายเป็นกฎหมาย และให้ทุกคนสามารถมีความปลอดภัยได้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า  การเจรจาภายในและภายนอกประเทศ ทหารพร้อมจะนำไปประสานงานเพื่อนำไปสู่การเจรจาหรือไม่  ผบ.ทบ.กล่าวว่า   ตนได้รับรายงานว่ามีกลุ่มนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องปัญหาชายแดนภาคใต้  มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มผู้ก่อการดังกล่าว ซึ่งยังไม่ทราบตัวตน

"ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการเจรจากับผู้กระทำผิด    เนื่องจากพื้นฐานหลักการความคิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐจะทำได้เพียงตามกรอบกฎหมายเท่านั้น   ไม่ว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ  หรือกฎหมายอื่นๆ  เราไม่สามารถจะไปเจรจาได้  ผมทราบและยืนยันว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของกลุ่มนักวิชาการที่มีความรู้เรื่องนี้เท่านั้น"  ผบ.ทบ.กล่าว และว่า  เข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวที่นายกฯ ได้ระบุถึง  แต่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐไปเจรจา

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า  แนวคิดโรงงานอุตสาหกรรมทหารที่นายกฯ  มอบหมายให้เร่งปฏิบัตินั้น  ทางสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมจะนำไปดำเนินการ โดยเป็นนโยบายที่ให้หน่วยที่มีอยู่แล้วเข้าไปดำเนินการ

นายพระนาย   สุวรรณรัฐ   ผอ.ศอ.บต. กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ท่านฟังว่าสภาพัฒน์ได้จัดทำกรอบในการพัฒนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ   5  ปีข้างหน้าต้องทำอย่างไรบ้าง  โดยมีการพูดถึงเรื่องมิติหลายๆ มิติ  ซึ่งชัดเจนมีหลายยุทธศาสตร์  ซึ่งนายกฯ  อาจจะนำเข้า ครม.วันอังคารที่ 25 มี.ค.นี้  ซึ่งถ้า  ครม.เห็นชอบแต่ละกระทรวง  ก็ต้องรีบทำรายละเอียดของงบประมาณและกลับมาเสนอ ครม.ให้เร็วที่สุด

ผอ.ศอ.บต.กล่าวถึงการจัดตั้งสำนักงาน ศอ.บต.ว่า  เป็นเจตนาที่ดี และเห็นว่าทางรัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่   แต่ตนไม่ทราบว่าจะมีผลอย่างไร  แต่ทั้งนี้ตนต้องการให้ ศอ.บต.มีอำนาจในการทำงานมากกว่านี้  นี่คือประเด็น ซึ่งการตอบโจทย์ตรงนี้ สามารถเปลี่ยนชื่อใหม่ ใช้ชื่อเดิม หรือเพิ่มอำนาจ ซึ่งทำได้หลายอย่าง  แต่มีเป้าหมายตรงกันคือทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของการทำงานอยากให้มีการทำงานในมิติทางการเมือง  และมิติพลเรือนมากขึ้น

"ในเรื่องการเมืองนำการทหารนั้น  นายกฯ  และ มท.1 พูดชัดเจนว่าต้องการเมืองนำการทหารอยู่  คือต้องเอาชนะใจประชาชน ฉะนั้นการชนะโดยไม่ต้องรบก็คือชนะโดยไม่สูญเสีย  นั่นดีที่สุด นั่นคือเก่งที่สุดคือไม่ต้องสูญเสีย  ไม่ต้องเปลืองกระสุน  ฉะนั้นควรจะทำตรงนี้"   ผอ.ศอ.บต.กล่าว  และว่า  ส่วนเรื่องที่นายกฯ จะลงพื้นที่หรือไม่  ไม่ใช่ประเด็น เพราะลงแล้วท่านอาจจะทำให้ฝ่ายพื้นที่ลำบาก

นายพระนายระบุว่า   นายกฯ  บอกว่าท่านเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กำชับว่าปัญหาในการปฏิบัติ  อุปสรรคในการทำงานถ้ามี ก็ขอให้ท่านได้รับทราบในโอกาสแรกทุกครั้ง ท่านจะได้บัญชาการได้

'หมัก' พร้อมย่องลง 3 จว.ใต้

แหล่งข่าวในที่ประชุมเปิดเผยว่า  ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม   นายสมัครได้กล่าวขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ว่า  ทำงานได้ดี หากมีปัญหาหรืออุปสรรคทางรัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่  โดยจะดูแลเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัย และการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมทั้งหากมีปัญหาติดขัดตรงไหน จะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้

แหล่งข่าวกล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า  ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง กล่าวสั้นๆ ในที่ประชุมเพียงว่า  ได้ลงพื้นที่ไปในอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เหตุผลไม่ลงพื้นที่  3  จังหวัดชายแดนใต้เพราะไม่ต้องการเป็นภาระการดูแลของเจ้าหน้าที่ สำหรับรายละเอียดการลงพื้นที่นั้น จะเข้ารายงานต่อนายกฯ โดยตรง

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า   ก่อนหน้านี้นายสมัครมีหมายกำหนดการที่จะลงพื้นที่  3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเป็นการลงพื้นที่อย่างเงียบๆ อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งกำหนดการเดิมจะลงพื้นที่ในระยะเวลาช่วงเดือนนี้    แต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.  ปัตตานี อย่างไรก็ตาม  นายกฯ ยืนยันว่าจะลงพื้นที่อย่างแน่นอน แต่จะไปอย่างเงียบที่สุด โดยมีเป้าหมายไปคุยกับประชาชนในพื้นที่

ผู้สื่อรายงานว่า  ภายหลังการประชุม ได้มีการสรุปผลการประชุมและแจกเป็นเอกสารให้กับผู้สื่อข่าว  ระบุว่าในที่ประชุมมีการรายงาน   ประเมิน วิเคราะห์ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างกว้างขวาง  โดยนายกฯ และ มท.1 ได้มอบนโยบายพร้อมแนวทางปฏิบัติและข้อสั่งการเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหลายประการ    ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ตามที่สภาพัฒน์เสนอ  โดยให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้   โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการพิเศษเพื่อรักษารากฐานการลงทุนเดิมและจูงใจการลงทุนใหม่ที่มีศักยภาพ    โดยพัฒนา จ.สตูล เป็นพื้นที่กันชน และเฝ้าระวังการลุกลามของเหตุการณ์ความไม่สงบ

โดยในส่วนของการกำหนดบทบาทของแต่ละจังหวัด ที่ประชุม  กพต.มีข้อสรุปดังนี้  ให้สงขลาและสตูลเป็นศูนย์เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าภายในและระหว่างประเทศ  สงขลาเป็นศูนย์กลางยางพาราโลก  ศูนย์กลางการศึกษานานาชาติ     ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกีฬาในระดับสากล     ปัตตานีเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล  ศูนย์กลางอิสลามศึกษานานาชาติ ยะลาเป็นศูนย์กลางการเกษตรและตลาดสินค้าเกษตร และนราธิวาสเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้านตะวันออก (ECER) ของมาเลเซีย

สำหรับกรอบยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะประกอบด้วย  1.การคุ้มครองความปลอดภัย 2.การแก้ไขปัญหาความยากจน   3.การพัฒนาคุณภาพคนเพื่อสร้างโอกาสการมีงานทำ 4.การเสริมสร้างความเข้มแข็งฐานเศรษฐกิจของพื้นที่ 5.การบริหารจัดการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ




หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-03-2008, 14:14


ทำความเข้าใจความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ยศธรและอัมมานา : ความรุนแรงยังไม่จางที่ภาคใต้ (๑)
http://www.midnightuniv.org/midnight2544/0009999983.html

รศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
(คณะกรรมการรอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ)


รายงานที่ปรากฏบนหน้าเว็บเพจนี้ เป็นรายงานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
เกี่ยวกับ การเอาชนะความรุนแรงด้วยพลังสมานฉันท์ (ร่างที่ 8) ซึ่งได้นำมาเผยแพร่บางส่วนดังประเด็นต่อไปนี้
1. เรื่องของยศธรและอัมมานา
2. กรอบคิดเพื่ออธิบายปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
3. วินิจฉัยเหตุ: ทำความเข้าใจความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
3.1 ปัจจัยชั้นบุคคล 3.2 ปัจจัยชั้นโครงสร้าง 3.3 ปัจจัยชั้นวัฒนธรรม:
4. สรุปข้อวินิจฉัยเหตุของปัญหา
midnightuniv@yahoo.com

(บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา)
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 947
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๙
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ 20 หน้ากระดาษ A4)


ทำความเข้าใจความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ยศธรและอัมมานา : ความรุนแรงยังไม่จางที่ภาคใต้ (๒)
http://www.midnightuniv.org/midnight2544/0009999982.html




 







การเมืองแห่งอัตลักษณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรื่องต้องรู้ของรัฐไทยในการแก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ (ตอนที่ ๑)
ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี และคณะ
ดุษณ์ดาว เลิศพิพัฒน์, อารีลักษณ์ พูลทรัพย์,สุรวุฒน์ ช่อไม้ทอง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

งานศึกษาต่อไปนี้เคยเผยแพร่แล้วในรูป pdf ที่  www.polsci.tu.ac.th/polsci2550/srisompop.pdf
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำมาเผยแพร่ต่อบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเพื่อเป็นวิทยาทาน เดิมชื่อ
การเมืองชายขอบกับการใช้ความรุนแรง และการเมืองแห่งอัตลักษณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยงานศึกษานมุ่งชี้ให้เห็นว่า ปรากฏการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ปัจจุบัน
ได้กลายรูปเป็นการเมืองแห่งอัตลักษณ์แบบใหม่(new identity politics)
ที่เน้นย้ำการสร้างความเป็นเราและเป็นอื่นอย่างเข้มข้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ซึ่งทำให้เกิดการสร้างวาทกรรมและปฏิบัติการทางวาทกรรมที่ซับซ้อนและรุนแรง
สาระสำคัญของงานศึกษานี้ ประกอบด้วย
1. แนวความคิดและสมมุติฐานเรื่องการเมืองชายขอบ
2. แนวความคิดและสมมุติฐานเรื่องการเมืองแห่งอัตลักษณ์
3. เรื่องของอัตลักษณ์ชาติพันธุ์และศาสนา กับอำนาจการทำสงครามแบบใหม่
4. ตัวแบบการสร้างความสมานฉันท์ ขจัดความไม่ไว้วางใจ ขจัดอคติและความเกลียดชัง
5. ตัวแบบการสร้างสำนึกความเป็นพลเมืองตามทรรศนะอิสลาม
(หมายเหตุ: เนื่องจากงานศึกษานี้มีความยาวพอสมควร จึงได้แบ่งออกเป็น ๒ ภาค)
midnightuniv@gmail.com

บทความเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บเพจนี้ ได้รักษาเนื้อความตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
เพื่อนำเสนอเนื้อหาตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ กองบรรณาธิการเพียงตรวจสอบตัวสะกด
และปรับปรุงบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ รวมทั้งได้เว้นวรรค
ย่อหน้าใหม่ และจัดทำหัวข้อเพิ่มเติมสำหรับการค้นคว้าทางวิชาการ
บทความมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ ๑๔๙๗
เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๑
(บทความทั้งหมดยาวประมาณ ๑๙ หน้ากระดาษ A4)




1497. เรื่องต้องรู้ของรัฐไทยในการแก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ (ตอนที่ ๑) (ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี และคณะ)
http://www.midnightuniv.org/midnighttext/0009999997.html
1498. เรื่องต้องรู้ของรัฐไทยในการแก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ (ตอนที่ ๒) (ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี และคณะ)
http://www.midnightuniv.org/midnighttext/0009999996.html
1499. เรื่องต้องรู้ของรัฐไทยในการแก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ (ตอนที่ ๓) (ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี และคณะ)
http://www.midnightuniv.org/midnighttext/0009999995.html





หัวข้อ: “สมัคร” มอบ “อนุพงษ์” ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รมน.
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-03-2008, 05:25
“สมัคร” มอบ “อนุพงษ์” ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รมน.     
วันอังคารที่ 25 มีนาคม 2008 20:33น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศรา

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 ว่า ได้มอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.)

นายสมัคร ให้เหตุผลว่า เพราะเขาเป็นนายกรัฐมนตรี จะให้ไปเต้นแร้งเต้นกาทุกเรื่องคงไม่ได้ ส่วนอำนาจของ ผอ.รมน.ก็เป็นไปตามหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ และไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ก็ทำหน้าที่มาตลอดอยู่แล้ว

สำหรับการลงพื้นที่ภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะลงไปแน่นอน แต่ไม่บอกว่าเป็นเมื่อไหร่ และเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่อยากให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เพราะจากที่เดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ทุกประเทศยืนยันว่าปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องภายในของไทย

อนึ่ง โครงสร้างของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ถูกปรับเปลี่ยนไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย กอ.รมน.เดิม เปลี่ยนชื่อเป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่ใช้ชื่อย่อเหมือนเก่า

ทั้งนี้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน.โดยตำแหน่ง แต่นายกรัฐมนตรีสามารถมอบอำนาจให้รอง ผอ.รมน.เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนได้ โดย ผบ.ทบ.ก็เป็นรอง ผอ.รมน.โดยตำแหน่งอยู่ด้วย


พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “กฎหมายความมั่นคง” นั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดตั้งแต่ช่วงการยกร่างว่าเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายทหารในการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ทำให้ต่อมามีการปรับแก้เนื้อหาให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน.โดยตำแหน่ง จากร่างเดิมที่กำหนดให้ ผบ.ทบ.เป็น ผอ.รมน.โดยตำแหน่ง

นอกจากนั้นการประกาศให้ กอ.รมน.เป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่ใด และระยะเวลาเท่าใด ต้องเป็นมติจากคณะรัฐมนตรี และต้องรายงานผลต่อรัฐสภา
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-03-2008, 05:36

อันนี้จะเป็นกระทู้เน้นด้านการทหาร และระดับยุทธการ

การมองและอธิบายปัญหาเชื่อมโยงมากหน่อย แต่ผู้ตั้งกระทู้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแนวความคิดของผมโดยตรง

อย่างไรก็ตาม อ่านแล้วจะได้แนวคิดหลายด้านเพื่อการประเมินปัญหาที่เกี่ยวข้องได้ครับ

ขณะนี้ปัญหาลดความสูญเสียและน่าหวาดกลัว จนกลายเป็นเรื่องการการแสดงความอ่อนแอขององค์กรและแนวร่วมของคนร้ายให้เห็นชัดเจนแล้ว

คาร์บอม กลายเป็นเค่ระเบิดสังหารขนาดเล็กธรรมดา การสนธิกำลังของฝ่ายบ้านเมืองต้องรุกไล่จับเป็นต่อไปครับ



แก้ปัญหาภาคใต้ให้ได้ใน ๖ เดือน ทำอย่างไร :slime_doubt:
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mscc2&topic=641&page=1


หัวข้อ: นายกฯ ลัดฟ้าสู่อินโดนีเซีย สานต่อจับมือดับไฟใต้ พรุ่งนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-03-2008, 05:40


นายกฯ ลัดฟ้าสู่อินโดนีเซีย สานต่อจับมือดับไฟใต้ พรุ่งนี้  
 http://www.manager.co.th/Lite/ViewNews.aspx?NewsID=9510000035974
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2551 19:21 น.
 
 
       นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 - 27 มีนาคม 2551 โดยมี นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้บัญชาการทหารบก รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้แทนบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ร่วมเดินทางด้วย
        โดยเมื่อเดินทางถึงทำเนียบประธานนาธิบดีจะมีพิธีต้อนรับนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ และจะเข้าเยี่ยมนายสุสิโล บัมบัง ยุโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ต่อด้วยการพบหารือแบบเต็มคณะระหว่างสองฝ่าย เกี่ยวกับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และการส่งเสริมมุสลิมสายกลาง การจัดตั้งกลไกหารือระดับผู้นำสองประเทศ การส่งเสริมการค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านพลังงานและประมง ความร่วมมือในกรอบอาเซียน พม่า ติมอร์ตะวันออก ช่องแคบมะละกา และความร่วมมือในกรอบสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT)
        จากนั้น นายกรัฐมนตรีมีจะพบปะกับนักธุรกิจชั้นนำของอินโดนีเซีย และนักธุรกิจไทยในอินโดนีเซีย เพื่อบอกเล่าถึงนโยบายทางเศรษฐกิจของไทย ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าและการลงทุน สำหรับในช่วงเย็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อต้อนรับและเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะที่ทำเนียบประธานาธิบดี
        ในวันที่ 27 มีนาคม 2551 นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการไปวางพวงมาลาที่สุสานวีรชนกาลิบาตา และพบปะกับทีมประเทศไทยและคนไทยในอินโดนีเซีย ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-03-2008, 02:35


รัฐมนตรีเฉลิม อยากทำงานจริง ต้องไม่พูดนอกสภามากจนเกินไปนะครับ..

เอาหมอแวมาช่วยงานได้ ผมว่าก็น่าจะดี ในด้านข้อมูลต่างๆ และการเข้าถึงพื้นที่

แต่ก็อาจะมีปัญหา ถ้าปรับเข้าหากันแบบนักทำงานมืออาชีพไม่ได้

สรุป ต้องดูนิสัยและบุคคลิกภาพต่างๆด้วย การเมืองเพียงอย่างเดียวไม่พอ

มีอะไรควรปรึกษานายกฯเป็นการส่วนตัวครับ ไม่ควรโฉ่งฉ่างมากเกินไป.. :slime_fighto:


หัวข้อ: กองกำลังผสมศรีสาครบุกทลายแหล่งประกอบระเบิดแก๊งป่วนใต้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-03-2008, 17:15
http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3343&Itemid=47

กองกำลังผสมศรีสาครบุกทลายแหล่งประกอบระเบิดแก๊งป่วนใต้      
วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2008 22:59น. 
แวดาโอ๊ะ  หะไร
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศรา

 กองกำลังผสม 3 ฝ่ายสนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นแหล่งกบดานและประกอบวัตถุระเบิดของกลุ่มก่อความไม่สงบ

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 28 มีนาคม 2551 พ.ท.ประสาน เห็นประเสริฐ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 37 จังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พ.ท.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานที่ 46 และ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ พยุงธรรม ผกก.สภ.ศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่ายจำนวน 100 นาย อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่บ้านสะกูปา หมู่ 8 ตำบลศรีสาคร หลังสืบทราบว่าหมู่บ้านดังกล่าว กลุ่มแกนนำและสมาชิกแนวร่วมอาร์.เค.เค. (กลุ่มวัยรุ่นที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ใช้เป็นสถานที่ซ่องสุมวางแผนและประกอบวัตถุระเบิดเพื่อใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันปิดล้อมบ้านร้างไม่มีเลขที่หลังหนึ่งซึ่งปลูกสร้างด้วยสังกะสีแบบยกพื้น อยู่ในสวนยางพาราหลังหมู่บ้าน ปรากฏว่ามีชายวัยรุ่น 3-4 คน พร้อมอาวุธครบมือ ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ จนทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันนาน 5 นาที ฝ่ายคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่มีกำลังเสริม จึงพากันวิ่งหนีออกจากบ้านร้าง พร้อมทั้งใช้ยากันยุงแบบขดจุดไฟแล้วนำไปวางไว้ที่สายชนวนระเบิดที่ต่อวงจรไว้แล้ว เป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในท่อพีวีซีสีฟ้า เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว หนัก 6 กิโลกรัม เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจค้น แต่โชคดีที่ไฟมอดเสียก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่กองกำลังผสม 6 นายที่เข้าไปตรวจสอบในบ้านร้างรอดตายอย่างหวุดหวิด

       ต่อมา พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองวิทยาการจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้รุดเข้าตรวจหาวัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านร้าง พบว่ามีระเบิดแสวงเครื่องอีก 3 ลูกอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งยังมีอุปกรณ์ประกอบระเบิดอีกเป็นจำนวนมาก หม้อข้าว และภาชนะใส่อาหาร คาดว่าใช้ทำอาหารช่วงที่กบดานอยู่ในบ้านร้าง จึงยึดเอาไว้ตรวจสอบ พร้อมประสานกับ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มาทำการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงบนวัตถุพยานดังกล่าวด้วย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามล่าตัวคนร้ายต่อไป
 


หัวข้อ: ทุกพื้นที่ทั่วปท.ยกเว้น3จว.ใต้ เลิกอัยการศึก กอ.รมน.ดันกม.มั่นคงเสียบ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 19-04-2008, 14:32


"สมัคร"ได้ฤกษ์ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่ว ปท. เว้น 3 จว.ใต้ หันใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯคุมแทน จว.คลื่นใต้น้ำ"บุรีรัมย์-เชียงราย-ศรีสะเกษ"เฮ ได้เคลื่อนไหวอิสระ "อนุพงษ์"ชี้ดีต่อภาพลักษณ์ชาติ บัวแก้วให้ทูตตีฆ้องทั่วโลก โฆษกโต้ไม่เกี่ยวรับ"แม้ว"เดินสายทำบุญ 4 จว.อีสาน

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 17 เมษายน โดยที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศที่เคยประกาศไว้ทั้งหมด รวม 179 อำเภอ ใน 31 จังหวัด ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 5 อำเภอในจังหวัดสงขลา

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายนพดล ปัมทะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ส.ส.) รวมทั้ง รองปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกองทัพเรือและผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวมทั้ง พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการ สมช.คนใหม่ เข้าร่วมประชุมครั้งแรก ใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

@ เลิกอัยการศึกใช้กม.มั่นคงฯแทน

ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายสมัครแถลงภายหลังการประชุมว่า เหตุผลที่ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น เพราะมีกฎหมายใหม่ คือ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในฯมาใช้ทดแทนได้ แต่ไม่ได้ทดแทนทั้งหมด โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะไปดูว่าพื้นที่ตรงไหนบ้างที่จะใช้กฎหมายมั่นคงฯทดแทนในบางบริเวณ และในวันที่ 18 เมษายน จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ พิจารณาวาระเดียว คือการต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะหมดอายุวันที่ 19 เมษายน

