ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: เชือกว่าว ที่ 12-05-2006, 14:42



หัวข้อ: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: เชือกว่าว ที่ 12-05-2006, 14:42
     เดิมทีผมต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ใช่ชาวพุทธศาสนิกชน แต่เป็นคนไทยแท้นะครับ และก็ไม่เคยที่จะตั้งกระทู้ในเสรีไทยเลยสักครั้งเดียว ทำตัวเป็นนักอ่านที่คอยเอาเปรียบลุงๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ พี่ๆ เพื่อนๆและน้องๆมานาน มาวันนี้ วันวิสาขบูชา วันสำคัญของชาวพุทธผมก็ไม่ได้หยุดทำงาน(บาปกรรมแท้ๆ)เพราะต้องทำตัวปากกัด เท้าถีบเพื่อปากท้องของครอบครัวหลายชีวิต ก็หวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคงเข้าใจ
     เผอิญวันนี้ผมเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มีผู้ส่งเข้ามาให้อ่านก็เลยหยิบขึ้นมาอ่าน เปิดไปพบบทความบทความหนึ่งที่เข้ากับบรรยากาศของวันทางศาสนาวันนี้เข้า ก็เลยอยากจะถ่ายทอดให้แด่หมู่มวลสมาชิกได้ทัศนา

     "ขออ้างถึงพระราชดำรัสที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า*จิตเดิมของมนุษย์นั้นประภัสสร*เมื่อถูกความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะ โทสะ โมหะ หรือกิเลสห่อหุ้มเข้า เลยมองไม่เห็นประภัสสร และพระองค์ก็ทรงสอนว่า วิธีที่จะชำระล้างสิ่งที่ห่อหุ้มนี้ให้หมดไปได้ก็ด้วยน้ำพระธรรม เมื่อจิตท่านเป็นประภัสสรแล้ว ท่านก็จะมีแต่ความสงบสุข จะพบเห็นทุกอย่างเป็นของจริง โดยทุกข์ทั้งหลายไม่สามารถจะกระทบท่านได้ไม่ว่าความแก่ ความเจ็บ ความตาย แม้กระทั่งความไม่สมหวัง
     กระบวนการที่จะชำระให้จิตเป็นประภัสสร แล้วนำไปสู่ความสุขที่ไม่มีทุกข์นั้นก็คือ ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นก็คือ มัชฌิมาปฏิปทา หรือ มรรค8 วิถีทางที่ใช้ปฏิบัติให้เกิดทำปัญญาที่จะชนะทุกข์ทั้งปวงได้
     ธรรมปัญญานี้มีหลายขั้นตามภูมิจิตของแต่ละขั้น ขอนำเอาธรรมขั้นต้นที่จะเป็นอาหารใจและอริยทรัพย์ที่จะใช้เป็นธรรมชำระจิตให้เป็นประภัสสร มีดังนี้

     ทาน เป็นการให้ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง คำพูด เรี่ยวแรงกำลังวังชา หรือความคิดอ่าน เป็นทานทั้งสิ้น
     ศีล   เป็นรั้วกั้นความคะนองทางกาย วาจา มีใจเป็นผู้รับผิดชอบในงาน ศีลเป็นธรรมคุ้มครองโลกให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากความระแวงสงสัย อันเกิดแก่ความไม่ไว้ใจกัน ในทางที่จะเกิดความเดือดร้อนและเสียหาย
       คนมีธรรม แสดงว่าเป็นผู้มีศีล เพราะธรรมอยู่กับใจ ศีลอยู่กับกายวาจา

     ถ้าใจมีธรรมเป็นประจำ กายวาจาต้องสะอาดปราศจากโทษในขณะทำและพูด ฉะนั้นผู้มีกาย วาจาสะอาด จึงเป็นเครื่องประกาศให้คนอื่นเขาทราบว่า เป็นคนมีธรรมในใจ คนมีศีลธรรมประจำกาย วาจา ใจ จึงเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นเครื่องดึงดูดใจประชาชนให้หันมาสนใจและนิยมรักชอบทุกยุคทุกสมัยไม่มีวันจืดจาง

 *ศีลธรรม คือ ความดีงาม เป็นสิ่งที่โลกต้องการทุกเวลาไม่เป็นของล้าสมัย ทั้งมีคุณค่าเท่าทันโลกเสมอไป*

    มิใช่ความเจริญทางด้านวัตถุอย่างเดียวเท่านั้น.....


หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: ตะกร้าหวายสีขาว ที่ 12-05-2006, 15:02
คำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่ พุทธศาสนิกชน เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ค่ะ

ไม่เคยตั้งกระทู้ในเสรีไทยเหมือนกันค่ะ กับพันทิปเองก็ไม่ค่อยได้ตั้ง ไม่ค่อยถนัด อุอุ ชอบเป็นผู้อ่านเหมือนกัน ^^"

เอารูปมาฝากเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ เสรีไทยฯ ค่ะ

(http://www.bloggang.com/data/takra/picture/1141385837.jpg)


หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 12-05-2006, 15:56
สาธุ

ร่วมแจม

(http://www.freephotopost.com/uploads/bd09249058.gif)




หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 12-05-2006, 16:24

วันวิสาขบูชา
 

       วันวิสาขบูชา เป็นวันที่สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งเกิดขึ้นในวันและเดือนเดียวกัน
คือ ในวันเพ็ญ(ขึ้น ๑๕ ค่ำ) เดือนหก หรือเดือนเวสาขะ พระจันทร์เสวยวิสาขฤกษ์
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อกว่าสองพันห้าร้อยปีมาแล้ว
ในห้วงระยะเวลาที่ต่างกันคือ

(http://www.geocities.com/sakyaputto/nbuddha/budh2.gif)
        ครั้งแรก เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
โอรสพระเจ้าสุทโธธนะ และ พระนาง สิริมหามายา แห่งกรุงกบิลพัสดุ์
โดยประสูติที่ป่าลุมพินีวัน ณ เขตแดนรอยต่อระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์
ของฝ่ายพระราชบิดากับกรุงเทวทหะของฝ่ายพระราชมารดา

(http://www.geocities.com/sakyaputto/nbuddha/budh3.gif)
        ครั้งที่สอง เกิดเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ออกทรงผนวชได้ ๖ ปี
พระชนมายุ ๓๕ พรรษา ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นอรหันตพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ริ่มฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
ประเทศมคธปัจจุบันคือที่ตั้งพุทธคยา

(http://www.geocities.com/sakyaputto/nbuddha/budh3.gif)
       ครั้งที่สาม เกิดเมื่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพาน
เมื่อพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ณ เมืองกุสินารา
 
        เหตุการณ์สำคัญทั้งสามประการนี้ เกิดขึ้นในวันและเดือนเดียวกัน
ทางจันทรคติ ซึ่งนับวันขึ้นแรม ตามวิถีการโคจรของดวงจันทร์
เป็นหลักในการกำหนดวัน เดือน และปีซึ่งยังคงใช้กันมาอยู่จนถึงทุกวันนี้
ควบคู่กันไปกับการกำหนดวัน เดือน และปีทางสุริยคติ
ซึ่งเป็นไปตามวิถีการโคจรของดวงอาทิตย์
นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ซึ่งยังไม่เคยมีการประจวบกันเช่นนี้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด
และเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดมาก่อนจนตราบเท่าปัจจุบัน
แต่ความอัศจรรย์ดังกล่าว ก็ยังไม่เทียบเท่ากับ
การอุบัติของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาในโลก
และได้ทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนา
เพื่ออนุเคราะห์โลกให้เกิดประโยชน์สุขแก่มนุษยชาติและสัตว์โลกทั้งมวล

วันวิสาขบูชาจึงนับว่าเป็นวันสำคัญสูงสุดในพระพุทธศาสนา
เป็นวันที่ก่อให้เกิดพระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้พระธรรมและนำมาสั่งสอนแก่สรรพสัตว์
และพระสงฆ์สาวกผู้สืบพระศาสนาต่อมาจนถึงปัจจุบัน
[/color]


หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: narong ที่ 12-05-2006, 17:10
สาธุ

ร่วมแจม

(http://www.freephotopost.com/uploads/bd09249058.gif)




อิ๊กคิวซัง! :mozilla_yell:

คร๊าบๆๆๆผม :mozilla_surprised: ใช้หมองๆ :angel:


หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: duen_narak ที่ 12-05-2006, 19:37
เมื่อเช้า เดือนได้มีโอกาส ไปทำบุญ ไหว้พระมาด้วยล่ะค่ะ  รู้สึก จิตใจสบาย มาก ๆ เลย

รูปของพี่ตะกร้า สวยจังเลยค่ะ  ถ่ายเองใช่มั้ยคะ  แสดงว่า พี่ตะกร้าชอบถ่ายภาพแน่ ๆ เลย
วันจันทร์นี้ เดือนกับเพื่อน จะไปไหว้พระ 9 วัด ที่อยุธยา แล้วเดือนจะเก็บภาพมาอวดบ้างดีกว่า

อิอิ :D :D :D


หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: ตะกร้าหวายสีขาว ที่ 12-05-2006, 20:06
ตอบน้องเดือน รูปที่วัดพระแก้วฯพี่ถ่ายเองค่ะ  ฮ่าฮ่า แต่ถ่ายรูปไม่เก่งหรอกค่ะ เวลาถ่ายพี่ก็ตั้ง Auto ตลอด เอิ๊กกส์ แต่ก็ชอบถ่ายรูปค่ะ

ส่วนรูปที่ใช้โพสในคห.ต่างๆ พี่เซฟรูปมาจาก bloggang ค่ะ ^^"




หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: MonkeyBone ที่ 12-05-2006, 22:55
สาธุ อนุโมทนาบุญในการนำความรู้วันวิสาขมาเผยแผ่ด้วยค่ะ



หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 13-05-2006, 09:05
ขอ เอา ฉันท์ งดงาม ไพเราะ มาฝากค่ะ เพื่อนประกายดาวแต่ง


(http://www.dhammajak.net/webboard/photo/47374737.jpg)

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

๐ อ้อ..คืนนี้คคนานต์ตระการรุจะประกาย
โดดเดี่ยวและเดียวดาย………นะเดือน

๐ อ้อ..คืนนี้ผิวะย้อนและซ้อนอตีตะเยือน
ภาพพรายจะคล้ายเหมือน……..สมัย

๐ อ้อ..คืนนั้นก็วิสาขะมาสะผลิพิสัย
จ้าแจ้งสำแดงไกล……….ตระการ

๐ อ้อ..คืนนั้นภควันต์ ธ มั่นอริยะญาณ
ตัดเหตุกิเลสลาญ……….ละลา

๐ อ้อ..คืนนั้นพระสุคตจรดนยะประภา
ล่วงโศกวิโมกข์พา……….อำไพ

๐ อ้อ..คืนนั้นอมฤตสถิตกมละใน
ผองทัณฑ์และหวั่นไหว……….ละวาย

๐ ธรรม…อันล่วงภวะโลกจะโยกหัตะละลาย
สืบสานตระหง่านสาย……….พิสัย

๐ ธรรม…อันล่วงอุปมานจะดาลทิฐิพิจัย
เสกสรรค์อนันต์นัย……….ประนัง

๐ ธรรม…นี้แลศุจิกรรมะย้ำพละพลัง
ฝ่ากาลและผ่านหวัง……….บ่วาย

๐ จึง…ผ่านถ้อยอภิวันท์เพราะมั่นธรรมะจะฉาย
โลมอกและผกหมาย……….ละมรณ์

" สดายุ"

.


(http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/pict/ID_1068.gif)

ความซาบซึ้งในธรรม ...อยู่ในลมหายใจค่ะ

เมื่อวาน ประกายดาวมีความสุขใจ
ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ ใจเบาสบาย เป็นสุข
ความซาบซึ้งในธรรม ของ ตัวเอง จึงเป็นธรรมชาติที่
รู้สึก อิ่มใจ ปิติ ...

เอาบุญมาฝาก เพื่อนๆ ทุกคนนะคะ


หัวข้อ: Re: ขอให้ซาบซึ้งในธรรม....วันวิสาข์
เริ่มหัวข้อโดย: เชือกว่าว ที่ 13-05-2006, 09:51
ขอขอบคุณ คุณตระกร้าหวายสีขาว สำหรับรูปภาพที่
ดูแล้วทำให้จิตใจสงบ และร่มเย็น 

ขอบคุณ คุณป้าเสลา สำหรับพุทธประวัติ พร้อมรูปภาพ
ที่มีคุณค่าต่อ เยาวชนและต่อวัฒนธรรมของไทย

ขอบคุณ คุณ500 สำหรับรูปเณรน้อย ที่ขยันเคาะไม่เลิกตั้ง
แต่เปิดอมยิ้มขึ้นมา

ขอบคุณ คุณเดือน คุณMonkey Bone

และคุณประกายดาว เสนาะหูกับฉันท์ที่งดงาม ด้วยสัมผัส
และอักษร พร้อมรูปที่แสนจะงดงาม บ่งบอกถึงความสงบ
และความดีในจิตใจ

   การทำความดีไม่มีการแบ่งแยกแบ่งพวก ไม่ว่าศาสนาใด
   เชื้อชาติใด ตระกูลใด ทุกคนสามารถทำได้ทั้งนั้น
   และผลพวงของความดีก็จะสะท้อนสู่ตัวเอง ทำให้รู้สึก
   อิ่มเอิบ อบอวลไปด้วยความสุขในจิตใจ แม้ภายนอกจะต้อง
   ต่อสู้กับการดิ้นรนของชีวิตประจำวัน การแตกแยกทางความ
   ความคิดเห็น แต่ขอให้ทุกคนยึดมั่นในการทำดี คิดดี แม้ว่า
       
     ในความเป็นจริง การทำดี คิดดี จะทำได้ยาก
     แต่ทำชั่ว คิดชั่ว ทำได้ง่ายไม่ต้องพยายามก็ตาม....