ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

      หากยังจำกันได้ประมาณปี 2547 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทำการออกระเบียบเพิ่มเงินเดือนละ 45000 บาท นอกจากจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่เป็นแบบอย่างที่ดีแล้วยังเป็นการตีความรัฐธรรมนูญในละกษณะเข้าข้างตนเอง โดยให้ครอบคลุมถึงประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับจากการออกระเบยบดังกล่าว
      ผลปรากฎว่า เรื่องนี้ได้เข่าสู้การพิจารณาของตุลาการศาลฎีกา
            จนเป็นปัญหาเรื้อรังจนต้องสรรหาใหม่ครับ
      มาดูที่ คณะกรรมการการเลือกคั้ง หรือ กกต.บ้าง หากยังจำกันได้ กรแสะการขึ้นเงินเดือนตัวเองของบรรดาองค์กรอิสระ(2ปีที่แล้ว) กลายเป็นแฟนชั่น กกต.อยากเอามั้งเลยประชุมลับโดยการประชุมครั้งนั้นประธาน กกต.ทุบโต๊ะว่า "ขึ้นเงินเดือน" พร้อมกับร่างกฎระเบียบไว้เสร้๗สรรพ
     แต่กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีครับ เนื่องจากมี กกต.คนหนึ่งไม่ยอมก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้องออกหนังสือทักท้วงการตัดสินใจครั้งนี้
     
       เปิดบันทึกลับกกต.ขึ้นเงินเดือน 'วาสนา'โต้วาทะ 'จรัล'มันหยด

'ท่านก็ร่วมประชุม และมีมติด้วย โดยมิได้ทักท้วง แต่อย่างใด การที่ระบุว่า ประธานกกต. ออกระเบียบไป โดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายนั้น เป็นการไม่ถูกต้อง' พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ

'ผมจึงไม่ขอรับเงิน หากประธานและกรรมการอื่น เห็นว่า รับค่าตอบแทน 2 หมื่นบาทได้ ก็รับไปสิครับ แต่ผมไม่รับเพราะเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย' จรัล บูรณพันธ์ศรี

จากกรณีที่มีการเรียกร้องให้เอาผิดกับศาลรัฐธรรมนูญ และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีออกระเบียบเพิ่มเงินค่าตอบแทนแก่ประธานและกรรมการ ป.ป.ช.โดยมิชอบ

ขณะที่ในส่วนของ กกต.พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ก็ได้ออกมายืนยันในเวลาต่อมาว่า ระเบียบค่าตอบแทนของประธาน กกต.และกรรมการ กกต.ที่ได้มีการออกและยกเลิกในเวลาต่อมา เป็นมติของที่ประชุม กกต.นั้น

จากการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวพบว่า นายจรัล บูรณพันธ์ศรี กกต. ได้มีการส่งบันทึกข้อความที่เขาได้ทำถึงประธาน กกต.แสดงความเห็นคัดค้านการออกระเบียบฯ ดังกล่าว เพราะเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย รวมทั้งหลักฐานการส่งคืนเงินค่าตอบแทนดังกล่าว ที่สำนักงาน กกต.ได้โอนเข้าบัญชีไปให้กับสมาชิกวุฒิสภา

บันทึกข้อความดังกล่าวของนายจรัล ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการออกระเบีบบค่าตอบแทนดังกล่าว โดยทำถึงประธาน กกต.ลงวันที่ 29 ก.ย.2547 เรื่อง การคืนเงินค่าตอบแทน 2 หมื่นบาท โดยมีเนื้อหาระบุว่า

ตามที่ประธาน กกต.ได้ออกประกาศระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงาน ของ กกต. พ.ศ. 2547 ซึ่งประกาศวันที่ 13 ก.ย. 2547 ได้กำหนดค่าตอบแทน กกต. โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 25 และมาตรา 27 ( 5) ของ พ.ร.บ.กกต.พ.ศ. 2541 ประกอบมติ กกต.ครั้งที่ 105/2547 วันจันทร์ที่ 16 ส.ค. 2547