@ เว้นพื้นที่ 3จว.ใต้-5อ.ในสงขลา

พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่จะยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 5 อำเภอใน จ.สงขลา คือ จะนะ เทพา สะบ้าย้อย นาทวี และสะเดา ที่จะคงกฎอัยการศึกเอาไว้ก่อน ส่วนสาเหตุสำคัญที่ยกเลิกนั้น ที่ประชุมมองในมุมทางสังคมและความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ขณะนี้ประเทศเป็นประชาธิปไตย จึงไม่อยากให้มีบรรยากาศของทหารที่ยังเหมือนมีการปฏิวัติกันอยู่ นอกจากนี้ที่ประชุม ได้ให้ กอ.รมน. ไปพิจารณาว่าพื้นที่ใดมีความจำเป็นต้อง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ เพิ่มเติม ก็ให้เสนอ สนช.พิจารณาอีกครั้ง

พล.ต.ท.วิเชียรโชติกล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบในความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 19 เมษายน 2551 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสอบสวนจับกุมนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีมติที่จะขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน

@ "อนุพงษ์"ชี้เลิกแล้วภาพลักษณ์ชาติดี

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า การประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ประเด็นคือ ถ้าเรามีกฎหมายใดมาใช้ และมีความเหมาะสมกว่า การยกเลิกก็ถือเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติในเรื่องของภาพลักษณ์ต่อประเทศและนานาชาติ แม้กระทั่งด้านเศรษฐกิจ และการลงทุนก็น่าจะดีกว่า

นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จะสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพื่อยืนยันว่าไทยกลับสู่สภาวะปกติและกลับสู่บรรยากาศประชาธิปไตย ประชาชนได้รับสิทธิและเสรีภาพกลับคืนมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการสะท้อนให้ประชาคมโลกรับทราบ

@ จว.คลื่นใต้น้ำ"บุรีรัมย์-ชร."ได้อานิสงส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกต่อต้านจากหลายฝ่ายว่าให้อำนาจฝ่ายทหารมากเกินไปนั้น ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการปรับแก้มาหลายครั้ง ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 31 จังหวัดครั้งนี้นั้น เป็นการยกการประกาศกฎอัยการศึกที่คงไว้หลังจากมีการประกาศใช้ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งต่อมาได้มีการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ลงในราชกิจจานุเบกษา สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2550 โดยคงไว้ 35 จังหวัด และเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2551 โดยคงไว้ 31 จังหวัด

สำหรับครั้งนี้ นอกจากจะยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่แนวชายแดน ที่มีปัญหาด้านความมั่นคงและยาเสพติดแล้ว ยังส่งผลให้หลายจังหวัด ที่เคยคงกฎอัยการศึกไว้เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวของมวลชนการเมืองในฝั่งพรรคไทยรักไทยเดิม หรือที่เรียกว่าคลื่นใต้น้ำ ถูกยกเลิกไปด้วย อาทิ จ.บุรีรัมย์,สุรินทร์,. ศรีสะเกษ,เชียงราย และเชียงใหม่ เป็นต้น

รายงานข่าวจากที่ประชุม สมช.แจ้งว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะ กอ.รมน.ได้หารือถึงแนวทางการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศความตึงเครียดในการใช้อำนาจของฝ่ายทหาร โดย กอ.รมน.ได้ยืนยันว่าแม้จะมีการประกาศพื้นที่กฎอัยการศึกในช่วงที่ผ่านมา แต่ทหารก็ไม่ได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกต่อประชาชน และปัจจุบัน มีการคงพื้นที่กฎอัยการศึกไว้น้อยมาก มีเพียงอำเภอแนวชายแดนและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่ที่จะได้รับผลกระทบมากคือฝ่ายที่ทำผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติด อย่างไรก็ตาม แม้กฎอัยการศึกจะอำนวยต่อการปฏิบัติงานแก้ปัญหาด้านความมั่นคงให้กับทหาร แต่ก็มีภาพกฎหมายที่รุนแรง เฉียบขาด เป็นกฎหมายที่ใช้สำหรับการรบ ไม่ได้รับการยอมรับด้านสิทธิมนุษยชน ทำให้ฝ่ายทหารถูกโจมตีเรื่องใช้อำนาจเกินขอบเขต การยกเลิก จึงเป็นประโยชน์ต่อภาพของทหาร อีกทั้งยังจะเป็นการทดลองใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในครั้งแรก เพื่อดูขั้นตอนการปฏิบัติและผลการตอบรับต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ กอ.รมน.ไปศึกษาและวางแผนการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ตามบทเฉพาะกาล และมาตราต่างๆ ต่อสภาพเหตุการณ์ที่เข้าเงื่อนไขต่อไป โดยทั้งนายสมัคร และ พล.อ.อนุพงษ์ต่างก็เห็นด้วยในหลักการดังกล่าว

@ ปัดเลิกไว้รับ"แม้ว"เดินสายทำบุญ

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในเวลา 17.00 น.เศษ ของวันที่ 17 เมษายน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับจากนครดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นวันที่ 21 เมษายน จะเดินสายทำบุญในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) แบบวันเดียวกลับ ซึ่งเป็นการเดินสายทำบุญตามวัดต่างๆ ตามเป้าที่วางไว้หลายวัด จากนั้นช่วงปลายเดือนเมษายนจะเดินทางกลับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ จะส่งผลให้มวลชนของ พ.ต.ท. ทักษิณในจังหวัดภาคอีสาน สบายใจในการออกมาเคลื่อนไหวให้กำลังใจมากขึ้นหรือไม่ นายพงศ์เทพกล่าวว่า จริงๆ แล้วในการเดินทางไปไหนมาไหน โดยเฉพาะการเดินสายทำบุญ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเดินทางไปแบบเงียบๆ ไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวติดตามเท่าไหร่ ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศไว้ในยุครัฐประหาร แต่ปัจจุบันพื้นที่ต่างๆ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องคงกฎอัยการศึกไว้ต่อไป เนื่องจากไม่มีเหตุผลรองรับ นอกจากเป็นพื้นที่ที่มีความไม่สงบเพียง 2-3 จังหวัดเท่านั้น

"การประกาศกฎอัยการศึกต้องยกเลิกไปตามจังหวะเวลา แต่จริงๆ แล้วผมคิดว่ามันน่าจะยกเลิกไปทั้งหมดตั้งแต่แรกที่รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยของนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาเป็นนายกฯด้วยซ้ำไป" โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

@ สะเดาะเคราะห์วัดเดิมคดีซุกหุ้น

ด้านนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการเดินทางไปทำบุญภาคอีสาน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ในวันที่ 21 เมษายน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาถึงสนามบินขอนแก่น เวลา 07.10 น. จากนั้นจะเดินทางไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และทำบุญที่วัดหนองแวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นวัดที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยเดินทางมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์สมัยโดนคดีซุกหุ้นช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะเดินทางไปที่วัดกลาง จ.กาฬสินธุ์ วัดบึงพลาญชัย และวัดบูรพาภิราม (วัดพระเจ้าใหญ่) อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด และปิดท้ายที่วัดพระพุทธมงคล (วัดพระยืน) อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม จนกระทั่งเวลา 20.25 น. จะเดินทางไปที่สนามบินขอนแก่น เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ โดยการเดินทางไปบุญภาคอีสานครั้งนี้ เป็นไปตามความตั้งใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าจะเดินทางไปทำบุญทั่วประเทศให้ครบ 99 วัด โดยจะทำบุญและทำสังฆทานโดยเฉพาะ คิดว่าจะมีประชาชนในพื้นที่มารอต้อนรับอดีตนายกรัฐมนตรีจำนวนมาก เพราะคนอีสานยังคงคิดถึงและรักอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่เสมอ

@ คนร้ายลอบบึ้มป่วน"ยะลา-ปัตตานี"

สำหรับสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้วันเดียวกันนี้ ปรากฏว่าเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหลายแห่งทั้งพื้นที่ จ.ยะลา และปัตตานี โดยเวลา 06.30 น. คนร้ายลอบวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม (กก.) จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล บริเวณริมถนนสายลำใหม่-ท่าสาป หมู่ 5 บ้านควน ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารที่มาลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ จ.ส.อ.วิชัย วงศ์เพชร อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร้อย ร.5034 พัน 3 ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะ หลังแขนและขา อาการสาหัส และเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา

จากนั้นเวลา 08.10 น. เกิดเหตุระเบิดที่ริมถนนทางหลวงสาย 410 ยะลา-เบตง บริเวณถ้ำฤาษี บ้านหน้าเกษตร หมู่ 2 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา จากการสอบสวนทราบว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยเส้นทางดังกล่าว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ พบกล่องต้องสงสัยวางอยู่ริมถนน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจสอบ ระหว่างจะเข้าตรวจสอบคนร้ายคาดว่าอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เวลา 14.00 น. คนร้ายลอบยิงนายมะลาเซ็ง บาลาตายะ อายุ 60 ปี อยู่ที่ 33/1 หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา อาชีพนายหน้าซื้อที่ดิน นอนเสียชีวิตอยู่ข้างๆ รถจักรยานยนต์ บนถนนในหมู่บ้านฆอรอคาเอ หมู่ 5 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา

@ ฆ่าตัดคอล่อเจ้าหน้าที่ก่อนกดบึ้ม

ที่ จ.ปัตตานี เกิดเหตุระเบิดเมื่อเวลา 07.30 น. บริเวณหมู่ที่ 2 ต.ตุยง ห่างโรงพัก อ.หนองจิก ประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่กำลังอาสาสมัคร (อส.) 6 นาย ใช้รถยนต์ออกลาดตระเวน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ทราบชื่อ อส.สุรเดช มามะ อายุ 40 ปี และ อส.อุสมัน สะมะแอ อายุ 25 ปี ถูกสะเก็ดบริเวณแขนและลำตัวบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายนำระเบิดมาวางไว้ช่วงค่ำวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา โดยต้องการสังหารเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบหลังได้รับแจ้งพบศีรษะของนายสุประวิทย์ มิตรจันทร์ อายุ 30 ปี ผู้จัดการบริษัท พีแอนด์ซีอะฟามารีน จำกัด ที่ถูกคนร้ายยิงแล้วตัดศีรษะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา จากนั้นก็จะกดชนวนระเบิด แต่ระเบิดเกิดไม่ทำงาน เนื่องจากได้ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จนคนร้ายกดระเบิดอีกครั้งเพื่อหมายสังหารเจ้าหน้าที่ อส.

@ รวบตัวมือฆ่านอภ.ไม้แก่น

เวลา 10.30 น. ที่กองกำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงผลการจับกุมนายอาฮามะ หะมะ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลปัตตานีที่ จ97/2549 คดีความมั่นคงหลังเข้าตรวจค้นบ้านพักพบอาวุธปืนพกสั้น ปืนสงคราม อุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก

นายอาฮามะ หรือนายมะตะพา เป็นระดับแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ กลุ่มจะลาโก และเป็นครูฝึก ผู้ชักชวนครูสอนศาสนาและเยาวชนเป็นแนวร่วม นอกจากนี้พบว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหลายคดี ทั้งยิงครูฝึกวิชาทหารเสียชีวิต 3 นาย ใน อ.สายบุรี เมื่อปี 2550 เป็นหัวหน้าชุดวางระเบิดนายอำเภอไม้แก่น เสียชีวิตปลายปี 2549 โดยระบุอีกว่านายอาฮามะเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญกลุ่มเดียวกับนายมูฮำหมัด อาลี และนายออฮามะ หรือไซนุง นายยารานิง แดมามุ เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนขยายผลต่อไป

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดประเภทยาบ้า พืชใบกระท่อม ยาแก้ไอ ส่วนผสมชนิด 4 คูณ 100 ได้อีกจำนวน 7 ราย


.............................

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0111190451&day=2008-04-19§ionid=0101   ครม.นัดพิเศษขยายประกาศภาวะฉุกเฉิน 3 จว.ใต้อีก 3 เดือน "สมัคร"เล็งบังคับใช้ครอบคลุม 5 อำเภอสงขลาด้วย แต่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้ง สั่ง สมช.หาข้อสรุป ชม"อนุพงษ์"หลังเป็น ผบ.ทบ.ทำสถานการณ์ความไม่สงบดีขึ้น กอ.รมน.ขอเวลา 3 เดือนกำหนดพื้นที่ใช้ กม.ความมั่นคง

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 18 เมษายน โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 30 นาที ว่าที่ประชุมมีมติให้ขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา นราธิวาส ปัตตานี) อีก 3 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน-19 กรกฎาคม 2551

"หากไม่ประชุมเป็นกรณีพิเศษ ผมอาจจะต้องประกาศภาวะฉุกเฉินด้วยตัวของตนเอง ซึ่งจะเอิกเกริกเกินไป ครั้งนี้ถือเป็นการต่ออายุครั้งที่ 11 โดยมีตัวแทนของผู้ที่ต้องใช้อำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาชี้แจงกับ ครม.ด้วย แม้ตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังต้องใช้อยู่"นายสมัครกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมไปถึง 5 อำเภอ (เทพา สะบ้าย้อย สะเดา จะนะ นาทวี) ของ จ.สงขลา ด้วยหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า อยากจะให้มีการประกาศใช้ด้วย จึงสั่งการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปพิจารณาเรื่องข้อขัดแย้ง เนื่องจากคนที่ทำธุรกิจใน 5 อำเภอนั้นไม่อยากให้มีการประกาศ แต่คนที่บริหารในการจัดการเรื่องความสงบก็อยากให้มี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ครอบคลุม 5 อำเภอใน จ.สงขลา

นายสมัครยังกล่าวถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศว่า มีผลทันทีหลังการประชุม สมช. เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา แต่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ขอเวลา 3 เดือน ในการพิจารณาแต่ละพื้นที่ ที่จำเป็นต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการประชุม ครม. นายสมัครได้กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ได้ไปประชุม สมช. ไปรับฟังเรื่องราวต่างๆ แทน ครม.ทุกคน พบว่าตั้งแต่มีการแต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เริ่มดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการปฏิบัติ โดยเฉพาะขั้นตอนการสับเปลี่ยนกำลังในพื้นที่ที่ยังมีช่องว่างและรอยต่อกันอยู่ แต่ในภาพรวมไม่มีปัญหา สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว ดังนั้น จึงเห็นด้วยต่อการต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นหนทางที่จะช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ และทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ด้านเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ เมื่อเวลา 10.30 น. ขณะที่นายณัฐวุฒิชัย มามะ ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสายบ้านควนคูหา-บ้านท่าเรือ เมื่อมาถึงหมู่ 1 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถูกคนร้าย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะประกบใช้ปืนยิง กระสุนถูกนายณัฐวุฒิชัย ที่ลำตัวและแขนขวา ได้รับบาดเจ็บ

นายประกิจ พลเดช อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีการยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ว่าถือเป็นเรื่องที่ดี และจะส่งผลดีต่อความรู้สึกของประชาชน และจะทำให้กลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เพราะในอดีตโดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีการเข้มงวดมากจากฝ่ายทหาร ทำให้ ส.ส.และประชาชนในพื้นที่มีความอึดอัด แต่หลังจากผลการเลือกตั้งออกมาก็ผ่อนคลายลง

"ที่วิพากษ์วิจารณ์พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ของคลื่นใต้น้ำนั้น ขอปฏิเสธ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของชาวบุรีรัมย์ล้วนเกิดขึ้นจากวิญญาณของนักต่อสู้ ช่วงก่อนการเลือกตั้งมันอึดอัดมาก โดนลิดรอน อย่างผมก็โดนเยอะแยะไปหมด มีทหารคอยติดตาม ตามรถเวลาไปไหนมาไหน รวมทั้งคอยตามถ่ายรูป มาสอบถามทุกอย่างว่าไปทำอะไร มีทรัพย์สินเงินทองอะไรบ้าง ดังนั้น การยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็สบายใจขึ้นมาก" นายประกิจกล่าว

นายประกิจกล่าวว่า ส่วนที่กลัวว่ายกเลิกกฎอัยการศึกแล้วจะมีการก่อม็อบวุ่นวายกันไปหมดนั้น ขอปฏิเสธเช่นกัน เพราะการเคลื่อนไหวของชาวบุรีรัมย์ ที่ผ่านมาในเรื่องการเมือง ล้วนเคลื่อนไหวด้วยวิญญาณของนักประชาธิปไตย เป็นการเคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่มีสิ่งแอบแฝง และเชื่อว่าพอบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้ว ราคาพืชผลทางการเกษตรดี คงไม่มีใครออกมาเคลื่อนไหวอะไรกัน

นายสุชาติ ตรีรัตน์วัฒนา อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า การยกเลิกกฎอัยการศึกพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของ จ.ตาก มีผลประโยชน์มากในเรื่องการค้าการขายในพื้นที่ อ.แม่สอด และอำเภอใกล้เคียง เพราะที่ผ่านมาในช่วงประกาศกฎอัยการศึกมีปัญหาเรื่องการส่งออก เพราะถูกมองว่าสินค้าที่ส่งออกไปพม่าเป็นสินค้ายุทธปัจจัย

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า การยกเลิกกฎอัยการศึกมีผลให้พื้นที่ อ.เชียงคำ และ อ.ภูซาง จ.พะเยา ถูกยกเลิกไปด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อทุกคน โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นกลุ่มเกษตรกรหรือกลุ่มต่างๆ ที่จะมีโอกาสรวมตัวกันเรียกร้องความเป็นธรรมต่อกลุ่มของตนเอง เช่น กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเรื่องราคาผลผลิตการเกษตรจะได้มีช่องทางเรียกร้องได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
 


หัวข้อ: สรุปความไม่สงบครึ่งเดือน เม.ย.ตายแล้ว 17 นราธิวาสครองแชมป์
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 19-04-2008, 14:37


สรุปความไม่สงบครึ่งเดือน เม.ย.ตายแล้ว 17 นราธิวาสครองแชมป์  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2551 13:08 น.
 
 
       สถาบันอิสลามมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย สรุปสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนเมษายน เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด 50 ครั้ง เสียชีวิต 17 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ก่อความไม่สงบ 4 ราย บาดเจ็บ 28 ราย โดย จ.นราธิวาส เกิดเหตุการณ์มากที่สุด จำนวน 22 เหตุการณ์ รองลงมาคือ จ.ปัตตานี้ 16 เหตุการณ์ จ.ยะลา 10 เหตุการณ์ และ จ.สงขลา 2 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นการลอบยิงรายวันมากที่สุด 29 เหตุการณ์ ลอบวางระเบิด 17 เหตุการณ์ และโปรยตะปูเรือใบ 2 เหตุการณ์
        อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงขณะนี้ มียอดผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 3,022 ราย
 
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 21-04-2008, 10:52
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOakl4TURRMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5TVE9PQ==

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่รอบมัสยิด ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านแคและ ต.บาแระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อค้นหาผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยที่ลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 นายขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการตรวจสอบกว่า 2 ชั่วโมง สามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย ที่มีบ้านพักใกล้กับที่เกิดเหตุและภายในบ้านเจ้าหน้าที่พบภาพถ่ายที่ถ่ายขณะทำการฝึกซ้อม อีกทั้งยังพบเสื้อผ้าที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มก่อเหตุในวันนี้ด้วย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่สภ.บาเจาะ

สำหรับผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายนี้เป็นเจ้าหน้าที่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 17 บ้านแคและ ต.บาแระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่เกิดเหตุด้วย แต่ได้ขอตัวกลับบ้านตั้งแต่เวลา 14.00 น. จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นกับตำรวจทั้ง 2 นาย เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายด้วย

นายสมศักดิ์ สิทธิ์วรการ นายอำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายและผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งจากการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถรวบผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ได้ 2 ราย พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ยึดอุปกรณ์ผลิตระเบิด สายไฟ ถังแก๊ส ถังดับเพลิง และกล่องเหล็กขนาดเท่ากล่องบุหรี่ที่บรรจุระเบิดแล้วจำนวน 4 กล่อง ซึ่งก่อนหน้าที่เคยใช้ก่อเหตุตามโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก ในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ที่นำสายไฟมาดัดแปลงเพื่อเตรียมบรรจุระเบิดอีก 4 คัน  ซึ่งการเข้าตรวจยึดครั้งนี้ถือเป็นการเข้าไปทำลายแหล่งผลิตระเบิดที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ได้อีกแห่งหนึ่ง ส่วนผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายนั้นถูกส่งตัวเข้าค่ายกองพัฒนาที่ 4 ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง


หัวข้อ: จับพตอ.แพทย์รพ.ตร. คาคลินิก เปิดทำแท้งเถื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 21-04-2008, 11:48
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEl4TURRMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5TVE9PQ==

กลางเมือง"หาดใหญ่" ผงะ6สาวนอนพักฟื้น อีก7คน-นั่งรอเข้าคิว บิ๊กตร.ชี้โทษหนักแน่
บุกจับ"พ.ต.อ."แพทย์ประจำร.พ.ตำรวจ แอบเปิดคลินิกรับทำแท้งเถื่อนกลางเมืองหาดใหญ่ ตร.สงขลา ส่งสายผู้หญิงเข้าไปล่อใช้บริการ ก่อนส่งสัญญาณนำกำลังเข้าบุกทลาย พบหญิงสาว 6 คนนอนพักฟื้นเรียงรายหลังทำแท้ง กับอีก 7 คนกำลังนั่งรอเข้าคิว หลังสอบสวน"พ.ต.อ." เจ้าของคลินิกใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวไป ด้านโฆษกร.พ.ตำรวจระบุต้องรายงานเรื่องถึงแพทย์ใหญ่เพื่อตั้งกรรมการสอบเอาผิดทางวินัย จากนั้นถึงจะส่งผลสอบให้สำนักงานตำรวจฯ สั่งการลงโทษ ส่วนความผิดทางการแพทย์ต้องให้แพทยสภาดำเนินการ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 เม.ย. จากการสืบทราบของ พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.จว. สงขลา ว่า มีการลักลอบเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อนที่ภัทรเวชคลินิก ตั้งอยู่เลขที่ 27/1-2 ถนนชีวานุสรณ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงสั่งการให้พ.ต.อ. ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผกก.สภ.หาดใหญ่ ร่วมกับพ.ต.อ.อำพล บัวรับพร ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ตร.ภ.จว.สงขลา พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวนฯ พ.ต.ท.ธนิต แสนเจริญ หน.ชุด ปส.และกำลังเจ้าหน้าที่ วางแผนส่งสายซึ่งเป็นหญิงสาวทำทีเข้าไปใช้บริการในคลินิกดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีการให้บริการรับทำแท้งเถื่อนจริง จึงส่งสัญญาณให้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม

จากการตรวจค้นภายในคลินิกพบหญิงสาวที่มารอคิวทำแท้ง จำนวน 7 คน จึงควบคุมตัวเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบที่บริเวณชั้น 2 ของคลินิก ซึ่งเป็นห้องที่ใช้สำหรับทำแท้ง พบหญิงสาวที่ทำแท้งเสร็จแล้ว จำนวน 6 คน กำลังนอนพักฟื้นเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย จึงควบคุมตัวไปทำการสอบสวน พร้อมกับตรวจยึดอุปกรณ์ในการทำแท้งประกอบด้วย เข็มฉีดยา เตียงนอน 2 เตียง และยาชนิดต่างๆ ไว้เป็นของกลาง พร้อมควบคุมตัวพ.ต.อ.น.พ.สมชัย ตรีมธุรกุล เจ้าของคลินิก และหญิงสาวอีก 2 คนซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์เอาไว้ แจ้งข้อหาเปิดสถานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้รับอนุญาตและ ทำแท้งเถื่อน นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง สภ. หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพ.ต.อ.น.พ.สมชัย ตรีมธุรกุล เจ้าของคลินิก เป็นนายแพทย์ สบ.5 กลุ่มงานนิติพยาธิ โรงพยาบาลตำรวจ โดยจะใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์ มาประจำอยู่ที่คลินิกดังกล่าว ซึ่งภายหลังการสอบสวน พ.ต.อ.น.พ.สมชัยได้ใช้ตำแหน่งประกันตัวเองออกไป

ด้านพล.ต.ต.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ (สบ.7) โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า เรื่องนี้เพิ่งได้รับรายงานเลยยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก จึงไม่สามารถชี้แจงขณะนี้ได้ รู้แต่เพียงว่ามีแพทย์โรงพยาบาลตำรวจถูกจับกุมที่อำเภอหาดใหญ่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปิดคลินิกทำแท้งเท่านั้น ส่วนตัวแพทย์ไปทำความผิดอยู่ในขั้นตอนไหนยังไม่ทราบ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตามระเบียบของทางราชการแล้วในส่วนของคดีอาญาก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ส่วนทางต้นสังกัดจะต้องสอบสวนทางวินัยควบคู่ไปด้วยทันที คดีนี้มีข้าราชการของโรงพยาบาลตำรวจต้องคดีอาญา ก็จะต้องทำรายงานไปให้แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจเป็นผู้พิจารณาสั่งการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัย

โฆษกร.พ.ตำรวจกล่าวต่อไปว่า หลังจากสอบสวนเสร็จแล้วก็จะส่งเรื่องไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาสั่งการ ส่วนผลโทษจะออกมาอย่างไร หนักหนาแค่ไหนขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนว่าพบการกระทำความผิดจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริงอาจถึงขั้นสำรองราชการ ส่วนความผิดในทางแพทย์เป็นอำนาจหน้าที่ทางแพทยสภาที่จะตรวจสอบ ควบคุมและพิจารณาลงโทษ จะต้องมีรายงานนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการของแพทยสภา ทำการสอบสวนว่าแพทย์รายนี้ทำผิดอยู่ในขั้นตอนไหน เกี่ยวข้องอย่างไร ทำสิ่งที่ร้ายแรงหรือไม่ ตามหลักแล้วคดีแบบนี้ถ้าไปพบว่าคลินิกไหนที่เปิดรับทำแท้งแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะถูกสั่งปิดไปทันที ส่วนตัวของหมอจะถึงขั้นถอนใบประกอบโรคศิลปะหรือไม่ต้องรอผลสอบสวนกันต่อไป
 
 ภาพประกอบ [1]
หมอตำรวจ- ตำรวจสงขลานำกำลังบุกทลายคลินิกทำแท้งเถื่อนกลางเมืองหาดใหญ่ จับกุมพ.ต.อ.น.พ.สมชัย ตรีมธุรกุล เจ้าของคลินิก ซึ่งเป็นนายแพทย์ สบ.5 กลุ่มงานนิติพยาธิ โรงพยาบาลตำรวจ ดำเนินคดี เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 
 ภาพประกอบ [2]
ทำเอง- ตำรวจสงขลาบุกทลายคลินิกทำแท้งเถื่อน กลางเมืองหาดใหญ่ จับกุมพ.ต.อ.น.พ.สมชัย ตรีมธุรกุล นายแพทย์สบ.5 ร.พ.ตำรวจ เจ้าของคลินิก ดำเนินคดี พร้อมพนักงานอีก 2 คน และเด็กวัยรุ่นที่รอใช้บริการ 7 คน ตามข่าว 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 22-04-2008, 13:07


ล่าสุดได้ข่าวรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรมและคณะลงไป3จังหวัด

ก็รอดูว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้นเป็นลำดับ

อย่างน้อยเรื่องยาเสพติด ก็ควรปราบปรามกันทั้งระบบทั่วประเทศอย่างจริงจังและทั่วถึง

ตลอดจนพวกของเถื่อนร้ายแรงต่างๆ เช่นอาวุธ ความนอกลู่นอกทางของข้าราชการไทย ฯลฯ


หัวข้อ: โดนสั่งให้ออกแล้ว พตอ.นพ.ทำแท้ง
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 22-04-2008, 21:33
โดนสั่งให้ออกแล้ว พตอ.นพ.ทำแท้ง  

 ข่าวสด   ข่าวหน้า 1
 http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREl5TURRMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5TWc9PQ==


 เนื้อหา  ร.พ.ตำรวจมีคำสั่งให้พ.ต.อ.น.พ.เจ้าของคลินิกทำแท้งเถื่อนที่หาดใหญ่ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย เผยเปิดคลินิกแบบลักลอบโดยจะลงไปหาดใหญ่เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง แพทยสภายังรอหลักฐานจากผู้เกี่ยวข้องทั้งจากตำรวจ สาธารณสุขจังหวัด และหมอผู้ต้องหา แต่ยังเปิดช่องถ้าทำเพื่อช่วยเหลือคนโทษก็อาจจะน้อย

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 21 เม.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ก. ในฐานะรองโฆษกตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.น.พ.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่ ตร. ในฐานะโฆษกร.พ.ตำรวจ และพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ ผบก.นิติเวช แถลงข่าวกรณีตำรวจสภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จับกุมพ.ต.อ.น.พ.สมชัย ตรีมธุรกุล นายแพทย์ สบ.5 กลุ่มงานนิติพยาธิ ร.พ.ตำรวจ เปิดภัทรเวชคลินิก เลขที่ 27/1-2 ถนนชีวานุสรณ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำแท้งเถื่อน โดยพบหญิงสาวหลายคน พร้อมทั้งอุปกรณ์ทำแท้งจำนวนมากภายในคลินิก

พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ได้รับรายงานจากตำรวจสภ.หาดใหญ่ที่เข้าจับกุมว่าคลินิกดังกล่าวเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่ได้ต่อใบอนุญาตตั้งแต่ปี 2545 เป็นคลินิกร้างรู้กันในหมู่วัยรุ่นที่ต้องการทำแท้ง ซึ่งเปิดมานานพอสมควรแล้ว จากสืบสวนพบว่าพ.ต.อ.น.พ.สมชัยจะไปทำงานที่จ.สงขลา ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง โดยจะตรวจสอบอีกครั้งว่าลงไปตั้งแต่เมื่อไร แต่จากข้อมูลยังพบด้วยว่าพ.ต.อ.น.พ.สมชัยเปิดคลินิกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย(สวท.) ใน จ.ขอนแก่น ซึ่งจะเร่งตรวจสอบว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่

ด้านพล.ต.ต.สมยศกล่าวว่า จากข่าวตามสื่อที่ออกมาพบว่าในที่เกิดเหตุมีหลักฐานชัดเจนว่า พ.ต.อ.น.พ.สมชัยเปิดคลินิกทำแท้ง ซึ่งร.พ.ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารร.พ.ตำรวจทันที โดยมีมติตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งตนเป็นประธาน และมีคำสั่งให้พ.ต.อ.น.พ.สมชัยเข้ามารายงานตัวต่อนายแพทย์ใหญ่ภายใน 3 วัน เบื้องต้นได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

"หมอสมชัยเข้ารับราชการตำรวจมาตั้งแต่ปี 2521 ปัจจุบันทำงานอยู่ในส่วนของนิติเวช โดยส่วนตัวมีความเชี่ยวชาญ รับผิดชอบงานและนิสัยดี แต่ไปทำอย่างนี้ก็ไม่ทราบมาก่อน โดยปกติแพทย์ที่ไม่ได้เปิดคลินิกก็จะได้รับเงินประจำตำแหน่งอีกคนละ 1 หมื่นบาท ถือว่าพอเพียง แต่ไม่ทราบสาเหตุที่หมอสมชัยไปทำเช่นนี้ ซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนว่าทำผิดอะไรอีกหรือไม่ แต่จากหลักฐานเท่าที่มีขณะนี้ถือว่าแน่นหนาคาดว่าผลสอบสวนน่าจะทราบภายใน 2 สัปดาห์" พล.ต.ต.สมยศกล่าว

ส่วนพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ทราบรายละเอียดเรื่องนี้จากสื่อเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงต้องรอการสืบสวนสอบสวนจากคณะกรรมการที่ร.พ.ตำรวจตั้งขึ้น หากสภ.หาดใหญ่ดำเนินคดีอาญาก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยร้ายแรงซ้ำอีกด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพ.ต.อ.น.พ.สมชัย แต่คาดว่าไม่น่าจะเกินพรุ่งนี้ พ.ต.อ.น.พ.สมชัยน่าจะเข้ามารายงานตัว หากไม่มาจะถูกเอาผิดวินัยอีกข้อด้วย

วันเดียวกันพ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผกก.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับประสานจากสำนักงานแพทย์ใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้จัดส่งรายละเอียดการจับกุมรวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาของพ.ต.อ.น.พ.สมชัยแล้ว ในส่วนของหญิงสาวที่เข้าไปทำแท้งในคลินิกดังกล่าว เจ้าหน้าที่สอบปากคำและบันทึกประวัติไว้เป็นหลักฐานก่อนปล่อยตัวไป และจะพิจารณาอีกครั้งว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายข้อใดบ้าง โดยจะแจ้งข้อหาในภายหลัง

ขณะที่น.พ.สุเทพ วัชรปิยานันท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาออกตรวจคลินิกที่เปิดบริการในพื้นที่รับผิดชอบ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ในส่วนคลินิกเถื่อนก็เฝ้าระวังและจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ สำหรับคลินิกภัทรเวชที่ถูกจับกุมนั้นจดทะเบียนยกเลิกประกอบการไปนานแล้ว การให้บริการเป็นลักษณะแอบเปิดเฉพาะวัน และนัดหมายกับผู้ป่วยแบบไม่เปิดเผย ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะเพิ่มการเฝ้าระวังให้เข้มงวดต่อไป

น.พ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า วันนี้แพทยสภานำเรื่องดังกล่าวเข้าคณะอนุกรรมการจริยธรรมเพื่อพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วนแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปยังต้องขอเอกสารหลักฐานจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา รวมถึงจะเชิญพ.ต.อ.น.พ.สมชัย เจ้าของคลินิกเถื่อน มาให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการจริยธรรมด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะเร่งดำเนินการเร็วที่สุดเพราะกรณีนี้ค่อนข้างผิดชัดเจน

"ความผิดของแพทย์คนนี้มีหลายกรณีทั้งกฎหมายอาญา พ.ร.บ.สถานพยาบาล และความผิดจริยธรรม การพิจารณาโทษจะขึ้นกับข้อเท็จจริงและเจตนาว่าทำเพื่อประสงค์ทรัพย์เพียงอย่างเดียวหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจะถูกลงโทษขั้นรุนแรง คือยึดใบอนุญาต แต่หากทำเพื่อประโยชน์ของคนไข้อาจถูกลงโทษเพียงสถานเบา ส่วนเรื่องวินัยเชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเช่นกัน" เลขาธิการแพทยสภากล่าว

ส่วนน.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภากล่าวว่า จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย โดยดูจากข้อบ่งชี้ของแพทย์ว่าทำเพื่ออะไร เพราะขณะนี้แพทยสภาเปลี่ยนเกณฑ์เรื่องการทำแท้งว่า แพทย์สามารถทำแท้งให้ผู้ป่วยได้หากมีข้อบ่งชี้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยจะต้องกรอกแบบฟอร์มทำรายงานแจ้งมายังแพทยสภาอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบทำแท้งเถื่อน สำหรับกรณีของแพทย์ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ด้านสาธารณสุข ดังนั้นเมื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ย่อมได้รับโทษมากกว่าคนปกติ


หัวข้อ: จับ6โจรใต้ฆ่าตร.-รวบร้านทำจยย.บึ้ม
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 22-04-2008, 21:35


จับ6โจรใต้ฆ่าตร.-รวบร้านทำจยย.บึ้ม  
 
ข่าวสด สกูปข่าว/โฟกัสข่าว
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01EVXhPREl5TURRMU1RPT0=§ionid=TURNek5RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5TWc9PQ==
 เนื้อหา  เมื่อเวลา 06.45 น. วันที่ 21 เม.ย. พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ มัทยาท สวญ.สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันที่ทางเข้าบ้านบาตัน ต.ลิดล อ.เมือง จึงนำกำลังตำรวจและทหารรุดไปที่เกิดเหตุพบนายสมพงษ์ ธิวงศ์สา อายุ 42 ปี พนักงานขับรถโรงโม่หิน บริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดบาดเจ็บ จึงนำส่งร.พ.ศูนย์ยะลา โดยขณะที่นายสมพงษ์ขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบใช้ปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาเวลา 09.30 น. พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รองผบก.นราธิวาส แถลงผลการระดมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง กว่า 500 นาย ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 45 จุด ในพื้นที่ 6 อำเภอ หลังสืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุใช้อาวุธสงครามบุกยิงด.ต.อุสมาน สาและ และส.ต.ท.ซัมรี ดาโว๊ะ ตำรวจสภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตในหน่วยเลือกตั้งอบจ. ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ และซุ่มโจมตีทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 5 นาย เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จากการปิดล้อมนานกว่า 4 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 04.00 น.จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 6 คน พร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง โดยในพื้นที่ อ.บาเจาะ จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยยิงตำรวจเสียชีวิตคือ นายซูระคัม ดาวา อายุ 21 ปี และนายรุสดัน ดาวา อายุ 20 ปี เป็นพี่น้องกัน และเป็นนักศึกษาโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โดยทั้ง 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งจุดเกิดเหตุ แต่พฤติกรรมมีพิรุธ เนื่องจากขออนุญาตออกจากหน่วยไปประมาณ 30 นาที ก่อนจะเกิดเหตุ

ส่วนพื้นที่ อ.ตากใบ จับกุมผู้ต้องหา 4 คน คือ นายสุรินทร์ ลาเต๊ะ อายุ 37 ปี นายสารี บือซา อายุ 45 ปี นายอูเซ็ง สือมาแอ อายุ 47 ปี และนายอาหามะ ตาปา อายุ 33 ปี ต้องสงสัยรู้เห็นและร่วมกันใช้ปืนยิงนายยาลี มานา อายุ 65 ปี อดีตสมาชิกพูโลเสียชีวิต และนางยามีละ ลาเต๊ะ อายุ 51 ปี ภรรยานายยาลี และเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.ศาลาใหม่ กับด.ช.ซาฟารี มานา อายุ 12 ปี ลูกชาย บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 3 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วน อ.รือเสาะ อ.เจาะไอร้อง อ.ศรีสาคร และ อ.ระแงะ ไม่สามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามความเคลื่อนไหว ทางเจ้าหน้าที่ทราบเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่วางระเบิดและซุ่มโจมตีทหารแล้ว เป็นกลุ่มของนายมูหัมหมัด นาวาวี เคยวางระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ที่ศาลเจ้าใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันตรุษจีนที่ผ่านมา โดยมีนายมะรอโซ และนายจาเฮะ เป็นคนในพื้นที่ อ.บาเจาะ ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดทหารเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมาด้วย และหลบหนีออกจากพื้นที่ไปหลังก่อเหตุ

ต่อมาเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ทองสุข จรัลพงศ์ ผกก.สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 นำกำลังตำรวจและทหาร 200 นาย ปิดล้อมตรวจค้นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เลขที่ 9/3 หมู่ 1 บ้านมะรือโบออก ต.มะรือโบออก หลังสืบทราบเบาะแสว่าลักลอบผลิตวัตถุระเบิดเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จากการตรวจค้นพบกล่องเหล็กที่ตัดเชื่อมเท่ากับซองบุหรี่สำหรับบรรจุระเบิด 4 กล่อง, ตู้เชื่อมเหล็ก, เลื่อยตัดเหล็ก, เครื่องบัดกรี, สว่าน, แท่นเจาะสว่าน, ปั๊มลม, ถังลม, ถังแก๊ส, ถังน้ำยาเคมีดับเพลิงเตรียมบรรจุระเบิด, ถังเป่าแก๊ส, รถจักรยานยนต์ที่บรรจุระเบิด 5 คัน และไฟเบอร์ตัดเหล็ก จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นควบคุมตัวนายซุลกีฟลี อูมา เจ้าของร้าน พร้อมด้วยนายอุสมัน เจ๊ะเต๊ะ อายุ 20 ปี, นายนูรุดดิน มะดาโอ๊ะ อายุ 20 ปี และ 3.นายอับดุลรอมัน ยูนุ๊ ลูกน้องไปสอบสวนที่ฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 45 โดยนายซุลกีฟลีให้การว่า มีคนว่าจ้างให้ประกอบชิ้นส่วนวัตถุระเบิด และตกแต่งดัดแปลงรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งยังให้การซัดทอดไปถึงผู้ที่จ้างทำอีกหลายคน เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลออกหมายจับต่อไป ส่วนนายอับดุลรอมัน สอบสวนแล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป

เวลา 11.00 น. ที่วัดบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ร.ท.สุวิทย์ ธาระรูป ผบ.หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานพิธีรดนำศพ พลฯ อาภรณ์ นรเอี่ยม ทหารสังกัดกองร้อยปืนเล็กที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ถูกลอบวางระเบิดถล่มขณะลาดตระเวนในพื้นที่ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา และในเหตุการณ์มีทหารบาดเจ็บอีก 5 นาย คือ ร.อ.จักรพันธ์ จันทร์หอม หัวหน้าชุด, พ.จ.อ.วีระเดช เอี่ยมประดิษฐ์, จ.อ.แก่นนคร ผลขาว, พลฯ การียา สะดีแม และพลฯ นาเด ปอซู ขณะนี้ทั้ง 5 นายอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว รักษาตัวที่ร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์

จากนั้นเวลา 16.20 น. พ.ต.อ.ทองสุข จรัลพงศ์ ผกก.สภ.เจาะไอร้อง รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนสายเจาะไอร้อง-ยานิง บ้านสะบือรัง หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จึงนำกำลังตำรวจและทหารรุดไปที่เกิดเหตุพบรถกระบะมิตซูบิซิ สีเทา จอดตะแคงอยู่ข้างทาง กระจกหน้า ด้านข้าง และประตูด้านคนขับ มีรอยกระสุนปืนกว่า 10 นัด ภายในรถพบศพนายอุสมาน อีซารี อายุ 22 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าเข้าที่ศีรษะและต้นคอ 2 นัดเสียชีวิตคาพวงมาลัย

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ถูกชาวบ้านนำส่งร.พ.เจาะไอร้อง ไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อ ด.ช.มุสลิม สะอิ อายุ 10 ขวบ ถูกยิงด้วยปืนอาก้าเฉี่ยวศีรษะ บาดเจ็บเล็กน้อย และนายมีซี อาแซ อายุ 24 ปี ถูกยิงเข้าที่ลำคอ ใบหูขวา อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งไปรักษาที่ร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายอุสมานขับรถกระบะ โดยมีด.ช.มุสลิม และนายมีซี กลับจากทำธุระในพื้นที่บ้านยานิง หมู่ 1 ต.จวบ มุงหน้ากลับบ้านพัก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่น้อยกว่า 6 คน ใช้รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไล่ประกบจากด้านข้าง คนร้ายที่นั่งอยู่ท้ายกระบะใช้อาวุธปืนอาก้ากราดยิงใส่กว่า 20 นัด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว สันนิษฐานในเบื้องต้นคาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
 


หัวข้อ: ไทย-มาเลย์ร่วม ตระเวนชายแดน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 22-04-2008, 21:36


ไทย-มาเลย์ร่วม ตระเวนชายแดน

 ข่าวสด
  http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdNakl5TURRMU1RPT0=§ionid=TURNeE13PT0=&day=
 เนื้อหา  นราธิวาส - พลจัตวาอาซิซาน บินมูฮัมหมัด ดีริน ผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 8 และพ.อ.วรพล วิศรุตพิชญ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ร่วมเป็นประธานในพิธีลาดตระเวนทางเรือ และภาคพื้นดินพื้นที่แนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ บริเวณตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 59 อ.สุคิริน ถึงบริเวณ บ.ตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส การออกลาดตระเวนครั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

พ.อ.วรพล วิศรุตพิชญ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างประเทศไทย กับประเทศมาเลเซียมีความแน่นแฟ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อขอความร่วมมือในการประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่แนวชายแดนก็จะได้รับความร่วมมือและให้การสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาโดยตลอด พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนในการสอดส่องบุคคลแปลกหน้าที่ใช้เส้นทางตามแนวชายแดนในการหลบหนี สำหรับการลาดตระเวนร่วมตามแนวชายแดนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 17 ของการลาดตระเวนร่วมในรอบ 10 ปี ระยะเวลาออกปฏิบัติการรวม 2 เดือน การดำเนินการทางการทหารของทั้ง 2 ประเทศแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มิได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย และประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด
 


