ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เกือบลืมไปเลยว่า ช่อง 9 เป็นสถานีเดียวที่ยอมถ่ายทอดเสียงทักษิณ ในคืนรัฐประหาร
ใครเป็นใคร พวกเดียวกันหรือเปล่า มาถึงตอนนี้ย้อนมองกลับไปก็ชัดเจนขึ้นนะครับ  :slime_smile:

http://www.bangkokbiznews.com/2007/11/10/WW65_WW65_news.php?newsid=200790
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'เจ๊มิ่ง - มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ' ออกศึกตลาดการเมือง
10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 09:30:00

(http://www.bangkokbiznews.com/2007/11/10/thumb/200790_1thumb3.jpg)

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ปรากฏในบัญชีผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน กลุ่มจังหวัดที่ 6 ลำดับที่3
ถัดจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อันดับ2 และสมัคร สุนทรเวช ลำดับ1 โดยถูกชูอยู่ในทีมเศรษฐกิจของพรรค

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : "เจ๊มิ่ง" หรือ "พี่มิ่ง" ที่เขาหรือน้องๆ มักเรียกกัน อดีตคือกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท อสมท จำกัด
(มหาชน) หรือ MCOT ทิ้งงาน บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย(จำกัด) ที่เขาเคยเป็นซูเปอร์สตาร์ ทำยอดขายถล่มทลาย
และก้าวกระโดดจากผู้จัดการฝ่าย ขึ้นเป็นกรรมการผู้อำนวยการ ในระยะอันน่าดูชม

เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2545 เปิดตัวสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี อย่างเป็นทางการ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานในพิธี เขาพลิกโฉมช่อง 9 ตั้งแต่เปลี่ยนสัญลักษณ์สถานีเป็นรูป "ดวงตาสีม่วง" ปรับรูปแบบการนำเสนอเป็นสถานีข่าว
24 ชั่วโมง เสนอข่าวสาร และสาระความรู้ เพิ่มบทบาทให้กับเครือข่ายข่าวชั้นนำทั่วโลก เช่น ซีเอ็นเอ็น(อเมริกา) บีบีซี(อังกฤษ)
เอ็นเอชเค(ญี่ปุ่น) ซีซีทีวี(จีน) และพลิกโฉมปรับคลื่นวิทยุในเครือ

เขาผลักดันแปลงสภาพ อสมท.เข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทมหาชน ได้อย่างนุ่มนวล ไร้การต่อต้านจากคนในองค์กร และ
ทำรายได้เติบโตพรวดพราดเป็นหลักร้อยล้าน พันล้านได้ในช่วงต้น 1- 3 ปีแรก ประสบความสำเร็จด้านรายได้ และภาพลักษณ์

โดยเฉพาะเรื่องแดงโร่ขึ้น เมื่อจับได้ว่า ผู้บริหาร อสมท. กับ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มี "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" เป็นเจ้าของ
และผู้ดำเนินรายการด้วย ถูกตั้งกรรมการสอบจากคนนอก โดย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริง
สรุปว่ารายการ 'คุยคุ้ยข่าว' และ 'ถึงลูกถึงคน' ระยะออกอากาศกว่า 2 ปี ได้กินค่าเหลื่อมเวลาจากโฆษณา อสมท.เสียหาย
138,790,000 บาท แม้จะได้คืนเงินแล้ว แต่เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้

ภาพลักษณ์และพฤติกรรม "มิ่งขวัญ" ใกล้ชิดรัฐบาล"ทักษิณ" ขณะที่ทหารยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 ก็มีช่อง 9 ช่องเดียว
ที่นำคำสั่งต้านรัฐประหาร ภาพเสียงของ"ทักษิณ" ออกอากาศ และนำไปสู่กระแสกดดันให้เขาต้องยื่นใบลาออกมีผลเมื่อ
27 กันยายน 2549 และบอร์ด อสมท.ก็ต้องลาออกยกชุด

ก่อนหน้างนั้น วันศุกร์ 22 กันยายน บนกระดานปรากฏหุ้น MCOT ถูกเทขายผ่านโบรกเกอร์บิ๊กล็อต 550,000 หุ้นๆ ละ
36 บาท คิดเป็นเงิน 19.8 ล้านบาท ซึ่งผู้เทขายก็คือกลุ่มผู้บริหารของ MCOT นั่นเอง

...กระทั่ง 30 ธันวาคม 2550 อสมท.ได้แจ้งความต่อ สน.ห้วยขวาง ให้ดำเนินคดีกับพนักงาน อสมท.ที่เกี่ยวข้องและ
บริษัท ไร่ส้มฯ รวมทั้งกรรมการและผู้บริหาร   

ถัดมา 8 พฤศจิกายน อสมท.ได้ร้องทุกข์เพิ่มเติมให้ดำเนินคดีกับพนักงาน อสมท. ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน
ในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 รวมทั้งผู้บริหารบริษัท ไร่ส้มฯ ฐานช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้กระทำผิดเพิ่มอีก 

แม้คดีฉ้อโกง อสมท.จะยังไม่ระบุถึงตัว "เจ๊มิ่ง" แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคดีนี้เป็นแผล"ตราบาป" ในยุคเขาบริหาร

ถึงวาระนี้ "เจ๊มิ่ง" ผู้ริเริ่ม"ดวงตาสี" โมเดิร์นไนน์ คงจะได้ใช้วิชาการตลาด ลุยในตลาดการเมืองดูบ้างซะแล้ว

ไอ้คนที่เอาสมบัติของคนทั้งประเทศไปจัดสรรปันส่วน-แบ่งผลประโยชน์กันเองอย่างเมามันในหมู่คณะ
...คนแบบนี้แหม้งเก่งตรงไหนวะ ??


แล้วนี่มันเอาโกฎกระดูกของโคตรพ่อโคตรแม่มันไปขายให้โรงผลิตอาหารสัตว์หมดแล้วรึยังล่ะเนี่ย ??

   ครับ ขอบคุณคุณจี ที่เอา ข่าวนี้มา แม้จะเป็นข่าวดิสเครดิต คุณมิ่งขวัญ ตั้งแต่หัวข้อข่าว เจ๊มิ่ง
 แล้วคุณจี ก็ลากมาดิส ต่อที่กระทู้ในนี้ 

   ในครึ่งแรกของข่าวจะเห็น คนที่มีฝีมือในการบริหาร และวางยุทธศาสตร์ คนหนี่ง ที่ผลงานเป็นที่ประจักษ์
เคยอ่านบทความสัมภาษณ์ รู้มั๊ย ทำไมเขาจึงยอมลาออกจากโตโยต้า  เข้ามาบริหาร อสมท 
มี 3 ข้อ หนึ่งในเหตุผลนั้น คือ ตอนนั้น นายกรัฐมนตรี ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร  คนที่มีวิสัยทัศน์ ชัดเจนกว้างไกล

  ก็ไม่แปลก ที่คืนรัฐประหาร แกจะเป็นช่องเดียวที่ถ่ายทอดเสียงและภาพ ท่านทักษิณต้านปฏิวัติ ก็มันยังปฏิวัติ ไม่เสร็จนี่ ท่านยังเป็น
นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอยู่เลย คนอื่นยังเป็นแค่กบฎอยู่  อสมท ก็เป็นสื่อในการดูแลของรัฐ จะไปทำเอาตัวรอดอย่าง 3 5 7
แถม5 กับ 7 ยังเป็นของทหารอีก  ถ้าช่อง 9 ไม่ถ่ายทอดสิ ผมว่าผิด
 
  แล้วท่านก็ลาออก  ดีครับ ไม่ต้องไล่ออก ชัดเจนในแนวทางดี ทิ้งเงินเดือน เดือนละ 8 แสน  ( นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่แก เลือกมาทำที่อสมท
ไม่รู้ที่โตโยต้าให้เท่าไหร่ )
 
   ส่วนการ บอกว่าการมีการทุจริตใน อสมท แล้ว จะเป็นแผลตราบาป ให้คุณ มิ่งขวัญ มันไม่เกินไปหน่อยหรือครับ
แกไม่ได้ช่วยส่งเสริมคุณ สรยุทธ์  ไม่ได้เถียงแทนแก้ตัวให้คุณสุรยุทธ์  ไม่มีส่วนร่วมการกระทำผิด 
   เหมือน เสมียนแบ๊งค์โกงเงินแบงค์ โดนจับได้ ทำไมตราบาปไปอยู่กับผู้จัดการบริหารหล่ะครับ

แล้ว ในกรณี สปก4-01 ที่แจกที่ดินพลาดไปอยู่ในมือเศรษฐี พวกเดียวกัน  มันจะจบในสายตาผมเลยถ้าคุณชวนออกมาบอกว่า
คนทำงานพลาดขอให้คืน หรือ ส่งศาลไปเลยให้ศาลตัดสินคืนไม่คืน  แต่ชวนดันออกมาบอกว่า เขามีสิทธิ์ เหมือนลูกคนรวย มิสิทธิ์ สอบชิงทุนรัฐ
เศรษฐีก็มีสิทธิ์ได้สปก อันนี้ น่าเป็นตราบาปมากกว่า
   อาจไปกระทบ คุณนกกระสากวนน้ำที่ว่า "ไอ้คนที่เอาสมบัติของคนทั้งประเทศไปจัดสรรปันส่วน-แบ่งผลประโยชน์กันเองอย่างเมามันในหมู่คณะ
...คนแบบนี้แหม้งเก่งตรงไหนวะ ??"  ไม่ได้ตั้งใจนะครับ

  คุณจี ควร วิเคราะห์ วิสัยทัศน์ คุณมิ่งขวัญ มากกว่า ว่าดีเลวยังไง อ่อน กว่า นโยบายเศรษฐกิจของพรรคปชป อย่างไร ส่วนผมวิเคราะห์ ไม่ได้หรอก
ผมมันความรู้น้อย ไม่เข้าใจเศรษฐกิจแบบนโยบายประชาชนต้องมาก่อน และไม่เข้าใจว่ามันจะเรียกความมั่นใจทางเศรษฐกิจตรงไหน ถ้ากา ปชป
ตัวทีมเศรษฐกิจปชปเค้า รู้กันหรือเปล่าว่า ถ้าเข้าไปเป็นกันจริงๆ จะต้องทำอะไรบ้าง 1 2 3...
 
