ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ********Q******** ที่ 12-11-2007, 02:49



หัวข้อ: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-11-2007, 02:49

********Q********



 วันสองวันนี้พรรค มัชฌิมา และ รวมใจไทย เริ่มมาแรงขึ้นตามลำดับครับ

 จากกระแสตีกลับบางส่วน ของพลังประชาชน ซึ่งทำให้พลังประชาชนอ่อนแรงลง

 กลายเป็นพรรค รอป่วนชนทุกพรรคในการการเลือกตั้ง

 ส่วนพรรคปชป.ขึ้นกับกระแส ในเขตกรุงเทพฯ

 ซึ่งจะมีการเปิดตัวปราศรัยใหญ่ วันสองวันนี้ที่วงเวียนใหญ่ และสนามกีฬาไทยญี่ปุ่น คาดว่ายังไม่มีอะไรหวือหวา เพราะรอกระแส.. :slime_cool:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 12-11-2007, 09:40
เย็นวันนี้ ปชป จะมาปราศรัยใหญ่ ที่วงเวียนใหญ่ เดี๋ยวผมว่าจะแวะไปฟังสักหน่อย
ผมว่า ปชป ควรจะต้องนำเสนอ นโยบายให้เป็นรูปธรรมกว่านี้อีก ถ้าต้องการจะเบียดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง
ผมยังไม่เห็นนโยบายที่ปชปจะชูขึ้นมาเป็นจุดขายให้คนได้พูดถึงอย่างชื่นชมเลย อะไรๆก็วาระประชาชน ประชาชนมาก่อน
นโยบายที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรก็ยังไม่ได้ยิน  ทั้งๆที่สำคัญมากควรจะมีมาประโคมเป็นอันดับต้นๆ เพื่อขายให้คนเมืองได้พิจารณา
ไม่ใช่คิดว่า จะไม่ได้คะแนนจากเกษตรกรแล้วก็เลยไม่สนใจ  คนเมืองทั้งหลายก็ลูกหลานเกษตรกรทั้งนั้น

วันนี้ดูข่าวการรับสมัครผู้ลงเลือกตั้งแล้ว ผมว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน เริ่มมาแรงขึ้นแล้วนะ


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 12-11-2007, 11:53
ปชป ยังคงแค่หาเสียง นโยบายหาเสียง ฟังไปก็เท่านั้น
อยากรู้ว่าจริงๆ ถ้าได้บริหารประเทศ อะไรคือ ยุทธศาสตร์ของประเทศ
อะไรคือ กลยุทธ์ อ้ายประชานิยมนะ ก็รู้ว่าทุกพรรคมันต้องมี ไม่อย่างนั้น
ก็ไม่มีใครเลือก แต่ถ้าไม่ยอมบอกว่า ในความจริงจะบริหารประเทศไปทางไหน
มันก็ดูวังเวงจริงๆ


พรรคพลังประชาชน มันมีด้วยหรือ เห็นแต่พรรคเสพเมถุน


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-11-2007, 17:03


ยังไม่เห็นการสร้างสรรค์อะไร จากพรรคนอมินี?

คนจ่ายเงินคิดหัวแทบแตก

ยังหาวิธีทำอะไร ไม่ได้ เลือดไหลไม่หยุด..

เกมอาจจะกลับไปอยู่ที่ป่วนเพื่อล้มเลือกตั้งให้ได้

เสียดายทุกฝ่ายรู้ทัน สนุกแต่ไม่ปั่นป่วนตามไปด้วย  



หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 12-11-2007, 18:10
ดูเหมือนว่า ทุกพรรคจะประสบปัญหาอย่างเดียวกัน นั่นคือไม่รู้จะเอาอะไรมาเป็นจุดขาย เพราะวิกฤติพลังงานที่กำลังรุนแรงมากยิ่งขึ้น ชี้ให้เห็นชัดว่าวิกฤติเศรษฐกิจกำลังจะตามมา

ใครที่คุยว่าจะทำให้เศรษฐกิจรุ่ง จีดีพีโต อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเฟื่อง ต้องตายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะไม่มีใครทำได้ นอกจากจะทำโครงการปั่นหนี้ อัดเงินกู้เข้าไปในระบบ สร้างภาพหลอกชั่วคราว และจะตายหนักเข้าไปอีกในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นคงต้องพยายามสร้างกระแส รอโอกาศ และวัดดวงกันไป

อ้อ พวกที่ซื้อเสียง คราวนี้คงมีโอกาศเจ็บตัวกันไม่มากก็น้อย ลุงบังแกท่าทางเตรียมอะไรสนุกๆไว้ต้อนรับแล้ว  :slime_v:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 12-11-2007, 18:23
เมื่อคืนดูช่องเก้า ขุนพลอีสานของพรรคต่างๆ

มานำเสนอจุดขาย เท่าที่นั่งดูแล้วไม่มีอะไรใหม่ๆที่น่าสนใจเลย

เอาเรื่องเก่าๆมาพูดซ้ำๆ แถมมีบางพรรคยังเอาสคริปส์มาท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง

ดูแล้วเซ็งจิตมากๆ สงสัยการเมืองเราคงยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ผูกขาดใว้กับทางเลือกเดิมๆ


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 12-11-2007, 19:12
เละ
หลังเลือกตั้งยิ่งเละ
(รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะเลือกตั้งไปทำไม? ในเมื่อเลือกไปอำนาจอธิปไตยก็ไม่ได้อยู่ในมือประชาชน)


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 12-11-2007, 19:25
แล้วถ้าการเลือกตั้งไม่มีตามที่กำหนดไว้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้างล่ะ

รบกวนช่วยชี้แนะให้หน่อยนะคะ
:slime_doubt:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 12-11-2007, 20:36
เละ
หลังเลือกตั้งยิ่งเละ
(รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะเลือกตั้งไปทำไม? ในเมื่อเลือกไปอำนาจอธิปไตยก็ไม่ได้อยู่ในมือประชาชน)
แล้วถ้าการเลือกตั้งไม่มีตามที่กำหนดไว้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้างล่ะ

รบกวนช่วยชี้แนะให้หน่อยนะคะ
:slime_doubt:



    น่านจิครับคุณดอกฟ้าฯ  พูดเข้าทีดีนะคุณ ผ่าทางตัน :slime_v:



หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-11-2007, 18:55

 :slime_fighto: :slime_fighto: :slime_fighto: :slime_cool: :slime_agreed: :slime_v:



ต้องไปใช้สิทธิ์ กาเลือกตั้ง เพื่อรอ ถอดถอน ตัวจังไร


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-11-2007, 19:17
  :slime_doubt::slime_cool:


เท่าที่สังเกต พรรคเพื่อแผ่นดินไทย รวมใจไทย มัชฌิมา มีสส.และทีมงานใหม่เสริม ไหลเข้าไม่ขาดสาย โดยเฉพาะพรรคเพื่อแผ่นดินไทย

อาจคว่ำ คู่แข่ง ได้ไม่ยาก หากแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่

ขณะที่ชาติไทย พปช.และปชป. ยังพยายามเน้น ฐานเสียงจัดตั้งดั้งเดิม

พปช.อาการถดถอยหนัก เพราะปัจจัยลบที่แก้ไขไม่ได้เลย เหมือนถูกคำสาบาน คำสาปแช่งจากเหตุการณ์ต่างๆในอดีต


หลายพรรคคงอยู่ในวิบากกรรม ควรก้มหน้ายอมร้บโดยดุษฎี


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-11-2007, 22:41

ดูโพลแล้ว พรรคใหญ่ใจสั่น อิอิ :slime_bigsmile: :slime_cool: :slime_smile2: :slime_v:

http://dusitpoll.dusit.ac.th/2550/2550_054.html

1. ความนิยมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อพรรคการเมือง

 

อันดับที่
 
 กทม.
 ตจว.
 ภาพรวม
 
1
 พรรคพลังประชาชน
 30.77%
 38.74%
 38.58%
 
2
 พรรคประชาธิปัตย์
 46.15%
 28.29%
 32.29%
 
3
 พรรคชาติไทย
 8.28%
 11.12%
 10.27%
 
4
 พรรคมัชฌิมาธิปไตย
 6.59%
 11.54%
 9.39%
 
5
 พรรคเพื่อแผ่นดิน
 4.40%
 5.49%
 5.00%
 
6
 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
 2.20%
 2.75%
 2.71%
 
7
 พรรคประชาราช
 1.10%
 1.38%
 1.21%
 
*
 พรรคอื่น ๆ
 0.51%
 0.69%
 0.55%
 

 

 

 

2. สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกส.ส. ระหว่าง “พรรคที่สังกัด” กับ “ตัวผู้สมัคร”

 

อันดับที่
 
 กทม.
 ตจว.
 ภาพรวม
 
1
 พรรคที่สังกัดและตัวผู้สมัคร
 56.78%
 38.83%
 43.79%
 
2
 ตัวผู้สมัคร
 14.30%
 41.15%
 33.74%
 
3
 พรรคที่สังกัด
 28.92%
 20.02%
 22.47%
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-11-2007, 17:33

 :slime_doubt: :slime_cool:

ผมสงสัยแค่ว่าหลังเลือกตั้ง แมวเองคงงงเหมือนกัน

ไม่รู้จะทำไง? จะปล่อยเงินก้อนใหญ่ผ่านใคร?

สงสัยคงต้องผ่านตลาดหุ้น ให้เนี่ยนๆหน่อย

รมน.ปปง.หาคนกลต. ที่เที่ยงตรงหน่อยเช็คกันดู

นักธุรกิจรายใหญ่ทีฝักใฝ่การเมือง อย่าประมาทกกต.ชุดนี้ละกัน..

ไหนจะปปช. ปปง. อีก  ถ้าเกียร์ว่างอาจถูกฝ่ายต่างๆยิงตรง ไล่เบี้ยเช็คบิล



หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-11-2007, 18:17

 :slime_cool:



ขณะนี้เกมทางอีสานและเหนือ ยังอยู่ในห้วงจัดระเบียบ

แล้วก็กลัวใบแดง อาจมีการตีโต้ เช็คบิลทางใต้ด้วย

กกต.และ รมน. ทำงานประสานกันดีครับ


พรรคต่างๆยังไม่เห็นมุขใหม่

คาดว่าพรรคทางเลือกที่สาม ยังมีกระแสหนุนอยู่มาก ทั้งต่างจังหวัดและในกรุง..


หัวข้อ: <<ช่วย น้า Q ** วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมือง เลือกตั้ง50 ...แบบ ง่ายๆ ให้ฮะ >>
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหินฮะ๛ ที่ 15-11-2007, 20:23
ช่วย น้า Q + พี่จี** วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ฮะ

ขอย่อให้ดูง่าย... ในภาพรวม นะฮะ

ดูโพลแล้ว พรรคใหญ่ใจสั่น อิอิ :slime_bigsmile: :slime_cool: :slime_smile2: :slime_v:
http://dusitpoll.dusit.ac.th/2550/2550_054.html
1. ความนิยมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อพรรคการเมือง

อันดับที่   ภาพรวม
 
1  พรรคพลังประชาชน          38.58%
2  พรรคประชาธิปัตย์            32.29%
3  พรรคชาติไทย                10.27%
4 พรรคมัชฌิมาธิปไตย           9.39%
5 พรรคเพื่อแผ่นดิน                5.00%
6 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา   2.71%
7  พรรคประชาราช               1.21%
 * พรรคอื่น ๆ                      0.55%
 


* MIX * กับข้อมูล พวกนักการเมือง ที่คาดหวัง  จากกระทู้ของพี่ จี *

เอาจากที่แต่ละพรรคประเมินตัวเอง มาเป็นตัวตั้งนะครับ

พลังประชาชน   250 เสียง
ประชาธิปัตย์    180 เสียง
มัชฌิมาธิปไตย 100 เสียง
เพื่อแผ่นดิน        60 เสียง
รวมใจไทยฯ       50 เสียง
ชาติไทย           30 เสียง

ถ้าเชื่อทุกพรรค ก็รวมกันได้ 670 เสียง
แต่จริงๆ มี สส. ได้แค่ 480 คน เท่านั้น



 :slime_v: 
 ผลการคำนวณ = A%*B  POLL ..ของ ดุสิต ( โดย น้องลูกหิน)
  :slime_v:


1  พรรคพลังประชาชน          38.58% =  185 (ยังไม่นับอุบัติเหตุทางการเมือง..อิอิ)
2  พรรคประชาธิปัตย์            32.29% =  154
3  พรรคชาติไทย                10.27% =    49
4 พรรคมัชฌิมาธิปไตย           9.39%  =   45
5 พรรคเพื่อแผ่นดิน                5.00%  =   24
6 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา   2.71%  =   13
7  พรรคประชาราช               1.21%  =     5
 * พรรคอื่น ๆ                      0.55%   =    2

POLL ERROR  (ขอไม่ใส่ ค่านัยยะสำคัญนะไว้ลุ้น)                   =    3





หัวข้อ: กทม<<ช่วย น้า Q ** วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมือง เลือกตั้ง50 ...แบบ กทม. ฮะ >>
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหินฮะ๛ ที่ 15-11-2007, 20:47
 
ช่วย น้า Q + พี่จี** วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ฮะ
  ***** อันนี๊ กรุงเทพ มหานคร ฮะ ******  

 :slime_v: 
 ผลการคำนวณ กทม = A%*B  POLL ..ของ ดุสิต ( โดย น้องลูกหิน)
  :slime_v:


1  พรรคพลังประชาชน          30.77% =  11 (ยังไม่นับอุบัติเหตุทางการเมือง..อิอิ)
2  พรรคประชาธิปัตย์            46.15% =  16
3  พรรคชาติไทย                  8.28% =    2.9 (เกือบเป็น 3 คนไงฮะ)
4 พรรคมัชฌิมาธิปไตย           6.59%  =   2
5 พรรคเพื่อแผ่นดิน                4.40%  =   1.5 ( 1คน กะอีก ครึ่งคน)
6 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา   2.20%  =   .7 ( ลูกผี..ลูกคน )
7  พรรคประชาราช               1.10%  =    0 ( สู้ม่ายด๊ายสักคน)

POLL ERROR  (ขอไม่ใส่ ค่านัยยะสำคัญนะไว้ลุ้น)          =    2





หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 15-11-2007, 23:38
น่ามีโพล

พรรคพลังประชาชนจะเดินสะดุดเท้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่?

ผมว่าแนวโน้มความเป็นไปได้มากกว่า 60 %

โดยการกระทำของทางพรรคพลังประชาชนเอง

* ไม่แน่ใจว่า ทางแม้วตั้งใจหรือเปล่า..  :?

 :mozilla_cool:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-11-2007, 00:27



ขอบคุณท่านที่ร่วมพูดคุยกันในประเด็นกระทู้ครับ

การปราศรัยของพปช. ก็เป็นไปตามปกติ

เสียงในกทม. เดาใจยากครับ เพราะไม่เลือกข้างเหมือนเสียงต่างจังหวัด

เนื่องจากประชาชนในกทม. ส่วนใหญ่พึ่งตนเองได้ ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของทุนการเมืองก็มี


การเลือกข้างจึงดูเป็นการโง่เขลา ของเบี้ยในกระดานการเมือง

อย่าลืมว่านักการเมืองเลือกข้างเพราะได้ผลประโยชน์ แต่พวกเบี้ยเสียทุกอย่าง

แลกกับความรู้สึกว่าตนเองมีอุดมการณ์มีพวกพ้องเท่านั้น..ไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้ นอกจากคอยถือหางกันอยู่ ปล่อยวางไม่ได้แม้ชั่วคราว


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-11-2007, 19:30



อีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ

หากเราจะเลือกยืนข้างประชาชน โดยยอมปรับตนเอง

เราจะเลือกข้างนักการเมืองได้เฉพาะการเลือกข้างแต่ละวาระเท่านั้น

เราคงจะเลือกอยู่ข้างนักการเมืองอีกไม่ได้..เมื่อประชาชนไม่ได้ผลงานที่พึงได้จากนักการเมืองคนใดก็ตาม


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 17-11-2007, 19:59
สำหรับความคิดของผม

คนกรุงเทพคงไม่เลือกสสเขตของพลังประชาชนแน่

แต่คนกรุงเทพจะให้คนอีสานเลือกสสเขตของพลังประชาชนแทน

เพราะคนกรุงเทพอยากได้หมักและเหลิมไปเป็นฝ่ายค้านจ่ะ


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-11-2007, 00:53
สำหรับความคิดของผม

คนกรุงเทพคงไม่เลือกสสเขตของพลังประชาชนแน่

แต่คนกรุงเทพจะให้คนอีสานเลือกสสเขตของพลังประชาชนแทน

เพราะคนกรุงเทพอยากได้หมักและเหลิมไปเป็นฝ่ายค้านจ่ะ

สส.ฝ่ายค้านก็ทำงานได้ครับ ค้านเป็นเรื่องๆ หาหลักฐานข้อมูลสนับสนุนครบถ้วน

ไม่ใช่เล่นแต่ประเด็น โดยเฉพาะจากกระดาษแผ่นเดียวก็ไม่ไหวเหมือนกัน :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-11-2007, 20:16



สำหรับเว็บใต้ดิน แหล่งส้องสุมพวกเต้าข่าวลือ

ให้แบนถาวรไปได้เลยก็ดี ประชาชนที่ต้องการข้อมูลจริงๆ จะได้ไม่เกิดอคติได้จากข่าวบิดเบือนเหล่านั้น

ต่อไปสมาคมสื่อ อาจจะต้องมีมาตรการลงโทษสื่อนอกรีตตามกฎหมายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะตัวบุคคล


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 19-11-2007, 19:50

สมัครมีหรือไม่รู้ตัว ว่าตนเองคุมเสียงได้แค่ไหน?

ทักษิณมีหรือไม่รู้ว่าสมัคจะแพ้ ?


ที่ทักษิณคิดไม่ถึงคือ ไม่สามารถเป่านกหวีดจลาจลให้ดังขึ้นได้..

ทุกวันนี้ เขายังเชื่อว่าสส.อีสานซื้อได้ สส.ฝ่ายตรงข้ามตัวเบิ้มๆก็ซื้อได้ทางอ้อม

ที่เหลือบางรายก็ขึ้อิจฉา ขี้ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง เวลามีคนมาป้อยอ

คนมีอำนาจนานๆ มักเหลิงในอำนาจ จริงๆนะ ชวนคุยในใจ..



รู้กันมั้ย ทำไมทักษิณ เลือกหนีไปปักหลักในอังกฤษ..? :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-11-2007, 18:31
สมัครมีหรือไม่รู้ตัว ว่าตนเองคุมเสียงได้แค่ไหน?

ทักษิณมีหรือไม่รู้ว่าสมัคจะแพ้ ?


ที่ทักษิณคิดไม่ถึงคือ ไม่สามารถเป่านกหวีดจลาจลให้ดังขึ้นได้..

ทุกวันนี้ เขายังเชื่อว่าสส.อีสานซื้อได้ สส.ฝ่ายตรงข้ามตัวเบิ้มๆก็ซื้อได้ทางอ้อม

ที่เหลือบางรายก็ขึ้อิจฉา ขี้ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง เวลามีคนมาป้อยอ

คนมีอำนาจนานๆ มักเหลิงในอำนาจ จริงๆนะ ชวนคุยในใจ..



รู้กันมั้ย ทำไมทักษิณ เลือกหนีไปปักหลักในอังกฤษ..? :slime_doubt:


คำตอบคือ ทักษิณ คิดว่าเขาปลอดภัยที่สุดที่นั่น และสามารถทะยอยฟอกเงินได้

แสดงให้รู้ว่า เขายังไม่วางมือที่จะใช้เงินปั่นกระแสการเมืองในไทย

สังคมไทยต้องเรียนรู้ที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน จากไว้รัสทางการเมืองรุ่นใหม่ๆ ซึ่งอาศัยผ่านจากลุ่มทุนมายังนักการเมืองภาคตัวแทนอีกทอดหนึ่ง


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-11-2007, 20:54

จากกระแสเทพมาร มาสู่วาระจลาจล

ดูท่าจะไปไม่ได้ไกล.....

ส่วนความฝันจะเป็นนายกฯ หาเสียงแน่นอนรองก้นให้ได้ถึงครึ่งก่อนเถอะ

กระทู้นี้ไม่ได้วิเคราะห์ตามกระแส

ถ้าดูความยั่งยืนในตำแหน่ง นายกฯของคนขอนแก่นมีภาษีดีกว่ารายอื่นๆมาก

การยอมรับ ก็เป็นไปได้สูงกว่ามาก การดันทุรัง จึงไม่จำเป็น

อย่างที่ทราบกันดี แต่ละพรรคจะได้ประมาณกี่เสียง?

ตัวแปรสำคัญ ยังอยู่ในภาคอีสาน ภาคเหนือ และกรุงเทพฯ  


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-11-2007, 20:19


ช่วงนี้เป็นช่วงสุกดิบ การเมืองกำลังปลดล็อค

พวกพยายามล็อค จะถึงทางตัน

ส่วนกตต.ดูพยายามเร่งมือมากขึ้นครับ


อืมมปัญหาภายในทุกชนิด ต้องช่วยกันผลักดันกระแสปฏิรูปต่อไปครับ..

ดังนั้น นักการเมือง พวกถือหางนักการเมืองจะเป็นทุกข์มากขึ้น...เพราะได้แต่โทษทุกอย่างที่ไม่ใช่ตัวเอง.


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-11-2007, 16:45



ไม่เห็นความสำหรับ พรรคใหญ่ครับ ใหญ่แบบหมูน้ำทั้งนั้น  :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-11-2007, 15:29


การที่สุวิทย์ พลังแผ่นดิน และชาติไทย ตลอดจนตัวแปรหลักๆในการเลือกตั้ง แสดงอาการปลดล็อค

ทำให้ประชาธิปัตย์ ต้องหาทางเร่งตนเองในสนามกรุงเทพฯ

ขณะที่ต้องป้องกันพื้นที่ภาคใต้ให้ดี ในทางกลับกัน พลังประชาชนก็เช่นกัน


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-11-2007, 15:32


 :slime_cool:

ยิ่งกกต. ตำรวจ ทหาร และข้าราชการ

พยายามเข้มงวดกับการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้อย่างเสมอภาค

ประชาชนและสังคมไทยยิ่งได้ประโยชน์


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-11-2007, 02:09



สถานการณ์ตอนนี้ นักวิจารณ์การเมืองหน้าใหม่ๆจะไม่เข้าใจครับ

เพราะเป็นเกมทางการเมือง อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายอย่ายอมให้ชาติมีปัญหา

เพียงเพราะการต่อสู้ทางการเมือง ด้วยน้ำลายพิษ ไม่ว่าจะออกมาจากคนหน้าตาแบบไหนนะครับ

ถ้ามันเป็นพิษ มันก็เป็นพิษเสมอ


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-11-2007, 17:09
 :slime_fighto: :slime_cool:

กกต.จ้องฟัน “อ๋อย” จ้อหาเสียง “พลังแม้ว” ขู่ยุบพรรค  

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000139692
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2550 14:01 น.
 
 
(http://pics.manager.co.th/Images/550000015567701.JPEG)   
สุเมธ อุปนิสากร 
 
 
       “สุเมธ” ตั้งป้อมรับแผนท้าทาย “จาตุรนต์” เตรียมส่งเจ้าหน้าที่จับผิดกรณีเปิดปราศรัยเย็นนี้ ชี้ หากเข้าข่ายหาเสียงช่วยพรรคการเมือง โทษรุนแรงถึงขั้นยุบพรรค ยอมรับมีข้อมูลซื้อเสียงผ่านไปรษณีย์หัวละ 1,000 บาทแล้ว
       
       
       วันนี้ (25 พ.ย.) นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง 1 ในอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จะเปิดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันนี้ ว่า เนื่องจากในตอนนี้ นายจาตุรนต์ ไม่ได้เป็นสมาชิกทางการเมืองใด จึงถือว่าการเปิดเวทีปราศรัยดังกล่าวน่าจะทำได้ หากเป็นความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่ง แต่หากการปราศรัยมีเนื้อหาจูงใจ หรือช่วยพรรคการเมืองหาเสีย งจะถือว่ามีความผิด โดยในเบื้องต้นจะถือเป็นความผิดส่วนตัว แต่หากพรรคการเมืองนั้น มีส่วนรู้เห็นจะต้องได้รับโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรคได้
       
       อย่างไรก็ตาม ในการขึ้นเวทีปราศรัยของ นายจาตุรนต์ นั้น ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยทาง กกต.ยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุด
       
       นายสุเมธ ยอมรับว่า ขณะนี้ทาง กกต.ได้รับรายงานจากองค์กรเอกชนตรวจสอบการเลือกตั้ง ว่า พบการซื้อเสียงโดยการโอนเงินผ่านทางไปรษณีย์ให้แก่ชาวบ้านรายละ 1,000 บาท ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่ง กกต.ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหากพบว่าเป็นการกระทำผิด และมีผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ และผู้สมัครจะต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งนี้ หากพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดดังกล่าว ก็จะได้รับโทษสุงสุดถึงขั้นยุบพรรคเช่นกัน
       
       นอกจากนี้ นายสุเมธ ยังกล่าวถึงความคืนหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมหัวคะแนนพรรคพลังประชาชน ใน จ.นครราชสีมา ที่เตรียมแจกเงินให้กับชาวบ้านในพื้นที่ว่า ในวันอังคารหน้าจะมีการพิจารณาสืบสวนต่อไป
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-11-2007, 19:31



แผ่นดินไทย เริ่มโดดเด่นขี้นตามลำดับ

ดูเหมือนทางโล่ง ของสุวิทย์ ขณะที่

สมัครและอภิสิทธิ์  ยังหาทางเอาชนะเด็ดขาดระหว่างกันในสนามเลือกตั้งไม่ได้.


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-11-2007, 22:55
กกต.เตือน “ยุทธ” ปากพล่อย อาจเจอข้อหาปรปักษ์ฯ

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000140786
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2550 17:53 น.
 
 
 (http://pics.manager.co.th/Images/550000015687401.JPEG) 
สมชัย จึงประเสริฐ กกต.
 
 
       กกต.ไม่บ้าจี้ตาม “ยุทธ ตู้เย็น” เชื่อแค่อยากเป็นข่าว ไม่ได้ต้องการร้องเรียนจริงๆ เตือนระวังถูกกองทัพฟ้องกลับ ฐานป้ายสีมั่ว ชี้ การกล่าวหาหากกระทบต่อความมั่นคง อาจผิดฐานเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง
       
       วันนี้ (27 พ.ย.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกรณี พล.อ.สมเจตต์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะขอหารือกับ กกต.กรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ปราศรัยพาดพิงกองทัพ ว่า เข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่ ว่า เรื่องนี้จะนำเข้าที่ประชุมของคณะทำงาน เพื่อพิจารณาและติดตามข่าว เพราะมีการโต้กันไปมาผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งหาก พล.อ.สมเจตต์ ทำหนังสือขอหารือมา กกต.ก็ต้องตอบ แต่หากถามผ่านสื่อมาอย่างนี้ กกต.ไม่ต้องตอบก็ได้ เพราะตามระเบียบของ กกต.นั้น กกต.มีหน้าที่ต้องตอบข้อหารือ แม้จะเป็นเรื่องในอนาคต กกต.ก็ต้องตอบให้ได้ ส่วนประเด็นที่ว่าเมื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กล่าวใส่ร้ายกองทัพ ที่ไม่ใช่การใส่ร้ายผู้สมัครด้วยกันเอง จะมีความผิดหรือไม่นั้น คิดว่าต้องแยกระหว่างคดีอาญากับความผิดกฎหมายเลือกตั้ง
       
       “กกต.จะควบคุมเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง เช่น การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ควบคุมผู้สมัคร และควบคุมพรรคการเมือง แต่สำหรับกองทัพ หากไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่เป็นการพูดใส่ร้าย จูงใจ เพื่อหวังผลต่อคะแนนนิยม เรื่องพวกนี้จะมีโทษทางอาญา และจะต้องไปดำเนินคดีทางอาญา หากเป็นเรื่องทะเลาะกันก็เป็นเรื่องกฎหมายอาญาเท่านั้น”
       
       นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า การที่ นายยงยุทธ กล่าวพาดพิงกองทัพ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามากกว่า แต่หากการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบกับพรรคการเมือง หรือเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่ไปกระทบต่อความมั่นคงและเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
       
       ส่วนที่ นายยงยุทธ อ้างว่า การที่ทหารเข้ามาค้นโดยอ้างเรื่องความมั่นคงแต่ข้อเท็จจริงกลับเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง นายสมชัย กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ ผู้สมัครก็โวยวายกันไปมา แต่ไม่มีการร้องเรียนมาที่ กกต.แสดงว่าก็ไม่อยากร้องเรียนจริง อย่างไรก็ตาม เราทุกคนต้องช่วยกันให้บ้านเมืองเดินหน้าไปด้วยดี ดีกว่า อะไรที่พออภัยให้กันได้ ก็อย่าเอามาเป็นประเด็น และมองว่ายังไม่จำเป็นต้องเรียกฝ่ายทหารมาชี้แจงในเรื่องนี้
       
       ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวเรื่องเดียวกันว่า จะจริงหรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะรู้แต่ข่าว คงไม่ต้องไปสอบถามทางทหาร เพราะช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็อาจจะเห็นคนใส่เสื้อลายพรางเดินกันไปมา ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะเห็นใจทหาร ก็ขอให้ทำใจที่จะถูกกล่าวหา และขอให้ทหารวางตัวเป็นกลาง
       
       เมื่อถามว่า การที่ทหารลงพื้นที่ครั้งนี้จะถือว่าเป็นไปตามแผนปฏิบัติการในเอกสารลับที่จะสกัดพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนก็ยังไม่เห็นเอกสารลับ และเรื่องคณะกรรมการกำลังสอบสวน ต้องรอให้ได้ผลสอบก่อน

 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-11-2007, 22:57


กทม.ครองแชมป์ร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000140888
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2550 19:32 น.
 