หัวข้อ: ผบ.ทบ.จี้ทหารกดดันผู้ก่อความไม่สงบ-เร่งงานมวลชน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 23-04-2008, 02:46

ผบ.ทบ.จี้ทหารกดดันผู้ก่อความไม่สงบ-เร่งงานมวลชน
 http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3423&Itemid=47   
วันอังคารที่ 22 เมษายน 2008 15:10น. 
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้  สถาบันอิศราฯ
       
       วันนี้ 22 เมษายน ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 14  ต.ตาชี  อ.ยะหา จ.ยะลา พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อมาร่วมประชุมหารือ และรับฟังปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่

   พ.อ.อัคร ทิพโรจน์  โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ของพล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ คณะในครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ โดยได้เดินทางไปที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 30 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ อ.รือเสาะ และที่หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 14 อ.ยะหา  จ.ยะลา และได้ให้แนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะในเรื่องเข้าไปพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ โดยได้มอบงบประมาณให้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปดำเนินงานด้านมวลชนในการเสริมสร้างความเข้าใจกับ ประชาชนในพื้นที่ และในขณะเดียวกันการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่นั้นจะต้องปฏิบัติการทาง ทหารที่กดดัน และจำกัดเสรีภาพของผู้ก่อความไม่สงบ และพยายามแยกคนดีกับคนไม่ดีออกจากกัน พร้อมทั้งชี้แจงเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ประชาชนฟัง
 


หัวข้อ: มติครม.ไฟเขียวข้าราชการเออร์ลี่รีไทร์ จ่าย15เท่าเงินเดือนงวดท้าย-ให้ 2ขั้นกอ.รมน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 23-04-2008, 15:40
มติครม.ไฟเขียวข้าราชการเออร์ลี่รีไทร์ จ่าย15เท่าเงินเดือนงวดท้าย-ให้ 2ขั้นกอ.รมน.แก้ ไฟใต้

 ข่าวสด
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEl6TURRMU1RPT0=§ionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5TXc9PQ==
 เนื้อหา  ครม.เห็นชอบร่างกฎหมายเออร์ลี่รีไทร์ เปิดรับข้าราชการเข้าโครงการจ่ายไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนงวดสุดท้าย พร้อมเห็นชอบเงิน 2 ขั้นกำลังพลกอ.รมน. ปฏิบัติหน้าที่แก้ไฟใต้

เวลา 14.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการ ตามมาตรการปรับปรุงกำลังของส่วนราช การ พ.ศ...... โดยร่างพ.ร.ฎ.ดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ การกำหนดสิทธิของข้าราชการที่จะเข้าโครง การ ต้องเป็นข้าราชการที่สังกัดส่วนราชการที่ครม. มีมติให้ออกจากระบบราชการ ส่วนราชการที่ประสงค์จะยุบเลิกบางภารกิจ ส่วนราชการที่มีอัตรากำลังเกินความจำเป็น หรือมีข้าราชการอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของข้าราชการทั้ง หมดของส่วนราชการนั้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้าราชการที่จะเข้าโครงการดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้คือ มีอายุตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ หรือมีอายุราชการเหลือตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปแต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยนับจากวันที่ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ และไม่เป็นข้าราชการที่อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ไม่เป็นผู้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องออกจากราชการ และไม่เป็นผู้ที่ปฏิบัติราชการชดใช้สัญญาที่ทำไว้กับส่วนราชการ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงเงินช่วยเหลือที่ต้องจ่ายให้ว่า กำหนดให้จ่ายเงินช่วยเหลือเท่ากับ (ปีที่เหลือราชการ +8) คูณเงินเดือนสุดท้าย แต่รวมกันแล้วจำนวนเงินที่จะจ่ายให้ต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนในเดือนสุดท้าย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.ได้พิจารณาเรื่องการเพิ่มขั้นเงินเดือนพิเศษให้กำลังพล ที่ปฏิบัติงานเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาค ใต้ โดยกอ.รมน.ภาค 4 ได้รายงานต่อครม. ว่าการปฏิบัติงานของกำลังพลกอ.รมน.ภาค 4 ที่ต้องอยู่ในภาวะกดดันและเสี่ยงอันตราย ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ทำให้ต้องหมุนเวียนกำลังพลคราวละ 6 เดือน ซึ่งกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติงานช่วง 6 เดือนแรก จะไม่ได้รับการพิจารณาเงินเพิ่มขั้นพิเศษ 2 ขั้น เพราะการพิจารณาขั้นเงินเดือนจะพิจารณาในช่วงครึ่งปีหลัง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.จึงเห็นชอบอนุมัติเพิ่มขั้นเงินเดือนพิเศษ 2 ขั้นแก่กำลังพลในพื้นที่ภาคใต้ในส่วนของกอ.รมน. ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินเดือน โดยเงินที่ต้องนำมาจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือให้ใช้งบกลางของปี 2551
 
 


หัวข้อ: สัมนาใหญ่ อนาคตไฟใต้ 30 เม.ย.นี้
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 28-04-2008, 21:27


สัมนาใหญ่ อนาคตไฟใต้ 30 เม.ย.นี้   
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวอิศรา
 URL   http://www.tjanews.org/cms/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3461&Itemid=47
 เนื้อหา  2 องค์กรด้านการศึกษาและสันติภาพจับมือจัดสัมนาใหญ่เรื่องอนาคตไฟใต้พุธ 30 เม.ย.นี้ ที่ศูนย์มานุษวิทยาสิรินธร  นักวิจัยจะนำเสนองาน 4 ข้อที่ครอบคลุม สื่อ ทหาร เด็ก และ ทักษะวัฒนธรรม เข้าฟังฟรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทาง ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรและ ศูนย์ข่าวสารสันติภาพ มูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาธิปไตยและพัฒนาแจ้งว่าในวันที่ 30 เม.ย.นี้ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร จะมีการสัมนาโครงการวิจัยเรื่อง "อนาคตไฟใต้"  ซึ่งจะมีการนำเสนองานวิจัยที่คลุม 4 หัวข้อคือ สื่อ ทหาร เด็ก และ ทักษะวัฒนธรรม

งานวิจัยด้านสื่อจะมีชื่อว่า  "ไฟใต้ในสายตาสื่อเทศ:ทัศนะต่อรายงาน กอส."  ด้านทหารจะชื่อว่า "นักรบกลับบ้าน:ประสบการณ์จากสมรภูมิ" ด้านเด็กชื่อ "เมล็ดพันธุ์เลือด:เด็กใต้ในฐานะเหยื่อความรุนแรง" และ ด้านทักษะวัฒนธรรมจะชื่อ "ขัดกันฉันมิตร:คู่มื่อทักษะวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนใต้"

ผู้จัดงานแจ้งว่างานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ผู้สนใจสามารถตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sac.or.th  
 


หัวข้อ: ซัลโวอบจ.เซ่นไฟใต้-เตือน4ปี
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 28-04-2008, 21:31

 ซัลโวอบจ.เซ่นไฟใต้-เตือน4ปี  
 เดลินิวส์
 
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=162126&Newstype=1&template=1
  เหตุร้ายรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 เม.ย. ร.ต.ท.นรเศรษฐ์ สุขศรี ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสายบาโงสโต-ซีโป ช่วงบริเวณ หมู่ 7 ต.บาโงสโต จึงรีบไปสอบสวน ที่เกิดเหตุ พบศพนายมะรอซี สาและ อายุ 36 ปี ถูกยิงด้วยปืนอาก้าเข้าลำตัวและใบหน้า 4 นัด นอนเสียชีวิตข้าง จยย.ทะเบียน ขกล 689 นราธิวาส สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ในอดีตผู้ตายเคยตกเป็นผู้ต้องหาวางระเบิดในตลาดตันหยงมัส อ.ระแงะ ซึ่งศาลจังหวัดนราธิวาส ได้ยกฟ้องมาประมาณ 2 เดือน  ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่ จยย.มารับภรรยาที่ขายของอยู่ที่ตลาดตันหยงมัส จู่ ๆ มีคนร้ายขับรถกระบะไล่ยิงเสียชีวิตอย่างโหด***มดังกล่าว   
 
ต่อมาเวลา 15.30 น. ร้อยเวรคนเดิมยังรับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านเลขที่ 72 บ้านลูโฆ หมู่ 2 ต.บองอ จึงรีบนำกำลังไปสอบสวน ที่เกิดเหตุ พบศพนายกูดิง ยี่งอ อายุ 38 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เขต 2 อำเภอระแงะ นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่หน้าบ้านพัก สภาพศพถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าที่ลำตัว หน้าอกและท้อง 6 นัด สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังเดินอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน นั่งรถยนต์กระบะไม่ทราบยี่ห้อสีและแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะมาจอดหน้าบ้านผู้ตาย จากนั้นคนร้ายที่นั่งกระบะหลังได้ใช้อาวุธปืนอาก้ากราดยิงใส่ผู้ตาย 6 นัดซ้อน จมล้มทั้งยืนเสียชีวิตคาที่
 
วันเดียวกัน พ.อ.อัคร  ทิพย์โรจน์  ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า  กล่าวว่า  ในห้วง  28-30 เม.ย. ซึ่งเป็นวันครบรอบปีที่ 4 ของเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2547 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังป้องกันสถานที่ราชการ ชุมชน สถานบันเทิง และ จุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่ หากชาวบ้านพบเห็นกลุ่มบุคคลแปลกหน้าหรือบุคคลต้องสงสัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ที่หมายเลข 1881 หรือ 1341  


หัวข้อ: ลดหวาดระแวงนำยะลาสู่สันติสุข ดันชุมชนเข้มแข็งสู้กับปัญหา
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 28-04-2008, 21:37


ผู้ว่าฯเข้มนโยบายชู เปาะเส้ง ตั้งกติกาสังคม  
 ผู้เขียน   อับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์
 แหล่งข่าวหลัก   เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว   ภูมิภาค
 URL   http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=162066&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา  ลดหวาดระแวงนำยะลาสู่สันติสุข ดันชุมชนเข้มแข็งสู้กับปัญหา

สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อันประกอบด้วย ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ ทั้ง จนท. ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ข้าราชการครู ข้าราชการสาธารณสุข ตลอดจนประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันทุกรัฐบาลยอมงัดงบประมาณจากคลังนำลงสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความสงบเป็นจำนวนมหาศาลอีกด้วย แต่ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงง่าย ๆ และยังกลับมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ในส่วนของจังหวัดยะลานั้น นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ. ได้    กำหนดยุทธศาสตร์เฉพาะการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น   คือทำความเข้าใจลดความหวาดระแวงสร้างความยุติธรรม และนำยะลาสู่สันติสุข เน้นใช้รูปแบบสันติวิธีในการแก้ปัญหาและมองการต่อ สู้กับปัญหาความไม่สงบโดยใช้แนวทาง “ชุมชนเข้มแข็ง” ถือเป็นอีกทางออกหนึ่งจัดการกับปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงให้อำเภอเมืองจัดตั้งตำบลนำร่องในการใช้กฎกติกาสังคมบังคับใช้กันเอง โดยให้ผู้นำ 3 ฝ่าย ประ กอบด้วย นายก อบต.ผู้นำท้องถิ่นได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำศาสนา ได้แก่ อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ประจำมัสยิด เป็นผู้กำกับดูแลในการปฏิบัติ ที่ ตำบลบุดี และ ตำบลเปาะเส้ง
 
ในส่วนของ ต.บุดี อ.เมือง นั้น ที่ประ ชุมประชาคมหมู่บ้านได้มีมติกำหนดกฎกติการ่วมกัน ประกอบด้วย ข้อที่ 1 บุคคลนอกพื้นที่ที่จะเข้ามาอาศัยในหมู่บ้านต้องแจ้งให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านทราบทุกครั้งและทันที ข้อที่ 2 กลุ่มเผยแพร่ศาสนาที่เข้ามาในหมู่บ้านและพักอาศัยที่มัสยิด ต้องแจ้งให้อิหม่ามและผู้ใหญ่บ้านทราบพร้อมลงลายมือชื่อแจ้งจำนวนผู้มาพักเป็นหลักฐาน ข้อที่ 3 ห้ามทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่า หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ต้องได้รับโทษทางกฎหมายถึงที่สุด ข้อที่ 4 ผู้ใดพบเห็นผู้จำหน่ายยาเสพติดในหมู่บ้าน หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องได้รับการว่ากล่าวตักเตือนและแจ้งให้ผู้นำ 3 ฝ่ายทราบทันที หากลูกบ้านเกี่ยวข้องกับยาเสพติดถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ผู้ใหญ่บ้านหรือ นายก อบต. จะไม่เข้าไปช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น ข้อที่ 5 ผู้ใดมีปัญหาหรือข้อข้องใจกับทางราชการ ให้แจ้งผู้นำ 3 ฝ่าย เพื่อเข้ามาสะสางแก้ไขปัญหา ก่อนที่จะมีการร้องเรียนในระดับสูง
 
นายดาโอ๊ะ เจ๊ะตู นายก อบต.  บุดี กล่าวว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิด  ขึ้นนั้น ทางราชการได้ให้นโยบายการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มาหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ไหม หลังจากนั้นตนเองได้กลับมาหารือกับผู้ใหญ่บ้าน อิหม่ามประจำมัสยิดว่าเรามีแนวทางดี ๆ กันบ้างไหมในการแก้ไขปัญหาในชุมชน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นดีด้วยและมีมติว่าการแก้ไขปัญหาในชุมชนนั้น ต้องมีกฎกติกาและเอาแนวทางทางศาสนามาเป็นแนวการปฏิบัติ เพราะในหมู่บ้านมีผู้นับถือศาสนาอิสลามร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนก็เคร่งครัดในเรื่องศาสนา และอิหม่ามก็พูดว่าคงไม่ยากหากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ หลังจากได้ประสานไปยังปลัดผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบลเพื่อจัดเวทีประชาคมของชาวบ้านขึ้น ทำให้มีแนวความคิดในการแก้ไขปัญหามากมาย โดยเน้นที่จะให้สังคมเกิดความสันติสุข ทั้งนี้เนื่องจากในหมู่บ้านมีปัญหาทางด้านสังคมมากมาย ทั้งการลักเล็กขโมยน้อย การเสพยาเสพติด เยาวชนขาดความรู้ ขาดคุณธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางเราจะต้องเร่งทำการแก้ไข ด้วยการใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด แต่ต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก ในขณะเดียวกันผู้ที่มีตำแหน่งในตำบลหมู่บ้าน ตั้งแต่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก ชรบ. อรบ. อบต.มีจำนวนมากเช่นกัน แต่เราไม่ได้มอบหมายงานให้คนเหล่านี้ทำงานอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาทุกอย่างจะมาตกกับผู้ใหญ่บ้านเพียงคนเดียว จึงได้กระจายอำนาจการทำงาน   ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นโซน ในการรับผิดชอบ ในแต่ละโซนจะมีผู้แทนจาก 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อบต. ผู้นำศาสนา และฝ่ายปกครอง รับผิดชอบ โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้าชุดการทำงาน ซึ่ง    ในพื้นที่รับผิดชอบในทุกตารางนิ้วของพื้นที่ต้องอยู่ในสายตาของชุดทำงาน อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้เรายังได้กฎกติกาเล็กของสังคม แต่มีประสิทธิภาพ  ในการปฏิบัติได้จริง อาทิ ปัญหาการลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นที่ผ่านมา   ลงโทษอย่างไรก็แก้ไม่ได้ เลยมาศึกษาดูว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากจิตใจ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องมาแก้ที่จิตใจ ด้วยกติกาที่ว่า ปัญหาการลักขโมย หากเป็นเยาวชนอายุน้อย ๆ ก็จะดำเนินการด้วยการให้ออกไปแสวงบุญ (ดะห์วะ) เป็นระยะเวลา 3 วัน หรือถ้ายังไม่พอก็ให้ออกไปถึง 40 วัน เพื่อให้เด็กที่นิยมทางวัตถุมามีคุณธรรม จริยธรรม และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อยากได้ของคนอื่น มีจิตสำนึกรับรู้บาปบุญคุณโทษ ในขณะเดียวกันทางผู้นำศาสนา ก็ต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกบ้านในการบังคับใช้กฎกติกาอีกด้วย เพราะว่าคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความศรัทธาในหลักของศาสนาแล้ว จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี และคดีอาชญากรรมก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
 
นายสาอารี มะโย๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ต.บุดี กล่าวว่า ในส่วนของการปกครองและดูแลความสงบเรียบร้อยของหมู่บ้าน ได้แบ่งเขตพื้นที่ความรับผิดชอบเป็นโซน ทั้งหมด 4 โซน ในแต่ละโซนจะมีผู้รับผิดชอบ 6 คน เป็นผู้แทนจาก ผู้นำศาสนา ชรบ. อรบ. และ อบต. โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) ทำหน้าที่หัวหน้าชุด หากมีเหตุการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบ หัวหน้าชุดจะต้องรายงานเหตุ การณ์มายังผู้ใหญ่บ้าน หรือ นายก อบต. หรืออิหม่ามโดยด่วน เพื่อได้ประชุมหารือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ในพื้นที่ต่าง ๆ ของหมู่บ้านจะมีสมาชิกแจ้งเหตุหรือที่เรียกว่าตาสับปะรดคอยสอดส่องดูแลอีกทางหนึ่ง เมื่อมีเหตุ ทาง ชรบ. อรบ. จะเข้าไปตรวจสอบทันที พร้อมประสานพื้นที่ข้างเคียงในการสกัดกั้นตามเส้นทางอีกด้วย
 
ด้าน นายอับดุลเลาะ หะยีฮามะ คอเต็บ ประจำมัสยิดกำปงดาระ หมู่ที่ 8 ต.บุดี กล่าวว่า ตนเองมีความรู้สึกดีใจที่ทุกฝ่าย ทั้ง นายก อบต. ผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายศาสนา จับมือร่วมกันเพื่อพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญก้าวหน้าและเป็นหมู่บ้านสันติสุขแบบยั่งยืน ตนเองขอยืนยันว่า ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่นำชุมชนให้เกิดสันติสุข เป็นชุมชน ที่เข้มแข็ง และศาสนาอิสลามสอนไว้ว่า ทุกคนต้องเคารพต่อผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายปกครอง อบต. หรือผู้นำศาสนา และที่ทุกฝ่ายที่ได้นำความคิดดี ๆ เพื่อมาพัฒนาหมู่บ้าน นั้น เป็นสิ่งที่ฝ่ายศาสนาต้องการมากที่สุด เพราะการพัฒนา สร้างมนุษย์ให้เป็นคนดี ซึ่งศาสนาได้บัญญัติว่าทุกคนต้องทำดี ทำดีต่อพระผู้เป็นเจ้า ทำดีต่อมนุษย์ด้วยกัน และทำดีต่อประเทศชาติ หากทุกคนเป็นคนดีแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จะหมดไป
 
 การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการใช้ในทุกรูปแบบทั้งการทหาร การเมือง เรียกได้ว่าทุกฝ่ายได้ใช้กลยุทธ์ยุทธศาสตร์ต่าง ๆ นานา ออกมาเกือบจะเทกระเป๋าแล้ว เช่นเดียวกับงบประมาณที่นำมาใช้ก็มากโขเช่นกัน แต่ถามว่ายุทธศาสตร์พระราชทานของในหลวงที่ว่า “เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา” เรามีความเข้าใจและนำไปใช้ในพื้นที่ได้มากน้อยเพียงใด ?!?.
 