  ผมเคยปลงไปแล้วว่า ใครมาเป็นรัฐบาลก็เหมือนกัน เศรษฐกิจยังงี้ใครมันจะเรียกความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจกลับมาได้โดยเร็ว ต่อให้ 10 ทักษิณเลย
อยากให้ ประชาธิปปัตย์เป็นรัฐบาล เสียด้วย แล้วให้สมัครกับเฉลิมถล่มแล้วค่อยกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แต่หลังจาก ได้เห็น คุณมิ่งขวัญ โชว์วิสัยทัศน์แล้ว
ก็เปลี่ยนใจ แทนที่จะมีใครมานั่งเล่น ปี 2ปี ผมอยากให้คุณมิ่งขวัญ มาทำงานมากกว่า โอกาสพลิกเศรษฐกิจไทย 50 -50 เลย เห็นเลยว่าแกจะทำอะไรมั่ง
1 2 3.. ไม่ใช่ว่า จะมาคิดบริหาร เงินก้อนเดียวขอ่งประเทศ ที่มาจากภาษี ที่นับวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี เก็บไม่ได้ตามเป้า

  แล้วจะไปเอา วิสัยทัศน์เก่าๆ มาให้ครับ ยิ่งอ่านยิ่งรักครับคนนี้  ตอนนี่กระแสมาแล้วครับ เกลียดสมัคร รักมิ่งขวัญครับ ( สมัครนี่ตั้งหน้าตั้งตาให้คนเฉยๆมาเกลียดได้ทุกวัน  ) :slime_smile:
 

   

เจ๊มิ่ง มาจากสายของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

เมื่อก่อนมักหาเวลาว่างๆ มาปั้นเด็ก เอ๊าะๆ ให้กับวงการบันเทิงบ้าง

แบบว่า เงินไม่ต้อง น้องขอลุย..อิ อิ

นับเป็น "ป๋าดัน" ชื่อดังน้องๆ พวกเกย์ในแวดวงบันเทิง

ฝีมือเขาก็มีอยู่เป็นที่ประจักษ์จริงๆ นะครับ ส่วนเรื่องผลประโยชน์ที่ได้รับก็ต้องสรุปว่าคุ้มแสนคุ้มเหมือนกัน :slime_smile:

ผมเก่งเรื่องอะไรเหรอครับคุณลูกหิน แค่พอดีไปเจอที่กรุงเทพธุรกิจเขาพูดถึงคุณมิ่งขวัญ
รู้สึกว่ากำลังอยู่ในความสนใจ ผมก็เลยเอามาลง และเน้นทบทวนความจำกันนิดหน่อยว่า
ตอนคืนรัฐประหาร มีแต่ช่อง 9 ที่มีพฤติกรรมเป็นฝ่ายทักษิณ

เรื่องเกย์โหดอะไรนั่น อ่านแล้วรู้สึกสยองๆ ชอบกล .. ขนาดนั้นเลยหรือครับ  :slime_smile:

ความจริงในสายตาผมคุณมิ่งขวัญยังไม่ถึงขนาดจะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหรอกนะครับ
ถึงจะเคยไปบริหารช่อง 9 ได้ผลดีมาก่อนก็ตาม เพราะบริหารประเทศมันไปคนละเรื่องเลย
แต่คุณมิ่งขวัญแกเด่นด้านการพรีเซนต์ตัวเอง และแนวคิดโครงการต่างๆ จริง

ปัญหาของประชาธิปัตย์ในการแข่งกับพลังประชาชน ไม่ใช่เรื่องความพร้อมในการจัดการ
เศรษฐกิจระดับประเทศ แต่กลายเป็นปัญหาในการหาเสียงให้ประชาชนเข้าใจจริงๆ ครับ  :slime_smile:

ผมยังยืนยัน ผู้บริหารประเทศต้องเป็น "นักการเมือง"
ไม่ใช่พวกที่ "เล่นการเมือง" หรือพวก "นักธุรกิจ" หรือ "CEO"

สื่อเขาก็เรียก "เจ๊มิ่ง" มานานแล้วไม่ใช่หรือครับ เรื่องรู้ๆ กันอยู่ไม่ไ้ด้เป็นการดิสเครดิตอะไรกระมัง

เนื้อหาเขาก็สรุปความสามารถของคุณมิ่งขวัญมาตั้งมากมาย คุณ mebeam ก็ไปมีปัญหาแต่เฉพาะ
ส่วนที่เขาพูดอีกด้านหนึ่งเสริมขึ้นมา ผมว่าเขายังไม่ได้โจมตีอะไรเลยนะครับ

เรื่อง "ตราบาป" เขาก็เขียนไว้ชัดๆ ว่ายังไม่ได้ระบุถึงตัวคุณมิ่งขวัญ เพียงแต่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีนี้เป็น
"ตราบาป" ที่เกิดขึ้นในยุคที่คุณมิ่งขวัญบริหาร ก็คืออยู่ในความรับผิดชอบคุณมิ่งขวัญนะครับ คุณจะว่า
เสมียนโกงผู้จัดการไม่ต้องรับผิดชอบ มันไม่ได้หรอกนะครับ ผมคิดว่าต่อให้ส้วมใน อสมท. ยุคนั้นสกปรก
ก็อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคุณมิ่งขวัญ อย่าว่าแต่กรณีทุจริตเงินเป็นร้อยล้านบาทนะครับ

เรื่อง สปก. วนเวียนอ้างกันมาตลอด ถ้ามีโอกาสจะตั้งกระทู้ถกกันโดยเฉพาะนะครับ แต่ในเบื้องต้นนี้
คุณ mebeam แน่ใจหรือเปล่าว่ารู้รายละเอียดเรื่องนี้แล้วจริงๆ เรื่องมันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2537 นะครับ
ตอนนั้นหลักเกณฑ์อะไรยังไม่มีการชี้ขาดกัน ว่าเกษตรกรที่จะครอบครองที่ สปก. ต้องยากจนด้วย
ไม่ใช่แค่เป็นเกษตรกรเฉยๆ และชาวบ้านได้ที่ สปก. มาก็ขายต่อให้กับนายทุนเป็นแสนเป็นล้านราย
ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าต้องปลอมตัวเป็นคนจนไปรับที่ สปก. เขาซื้อต่อจากชาวบ้านก็ได
้
พอศาลมีคำวินิจฉัยว่าไม่ยากจนครอบครองที่ สปก. ไม่ได้ ก็กลายเป็นบรรทัดฐาน ก็คืนที่ดินกันไป
แต่ก็เป็นเรื่องเฉพาะรายที่มีคดีความเท่านั้น โดยทั่วไปคนรวยครอบครองที่ สปก. เต็มไปหมดครับ
และถ้าจะจัดการจริงๆ มีแนวโน้มอย่างยิ่งว่าจะจัดการไม่ไหวด้วย ทั้งที่บรรทัดฐานก็ออกมาแล้ว

เรื่องวิสัยทัศน์คุณมิ่งขวัญ (เฉพาะที่ออกรายการเจาะใจ) ผมให้ความเห็นไปแล้วในกระทู้ของ
คุณ pig.amry นะครับ คงไม่เอามาลงซ้ำที่นี่อีก สรุปก็คือในสายตาของผมคุณมิ่งขวัญนำเสนอ
ระดับธรรมดาๆ เพียงแต่ทางคุณกอร์ปศักดิ์นำเสนอเข้าใจยากเกินไป และจ้องหาเสียงไปหน่อย

ผมได้ข่าวว่า คุณมิ่งขวัญได้รับเชิญ ให้ดีเบตกับทางประชาธิปัตย์ทางเนชั่นแชลแนลเร็วๆ นี้อีก
และได้ยินว่าทางประชาธิปัตย์คนที่มาจะเป็น คุณกรณ์ จาติกวณิช ตอนแรกเนชั่นนัดให้ดีเบตกัน
ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่ทางคุณมิ่งขวัญยังขอเลื่อนอยู่
ก็รอได้ดีเบตกันแล้ว ผมค่อยวิเคราะห์วิสัยทัศน์คุณมิ่งขวัญอีกทีแล้วกันนะครับ  :slime_smile:

ปัญหาของ พลังประชาชนตอนนี้คือ ไม่มี "มือเศรษฐกิจ" อีกต่อไป

พูดง่ายๆ พวกพ่อค้า หรือนักบริหารในสายอาชีพจริงๆ ต่างวิ่งหนีหมด

ใครจะมาเป็นมือเป็นไม้ให้กับ พรรคการเมืองศัตรูของทหาร ลำบากนะครับ

ลองวิเคราะห์เล่นๆ ทำไม มือเศรษฐกิจ จึงตกมาถึงมือ "คุณมิ่งขวัญ"

แสดงว่าเมื่อก่อนนั้น นอกจาก "ทักษิณ - สมคิด" แล้วก็หลุดไปเลยครับ

จะว่าไปก็คือ "ไทยรักไทย" ไม่เคยมีทีมเศรษฐกิจนั่นเอง

ไหนๆ บทความก็เชื่อมโยงคุณมิ่งขวัญ กับบริษัทไร่ส้มไปแล้ว งั้นเอาเรื่อง
คุณสรยุทธ มาลงไว้ด้วยก็แล้วกัน ตัดจากบล็อกคุณ yyswim (ไม่รู้อ่านว่าอะไร)  :slime_smile:

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สรยุทธ สุทัศนจินดา กับรายได้ที่ไม่น่าเชื่อ……
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2548 16:50:35 น.
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yyswim&month=11-2005&date=11&group=3&gblog=10

คุณสรยุทธ ทำงานเป็นลูกหม้อเนชั่นฯ มาตั้งแต่เงินเดือน 5 พันกว่าๆ แต่ตอนหลังเขาดังมากจากหลายรายการ
ในช่องเนชั่น ทีวี เพราะฉะนั้นในช่วงหลังตอนที่ไปโด่งดังอยู่หน้าจอ "เนชั่นทีวี" ก็จึงปรับค่าเหนื่อยให้เป็น
100,000บาท

เมื่อโด่งดังขึ้น ก็เลยมีคนต้องการตัวให้ไปร่วมงานเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ คุณประวิทย์ มาลีนนท์" แห่งช่อง 3
คุณสรยุทธคิดว่าอะไรๆก็เคลียร์กันได้

อยู่ๆจะได้เงินเอ็กซ์ตร้าเพิ่มขึ้นอีก 300,0000 บาท/เดือน จึงวางแผนว่าหลังจากรายการ"เรื่องเล่าเช้านี้" เสร็จ
ก็จะบึ่งรถไปบางนาทัน 9โมงแล้วนั่งดื่มกาแฟจัดรายการ "เก็บตกเดอะเนชั่นฯ "ต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