 
  กกต.เผยรับเรื่องร้องทุจริต กทม.-นนท์-สุมทรปราการ ยังครองแชมป์ ขณะที่ซื้อเสียงผ่านธนาณัติทางไปรษณีย์ ที่หนองไผ่ เพชรบูรณ์ สอบแล้วยังไม่พบ ด้าน รองเลขาฯสืบสวน กกต.ระบุ ตำรวจโคราชคืนเงินของกลางค่าขนคนไปฟังปราศรัย ไม่กระทบต่อการวินิจฉัยเหลือง-แดง ของ กกต.
       
       วันนี้ (27 พ.ย.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงความคืบหน้าในการรับแจ้งเหตุทุจริตการเลือกตั้ง ว่า จากที่ก่อนหน้านี้ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ 75 เรื่อง ทางด้านกิจการสืบสวนสอบสวน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว ปรากฏว่า ในจำนวนนี้เป็นเหตุที่ไม่มีมูล 33 เรื่อง มีมูล 41 เรื่อง จึงได้มอบให้ กกต.จังหวัดรับดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง และรายงานผลให้ทราบโดยด่วน เพื่อพิจารณาว่าจะรับเป็นเรื่องคัดค้านเลือกตั้งหรือไม่
       
       ซึ่งขณะนี้เรื่องที่ กกต.รับเป็นเรื่องร้องคัดค้านมีอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.กรณีเอกสารลับของพรรคพลังประชาชน 2.กรณีจ่ายเงินค่าขนคนไปฟังปราศรัยหาเสียงที่ อ.พระทองคำ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา และล่าสุด ที่เพิ่งได้รับรายงาน 3.กรณี นายนคร มาฉิม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนผู้สมัครพรรคพลังประชาชน แจกถ้วยรางวัลกีฬาฟุตบอลพร้อมเงิน ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนเรื่องร้องเรียนระหว่างวันที่ 21-26 พ.ย.นี้ ปรากฏว่า มีเรื่องร้องเรียน 61 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นกรณีการแจกเงิน หรือให้ประโยชน์ตอบแทนมากที่สุด ถึง 36 เรื่อง ในขณะที่กลุ่ม 6 (กทม.นนทบุรี สมุทรปราการ) เป็นกลุ่มที่มีเรื่องร้องเรียนมากที่สุดถึง 24 เรื่อง นอกจากนี้ ยังพบการทุจริตในรูปแบบต่างๆ เช่น การเก็บรวบรวมสำเนาบัตรประชาชน การวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น ซึ่งจะได้สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงในรายละเอียด และดำเนินการตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป
       
       สำหรับกรณีที่องค์กรเอกชน ระบุว่า มีการซื้อเสียงผ่านธนาณัติทางไปรษณีย์ในพื้นที่ภาคเหนือนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นการแจ้งว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งอำเภอใกล้เคียงก็ยังไม่พบว่ามีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า พฤติการณ์กระทำทุจริตที่มีการแจ้งเข้ามามีจำนวนน้อยลงเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา แต่ถ้าพิจารณาพฤติการณ์แล้วพบว่าแต่ละกรณีจะมีความซับซ้อนในการทำผิดมากขึ้น
       
       พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีการลงไปสอบสวนเพิ่มเติมการเตรียมจ่ายเงินค่าขนคนมาฟังการปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา ว่า แม้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ดุลพินิจตามมาตรา 106 ของพ.ร.บ.เลือกตั้ง คืนของกลางให้กับผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว เพราะเห็นว่าคำให้การของนายตี๋ แซ่เหล็ก เจ้าของเงินที่ว่าเงินที่พบเตรียมไว้สำหรับจ่ายเป็นค่ารถเพื่อขนคนมาฟังปราศรัยไม่ผิดกฎหมาย ก็ไม่ได้ทำให้กระทบต่อการสืบสวนสอบสวน หรือการพิจารณาให้ใบเหลือง-ใบแดงของ กกต.เพราะตำรวจก็ได้มีการบันทึกผลการจับกุม และเหตุการณ์ในวันดังกล่าวไว้ และได้ส่งให้กับเจ้าหน้าที่สืบสวนของ กกต.แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนของ กกต.ยังไม่ปรากฏข้อมูลว่าเงินที่พบนั้น ส่วนหนึ่งได้มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาฟังการปราศรัยของพรรคพลังประชาชนในวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
       
       เมื่อถามว่า การคืนของกลางของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งข้อสังเกตว่าต้องการช่วยเหลือผู้สมัคร พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ ตำรวจก็มีกฎหมายในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกำกับการทำงานอยู่เหมือนกัน และคิดว่าคงไม่มีใครกล้าที่จะเอาตำแหน่งหน้าที่มาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า การใช้ดุลพินิจดังกล่าวของตำรวจ เนื่องจากตำรวจได้สอบถามมายัง กกต.จังหวัด ว่า การกระทำดังกล่าวของนายตี๋ จะถือเป็นความผิดหรือไม่ ซึ่ง กกต.จังหวัดเห็นว่ากฎหมายไม่ได้บัญญัติเรื่องการจ่ายเงินเรื่องการรับฟังคำปราศรัยเป็นความผิด และน่าจะนำมานับรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ตำรวจจึงปล่อยและคืนของกลางไป

 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-11-2007, 16:13




กองเชียร์ของพรรคต่างๆ ต้องช่วยกันจับโกงเลือกตั้งครับ

เริ่มก็โกงกันแล้ว จะเข้าไปทำงานคงไม่ต้องพูดถึง


แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องช่วยกันจับคือ อาการบิดเบี้ยวเชิงนโยบาย

ซึ่งดูอาการแล้ว เป็นมากทั้งสองพรรคใหญ่ครับ

ทั้งพลังประชาชน และ ประชาธิปัตย์

พูดง่ายดิ้นแข่งกันให้ดูอะครับ..เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังอะไรมาก

หากประชาชนไม่ช่วยกันผลักดันในประเด็นที่ต้องทำงานของสส.และรัฐบาล


หลังเลือกตั้งนักการเมืองโดยเฉพาะสสงจะพยายามลอยตัว ส่วนรัฐบาลก็จะพยายามสร้างฐานอำนาจกันคู่แข่งทางการเมือง..


น้ำเน่าชัดๆ แต่สังคมก็ต้องช่วยกันปรับบรรยากาศและโครงสร้างในการแข่งขันทางการเมืองต่อไป




หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-11-2007, 17:09



ไม่ฟันธง แต่มีแนวโน้มสูง ที่พปช.และ ปชป. จะได้เสียง

ไม่มากกว่ากันนัก ทีประมาณร้อยกว่าทั้งคู่ครับ..

อย่าไปจริงจังกับจำนวนเสียงละเอียดมาก


เอาเป็นว่าพยายามยามจับขั้วหาทางทำงานดีกว่า

แล้วก็มีสียงเกินครึ่งก็ทำงานมั่วๆ หรือโกงไม่ได้ครับ

ไม่พยายามทำงานให้ดี หรือบิดงานเข้าประเป๋าก็ไม่ได้เพราะถูกไล่แน่อนเหมือนกัน   :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-12-2007, 00:14

สถานการณ์การเลือกตั้ง คงจะเรียบร้อย เพราะดูปริมาณเงินช่วงเลือกตั้งไม่ค่อยมาก

เงินคงจะไปวิ่งอีกทีหลังจัดตั้งรัฐบาลกันได้แล้ว.. สส.แต่ละคนควรสนับสนุนนดี คนเก่งร่วมในรัฐบาลครับ

อย่าไปล็อคเสียง บล็อคโหวตแบบเดิม หรือต้องโหวตตามมติพรรคที่เตี๊ยมกันไว้ก่อน

เอาเหตุเอาผล เอาผลประโยชน์ของชาติ และความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลว่าดีจริงเป็นเกณฑ์ดีกว่า


ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน กองเขีนร์ทุกฝ่าย สามารถผลักดันร่วมกันผ่านสือต่างๆได้


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-12-2007, 15:55



หลังเลือกตั้ง เงินสะพํดในหมู่นักการเมืองระดับแกนแน่นอน

แต่อาจจะทำอย่างแนบเนียน  อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้ง


แนวโน้มยังคงเป็นอย่างที่ผมเคยทำนายไว้ครับ รัฐบาลผสม

โดยมีสองพรรคได้คะแนนไล่เลี่ยกัน  ส่วนที่พรรคที่เหลือจะจับกันเองเป็นขั้วที่สามซึ่งพลังเงียบสนับสนุน

เป้าหมายจะเป็นรัฐบาลแห่งชาติก็ดีกว่าการประท้วงนอกสภาครับ


นอกสภาควรใช้วิธี เข้าชื่อถอดถอนคนโกง หรือแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่มีเหตุมีผล มีข้อมูลกันไป..


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 03-12-2007, 03:42


หากสมัครต้องคดี พรรคพลังประชาชนก็หัวขาด

ส้มก็คงหล่น แต่ไม่ทราบจะตกที่ใคร


หากสมัครและพวกประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ

ผลักดันหัวหน้าพรรคอื่นเป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

บ้านเมืองก็ยุติความวุ่นวายทางการเมือง


สามารถระดมสรรพกำลังทำงาน แทนที่จะแช่งขันกันด้วยประชานิยมบ้าคลั่ง

หมากตานี้ดีกว่านิรโทษกรรม เพราะสื่อทั่วไป พรรคอันดับรองๆ คงได้แต่มองตาปริบๆ


ทั้งหมดนี้อยู่บนสมมุติฐาน พลังประชาชนมีคะแนนนำปชป. ตลอดมาและครั้งนี้ครับ..

มากน้อยแล้วแต่กระแส  อย่างไรก็ตามไปดูผลงานรายพรรคและการจับขั้วทางการเมืองกันต่อไป



คาดว่ายุทธศาสตร์ปลดล็อค สมานฉัน?สร้างชาติ คงได้รับการสนับสนุนจากพลังเงียบ และสื่อเสรีครับ?

ในระยะต่อไป ต่อไปพรรคข้าราชการที่เป็นกลางทางการเมืองคงเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย

เพราะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและการมีส่วนร่วมของประชาชนทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์

การตรวจสอบของทุกฝ่ายก็ยังสามารถดำเนินต่อไป โดยมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองน้อยกว่าเดิม เพราะเสียงฐานใหญ่ขึ้น

และเป็นรัฐบาลร่วมกัน.. เสถียรภาพดีกว่าและไม่ได้ตกอยู่ใต้นายกฯศรีธนญชัยแบบไม่มีทางออกด้งอดีต

หากมีปัญหาก็ใช้กระบวนการยุติธรรมมาภิวัฒน์เข้าจัดการได้ ร่วมกับระบบองค์กรอิสระ ที่เน้นหนักเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน


ที่กล่าวมาทั้งหมดคือ ประชาธิปไตยเชิงสร้างสรรค์ในระบบจัดการก้าวกน้าเด็ดขาด ที่มีธรรมาภิบาลครับ


ปัญหาอยู่ที่ว่า ต้องใช้พลังผลักดันสูงสุด เพื่อสยบพวกตัวแสบทางการเมืองพรรคต่างๆ

ที่คอยยุยงชาวบ้านฐานเสียงของตน ก่อนจะเข้าสู่แนวคิดนี้ได้ดี ต้องใช้ผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่ายช่วยกันครับ..


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-12-2007, 17:51



เป็นไปตามครรลอง ไม่มีปัญหา...

ใกล้ๆเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งสักสองสัปดาห์ จะตื่นเต้นกว่านี้  :slime_smile2: :slime_cool: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 05-12-2007, 10:05



มารอดูกันดีกว่า ว่าใครจะได้เป็นประธานสภาฯ

ต้องเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ และเป็นกลางครับ

บุคคลที่ไม่ได้เป็นสส.คงจะไปแทรกแซงไม่ได้ ตามมารยาทการเมือง


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 04:04



ดูรูปการ์ณแล้ว ไม่มีปัญหา อะไร?

สบายๆ ทุกอย่างปกติ  


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 15:26


วันที่ 8 ธันวาคม 2550 เวลา 09:42 น. | จำนวนผู้อ่าน 675 คน ผู้โหวต 0 คน
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=148235&NewsType=1&Template=1

คะแนนข่าว       

ขนาดตัวอักษร ก ก ก


ตั้งรัฐบาลสมานฉันท์2ปี"แม้ว"ดิ้น!อ้างสร้างสามัคคีเพื่อชาติ

 “ทักษิณ” ดิ้นเฮือกใหญ่เสนอแนวคิดจากฮ่องกง ชงวาระตั้งรัฐบาลแห่งชาติ 2 ปี สร้างสมานฉันท์ตามแนวทางพระราชดำริ “เชาวริน” เผยนายใหญ่อยู่ฮ่องกง นำสาร “ทักษิณ” ปลุกกระแสยังไม่คิดกลับเมืองไทยในตอนนี้ “พลังประชาชน” เต้นผาง “วีระ” เปิดคลิป “ทักษิณ” หาเสียงกลางวงสัมมนา “นพดล” มึนตึ้บมาจากไหน “หมอเลี้ยบ” แจงทันควันของเก่าไม่เคยใช้ ลั่นหาก กกต. คาดโทษต้องสอบทุกพรรค โวยผู้ถูกตัดสิทธินำทีมผู้สมัคร ส.ส.ต้องจัดการด้วย กกต.เข็นเรื่องสอบลายเซ็นปลอมเข้าที่ประชุม 11 ธ.ค. หาช่องเชือด พปช. “สดศรี” เสนอสอบทุกพรรคไปพร้อมกัน บ่นท้อเจอกกต.ร่วมใจใส่เกียร์ว่าง นายกฯเมินคำทำนายปีหนูโหดร้าย แนะยึดพุทธศาสนานำทาง ยอมรับมีช่องให้พรรคอันดับสองรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ “มีชัย”ส่งเสียงหนุนพรรครองเป็นแกนนำ แฟนคลับ “อภิสิทธิ์” สวดหมอดูทำนายสวนทาง “มาร์ค”ยิ้มสู้อย่างเดียว “เติ้ง” ลั่นไม่มีกิเลสอยากเป็นนายกฯ ไม่เชื่อคำพยากรณ์ ส่วน “บิ๊กบัง” ห่วงเลือกตั้ง 2 ขั้วดุ เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณรูดม่านแล้ว “สุรเกียรติ์”โต้ไม่เคยหักหลังทรท. ย้ำอุดมการณ์การเมืองชัดเจน “แก้วสรร”แฉเจอทุจริตบ้านเอื้ออาทรกว่า 9 พันล้านบาท

บิ๊กแอ๊ดเมินคำทำนายหมอดู

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถาบันพยากรณ์ศาสตร์จัดงาน “โหราพยากรณ์ฟันธง 2008 ส่งท้ายปีหมู เตรียมรับปีหนูโหดร้าย” และระบุว่าไม่ว่าใครจะมาบริหารประเทศจะเกิดความวุ่นวายจนอาจจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดว่า ตนเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องโหราศาสตร์มากนักแต่คิดในแง่ของพระพุทธศาสนา คือเอาเมื่อวานนี้เป็นบทเรียนที่จะแก้ไขในวันนี้ให้ดีขึ้น
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เป็นห่วงกันในขณะนี้คือหลังการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาลอาจเกิดความวุ่นวาย นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคอยดูมีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าจะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ตนในฐานะที่จะส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ขอให้ยึดถือกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องที่จะช่วยกันดูแลบ้านเมือง มีความรักสามัคคี คิดถึงบ้านเมืองก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่ามีปัญหามากนัก

มีช่องพรรคอันดับ 2 รวมเสียง
 
ต่อข้อถามถึงกรณีที่เว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” ระบุว่าหากเลือกสมัครและ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพิจารณาของแต่ละบุคคล ซึ่งตนเชื่อในวิจารณญาณของคนไทยมาโดยตลอด และขณะนี้มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว นอกจากนั้น ทางกกต.มีส่วนที่จะชี้แนะหรือให้คำแนะนำว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อการหาเสียงในการเลือกตั้งหรือไม่ หากมีผลกระทบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะได้ดำเนินการ

เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรสำหรับพรรคการเมืองที่เป็นต้นเหตุและสาเหตุของความวุ่นวายไม่ควรได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยมองในแง่นั้นอยู่ที่ประชาชนพิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวคิดว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งมาก ที่สุดควรได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ในวิธีการปฏิบัติของไทยเราทำมาในลักษณะนี้ แต่มีบางโอกาสพรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ก็มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ รัฐธรรมนูญปัจจุบันเองก็ไม่ได้กำหนดไว้ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนตีความ หลังเลือกตั้งตนคิดเหมือนคนไทยทุกคนที่อยากให้บ้านเมืองมีความสงบ มีความสามัคคี หากการเมืองมีความมั่นคงประเทศก็จะก้าวหน้าไปได้ดีขึ้น

“มีชัย”ชี้พรรครองตั้งรัฐบาลได้
 
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.ว่า ตนไม่เป็นห่วงอะไร เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร กกต.คงดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้คาดหมายว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงลำดับรองอาจเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายมีชัย กล่าวว่า เมื่อพรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคที่ได้คะแนนอันดับสองก็เป็นผู้ตั้ง ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าตั้งไม่ได้ก็ต้องเป็นอย่างนี้
 
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ว่า ยังไม่ได้อ่าน ช่วงนี้พักผ่อน เมื่อถามย้ำว่า ในเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่าถ้าเลือกนายสมัครแล้ว จะได้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมานั้น จะรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง

อุ้มเอกสารลับ คมช.ไม่น่ากลัว
 
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการตรวจสอบเอกสารลับว่า ต้องขอ ดูข้อเท็จจริงก่อน จึงจะสามารถบอกได้ว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องนี้เมื่อใด และไม่ทราบว่าจะสามารถพิจารณาได้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 11 ธ.ค.หรือไม่ คงจะมีการหารือกับ กกต.ในวันนั้น ส่วนกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง เห็นว่าอาจมีปัญหาด้านอำนาจหน้าที่ระหว่าง กกต. และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จึงควรส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนนั้น ตนเห็นว่า กกต.มีหน้าที่ดูแลการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนเรื่องนี้จะเป็นความผิดอาญาหรือไม่นั้นก็ต้องไปว่ากันต่อไปไม่เกี่ยวกับ กกต.

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ขอชี้แจงให้ทราบว่าเอกสารลับของ คมช. ตามจริงแล้วไม่น่ากลัว เพราะเป็นเพียงเอกสาร ซึ่งเป็นแผนการเพื่อให้ คมช.และทหารช่วยกันรณรงค์ให้การเลือกตั้งยุติธรรม แต่บังเอิญเอกสารดังกล่าวได้พาดพิงถึงพรรคการเมืองบางพรรค ทำให้การเลือกตั้งเกิดความไม่เป็นธรรม บางพรรคอาจเสียเปรียบ ซึ่ง   กกต.จะพิจารณาจุดนี้เป็นสำคัญ และต้องพิจารณาตามกฎหมายว่าการดำเนินการของ คมช.เป็นไปอย่างไร มีการทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันหรือไม่ ทั้งนี้ กกต.ยังไม่ได้ดูว่าเอกสารลับถูกทำขึ้นก่อนหรือหลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ดังนั้น จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ กกต.ต้องลงมติอีกครั้งหนึ่ง

“สดศรี”ท้อ กกต.ใส่เกียร์ว่าง
 
นางสดศรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณโจมตีบทให้สัมภาษณ์ของตนเองเรื่องการสั่งปิดเว็บไซต์ว่า เป็นการหมิ่นประมาท พร้อมกับเตรียมดำเนินการฟ้องกลับ เพราะการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยเลือกปฏิบัติ แต่เว็บไซต์กลับมากล่าว หาการทำงานว่าเลือกข้าง เบื้องต้นกระทรวงไอซีที คงสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าวชั่วคราวไปแล้ว เพราะหากปล่อยไปอาจมีพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวถึงโต้ตอบกันไปมาได้อีก อย่างไรก็ตาม คงต้องตรวจสอบเว็บไซต์พรรคการเมืองอื่น ๆ ด้วยว่ามีเนื้อหาที่สร้างความแตกแยก ใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองอื่น ๆ อีกหรือไม่
 
“ขณะนี้รู้สึกเหนื่อยใจ ท้อแท้ กกต.แต่ละคนพยายามใส่เกียร์ว่าง ไม่พูด ไม่ออกความเห็น กะว่าจะทำงานไปเรื่อย ๆ ซึ่งการเลือกตั้งก็อาจไม่ให้ใบเหลือง ใบแดง ที่ผ่านมาโดนด่าสับโขก ดังนั้นเราจะเป็นเหมือนข้าราชการทั่วไป ใครมาเป็นรัฐบาลเราก็อยู่ได้ เราแค่ขอทำงานเลือกตั้งให้สำเร็จ” นางสดศรี กล่าว

เตรียมลุยคดีทะเบียนเท็จ
 
ส่วนกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาคืนสิทธิให้นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัครพรรคเพื่อแผ่นดิน หลังจากพ้นจากข้อกล่าวหา การเป็นผู้สมัครซ้ำซ้อนกับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากลายมือชื่อในส่วนพรรคพลังประชาชนมีการปลอมแปลงนั้น นางสดศรี แสดงความเห็นว่า แม้นายสิทธิชัยจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็ถือเป็นความผิดทางอาญาไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่ง กกต.คงต้องดำเนินคดีตามมาตรา 106 ของกฎหมายพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ที่ว่าด้วยการแอบอ้างชื่อผู้ใดสมัครเป็นสมาชิกพรรค หรือจัดทำทะเบียนสมาชิกอันเป็นเท็จ ต้องโทษทั้งจำคุกและปรับ
 
อย่างไรก็ตาม กกต. คงต้องตรวจสอบรายชื่อสมาชิกพรรค ในส่วนของพรรคการเมืองอื่น ๆ ด้วย เพราะอาจเกิดคดีในลักษณะซ้ำกัน  อีก โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพรรคการเมืองสุ่มตรวจสอบรายชื่อสมาชิกพรรคซ้ำซ้อนกันแล้ว พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้ทำงานด้วยความเป็นกลาง เพราะหากพบมีส่วนช่วยพรรคการเมืองแก้ไขฐานข้อมูลเหมือนคดีในอดีต จะมีการสั่งย้าย และดำเนินคดีอาญาทันที โดยในวันที่ 11 ธ.ค. กกต. จะพิจารณาเรื่องนี้

ยุติเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณแล้ว
 
สำหรับกรณีที่เว็บไซต์ www.hi-thak sin.org ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ “เลือกหนึ่งแถมหนึ่ง” และ “เลขเด็ดเบอร์ 12” ที่มีเนื้อหาสนับ  สนุนพรรคพลังประชาชน และยังมีบทความโจมตีนางสดศรี สัตยธรรม กกต. อย่างรุนแรง เป็นผลให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ขู่ปิดเว็บไซต์ดังกล่าว เนื่องจากเผยแพร่ข้อความที่สร้างความแตกแยกให้กับสังคม ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 7 ธ.ค. ไม่สามารถเปิดเข้าชมเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณได้แล้ว คาดว่าจะถูกบล็อกจากกระทรวงไอซีที ตามที่ กกต.ได้มีการประสานงานไปเรียบร้อยแล้ว   
 
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีเว็บไซต์ www.hi-thaksin.org เผยแพร่คลิปวิดีโอระบุหากเลือกนายสมัครจะได้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่ทราบเว็บไซต์ดังกล่าวใครเป็นคนทำ หากส่งผ่านข้อมูลไปได้พรรคพลังประชาชนก็อยากจะบอกว่า  พรรคต้องการพูดเรื่องนโยบายให้มาก ทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหาประเทศชาติ การมีประเด็นการเมืองอย่างนี้ ทำให้พรรคมีเวลาพูดถึงสาระนโยบายได้น้อยลง

“เลี้ยบ”แนะเน้นสาระจะดีกว่า
 
เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขออยากฝากไปถึงคนทำเว็บไซต์ดังกล่าวว่า หากอยากสนับสนุนพรรคให้เน้นตรงสาระนโยบาย ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ มีทั้งบวกทั้งลบ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ แต่ข่าวคราวในเชิงลบก็มีอยู่บ้าง การที่นำเสนอพ.ต.ท.ทักษิณ คนที่ไม่ชอบ คงเป็นผลให้ความไม่ชอบส่งมาถึงพรรคพลังประชาชนได้
 
นพ.สุรพงษ์ ยังระบุว่า การนำ พ.ต.ท. ทักษิณ กลับสู่ประเทศไทยด้วยความปลอดภัย ไม่ถือเป็นนโยบายของพรรค เพราะการเลือกตั้งพรรคเน้นถึงประเทศชาติ เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาหรือไม่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพรรคพลังประชาชน

“เชาวริน”นำสารปลุกกระแส
 
ที่ทำการพรรคพลังประชาชน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 7 พรรคพลังประชาชน แถลงว่า ตนได้โทรศัพท์ข้ามประเทศไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบว่า ขณะนี้ได้เดินทางมาทำธุระที่เกาะฮ่องกง และได้ฝากคำพูดผ่านตนมายังประชาชนชาวไทยว่าในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้งจนถึงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังไม่เดินทางกลับประเทศ เพราะไม่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับสังคมไทย อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าจะกลับประเทศแน่นอนเพื่อต่อสู้คดีในทุกข้อกล่าวหาที่ไม่ได้กระทำผิด ส่วนระยะเวลาในการเดินทางกลับประเทศนั้นคาดว่าจะเป็นต้นปีหน้า ช่วงเดือน ก.พ.หลังจากที่มีการตั้งรัฐบาลแล้ว
   
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวต่อว่า พ.ต.ท. ทักษิณยังฝากว่าให้แจ้งกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ท่านต้องจากบ้านขอให้วางใจว่าคนชื่อ พ.ต.ท. ทักษิณจะไม่มีการคิดแก้แค้นกับใครทั้งสิ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณมองตัวเองได้สองอย่าง คือ 1.สงสัยว่าในชาติปางก่อนทำสิ่งไม่ดีกับใครไว้จึงต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ 2. มองว่าโชคดีที่เกิดเหตุการณ์นี้ทำให้มีเวลาคิดว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา ทำสิ่งอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ส่วนสิ่งดีจะนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในวันข้างหน้า หากมีโอกาสมาให้คำปรึกษา และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองแน่นอน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เวลาช่วงนี้ขยายกิจการสโมสรฟุตบอลแมนซิตีฯต่อไป

“สุรเกียรติ์”โต้ไม่เคยหักหลัง ทรท.
 