 วันที่เผยแพร่  28 เม.ษ. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 29-04-2008, 02:06

ถามว่าปัญหาจะจบหรือไม่

ตอบว่าเรียกว่าจบได้ภายในหนึ่งปี

ที่จะเหลือเป็นพวก โจรกระจอก

คนมีอุดมการณ์ เขาหันมาพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญทันจังหวัดอื่นๆดีกว่า  :slime_fighto:


หัวข้อ: น.ร.แห่ขอรับทุนพัฒนาชายแดนใต้ สกอ.ใจป้ำแถมให้ค่าใช้จ่ายส่วนตัว4,000บ.ต่อเดือน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 30-04-2008, 00:18


น.ร.แห่ขอรับทุนพัฒนาชายแดนใต้ สกอ.ใจป้ำแถมให้ค่าใช้จ่ายส่วนตัว4,000บ.ต่อเดือน
 ผู้เขียน     -
 แหล่งข่าวหลัก     ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว     การศึกษา
 URL     http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TURObFpIVXdNVEk1TURRMU1RPT0=&sectionid=TURNeE5RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5T1E9PQ==
 เนื้อหา    ดร.สุรเดช จารุธนเศรษฐ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรรมการดำเนินการโครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เปิดรับนักเรียนทุนโครงการนี้ตั้งแต่วันที่ 19-23 เม.ย. ที่ผ่านมา มียอดผู้สมัคร 3,032 คน แยกเป็นชาย 947 คน หญิง 2,085 คน ซึ่งนักเรียน จ.นราธิวาส สมัคร 936 คน ปัตตานี 894 คน ยะลา 632 คน สตูล 304 คน และสงขลา 266 คน โดยสมัครเข้าศึกษามหาวิทยาลัยรัฐ 1,783 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏ 799 คน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 147 คน และมหาวิทยาลัยเอกชน 303 คน ขั้นตอนจากนี้จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครว่าตรงตามที่กำหนดหรือไม่ เช่น ต้องไม่มีสถานภาพเป็นนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาใด ไม่ติดโควตารับตรง และไม่ติดการคัดเลือกในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชั่นประจำปีการศึกษา 2551 เป็นต้น โดยจะประกาศผลวันที่ 13 พ.ค.นี้

ดร.สุรเดช กล่าวว่า ในการสมัครพบปัญหาที่ทำให้นักเรียนไม่สามารถสมัครได้ เช่น เอกสารหลักฐานการสมัครไม่ครบ ที่อยากจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยรัฐ แต่ไม่มีผลคะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) คะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) หรือบางคนยังไม่จบการศึกษา ม.6 เนื่องจากติดศูนย์ หรือ ร. ก็จะขอสมัคร ขณะที่บางคนไม่มีภูมิลำเนาตามที่ประกาศจะขอสมัครเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับสมัคร พร้อมชี้แจงว่าคุณสมบัติไม่ครบ ซึ่งนักเรียนก็เข้าใจ หากเปรียบเทียบผู้สมัครปี 2550 กับปี 2551 พบว่ามีผู้สมัครมากขึ้นเป็น 3 เท่า จากผู้สมัคร 900 คน เป็น 3,032 คน แสดงว่าการประชาสัมพันธ์ดีและคนในพื้นที่ให้ความสนใจโครงการนี้มากขึ้น โดยนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียน ค่าหอพัก และสกอ.จะมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้เดือนละ 4,000 บาท


หัวข้อ: สนธิกำลังรวบโจรใต้พร้อมของกลางจำนวนมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 02-05-2008, 00:13


สนธิกำลังรวบโจรใต้พร้อมของกลางจำนวนมาก  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สยามรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.siamrath.co.th/UIFont/NewsDetail.aspx?cid=108&nid=12975
 เนื้อหา  เมื่อวันที่ 1 พ.ค.51 เวลา 05.30 น.ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น ในพื้นที่  13  อำเภอ  19 สถานีตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รวม  60  จุดโดยการนำของ  พ.ต.อ.โชติ  ชวาลวิวัฒน์  รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส  พ.ต.อ.ชาญ  วิมลศรี รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส  พ.ต.อ.นันทเดช  ย้อยนวล  รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส  พ.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง  รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส  พ.ต.อ.สมจิตร  นาสมยนต์  รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส มีรายละเอียดดังนี้

1 พ.ต.อ.บรรลือ  ชูเวทย์ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส  น.ท.บุญเกิด  มูละกัน ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 พ.ต.ท.อาภากร  ลบบำรุง รอง ผกก.(ปป) สภ.เมืองนราธิวาส  พ.ต.ต.ปราโมทย์  แก้วขาว  สว.สป.สภ.นราธิวาส พ.ต.ต.วิเชียร  เกินกลาง  สว.สส.สภ.เมืองนราธิวาส น.ต.สุรศักดิ์  ศรีเผือก รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส 33  ร.ต.ท.ผงเพชร  ทาซ้าย รอง สว.สส.สภ.เมืองนราธิวาส  ร.ต.ต.อาธร  โรจนะ รอง สว.สส.สภ.เมืองนราธิวาส  พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง     ปิดล้อมตรวจค้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ  ได้เข้ามาเคลื่อนไหว สามารถจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด 1 รายพร้อมของกลาง.นายวาเห็บ  แวดอเลาะ พร้อมด้วยของกลาง

2 พ.ต.อ.ทองสุข  จรัลพงศ์ ผกก.สภ.เจาะไอร้อง ประสานกับ พ.ท.รุ่งโรจน์  อนันตโท ผบ.ฉก.นราธิวาส 31  พร้อมกำลัง     ปิดล้อมตรวจค้น พบผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ จำนวน  3  ราย           

          3   พ.ต.อ.จักรพร  แท่นทอง ผกก.สภ.ตากใบ  พ.ท.พงษ์สิทธิ์  ขจรกิตติภูมิ  ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 การตรวจค้นมีผู้ต้องสงสับ 3 ราย             

4  พ.ต.อ.กฤษณะ  สุขสมบูรณ์ ผกก.สภ.แว้ง พ.ต.ท.อภิสฤษฏ์  มณีโชติ  รอง ผกก.(ปป)สภ.แว้ง พ.ต.ต.จริต  ขามฝาด  สว.สป.สภ.แว้ง นำกำลัง เจ้าหน้าที่ทหาร  ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น หมู่บ้านเป้าหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบโดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ทำการปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มบ้านเป้าหมายและกำหนดแผน ระดมกวาดล้างยาเสพติด เพื่อกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ ผลการปิดล้อมตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด  จำนวน 6 ราย


5  พ.ต.อ.ขวัญดี  ฉิมพลี ผกก.สภ.สุไหงปาดี พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 อพร้อมกำลัง     ปิดล้อมตรวจค้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ  ได้เข้ามาเคลื่อนไหว ในพื้นที่บ้านไอบาตู   จึงได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น   ได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ  1  ราย ผู้ต้องสงสัยตามหมาย พรก.กลุ่มก่อความไม่สงบ จำนวน 1 ราย และผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 ราย   .นายโมสมา  บินสาและ  ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส  ในฐานความผิด หลบหนีหมายทหาร          .นายนูวา  มาหะมะ  ผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ความมั่นคง     และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 ราย คือ .นายรอสือลี  ฮา    นายสะตอปา  สะนิ           


6  พ.ต.อ.ปราบพาล  มีมงคล  ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก   พ.ต.ท.ภาคิน  ณ ระนอง  รอง ผกก.(ปป.) สภ.สุไหงโก-ลก พ.ต.ท.แวสาแม  สาและ รอง ผกก.(สส) สภ.สุไหงโก-ลก  พ.ท.พงษ์สิทธิ์  ขจรจิตติภูมิ ผบ.พัน.ร.ฉก.36 เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อพิสูจน์ทราบ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบและสนับสนุนทางด้านการเงินกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 6 จุดควบคุมตัวผูต้องสงสัย  จำนวน 2 ราย 1.นายรอซดี  มะ  อายุ 36 ปี ตรวจ DNA  จึงควบคุมตัว เพื่อไปการซักถาม สอบประวัติเบื้องต้นต่อไป 2.นายกามารูเด็น  ซารอวี  อายุ 30 ปี  เป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ สนับสุนด้านการเงิน โดยยึดเงินมาตรวจสอบ จำนวน 300,000 บาท เบื้องต้นต่อไป


7  พ.ต.อ.จำลอง  งามเนตร ผกก.สภ.บาเจาะ พ.ต.ท.ธนาพล  มีชัย รอง ผกก.(สส.) สภ.บาเจาะพ.ต.ท.สุกิจ   ขำมาก รอง ผกก.(ปป) สภ.บาเจาะ น.ท.วรวุฒิ  ศิลป์ประกอบ ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 ปิดล้อมตรวจค้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ   พบเครื่องสนามพร้อมอุปกรณ์เดินป่า ของกลุ่มก่อความไม่สงบ


8  พ.ต.อ.จิรวุฒิ  ทิศเสถียร  ผกก.สภ.จะแนะ พ.ต.ท.พูนศักดิ์  เซ็งแซ่  รอง ผกก(ปป.) สภ.จะแนะ พ.ต.ท.มานิตย์  ยิ้มซ้าย รอง ผกก.(สส.) พ.ท.กานต์นาท  นิกรยานนท์ ผบ.ฉก.34  พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองปิดล้อมตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด 1 รายพร้อมของกลาง.นายเปาซี  อาลี  อายุ  36 ปี               

 

9  พ.ต.อ.จิรวัฒน์  พยูงธรรม พร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปกครอง ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ อ.ศรีสาคร ผลการปฏิบัติจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 ราย คือนายสูดิง  อาเกะ  อายุ 41 ปี ผ้ต้องหาตามหมายศาลคดี ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ของ สภ.ยะหา จ.ยะลา และตรวจยึด ใบระท่อม จึงควบคุมตัว เพื่อดำเนินคดี และขยายผลผู้ร่วมขบวนการตามกฎหมายต่อไป


 








หัวข้อ: ตร.สอบเค้น 3 ผู้ต้องหาระเบิดรถ 191
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 02-05-2008, 00:14


ตร.สอบเค้น 3 ผู้ต้องหาระเบิดรถ 191 
 ผู้เขียน   รอซิดะห์ ปูซู
 แหล่งข่าวหลัก   สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวอิศรา
 URL   http://www.tjanews.org/cms/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3478&Itemid=47
 เนื้อหา  หลังจากเกิดเหตุระเบิดรถยนต์191 มีตำรวจเสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย เจ้าหน้าที่สามารถจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน เผยหลักฐาน พบสารวัตถุระเบิดกระจายตามร่างกาย 
      วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ต.ท.อาคม บัวทอง สวญ.สภ.โสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดบนถนนสายบ้านโคกขี้เหล็ก-จาเราะบองอ  ม.4 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี  ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.บ้านโสร่งเสียชีวิต  3 นาย บาดเจ็บ 3  นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้  3  ราย   บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ และจากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์พบสารปนเปื้อนวัตถุระเบิดตามร่างกายทั้ง 3 คนจึงได้ควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิกจ.ปัตตานี เพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต  3 นาย  คือ   ส.ต.ท.ฐานพัฒน์  ชัยวิวัฒน์ ส.ต.ท.สายัญ  ยิ้มยก และ  ด.ต.ลภ  อุ่นรัตน์  จะมีการประกอบพิธีรดน้ำศพในวันนี้เวลา 15.00 น. ที่วัดนพวงษ์ศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บยังคงรักษาตัวที่รพ.ศูนย์ยะลาอีก 1 ราย คือพ.ต.ต.ประพฤติ อุไรรัตน์  สวป.สภ.โสร่ง  บาดเจ็บที่ขา  ส่วน ส.ต.ท.อดิศักดิ์ สันติพงสธร และส.ต.อ.นิยาฮายา  อับดุลย์  แพทย์ได้อนุญาตให้กลับพักฟื้นที่บ้านได้

        ส่วนความคืบหน้าคดีที่คนร้ายยิงแล้วเผารถเจ้าหน้าที่หน่วยชลประทานปัตตานี โครงการสูบน้ำเพื่อพลังงาน เสียชีวิต 1 และบาดเจ็บ 1 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.อ.วัลลพ จิตจำนงศ์อาสา ผกก.สภ.สายบุรี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดล้อมพื้นที่ ต.ตะบิ้ง จนกระทั่งเมื่อคืนสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวที่สภ.สายบุรี เพื่อสอบสวนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหรือไม่
 




หัวข้อ: รวบ 3 แกนนำ 'อาร์เคเค' เตรียมป่วนตากใบปิดเทอม
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 02-05-2008, 00:15


รวบ 3 แกนนำ 'อาร์เคเค' เตรียมป่วนตากใบปิดเทอม  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ไทยรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนี้
 URL   http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=88145
 เนื้อหา  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามืดวันนี้ (1 พ.ค.)  เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร กว่า 500 นาย ปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย 8 แห่ง ในบ้านปลักปลา หมู่ที่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ และ บ้านปูโย๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สามารถจับกุม นายมะแอ บินอาลี ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน นายมะยากี เม๊าะมากอ และนายสิดิก อาลี แกนนำและสมาชิกกลุ่มอาร์เคเค  รวม 3 คน


จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาเคลื่อนไหว โดยแฝงตัวปะปนกับชาวบ้านในชุมชน เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ อ.ตากใบช่วงปิดภาคเรียน ผู้ต้องหาทั้ง 3 มีประวัติลอบยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 และวางระเบิดทหาร เมื่อต้นปีที่ผ่านมา   จึงควบคุมไปสอบสวนขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี
 






หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 02-05-2008, 00:53


ขยันตรวจสอบ ตรวจค้น จับเป็นขยายผล

ตัดเส้นทางไม่ชอบธรรมทั้งมวล

เทคโนโลยี เชิงป้องกันต้องสูงกว่าระดับชาวบ้านมากๆ

แต่ที่สำคัญคือ เกลือเป็นหนอน ดังนั้น

สรุปว่า ต้องเน้นการข่าวและการตรวจป้องกันทุกชนิดมากๆไว้ก่อน และต้องทำอย่างต่อเนื่องสนธิทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน


การเมืองภาครัฐ ต้องดูอยู่ห่างๆ



หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 03-05-2008, 21:37

ฝ่ายข่าวกรอง ต้องไม่มองแค่ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ต้องเข้าใจยุทธศาสการข่าวด้วย

ปัญหาการก่อการ้าย มันก็จะทำได้ยาก แต่ปัญหาของไทยเราในสามจังหวัดภาคใต้

ผมว่าเกิดจากคนต่างถิ่น ไปแหย่พวกที่เขาดุหน่อยไม่ยอมให้ข่มเหง จนเป็นปัญหาเรื้อรัง

เกิดตะกอนความเกลียดชังกันรุนแรง นี่ดีว่าต่างชาติไม่ผสมโรงด้วยจริงจัง ไม่อย่างนั้นไทยเราอาจะเสียอธิปไตยในดินแดนบาส่วนไปแล้วก็ได้..


สรุปว่าคนไทยต้องหูหนักๆ และไม่หมกมุ่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากจนเกินไป แม้แต่เรื่องการเมืองหรืออำนาจก็ตาม  


หัวข้อ: VIS มีนาคม 51 : ‘เงียบแต่ไม่นิ่ง’ เหตุการณ์รุนแรงต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-05-2008, 00:49




VIS มีนาคม 51 : ‘เงียบแต่ไม่นิ่ง’ เหตุการณ์รุนแรงต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือน  
http://www.deepsouthwatch.org/index.php?l=content&id=243
ฐานงานวิจัย DSW | 2551-05-02 22:44:50
 พิมพ์ข่าวหน้านี้
 
 ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้

รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังการบาดเจ็บจากความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Violence-related Injury Surveillance - VIS) สรุปเหตุการณ์ในช่วงเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมาว่า มีเหตุการณ์ความรุนแรงจำนวน  44 ครั้ง มีจำนวนผู้บาดเจ็บ 148 ราย อัตราการบาดเจ็บ 4.4 ต่อแสนประชากรต่อเดือน มีจำนวนผู้เสียชีวิต 33 คน อัตราตาย 1 ต่อแสนประชากรต่อเดือน อัตราป่วยตาย (case fatality rate - CFR) ร้อยละ 22.3 มีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบในครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 134 คน

โดยเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ในเดือนมีนาคม 2551 ถือได้ว่าต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือนนับตั้งแต่ดำเนินการจัดทำระบบเฝ้าระวังฯ

เมื่อพิจารณาสัดส่วนของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมาพบว่ากระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบนอก คือ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด รองลงมาคือ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา, อำเภอเมือง, อำเภอยะรัง และ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ด้านสาเหตุการบาดเจ็บและตาย ส่วนใหญ่ยังคงมีสาเหตุมาจากวัตถุระเบิดและปืน โดยสถานที่เกิดเหตุหลักยังคงเป็น ถนน-ทางหลวง และบ้านหรือที่อาศัยส่วนตัว


 




หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-05-2008, 22:33


ในด้านตรวจค้นจับกุม ขณะนี้ต้องมุ่งไปที่ประเด็นอาวุธ ทั้งปืนและสิ่งที่สามารถนำไปทำระเบิดได้ทุกชนิด

ก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ในด้านความรุนแรงครับ ปล่อยให้พวกนี้ควงมีดไปก่อน :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-05-2008, 22:34

ระบบส่งข้อมูลติดขัด ก็คงไว้ข้อความเดียวครับ :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-05-2008, 20:26


การก่อการร้ายยุคใหม่ มันจะมาพร้อมกับข้อมูลข่าวสาร

แล้วก็สร้างความแตกแยกวุ่นวายภายในชาติได้มากกว่า

ชาวบ้านเป็นเหยื่ออีกตามเคยครับ และข่าวก็บิดเบือนกันได้ง่าย

โดยอาศัยพื้นความเชื่อเดิมของผู้รับสื่อ


หัวข้อ: เร่งซ่อม เสาไฟฟ้า 3 จว.ใต้
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-05-2008, 11:30
 เร่งซ่อม เสาไฟฟ้า 3 จว.ใต้  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhNREE0TURVMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB3T0E9PQ==
 เนื้อหา  การไฟฟ้าฯระดมเก็บกู้เสาไฟที่นราธิวาส หลังถูกโจรใต้ลักลอบถอดนอตจนล้มระเนระนาด ทำให้ไฟดับทั้งเมือง ท่ามกลางทหาร ตำรวจครึ่งร้อยคอยดูแลความปลอดภัย จากนั้นจะเก็บกู้เสาไฟฟ้าที่ยะลา และปัตตานี พร้อมประสานขอกำลังทหาร ตำรวจดูแลคุ้มกันเสาไฟฟ้า หวั่นคนร้ายลักลอบก่อเหตุซ้ำ ที่ยะลาคนร้ายประกบยิงลูกจ้างโรงไม้ยางพาราตายต่อหน้าเมียลูก ระหว่างขี่จยย.ไปทำงาน ส่วนที่นราธิวาส พบระเบิดบรรจุกล่องเหล็กซุกซ่อนไว้ในป่าละเมาะ ชาวบ้านมาพบก่อนแจ้งจนท.เก็บกู้ได้ทัน

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 7 พ.ค. ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บนถนนสายยะลา-วังพญา หมู่ 7 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงแจ้งให้พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผกก.สภ.เมืองยะลา ทราบ จากนั้นพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กวข 655 ยะลา ล้มคว่ำอยู่ในพงหญ้าข้างทาง พบศพนายวิชัย ศรีงาม อายุ 40 ปี ลูกจ้างโรงไม้ยางพาราไสว บ้านโสร่ง ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หน้าอก 1 นัด และที่เอว 1 นัด

จากการสอบสวนนางแมะ ตะเละ อายุ 39 ปี ภรรยาของนายวิชัย ทราบว่า ขณะที่นายวิชัยขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก จะไปทำงานที่โรงไม้ มีตนและด.ช.ชาญชัย ศรีงาม อายุ 4 ปี ลูกชายนั่งซ้อนท้ายไปด้วย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ประกบและยิงนายวิชัย 2 นัด ก่อนหลบหนีไป

ส่วนที่ จ.นราธิวาส วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผบ.กรมทหารพราน 45 เปิดเผยว่า จากการขยายผลการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบในระดับปฏิบัติการ ชื่อนายนัสรี มือลี ทำให้ทราบว่าผู้ก่อความไม่สงบจัดตั้งค่ายลับสำหรับฝึกอาวุธให้แก่กองกำลังบนเทือกเขาตะเว ตั้งอยู่บนบริเวณรอยต่อของป่าดงดิบ ในเขต อ.สุไหงปาดี เจาะไอร้อง จะแนะ และสุคิริน จ.นราธิวาส ทาง ฉก.3 นราธิวาส จึงมอบหมายให้ ฉก.กรมทหารพราน 45 และ ฉก.นราธิวาส 31 เปิดยุทธการตะวันเบิกฟ้า เริ่มระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 17 ก.พ. และระยะที่ 3 เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ในชื่อว่า "พิทักษ์นรา 06" ประกอบด้วยกำลังจากกองทัพอากาศ กองทัพเรือ ตำรวจ นปพ.ภ.จว.นราธิวาส และตชด.ที่ 14 ออกกวาดล้างพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มีหมายจับได้ 13 ราย

ต่อมาพบฐานที่มั่นของผู้ก่อความไม่สงบตั้งอยู่บนเขาตะเว สูงจากระดับน้ำทะเล 930 เมตร ใช้เวลาเดินทางทางอากาศจากค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง นานกว่า 30 นาที โดยจุดที่พบเป็นพื้นที่ภูเขาสูง มีสนามสำหรับฝึกอาวุธ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ ถ้ำโดยรอบ 3 แห่ง กว้างประมาณ 1 เมตร และลึกประมาณ 3 เมตร มีห้องบังคับบัญชาสั่งการ ห้องละหมาด สถานที่ประกอบอาหาร หลุมฝังวัสดุสิ่งของ มีโรงเรือนปลูกสร้างชั่วคราว 5 หลัง ของกลางที่ตรวจค้นและยึดได้ ได้แก่ ยุทธภัณฑ์ 38 รายการ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์และสิ่งของที่ใช้ในการดำรงชีพ อาหาร น้ำดื่ม เอกสารปลุกระดมภาษายาวี และหนังสือพิมพ์รายวัน โดยเฉพาะเสื้อยืดที่มีรายชื่อนักการเมืองในพื้นที่ และเสื้อแจ๊กเกตที่มีตราสัญลักษณ์ของหน่วยทหารของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคาดว่าจะเป็นครูฝึกการสังหารบุคคลที่มีความชำนาญจากประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับค่ายนี้รองรับกำลังคนได้ไม่น้อยกว่า 60 คน รองรับการใช้งานได้นาน

สำหรับการตรวจพบและทำลายฐานฝึกอาวุธของผู้ก่อความไม่สงบบนเทือกเขาตะเวครั้งนี้ ทำลายที่มั่นของหน่วยรบในเขต จ.นราธิวาสได้อย่างราบคาบ ส่งผลให้กองกำลังในเขตพื้นที่อื่นๆ ถูกกวาดล้างและสลายลงไปด้วย โดยแผนปฏิบัติการครั้งนี้จับกุมแกนนำได้ 24 คน เสียชีวิต 1 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย และยึดอาวุธปืน วัตถุระเบิด วิทยุสื่อสาร และอุปกรณ์ประกอบระเบิดได้กว่า 300 รายการ ไม้ซุง 87 ท่อน และไม้แปรรูป 1,200 แผ่น ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความพยายามของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่จะสถาปนาสันติสุข ด้วยสันติวิธีให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างแน่นอน

เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.ต.ประทีป สุขสาร สารวัตรเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบวัตถุต้องสงสัยซุกไว้ในบริเวณป่าละเมาะริมถนนในหมู่บ้านบาดง หมู่ 6 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.จำลอง งามเนตร ผกก.สภ.บาเจาะ พ.ต.ต.ฉลอง คงอินทร์ สว.นปพ.จ.นราธิวาส พ.ต.ต.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองวิทยาการ จ.นราธิวาส และนายสายัณห์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอบาเจาะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 ก.ก.ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล ภายในมีสายไฟฟ้าสีฟ้า ยาว 100 เมตร จำนวน 1 ขดซุกซ่อนไว้ภายในกระเป๋าด้วย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณดังกล่าวอย่างละเอียด พบว่าคนร้ายใช้กิ่งไม้ทำเป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายกากบาท ผูกไว้ที่ต้นไม้ริมถนน ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เพื่อจะใช้เป็นจุดนำระเบิดมาฝังไว้บนถนน เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ที่มักใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำ แต่โชคดีที่ช่วงคืนที่ผ่านมาฝนตกลงมาอย่างหนัก คนร้ายไม่สามารถนำระเบิดมาฝังไว้ได้ จึงซุกซ่อนไว้ในป่าละเมาะ เพื่อจะนำไปฝังดักสังหารเจ้าหน้าที่ในวันนี้ แต่ชาวบ้านพบก่อน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาเก็บกู้ไว้ได้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล รองผวจ.นราธิวาส เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่และอาศัยอยู่ในพื้นที่ 11 อำเภอของ จ.นราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจำนวน 113 ราย เป็นเงิน 14,348,485 บาท

จากนั้นเวลา 14.30 น. นายนิพนธ์ พร้อมด้วยพ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รองผบก.ภ.จว.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเดินทางไปอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับนายคณิต รัตนากรกุล ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการการไฟฟ้าภาคใต้ และพนักงานการไฟฟ้า รวม 50 คน นำเครื่องกลหนัก ประกอบด้วยรถเครน รถแบ๊กโฮรวม 3 คันเข้าซ่อมแซมโครงเหล็กของเสาไฟฟ้าแรงสูง 2 ต้นที่โค่นล้มอยู่ในป่าพรุ หลังหมู่บ้านตะโละมีญอ ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เมื่อกลางดึกวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยถอดน็อตโครงเหล็กที่ตอม่อ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันเดียวกัน

ด้านนายคณิตเปิดเผยว่า ชาวนราธิวาสจะมีกระแสไฟฟ้าใช้ปกติทั้งจังหวัด ประมาณเวลา 12.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ที่สำคัญพบว่ากลุ่มคนร้ายลักลอบถอดน็อตในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จนเสาโครงเหล็กของไฟฟ้าแรงสูงโค่นล้มทั้งสิ้น 10 ต้น ที่นราธิวาส 2 ต้น ยะลา 6 ต้น และปัตตานี 2 ต้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท เมื่อเก็บกู้เสาไฟฟ้าแรงสูงที่ จ.นราธิวาสแล้วเสร็จจะถอนกำลังไปเก็บกู้เสาไฟฟ้าแรงสูงใน จ.ยะลา และปัตตานีต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 10 วัน เรื่องดังกล่าวนี้จะมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ทางการที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

นายนิพนธ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้ทำหนังสือไปยังนายอำเภอทั้ง 13 อำเภอเพื่อขอความร่วมมือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุดชรบ. เพื่อจัดกำลังหมุนเวียนในการดูแลความปลอดภัยเสาไฟฟ้าแรงสูงที่พาดผ่านในแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้กลุ่มคนร้ายแฝงตัวเข้าไปก่อเหตุซ้ำ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของจังหวัด ทั้งการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งผู้ประกอบการโรงแรม ไปแล้วในระยะเวลา 2-3 วันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

 


หัวข้อ: ปัตตานี - ทหาร 3 จ.ใต้แจกใบปลิวประณามคนร้ายถอดน๊อดเสาไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-05-2008, 18:58


ชื่อเรื่อง   ปัตตานี - ทหาร 3 จ.ใต้แจกใบปลิวประณามคนร้ายถอดน๊อดเสาไฟ
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   โทรทัศน์ช่อง 3
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.becnews.com/data/regional.html#50
 เนื้อหา  กอ.รมน.ทำใบปลิวให้ตามจุดตรวจแจกต่อประชาชน ประณามคนร้ายถอดน๊อดเสาไฟฟ้า ทำให้ชาวบ้าน
เดือดร้อนไฟดับ



วันที่ 9 พค. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า และกองบัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้ทำเอกสารใบปลิวแจกจ่ายตามด่านจุดตรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีข้อความเป็นภาษาไทย และ
ภาษายาวี ประณามการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ลอบถอดน็อตเสาไฟฟ้าแรงสูงหลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัด
ชายแดนใต้ จนทำให้พี่น้องประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนลูกหลานจะท่องคัมภีร์อัลกุรอาน หรือหนังสือเรียน
ยามค่ำคืนก็ไม่สามารถทำได้ จึงขอให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันประณามต่อการกระทำที่สิ้นคิดในครั้งนี้




พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือทุกคนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้แนวเสาไฟฟ้าฟาดผ่าน หรือพบเห็นเหตุผิดปกติให้ช่วยกัน
ดูแลปกป้อง หรือแจ้งโทรศัพท์ที่ 1341 หรือ 1881 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง   
 


หัวข้อ: นายกฯได้ฤกษ์วันนี้ ลงพื้นที่ไฟใต้
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-05-2008, 13:00


ชื่อเรื่อง   หมักได้ฤกษ์วันนี้ ลงพื้นที่ไฟใต้  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   ข่าวสด
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPVEV3TURVMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB4TUE9PQ==
 เนื้อหา  ยะลาหวิดมืดอีก! ถอดนอตเสาไฟฟ้า



"หมัก"ได้ฤกษ์ลงใต้วันนี้ นั่งเครื่องลงที่หาดใหญ่ก่อนต่อเฮลิคอปเตอร์ไปปัตตานี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ-ทหาร"ชวน"กรีดอาสามาเป็นรัฐบาลแล้วต้องกล้าไปดูแลความทุกข์-สุขของพี่น้อง3จังหวัด หวั่นชาวบ้านหนีออกจากพื้นที่หมดจะแก้ปัญหาลำบาก ที่ อ.เทพาเอ็ม-16ยิงถล่มส.อบจ.สะบ้าย้อยดับสยอง ส่วนลูกชาย 2 คนบาดเจ็บสาหัส ระบุผู้ตายเป็นแกนนำป่วนใต้ ที่กรงปินังพบโจรถอดนอตเสาไฟฟ้าแรงสูงถึง 8 ต้น โชคดียังไม่โค่น

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 พ.ค. ร.ต.ท. ชานนท์ นวลนิ่ม ร้อยเวรสภ.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุยิงกันบนถนนสายลำไพล-สะบ้าย้อย พื้นที่ หมู่ 11 ต.ลำไพล อ.เทพา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ภายหลังได้รับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง รุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จอดเสียหลักอยู่ข้างทาง สภาพรถที่กระจกทั้ง 3 ด้านถูกกระสุนปืนจนแตกละเอียด ตัวถังรถมีรอยกระสุนปืนเจาะหลายรู ภายในรถพบศพนายหามะ ดอเลาะ อายุ 48 ปี อดีตส.อบจ.เขตอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 3 ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย เสียชีวิตอยู่ตรงที่นั่งคนขับ สภาพศพถูกยิงเข้าที่ศีรษะและลำตัวหลายนัด นอกจากนี้ยังพบผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ทราบชื่อคือนายไฟซอล ดอเลาะ อายุ 18 ปี และ ด.ช.นูรูอิสซาน ดอเลาะ อายุ 12 ปี บุตรชายนายหามะ ถูกกระสุนปืนเข้าที่แขนและลำตัวอาการสาหัส เจ้าหน้าที่นำตัวส่ง ร.พ.สะบ้าย้อย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม-16 ตกอยู่ 22 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนาย หามะขับรถคันดังกล่าวกลับจากทำธุระที่อ.หาด ใหญ่ พร้อมลูกชายทั้งสองคน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถยนต์กระบะสีดำแบบตอนเดียว ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน แซงขึ้นมาประกบ จากนั้นคนร้ายที่นั่งอยู่กระบะท้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม-16 กระหน่ำยิงจนรถของผู้ตายเสียหลักจอดข้างทาง กระสุนถูกนายหามะเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายได้เร่งเครื่องยนต์ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับสาเหตุของการสังหารครั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และการเมืองท้องถิ่น ซึ่งจะได้สืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ต่อไป สำหรับนายหามะทางฝ่ายการข่าวระบุว่าเป็นแกนนำระดับสั่งการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่

พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบถอดหมุดเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ จ.นราธิ วาส ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 กระจายกำลังตรวจสอบเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ อ.กรงปินังทั้งหมด ภายหลังการตรวจสอบก็พบว่ามีเสาไฟฟ้าแรงสูงถูกคนร้ายถอดนอตยึดเสาแล้ว 8 ต้น โชคดีที่ไม่ได้โค่นล้มเสียหายแต่อย่างใด หลังจากตรวจพบก็ได้ซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว จากนี้จะประชุมร่วมกับนายอำเภอกรงปินัง รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ใกล้แนวเสาไฟแรงสูง เพื่อวางมาตรการในการดูแล รวมทั้งประสานกับทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 ลาดตระเวนดูแล สังเกตความผิดปกติของเสาไฟฟ้าด้วย ในครั้งนี้ถือว่าเป็นความโชคดีที่ตรวจพบได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯและรมว.กลาโหม มีกำหนดจะเดินทางไปสร้างขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการทหารตำรวจและประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเดินทางไปถึงสนามบินหาดใหญ่ในเวลา 07.30 น.วันที่ 10 พ.ค. จากนั้นจะขึ้นเฮลิคอป เตอร์ไปยังชุมชนต่างๆในพื้นที่จ.ปัตตานี เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ ปัญหาภาคใต้ แม้จะมีฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่ แต่โดยหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย วันนี้ปัญหาภาคใต้ก็ยังมีอยู่ ความ***มโหดยังไม่เปลี่ยนและมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเหตุการณ์หลังสุดที่ใช้วิธีตรึงกับถนนเหมือนการตรึงกางเขน ซึ่งสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นยกเว้นคนในพื้นที่หรือคนที่ติดตามคือประชาชนย้ายออกนอกพื้นที่ ในระยะยาวถ้าประชาชนโดยเฉพาะชาวพุทธย้ายออกหมด เหลือแต่พี่น้องชาวมุสลิม การแก้ไขปัญหาจะยากขึ้น เพราะความหลากหลายมีส่วนช่วยทำให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้อย่างดีมาตลอด

"เข้าใจว่าความกลัวของรัฐมนตรีหลายท่านที่ไม่กล้าลงไปในพื้นที่ เป็นความกลัวโดยธรรมชาติ ของมนุษย์ แต่เมื่ออาสาเข้ามารับผิดชอบแล้วก็ต้องตัดความกลัวออกไป ต้องมีความกล้า เหมือนเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ เมื่อเขาสวมเครื่องแบบและได้รับมอบหมายก็ไม่มีสิทธิ์กลัว เพราะหน้าที่คือลงไปรับผิดชอบในพื้นที่ คิดว่าคนที่มารับผิดชอบทางการเมืองก็เช่นเดียวกัน" นายชวนกล่าวและว่า การแก้ปัญหาในภาคใต้ เราหนีไม่ได้ ต้องเผชิญความจริงและยอมรับความจริงว่าพลาดอย่าง ไร โดยไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา พร้อมลดเงื่อนไขเดิมให้น้อยลงไป

เมื่อถามว่าตรงนี้จะเป็นสัญญาณทำให้ความพยายามที่คนบางกลุ่มอยากจะแบ่งแยกดินแดนออกไปเป็นไปได้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า คนที่คิดร้าย คิดแบ่งแยกนั้นมีจริงๆ มีมานานแล้ว ไม่ ใช่เพิ่งมี แต่ไม่มากนักไม่ถึงขั้นจะเกิดเหตุร้ายอย่างนี้ ถ้านโยบายไม่พลาดแต่พอนโยบายพลาดบ้านเมืองก็เซไปเลย ถือว่าน่าเป็นห่วงแต่เราต้องหวังว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้ได้ เพราะสาเหตุไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติ ไม่เหมือนพายุไซโคลนหรือสึนามิ แต่เกิดจากคนเป็นผู้สร้างปัญหา ดังนั้นถึงจะยากแต่ก็แก้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องใช้เวลานานถึง 20 ปี อย่างที่นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวไว้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ถ้าทุกคนทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ตนไม่คิดว่าจะต้องใช้เวลานานถึงขนาดนั้น เพราะสาเหตุเกิดจากความผิดพลาดของคน


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-05-2008, 19:33


ก็ขอบคุณท่านนายกฯ คิดว่าในยุคสมัยของท่าน

ฝนคงตกได้ทั่วฟ้ากว่าหลายๆยุคสมัยที่ผ่านมา


เรื่องร้ายๆก็ให้เกิดกับคนร้ายละกันครับ.. อย่างน้อยก็ให้คนเหล่านั้นเป็นหมันสูญพันธุ์ไปให้หมด


หัวข้อ: เตือนแผน"แผ่นดินมืด-ท่วมเมืองสมัครลุยชายแดนใต้ครั้งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 11-05-2008, 07:09
ชื่อเรื่อง   เตือนแผน"แผ่นดินมืด-ท่วมเมืองสมัครลุยชายแดนใต้ครั้งแรก  
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0114100551&day=2008-05-10§ionid=0101
 เนื้อหา  เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม หน่วยข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ได้แจ้งเตือนให้กองกำลังหน่วยงานราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์จากปฏิบัติการการก่อเหตุร้ายของกลุ่มอาร์เคเค ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต จะใช้แผน "แผ่นดินมืด น้ำท่วมเมือง" โดยการก่อวินาศกรรมเสาไฟฟ้า สายส่ง ไฟฟ้าแรงสูง รวมทั้งสายส่งหม้อแปลงในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กองกำลังก่อวินาศกรรมได้ถอดน็อต ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงล้มไปแล้วกว่า 20 ต้นใน จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นการทดลองก่อวินาศกรรม เพื่อดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

กลุ่มอาร์เคเค กำหนดแผน "น้ำท่วมเมือง" คือหลังจากที่ทำให้ไฟดับมืดทั้งเมือง ก็จะก่อวินาศกรรมแหล่งน้ำ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในพื้นที่ จากนั้นจะเข้าซุ่มโจมตีหน่วยงานที่สำคัญในพื้นที่พร้อมๆ กัน จึงขอให้หน่วยงาน พลเรือน ตำรวจ ทหาร เตรียมพร้อมในการตอบโต้ และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน

สำหรับแผน "แผ่นดินมืด น้ำท่วมเมือง" เป็นหนึ่งในแผนบันได 7 ขั้น ของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต ที่เจ้าหน้าที่ทหารค้นพบในบ้านพักของนายมะแซ อุเซ็ง ผบ.กองกำลังติดอาวุธของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต

วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบถอดน็อตเสาไฟฟ้าแรงสูงใน จ.นราธิวาส จึงสั่งการให้ตำรวจประสานงานกับทหารกระจายกำลังตรวจสอบเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ อ.กรงปินัง ทั้งหมด พบว่าถูกถอดน็อตยึดเสาแล้ว 8 ต้น แต่โชคดีที่เสาไฟฟ้าแรงสูงทั้ง 8 ต้น ไม่ได้โค่นล้ม และซ่อมแซมแล้ว หลังจากนี้จะประชุมร่วมกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่อยู่ใกล้แนวเสาไฟแรงสูง เพื่อวางมาตรการดูแล

ขณะที่ พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เดินทางไปยังสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จ.นราธิวาส บ้านปลักปลา หมู่ 7 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส เพื่อแจ้งให้ทราบถึงมาตรการการดูแลความปลอดภัยแก่เสาไฟฟ้าแรงสูงที่พาดผ่าน จ.นราธิวาส รวม 428 ต้น โดยแบ่งพื้นที่ให้ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าลาดตระเวนดูแล ส่วนในพื้นที่ป่าเขาให้ทหารนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินลาดตระเวนดูแล

พ.ต.อ.โชติกล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกยิง ด.ต.อุสมานสาและ ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และ ส.ต.ต.ซัมรี ดาโอ๊ะ เสียชีวิตเหตุเกิดวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดออกหมายจับ 4 คน และจับตัวได้แล้ว 2 คน คือนายอาแซม มะโล๊ะ อายุ 35 ปี และนายอับดุลรอซัค สะแลแม อายุ 31 ปี

รายงานข่าวแจ้งว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งแรกนับจากรับตำแหน่ง

ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบที่ จ.ปัตตานีนั้น เกิดขึ้นเวลา 19.00 น. พ.ต.ท.นรัตน์ เทพเฉลิม รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งยางแดง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่ทำการองค์การบริการส่วนตำบล (อบต.) พิเทน หมู่ที่ 4 บ้านบือจะ ต.พิเทน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถดับเพลิง 3 คัน เข้าไปที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าคนร้ายได้ทิ้งตะปูเรือใบไว้บนถนนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องกวาดทิ้งข้างทางก่อนเดินทางไปที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณชั้นล่างของอาคาร เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงระงับเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบเป็นอาคารปูน 2 ชั้น ต้นเพลิงอยู่ชั้นล่าง ทำให้อุปกรณ์สำนักงาน เอกสาร ถูกเผาเสียหาย

ต่อมาเวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเพลิงไหม้ที่ทำการ อบต.น้ำดำ หมู่ที่ 2 ต.น้ำดำ นำกำลังเข้าไประงับเหตุ พบไฟกำลังลุกอาคารด้านใน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบเป็นอาคารปูนชั้นเดียว เพลิงได้เผาอุปกรณ์ โต๊ะเก้าและเอกสารเสียหายหมด เจ้าหน้าที่เชื่อเหตุเพลิงไหม้ทั้ง 2 แห่ง สาเหตุมาจากคนร้ายพยายามสร้างสถานการณ์
 
 วันที่เผยแพร่  10 พ.ค. 2551


หัวข้อ: นายกฯลุยจว.ใต้ครั้งแรกชื่นมื่น นราฯค้น84จุดจับ8ต้องสงสัย
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-05-2008, 12:29


ชื่อเรื่อง     นายกฯลุยจว.ใต้ครั้งแรกชื่นมื่น นราฯค้น84จุดจับ8ต้องสงสัย
 ผู้เขียน     -
 แหล่งข่าวหลัก     มติชน
 คอลัมน์ข่าว     เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL     http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0107110551&day=2008-05-11&sectionid=0101
 เนื้อหา    

นายกฯนำทีมลงภาคใต้ครั้งแรก พบปะผู้นำศาสนา ตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริ บอกดีใจทุกฝ่ายสานต่อโครงการ นำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาใช้แก้ปัญหาจนได้ผล ให้ผู้หลงผิดหยุดก่อเหตุวุ่นวาย เข้ารายงานตัวร่วมเสริมสร้างสันติสุข ทหาร-ตร.นราธิวาสปูพรมค้น 84 จุดทั่วจังหวัด จับ 8 ผู้ต้องสงสัย มีผู้ต้องหายิง 2 ตำรวจดับในหน่วยเลือกตั้งรวมอยู่ด้วย

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงไปรับทราบปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งแรก หลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 10 พฤษภาคม นายสมัครพร้อมด้วยนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และนายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 1231 ออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งนายสมัครได้พยายามหลบเลี่ยงการพบกับสื่อมวลชนที่มารอทำการสัมภาษณ์ โดยเมื่อลงจากรถยนต์ส่วนตัวได้เดินเข้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมืองทันที

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายสมัครต้องการลงพื้นที่ภาคใต้มาตั้งแต่ช่วงที่พรรคพลังประชาชนหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็พยายามหาเวลาเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้อยู่ตลอด แต่ด้วยภารกิจของนายกรัฐมนตรีที่มีมากมายจึงยังไม่สะดวกที่จะเดินทางลงไปสักที การเดินทางไปครั้งนี้ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมแล้ว ไม่ได้เป็นการลงพื้นที่แบบเร่งด่วน เพียงแต่ว่าไม่ได้เปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวทราบเท่านั้น

ต่อมานายสมัครพร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการเพื่อชุมชนเข้มแข็งและร่มเย็นบ้านสันติ 2 ตามพระราชดำริสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หมู่ 6 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา มี พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ให้การต้อนรับ

นายสมัครกล่าวว่า อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยใกล้ชิดประชาชนให้มากขึ้น และอยากบอกกับผู้ที่กำลังหลงผิดและก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะทุกฝ่ายต้องการความสงบสุข หากผู้ที่กำลังหลงผิดคิดเปลี่ยนใจก็สามารถเข้ามารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่และร่วมกันเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้

"การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ ผมรู้สึกดีใจ อบอุ่นใจที่เห็นทุกฝ่ายดำเนินงานสานต่อโครงการพระราชดำริ และได้นำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาจนประสบผลสำเร็จ" นายสมัคร กล่าว

เวลา 10.00 น. นายสมัคร และคณะเดินทางไปร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จากนั้นเวลา 14.00 น. เดินทางต่อไปที่มัสยิดกลาง จ.ยะลา เพื่อเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนาอิสลาม โดยมีนายอับดุลเราะแม เจ๊ะแซ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา มีอิหม่าม กรรมการมัสยิดพร้อมประชาชนต้อนรับ

นายสมัครกล่าวกับผู้นำศาสนาว่า สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยรวมดีขึ้น เพราะประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือมากขึ้น รัฐบาลขอยืนยันว่าการแก้ปัญหายึดแนวทางสันติวิธีและน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแก้ปัญหา คือ เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายสมัครพร้อมคณะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานดอนเมือง แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยบุคคลใกล้ชิดนายสมัครกล่าวว่า นายสมัครจะเล่ารายละเอียดการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ในรายการสนทนาประสาสมัครวันที่ 11 พฤษภาคม

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่เพื่อประเมินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยประเมินร่วมกันว่าหนทางที่ทำอยู่ยังน่าจะแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะเรื่องมวลชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงความร่วมมือของประชาชนโดยร่วมกับทางราชการในด้านการข่าวและเรื่องอื่นๆ ทำให้มองว่าเป็นหนทางที่น่าจะดีขึ้น ซึ่งการพยายามสร้างสิ่งบอกเหตุต่างๆ อย่างการล้มเสาไฟฟ้าหรือการพยายามวางเพลิง เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เห็นว่ามีความวุ่นวายในพื้นที่ เพื่อให้รับรู้มีความสามารถในการก่อความไม่สงบ แต่ฝ่ายรัฐได้พยายามหาวิธีการร่วมกับประชาชนเพื่อรักษาสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อย

"ขณะนี้ได้เน้นย้ำไปว่าให้ข้าราชการทุกฝ่าย รวมทั้งทหารที่ไปอยู่ใกล้ชิดประชาชนไปสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายและยากพอสมควร แต่จากการประเมินพบว่ากลุ่มคนที่บริสุทธิ์ยังมีอยู่มาก สำหรับการย้ายถิ่นฐานของชาวไทยพุทธในพื้นที่จะพยายามทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้และปัญหาน่าจะทุเลาลงแล้ว" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เดินทางไปศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อเป็นสักขีพยานในการทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ ศอ.บต.ใน 2 โครงการ คือ โครงการข้าว เป็นเงิน 2.4 ล้านบาท และโครงการเลี้ยงแพะในสวนปาล์ม เป็นเงิน 19.6 ล้านบาท นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังเป็นประธานในการมอบใบอนุญาตสิทธิใช้ประโยชน์ที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 103 ราย ด้วย