และมติ กกต.ครั้งที่ 120/ 2547 วันจันทร์ที่ 6 ก.ย. 2547 ประกอบผลการจ่ายค่าตอบแทน การปฏิบัติหน้าที่เป็นรายเดือน ในลักษณะเหมาจ่าย อัตราเดือนละ 2 หมื่นบาทนั้น เห็นว่า กกต.โดยประธาน กกต.ไม่มีอำนาจ และไม่สามารถออกระเบียบดังกล่าวข้างต้นได้

เพราะบทบัญญัติมาตรา 145 ( 6) ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 27 (5) ของ พ.ร.บ.กกต. มิได้ให้อำนาจรองรับ ให้ กกต.สามารถกำหนดค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่เป็นรายเดือนในลักษณะเหมาจ่ายได้ เพราะการปฏิบัติหน้าที่ที่ปรากฏในข้อ 4 ของระเบียบฯ ที่ออกใช้ เป็นภาระหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว

ทั้งนี้ มติ กกต.ครั้งที่ 105/2547 วันที่ 16 ส.ค. 2547 และมติ กกต.ครั้งที่ 102/2547 วันที่ 6 ก.ย. 2547 กำหนดรับหลักการว่า “ให้เลขา กกต.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินการคลังผู้รับผิดชอบ ไปศึกษาเปรียบเทียบดูกับองค์กรอิสระอื่น ที่ตั้งขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และตรวจสอบดูว่า กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ กกต.สามารถที่จะกำหนดค่าตอบแทนได้หรือไม่ แล้วทำความเห็นให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาเห็นชอบก่อน จึงไปออกระเบียบได้”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ยังมิได้ยกร่างระเบียบมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งหนึ่งก่อน ดังนั้น การที่ประธาน กกต.ออกระเบียบฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 13 ก.ย. 2547 อ้างมาตรา 145 (6) ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 25,27 (5) ของ พ.ร.บ.กกต. และระเบียบ กกต.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลข้อ 6 และ 9 นั้น ไม่เป็นการชอบด้วยกฎหมาย

บันทึกข้อความดังกล่าว ยังระบุว่า การจ่ายเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่เป็นรายเดือนในลักษณะเหมาจ่ายในอัตรา 2 หมื่นบาท เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอส่งเงินดังกล่าวคืนสำนักงาน กกต.ที่จ่ายให้แก่ตนเอง ประจำเดือน ก.ย. 2547 จนกว่าจะมีการแก้ไขระเบียบให้สามารถหรือมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จะเบิกจ่ายได้รองรับ

อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งต่อเลขาธิการ กกต.ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.ว่า ไม่ให้นำเงินค่าตอบแทนดังกล่าวจ่ายให้แก่ตนเอง แต่ก็ยังมีการนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีเงินเดือนของตนเองอีก จึงขอส่งเงินจำนวนนี้คืน

ต่อมาเมื่อ พล.ต.อ.วาสนา ได้รับหนังสือดังกล่าว ก็ได้บันทึกแย้งกลับมายัง นายจรัล ว่า 'เรื่องนี้ความจริง กกต.ได้มีมติครั้งที่ 105/47 กับ 120/47 ซึ่งท่านก็ร่วมประชุม และมีมติด้วย โดยมิได้ทักท้วงแต่อย่างใด การที่ระบุว่าประธาน กกต.ออกระเบียบไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นการไม่ถูกต้อง'

นายจรัล จึงได้ทำบันทึกโต้กลับว่า “กรณีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน กกต.เดือนละ 2 หมื่นบาท ผมได้แสดงความเห็น และอภิปรายไว้ในการประชุมทั้ง 2 ครั้งดังกล่าวว่า ให้เลขาธิการและเจ้าหน้าที่การเงิน ไปร่างระเบียบดูว่า จะสามารถเบิกจ่ายเงินได้ตามกฎหมายหรือไม่ แล้วมาเสนอที่ประชุม กกต.ก่อน

แต่ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอขอความเห็นกับที่ประชุม กกต.ก่อน และประธานออกระเบียบไปโดยมิได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุม ผมจึงไม่ขอรับเงิน หากประธานและกรรมการอื่นเห็นว่า รับค่าตอบแทน 2 หมื่นบาทได้ ก็รับไปสิครับ แต่ผมไม่รับเพราะเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงบันทึกไว้และจะบันทึกเรียน กกต.อื่นๆ ทราบต่อไป'