ที่สำนักงานกฎหมายสยามพรีเมียร์ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตประธานกรรมการสภานโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อแผ่นดินแถลงกรณีเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ เผยแพร่คลิปวิดีโอโดยมีเนื้อหาพาดพิงว่าถ้าเลือกนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินจะได้นายสุรเกียรติ์ เพราะทุกคะแนนที่ได้จะเป็นการส่งเสริมผู้หักหลังพรรคไทยรักไทยและรับใช้ คมช. โดยนายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตนไม่เคยหักหลังพรรคไทยรักไทย และตน  ก็ไม่เคยพูดพาดพิงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายก่อนหน้านี้เลย ตนมีจุดยืนของตัวเอง ที่ยึดถือใน  การทำงานอย่างชัดเจน และก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร เพราะตนเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตย
 
นายสุรเกียรติ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนต้องขอเรียนว่าก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ตนได้ร่วมกับเพื่อนในพรรคไทยรักไทยพยายามแก้ไขปัญหาการเมืองภายใต้ระบอบรัฐสภาอย่างสุดความสามารถ เมื่อได้ทำแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยแนวความคิดของคนบางกลุ่มในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่สามารถแก้ประวัติศาสตร์ในเรื่องดังกล่าวได้ ตนจำเป็นต้องมองไปข้างหน้า โดยมองถึงความสงบสุขและไม่มีความแตกแยก เมื่อกฎหมายอนุญาตให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ตนก็ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะทำเพื่อแผ่นดิน

วอนร่วมกันสร้างความสามัคคี
 
เมื่อถามว่า ได้วิเคราะห์หรือไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการทำเว็บไซต์คือใคร นายสุรเกียรติ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นใคร แต่ประชาชนเองก็สามารถพิจารณาเองได้ว่าเป็นใคร ต่อข้อถามว่าการออกเว็บไซต์ดังกล่าวขึ้นมาจะ ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงหรือไม่ นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อความสามัคคีของคนในชาติ ตนคิดว่าเราควรที่จะสร้างความสามัคคีและประชาชนเองก็ควรที่จะเลือกคนดีเพื่อมาบริหารบ้านเมือง ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ต่อข้อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ข้อกล่าว  หาดังกล่าวเกิดจากการไปให้ข้อมูลกับ คตส.กรณีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่าหรือไม่ นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ตนไม่อาจทราบได้ว่าด้วยเหตุอะไร ยืนยันว่าการที่ตนไปให้ข้อมูลต่อ คตส. นั้นเป็นไปตามเอกสารหลักฐานลายลักษณ์อักษรของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่มีการพาดพิงให้ร้ายความผิดต่อใครทั้งสิ้น เป็นเรื่องตรงไปตรงมาว่าไปตามเนื้อผ้า

กองเชียร์“มาร์ค”สวดหมอดู
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง โดยนายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะได้เข้าไป ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม และซอยละลายทรัพย์ เพื่อพบปะผู้บริหารและพนักงานธนาคารกรุงเทพ ทั้งนี้ ได้มี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย บิดาของ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ผู้สมัคร ส.ส.   กรุงเทพฯ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเดินหาเสียงด้วย และยังได้พบกับผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 1 พรรคพลังประชาชน ได้เดินผ่านมาพบ ซึ่งผู้สมัครของทั้ง 2 พรรคต่างทักทายกันและอวยพรต่อกันว่า “เดี๋ยวไปเจอกันที่สภานะ”
 
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์กำลังเดินพบปะประชาชนภายในธนาคารดังกล่าว ได้มีพนักงานธนาคารคนหนึ่ง บอกกับนายอภิสิทธิ์ว่า “ทำไมปล่อยให้หมอลักษณ์มาทักว่าไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ดีเลย อย่าไปเชื่อเขา เขายังบอกว่านายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน มีดวงเป็นนายกฯ” ด้านนายอภิสิทธิ์ ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า หมอดูต่างคนก็ดูต่างกันไป ไม่เป็นไร นายสมัครจะได้มีกำลังใจ

ปชป.เร่งเครื่องเข้าโค้งสุดท้าย
 
นายอภิสิทธิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต.ให้กระทรวงไอซีทีจัดการเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณว่า กกต.ต้องดูแลให้การดำเนินการทุกอย่างที่มีผลกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะถ้ามีปัญหาข้อมูลในเว็บไซต์บิดเบือน ซึ่งทราบว่ามีทีมงานของบางพรรคการเมืองจงใจสร้างกระแสเทียมให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง
 
ส่วนกรณีที่เอแบคโพลระบุว่าพรรคพลังประชาชนจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ และจะได้ ส.ส.สัดส่วน 39 คน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.สัดส่วน 33 คน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกันแล้ว ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง ตนยังมั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนและดึงคะแนนจนชนะเลือกตั้งได้ เพราะโพลที่ออกมาเป็นไปตามแนวทางที่วางเอาไว้ เมื่อถามว่า หมอดูชื่อดัง ทำนายว่านายสมัคร จะได้เป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ทั้งนี้ ทุกคนมีสิทธิวิเคราะห์ เราทราบว่าเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่เล็กน้อย

“ชวน”จี้ กกต.สอบ พปช.บิดเบือน
 
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคพลังประชาชนปราศรัยว่าถ้าเลือกนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมา เหมือนเลือกหนึ่งได้ถึงสองว่า เป็นการพูดให้เกิดความเข้าใจผิดเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาในวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ก็ได้อยู่แล้ว ไม่มีสิทธิไปห้าม จึงไม่ต้องรอหลังเลือกตั้ง เพียงแต่ถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไขหาเสียง กกต.ต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม เพราะต้องเป็นความเห็นรวมของ กกต. เนื่องจากกรณีนี้เป็นการบิดเบือนความจริงอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเป็นพรรคอันดับ 2 แล้วจะตั้งรัฐบาล ตนเห็นว่าได้เสียงเดียวก็จัดตั้งรัฐบาลได้หรือไปทาบทามคนอื่นมาร่วมจัดตั้งได้ถ้าคนอื่นเห็นด้วยและเป็นเสียงข้างมาก แต่ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองในขณะนั้นว่าเขาจะตัดสินใจจะรวมกลุ่มกันอย่างไรหรือไม่
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมชุมพร การ์ เดนท์ เวลา 07.00 น. ชมรมจี๊ปตรัง 3 คัน ได้มารอรับและตั้งขบวนร่วมไปกับคณะของนายชวน เพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง โดยตลอดสองข้างทางได้มีประชาชนสนใจออกมาโบกมือทักทาย และมอบพวงมาลัยดอกไม้ให้กับนายชวน และมีชาวบ้านคนหนึ่งได้นำป้ายหาเสียงเมื่อปี 2518 ที่เก็บไว้เป็นภาพของนายชวนพร้อมหมายเลข 4 ซึ่งเป็นเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคขนาดใหญ่ให้นายชวนเซ็นชื่อเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านนำหมวกคาวบอยสีฟ้ามอบให้นายชวนด้วย

“เติ้ง”ลั่นไม่มีกิเลสเป็นนายกฯ
 
ที่สนามกีฬาข้างสถานีตำรวจภูธรคูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลา 15.30 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพร้อมคณะได้เดินทางมาช่วย ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 4 พรรคชาติไทย หาเสียง ซึ่งมีประชาชนร่วมรับฟังประมาณ 3,000 คน นายบรรหาร กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งถึงเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณว่า เนื้อหาที่อ้างถึงถ้าไม่เลือกอดีตนายกฯทักษิณกลับประเทศไทยไม่ได้ ไม่จริง โกหก ตนขอบอกว่าท่านกลับมาเดี๋ยวนี้ก็ได้ นายบรรหารจะดูแลให้เอง จะแอ่นอกรับกระสุนให้ แต่ท่านไม่กลับเอง “กลับมาเถอะน้องเอ๊ย ผมไม่อยากพูดมากเดี๋ยวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดว่าเชียร์ ต้องแก้ข่าวกันอุตลุด” นายบรรหารระบุ
 
หัวหน้าพรรคชาติไทย ยังให้สัมภาษณ์กรณีนายมีชัย ระบุว่าพรรคการเมืองอันดับ 2 สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่ผิดกฎหมายว่า ไม่ผิดเพราะถ้าใครสามารถรวบรวม ส.ส.ได้มากก็สามารถจัดตั้งได้ เมื่อถามว่าพรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาลอาจถูกแย้งว่าไม่ชอบธรรม นายบรรหาร กล่าวว่า สมัยนี้ไม่จำเป็นแล้วถ้าใครรวบรวมเสียงได้มากก็ถือว่าพรรคนั้นตั้งรัฐบาลได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าหมอดูชื่อดังฟันธงว่านายสมัคร จะได้เป็นนายกฯจะสวน ทางกับเส้นลายมือของนายบรรหารที่กำลังขึ้นหรือไม่ นายบรรหาร ตอบว่า ตนไม่สู้ท่าน ท่านอยากจะเป็น ตนไม่ได้ประกาศเป็นนายกฯ มีแต่ชาวบ้านอยากให้เป็น ซึ่งตนก็ไม่มีกิเลสอยากเป็น อย่างไรก็ตามไม่เชื่อเรื่องโหรพยากรณ์ แต่อยู่ที่การกระทำมากกว่า ตนคิดตรงจุดนี้จะต้องสามารถ ปรองดองเกิดความสามัคคีกันได้

“บิ๊กบัง”ห่วงเลือกตั้งแบ่งขั้วดุ
 
ที่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งชาติในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนราชวิถี เมื่อเวลา 13.45 น. พล.อ.สนธิ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ซื้อสิทธิ ขายเสียง ทำลายชาติจริงหรือ” ตอนหนึ่งว่า ในช่วง 1 ปีที่ตนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับนักการเมืองและผู้บริหารประเทศทำให้ทราบปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมืองมาก การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่น่าเป็นห่วงมากเพราะเวลามันสั้นทำให้การเตรียมตัวของนักการเมืองจำกัด และด้วยเวลาที่จำกัดคงไปสร้างนักการเมืองหน้าใหม่ลำบาก พรรคการเมืองเลยต้องไปเอานักการเมืองหน้าเก่า ๆ มา ซึ่งการแข่งขันมันสูงมากเป็นการแข่งกันระหว่าง 2 ซีกที่ต่างต้องหาหนทางที่ได้มาซึ่งชัยชนะและการได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีการซื้อสิทธิขายเสียงกันสูงมาก ๆ
 
พล.อ.สนธิ ยังกล่าวอีกว่า ถ้ายังมีการซื้อสิทธิขายเสียงเหมือนอย่างเช่นที่เป็นข่าวว่า  พรรคการเมืองต้องจ่ายเงินให้นักการเมืองเข้าพรรคคนละ 15, 20, 25 หรือบางคนถึง 30 ล้านบาท เมื่อเข้าไปแล้วก็ต้องไปไขว่คว้าเอาเงินคืนหนีไม่พ้นวัฏจักรเอาทุนคืน เราอยากเห็นการเล่นการเมืองที่ไม่ต้องใช้เงิน แต่มาจากศรัทธาประชาชน แต่สิ่งที่กำลังเกิดเวลานี้มันหมิ่นเหม่ต่อการไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง การซื้อสิทธิขายเสียงจะทำลายชาติจริงหรือไม่ก็ให้ประชาชนไปทบทวนดู แต่ถ้าเราเลือกคนไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศชาติ บ้านเมืองก็จะลำบาก

“วีระ”เปิดคลิปกลางวงสัมมนา
 
ที่รร.ปรินซ์พาเลซ เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ในการสัมมนาเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง สำนึกใหม่ใส่ใจคุณธรรม แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น” เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล โดยมีบุคคลที่มีบทบาทด้านการตรวจสอบคอร์รัป ชั่นมาร่วมงานจำนวนมาก เช่น คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน นางจุรี วิจิตรวาทการ ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใส นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พล.อ.สพรั่ง กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ตนจะขออาสาเป็นกัลยาณมิตรในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ สำหรับตนแล้วตอนนี้มีหน้าที่คือทำตัวให้เงียบ ๆรอดูสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะเป็นอย่างไร แต่จะออกมายืนข้างประชาชนแน่นอนเมื่อถึงเวลา
 
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้ฉายวีซีดีพ.ต.ท.ทักษิณที่บันทึกเทปจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ บนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นคำกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตัดพ้อต่อความไม่เป็นธรรมที่ตัวเองถูกกระทำ พร้อมแสดงความเป็นห่วงประชาชนชาวไทย อีกทั้งได้แสดงความยินดีต่อพรรคพลังประชาชน และยังระบุว่าเป็นที่รวมของอดีตพรรคไทยรักไทย และ ขอฝากให้ประชาชนพิจารณาพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ นายวีระ กล่าวหลังการเปิดคลิปดังกล่าวว่า ตนได้มาจากเพื่อนที่ จ.ศรีสะเกษ ฉบับเต็มมีความยาว 1 ชั่วโมง และมีการผลิต กว่า 5 ล้านแผ่น โดยจะนำเรื่องนี้เข้าร้องต่อ   กกต.ในวันที่ 11 ธ.ค.

พปช.โต้คลิป “ทักษิณ” หาเสียง
 
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรค พลังประชาชน ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายให้สัมภาษณ์กรณีนายวีระ สมความคิด ประธาน คปต.นำซีดีบันทึกคำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เชิญชวนให้เลือกพรรคพลังประชาชนมาแสดงในที่สัมมนาเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น พร้อมระบุว่ามีการแจกจ่ายในพื้นที่ภาคอีสานว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด จนถึงขนาดนี้ก็ยังรู้สึกงง ๆ อยู่ เรื่องนี้คงต้องถามนพ.สุรพงษ์ ส่วนตัวมองว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำในฐานะสมาชิกพรรคไม่มีตำแหน่งในฐานะที่ปรึกษาหรือฝ่ายบริหารพรรค รวมถึงการพูดผ่านซีดีไม่ใช่การขึ้นเวทีปราศรัยรณรงค์หาเสียงเข้าใจว่ากฎหมายลูกไม่ได้ห้ามไว้ ส่วนประชาชนก็มีสิทธิที่จะเลือกใครก็ได้
 
นพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางพรรคไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าว พรรคไม่เคยทำ คิดว่าคงมีมาตั้งนานตั้งแต่ตั้งพรรค และไม่ทราบใครเป็นคนเผยแพร่ ส่วนจะเป็นแผนสกัดพรรคพลังประชาชนหรือไม่ตนไม่ทราบ เรื่องนี้พรรคระวังมาก โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้าย จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสี่ยงทำคลิปดังกล่าว หาก กกต.จะพิจารณาต้องดูว่าคลิปนี้มีมาก่อนรับสมัคร ส.ส. หรือไม่ นอกจากนี้ บางพรรคยังมีผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองพาผู้สมัคร ส.ส.ไปสมัครรับเลือกตั้ง จึงต้องพิจารณาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย

คตส.ลั่นไม่คิดกลั่นแกล้ง“หมัก”
 
นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรม การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน หนึ่งในผู้ถูก กล่าวหาคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. แสดงความแปลกใจที่อนุกรรมการไต่สวนในคดี  ดังกล่าวเรียกให้เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงใกล้เลือกตั้งว่า การทำงานของคตส.ยึดข้อเท็จจริง ทำหน้าที่ไปตามปกติ คดีใดเสร็จเมื่อใดก็จะเสนอให้ คตส.ดำเนินการ ไม่มีอะไรมาแทรกแซง หากดำเนินการเสร็จคงไม่แช่คดีเอาไว้เพื่อประโยชน์ของใครทั้งสิ้น
 
เมื่อถามว่า หากมีการร้องว่ากระทบต่อการเลือกตั้งจะมีการยืดเวลาให้นายสมัครเข้าชี้แจงช่วงหลังการเลือกตั้งหรือไม่ โฆษก คตส. ตอบว่า ไม่เกี่ยว คตส.ทำงานเหมือนศาล คือเมื่อพิจารณาคดีเสร็จก็จะอ่านคำพิพากษาเลย เหมือนกับคดีของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ผู้สื่อข่าวถามมีข่าวว่า คตส.จะทำให้นายสมัคร มีสถานะเหมือนกับนายประชัย นายสัก กล่าวว่า ไม่เกี่ยว และไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ที่ผ่านมา คตส.ได้เร่งรัดทำงานในทุกคดีตามกรอบที่วางไว้ และไม่มีการเร่งคดีใดเป็นพิเศษ

เตรียมโชว์ผลงาน คตส.รอบ 1 ปี
 
คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการคตส. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง คตส.กำลังจัดพิมพ์ผลการทำงานของ คตส.ในรอบ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา โดยจะจัดพิมพ์ประมาณ 5 หมื่นเล่ม เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่สนใจในช่วงสิ้นปีนี้ โดยเนื้อหาจะเป็นการรวบรวมผลการไต่สวนในคดีต่าง ๆ ซึ่งได้มีการแถลงเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว
 
นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการติดตามความคืบหน้าของกรมสรรพากรในการยึดทรัพย์นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร กรณีไม่เสียภาษีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปกับบริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด 1.2 หมื่นล้านบาทว่า หลังจากที่อนุกรรมการได้ทำหนังสือให้กรมสรรพากรยึดทรัพย์บุคคลทั้งสอง 1,035 ล้านบาท ไปตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปจึงเห็นชอบให้เรียกนายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เข้าชี้แจงในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 13 ธ.ค.

แฉ 9 พันล.ทุจริตบ้านเอื้ออาทร
 
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. กล่าวตอนหนึ่งในการสัมมนาวิชาการเรื่อง “การเมืองไทยกับการทุจริตคอร์รัปชั่น” ว่า ขณะนี้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นเรื่องความเน่าเปื่อยทางการเมืองไทย พบว่าโครงการบ้านเอื้ออาทรมีการทุจริตโดยมีเป้าหมาย 18 โครงการที่ทำการสอบสวนและได้ตามเส้นทางเดินของเงิน พบว่าคดีแรกมีบริษัทแห่งหนึ่งได้จ่ายเงินล่วงหน้า 400 ล้านบาท โดยที่ยังไม่มีการขึ้นโครงการ และในจำนวนนี้วงเงิน 67 ล้านบาท วิ่งไปหาคนของ รมต.ซึ่งทำหน้าที่เรียกสินบนแทน โดยมีการโอนเงินให้กับคนขับรถ
 
นายแก้วสรร ระบุอีกว่า ล่าสุดพบแล้วว่าโครงการดังกล่าวมีเงินทุจริตทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท ที่บริษัทจ่ายให้ และยังพบท่อเงินที่ยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มอีก 8,000 ล้านบาท ซึ่งในวันที่ 10 ธ.ค. ตนจะขออนุมัติ คตส.เพื่อแถลงข่าวให้ประชาชนรับทราบ วันนี้มีการพูดกันมากว่าทำไม คตส.จึงไม่สามารถนำคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลได้ทั้งที่เวลาล่วงมาแล้ว 1 ปี ตนยอมรับว่าในฐานะ คตส.กว่าจะคลำทางมาถูกก็เหนื่อยเหมือนกัน ซึ่งหากคดีใดมีหลักฐาน 50-50 ตนก็จะไม่เอา ส่วนเรื่องต้องตรวจสอบอย่างหนัก  ก็คือเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯ

นายกฯเดินทางเยือนบาห์เรน
 
พล.อ.สุรยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างไม่เป็นทางการระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค.ว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่ทางบาห์เรนได้เชิญไว้นานแล้วว่าอยากให้ไปเยี่ยมก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ช่วงเวลานี้และยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เป็นการทำงานนอกหน้าที่และหวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศตะวันออกกลางให้มากขึ้น รวมทั้งจะมีโอกาสที่มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับประชาชนและรัฐบาลใหม่ที่จะได้สานต่อไปได้

“ทักษิณ” เสนอรัฐบาลแห่งชาติ
 
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีนว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยควรจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นมา เพื่อบริหารปกครองประเทศเป็นเวลา 2 ปี ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่ความสามัคคี จากนั้นจึงจัดการเลือกตั้งอีกครั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมกับยืนยันจะไม่กลับมานั่งตำแหน่งนายกฯ และยังระบุว่า คณะทหารของกองทัพที่ก่อรัฐประหารโค่นล้มตนจากอำนาจเมื่อปีที่แล้ว อาจทำลายประเทศชาติหากพยายามโกงการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค. นี้
 
พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังเผชิญกับข้อหา   ทุจริตคอร์รัปชั่น ยังกล่าวอีกว่า ส่วนหนึ่งของคณะนายทหารที่ยึดอำนาจตน กำลังพยายาม “รักษาหน้า” ด้วยการให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเดินทางมาฮ่องกงเพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่สมาคมกอล์ฟของไทย ยังกล่าวเรียกร้องว่า ตนต้องการเดินทางกลับประเทศไทย แต่จะรอจนกว่าจะแน่ใจในเรื่องความยุติธรรม และความปลอดภัยส่วนตัว ทุกวันนี้ตนต้องการอุทิศชีวิตให้กับการกุศล และก่อตั้งมูลนิธิระหว่างประเทศขึ้นมาสักแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือคนยากจนในเอเชีย โดยผ่านทางการกีฬาและการศึกษา พร้อมกับยืนยันจะไม่กลับไปเป็นนายกฯ เพราะเบื่อแล้ว ช่วงท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพูดติดตลกว่า “หากผมกลับไปเล่นการเมืองอีก ภรรยาต้องขอหย่าแน่”.
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 16:28



เขตกรุงเทพ เป็นเขตที่ยาก เพราะมีพลังเงียบ

เข่นเดียวกับเขตในเมืองของภาคต่างๆ  
 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 18:01

อัปลักษณ์ของเมืองไทยที่ยากต่อการแก้ไข    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=12718&catid=16

 
วันที่ 06 ธันวาคม 2550 เวลา 08:39:53 น.  ส่งข่าว พิมพ์ข่าว -  ขนาดข้อความ  +
 
 
     
คอลัมน์ ดุลยภาพ ดุลยพินิจ โดย สมบูรณ์ ศิริประชัย  


คนไทยจำนวนมากรู้สึกหน้าชาเมื่อมีฝรั่งมาเขียนวิพากษ์วิจารณ์เมืองไทยในทางเสียหาย ว่าไปแล้วสิ่งที่นำมาพูดไม่ใช่ความเท็จ แต่เป็นความจริงที่เห็นอยู่ดาษดื่นทั่วไปในเมืองไทย โดยเฉพาะจำนวนโสเภณี และสถานเริงรมย์ที่ตั้งกระจัดกระจายทั่วทุกหนแห่งในกรุงเทพฯและส่วนอื่นๆ ของประเทศนี้ หรือในกรณีสนามกอล์ฟก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เมื่อเทียบกับนักกีฬาและจำนวนคนเล่นกอล์ฟแล้ว เราตีความเป็นอื่นไม่ได้ว่า ทั้งเซ็กซ์และกอล์ฟเป็นเรื่องที่เมืองไทยมีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจแต่เพียงโดดๆ ที่ปราศจากต้นทุนทางสังคม ความจริงก็คือทั้งสองอย่างนี้ ประเทศไทยมีมากเกินไปและไม่มีทางลดลงได้ในระยะเวลาอันสั้น แท้ที่จริงสิ่งซึ่งควรจะทำให้เรามีความละอายมากขึ้นนั้นน่าจะมีอีก 2 อย่าง ยาเสพติด และการฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งสองอย่างนี้มีความร้ายแรงและทำลายเศรษฐกิจและสังคมมากกว่าสองอย่างแรกเสียอีก ปัญหายาเสพติดคงไม่ต้องบรรยายมาก เพราะก็รู้ๆ อยู่ว่าเป็นธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาลขนาดไหน การขจัดให้สิ้นซากดูเหมือนจะเป็นความฝันเสียมากกว่า แม้ว่าในหลายปีที่ผ่านมาจะมีการฆ่าตัดตอนไปจำนวนมากก็ตาม เมื่อยาเสพติดเหล่านี้ผลิตตามชายแดนไทยหรือผลิตในประเทศเพื่อนบ้านแล้วมาขายในประเทศไทย การปราบปรามอย่างได้ผลดีจำเป็นต้องมีรัฐที่ซื่อสัตย์สุจริตและเข้มแข็งเป็นสำคัญ การฉ้อราษฎร์บังหลวงน่าจะมีความรุนแรงไม่ยิ่งหย่อนกว่ายาเสพติด ในแง่ที่ว่าเป็นการสร้างโรคร้ายในระบบสังคมและการเมืองในประเทศไทย ที่น่าเศร้าก็คือนักการเมืองไทยใฝ่ฝันอยากเป็นเพียงรัฐมนตรี โดยไม่สนใจใยดีตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีตำแหน่งอื่นๆ เทียบได้กับตำแหน่งรัฐมนตรี ในขณะที่รัฐสภามิได้มีไว้ตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ของพลเมืองอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เป็นเวทีต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองกับนักธุรกิจการเมืองเท่านั้น เราจึงไม่แปลกใจว่า ประสิทธิภาพการตรากฎหมายในรัฐสภานั้นต่ำอย่างน่าตกใจ จำนวนกฎหมายที่รอการพิจารณาและอนุมัติมีเป็นจำนวนร้อยๆ ซึ่งชาวบ้านทั่วไปก็ไม่อาจทราบได้ แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนมากใช้เวลาเป็นอันมากในการเยี่ยมเยียนหัวคะแนนและฐานเสียงในจังหวัดตนเอง มิใช้เพื่อเหตุผลอื่นใดนอกจากเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันแนบแน่นทางอำนาจของการเมือง ณ ระดับท้องถิ่น การเป็นรัฐมนตรีจึงหมายถึงเกียรติ อำนาจ และเงินทอง เพราะด้วยตำแหน่งนี้เท่านั้นที่มีอำนาจที่ถูกกฎหมายในการสร้างนโยบายที่จะนำไปสู่การแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ

กระบวนการแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ศตวรรษ 1980 มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกระบวนการของโลกาภิวัตน์ แต่ความสามารถของรัฐไทยในการสร้างกติกาและรักษากติกาให้เข้มแข็งนั้นกลับมีความอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง เราสามารถหยิบยกแทบจะทุกเรื่องที่รัฐไทยพยายามจะแก้ไข ไม่ว่ากรณีการทุจริตในการแจกกล้ายางพารา กรณีบ่อบำบัดน้ำเสียที่สมุทรปราการ การทุจริตในโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการการจัดซื้อเครื่อง CTX ในสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการการทุจริตในการประกันราคาข้าว การปล่อยกู้เงินของธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกให้พม่า ฯลฯ สิ่งที่เกิดขึ้น เราสามารถกล่าวได้ว่า รัฐไทยมิได้พยายามเปลี่ยนแปลงหรือปรับโครงสร้างขั้นรากฐาน แม้ว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเงินมาแล้ว และวิกฤตการณ์นี้ยังไม่ได้หมดสิ้นไปเสียทีเดียว เพียงแต่การลงโทษผู้ทำผิดและทำความเสียหายต่อระบบสถาบันการเงินทั้งหมดก็ยังมิได้มีการทำอย่างจริงจัง บุคคลเหล่านั้นยังร่ำรวยและมีชีวิตที่สุขสบาย ความจริงเหล่านี้ไม่ยากที่จะสังเกต ท้องถนนบนกรุงเทพฯ ยังต้องเต็มไปด้วยรถราคาแพงลิบลิ่ว แม้ว่าราคาน้ำมันจะแพงเพียงใดก็ตามซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าคนเหล่านั้นเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันที่ถูกกระทบจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ

เกือบจะพูดได้ว่า รัฐไทยมีความอ่อนแออย่างยิ่งในการสร้างโครงสร้างทางสถาบันที่ดีในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้มีคุณธรรมและระบบที่ดีในการบูรณะเศรษฐกิจและสังคมให้ดีอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าเราจะดีใจเมื่อหลายปีก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถมีการบังคับใช้ และอย่างน้อยมีแสงสว่างรำไรในหมู่นักวิชาการและผู้สนใจปัญหาบ้านเมืองว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 จะเป็นการสร้างกติกาของเกมที่จะสร้างนวัตกรรมของการเมืองการปกครองของไทย แต่รัฐธรรมนูญที่ถูกกล่าวอ้างว่าดีที่สุดเท่าที่มีมาก็มีอายุสั้นเพียง 10 ปีเท่านั้น แต่นี่คงเป็นความฝันที่ยังไกลความเป็นจริง เพราะส่วนสำคัญที่ขัดขวางมิให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีพลังอย่างที่ควรจะเป็นก็คือ การสร้างสถาบันใหม่อื่นๆ ในการรองรับรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ยังไม่ได้สถาปนาขึ้นอย่างจริงจัง ก็มาถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีในเดือนกันยายน 2549 กล่าวให้เจาะจงก็คือ การปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าสังคมไทยจะเริ่มต้นแก้ไขปัญหาที่ร้ายแรงที่ฝังรากลึกในสังคมไทย แต่ดูเหมือนว่า การปฏิรูปใดๆ ที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงกติกาที่ดีในอนาคตยังมิได้เกิดขึ้นเลยหลังจากวิกฤตการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ยังถอยหลังกลับไปหลายก้าวเลยทีเดียว

สิ่งที่น่ากลัวก็คือรัฐไทยไม่พยายามปฏิรูปตัวเองให้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง คำถามพื้นฐานก็คือปัจจัยอะไรที่จะทำให้รัฐไทยเริ่มต้นปรับโครงสร้างพื้นฐานของสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม? ภายใต้โครงสร้างระบบการเมืองปัจจุบันที่เรามีรัฐบาลรักษาการ เราอาจกล่าวได้ว่า อัปลักษณ์ของไทยยังคงอยู่กับเราอีกนานแสนนาน เซ็กซ์กับสนามกอล์ฟไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่ฝรั่งจะนำมาวิจารณ์เมืองไทย ความเหลวแหลกของระบบคุณธรรมในสังคมไทยกำลังสร้างตัวเองอย่างรวดเร็วและถ้าไม่มีการสกัดกั้นหรือเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี ระบบที่ไร้คุณธรรมในไม่ช้าก็จะค่อยๆ กลายเป็นปทัสฐานและเมื่อถึงจุดนั้นก็ยากที่จะแก้ไขให้ดีดังเดิม

การเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันที่ 23 ธันวาคม จะเป็นอย่างไร คงยังไม่อาจคาดได้ในขณะนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่ก็คือ เราน่าจะได้รัฐบาลผสมหลายพรรคอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเกิดปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลแบบผสมตามมา เหมือนเมื่อเคยเกิดมาแล้วในอดีต พรรคการเมืองเกือบทุกพรรคขณะนี้ต่างหาเสียงโดยเน้นการเสนอนโยบายแบบประชานิยมที่ต้องการเอาใจประชาชนทั้วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร การเล่าเรียนฟรี เงินกองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น นโยบายของพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะนี้คือพรรคพลังประชาชนจะเอาชนะใจคนไทยได้เพียงใด วันที่ 23 ธ้นวาคม ก็คงทราบกันแน่ๆ แต่สิ่งที่ผู้เขียนสนใจก็คือ ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของไทยในปัจจุบันนี้ที่เผชิญและจะเผชิญในอนาคตก็คือ ในปี 2549 เรายังมีคนจนถึง 6 ล้านคน ในจำนวน 65 ล้านคน แต่ที่ร้ายแรงมากกว่าก็คือ สังคมไทยกลับมามีความเหลื่อมล้ำกันมากยิ่งขึ้นระหว่างคนในประเทศ กลุ่มคนที่รวยที่สุดเทียบกับกลุ่มคนที่จนที่สุดนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 16 เท่า ในปี 2549 ( ตามมาตรฐานสากลมักให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่รวยที่สุดกับคนที่จนที่สุดมีไม่เกิน 4 เท่า เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น) ซึ่งมีการลดลงเป็น 12 เท่า ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่เมื่อรัฐบาลหมดอำนาจไป ความเหลี่อมล้ำนี้กลับกระโดดขึ้นมาสูงกว่าถึงเฉลี่ยเดิม ซึ่งอยู่ที่ 13 เท่า แสดงว่านโยบายประชานิยมอาจมีผลลดความเหลื่อมล้ำลงได้ แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อรัฐบาลเลิกอัดฉีดเงินเข้าไป ความเหลื่อมล้ำก็กลับสูงขึ้นมาใหม่

น่าเสียดายที่พรรคการเมืองส่วนมากในขณะนี้มิได้ใส่ใจเรื่องความเหลื่อมล้ำนี้เท่าที่ควร ในกรณีของไทยนั้น เราอยู่ในภาวะที่แย่มากๆ ในมาตรฐานของโลกคือมีความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ใกล้เคียงกับอาร์เจนตินาหรือโคลัมเบีย ซึ่งทั้งสองประเทศล้วนมีการกระจายรายได้ที่เลวร้ายในระดับโลก

ยังไม่มีพรรคการเมืองใดที่หาเสียงที่จะลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะนี่จะเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่จะหาเสียงจากคนยากคนจนในประเทศนี้ คำถามที่น่าสนใจก็คือ ถ้าพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกจะแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำนี้ รัฐบาลนั้นจะเลือกใช้นโยบายแบบใด ระหว่างเสรีนิยม ประชานิยม และรัฐสวัสดิการ หลังวันที่ 23 ธันวาคมนี้ เราคงได้รู้คำตอบอย่างไม่ต้องสงสัย
 
 
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 18:04



ชี้ปี 2550 คอร์รัปชั่นยังเพิ่ม 'ไทย'กระทบพรรคการเมืองหนักสุด   http://www.matichon.co.th/prachachat/news_title.php?id=684
| วันที่ 07 ธันวาคม 2550 - เวลา 16:05:25 น.  
 
 
 
หน่วยงานตรวจสอบความโปร่งใสทั่วโลกแฉ ผู้คนทั่วโลกเผยพฤติกรรมคอร์รัปชั่น ประจำปี 2550 ยังคงเพิ่มขึ้น โดยแอฟริกาครองแชมป์ ขณะที่เมืองไทยพบ 'คอร์รัปชั่น'กระทบพรรคการเมืองมากที่สุด ตามด้วยหน่วยงานตำรวจและธุรกิจเอกชน


สำนักข่าวเอพีรายงานดัชนีตรวจสอบการคอร์รัปชั่นทั่วโลกประจำปี 2550 ของหน่วยงานตรวจสอบความโปร่งใสทั่วโลก กระทำต่อกลุ่มผู้สำรวจกว่า 63,000 คน จาก 60 ประเทศทั่วโลก ระบุว่าผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าพฤติกรรมคอรับชั่นยังคงเพิ่มขึ้น โดยการเมืองถือเป็นหน่วยงานที่มีพฤติกรรมคอรับชั่นมากที่สุด ตามด้วยรัฐสภา และหน่วยงานตำรวจ ขณะที่ภูมิภาคที่เป็นแชมป์การคอร์รัปชั่นได้แก่ แอฟริกาใต้ 42% อันดับสอง เอเชีย-แปซิฟิก 22% อันดับสาม มอลโดว่า และยูเครน 21% อันดับสี่ ลาตินอเมริกา 13% ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ 5% และอเมริกาเหนือ 2 %

ขณะที่แคเมอรูนกลายเป็นประเทศที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชั่นมาก หรือ 79% อันดับสองคือ กัมพูชา 72% อันดับสาม โคโซโว 67% อันดับสี่ มาเซโดเนีย และปากีสถาน 44%

ส่วนการตรวจสอบดัชนีจากรายงานดังกล่าวในส่วนของเมืองไทย ระบุว่า การคอร์รับชั่นจะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองมากที่สุดคือ 4.2 % รองลงมาคือตำรวจ 4.0 % ตามด้วยธุรกิจเอกชน 3.3 % สำนักงานภาษี 3.1%และกองทัพ 3.0% ตามด้วยหน่วยงานด้านกฎหมาย และหน่วยงานด้านการศึกษา 2.9 % ขณะเดียวกัน 66 % เชื่อว่า ไทยจะมีพฤติกรรมคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้น ส่วน 25% เชื่อว่าลดลง และ 9% เห็นว่าอยู่ในระดับเท่าเดิม

รายงานระบุด้วยว่า ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่า หน่วยงานตำรวจ เป็นหน่วยงานที่มีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด ตามด้วยหน่วยงานด้านกฎหมาย และสำนักงานลงทะเบียน หน่วยงานด้านการศึกษา และบริการด้านสาธารณสุข

ด้านนายฮูเก็ตเต้ ลาเบลล์ ประธานหน่วยงานตรวจสอบความโปร่งใสทั่วโลกกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าวิตกและเป็นเรื่องอันตรายต่อชีวิต หากประชาชนต้องถูกขอให้จ่ายเงินสินบนต่อบริการที่จำเป็นต่อชีวิต
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-12-2007, 12:01





(http://news.mcot.net/politic/images/head_politic.gif) (http://news.mcot.net/politic/index.php)


(http://news.mcot.net/politic/images/head_politic01.gif) (http://news.mcot.net/politic/politic01.php)


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-12-2007, 16:22



เอแบคโพลเชื่อ "กลุ่มพลังเงียบ" เป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง

http://www.manager.co.th/Lite/ViewNews.aspx?NewsID=9500000146037
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2550 14:26 น.
 
 
       ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนใจเลือกพรรคการเมืองของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และการเปลี่ยนแปลงในผลแพ้ชนะของการเลือกตั้ง 2550 พบว่า ไม่ว่าประชาชนตั้งใจจะเลือกพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นเดียวกันคือ ต้องการเห็นเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง โดยเมื่อจำแนกตามพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือกนั้น โดยผู้ที่ตั้งใจจะเลือกพรรคพลังประชาชนมีอยู่ร้อยละ 93.6 ตั้งใจจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ มีอยู่ร้อยละ 90.6 และตั้งใจจะเลือกพรรคอื่นๆ มีอยู่ร้อยละ 88.5
        นอกจากนี้ สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นหลังการเลือกตั้งที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ความรักความสามัคคีของคนในชาติ ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง ก็คือ ผลวิเคราะห์พรรคการเมืองที่ประชาชนตั้งใจจะเลือกจำแนกตามจุดยืนทางการเมือง ที่พบว่า ร้อยละ 59.0ของกลุ่มผู้ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ จะเลือกพรรคพลังประชาชนในขณะที่ประมาณ 1 ใน 3 ของกลุ่มนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ สำหรับในกลุ่มผู้ที่ไม่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ร้อยละ 61.4 ตั้งใจจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 25.9 ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดที่น่าสนใจคือการตัดสินใจของคนในกลุ่มที่เรียกตนเองว่าพลังเงียบ ที่พบว่า ประมาณ 2 ใน 3 คือร้อยละ 61.3 ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด ในขณะที่ร้อยละ 18.1 จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 13.2 จะเลือกพรรคพลังประชาชน โดยมีเพียงร้อยละ7.4 ที่ตั้งใจจะเลือกพรรคอื่นๆ
        ดร.นพดล กล่าอวีกว่า ถ้ากลุ่มพลังเงียบออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปจากการทำนายของโพลและการคาดเดาของกลุ่มต่างๆ ได้ ดังนั้น การชี้ขาดผลการเลือกตั้ง 2550 จึงน่าจะอยู่ที่กลุ่มพลังเงียบที่สำรวจพบว่าเป็นประชาชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในขณะนี้
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-12-2007, 17:20



เดี๋ยวมารอดูกัน กกต. จะแจกใบแดงหรือไม่..

คาดว่าคงไม่วิ่งเต้น ยกเว้นมีคนชงเบาะแสประเคน


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-12-2007, 13:40


หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาวีซีดี

http://news.mcot.net/politic/inside.php?value=bmlkPTIzNTgmbnR5cGU9Y2xpcA==


ภูมิภาค 11 ธ.ค.- หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาวีซีดีเพราะเป็นเรื่องของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และจะเพิ่มความระมัดระวังในการหาเสียงมากขึ้นเพราะมีแต่คนจ้องจับผิด

ในการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงที่จังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้ หัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้ไปเยี่ยมและดื่มกาแฟที่อำเภอสันกำแพง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการตอบรับจากพ่อค้า แม่ค้าและประชาชนเป็นอย่างดี

ทางด้านนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงเจตนารมณ์เสนอตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า ยังไม่มีพรรคใดติดต่อเข้ามาและไม่เชื่อว่าจะเป็นการสร้างศัตรูทางการเมือง นอกจากนี้ยังรียกร้องให้ กกต.พิจารณาปัญหาวีซีดีด้วยความเป็นธรรม เพื่อไม่ให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมือง

ขณะที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่าการเผยแพร่วีซีดีของอดีตนายกรัฐมนตรีมีผลกระทบต่อการเลือกตั้ง และพร้อมให้พรรคการเมืองเข้าไปหาเสียงในพื้นที่ทหารอย่างเท่าเทียมกัน

พันตำรวจเอกโชติ ชวาลวิวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้จัดคณะครูเพื่อฝึกอบอรมตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว หรือ หน่วยจู่โจมพิเศษในทุกโรงพักเพื่อให้เกิดทักษะในการต่อสู้ระยะประชิดตัว กรณีถูกคนร้ายซุ่มโจมตีขณะดูแลหน่วยเลือกตั้ง - สำนักข่าวไทย

 


อัพเดตเมื่อ 2007-12-11 12:08:23


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-12-2007, 14:37



อำนาจแท้จริงของพรรคพลังประชาชน

น่าจะอยู่กับเลขาธิการพรรค และผู้สนับสนุนที่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามหัวล่อต่างๆ ก็ใช่ว่าจะไร้พิษสง

สามารถดึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมได้


จุดตายอยู่ที่ ต้องไม่นิรโทษกรรมเท่านั้นเอง ต้องไม่ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-12-2007, 15:08



ดูแล้วพรรคการเมืองต่างๆ คงหมดมุขใหม่ที่จะใช้หาเสียงกันแล้ว

ดังนั้นเรื่องนองเลือด ไม่ต้องพูดถึง เป็นเกมต่อรองอำนาจหลังเลือกตั้งมากกว่า

ทางเลือกที่สามควรจับมือกันให้แน่น เพือบ้านเมือง..

หวังว่าการเมืองแบบไหลตามน้ำจะต้องมีอุดมการณ์ ไม่อย่างนั้น แกนนำจะสูญเสียอำนาจนำ

ปลาไหลระวังให้ดี ต้องแก้ภาพลักษณ์ เพื่อผลระยะยาวต่อการเมืองไทย..

คือปลาไหลก็สูญพันธุ์ได้เหมือนกัน..


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-12-2007, 20:09



สส.พรรคต่างๆหลังเลือกตั้ง ฟุตเวิร์คกันดีๆครับ

จะสนับสนุนใครมาเป็นรัฐมนตรี ดูกันให้ดี ว่าไม่สร้างปัญหาให้พรรคและสมาชิก


มันทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่จำเป็น..การทำงานไม่ต่อเนื่อง

ใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมายเท่านั้น  ไม่เป็นเหตุให้รัฐบาลทำงานไม่ได้หรอกครับ

ยิ่งรัฐบาลแห่งชาติ ยิ่งไม่มีปัญหา งานไม่มีสะดุด..เพราะเรืองระดับบุคคลหรือระดับพรรคการเมือง..


ฟันธง....


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-12-2007, 16:54



บางพวกอยากย้อนยุค ก่อนยุคศรีธนญชัย คดในข้องอในกระดูก

น่าจะเป็นยุคล่าสัตว์ ต่อมาก็มายุคดวลกันแบบเท็กซัส

สักเดี๋ยวตัวแสบๆก็เหลือน้อย กฎหมายก็สามารถเข้าไปจัดการได้ในที่สุด


ประชาธิปไตยในมุมมองนี้จึงเป็นเรื่องของความชอบธรรม ที่มีผลที่พิสูจน์ได้ มีสมดุลย์และเสถียรภาพ

หาใช่กฎหมู๋และความบ้าอำนาจกระหายสงครามของผู้ใด หรือกลุ่มชนใด

การประท้วงในสังคมประชาธิปไตยเน้นความถูกต้อง ไม่ได้เน้นความขัดแย้งเป็นหลัก

การประท้วงเหล่านั้นจึงแสดงออกได้ สังคมสามารถรับรู้ปัญหาได้โดยไม่ทำความวุ่นวายให้สังคม








หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-12-2007, 19:09


ป่านนี้นักการเมืองพรรคต่างๆ คงได้สำนึกกันบ้างแล้วว่า

การปกปิดความผิดไม่ง่ายเหมือนก่อน..

พรบ.นิรโทษกรรม ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผลักดัน แม้ได้เสียงสส.มากพอสมควร..


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 15-12-2007, 19:20

 :slime_cool:

ช่วงนี้สรุปว่า ใครๆยังไม่รู้ว่าคนแก่ถอยเข้าที่ตั้งเป็นกลางไปแล้ว

ก็ต้องรอดูผลการเจรจาในทางลับระหว่าสส.แต่ละงพรรค ว่าใครจะจับมือกันหนักแน่นเพียงไร

สส.ทุกคนอยากทำงานเป็นรัฐบาล อยู่ที่ว่าจะเป็นที่ยอมรับของสังคมในทุกระดับเพียงใด

ส่วนเงินของระบอบทักษิณได้เสื่อมมนต์ไปมากแล้ว เพราะเป็นเงินร้อนไม่มีอะไรต้องวิตกในช่วงสั้น

ระยะยาวขึ้นอยู่กับกระบวนการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงทางสังคม..ให้หลุดพ้นจากสังคมที่เอาเปรียบกันเองของคนไทยครับ..




หัวข้อ: นโยบายพรรคการเมือง เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-12-2007, 02:02


 :slime_fighto: :slime_cool:

นโยบายพรรคการเมือง เลือกตั้ง50 ********Q********

นโยบายพรรคการเมือง  http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000149542
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2550 17:16 น.
 
 
       นโยบายพรรคชาติไทย
       
       ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่
       - เริ่มการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สายในกรุงเทพและปริมณฑลาภยใน 3 เดือน
       - สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อกรุงเทพ ลพบุรี อยุธยา หัวหิน
       - สร้างรถไฟฟึความเร็วสูงจากกรุงเทพไปเชียงใหม่และหาดใหญ่
       
       ด้านเศรษฐกิจ
       - แก้ไขปัญหาหนี้สินและที่ทำกินของเกษตรกร
       - ตั้งกองทุนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแก่เกษตรกร
       - จัดตั้งธนาคารที่ดินเพื่อการเกษตร
       - ผลักดันนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือน
       - ไม่แปรรูปรัฐวิสาหกิจ
       
       ด้านสังคม สาธารณสุข และการศึกษา
       - ปฏิรูประบบการศึกษษ
       - ผลักดันเสรีภาพสื่อสารมวลชน
       - ให้เงินทุนแก่ทุก อบต. แห่งละ 5 แสนบาท เพื่อสนับสนุนทางการศึกษา
       - เพิ่มเงินเลี้ยงชีพผู้สูงอายุจาก 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็น 500 บาท
       - อุดหนุนเงินช่วยเหลือคนพิการอย่างน้อย 500 บาทต่อคนต่อเดือน
       
       นโยบายพรรคเพื่อแผ่นดิน
       
       ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่
       - สร้างรถไฟฟ้ารางคู่และรถไฟฟ้าด่วนทั่วประเทศ
       - ขยายและเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพให้เพียงพอ
       - พัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางน้ำ
       
       ด้านเศรษฐกิจ
       - ตั้งกองทุนร่วมทุนเอสเอ็มอี 10,000 ล้านบาท
       - ยกระดับกองทุนหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านละ 3-5 ล้านบาท
       - พัฒนาระบบประกันราคาสินค้า
       - ผลักดันประเทศไทยให้เป็นคลังอาหารโลก
       - ยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศ
       - พัฒนาระบบชลประทานให้เพียงพอต่อการเกษตรและป้องกันน้ำท่วม
       
       ด้านสังคม สาธารณสุข และการศึกษา
       - งบประมาณสุขภาพทั่วหน้า หัวละ 2,300 บาท
       - สร้างความสมานฉันท์ในสังคม
       - แก้ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
       - แก้ปัญหาคอรัปชัน
       - พัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานเท่าเทียมกันทั้งประเทศ
       
       นโยบายพรรคมัชฉิมาธิปไตย
       
       ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่
       - ออกพันธบัตร 6 แสนล้าน อายุ 40 ปี ขายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเงินมาสร้างโครงการรถไฟฟ้าและโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่
       - สร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ภายใน 4 ปี เก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสายเป็นเวลา 10 ปี
       - ขุดลอกแม่น้ำลำคลอง ขยายเขื่อนกั้นน้ำ ให้เรือบรรทุกขนาดบรรทุก 2,000 ตัน ขนถ่ายสินค้าระหว่างเกาะสีขัง สระบุรี และนครสวรรค์
       - ศึกษาขั้นสุดท้ายโครงการขุดคลองคอดกระ
       
       ด้านเศรษฐกิจ
       - แก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ผู้ใช้แรงงาน ครู ตำรวจ ทหาร
       - อุดหนุนการส่งออก ปกป้องสินค้าที่ผลิตในประเทศ
       - เปิดเสรีการตั้งธนาคารพาณิชย์
       - ไม่ขายรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคและความมั่นคง
       - ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเป็นสูงสุดไม่เกิน 20 %
       - พัฒนากองทุนหมู่บ้าน ยกระดับให้เป็นธนาคารหมู่บ้าน
       - สนับสนุนโครงการ SML โดยการอุดหนุนเงินให้หมู่บ้านขนาดเล็กแห่งละ 300,000 บาท หมู่บ้านขนาดกลางแห่งละ 400,000 บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่แห่งละ 500,000 บาท
       
       ด้านสังคม สาธารณสุข และการศึกษา
       - ขยายขอบเขตการรักษาพยาบาลฟรีให้ครอบคลุมโรคต่างๆ มากขึ้น
       - เรียนฟรีจนถึงปริญญาตรีในสถาบันรัฐ
       - ไม่นำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ
       - ประกันรายได้และเงินสงเคราะห์การดำรงชีพ 1500 บาทต่อเดือน
       
       นโยบายพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
       
       ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่
       ยังไม่เปิดนโยบายด้านนี้
       
       ด้านเศรษฐกิจ
       - ผลักดันจีดีพีโตปีละ 5% ต่อเนื่อง 5 ปี เงินเฟ้อไม่เกินปีละ 3%
       - ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มการลดหย่อนภาษี และขยายฐานเงินได้สุทธิที่ได้รับการยกเว้นภาษีเป็น 240,000 – 280,000 บาท
       - ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกิจการเอสเอ็มอีใน 5 ปีแรกของการดำเนินกิจการ
       - เพื่อเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านเป็น 2 ล้านบาทต่อแห่ง
       - แก้ปัญหาหนี้สินครู
       - พักหนี้เกษตรกร ประกันราคาข้าว
       - ขยายโครงการเอสเอ็มแอลและธนาคารหมู่บ้าน
       
       ด้านสังคม สาธารณสุข และการศึกษา
       - อุดหนุนการศึกษาโดยออก “เบบี้ บอนด์” เป็นทุนสะสมสำหรับการศึกษา
       - หนึ่งตำบลหนึ่งนักเรียนทุน เรียนฟรีจนจบปริญญาเอก
       - บำนาญประชาชนผู้สูงอายุ คนละ 2,000 บาทต่อเดือน
       
       นโยบายพรรคพลังประชาชน
       
       ด้านสังคม สาธารณสุข และการศึกษา
       - ตั้งงบประมาณ 105 ล้านล้านบาท สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทาน ที่อยู่อาศัย และระบบขนส่งมวลชน
       - สร้างรถไฟฟ้า 10 สายครอบคลุมกรุงเทพและปริมณฑล ความยาว 361 กม เสร็จสมบูรณ์ภายใน 6 ปี ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย
       - ขยายรางรถไฟเป็นขนาดกว้าง 1.435 เมตรเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
       - สร้างถนนรอบกรุงเทพเพิ่มอีก 5 สาย เป็นเครือข่ายใยแมงมุม
       - ลดค่าโดยสารรถประจำทาง และลดค่าทางด่วน
       
       ด้านเศรษฐกิจ
       - สานต่อนโยบายเศรษฐกิจของพรรคไทยรักไทย
       - ตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับสวัสดิการของอาสาสมัครป้องกันหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน และกำนั้นให้เท่าเทียมกับสวัสดิการข้าราชการ
       - พักหนี้เกษตรกร
       - พัฒนากองทุนหมู่บ้าน
       - ส่งเสริมโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ขั้นที่ 2
       - แจกวัวหนึ่งล้านตัวให้แก่เกษตรกรหนึ่งแสนครอบครัว
       - ตั้งธนาคารประชาชน
       
       ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่
       - สานต่อนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค
       - สานต่อหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน
       - มุ่งปราบปรามยาเสพติดควบคู่ไปกับการรักษาด้านธรรมาภิบาล
       - เร่งปฎิรูประบบราชการอย่างต่อเนื่อง
       - เร่งออกกฎหมายผลประโยชน์ขัดกันของข้าราชการระดับสูงและนักการเมือง
       - ขยายแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-12-2007, 02:03




(http://news.mcot.net/politic/images/head_politic.gif) (http://news.mcot.net/politic/index.php)


(http://news.mcot.net/politic/images/head_politic01.gif) (http://news.mcot.net/politic/politic01.php)


ฟันธง ตามเดิมครับ พลังประชาชน บวก ปชป. แค่ปริ่มๆ สามร้อยเสียง.. :slime_smile:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-12-2007, 18:06



ฟันธง ตามเดิมครับ พลังประชาชน บวก ปชป. แค่ปริ่มๆ สามร้อยเสียง.. :slime_smile:

ยอมรับว่าทำนายผลรวมของทั้งสองพรรคใหญ่ผิดในเบื้องต้นครับ..

รอดูต่อไปว่าคะแนนจะใกล้เคียงกันหรือไม่?  :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-12-2007, 21:06




จำนวน ส.ส.สัดส่วน ทั่วประเทศ

พลังประชาชน  10,870,095  คะแนน   35  ที่นั่ง

ประชาธิปัตย์  10,786,366  คะแนน   32  ที่นั่ง




หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-12-2007, 22:21



จำนวน ส.ส.สัดส่วน ทั่วประเทศ

พลังประชาชน  12,626,248  คะแนน   35  ที่นั่ง

ประชาธิปัตย์  11,880,295 คะแนน   33  ที่นั่ง


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-12-2007, 22:50




(http://www.ect.go.th/thai/images/head.jpg) (http://www.ect.go.th/thai/report.html)



หัวข้อ: พปช.เผย 3 ภารกิจเร่งด่วน ยันไม่มีนโยบายนิรโทษฯ ซาก ทรท.-ยุบ คตส.
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 17:44


พปช.เผย 3 ภารกิจเร่งด่วน ยันไม่มีนโยบายนิรโทษฯ ซาก ทรท.-ยุบ คตส.  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2550 17:29 น.
 
 
       นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่าจากนี้ไปรัฐบาลโดยการนำของพรรคพลังประชาชนจะเชิญพรรคการเมืองที่เข้าร่วมด้วยมาหารือถึงภารกิจเร่งด่วน 3 ประการ คือ สร้างความปรองดองในชาติ นำความเชื่อมั่นของคนในชาติกลับคืนมา และวางแผนพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยจะออกโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ และพร้อมยกเลิกมาตรการสำรองเงิน 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ค่าเงินกลับสู่ภาวะปกติ โดยจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกระตุ้นการท่องเที่ยวปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือน และปรับรายได้ขั้นต่ำให้กับข้าราชการ แต่ยังไม่มีนโยบายขอนิรโทษกรรมให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน หรือ ยุบ คตส.เพราะต้องให้เป็นไปตามวาระ และถือเป็นเรื่องของรัฐสภาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของพรรค
 
 


หัวข้อ: กกต.เลื่อนแถลงผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเช้าพรุ่งน เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 17:45

กกต.เลื่อนแถลงผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเช้าพรุ่งนี้  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2550 17:24 น.
 
 
       นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคระกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำงานอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่สามารถรายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการได้ในวันนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องตัวเลขการายงานผลการเลือกตั้งที่ กกต.พิมพ์ฐานข้อมูลการเลือกตั้งของสำนักงานตำรวจแห่างชาติผิดพลาด แต่เชื่อว่าในส่วนของผลการเลือกตั้งที่ประกาศไปแล้ว น่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริง
        อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เจ้าหน้าที่ กกต.ได้นัดแถลงผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้

 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 17:50


1.ผมไม่ต้องการเห็นการนิรโทษกรรม.ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้นสำหรับนักการเมืองในห้าปีข้างหน้านี้

2.ผมไม่ต้องการสมัคร เฉลิม เนวิน วิระ ยงยุทธ จักรภพ  พวกนปก. ฯลฯ

3.ผมต้องการให้ทักษิณกลับมาสู้คดี

4.ผมต้องการให้มีการกวาดล้างคอร์รัปชัน และผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างจริงจัง..

5.ผมไม่ต้องการให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หรือแทรกแซงองค์กรอิสระในทุกด้าน

 :slime_fighto: :slime_cool:

ทำได้ตามนี้ ก็ขอสนับสนุนพลังประชาชนครับ

ผมมั่นใจว่าพลังประชาชนจะชนะในระยะยยาวแน่นอน

แต่ขอสงวนเหตุผลเอาไว้ เพื่อให้สส.พลังประชาชนได้พิสูจน์ตนเองครับ. เอาแค่ระยะ3-10ปีข้างหน้า.


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 17:57

http://forum.serithai.net/index.php?topic=19962.msg245239#msg245239


ถ้าหากทำได้ตามนี้ เลือกตั้งเที่ยวหน้า พปช.ชนะขาดครับ

อวสาน พวกแมลงสาบ ทำงานด้วยปากอย่างเดียว รออยุ่เห็นๆ :slime_fighto: :slime_v:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 18:24


เที่ยวนี้ ถ้าพปช.คุมเกมติดดีที่สุด อย่าให้การเลือกตั้งเสียเปล่า..

ดึงการเมืองเข้าสภา..


ดังนั้นฟันธงว่า......


ตามมารยาทไม่ควรฟันธง... :slime_doubt: :slime_cool: :slime_smile:



หัวข้อ: เลขาฯ พปช.เตรียมสอบ "จักรภพ" ใช้เวทีพรรคพาดพิง "ป๋ เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 21:14


เลขาฯ พปช.เตรียมสอบ "จักรภพ" ใช้เวทีพรรคพาดพิง "ป๋าเปรม"  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2550 18:40 น.
 
 
       นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เตรียมสอบสวนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข คณะทำงานด้านต่างประเทศ ใช้เวทีในการแถลงข่าวของพรรค อ้างว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เรียก 2 หัวหน้าพรรคการเมือง คือ พรรคชาติไทย กับพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าพบเมื่อช่วงค่ำวานนี้ เพราะโดยปกติแล้วการแถลงข่าวของสมาชิกพรรคแต่ละพรรค จะต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากพรรคก่อน ขณะที่เลี่ยงให้ความชัดเจนว่าข้อมูลในการเปิดเผยของนายจักรภพ เป็นข้อมูลเท็จหรือไม่
        นอกจากนี้ เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผลการเลือกตั้งในเขต กทม. มีการโกงกันเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ตนเชื่อมั่นในความเป็นธรรมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการแจกใบเหลืองและใบแดง อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลจริง การนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสภา เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และยืนยันไม่ยกเลิก คตส. โดยจะให้ทำหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ

 
 


หัวข้อ: กกต.เลื่อนประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ วันพรุ่งนี้ (25 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 21:17

กกต.เลื่อนแถลงผลอย่างเป็นทางการเป็นวันพรุ่งนี้  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2550 20:12 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 
"อภิชาต สุขัคคานนท์"ประธานกกต. 

 
 
 
  กกต.เลื่อนประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ วันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) ขณะที่ “อภิชาต” ระบุ ขาดอีก 12 จังหวัด เอกสารยังไม่มา เผยดีใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้สุจริต เที่ยงธรรม แม้ อียู ยังยอมรับ
       
       สำหรับความคืบหน้าในการรายงานผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เมื่อเวลา 11.00 น.นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงภาพรวมการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ว่า เบื้องต้นมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 45,658,170 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 32,086,573 คน คิดเป็นร้อยละ 70.27 โดยการใช้สิทธิเลือกตั้งแบบสัดส่วน มีบัตรดีจำนวน 29,437,303 ใบ คิดเป็นร้อยละ 91.74 บัตรเสียจำนวน 1,772,173 ใบ คิดเป็นร้อยละ 5.25 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 876,748 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.73 สำหรับการใช้สิทธิเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มีบัตรดี 29,891,682 ใบ คิดเป็นร้อยละ 93.16 บัตรเสีย 804,468 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.51 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,390,074 ใบ คิดเป็นร้อยละ 4.33
       
       ทั้งนี้ พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง และมี ส.ส.ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน ได้ ส.ส.เขต 198 คน ส.ส.สัดส่วน 34 คน รวมได้ ส.ส.232 คน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.เขต 132 คน สัดส่วน 33 รวมได้ ส.ส.165 คน พรรคชาติไทย ได้ ส.ส.เขต 33 คน สัดส่วน 4 คน รวมได้ส.ส.37 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ ส.ส.เขต 18 คน สัดส่วน 7 คน รวมได้ ส.ส.25 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ได้ ส.ส.เขต 8 คน สัดส่วน 1 คน รวมได้ ส.ส. 9 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ ส.ส.เขต 7 คน สัดส่วนไม่ได้รับการเลือกตั้ง รวมได้ ส.ส.7 คน พรรคประชาราช ได้ ส.ส.เขต 4 คน สัดส่วน 1 คน รวมได้ ส.ส.5 คน
       
       อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเวลา 19.00 น.การนำเอกสารการรายงานผลคะแนนการเลือกตั้งมาส่งยัง กกต.ของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ยังคงขาดผลคะแนนการเลือกตั้งใน 12 จังหวัด คือ กทม. กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร นครปฐม สมุทรปราการ ลำปาง ร้อยเอ็ด พิษณุโลก สุรินทร์ อุดรธานี อุตรดิตถ์ และ อุบลราชธานี
       
       ขณะที่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ได้แถลงปิดศูนย์รายงานผลการเลือกตั้ง เมื่อเวลา 19.00 น.โดยขอเลื่อนการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการมาเป็นในวันที่ 25 ธ.ค.โดยให้เหตุผลว่าเดิมคาดว่าภายใน 12.00 น.ของวันที่ 24 ธ.ค.ทาง กกต.จะได้รับเอกสารการรายงานผลจาก ผอ.กต.จังหวัดทั้งหมด และ กกต.น่าจะพิจารณามีมติได้ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน แต่ก็มีเหตุขัดข้อง เมื่อตรวจเช็กไปจนถึงขณะนี้ยังมี 12 จังหวัด ที่ยังไม่นำรายงานผลการเลือกตั้งมาส่งที่ กกต.
       
       นายอภิชาต กล่าวว่า อย่างเช่น ในส่วนของ กทม.ที่ปรากฏเป็นข่าว ว่า มีสำนักงานอยู่ใกล้กับกกต.ก็ยังรายงานผลล่าช้านั้น ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า การรายงานผล ส.ส.ระบบเขตไม่มีปัญหา แต่ส่วนของ ส.ส.สัดส่วน กทม.ถือว่าเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผล ส.ส.สัดส่วนของกลุ่มจังหวัดที่ 6 ซึ่งปรากฏว่า มีปัญหาเรื่องของข้อมูลจำนวนคะแนนที่เขต 2 จ.สมุทรปราการ จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปแก้ไขปัญหา จนเรียบร้อย และจะนำผลคะแนนของ จ.สมุทรปราการ มาคิดคำนวณรวมกับผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 6 ทั้งหมด ดังนั้น เชื่อว่า ภายใน 12.00 น.วันที่ 25 ธ.ค.กกต.น่าจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้
       
       อย่างไรก็ตาม นายอภิชาต ยังกล่าวด้วยว่า รู้สึกดีใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่สุจริต และเที่ยงธรรมมากที่สุดครั้งหนึ่ง โดยดูได้จากองค์กรต่างประเทศที่เข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้ง แม้แต่อียูก็ยังกล่าวยอมรับ ไม่มีข้อตำหนิว่าไม่สุจริต หรือไม่เที่ยงธรรม
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: "สุวิทย์" ปัดข่าวป่วยหนัก ยันพรุ่งนี้แถลงจุดยืนเอง 11.00 น. ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 21:19


"สุวิทย์" ปัดข่าวป่วยหนัก ยันพรุ่งนี้แถลงจุดยืนเอง 11.00 น.
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2550 19:41 น.
 
 
       นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ยืนยัน ไม่ได้ป่วยหนักเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 220 มิลลิเมตรปรอท จนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ขณะนี้กำลังใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวที่ กทม. ก่อนที่จะเข้าประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. และจะแถลงข่าวด้วยตนเองถึงจุดยืนที่ชัดเจนของพรรค ในเวลา 11.00 น. ว่าจะเข้าร่วมจับมือกับพรรคการเมืองใด และจะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล
        อย่างไรก็ตาม นายสุวิทย์ เคยป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง และเคยเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดสมองแตกในโรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2548 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยมีอาการหลอดเลือดในสมองมีความผิดปกติ อันเนื่องมาจากความดันโลหิตสูงเรื้อรัง แต่ได้รับการรักษาตัวจนหายดีแล้ว

 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: เลขาฯ พปช.เตรียมสอบ "จักรภพ" ใช้เวทีพรรคพาดพิง "ป๋ เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 24-12-2007, 21:20

เลขาฯ พปช.เตรียมสอบ "จักรภพ" ใช้เวทีพรรคพาดพิง "ป๋าเปรม"  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2550 18:40 น.
 
 
       นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เตรียมสอบสวนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข คณะทำงานด้านต่างประเทศ ใช้เวทีในการแถลงข่าวของพรรค อ้างว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เรียก 2 หัวหน้าพรรคการเมือง คือ พรรคชาติไทย กับพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าพบเมื่อช่วงค่ำวานนี้ เพราะโดยปกติแล้วการแถลงข่าวของสมาชิกพรรคแต่ละพรรค จะต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากพรรคก่อน ขณะที่เลี่ยงให้ความชัดเจนว่าข้อมูลในการเปิดเผยของนายจักรภพ เป็นข้อมูลเท็จหรือไม่
        นอกจากนี้ เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผลการเลือกตั้งในเขต กทม. มีการโกงกันเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ตนเชื่อมั่นในความเป็นธรรมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการแจกใบเหลืองและใบแดง อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลจริง การนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสภา เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และยืนยันไม่ยกเลิก คตส. โดยจะให้ทำหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ

 
 


กรุณาช่วยตรวจสอบหัวหน้าพรรค ของท่านด้วยว่า อีแอบผมขาวคือใคร


หัวข้อ: Re: เลขาฯ พปช.เตรียมสอบ "จักรภพ" ใช้เวทีพรรคพาดพิง "ป๋ เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 21:28


กรุณาช่วยตรวจสอบหัวหน้าพรรค ของท่านด้วยว่า อีแอบผมขาวคือใคร

เลิกแอบบไปตั้งนานแล้ว ผมขาวกันทั้งน้านเลย..


ตกลงไม่เอาสมัครดีกว่า เอาไว้เป็นตัวล่อตัวชนในสภาทีหลัง.. :slime_smile:


หัวข้อ: TDRI เชื่อนิรโทษฯ 111 ซาก-ยุบ คตส.เป็นเงื่อนไขต่อรองตั้งรัฐบาล
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-12-2007, 10:17


TDRI เชื่อนิรโทษฯ 111 ซาก-ยุบ คตส.เป็นเงื่อนไขต่อรองตั้งรัฐบาล

http://www.manager.co.th/Lite/ViewNews.aspx?NewsID=9500000153051
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 ธันวาคม 2550 09:10 น.
 
 
       นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคพลังประชาชนมีแนวโน้มจะได้เป็นแกนนำ ว่า ขณะนี้พรรคพลังประชาชน และพรรคการเมืองอื่นๆ อาจจะมีการเจรจาต่อรองกันในเรื่องของการนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน และเรื่องคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. กำลังดำเนินการอยู่ เป็นเงื่อนไขสำคัญ เพราะพรรคพลังประชาชนได้ประกาศไว้แล้วว่าจะนิรโทษกรรมและ ยุบ คตส. อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้น ด้วยบุคลิกของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน แต่เชื่อว่าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความเชื่อมั่นน่าจะกลับมาได้ใน 1 ปี ก็น่าจะเริ่มมีการลงทุนได้
        นายสมชัย ยังวิเคราะห์ถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคพลังประชาชน ว่า ค่อนข้างจะเป็นประชานิยมซ้ำรอยพรรคไทยรักไทย ขณะทีมเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นนักบริหารมืออาชีพ ซึ่งการบริหารประเทศไม่เหมือนกับการบริหารบริษัทที่มุ่งกำไรสูงสุด ขณะที่การบริหารประเทศต้องคำนึงถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจ เช่น การดูแลเงินเฟ้อ โดยมองว่าควรจะหาผู้เชี่ยวชาญมาเสริมทีม และอาศัยข้าราชการที่ซื่อสัตย์ ส่วนในฟากพรรคประชาธิปัตย์นั้น มองว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ถือว่ามีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมากที่สุด เพราะจบด้านเศรษฐศาสตร์ ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน ซึ่งลงตัวกว่า อย่างไรก็ตาม มองว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเจอกับปัญหาซับไพรม์ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าห่วงที่สุด
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-12-2007, 10:40




ช่วงนี้ พรรคพลังประชาชนคงต้องเรียกความเชื่อมั่นจากสาธารณะชน

อย่าหลงเกมการเมืองของฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่ฝ่ายของตนเอง

ควรลดปัจจัยที่จะเป็นความขัดแย้งทั้งหมด เพื่อการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากกว่า






หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-12-2007, 21:08


ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ขอให้ กระตุ้นความคิดกันในแง่ดี

ถือเป็นหน้าที่ของสื่อ การกำจัดคนเลว ผู้กำจัดต้องหมั่นประพฤติดี

มิฉะนั้นปัญหาต่างๆจะย้อนเข้าหาตนเองในที่สุด..


คนแก่ๆ ควรเป็นหลัก อย่าไปแสดงความเห็นถ้าหากไม่ทราบรายละเอียด

ส่วนนักการเมืองก็ต้องแก้ปัญหาในเชิงหลักการให้เด็ดขาดครับ..

พลังประชาชน ต้องทำให้สำเร็จ อย่าเหลิงกับเสียงที่ได้มา




หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-12-2007, 17:29



สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่อง นายทุนการเมืองกับสส.และทนายหิวเงิน


วงการเมือง มันจึงดีดดิ้นกัน ประชาชนน่าจะพอใจ ดีกว่าปล่อยให้พวกเขาทำตัวเป็นพวกทองไม่รู้ร้อน :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 09-01-2008, 20:18


(http://thairath.com/images_politics/politics_head03.gif)

http://thairath.com/index_election.html


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 14:42



ตัวเลขส.ส.ที่พร้อมเปิดประชุมสภาอยู่ที่ 420 คน   http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6220229/P6220229.html
คงเหลือ 60 คน แบ่งเป็น

ว่าที่ สส. ที่ยังไม่ประกาศรับรอง 40 คน (พปช.32, พผ.6, ปชป.1, รช.1)

เลือกตั้งใหม่ รวม 20 คน แบ่งได้ตามข้างล่างนี้
    พปช. เหลือง 11 ใบ แดง 4 ใบ = 15 คน
    ปชป. เหลือง 1 ใบ = 1 คน
    ชาติไทย เหลือง 1 ใบ แดง 2 ใบ = 3 คน
    มัชฌิมาธิปไตย แดง 1 ใบ = 1 คน

จากคุณ : นักกวนเมือง


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 15:07


กกต.เลื่อนฟัน "ยงยุทธ"
--------------------------------------------------------------------------------

โดย Post Digital 11 มกราคม 2551 11:14 น.

กกต.เลื่อนฟัน "ยงยุทธ" หลังตั้งอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนใหม่ ส่อรับรองก่อนแล้วค่อยสอยทีหลัง

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านกิจการพรรคการเมือง ระบุว่า ที่ประชุม กกต.วันนี้จำเป็นต้องเลื่อนการลงมติในการพิจารณาสำนวนทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน(พปช.)ออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ กกต.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นใหม่เพื่อพิจารณาเฉพาะกรณีของนายยงยุทธ โดยจะลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อเริ่มต้นทบทวนการสอบพยานใหม่ทั้งหมด อันเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้คดีกันอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ จะเปิดโอกาสให้นายยงยุทธ ได้ดู VCD ตามที่ร้องขอไว้ก่อนจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งได้รับการแจ้งข้อมูลว่าตำรวจสันติบาลจะนำ VCD ดังกล่าวมามอบให้ที่ กกต.ในวันนี้


นางสดศรี กล่าวว่า หากการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการดังกล่าวเสร็จไม่ทันวันที่ 15 ม.ค.นี้ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธไปก่อน และภายหลังหากมีข้อสรุปที่แน่ชัดว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริงจึงจะให้ใบเหลืองหรือใบแดง


ล่าสุด กกต.ได้ประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ไปแล้ว 420 คน จากทั้งหมด 480 คน โดยเชื่อว่าจะสามารถประกาศรับรองได้ 95% หรือ 456 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่จะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกในวันที่ 22 ม.ค.51 ได้ตามที่กฎหมายกำหนด


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-01-2008, 15:16


กกต.รับ"ยงยุทธ"ขอเปลี่ยนกก.สอบสวน
--------------------------------------------------------------------------------

โดย Post Digital 11 มกราคม 2551 11:59 น.

กกต. ยอมรับ "ยงยุทธ" ขอเปลี่ยนคณะอนุกรรมการสอบสวน ไม่หนักใจ ม็อบอุดร ประท้วงใบแหลือง-แดง


นายสุเมธ อุปะนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ชี้แจงถึงการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดใหม่ ที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธาน มาแทนชุดของตำรวจสันติบาล เนื่องจากนายยงยุทธ ร้องขอให้เปลี่ยนชุดสอบสวน เพราะเห็นว่าไม่มีความเป็นกลาง ส่วนกรณีที่มี นายยงยุทธ ขอดู VCD ของตำรวจสันติบาลที่ถูกกล่าวหา ทาง กกต.ได้ทำหนังสือให้ทางตำรวจสันติบาลส่งมาให้แล้ว ส่วนจะให้ดูหรือไม่นั้นเป็นอำนาจของอนุกรรมการชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม หากทางตำรวจสันติบาลไม่ส่ง VCD ดังกล่าวมาให้ก็ถือว่าไม่มีหลักฐาน


ทั้งนี้ นายสุเมธ ยังบอกอีกว่า ในฐานะที่ นายยงยุทธ เป็นผู้ถูกกล่าวหาจะต้องให้ดูหลักฐานข้อกล่าวหาก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถชี้แจงได้ ขณะเดียวกัน เห็นว่า ควรให้ นายยงยุทธ ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่จนหมดข้อสงสัย ทาง กกต.จึงจะมีการลงมติ


นอกจากนี้ นายสุเมธ ยังได้กล่าวถึงกรณีมีผู้ชุมนุมที่ จ.อุดรธานี หลังจากที่ กกต.มีมติให้ใบเหลืองใบแดงผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน ว่าไม่รู้สึกกดดัน เพราะไม่เช่นนั้น กกต.ก็ไม่สามารถทำงานได้ ทั้งนี้ ทาง กกต. จะเร่งพิจารณาสำนวนต่างๆให้เร็วที่สุด เพื่อให้มี ส.ส.ทันการเปิดประชุมสภา



หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-01-2008, 18:00




ตกลงไม่มีม็อบ? :slime_doubt:

วันเสาร์ที่ 12 เดือนมกราคม พศ. 2551

จากมติชน 

หนังสือ'ลับ'เตือนเหตุจาก'กกต.สรุปสำนวน-'ยงยุทธ'-'ม็อบ'อาจป่วน'วันเด็ก
วันที่ 11 มกราคม 2551 เวลา 12:24:06 น.

หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ส่งหนังสือ'ลับ' ให้ตร.จับตาสถานการณ์การเมืองที่ระอุ มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ในช่วงวันเด็ก มี3เหตุจูงใจ'กกต.สรุปสำนวน-ชี้ขาด'ยงยุทธ' -ม็อบต้านรบ.'


เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ บช.น. พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต รอง ผบช.น. ปรท.ผบช.น. มีหนังสือแจ้ง ผบก.น.1-9 ตปพ. อก. และ ผกก.ศทส. บช.น. ให้ทราบตามข่าว ศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ ลง 10 ม.ค. เป็นข้อมูลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ส่วนของ บช.น. ดังนี้ 1.ให้ทุกหน่วยพิจารณาวางมาตรการป้องกันรังเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงระหว่างการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ  2.ให้ บก.น.1-9 ตรวจสอบบ้านพัก กกต.ในเขตรับผิดชอบ พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการในการรักษาความปลอดภัย  และ 3. ผบก.น.6 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตรารอบบริเวณ สำนักงาน กกต. อาคารศรีจุลทรัพย์ ในกรณีเร่งด่วนที่ต้องการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม ให้ประสานกับ บก.ตปพ.โดยตรงและแจ้งให้ บช.น.ทราบ

ศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ มีหนังสือ "ลับ" รายงานข่าวเฉพาะกรณี ที่ 1/2551 ลง 10 ม.ค.51 แจ้งถึงสถานการณ์สำคัญที่อาจส่งผลด้านความมั่นคง

1.ห้วงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 มค.นี้ หน่วงงานภาครัฐและเอกชนมีการจัดงานตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะสถานที่ราชการสำคัญมีการเปิดให้เด็กและผู้ปกครองเข้าชม เช่นทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการจัดงานและกิจกรรมด้านวิชาการ ได้แก่กระทรวงศึกษา , สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง เป็นต้น ทั้งนี้ส่วนราชการในภูมิภาคก็มีการก็มีการจัดงานวันเด็กหลายแห่งเช่นเดียวกัน  จนถึงวันที่ 10 ม.ค.51 แม้ว่าจะยังไม่ปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะบ่งชี้ว่ามีการก่อเหตุรุนแรงในช่วงงานวันเด็กก็ตาม แต่ก็ควรมีมาตรการระมัดระวังป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ ประการสำคัญในวันศุกร์ที่ 11 ม.ค. กกต.จะต้องสรุปสำนวนการพิจารณาให้ใบแดงใบเหลืองแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอาจเป็นสิ่งจูงใจให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์

2.เนื่องจากในวันที่ 11 ม.ค. กกต.จะพิจารณาสำนวนของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ สส.แบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ที่อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. โดย กกต.พิจารณาใน 2 ลักษณะ คือความผิดเฉพาะตัว และความผิดที่อาจเชื่อมโยงถึงพรรคพลังประชาชน มีรายงานว่ามีความเคลื่อนไหวเพื่อนำมวลชนเข้ามาใน กทม. ในวันที่ 11 ม.ค. จำนวนปรากฏในชั้นนี้ประมาณ 50 คน และมีการระดมมวลชนในพื้นที่เพื่อแสดงพลังสนับสนุนในจังหวัดเชียงราย แต่ยังไม่ปรากฏจำนวนที่แน่ชัด

3.ความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประสานงานองค์กรเอกชนเพื่อพัฒนาชนทบภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน)  นำโดยนางสุนทรี  หัตถี เซิ่งกิ่ง ประธานฯ จะจัดประชุมประจำปี โดยมีแกนนำกลุ่มร่วมประชุมในวันที่ 15 ม.ค. ณ สำนักงาน กป.อพช.อีสาน ซ.วุฒิธาราม  ถ.หน้าเมือง อ.เมือง  จ.ขอนแก่น  ซึ่งปรากฏข่าวสารว่า นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาคณะกรรมการธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) จะเข้าร่วมประชุมด้วย และน่าจะมีการกำหนดท่าทีแนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มหลังมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มได้เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอดีตพรรคไทยรักไทยมาอย่างต่อเนื่อง
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-01-2008, 18:01

จากกรุงเทพธุรกิจ

กกต.มึนหาตัว “ประแสง” ไม่เจอ แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้
 
11 มกราคม พ.ศ. 2551 22:06:00
 
กกต.มึนหาตัว “ประแสง” ไม่เจอ แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้ อ้างต้องพิจารณาให้รอบคอบ หวั่นกลั่นแกล้งกัน ยอมรับเพราะมาจากศาลต้องหาหลักฐานให้ครบ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนรวม ให้สัมภาษณ์กรณีการพิจารณาใบแดง กรณีของการแจกจ่ายวีซีดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของนายประแสง มงคลศิริ อดีตผู้สมัครพรรคพลังประชาชน จ.อุทัยธานีว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนยังไม่สามารถที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายประแสงได้ เนื่องจากยังตามตัวไม่เจอ และเมื่อพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนฯติดต่อนายประแสงให้ได้ก่อน หากเจอตัวแล้ว และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหา จุดนั้นจึงจะสามารถลงบันทึกได้ว่า นายประแสงไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหา แล้วจึงจะนำมาสู่การพิจารณาของกกต.ตามหลักฐานที่มีอยู่ได้

“ขณะนี้ยอมรับว่า เรื่องการสอบสวนอาจจะช้า เนื่องจากกกต.ต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณาเพราะในการหาเสียงครั้งนี้มีการต่อสู้กันมาก อาจจะมีเรื่องการกลั่นแกล้งกันได้ กกต.จึงต้องระมัดระวังและต้องมีหลักฐานพอสมควร ส่วนจะสามารถพิจารณาได้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ กกต.ยังตอบไม่ได้ เพราะหลังการพิจารณาของกกต.หากมีมติแล้วก็ต้องให้กฤษฏีกาพิจารณาด้วย ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าต้องให้เวลากฤษฏีกาด้วย ซึ่งขณะนี้กกต.ก็กำลังเร่งพิจารณา" นายสุเมธ กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเพราะกกต.เป็นผู้พิพากษามาจากศาล จึงกังวลว่ากกต.จะตกเป็นเหยื่อ จนต้องคำนึงเรื่องหลักฐานมากเกินไปหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวยอมรับว่า ใช่ เพราะในการพิจารณาหลักฐานในชั้นศาลหากหลักฐานไม่ครบก็พบว่าหลายเรื่องที่ต้องหลุดไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งในอีก 2 วันที่เหลือก่อนวันเลือกตั้งกกต.ก็พยายามเร่งการพิจารณาคดีต่างๆอยู่

นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนที่จะเข้าสู่การพิจารณาของกกต.ประมาณ 20 คดี ซึ่งกกต.ก็จะเร่งพิจารณาให้จบในชั้นอำนาจของกกต. อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจด้วยว่าการจะให้ใบแดงได้ก็จะต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนพอสมควร ซึ่งเรื่องที่มีการส่งเข้ามาส่วนมากเป็นในเรื่องของซื้อเสียง

เมื่อถามว่ากรณีผู้สมัครพยายามหลีกเลี่ยงการรับแจ้งข้อกล่าวหาจะเป็นช่องหนีเอาตัวรอดไปวันๆ กกต.จะมีการพิจารณากรอบปฏิบัติให้กับผู้สมัครในเรื่องนี้หรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีการพูดถึงเพราะตามระเบียบการพิจารณาของกกต.มีว่าต้องแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ซึ่งต่างจากศาลที่หากแจ้งหมายแล้วไม่เจอเจ้าตัวก็ยังสามารถแปะไว้หน้าบ้านได้ หรือขอให้ตำรวจช่วยสกัด เพราะไม่ใช่คดีอาญา
 

 
 
   


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-01-2008, 23:32

ตอนนี้ ขอวิเคราะห์ว่านักการเมืองเต้นไม่ออกครับ

ถ้าไม่มีหางเครื่องหรือสื่อเต้นรับ ดังนั้นสื่อที่รับใช้นักการเมืองจะพรรคใดก็ตาม

เราสังเกตได้ไม่ยากนัก..และสังเหตได้ง่ายขึ้นเมื่อสื่อเข้าไปมีผลประดยชน์ในเรื่องต่างๆ

ไม่ว่าจะอย่างเงียบๆ หรือโฉ่งฉ่างหน้าหนาประการใด..


ดังนั้นการเมืองไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้วในระดับยอดน้ำแข็ง

เป็นหน้าที่ของการเมืองภาคประชาชนจะต้องมั่นปรับให้ตรงในระดับท้องถิ่นและในแนวคิดภาคปฏิบัติครับ..


ณ ขณะนี้ ผมยังสนับสนุนแนวทางรัฐบาลแห่งชาติ แต่เปิดโอกาสให้สส.โหวตโดยอิสระ

และแต่ละบุคคลสามารถถูกถอดถอนได้ง่ายเมื่อทุจริตหรือพัวพันการทุจริตต่างๆ..


หัวข้อ: พปช.ปูด'อ้อ'หารือ'ผู้ใหญ่'ไฟเขียวให้ตั้งรบ.ค้าน'สมัคร'นั่งนายกฯห่วงปัญหาสมานฉันท
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 03:55


จากมติชน

พปช.ปูด'อ้อ'หารือ'ผู้ใหญ่'ไฟเขียวให้ตั้งรบ.ค้าน'สมัคร'นั่งนายกฯห่วงปัญหาสมานฉันท์

 วันที่ 13 มกราคม 2551 เวลา 20:27:51 น

เผย'หญิงอ้อ'พูดคุยกับ'ผู้ใหญ่'ในบ้านเมืองแล้ว ไม่ขัดพปช.เป็นรบ.แต่ห่วง'สมัคร'เป็นนายกฯ อาจมีปัญหาเรื่องความปรองดองในชาติ 'เลี้ยบ'ปัดถูกวางตัวนั่งผู้นำสำรอง 'มาร์ค'ลั่นพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ปัดล็อบบี้ชาติไทยไม่ให้ร่วมรัฐบาล


6พรรคแถลงร่วมรัฐบาล17ม.ค.

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มกราคม ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ตามที่พรรคการเมืองขนาดเล็ก 3 พรรคตอบร่วมรัฐบาลแน่นอนแล้ว แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ก่อนหน้านี้ยังติดเงื่อนไขบางประการนั้นล่าสุดทั้งสองพรรคก็มีสัญญาณที่ดีตามขึ้นลำดับและได้ตอบตกลงแล้ว คาดว่าจะมีการแถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 17 มกราคมนี้ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมือง

แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนที่ต้องเลื่อนการแถลงข่าวเนื่องจากตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนยังสะเทือนใจจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทำให้พรรคการเมืองต่างๆ งดกิจกรรมทางการเมืองชั่วคราว นอกจากนี้ยังเป็นการแก้เกมฝ่ายตรงกันข้ามที่ปล่อยข่าวเป็นระยะว่าพรรคพลังประชาชน อาจได้รับใบแดงเพิ่มเติมอีก

เผย'ผู้ใหญ่'ติดใจ'สมัคร'นั่งนายกฯ

แหล่งข่าวเปิดเผยถึงเบื้องหลังการเจรจาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ประสานมายังคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ให้ช่วยเจรจากับแกนนำพรรคต่างๆ และผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ขัดข้องหากพรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังติดปัญหาตรงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากก่อนหน้านี้ พรรคพลังประชาชน ประกาศว่านายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ต้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งได้สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่ายในเรื่องความสมานฉันท์ปรองดอง ดังนั้นตำแหน่งดังกล่าวอาจถูกปรับเปลี่ยน

'สำหรับกระแสข่าวว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หากนายสมัครไม่สามารถเป็นนายกฯได้นั้น มีกระแสต่อต้านจากแกนนำในพรรคพลังประชาชนบางคน ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายบรรหารจะได้เป็นนายกฯ อย่างไรก็ตาม จากการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีล่าสุดคาดว่าพรรคชาติไทยจะได้โควต้ารัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญๆ เพิ่มจากเติมอีกเล็กน้อย'

ทาบ 'ณรงค์ชัย' นั่งรมช.คลัง

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับรัฐมนตรีกระทรวงทางเศรษฐกิจและกระทรวงความมั่นคง พรรคพลังประชาชนคงไม่ยอมให้พรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน และมีแกนนำพรรคหลายคนไปทาบทามนายวีรพงษ์ รามางกูร และนายทนง พิทยะ พร้อมกับยื่นเงื่อนไขในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ให้ ซึ่งนายวีรพงษ์ได้ตอบปฏิเสธไปแล้ว ขณะที่นายทนงยังมีท่าทีลังเลอยู่

แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้พรรคพลังประชาชน ยังทาบทามนายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) มาเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจและมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สำหรับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั้น มีโอกาสนั่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

'มาร์ค' ยันมีมารยาทให้พปช.ตั้งรบ.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศพร้อมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ยืนยันว่าพรรคมีมารยาท ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคพลังประชาชน (พปช.) เตรียมพูดคุยพรรคชาติไทยถึงการตัดสินใจและอนาคตทางการเมือง ปฏิเสธล็อบบี้ไม่ให้พรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาล

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวในการเปิดอบรมสัมมนา ส.ส.ใหม่ของพรรค ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ย่านหลักสี่ เมื่อวันที่ 13 มกราคม โดยมีแกนนำพรรค เช่น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.ของพรรคที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง ตอนหนึ่งว่า ยืนยันว่าเมื่อผลการเลือกตั้งทั่วไปออกมา แม้จะเป็นสิทธิของทุกพรรคการเมืองที่จะรวบรวมเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคถือว่าเป็นมารยาทที่จะให้พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงมากที่สุด มีโอกาสไปรวบรวมเสียงข้างมากก่อน

ประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนมีโอกาสที่จะไปรวบรวมเสียงข้างมาก ถ้าสามารถทำได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้าพรรคพลังประชาชนรวบรวมไม่ได้ก็ถือเป็นภาระของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก่อนหน้านั้นพรรคพลังประชาชนก็ประกาศว่ารวบรวมเสียงข้างมากได้แล้ว พร้อมจะแถลงวันที่ 4 มกราคม แต่มีเหตุการณ์เศร้าสลดเกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ก็เข้าใจว่าเป็นการไม่เหมาะ หากจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งมีบางพรรคที่จะแถลงความชัดเจนในวันที่ 17 มกราคม

'ดังนั้น ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่ง ถ้าจะทำคงส่งตัวแทนไปเจรจาว่าพรรคพลังประชาชนให้กี่กระทรวง ก็จะให้มากกว่านั้น ไม่นับอย่างอื่นที่ให้กัน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำ' หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

รอถามไถ่ชท. ถึงอนาคตบ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราจะรอดูการรวบรวมเสียงข้างมากว่า ประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ว่าการประสานงานทางการเมืองก็ยังมีต่อไป รอเพียงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น อย่างน้อยก็พรรคชาติไทยที่ต้องคุยกัน แต่ไม่ใช่ในกรอบของตั้งรัฐบาล แต่จะถามไถ่ว่าเขามองอนาคตบ้านเมืองอย่างไรในการตัดสินใจทางการเมือง

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการรับรองว่าที่ ส.ส.ของ กกต.ว่า กกต.ต้องมีความเข้มแข็ง ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่จะต้องเปิดสภาภายใน 30 วัน หลังการเลือกตั้ง โดยจะต้องรับรองให้ได้ร้อยละ 95 แต่ไม่ได้หมายความว่ารับรองคนโกง ทุจริต เชื่อว่า กกต.สามารถพิจารณาคดีร้องเรียนต่างๆ ให้เสร็จทันวันที่จะมีการเปิดประชุมสภา แต่กรณีที่มีข้อสงสัยว่ามีการทุจริตก็ไม่จำเป็นต้องรับรอง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

'ส.ส.ถือเป็นหน้าตาของพรรประชาธิปัตย์ หากไปทำอะไรเสียหาย นอกจากตัวเองจะเสียหายแล้ว พรรคและนักการเมืองโดยรวมก็จะเสียหาย อย่างที่นายชวนเคยพูดว่าหลังจากการเลือกตั้งแล้ว จะมีคนคอยจ้องจับผิดทันที' นายอภิสิทธิ์กล่าว

ชี้คะแนนเสียง2พรรคคนละจุดยืน

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า เป็นผลการเลือกตั้งที่แปลก เพราะพรรคการเมืองสองพรรคใหญ่ได้คะแนน 12 ล้านเหมือนกัน ห่างกันเพียงแค่ 1 แสนคะแนนเท่านั้น แต่เกณฑ์ในการตัดสินใจของคน 12 ล้านคน พูดกันคนละเรื่อง 12 ล้านซีกหนึ่งพูดประเด็นที่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา ต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร โดยเฉพาะพื้นที่ที่เลือกพรรคพลังประชาชนมากๆ เมื่อถามว่าเลือกทำไม ก็เพราะอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ไม่ชอบ คมช. ซึ่งการหาเสียงไม่ได้พูดถึงเรื่องนโยบาย 

'ส่วนอีก 12 ล้าน ที่มีจุดยืนไม่ตรงกับ 12 ล้านคนแรก ได้ตอบสนองพรรคประชาธิปัตย์ คือ การกำหนดอนาคตของประเทศ มีรัฐบาลที่ซื่อสัตย์ เข้ามากอบกู้วิกฤตต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ' นายอภิสิทธิ์กล่าว

เชื่อรบ.ทำงานหนัก-ไม่มีฮันนีมูน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้สับสน รัฐบาลได้เสียงข้างมาก ไม่ได้พูดถึงเรื่องนโยบาย พูดแต่เงื่อนปมทางการเมือง ต้องจับตาว่าอนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และไม่ว่าผลการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร รัฐบาล และ ส.ส.ต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ ไม่มีเวลาฮันนีมูน ต้องเดินหน้าทำงานอย่างเดียว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวอีกว่า ไม่ต้องกังวลพรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ก็ไม่มีแนวทางที่จะฮันนีมูน หรือดีใจ ฉลองชัยชนะ ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเหมือนกัน ไม่ใช่พอเป็น ส.ส. รัฐบาลแล้วไม่คิดว่าจะตรวจสอบ หรือเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่สนใจที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนา หรือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของเขตเลือกตั้ง

'ชวน' แนะวัตรปฏิบัติของส.ส.

จากนั้น นายชวนได้กล่าวในหัวข้อ 'วัตรปฏิบัติของ ส.ส.'  ตอนหนึ่งว่า ในการปฏิบัติตัวในฐานะที่เป็น ส.ส. ต้องรู้ขอบเขตอยู่ภายใต้สำนึกรับผิดชอบในตำแหน่ง อย่าคิดว่า ส.ส.มีสิทธิเหนือกว่าคนอื่น เช่น การเดินทาง ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกให้ ส.ส.เดินทางฟรี อย่างที่ให้กับ ส.ส.ไทย ดังนั้น อย่าบังอาจยกสิทธิดังกล่าวให้คนอื่นใช้ เพราะหากมีการร้องเรียน และตรวจสอบพบ อาจต้องแสดงความรับผิดชอบ ถึงขั้นต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส. และมีสิทธิถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาด้วย

นายชวนกล่าวว่า ส.ส.ต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ภายใต้กรอบกฎ กติกาของพรรค และไม่ทำอะไรที่ผิดความถูกต้องชอบธรรมของบ้านเมือง และอย่าทิ้งประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้นไม่ว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน บทบาทของ ส.ส.ก็ต้องไม่เปลี่ยน ที่สำคัญจะต้องศึกษารัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และ ส.ส. เพื่อใช้ในงานรัฐสภา

ปูดมีมือสกปรกจ้างคนใต้ด่า'ป๋าเปรม'

'ที่ผ่านมามีการจ้างคนภาคใต้ให้ด่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ต้องรู้เรื่องดังกล่าว เพื่อเตรียมรับมือขบวนการมือสกปรก สมัยรัฐบาลที่ผ่านมา มีการดักฟังโทรศัพท์ แล้วเอามาแบล๊คเมล์ ข่มขู่ผู้อื่น โดยใช้ ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) เป็นเครื่องมือ กระบวนการชั่วร้ายเหล่านี้คือ ความสกปรกโสมมของรัฐบาลขณะนั้น ถือเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด' นายชวนกล่าว

นายชวนกล่าวว่า ยุคหนึ่งที่มีการใช้อำนาจด้วยความคึกคะนอง แต่วันนี้อำนาจนั้นหมดไป เพราะความคึกคะนองเป็นเหตุ ที่ใช้กระทรวงกลาโหมวางแผนทุจริตการเลือกตั้ง แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวง ก็ทำให้ได้รับผลของการกระทำที่ไม่ดี ให้ ส.ส.พรรครับรู้สิ่งเหล่านี้อย่าไปหลงกล ให้เห็นแก่ความชอบธรรมเท่านั้น

'บัญญัติ'ให้ระวังเพื่อนส.ส.ทำร้าย

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวบรรยายหัวข้อ 'หน้าที่ในสภา-หน้าที่หลักของ ส.ส.' ตอนหนึ่งว่า การที่จะปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพได้จะต้องมี 3 ใจ คือ 1.ตั้งใจ 2.มั่นใจ และ 3.เข้าใจ ซึ่งความมั่นใจถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน แต่ความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้ต้องเข้าใจ 3 ประการ คือ 1.กฎหมายสำคัญต่างๆ อาทิ รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กกต. กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับการประชุมรัฐสภา

นายบัญญัติกล่าวว่า 2.รู้ว่าตนเองมีความถนัด หรือสนใจในงานด้านใด พร้อมกับทุ่มเทแรงกาย แรงใจเข้าไปทำงาน และ 3.ต้องรู้จักที่ไปที่มาของเพื่อนสมาชิก ส.ส. ในสภาตามสมควร ทั้งพรรคตนเอง และต่างพรรคการเมือง เพื่อยับยั้งการทำร้ายจากนักการเมืองคนอื่นที่จะสร้างให้เกิดความเสื่อมเสียต่อตนเอง

'อภิสิทธิ์' ไม่หวั่น 'หญิงอ้อ' พบคมช.

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และสมาชิก คมช. ว่าเข้าใจว่า ผบ.ทบ.เน้นให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง เป็นวิธีการสมานฉันท์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพที่คุณหญิงพจมานเข้าพบผู้ใหญ่จะทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจว่าจะมีการแทรกแซงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 'ถ้าผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับกลไกยุติธรรม ทำงานตามปกติ ก็คงไม่เป็นอะไร'

ปัดล็อบบี้ชท. ไม่ให้ร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพูดคุยกับพรรคชาติไทย ถึงอนาคตของประเทศชาติเมื่อใด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะดูเวลาที่เหมาะสม โดยจะพูดคุยในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันมาว่ามองอนาคตบ้านเมืองอย่างไร ซึ่งจะได้ประโยชน์คือ การได้รู้ความคิดซึ่งกันและกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการล็อบบี้ให้พรรคชาติไทยไม่ให้เข้าร่วมรัฐบาล หากพรรคประชาธิปัตย์จะทำเช่นนั้นคงจะดำเนินการนานแล้ว 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ตัวนายกรัฐมนตรีอาจจะไม่ใช่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน แต่อาจจะเปลี่ยนมาเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชาชน ถึงเวลาก็ไปว่ากันต่อในสภา ไม่ขอวิจารณ์

'หมอเลี้ยบ' ปัดเป็นนายกฯสำรอง

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวปฏิเสธกรณีมีรายงานข่าวว่าจะถูกผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยยืนยันว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริงและพรรคไม่เคยเตรียมนายกฯสำรอง ซึ่งตามหลักการประชาธิปไตยและของพรรคพลังประชาชน รวมทั้งหลักการส่วนตัว คนที่จะเป็นนายกฯต้องมาจากหัวหน้าพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น เพราะนายสมัครได้รับฉันทานุมัติจากสมาชิกพรรคให้เป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ข่าวดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของตนและนายสมัคร

นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าข่าวนี้มาจากไหนและไม่เคยสอบถาม แต่แน่ใจว่าไม่ได้มาจากคนในพรรคพลังประชาชนแน่นอน คงเป็นการคาดเดาไปต่างๆ นานา เพราะว่านายสมัครมีคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. แต่วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคดีความต่างๆ ยังต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนนานพอสมควร และนายสมัครก็พร้อมชี้แจงจึงไม่มีปัญหาอะไร นายสมัครมีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ในการประชุมสภาฯเพื่อเสนอชื่อผู้เป็นนายกฯ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลมั่นใจได้ว่ามีนายสมัครคนเดียว

รับทาบ'ทนง-โกร่ง'นั่งขุนคลัง

นพ.สุรพงษ์กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ในแง่ของหลักการที่พรรคซึ่งได้รับความไว้วางใจมากที่สุดควรเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลไม่มีปัญหาแล้ว ขณะนี้รอแค่ประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น จากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องมาพูดคุยถึงแนวทางและนโยบายตลอดจนหาผู้มีความรู้ความสามารถมาเป็นรัฐมนตรี เหตุที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่แถลงชัดเจนนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอน เพราะหลักการ คือผู้ที่จะบริหารกระทรวงต่างๆ ต้องมีความรู้ความสามารถ ส่วนการเปิดประชุมสภาฯนัดแรก ก็น่าจะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดคือระหว่างวันที่ 21-22 มกราคม ทราบว่าขณะนี้ทางสภาฯทูลเกล้าฯเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการเปิดประชุมสภาฯแล้ว

'ส่วนความคืบหน้าในการทาบทามนายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ เพื่อทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้ยังมีการประสานงานอยู่ แต่พรรคก็พูดคุยกับหลายคนด้วย' น.พ.สุรพงษ์กล่าว

พปช.ยันหลัง20ม.ค.โควต้ารมต.นิ่ง

พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลว่า ยืนยันว่ากระทรวงที่เกี่ยวกับการกำหนดยุทธศาสตร์หลักของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง คือกระทรวงมหาดไทยและกลาโหม ต้องเป็นคนของพรรคพลังประชาชน การจัดสรรตำแหน่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนหลังวันที่ 20 มกราคม ที่การเลือกตั้งซ่อมและเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ต่างๆ เสร็จสิ้นลง เพราะเวลานั้นตัวเลขจำนวน ส.ส.จะนิ่ง แต่ละพรรคมี ส.ส.ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเท่าใด ดังนั้น การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีจะสะเด็ดน้ำหลังวันที่ 20 มกราคม

'หาดใหญ่โพล'เชื่อ'แม้ว'ร่วมตั้งรัฐบาล

เมื่อวันที่ 13 มกราคม สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เกี่ยวกับการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชน จำนวน 994 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-10 มกราคมที่ผ่านมา สรุปผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 50.9 เห็นด้วยกับกรณีที่ กกต.แจกใบเหลือง-ใบแดงว่าที่ ส.ส. มีเพียงร้อยละ 29.3 ที่เห็นว่า กกต.ไม่ยุติธรรม และร้อยละ 19.4 ไม่แสดงความคิดเห็น
ส่วนกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เปลี่ยนท่าทีไปจากเดิมไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนนั้น พบว่าประชาชนร้อยละ 39.1 มีความรู้สึกเบื่อการเมืองมีแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง รองลงมา มีความรู้สึกว่าการเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ส่วนกรณีการแจกซีดีของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 63.1 เชื่อว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน
เมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ชาวหาดใหญ่ร้อยละ 45.3 เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนร่วมในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ขณะที่ร้อยละ 36.2 ไม่เชื่อ และร้อยละ 18.5 ไม่แสดงความคิดเห็น ขณะที่ร้อยละ 62.5 ไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะวางเมืองทางการเมืองจริง

'หมอเลี้ยบ'นั่งนายกฯคะแนนนำ'สมัคร'

จากการสอบถามถึงผู้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ร้อยละ 37.3 เห็นว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มีความเหมาะสมมากที่สุด รองลงมานายสมัคร สุนทรเวช ร้อยละ 32.1 และนายบรรหาร ศิลปอาชา ร้อยละ 30.6 นอกจากนี้ ร้อยละ 75.7 เห็นด้วยที่จะให้มีตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับดูแลการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนบุคคลที่เหมาะสมในตำแหน่งนี้ พบว่า นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ จากพรรคเพื่อแผ่นดิน มีความเหมาะสมมากที่สุด ร้อยละ 49.9 รองลงมานายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ จากพรรคพลังประชาชน ร้อยละ 30.5 และนายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทย ร้อยละ 19.6



หัวข้อ: พปช. เหน็บ'สนธิ-สดศรี' กงกำกงเกวียนลังเลให้ใบแดง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-01-2008, 03:58

จากมติชน

พปช. เหน็บ'สนธิ-สดศรี' กงกำกงเกวียนลังเลให้ใบแดง
วันที่ 13 มกราคม 2551 เวลา 18:18:59 น.

พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวยืนยันถึงรายงานข่าวการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน ว่ากระทรวงที่เกี่ยวกับการกำหนดยุทธศาสตร์หลักของประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง คือกระทรวงมหาดไทยและกลาโหม คนดูแลต้องเป็นคนของพรรคพลังประชาชนเท่านั้น โดยคาดว่า  การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีใกล้จะสะเด็ดน้ำ โดยหลังวันที่ 20 มกราคม จะได้ความชัดเจนขึ้น ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมและเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ต่างๆ เสร็จสิ้นลงแล้ว เพราะเวลานั้นตัวเลขจำนวนส.ส.จะนิ่งว่า ส.ส.แต่ละพรรคจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นจำนวนเท่าใด

พ.ต.ท.กานต์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองร่วมเข้าชื่อเพื่อยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยกเลิกผลสอบสวนประกอบการพิจารณาให้ใบแดง ใบเหลือง ของชุดอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดพิเศษ ที่มีพล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รอง ผบช..เป็นประธาน หลังพบข้อมูลชัดเจนว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ถูกแต่งตั้งด้วยความไม่เป็นกลางโดยเป็นที่ประจักษ์ขัดต่อหลักกฎหมาย เพราะมีความสนิทสนมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงขั้นเรียกได้ว่า เป็นลูกบุญธรรม ดังนั้นผลสอบของทุกพรรคที่มาจากอนุกรรมการชุดดังกล่าวต้องยกเลิกทั้งหมดรวมถึงคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนด้วย เนื่องจากเป็นโมฆะ เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถึงจะตั้งกรรมการสอบสวนใหม่ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการยุบพรรคการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นง่ายมากเกินไป  ตอนนี้ทุกพรรคที่ผู้สมัครได้ใบแดงต่างก็ตกนั่งเดียวกัน โดยที่คนในพรรคไม่ได้รู้เห็นด้วยทั้งหมด ทั้งนี้ถ้าดำเนินการจริงจัง และให้เป็นธรรม กกต.ต้องสอบกรณีที่นายบุญมาก ศิริเนาวกุล อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ใบแดงเพราะซื้อเสียงด้วยว่ากรรมการบริหารพรรคเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกรรมการบริหารพรรคก็มีส่วนรู้เห็นด้วยได้

พ.ต.ท.กานต์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี  มีหนังสือขอตัวบุตรสาวนางสดศรี สัตยธรรม กกต.มาช่วยราชการว่า โดยภาพรวมย่อมมีผลกระทบต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะเป็นประเด็นที่ชวนให้ผู้สงสัยเรื่องความเป็นกลาง ตนถือว่า เรื่องนี้เป็นกงกรรม กงเกวียน ส่วนตัวก็ได้แต่เห็นใจและลำบากใจแทนนางสดศรี จะตัดสินให้ใบแดงพรรคพลังประชาชนก็ลำบาก เพราะลูกสาวถูกขอตัวไปช่วยงาน คมช.ส่วนพล.อ.สนธิ จะชี้แจงก็คงลำบากเพราะมีหนังสือขอเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงว่าต้องพูดต้องสั่งกันได้ถึงขอลูกสาวมาทำงานได้ จะแก้ตัวอย่างไรสังคมก็คงไม่เชื่อ


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 19-01-2008, 19:21


สถานการณ์การเมืองตอนนี้ เว็บบอร์ดต่างๆ ควรเก็บกระทู้ไว้ให้ดีครับ..

เพราะถ้าเรื่องไม่จบที่คุก ตัวแสบๆ แต่ละฝ่ายคงตะแบงกันไม่เลิก


นักการเมืองต้องเริ่มปัดกวาดบ้านตัวเอง

รัฐธรรมนูญ ไว้แก้ทีหลัง...ก็จะไม่มีใครปฏิวัติได้ง่ายๆอีก.

หากทักษิณคิดแทรกแซงศาล..อย่ากลับมา อย่าทำตัวเป็นข่าว..

ไม่เชื่อ บ้านเมืองก็วุ่นวาย..ลิ่วล้อก็ไม่ได้ยอมติดคุกแทน...


อยากจะฟันธงว่าทักษิณไม่กล้ากลับเข้าไทยครับ ฟันธง    


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 17:54


6 พรรคสลอนอ้างชอบธรรมตั้งรัฐบาล “หมัก” ฉุนถูกซักโหวตนายกฯ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000007684
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 มกราคม 2551 15:28 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 

 
 
 
  6 พรรคนั่งสลอนแถลงตั้งรัฐบาล 315 เสียง อ้างความชอบธรรม-สมานฉันท์-แก้วิกฤต “หมัก” ฉุนสื่อถามกวนใจเรื่องโหวตเป็นนายกฯ ตอกกวนประสาท ขณะที่ “เติ้ง” หลบลงรูปลาไหลผวา “ชูวิทย์” รอฉีกหน้ากลางวงส่ง “เสธ.หนั่น” รับหน้าแทน
       
       คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียง 6 พรรคฯ ร่วมแถลงข่าว
       
       วันนี้ (19 ม.ค.) ที่โรงแรมสุโขทัย เวลา 14.10 น. บรรดา แกนนำทั้ง 6 พรรคอันประกอบด้วย นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยในฐานะตัวแทนนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าว ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว รวมทั้งมีสมาชิกพรรคคนสำคัญจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพรรคพลังประชาชนจนเต็มห้องแถลงข่าว
       
       โดยก่อนเริ่มแถลงข่าวตั้งรัฐบาล นายสมัครได้เป็นผู้ดำเนินรายการ ทำหน้าที่เป็นคนจัดสรรเวลาให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคได้แถลงคนละไม่เกิน 2 นาที และเรียงตามลำดับอาวุโส หลังจากเกริ่นนำด้วยการขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ระบุว่าจัดการเลือกตั้งด้วยความเรียบร้อย แม้ว่าแต่ละพรรคจะได้ใบเหลืองใบแดง ซึ่งแต่ละพรรคต้องทำใจต้องว่ากันไปทีหลัง และมีการรับรองจนได้เสียง ส.ส.ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เปิดสภาได้
       
       นายสมัครยังกล่าวขอบคุณพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ทำให้การเมืองเดินไปได้ และทำให้เกิดรัฐบาล 315 เสียงซึ่งถือว่ามีความมั่นคงแข็งแรง
       
       จากนั้น นายเสนาะ กล่าวว่า การร่วมรัฐบาลเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เนื่องจากบอบช้ำมามากพอแล้ว ส่วนรัฐบาลจะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค และเห็นว่าพรรคพลังประชาชนมีความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล เพราะมีเสียงมากที่สุด ไม่ใช่มาบล็อกกัน
       
       พล.ต.สนั่น กล่าวเป็นคนต่อมาว่า มาในฐานะตัวแทนของหัวหน้าพรรคชาติไทย และเหตุผลในการร่วมรัฐบาลทางหัวหน้าพรรคก็ได้แถลงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้นการมาในวันนี้เพื่อยืนยันในการเข้าร่วมรัฐบาล
       
       พล.อ.เชษฐา กล่าวย้ำถึงความชอบธรรมที่พรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เพราะได้รับการเลือกตั้งเข้มามากที่สุด ซึ่งพรรครวมใจไทยฯได้ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลมานานแล้ว
       
       นายสุวิทย์ ให้เหตุผลในเรื่องความสมานฉันท์ เพื่อแก้ปัญหาชาติให้เดินไปข้างหน้าและกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมแสดงความดีใจที่ได้รับเชิญเข้าร่วมรัฐบาล
       
       ส่วน นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน และเห็นว่ามีความชอบธรรมที่จะตั้งรัฐบาล เพราะเป็นพรรคที่ประชาชนเลือกเข้ามามากที่สุด
       
       จากนั้น นายสมัครได้แถลงอีกครั้งโดยตอบคำถามผู้สื่อข่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับความมั่นใจที่จะได้รับการเสนอเป็นนายกฯในสภาหรือไม่ ซึ่งนายสมัคร ได้กล่าวแบบเก็บอารมณ์โกรธ โดยพยายามเลี่ยงตอบคำถาม และไม่ตอบโต้ผู้สื่อข่าว แต่เมื่อถูกถามย้ำหลายครั้งก็กล่าวว่า เป็นคำมั่นแล้วว่าทุกพรรคสนับสนุนหัวหน้าพรรคที่ได้รับเสียงมากที่สุดในการเป็นผู้นำรัฐบาล
       
       “จะไปถาม ถ้านั่นถ้านี่อะไรอีก เป็นคำถามที่ไม่สมควรถาม ผมไม่ตอบเดี๋ยวมีเรื่องอีก เป็นคำถามกวนประสาท” นายสมัคร กล่าวกับผู้สื่อข่าวตอนหนึ่ง อย่างไรก็ดี เขาตั้งความหวังว่ารัฐบาลผสม 6 พรรคจะอยู่ได้นานที่สุด มีการปรึกษาหารือกัน ถ้าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หลายหลายนินทากัน คงต้องมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง ไม่ใช่ต่อไปแยกย้ายกันไป
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า นายบรรหารไม่ได้มาร่วมแถลงครั้งนี้อาจมาจากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้มาเช่าห้องของโรงแรมเพื่อรอแถลงข่าวในเวลา 15 .00 น. และประกาศว่าจะแฉ นายบรรหาร อีกรอบหลังจากบุกไปที่พรรคชาติไทยเปิดโปงมาแล้วเมื่อบ่ายวานนี้ (18 ม.ค.) โดยนำเมนูปลาไหลมารับประทานประชดด้วย
       
       นอกจากนี้ ระหว่างการแถลงข่าว นายสมัครยังได้กล่าวชม นพ.สุรพงษ์ ซึ่งในอดีตสมัยเหตุการณ์เดือนตุลาคมถือว่าอยู่คนละขั้วเป็นลักษณะขวากับซ้ายอย่างชัดเจน
       
       อ่านรายละเอียดคำแถลง
       
       นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน
       “ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานกับเราวันนี้ เมื่อตะกี้ผมได้แสดงความขอบพระคุณทุกท่านมาร่วมกับผมข้างในแล้ว อยากจะบอกแต่เพียงว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ดูเหมือนจะใช้ระยะเวลายาวนาน แต่ถ้าหากเราถือกฎกติกาซึ่งเรากำหนดขึ้นให้ทันสมัยกับชาวโลกเขา ก็คือ มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งนี่แหละครับ ก็เป็นกรรมการซึ่งผมเชื่อว่า ทุกคน ทุกฝ่าย พอใจที่จะมีท่านมากกว่าไม่มีเหมือนแต่ก่อน งานแบบนี้ถ้าเมื่อก่อนนี้ 3 วันก็ตั้งรัฐบาลกันแล้ว แล้วก็ไปฟ้องร้องศาลเอา แต่การที่ดำเนินการอย่างนี้ก็เหมือนกระบวนการที่ชาวโลกเขาทำกัน วันใดที่เลือกตั้งเสร็จ คณะกรรมการได้ทำหน้าทำตาให้ประเทศไทยไปแล้ว คือ การเลือกตั้งที่เรียบร้อย แล้วการจะมาตรวจ มาสอยกันนั้น
       
       ต้องขอเรียนว่า ทุกคนคงจะต้องทำใจ ใครโดนเข้าก็รู้สึกชอกช้ำ ใครไม่โดนก็สบายใจกันดี ทั้งหมดจะได้เห็นเลยครับว่า บางที บางจุด หัวหน้าพรรคแสดงอะไรไม่ได้เลย เพราะเกรงใจกรรมการ แต่ผู้ที่อยู่ท้องถิ่นหมื่นๆ ท่าน แสดงอะไรออกมา ผมก็เกรงใจกรรมการท่าน แต่อย่างพรรคชาติไทยท่านบอก ท่านประท้วงเองเลย ผู้ที่โดนใบแดงประท้วงเอง กางมุ้งท้วงเลย จะได้เห็นเลยว่าความรู้สึกคนที่โดนเป็นอย่างนั้น แต่เราก็กล้ำกลืนจนจบ เรียบร้อยนะครับ ขอขอบคุณคณะกรรมการเลือกตั้งที่ทำให้วิธีการได้เสร็จสิ้นตามที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ก็คือว่า ท่านประกาศเรียบร้อย 95 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์จะทำพิธีเปิด หลังจากนั้นจะเป็นพิธีเลือกประธาน เลือกนายกรัฐมนตรี
       
       การเจรจาความทั้งหมด ผมได้ขอบคุณ แล้วจะเล่าให้ฟังหน่อยว่า ทั้ง 2 พรรคที่แถลงสุดท้ายนั้น ที่เหตุผลของท่านบอกว่า เพื่อให้การเมืองไม่ไปตรงจุดอับ ได้มีที่หายใจกัน เดินหน้า และให้การเมืองเข้าสู่ปกติ ก็เป็นอันว่า การเมืองได้เริ่มต้น ก็ทั้ง 2 พรรคการเมืองได้ตัดสินใจ การตัดสินใจของพรรคการเมืองทั้ง 2 นั้นมีความหมายอย่างยิ่ง ที่จะทำให้คณะบริหารที่จะตั้งขึ้นมานั้น 315 เสียงนั้น โดยประมาณ มีความแข็งแรงพอที่จะมีอายุยืนยาวอยู่ ช่วยแก้ไขสถานการณ์ของบ้านเมือง รายละเอียดของความรู้สึกต่างๆ ที่ท่านได้รวมใจกันแล้ว บัดนี้ก็ 3 นาทีแล้ว ผมจะขอพูดเท่านี้ แล้วผมจะพูดเป็นคนสุดท้าย ขออนุญาตตรงนี้ อย่านับจำนวนสมาชิก นับอาวุโส ใครอายุมากได้พูดก่อน เชิญท่านหัวหน้าพรรคประชาราช
       
       นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช
       “ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพครับ สื่อมวลชนที่รักทั้งหลาย ผมคิดว่าการเมืองของเราวันนี้ที่เรามานั่งบนนี้ ถือว่าเป็นผู้อาสาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วคุ้นหน้าคุ้นตา และผ่านการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองมายาวนาน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สำคัญอย่างยิ่ง บ้านเมืองวิกฤตมามากพอสมควรแล้ว เพราะฉะนั้นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้มีจิตใจที่แน่วแน่ในฐานะที่เป็นผู้อาสา ในการจะมาดูแลบ้านเมือง ผมคิดว่า บ้านเมืองของเรานั้นถ้าหากว่าไม่ได้รับการแก้ไขโดยด่วน หรือถ้าแก้ไขไม่ถูกจุด บ้านเมืองเราไปไม่ได้ วิกฤตต่างๆ นั้นได้บีบคั้นประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราล้มลุกคุกคลานมาตั้งแต่ลอยค่าเงินบาท ตั้งแต่อะไรต่างๆ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง เศรษฐกิจข้างหน้านั้น ผมคิดว่า คนที่มานั่งอยู่ข้างบนนี้ ซึ่งเป็นตัวแทนของนักการเมือง เป็นตัวแทนของ ถ้าจะพูดกับผมก็ เหมือนพี่ๆ น้องๆ ลูกหลาน ได้เข้ามาอีกครั้งหนึ่ง
       
       หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การบริหารประเทศชาติบ้านเมืองนั้น จะอยู่นานหรือไม่นานนั้นอยู่ที่พวกเรา ถ้าพวกเรามุ่งมั่นแล้วมีจิตใจที่สะอาดหมดจด แล้วมีจิตใจที่จะดำเนินการตามที่เราได้อาสาเข้ามา ผมคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และต้องขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่ได้ตัดสินใจในการทำอะไรให้มันถูกต้อง ตามกฎตามเกณฑ์ เกิดความชอบธรรม ในเมื่อเราประกาศการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งแล้ว ความชอบธรรมจะต้องเกิดขึ้นตรงนั้น พรรคไหนเป็นพรรคใหญ่ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจมา เราจะต้องให้เกียรติ ไม่ใช่ว่าเราจะไปบล็อกนั่นบล็อกนี่ แล้วจะไปแบล็กนั่นแบล็กนี่ ผลที่สุดใครก็มาแบล็กไม่ได้ บล็อกไม่ได้ ประชาชน เพราะฉะนั้นผมขอพูดแค่นี้ ขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกคน ในการจะมาร่วมงานกันครั้งนี้ครับ”
       
       พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย
       “ผมได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคชาติไทย ท่านบรรหาร ศิลปอาชา ท่านได้มอบหมายให้ผมมาร่วมประชุม 6 พรรค ในการจะจัดตั้งรัฐบาล เหตุผลในการเข้าร่วมรัฐบาลนั้น ผมเรียนว่า ท่านหัวหน้าพรรคได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. เหตุผลทั้งหลายก็ตามที่หัวหน้าพรรคชาติไทยได้ชี้แจง เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมมาร่วมเพื่อยืนยันว่า จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย ขอบคุณครับ”
       
       พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
       “ผมและสมาชิกพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาทุกคน ยึดมั่นอย่างมั่นคงในเรื่องของความชอบธรรม ในเมื่อผลการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ความชอบธรรมจากพี่น้องประชาชนได้เทคะแนนเสียงให้กับพรรคพลังประชาชน ถึง 233 เสียง ในขณะนั้น เราต้องถือความชอบธรรมเป็นหลัก ถ้าเราไม่ยึดความชอบธรรมแล้ว ก็แสดงว่าเราเดินห่างออกจากระบอบประชาธิปไตย ซึ่งผมคิดว่าไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นไม่ว่าพรรคใดก็ตาม ผมขอยืนยัน ถ้าได้คะแนนเสียงสูงสุด พรรคนั้นจะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลเสียงก่อน ดังที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่า มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ได้ตัดสินใจ เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ หลักความชอบธรรม แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ความชอบธรรมต้องมาก่อน
       
       ประการต่อไป ผมคิดว่า อย่างที่ทุกท่านได้กล่าวมาแล้ว ขณะนี้บ้านเมืองกำลังวิกฤต เพราะฉะนั้นมีทางเดียวเท่านั้นที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อจะมาแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง ทั้ง 3 ประการใหญ่ๆ ซึ่งทุกท่านทราบดี เพราะฉะนั้นเราจะรอเวลาอีกไม่ได้ นี่เป็นประการสำคัญประการที่ 2 ประการต่อไป ผมขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่านเลย ที่ท่านมีขีดความสามารถสูง ท่านเป็นคนดี และท่านเป็นผู้มีประสบการณ์ ขอร้องว่า ท่านจะต้องเข้ามาร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาล เพื่อจะทำให้การแก้ปัญหาลุล่วงไปได้โดยง่าย มันจะได้เป็นความชอบธรรมว่าได้เกิดมาจากผู้ที่ได้กลั่นกรองกันมาอย่างดีแล้ว ผมอยากจะเห็นรัฐบาลในครั้งต่อไป จะต้องเป็นอย่างนั้นครับ ขอขอบคุณครับ”
       
       นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน
       “ได้แถลงไปแล้วนะครับว่า พรรคเพื่อแผ่นดินยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องการเห็น คือ ความสมานฉันท์ในบ้านเมือง การเมืองที่กลับมาสู่เสถียรภาพที่ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การเมือง และบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของเราให้เดินหน้าต่อไปได้ ถ้าการเมืองมีเสถียรภาพอย่างที่ท่านหัวหน้าสมัครพูด พวกเราร่วมมือกันทำงานคำนึงถึงประเทศชาติ และประชาชนแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งเรากำลังได้รับผลกระทบจากทั้งภายนอก และสุญญากาศการเมืองในช่วง 2 -3 เดือนที่ผ่านมา ผมมีความเชื่อมั่นว่าความสมานสามัคคีของพวกเราทุกคนจะทำให้การเมืองของเราเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น และทำให้ประเทศชาติของเรากลับคืนสู่สภาวะปกติ และนำเอาความสุขกลับมาให้พี่น่องประชาชน เพราะฉะนั้นตรงมีเป็นความปราถนา และความตั้งใจของพรรคเพื่อแผ่นดินในการตัดสินเข้าร่วมรัฐบาล 6 พรรคในคราวนี้”
       
       นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย
       “กราบเรียนหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ท่านตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคที่อยู่บนเวทีนี้ และท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ตลอดจนสื่อมวลชนที่รักทุกคน ในนามของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ดิฉันมีความภูมิใจที่ได้มาสนับสนุนพรรคพลังประชาชนในวันนี้ นักการเมืองทุกท่านมีความประสงค์อย่างยิ่งที่จะทำอะไรก็ตามให้ตอบสนองความต้องการ และการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนในประเทศไทย เช่นเดียวกันพรรคการเมืองทุกพรรคก็ย่อมที่จะต้องการแก้ปัญหา และทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และมีความสุข ดังนี้สิ่งที่ประชาชนได้รอคอยนั้นคือมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นความชอบธรรมเป็นอย่างยิ่งที่แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นพรรคการเมืองที่นิยมชื่นชอบของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย ดังนั้นพรรคมัชฌิมาธิปไตยจึงภูมิใจที่มีส่วนสนับสนุนให้พรรคพลังประชาชน ดำเนินกิจการตามความต้องการของประชาชน โดยการมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ และมัชฌิมาธิปไตยของเรามีสโลแกนอยู่ว่า"สร้างความสุขด้วยเศรษฐกิจพอเพียง" จึงคิดว่ารัฐบาลซึ่งมาจากความต้องการของประชาชน และความนิยมของประชาชนส่วนใหญ่คงจะสร้างความสุขให้กับคนไทยทุกคนด้วยเช่นกัน”
       
       นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน แถลงตอนท้ายอีกครั้ง
       “เมื่อกี้เรียนท่านที่เคารพว่าผมได้คุยกันเมื่อตะกี้นี้ ที่นั่งในห้องก็ได้เรียนทั้งหมดมานั่งร่วมกันขอขอบคุณทุกท่านที่ได้มาร่วมกันที่ทำให้การเมืองมันพ้นจากทางตัน แล้วเรียนสั้นๆ ว่าขอความร่วมมือเพราะเหตุว่าเมื่อรวมกันอย่างนี้ได้แล้ว มันได้ถึง 315 เมื่อรวมกันได้ขนาดนี้ ไม่ควรจะใช้ตัวเลขนี้ คือ อยู่กันพักๆ หนึ่งแล้วแตกแยกกันไปเพื่อไปเลือกตั้งกันใหม่ ขอร้องท่านว่า 315 ควรจะเป็นรัฐบาลที่มีความแข็งแรง การจัดสรรที่นั่งต่างๆ นั้น ยังไม่ได้ทำกันเลยยังไม่มีความต่อรองกันเลย แต่วิธีการของเรา คือ ว่าเมื่อพร้อมใจกันวันนี้รวมใจกันก่อน แล้วก็เปิดสภาฯ แล้วก็เลือกประธานฯ เลือกนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้ว จะมีคณะกรรมการของพรรคพลังประชาชน เพื่อเตรียมเจรจากันทุกพรรค คือ เจรจากันจนทุกคนพอใจได้ทำงานที่อยากได้ทำ เข้าที่เข้าทางเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะนำความขึ้นกราบบังคมทูล ทั้งหมด นี้ เข้าใจว่าเมื่อเลือกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างฝ่าย ต่างช่วยกันทำงาน
       
       งานต่อไปข้างหน้า คือว่า ทุกคนจะใช้ประสบการณ์ที่มี จะไปคัดเลือกผู้คนที่สามารถจะช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ผมเรียนทุกท่านแล้วว่าบ้านเมืองก็เสียเวลาไปเยอะ ถ้าตรงนี้เราได้พร้อมใจกันช่วยกันแก้ไข สักพักหนึ่งตั้งแต่ 4 หรือ 3 หรือ 2 หรือ 1สุดแท้แต่ สุดท้ายหลังจากนั้นแล้วก็ ถ้าเห็นพร้อมเพรียงกันแล้วก็จะได้ปรึกษาหารือกันว่าจะตกแต่งแก้ไขสิ่งที่เราควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร แล้วจึงค่อยมาเลือกตั้งกันอีกที ตอนนี้ถือว่ามีวิกฤติการณ์สถานการณ์สงบก็มาช่วยกันแก้ไขสถานการณ์จะใช้เวลายาวนานที่สุดเท่าที่จะช่วยกันแก้ไขได้ ขอร้องไว้เท่านั้นเอง ไม่มีการเจรจาอะไรกันลึกลับกันมากไป แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างไรอื่น หวังใจว่าทั้งหมดที่มารวมกันอยู่ได้นี้จะช่วยทำให้สถานการณ์การเมืองแก้ไขปัญหา เรา 6 หัว แล้ว และต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์มา และต่างฝ่ายต่างจะหาผู้คนที่จะช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง วิกฤติการณ์ข้างหน้ายังมีอยู่ครับ แต่เมื่อไรตั้งรัฐบาลเสร็จ ผมเชื่อว่าทุกอย่างคงได้ออกเดินหน้ากันต่อไป”
       
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-01-2008, 17:56


“พลังแม้ว” ส่ง 3 แกนนำถกจัดโผ ครม.- คาดนายกฯ ควบกลาโหม
 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000007753
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2551 10:03 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 
สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพปช.

 
 
 
  “พลังแม้ว” ส่ง “เลี้ยบ-ยุทธ-น้องเขยแม้ว” ถกจัดโผ ครม. คาดนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม ขณะเดียว กันคาด “มิ่งขวัญ” นั่งพาณิชย์
       
       วันนี้ (20 ม.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการเตรียมการจัดคณะรัฐมนตรีระหว่างพรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งทั้ง 6 พรรคว่า ในส่วนของพรรคพลังประชาชนนั้น ตั้งตัวแทน 3 คนเพื่อเป็นผู้เจรจาความในการจัดคณะรัฐมนตรีแล้ว คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
       
       อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ผังการจัดคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ว่า ผู้ที่จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่นี้อาจต้องเข้าควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย ส่วนการวางตัวบุคคลของพรรคพลังประชาชนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ด้านเศรษฐกิจนั้น คาดว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อาจเข้ามารับหน้าที่ดูแลกระทรวงพาณิชย์ด้วยเช่นกัน
       
       ด้านบรรยากาศการรับหนังสือรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังจาก กกต.ได้มีมติรับรอง ส.ส.เพิ่มเติมอีก 29 คน โดยวานนี้ (19 ม.ค.) มี ส.ส.เดินทางมารับหนังสือรับรองแล้ว จำนวน 16 ราย ขณะที่เหลือ ส.ส.อีกเพียง 13 ราย ที่ยังไม่ได้เดินทางมารับหนังสือ
       
       ขณะที่มีรายงานว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน จะเดินทางมารับหนังสือในวันนี้ด้วย สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส.จะมีเวลาจนถึงวันพรุ่งนี้ช่วงเช้า เพื่อเปิดประชุมสภาในช่วงบ่าย
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-01-2008, 13:33
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2550#.E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.B4.E0.B8.81.E0.B8.AA.E0.B8.A0.E0.B8.B2.E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B9.81.E0.B8.97.E0.B8.99.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.A9.E0.B8.8E.E0.B8.A3.E0.B9.81.E0.B8.9A.E0.B8.9A.E0.B8.AA.E0.B8.B1.E0.B8.94.E0.B8.AA.E0.B9.88.E0.B8.A7.E0.B8.99

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปที่กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550[1] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 480 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนจำนวน 80 คน

มีการกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในเขต และนอกเขตวันที่ 15-16 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยต้องไปลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดได้ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ส่วนเลือกตั้งในเขตไม่ต้องลงทะเบียน แต่ไปใช้สิทธิได้



หัวข้อ: กกต.รับรอง ส.ส.ครบ 480 คนแล้ว ถกยุบมัชฌิมาฯ สัปดาห์นี้ ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 17:21



กกต.รับรอง ส.ส.ครบ 480 คนแล้ว ถกยุบมัชฌิมาฯ สัปดาห์นี้
 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000011778
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มกราคม 2551 13:08 น.
 
 
 
นายสุเมธ อุปนิสากร 
 
 
       กกต.รับรอง ส.ส.เพิ่มอีก 3 คน จนครบทั้งสภา 480 คนแล้ว ขณะเดียวกัน “มัชฌิมาฯ” ลุ้นระทึกเตรียมเข้าสู่การพิจารณาหาข้อสรุปเรื่องยุบพรรคในสัปดาห์นี้ ขณะที่ชาติไทยคิวต่อไป “สุเมธ” สำทับชี้ขาดจะดูเรื่องข้อกฎหมายเป็นหลัก ส่วน “สดศรี” ไม่หวั่นรัฐบาลนอมินีแทรกแซง
       
       วันนี้ (29 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ปราจีนบุรีที่ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ว่าที่ ส.ส.พรรคมัชฌิมาธิปไตยได้รับการเลือกตั้ง โดย กกต.จังหวัดปราจีนบุรี ระบุว่าได้รับแจ้งจากผู้ร้องคัดค้านขอถอนคำคัดค้านเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่สุจริต และเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชัยนาทที่ นางพรทิวา นาคาศัย ว่าที่ ส.ส.มัชฌิมาธิปไตย และนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้ง เนื่องจาก กกต.ชัยนาทมีมติยกคำร้องเรื่องร้องคัดค้าน เพราะเป็นการร้องซ้ำในประเด็นเดิม ดังนั้น เมื่อไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต.จึงมีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คน ใน 2 เขตเลือกตั้ง ทำให้ขณะนี้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ครบ 480 คนแล้ว
       
       นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการพิจารณาเสนอยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ที่กรรมการบริหารพรรคถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งว่า กกต.สามารถใช้ดุลพินิจตามกรอบของกฎหมายได้ เพราะกฎหมายเปิดช่องเอาไว้ ซึ่ง กกต.ก็จะยึดหลักนิติธรรมและความเป็นธรรมเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ตนได้รับบันทึกของด้านกิจการพรรคการเมือง กกต.ที่นำเสนอความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมือง กกต. เกี่ยวกับเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยตนกำลังตรวจสอบอยู่และจะนำเสนอประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป
       
       ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนสำนวนทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย ทางอนุกรรมการสอบสวนที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ยังไม่ได้สรุปสำนวนเสนอ กกต. คาดว่าอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการโดยล่าสุดคณะอนุฯ ได้สอบปากคำพยานฝ่ายผู้ร้องคัดค้านครบหมดแล้ว แต่ยังสอบปากคำพยานฝ่ายนายยงยุทธไม่ครบ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายผู้ถูกร้องพยายามยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ นั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นดุลพินิจของคณะอนุฯ ว่าจะทำอย่างไร แต่หากการสืบสวนล่าช้าจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
       
       เลขาธิการ กกต.ยังยืนยันด้วยว่า แม้พรรคพลังประชาชนจะได้เป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลและ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม กกต.ก็ไม่มีปัญหาในการทำงานแต่อย่างใด เพราะกกต.ยึดหลักการทำงานด้วยความเป็นอิสระ เช่นที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ กกต.ว่า กกต.กลัวคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่ กกต.ก็ฝ่าฟันมาจนได้ และตอนนี้ประเทศเรากลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว กกต.จะทำงานตามเดิม คือการยึดความเป็นอิสระและกรอบกติกาของกฎหมาย ซึ่ง กกต.คงไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ และ กกต.คงต้องถูกตำหนิเช่นกัน เพราะ กกต.อยู่ตรงกลางและไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ทั้งหมด
       
       ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส.ส.ที่สังกัดพรรคดังกล่าวก็สามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 90 วัน แต่ทั้งนี้เรื่องการยุบพรรคไม่ใช่ว่าจะสามารถทำกันได้ง่ายๆ ต้องมีเหตุผลประกอบที่เพียงพอ ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะทำหนังสือขอให้ กกต.พิจารณาเรื่องยุบพรรคโดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์ กกต.ก็พร้อมจะรับฟัง แต่ตามหลักการแล้ว กกต.ก็ต้องพิจารณาโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก
       
       ส่วน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพิจารณากรณียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ว่า กกต.ยังไม่ได้นำทั้ง 2 เรื่องมารวมกัน โดยกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการที่ปรึกษา ด้านกิจการพรรคการเมืองแล้วว่า การที่กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิอาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การยุบพรรค ตามมาตรา 103 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องนำมาพิจารณาต่อไป คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้
       
       ส่วนจะสามารถนำกรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตยมาเทียบเคียงเพื่อดำเนินการกับพรรคชาติไทยได้หรือไม่นั้นก็ต้องดูข้อเท็จจริงว่าสามารถเทียบเคียงกันได้หรือไม่ หากได้ก็คงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องพรรคชาติไทยไปสู่การพิจารณาคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมืองอีก
       
       “กกต.เรายังไม่ได้พูดกันเลยสำหรับกรณีพรรคชาติไทย จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ กกต. 5 คน ว่า กรณีพรรคชาติไทยมีข้อเท็จจริงเหมือนกับกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งผู้ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิก็คือกรรมการบริหารของพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้น หากกรณีทั้ง 2 มีความคล้ายคลึงกัน อาจจะไม่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมือง”
       
       ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสถานภาพการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ว่าคาดว่าจะสามารถสรุปเรื่องสถานภาพของนายประชัยได้เร็วกว่าการสรุปเรื่องการยุบพรรค เพราะว่าการพิจารณาเรื่องยุบพรรค กกต.ต้องพิจารณาให้ดีก่อน เนื่องจากต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป โดยคาดว่าเรื่องสถานภาพนายประชัยจะสามารถนำเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ได้ภายใน 1-2 วันนี้
       
       นางสดศรี ยังกล่าวถึงกรณีพรรคชาติไทยจะมีหนังสือขอให้ กกต.พิจารณาเรื่องการยุบพรรคโดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากว่านิติศาสตร์ว่า หลักนิติศาสตร์คือเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่ กกต.ดูอยู่ ส่วนหลักรัฐศาสตร์นี้ หากเป็นหลักรัฐศาสตร์เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว กกต.คงไม่ต้องนำมาวินิจฉัย แต่หากเป็นหลักรัฐศาสตร์เพื่อประเทศชาติ ก็คงอาจต้องนำมาวินิจฉัย
       
       นางสดศรี ยังมั่นใจว่ารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และกลุ่มอำนาจใหม่จะไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของ กกต. และไม่อยากรู้สึกวิตกจริตไปก่อน ทั้งนี้ คิดว่านายสมัครเป็นนักการเมืองเก่า มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ มาก คงไม่มายุ่งกับการทำงานของ กกต. รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยประกาศว่ารัฐบาลจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของ กกต. และกกต.ไม่กลัวการเช็กบิล เพราะการที่เราเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว การที่จะกลับไปอยู่บ้านโดยที่ไม่เป็น กกต.ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนระยะยาว
       
       /0110
 
 


หัวข้อ: “เติ้ง” ตบะแตก! กร้าวฟ้องแพ่ง-อาญา “ชูวิทย์” ร้อยล้าน ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 17:35



“เติ้ง” ตบะแตก! กร้าวฟ้องแพ่ง-อาญา “ชูวิทย์” ร้อยล้าน
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000011612
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มกราคม 2551 01:54 น.
 
 

   
 
 
   
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย
 

 
 
“บรรหาร” ตบะแตก กร้าวฟ้องหมิ่นฯ “ชูวิทย์” เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน พร้อมพ่วงฟ้องอาญาฐานให้ร้าย มั่นใจหลักฐานจากเทปวีดีโอมัดแน่น ยัน “เติ้ง” ฟ้องร้องเป็นการส่วนตัว-ไม่ได้ทำในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทย
       
       วานนี้ (28 ม.ค.) นายเกษม สรศักดิ์เกษม ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทยในการกล่าวโจมตีพรรคในช่วงที่ผ่านมาว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้สั่งการแล้วว่า จะมีการดำเนินการฟ้องนายชูวิทย์เป็นการส่วนตัว ทั้งในความผิดทางแพ่ง และอาญา โดยความผิดทางแพ่งจะฟ้องร้องนายชูวิทย์ ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยจะเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท
       
       “ส่วนความผิดอาญาในถ้อยคำฐานหมิ่นประมาทนั้น จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาให้มีการดำเนินคดีจนถึงที่สุด สำหรับถ้อยคำความผิดของนายชูวิทย์ ที่จะมัดตัวในทางคดี คือ การแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าพรรคชาติไทย ที่ได้นำรูปนายบรรหาร มาประกอบการแถลงข่าวนั้น ถือเป็นการใช้ถ้อยคำให้ร้าย และหมิ่นประมาท ซึ่งมีความผิด และมีหลักฐานชัดเจน” นายเกษม กล่าว
       
       นายเกษม กล่าวต่อว่า เรื่องนี้นายบรรหาร เสียหายเป็นการส่วนตัว และไม่ได้ฟ้องในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง สำหรับการแถลงข่าวที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 28 ม.ค.นี้นั้น ต้องดูถ้อยคำความผิดด้วยว่ามีคำกล่าวร้าย หรือให้ร้ายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นจะต้องมีการนำเทปมาเปิดดูอย่างละเอียดเพื่อดำเนินคดีต่อนายชูวิทย์ จนถึงที่สุด

 
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: เปิดนโยบายรัฐบาล “หมัก 1” ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-01-2008, 17:43


เปิดนโยบายรัฐบาล “หมัก 1”
 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000011587
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มกราคม 2551 06:05 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และว่าที่นายกรัฐมนตรี

 
 
 
  เปิดโผนโยบายรัฐบาล “หมัก 1” เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน พร้อมยืนยันจะทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังปัญหาและผลักดันการทำงานร่วมกัน อีกทั้งจะสร้างเสถียรภาพความปรองดอง และความมั่นคงของประเทศ และทางในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
       
       รายงานข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า นโยบายรัฐบาลผสม 6 พรรค โดยใช้นโยบายพรรคพลังประชาชนเป็นหลักนั้น เบื้องต้นคณะทำงานด้านนโยบายฯให้รายละเอียดเบื้องต้นของร่างนโยบายรัฐบาลสมัคร 1 ดังนี้
       
       นโยบายรัฐบาลในภาพรวม
       
       รัฐบาลมีแนวนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินโดยยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยครอบคลุม ถึงแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามบทบัญญัติในหมวด 5 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
       
       โดยเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่น จะสร้างเสถียรภาพ สร้างความปรองดองและความมั่นคงของประเทศ และทางในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ประเทศเพิ่มความเข้มแข็งในทุกภาคส่วน รวมถึงการพัฒนาภาคสังคม และการเมืองของประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยทุกคน
       
       โดยกำหนดเป้าหมายและทิศทางของการพัฒนาให้สอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการพัฒนาและการบริหารประเทศ รัฐบาล ดังนี้
       
       1.สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้เป็นวาระแห่งชาติ
       
       2.กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มทุนหมุนเวียน เตรียมความพร้อม รองรับการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเพื่อประชาชน โดยใช้มาตรการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายขยายโอกาสให้แก่ประชาชน โดย
       - การเร่งรัดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีผลต่อรายได้ของประชาชน
       - ส่งเสริมการจัดตั้งฟาร์มโคที่มีคุณภาพ พร้อมสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตโคคุณภาพ โคล้านตัว วัวแสนฟาร์ม
       - ยกเลิกมาตรการกันเงินทุนสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย สร้างความมั่นใจและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อเร่งกระตุ้นภาวการณ์ลงทุนในระบบเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง
       - พักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้สร้างรายได้ใหม่
       - จัดสรรงบ เอส เอ็ม แอล หมู่บ้านขนาดเล็ก 3 แสนบาท หมู่บ้านขนาดกลาง 5 แสน บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 7 แสนบาท
       - ประกาศปีท่องเที่ยวไทย ประทับใจไทยแลนด์ ประกาศให้ปี 2551-2552 เป็นปีการท่องเที่ยวไทย เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และประกาศความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยว จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำรายได้จากการท่องเที่ยวมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวจาก 14 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน
       - บริหารการคลังอย่างมีเสถียรภาพ เรื่องการรักษาวินัยการคลัง การจัดทำแผนบริหารทรัพย์สินและหนี้สาธารณะ
       - เร่งพัฒนาและฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินให้สามารถทำหน้าที่เกื้อกูลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจได้ตามปกติ
       - ส่งเสริมการพัฒนาและต่อยอดภายใต้แนวทาง “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระยะที่ 2” ภายใต้การส่งเสริมให้เกิดกลไกทางการตลาดของสินค้า
       - ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ สร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุน
       - ปรับปรุงระบบภาษีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ
       - สนับสนุนการใช้หลักคุณธรรม จริยธรรม และหลักธรรมาภิบาล
       - รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
       
       3.เร่งผลักดันให้เริ่มดำเนินการลงทุนภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มทุนหมุนเวียน เตรียมความพร้อม วางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเพื่อประชาชน โดยการอัดฉีดเงินลงทุนหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจ ในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรองรับการขยายตัวของการค้าการลงทุน
       - วางโครงข่ายคมนาคม และระบบขนส่งสินค้าครบวงจร (โลจิสติกส์) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและการเดินทางที่รวดเร็ว ปลอดภัย
       - การส่งเสริมให้เกิดโครงข่ายคมนาคมทางรถไฟ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง และขยายรางให้ได้มาตรฐานเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน
       - พัฒนากองเรือพาณิชย์นาวี เพื่อเพิ่มศักยภาพ อำนวยความสะดวก รวดเร็วและลดต้นทุนค่าขนส่งขนส่งสินค้าทางทะเล ของไทย
       - การส่งเสริมการสร้างถนนเพื่อการขนส่งสินค้าทางการเกษตร เชื่อมโยงระหว่างหมู่บ้าน และตำบล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรมายังตลาดหรือแหล่งรับซื้อ
       - ปรับสร้างระบบโครงข่ายรถไฟฟ้าเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร
       
       4.นโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย พัฒนา ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนจากธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดความสมดุลกับสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ โดย
       - การสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานแบบผสมผสาน ปรับสัดส่วนการใช้พลังงานในการขนส่ง จากน้ำมัน เป็นก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นทรัพยากรภายในประเทศอันเป็นแหล่งพลังงานหลักของประเทศอย่างจริงจัง เพื่อลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และมลภาวะอากาศ อันเป็นการส่งเสริมให้เกิดสุขภาพที่ดีของประชาชน และเป็นการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยมุ่งส่งเสริมการขยายสถานีบริการแก๊สให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวแก่ประชาชน
       - การส่งเสริมการใช้พลังงานแสงแดด (โซลาร์เซลล์ ) พลังงานลม ทดแทนการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง
       - การส่งเสริมการปลูกอ้อย และมันสำปะหลัง ทั้งเพื่อเป็นอาหาร และเพื่อเป็นการผลิตเอทานอล ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการขยายการตั้งโรงงานผลิตเอธานอล ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งยังส่งเสริมการปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อผลิตพลังงานไบโอดีเซล เช่น ปาล์มน้ำมัน สบู่ดำ ข้าวฟ่างหวาน ข้าวโพด ไม้โตเร็ว รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานจากชีวมวลอื่น เช่น แกลบ เป็นต้น
       - ส่งเสริมการจัดหาและการใช้พลังงานทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเร่งสำรวจพัฒนา และจัดหาแหล่งพลังงานทดแทน รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแนวใหม่เพื่อการประหยัดพลังงาน
       
       5.การศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สร้างยุทธศาสตร์การแสวงหาองค์ความรู้เพื่อสร้างโอกาสให้ชีวิต โดยการปฏิรูประบบการศึกษา หลักสูตรการศึกษา เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ โดย
       - ปฏิรูปการเรียนรู้ โดยยึดหลักผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักการเรียนรู้ด้วยตนเองและหลักการเรียนรู้ตลอดชีวิต เน้นพลังความคิดสร้างสรรค์ การสร้างนิสัยรักการอ่าน การจัดให้มีห้องสมุด ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน และสื่อการเรียนรู้ประเภทต่างๆ อย่างทั่วถึง
       - ให้โอกาสการเรียนรู้แก่นักเรียน เรียนฟรี อย่างมีคุณภาพ มีงานทำระหว่างเรียน ให้นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้เรียนฟรี
       - โครงการเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เรียนก่อนผ่อนทีหลัง ให้นักเรียนนักศึกษา มีเงินยืมเรียน ในระดับการศึกษาที่สูงกว่าขั้นพื้นฐาน สานต่อโครงการเงินกู้ยืมเรียนที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นกับเยาวชน จากการหารายได้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาและสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชน
       - พัฒนาครูของชาติ สรรหาบุคคลากรที่มีศักยภาพ (ครูช้างเผือก) เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การศึกษาของชาติ ตลอดจนนวัตกรรมการศึกษาจากในและนอกระบบการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน
       - ส่งเสริมวิชาชีพครูให้มีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับนับถือ และไว้วางใจจากสาธารณชนรวมทั้งพัฒนาและผลิตครูที่มีคุณภาพและคุณธรรม
       - ปรับโครงสร้างหนี้สินครู และบุคคลากรทางการศึกษา ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปรับโครงสร้างหนี้สินครู และบุคคลากรทางการศึกษาอย่างจริงจัง
       - สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งความรู้ ข่าวสารข้อมูล และสร้างรายได้ เพื่อแสวงหาความรู้ในการพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน และการทำงาน เพื่อให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
       - โครงการสื่อการศึกษา “ครูเสมือนจริง” ในพื้นที่ที่ขาดแคลนครู โดย พัฒนาสื่อการศึกษาทั้งระบบ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาให้สูงขึ้นโดยการสร้างสื่อการศึกษาเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ยากให้ผู้เรียนเข้าใจง่าย กระจายผ่านสื่อที่มีประสิทธิภาพ
       - ขยายอุทยานการเรียนรู้ในรูปแบบ “ห้องสมุดมีชีวิต - TK Park” ให้ทั่วถึง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค
       - การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ “อัจฉริยะสร้างได้” เปิดโอกาสให้ประชาชนค้นหาความถนัดของตนเอง และพัฒนาศักยภาพในทักษะด้านนั้น
       - วิทยาลัยชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพจังหวัด พัฒนาวิทยาลัยชุมชนให้เป็นองค์กรถ่ายทอดองค์ความรู้ตามศักยภาพจังหวัดแก่ OTOP และ SMEs ในระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
       - จัดให้มีโครงการมหาวิทยาลัยวิจัย ขยายขีดความสามารถของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ให้เป็นสถาบันหลัก ในการศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพ ของทรัพยากรพื้นที่ของแต่ละจังหวัด
       - โรงเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนา เพิ่มโรงเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอน การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนา ทั่วทุกภูมิภาค
       
       6.รัฐบาลมีแนวทางบริหารเพื่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก มีนโยบายที่จะพัฒนาการเมืองของประเทศไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถปกครองตนเอง และพิทักษ์สิทธิของตนได้ รวมทั้งจะมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใส และขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้บริการประชาชน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และเอื้อต่อการพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต มีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจน โดยจะยึดปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
       
       7.ด้านการบริหารราชการ โดยจัดระบบงบประมาณของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ให้สอดคล้องและต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกับการพัฒนาของประเทศ และมีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการใช้งบประมาณของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม จังหวัดและท้องถิ่น รวมถึงการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายด้านงบประมาณให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวและแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น ให้มีระบบควบคุมตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส

 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-01-2008, 01:19



กกต.ชี้ช่องสอบคุณสมบัติ “หมัก” เดิมพันเก้าอี้นายกฯ  
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000012486
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2551 19:31 น.
 
 
   
ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.
 
 
       “ประพันธ์” ชี้ช่อง ยื่นสอบคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งนายกฯของ “สมัคร” ก่อนส่งศาล รธน.ชี้ขาด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบคดียุบพรรค มฌ-ชท.ใช้มาตรฐานเดียวกัน พร้อมระบุกรณี 111 อดีต กก.บห.ที่ถูกตัดสิทธิ์ ยุ่งเกี่ยวจัดโผ ครม.ถือเป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายผิด กม.
       
       
       วันนี้ (30 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการประชุมกกต.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาความเห็นของคณะกรรมการด้านกิจการพรรคการเมือง ที่เสนอความเห็นด้านกฎหมายกรณีกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตย และ พรรคชาติไทย ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ว่า พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายตามที่ พ.ร.บ.เลือกตั้ง มาตรา 103 กำหนด และ กกต.ควรเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค และหาก กกต.จะไม่เสนอเรื่องก็ต้องมีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ว่า กรณีดังกล่าวไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งเป็นโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่ง กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อกฎหมายกำหนดในลักษณะดังกล่าว จึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ มีหน้าที่รวบรวมหลักฐาน รวมทั้งให้สอบพยานเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ว่า พรรคเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร เพราะในการชั้นการพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคของ กกต.มีเพียงหลักฐานว่าหัวคะแนนไปกระทำการและมีความเชื่อมโยงถึงผู้สมัครเท่านั้น
       
       ทั้งนี้ คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ประกอบด้วย นายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธานคณะกรมการ พล.ต.อ.มีชัย นุกูลกิจ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ และ นายธนิศร์ ศรีประเทศ เป็นกรรมการ ซึ่ง กกต.ไม่กำหนดเวลาในการสอบแต่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
       
       เมื่อถามว่า ก่อนเลือกตั้ง พรรคการเมืองได้ทำหนังสือแจ้ง ให้ผู้สมัครทุกคนไม่ทำผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ความผิดมาถึงพรรค นายประพันธ์ กล่าวว่า คงไม่มีผล เพราะทุกพรรคก็กระทำเช่นนี้ แต่พรรคจะเกี่ยวหรือไม่ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง กรณีนี้ก็เหมือนการออกประกาศของห้างสรรพสินค้าที่ระบุว่า หากรถหายในลานจอดรถเขาจะไม่รับผิดชอบ แต่ถามว่าหากเกิดเหตุดังกล่าวจริง ห้างสรรพสินค้าก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ซึ่งเรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งตาม มาตรา 103(2) ก็เขียนว่าหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค มีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยก็ให้ถือว่าพรรคนั้นมีส่วนในการกระทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ เป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการเรื่องยุบพรรค โดยกฎหมายก็เขียนแค่ กรรมการบริหารพรรค ไม่ได้เขียนว่าคณะกรรมการบริหารทั้งหมด ดังนั้นการกระทำของคนเพียงคนเดียวก็เข้าข่ายตามมาตรานี้
       
       “การจะยุบหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ และศาลจะดูว่าพฤติกรรมและความร้ายแรงที่เกิดขึ้น พรรคต้องเข้ามารับผิดชอบหรือไม่ ดังนั้น ตอนนี้จึงไม่อยากให้ทั้ง 2 พรรคตีโพยตีพาย ว่า เรามีธงมีเป้าอะไร เพราะกรณีแบบนี้ต่างจากกรณีจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยในอดีต ซึ่งหากไปดูในคำวินิจฉัยจะเห็นชัดถึงพฤติกรรมที่กระทำเป็นภาพกว้างว่าทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ แต่หากกรณีนี้ไม่ชัดว่าพรรครู้เห็นศาลก็คงวินิจฉัยไปอีกทาง แต่หากพบหลักฐานเช่นมีการโอนเงินจากพรรคไปให้กรรมการบริหารพรรคคนนั้น อย่างนี้ก็ถือว่าชัดเจน”
       
       ส่วนกรณีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร หาก กกต.เสนอให้ศาลฎีกาพิจารณา และมีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธจริง ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาความผิดที่เกี่ยวกับพรรคในทำนองเดียวกัน แต่ทั้งนี้การจะดำเนินการก็ต้องรอคำตัดสินของศาลฎีกาเสียก่อน
       
       อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการสอบสวนสำนวนดังกล่าวในการประชุม กกต.ก็ไม่ได้หารือกรณีที่นายยงยุทธ ต้องการให้นำซีดีแปดแผ่นที่เป็นหลักฐานการทุจริตส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานพิจารณา ส่วนตัวคิดว่าควรเป็น ดุพินิจของคณะอนุกรรมการที่มี นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธานมากกว่า
       
       นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีการจัดตั้ง ครม.ที่มีข่าวว่าอดีตกรรมการบริหารพรรค 111 คนเข้ามาเป็นผู้จัดโผ ว่า เรื่องเป็นนอมินี หรือตัวแทนเชิด กกต.ก็มีการตั้งอนุกรรมการสืบสวนอยู่ เมื่อมีข้อมูลลักษณะนี้เกิดขึ้นอนุกรรมการอาจจะนำเรื่องไปประกอบการพิจารณาด้วย แต่ที่เป็นปัญหาคือเมื่อมีการพูดแล้ว พอ กกต.ขอข้อมูลไปหรือขอให้มาเป็นพยาน คนเหล่านั้นก็กลับบอกว่าไม่เกี่ยวเหมือนช่วงก่อนเลือกตั้งที่ปรากฏว่า มีนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคคนหนึ่งออกมาพุดว่ามีการซื้อตัว ส.ส.สูงถึง 40 ล้านบาท กกต.ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปขอข้อมูลเขากลับบอกว่า เป็นเรื่องที่พูดต่อๆ กันมา ดังนั้น ที่ปรากฏข่าวในขณะนี้ ว่า อดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ จัดเลี้ยงและเชิญ ส.ส.ไปคุยเพื่อจัดโผนั้น ก็ต้องมีข้อมูลหรือมีหลักฐานที่ชัดเจนมากกว่านี้ โดยอาจจะต้องหาคนที่ไปร่วมงานเลี้ยง มายืนยันว่า ให้คนนั้นคนนี้ไปดำรงตำแหน่งใน ครม.หากมีหลักฐานขนาดนี้จึงจะถือว่าอดีตกรรมการบริหารพรรคคนนั้นกระทำการในหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค และเข้าข่ายผิดตามาตรา 97 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง
       
       เมื่อถามว่า นายยงยุทธ จะตั้งสภาภาคประชาชน และดึงอดีตกรรมการบริหารพรรคมาเข้าร่วม นายประพันธ์กล่าวว่า ก็ต้องดูว่การเข้ามาช่วยงานการเมืองเป็นลักษณะงานของกรรมการบริหารพรรคที่ระบุไว้ในข้อบังคับพรรคหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ที่ กกต. ตีความว่า ห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัสิทธิขึ้นเวทีปราศรัย ก็เพราะเราเห็นว่าการปราศรัยเป็นการรณรงค์หาเสียง ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค แต่หากเขาไปทำการในลักษณะให้ความรู้ทางวิชาการ ก็มองว่าสามารถทำได้ หรือการไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของรัฐมนตรี โดยที่ไม่มีชื่อเป็นทางการก็ทำได้
       
       นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้จะเสนอยื่นให้ตีความคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องคำพิพากษาจำคุก ว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรค สาม ประกอบ มาตรา 91 และ 92 ที่ระบุเกี่ยวกับความสิ้นสุดลงของการเป็นรัฐมนตรีกำหนดให้ กกต.เป็นผู้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้น หากมีผูมายื่นเรื่องกรณีดังกล่าว กกต.ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมกรขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะเสนอศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
       
       ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาความเห็นของสำนักกฎหมายและคดี กกต.กรณีที่ นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ขอให้ตรวจสอบกรณี กกต.คนหนึ่งไม่คืนสำนวนทุจริตเลือกตั้งที่จ.เชียงรายจนทำให้สำนวนรั่ว โดยสำนักกฎหมายและคดีเสนอความเห็นว่าเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะพิจารณา เพราะนายวีระก็ได้ยื่นผ่านช่องทางดังกล่าว แต่ในส่วนของข้อเท็จจริงกกต.ก็อยากให้มีความกระจ่างว่าสำนวนมีการรั่วจริงหรือไม่ จึงมีมติให้เลขาธิการ กกต.ไปดำเนินการ
       
       ดังนั้น ตนจึงจะตั้งคณะทำงานขึ้นมามีผู้ตรวจการกกต.เป็นประธาน และตัวแทนสำนักกฎหมายเป็นกรรมการ โดยจะสอบย้อนกลับไปว่าต้นตอของข่าวมาจากไหน และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง รวมถึง พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผบ.ตร.สันติบาล และการสอบถามจากกกต.ทั้ง 5 คน และตนที่เข้าร่วมประชุมในวันที่สันติบาลนำสำนวนดังกล่าวมาชี้แจง อย่างไรก็ตาม การรั่วไหลของสำนวนไม่จำเป็นจะต้องเกิดจากการที่มีกกต.คนหนึ่งไม่คืนเอกสาร เพราะโดนข้อเท็จจริงแล้วถ้ามองย้อนกลับไปแล้ว สำนวนทุจริตจังหวัดเชียงรายมีอยู่ทั้งที่กกต.จ.เชียงรายบางส่วน กกต.กลาง และในมือของสันติบาล ซึ่งการสอบสวนไม่ได้กำหนดระยะเวลาแต่จะทำให้เสร็จโดยเร็ว
 
 


หัวข้อ: โผ ครม.หมัก 1 ลงตัว ส่งตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-01-2008, 17:58


โผ ครม.หมัก 1 ลงตัว ส่งตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000012929
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 มกราคม 2551 16:16 น.
 
 
 
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพปช. 
 
 
       “เลขาธิการ พปช.” ยัน ครม.สมัคร 1 ทั้ง 35 ตำแหน่งลงตัวแล้ว พร้อมส่งรายชื่อให้เลขาธิการ ครม.ตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะที่แกนนำพรรคร่วมนัดหารือร่างนโยบายพรุ่งนี้
       
       วันนี้ (31 ม.ค.) ที่พรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้ง ครม.สมัคร 1 โดย นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรี ทั้งในส่วนของพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค คือ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ครบทุกกระทรวง 35 ตำแหน่ง โดยรายชื่อบุคคลจากพรรคต่างๆ ที่จะเสนอให้เป็นรัฐมนตรีนั้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารพรรคต่างๆ ที่ได้ส่งรายชื่อให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยนายสมัครได้พิจารณาบุคคลที่จะมาทำหน้าที่บริหารกระทรวงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับได้เรียกนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม.มาพบเพื่อนำรายชื่อของผู้ที่ได้รับการเสนอจากพรรคต่างๆให้เป็นรัฐมนตรีไปตรวจสอบคุณสมบัติก่อนที่จะทูลเกล้าฯ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน
       
       นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า 3 พรรคการเมืองที่แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2550 นั้นมีความลงตัวและไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ สำหรับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีนั้นยอมรับว่านายสมัครได้หารือกับแกนนำพรรคบางคนด้วย สำหรับการตรวจสอบคุณสมบัติของ ครม.ทั้งคณะรวมถึงนายกฯ ด้วยนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมดให้ครบถ้วนเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมั่นใจว่ารายชื่อทั้งหมดจะมีคุณสมบัติครบถ้วนไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนรายชื่อครม.ที่สื่อมวลชนนำเสนอนั้นถูกต้องหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า รายชื่อ ครม.ที่สื่อนำเสนอไปนั้น ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ตนมีอยู่ เป็นความเห็นของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดข้อมูลบางคนบางด้าน ไม่ใช่ทั้งหมด น่าจะมาจากแหล่งข่าวที่อยากให้บุคคลที่ตัวเองสนับสนุนได้เป็นข่าวและได้เป็นรัฐมนตรี วันนี้รายชื่อ ครม.ที่สื่อมวลชนนำเสนอไปนั้นจึงเห็นได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ไม่ขอบอกว่าตรงกับสิ่งที่ตนมีอยู่เท่าใด นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ก.พ.นั้น แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะนัดประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงร่างนโยบายรัฐบาลที่โรงแรมสุโขทัย ในเวลา 10.00 น. โดยในส่วนของพรรคพลังประชาชนนำโดยตน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค และนายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน
       
       ด้าน นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ได้เดินทางมามอบมติกรรมการบริหารพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่เสนอผู้ที่เหมาะสมไปดำรงตำแหน่งในการบริหารราชการ โดยเป็นมติพรรคที่เคยยื่นและให้ข้อตกลงในการประกาศร่วมจัดรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2550 แล้ว ซึ่งพรรครวมใจไทยฯ ได้รับการมอบหมายให้ดูแล รมว.พลังงาน และรมช.คลัง สำหรับการมายื่นหนังสือต่อนายสมัครวันนี้นั้น พรรคได้ระบุบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีด้วย แต่หากเปิดเผยรายชื่อบุคคลดังกล่าวก่อนที่จะมีการทูลเกล้าฯจะเป็นการไม่เหมาะสม ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนขอแลกกระทรวงพลังงานจากพรรครวมใจไทยฯ กับกระทรวงสาธารณสุขนั้น เป็นสาเหตุของการมาแถลงข่าวในวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดการยื้อหรือต่อรองใช่หรือไม่ นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เรื่องยื้อคงไม่มี เพราะเรื่องนี้คุยกันมานานแล้วตั้งแต่ช่วงแรกของการหารือเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว

 
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-01-2008, 17:59


 “มีชัย” แหยงสันดาน “หมัก” เตือนสื่อระวังตั้งคำถาม  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 มกราคม 2551 16:02 น.
 
 
   
มีชัย ฤชุพันธ์ ปธ.สภานิติบัญญัติฯ
 
 
       “ปธ.สนช.” งดวิจารณ์ “ครม.หมัก” เพื่อนร่วมรุ่น เตือนสื่อระวังตั้งคำถาม ชี้นิสัยนายกฯ ไม่เคยเปลี่ยน แนะสังคมจับตาจะถูกใครเชิดหรือไม่ ติง กม.เจ็ดชั่วโคตรตึงเกินไป แต่ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการจัด ครม.เพราะยังไม่มีผลบังคับใช้
       
       วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้บริหารระดับสูงของรัฐสภา นำโดย นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสครบวันเกิด 69 ปี ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
       
       ภายหลังการอวยพร นายมีชัยให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองภายหลังนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ชีวิตคนเราอยู่ได้ต้องมีความหวัง ต้องหวังในทางดี อย่าหวังในทางร้าย เมื่อ 2-3 วันก่อนได้อ่านหนังสือชื่อ “เดอะ ซีเคร็ท” หรือความลับในการดำเนินชีวิต สิ่งที่คิดว่าจะมีพลัง หากคิดดีจะได้พลังที่ดีออกมา แต่ถ้าคิดไม่ดี พลังที่ไม่ดีจะออกมา เป็นไปตามที่เราคิด ต้องรอดูรัฐบาลไปก่อน อย่าไปคาดการณ์ในทางร้าย เพราะจะไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย คือคนที่คาดการณ์ก็มีทุกข์ คนที่ถูกคาดการณ์ก็หมดกำลังใจ ดังนั้น คงไม่ต้องไปแนะนำอะไรรัฐบาลใหม่ รัฐบาลก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ตนอยู่มามานาแล้วรู้ดีว่าไม่ควรแนะนำใคร
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลชุดนี้อาจถูกแทรกแซงได้ง่าย นายมีชัย กล่าวว่า ต้องรอดู แต่การที่มีคนเป็นห่วงรัฐบาลอย่างนี้จะเป็นการบอกรัฐบาลไปในตัว เรื่องนี้ต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่าการที่นายสมัครประกาศจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ เป็นภารกิจแรกจะทำให้เป็นปัญหากับรัฐบาลหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ปกติสามารถกลับได้อยู่แล้ว และเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีการไปแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างที่คิดกัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรอิสระ ปลอดจากการเมืองเพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มที่ ใครจะไปทำอะไรไม่ได้
       
       เมื่อถามว่ามีการมองว่านายสมัครขัดคุณสมบัติของนายกฯ เพราะเคยเป็น ส.ว.มาก่อน นายมีชัย กล่าวว่า มองไม่ได้ และตนมองเรื่องนี้ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจวินิจฉัย เราเป็นคนนอก เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง สนช.อย่าไปยุ่งกับ ส.ส.
       
       เมื่อถามว่า ประเด็นนี้จะกระทบต่อรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ และเชื่อว่ายังไม่มีปัญหาอะไร ถ้าตราบใดยังเป็นความสงสัยก็สามารถเดินหน้าไป จะห้ามอะไรไม่ได้ และ สนช.ไม่น่าเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ตีความคุณสมบัตินี้ ที่ สนช.อยู่เพื่อให้องค์ประกอบสภาครบ ถ้าไปได้ก็ไปกันตั้งแต่วันนี้แล้ว ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องของ ส.ส. ไม่เกี่ยวกับสนช.
       
       เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสมัครในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ 01 หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ หรือยัง นายมีชัย กล่าว่า ไม่ได้คุย แต่ดีใจที่นิติศาสตร์รุ่นเดียวกันได้เป็นนายกฯ คนที่ 2 เมื่อถามว่าลักษณะของนายสมัครจะทำให้มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า นายสมัครเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปลี่ยน เป็นรูปแบบหนึ่งที่สร้างจนคนชอบและเลือกเข้ามาด้วยคะแนนท่วมท้น แสดงว่าสื่อกับประชาชนได้
       
       “ผมไม่ห่วงคุณสมัคร แต่ห่วงพวกคุณ ดังนั้นต่อไปนี้เวลาไปตั้งคำถามต้องคิดให้ดี คิดให้รอบคอบ” ส่วนภาพลักษณ์ของนายสมัครจะกระทบต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายสมัครต้องคิดเอาเอง
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนกังวลว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนตัว หรือที่เรียกว่ากฎหมายเอาผิดเจ็ดชั่วโคตรจะส่งผลกระทบต่อการตั้งรัฐบาล นายมีชัย กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย เนื่องจากมีสนช.เข้าชื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ เพราะเนื้อหาของกฎหมายมีความเกี่ยวโยงกับเครือญาติที่ไปไกลมากคนที่จะเป็นรัฐมนตรีต้องไปทำความเข้าใจกับเครือญาติว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับระบบราชการ ไม่ว่าจะเป็นลูกลุงป้า น้า อา ลูกเขย ลูกสะใภ้ ซึ่งทำให้ญาติที่สุจริตลำบากใจ ไม่รู้ว่าคนที่เป็นญาติของตนเองไปทำอะไรไว้ที่ไหน หรือไม่รู้ว่าญาติอยู่ตรงไหนบ้าง จะทำอะไรต้องระมัดระวัง กฎหมายนี้ไม่หยุมหยิม แต่ไปสร้างเงื่อนไขให้ไปเชื่อมโยงคนหมู่มาก ดังนั้นอะไรที่ตึงหรือหย่อนเกินไปก็มีพิษมีภัย ต้องดูด้วยความเหมาะสม
       
       นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนกฎหมาย ป.ป.ช.จะครอบคลุมเฉพาะสามี ภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่กฎหมายเจ็ดชั่วโคตรนี้รวมไปหมด ทั้งภรรยาที่จดหรือไม่จดทะเบียน เช่น หากมีญาติบางคนไปอ้างว่ามีญาติเป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีคนนั้นจะเข้าข่ายผิดกฎหมายนี้ทันที เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องทางการเมือง
       
       เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ตั้ง ส.ส.ร.ชุดใหม่ขึ้นมาพิจารณาแก้ไข นายมีชัย กล่าวว่า สามารถทำได้ เป็นเรื่องดี หากพบว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา แต่ควรศึกษาปัญหาต่างๆ ให้รอบคอบทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าแก้ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะโยงกันหลายประเด็น และการศึกษาไม่ใช่ทำกันวันนี้พรุ่งนี้เสร็จ ต้องใช้เวลา ทั้งนี้ การศึกษารัฐธรรมนูญ โดยมีคณะบุคคลขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำการศึกษาให้รอบด้านทุกแง่ทุกมุม
 
 


หัวข้อ: ธีรภัทร์" ฝาก รบ.ใหม่บริหารประเทศในกรอบ ก.ม.- ให้ ปชช.จับตา ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-02-2008, 16:36


"ธีรภัทร์" ฝาก รบ.ใหม่บริหารประเทศในกรอบ ก.ม.- ให้ ปชช.จับตา  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2551 12:55 น.
 
 
       นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดใจในโอกาสที่จะพ้นจากตำแหน่ง ว่า ตนเข้ารับหน้าที่บริหารบ้านเมืองตลอด 17 เดือนที่ผ่านมา ให้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทุกประการ ต่อนี้ไปเป็นเรื่องของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้าดำเนินการสานต่อเพื่อนำพาประเทศสู่ระบอบประชาธิปไตย ทั้งยังฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ควรที่จะบริหารภายใต้กรอบกฎหมาย ยึดหลักยุติธรรม และไม่ควรที่จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการองค์กรอิสระและกระบวนการศาลยุติธรรมในการตรวจสอบเรื่องทุจริตต่างๆ
        อย่างไรก็ตาม นายธีรภัทร์ กล่าวว่า สำหรับรัฐบาลชุดใหม่เราควรที่จะให้โอกาสในการทำงานสักระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นอาจจะเป็น 36 เดือน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ไว้ก่อนซึ่งถือเป็นมารยาท พร้อมทั้งฝากให้ประชาชนคอยติดตามและตรวจสอบขบวนการบริหารงานของรัฐบาลด้วย
 


หัวข้อ: Re: วิเคราะห์สถานการณฺทางการเมืองช่วงสั้นๆรายสะดวก เลือกตั้ง50 ********Q********
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-02-2008, 16:19
รัฐบาลสมัคร 1 อยู่ได้อย่างน้อยหนึ่งปี ฟันธงครับ.

คาดว่าถ้ามีการปรับครม.ก็คงเท่าที่จำเป็น คนสองคน



ขอปิดกระทู้  ไปต่อกันที่กระทู้เหล่านี้ครับ แตกประเด็นไปแล้ว


ปํญหาภาคใต้ ปัญหาลับสมองสส.ปชป.และคนภาคใต้มากกว่าปัญหาอื่นๆเพราะมีคนไทยตายไปมาก &laquo; 1 2  ทั้งหมด &raquo;  ********Q********  191  1820    http://forum.serithai.net/index.php?topic=20718.0

ร้อยหกสิบกว่าเสียงของปชป.ในสภาผู้แทนล่าสุด กับพรรคหกสิบกว่าปี ทำอะไรต่อไปดีครับ. &laquo; 1 2  ทั้งหมด &raquo;  ********Q********  162  1130   วันนี้ เวลา 15:51
โดย ********Q********    http://forum.serithai.net/index.php?topic=21308.0
    ผมเชื่อกึ๋นทีมงานพลังประชาชนในภาพรวม มากกว่าประชาธิปัตย์ครับ แต่.......  ********Q********  84  1486   วันนี้ เวลา 15:46
โดย ********Q********    http://forum.serithai.net/index.php?topic=19962.0
    รัฐธรรมนูญ หมวดสอง มาตราสิบสี่ มีขอบเขตตามรัฐธรรมนูญ เนื้อหาเกี่ยวกับข้อห้าม  ********Q********  7  74   วันนี้ เวลา 15:39
โดย ********Q********    http://forum.serithai.net/index.php?topic=21568.0
    ภาษาการเมืองวันละคำ วันนี้ ขอเสนอ คำว่า......สมานฉันท์สร้างชาติ &laquo; 1 2 ... 6 7 &raquo;  ********Q********  600  6433   วันนี้ เวลา 15:28
โดย ********Q********    http://forum.serithai.net/index.php?topic=17723.0