นายสมศักดิ์กล่าวถึงข้อตกลงเอ็มโอยูว่า เพื่อพัฒนาให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรดีขึ้น โดยหลังจากทำข้อตกลงไปแล้ว ทุกหน่วยงานในสังกัดสามารถจะดำเนินงานได้ทันทีเพื่อให้เป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด ทั้งการพลิกฟื้นผืนนาร้างให้ได้ใช้ประโยชน์อีกครั้ง โดยเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือสูงมาก ทั้งเรื่องของการเกษตร การเพาะปลูกลองกอง รวมถึงยางพารา ขณะนี้เกษตรกรส่วนใหญ่หันมาปลูกปาล์ม จึงต้องการองค์ความรู้ที่นำไปพัฒนาด้านการเกษตรมากขึ้น ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสงบสุขเร็วขึ้น

ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเวลา 04.00 น. พล.ต.ธีระชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส น.อ.นิเวศ บุตรศรี ผบ.ฉก.นาวิกโยธิน และ พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.นราธิวาส สนธิกำลังกว่า 1,000 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวม 84 จุด ใน 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส โดยควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบได้ 8 คน พร้อมของกลางเป็นยาเสพติด หม้อต้มใบกระท่อม และเงินสด หลายรายการ

โดยพื้นที่ สภ.บาเจาะ คุมตัวนายชัยณรงค์ นิลี อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.อุสมาน สาและ และ ส.ต.ต.ซัมรี ดาโว๊ะ เสียชีวิตที่หน่วยเลือกตั้ง นายก อบจ.นราธิวาส ซึ่งก่อนหน้านี้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน คือ นายอาแซ มะโร๊ะ และนายบัคราน แลนิ

พื้นที่ สภ.สุไหงโก-ลก ควบคุมตัวนายปาดือลี ดือราแม อายุ 30 ปี และนายมุฮ์ยี มาลากะ อายุ 34 ปี, พื้นที่ อ.ยี่งอ ควบคุมตัวนายเจ๊ะหะ หะสะรี อายุ 49 ปี, พื้นที่ สภ.แว้ง คุมตัวผู้ต้องหาคดีร่วมกันต้มยาเสพติดประเภทใบกระท่อม คือ นายมือดี ลิแจ อายุ 20 ปี และนายแวอัสรี อูเซ็ง อายุ 20 ปี, พื้นที่ สภ.เจาะไอร้อง คุมตัวนายนูรีซัม เจาะเลาะ อายุ 27 ปี ได้พร้อมของกลางยาบ้า 7 เม็ด และพื้นที่ สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส คุมตัวนายรุสมัน อาลี อายุ 30 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 130 เม็ด และเงินสด 1,700 บาท

เวลา 07.30 น. ที่โรงเรียนศรีนคร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานตักบาตรทำบุญถวายสังฆทานพระภิกษุ 226 วัด ครั้งที่ 36 มีพระเทพวีราภรณ์ เจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ กิจกรรมครั้งนี้เป็นการรวมกันของกลุ่มชาวไทยใน อ.หาดใหญ่ คณะสงฆ์จังหวัดสงขลา ศูนย์กัลยาณมิตรนราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา และหาดใหญ่ จัดทำบุญถวายสังฆทานช่วยเหลือพระสงฆ์ 226 วัด ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สืบเนื่องจากปัญหาความไม่สงบ ส่งผลกระทบต่อพระสงฆ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะวัดที่อยู่ห่างไกล ประชาชนไม่ค่อยจะกล้าเดินทางไปทำบุญ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจึงจัดกิจกรรมขึ้น มีประชาชนร่วมพิธีประมาณ 200 คน


หัวข้อ: นายกฯสมัครเผยจนท.ทำงานกันถี่ถ้วนอยู่แล้ว ชี้สถานการณ์ 3 จังหวัดค่อยยังชั่วขึ้น 4
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-05-2008, 16:04
 แหล่งข่าวหลัก     มติชน
 คอลัมน์ข่าว     เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL     http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0110120551&day=2008-05-12&sectionid=0101
 เนื้อหา    "สมัคร"เผยลงใต้ไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ จนท.ทำงานกันถี่ถ้วนอยู่แล้ว ชี้สถานการณ์ 3 จังหวัดค่อยยังชั่วขึ้น 4 อำเภอสงขลายังไม่มีโรคแทรกซ้อน นัดประชุม 14 พ.ค. จี้มหาดไทยลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน เล่าขากลับเจอเหตุตื่นเต้น แอร์บัสเจอหลุมอากาศสั่นรุนแรง ส่ายกระด็อกกระแด็กก่อนร่อนลงจอดดอนเมือง

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ถึงการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เป็นประธานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) รองประธาน กอ.รมน. คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จึงต้องไปดูแลรับผิดชอบ ในการเข้ามาบริหารบ้านเมือง หากมีโอกาสหรือถึงเวลาก็ไป แต่การไปของตนใครจะตำหนิก็แล้วแต่ แต่ไม่ควรออกข่าวล่วงหน้า เพราะไม่ต้องการเอาใครไปเป็นพรวน เจ้าหน้าที่เอาเฮลิคอปเตอร์มารับ อธิบายเส้นทางให้ดู ใช้เวลาไม่มาก โดยดูจากข้างบน ได้ดูเส้นทางการวางท่อก๊าช จากนั้นบินเข้า จ.ยะลา เหนือเขื่อนบางลาง ไปดูที่เกิดเหตุในหมู่บ้านที่ชาวบ้าน 200 คน 40 ครอบครัว มาโจมตีและฆ่ากันจนต้องหนีเข้าไปอยู่ที่วัดในอำเภอเมือง

"จากสันเขื่อนเข้าไป 11 กิโลเมตร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ไม่ให้คนไทยทิ้งถิ่น ไม่ว่าพุทธหรืออิสลาม พระราชทานว่า จะต้องทำให้อยู่ให้ได้ ต้องเอาชนะ เราต้องอยู่ในแผ่นดินของเราให้ได้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก็รับสั่งเข้าไปจัดการ ทำหมู่บ้านสันติ 2 ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่านี่แผ่นดินของเรา เราหนีไม่ได้ต้องอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่บังคับ แต่ทำให้เห็นให้มีความปลอดภัยแล้วเอากลับมา มีสุขศาลาอย่างดี มีพยาบาล ผสมกันพุทธร้อยละ 20 อิสลามร้อยละ 80 แต่ทำงานร่วมกัน เวลานี้ถ้าใครขายที่ เราต้องซื้อทันที ไม่อย่างนั้นถ้าคนอื่นมาซื้อจะมีปัญหา โดยวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ผมจะประชุมเป็นครั้งที่ 2 โดยกระทรวงมหาดไทยจะเข้าไป อยากให้กระทรวงมหาดไทยลงไป และเข้าไปถึงราษฎรใกล้ชิด" นายกฯกล่าว

นายสมัครกล่าวว่า สำหรับการเดินทางไปค่ายสิรินธร จ.ยะลา เยี่ยม 2 ส่วน 4 หน่วย จากที่ฟังรายงานแล้ว ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ทำกันถี่ถ้วน สถานการณ์นั้นในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ขอใช้คำว่าค่อยยังชั่วขึ้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ค่อยยังชั่วขึ้น คือ โรคยังไม่แทรกตรง 4 อำเภอ แล้ววิธีใหม่ 6 เดือนที่ผ่านมา ในอดีตในระยะเวลา 1 เดือน จะมีการก่อเหตุใน 4 อำเภอ จ.สงขลา 20-30 ราย แต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เหลือเพียง 2 ราย แปลว่าค่อยยังชั่วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ไปพูดจาดูหมิ่นดูแคลน ไม่ได้ไปท้าทาย เดี๋ยวมาล่อนายกฯเป็นต้นเหตุ แต่บอกว่า ถ้าเผื่อเลิกกันได้ ก็อยากจะขอว่าถอยเข้ามา มีวิธีการรองรับ กลับเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างสงบ มามอบตัว เห็นแล้วว่าก็พอเอาอยู่

"ฟังทั้งหมดแล้วก็ไม่ได้สั่งเสียอะไร ได้ข้อคิดมาจากตำรวจ อธิบายหมดว่า คดีความเป็นอย่างไร ฟังแล้วเข้าใจถึงสาเหตุ เมื่อรู้ถึงเหตุแล้ว แบบพระพุทธเจ้ารับสั่ง เราจะดับเหตุได้ แต่การดับเป็นเรื่องยาก ผมบอกว่าช้านิดหนึ่งไม่เป็นไร แต่ขอให้ดับและทำเข้าที่เข้าทาง ลดความถี่ต่างๆ ลงไป นอกจากนี้ยังได้เจอ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ได้รู้ว่านิติวิทยาศาสตร์เข้าไปเกี่ยวข้องมากมาย มีการตรวจสอบ มีการจับกุมย้อนหลัง 1-3 ปี ศาลเชื่อเรื่องดีเอ็นเอ ลงโทษประหารชีวิตด้วย เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา มีการจับใหญ่ผู้ต้องหาปล้นปืนเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 เจ้าหน้าที่รู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร และใช้วิธีนุ่มนวลในการดำเนินการ ผมได้ปรุงอาหารและตักเลี้ยงทหารด้วยเพื่อขวัญกำลังใจ แล้ววันข้างหน้าถ้ามีโอกาสจะต้องลงไปดูอีก จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร น่าจะถึงเวลาที่เหตุการณ์จะเรียบร้อยสักที สถานการณ์ดีขึ้น ขอให้กำลังใจตำรวจ ทหาร ที่ไปช่วยกันกอบกู้สถานการณ์บ้านเมือง" นายสมัครกล่าว

นายสมัครเล่าด้วยว่า หลังจากออกเดินทางจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาค เพื่อกลับ กทม.เมื่อสิ้นสุดภารกิจตรวจเยี่ยมแล้ว ได้เดินทางกลับด้วยเครื่องบินแอร์บัส 300-600 ซึ่งนักบินนำเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเรียบร้อยดี โดยปกติจะชอบนั่งเก้าอี้ริมตรงหน้าต่าง ตามกำหนดเครื่องบินจะมาถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 16.00 น. ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าขณะที่บินอยู่ภาคใต้ไม่มีปัญหา อากาศครึ้มฝนนิดหน่อย โดยฝนก็ไม่ตก แต่พอบินอยู่เหนือรังสิต เตรียมจะกางล้อลงปรากฏว่าเครื่องบินสั่นอย่างรุนแรง

"โอ้โฮ! มันสั่นกระด๊อกกระแด๊กๆ เครื่องลำมหึมาสั่นแรงมาก อย่างนี้เขาเรียกไปเจอหลุมอากาศ แต่มันอยู่ใกล้พื้นดิน ถ้าเจอหลุมอากาศหนักๆ ไปเจอแบบที่ตกวูบ เครื่องจะกระแทกพื้นทันที เจอข้างบนตกเป็นร้อยเมตรก็ไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เหตุการณ์อยู่ใกล้ทางจะลง เครื่องบินลำมหึมาจึงส่ายกระด๊อกกระแด๊ก นักบินตัดสินใจพัวะดึงเครื่องบินขึ้นเลย ต้องขึ้นบินอ้อมเลยไปทางจรัญสนิทวงศ์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตีวงนำเครื่องลงทวนลม ซึ่งที่สนามบินดอนเมืองนี้ ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน นักบินจะนำเครื่องลงจากทางรังสิต แต่พอถึงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ลมจะพัดกลับ จะต้องนำเครื่องลงจากทางในเมือง ผมยังนึกถึงคราวที่รังสิตคราวก่อนก็แบบนี้ เครื่องลดระดับลงแล้ว มาเจอลมที่ปั่นอยู่ข้างล่าง ถ้าฝืนลงเครื่องก็จะตกกระแทก ครั้งนี้รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย แต่เรียบร้อยปลอดภัยดี" นายสมัครกล่าว

ขณะที่สถานการณ์ในพื้นที่นั้น ศูนย์ประสานงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ จ.ยะลา สรุปเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ว่า คนร้ายลอบถอดน็อตยึดเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ อ.รามัน 3 จุด จุดแรกที่หมู่ที่ 2 บ้านบาตะตีงี ต.กอตอตือระ อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 2 ต้น จุดที่สอง หมู่ที่ 3 บ้านบาลูกา ต.กะลูปัง อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 1 ต้น จุดที่ 3 บริเวณพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา ทหารชุดเฉพาะกิจที่ 16 ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านบัวทอง หมู่ 2 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา พบคนร้ายลอบถอดน็อตเสาไฟฟ้าแรงสูง ส่งกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนบางลางไปยัง อ.เบตง ล้มไปจำนวน 2 ต้น

พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จว.นราธิวาส กล่าวว่า ตำรวจภูธร จว.นราธิวาส นำเครื่องอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีหมายจับ, บุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวโยง หรือพัวพันกับการก่อเหตุความไม่สงบไว้แล้ว มาตรวจสอบบัตรประชาชนที่ผ่านด่านตรวจ 2 จุด คือ ด่านตรวจปลักปลา หมู่ 7 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส เป็นปากทางเข้าตัวเมืองจาก จ.ปัตตานี และด่านตรวจบ้านกาเสาะ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ปากทางเข้าตัวเมืองจาก อ.ระแงะ สามารถตรวจสอบและจับกุมตัวบุคคลต้องสงสัย รวมถึงรู้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายขึ้น

 วันที่เผยแพร่    12 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล    12 พ.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไป
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-05-2008, 19:18



กระทู้จะตกหน้าแล้วภาคใต้ยังไม่สงบดี แต่ก็อย่างที่เรียน

เหลือแต่โจรกระจอกจริงๆ ก่อนรัฐบาลสมัครและท่านอนุพงศ์ พ้นหน้าที่

คือประมาณหนึ่งปีจากนี้



หัวข้อ: 35 ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้ ต.ปางปอ นราฯทำพิธีถอนสาบาน
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-05-2008, 18:31


35 ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้ ต.ปางปอ นราฯทำพิธีถอนสาบาน

     
วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2008 14:45น. 
แวดาโอ๊ หะไร
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศราฯ
 เมื่อเวลา 09.20 น. วันนี้ ( 15 พ.ค. ) ที่มัสยิดกลางประจำประจำจังหวัดนราธิวาส นายธนน เวชกรกานนท์ รอง ผวจ.นราธิวาส นายยาพา วัจนเลิศกุล รองประธานคณะกรรมการอิสลาม
จ.นราธิวาส พ.อ.สุริยา ปาวรีย์ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาสและนายสมเกียรติ สุวรรณนิมิตร นายอำเภอเมืองนราธิวาสได้ร่วมกันเดินทางมาเป็นสักขีพยานในการแสดงตัวเพื่อความบริสุทธิ์ใจของกลุ่มผู้ต้องสงสัยก่อเหตุป่วนใต้ที่มีบัญชีทำเนียบตามหมายพรก. โดยแยกเป็นชาย 25 คน หญิง 10 คน รวมทั้งสิ้น 35 คนซึ่งมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านตะโล๊ะแน็ง ม.4 ต.บางปอ
อ.เมืองนราธิวาส

 ซึ่งก่อนจะเข้าสู่การทำพิธีถอนซูเปาะหรือถอนคำสาบานนั้น นายยาพา วัจนเลิศกุล รอง ปธ.คณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาสได้ร่วมกับนายมะยูโซ๊ะ เจ๊ะกูโน กรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส
ทำการบรรยายธรรมเพื่อชี้สิ่งที่ถูกและผิดให้กับผู้หลงผิดได้รับทราบ ถึงผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของประเทศชาติรวมถึงการบั่นทอนความเจริญด้านการพัฒนาด้านต่างๆ
พร้อมทั้งชี้แนวทางเดินเพื่อที่จะได้นำหลักคำสั่งสอนของศาสดาไปปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปปลุกระดมชวนเชื่อนำไปสู่ทางเดินทางที่ผิดๆได้อีกเหมือนครั้งที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกคนต้องจดจำ
 

หลังจากรับฟังคำบรรยายธรรมและกระทำพิธีถอนซูเปาะหรือถอนคำสาบานแล้วเสร็จผู้หลงผิดชายและหญิงทั้ง 35 คนได้ร่วมกันปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯว่าทุกคนจะกลับตัวกลับใจเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติพร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทางการในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้คลี่คลายไปในทางที่ดีเพื่อให้ความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศชาติต่อไป.

..............


หมายเหตุ เม.ย.ปักษ์หลัง ยะรัง-หนองจิก เกิดเหตุมากสุด ยอดเหยื่อขยับขึ้น 3,056 ราย  วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2008 01:20น. 
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศราฯ


 


หัวข้อ: อนุมัติ5.8หมื่น ล.พัฒนาชายแดนใต้ สมัครพอใจผลงาน-เปิดทางมอบตัว
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-05-2008, 18:35


ชื่อเรื่อง   อนุมัติ5.8หมื่น ล.พัฒนาชายแดนใต้ สมัครพอใจผลงาน-เปิดทางมอบตัว
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   มติชน
 คอลัมน์ข่าว   เซกชั่น ข่าวหน้า 1
 URL   http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0128140551&day=2008-05-14§ionid=0101
 เนื้อหา  ที่ประชุมคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ พ.ศ.2551-2554 ตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ วงเงิน 58,039.35 ล้านบาท ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ คือ 1.ยุทธศาสตร์การคุ้มครองความปลอดภัย อำนวยความเป็นธรรมเพื่อความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐและสร้างภูมิคุ้มกันแก่คนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 36 โครงการ 2.ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้แก่ผู้มีรายได้น้อยให้พึ่งพาตัวเองได้ จำนวน 83 โครงการ 3.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนเพื่อเสริมสร้างโอกาสการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิต จำนวน 104 โครงการ 4.ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความเข้มแข็งฐานเศรษฐกิจของพื้นที่และการพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ จำนวน 135 โครงการ และ 5.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ

ก่อนเข้าสู่วาระ นายสมัคร สุนทรทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานกล่าวต่อที่ประชุมว่า ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปในช่วงวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น รู้สึกพอใจในผลงาน วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว มีเหลือที่ยังยุ่งยากอยู่บ้างเล็กน้อย ตำรวจและทหารในพื้นที่แจ้งว่าอยากให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปให้ใกล้กว่านี้เพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน สถานการณ์ต่างๆ คงจะเอาอยู่พอสมควร แต่ถ้ามหาดไทยเข้าไปด้วยก็จะดีขึ้น  

"นโยบายของผมไม่อยากให้อาละวาดฟาดฟันกัน หนทางมีอยู่แล้ว ถ้าเขากลับตัวกลับใจก็พอมีช่องทางให้ มากันถึงขั้นนี้แล้วหากจะยุติกันได้ด้วยดี อย่าไปยอกย้อนอะไรกันอีก หากหลงผิดถ้ามาได้ก็กลับมาอยู่ ถ้าไม่อยากอยู่จะไปอยู่ที่อื่นก็ไป" นายสมัครกล่าวเริ่มต้นการประชุม

ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานแก้ไขปัญหา โดยมอบให้สำนักงานข้าราชการพลเรือนเชิญหน่วยงานต่างๆ มาปรึกษาเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน่วยงานระดับศูนย์หรือสำนักในทุกกระทรวงเพื่อรับผิดชอบการศึกษา วิเคราะห์ และเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อกระทรวง และว่า พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 รายงานว่าวิธีการต่างๆ เริ่มเข้ามาในระบบแล้ว คาดว่าจะสงบโดยเร็ว นายกฯแสดงความพอใจโครงการทั้งหมดที่เสนอ และพร้อมจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ และเตรียมจะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก แต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลา
 
 วันที่เผยแพร่  14 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  14 พ.ค. 2551


หัวข้อ: มือระเบิดป่วนยะลาจนมุมในร้านเน็ตถูก จนท.จับ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-05-2008, 15:37
ชื่อเรื่อง     มือระเบิดป่วนยะลาจนมุมในร้านเน็ตถูก จนท.จับ   :slime_agreed: :slime_cool:
 ผู้เขียน     -
 แหล่งข่าวหลัก     ไทยรัฐ
 คอลัมน์ข่าว     หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันนี้
 URL     http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=89990
 เนื้อหา    ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ (16 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ยังคงใช้แผนปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเข้าตรวจค้นปิดล้อมเพื่อจับกุมผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ เพื่อเป็นการกดดันไม่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหวได้

ล่าสุด จากการเข้าตรวจค้นภายในร้านอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง ภายในเขตเทศบาลนครยะลา จ.ยะลา ซึ่งสืบทราบว่ามีแนวร่วมเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบได้ ทราบชื่อคือ นายปัญญา ปิง อายุ 26 ปี เป็นชาว อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาร่วมกับพวกวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลารวม 9 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

 

จากการสอบสวนในเบื้องต้น
 วันที่เผยแพร่    16 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล    16 พ.ค. 2551

.....