      หลังจากหลังสือของ กกต.น้ำดีรายนี้ออกมา ประธาน กกต.ถึงกับใบ้กินอ้างว่า เรื่องขึ้นเงินเดือนเป็นเพียงหารหาหรือกันธรรมดา ขนาดเรืองที่ตัวเองคิดจะทำยังพลิกลิ้นได้หน้าตาเฉย สงสัยกลัวโดนแบบ ป.ป.ช. ก็น่าจะเป็นได้ครับ
      ผมคิดว่าแค่นี้ กกต.ก็กระอักเลือดแล้ว ไม่ต้องมีภาค 3 ต่อหรอกจริงไหมท่านหนา
      ใครก็ได้ช่วยเอาเรือ่งนี้ถึงมือศาลฎีกาทีเหอะ ผมอยากเห็น กกต.โดนปลดกลางอากาศครับ

 :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

ซุปเปอร์ กกต.

(http://img103.imageshack.us/img103/615/untitled2114xw.jpg)

อยากจะเห็นของ ลับ ของ "พี่หนา" เร็วๆ

ที่บอกว่า จะให้ทายาทนำมาเปิดเผยหลังสิ้นลม

...

นี้แหละ...ความอยาก...เคยแต่เป็นผู้รับจนเคยชิน....เคยกินมูมมามยังไงก็ยังกินเหมือนเดิม...อาศัยพลังมวลชนด้อยคุณภาพมาค้ำบัญลังให้...เพราะรู้ดีว่าคนพวกนั้นไม่มีทางเข้าถึงความจริงได้...ถึงได้ตะแบงไปแบบหน้าด้านๆ

--รูปคดี มันต้องเข้าไปสู่ ปปช. เพื่อยื่นให้ ปปช. ถอด ตอนนี้ เรื่องอยู่ที่ ปปช. แล้วครับ--

--กรณีนี้ รอ ปปช. ชุดใหม่เข้ามาเช็คบิลคดีนี้อยู่ และ กกต. ผิดและโดนถอดแน่ ๆ เพราะมีคำพิพากษาศาลฏีกากรณี ปปช. ขึ้นเงินตนเองอยู่

--ในกรณี ปปช. นั่น ท่านประทินกับพวก ยื่นเรื่องไปที่ศาลฏีกาแผนกคดีการเมืองโดยตรง

--กรณี กกต. เห็นด้วยกับคุณ porameto009 ว่าน่าจะยื่นเรื่องในลักษณะเดียวกับ สว.ชุดท่านประทิน คือยื่นเรื่องไปที่ศาลฏีกาแผนกคดีการเมืองโดยตรง แทนที่จะรอให้มี ปปช. ชุดใหม่--

--แต่กระบวนการหลายระเอียดและข้อเท็จจริง คงต่างกัน เพราะ กรณี ปปช. มันจะยื่นไปที่ ปปช. ก่อนไม่ได้ เพราะท่านเป็นจำเลยเสียเอง จึงต้องยื่นไปที่ศาลฎีกาโดยตรงได้เลย แต่ กกต. ไม่ใช่ จำต้องผ่าน ปปช. ก่อน


--เดี๋ยว คงมีความคืบหน้า เพราะประเด็นนี้หลายฝ่ายก็พิจารณาอยู่ กำลังตั้งเรื่องกันอยู่--

อยากจะเห็นของ ลับ ของ "พี่หนา" เร็วๆ
 ที่บอกว่า จะให้ทายาทนำมาเปิดเผยหลังสิ้นลม...............?


ก่อนนายพลสุตสาย หัวหน้ากลุ่มกระทิงแดงจะตาย บอกว่าเขียนบันทึกแล้ว รอให้เขาตายก่อน จะให้ทายาทเปิดเผย ข้อเท็จจริงและความลับ.....

จนบัดนี้ คนไทยยังไม่เคยรับรู้ความลับของหัวหน้ากระทิงแดงที่อยากจะบอก  และยังไม่เปลี่ยนความรู้สึกว่าหัวหน้ากระทิงแดงได้ทำให้เยาวชนที่รักชาติ ตรงข้ามกับเผด็จการ ตายไปจำนวนหนึ่ง ....


และส่วนหนึ่งที่ยังแสดงตัวเป็นกระทิงแดง มีอาชีพไม่โปร่งใส และไม่สะอาด จนติดคุกติดตรางก็มี.....

รู้สึก มาตรา 148 ยังคุ้มครองอยู่กระมัง

ประธานกกต. ไม่ยอมเซ็นต์อนุมัติซะอย่าง ใครก็ทำอะไร กกต. ไม่ได้ในช่วงนี้

วิธีปกป้อง กกต. นั้น รัฐธรรมนูญให้ความสำคัญสูงสุด

เพราะเป็นองค์กรเดียวที่สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับการเข้าสู่อำนาจ

แน่นอน...คนฉลาดแกมโกงอย่างทักษิณย่อมรู้...อะไรที่จะสามารถ "บันดาล" ได้...

ไม่ใช่เรื่องยากใช่มั๊ยเล่า...

เป็น กกต ที่ไร้สาระที่สุด ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นการเลือกตั้งที่เหมือนเด็ก ป.1 เลือกหัวหน้าห้อง ดูท่า กกต. จะรักศักดิ์ศรีแต่ปาก หรือรักศักดิ์สรี แต่ไม่รักประเทศชาติ ในรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ หรือรู้อะไรที่ไม่ชอบมาพากล แทนที่จะรีบส่งหลักฐานมาให้ทางการที่เกี่ยวข้องพิจารณา นี่จะเก็บอุบไว้ รอให้ตัวเองเดี้ยงซะก่อนค่อยเอามาเปิดเผย ผมอยากจะรู้จริงว่าหลักฐาฯ vcd ที่ท่านว่ามันมีจริงรึเปล่า หรือว่าแค่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง รึว่าถึงแม้ทุกถ้อยคำพูดของ กกต จะเป็นเริ่องจริง การเก็บความลับ(ที่เอามาสะกิดเป็นนัยๆ)ไว้ ก็เป็นเรื่องผิดอยู่แล้ว ทำอะไรมีลับลมคมในอย่างนี้ก็สมควรแล้วที่ต้องออกไป แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่เล่นด้วย น่าจะรู้ตัวได้แล้ว อย่าเห็นคนอื่นไม่มีสมองคิด คิดจะพูดอะไรก็พูดแล้วทุกคนต้องเชื่อหรือไงกันนะ หลักฐานที่ว่ามันหลักลอยรึเปล่า มีจริงรึเปล่าก็ยังไม่รู้ แล้วอย่างนี้จะมาบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ ไร้สาระมากๆ

คุณปุถุชนครับ

ถ้าผมจำไม่ผิด .. เจ้าพ่อกระทิงแดงระบุในพินัยกรรมว่า

"หลังจากตายไป 20 ปี แล้ว .. จึงจะเปิดดูบันทึกความลับนั้นได้

...

ขออนุญาตตามข่าวของหนึ่งในสมาชิกกระทิงแดงที่มีคดีดังเรื่องสังหารผู้ว่าฯ ล่าสุดจบที่ศาลฎีกาหรือยัง ได้ยินข่าวสุดท้ายที่ชั้นอุทธรณ์ว่ายืนโทษประหารชีวิต(เขาชื่อผู้พันต.) :roll: :roll: :roll:

ถ้ารอให้ถึง 20 ปี...
คนที่รู้เรื่องจริง ที่จะตอบแย้ง คงไม่เหลือ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ถึงเวลานั้น อย่ามั่วนิ่ม พูดเอง โกหกเองว่า คนระดับนี้ ไม่โกหก ก็แล้วกัน....

ใครมีเนื้อหาของจดหมายที่ท่านจรัล แย้งวาส-หนา เรื่องการลงมติของกรรมการ กกต. ทางโทรศัพ์บ้างครับ ช่วยเอามาลงหน่อยครับ
จะได้เห็นการไร้หลักการการทำงานของพวก กกต. ทั้ง 4 นี้บ้าง