แต่เมื่อเข้าไปพบเจ้านาย ผู้บริหารเนชั่นฯกลับยืนกราน "ถ้าคุณทำได้คนอื่นก็ทำได้.... คุณจะต้องเลือกเอา
ถ้าจะไปช่อง 3 ก็ต้องลาออกจากเนชั่นฯ"

สุดท้ายคุณสรยุทธลาออก ข้ามฟากไปอยู่ที่ช่อง 3 ทีแรกก็ไม่ได้คิดจะขยับขยายอะไรใหญ่โต ขอแค่ไป
เริ่มทำรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" กับสาวๆด้วยความสบายใจ ด้วยค่าเหนื่อย 300,000 บาท/เดือน

แต่แล้ว "ตาอยู่" ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินอย่าง "ผอ.มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" ก็ไม่ยอมให้ทำงานสบายๆ ดังๆแบบนี้
ควรจะต้องทำงานหนักและเหนื่อยเพิ่มอีกหน่อย

ก็เลยยื่นข้อเสนอให้ "เฮียสอ" มาร่วมงานในรายการ "ถึงลูกถึงคน" ทอล์คโชว์หนักๆ ตามแนวถนัดอีกรายการ
ด้วยค่าเหนื่อยตอนละ 5,000 บาท (1 เดือน มี 22 ตอน ก็เท่ากับมีรายรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 100,000 บาท)

รวมแล้วเพียง 2 รายการ "เฮียสอ" ได้ค่าเหนื่อยเข้าไปแล้ว 400,000 บาท แถมยังทำงานสบายกว่าที่เนชั่นฯ
ไม่ต้องไปเฝ้าแหล่งข่าวตามที่ต่างๆ

แล้วเชื่อมั๊ยล่ะ!!! หลังจากทำรายการ "ถึงลูกถึงคน" ดังกระหึ่ม จนได้รางวัล TOP AWARDS 2003 พร้อมเรทติ้ง
ที่ดีวันดีคืน "ผอ.มิ่งขวัญ" ก็เลยตบรางวัลด้วยการเพิ่มค่าเหนื่อยให้อีกเป็นตอนละ 20,000 บาท (20,000 x 22 วัน
= 440,000 บาท)

แล้วยังให้เวลาแก่ "บริษัท ไร่ส้ม จำกัด " ของ "เฮียสอ" ทำรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ร่วมกับซี้เก่า
"คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล" อีก ทุกวันเสาร์- อาทิตย์ เวลา 12.00 - 13.00 น.

ก็ได้ข้อมูลที่ทำให้ตาร้อนวูบวาบอีกว่า รายการ "คุยคุ้ยข่าว" ของ “เฮียสอ” เองราคาขายปลีกอัตราค่าโฆษณา
นาทีละ 200,000 บาท ลด 20% (เหลือ 160,000 บาท) โฆษณาวันละ 10 นาที (ตอนนี้โฆษณาเต็มแล้วด้วย)
อาทิตย์ละ 2 ครั้ง (รวม 20 นาที) อาทิตย์หนึ่งมีรายได้ 160,000 x 20 = 3,200,000

ออกอากาศ 4 สัปดาห์ต่อเดือน รายได้สุทธิ 3,200,000 x 4 = 12,800,000 บาท / เดือน อันนี้ยังไม่รวม
ราคาโฆษณาแผ่นป้ายที่ติดอยู่หน้าจออีกมากมาย

เมื่อนำไปหักลบกลบหนี้กับ ค่าเช่าสถานี ค่าพนักงานฝ่ายข้อมูลค่าจ้างพิธีกรร่วม รวมๆกันแล้วก็รายได้ประมาณ
เดือนละ 2 ล้านกว่าบาท ทำให้ "เฮียสอ" ยังเหลือเงินเหนาะๆ ในมืออีกเดือนละร่วม 10 ล้านบาท

นี่ยังไม่ได้รวมรายได้จากงานพิธีกรรายการ "ถึงลูกถึงคน" 440,000บาท และค่าพิธีกร
รายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" 300,000 บาท
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุณมิ่งขวัญ ที่เห็นๆ ว่ายืนฝ่ายคุณทักษิณ ดีกับคุณสรยุทธถึงเพียงนี้ ไม่แปลกถ้าคุณสรยุทธจะรักษาน้ำใจ
ไม่เปิดประเด็นโจมตีรัฐบาลคุณทักษิณแบบหนักมือ

การดีกับคุณสรยุทธแบบนี้ จะเรียกว่าเป็นการ ซื้อสื่อ ครอบงำสื่อ ได้ไหมเอ่ย?  :slime_smile:

คุณกาลามะชน ไปตั้งกระทู้ในห้องสินธร เกี่ยวกับคุณมิ่งขวัญครับ โดยบอกว่าที่
ห้องราชดำเนินเกิดกระแสมิ่งขวัญฟีเวอร์ ก็เลยอยากถามความเห็นของผู้ที่อยู่ใน
วงการธุรกิจว่า คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นอย่างไร มีทีท่าจะนำพาประเทศ
ให้อยู่รอดจากหายนะทางเศรษฐกิจได้หรือไม่

จะฝากอนาคตของประเทศไว้กับมิ่งขวัญ แสงสุวรรณได้ไหม
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I6028043/I6028043.html

ผมชอบความคิดเห็นที่ 7 ครับตอบได้เฮฮา อารมณ์ดีจริงๆ  :slime_smile:

----------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 7

---จะฝากอนาคตของประเทศไว้กับมิ่งขวัญ แสงสุวรรณได้ไหม---

ฝากได้ แต่ตอนเอาคืนไม่รู้จะได้กลับมาแบบไหน (ฮา)

จากคุณ : จริงๆ นะ - [ 16 พ.ย. 50 17:28:08 A:58.10.192.71 X: TicketID:159747 ]

ผมก็คิดว่าคุณมิ่งขวัญแกจบด้านการตลาด หรือสื่อสารมวลชน หรือเศรษฐศาสตร์ หรือบริหารธุรกิจ
และอย่างน้อยๆ ได้เป็นระดับ "ว่าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจประเทศ" ก็คงจบระดับปริญญาโท มาแล้ว
แต่พอตรวจสอบกับข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งปรากฏว่า คุณมิ่งขวัญ จบปริญญาตรี นิติศาสตร์ ครับ  :slime_smile:

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (http://www.khonthai.com/Election/ssapply/enqss/internet/desc.php?desCc=06&desEarea=01&desCandType=2&desApplyNo=0012&desCandNo=0003&desEledate=25501223&status=%C2%D7%B9%C2%D1%B9)

ปล. เพิ่งสังเกตด้วยว่านามสกุลแกมีการันต์ที่ ณ.เณร ด้วยไม่รู้ว่าเพิ่งแก้ใหม่หรือสื่อลงผิดมาตลอด
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายละเอียดผู้สมัคร : แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6     สำหรับการเลือกตั้งในวันที่ : 23 ธันวาคม 2550
หมายเลขที่พรรคใช้ในการเลือกตั้ง : 12    พรรค : พลังประชาชน    ลำดับที่ในบัญชีรายชื่อ : 3

(http://www.khonthai.com/Election/ssapply/img25501223/06/06060003.jpg)

เลขประจำตัวประชาชน : 3-1017-00703-32-7
ชื่อ-นามสกุล : นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์    สัญชาติ : ไทย
วัน เดือน ปีเกิด : 5 กุมภาพันธ์ 2495    อายุ : 55 ปี    เพศ : ชาย
ที่เกิด : โรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงราย

ที่อยู่ปัจจุบัน : 252/1 ซอย อภิชาติ 5 ต. สวนหลวง อ. เขตสวนหลวง 10250
สถานที่ติดต่อ : 252/1 ซ.หมู่บ้านปัญญา ถ.พัฒนาการ
โทรศัพท์ : 0-27137651    โทรสาร : 0-2713-7648

บิดา : อนันต์    สัญชาติ : ไทย
มารดา : เยาวภา    สัญชาติ : ไทย

วุฒิการศึกษาสูงสุด : ปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี พ.ศ. : (ไม่เคยเป็น)
เป็นสมาชิกวุฒิสภา ปี พ.ศ. : (ไม่เคยเป็น)
เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี พ.ศ. : (ไม่เคยเป็น)

อาชีพสุดท้ายก่อนสมัครรับเลือกตั้ง :  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท.

จากหน้าเหลี่ยม

มาเป็นขิงเน่า จากขิงเน่า

จะมาเป็น เกย์ ตุ๊ด อีก

เวรกรรม

ประเทศไทย

มีแค่นี้ให้เลือกหรือ? :slime_worship:


     

  เรื่องเจ๊มิ่งที่คุณจี  บอกว่าสื่อก็เรียกกันนานแล้ว ผมไม่ค่อยพบเจอนะครับ เป็นการเรียก ดิสเครดิตมากกว่า
เอาเป็นว่า ถ้าสื่อขอสัมภาษณ์และเรียกแกเจ๊มิ่งๆ คุณจีคิดว่าแกจะโกรธมั๊ย  ผมว่าสื่อใหนที่ใช้คำนี้ คงวางตัวไม่เป็นกลางครับ

   อ่านดู ในความเห็นจี  เรื่องวุฒิของคุณมิ่งขวัญ เห็นคุณจีแปลกใจ ในวุฒิแค่ปริญาตรี 
 ( อ่านแล้วแปลกใจ แต่ผมคงคิดลึกไป คุณจีคงไม่หวังดิส แม้เรื่องระดับวุฒิการศึกษาหรอกใช่มั๊ยครับ   )

    เรื่องกระทู้ห้องสินธร ผมก็เข้าไปอ่านแล้ว ก็รู้สึกค่อนข้างเป็น บวก มีหลายความเห็น ที่เป็น ลบ ซึ่ง
สังเกตเห็นว่าความเห็นเหล่านี้  จะใช้ บัตรผ่านกัน ไม่ยอมเปิดเผย ล๊อกอิน ในการให้ความเห็น เช่น คห. 7
ไม่เข้าใจ กล้าด่าแต่ไม่กล้าแสดงตัวแม้จะเป็นเพียงแค่ล๊อคอินก็เหอะ สู้คนในนี้ไม่ได้ ด่าจะๆ เปิดเผย

   ส่วนเรื่องผลประโยชน์ ไร่ส้มของคุณสุรยุทธ์ ที่คุณจีว่ามา ลากยาวมาจากคุณสรยุทธ์ยันมาถึงท่านทักษิณได้
แล้วสรุปว่าคุณทักษิณซื้อสื่อครอบงำสื่อก็ตามนั้นครับ ไม่รู้จะพูดยังไง   :slime_smile:

####---- บทสัมภาษณ์ มิ่งขวัญ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว!!! ---- ####

 สิ่งที่มิ่งขวัญพูดไว้ในรายการเจาะใจ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ทำมาเพื่อหาเสียง
แต่เป็นเรื่องที่มิ่งขวัญได้พูดไว้นานแล้ว

ใครที่ยังไม่รู้จักมิ่งขวัญ เชิญอ่านได้เลยครับ
ส่วนใครที่อยู่ฝ่ายปชป ก็ลองอ่านดูครับ จะได้รู้ว่าของจริงเป็นยังไง มันไม่ใช่แค่ลมปากแน่ๆ
http://www.geocities.com/constsurin/imagemaker.htm


มติชนสุดสัปดาห์
ฉบับที่ 1163
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2545---------------------------------------


สู่'ฝัน'อันยิ่งใหญ่
ของ'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ'
IMAGE MAKER ประเทศไทย
กับ'โมเดิร์น ไนน์'ทีวี

"สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทำเป็นเรื่องเป็นราว คือ ภาพพจน์ของประเทศ

นึกดูสิว่าสมัยเด็กๆ รายได้หลักอันดับ 1 ของประเทศคือ ข้าว แต่วันนี้คือ การท่องเที่ยว และที่มากกว่านั้นคือการลงทุนจากต่างประเทศ
ถ้าภาพพจน์ประเทศของเราดี ผมเป็นนักลงทุนผมก็อยากมาประเทศนี้ มาทีละหลายพันล้าน หรือถ้าเป็นนักท่องเที่ยว ผมก็อยากเที่ยวในประเทศที่มีภาพพจน์ดี

นี่คือ ความฝันของผมที่อยากทำในฐานะที่เป็น Image maker"

เป็นคำสัมภาษณ์ของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" เมื่อเดือนตุลาคม 2542 ในหนังสือพิมพ์มติชน

จำได้ว่าวันที่ไปสัมภาษณ์ "มิ่งขวัญ" ค่อนข้างลังเลที่จะตอบคำถามเรื่อง "ความฝัน" ที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำคำถามนี้

และวันนั้นเขาเองก็คงไม่คิดว่าจะได้ทำในสิ่งที่ฝันอีก 3 ปีต่อมา

"มิ่งขวัญ" ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักการตลาดและประชาสัมพันธ์

นอกเหนือจากทำงานให้กับ "โตโยต้า" มาตลอด 25 ปี เขายังมีชื่อเสียงในฐานะ Image maker ของดาราหลายคน

เขาคือผู้ปลุกปั้น จอนนี่ แอนโฟเน่ วิลลี่-คัทลียา แม็คอินทอช วรุฒ วรธรรม ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง และ ดอม เหตระกูล จนโด่งดังในแวดวงมายา

แต่บทบาท Image maker ประเทศที่เขาฝันเพิ่งจะมีโอกาสลงมือทำเมื่อพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง

"สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" เลขาธิการพรรคไทยรักไทยในฐานะที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นคนแนะนำ "มิ่งขวัญ" กับ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"

ไม่นานนักชื่อของ "มิ่งขวัญ" ก็ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญ "เที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกเดือน" ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก

จากนั้นเมื่อมีการเปิดรับผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเ
ทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ชื่อของ "มิ่งขวัญ" ก็เป็นที่กล่าวขวัญว่าเป็น "ตัวเต็ง" ตั้งแต่วันแรกจนประกาศผล

ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ "ผู้ใหญ่" อยากให้ใครเป็นเพียงฝ่ายเดียว

แต่ยังอยู่ที่ว่าคนที่ "ผู้ใหญ่" อยากให้เป็น ทำไมถึงยอมทิ้งความมั่นคงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงรถยนต์มาสุ่มเสี่ยงกับความไม่แน่
นอนทางการเมือง

และต้องปรับตัวกับองค์กรใหม่ที่เคยได้รับการขนานนามว่า "แดนสนธยา"



เจอกับ "มิ่งขวัญ" ครั้งนี้ เขายังเหมือนเดิม เป็นกันเองแต่ระมัดระวังตัวในคำถามตรงและแรง

แน่นอน ประโยคแรกก็คือการรำลึกถึงบทสัมภาษณ์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา

"มิ่งขวัญ" บอกว่าตอนที่ออกจากโตโยต้าก็ได้รับการทักท้วงจากผู้ใหญ่ แต่เขาสรุปแล้วว่าเขาตัวคนเดียว สร้างเนื้อสร้างตัวจากอายุ 21 ถึง 50 ปี น่าจะพอได้แล้ว

ถึงเวลาแล้วที่จะนำประสบการณ์จาก "โตโยต้า" มาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

ถามว่ามีองค์ประกอบอะไรที่ทำให้มั่นใจในการมารับตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.

เขาตอบว่ามี 3 องค์ประกอบ

1. อ.ส.ม.ท. มีสื่ออยู่ในมือทั้งสำนักข่าวไทย สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์

2. "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน เป็นพรีเซ็นเตอร์ของประเทศที่ดียิ่ง

3. ความต้องการของประเทศที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรื่อง "ภาพพจน์ประเทศ" จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ตั้งแต่วันแรก เขาประกาศกับพนักงานทุกคนว่า อ.ส.ม.ท. ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว คนต้องมี "จุดมุ่งหมาย" องค์กรก็เช่นกัน

"มิ่งขวัญ" บอกว่าเขาเข้ามาโดยไม่นำคนของเขาเข้ามาเลยแม้สักคนเดียว

"คนขับรถ นักกฎหมาย เลขาฯ ผมใช้คนเก่าทั้งหมด"

ชีวิต 3 เดือนหลังจากรับตำแหน่งของ "มิ่งขวัญ" เปลี่ยนไปจากเดิมมาก

"ตอนอยู่โตโยต้า ตอนเย็นผมยังได้ว่ายน้ำบ้าง แต่ 3 เดือนนี้ ผมกลับบ้าน 5 ทุ่มทุกวัน ทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด และทำงานตลอดเวลาเลย"

ได้ยินกระแสจากคนใน อ.ส.ม.ท. หลายคนค่อนข้างชื่นชม "มิ่งขวัญ"

"ผมไม่ได้ปากหวาน แต่รางวัลที่ได้จากการตัดสินใจเป็นผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. คือพนักงานทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจริงๆ ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ 3 เดือนผมทำ โมเดิร์น ไนน์ ไม่ได้หรอก"

เขาบอกว่าแค่ 3 เดือนเขาประชุมใหญ่ถึง 37 ครั้งซึ่งพนักงานให้ความร่วมมือและกระตือรือล้นดียิ่ง

"มิ่งขวัญ" เล่าว่าวันหนึ่งตอนที่เข้าห้องน้ำ เขาพบพนักงานเสิร์ฟในห้องประชุมชื่อ "โต้ง" ถามว่าเป็นไงเหนื่อยไหม

"เหนื่อยครับ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประชุมมากขนาดนี้"

พอเขาเอ่ยปากขอโทษ "โต้ง" กลับบอกว่าไม่เป็นไร เพราะที่ผมได้ยินจากห้องประชุมมันดูดีมากเลย ไม่เคยมีผู้อำนวยการคนไหนที่พนักงานมาร่วมประชุมมากขนาดนี้

"โมเดิร์น ไนน์" เป็นเพียง "ก้าวแรก" ของ "มิ่งขวัญ"

ก้าวต่อไปของเขาคือการปรับเปลี่ยนผังรายการใหม่ ซึ่งจะประกาศในวันที่ 22 มกราคม 2546

และเริ่มดีเดย์ 1 กุมภาพันธ์ 2546



เป้าหมายของ "มิ่งขวัญ" ก็คือ คนที่ดูช่อง 9 อ.ส.ม.ท หรือฟังวิทยุของ อ.ส.ม.ท. จะต้องฉลาดขึ้น

"ไม่ต้องเขียนหนังสือได้ ขอเพียงฟังภาษาไทยรู้เรื่องเมื่อดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุ เขาต้องฉลาดขึ้น"

แต่สิ่ง "มิ่งขวัญ" บอกว่าต้องคำนึงมากในการปรับเปลี่ยนผังรายการคือ ทำอย่างไรให้คู่ค้ากระทบน้อยที่สุด ต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคู่ค้า

"บางคนเคยมี 3 รายการ ปีหน้าเหลือ 1 รายการ แต่ 1 รายการนี้ทำรายได้ให้กับเขามากว่า 3 รายการเดิม"

เขาบอกว่าถ้าไม่คิดถึงประโยชน์ประเทศชาติ ทำแต่บันเทิงอย่างเดียว อ.ส.ม.ท. จะทำกำไรมหาศาล

ถามว่าถ้าไม่ติดว่าต้องเป็นรายการสาระ สามารถทำแบบช่อง 3 หรือช่อง 7 จะเป็นอย่างไร

"ถ้าทำแบบช่อง 3 หรือช่อง 7 ได้ ผมจะทำให้ช่อง 9 เป็นอันดับ 1 ให้ดู" เขาประกาศ

และสำหรับคำวิพากษ์วิจารณ์ "โมเดิร์น ไนน์" นั้น "มิ่งขวัญ" ขอความเห็นใจว่าเพิ่งเริ่มต้นทำได้แค่นี้ถือว่าเร็วมาก

"ถ้า 3 เดือนเร็วไป จะต้องใช้เวลานานเท่าไรที่คิดว่าทำได้สมบูรณ์แบบแล้ว"

"1 ปี" เป็นคำตอบอย่างมั่นใจของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ"

17 กรกฎาคม 2546 เราคงได้เห็นช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ที่สมบูรณ์แบบตามความคิดของผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยคนนี้

"มิ่งขวัญ" มองว่าการสื่อสารภาพพจน์ของประเทศไทยไปสู่ต่างประเทศในวันนี้ยังต้องพึ่งพาจมูกคนอื่
นหายใจ คือ ต้องพึ่งพาสำนักข่าวต่างประเทศ

ภาระหน้าที่ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการส่งออกข้อมูล คิดกิจกรรม คิด Big event เพื่อเป็นข่าว

สิ่งที่เขา "ฝัน" ก็คือ การสร้างช่องทางการสื่อสารที่เป็นของตัวเองที่แข็งแรงและต่างชาติให้การยอมรับ เหมือน NHK ของญี่ปุ่น หรือ CCTV ของจีน

"สิ่งที่ต้องคิดคือเราจะส่งข่าวสารอะไรออกไป ใช้เทคโนโลยีแบบไหน เขารับได้หรือเปล่า เรื่องเงินนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ แต่ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เขาดูกัน"

และนั่นคือ "ความฝัน" อันยิ่งใหญ่ของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" นับจากนี้ไป  

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6029758/P6029758.html

อ่านซะครับ ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ ได้มาจาก วิสัยทัศน์ และฝีมือครับ  

ตามล่าหา "จเด็จ"

บางทีเขาเรียกเต็มๆ ก็จะเป็น "เจ๊มิ่งขวัญ" นะครับ เรื่องเรียกต่อหน้าอะไรนั่นผมว่าก็เหมือนกับคำว่า
"หมัก" คำว่า "เหลิม" คำว่า "เติ้ง" หรือแม้แต่คำว่า "แม้ว" ทั้งหมดนี้ไม่มีสื่อที่ไหนไปเรียกต่อหน้า
แต่ก็ใช้จนรู้กันทั่วไป โดยเฉพาะในการพาดหัวข่าว ผมว่าคุณมิ่งขวัญก็รู้ว่าตัวเองมีชื่อว่าอะไรนะครับ

เรื่องวุฒิการศึกษาก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าผิดคาดหมาย ไม่นึกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะจบปริญญาตรี
ทางนิติศาสตร์ ในเรื่องนี้ก็ต้องถือว่าวุฒิการศึกษาไม่ตรงสาย ต้องไปดูที่ประสบการณ์ทำงานกันอีกที

คราวนี้ไปดูประวัติการทำงานก็แล้วกัน จะพบว่าคุณมิ่งขวัญเติบโตมาทางสายงานขายเป็นนักขายที่เก่ง
และต่อมาก็คือไปทำหน้าที่ด้านงานประชาสัมพันธ์ โปรโมทอะไรต่างๆ เช่น รถยนต์ ดาราหนุ่มๆ จนถึง
ได้มีส่วนโปรโมทการท่องเที่ยวไทย ระหว่างที่อยู่โตโยต้า 28 ปีก็คือทำงานพวกนี้ ซึ่งนอกสายกฎหมาย
ที่เรียนจบมาไปคนละทาง

ต่อมาได้นั่งบริหารช่อง 9 ในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งคุณ mebeam จะมองอย่างไรก็แล้วแต่นะครับ
แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการเข้าครอบงำสถานีโทรทัศน์โดยคนของคุณทักษิณตั้งแต่ต้น เช่นเดียวกับที่
สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ รวมทั้งไอทีวีก็ถูกครอบงำ แม้แต่เอเอสทีวีที่จัดตั้งขึ้นมาก็ถือได้ว่าใช่

ถ้าคุณ mebeam ยังจำได้ ก็คุณมิ่งขวัญ คนนี้เองที่ปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์จากผังช่อง 9
และสนธิ ลิ้มทองกุล ต้องไปจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรตามที่ต่างๆ ตั้งแต่ี่หอประชุมเล็ก
ม.ธรรมศาสตร์ ย้ายไปหอประชุมใหญ่ฯ ย้ายไปเวทีลีลาศสวนลุมพินี กระทั่งไปถึงลานพระรูปและ
ชุมนุมที่จุดต่างๆ เช่น ที่ถนนสีลม ที่สยามพารากอน ทีทำเนียบรัฐบาล ฯลฯ

ผมก็ไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง สื่อโทรทัศน์กับคุณทักษิณยังไง นอกจากมีการแทรกแซง
ครอบงำจริงๆ แน่นอนว่าลุกลามไปถึงวิทยุ และหนังสือพิมพ์ด้วย ซึ่งจะออกนอกเรื่องไปไกลครับ

สำหรับผลงานของคุณมิ่งขวัญผมก็ยอมรับนะมี ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะจุดแข็งด้านการทำงาน
พีอาร์ของคุณมิ่งขวัญ ในการสร้างแบรนด์ให้กับช่อง 9 แต่ผมก็ยังคิดว่าแค่นั้นไม่พอจะมานั่งเ้ก้าอี้
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของประเทศหรอกครับ
ให้ไปคุมการท่องเที่ยว ทำด้านโครงการโปรโมท น่าจะตรงกับความสามารถคุณมิ่งขวัญมากกว่า  :slime_smile:

ผมก็ไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง สื่อโทรทัศน์กับคุณทักษิณยังไง นอกจากมีการแทรกแซง
ครอบงำจริงๆ แน่นอนว่าลุกลามไปถึงวิทยุ และหนังสือพิมพ์ด้วย ซึ่งจะออกนอกเรื่องไปไกลครับ

สำหรับผลงานของคุณมิ่งขวัญผมก็ยอมรับนะมี ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะจุดแข็งด้านการทำงาน
พีอาร์ของคุณมิ่งขวัญ ในการสร้างแบรนด์ให้กับช่อง 9 แต่ผมก็ยังคิดว่าแค่นั้นไม่พอจะมานั่งเ้ก้าอี้
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของประเทศหรอกครับ
ให้ไปคุมการท่องเที่ยว ทำด้านโครงการโปรโมท น่าจะตรงกับความสามารถคุณมิ่งขวัญมากกว่า   
ข้อความเมื่อ: วันนี้ เวลา 17:52 ข้อความโดย: amalit1990 

เห็นด้วยครับ คือ ถ้าให้แกมาดูภาพรวมเศรษฐกิจจริงๆผมว่า แกมือไม่ถึง
แต่ดูๆไป ปชป.ก็ไม่มีใครมือถึงเหมือนกัน

ลองพิมพ์คำว่า  เจ๊มิ่งในกูเกิลแล้ว เซิด หาดิครับ  :slime_smile:

ผมลองคำว่า "เจ๊มิ่ง" ดูแล้วปรากฎว่ามีชื่อตัวละครในหนัง หมากเตะฯ ที่รับบทโดย น้อย โพธิงาม ติดมาด้วย
จึงอยากจะแนะนำให้ค้นหาคำว่า "เจ๊มิ่งขวัญ" แทน จะได้ลิงค์ที่ตรงกว่าครับ  :slime_smile:

ของคุณ จี ชัวกว่าเยอะเลยครับ :slime_agreed: :slime_agreed: :slime_smile:

ไหนๆ ก็ตั้งเป็นกระทู้แล้ว ถ้าขาดเนื้อหาจากเว็บผู้จัดการ และสนธิ ลิ้มทองกุล ก็คงขาดข้อมูลส่วนสำคัญ
และอ่านเพลินอย่างยิ่งไป ส่วนเนื้อหาจะเท็จจริงอย่างไรก็โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ พยายามเลือกตัด
เฉพาะส่วนที่เนื้อความเกี่ยวโยงกัน และส่วนที่เกี่ยวกับคุณมิ่งขวัญ พร้อมกับถือโอกาสแถามเรื่องทักษิณ
และเฉลิมในยุคแรกๆ มาด้วยแล้วกันนะครับ

ฉบับเต็มไปอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=38842
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมืองไทยรายสัปดาห์:เหตุเกิดที่ อสมท ไม่มีการแบ่งเค้ก มีแต่ผู้สูญเสียอำนาจและผลประโยชน์
(ไม่ทราบช่วงเวลา เข้าใจว่าน่าจะพูดระหว่าง เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน พ.ศ.2549)

     อสมท มีอะไรบ้างในมือ มีคลื่นโทรทัศน์ คือ โทรทัศน์ช่อง 9 มีสัมปทานของยูบีซี มีคลื่นวิทยุ ประมาณ 62 คลื่น
ทั่วประเทศไทย ทั้งเอฟเอ็ม และเอเอ็ม และมีสิทธิ์ต่างๆ ในการจะทำโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมหรือจะทำอะไรก็ได้
ที่เกี่ยวพันกับการสื่อสาร เพราะฉะนั้นแล้ว อสมท เลยกลาเป็นองค์กรของรัฐ ซึ่งมีคลื่นความถี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ
โทรทัศน์ หรือเคเบิล ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นสิทธิของคนใดคนหนึ่งนะครับ สิทธิตรงนี้
ไม่สามาถที่จะโอนโยกย้ายถ่ายแปลงไปให้ใครผู้ใดผู้หนึ่ง
     สมัยก่อนก็มีไอบีซี ซึ่งคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ซึ่งวิ่งเต้นกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในสมัยที่คุณราชันย์ ฮูเซ็น
เป็นผู้อำนวยการอสมท โดยได้คลื่นเคเบิลทีวี ไอบีซี มา แล้วต่อมาเสี่ยเม้ง คุณมงคล กาญจนพาสน์ ได้ไปขอร้องให้
พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ช่วยพูดให้คุณเฉลิม อยู่บำรุง ช่วยอนุมัติเคเบิลทีวี ที่เรียกว่าไทยสกาย ให้กับลูกชายตัวเอง
ที่ชื่อคุณคีรี กาญจนพาสน์ ก็เลยมีโทรทัศน์เคเบิลออกมา 2 ช่อง ช่องหนึ่งคือไอบีซี ช่องหนึ่งคือไทยสกาย

     ในยุคของคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ เป็นผู้อำนายการ อสมท ก็มีบริษัทเทเลคอมเอเชีย มายื่นขอสัมปทานที่จะทำ
เคเบิลทีวี เรียกตัวเองว่า ยูทีวี โดยคนซึ่งวิ่งเต้นตอนนั้นก็คือคุณธนิทร์ เจียรวนนท ตกลงในยุคนั้นก็เลยมีเคเบิลทีวี 3 คลื่น
และก็มีสัมปทานช่อง 3 ที่ช่อง 9 ให้ตระกูลมาลีนนท์ ตระกูลมาลีนนท์ก็จ่ายค่าสัมปทานให้แก่ช่อง 9 เป็นอย่างนี้มาตลอด
     ต่อมาภายหลังไทยสกายประสบปัญหาทางธุรกิจก็เลยหยุดไปแล้วไอบีซี กับยูทีวี ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ก็แข่งกัน
จนในที่สุด 2 คนก็ตัดสินใจจับามือรวมบริษัทกัน คุณทักษิณก็ขายหุ้นไอบีซีออกไป ยูทีวี+ไอบีซี ก็เลยกลายเป็นยูบีซี
และยูบีซีก็เลยดำเนินกิจการเคเบิลในเชิงผูกขาดทุกวันนี้ โดยเป็นเคเบิลเจ้าเดียว
     ที่เรียกว่าแดนสนธยา ก็เพราะว่าจะทำอะไรก็ตามจะมีปัญหาอยู่ตลอด และก็ไม่มีใครรายงานว่ามีอะไรเกิดขึ้นใน อสมท
จนกระทั่งคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ได้เข้ามาบริหาร อสมท ภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คุณแสงชัย สุนทรวัฒน์
นั้นเป็นผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก และเป็นคนที่ใจนักเลงที่สุดตั้งแต่ อสมท เคยมีมา
     คุณแสงชัยได้พัฒนา อสมท ให้ก้าวกระโดดไป มีวิสัยทัศน์ในการทำข่าวสาร มีวิสัยทัศน์ในการดูแลพนักงาน และมี
วิสัยทัศน์หลายๆ อย่าง ตลอดจนไปรื้อระบบอิทธิพลคลื่นความถี่ทางวิทยุ ซึ่งคลื่นความถี่ทางวิทยุนั้นแต่ก่อนจะถูกผูกขาด
โดยมาเฟียหลายๆ กลุ่ม คุณแสงชัยไปรื้ออกหมดเลย จัดระเบียบเสียใหม่ จนกระทั่งเป็นที่ไม่พอใจของมาเฟียบางกลุ่ม
และในที่สุดคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ก็เลยโดนลอบสังหารสิ้นชีวิตที่หน้าบ้าน
     หมดยุค ผอ.แสงชัย สุนทรวัฒน์ ก็เลยมีลูกหม้อของ อสมท ขึ้นมาเป็นคนแรก คือ คุณอรสา คุณวัฒน์ ความที่ชีวิตคุณอรสา
ตั้งแต่ทำงานอสมท นั้นเป็นเลขานุการ เหมือนแม่บ้าน เพราะฉะนั้นแล้วคุณอรสาก็เลยไม่ได้สนใจที่จะขยายเครือข่ายใดๆ ทั้งสิ้น
สนใจอยู่อย่างเดียวคือดูแลจัดการภายใน

     พอมาถึงยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นยุคช่วงต่อระหว่างผู้อำนวยการอสมทชื่อคุณสรจักร คุณสรจักรนั้นเป็นคนสนิท มือขวา
ของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เผอิญคุณสรจักรนั้นต้องการจะมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
คุณสรจักรก็เลยยื่นใบลาออกจาก อสมท ตำแนห่งผู้อำนวยการ อสมท ก็เลยว่าง ก็เลยจะมีกระบวนการสรรหา ช่วงนั้นเข้าใจว่า
น่าจะอยู่ในปีช่วงปี 2545 ก็มีคนสมัครไปมากมายหลายคน ก็มีคนหนึ่งโผล่มา ชื่อคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ

     คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นั้นอาชีพดั้งเดิมเป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัท โตโยต้า แห่งประเทศไทย หน้าที่คุณมิ่งขวัญสมัยก่อน
ก็คือคอยพาแขกผู้ใหญ่คนไทย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ของบริษัทโตโยต้า
หรือว่านักการเมืองที่โตโยต้าจำเป็นที่จะต้องคบหาสมาคมเพื่อให้กิจการค้าประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์ของโตโยต้านั้นได้ทำด้วย
ความคล่องตัว พาไปเอนเตอร์เทน เพราะฉะนั้นแล้วคุณมิ่งขวัญก็คือคนซึ่งเชี่ยวชาญทางการตลาด รู้ดีว่าจะพาญี่ปุ่น หรือพาผู้ใหญ่
คนนี้ไปเที่ยวที่ไหน แนะนำให้รู้จักใครบ้าง คุณมิ่งขวัญก็เลยมีชื่อในวงการอุตสหากรรม และเผอิญในวงการอุตสาหกรรมนั้นก็มี
ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทไทยซัมมิตออโต้พาร์ท
     ไทยซัมมิตออโต้พาร์ทคือบริษัทที่ผลิตอะไหล่รถยนต์ แล้วก็ขายให้กับโตโยต้า ขายให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ไทยซัมมิต
ออโต้พาร์ทเป็นตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นตระกูลของสุริยะ ทำธุรกิจการค้าด้วยมานานแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วความสัมพันธ์ระหว่าง
คุณสุริยะกับคุณมิ่งขวัญ ก็เลยรู้จักกันดีพอสมควร อาจจะเรียกได้ว่าลึกซึ้งพอสมควรก็ได้

     คุณมิ่งขวัญนั้นเป็นคนที่เข้าผู้ใหญ่เก่ง สามารถที่จะพูดจาหว่านล้อมผู้ใหญ่ และสามารถจะบีบน้ำตาได้ทุกเมื่อเมื่อตัวเองต้องการ
ที่จะร้องไห้ให้ดู ซึ่งประเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าคุณมิ่งขวัญเคยบีบน้ำตาช่วงไหนบ้าง แม้กระทั่งเคยบีบน้ำตาต่อหน้าพี่น้องเพื่อนฝูง
ชาว อสมท มาแล้วครั้งหนึ่ง
     ยุคนั้นคุณสุริยะ คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มซึ่งแพกกำลังกัน
โดยชูคุณสมคิดเป็นหัวหน้า คุณสุริยะเลยมาพูดกับคุนสมคิด คุณสมคิดเห็นว่าคุณมิ่งขวัญนั้นเก่ง คุณสมคิดเป็นคนชอบนักการตลาด
เพราะตัวเองเป็นนักการตลาดที่ทำการตลาดทางการเมือง เอาการเมืองเมืองไทยมาทำกรตลาดตลอดเวลา คุณสมคิดเลยชอบ
คุณมิ่งขวัญ นั่นคือที่มาซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้ล็อกเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าต้องเป็นคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ คุณมิ่งขวัญก็เข้ามา
ใน อสมท

...

     พอ อสมท เปลี่ยนมาเป็นของคุณมิ่งขวัญ อสมท ทำตามนโยบายรัฐบาล รัฐบาลขณะนั้นต้องการทำอะไร รัฐบาลขณะนั้น
ต้องการหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เพราะรัฐบาลถังแตก ทำไมถึงถังแตก ก็เพราะนโยบายประชานิยมที่เอาเงินผ่องถ่ายให้ธนาคาร
ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกรุงไทย ออมสิน และจัดงบประมาณส่วนตัวออกมา เพื่อที่จะแจกจ่าย แจกชาวบ้าน เพื่อหวังคะแนนเสียง
เข้ามาสนับสนุนพรรคไทยรักไทย เมื่อเงินหมด แล้วรัฐบาลก็เลยต้องการจะหาเงินเข้าใหม่
     วิธีการหาเงิน หายังไง ก็ต้องเอารัฐวิสาหกิจแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เขาก็เริ่มต้นการแปรรูป เขาแปรรูป ปตท. ทีนี้ อสมท
ก็เป็นคิวต่อไป เพื่อรองรับการแปรรูปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยนั่นคือการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ แต่เขาต้องการ
แปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ล่วงหน้าก่อนเพื่อให้ทุกคนเกิดความเคยชิน แล้วพอถึงเวลาต้องแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ก็จะได้ไม่มี
การตกอกตกใจเพราะว่าแปรรูปมามากแล้ว

     ทีนี้กระบวนการแปรรูปของรัฐวิสาหกิจนั้นมันต้องค่อยๆ ทำถ้าทำโดยที่ไม่มีการเตรียมการเอาไว้ก่อนก็จะลำบาก วันที่ 10
มีนาคม พ.ศ.2547 สองปีกว่าที่แล้ว คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่อสมท ได้เรียกประชุมพนักงาน อสมท 400 คน
เพื่อชี้แจงการแปรรูปโดยกล่าวถึงเหตุผลต้องแปรรูป พนักงานก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกัน ก็ถามเรื่องสวัสดิการ อัตราเงินเดือน
การถูกแทรกแซง การรวบรัดนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม โดยไม่ได้ถามความเห็นจากสหภาพแรงงานก่อน
สหภาพแรงงานไม่พอใจ เรียกร้องทบทวนเรื่องการแปรรูป บรรยากาศเคร่งเครียดในช่วงหนึ่ง คุณมิ่งขวัญก็เลยร้องไห้ออกมา คิดว่า
พี่น้องชาว อสมท คงจะจำเรื่องตอนนั้นได้
     แต่ว่านั่นก็ไม่ได้แปลว่าการแปรรูปจะยุตินะครับ วิธีการก็คือว่าทำอย่างไรที่จะได้รับการต่อต้านจากพนักงานให้น้อยที่สุด
คุณมิ่งขวัญก็เริ่มก่อน มีนาคม พูดถึงเรื่องแปรรูป โดนคัดค้าน โดนซักถาม เครียดจนต้องร้องไห้ มีนาฯ-เมษาฯ เดือนกว่าๆ
เท่านั้นเอง คุณมิ่งขวัญก็เลยบอกว่า ปีนี้ อสมท กำไรดีนะ ขอเพิ่มโบนัสให้พวกคุณจาก 2 เดือนต่อปีเป็น 4 เดือน ก็ได้เฮกัน
เพราะว่าคนเราบางทีเวลาทำงานสื่อ หรือว่าองค์กรสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อซึ่งเป็นของรัฐบาลนั้น บางครั้งบางคราวส่วนใหญ่
แล้วเรื่องปากท้องจะมาก่อนเรื่องอุดมการณ์ เรื่องราวก็เงียบไปแล้วในที่สุดก็เลยประกาศที่จะแปรรูป วิธีการก็คือว่า เอาล่ะ
ขึ้นเงินดือนให้คนละ 50 เปอร์เซ็นต์ คนที่เคยได้ 100 บาท จู่ๆ ได้ 150 บาท มันเรื่องใหญ่แล้วนะ เอ๊ะ มันอาจจะดีนะ
แปรรูปมันก็ไม่เลวนัก อ้าว แถมต่ออีกแจกหุ้นให้พนักงาน อสมท ทั้งหมด 17 ล้านหุ้น เฉลี่ยกันไปเลยพนักงานอสมท พันกว่าคน
ใครอยู่มานาน มีตำแหน่งสูง ก็ได้มาก

     คุณมิ่งขวัญคนเดียวได้ 440,000 หุ้น ในราคา 5 บาท ราคาที่ขายท้องตลาดคือ 22 บาท เพราะฉะนั้นจู่ๆ คุณมิ่งขวัญได้เงิน
กำไรเฉยๆ 10 ล้านบาท ไม่ต้องทำอะไร ในฐานะคุณมิ่งขวัญเป็นผู้อำนวยการ พวกรองมาก็ได้คนละ 80,000 หุ้น พนักงานก็ได้
ได้โดยเฉลี่ยกันแล้ว หลังจากหักตุ้นทุนคือ 5 บาทแล้ว กับราคาที่ทำเสนอขายออกไปสู่สาธารณาชน 22 บาทแล้ว เฉลี่ยแล้วคนหนึ่ง
ได้ประมาณ 2-3 แสนบาท เอ๊ะ จู่ๆ พนักงานมีเงินเข้ากระเป๋า 2-3 แสนบาท นี่เรื่องใหญ่แล้วนะไม่ใช่เรื่องเล็ก
     เพราะฉะนั้นแล้ว เสียงของการคัดค้านการแปรรูปก็เลยแผ่วเบาลงไป แผ่วจนกระทั่งมาเริ่มเงียบสงบ พอเริ่มเงียบสงบก็เลย
ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือเอา อสมท ไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
...

หมายเหตุ : ต่อมาภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คุณมิ่งขวัญได้ขายหุ้นที่ถือไว้ขณะมีราคาถึงหุ้นละกว่า 40 บาท - jerasak

มองยังไงผมก็ยังมองไม่ออกว่า เจ๊มิ่ง จะไปจับงานด้านเศรษฐกิจในภาพรวมได้

เพราะเรื่องเศรษฐกิจ พอเค้าพูดเรื่อง การเงิน การคลัง การธนาคาร งบประมาณ จีดี

มองยังไงก็ไม่เห็นภาพครับ สมัครนั่งนายก ( ความคมนาคม )  เจ๊มิ่งนั่งกระทรวงการคลัง เหลิมนั่งมหาดไทย หมอเลี๊ยบนั่งสาธารณะสุข

เห็นภาพนี้ก็เอวังแล้วครับประเทศไทย

เค้าเรียก เจ๊มิ่ง กันทั้งนั้นแหละครับพี่
ไปอยู่ไหนมา :slime_sleeping:

คุณมิ่งขวัญแกเคยไปอยู่แกรมมี่ด้วยหรือครับ ผมเห็นประวัติจากโตโยต้า
ก็เข้ามา อสมท. เลยไม่เห็นแวะที่ไหน แต่เขามีการทำธุรกิจปั้นดารา
และทำผับชื่อ TOXIC มาก่อนด้วย

คุณดอกฟ้าฯ จำปนกันกับ ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ หรือเปล่าครับ รายนั้นเคยไปอยู่
กับแกรมมี่มาก่อนจะเข้าสู่วงการเมืองแน่นอนครับ

แกเคยไปอยู่ที่แกรมมี่ค่ะ....ผจก.ฝ่ายพัฒนาศิลปินอะไรประมาณนั้น

ประมาณปีสองปี หลังจากนั้นก็ไปอยู่ที่ อสมท.

ที่บอกว่าเสียดาย... คือการเมืองแบบเหลี่ยมๆทำให้คนดีๆ เสียอนาคตมามากแล้ว

ยกเว้นพวกขยะทางการเมืองที่พยายามสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเอง

แบบมีแต่กระพี้หาแก่นไม่เจอ

:slime_o:อย่า ..งง กันเลย
ลูกหิน ขอเข้ามายืนยัน ให้ พี่ ดอกฟ้าฯ .. ก็แล้วกันฮะ ว่า จริง  :slime_agreed:
 ( รับรอง ม่ายมั่ว และ ไม่ตัดแปะมาโม้)

 (เจ๊มิ่งขวัญ) จะ ปลุกปล้ำ มอส อะไรนั่น .. ลูกหินไม่ทราบดอกฮะ..ถ้าอยากทราบจะถามให้

แต่ ที่แน่ๆ(เจ๊มิ่งขวัญ) เคย ทำงาน บริษัท ในเครื่อ แกรมมี่ หน่ะฮะ...
สมัยนั้น ยัง วิ่งไปวิ่งมา อยู่ใน ซอย สุขุมวิท 39 ..CIMIC   แต่ตึก  GMM ยังสรั้งม่ายเสร็จ นะจ๊ะ

กรณี( เจ๊มิ่งขวัญ)   ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว และไม่เคย พบหน้ากัน
( รู้จักแต่ ผอ. MCOT คนก่อนหน้า เจ๊มิ่ง..เขามาทำงาน MCOT ..เก๋กว่าไหมฮะ )

 :slime_smile2: เคยได้ยิน เขาเรียก เจ๊มิ่งขวัญ นานนนน แร๊ววว..ตั้งแต่ช่วง ที่แก
สุงสิง  กับกลุ่มเพื่อนใน วงการ Entertrainment หน่ะฮะ
ประมาณตั้งแต่ ยุค ใหม่ เจริญ ปุระ  โคสะนา TOYOTA เมื่อปี 2534 ประมาณนั้น

พี่ต้องเข้าใจก่อนว่า คนทำงาน TOYOTA
ก้อ ต้องทำงาน โคงาน กับพวกบริษัท โคสะนา หรือ เอเจนซี่ น
และ ก็ คง ย๊ายไปมา เรื่อยๆ จน เข้า สู่วงการ สารสนเทศสื่อสาร

อีกอย่าง เจ๊มิ่งขวัญ เป็น วิทยากร สอน พิเศษ ตาม มหาวิทยาลัยอีกด๊วยฮะ
(ลูกหิน ยอมรับ ว่า เก่งไม่เบาฮะ.. เพราะ เพื่อนลูกหินก็สอนด๊วยกันกะเจ๊มิ่ง..เขาก็เคย ชมให้ฟัง) 
อย่างว่า ..เกย์ มักจะ มีพลังในการทำงานมั่กๆ .. :slime_hitted:
-------------------------------------------------------------------------------------

กรณี อภิรักษ์.. ก็ เคยอยู่แกรมมี่ ..ทำงานการตลาด น่านแหละ
ประมาณ 1- 2 ปี เอง แป๊บเดียว..ตามที่ พี่ดอกฟ้า ลูกหินกล่าว ยืนยันให้ว่า จริง

ช่วงนั้น และยังไม่ได้ ไปทำงานการเมือง ..ดอกฮะ.. ดวง พี่อภิรักษ์ โดน คนหมั่นใส้ มาตลอด ..(ปรกติ เลยหล่ะ)

ตอนนั้นลูกหินรับข้อมูล จาก พี่มอส ลูกชาย( บิ๊กสุจินดา  ) แกทำงานอยู่ TA- Orange

ตอนนั้น อาแป๊ะ ธนืนทรื..เพื่ง ซื้อ แบรนด์ Orage มาหมาดๆ ต้องการนักบริหารชั้นเลิศ
ว่า อาแป๊ะ ..(ธินทร์ เจียรวนนทื สนใจเลย ชวนมาเป้น ผู้บริหาร ORANGE ไงหล่ะฮะ
ทำงาน ไม่ถึง 1-2 ปี อีกน่านแหละ..
อยู่ ได้ ม่ายนาน .. ก็ ออกมา เลือกตั้ง ผู้ว่า กทม ฮะ
ตอนนั้น .. ที่ TURE .. CP    Orange  ไม่พอใจ อภิรักษฺ หล่อเล็กมากๆ

จบ .. ลูกหินรู้แค่นี้ ..แหละฮะ 
(ผเอิญ อยู่ใน สถานการณ์ จริง..ม่ายต้อง ตัดแปะ)
-----------------------------------------------------------------------------------[/size]

ตกลงเจ๊มิ่งขวัญไม่ยอมไปดีเบตกับ ปชป. ที่เนชั่นแล้วล่ะ คุณจี
ไม่รู้เป็นนโยบายของหัวหน้าพรรค พปช. หรือเปล่า ว่าห้ามดีเบตกับพรรคอื่นโดยเด็ดขาด
...เดี๋ยวประชาชนรู้ความจริงหมด
 :slime_smile2:

ผมก็อุตส่าห์รอดูอยากให้แกดีเบต กับ ปชป. ตรงๆ ไม่ใช่พูดกันคนละที
ไม่รู้ว่ากับพรรคอื่นจะยอมดีเบตหรือเปล่า หรือ หน.พรรคห้ามดีเบตจริงๆ  :slime_hmm:

ผมก็ออกจะงงๆ กับสังคมไทย ก่อนนี้ไม่นานจำได้ว่าถึงขนาดมีคำถาม
"ไม่เอาทักษิณแล้วจะเอาใคร" เหมือนกับว่าทั้งประเทศไม่เหลือคนดี
มีฝีมือพอจะบริหารประเทศอีกแล้ว

พอตอนนี้แค่คุณมิ่งขวัญแสดงวิสัยทัศน์ โดยไปเอาไอเดียเก่าๆ ของตัว
สมัยที่ทำงานให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาผสมเล่าใหม่

กลายเป็นว่าที่ ห้องราชดำเนิน พันทิป และในเว็บเชียร์ทักษิณต่างๆ
ขานรับกันอย่างถล่มทลาย ถึงขนาดยกย่องยอมรับให้ คุณมิ่งขวัญ
เป็น "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของประเทศไทย" แบบเต็มปากเต็มคำ

ถ้าคุณมิ่งขวัญเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้ ผมยืนยันว่าประเทศไทย
มีคนที่เป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้อีกมากมายมหาศาลครับ
ก็ดีที่ตอนนี้คนคงเลิกถามแล้วว่า "ไม่เอาทักษิณแล้วจะเอาใคร"  :slime_smile:

ขอบคุณน้องลูกหินค่ะ...ที่มานั่งยันยืนยันให้พี่ดอกฟ้าฯ

.....เพราะอันที่จริงแท้แน่นอน.... เจ๊มิ่งแกเก่งเรื่อง ENTERTAIN อย่างเดียวจริงๆน๊า อิ อิ :slime_smile2: :slime_v:

 :slime_smile:กันเองฮะ พี่สาวดอกฟ้าฯ

ช่วยๆกัน  วิเคราะห์ กัน ตาม หัวข้อกระทู้ ..หน่ะฮะ

เพราะ ที่พี่จี สืบข้อมุล มา.. ก็น่าคิด ในเรื่อง PROFILE ในเรื่องการศึกษา ของเจ๊มิ่ง เหมือนกันฮะ (ลูกหินก็ยังไม่ทราบเช่นกัน)

'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ' อาสาพลิก'พปช.'เหมือนฟื้น'อสมท'
 
 
   
 ผู้อ่าน 848 คน วันที่ 20 พฤจิกายน 2550 เวลา 08:09:58 น.    ส่งข่าวให้เพื่อนส่งข่าว    พิมพ์ข่าวพิมพ์ข่าว    

 
 
     
'ประชานิยมสูตรต้นตำรับ' จะถูกเสริมด้วย 'ประชานิยมสูตรพิเศษ' ซึ่งจะตอบโจทย์ประชานิยมทั้งสองอย่างด้วย 'การสร้างรายได้ให้ประเทศ' และจะนำไปสู่ 'ระบบเศรษฐกิจยุคใหม่' ในแนวทางของ 'มิ่งขวัญ' และ 'พลังประชาชน'

สัมภาษณ์พิเศษ โดย สุเมธ ทองพันธ์
 

ภาพของ 'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ' คือ 'โลโก้' ของ 'โตโยต้า' ในฐานะที่ทำงานด้านการตลาดให้บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มาถึง 28 ปี

ภาพของ 'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ' ยังเป็น 'โลโก้' ของ 'โมเดิร์นไนน์ ทีวี' หรือช่อง 9 อสมท หลังจากที่เข้าไปพลิก 'แดนสนธยา' ให้รุ่งโรจน์ ในระยะเวลา แค่ 4 ปี ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

และภาพของ 'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ' ก็ยังเป็น 'โลโก้' และตัวจักรสำคัญของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะหลังรัฐประหาร เขาประกาศ 'ลาออก' จากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกอากาศการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินวันยึดอำนาจ

ณ วันนี้ 'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ' ประกาศตัวชัดเจนในฐานะ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 6 (กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี) และ 'หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ' ของพรรคพลังประชาชน (พปช.)

ซึ่งเขาให้คำจำกัดความของตัวเขาเองว่า 'ผมคือนักยุทธศาสตร์ ที่เป็นผู้วางแผนการบริหารจัดการให้องค์กร หรือหน่วยงาน และ/หรือ ประเทศ'

'ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมมองเห็นเศรษฐกิจของประเทศเริ่มแย่ลง ก็นั่งเขียนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ก็ใช้เวลาอยู่หนึ่งปีเต็มๆ ก็คิดว่าจะเก็บไว้แล้วเอาไปให้พรรคการเมืองใดก็ได้ ที่ได้เป็นรัฐบาลดำเนินการหลังการเลือกตั้ง'

'มิ่งขวัญ' เล่าที่มาที่ไป แล้วบอกว่า พรรคพลังประชาชนเข้ามาพูดคุยและขอให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ โดยจะให้ทำทั้งระบบ เพราะถ้าให้เป็นจิ๊กซอว์ตัวเล็กๆ ตัวเดียวจะทำไม่สำเร็จ

'เรื่องการเมืองผมไม่ได้คิดว่าจะได้เข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วจึงทำ ไม่ได้คิดอย่างนั้น ถ้าสมมุติได้เข้าไปเป็นจิ๊กซอว์ตัวเดียว โดยมีคนมาเชิญไปเป็นรัฐมนตรี ก็ได้ทำจุดเดียว ซึ่งการจะพาชาติไปข้างหน้า ต้องทำทุกจุดที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ เหมือนตอนอยู่ อสมท จะบอกว่าให้ทำแต่สำนักข่าวไทยอย่างเดียวมันไม่สำเร็จนะ ถ้าทำโทรทัศน์อย่างเดียวก็ไม่สำเร็จ แต่ต้องทำทั้งสำนักข่าวไทย โทรทัศน์ และวิทยุ ไปด้วยกันทั้งหมด และที่นี่เขาให้ผมทำทั้งระบบ'

เขายอมรับว่ามี 'หลายพรรค' ทาบทาม แต่ข้อเสนอไม่ตรงใจ โดยเฉพาะการให้ทำงานเฉพาะด้าน เมื่อพรรคพลังประชาชนยกทุกอย่างให้หมด จึงรับปาก พร้อมยุทธศาสตร์ ที่เน้นไปที่คำว่า 'ประชานิยมสู่รากหญ้าและประชาชนคนไทย'

เพื่อให้ชนะใจ 'รากหญ้า' 85 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยทั้งประเทศที่ยังยากจน

'ทุกการวิจัยออกมาว่า ประชาชนไม่ต้องการการเมือง แต่ต้องการเศรษฐกิจเพื่อปากท้อง ดังนั้นนโยบายของผมคือหัวใจ ที่สามารถตอบโจทย์ประชาชนได้ เพราะเขาเรียกว่าเรียลลิสติกส์ บางทีมีคนคิดในอุดมคติอย่างเดียว แต่วิสัยทัศน์ คือการจินตนาการเพื่อสร้างอนาคต ที่ต้องทำให้ได้ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการพูดเรื่อยเปื่อย ดังนั้นเวลาที่เรากำหนดวิสัยทัศน์ จะทำควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์'

'ประชานิยมสูตรต้นตำรับ' จะถูกเสริมด้วย 'ประชานิยมสูตรพิเศษ' ซึ่งจะตอบโจทย์ประชานิยมทั้งสองอย่างด้วย 'การสร้างรายได้ให้ประเทศ' และจะนำไปสู่ 'ระบบเศรษฐกิจยุคใหม่' ในแนวทางของ 'มิ่งขวัญ' และ 'พลังประชาชน'

นั่นก็หมายความว่า ทุกอย่างที่เคยเป็นนโยบายประชานิยมสมัยรัฐบาลทักษิณ ยังอยู่ครบหมด และ 'มิ่งขวัญ' บอกด้วยว่า 'จะมีมากกว่าเดิมด้วย'

'ประชานิยม นั้นถ้าคิดดีๆ ก็คือสวัสดิการที่รัฐจะต้องให้กับประชาชน เพื่อนผมเป็นชาวญี่ปุ่น พออายุ 60 ปี มีหนังสือจากกระทรวงการคลังตอบมาว่าตามที่ได้ชำระภาษีมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ทางรัฐจะตอบแทนท่านที่ช่วยเหลือรัฐมาตลอด ซึ่งเขาได้รับเงินคืนเดือนละแสนกว่าบาทจากภาษีที่เคยเสีย ซึ่งประเทศเราก็มีโอกาส...เดี๋ยวผมจะทำให้ดู ...คอยดู'

'มิ่งขวัญ' ฝันไว้ว่าจะสร้างประเทศไทยให้เป็น 'เมืองอุตสาหกรรมยาและการแพทย์โลก' โดยจะมีการใช้เนื้อที่ 4 พันไร่ในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อให้ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยจะมีโรงพยาบาลชั้นนำของโลก 4 แห่ง มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ 4 แห่ง และจะมีศูนย์ค้นคว้าและพัฒนาเพื่อผลิตยาทั้งยาเคมีและยาสมุนไพรเพื่อรองรับก ารทำโรงงานอุตสาหกรรมยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะถูกนำมาเป็นหลักในการหาเสียง ร่วมกับเมกะโปรเจ็คต์ด้านคมนาคม และเรื่องพลังงานน้ำมัน

'ถ้าคุณคิดจะจ่ายเงินเก่ง คุณก็ต้องหาเงินให้เป็นด้วย นั่นคือหลักปรัชญา คุณจ่ายเงินเก่ง คุณหาเงินเก่ง คุณก็ต้องมีเงินออมเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวหรือประเทศบ้าง คือสามก้อนต้องเกิดความสมดุล ซึ่งหลักของการบริหารมีอยู่ 3 ตัว คือ 1.รายได้ 2.ค่าใช้จ่าย 3.คือกำไรหรือขาดทุน แต่เราอยากให้รายได้หลักของประเทศเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาใช้จ่ายรถแท็กซี่ กินข้าว ช็อปปิ้ง ที่ไหลเข้ากระเป๋าประชาชนโดยตรง และเมื่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิ จะเพิ่มรายได้อีกกว่า 1,500,000 ล้านบาท'

'มิ่งขวัญ' บอกว่า การทำงานการเมืองครั้งนี้ จะนำหลักการที่เคยใช้สำเร็จกับการพลิกฟื้น อสมท เข้ามาใช้ คือ

1.เปลี่ยนกระบวนวิธีคิดตั้งแต่หัวจรดเท้า (โดยสิ้นเชิง) เหมือนเปลี่ยน อสมท ตั้งแต่โลโก้ช่อง 9 จนถึงรายการต่างๆ เพื่อปรับลุค

2.เจอาร์ หรือเจแปนเรียลเวย์ หรือการรถไฟญี่ปุ่น ที่เป็นกรณีศึกษาที่การรถไฟฟ้าญี่ปุ่นปฏิวัติตัวเอง เอาบูเร็ทเทรนและชินคังเซ็นมาลงจนประสบความสำเร็จ

3.ประพฤติพรหมจรรย์ คือโปร่งใส ธรรมาภิบาลขั้นสูงสุด เพราะก่อนหน้านี้ อสมท มีแต่คนบอกว่าแดนสนธยา แต่เมื่อทำไปแล้วมูลค่าตลาด จากที่ไม่เคยมีเลยขึ้นเป็น 3 หมื่นกว่าล้านและขึ้นค่าตอบแทนให้พนักงานมากที่สุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่ อสมท ก่อตั้งมา

นี่คือ 'ไอเดีย' นักการตลาดระดับแถวหน้าของไทย ที่ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองแบบเต็มตัว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=11232&catid=1
---

แล้วกรณี  ไร่ส้วม   ของ สรยวย ล่ะเจ๊มิ่ง..แบบนั้นเขาเรียกว่าปรากฏการณ์อะไร...

รึปรากฏการณ์..เเดนสีม่วง..!!??

ไปถามเพื่อนเจ๊มิ่งที่จุฬามา

เพื่อนเจ้บอกว่านิติศาสตร์นะใช่แล้ว

เมื่อเร็วๆ นี้มีงานเลี้ยงรุ่นเจ๊แกก็ไปด้วยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นหน้า

แล้วก็ไปกระมิดกระเมี้ยนขอขึ้นไปพูดหาเสียงบนเวที่

สุดท้ายเพื่อนทนรำคาญไม่ไหวก็เลยยอมให้ขึ้นไปพูด

โดยเปิดตัวให้ว่า "ขอเชิญพบหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ของพรรคพลังประชาชน

ผู้ที่เคยประสบความสำเร็จ .................


ในการปลุกปล้ำปั้นนายแบบ และนักร้องชายมาแล้วหลายคน :slime_smile2:

พูดตรงๆนะครับ ส่งพวกลักเพศไปหาหมอโรคจิตดีกว่าให้ความสำคัญ

ลองคิดภาพตุ๊ดห่มเหลืองกันดู ว่ามันปิดบังไม่มิดหรอก

มาตรฐานนักการเมืองเมืองไทย ต้องดีกว่าของประเทศอื่นๆในลักษณะสากล

ทั้งในหน้าที่การงานและยามใช้ชีวิตตามปกติครับ  ถ้าอยากได้แบบผู้หญิง ให้เลือกนักการเมืองหญิงที่ไม่เบนโลจะดีกว่า..