ชื่อเรื่อง     รวบแนวร่วมป่วนใต้ วางบึ้มยะลามาแล้ว 8ครั้ง
 ผู้เขียน     -
 แหล่งข่าวหลัก     เดลินิวส์
 คอลัมน์ข่าว     อาชญากรรม
 URL     http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=164088&Newstype=1&template=1
 เนื้อหา    

วันนี้ (16 พ.ค.) เมื่อ เวลา 10.00 น.  พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ  สงวนสมบัติศิริ   ผกก.สภ.เมืองยะลา  ประสานเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจยะลา 11  นำกำลังเข้าจับกุมนายปัญญา  ปิง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 6 ต.บางขุนทอง  อ.ตากใบ จ.นราธิวาส  ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ จส.549/51 ลงวันที่ 13 พค 51 ในข้อหา ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่า ผลิต เคลื่อนย้ายวัตถุระเบิด  ทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น ก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร สะสมกำลังพลหรืออาวุธ หรือรับการฝึก ยุยงประชาชนให้เข้ามามีส่วนก่อการร้าย เพื่อก่อการร้าย ได้ที่ร้านอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง ย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา  เบื้องต้นจากการสอบสวน นายปัญญา ได้ให้การปฎิเสธ

อย่างไรก็ตามจากรายงานระบุพฤติกรรมของนายปัญญา ว่า เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ จ.ยะลา หลายคดีคือ  1.เหตุระเบิดภายในมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา   2.เหตุคาร์บอมหน้าโรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์   3.เหตุระเบิดแผงขายอาหารเช้าที่ปากซอย 11 ถนนผังเมือง 4   4.เหตุระเบิดหน้าแผงขายเนื้อหมูตลาดสดเมืองใหม่   5.เหตุระเบิดหน้าแผงขายอาหารตลาดเมืองใหม่   6. เหตุระเบิดหน้าร้านอาหารพี่แดง  7.เหตุระเบิดหน้าร้านอาหารเจ้แดง   และ  8.เหตุ จยย.บอม ปากซอยวิฑูรอุทิศ 1 ย่านตลาดเก่า

ทั้งนี้ยังพบว่านายปัญญา เป็นสมาชิกกลุ่มแนวร่วมกลุ่มเดียวกับนายอิสมาแอ  ปะจู   มือประกอบระเบิดที่ปฎิบัติการอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา  และยังเป็นกลุ่มเดียวกับนายฟาเดว  จิใจ  ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไปก่อนหน้านี้.
 วันที่เผยแพร่    16 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล    16 พ.ค. 2551


หัวข้อ: จับ 1 ผู้ต้องหาคดีฆ่า 2 นย.ตันหยงลิมอได้ที่ระแงะ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-05-2008, 15:38


ชื่อเรื่อง     จับ 1 ผู้ต้องหาคดีฆ่า 2 นย.ตันหยงลิมอได้ที่ระแงะ
 ผู้เขียน     -
 แหล่งข่าวหลัก     สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
 คอลัมน์ข่าว     ข่าวอิศรา
 URL     http://www.tjanews.org/cms/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3569&Itemid=47
 เนื้อหา    เมื่อค่ำวันที่ 15 พ.ค. ณ ห้องประชุม สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ท.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.ฉก.นราธิวาส 38 นายประคอง คงแก้ว นายอำเภอระแงะและ พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง จำนวน 150 นาย ใช้กฎอัยการศึกในการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน  3 จุด ในพื้นที่บ้านบาโงแยะ ม.2 ต.ตันหยงลิมอ หลังสืบทราบพบกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้แฝงตัวเคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงเปิดเทอม

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการตรวจค้น ประมาณ 3 ชั่วโมง ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาสและผู้ต้องสงสัยก่อเหตุป่วนใต้ได้จำนวนทั้งสิ้น 5 คน ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักทั้ง 3 จุดพร้อมของกลาง จำนวน 18
รายการ ที่ใช้ในการประกอบระเบิดและใช้เคลื่อนไหวในป่า ซึ่งผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยประกอบด้วย 1.นายซากะรี มะรือสะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ 651/2548 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2548 ซึ่งร่วมกับพวกที่หลบหนีฆ่า เรือเอกวินัย นาคะบุตรและจ่าเอกกำธร ทองเอียด 2 นาวิกโยธินเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2548 เหตุเกิดภายในอาคารเอนกประสงค์หมู่บ้านตันหยงลิมอ 2.นายแวบือราเฮง แวเต๊ะ 3.นายมะรอดือรัน ดูเซ็ง 4.นายซาวาวี ปูเต๊ะ และ5.นายฟาอิส บูละ

สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านพัก จำนวน 18 รายการ ประกอบด้วย 1.ตู้เชื่อมไฟฟ้า ใช้สำหรับประกอบกล่องเหล็กเพื่อบรรจุระเบิด 2. ลวดเชื่อม 3.โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง 4.หัวแร้งเชื่อมวงจรอีเล็กทรอนิกส์ 5.กางเกงลายพรางทหาร 6.น็อตพร้อมสกรู 7.ชุดหูฟังโทรศัพท์มือถือ 8.เปลสนาม 9.ที่ชาร์ทโทรศัพท์มือถือ 10.ผ้าพันคอ 11.ไฟฉาย 12.เสื้อเชิ๊ตลายสก๊อต 13. ผ้าถุง 14.กระเปาคาดเอว 15.กระเป๋าสะพาย 16.เสื้อลายพรางทหาร 17.เกราะเคาะสัญญาณเตือนภัย 18.ถ่านไฟฉาย และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้แถลงข่าวแล้วเสร็จได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งได้ส่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย ส่งศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อสอบสวนขยายผลต่อไปแล้ว หากพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัวกลับภูมิลำเนาต่อไป.
 วันที่เผยแพร่    16 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล    16 พ.ค. 2551


หัวข้อ: ปะทะRKKเดือดดับ2ศพ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 20-05-2008, 00:53
ชื่อเรื่อง   ปะทะRKKเดือดดับ2ศพ   
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   สยามรัฐ
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.siamrath.co.th/UIFont/NewsDetail.aspx?cid=107&nid=14077
 เนื้อหา   เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 17 พ.ค. 51 จ.ส.อ.ปรารถนา ศรีประมวล รอง ผบ.ร้อย ทพ. 4610 ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ร.4307 จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการณ์  ทำการลาดตระเวนพิสูจน์ทราบกลุ่มกองกำลังติดอาวุธกลุ่ม RKK บนเทือกเขาเมาะแต ช่วงบริเวณหลังหมู่บ้านน้ำเย็น ม.7ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส  ที่จะมารับเสบียงและประชุมวางแผนกับสมาชิกแนวร่วมในหมู่บ้าน เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงเปิดเทอม และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้เดินลาดตระเวนภายในป่ารกทึบบนเทือกเขา พบกองกำลังติดอาวุธ จำนวนกว่า 10 คน ได้แยกกำลังออกเป็น 3 ชุด และเมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ กลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK จึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามและเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม.79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นเวลา นานกว่า 20 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK ถูกยิงตายในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ศพ

                ต่อมา นายธนน เวชกรกานนท์ รอง ผวจ.นราธิวาส พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสาตร์ และ ร.ต.ท.บุญเสริม แกล้ววาที ร้อยเวร สภ.จะแนะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องเดินเท้าด้วยเท้าขึ้นไปบนยอดเขาเมาะแต ระยะทางเกือบ 2 ก.ม. ในสภาพที่รกและชัน

                เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพลิกศพกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่ถูกยิงตาย 2 ศพ โดยศพแรกนอนตามจมกองเลือดอยู่ใต้โคนต้นไม่ใหญ่ ในสภาพนุ่งกางเกงลายพรางแบบทหารใส่เสื้อยืดสีดำ ในมือถืออาวุธปืนสงคราม อา.ก้า. และสะพายเป้สีดำ ซึ่งภายในอาหารประเภทกระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนในกระเป๋ากางเกงมียาบ้า กว่า 10 เม็ด กระสุนปืน อา.ก้า.จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนพรุนทั้งร่าง ทราบชื่อ คือ นายยาการียา  เจ๊ะเฮง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.7 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และห่างไปประมาณ 20 เมตร พบศพนายยาการียา ยะฮายอ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 323 ม.11 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ในสภาพแต่งกายเหมือนนายยาการียา  เจ๊ะเฮง นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ข้างท่อนไม้ใหญ่ ในมือถืออาวุธปืนสงคราม อา.ก้า. และข้างตัวมีกระสอบปุ๋ยภายในบรรจุ สายไฟฟ้า 1 ขด สำหรับใช้ในการจุดชนวนระเบิดลอบสังหารเจ้าหน้าที่ และยังมีเสบียงอาหารซึ่งเป็นเครื่องกระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง กัญชาแห้งและเปลสนาม

                ซึ่งการชันสูตรพลิกศพในครั้งนี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ทำการตรวจสอบดี.เอ็น.เอ.ของผู้ตายทั้ง 2 ศพ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักจุดเกิดเหตุต่างๆว่าผู้ตายทั้ง 2 คน ได้ร่วมกับพวกก่อเหตุร้ายที่ใดบ้าง

                ในส่วนของกองกำลังติดอาวุธ RKK อีก จำนวน 8 คนซึ่งหลบหนีไปได้นั้น พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการณ์ ทำการลาดตระเวนสะกดรอยของกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีจากเทือกเขาเมาะแต เพื่อมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเขตรอยต่อในพื้นที่ อ.ศรีสาคร ของ จ.นราธิวาส ซึ่งห่างกันเพียง 1 ก.ม. และเป็นอีกเทือกเขาหนึ่งที่กลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK อีกชุดหนึ่งได้เคลื่อนไหวอยู่ และคาดว่าในช่วง 1 -2 วันนี้ อาจจะมีการปะทะกันอีกครั้ง เพราะกลุ่มดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่กดดัน จนไม่สามารถลงจากเทือกเขา เพื่อแฝงตัวเคลื่อนไหวในพื้นที่ราบได้
 
 
 วันที่เผยแพร่  17 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  17 พ.ค. 2551


หัวข้อ: KPI offers new course on solutions to violence
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 20-05-2008, 18:23


ชื่อเรื่อง   KPI offers new course on solutions to violence  
 ผู้เขียน   ACHARA ASHAYAGACHAT
 แหล่งข่าวหลัก   Bangkok Post
 คอลัมน์ข่าว   General News
 URL   http://www.bangkokpost.com/News/20May2008_news11.php
 เนื้อหา  King Prajadhipok's Institute (KPI) is offering a modular degree course for senior policy makers this year on the theme of solutions to the violence in the restive South.

''Our society needs to discuss things with those who have different points of view. The Peace and Harmony College under the King Prajadhipok's Institute was set up to promote the exchange of knowledge and experience between religious and community leaders, the media, and government agencies including the military,'' said Gen Ekkachai Srivilas, director of the new KPI college.


The college is only accepting applications until the end of this month and the nine-month course will start early next month, said Gen Ekkachai, former deputy director of the National Defence College and head of the NDC Think Tank Alumni organisation.


More than half of the 60 students are invitees including Pol Lt-Gen Adul Sangsingkaew, human rights activist Angkhana Neelaphaijit, directors of Yala and Pattani Islamic colleges, and the deputy chiefs of three army regions operating in the South, he said.


''Thailand does not need conformity; we need a peaceful co-existence with differing opinions, ideas and faiths respected. Therefore, understanding each other is important in creating mutual trust,'' he said.


Students will study various issues such as stateless people, ethnic minorities in Thailand, the social and economic structures of the Northeast, globalisation, environmental issues and the southern violence, said Gen Ekkachai.


The course will also include short overseas trips and discussions.
 
 วันที่เผยแพร่  20 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  20 พ.ค. 2551


หัวข้อ: ชาวบ้าน อ.ยะหากลับใจ ขุดอาวุธ-เสบียงฝังดิน มอบให้ผู้ว่าฯ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 21-05-2008, 03:11
http://www.isranews.org/cms/

ชาวบ้านมุสลิมอ.บันนังสตา เดินทางกลับหมู่บ้าน หลังหนีภัยร้ายไปเกือบปี  
ข่าวสารทั่วไป 
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 15:43น. 
อะหมัด รามันสิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศราฯ
          เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 20 พฤษภาคม ที่บริเวณลานหน้าสุเหร่าหมู่บ้านตาเอียด  หมู่ที่
5 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายกฤษฏา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาฝ่ายความมั่นคง พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.นายเมธี  กาญจนภูวะ นายอำเภอ พ.ท.เฉลิมพร  ขำเขียว
ผบ.ฉก.15 พ.ต.ท. สมหมาย รุ่งเรือง รอง ผบ.ฉก.ตชด.ที่ 44 เดินทางไปพบชาวบ้านที่หลบหนีภัยสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ออกจากหมู่บ้านเมื่อเดือน กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา   80 ครัวเรือน ทั้งเด็กเล็ก และผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ จำนวน 130 คน เพื่อให้ความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ก่อนที่ชาวบ้านดังกล่าว จะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตามปกติ

 
อ่านต่อ ....  http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3588&Itemid=47

ชาวบ้าน อ.ยะหากลับใจ ขุดอาวุธ-เสบียงฝังดิน มอบให้ผู้ว่าฯ 
ข่าวสารทั่วไป 
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 15:10น. 
อะหมัด รามันสิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศราฯ
    เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่บ้านมัสยิดนุรูลอีมาน บ้านมูนุง หมู่ที่ 5 ต.ปะแต อ.ยะหา นายธีระ  มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สายัณห์  กระแสแสน ผบก.ภ.จว.ยะลา พ.ท.วรเดช  เดชรักษา ผบ.ฉก.14 นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ นายอำเภอยะหา เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจชาวบ้านที่รวมตัวประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วมโครงการยะลาสันติสุขเพื่อพัฒนาตำบลหมู่บ้านของตนเอง จำนวนกว่า 300 คน พร้อมกับได้นำเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดที่ฝังดินเครื่องเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค เครื่องอุปโภคบริโภคที่เป็นอาหารแห้ง ข้าวสาร และเครื่องกระสุนปืนในจุดต่างๆทั้งหลังบ้านและภายในบ้านพัก
http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3587&Itemid=47
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 22-05-2008, 01:21

เมื่อปัญหาความรุนแรงในภาคใต้เรียกได้ว่ายุติ

ผมก็อยากจะให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาการขยายผลทางด้านการเฝ้าระวัง

การก่อการร้ายยุคใหม่ทั่วประเทศต่อไปครับ


ซึ่งปัญหารากเหง้า

เกิดจากควมแตกต่างทางความคิดและการปฏิบัติตัว ปฏิบัตงานของข้าราชการเอง


ยืนยันนะครับ ทัศนคติที่ถูกต้องคือ ข้าราชการต้องเห็นว่าประชาชนเป็นนาย ในเชิงอุดมการณ์ครับ :slime_fighto:


หัวข้อ: Situation clearly improving, security officials maintain
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 22-05-2008, 16:09
ชื่อเรื่อง   Situation clearly improving, security officials maintain  
 ผู้เขียน    SUPAMART KASEM
 แหล่งข่าวหลัก   Bangkok Post
 คอลัมน์ข่าว   General News
 URL   http://www.bangkokpost.com/News/22May2008_news14.php
 เนื้อหา  The situation in the restive South is clearly improving, mainly due to cooperation between residents and state authorities in tackling the problems in the region, said security officials. Deputy national police chief Adul Sangsingkaew said that from last October until now, the number of attacks in the three restive provinces _ Yala, Pattani and Narathiwat _ had declined by 500 incidents compared to the same period of the previous year.


The courts handed down verdicts in around 111 cases of insurgent activities. In these, 14 people were given the death sentence and 50 were given a life sentence, Pol Lt-Gen Adul said.


He said the improvement was due mainly to cooperation by residents who want to live in peace.


The improving conditions are also indicated by the high demand for books which promote a peaceful understanding of Islamic beliefs.


Pranai Suwannarat, director of the Southern Border Provinces Administration Centre (SBPAC), said yesterday that 100,000 government-sponsored books, entitled Islam and the Need-To-Know Truth and Lectures by World Muslim Leaders, ran out immediately thanks to full attention from religious leaders, community leaders, students and local residents.


The books were freely distributed at the SBPAC office.


Mr Pranai said his agency joined hands with an advisory council of religious experts under the SBPAC and an association of southern religious schools to publish the books.


To cope with the high demand, Mr Pranai said, more copies of the books would be printed
 


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 23-05-2008, 20:29


กระทู้นี้จะตกหน้าก่อนการยุติของปัญหาไม่ได้ครับ

เพราะเป็นกระทู้เดียวที่ติดตามปัญหาช่วงหลังอย่างใกล้ชิดตลอดมา  :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: นราธิวาสผลิตข้าวแล้ว424ตัน เกษตรจว.หนุนข้าวนาปรังต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 24-05-2008, 02:18
ชื่อเรื่อง   นราธิวาสผลิตข้าวแล้ว424ตัน เกษตรจว.หนุนข้าวนาปรังต่อ   
 ผู้เขียน   -
 แหล่งข่าวหลัก   แนวหน้า
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวภูมิภาค
 URL   http://www.naewna.com/news.asp?ID=110006
 เนื้อหา  นราธิวาส:นายสง่า เดชารัตน์ เกษตรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ภายหลังที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนฟื้นฟูการปลูกข้าวในนาร้าง 900 ไร่ ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ตากใบ ระแงะ จะแนะ และเจาะไอร้อง

 ทั้งนี้ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่มีผลผลิตข้าวเปลือกแล้วกว่า 424 ตัน ซึ่งสามารถเตรียมไว้บริโภคในครัวเรือนได้ตลอดทั้งปี

 นอกจากนี้ จ.นราธิวาส ยังได้สนับสนุนให้เกษตรกรทำนาปรังในพื้นที่ 5 อำเภอ คือ ตากใบ สุไหงโก-ลก แว้ง ระแงะ และเจาะไอร้อง รวมกว่า 7,900 ไร่ ในช่วงระหว่างเดือน พ.ค.-ส.ค. 2551 เนื่องจากข้าวนาปรังมีช่วงอายุสั้นทำให้เก็บเกี่ยวได้เร็ว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่งหากเหลือจากที่เก็บเกี่ยวไว้บริโภค

 ทั้งนี้แนวโน้มการปลูกข้าวในพื้นที่ จ.นราธิวาส เริ่มมีเกษตรกรซึ่งมีพื้นที่ว่างเปล่าสนใจหันมาปลูกข้าวมากขึ้น ตามกระแสของราคาข้าวที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อทดแทนยางพาราซึ่งแม้ราคาสูงแต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปเก็บน้ำยาง เนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่  
 วันที่เผยแพร่  22 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  22 พ.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 25-05-2008, 13:45



อาวุธและเครืองกระสุน ดินระเบิดของทางราชการทุกหน่วย ทุกชนิด

ต้องทำเครื่องหมายทั้งเปิดเผยเห็นชัดเจน และเครื่องหมายลับบอกสารบบแหล่งต้นสังกัดครับ


หัวข้อ: รวบRKK กบดานในยะลา
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 26-05-2008, 18:36
ชื่อเรื่อง   รวบRKK กบดานในยะลา  
 ผู้เขียน   Post Digital
 แหล่งข่าวหลัก   โพสต์ทูเดย์
 คอลัมน์ข่าว   Breaking News
 URL   http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=240070
 เนื้อหา  ตำรวจ-ทหาร บุกรวบแกนนำกลุ่มอาร์เคเค กบดานในอ.ธารโต จ.ยะลา

วันนี้ (25พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เปิดยุทธการการเข้าปิดล้อม และตรวจค้นเพื่อกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยพ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อัมรากระสินธุ์ ผกก.สภ.ธารโต และ พ.ท.ธงชัย มีอนันต์ ผบ.ฉก.ยะลา 16 พร้อมกำลังได้ เข้าปิดล้อมตรวจตรวจค้นบ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 3 บ้านจาเราะแป ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา จับกุมตัวนายมะซอกือลี อาซู อายุ 30 ปี แกนนำกลุ่มอาร์เคเคที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ก่อคดีดักซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะลาดตระเวนไปรักษาความปลอดภัยครู ซึ่งผู้ต้องหาที่จับกุมได้มีหมายจับของศาลจังหวัดยะลา ที่ จส. 350/2551 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ในคดีซ่องโจร พยายามฆ่า และอั้งยี่ ซ่องสุมกำลังต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ จึงควบคุมตัวเพื่อนำมาสอบสวนขยายผลต่อที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้ายะลาต่อไป.

 
 วันที่เผยแพร่  25 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  25 พ.ค. 2551


หัวข้อ: สถานการณ์ภาคใต้
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 26-05-2008, 18:37
ชื่อเรื่อง   สถานการณ์ภาคใต้   
 ผู้เขียน    -
 แหล่งข่าวหลัก   โทรทัศน์ช่อง 5
 คอลัมน์ข่าว   ข่าวประจำวัน
 URL   http://www.tv5.co.th/2007/news/show.php?id=36625&cat_id=1
 เนื้อหา  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุการศึกษาเป็นยาวิเศษ ในการแก้ปัญหาไฟใต้
อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายประเสริฐ โสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
เพื่อติดตามความคืบหน้าการวางแผนการดำเนินงาน และปัญหาอุปสรรคของสถาบันการศึกษาดังกล่าว รวมถึงตรวจเยี่ยมวิทยาลัยชุมชนในพื้นที่ ทั้งนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ ในพื้นที่ส่วนวิทยาลัยชุมชน ได้รับความสนใจจากประชาชน ลงทะเบียนเรียนจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าหากประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง
จะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ได้จัดโครงการรณรงค์ประชาร่วมใจป้องกันภัยในสังคม ซึ่งเป็นโครงการที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของตำรวจ ในการป้องกันอาชญากรรม รวมทั้งรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตามหลัก 5 ร่วม คือ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทำ ร่วมประเมินผล และร่วมปรับปรุงเสนอแนะ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
เช่นดียวกับที่จังหวัดตราด ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ได้เดินรณรงค์ตามโครงการประชาร่วมใจ ป้องกันภัยให้สังคม ร่วมกับ อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยจังหวัดตราด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในชุมชนตื่นตัว ร่วมมือป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ด้วยการช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป้องกันภัยจากอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น ทำให้สังคมและประชาชนได้อยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข
ขณะที่จังหวัดยะลา จัดงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมือง และงานกาชาด 2551 ภายใต้สโลแกน รวมพลังพัฒนา สร้างสรรค์ศรัทธา เพื่อยะลาสันติสุข
เฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง ซึ่งเป็นที่สักการะของประชาชน ตลอดจนเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีให้คงอยู่สืบไป กิจกรรมภายในงานมีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน ไปจนถึงกิจกรรมเพื่อความบันเทิง ซึ่งงานจะมีไปจนถึงวันที่
4 มิถุนายนนี้
 
 วันที่เผยแพร่  25 พ.ค. 2551
 วันที่บันทึกข้อมูล  25 พ.ค. 2551


หัวข้อ: Re: ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก
เริ่มหัวข้อโดย: jumjim ที่ 26-05-2008, 19:40
เมิงไปลับสมองตัวเองก่อนดีกว่าวะ Q  กูว่าเมิงใกล้บ้าเต็มทนแหล๋ว

 :slime_bigsmile: