ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 30-10-2007, 22:10



หัวข้อ: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 30-10-2007, 22:10
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจเพราะไม่มีสาระพอ ตรงนั้นมันเป็นลัทธิทางการเมืองเป็นหลัก บางคนเรียกว่าปรัชญา แต่เป็นลัทธิของชนชั้นปกครองอนุรักษ์นิยมเพื่อใช้ประกอบกับ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” และเพื่อคัดค้านสวัสดิการจากรัฐในรูปแบบประชานิยมและรัฐสวัสดิการด้วย
...
ประเด็นหลักของรัฐสวัสดิการคือต้องเก็บภาษีก้าวหน้าสูงๆ จากคนรวย เช่นภาษีรายได้ ภาษีหุ้นและทุน ภาษีทรัพย์สิน ภาษีมรดก และภาษีที่ดิน ต้องเก็บจากทุกคนที่เป็นเศรษฐีโดยไม่มีข้อจำกัด เงินภาษีนี้จะนำไปสร้างงบประมาณสำหรับรัฐสวัสดิการที่ถ้วนหน้า (ทุกคนได้ไม่ต้องพิสูจน์ความจน) และครบวงจร (จากเกิดจนตายในทุกเรื่อง)
ใจ อึ๊งภากรณ์ (http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=10054&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai)
วิทยากร  บุญเรือง: สัมภาษณ์

แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงส่วนบุคคลจะทำชาติเจ๊ง ต้องเศรษฐกิจพอเพียงหมู่ถึงไปรอด
คนเก่งในภาคธุรกิจยังไงก็สร้างโอกาสถึงจุดพอเพียงได้มากกว่า ชนชั้นเกษตรกรที่ต้อง
พึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก ถ้าคนเก่งในภาคธุรกิจพอเพียงในการหารายได้แล้ว มาอยู่บ้าน
กินดอกเฉยๆ หรือไม่ก็ทำมาหากินเล็กๆ น้อยๆ คนที่จะสร้างโอกาสให้ชนชั้นรากหญ้าก็
จะลดจำนวนลง และรากหญ้าก็ต้องกลับไปพึ่งพิงอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก หรือไม่ก็
ขายแรงงานให้ทุนต่างชาติรวมทั้งทุนศักดินาที่ลงทุนเกือบผูกขาดมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งก็ไม่
เพียงพอทั้งรายได้และจำนวนแรงงานที่จะรับได้ อาชีพเกษตรกรรมยังไงมันก็ไม่พอเพียง
หรอกเพราะการลดความเสี่ยงจากธรรมชาตินั้นต้องใช้เทคโนโลยีและการลงทุนที่สูงมาก
เช่น การวางท่อชลประทาน การวิจัยเรื่องการกำจัดศัตรูพืช ต้องเป็นการลงทุนจากภาครัฐ
ที่อาศัยเงินภาษี เมื่อโอกาสปิดจากชนชั้นธุรกิจที่พอเพียงส่วนตัวไม่ทำรายได้รวมทั้งจ่าย
ภาษีเยอะๆ แล้ว รัฐบาลคงไม่มีปัญญาหาเงินมาลงทุนระบบชลประทานใหญ่ๆ ซึ่งมองไป
ก็ไม่เห็นความคุ้มทุน รากหญ้าก็ต้องรับความเสี่ยงจากอาชีพดั้งเดิมต่อไป หมดโอกาสจะ
ลืมตาอ้าปากหลงแสงสีอย่างชาวเมือง

ถ้าคิดจะเศรษฐกิจพอเพียงมันต้องรวมๆ กันแล้วค่อยพอเพียงถึงรอด ให้ทุนนิยมเป็นแรง
จูงใจคนเก่งในการหารายได้ ถ้าจะพอเพียงก็ควรจะพอเพียงด้านใช้จ่ายหรือการใช้ชีวิตที่
ไม่เวอร์เกินไป อย่างเช่นใช้รถเยอรมันคันละหลายสิบล้าน ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็ขับเครื่อง
บินเล่น ส่วนรายได้ที่หามานั้นไม่ควรพอเพียง แต่ควรโดนเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าเพื่อเอา
มาบำรุงรัฐสวัสดิการ แบบนี้คนเก่งก็ได้เพิ่มรากหญ้าก็ได้ด้วย เกิดมาเก่งก็ไม่ต้องอยู่บ้าน
เซ็งๆ รอวันตาย กระจายรายได้โดยการบริหารจัดการของรัฐบาล มันถึงจะน่าพอเพียงหน่อย


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 30-10-2007, 22:22


สังคมนิ้วชี้ ก็ว่ากันไป..  :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 30-10-2007, 22:28
เค้ายึดอำนาจ แล้วก็คืนอำนาจให้ประชาชนในวันที่ 23 ธค.นี้

แล้วไงล่ะ อดใจรอไม่ได้เหรอ
:slime_doubt:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-10-2007, 22:50
เป้าหมายของเศรษฐกิจพอเพียงคือให้ทุกคน อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ใช่อยู่ร้อนนอนทุกข์

เรื่องรัฐสวัสดิการ เป็นคนละเรื่องกัน ไม่เคยได้ยินว่าคนทำเศรษฐกิจพอเพียงต่อต้านรัฐสวัสดิการ

ส่วนประชานิยม หากทำดีมันก็ดีเพราะต้องเอาความรู้ลงไปคู่กับเงินทองที่รัฐส่งไปให้

แต่ถ้าไปแบบให้เปล่าหรือไปก่อกิเลสให้พอกหนี้ ก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

เพราะไม่ว่าจะโปรยเงินลงไปเท่าใด มันก็จะไม่พอเพียง เพราะ "ความพอ" ของมนุษย์ มันไม่เท่ากัน

แต่แนวทางแก้ปัญหา เค้าลงไปลึกเรื่อง สังคมเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็ง ในทุกด้าน

ลองให้เงินลูก 5 คน คนละเท่า ๆ กัน โดยให้ทุกคนรับผิดชอบเองดูสิ ทำเป็นโมเดลศึกษาก็ได้ว่า

ผลจะออกมาอย่างไร

ว่าง ๆ ก็ฝากดูรายการ ยุทธการพอเพียง ทางช่อง 9 วันเสาร์บ่าย ๆ นะครับ

เค้ามีวิเคราะห์ในพฤติกรรมในวงจรเศรษฐกิจภายในบ้าน

ไม่ว่านักวิชาการจะสังเคราะห์ให้เป็นระบบ ระบอบ ปรัชญาหรือนโยบายอะไรก็แล้วแต่

สุดท้ายขอให้ทำให้เป็น "วิถีพอเพียง" ให้เกิดขึ้นให้ได้ก็พอเพียงแล้ว


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 30-10-2007, 22:58
ทุกอย่างย่อมมีข้อดีและข้อเสียนะครับแถ

เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจเพราะไม่มีสาระพอ ตรงนั้นมันเป็นลัทธิทางการเมืองเป็นหลัก บางคนเรียกว่าปรัชญา แต่เป็นลัทธิของชนชั้นปกครองอนุรักษ์นิยมเพื่อใช้ประกอบกับ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” และเพื่อคัดค้านสวัสดิการจากรัฐในรูปแบบประชานิยมและรัฐสวัสดิการด้วย
...
ประเด็นหลักของรัฐสวัสดิการคือต้องเก็บภาษีก้าวหน้าสูงๆ จากคนรวย เช่นภาษีรายได้ ภาษีหุ้นและทุน ภาษีทรัพย์สิน ภาษีมรดก และภาษีที่ดิน ต้องเก็บจากทุกคนที่เป็นเศรษฐีโดยไม่มีข้อจำกัด เงินภาษีนี้จะนำไปสร้างงบประมาณสำหรับรัฐสวัสดิการที่ถ้วนหน้า (ทุกคนได้ไม่ต้องพิสูจน์ความจน) และครบวงจร (จากเกิดจนตายในทุกเรื่อง)
ใจ อึ๊งภากรณ์ (http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=10054&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai)
วิทยากร  บุญเรือง: สัมภาษณ์

แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงส่วนบุคคลจะทำชาติเจ๊ง ต้องเศรษฐกิจพอเพียงหมู่ถึงไปรอด
คนเก่งในภาคธุรกิจยังไงก็สร้างโอกาสถึงจุดพอเพียงได้มากกว่า ชนชั้นเกษตรกรที่ต้อง
พึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก ถ้าคนเก่งในภาคธุรกิจพอเพียงในการหารายได้แล้ว มาอยู่บ้าน
กินดอกเฉยๆ หรือไม่ก็ทำมาหากินเล็กๆ น้อยๆ คนที่จะสร้างโอกาสให้ชนชั้นรากหญ้าก็
จะลดจำนวนลง และรากหญ้าก็ต้องกลับไปพึ่งพิงอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก หรือไม่ก็
ขายแรงงานให้ทุนต่างชาติรวมทั้งทุนศักดินาที่ลงทุนเกือบผูกขาดมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งก็ไม่
เพียงพอทั้งรายได้และจำนวนแรงงานที่จะรับได้ อาชีพเกษตรกรรมยังไงมันก็ไม่พอเพียง
หรอกเพราะการลดความเสี่ยงจากธรรมชาตินั้นต้องใช้เทคโนโลยีและการลงทุนที่สูงมาก
เช่น การวางท่อชลประทาน การวิจัยเรื่องการกำจัดศัตรูพืช ต้องเป็นการลงทุนจากภาครัฐ
ที่อาศัยเงินภาษี เมื่อโอกาสปิดจากชนชั้นธุรกิจที่พอเพียงส่วนตัวไม่ทำรายได้รวมทั้งจ่าย
ภาษีเยอะๆ แล้ว รัฐบาลคงไม่มีปัญญาหาเงินมาลงทุนระบบชลประทานใหญ่ๆ ซึ่งมองไป
ก็ไม่เห็นความคุ้มทุน รากหญ้าก็ต้องรับความเสี่ยงจากอาชีพดั้งเดิมต่อไป หมดโอกาสจะ
ลืมตาอ้าปากหลงแสงสีอย่างชาวเมือง

ถ้าคิดจะเศรษฐกิจพอเพียงมันต้องรวมๆ กันแล้วค่อยพอเพียงถึงรอด ให้ทุนนิยมเป็นแรง
จูงใจคนเก่งในการหารายได้ ถ้าจะพอเพียงก็ควรจะพอเพียงด้านใช้จ่ายหรือการใช้ชีวิตที่
ไม่เวอร์เกินไป อย่างเช่นใช้รถเยอรมันคันละหลายสิบล้าน ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็ขับเครื่อง
บินเล่น ส่วนรายได้ที่หามานั้นไม่ควรพอเพียง แต่ควรโดนเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าเพื่อเอา
มาบำรุงรัฐสวัสดิการ แบบนี้คนเก่งก็ได้เพิ่มรากหญ้าก็ได้ด้วย เกิดมาเก่งก็ไม่ต้องอยู่บ้าน
เซ็งๆ รอวันตาย กระจายรายได้โดยการบริหารจัดการของรัฐบาล มันถึงจะน่าพอเพียงหน่อย

การเก็บภาษีจากผู้มีฐานะร่ำรวยนั้น ประเทศที่เค้าเจริญแล้ว เค้าเก็บกันสูงมาก และกฏหมายเค้าค่อนข้างแรงมากกับพวกชักดาบภาษี
บางประเทศเก็บกันเกินครึ่งของรายได้
แต่ไทยไม่ใช่เลย
แถมมีพวกยกเว้นภาษีให้ตัวเอง แล้วต้องรีบแจ้นไปขู่เข็นบริษัทอื่นๆให้จ่ายทดแทนรายได้ที่กระทรวงการคลังต้องเสียไปอีกน่ะ

สำหรับภาคเกษตรกรนั้น การส่งเสริมให้เขาได้ทำงานอย่างยั่งยืนนั้น ต้องอำนวยความสะดวกให้เขา ให้เขาได้ยืนบนแข้งของตัวเองอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่เจ็บขา เดินกระโผลกกระเผลกแล้วเอามอร์ฟีนไปฉีดเขา แทนการบำบัดอย่างถูกต้อง

เศรษฐกิจพอเพียงถ้าแถไม่มองด้วยอคติแล้ว ความพอเพียงไม่ได้สวนทางกับระบอบทุนนิยมสมัยใหม่หรอก
ระบบชลประทาน และการอำนวยความสะดวกในการทำเกษตรกรรมนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้ทำในส่วนนี้ไว้ให้มาโดยตลอด

อะไรคือความฟุ้งเฟ้อของแถเหรอครับ
พ่อแถทำนาด้วยเนื้อที่ไม่ถึงไร่ แต่แถอยากขับเบนซ์ เอส คลาสเหรอครับ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 30-10-2007, 23:06
คำว่า พอเพียงหรืองเพียงพอมันคงอยู่ที่ใจที่ว่าจะนำไปปฎิบัติเป็นรูปธรรมได้หรือไม่

เป็นคำสวยหรูหรือ เพราะเล็งเห็นเห็นคุณค่าของคำๆนี้มากน้อยแค่ไหน

ใครบางคนเอาพระราชดำรัสมาแอบอ้าง ใครบ้างคนพยายามผลักดันให้สัมฤทธิ์ผล

เพราะในที่สุดแล้วมนุษย์ก็ต้องพึ่งพาธรรมชาติ

ใครที่คิดว่าตนเองสามารถควบคุมธรรมชาติได้ คนๆนั้นคงเป็นได้แค่ ขยะของสังคม


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 30-10-2007, 23:06


ถ้ามัวแต่อ้างประชาธิปไตย จนเสพย์ติด มันก็ไม่พอเพียงและไม่ก้าวหน้าอยู่ดี  :slime_smile: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-10-2007, 23:10
เค้าต่อต้านลัทธิ "บริโภคนิยม" หรือ เสรีนิยมสุดโต่งต่างหาก

เศรษฐกิจพอเพียงสอนให้คนบริโภคอย่างมีสติ ไม่ใช่บ้าเห่อ บ้าเงิน

ส่วนการพัฒนาตนเองหากอยากก้าวให้พ้นความยากจน เค้าก็สนับสนุนสุด ๆ อยู่แล้ว

จะว่าไป ที่คุย ๆ จีดีพี กันทุกวันนี้มันดีกันอยู่กี่คน หุ้นขึ้นวันนี้ มันดีอยู่กี่ตัว

****************************

วันเสาร์นี้ ตามดู "บังแอ" ในยุทธการพอเพียงว่า..การซื้อรถปิ๊คอัพของ "บังแอ" จะเป็นเรื่องพอเพียงหรือไม่

พวกทีมที่ปรึกษาทำไมจึงไม่คัดค้าน การซื้อรถปิ๊คอัพของ "บังแอ"

การใช้วีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มันมีคำจำกัดความอยู่ตัวหนึ่งคือ "ความมีเหตุผล"

ลงทุนตามเหตุผลความคุ้มค่าและมีภูมิคุ้มกัน ( ผ่อนได้แน่หรือ )...การซื้อรถปิ๊คอัพ มันไปค้านเสรีนิยมตรงใหน


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 30-10-2007, 23:19
งั้นก็เชิญคุณแถบริโภคนิยมให้เต็มคราบเถอะครับ ประเทศไทยเสียโง่ให้ชาติพัฒนาแล้วมาตลอดยังไม่รู้สำนึกอีก


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 30-10-2007, 23:21

 :slime_smile: :slime_cool:

เศรษฐกิจพอเพียง คงเหมือนติดเบรค เอบีเอส ของทุนนิยมนิยม

ไม่ให้ร้อนแรงจนไม่มีเบรค หรือเบรคกันแรงจนหัวทิ่ม ควงสว่าน..




หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 31-10-2007, 03:18
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจเพราะไม่มีสาระพอ ตรงนั้นมันเป็นลัทธิทางการเมืองเป็นหลัก บางคนเรียกว่าปรัชญา แต่เป็นลัทธิของชนชั้นปกครองอนุรักษ์นิยมเพื่อใช้ประกอบกับ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” และเพื่อคัดค้านสวัสดิการจากรัฐในรูปแบบประชานิยมและรัฐสวัสดิการด้วย
...

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=10054&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

ใจ อึ๊งภากรณ์
วิทยากร  บุญเรือง: สัมภาษณ์

เศรษฐกิจพอเพียง ไปคัดค้านสวัสดิการจากรัฐ ตรงไหน
พูดขึ้นมาลอยๆ แล้วก็วิเคราะห์ทางการเมืองไปเรื่อย

ให้สัมภาษณ์แบบนี้ อุตส่าห์มีคนเ็ก็บมาอ้างอิง  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 06:57
คำว่าพอเพียงเป็นเกณฑ์ส่วนตัว แต่ละคนไม่เหมือนกัน ยากที่จะกำหนดเป็นมาตรฐานปฏิบัติ
โดยเฉพาะการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงเรียกว่า พอเพียง
ความคลุมเครือนี่เองเป็นจุดที่ใช้ทำลายล้างกันโดยง่าย เช่น บอกอีกฝ่ายไม่พอเพียง โดยยก
พฤติกรรมบางชนิดมาอ้างอิง เช่น หาเงินมากเกินไป แต่ไม่ได้ยกเหตุผลหรือสภาพแวดล้อม
ที่เป็นเหตุผลมาประกอบ ที่ทำให้เรื่องแย่ลงไปอีกคือหลังจากด่าคนอื่นไม่พอเพียง ก็ยกหาง
ตัวเองว่าพอเพียง แล้วก็พ่นเส้นทางพอเพียงที่จะทำให้ประเทศเป็นให้ได้แบบไร้สาระ

ลองหาเหตุผลตอบพฤติกรรมเหล่านี้ว่าพอเพียงหรือไม่
- รถประจำตำแหน่งนายทหารหรือข้าราชการที่เป็นรถเอสคลาส รถประเภทนี้ถ้าอ้างว่าไว้เดิน
  ทางไกลนั่งไม่อึดอัด ปกติก็ไม่นั่งคันละเกินสี่คนอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้อีคลาสที่ถูกกว่ากันเป็น
  ครึ่งหรือคันหนึ่งสี่ถึงห้าล้าน มันก็ไม่ได้แคบอะไรนักหนา ถ้าจะพอเพียงกันจริงๆ ทำไมไม่ใช้
  รถญี่ปุ่นประกอบในประเทศไปเลย ไม่มีมาตรฐานใช่มั้ย ความพอเพียง
- ซื้อเครื่องบินขับไล่แบบครึ่งๆ กลางๆ จะเป็นรุ่นดีๆ ที่สู้ชาวบ้านได้ก็ไม่ซื้อ คงจะไม่มีงบ แต่
  ก็ต้องซื้อจนได้ ทั้งที่เครื่องบินขับไล่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้
  เหมือนเฮลิคอปเตอร์ หรือรถขนส่ง เครื่องบินระดับนี้ไปรบก็สู้สเป็คของชาวบ้านไม่ได้ ถ้าคิด
  ว่าเอาไว้ป้องกันประเทศ จำนวนแค่นี้จะทำอะไรได้ จำเป็นขนาดไหนที่ต้องซื้อ เงินระดับสาม
  หมื่นล้านเอาไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ ความพอเพียงในที่นี้คือต้องซื้อให้มีใช่หรือไม่ โดยไม่สน
  ว่ามีแล้วประโยชน์มันคุ้มหรือไม่คุ้ม

เห็นได้ว่าศักดิ์ศรีหน้าตากลายเป็นสิ่งสำคัญกว่าความพอเพียง เมื่ออยากได้แล้ว ก็หาเหตุผลมา
ประกอบให้ดูดีแบบโน้นแบบนี้ ยิ่งทำให้คำว่าพอเพียงไร้มาตรฐานเข้าไปอีก ผู้บริหารประเทศยัง
กำหนดมาตรฐานความพอเพียงไม่ถูก การมีบ้านใหญ่ๆ หลายหลัง เพื่อไว้ตากอากาศในบริเวณ
ป่าสงวน มันเป็นความจำเป็นต่อชีวิตหรือไม่ แต่ว่ามันก็ดันจะต้องมี คงคิดแบบเป็นความเชื่อใน
สมองว่าตำแหน่งระดับนี้แล้วไม่แปลกที่จะมี คนอื่นมีกันเยอะแยะ กลายเป็นมาตรฐานพอเพียง
ของแต่ละชนชั้นไม่เหมือนกัน ต่อไปถ้าจะนำมาปฏิบัติให้ได้จริงๆ คงต้องมีเกณฑ์วัดชนชั้น ใคร
เป็นชั้นศักดินานั่งรถเยอรมันคันยาวๆ ได้ มีบ้านตากอากศได้ ใครชนชั้นไพร่อย่าสะเออะ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 07:04
คำว่า พอเพียงหรืองเพียงพอมันคงอยู่ที่ใจที่ว่าจะนำไปปฎิบัติเป็นรูปธรรมได้หรือไม่

เป็นคำสวยหรูหรือ เพราะเล็งเห็นเห็นคุณค่าของคำๆนี้มากน้อยแค่ไหน

ใครบางคนเอาพระราชดำรัสมาแอบอ้าง ใครบ้างคนพยายามผลักดันให้สัมฤทธิ์ผล

เพราะในที่สุดแล้วมนุษย์ก็ต้องพึ่งพาธรรมชาติ

ใครที่คิดว่าตนเองสามารถควบคุมธรรมชาติได้ คนๆนั้นคงเป็นได้แค่ ขยะของสังคม


ใครบางคน <---- พวกทหารที่มาปฏิวัติไง แอบด่าทหารอีกแล้วเหรอ :slime_bigsmile:

ใครที่คิดว่าตนเองสามารถควบคุมธรรมชาติได้ คนๆนั้นคงเป็นได้แค่ ขยะของสังคม
คนสั่งฟ้าสั่งฝนให้ตกได้เนี่ย เรียกว่าสามารถควบคุมธรรมชาติได้ด้วยป่าว เฮ้ย พูดไรเนี่ย :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 31-10-2007, 07:43
ดีกว่าโคตรพ่อบางตัวที่ปากพ่นว่า น้อมรับพระราชดำรัส แต่การกระทำมันนอกจากไม่รับรู้รับฟัง ยังพยายามตีเสมอสถาบัน

ต้องล้างตระกูลชั่วพันธุ์นี้เท่านั้น


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 31-10-2007, 08:02
คำว่าพอเพียงเป็นเกณฑ์ส่วนตัว แต่ละคนไม่เหมือนกัน ยากที่จะกำหนดเป็นมาตรฐานปฏิบัติ
โดยเฉพาะการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงเรียกว่า พอเพียง
ความคลุมเครือนี่เองเป็นจุดที่ใช้ทำลายล้างกันโดยง่าย เช่น บอกอีกฝ่ายไม่พอเพียง โดยยก
พฤติกรรมบางชนิดมาอ้างอิง เช่น หาเงินมากเกินไป แต่ไม่ได้ยกเหตุผลหรือสภาพแวดล้อม
ที่เป็นเหตุผลมาประกอบ ที่ทำให้เรื่องแย่ลงไปอีกคือหลังจากด่าคนอื่นไม่พอเพียง ก็ยกหาง
ตัวเองว่าพอเพียง แล้วก็พ่นเส้นทางพอเพียงที่จะทำให้ประเทศเป็นให้ได้แบบไร้สาระ

ลองหาเหตุผลตอบพฤติกรรมเหล่านี้ว่าพอเพียงหรือไม่
- รถประจำตำแหน่งนายทหารหรือข้าราชการที่เป็นรถเอสคลาส รถประเภทนี้ถ้าอ้างว่าไว้เดิน
  ทางไกลนั่งไม่อึดอัด ปกติก็ไม่นั่งคันละเกินสี่คนอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้อีคลาสที่ถูกกว่ากันเป็น
  ครึ่งหรือคันหนึ่งสี่ถึงห้าล้าน มันก็ไม่ได้แคบอะไรนักหนา ถ้าจะพอเพียงกันจริงๆ ทำไมไม่ใช้
  รถญี่ปุ่นประกอบในประเทศไปเลย ไม่มีมาตรฐานใช่มั้ย ความพอเพียง
- ซื้อเครื่องบินขับไล่แบบครึ่งๆ กลางๆ จะเป็นรุ่นดีๆ ที่สู้ชาวบ้านได้ก็ไม่ซื้อ คงจะไม่มีงบ แต่
  ก็ต้องซื้อจนได้ ทั้งที่เครื่องบินขับไล่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้
  เหมือนเฮลิคอปเตอร์ หรือรถขนส่ง เครื่องบินระดับนี้ไปรบก็สู้สเป็คของชาวบ้านไม่ได้ ถ้าคิด
  ว่าเอาไว้ป้องกันประเทศ จำนวนแค่นี้จะทำอะไรได้ จำเป็นขนาดไหนที่ต้องซื้อ เงินระดับสาม
  หมื่นล้านเอาไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ ความพอเพียงในที่นี้คือต้องซื้อให้มีใช่หรือไม่ โดยไม่สน
  ว่ามีแล้วประโยชน์มันคุ้มหรือไม่คุ้ม

เห็นได้ว่าศักดิ์ศรีหน้าตากลายเป็นสิ่งสำคัญกว่าความพอเพียง เมื่ออยากได้แล้ว ก็หาเหตุผลมา
ประกอบให้ดูดีแบบโน้นแบบนี้ ยิ่งทำให้คำว่าพอเพียงไร้มาตรฐานเข้าไปอีก ผู้บริหารประเทศยัง
กำหนดมาตรฐานความพอเพียงไม่ถูก การมีบ้านใหญ่ๆ หลายหลัง เพื่อไว้ตากอากาศในบริเวณ
ป่าสงวน มันเป็นความจำเป็นต่อชีวิตหรือไม่ แต่ว่ามันก็ดันจะต้องมี คงคิดแบบเป็นความเชื่อใน
สมองว่าตำแหน่งระดับนี้แล้วไม่แปลกที่จะมี คนอื่นมีกันเยอะแยะ กลายเป็นมาตรฐานพอเพียง
ของแต่ละชนชั้นไม่เหมือนกัน ต่อไปถ้าจะนำมาปฏิบัติให้ได้จริงๆ คงต้องมีเกณฑ์วัดชนชั้น ใคร
เป็นชั้นศักดินานั่งรถเยอรมันคันยาวๆ ได้ มีบ้านตากอากศได้ ใครชนชั้นไพร่อย่าสะเออะ

"ความยากจน" ยังมีคนกำหนดเป็นมาตรฐานขึ้นมาได้ ขนาดประกาศยกหางตัวเองใหญ่โต
ว่าเก่งกาจทำให้คนยากจนลดเหลือเท่านั้นเท่านี้

พอมาถึงเรื่องพอเพียงเกิดจะมีปัญหาว่าไม่สามารถกำหนดมาตรฐานได้ว่าตรงไหนพอเพียง?

...

ตรงไหนถึงจะพอเพียง.. พอกำหนดขึ้นมา มันก็คือกำหนดได้เหมือนกับเรื่อง "ความยากจน"

คนเรากำหนดเกณฑ์เรื่องอะไรมามากมายแล้ว ว่าเท่านี้น้อยไป เท่านี้มากไป เท่านี้พอดี
และก็สามารถปรับปรุงเกณฑ์ให้เหมาะสมได้ เมื่อ กาละ เทศะ บุคคล เปลี่ยนแปลงไป

อยู่ที่ว่าจะตีรวน แกล้งโง่ ว่าทำไม่ได้ .. หรือจะลงมือกำหนดกฎเกณฑ์กันขึ้นมาเท่านั้น  :slime_smile:

------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. ถึงคุณอยากประหยัด .. ใครที่คิดชั่วๆ พูดชั่วๆ นั่นแหละครับที่เป็น "ขยะสังคม"


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 08:47
"ความยากจน" ยังมีคนกำหนดเป็นมาตรฐานขึ้นมาได้ ขนาดประกาศยกหางตัวเองใหญ่โต
ว่าเก่งกาจทำให้คนยากจนลดเหลือเท่านั้นเท่านี้

พอมาถึงเรื่องพอเพียงเกิดจะมีปัญหาว่าไม่สามารถกำหนดมาตรฐานได้ว่าตรงไหนพอเพียง?

...

ตรงไหนถึงจะพอเพียง.. พอกำหนดขึ้นมา มันก็คือกำหนดได้เหมือนกับเรื่อง "ความยากจน"

คนเรากำหนดเกณฑ์เรื่องอะไรมามากมายแล้ว ว่าเท่านี้น้อยไป เท่านี้มากไป เท่านี้พอดี
และก็สามารถปรับปรุงเกณฑ์ให้เหมาะสมได้ เมื่อ กาละ เทศะ บุคคล เปลี่ยนแปลงไป

อยู่ที่ว่าจะตีรวน แกล้งโง่ ว่าทำไม่ได้ .. หรือจะลงมือกำหนดกฎเกณฑ์กันขึ้นมาเท่านั้น  :slime_smile:

------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. ถึงคุณอยากประหยัด .. ใครที่คิดชั่วๆ พูดชั่วๆ นั่นแหละครับที่เป็น "ขยะสังคม"

มาตรฐานความยากจนโลก (http://web.worldbank.org/WBSITE/EXTERNAL/TOPICS/EXTPOVERTY/EXTPA/0,,contentMDK:20236273~menuPK:435735~pagePK:148956~piPK:216618~theSitePK:430367,00.html) มีคนคิดเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างชัดเจนยาวเหยียด จนอ่านไม่ไหว
แต่มาตรฐานความพอเพียงประเทศไทยคงไม่กล้ามีปราชญ์ผู้มากด้วยความเป็นอัจฉริยะหน้า
ไหนกล้ามากำหนดมาตรฐาน ปล่อยมันคลุมเครือมั่วๆ ไปอย่างงี้ง่ายดี จะด่าใครก็บอกไอ้บ้า
นั่นมันไม่พอเพียงง่ายๆ แล้วก็ยกตัวอย่างพฤติกรรมเศษๆ ของตัวเองที่ว่าพอเพียงมาให้ฟังเล่นๆ
เช่น เดินติดดินสำเพ็งจตุจักรเงี้ย ซื้อของร้อยเก้าๆ แต่อย่างอื่นประเภทเครื่องสำอางใช้แพง
โคตร ถ้าจะกู้เงินมาใช้เยอะๆ ก็บอกว่าไอ้เรากู้ด้วยวิสัยทัศน์ไม่เสี่ยงมีภูมิคุ้มกันแบบมีเหตุผล
แต่พวกซื้อรถกระบะหรือมือถือมาทำมาหากินบอกไอ้พวกบ้านั่นฟุ่มเฟือย ของเรายังใช้มือถือ
รุ่นกระจอกกว่า กระบะไม่มีมีแต่เบ๊นซ์ว่ะ

อ้าว แล้วอยู่ดีๆ จะไปด่าคุณนายดอก..หมาวัดทำไมล่ะเอ๊อ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 09:09
ปี 48 บักเหลี่ยมก็มีนโยบาย เศรษฐกิจพอเพียง โดยให้เมียรมต. ไปเปิดหมู่บ้านพอเพียงทางภาคเหนือไม่ใช่เหรอ

มันบังหน้าหาเสียงหรือเปล่าล่ะ เพราะแนวทางมันออก ทุนนิยมสุดโต่งทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 09:33
มันก็เหมือนกับคำเตือนแบบกว้างๆ อย่างเช่น อย่าขับรถเร็วนะ ระวังตัวนะ รักษาสุขภาพนะ
ขับรถช้าไปตลอดทางก็ไม่ต้องแซงรถบรรทุกพอดี อยู่บนถนนนานๆ ทำโลกร้อนอีกยุ่งไปหมด
ที่เอาไปทำตัวอย่างหมู่บ้าน ตาม แนวทาง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็ถูกแล้ว เพราะไม่ได้
บังคับรายละเอียดเป็นพิเศษ แค่ทำตาม แนวทาง  จะไม่ทำหรือหลุดแนวทางไปบ้างก็ไม่มีบท
ลงโทษ แต่ไอ้ที่เอามาเป็นนโยบายประเทศบังคับว่าต้องทำตามไม่ทำตามแล้วจะเป็นคนบัดซบ
วัตถุนิยมไปเรื่อย โดยที่ไม่มีเกณฑ์มากำหนดชัดเจนว่าพอเพียงมีรายละเอียดเป็นยังไง แบบ
นั้นมันแค่เครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองโดยอ้างพระราชดำรัสมากกว่า อย่าแกล้งทำเป็น
มองไม่ออกเลย หวังว่าคงเข้าใจว่าและแยกออกว่า ควรทำตามแนวทาง  กับ ต้องทำตามหลัก
(ที่ไม่มีใครกล้ากำหนดรายละเอียด) มันต่างกันยังไง

"อย่างผมพรุ่งนี้ไปซื้อรถ 15 คันได้ไหม ได้ครับ ผมมีเงินไปซื้อ แต่ซื้อไปทำไม ผมใช้เงินในทางที่ทำ ให้มี ความสุขอย่างฉลาดดีกว่า"
ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล

อย่างรัฐบาลพรุ่งนี้ไปซื้อเครื่องยิน 12 ลำได้ไหม ได้คับ มีเงินซื้อ แต่ซื้อไปทำไม ก็กรูจะซื้อแล้วจะทำไมวะ
กรูซื้อแล้วมีความสุขอย่างฉลาดนี่หว่า เงินกรูซะที่ไหน ภาษีทั้งนั้น

"เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่มีคำตอบที่จะเป็นบรรทัดฐาน แต่ให้ยึดตามพระราชดำรัสว่า ใช้ได้ตราบใดที่ไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นดีที่สุด"
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา

เทพระดับนี้ยังยอมรับว่า ไม่มีคำตอบที่เป็นบรรทัดฐาน แล้วจะเอามาบังคับใช้ได้ไง


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 31-10-2007, 09:52
ความพอเพียง  ความพอดี  ความดี  ความชั่ว  เป็นนามธรรมที่ไม่มีบรรทัดฐานแสดงระดับได้เช่นเดียวกับรูปธรรม

ความสุข ความทุกข์ ก็เช่นกัน ไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงไหนสามารถวัดความสุขความทุกข์ออกมาเป็นบรรทัดฐานได้

แต่หากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วกล่าวว่าสิ่งที่ตนทำนัเนดีแล้วไม่ชั่ว แต่สังคมโดยรวมประณามว่าชั่ว เขาอาจแก้ตัวได้ว่า มันไม่มีมาตรฐานวัดความดีความชั่ว จะมากล่าวหาเขาได้อย่างไร อะไรคือดี อะไรคือชั่ว จะมีใครตอบคำถามของเขาได้หรือ

เมื่อเราสอนลูกหลานให้ทำความดี เป็นคำสอนแบบกว้างๆ ทำอย่างไรจึงเรียกว่าดี มีใครอธิบายรายละเอียดหรือกำหนดมาตรฐานได้บ้าง หากกำหนดไม่ได้ แล้วเราจะสอนให้คนเป็นคนดีได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีมาตรฐาน

แต่อันที่จริงแล้ว ทุกคนที่มีสติปัญญา เขาเข้าใจแยกแยะความดีความชั่วด้วนกันทั้งนั้น และผู้ที่มีสติปัญญาก็เข้าใจคำว่าพอเพียงด้วยกันทั้งนั้น ไม่พึงต้องมาตั้งมาตรฐาน เพราะไม่มีใครตั้งมาตรฐานให้กับนามธรรมได้ พวกที่ไม่เข้าใจในเรื่องพอเพียง ก็คือคนที่ไม่รู้จักแยแยะดีชั่วเท่านั้นเอง

และไอ้คนประเภทที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มันก็เลยไม่มีแผ่นดินจะอาศัย

รัฐสวัสดิการของนายใจ กับการกล่าวหาระบบเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นเครื่องมือของระบบอื่นๆ ที่ขัดขวางรัฐสวัสดิการของนายใจนั้น นายใจคงลืมไปกระมังว่า บิดาของนายใจเอง เป็นผูกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมาในยุคหนึ่ง และไม่ได้เห็นจะทำรัฐสวัสดิการตรงไหน ทำงานกับรัฐบาลเผด็จการ และสนองทุนนิยมเท่านั้นเอง



หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 10:19
ถ้าไม่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี หรือ อะไรควรไม่ควร

ก็ไม่น่าจะมาบริหารประเทศ..ว่ามั๊ย

ที่จริงมันสรุปลงง่ายๆ ว่า ใช้ความรู้คู่คุณธรรม นั่นแหละ

ถ้าไม่เข้าใจก็ไปค้าขาย เอาเปรียบชาวบ้านเค้าไปวันๆ ดีกว่า


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 31-10-2007, 10:27

ใจ อึ๊งภากรณ์ (http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=10054&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai)
วิทยากร  บุญเรือง: สัมภาษณ์

อ้าว... ชอบแถเป็นพวกเฮียใจเหรอ ไปตั้งพรรคแนวรั่วมาร์คซิสต์ดีกว่าไหม  :slime_bigsmile: :slime_v:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 31-10-2007, 10:30
ถ้าไม่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี หรือ อะไรควรไม่ควร

ก็ไม่น่าจะมาบริหารประเทศ..ว่ามั๊ย

ที่จริงมันสรุปลงง่ายๆ ว่า ใช้ความรู้คู่คุณธรรม นั่นแหละ

ถ้าไม่เข้าใจก็ไปค้าขาย เอาเปรียบชาวบ้านเค้าไปวันๆ ดีกว่า

สรุปก็คือแถมันเป็นพวกไม่มีมโนธรรมสำนึกน่ะครับ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 10:42
รัฐสวัสดิการของนายใจ กับการกล่าวหาระบบเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นเครื่องมือของระบบอื่นๆ ที่ขัดขวางรัฐสวัสดิการของนายใจนั้น นายใจคงลืมไปกระมังว่า บิดาของนายใจเอง เป็นผูกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมาในยุคหนึ่ง และไม่ได้เห็นจะทำรัฐสวัสดิการตรงไหน ทำงานกับรัฐบาลเผด็จการ และสนองทุนนิยมเท่านั้นเอง

เหอ เหอ ป๊านายใจเคยเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซะที่ไหน อย่างมากก็เป็นแค่ที่ปรึกษา
จะเป็นผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจประเทศได้ไง เข้าใจระบบการปกครองประเทศไทยมั่งมั้ย
เนี่ย เล่นยัดเยียดนโยบายเศรษฐกิจประเทศให้ป๊าของจารย์ใจรับผิดชอบซะงั้น มั่วๆ แบบนี้
คืนนี้ได้ฝันเห็นแน่ กุ๊กๆ กู๋ :slime_bigsmile:

ว่าไปก็น่าสงสารจารย์ใจเหมือนกัน โดนยัดเยียดเป็นพวกทักษิณเฉย แม้จะเกลียดทักษิณใน
เรื่องหยุมหยิมสารพัด แต่นโยบายของทักษิณมันใกล้เคียงกับอุดมคติของนายใจมากสุด อาจ
จะได้แค่ห้าหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่นโยบายศักดินาเต่าล้านปีนิยมของพรรคอื่นมันห่างไกลเหลือ
เกิน ท่าทางแกเลยลำบากจะด่าก็ไม่เต็มปากเต็มคำ พอพูดถึงอุดมการณ์ตัวเองก็ไปทับกับสิ่ง
ที่รัฐบาลที่แล้วทำซะอีก เห้อ

ถ้าไม่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี หรือ อะไรควรไม่ควร

ก็ไม่น่าจะมาบริหารประเทศ..ว่ามั๊ย

ที่จริงมันสรุปลงง่ายๆ ว่า ใช้ความรู้คู่คุณธรรม นั่นแหละ

ถ้าไม่เข้าใจก็ไปค้าขาย เอาเปรียบชาวบ้านเค้าไปวันๆ ดีกว่า

น่าน สุดท้ายสรุปจบลงด้วยจิตนาการ ผิด ชอบ ชั่ว ดี ของแต่ละคน ไม่ต้องพึ่งมาตรฐาน
แหม ถ้าจินตนาการน้ำแตกทุกคนเหมือนกันง่ายขนาดนี้ พระเจ้าคงไม่ลำบากมากำหนด
ศาสนาหลายๆ ศาสนาหรอก นี่ขนาดมีหลายศาสนาแล้วนะยังไม่พอ ดี ชั่ว ควร ไม่ควร
ยังทะเลาะกันในรายละเอียดอีก ต้องมีคำสั่งสอนจากเทพเจ้ามาประกอบให้คลุมเครือ
เข้าไปหนัก เล่นสรุปเอาง่ายว่า ความรู้คู่คุณธรรมง่ายๆ ซะงั้นไม่ต้องรายละเอียด แสดง
ว่าหมดมุกจะแสดงเหตุผลแล้วละสิ ต้องใช้ความเชื่อ และ จินตนาการมาเป็นหลักในการ
ปกครองประเทศ ไร้สาระว่ะ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 11:22
ใครบอกว่า ผิดชอบชั่วดี ไม่มีมาตรฐาน มีครับแต่อาจารย์ใจอาจไม่รู้จักว่ามาตรฐานของเรื่องพวกนี้สังคม ศาสนา ความเชื่อ กำหนดไว้อย่างไร

ว่าง ๆ อาจารย์ใจ น่าจะกลับไปอ่าน จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ของ อาจารย์ป๋วยดูดิ ในนั้นมีเรื่องพอเพียงอยู่มั๊ย

เศรษฐกิจพอเพียง คือการใช้เหตุผลเป็นหลัก

ถ้าไม่เข้าใจคำว่า "เหตุผล" แล้วจะไปเข้าใจอะไรลึกไปกว่านั้นล่ะ

ว่าง ๆ ให้อาจารย์ใจ ไปนั่งคุยกับเจ้าสัวซีพี ดูดิ ว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" คืออะไร

บางที อาจจะต้องยอมรับว่าโง่บ้างสิ เพราะ เศรษฐกิจพอเพียง เค้าปรับใช้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้ยังไง

ถ้าไร้สาระ ทำไมรัฐธรรมนูญกำหนดให้มี "กรอบจริยธรรม"  


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 11:29
ใครบอกว่า ผิดชอบชั่วดี ไม่มีมาตรฐาน มีครับแต่อาจารย์ใจอาจไม่รู้จักว่ามาตรฐานของเรื่องพวกนี้สังคม ศาสนา ความเชื่อ กำหนดไว้อย่างไร

เศรษฐกิจพอเพียง คือการใช้เหตุผลเป็นหลัก

ถ้าไม่เข้าใจคำว่า "เหตุผล" แล้วจะไปเข้าใจอะไรลึกไปกว่านั้นล่ะ

มาตรฐานไหนเหรอ ตามหลักศาสนา หรือว่าตามตำราของคณะกรรมการจริยธรรมแห่งชาตินี้และชาติหน้า
ศาสนามีตั้งเยอะตั้งแยะ บางความเชื่อฆ่าคนตายยังไม่ผิดเลย อย่างพวกโจรใต้นั่น เลือกมาตรฐานอันไหน
ที่คนส่วนใหญ่ยอมรับดีล่ะ สงสัยเลือกไม่ได้แหง กลับมาจินตนาการอย่างเก่า เพราะดีในศาสนานึงอาจไม่
ดีในศาสนานึงก็ได้ เช่น มีเมียเยอะ กะ มักมากในกาม จริงมั้ย :slime_bigsmile:

ส่วนเหตุผลนี่ใช้ตามหลักศาสนาพุทธเหรอ ที่สุดปลายทางของเหตุผลคือสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เช่นการเวียนว่าย
ตายเกิด ปลายทางของเหตุผลตามหลักศาสนาพุทธในประเทศไทย คือ ความเชื่อ นั่นเอง


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 31-10-2007, 11:31
มาตรฐานความยากจนโลก (http://web.worldbank.org/WBSITE/EXTERNAL/TOPICS/EXTPOVERTY/EXTPA/0,,contentMDK:20236273~menuPK:435735~pagePK:148956~piPK:216618~theSitePK:430367,00.html) มีคนคิดเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างชัดเจนยาวเหยียด จนอ่านไม่ไหว
แต่มาตรฐานความพอเพียงประเทศไทยคงไม่กล้ามีปราชญ์ผู้มากด้วยความเป็นอัจฉริยะหน้า
ไหนกล้ามากำหนดมาตรฐาน ปล่อยมันคลุมเครือมั่วๆ ไปอย่างงี้ง่ายดี จะด่าใครก็บอกไอ้บ้า
นั่นมันไม่พอเพียงง่ายๆ แล้วก็ยกตัวอย่างพฤติกรรมเศษๆ ของตัวเองที่ว่าพอเพียงมาให้ฟังเล่นๆ
เช่น เดินติดดินสำเพ็งจตุจักรเงี้ย ซื้อของร้อยเก้าๆ แต่อย่างอื่นประเภทเครื่องสำอางใช้แพง
โคตร ถ้าจะกู้เงินมาใช้เยอะๆ ก็บอกว่าไอ้เรากู้ด้วยวิสัยทัศน์ไม่เสี่ยงมีภูมิคุ้มกันแบบมีเหตุผล
แต่พวกซื้อรถกระบะหรือมือถือมาทำมาหากินบอกไอ้พวกบ้านั่นฟุ่มเฟือย ของเรายังใช้มือถือ
รุ่นกระจอกกว่า กระบะไม่มีมีแต่เบ๊นซ์ว่ะ

อ้าว แล้วอยู่ดีๆ จะไปด่าคุณนายดอก..หมาวัดทำไมล่ะเอ๊อ  :slime_bigsmile:

เอาอย่างนี้คุณอยากประหยัดฯ ถามตัวคุณเองแล้วกัน.. 

คุณรู้ไหมว่าอะไรพอเพียงสำหรับตัวคุณบ้าง? อย่างวันนึงควรกินข้าววันละกี่มื้อ มื้อละกี่จาน
อาบน้ำ สีฟัน วันละกี่หน ควรใช้เงินวันละกี่บาท .. อย่างน้อยต้องเท่าไหร่ถึงจะพอเพียง
จะกำหนดเกณฑ์พวกนี้กำหนดได้ไหม.. อย่าบอกนะครับว่าเรื่องแค่นี้ตัวคุณเองก็ไม่รู้?  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 11:35
ยิ่งคุยยิ่งรู้ว่าคนเรานี่ พื้นฐานมันต่างกันมากจริง ๆ

คือไม่รู้ว่า โง่จริงหรือแกล้งโง่ จนไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 11:40
เอาอย่างนี้คุณอยากประหยัดฯ ถามตัวคุณเองแล้วกัน.. 

คุณรู้ไหมว่าอะไรพอเพียงสำหรับตัวคุณบ้าง? อย่างวันนึงควรกินข้าววันละกี่มื้อ มื้อละกี่จาน
อาบน้ำ สีฟัน วันละกี่หน ควรใช้เงินวันละกี่บาท .. อย่างน้อยต้องเท่าไหร่ถึงจะพอเพียง
จะกำหนดเกณฑ์พวกนี้กำหนดได้ไหม.. อย่าบอกนะครับว่าเรื่องแค่นี้ตัวคุณเองก็ไม่รู้?  :slime_smile:

ไอ้เราจะทำอะไร จะใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือประหยัดแค่ไหน ถ้ารู้ตัวเองว่าทำแบบนี้
มันเข้าเกณฑ์ที่เรา รู้สึกว่า พอเพียงแล้ว ก็ทำๆ ไป อย่าได้สะเออะหรือเสร่อจะ
เสนอแนวความคิดไปบังคับหรือยัดเยียดคนอื่นให้ทำตาม ในเกณฑ์ที่แต่ละคน
ทำแล้วไม่เหมือนกัน หรือเรียกว่าไม่มีมาตรฐานนั่นเอง ถ้าเสนอกันเป็นแนวทาง
ไม่บังคับ ไม่เปรียบเทียบ ยกขึ้นมาประจานทำลายล้างกันทางการเมือง แบบนี้
พอไหว แต่ตอนที่มันยึดอำนาจเนี่ยถึงขั้นแสดงความเสร่อจะเอามาเป็นนโยบาย
เศรษฐกิจแห่งชาติ สุดท้ายหน้าแตกกระจาย ยังความเสื่อมเสียไปยังแนวทางนี้
อีก ไม่รู้เข้าใจคำว่า แนวทางปฏิบัติ กับ นโยบายรัฐบาลเผด็จการทหารยัดเยียด
ให้ปฏิบัติ หรือเปล่าว่ามันแตกต่างกัน


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 11:43
ยิ่งคุยยิ่งรู้ว่าคนเรานี่ พื้นฐานมันต่างกันมากจริง ๆ

คือไม่รู้ว่า โง่จริงหรือแกล้งโง่ จนไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

พื้นฐานการจินตนาการน้ำแตกอะดิที่มันต่างกัน แหมแค่จินตนาการยังนกกระจอกไม่ทันกินน้ำก็แตกซะแระ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 11:46
เค้ายัดเยียดตรงใหน ก็แค่อธิบายให้เข้าใจ สาธิตให้ดู

เรื่องแบบนี้ไปบังคับกันได้ที่ใหน มันไม่ง่ายเหมือนเอาเงินเอาของไปแจกหรอก

คนจะทำเรื่อง พอเพียงในบ้านได้ ทำในชุมชนได้ ไม่ใช่จะไปสั่งใครได้

คิดอะไรตื้น ๆ แบบนั้น


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 11:53
ระดับชาวบ้านแบบ "บังแอ" เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงได้

แต่พวกที่อ้างตัวว่ามีปัญญาสูง กลับไม่เข้าใจ

ตกลงอาจารย์ใจ ไปถามบังแอ ดูดีมั๊ย เผื่อ บังแอ จะได้อธิบายให้เข้าใจได้บ้าง

เรื่องคุณธรรม จริยธรรม เค้าสอนกันในโรงเรียน ที่วัด หรือที่บ้าน

ถ้าทั้ง 3 แห่งนี้ไม่สอน สังคมก็ลำบากหน่อย


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 31-10-2007, 11:56
ในกระโหลกมีแต่ตดจริง ๆ ด้วยแฮะ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 31-10-2007, 11:57
ไอ้เราจะทำอะไร จะใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือประหยัดแค่ไหน ถ้ารู้ตัวเองว่าทำแบบนี้
มันเข้าเกณฑ์ที่เรา รู้สึกว่า พอเพียงแล้ว ก็ทำๆ ไป อย่าได้สะเออะหรือเสร่อจะ
เสนอแนวความคิดไปบังคับหรือยัดเยียดคนอื่นให้ทำตาม ในเกณฑ์ที่แต่ละคน
ทำแล้วไม่เหมือนกัน หรือเรียกว่าไม่มีมาตรฐานนั่นเอง ถ้าเสนอกันเป็นแนวทาง
ไม่บังคับ ไม่เปรียบเทียบ ยกขึ้นมาประจานทำลายล้างกันทางการเมือง แบบนี้
พอไหว แต่ตอนที่มันยึดอำนาจเนี่ยถึงขั้นแสดงความเสร่อจะเอามาเป็นนโยบาย
เศรษฐกิจแห่งชาติ สุดท้ายหน้าแตกกระจาย ยังความเสื่อมเสียไปยังแนวทางนี้
อีก ไม่รู้เข้าใจคำว่า แนวทางปฏิบัติ กับ นโยบายรัฐบาลเผด็จการทหารยัดเยียด
ให้ปฏิบัติ หรือเปล่าว่ามันแตกต่างกัน

ตกลงคุณอยากประหยัดฯ ก็ยอมรับ ว่าตัวคุณสามารถกำหนดเกณฑ์พอเพียงได้
คนอื่นๆ กลุ่มอื่นๆ หน่วยงานอื่นๆ องค์กรอื่นๆ เขาก็กำหนดเกณฑ์ พอเพียง ได้
ถ้าจะกำหนดเกณฑ์ร่วมกันมันก็ย่อมสามารถกำหนดได้ ถ้าจะทำจริงๆ ใช่ไหม?

อะไรที่คิดไม่เหมือนกัน ก็มาพิจารณาร่วมกันในที่สุดก็จะได้เกณฑ์มาตรฐาน

ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีเกณฑ์ว่า นายกฯ มีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี สภามี ส.ส.กี่คน
ประชาชนออกเสียงเลือกตั้งได้เมื่ออายุเท่าไหร่ เลือกผู้แทนได้กี่คน

กำหนดกันมาแล้วทั้งนั้น เพียงแต่ใช้หลักอะไรกำหนดเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น
กองทุนหมู่บ้าน ที่ให้หมู่บ้านละล้าน เอาอะไรมากำหนดว่าพอเพียง ถ้าตอบไม่ได้
ก็คือตั้งตัวเลขมั่วๆ  หรืออย่าง OTOP ทำไมต้องเป็น 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ หรือ
30 บาทรักษาทุกโรค ทำไมต้อง 30 บาท มันพอเพียงไหม
ถ้าตอบได้ก็แล้วไป .. แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็คือตั้งส่งเดช  :slime_smile:

...

อีกอย่าง.. ผมถามไปตั้งนานแล้วไม่เห็นตอบ เศรษฐกิจพอเพียง ไปขัดแย้งกับ
เรื่อง รัฐสวัสดิการ ตรงไหนรู้หรือเปล่าครับ หรือแค่ก็อปเขามาแปะอย่างเดียว


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 12:05
อ้อ..ลืมบอกไปอีกอย่าง "เศรษฐกิจพอเพียง" มีหลักให้พัฒนาตนเอง พัฒนาสังคม-ประเทศชาติไปตาม"ศักยภาพ"ที่มี

ถ้ารู้ว่า "ศักยภาพ" ไม่พอก็ต้องถอยหลังกลับมาดูตัวเอง ถ้า "ไม่มีปัญญา" ก็ต้องหาเรื่องที่พอมี "ปัญญา" มาทำ

ถ้าหาคำว่า "ศักยภาพ" ไม่เจออีก ต้องกลับไปถามครูบาอาจารย์แล้วนะครับ

ผมอธิบายยากไปมั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 12:27
เค้ายัดเยียดตรงใหน ก็แค่อธิบายให้เข้าใจ สาธิตให้ดู

เรื่องแบบนี้ไปบังคับกันได้ที่ใหน มันไม่ง่ายเหมือนเอาเงินเอาของไปแจกหรอก

คนจะทำเรื่อง พอเพียงในบ้านได้ ทำในชุมชนได้ ไม่ใช่จะไปสั่งใครได้

คิดอะไรตื้น ๆ แบบนั้น

เอาข่าวเก่าๆ ไปอ่านหน่อยซิ นโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลที่ไปยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
แล้วมาบังคับใช้กับประชาชนที่ไม่มีสิทธิได้เลือกรัฐบาล ไม่เรียกว่ายัดเยียดแล้วจะให้
เรียกด้วยคำหรูๆ ว่าไง โครงการกองทุนจากรัฐบาลที่แล้วให้ประชาชนชาวรากหญ้าได้
กู้อยู่ดีๆ ก็ถูกตัด ด้วยข้อหาไม่เข้ากับความพอเพียง แล้วเอาเงินภาษีนั่นไปส่งเสริมหมู่
บ้านอีกกลุ่มที่กำหนดกันเองว่ามีศักยภาพ แบบนี้เรียกว่าสมัครใจเหรอ แหม คิดไปได้

"สุรยุทธ์" สั่งยกเลิกเอสเอ็มแอล ตั้งคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน-ชุมชน คุมทิศเศรษฐกิจพอเพียง
ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จะนำงบกลางปีงบประมาณ 2549 เกือบ 1 หมื่นล้านบาท ของกองทุนเอสเอ็มแอล และงบประมาณปี 2550 ที่ใช้สำหรับยุทธศาสตร์กินดีอยู่ดี เพื่อนำไปส่งเสริมหมู่บ้านหรือชุมชนที่มีศักยภาพและมีผลงานดี แต่ยึดการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเชื่อมโยงการทำงานของการพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และโครงการพัฒนาหมู่บ้าน-ชุมชน
 "สาเหตุการยุติโครงการเอสเอ็มแอล เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหายากจนได้อย่างแท้จริง จึงนำมาสานต่อและเน้นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้มีสำนักพัฒนาหมู่บ้าน-ชุมชนฯ หรือ สพพ. เป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่บริหารงานดังกล่าว หลังการแต่งตั้งภายใน 1-2 สัปดาห์ จะเร่งให้คณะทำงานสรุปรายละเอียดเพื่อเร่งอัดฉีดเงินไปสู่ชุมชนต่างๆ
...
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช.กล่าวว่า ทั้ง 3 เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะน้อมนำเอาแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาเรียนรู้ เพื่อเป็นแกนนำในการสร้างความเข้าใจกับประชาชน และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมุ่งเน้นให้กำลังของทุกหน่วยลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้มีความใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และความเดือดร้อน เพราะปัญหาทั้งสองมีความแตกกันในแต่ละพื้นที่ จุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ให้มีความสุขอยู่บนพื้นฐานที่ยั่งยืนในความเหมาะสมพอดี และจะส่งเสริมสนับสนุนโครงการต่างๆ เนื่องมาจากพระราชดำริที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วในทุกพื้นที่ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนด้วยเหล่าทัพ กอ.รมน.โดยศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.)
ที่มา คมชัดลึก


ตกลงคุณอยากประหยัดฯ ก็ยอมรับ ว่าตัวคุณสามารถกำหนดเกณฑ์พอเพียงได้
คนอื่นๆ กลุ่มอื่นๆ หน่วยงานอื่นๆ องค์กรอื่นๆ เขาก็กำหนดเกณฑ์ พอเพียง ได้
ถ้าจะกำหนดเกณฑ์ร่วมกันมันก็ย่อมสามารถกำหนดได้ ถ้าจะทำจริงๆ ใช่ไหม?

อะไรที่คิดไม่เหมือนกัน ก็มาพิจารณาร่วมกันในที่สุดก็จะได้เกณฑ์มาตรฐาน

ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีเกณฑ์ว่า นายกฯ มีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี สภามี ส.ส.กี่คน
ประชาชนออกเสียงเลือกตั้งได้เมื่ออายุเท่าไหร่ เลือกผู้แทนได้กี่คน

กำหนดกันมาแล้วทั้งนั้น เพียงแต่ใช้หลักอะไรกำหนดเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น
กองทุนหมู่บ้าน ที่ให้หมู่บ้านละล้าน เอาอะไรมากำหนดว่าพอเพียง ถ้าตอบไม่ได้
ก็คือตั้งตัวเลขมั่วๆ  หรืออย่าง OTOP ทำไมต้องเป็น 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ หรือ
30 บาทรักษาทุกโรค ทำไมต้อง 30 บาท มันพอเพียงไหม
ถ้าตอบได้ก็แล้วไป .. แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็คือตั้งส่งเดช  :slime_smile:

...

อีกอย่าง.. ผมถามไปตั้งนานแล้วไม่เห็นตอบ เศรษฐกิจพอเพียง ไปขัดแย้งกับ
เรื่อง รัฐสวัสดิการ ตรงไหนรู้หรือเปล่าครับ หรือแค่ก็อปเขามาแปะอย่างเดียว

ต้องเข้าใจนะ ว่าบางอย่างตั้งกฎเกณฑ์ของตัวเองได้แค่นั้น เอาไปคิดร่วมกันตั้งกฎเกณฑ์กลุ่ม
มันเป็นไปไม่ได้ เพราะความแตกต่างกันในด้านต่างๆ มันมากมายมหาศาล เรื่องพอเพียงนี้ก็ใช่

อ่านความเห็นแรกสิ แล้วจะตอบได้ว่ามันขัดแย้งยังไง ถ้าเราพอเพียงแบบปัจเจก จะไม่มีเงิน
มาจ่ายภาษีจำนวนมากสำหรับทำรัฐสวัสดิการ ถ้าพอเพียงหมู่คือพอเพียงเฉพาะด้านใช้จ่าย
ไม่พอเพียงด้านหารายได้ ดูๆ มันจะไม่ค่อยเข้าหลักเท่าไหร่ แต่มันต้องเป็นแบบนั้น ระบบรัฐ
สวัสดิการถึงจะไปรอด ไม่ใช่ต่างคนต่างพอเพียง ไม่มีใครมีเยอะๆ มาจ่ายรัฐ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 12:32
อ้อ..ลืมบอกไปอีกอย่าง "เศรษฐกิจพอเพียง" มีหลักให้พัฒนาตนเอง พัฒนาสังคม-ประเทศชาติไปตาม"ศักยภาพ"ที่มี

ถ้ารู้ว่า "ศักยภาพ" ไม่พอก็ต้องถอยหลังกลับมาดูตัวเอง ถ้า "ไม่มีปัญญา" ก็ต้องหาเรื่องที่พอมี "ปัญญา" มาทำ

ถ้าหาคำว่า "ศักยภาพ" ไม่เจออีก ต้องกลับไปถามครูบาอาจารย์แล้วนะครับ

ผมอธิบายยากไปมั๊ยครับ

เกิดมาเคยทำ action plan มั้ยเนี่ย หรือว่า วันๆ พ่นแต่ หัวเรื่อง ให้ดูดีแต่ไม่มีวิธีปฏิบัติ
ไม่เอาน่าคนประเภทนี้มีเยอะรกประเทศไปหมดแล้ว เอ หรือว่าเป็นพวกอยากเกิดมารก
ประเทศหว่า :slime_doubt:


หัวข้อ: ความจริงใจของคณะรัฐประหาร ในการใช้ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ แก้ปัญหาความ ‘ยากจน’
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 31-10-2007, 12:35
บทความ : ความจริงใจของคณะรัฐประหาร ในการใช้ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’
แก้ปัญหาความ ‘ยากจน’


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9942&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 12:51
ลองหาข่าว บทความจาก คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสิ

เผื่อจะได้ข่าวใหม่ ๆ ไม่ดักดานอยู่แถว ๆ ประชาไท


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 31-10-2007, 12:56
เอาน่า เห็นว่าเมืองไทยฝนตกบ่อย แดดคงน้อย


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 31-10-2007, 14:48
เหอ เหอ ป๊านายใจเคยเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซะที่ไหน อย่างมากก็เป็นแค่ที่ปรึกษา
จะเป็นผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจประเทศได้ไง เข้าใจระบบการปกครองประเทศไทยมั่งมั้ย
เนี่ย
เล่นยัดเยียดนโยบายเศรษฐกิจประเทศให้ป๊าของจารย์ใจรับผิดชอบซะงั้น มั่วๆ แบบนี้
คืนนี้ได้ฝันเห็นแน่ กุ๊กๆ กู๋ :slime_bigsmile:

ว่าไปก็น่าสงสารจารย์ใจเหมือนกัน โดนยัดเยียดเป็นพวกทักษิณเฉย แม้จะเกลียดทักษิณใน
เรื่องหยุมหยิมสารพัด แต่นโยบายของทักษิณมันใกล้เคียงกับอุดมคติของนายใจมากสุด อาจ
จะได้แค่ห้าหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่นโยบายศักดินาเต่าล้านปีนิยมของพรรคอื่นมันห่างไกลเหลือ
เกิน ท่าทางแกเลยลำบากจะด่าก็ไม่เต็มปากเต็มคำ พอพูดถึงอุดมการณ์ตัวเองก็ไปทับกับสิ่ง
ที่รัฐบาลที่แล้วทำซะอีก เห้อ

น่าน สุดท้ายสรุปจบลงด้วยจิตนาการ ผิด ชอบ ชั่ว ดี ของแต่ละคน ไม่ต้องพึ่งมาตรฐาน
แหม ถ้าจินตนาการน้ำแตกทุกคนเหมือนกันง่ายขนาดนี้ พระเจ้าคงไม่ลำบากมากำหนด
ศาสนาหลายๆ ศาสนาหรอก นี่ขนาดมีหลายศาสนาแล้วนะยังไม่พอ ดี ชั่ว ควร ไม่ควร
ยังทะเลาะกันในรายละเอียดอีก ต้องมีคำสั่งสอนจากเทพเจ้ามาประกอบให้คลุมเครือ
เข้าไปหนัก เล่นสรุปเอาง่ายว่า ความรู้คู่คุณธรรมง่ายๆ ซะงั้นไม่ต้องรายละเอียด แสดง
ว่าหมดมุกจะแสดงเหตุผลแล้วละสิ ต้องใช้ความเชื่อ และ จินตนาการมาเป็นหลักในการ
ปกครองประเทศ ไร้สาระว่ะ  :slime_bigsmile:


การกำหนดนโยบายของประเทศนั้น มีกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับไหนหรือ ที่กล่าวไว้วว่า ต้องเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีเท่านั้น จึงจะกำหนดได้ การที่เผด็จการในยุคหนึ่ง ตั้งนายคนนี้เข้าไปดำรงตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจหลายตำแหน่ง ตั้งให้ไปนั่งตบยุงหรือ  :slime_smile2:

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q1/2006january06p8.htm

อ้างถึง
บางด้านของระบอบสฤษดิ์ : ปัญหาป๋วย, การประหารชีวิตครอง และสฤษดิ์กราบบังคมทูลวิเคราะห์ลักษณะพิเศษ ของภาคอีสาน ที่เป็นสาเหตุขบวนการคอมมิวนิสต์และ "แยกดินแดน"
บทความพิเศษ  สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มติชนสัปดาห์ วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1325

คุณพ่อเชื่อมั่นคงในเรื่องกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของผู้ต้องหาตลอดจนเสรีภาพทางความคิด และอุดมการณ์

จอน อึ๊งภากรณ์ 28 สิงหาคม 2547

ผมคิดว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ ดร.ป๋วยจะไม่เห็นด้วยกับการที่สฤษดิ์อาศัย "ม.17" สั่งประหารชีวิต ศุภชัย ศรีสติ, รวม วงษ์พันธ์, ครอง จันดาวงศ์ และ ทองพันธุ์ สุทธิมาศ เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ ดร.ป๋วยจะไม่เห็นด้วยกับการใช้ ม.17 ประหารชีวิตผู้ต้องหา "วางเพลิง".... เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ ดร.ป๋วยจะไม่เห็นด้วยกับการจับอดีตนักการเมือง นักเขียน นัก น.ส.พ. ชาวบ้าน หลายร้อยคน มาขังลืมในคุกเป็นเวลาหลายๆ ปี ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ดร.ป๋วยคงไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ เพราะมี "ความเชื่อมั่นคงในเรื่องกระบวนการยุติธรรม..." แต่ถ้าเช่นนั้น ก็ยิ่งต้องตั้งคำถามว่า การที่ ดร.ป๋วยยังคงทำงานอยู่กับระบอบที่ทำในสิ่งตรงข้ามกับ "ความเชื่อมั่นคง" ของ ดร.ป๋วยเช่นนี้ แปลว่าอะไร?

แปลว่า "ความเชื่อมั่นคง" ในเรื่องเหล่านี้ (กระบวนการยุติธรรม, สิทธิผู้ต้องหา, เสรีภาพทางความคิด) แท้ที่จริง หาได้มีความสำคัญพอ แม้แต่จะทำให้ ดร.ป๋วย เพียงแสดงตัวออกห่าง (distance himself) จากระบอบสฤษดิ์ ไม่ต้องพูดถึงขั้นว่า แตกหัก (break) หรือออกมาวิจารณ์ด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่?

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล 29 สิงหาคม 2547

 

ป๋วยกับสฤษดิ์

เมื่อปีกลาย ผมได้แลกเปลี่ยนกับ ส.ว.จอน อึ๊งภากรณ์ เกี่ยวกับปัญหาการทำงานให้กับสฤษดิ์ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งผมเห็นว่า มีนัยยะต่อการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ไทยยุคใกล้ โดยเฉพาะในประเด็นบทบาทของปัญญาชนเสรีนิยม ขณะที่แลกเปลี่ยนนั้น ผมมีภาพการทำงานให้สฤษดิ์ของป๋วย กรณีการรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นสำคัญ

เมื่อเร็วๆ นี้ ในระหว่างที่รวบรวมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระบอบสฤษดิ์ ผมจึงได้ทราบว่า ความสัมพันธ์ในแง่การทำงานให้กับสฤษดิ์ของป๋วย มีมากกว่าการรับเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ และไม่ใช่เพียงในฐานะเป็นข้าราชการประจำธรรมดาทั่วๆ ไป แต่มีบทบาทสัมพันธ์กับเรื่องเชิงนโยบาย กล่าวคือ

ทันทีที่มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2502 (ก่อนหน้านั้น ประเทศไทยปกครองด้วย "คณะปฏิวัติ" ใช้การออกคำสั่ง ไม่ต้องมีมติคณะรัฐมนตรี) สฤษดิ์ได้ตั้งให้ป๋วยเป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

อันที่จริง กล่าวได้ว่า ป๋วยเป็นข้าราชการระดับสูงคนแรกที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง (โปรโมต) โดยคณะรัฐมนตรีสฤษดิ์ คือในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 1/2502 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2502 ได้มีมติรับรองการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งข้าราชการ ดังนี้

ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาเห็นสมควรแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนชั้นพิเศษให้ดำรงตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คือ

1. นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง กระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำนักงบประมาณ

2. นายมนูญ บริสุทธิ์ ผู้อำนวยการกองนิติธรรม และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

3. หลวงชำนาญอักษร เลขาธิการคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ไปประจำกรม กรมตรวจราชการแผ่นดิน

4. นายปุ่น จาติกวณิช รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ไปประจำกรม สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2502 เป็นต้นไป...

มติ - เห็นชอบด้วยและอนุมัติให้ดำเนินการต่อไป

น่าสังเกตว่า นอกจากป๋วยแล้ว อีก 3 คนล้วนเกี่ยวข้องกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผมไม่ทราบว่าสาเหตุที่หลวงชำนาญฯ และปุ่น ถูกลดตำแหน่งคืออะไร แต่ทั้งคู่เป็นข้าราชการที่ทำงานในสำนักนี้มาเป็นเวลานาน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลคณะราษฎร (ก่อน 2490) กรณีป๋วยนั้น ในชีวประวัติมาตรฐานที่มีการเผยแพร่ทั่วไป กล่าวว่า สฤษดิ์ชวนให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เขาปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลเรื่องสมัยเสรีไทยเคยสาบานว่าทำเสรีไทยไม่ใช่เพื่อรับตำแหน่ง ผมไม่มีข้อมูลยืนยัน หรือปฏิเสธเรื่องเสรีไทยนี้ แต่เป็นไปได้ว่า ป๋วยอาจถูกขอให้เป็นรัฐมนตรีคลังจริง และปฏิเสธ (รัฐมนตรีคลัง จะกลายเป็นตำแหน่งที่มีปัญหา และต้องเปลี่ยนในเวลาไม่กี่เดือน) สฤษดิ์จึงขอให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแทน

และนี่คงอธิบายว่า เหตุใดเขาจึงเป็นข้าราชการคนแรกที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนตำแหน่ง (คือถัดจากการรับตำแหน่งของรัฐมนตรีเอง)

ประเด็นที่น่าสนใจในที่นี้อยู่ที่ว่า สฤษดิ์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับสำนักงบประมาณ อย่างที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน คือ เขาได้กำหนดว่า "ในเรื่องการออกกฎหมายนั้น อยากจะซ้อมความเข้าใจว่า ถ้าไม่จำเป็นแล้ว อย่าออกกฎหมายเลย ในเรื่องการออกกฎหมาย พระราชบัญญัติต่างๆ อะไรเหล่านี้ ทุกฉบับควรจะได้ผ่านสำนักงบประมาณ พิจารณาก่อน เพราะอาจมีเรื่องต้องใช้เงินงบประมาณ ทางสำนักงบประมาณจะได้รู้เรื่อง จะได้จัดเตรียมงบประมาณให้" (การประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 9/2502 วันที่ 2 เมษายน 2502)

นี่คือสาเหตุที่มีข้าราชการระดับบริหารของสำนักงบประมาณเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในสมัยนั้นเสมอ

เท่าที่ผมรวบรวมค้นคว้าได้ขณะนี้ ผมมีข้อสังเกตว่า รัฐบาลสฤษดิ์ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณ 3 ประเภทเป็นพิเศษ ซึ่งหมายความว่าสำนักงบประมาณจะต้องมีบทบาทสำคัญ (และหมายความว่า สฤษดิ์ต้องไว้วางใจผู้ที่เขาเลือก ให้เป็นผู้อำนวยการสำนักอย่างยิ่งด้วย) คือ งบฯ ด้านการพัฒนา, งบฯ ทางทหารรวมทั้ง "งบฯ ราชการลับ" และ งบฯ ด้านราชสำนัก เช่น การเสด็จเยือนต่างประเทศทั่วโลก การฟื้นฟูประเพณีเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ต่างๆ ได้แก่ งานวันเฉลิมพระชนมพรรษา, พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ, พิธีเสด็จพยุหยาตราทางชลมารค

(ในปีแรกที่มีงานวันเฉลิมฯ และจรดพระนังคัล งบประมาณประจำปีถูกกำหนดไปแล้ว สำนักงบประมาณ ต้องจัดสรรงบประมาณให้เป็นพิเศษ เป็นต้น)

เกี่ยวกับการพยายามหาเทคโนแครตมาช่วยงานนี้ สฤษดิ์กล่าวในโอกาสเดียวกับข้างต้นว่า "การตั้งคณะที่ปรึกษาต่างๆ ยังล่าช้าอยู่บ้าง ก็เพราะต้องพิจารณาเลือกคนที่ดีจริงๆ เข้ามาร่วมงาน จึงต้องใช้เวลาบ้าง เพราะผมก็ไม่รู้จักคนมากนัก จึงใคร่ขอให้ท่านรัฐมนตรีช่วยเสนอคนที่เห็นว่าเป็นผู้มีความรู้และเป็นคนดีมาบ้าง เพื่อจะได้มาช่วยกัน เพราะยังมีคนดีๆ ที่หวังดีต่อประเทศชาติอยู่อีกไม่น้อย และอยากจะได้คนวัย 40 ปี เพราะไม่หนุ่มหรือแก่เกินไป"

ขณะนั้นป๋วยอายุ 43 ปี หลังจากเป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ในเวลาใกล้เคียงกัน สฤษดิ์ก็ตั้งให้ป๋วยเป็น 1 ในกรรมการบริหารสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ (พร้อมด้วยคนอย่าง ทวี บุญยเกต, เล้ง ศรีสมวงศ์ ม.ล.เดช สนิทวงศ์)

กล่าวได้ว่า ป๋วยไม่ใช่อยู่ในประเภทคนที่สฤษดิ์ "ไม่รู้จักมากนัก" เพราะได้รับการแต่งตั้ง ตั้งแต่แรกๆ

และด้วยความสัมพันธ์ในการทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลสฤษดิ์ดังกล่าว (แม้จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี) ป๋วยได้เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2504 ซึ่งมีวาระพิจารณาอนุมัติให้สฤษดิ์ใช้ ม.17 สั่งประหารชีวิต ครอง จันดาวงศ์ และ ทองพันธุ์ สุทธิมาศ ตามบันทึกการประชุม ในครั้งนั้น มีรัฐมนตรีเข้าร่วม 15 คน (รวมทั้งตัวสฤษดิ์เอง) เจ้าหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี 3 คน (เลขาธิการและรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, หัวหน้ากองการประชุม) และมีผู้อื่นที่เข้าร่วมประชุม ดังนี้

ผู้อยู่ในห้องประชุม

1. พันเอกหลวงวิจิตรวาทการ ปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรี

2. พลโทเนตร เขมะโยธิน เลขาธิการทำเนียบนายกรัฐมนตรี

3. พลโทอัมพร จินตกานนท์ เลขาธิการบริหารของนายกรัฐมนตรี

4. นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

5. นายประสงค์ หงสนันท์ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

6. พลตรีแสวง เสนาณรงค์ รองเลขาธิการทำเนียบนายกรัฐมนตรี

7. พลตรีเฉลิมชัย จารุวัสตร์ รองเลขาธิการทำเนียบนายกรัฐมนตรี

8. นายสงวน จันทรสาขา รองเลขาธิการทำเนียบนายกรัฐมนตรี

9. นายสิริ ปกาสิต รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

10. นายบุญธรรม ทองไข่มุกด์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

การที่มีเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของสำนักงบประมาณเข้าประชุมถึง 3 คนนี้ เพราะวันนั้นมีการพิจารณาวาระที่เกี่ยวกับ การใช้จ่ายงบประมาณในเรื่องต่างๆ หลายเรื่อง รวมถึง 3 วาระที่ติดกัน ก่อนเรื่องการประหารครอง-ทองพันธุ์ (มีเพียงวาระหนึ่งคั่นอยู่) แน่นอนว่า ในแง่หนึ่ง กล่าวได้ว่า การที่ป๋วยเข้าร่วมประชุมครั้งนั้นหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ (รวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่า ป๋วยอาจจะเดินออกจากห้องประชุมก่อนวาระนี้ แต่ดังที่เพิ่งกล่าวว่า วาระที่ใกล้ๆ กันก่อนหน้านี้เป็นเรื่องงบประมาณ) เพราะต่อให้ไม่เข้าร่วมประชุม การใช้ ม.17 ประหารครอง-ทองพันธุ์ เป็นเรื่องที่ยากที่ป๋วยหรือใครก็ตามที่ทำงานกับสฤษดิ์ขณะนั้นจะ "ตกข่าว" ได้ (การใช้ ม.17 ประหารชีวิตทางการเมือง ก่อนหน้านั้น 2 ครั้ง คือ ประหาร ศิลา วงศ์สิน และ ศุภชัย ศรีสติ ไม่มีบันทึกผู้เข้าร่วมประชุม)

แต่การได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้นของป๋วย ทำให้ประเด็นเรื่องเขาทำงานให้สฤษดิ์ที่ "มือเปื้อนเลือด" ผู้บริสุทธิ์ (ผู้ไม่เคยถูกขึ้นศาลเลย ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์) มีลักษณะ dramatic ยิ่งขึ้น

ที่เหลือไปอ่านเอาเอง  :slime_v:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 31-10-2007, 14:57
ขอแนะนำให้ไปเรียกสหายดอกหญ้า แล้วเอาถาดไปด้วย
เดินไปที่หน้าศาลาพระเกี้ยว แล้วโชว์ตลกล้างสมองซะ
 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 31-10-2007, 16:04
โคตรไร้สาระเลย อุตส่าห์เข้ามาอ่าน สรุปว่าไอ้ชอบแถไม่รู้ว่าอะไรคือคุณธรรม บอกว่าโจรใต้ฆ่าคนตายคิดว่าไม่ผิด แล้วอย่างนี้จะเถียงกับมันทำไมว้า ดันไปเอามาตรฐานโจรใต้มายกประกอบ

คุณธรรมอยู่ในจิตสำนึก ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องถามหาคุณธรรม กลับไปดูดนมแม่ไป


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 31-10-2007, 16:24

 :slime_cool: :slime_smile:

เศรษฐกิจพอเพียงต้องอยู่คู่กับทุนนิยม เหมือนรถที่ต้องมีเบรคดีๆ

อย่าไปคิดมาก คิดแยกส่วน คิดว่าทำอย่างไรระบบเศรษฐกิจของเราจะมีประสิทธิภาพดีกว่า


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 17:54
โคตรไร้สาระเลย อุตส่าห์เข้ามาอ่าน สรุปว่าไอ้ชอบแถไม่รู้ว่าอะไรคือคุณธรรม บอกว่าโจรใต้ฆ่าคนตายคิดว่าไม่ผิด แล้วอย่างนี้จะเถียงกับมันทำไมว้า ดันไปเอามาตรฐานโจรใต้มายกประกอบ
คุณธรรมอยู่ในจิตสำนึก ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องถามหาคุณธรรม กลับไปดูดนมแม่ไป

มีสมองก็เอาไว้คิดมั่งเหอะ หมามันยังมีสมองคิดเลย โจรใต้ไม่ใช่มีแค่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวเล็กๆ
มีเป็นพันเป็นหมื่น ถ้าคิดว่าคุณธรรมมีอยู่จริงตามธรรมชาติเกิดขึ้นในจิตใจทุกคน คงไม่เกิดเหตุฆ่า
แบบโหดๆ ต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนอย่างงั้นหรอก นี่เพราะพวกนั้นโดนปลูกฝังความเชื่อ ที่พวกนั้น
คิดในหมู่ตัวเองและเชื่ออย่างสนิทใจว่า การกำจัดต่างพวกเป็นบุญหรืออย่างน้อยก็ไม่ผิดคุณธรรม
มันถึงทำอะไรโหดเหี้ยมได้โดยไม่ต้องคิดไง


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 31-10-2007, 19:10
มีสมองก็เอาไว้คิดมั่งเหอะ หมามันยังมีสมองคิดเลย โจรใต้ไม่ใช่มีแค่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวเล็กๆ
มีเป็นพันเป็นหมื่น ถ้าคิดว่าคุณธรรมมีอยู่จริงตามธรรมชาติเกิดขึ้นในจิตใจทุกคน คงไม่เกิดเหตุฆ่า
แบบโหดๆ ต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนอย่างงั้นหรอก นี่เพราะพวกนั้นโดนปลูกฝังความเชื่อ ที่พวกนั้น
คิดในหมู่ตัวเองและเชื่ออย่างสนิทใจว่า การกำจัดต่างพวกเป็นบุญหรืออย่างน้อยก็ไม่ผิดคุณธรรม
มันถึงทำอะไรโหดเหี้ยมได้โดยไม่ต้องคิดไง

โจรใต้พวกนี้ ก็คงไม่ต่างจากแก๊สกระมัง ไม่รู้จะเรียกอะไรดีเนอะ โง่ หรือดักดาน


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 31-10-2007, 19:45
ต้องเข้าใจนะ ว่าบางอย่างตั้งกฎเกณฑ์ของตัวเองได้แค่นั้น เอาไปคิดร่วมกันตั้งกฎเกณฑ์กลุ่ม
มันเป็นไปไม่ได้ เพราะความแตกต่างกันในด้านต่างๆ มันมากมายมหาศาล เรื่องพอเพียงนี้ก็ใช่

อ่านความเห็นแรกสิ แล้วจะตอบได้ว่ามันขัดแย้งยังไง ถ้าเราพอเพียงแบบปัจเจก จะไม่มีเงิน
มาจ่ายภาษีจำนวนมากสำหรับทำรัฐสวัสดิการ ถ้าพอเพียงหมู่คือพอเพียงเฉพาะด้านใช้จ่าย
ไม่พอเพียงด้านหารายได้ ดูๆ มันจะไม่ค่อยเข้าหลักเท่าไหร่ แต่มันต้องเป็นแบบนั้น ระบบรัฐ
สวัสดิการถึงจะไปรอด ไม่ใช่ต่างคนต่างพอเพียง ไม่มีใครมีเยอะๆ มาจ่ายรัฐ

คุณนั่นแหละไม่เข้าใจว่ามันมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกในฐานะรัฐบาลต้องตั้งเกณฑ์ขึ้นมาให้ไ้ด้ว่า
อะไรที่ประชาชนได้รับยังไม่พอเพียงก็ต้องจัดการให้มันพอเพียง ส่วนที่สองคือในฐานะของ
ประชาชนต้องตั้งเกณฑ์ของตัวเอง ของกิจการตัวเอง ของกลุ่มธุรกิจตัวเอง ฯลฯ ว่าจะใช้จ่าย
จะลงทุน จะเก็บออม อย่างไรมันถึงจะพอเพียง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน .. แค่นี้ทำไมไม่เข้าใจล่ะครับ

เรื่องรัฐสวัสดิการนั่น ก็คือในส่วนแรกที่รัฐต้องจัดการให้พอเพียง และเรื่องไม่มีเงินมาจ่ายภาษี
อะไรนั่นมันโมเดลเศรษฐกิจระบอบทักษิณ เอาเงินคนรวยไปอุ้มชูคนจน
..ถึงได้เกิดการเมืองแบบ "สองนคราประชาธิปไตย"..ไม่มีแผ่นดินอยู่แบบตอนนี้   :slime_bigsmile:

แต่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งไปที่ให้ภาครัฐสนับสนุนภาคเกษตร ให้เข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ในที่สุดภาคเกษตรก็จ่ายภาษี รับผิดชอบเลี้ยงดูประเทศด้วย ไม่ใช่ระบบใครรวยได้รวยไป
แล้วไปเก็บเงินคนรวยมาแจกคนจนหาคะแนนเสียง แล้วคนรวยก็ไปเป็นนักการเมืองโกงกิน!!!

ที่สำคัญเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่ไม่มีการค้าการขาย เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามมั่งคั่งร่ำรวย
ไม่ได้ห้ามใช้ของดีมีราคา ไม่ได้ห้ามใช้เทคโนโลยี ใครสั่งใครสอนให้คิดแบบนี้เป็นพวกวิปริต
ผิดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง กลายเป็นระบบอะไรไม่รู้
..แนะนำให้ไปล้างสมองตัวเองให้หมดแล้วศึกษาใหม่ให้ถูกต้องนะครับ..  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 31-10-2007, 20:41
อ่านกี่รอบ กี่รอบ แมร่งก็ไม่ได้เข้าใจในความหมาย แต่อยากเอามาหาเรื่องด่าคนอื่นเค้า

อยากจะเอาตัวเลขดัชนีวัด ที่เป็นมาตรฐาน สงสัยแดรกข้าวอีกหน่อยต้องกำหนดว่าแดรกคนละกี่จานต่อวันหรือไง

ไอ้บทความที่ยกมาก็โง่ชิ  ไม่รู้เรื่องก็เสือกเขียนมา 

โมเดลทางเกษตรที่เห็นๆ ตามโครงการต่างๆ ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าต้องทำอย่างนี้แล้วถึงจะเป็นเศรษฐกิจพอเพียง

นั่นเป็นแนวคิดส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับชาวไร่ชาวนา หรือคนที่มีที่ดินแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร

ไม่ใช่ว่าให้คนค้าขาย คนลงทุน ไปทำไร่ทำนา หรือฝากเงินแบงค์ไม่ต้องทำอะไรอีก  ฟายจริงๆ

ถามว่าคนจะลงทุนต้องใช้อะไรมั่ง  หลักๆก็มีสองอย่าง 1 สมอง 2 เงิน  ไม่ใช่มีแต่เงินแต่ไม่มีสมองแล้วไปลงทุน

แต่ถ้าไม่มีเงิน แต่ยังพอมีสมอง อันนี้มันก็ยังพอได้ ถึงไปกู้เค้ามามันก็ไม่ได้ขัดกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง

เถียงกันจนตาย ไอ้แก๊สเน่ามันก็ไม่เคยรับเข้าสมอง


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 21:35
คุณนั่นแหละไม่เข้าใจว่ามันมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกในฐานะรัฐบาลต้องตั้งเกณฑ์ขึ้นมาให้ไ้ด้ว่า
อะไรที่ประชาชนได้รับยังไม่พอเพียงก็ต้องจัดการให้มันพอเพียง ส่วนที่สองคือในฐานะของ
ประชาชนต้องตั้งเกณฑ์ของตัวเอง ของกิจการตัวเอง ของกลุ่มธุรกิจตัวเอง ฯลฯ ว่าจะใช้จ่าย
จะลงทุน จะเก็บออม อย่างไรมันถึงจะพอเพียง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน .. แค่นี้ทำไมไม่เข้าใจล่ะครับ

เรื่องรัฐสวัสดิการนั่น ก็คือในส่วนแรกที่รัฐต้องจัดการให้พอเพียง และเรื่องไม่มีเงินมาจ่ายภาษี
อะไรนั่นมันโมเดลเศรษฐกิจระบอบทักษิณ เอาเงินคนรวยไปอุ้มชูคนจน
..ถึงได้เกิดการเมืองแบบ "สองนคราประชาธิปไตย"..ไม่มีแผ่นดินอยู่แบบตอนนี้   :slime_bigsmile:

แต่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งไปที่ให้ภาครัฐสนับสนุนภาคเกษตร ให้เข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ในที่สุดภาคเกษตรก็จ่ายภาษี รับผิดชอบเลี้ยงดูประเทศด้วย ไม่ใช่ระบบใครรวยได้รวยไป
แล้วไปเก็บเงินคนรวยมาแจกคนจนหาคะแนนเสียง แล้วคนรวยก็ไปเป็นนักการเมืองโกงกิน!!!

ที่สำคัญเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่ไม่มีการค้าการขาย เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามมั่งคั่งร่ำรวย
ไม่ได้ห้ามใช้ของดีมีราคา ไม่ได้ห้ามใช้เทคโนโลยี ใครสั่งใครสอนให้คิดแบบนี้เป็นพวกวิปริต
ผิดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง กลายเป็นระบบอะไรไม่รู้
..แนะนำให้ไปล้างสมองตัวเองให้หมดแล้วศึกษาใหม่ให้ถูกต้องนะครับ..  :slime_smile:


น่าน มาแล้วครับพ่อกูรูกะโหลกกะลาเรา เทพขนาด ดร.จิรายุ ยังบอกว่า

"เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่มีคำตอบที่จะเป็นบรรทัดฐาน"

นี่พ่อกู(มี)รูเราเหนือเทพเว้ยเฮ้ย บอกว่า ให้ตั้งเกณฑ์สองส่วน เก่งฉิบเยย
ก็อ่านมาด้วยกันเป็นกระทู้ยาวววววเหยียดแท้ๆ ทุกรูขุมขนหมดแล้ว มันก็
มีแค่นั้น พวกชั้นเทพแกอุตส่าห์ compress พระราชดำรัสให้เหลือแค่ห้าข้อ
อันที่จริงน่าจะเป็นม็อตโต้ของเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่าจะเป็นสรุปนะนั่น
เพราะพอขยายความก็ไม่สนต้นฉบับซะงั้น เอาที่ compress มาขยายใหม่
ยังกะย่อรูปด้วย jpeg แล้วขยายใหม่อีกที มันก็หยาบนะสิ แล้วแต่ละท่าน
ที่ขยายขึ้นมาใหม่ก็ใส่ความเห็นตัวเองเป็นที่สนุกสนาน รวมทั้งพ่อกูรูนี่ด้วย
ป่าวหว่า สงสัยแหงเรยยยย ถึงดูจะเข้าใจเกินต้นฉบับซะอย่างงี้

ต้องอ่านให้เข้าใจก่อนนะว่าจารย์ใจแกไม่ได้ด่าอะไรปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เลย แกด่าพวกซังกะบ๊วยที่นำไปหาประโยชน์ซี้ซั้วผิดที่ผิดทางต่างหาก อ่าน
ไม่เข้าใจดันไปด่าแกซะงั้น บางคนลามไปถึงป๊าแกซะอีก ไม่เข้าท่าเล้ย

ส่วนที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามใช้ของดีมีราคานั่น
เกณฑ์แต่ละคนแต่ละสถานการณ์มันอยู่ไหนเหรอ มีปัญญาเก่งนักก็ลองตอบเรื่อง
รถประจำตำแหน่งท่านทหารวีรบุรุษติดหรูพวกนั้นหน่อยซิว่าทำไมต้องเอสคลาส
อีคลาสถูกกว่าเป็นครึ่งนั่งแล้วริดสีดวงตูดมันจะแตกเลือดนองเบาะหรือไง แบบนั้น
ซื้อโกเต็กมารองนั่งยังประหยัดกว่านั่งเอสคลาสอยู่ดี แถมพวกยังต้องล่อรุ่นใหม่ล่า
สุดคันนึงหลักสิบล้านไปโน่น ยังไม่ต้องพูดถึงยี่ห้อญี่ปุ่นประกอบในประเทศนะนั่น
ทั้งที่จริงมันก็นั่งนุ่มตูดพอกันแท้ๆ คำถามง่ายๆ แค่นี้สงสัยตอบไม่ได้แหง :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 21:46
เอ้อ...ตัวใหญ่ ๆ ในประเทศสังคมนิยมหรือคอมมูนิสต์ นั่งเกวียนไปสภาเปรสิเดียมหรือไงครับ

รู้จักแยกแยะให้ถูกหน่อย

อาจารย์ใจ ก็แค่ยกมาแขวะ "เจ้า" ใคร ๆ เค้าก็รู้สันดานแกครับ

มันก็แค่เพิ่มราคาเอาไว้หน่อย เผื่อลูกศิษย์ลูกหาจะได้เชื่อมั่น

พอ ๆ กับลิ่วล้อในประชาไทกับฟ้าเดียวกันนั่นแหละ

ขอให้ได้แขวะ ก็สบายใจแล้ว

แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...ถึงบอกว่า โง่จริงหรือแกล้งโง่


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 31-10-2007, 21:48
แล้วถ้ามีปัญญานั่งให้สมฐานะไปหนักหัวใครก็เปล่า


ไปรักษาริดสีดวงที่ปากเอ็งก่อนเถอะอย่าให้ลามมาที่ลิ้นไก่น๊ะ อันตราย!


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 21:51
เอ้อ...ตัวใหญ่ ๆ ในประเทศสังคมนิยมหรือคอมมูนิสต์ นั่งเกวียนไปสภาเปรสิเดียมหรือไงครับ

รู้จักแยกแยะให้ถูกหน่อย

อาจารย์ใจ ก็แค่ยกมาแขวะ "เจ้า" ใคร ๆ เค้าก็รู้สันดานแกครับ

มันก็แค่เพิ่มราคาเอาไว้หน่อย เผื่อลูกศิษย์ลูกหาจะได้เชื่อมั่น

พอ ๆ กับลิ่วล้อในประชาไทกับฟ้าเดียวกันนั่นแหละ

ขอให้ได้แขวะ ก็สบายใจแล้ว

แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...ถึงบอกว่า โง่จริงหรือแกล้งโง่

เทียบชั้นกะกูรู jerasak ของบอร์ดนี้แล้ว ดูความเห็นจะด้อยค่าไปหน่อยนะ
ตอบเอามันส์เชิงตะแบงซะเป็นส่วนใหญ่ สงสัยความคิดจะหดไปตามวัย
ถามเรื่อง เอสคลาส กะ อีคลาส ล่อเกวียนซะงั้น เห้อ เกรียนวัยชรา :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 22:02
โถ...แค่ตั้งกระทู้แขวะเจ้าฯ ไปวัน ๆ คนอ่านเค้ารู้ทันหมดแล้ว

ไปเล่นประชาไท ฟ้าเดียวกัน ราชดำเนิน ไม่ดีกว่าเหรอ..อิ อิ

ดร.สุเมธ คงไม่ได้เอา ดัชนีวัดความสุขไปด้วยน่ะเลยไม่ตอบ

จะว่าไปเรื่องของความพอใจ ความพอเพียง ในแง่หนึ่งมันเป็นเรื่องของความสุข เป็นเรื่องของจิตใจ

คนอย่าอาจารย์ใจคงไม่มีเรื่องพวกนี้ในสมอง เลยไปบ้าอยู่กับทฤษฎีที่สงคมตัดสินแล้วว่าไม่เหมาะกับคนไทย


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 31-10-2007, 22:13
ยกสังคมนิยมมาเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ลายเซ็นเสือกเป็นรักเหลี่ยมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
เพี้ยนมากแล้ว ไปหาหมอมั่งเหอะว่ะ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-10-2007, 22:34
ยกสังคมนิยมมาเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ลายเซ็นเสือกเป็นรักเหลี่ยมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
เพี้ยนมากแล้ว ไปหาหมอมั่งเหอะว่ะ :slime_bigsmile:


ก็เพราะรักเหลี่ยมไม่เปลี่ยนแปลงนี่แหละ ถึงตั้งหน้าตั้งตาโจมตีเศรษฐกิจพอเพียง

ปฎิวัติใหม่ ๆ ไอ้เหลี่ยมถึงขั้นจ้างคนเขียนบทความสร้างความสับสนเรื่องนี้ให้กับต่างชาติ

ความคิดอุบาทว์ แบบนี้ มันก็มาจากไอ้หน้าเหลี่ยมนั่นแหละครับ

ระดับชาวบ้าน ๆ ยังเข้าใจได้ แต่ครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไม่สามารถทำความเข้าใจได้

ไม่รู้ใครโง่กว่าใคร อ้อ...ชาวบ้านเค้าเรียกว่า "ยิ่งเรียนยิ่งโง่"..


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 31-10-2007, 23:10
โถ...แค่ตั้งกระทู้แขวะเจ้าฯ ไปวัน ๆ คนอ่านเค้ารู้ทันหมดแล้ว

ไปเล่นประชาไท ฟ้าเดียวกัน ราชดำเนิน ไม่ดีกว่าเหรอ..อิ อิ

ดร.สุเมธ คงไม่ได้เอา ดัชนีวัดความสุขไปด้วยน่ะเลยไม่ตอบ

จะว่าไปเรื่องของความพอใจ ความพอเพียง ในแง่หนึ่งมันเป็นเรื่องของความสุข เป็นเรื่องของจิตใจ

คนอย่าอาจารย์ใจคงไม่มีเรื่องพวกนี้ในสมอง เลยไปบ้าอยู่กับทฤษฎีที่สงคมตัดสินแล้วว่าไม่เหมาะกับคนไทย

ไม่อ่านเนื้อหาของจารย์ใจให้ละเอียด ก็ดิสเครดิตไปเรื่อยว่าแขวะเจ้า
บทความที่สัมภาษณ์นี้ไม่เห็นจะด่าว่าเจ้าตรงไหน ตั้งใจยกเรื่องอื่นๆ
มาปนเพื่อดิสเครดิตกันง่ายๆ แบบนี้มันหลอกได้แต่เด็กกะผู้ใหญ่สมอง
เด็กโง่ๆ แถวนี้นา คนคิดทันเค้าไม่หลงเชื่อหรอก ถ้าจะไปด่าเค้าว่าไม่
มีเรื่องความสุข เรื่องจิตใจในสมอง ก็หาเหตุผลมาแย้งน่าจะดูเป็นคนมี
ความรู้มากกว่านะ อย่าให้เค้าว่าแก่เพราะกินข้าวสิ เสียสถาบันคนแก่
หมด ว่าแต่ ดร.นั่นเลิกขับสปอร์ตเอ็มอาร์ทูสีแดงมือสองแล้วเหรอ รถ
สปอร์ตพอเพียงเลยนะนั่น เครื่องสามเอสเทอร์โบด้วยมั้ง คงเป็นเรื่อง
ของจิตใจ ขับแล้วมีความสุขในอีกมิติ :slime_bigsmile:

ยกสังคมนิยมมาเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ลายเซ็นเสือกเป็นรักเหลี่ยมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
เพี้ยนมากแล้ว ไปหาหมอมั่งเหอะว่ะ :slime_bigsmile:


อ้าว ยังอ่านรู้เรื่องว่าเป็นสังคมนิยม แสดงว่ายังไม่เพี้ยนมาก :slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 01-11-2007, 01:17
เห็นด้วยเต็มที่  เลยนำเศรษฐกิจพอเพียงมาปลุกกระแสบังหน้า

ระบบเศรษฐกิจพอเพียงนี่ มันเป็นจินตภาพ จับต้องอะไรไม่ได้เลย
ไม่มีเกณฑ์ อะไรที่จะมาวัดได้ ว่าพอเพียงหรือยัง  การดำเนินนโยบาย
เศรษฐกิจ ทุกอย่างสามารถว่าจะมองไปว่า พอเพียงหรือไม่พอเพียงได้ทั้งนั้น
เช่นท่านอดีตนายก ให้กองทุนหมู่บ้านอย่างพอเพียง หมูบ้านละเพียงแค่ 1 ล้าน
ไม่ใช่ 10 ล้าน   แล้วอยู่ดีๆ คุณจะเอาเกณฑ์คุณไปฟันธงได้ไงว่าอันไหนพอเพียงไม่พอเพียง

     
คุณนั่นแหละไม่เข้าใจว่ามันมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกในฐานะรัฐบาลต้องตั้งเกณฑ์ขึ้นมาให้ไ้ด้ว่า
อะไรที่ประชาชนได้รับยังไม่พอเพียงก็ต้องจัดการให้มันพอเพียง ส่วนที่สองคือในฐานะของ
ประชาชนต้องตั้งเกณฑ์ของตัวเอง ของกิจการตัวเอง ของกลุ่มธุรกิจตัวเอง ฯลฯ ว่าจะใช้จ่าย
จะลงทุน จะเก็บออม อย่างไรมันถึงจะพอเพียง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน .. แค่นี้ทำไมไม่เข้าใจล่ะครับ

เรื่องรัฐสวัสดิการนั่น ก็คือในส่วนแรกที่รัฐต้องจัดการให้พอเพียง และเรื่องไม่มีเงินมาจ่ายภาษี
อะไรนั่นมันโมเดลเศรษฐกิจระบอบทักษิณ เอาเงินคนรวยไปอุ้มชูคนจน
..ถึงได้เกิดการเมืองแบบ "สองนคราประชาธิปไตย"..ไม่มีแผ่นดินอยู่แบบตอนนี้   :slime_bigsmile:

แต่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งไปที่ให้ภาครัฐสนับสนุนภาคเกษตร ให้เข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ในที่สุดภาคเกษตรก็จ่ายภาษี รับผิดชอบเลี้ยงดูประเทศด้วย ไม่ใช่ระบบใครรวยได้รวยไป
แล้วไปเก็บเงินคนรวยมาแจกคนจนหาคะแนนเสียง แล้วคนรวยก็ไปเป็นนักการเมืองโกงกิน!!!

ที่สำคัญเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่ไม่มีการค้าการขาย เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามมั่งคั่งร่ำรวย
ไม่ได้ห้ามใช้ของดีมีราคา ไม่ได้ห้ามใช้เทคโนโลยี ใครสั่งใครสอนให้คิดแบบนี้เป็นพวกวิปริต
ผิดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง กลายเป็นระบบอะไรไม่รู้
..แนะนำให้ไปล้างสมองตัวเองให้หมดแล้วศึกษาใหม่ให้ถูกต้องนะครับ..  :slime_smile:


อ่านแล้วก็แปลกใจ
ไอ้ส่วนแรก  รัฐบาลที่ไหนก็ทำทั้งนั้น   ไอ้ส่วนสอง นั่นพวกประชาชนก็พยายยามจะทำตามอยู่ตลอด 
เพราะยังงั้นเราก็อยู่ในระบอบเศรษฐกิจพอเพียงแล้วใช่มั๊ยครับ
แล้ว ตอนนี้เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ก็มีคนจน และยากไร้เยอะ  และรํฐ ก็จะทำส่วนแรกให้ได้มากที่สุด
แล้วถ้าไม่เอาเงินคนรวยไปอุ้ม แล้วรัฐบาลจะเอาเงินไหนไปอุ้มครับ
    ยิ่งเรื่องไม่ห้ามร่ำรวย มั่งคั่ง ของดี งั้นก็ยุคนี้ แล้วครับ เศรษฐกิจพอเพียง ใช่เลย

คุณลองหานโยบาย เศรษฐกิจ ดู อันไหนพอเพียงมั่ง ยกตัวอย่างหน่อยครับ อยากเห็นจริงๆ

 ตอนนี้มีแต่รณรงค์ เศรษฐกิจพอเพียง กัน เพียงแต่พูดให้ฟังดูดี  แต่ทำกันไม่ได้เลย เจ้าสัวซีพีปากก็พอเพียงๆ
จะไปลงทุนเวียดนามไม่รู้กี่หมื่นล้าน พอเพียงมั๊ยนั่น มันควรเป็นคำสอนให้คนทำตัวไม่ประมาทเท่านั้น
ไม่น่าจะมาประโคมเพื่อดิสเครดิตกันเลย

ทำไมไม่รณรงค์ เรื่องประหยัด ขยัน กันไม่มีใครค้านกันหรอก แม้มันจะจับต้องไม่ได้เหมือนกัน 


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 01-11-2007, 01:26
พอเพียงก็คือทำอะไรแต่พอตัวนั่นแหละ ทำอะไรเกินตัวเดี๋ยวจะเดือดร้อนเอา มันก็แค่เรื่องง่ายๆ ไม่รู้ว่าแถจะโง่งมโข่งกันไปถึงไหน

อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ อย่างเช่น กินมากเกินไป ออกกำลังกายมากเกินไป มีเซ็กส์มากเกินไป กู้เงินมามากเกินไป ใช้เงินมากเกินไป การทำอะไรที่เกินตัว มากเกินไปไม่ดีทั้งนั้น จึงต้องรู้จักพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย เป็นปรัชญาที่แนะนำให้เรารู้จักในการใช้ชีวิตในสังคม แถจะไม่ทำก็ได้ ก็ทำอะไรเกินตัวก็ได้ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่ามาอวดโง่เลย คนเขาจะดูถูกเอา



หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 01-11-2007, 03:02
น่าน มาแล้วครับพ่อกูรูกะโหลกกะลาเรา เทพขนาด ดร.จิรายุ ยังบอกว่า

"เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่มีคำตอบที่จะเป็นบรรทัดฐาน"

นี่พ่อกู(มี)รูเราเหนือเทพเว้ยเฮ้ย บอกว่า ให้ตั้งเกณฑ์สองส่วน เก่งฉิบเยย
ก็อ่านมาด้วยกันเป็นกระทู้ยาวววววเหยียดแท้ๆ ทุกรูขุมขนหมดแล้ว มันก็
มีแค่นั้น พวกชั้นเทพแกอุตส่าห์ compress พระราชดำรัสให้เหลือแค่ห้าข้อ
อันที่จริงน่าจะเป็นม็อตโต้ของเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่าจะเป็นสรุปนะนั่น
เพราะพอขยายความก็ไม่สนต้นฉบับซะงั้น เอาที่ compress มาขยายใหม่
ยังกะย่อรูปด้วย jpeg แล้วขยายใหม่อีกที มันก็หยาบนะสิ แล้วแต่ละท่าน
ที่ขยายขึ้นมาใหม่ก็ใส่ความเห็นตัวเองเป็นที่สนุกสนาน รวมทั้งพ่อกูรูนี่ด้วย
ป่าวหว่า สงสัยแหงเรยยยย ถึงดูจะเข้าใจเกินต้นฉบับซะอย่างงี้

ต้องอ่านให้เข้าใจก่อนนะว่าจารย์ใจแกไม่ได้ด่าอะไรปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เลย แกด่าพวกซังกะบ๊วยที่นำไปหาประโยชน์ซี้ซั้วผิดที่ผิดทางต่างหาก อ่าน
ไม่เข้าใจดันไปด่าแกซะงั้น บางคนลามไปถึงป๊าแกซะอีก ไม่เข้าท่าเล้ย

ส่วนที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามใช้ของดีมีราคานั่น
เกณฑ์แต่ละคนแต่ละสถานการณ์มันอยู่ไหนเหรอ มีปัญญาเก่งนักก็ลองตอบเรื่อง
รถประจำตำแหน่งท่านทหารวีรบุรุษติดหรูพวกนั้นหน่อยซิว่าทำไมต้องเอสคลาส
อีคลาสถูกกว่าเป็นครึ่งนั่งแล้วริดสีดวงตูดมันจะแตกเลือดนองเบาะหรือไง แบบนั้น
ซื้อโกเต็กมารองนั่งยังประหยัดกว่านั่งเอสคลาสอยู่ดี แถมพวกยังต้องล่อรุ่นใหม่ล่า
สุดคันนึงหลักสิบล้านไปโน่น ยังไม่ต้องพูดถึงยี่ห้อญี่ปุ่นประกอบในประเทศนะนั่น
ทั้งที่จริงมันก็นั่งนุ่มตูดพอกันแท้ๆ คำถามง่ายๆ แค่นี้สงสัยตอบไม่ได้แหง :slime_bigsmile:

คุยกันคราวก่อนเห็นไม่ยอมรับ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ดร.จิรายุ สรุป
คราวนี้คุณอยากประหยัดฯ มายกย่องเป็นเทพไปแล้ว จะเอายังไงแน่?

"เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่มีคำตอบที่จะเป็นบรรทัดฐาน"
http://www.sufficiencyeconomy.org/life.php?ac=detail&n_id=1&Id=259

ประโยคที่ ดร.จิรายุ พูดมาท่านพูดถึง ในส่วนการดำเนินชีวิตส่วนตัวของแต่ละคน
ที่แล้วแต่ว่าจะกำหนดเกณฑ์ของตัวเองว่าตรงไหนพอเพียงในแต่ละเรื่อง ไม่ใช่ว่า
กำหนดเกณฑ์อะไรไม่ได้

เรื่องความพอเพียงมันไม่จำเป็นต้อง fix อยู่ตรงไหนแบบแน่นอนจนขยับไม่ได้
แต่สามารถปรับได้ตามความเหมาะสม ซึ่งตามธรรมชาิติ มันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
และนี่คือลักษณะเด่นของทางสายกลาง ซึ่งการพิจารณาว่าตรงไหนเหมาะสมนั้น
ต้องกำกับด้วยความรู้ และคุณธรรม

ที่สำคัญที่สุดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จะสรุปเป็นกี่ส่วน กี่ข้อ จะตีความอย่างไร
ต้องศึกษาแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงดำเนินชีิวิต และ
ทรงปฏิบัติงาน ถ้าทำแล้วไม่สอดคล้องกับแนวทางของพระองค์ ก็อย่าปักใจ
เชื่อว่าทำถูก ตีความถูก

อย่าง อ.ใจ แกจะไปด่าอะไรได้ ถ้า ดร.จิรายุ เป็นเทพ ไม่ทราบ อ.ใจ เป็นอะไร?
...

เรื่องรถประจำตำแหน่งเขาก็มีเกณฑ์เขาอยู่ คุณอยากประหยัดฯ มีปัญหาอะไรหรือ
เรื่องทำไมใช้เอสคลาสไม่ใช้อีคลาส ก็เพราะอีคลาสเขาก็มีเกณฑ์ให้ระดับอื่นใช้
และที่ดีกว่าเอสคลาสเขาก็มีเกณฑ์ให้ระดับสูงๆ ขึ้นไปใช้ ผมเชื่อว่าน่าจะถึงขนาด
มีระเบียบเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยซ้ำ

ส่วนจะสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่เพียงใด ผมไม่เคยเห็นเหตุผล
ที่เขาเลือกใช้รุ่นนั้นๆ
ถ้าอยากให้ผมพิจารณาคุณอยากประหยัดฯ ก็หามาแล้วกันจะลองพิจารณาให้  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 03:08
กรอกน้ำใส่ตุ่มที่น้ำเต็ม มันไม่รับหรอกครับ

เสียเวลาเปล่า ๆ ต้องเอาแบบคุณพ่อเหลี่ยมนั่นแหละ ให้เมียไปเปิดศูนย์พอเพียงอะไรแถว ๆ เชียงราย

ป่านนี้ไปถึงใหนแล้ว


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 01-11-2007, 03:24
...
ระบบเศรษฐกิจพอเพียงนี่ มันเป็นจินตภาพ จับต้องอะไรไม่ได้เลย
ไม่มีเกณฑ์ อะไรที่จะมาวัดได้ ว่าพอเพียงหรือยัง  การดำเนินนโยบาย
เศรษฐกิจ ทุกอย่างสามารถว่าจะมองไปว่า พอเพียงหรือไม่พอเพียงได้ทั้งนั้น
เช่นท่านอดีตนายก ให้กองทุนหมู่บ้านอย่างพอเพียง หมูบ้านละเพียงแค่ 1 ล้าน
ไม่ใช่ 10 ล้าน   แล้วอยู่ดีๆ คุณจะเอาเกณฑ์คุณไปฟันธงได้ไงว่าอันไหนพอเพียงไม่พอเพียง
...

คุณ mebeam ก็อีกคน .. ผมต้องไปเอาคำตอบเก่ามาตอบคุณซ้ำ

ที่คุณว่าไม่มีเกณฑ์ อะไรที่จะมาวัดได้ ว่าพอเพียงหรือยัง แล้วทำไมคุณบอกว่า
กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านเป็นการพอเพียง แต่หมู่บ้านละ 10 ล้านไม่พอเพียง?

ผมว่าคุณกำลังสับสนว่า "พอเพียง" หมายถึง "ประหยัด" และยังสับสนอีกด้วยว่า
การใช้เงินน้อยๆ คือการประหยัด และ "ใช้น้อยๆ" จะพอเพียงกว่า "ใช้มากๆ"

ความจริงจะบอกได้ว่า พอเพียง หรือเปล่าต้องดูที่เหตุผล ในการกำหนดจำนวนเงิน
ว่าตัวเลข 1 ล้านคำนวณมาจากไหน ถ้าตั้งตัวเลขขึ้นมาลอยๆ เพราะมันหาเสียงง่ายดี
แล้วก็แจกมันทุกหมู่บ้านเท่าๆ กัน ไม่ว่าแต่ละที่จะจำเป็นมากน้อยต่างกันไหม

ผมว่าจะกำหนดแจกหมู่บ้านละ 1 บาท หรือ 1 พันล้าน มันก็ไม่เข้าหลักพอเพียงทั้งนั้น

...

และที่คุณว่าไม่มีเกณฑ์ อะไรที่จะมาวัดได้ ว่าพอเพียงหรือยังนั้น
เอาอย่างนี้คุณ mebeam ลองถามตัวคุณเองแล้วกันนะครับ..

คุณรู้ไหมว่าอะไรพอเพียงสำหรับตัวคุณบ้าง? อย่างวันนึงควรกินข้าววันละกี่มื้อ มื้อละกี่จาน
อาบน้ำ สีฟัน วันละกี่หน ควรใช้เงินวันละกี่บาท .. อย่างน้อยต้องเท่าไหร่ถึงจะพอเพียง
จะกำหนดเกณฑ์พวกนี้กำหนดได้ไหม.. อย่าบอกนะครับว่าเรื่องแค่นี้ตัวคุณเองก็ไม่รู้ ?
ถ้าที่ผมถามมาคุณตอบได้ .. การกำหนดเกณฑ์ "พอเพียง" ก็ทำได้ครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 01-11-2007, 03:52
อ่านแล้วก็แปลกใจ
ไอ้ส่วนแรก  รัฐบาลที่ไหนก็ทำทั้งนั้น   ไอ้ส่วนสอง นั่นพวกประชาชนก็พยายยามจะทำตามอยู่ตลอด 
เพราะยังงั้นเราก็อยู่ในระบอบเศรษฐกิจพอเพียงแล้วใช่มั๊ยครับ
แล้ว ตอนนี้เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ก็มีคนจน และยากไร้เยอะ  และรํฐ ก็จะทำส่วนแรกให้ได้มากที่สุด
แล้วถ้าไม่เอาเงินคนรวยไปอุ้ม แล้วรัฐบาลจะเอาเงินไหนไปอุ้มครับ
    ยิ่งเรื่องไม่ห้ามร่ำรวย มั่งคั่ง ของดี งั้นก็ยุคนี้ แล้วครับ เศรษฐกิจพอเพียง ใช่เลย

คุณลองหานโยบาย เศรษฐกิจ ดู อันไหนพอเพียงมั่ง ยกตัวอย่างหน่อยครับ อยากเห็นจริงๆ

 ตอนนี้มีแต่รณรงค์ เศรษฐกิจพอเพียง กัน เพียงแต่พูดให้ฟังดูดี  แต่ทำกันไม่ได้เลย เจ้าสัวซีพีปากก็พอเพียงๆ
จะไปลงทุนเวียดนามไม่รู้กี่หมื่นล้าน พอเพียงมั๊ยนั่น มันควรเป็นคำสอนให้คนทำตัวไม่ประมาทเท่านั้น
ไม่น่าจะมาประโคมเพื่อดิสเครดิตกันเลย

ทำไมไม่รณรงค์ เรื่องประหยัด ขยัน กันไม่มีใครค้านกันหรอก แม้มันจะจับต้องไม่ได้เหมือนกัน 

เฉพาะ "ส่วนแรก" ที่คุณบอกว่ารัฐบาลไหนก็ทำทั้งนั้น ในอุดมคติใช่ครับ แต่ในทางปฏิบัติแน่ใจหรือ?
ใน "ส่วนสอง" ที่คุณว่าประชาชนก็พยายยามจะทำตามอยู่ตลอด  ในอุดมคติก็ใช่อีก แต่ในทางปฏิบัติแน่ใจหรือครับ?
ที่ถามว่าเราอยู่ในระบอบเศรษฐกิจพอเพียงแล้วใช่ไหม .. ในอุดมคติก็ใช่ไงครับ แต่ปฏิบัติจริงอีกเรื่อง :slime_smile:

..

ส่วนที่คุณถามว่า ตอนนี้เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ก็มีคนจน และยากไร้เยอะ 
และรัฐ ก็จะทำส่วนแรกให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่เอาเงินคนรวยไปอุ้ม แล้วรัฐบาลจะเอาเงินไหนไปอุ้ม
นอกจากนี้คุณอยากเห็นตัวอย่างนโยบายเศรษฐกิจ ว่าอันไหนพอเพียงและไม่พอเพียง

คำตอบเรื่องนี้อยู่ที่การออกแบบระบบการอุ้ม ว่าตั้งใจจะแบ่งสังคมเป็นสองส่วนคือ คนรวย-คนจน
คนรวยก็รวยไปเรื่อยๆ แล้วเอาเงินคนรวยอุ้มคนจนไปเรื่อยๆ คนจนก็ได้กู้เงิน ได้เป็นหนี้ไปเรื่อยๆ
แบบนั้นก็วิธีหนึ่ง ตัวอย่างสมมุติมีคนทั้งประเทศ 73000 กับอีก 1 คน 73000 คนแรกไม่มีรายได้
แต่อีก 1 คนสมมุติชื่อนายหัวปี๊บ มีรายได้ 73000 ล้าน ก็เอาเงินจากนายหัวปี๊บมาอุ้มคนที่เหลือ

..เพราะนายหัวปี๊บจ่ายภาษีมากกว่าพวก "potato" รวมกันทั้งประเทศ..  :mrgreen:

หรือจะตั้งใจอุ้มให้คนจนเข้มแข็งดูแลตัวเองได้ โดยไม่ก่อหนี้พอกพูน และที่สำคัญไม่เสี่ยงขาดทุน
โดยเสี่ยงกู้เงินลงทุน ทำการผลิต แล้วไปวัดดวงว่าจะขายผลผลิตได้ไหม ราคาจะตกหรือเปล่า
ในที่สุดคนจนก็จะปลดหนี้ได้ สะสมทุนได้ ดูแลตัวเองได้ แบบนี้ก็เหมือนกับทั้งประเทศมีคนสัก
73000 คน ในที่สุดแต่ละคนมีรายได้คนละ 1 ล้าน รวมกันทั้งประเทศก็ช่วยกันออกค่าใช้จ่าย
ช่วยกันดูแลประเทศได้ ไม่ต้องง้อนายหัวปี๊บ

...

ที่บอกว่า "เรื่องไม่ห้ามร่ำรวย มั่งคั่ง ของดี งั้นก็ยุคนี้ แล้วครับ เศรษฐกิจพอเพียง ใช่เลย"

เรื่องนี้มีประเด็นอื่นต้องพิจารณาเพิ่มเติมนะครับคือเรื่อง "ความรู้" กับ "คุณธรรม" เนื่องจาก
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามร่ำรวย มั่งคั่ง หรือใช้ของหรู แต่ห้ามหวังรวยแบบ "โง่ๆ" หรือ
ใช้ของหรู แบบ "โง่ๆ" รวมทั้งห้ามรวยแบบ "ขี้โกง" และ ใช้ของหรูแบบ "ขี้ขโมย"
ดังนั้นยุคนี้ เศรษฐกิจพอเพียง หรือเปล่า .. คุณ mebeam ก็ลองพิจารณาดูนะครับ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 05:53
อะไรคือ...พอเพียง?

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ท่านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไป เป็นประธานเปิดงาน
“เศรษฐกิจพอเพียงหล่อเลี้ยง ชาวประชา” ที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ข่าวบอกว่า มีประชาชนมาร่วมงานนี้ และมาต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีด้วยนับหมื่นคน

ผมดีใจครับที่ทราบว่ามีผู้คนมาร่วมงานนี้จำนวนมากมาย ดังที่รายงานข่าวแจ้งไว้

ขณะเดียวกันก็หวังว่า ผู้คนจำนวนมากซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรเหล่านี้คงจะได้นำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
ไปใช้ในการดำเนินชีวิตไม่มากก็น้อย

ผมขออนุญาตคัดลอกคำจำกัดความมาลงสู่กันอ่านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่ปรากฏ
อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 9 ที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้

“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว
ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการ บริหาร และ พัฒนา ประเทศให้ ดำเนินไปในทาง สายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกา ภิวัตน์

ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมี
ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้ง ภายในและภายนอก

ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการ
ต่างๆมาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้าง
พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้
มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต

และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและรอบ คอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้าน วัตถุ สังคม
สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี”

แผนพัฒนาฉบับที่ 9 อธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อความดังกล่าวข้างต้นนี้ เรียบเรียงและยกร่างโดย
ผู้ทรงคุณวุฒิคณะหนึ่งที่ติดตามพระราชดำรัส พระราชกระแส รวมทั้งโครงการในพระราช
ดำริที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

จากนั้นได้นำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯถวายขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำไปเผยแพร่
ซึ่งทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขข้อความบางตอนและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เผยแพร่ได้

วันนี้ผมอยากให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งที่มีโอกาสไปเที่ยวงานที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และไม่มี
โอกาสไปเพราะอยู่ไกลจากจังหวัดเชียงใหม่...ได้กรุณานั่งอ่านอย่างช้าๆอีกครั้ง

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ความพอเพียง หมายถึง ความพอ ประมาณ ความมีเหตุ ผล...” นั่นแหละครับ

เมื่อก่อนนี้เกษตรกรไม่ค่อยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ทำให้ไม่มีเงินไปลงทุนทำมาหากิน

รัฐบาลนี้เข้ามาเปิดโอกาสให้ท่านเข้าถึงทุนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน...มีโอกาสมากมาย รวมทั้ง
ล่าสุดยังมีโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเข้ามาอีก

คำถามก็คือ เมื่อท่านได้รับทุนจากรัฐบาลชุดนี้แล้ว ท่านใช้เงินทุนอย่างไร...อย่างพอประมาณ
และมีเหตุผลหรือไม่?

ถ้าเอาไปลงทุนต่อ และลงทุนในสิ่งที่เตรียมการแล้วอย่างรอบคอบว่าจะเกิดประโยชน์งอกเงย...
ก็ถือว่ามีเหตุผล

แต่ถ้าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย เอาไปบริโภค หรือเอาไปซื้อโทรศัพท์ มือถือ ซื้อมอเตอร์ไซค์ ก็ถือว่าไร้
เหตุผล และไม่เป็นไปตามปรัชญานี้

โดยเฉพาะ “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นมากมายจากการสำรวจของนักสำรวจต่างๆนั้น ขอให้เป็นหนี้สิน
อันมีเหตุมีผลด้วยเถิด

อย่าได้เป็นหนี้สินที่เกิดจากความไร้เหตุไร้ผล ดังตัวอย่างที่ผมยกมาในวันนี้ก็แล้วกัน

มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่ายิ่งเข้าถึงทุนเท่าไร ท่านจะยิ่งยากจนมากขึ้นเท่านั้น...แล้ว
เมื่อไรท่านจะลืมตาอ้าปากได้เล่าครับ.

"ซูม"

ไทยรัฐ 2003-12-05 16:56:40


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 06:01
อยากถามอาจารย์ใจอยู่เหมือนกัน เข้าใจเรื่อง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมั๊ย

เวลาเค้าประกาศน่ะ มีอะไรกำกับ...อาจารย์สันขวานพวกนี้ น่าจะจับไปเป็นปู๋ยหมัก ปุ๋ยคอกได้แล้ว


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 01-11-2007, 06:02
อะไรคือ...พอเพียง?

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ท่านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไป เป็นประธานเปิดงาน
“เศรษฐกิจพอเพียงหล่อเลี้ยง ชาวประชา” ที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ข่าวบอกว่า มีประชาชนมาร่วมงานนี้ และมาต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีด้วยนับหมื่นคน

ผมดีใจครับที่ทราบว่ามีผู้คนมาร่วมงานนี้จำนวนมากมาย ดังที่รายงานข่าวแจ้งไว้

ขณะเดียวกันก็หวังว่า ผู้คนจำนวนมากซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรเหล่านี้คงจะได้นำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
ไปใช้ในการดำเนินชีวิตไม่มากก็น้อย

ผมขออนุญาตคัดลอกคำจำกัดความมาลงสู่กันอ่านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่ปรากฏ
อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 9 ที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้

“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว
ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการ บริหาร และ พัฒนา ประเทศให้ ดำเนินไปในทาง สายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกา ภิวัตน์

ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมี
ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้ง ภายในและภายนอก

ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการ
ต่างๆมาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้าง
พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้
มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต

และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและรอบ คอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้าน วัตถุ สังคม
สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี”

แผนพัฒนาฉบับที่ 9 อธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อความดังกล่าวข้างต้นนี้ เรียบเรียงและยกร่างโดย
ผู้ทรงคุณวุฒิคณะหนึ่งที่ติดตามพระราชดำรัส พระราชกระแส รวมทั้งโครงการในพระราช
ดำริที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

จากนั้นได้นำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯถวายขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำไปเผยแพร่
ซึ่งทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขข้อความบางตอนและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เผยแพร่ได้

วันนี้ผมอยากให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งที่มีโอกาสไปเที่ยวงานที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และไม่มี
โอกาสไปเพราะอยู่ไกลจากจังหวัดเชียงใหม่...ได้กรุณานั่งอ่านอย่างช้าๆอีกครั้ง

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ความพอเพียง หมายถึง ความพอ ประมาณ ความมีเหตุ ผล...” นั่นแหละครับ

เมื่อก่อนนี้เกษตรกรไม่ค่อยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ทำให้ไม่มีเงินไปลงทุนทำมาหากิน

รัฐบาลนี้เข้ามาเปิดโอกาสให้ท่านเข้าถึงทุนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน...มีโอกาสมากมาย รวมทั้ง
ล่าสุดยังมีโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเข้ามาอีก

คำถามก็คือ เมื่อท่านได้รับทุนจากรัฐบาลชุดนี้แล้ว ท่านใช้เงินทุนอย่างไร...อย่างพอประมาณ
และมีเหตุผลหรือไม่?

ถ้าเอาไปลงทุนต่อ และลงทุนในสิ่งที่เตรียมการแล้วอย่างรอบคอบว่าจะเกิดประโยชน์งอกเงย...
ก็ถือว่ามีเหตุผล

แต่ถ้าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย เอาไปบริโภค หรือเอาไปซื้อโทรศัพท์ มือถือ ซื้อมอเตอร์ไซค์ ก็ถือว่าไร้
เหตุผล และไม่เป็นไปตามปรัชญานี้

โดยเฉพาะ “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นมากมายจากการสำรวจของนักสำรวจต่างๆนั้น ขอให้เป็นหนี้สิน
อันมีเหตุมีผลด้วยเถิด

อย่าได้เป็นหนี้สินที่เกิดจากความไร้เหตุไร้ผล ดังตัวอย่างที่ผมยกมาในวันนี้ก็แล้วกัน

มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่ายิ่งเข้าถึงทุนเท่าไร ท่านจะยิ่งยากจนมากขึ้นเท่านั้น...แล้ว
เมื่อไรท่านจะลืมตาอ้าปากได้เล่าครับ.

"ซูม"

ไทยรัฐ 2003-12-05 16:56:40

สีซอเหรอครับ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 06:06
ไม่ได้สีซอหรอกครับ แต่อยากให้พวกหนักแผ่นดินมันรู้บ้างว่า

กว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะผ่านออกมาได้ หนักหนาสาหัสแค่ใหน

โดยเฉพาะแผน 10 ที่มาคลอดในรัฐบาล สุรยุทธ์

บักเหลี่ยมไม่พอใจขนาดย้าย เลขาธิการสภาพัฒน์ เพื่อจะให้ทำตามใจมัน คงจำกันได้


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 01-11-2007, 06:37
อะไรคือ...พอเพียง?

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ท่านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไป เป็นประธานเปิดงาน
“เศรษฐกิจพอเพียงหล่อเลี้ยง ชาวประชา” ที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ข่าวบอกว่า มีประชาชนมาร่วมงานนี้ และมาต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีด้วยนับหมื่นคน

ผมดีใจครับที่ทราบว่ามีผู้คนมาร่วมงานนี้จำนวนมากมาย ดังที่รายงานข่าวแจ้งไว้

ขณะเดียวกันก็หวังว่า ผู้คนจำนวนมากซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรเหล่านี้คงจะได้นำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
ไปใช้ในการดำเนินชีวิตไม่มากก็น้อย

ผมขออนุญาตคัดลอกคำจำกัดความมาลงสู่กันอ่านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่ปรากฏ
อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 9 ที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้

“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว
ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการ บริหาร และ พัฒนา ประเทศให้ ดำเนินไปในทาง สายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกา ภิวัตน์

ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมี
ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้ง ภายในและภายนอก

ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการ
ต่างๆมาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้าง
พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้
มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต

และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและรอบ คอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้าน วัตถุ สังคม
สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี”

แผนพัฒนาฉบับที่ 9 อธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อความดังกล่าวข้างต้นนี้ เรียบเรียงและยกร่างโดย
ผู้ทรงคุณวุฒิคณะหนึ่งที่ติดตามพระราชดำรัส พระราชกระแส รวมทั้งโครงการในพระราช
ดำริที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

จากนั้นได้นำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯถวายขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำไปเผยแพร่
ซึ่งทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขข้อความบางตอนและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เผยแพร่ได้

วันนี้ผมอยากให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งที่มีโอกาสไปเที่ยวงานที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และไม่มี
โอกาสไปเพราะอยู่ไกลจากจังหวัดเชียงใหม่...ได้กรุณานั่งอ่านอย่างช้าๆอีกครั้ง

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ความพอเพียง หมายถึง ความพอ ประมาณ ความมีเหตุ ผล...” นั่นแหละครับ

เมื่อก่อนนี้เกษตรกรไม่ค่อยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ทำให้ไม่มีเงินไปลงทุนทำมาหากิน

รัฐบาลนี้เข้ามาเปิดโอกาสให้ท่านเข้าถึงทุนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน...มีโอกาสมากมาย รวมทั้ง
ล่าสุดยังมีโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเข้ามาอีก

คำถามก็คือ เมื่อท่านได้รับทุนจากรัฐบาลชุดนี้แล้ว ท่านใช้เงินทุนอย่างไร...อย่างพอประมาณ
และมีเหตุผลหรือไม่?

ถ้าเอาไปลงทุนต่อ และลงทุนในสิ่งที่เตรียมการแล้วอย่างรอบคอบว่าจะเกิดประโยชน์งอกเงย...
ก็ถือว่ามีเหตุผล

แต่ถ้าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย เอาไปบริโภค หรือเอาไปซื้อโทรศัพท์ มือถือ ซื้อมอเตอร์ไซค์ ก็ถือว่าไร้
เหตุผล และไม่เป็นไปตามปรัชญานี้

โดยเฉพาะ “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นมากมายจากการสำรวจของนักสำรวจต่างๆนั้น ขอให้เป็นหนี้สิน
อันมีเหตุมีผลด้วยเถิด

อย่าได้เป็นหนี้สินที่เกิดจากความไร้เหตุไร้ผล ดังตัวอย่างที่ผมยกมาในวันนี้ก็แล้วกัน

มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่ายิ่งเข้าถึงทุนเท่าไร ท่านจะยิ่งยากจนมากขึ้นเท่านั้น...แล้ว
เมื่อไรท่านจะลืมตาอ้าปากได้เล่าครับ.

"ซูม"

ไทยรัฐ 2003-12-05 16:56:40


การที่รัฐบาลทักษิณเปิดโอกาสให้ชาวบ้าน เข้าถึงทุนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ด้วยเหตุผลว่าแต่ก่อนเกษตรกรไม่มีโอกาสเข้าถึงทุน ทำให้ไม่มีเงินลงทุนทำมาหากิน
กลายเป็นมีเงินมาให้กู้ลงทุนสารพัด

ผมว่าเป็นการตีโจทย์ที่ผิด จะผิดพลาดโดยสุจริต หรือทุจริตเชิงนโยบายก็อีกเรื่อง

เพราะผมมองว่าที่แต่ก่อนเกษตรกรไม่มีโอกาสเข้าถึงทุน เลยไม่มีเงินลงทุนทำกินนั้น
ความจริงของความจริงก็คือ เกษตรกรไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากมายอย่างที่คิด
แต่ที่ผ่านมาปัญหาของเกษตรกรไทยก็คือการต้องเสี่ยงลงทุน

ทั้งเมล็ดพันธุ์ ทั้งปุ๋ย ทั้งยาฆ่าแมลง ทั้งค่าเช่าที่ดิน ทั้งค่าจ้างแรงงาน ฯลฯ เสร็จแล้ว
ไปวัดดวงกับดินฟ้าอากาศ ฝนแล้ง น้ำท่วม ถ้ารอดมาได้ ก็ไปวัดดวงต่อว่าจะขายได้
ราคาคุ้มทุนไหม จะเจอสภาพสินค้าล้นตลาดหรือเปล่า ไหนจะสินค้าเสื่อมสภาพอีก

ถ้าปีไหนดีก็เจ๊า ปีไหนแย่ก็เจ๊ง แต่ส่วนใหญ่ลงทุนทุกปี ก็เจ๊งมันแทบทุกปี การได้เงิน
มาลงทุนเพิ่ม ก็คือการเสี่ยงติดหนี้เพิ่มเท่านั้นเอง

จึงไม่มีอะไรดีขึ้นจริงๆ ด้วยการแก้ปัญหาแบบคิดว่าเขาขาดเงินก็ให้โอกาสกู้เงินเยอะๆ

...

คราวนี้ถ้าตีโจทย์ไปอีกทาง ปัญหาการขาดเงินลงทุนจะหมดไป ถ้าไม่ต้องใช้เงินลงทุน
เมล็ดพันธุ์ก็คัดแยกเอง ปุ๋ยก็ผลิตเอง ยาฆ่าแมลงก็ผลิตเอง ที่ดินใช้แค่เท่าที่ตัวมีไม่กี่ไร่
แรงงานก็ใช้ที่มีในครอบครัว ทั้งหมดจะทำได้ต้องผลิตเพื่อบริโภคเอง เหลือแล้วจึงขาย!!!

ทำหลายๆ อย่างผสมกัน ทั้งไร่ ทั้งนา ทั้งสวน และมีที่กักเก็บน้ำของตัวเองอย่างพอเพียง
ทำให้มีรายได้หลากหลายตลอดทั้งปี จากมากมายหลายทาง ทนทานผลกระทบจากราคา
ตกต่ำของผลิตผลบางกลุ่มบางตัวได้ด้วย

การทำแบบนี้แก้ปัญหาการวัดดวงกู้เงินลงทุน แล้วเสี่ยงเป็นหนี้ไปเลย มีแต่ได้เงินทุกปี
จะมากหรือน้อยเท่านั้น และเมื่อเป็นการเหลือแล้วจึงขาย ทำให้ไม่ต้องกลัวถูกกดราคา
ไม่ต้องกลัวถูกสินค้าต่างประเทศมาทำราคาแข่ง ถ้ามันขายถูกนักเราก็แจกฟรีเสียเลย
เพราะมันก็เป็นของเหลือใช้!!!

มีคนประสบความสำเร็จปลดหนี้ได้แบบนี้นับจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสนราย และเขาก็สั่งสอน
บอกเล่าต่อกันไปเรื่อยๆ ใครที่ยังกู้เงินลงทุนวัดดวง ก็ติดหนี้สินพอกพูนต่อไป

ในความคิดผมการแก้ปัญหาด้วยเงิน โดยคิดง่ายๆ ว่าชาวบ้านขาดเงิน ก็หาเงินให้กู้มากๆ
อย่างในระบบของทักษิณน่าจะถึงจุดสิ้นสุดไปได้แล้ว ในเมื่อมีแนวทางใหม่ที่ชัดเจนกว่า


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 06:44
ปกติ เกษตรกรก็มี "ธกส." ครับ

มีการรวมกลุ่มกู้ ค้ำประกันกันเอง มีสหกรณ์ มีช่องทางอยู่แล้ว

ขนาด ธกส. ทำอย่างระมัดระวัง จนป่านนี้ ลูกค้า ธกส. ยังเดินขบวนไม่จบ

มันบอกอะไรกับเราบ้างละครับ

ก่อนนั้น ในหมู่บ้านก็มี "กองทุน กขคจ." มีอยู่แล้ว แต่น้ำหนักแค่ หมู่บ้านละ 100,000 บาท
ทำกันมาก่อนมีกองทุนหมู่บ้านหลายปีครับ ( เดี๋ยวนี้เงินกองทุนนี้ก็ยังอยู่ )

ทักษิณมา เปิดใหม่เลย เป็นกองทุนละ 1,000,000 บาท
จะบอกว่าเกิดอาการ "สำลัก" คือ เงินมามาก บางคนไม่มีความจำเป็นก็กู้มาเก็บ มาใช้ก่อน
มันเป็นเรื่องของกิเลส หรือความกลัวเพื่อนได้เปรียบ ( ย่านได้หลื่น )
เพื่อนกู้ได้ ก็กู้บ้าง ประมาณนั้น

จากเงินกู้ ก็กลายเป็น เงินกู กูจะใช้อะไรเรื่องของกู...มันเลยยุ่ง


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 01-11-2007, 07:19
คุยกันคราวก่อนเห็นไม่ยอมรับ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ดร.จิรายุ สรุป
คราวนี้คุณอยากประหยัดฯ มายกย่องเป็นเทพไปแล้ว จะเอายังไงแน่?

"เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่มีคำตอบที่จะเป็นบรรทัดฐาน"
http://www.sufficiencyeconomy.org/life.php?ac=detail&n_id=1&Id=259

ประโยคที่ ดร.จิรายุ พูดมาท่านพูดถึง ในส่วนการดำเนินชีวิตส่วนตัวของแต่ละคน
ที่แล้วแต่ว่าจะกำหนดเกณฑ์ของตัวเองว่าตรงไหนพอเพียงในแต่ละเรื่อง ไม่ใช่ว่า
กำหนดเกณฑ์อะไรไม่ได้

ด๊อกเตอร์จิรายุแกเป็นคนสรุปเศรษฐกิจพอเพียงซะที่ไหน ผลงานการทำม็อตโต้อย่างหรูของคณะกรรมการ
พัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติต่างหาก มาดูประวัติกันดีกว่า

- จบการศึกษาปริญญาตรี (เกียรตินิยม) ทางด้านเศรษฐศาสตร์จาก London School of Economics
   ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอกสาขาเดียวกัน จาก Australian National University ประเทศออสเตรเลีย
- เริ่มต้นทำงานครั้งแรกในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ
   ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- ปี 2524-2529 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ
   รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ตั้งแต่ปี 2530 (หลังจากเจอฝีมือของนายสมัครเข้าให้) ดร.จิรายุ ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน
   ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
- ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง
- ดำรงตำแหน่ง ประธาน และ/หรือ กรรมการในหลายบริษัทที่สำคัญในประเทศไทย รวมทั้งธนาคารไทย
   พาณิชย์ในฐานะนายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์
- ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง

ที่ว่าเป็นเทพเพราะผลงานที่สำคัญของท่านในช่วงหลังๆ คือ
- นำพาบริษัทในเครือคือ scc นำโด่งหนี้สินสูงสุดในประเทศ 4,000 ล้านดอลล่าร์ในช่วงฟองสบู่แตก
   แต่สามารถใช้ความเป็นเทพกู้กิจการได้ ไม่ต้องโวยวายมากเหมือนนายประชัยผู้นำบริษัทเป็นหนี้สิน
   อันดับสองของประเทศแต่รักษาไว้ไม่ได้
- ให้บริษัทในเครือเป็นผู้ประมูลทีวีเสรี(นายจุลจิตต์คนของบริษัทในเครือเป็นผู้ร่างทีโออาร์) แต่ไปไม่
   รอด ขายทิ้งให้ทักษิณถ่ายโอนความซวยไปอย่างหมดจด ทั้งที่ความผิดในเรื่องขั้นตอนสัญญามันเริ่ม
   มาตั้งแต่ปี 2538
- ธนาคารในเครือไปปล่อยกู้และถือหุ้นในบริษัทที่ซื้อหุ้นชินคอร์ป
- แตกบริษัทย่อยทุนหมื่นล้านแต่ไม่ค่อยทำกำไร ไปทำหน้าที่จัดการให้เช่าหรือไล่ที่แทนสำนักงาน

ผลงานพอเพียงระดับนี้ยังได้เป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงคิดดูซิเทพขนาดไหนแล้ว
เป็นคนอื่นเห็นผลงานหนี้บริษัทอันดับหนึ่งในประเทศเป็นแสนล้าน ก็หนาวขี้แล้วผลจากการลงทุนต่างประเทศ
และในประเทศแบบไม่บันยะบันยัง จนต้องขายกิจการย่อยร่วมทุนและปิดกิจการต่างประเทศทิ้งซะเกือบหมด
แต่ที่เทพกว่านั้นคือผู้บริหารคนก่อนนายชุมพล ได้ไปอยู่สิงห์เทลพร้อมกับเป็นบอร์ดไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องรถประจำตำแหน่งนั่น อย่าถูไถสิ มันก็แค่รถทำเป็นลึกลับหาเหตุผลไม่ได้ไปด้าย ทีเหตุผลเบื๊อกๆ
อย่างอื่นเห็นเก่งนัก ถ้าแบ่งรุ่นตามลำดับชั้นมันเป็นรถศักดินาแล้ว คนเหมือนกันตำแหน่งต่างกันดันใช้รถ
รุ่นเดียวกันไม่ได้ แบบนี้ต้องแตกประเด็นเป็นระบบศักดินาขัดแย้งกับเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่าอีกกระทู้มั้ง :slime_bigsmile:

ปกติ เกษตรกรก็มี "ธกส." ครับ

มีการรวมกลุ่มกู้ ค้ำประกันกันเอง มีสหกรณ์ มีช่องทางอยู่แล้ว

ขนาด ธกส. ทำอย่างระมัดระวัง จนป่านนี้ ลูกค้า ธกส. ยังเดินขบวนไม่จบ

มันบอกอะไรกับเราบ้างละครับ

ก่อนนั้น ในหมู่บ้านก็มี "กองทุน กขคจ." มีอยู่แล้ว แต่น้ำหนักแค่ หมู่บ้านละ 100,000 บาท
ทำกันมาก่อนมีกองทุนหมู่บ้านหลายปีครับ ( เดี๋ยวนี้เงินกองทุนนี้ก็ยังอยู่ )

ทักษิณมา เปิดใหม่เลย เป็นกองทุนละ 1,000,000 บาท
จะบอกว่าเกิดอาการ "สำลัก" คือ เงินมามาก บางคนไม่มีความจำเป็นก็กู้มาเก็บ มาใช้ก่อน
มันเป็นเรื่องของกิเลส หรือความกลัวเพื่อนได้เปรียบ ( ย่านได้หลื่น )
เพื่อนกู้ได้ ก็กู้บ้าง ประมาณนั้น

จากเงินกู้ ก็กลายเป็น เงินกู กูจะใช้อะไรเรื่องของกู...มันเลยยุ่ง

เดินขบวนหรือประท้วงมันเรื่องปกติ แต่ว่ามันกี่คนกี่ % และเดือดร้อนจริงหรือเปล่ามีบันทึก
รายละเอียดไว้มั้ย ไม่ใช่เล่นง่ายๆ แค่ว่ามีผู้หญิงคนนึงโวยวายเสียงดังตามห้างให้เป็นข่าว
มุกเก่าๆ ที่พันธมิตรชอบใช้ แล้วลงหนังสือพิมพ์ว่าคนทั้งห้างไม่เห็นด้วย อย่างเรื่องสดๆ
ร้อนๆ ที่เกิดขึ้น คือ พนักงานรถไฟประท้วง ลองอ่านข้อเรียกร้องสิ พันธมิตรชัดๆ ไม่ได้เกี่ยว
เรื่องปากท้องโดยตรงแบบทันทีทันใดเลย ปีนี้ปีมหามงคลมันยังหยุดเดินรถทำประชาชน
เดือดร้อนนิ่มๆ ไม่สนใจหอกอะไรแค่สนองความเชื่อที่มีคนมาปั่นหัว พวกนั้นมันจะมีซักกี่คน
ในการรถไฟ เพียงแต่มันกุมจุดสำคัญที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นจะใช้
ความเก๋าอ้างว่ามีคนเดินขบวนเพื่อให้มองว่าระบบมันแย่คงไม่ได้ผลหรอก ไม่มีรายละเอียด
อย่างงี้หลอกได้แต่เด็กกะคนแถวนี้เท่านั้นแหละ ส่วน กทบ ผลงานมีเป็นตัวเลขชัดเจน ช่วง
ก่อนปฏิวัติคนจ่ายช้า(ไม่ได้แปลว่าไม่จ่าย)ประมาณ 14% หาได้จากกระทู้เก่าๆ ในนี้แหละ
อยากมองว่าเป็นส่วนมากก็เอาเหอะไม่มีเกณฑ์เหมือนกับคำว่าพอเพียงนั่นแหละ แต่คิดว่าคน
ที่เห็นตัวเลขนี้น่าจะรับได้ว่ามันน้อย เอาส่วนน้อยยกมาพ่นพร้อมจินตนาการแถมใช้คำว่าสำลัก
เงินอีกหน่อยนั่น ก็น้ำแตกหมู่กันได้อีกรอบแล้วว่าเป็นการเอาเงินไปทิ้ง ง่ายดีเนอะ ข้อมูลไม่ต้อง


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 07:30
ออกทะเลไปถึงใหนแล้ว ว่าง ๆ ให้อาจารย์ใจไปอ่าน สรุปเนื้อหาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นะ

แล้วจะรู้ว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" อยู่ตรงใหนของแผน

http://www.ldd.go.th/Thai-html/05022007/PDF/PDF01/index.htm

เอาทีละเรื่อง อย่าโบ๊ยไปโน่นมานี่ มันซ้ำซาก เข้าใจบ่


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 01-11-2007, 08:05
อย่างไอ้หน้าเหลี่ยมมันไม่เอาทั้งเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เอาทั้งระบบสังคมนิยม
ของมันเค้าเรียกระบบทุจริตเชิงนโยบาย

ไม่รู้มีอยู่ในตำรารึเปล่า สงสัยยังไม่มีใครเขียน :slime_whistle:


ปล.รัฐสวัสดิการของเค้าอย่าไปเอามาหากินเลย เอาไว้ อ.ใจ เข้าพรรคพลังประชาชนเมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน

ปล2.ชื่อพรรคฟังโคตรจะสังคมนิยมเลย แต่ดูหน้าไอ้หมากหมมแล้วคงไม่ใช่ :slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 01-11-2007, 08:41
ออกทะเลไปถึงใหนแล้ว ว่าง ๆ ให้อาจารย์ใจไปอ่าน สรุปเนื้อหาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นะ

แล้วจะรู้ว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" อยู่ตรงใหนของแผน

http://www.ldd.go.th/Thai-html/05022007/PDF/PDF01/index.htm

เอาทีละเรื่อง อย่าโบ๊ยไปโน่นมานี่ มันซ้ำซาก เข้าใจบ่

เลิกเหอะมุกซ้ำซากแผนพัฒนาฉบับแฟนตาซีนั่น แค่รัฐธรรมนูญยังรักษากันไม่ได้
ดันจะมาเสนอแผนว่าต้องพัฒนาตามนั้นตามนี้ ฝันๆ เอาก็แล้วกันได้ก็ได้ ไม่ได้ก็อด
ทำไว้ประดับประเทศว่าประเทศกรูก็มีพอไหว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงคำจำกัดความ
หรือรายละเอียดก็มีเป็นชิ้นเป็นอันอยู่แล้ว ก็สรุปกันชัดๆ ว่า ไม่มีคำตอบที่จะเป็นบรร
ทัดฐาน ใครใคร่ทำแบบไหนก็เอา อยากสร้างบ้านใหญ่ๆ เอาเครื่องบินมาประดับก็ไม่
ขัดหลักพอเพียง เห็นๆ กันอยู่ที่จารย์ใจยกขึ้นมาก็ชัดว่าพวกนี้มันเอามาหาประโยชน์
ก็ในเมื่อมันไม่มีคำตอบเป็นบรรทัดฐานในปัจจุบัน การเอามาอ้างแล้วด่าอีกฝ่ายว่าไม่
พอเพียงก็ชัดแล้วเป็นการหาประโยชน์จากคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง แล้วจะพาออก
ทะเลไปเถียงอาจารย์ใจนอกเรื่องทำอะไร อ่านบทสัมภาษณ์ไม่รู้เรื่องเหรอ หรือว่า
อยากหัดเกรียนท่าตะแบงหว่า ไม่เห็นจะเข้าประเด็น

อย่างไอ้หน้าเหลี่ยมมันไม่เอาทั้งเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เอาทั้งระบบสังคมนิยม
ของมันเค้าเรียกระบบทุจริตเชิงนโยบาย

ไม่รู้มีอยู่ในตำรารึเปล่า สงสัยยังไม่มีใครเขียน :slime_whistle:

ปล.รัฐสวัสดิการของเค้าอย่าไปเอามาหากินเลย เอาไว้ อ.ใจ เข้าพรรคพลังประชาชนเมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน
ปล2.ชื่อพรรคฟังโคตรจะสังคมนิยมเลย แต่ดูหน้าไอ้หมากหมมแล้วคงไม่ใช่ :slime_bigsmile:

รัฐบาลที่แล้วเป็นทุนนิยมบวกประชานิยมดูอัลแทรก นายจาตุรนต์เรียกว่ารัฐสวัสดิการ คำว่าประชานิยมกับ
รัฐสวัสดิการมันแยกกันยากในทางปฏิบัติ แม้จะไม่ใช่แนวทางสังคมนิยมเป๊ะแต่ก็เอื้อประโยชน์ให้กับคนชั้น
ล่างมากที่สุดเท่าที่เคยตั้งประเทศไทยมา ในสมัยสามสิบปีก่อนระบอบขวาพิฆาตซ้ายแม้จะดูแย่ๆ ออกแนว
โหด แต่ผลที่ได้มันทำให้ประเทศเจริญกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคยกเว้นสิงคโปร์ เพราะตอนนั้นดันมีระบอบ
คอมมิวนิสต์ที่ใช้งานจริงในเวลานั้นไม่เวิร์ค แต่การพัฒนาของโลกระบอบขวาอีแอบนั่นมันตกยุคไปแล้วใน
ปัจจุบัน นายสมัครเองก็มองเห็นคงจะรับรู้ว่าโลกเปลี่ยนการปกครองก็ต้องเปลี่ยนให้เข้ากับกระแสโลก เลย
เสียสละตัวเองมาอยู่พรรคพลังประชาชน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นอะไร จะอยู่บ้านเลี้ยงแมวเฉยๆ ยังไม่เดือดร้อน
ถ้าหวังเป็นใหญ่วัยชราด้วยการเกาะกระแสพรรคพลังประชาชนที่ไม่ปลื้มในระบอบศักดินาคงรุ่งยาก เก๋าระดับ
นั้นทำไมจะไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการให้ประเทศก้าวหน้ามีความยุติธรรมเป็นที่ยอมรับของชาวโลกแล้ว คง
ไม่มีเหตุผลอื่น :slime_v:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 01-11-2007, 08:49
ออกทะเลไปถึงใหนแล้ว ว่าง ๆ ให้อาจารย์ใจไปอ่าน สรุปเนื้อหาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นะ

แล้วจะรู้ว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" อยู่ตรงใหนของแผน

http://www.ldd.go.th/Thai-html/05022007/PDF/PDF01/index.htm

เอาทีละเรื่อง อย่าโบ๊ยไปโน่นมานี่ มันซ้ำซาก เข้าใจบ่

ใจ อ่านอะไรที่คนอื่นเขียนออก ด้วยหรือครับ


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 01-11-2007, 08:51
แก่ขนาดนั้นคงไม่อยากติดคุกมั้ง
เพราะถ้าติดคงแก่ตายแหงกๆๆ ในคุก :slime_worship:


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 01-11-2007, 09:45
ยังไม่รู้อีก ป๋าหมากเข้ากับนักการเมืองพรรคอื่นได้ซะที่ใหน

เลยกลายมาเป็นลิ่วล้อหน้าเหลี่ยม ตั้งแต่อยู่กทม. ดีไม่ดีจะโดนเล่นกรณีรถดับเพลิง

ตอนหลังก็มาออกหน้าด่าป๋าทางช่อง 5 จนต้องรีบหนีตาย กระโดดออกแทบไม่ทัน

มันก็แค่ลิ่วล้อที่หน้าเหลี่ยมจ้างไว้เห่าแค่นั้นเอง...ไปเชื่ออะไรกับพวกโกหกคำโตจอมเนรคุณ ( สำนวนวีระ มุสิกพงศ์ )


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 01-11-2007, 11:00
เขียนมาก็ตั้งเยอะมันก็ยังถามหาเกณฑ์วัด บรรทัดฐาน อยู่นั่นละไอ้บ้า

สรุปว่าโง่ว่างั้นเถอะ  ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร

ไอ้ที่เขียนมาก็ไปก๊อบเค้ามา ไปจำขี้ปากคนอื่นเค้ามา คิดอะไรเองไม่เป็น

เวลาแดรกข้าวนี่ต้องมีคนเขียนสคริปให้หรือเปล่า ว่าต้องแดรกวันละกี่จาน

กินน้ำวันละกี่แก้ว นั่งรถยี่ห้ออะไร ใส่เสื้อผ้าแบบไหน ก๊ากๆๆๆ  อยากได้บรรทัดฐานหรอ

เอ้าบรรทัดฐานเศรษฐกิจพอเพียงก็มีแค่ 2ข้อ

1.ทำอะไรก็ได้ที่ไม่เดือดร้อนตนเอง
2.ทำอะไรก็ได้ที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น

ไปยกอะไรมาให้วุ่นวาย แล้วก็บอกว่าเค้าไปบังคับให้ทำตาม
พอให้คิดเอง ก็เสือกโง่อีก


หัวข้อ: Re: มันยึดอำนาจแล้วนำเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 01-11-2007, 15:57
ด๊อกเตอร์จิรายุแกเป็นคนสรุปเศรษฐกิจพอเพียงซะที่ไหน ผลงานการทำม็อตโต้อย่างหรูของคณะกรรมการ
พัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติต่างหาก มาดูประวัติกันดีกว่า

- จบการศึกษาปริญญาตรี (เกียรตินิยม) ทางด้านเศรษฐศาสตร์จาก London School of Economics
   ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอกสาขาเดียวกัน จาก Australian National University ประเทศออสเตรเลีย
- เริ่มต้นทำงานครั้งแรกในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ
   ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- ปี 2524-2529 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ
   รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ตั้งแต่ปี 2530 (หลังจากเจอฝีมือของนายสมัครเข้าให้) ดร.จิรายุ ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน
   ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
- ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง
- ดำรงตำแหน่ง ประธาน และ/หรือ กรรมการในหลายบริษัทที่สำคัญในประเทศไทย รวมทั้งธนาคารไทย
   พาณิชย์ในฐานะนายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์
- ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง

ที่ว่าเป็นเทพเพราะผลงานที่สำคัญของท่านในช่วงหลังๆ คือ
- นำพาบริษัทในเครือคือ scc นำโด่งหนี้สินสูงสุดในประเทศ 4,000 ล้านดอลล่าร์ในช่วงฟองสบู่แตก
   แต่สามารถใช้ความเป็นเทพกู้กิจการได้ ไม่ต้องโวยวายมากเหมือนนายประชัยผู้นำบริษัทเป็นหนี้สิน
   อันดับสองของประเทศแต่รักษาไว้ไม่ได้
- ให้บริษัทในเครือเป็นผู้ประมูลทีวีเสรี(นายจุลจิตต์คนของบริษัทในเครือเป็นผู้ร่างทีโออาร์) แต่ไปไม่
   รอด ขายทิ้งให้ทักษิณถ่ายโอนความซวยไปอย่างหมดจด ทั้งที่ความผิดในเรื่องขั้นตอนสัญญามันเริ่ม
   มาตั้งแต่ปี 2538
- ธนาคารในเครือไปปล่อยกู้และถือหุ้นในบริษัทที่ซื้อหุ้นชินคอร์ป
- แตกบริษัทย่อยทุนหมื่นล้านแต่ไม่ค่อยทำกำไร ไปทำหน้าที่จัดการให้เช่าหรือไล่ที่แทนสำนักงาน

ผลงานพอเพียงระดับนี้ยังได้เป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงคิดดูซิเทพขนาดไหนแล้ว
เป็นคนอื่นเห็นผลงานหนี้บริษัทอันดับหนึ่งในประเทศเป็นแสนล้าน ก็หนาวขี้แล้วผลจากการลงทุนต่างประเทศ
และในประเทศแบบไม่บันยะบันยัง จนต้องขายกิจการย่อยร่วมทุนและปิดกิจการต่างประเทศทิ้งซะเกือบหมด
แต่ที่เทพกว่านั้นคือผู้บริหารคนก่อนนายชุมพล ได้ไปอยู่สิงห์เทลพร้อมกับเป็นบอร์ดไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน

ดร.จิรายุ ก็เป็นผู้เผยแพร่ "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ที่เป็นการสรุปปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไงครับ

แล้วเรื่องประวัติอะไรต่างๆ จะยกมาทำไม ในเมื่อ ดร.จิรายุ ก็บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าเริ่มนำเอา
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เมื่อปี พ.ศ. 2542 ถ้าคุณอยากประหยัดฯ ยกอะไรก่อนนั้น
มาให้ดูก็คือไม่เกี่ยวกับการใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ดร.จิรายุ อ้างอิงไว้นะครับ

.. อีกอย่าง ดร.จิรายุ บอกว่านำมาใช้อย่างจริงจังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 อีกต่างหาก ..
ดังนั้นไปหากรณีอ้างอิงหลังจากปี 46 มาก็จะเข้าเรื่องมากกว่าครับ เก่ากว่านั้นอย่าเอามาเลย   :slime_smile: