ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: กาลามชน ที่ 17-12-2007, 19:20



หัวข้อ: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 17-12-2007, 19:20
http://www.prachatouch.com/comment1.php?idnews=60

ฉาวโฉ่ “คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” ทำซะเอง ควักเงิน สตง. ว่าจ้างบริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ผูกขาดจัดอบรมสัมมนาข้ามปี พบ บริษัทฯ เช่าตึกแถวของ “ทรงเกียรติ เมณฑกา” สามี “คุณหญิงเป็ด” แฉบริษัทฯ ไม่มีการขึ้นป้ายและไม่มีคนนั่งทำงานจริง แถมปีเดียวหลังคุณหญิงรีเทิร์น กำไรเฉพาะจากการสัมมนาพรุ่งพรวด 5 เท่า 

หนังสือพิมพ์ “ประชาทรรศน์ รายวัน” ได้รับการร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลในแวดวงราชการ ของข้าราชการระดับสูงบางคนอีกแล้ว หลังจากพบว่าการเข้าไปจัดอบรมให้กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ของบริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่มี นางพิไล เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นประธานกรรมการ และ น.ส.ชนิดาภา สุขสะอาด เป็นผู้จัดการ มีประเด็นที่ชวนให้เกิดความสงสัยหลายประการด้วยกัน

โดยบริษัทดังกล่าวได้มีการจัดอบรมให้กับ สตง. ไปแล้ว ประมาณ 9 รุ่น ล่าสุดได้จัดอบรมไปเมื่อ 28 พฤศจิกายน–13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน และยังมีการอบรมต่อเนื่องไปจนถึงปี 2551 ซึ่งผู้ร้องเรียนระบุว่า การจัดอบรมดังกล่าวใช้งบประมาณแผ่นดินส่วนหนึ่ง และงบประมาณจากธนาคารโลกอีกส่วนหนึ่ง โดยการจัดอบรมเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดทำบัญชี

โดยมีการกล่าวหาว่าการจัดจ้างบริษัท ออดิตฯ เป็นการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ไม่มีการสอบราคาจากผู้ดำเนินธุรกิจลักษณะเดียวกันรายอื่นด้วย ซึ่งผู้ร้องเรียนตั้งข้อสงสัยว่า มีการจ่ายเงินตอบแทนให้กับผู้ใหญ่บางคนที่มีความใกล้ชิดและช่วยเหลือให้ได้รับงานมูลค่าสูงดังกล่าวด้วยหรือไม่ ทำไมจึงได้บริษัทดังกล่าว

ทั้งนี้ ในงานสัมมนาครั้งล่าสุด มีคุณหญิงจารุวรรณ เป็นประธานเปิดงาน และร่วมถ่ายรูปร่วมกับผู้เข้าร่วมสัมมนา รวมทั้ง นางพิไล เปี่ยมพงศ์สานต์ ประธานกรรมการบริษัท ออดิตฯ ด้วย

ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบบริษัทฯ ก็ยังพบว่ามีที่ตั้งอยู่ที่เลขที่ 29 ซอย 40/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ที่บริเวณข้างเคียงเป็นสถานที่ตั้งโรงพิมพ์กิติวรรณ ของนายทรงเกียรติ เมณฑกา สามีตามกฎหมายของ คุณหญิงจารุวรรณ ซึ่งบริษัท ออดิตฯ เช่าสถานที่อยู่

ทั้งนี้มีการตั้งข้อสงสัยว่า สัญญาเช่าอาคารดังกล่าว น่าจะกำหนดระยะเวลาในการเช่าไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 คิดค่าตอบแทนการเช่าในอัตราปีละ 52,500 บาท โดยผู้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมด โดยไม่มีการวางมัดจำ การจ่ายเงินล่วงหน้า หรือการวางเงินค้ำประกันแต่อย่างใด 

จากการตรวจสอบทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้ง 12 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 บ้านเลขที่ 29 ในลำดับที่ 343 และ 344 ปรากฏชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2 คน คือ นายทรงเกียรติ และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) ที่มีการตั้งขึ้นหลังการรัฐประหารและตั้งขึ้นโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

ประเด็นดังกล่าวได้ถูกตั้งข้อสงสัยถึงความเกี่ยวพันและผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่าง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ในฐานะผู้ว่าจ้าง บริษัท ออดิตฯ และการที่บริษัทดังกล่าวเช่าอาคารพาณิชย์ของสามีคุณหญิงจารุวรรณ ที่ตัวคุณหญิงเองก็มีชื่ออยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย

อีกทั้งจากการไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 29 ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 ดังกล่าว ไม่พบว่ามีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน และไม่พบการขึ้นป้ายบริษัทหรือมีคนทำงานแต่อย่างใด ส่วนตัวคุณหญิงจารุวรรณ เองพบว่าพักอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งในย่านประชาชื่น

นอกจากนี้ จากการแสดงงบดุลของ บริษัท ออดิตฯ ยังพบว่าจากปี 2548 ถึงปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.4 ล้านบาท เป็น 10.9 ล้านบาท

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นรายได้จากการสัมมนาล้วนๆ จากที่เคยมีรายได้ 1,194,893.45 บาท ในปี 2548 ได้เพิ่มเป็น 5,600,560.76 ในปี 2549 คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้กลับเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อ 31 มกราคม 2549 

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังได้ประมาณการรายรับที่จะได้รับจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในปี 2550 ไว้อีกประมาณ 2.8 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงรายได้ที่ยังคงผูกพันต่อไปถึงปี 2551 อีกด้วย


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 17-12-2007, 19:24
แจ้ง ปปช. ได้เลยครับ


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 17-12-2007, 20:31
ประทับใจกับความพยายามในการเชื่อมโยงจริงๆ ครับ
แต่การเช่าตึกในราคาแค่ปีละ 50,000 บาทแล้วมาบอกว่าทับซ้อนนั้นคงจะหาทางเอาผิดยากหน่อยนะครับ
แล้วบริษัทได้กำไรเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท ผมพูดตรงๆ เลยว่าถ้าบริษัทนี้ใต้โต๊ะจริง เขาจะให้เท่าไหร่ แล้วมันจะคุ้มเหรอ
ผมไม่เชื่อว่าข้อสงสัยนี้จะจริงถึงครึ่ง ไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณหญิงเป็นคนดีหรืออะไร แต่เห็นว่ามันไม่คุ้มที่จะโกงครับ



หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 17-12-2007, 20:42
คุณหญิงเค้าก็พูดถึงในรายการ นิวส์อาว นี่แหละครับ

แต่สื่อประชาทรรศน์ แก๊งรีพอตเตอร์เก่ามิใช่เหรอ

(*รู้สึกนายกะลานี่หลายเคสแล้วนะ ยังไม่พออีกเหรอ)


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 17-12-2007, 20:49

หนังสือพิมพ์ “ประชาทรรศน์ รายวัน” หาที่แมสกว่านี้ไม่ได้หรือไง

ขุดซากอะไรมา....เอาที่กำลังฮอทฮิทติดตลาดชาวบ้านดีกว่ามั้ง

ที่ดินรัชดาเอย สารพัดกลโกง เรื่องปตท. ที่ยังต้องตามต่อกันไปอีกยาวๆ

ถ้าใครไม่โปร่งใส ลากคอมาประจานได้เลย

ไม่มีข้อยกเว้น....


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 17-12-2007, 22:22
รายได้เพิ่มขึ้น 4.5 ล้านเนี่ยะนะ แล้วเขาให้คุณหญิงไปเท่าไหร่กันละ
1000-2000 บาทหรือเปล่าครับ ขุดเอาตัวเลขอย่างนี้มานี่นะ


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 17-12-2007, 22:23
http://www.prachatouch.com/comment1.php?idnews=60


นอกจากนี้ จากการแสดงงบดุลของ บริษัท ออดิตฯ ยังพบว่าจากปี 2548 ถึงปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.4 ล้านบาท เป็น 10.9 ล้านบาท

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นรายได้จากการสัมมนาล้วนๆ จากที่เคยมีรายได้ 1,194,893.45 บาท ในปี 2548 ได้เพิ่มเป็น 5,600,560.76 ในปี 2549 คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้กลับเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อ 31 มกราคม 2549 

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังได้ประมาณการรายรับที่จะได้รับจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในปี 2550 ไว้อีกประมาณ 2.8 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงรายได้ที่ยังคงผูกพันต่อไปถึงปี 2551 อีกด้วย


อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง

ถ้าจะเขียนเรื่องงบดุลย์ อย่าเขียนคลุมเคลือ .. เขียนรายได้ แต่ไม่เขียนรายจ่ายและกำไร
แล้วจะให้อ่านหาสาระอะไร
รายจ่ายค่าเช่าสถานที่ และค่าอาหาร เพื่อจัดสัมนา .. ผู้จ้าง หรือผู้รับจ้าง เป็นคนจ่าย

คุณกาลามชน น่าจะหางบการเงินของปี 48 และปี 49 มาให้ดู

...


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 17-12-2007, 22:26
เสียดายที่เจ้าของกระทู้มิได้จับประเด็นมา

ว่าจะคุยเรื่องอะไรดี


อาจเนื่องจากเห็นได้ว่า เป็นการเขียนขึ้นมาล้วน ๆ จากเว็บ ๆ หนึ่งแค่นั้นเอง


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-12-2007, 22:32
ขอโทษ.....

ความเชื่อถือ 'กาลามชน' + 'ประชาทรรศน์ รายวัน' = - 0 ครับ
ดังนั้น ผมไม่วิจารณ์ต่อ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: เซนเบ้ ที่ 17-12-2007, 22:41
นอกจากนี้ จากการแสดงงบดุลของ บริษัท ออดิตฯ ยังพบว่าจากปี 2548 ถึงปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.4 ล้านบาท เป็น 10.9 ล้านบาท

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นรายได้จากการสัมมนาล้วนๆ จากที่เคยมีรายได้ 1,194,893.45 บาท ในปี 2548 ได้เพิ่มเป็น 5,600,560.76 ในปี 2549 คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้กลับเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อ 31 มกราคม 2549

............................

หมกเม็ดข่าวนี่นา   รายงานรายได้ที่เพิ่ม 4-5 ล้านบาท  แต่ไม่ได้รายงานค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วย

ผมว่ากำไรจริงๆ ให้ไปเลย 2 ล้านบาท  เลยเอ้า  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 17-12-2007, 23:02
นอกจากนี้ จากการแสดงงบดุลของ บริษัท ออดิตฯ ยังพบว่าจากปี 2548 ถึงปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.4 ล้านบาท เป็น 10.9 ล้านบาท

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นรายได้จากการสัมมนาล้วนๆ จากที่เคยมีรายได้ 1,194,893.45 บาท ในปี 2548 ได้เพิ่มเป็น 5,600,560.76 ในปี 2549 คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้กลับเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อ 31 มกราคม 2549

............................

หมกเม็ดข่าวนี่นา   รายงานรายได้ที่เพิ่ม 4-5 ล้านบาท  แต่ไม่ได้รายงานค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วย

ผมว่ากำไรจริงๆ ให้ไปเลย 2 ล้านบาท  เลยเอ้า  :slime_bigsmile:




  'กาลามชน' + 'ประชาทรรศน์ รายวัน' ไม่พูดถึง'ค่าใช้จ่าย'หรอก........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า





หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jrr. ที่ 17-12-2007, 23:16

'กาลามชน' + 'ประชาทรรศน์ รายวัน' ไม่พูดถึง'ค่าใช้จ่าย'หรอก........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

...........................................................................

รายจ่าย ม่ายค่อยถนัด ถนัดแต่รายรับ........มันเคยตัวน่ะ !!!


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 00:59
บริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
                                  เปรียบเทียบงบดุล(โดยย่อ)

                                                                            จำนวนเงิน (บาท)
                                          ปีงบ 2549       ปีงบ 2548       ปีงบ 2547
สินทรัพย์
ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับสุทธิ    231,909         396,000                  0
สินค้าคงเหลือ                                      0                   0                   0
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน             3,481,315      1,545,870      1,402,512
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์(สุทธิ)     425,003         538,853        252,735
รวมสินทรัพย์                           3,973,229      2,151,635      1,739,854
 

หนี้สินและทุน
รวมหนี้สินหมุนเวียน                    368,307         309,292         427,785
รวมหนี้สิน                                 368,307          309,292         427,785
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น                 3,604,922       1,842,343      1,312,070
รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น   3,973,229       2,151,635      1,739,854
ทุนจดทะเบียน                        1,000,000       1,000,000      1,000,000
ทุนชำระแล้ว                          1,000,000        1,000,000      1,000,000
จำนวนหุ้น                                100,000                     0                  0



เปรียบเทียบงบกำไรขาดทุน(โดยย่อ)
                                                                             จำนวนเงิน (บาท)
                                              ปีงบ 2549      ปีงบ 2548      ปีงบ 2547

รายได้หลัก                              10,777,361      6,316,593     4,159,785
รวมรายได้                               10,996,118      6,418,021     4,171,754
ต้นทุนขาย                                 7,161,539      4,371,505     3,325,363
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร    1,609,619      1,418,144       633,573
ดอกเบี้ยจ่าย                                            0                   0                 1
ภาษีเงินได้                                   462,380           98,100         37,642
รวมรายจ่าย                               9,233,538                   0                 0
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ                   1,762,579         530,273        175,175
กำไรต่อหุ้น (บาท)                                 18                   0                  0


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 01:01
ทะเบียนเลขที่ : 0125542001105     (เลขทะเบียนเดิมคือ บอจ.นบ.7750)
ประเภท : บริษัทจำกัด    วันที่จดทะเบียน : 19/02/2542
สถานะ : คงอยู่    

1    ชื่อบริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด

2    กรรมการบริษัทมี 7 คน ตามรายชื่อดังต่อไปนี้    
     1. นาง พิไล เปี่ยมพงศ์สานต์
     2. นาย จิราวุธ ตันตระกูล
     3. นาย นคร วาจก์วิศุทธิ์
     4. นาง จุฑาทิพย์ มหาวีระ
     5. นาย เอกชัย พรหมพิริยะ
     6. นาง ลักษณา จิระสานต์
     7. นาง ผ่องศรี คทวณิช/

3    กรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ
     นางพิไล เปี่ยมพงศ์สานต์ นายนคร วาจก์วิศุทธิ์
     นายจิราวุธ ตันตระกูล นางลักษณา จิระสานต์ นางผ่องศรี คทวณิช
     กรรมการสองในห้าคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญบริษัท/

4    ทุนจดทะเบียน    1,000,000.00 บาท
5    ที่ตั้ง 29 ซอย 40/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
6    นิติบุคคลนี้ได้ส่งงบการเงินปี 2542 2543 2544 2545 2546 2547 2548 2549
7    วัตถุประสงค์ (74120) ตรวจสอบภายใน ประกอบกิจการที่ปรึกษาทางด้าน


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 18-12-2007, 08:02
ที่ยกมา เพราะต้องการบอกว่าขณะนี้ มีข่าวเช่นนี้ ใครที่สนใจก็จะได้คิดวิเคราะห์

ประเด็นที่ผมสังเกตเห็นนั้น น่าเชื่อว่าคุณหญิงฯมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบริษัทที่ได้รับสัญญาว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ ส่วนจะมีวิธีหาประโยชน์อย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าคุณท่านทั้งหลายใช้มาตรฐานทางความคิดเดียวกับที่เคยใช้คิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ก็คงจะมองเห็นพิรุธอะไรออกมาได้บ้างเป็นแน่ ส่วนตัวผมไม่เก่งเรื่องจับผิด จึงอยากฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะมั่นใจว่าคุณๆทั้งหลายในที่นี้ล้วนมีสมองปราดเปรื่องในเรื่องจับผิดกลโกงหรือผลประโยชน์ทับซ้อน


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: drop ที่ 18-12-2007, 08:21
ผลประโยชน์ทับซ้อน  ต้องอย่างนี้

2. พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน อย่างแท้จริง แต่มีผลประโยชน์แอบแฝง
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของครอบครัวและพรรคพวก ที่เรียกว่า การคอรัปชั้นเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นการกระทำที่แนบเนียนมาก และหลีกเลี่ยงกฎหมายไม่อาจเอาผิดได้โดยตรง คดีคอรัปชั่นที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่ละราย มีมูลค่านับเป็นพันๆ ล้านบาท เป็นการคอรัปชั่นแบบปล้นชาติเพื่อตัวเอง คนในครอบครัวและพวกพ้อง กล่าวคือ
การคอรัปชั่นเชิงนโยบาย

ด้วยการใช้กฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเองและพรรคพวก
(1) ปี 2548 ใช้อำนาจกดดันให้ ทศท. ยอมต่อสัญญาระหว่าง ทศท. กับ บริษัทอินโฟมีเดีย ชื่อเดิมคือ ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ย์ ซึ่งรับทำสมุดหน้าเหลืองโทรทัศพ์ กับ ทศท. ใหม่เป็นเวลา 10 ปี
ระหว่างปี 2539-2548 ในสัญญาใหม่ที่ทำนี้ บริษัท อินโฟมีเดีย ขอลดส่วนแบ่งรายได้ที่จ่ายให้ ทศท. และเปลี่ยนการแจกสมุดหน้าเหลืองแก่ผู้ใช้เป็นแจก ซีดี แทนทำให้บริษัทได้ประโยชน์ด้านการเงิน ในขณะที่ ทศท. เสียประโยชน์

(2) ใช้ประโยชน์จากกฎหมายด้วยการแปรสภาพคู่สัญญากับองค์การโทรศัพท์เมื่อแปรสภาพเป็นบริษัท ทศท.(มหาชน) จำกัด ซึ่งทำให้รายได้ของบริษัท ทศท. น้อยลง คู่แข่งของ เอ.ไอ.เอส อ่อนแอ แต่ทำให้บริษัท เอ.ไอ.เอส. ของตนได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น คิดเป็นมูลค่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นหมื่นล้านบาท

(3) ใช้อำนาจกดดันให้ กสท. ยกเลิกการประมูลสัมปทาน CDMA เฟส 2 ที่นายลีกาชิง เจ้าของ HUTCH ชนะประมูลแล้วให้ กสท. ลงทุนเอง เพราะหากให้นายลีกาชิงทำ จะเป็นคู่แข่งของ เอ.ไอ.เอส. โดยตรง เมื่อรัฐกำกับดูแล กสท. จะทำให้ กสท. อ่อนเอ รายได้ลดลง ประโยชน์จะตกอยู่กับ เอ.ไอ.เอส โดยตรง เพราะถ้าปล่อยให้โทรศัพท์มือถือ CDMA เกิดขึ้นเร็ว บริษัท เอ.ไอ.เอส จะได้รับผลกระทบ จึงไม่น่าประหลาดใจที่โทรศัพท์มือถือระบบ CDMA กว่าจะเกิดขึ้นได้นับสิบปี

(4) ในการเดินทางไปจีน พ.ต.ท ทักษิณ ได้แอบไปตกลงกับจีนผ่านนายเหยียนปิน ให้บริษัท หัวเหว่ย มาประมูลการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของ CDMA ในต่างจังหวัดทั้งหมด และ พ.ต.ท. ทักษิณ มานั่งคุมโดยตรง โดยอ้างว่าเป็นการประมูล E-Auction ครั้งแรก เพื่อเป็นประกันว่า หัวเหว่ยต้องได้ เพราะรู้ราคากลางมาก่อน เมื่อประมูลได้แล้ว ได้ให้น้องสาว นางเยาวภา แดงสวัสดิ์ รับงานต่อจากหัวเหว่ย ในขณะที่บริษัท TRUE ของ ซี.พี. ให้หัวเหว่ยสร้างกล่อง ASDL ซึ่งมีคุณภาพต่ำมากให้ประชาชนผู้ใช้บริการของ TRUE

(5) ใช้อำนาจผ่านสภาที่ตนคุมได้ ตรา “พรก . ภาษีสรรพาสามิตบริการโทรคมนาคม” ให้กระทรวงการคลังเก็บภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ให้กระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการรายเดิม ที่มี เอ.ไอ.เอส เป็นหลัก เท่ากับเป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่จนไม่มีผู้มาแข่งขัน ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับ เอ.ไอ.เอส. ขัดกับหลักการที่ว่า ภาษีเป็นสิ่งที่จัดเก็บจากผู้ประกอบการทุกรายในอัตราเดียวกัน

(6) ใช้อำนาจกดดันต่อ ทศท. ให้ เอ.ไอ.เอส. แก้สัญญาร่วมงานกับ ทศท. ในการจ่ายเงินชดเชยของโทรศัพท์เตลื่อนที่ระบบพรีเพด วันทูคอล ลดลงจาก 25% เหลือเพียง 20% รัฐบาลเสียรายได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่ เอ.ไอ.เอส ได้ประโยชน์

(7) ใช้อำนาจผ่านรัฐมนตรีคลัง กดดันให้กระทรวงการคลังยกเลิกภาษีนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10% เหลือ 0% และยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่ได้ทำไป เมื่อปี 2544 ทำให้ เอ.ไอ.เอส. ได้กำไร 20,258 ล้านบาท หรือเพิ่ม 420% เฉพาะในปี 2544

(Cool ปี 2545 พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้อำนาจกดดัน ทศท. ปรับการแบ่งรายได้ระหว่าง เอ.ไอ.เอส. กับ ทศท. ใหม่ โดย เอ.ไอ.เอส. ทำสัญญาโรมมิ่งกับ ดีทีซี. ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ เอ.ไอ.เอส. ภายในกรอบข้อตกลงระหว่าง ทศท. กับ เอ.ไอ.เอส. ซึ่งเท่ากับเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการวิธีการคิดสัดส่วนแบ่งรายได้ ทำให้ เอ.ไอ.เอส. ได้ประโยชน์ เพราะภาระการจ่ายค่าตอบแทน ให้ ทศท. น้อยลง โดย เอ.ไอ. เอส. ได้ประโยชน์ 52 สตางค์ในทุกนาที

(9) ปี 2546 ใช้อำนาจกดดันให้ คณะกรรมส่งเสริมการลงทุน หรือ บี.โอ.ไอ. มีมติส่งเสริมการลงทุน ไอ.พี.สตาร์ ของครอบครัวนายกรัฐมนตรี ยกเว้นภาษี ไอ.พี. สตาร์ มูลค่าเม็ดเงินที่ชินแซต ได้รับการยกเว้นภาษีสูงถึง 16,459 ล้านบาท

(10) ใช้อำนาจกดดันให้กรมประชาสัมพันธ์แก้สัญญา ลดค่าสัมปาน ไอ.ทีวี .ซึ่งครอบครัวชินวัตร ถือหุ้นใหญ่เหลือเพียง 150 ล้านบาทต่อปี ทำให้ ไอ.ทีวี. ลดเงินที่จะต้องจ่ายให้รัฐถึง 17,430 ล้านบาท ในช่วง 20 ปีทีเหลือ และเปลี่ยนเงื่อนไขให้ ไอ.ทีวี. มีรายการบันเทิงได้มากขึ้น ทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการ 40,000 ล้านบาทในช่วง 20 ปีเป็น 57,000 ล้านบาท

(11) ใช้อำนาจปกป้องอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยการไม่เปิดเสรีในความตกลงด้านการค้า พ.ต.ท. ทักษิณ พยายามขัดขวางและชะลอการเปิดเสรีบริการโทรคมนาคม โดยเฉพาะบริการโทรศัพท์มือถือ ตลอดมา ดังจะเห็นได้ว่า ข้อตกลงเปิดการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ไม่มีการเปิดเสรีบริการโทรศัพท์แต่อย่างใด เพื่อไม่ให้มีคู่แข่งมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบัน เอ.ไอ.เอส. ได้เปรียบคนอื่นอยู่แล้ว

(12) ใช้อำนาจให้มีการละเว้นไม่ออกกฎระเบียบประกอบกฎหมายแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ด้วยการพยายามชะลอให้นานที่สุด ไม่ให้มีการออกกฎหมายประกอบ เพราะไม่ต้องการให้มีการบังคับใช้ต่อธุรกิจโทรทัศพ์มือถือและดาวเทียมของตน ซึ่งเข้าข่าย “ผู้มีอำนาจเหนือตลาด” ตามม.25 เพราะ เอ.ไอ.เอส. มีส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือเกินร้อยละ 60 ส่วนชินแซตมีส่วนแบ่งตลาดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการบริการดาวเทียมและการให้บริการอินเตอร์เน็ต

(13) กดดันให้ ครม. เสนอทำสายการบินราคาถูก หรือโลวคอส แอร์ไลน์ ในภาคเหนือ และครม. อนุมัติภายใน 60 วัน ซึ่งเร็วเป็นพิเศษ โดย บี.โอ.ไอ สนับสนุนการลงทุนโดยงดเว้นภาษี 16,000 ล้านบาท และกดดันให้การท่าอากาศยานอนุญาตให้ใช้สนามบินดอนเมือง บริษัท ชินคอร์ปลงทุนในสายการบินแอร์เอเชียกับมาเลเซีย เป็นคู่แข่งขันการการบินไทย และการบินไทยถูกกดดันให้สายการบินแอร์เอเชียบินทัยเส้นทางได้ ทำให้รายได้สายการบินไทยลดลง ที่สำคัญคือ พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้อำนาจกดดันให้การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติต้องยอมแบ่งเส้นทางที่ทำกำไรได้ดี เพราะมีผู้โดยสารมากให้กับแอร์เอเชีย จนทำให้พนักงานการบินไทยไม่พอใจ แต่ไม่ทราบจะทำอย่างไรเพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ส่งคนของตนมาคุมการบินไทย

(14) ให้กระทรวงการคลังออกระเบียบให้ข้าราชการเบิกค่าเดินทางถ้าใช้บริการของ แอร์เอเชีย ได้ เท่ากับเป็นการแก้ระเบียบเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเอง และสายการบินของต่างชาติ มาล้วงงบประมาณของไทยเท่ากับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจของตนเอง

(15) เมื่อครอบครัวชินวัตรขายหุ้นชินคอร์ป ให้บริษัท เทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์ มีการโอนหุ้นแอร์เอเชียจากของคนไทย 49% ไปให้สิงคโปร์ เท่ากับต่างชาติถือหุ้นบริษัท ไทยแอร์เอเชียเต็ม 100% ซึ่งชัดกับกฎหมายต่างด้าวของไทย พอเรื่องถูกเปิดโปงสู่สาธารณะครอบครัวชินวัตร รีบให้นายบุญคลี ปลั่งศิริ จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อซื้อหุ้นคืนจากสิงคโปร์ทันที ไม่เช่นนั้น สายการบินแอร์เอเซียจะไม่ได้สิทธิการบินในไทย

(16) กดดัน ทอท.ให้พัฒนาสนามบินเชียงใหม่เพื่อเป็น “ฮับ” สำหรับสายการบินแอร์เอเชีย และเตรียมปรับปรุงสนามบินดอนเมือง หลังจากที่ย้ายไปอยู่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ให้เป็น
สนามบินภายในประเทศและสายการบินโลว์คอส ซึ่งแอร์เอเซียเป็นสายการบินโลว์คอสใหญ่ที่สุด ทำให้ครอบครัวชินวัตรได้ประโยชน์จากทรัพย์สินของชาติอีก

(17) พ.ต.ท.ทักษิณ นำผลประโยชน์ของชาติไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว เมื่อเดินทางไปเยือนประเทศจีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น โดยยอมเสียเปรียบยกผลประโยชน์ให้กับประเทศเหล่านี้ในการทำเขตการค้าเสรี หรือ เอฟ.ที.เอ. เพื่อแลกกับการเช่า Transponder ดาวเทียม ไอ.พี.สตาร์ เฉพาะรายได้เรื่องนี้จากอินเดียประเทศเดียว จะทำให้ชินแซตมีรายได้ปีละ 5,000 ล้านบาท คณะผู้แทนไทยที่เจรจาเขตการค้าเสรีอึดอัดใจมากบางแห่ง เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย มีตนไปเจรจาให้เสร็จ หรือในกรณีญี่ปุ่น หัวหน้าคณะผู้แทนถูกเรียกไปพบและบังคับให้ยอมญี่ปุ่นในหลายประเด็นที่กำลังต่อรองกันอยู่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรไทย แต่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ยอมเพราะตนแอบไปตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของครอบครัวตนไว้แล้ว

(18) การเจรจา เอฟ.ที.เอ. ที่พ.ค.ท. ทักษิณ พยายามผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็วนั้น คนที่ได้ประโยชน์ คือ ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ กับรัฐมนตรีและแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคนเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและดาวเทียม อุตสาหกรรมรถยนต์ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อุตสาหกรรมอัญมณี อุตสาหกรรมส่งออกไก่ของซี .พี . อุตสาหกรรมเหล็กกล้าของนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นต้น แต่ผู้ที่เสียประโยชน์ คือ เกษตรกร ดังนั้น ภาคประชาชนจึงต้องออกมาคัดค้าน

(19) นายสุริยะ เป็นคนที่โกงกินมากที่สุดคนหนึ่งในรัฐบาลชุดนี้เมื่อได้เงินมาแล้ว ส่วนหนึ่งส่งให้คุณหญิงพจมาน เป็นเงินสนับสนุนพรรค อีกส่วนเก็บไว้สำหรับใช้ในกลุ่มวังน้ำยม ที่เห็นได้ชัดสำหรับการคอรัปชั่นเชิงนโยบายสำหรับนายสุริยะ กล่าวคือ สมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรม นายสุริยะให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยในเขตพิเศษ แต่มีเงื่อนไขลับกับญี่ปุ่นว่า บริษัท รถยนต์ ดังกล่าวต้องซื้ออะไหล่จากบริษัทของครอบครัวนายสุริยะเท่านั้น เอาผลประโยชน์ของชาติแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว

(20) จากการที่รัฐบาลไทยมีโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศเพื่อนบ้าน คือ พม่า ลาว กัมพูชา ปรากฏว่าในกรณีของลาวนั้น นายสุรเกียรติ เสถียรไทยเป็นคนรับผิดชอบและหาประโยชน์ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นผู้หาประโยชน์ให้กับบริษัทสามีของตน สุดารัตน์เคยไปวิ่งเต้นกับรัฐมนตรีเขมรขอโครงการที่รัฐบาล
ไทยช่วยเหลือสร้างถนนจากเกาะกงไปกำปงโสมให้กับบริษัทก่อสร้างของสามีจนประสบผลสำเร็จ

(21) ในกรณีของพม่า พ.ต.ท. ทักษิณสั่งการให้ธนาคารนำเข้าและส่งออกหรือ เอ็กซิมแบงค์ปล่อยเงินกู้ให้ทางการพม่า 4,000 ล้านบาท โดยเอ็กซิมแลงค์แลกดอกเบี้ยเงินกู้ 700 ล้านบาท ทั้งที่ควงเป็นรัฐบาลพม่าควรรับผิดชอบส่วนนี้ ต้นทุนของธนาคาร ดอกเบี้ยควรเป็น 4.3% แต่ถูกลังคับให้คิดดอกเบี้ยเพียง 3% แบบผ่อนปรน เป็นเงินกู้ระยะยาว 12 ปี กับธนาคารเมียนมาร์ ฟอร์เรนจ์ เทรด แบงค์ 14 บริษัท ที่เป็นคู่สัญญากับพม่า หนึ่งในนั้นคือ ชินแซต ธนาคารไทยเป็นผู้รับความเสี่ยงตามใบสั่งของ พ.ต.ท. ทักษิณ บริษัทในเครือชินวัตรและพรรคพวกได้สัมปทานธุรกิจโทรคมนาคมและก่อสร้างในพม่าเท่ากับเป็นการโอนเงินจากเอ็กซิมแบงค์ไปเข้าบริษัทชินวัตรซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน

(22) หลังจากกลับจากพม่า พ.ต.ท. ทักษิณ สั่งการให้การบินไทเปิดสายการบิน ไทย-จิตตะกอง ซึ่งการบินไทยรู้ดีว่าสายการบินนี้ชาดทุนแน่ๆแต่ต้องทำตามใบสั่งและรู้กันดีว่า พ.ต.ท.
ทักษิณคงไปตกลงธุรกิจของครอบครัวกับรัฐบาลพม่ามาแล้ว และทางการพม่าคงอยากให้ไทยเปิดเส้นทางบินดังกล่าว จึงมาบังคับให้การบินไทยดำเนินการ

(23) เรื่องกรณีการซื้อเครื่องบิน เอสยู-30 นั้น เป็นที่ตกลงกันมาก่อนแล้วว่ารายการนี้จะได้เงินส่วนต่าง 3,500 ล้านบาท โดยคุณหญิงพจมานจะเอา 3,000 ล้านบาท และให้คุณลูกน้ำ ภรรยาของ พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทะนา 500 ล้านบาท ดังนั้น พล.อ.อ. คงศักดิ์จึงต้องการเอาคนของตนเป็น ผบ.ทอ. ต่อไปเพื่อคำโครงการนี้ต่อ แต่บังเอิญเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่คนของตนไม่ได้เป็น ผบ.ทอ.และเรื่องดังกล่าวถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยเปิดโปง และกินไม่สะดวก

(24) นายภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ได้รับมอบให้จัดตั้งบริษัทเดินเรือไทย เพื่อเป็นกองเรือส่งออกสินค้าของไทยไปต่างประเทศ นายภูมิธรรม ได้นำเอาพรรคพวก ญาติพี่น้องมาดำเนินการเพื่อหากินกับโครงการนี้ จนถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยเปิดโปง เลยไม่กล้าเปิดเผยนัก

(25) โครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์-900 เป็นที่รู้กันดีและสังคมก็รับรู้ว่ามีการโกงกินอย่างแน่นอน เพราะมีส่วนต่างของเงินค่อนข้างมาก มีการจ่ายไปเรียบร้อยแล้วทั้งที่เครื่องยังไม่มา แต่รัฐบาลยังไม่นำพากระแสของสังคมที่กดดันให้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว เพราะอาจพัวพันไปถึงครอบครัวของนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อบุคคล 8 คนที่ศาลสหรัฐส่งมาให้ จนเป็นที่กังขาของสังคมจนถึงขณะนี้

(26) การคอรัปชั่นในโครงการ แอร์พอร์ตลิงค์ระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิกับมักกะสัน มูลค่า 25,000 ล้านบาท นายชูวิทย์ โกมลวิศิษฐ์ เปิดเผยว่าพบพิรุธ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย ยอมเสียค่าโง่จ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม 1,666 ล้านบาท ให้กับ 4 ธนาคารที่ปล่อยกู้ทั้งที่โดยปกติแล้ว ผู้รับจ้างควรรับผิดขอบในส่วนนี้ นอกจากนั้นยังมีการสร้างทางระบายน้ำในสนามบินของกรมชลประทาน ปรากฏว่ามีข่าวเจ้าแม่ 12.5%ในรายการนี้ด้วย

(27) ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์เปิดเผยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เดินทางไปร่วมประชุมเอเปคที่เม็กซิโก สถานที่ประชุมคือเมืองลอสคาบอส แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลังไปลงที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ เพื่ออ้อนวอนเข้าพบนายวินเซนเต้ ฟอกซ์ ประธานาธิปดีเม็กซิโกและของขึ้นเครื่องบินไปด้วยกัน นายฟอกซ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การเดินทางครั้งนั้นไม่มีความสุขเลย เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ พยามพูดคุยเพื่อหาช่องทางทำมาหากินด้านโทรคมนาคมในเม็กซิโก แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแทนที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไปประชุมเพื่อผลประโยชน์ของชาติ แต่กลับใช้การไปประชุมระหว่างประเทศเป็นช่องทางหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง เช่นเดียวกับการไปเยือน อินเดีย พม่า จีน ออสเตรเลีย ที่มีการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี โดยเอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เฉพาะตนใช้กฎหมายและนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อหุ้นของครอบครัว


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-12-2007, 08:21
ที่ยกมา เพราะต้องการบอกว่าขณะนี้ มีข่าวเช่นนี้ ใครที่สนใจก็จะได้คิดวิเคราะห์

ประเด็นที่ผมสังเกตเห็นนั้น น่าเชื่อว่าคุณหญิงฯมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบริษัทที่ได้รับสัญญาว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ ส่วนจะมีวิธีหาประโยชน์อย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าคุณท่านทั้งหลายใช้มาตรฐานทางความคิดเดียวกับที่เคยใช้คิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ก็คงจะมองเห็นพิรุธอะไรออกมาได้บ้างเป็นแน่ ส่วนตัวผมไม่เก่งเรื่องจับผิด จึงอยากฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะมั่นใจว่าคุณๆทั้งหลายในที่นี้ล้วนมีสมองปราดเปรื่องในเรื่องจับผิดกลโกงหรือผลประโยชน์ทับซ้อน

ผมว่าเที่ยวนี้ใครได้เป็นรัฐบาล ได้ถูกถลกหนังแน่

เตรียมข้อมูลกันไว้แล้ว ใครดีใครอยู่ ตัวแสบๆชอบค้าความกันทั้งนั้น

ระวังพวกชอบปั้นน้ำเป็นตัว..


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: sanskritshower ที่ 18-12-2007, 09:24
ที่ยกมา เพราะต้องการบอกว่าขณะนี้ มีข่าวเช่นนี้ ใครที่สนใจก็จะได้คิดวิเคราะห์

ประเด็นที่ผมสังเกตเห็นนั้น น่าเชื่อว่าคุณหญิงฯมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบริษัทที่ได้รับสัญญาว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ ส่วนจะมีวิธีหาประโยชน์อย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าคุณท่านทั้งหลายใช้มาตรฐานทางความคิดเดียวกับที่เคยใช้คิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ก็คงจะมองเห็นพิรุธอะไรออกมาได้บ้างเป็นแน่ ส่วนตัวผมไม่เก่งเรื่องจับผิด จึงอยากฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะมั่นใจว่าคุณๆทั้งหลายในที่นี้ล้วนมีสมองปราดเปรื่องในเรื่องจับผิดกลโกงหรือผลประโยชน์ทับซ้อน

 เช่นกันครับ  ถ้าหากคุณกาลามชนใช้มาตรฐานทางความคิดเดียวกับที่เคยใช้คิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ  คุณคงจะไม่ยกข่าวนี้มาตั้งกระทู้หรอก 
 
 จริงไหมครับ



หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 18-12-2007, 11:15
อย่าทำเป็นอ้อมค้อมเลยครับ ไม่สมเหตุสมผล ข้อสงสัยก็ตกไปก็เท่านั้นเอง
อยากแปะแต่ไม่กล้าแสดงเหตุผลเพราะกลัวโดนแย้ง แบบนี้ไม่แมนเลยครับ


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 12:49
ที่ยกมา เพราะต้องการบอกว่าขณะนี้ มีข่าวเช่นนี้ ใครที่สนใจก็จะได้คิดวิเคราะห์

ประเด็นที่ผมสังเกตเห็นนั้น น่าเชื่อว่าคุณหญิงฯมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบริษัทที่ได้รับสัญญาว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ ส่วนจะมีวิธีหาประโยชน์อย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าคุณท่านทั้งหลายใช้มาตรฐานทางความคิดเดียวกับที่เคยใช้คิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ก็คงจะมองเห็นพิรุธอะไรออกมาได้บ้างเป็นแน่ ส่วนตัวผมไม่เก่งเรื่องจับผิด จึงอยากฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะมั่นใจว่าคุณๆทั้งหลายในที่นี้ล้วนมีสมองปราดเปรื่องในเรื่องจับผิดกลโกงหรือผลประโยชน์ทับซ้อน

ก็แล้วมันผิดปกติตรงไหนล่ะครับ

- จ่ายแพงเกินจริง?
- ไม่มีการจัดสัมนาจริง?
- จ่ายภาษีไม่ถูกต้อง?

-------------------------------------------------

ผมก็เอาสรุปงบการเงินมาให้ดูแล้ว
มีปัญหาตรงไหนบอกมาสิครับ

ทั้งบริษัทกำไรเพิ่มขึ้นแค่เดือนละ 1 แสน

มันมีอะไรผิดปกติหรือครับ?

...

ถ้าผมถามกรณีคุณมิ่งขวัญแปรรูป อสมท.
ขึ้นเงินเดือนตัวเองเป็น 7-8 แสนบาท/เดือน
ทั้งที่รัฐวิสาหกิจเดิมๆ ได้แค่เดือนละแสนกว่าๆ

แบบนั้นไม่ใช้อำนาจให้ผลประโยชน์ตัวเองหรือ?

ตั้งเงื่อนไขให้ตัวเองมีสิทธิได้หุ้น อสมท.คนเดียว
เป็นแสนๆ หุ้น ขายได้กำไรคนเดียวเป็นสิบล้าน

แบบนั้นใช้อำนาจให้ผลประโยชน์ตัวเองไหมครับ?

เอาบริษัทของสรยุทธ มาทำรายการให้ช่อง 9
เหมารับเงินกันเดือนนึงเป็นสิบล้าน

..แถมมีเรื่องโกงเงินค่าโฆษณาอีกต่างหาก..
ลองเอาข้อมูลมาดูกันดีไหม เป็นชิ้นเป็นอันกว่าเยอะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 18-12-2007, 13:01
กะลามาขี้เสร็จ ก็หายไปเลย  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 13:02
ผมสังเกตว่าที่ฝ่ายเชียร์แม้วยกมาโจมตีแต่ละเรื่อง
เป็นแค่เรื่องขี้มูกราขี้หมาแห้งเท่านั้น

เพราะหาอะไรร้ายแรงเป็นชิ้นเป็นอันมาโจมตีไม่ได้

ขณะที่ปัญหาฝ่ายแม้วมูลค่าเป็นร้อยเป็นพันล้าน
ไปจนถึงเป็นหมื่นล้าน ทำไมไม่เห็นรู้สึกอะไรกัน

แต่เรื่องเล็กๆ เขากำไรเพิ่มเดือนละ 1 แสนบาท
ยังอุตส่าห์เอามาตั้งเป็นกระทู้  :slime_doubt:

ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกัน ฝ่ายเชียร์แม้วต้องเปลี่ยน
ไปถล่มแม้วและบริวารได้แล้วครับ
เรื่องไหนก็ได้เลือกเอาครับ ใหญ่กว่าทั้งนั้น  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.THAILAND ที่ 18-12-2007, 13:25
 โกง1 บาทก็ถือว่าโกงครับ..

ที่ยัยย่นโกงเท่านี้ เพราะ มันได้เท่านี้นั่นเอง(เนื้องานที่จัดจ้าง)  ถ้ามีอำนาจมากกว่านี้ก็โกงมากกว่านี้นั่นเอง คราวก่อนเรื่องเอาลูกไปเที่ยวครั้งหนึ่งแล้ว

บริษัทรับงานเช่าบ้านตัวเอง(ที่มีสิทธิ์จ้าง)..ซ้ำซ้อนแน่นอน..ยิ่งพูดเรื่องจริยธรรมที่พวกนายบอก ยิ่งไม่เหมาะสมยิ่งนัก

อย่าสองมาตราฐานครับ


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 18-12-2007, 16:29
โกง1 บาทก็ถือว่าโกงครับ..

ที่ยัยย่นโกงเท่านี้ เพราะ มันได้เท่านี้นั่นเอง(เนื้องานที่จัดจ้าง)  ถ้ามีอำนาจมากกว่านี้ก็โกงมากกว่านี้นั่นเอง คราวก่อนเรื่องเอาลูกไปเที่ยวครั้งหนึ่งแล้ว

บริษัทรับงานเช่าบ้านตัวเอง(ที่มีสิทธิ์จ้าง)..ซ้ำซ้อนแน่นอน..ยิ่งพูดเรื่องจริยธรรมที่พวกนายบอก ยิ่งไม่เหมาะสมยิ่งนัก

อย่าสองมาตราฐานครับ

การเช่าบ้านปีละ 50,000 แทบไม่มีนัยสำคัญอะไรเลย
ต้องแยกให้ออกว่า 50,000 บาทเป็นรายได้สุจริตนะครับไม่ใช่การโกง
ยกเว้นคุณจะพิสูจน์ให้ได้เป็นอย่างอื่น

และการจะบอกว่าผลประโยชน์ทับซ้อน (ไม่ใช่ซ้ำซ้อน) คุณต้องเข้าใจคำว่าผลประโยชน์ทับซ้อนเสียก่อน จะได้ไม่ยกมาชุ่ยๆ


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 18:24
โกง1 บาทก็ถือว่าโกงครับ..

ที่ยัยย่นโกงเท่านี้ เพราะ มันได้เท่านี้นั่นเอง(เนื้องานที่จัดจ้าง)  ถ้ามีอำนาจมากกว่านี้ก็โกงมากกว่านี้นั่นเอง คราวก่อนเรื่องเอาลูกไปเที่ยวครั้งหนึ่งแล้ว

บริษัทรับงานเช่าบ้านตัวเอง(ที่มีสิทธิ์จ้าง)..ซ้ำซ้อนแน่นอน..ยิ่งพูดเรื่องจริยธรรมที่พวกนายบอก ยิ่งไม่เหมาะสมยิ่งนัก

อย่าสองมาตราฐานครับ

เรื่องอะไรมันก็มีทั้งเล็กและใหญ่ครับ เรื่องเล็กก็คือเรื่องเล็ก.. โกง 1 บาทฟ้องศาลได้ไหม?

ถ้าบริษัทรับงานเช่าบ้านคุณหญิงปีละ 5 หมื่นเป็นการซ้ำซ้อน อย่างที่คุณว่ามา
งั้นที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐก็ใช้มือถือ AIS ปีละหลายล้านบาทคุณจะว่ายังไงครับ?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: O_envi ที่ 18-12-2007, 19:36
แต่ผมมองอีกแง่นะครับที่พี่กาลาม เขาเอาข้อมูลมาเปิดเผยก็ดีหนิครับเราจะได้รู้ว่า
ทางฝั่งคนรักทักษิณเขาจะป้ายสีอะไรใครอีก คิดยังไง ไม่งั้นถ้าเราเจอคำถามแบบนี้
เราคงอึ้งกัน ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยวิเคราะห์ ยังไงผมก็เชื่อว่าเงินแค่นี้คุณหญิง
ไม่เอาตัวเองลงไปคลุกหรอกครับ พันล้านผมว่าคุณหญิงแกยังไม่เอาเลย

ครั้งนี้ผมขอบคุณพี่กาลามนะที่เอาข้อมูลอีกด้านมาตีแผ่


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 19:44
มติชนพาดหัวว่าคุณหญิงจารุวรรณยังไม่แจง แต่ในเนื้อข่าวก็ตอบแล้วนะครับว่าไม่ได้จ้างแค่บริษัทเดียว  :slime_smile:

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'จารุวรรณ'ยังไม่แจงกรณี'บิ๊กสตง.'ถูกกล่าวหามีผลประโยชน์ทับซ้อน อ้างถูกอำนาจเก่าโจมตี
http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=969
วันที่ 17 ธันวาคม 2550 - เวลา 22:23:46 น.
   
ผู้ว่าฯสตง.ยังปิดปากไม่เคลียร์ หลังจากถูกแฉว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนเสียเอง กรณีจ้างบริษัทจัดสัมมนาอบรมผูกพันข้ามปี โดยบริษัทดังกล่าวเช่าตึกแถวมีชื่อตัวเอง-สามี เป็นเจ้าบ้าน แหล่งข่าวคตส.คาดอำนาจเก่าปล่อยข่าวแกล้ง

จากกรณีที่มีการตรวจพบข้อมูลว่าบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับการว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษให้เข้าไปจัดอบรมเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดทำบัญชีให้กับข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และบริษัทเอกชนรายนี้ ตั้งอยู่ในตึกแถวเลขที่ 29 ซอย 40/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งมีชื่อผู้บริหาร สตง. เป็นเจ้าบ้าน ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตถึงความเกี่ยวพันและผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างผู้บริหาร สตง. กับบริษัทเอกชนที่เข้ามางาน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สตง.ว่า ได้พยายามติดต่อขอคำชี้แจงจากคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ในเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

แหล่งข่าวจาก คตส. กล่าวว่า คุณหญิงจารุวรรณทราบข้อมูลเรื่องนี้แล้ว แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เนื่องจากมองว่ากลุ่มบุคคลที่นำข้อมูลนี้มาเผยแพร่ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอำนาจเก่า และมีเจตนาต้องการจะดิสเครดิตการทำงานของคุณหญิงจารุวรรณ

'ยอมรับว่า สตง.ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เข้ามาจัดอบรมข้าราชการให้มีความรู้ด้านบัญชีการเงินจริง แต่เป็นการทำงานปกติ ไม่มีลักษณะการเอื้อประโยชน์ให้ใคร เพราะคนที่เข้ามาทำการอบรมก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และได้ว่าจ้างหลายบริษัททำการอบรม ไม่ใช่บริษัทนี้บริษัทเดียว' แหล่งข่าวระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ได้เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยพบว่า ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ว่าจ้างบริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด จัดอบรมสัมมนา โดยผูกพันสัญญากันข้ามปี และยังเป็นการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษคือไม่มีการสอบราคาจากผู้ดำเนินธุรกิจลักษณะเดียวกันในรายอื่นๆ ด้วย

ที่สำคัญคือ บริษัท ออดิตฯ ได้เช่าตึกแถวเลขที่ 29 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 40/1 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. เป็นที่ตั้งสำนักงาน โดยพบว่าตึกดังกล่าวมีชื่อของผู้บริหารสตง.คนดังกล่าวกับสามีเป็นผู้ใช้สิทธิไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม พบว่าสำนักงานดังกล่าวไม่มีการขึ้นป้ายบริษัท ไม่มีคนทำงานแต่อย่างใด


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 18-12-2007, 19:47
แต่ผมมองอีกแง่นะครับที่พี่กาลาม เขาเอาข้อมูลมาเปิดเผยก็ดีหนิครับเราจะได้รู้ว่า
ทางฝั่งคนรักทักษิณเขาจะป้ายสีอะไรใครอีก คิดยังไง ไม่งั้นถ้าเราเจอคำถามแบบนี้
เราคงอึ้งกัน ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยวิเคราะห์ ยังไงผมก็เชื่อว่าเงินแค่นี้คุณหญิง
ไม่เอาตัวเองลงไปคลุกหรอกครับ พันล้านผมว่าคุณหญิงแกยังไม่เอาเลย

ครั้งนี้ผมขอบคุณพี่กาลามนะที่เอาข้อมูลอีกด้านมาตีแผ่

เห็นด้วยเลยครับ .. รบกวนคุณกาลามชนเอามาลงอีกเยอะๆ นะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 18-12-2007, 19:54
ตึกแถวให้เช่า ไม่ใช่องค์กรการกุศล ท่าทางเจ้าของกระทู้จะชอบอยู่แบบอนาถา แบมือขอทาน  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 18-12-2007, 20:12
ผลประโยชน์ซ้ำซ้อน???
แบบเดียวกับพิการซ้ำซ้อนอ้ะเป่า :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 18-12-2007, 22:04
ผมว่ารัฐบาลสมัยหน้าไม่ว่าใครจะมาเป็น ก็ขอให้เป็นแค่เรื่องการบริหารงานในขณะนั้นจะดีกว่าครับ
การขุดเรื่องเก่าๆ ไม่รู้สมัยไหนมาโจมตีกัน  แล้วก็อ้างคุณธรรมจริยธรรม กันแบบบ้าๆบอ ๆ จนการบริหารประเทศมีปัญหา ผมไม่เห็นด้วย

แต่ถ้าจะขุดมาเพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาหรือค้นคว้าที่มาที่ไป เพื่อหาสาเหตุต่างๆ ก็ไม่ว่ากัน 


หัวข้อ: Re: มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 18-12-2007, 23:32
เอาข่าวตัดแปะมาฝาก

อ้างจาก: สำนักข่าวประชาเหรี้ย โดย พญาแม้ว ณ ลอนดอนโมเต็ล
ส่อผิดม.252จี้ปปช.สอบ “จารุวรรณ” 

รุมจี้ “คุณหญิงจารุวรรณ” แสดงความรับผิดชอบกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน คู่สัญญา สตง. เช่าตึกจาก “ทรงเกียรติ  เมณฑกา” สามีตามกฎหมาย ระบุเข้าข่ายมีความผิดอาญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 252 แถมไม่ใช่คร้งแรกที่มีเรื่องชวนให้สงสัยแบบนี้ ชี้ควรตั้งกรรมการขึ้นมาสอบให้เกิดความกระจ่าง แต่เพื่อความมั่นใจควรดำเนินการในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฝากคำถามถึง “สรุยุทธ์” จะสางปัญหาอย่างไร ขณะที่ ปปช.พร้อมเดินหน้าสอบสวนทันทีที่มีผู้ร้องเรียน

ตามที่ “ประชาทรรศน์รายวัน” ได้รับเรื่องร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จากกรณีคู่สัญญาของ สตง. คือบริษัท ออดิต แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งเข้ามารับงานจัดอบรมให้กับบุคลากรของ สตง. มูลค่าหลายล้านบาท ได้เช่าอาคารพาณิชย์ ของนายทรงเกียรติ  เมณฑกา สามีตามกฎหมายของคุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา ผู้ว่า สตง. และกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดังที่ปรากฎเนื้อหา รวมไปถึงเอกสารและภาพถ่ายที่ยืนยันเรื่องดังกล่าวไปแล้วนั้น

ประเด็นดังกล่าวได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัย และสร้างความกังวลใจให้กับหลายฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงก็หมายถึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน อีกทั้งตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณหญิงจารุวรรณ ไม่ว่าจะเป็นใน สตง. หรือที่ คตส. เป็นตำแหน่งที่ต้องตรวจสอบคนที่ประพฤติไปในทางทุจริต และต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ซึ่งก็จะทำให้คุณหญิงจารุวรรณ ขาดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งสำคัญทั้ง 2 ตำแหน่งดังกล่าวทันที

ทั้งนี้ หลายกระแสยังความพยายามที่จะจี้ให้คุณหญิงจารุวรรณ ออกมาสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้นแก่สังคมหรือแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวด้วย

“ประชาทรรศน์รายวัน” ได้ติดต่อไปยังหน้าห้องทำงานคุณหญิงจารุวรรณ เพื่อขอสัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว เพื่อตอบข้อสงสัยของสังคม แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่หน้าห้องโดยระบุว่าคุณหญิงติดประชุมตลอด และจะให้สัมภาษณ์พิเศษในวันที่ 28 ธันวาคม

ขณะที่นายสัก  กอแสงเรือง โฆษก คตส. ก็ปฏิเสธที่จะออกความเห็นในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยทันทีที่ทราบว่าผู้สื่อข่าวจะถามเรื่องอะไร ก็รีบชิงปฏิเสธว่าจะต้องรีบไปประชุม   

ทางด้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบการกระทำอันเป็นการทุริตคอรัปชั่นของข้าราชการ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องดังกล่าวร้องเรียนมา จึงยังไม่สามารถทำการตรวจสอบอะไร ซึ่งตามกระบวนการแล้ว ปปช.ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียนเสียก่อน จึงจะดำเนินการได้ตามระเบียบ ซึ่งหากมีการร้องเรียน ก็ต้องทำการตรวจาสอบในเชิงลึก เพื่อดูว่าเรื่องราวดังกล่าวมีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการติดต่อให้คุณหญิงจารุวรรณทำการชี้แจงในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายวิชา กล่าวต่อไปว่า เราจะทำข้ามขั้นตอนไม่ได้  เราคงยังไม่ติดต่อเพื่อให้เจ้าตัวออกมาชี้แจง คงต้องขอดูการร้องเรียนในประเด็นดังกล่าวเป็นอันดับแรกเสียก่อน จึงจะทำการตรวจสอบเพื่อหามูลความจริงง จากนั้นหากมีมูลเหตุมากเพียงพอ ก็จะต้องให้คุณหญิงจารุวรรณ ชี้แจงตามกระบวนการต่อไป

ส่วนทางด้านนายจรัญ ดิษฐาอภิชัย   อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ให้ข้อคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแรกที่มีการร้องเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรมความไม่โปร่งใสของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ก่อนหน้านี้มีหลายกรณีแต่ก็เงียบไป อย่างเช่นเมื่อคราวเดินทางไปดูงานที่ประเทศรัสเซีย ก็ปรากฎว่ามีชื่อลูกของคุณหญิงจารุวรรณ ร่วมคณะเดินทางไปด้วยทั้งที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ และยังมีอีกคนที่ระบุว่าเป็นเลขานุการส่วนตัว ซึ่งจริงอยู่ว่าคนที่มีตำแหน่งดังกล่าวจะอ้างว่าแต่งตั้งใครไปทำงานภารกิจอะไรก็ได้ แต่คนดี มีคุณธรรม จริยธรรม เขาก็ไม่ทำแบบนี้กัน

ส่วนกรณีล่าสุดนี้ตนเองตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล และเจ้าตัวควรที่จะออกมาชี้แจง  เนื่องจากการกระทำเช่นนี้เข่าข่ายขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ  2550 มาตรา 252 ที่เกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งขัดต่อหลักความซื่อสัตย์ คุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมของผู้ดำรงตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องให้มีการร้องเรียนในกรณีนี้ และอยากให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาและดำเนินการ

“ผมไม่อยากจะเอ่ยว่าหน่วยงานใด เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็มาจากการแต่งตั้งหลังปฏิวัติทั้งสิ้น  ดังนั้นจึงควรให้การพิจารณาตรวจสอบตัดสินเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าคดีความจะเงียบหายไปเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งหากมีการพิจารณาว่ามีความผิดจริง ก็ผิดกฎหมายอาญาเช่นกัน ดังนั้นภาพลักษณ์ขององค์กรที่เจ้าตัวกุมบังเหียนอยู่ต้องสั่นคลอนแน่นอน”

สุดท้ายอยากฝากให้ นายณรงค์ โชควัฒนา พล.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนายวีระ สมความคิด สมาชิกเครือข่ายภาคประชาชนต้านคอรัปชั่น ช่วยตั้งกระทู้สอบถาม ในวาระการประชุมในสภา และสอบถามไปยัง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้ไปตรวจสอบในเรื่องประเด็นดังกล่าวด้วย ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ทางด้านนายนพดล ปัทมะ  เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเองเดียวกันว่า ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากมีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับบุคคลในครอบครัว เป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะคุณหญิงอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญขององค์กรภาครัฐ  ซึ่งควรที่จะต้องมีการชี้แจงด้านข้อกฏหมายเพื่อให้สาธารณะชนรับทราบ

นอกจากนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ควรยื่นเรื่องเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการพิจารณาตรวจสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากคุณหญิงจารุวรรณ มีส่วนเกี่ยวพันความไม่โปร่งใสในประเด็นดังกล่าวแล้ว ก็ควรจะพิจารณาตัวเองว่าควรทำเช่นไรต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสมาพันธ์ประชาธิปไตย จะได้มีการบรรจุเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมของสมาพันธ์ด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

หนังสือพิมพ์เหรี้ย แหล่งข่าวก็เหรี้ย ให้คุณให้โทษแบบเหรี้ยๆ ก็แค่นั้น ...  :slime_cool: