ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 14:12



หัวข้อ: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 14:12

ทักษิณ เคยพูดว่า ให้การเมืองนิ่ง

มันก็ดีระยะสั้น

เมื่อเขาและพวกเหิมเกริม ผูกขาดทางการเมือง ปัญหาก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


ผมจึงเสนอว่าต้องต่อต้านการผูกขาดทางการเมือง ทั้งตัวบุคคลและพรรค

ดังนั้นงานจะต่อเนื่องได้ ต่อเมื่อพรรคการเมืองเขียนนโยบายการทำงานชัดเจน

ไม่ขัดกับแผนระยะยาวของประเทศ แผนระยะยาวของประเทศจึงไม่ควรให้นักการเมืองที่ลงเล่นการเมืองแตะต้องเปลี่ยนแปลงได้

ควรเป็นเรื่องขององค์กรอิสระในความดูแลของรัฐและกฎหมายเท่านั้น


เชิญเสนอแนะ ตามประเด็นกระทู้ได้ครับ ไม่ถือว่านอกประเด็นอะไร?


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 14:21
 :slime_doubt: :slime_cool: :slime_smile:


เสนอให้ควบรวม สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

กับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมฯ เป็นองค์กรอิสระในการกับกับดูแลของภาครัฐครับ..

ทำหน้าที่กำหนดแผนระยะยาวของชาติ ที่นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งและคนไทยทุกคนจะมีนโยบายเบี่ยงเบนออกจากแผนหลักนี้ไม่ได้


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 14:28



แผนที่กำหนดขึ้นแล้วจะต้องผ่านการลงประชามติ และจะเปลี่ยนแปลงได้จากการจัดทำแผนใหม่

และจะต้องผ่านการลงประชามติที่ได้คะแนนสนับสนุนมากกว่าเดิมเท่านั้น ก่อนการลงประชามติก็ให้จัดให้มีการตอบข้อซักถามประชาชนและสื่อมวลชนในวงกว้าง


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น.. ต้องไม่มีสมุนหรือนอมินีของนักการเมืองและพวก
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 14:51

แถวนี้มีอีแอบ สมุนนักการเมืองที่มีหน้าที่เชียร์นักการเมืองคนหนึ่งคนใด

พรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใด แบบสุดลิ่มทิ่มประตูหรือเปล่า?

หากมีก็ขอให้ไปประจำอยุ่ที่เว็บไซท์ที่เป็นทางการของพรรคหรือนักการเมืองเหล่านั้น

เอาลิงค์มาวาง และจะตามไปอ่าน ถ้าหากสนใจครับ

ไม่ต้องมาใช้สิทธิแปะพร่ำเพรื่อ รบกวนสังคมหรือสมาชิกบอร์ด

เพราะที่นี่เรา มีความเสมอภาคกันในการเสนอความเห็นอยู่แล้ว

ไม่ได้อุ้มกระทู้แบบพันทิป มากมายอะไร?

อย่างไรก็ตามขอต้อนรับสุภาพชนและวิญญูชนทุกท่านครับ..


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 21:45


อืมม นักการเมือง ที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟ กับดารา นี่แสดงบทบาทกันเก่ง

จนบางครั้งก็ปกปิดตัวจริงเกือบมิด

 
อยากเจอรายที่หลอกทุกคนได้ตลอดเวลาจัง..

น่าจะใกล้เคียงกับซาตาน


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: PastelSalad ที่ 27-10-2007, 11:12
ถ้าทำเช่นนี้ ประเด็นสำคัญคือเรื่องที่มาและหลักการคัดสรรสมาชิกสภาพัฒน์แล้วล่ะครับ

เพราะถ้าทุกกลุ่มคนในประเทศไม่มีส่วนร่วมในการร่างนโยบายระยะยาว ความขัดแย้งจากการไม่ยอมรับนโยบายดังกล่าวก็จะเป็นระยะยาวด้วย


อีกประเด็นหนึ่งที่ควรให้มี คือการเจรจานโยบาย

ทุกๆ นโยบายของรัฐที่มีผลกระทบในวงกว้าง ต้องมีการเลือกผู้แทนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาทำการเจรจาเพื่อปรับนโยบายให้ได้ฉันทามติก่อน

ด้วยวิธีนี้ จะสามารถคุมนโยบายรัฐบาล ให้เป็นไปตามแผนพัฒน์ได้จริงครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 13:53

อ้างถึง
ถ้าทำเช่นนี้ ประเด็นสำคัญคือเรื่องที่มาและหลักการคัดสรรสมาชิกสภาพัฒน์แล้วล่ะครับ

เพราะถ้าทุกกลุ่มคนในประเทศไม่มีส่วนร่วมในการร่างนโยบายระยะยาว ความขัดแย้งจากการไม่ยอมรับนโยบายดังกล่าวก็จะเป็นระยะยาวด้วย

อันนี้ มีสภาที่ปรึกษาเดิม ที่มีความหลากหลายครับ การผนวกกับสภาพัฒน์เดิมก็น่าจะพอเพียง เพราะเป็นหน่วยงานที่ทำแผนระยะยาวอยู่แล้ว

ส่วนความขัดแย้งแบบค้านตะบันอย่างเดียว ตรงนี้ต้องใช้เหตุใช้ผล ใช้ความรู้ ที่สำคัญมีการลงประชามติในที่สุดด้วย..ซึ่งหมายถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศ


อ้างถึง
อีกประเด็นหนึ่งที่ควรให้มี คือการเจรจานโยบาย

ทุกๆ นโยบายของรัฐที่มีผลกระทบในวงกว้าง ต้องมีการเลือกผู้แทนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาทำการเจรจาเพื่อปรับนโยบายให้ได้ฉันทามติก่อน

ด้วยวิธีนี้ จะสามารถคุมนโยบายรัฐบาล ให้เป็นไปตามแผนพัฒน์ได้จริงครับ


อันนี้ถ้าเป็นระดับประชามติที่มีคะแนนมากกว่าประชามติเดิมในขั้นสุดท้ายเห็นด้วยครับ เป็นทางเดียวที่เปลี่ยนแผนระยะยาวให้สมบูรณ์และเป็นที่พอใจทุกฝ่ายมากยิ่งขึ้นได้


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 14:26
การทำงานลักษณะที่เสนอ ยังคงอยู่ภายในหลักการกระจายอำนาจ

และหลักตัวแทนตามความเชี่ยวชาญในภารกิจต่างๆ

เป็นสมดุลย์ที่พัฒนาไปข้างหน้าได้ ไม่ใช่การหยุดนิ่งหรือพายเรือในอ่างจากการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ใช้พวกมากลากไปด้วยกระแสทางการเมืองแบบวูบๆวาบๆ

แม้แต่นิติบัญญัติ จะเขียนกฎหมายใหม่ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าอยู่ในกรอบประชามติระยะยาวหรือไม่?

ฝ่ายบริหารไม่ต้องพูดถึงหากไม่มีความสามารถจะมั่วเพื่อเบี่ยงเบนแบบเอาแต่ความคิดของตนเองและพวกไม่ได้อีกต่อไป..ยุติธรรมกับทุกฝ่ายครับ.

การเมืองส่วนท้องถิ่นก็ยังเดินต่อไปได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบประชามติของทั้งประเทศว่าให้ขอบเขตไว้มากเพียงใดในแต่ละประเด็น


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 18:07
 :slime_fighto: :slime_cool:

มีการพูดถึง คุณภาพ นักการเมือง

เราต้องเปิดใจให้กว้าง แล้วเข้าใจกระบวนการเกี่ยวกับคุณภาพ

ซึ่งก็ต้องมีมาตรฐานและมีการสอบให้ผ่านมาตรฐานสากลของระดับประเทศ ไม่ใช่นายหมูในแมวอ้างว่ามีประชาชนในพื้นที่หนุนหลัง

แต่คุณสมบัตรไม่ได้มาตรฐาน เช่น นับเลขไม่ถ้วน มาสมัครเป็นตัวแทนประชาชน..

คุณสมบัตริทางคุณภาพที่ใช้วัดประชากรทั่วไปเมื่อนำมาวัดผู้สมัคร ควรอยู่เหนือเกณฑ์เฉลี่ยเป็นอย่างน้อย  


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 18:16
 :slime_fighto: :slime_doubt: :slime_dizzy:

สำหรับกรณี อ่านภาษาไทยไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยไม่พิการทางสมอง ต้องให้โอกาส อาจจะต่อจากนี้ไปสักไม่เกินห้าปี

จำเป็นต้องจำกัดสิทธิ์การออกเสียงเลือกตั้งเหลือไว้เพียงสิทธิ์ในการรับสวัสดิการสังคมเท่านั้น

นี่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการคุณภาพประชากรด้วย


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: PastelSalad ที่ 27-10-2007, 18:21
เรื่องประชามตินี่ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ

เพราะถ้าเราอยู่ในกลุ่มคน 49% ที่ไม่เห็นด้วย (หรือกี่ % ก็ตาม ที่เป็นส่วนน้อย) เราก็ไม่มีสิทธิมีเสียงแล้วครับ


ทางเลือกที่ดีกว่า คือการคัดเลือกตัวแทนจากคนทุกกลุ่มที่คิดว่าจะได้รับผลกระทบกับนโยบาย แล้วมาเจรจาให้ได้ผลนโยบายที่่ทุกคนพอใจดีกว่าครับ

ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้นโยบายที่ออกมาจะไม่ตรงกับที่เราต้องการ แต่อย่างน้อยเราก็พอใจได้ว่า เราได้มีส่วนร่วมแล้ว



(แต่บางเรื่องจริงๆ ก็ต้องทำประชามติถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้)


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: PastelSalad ที่ 27-10-2007, 18:27
:slime_fighto: :slime_doubt: :slime_dizzy:

สำหรับกรณี อ่านภาษาไทยไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยไม่พิการทางสมอง ต้องให้โอกาส อาจจะต่อจากนี้ไปสักไม่เกินห้าปี

จำเป็นต้องจำกัดสิทธิ์การออกเสียงเลือกตั้งเหลือไว้เพียงสิทธิ์ในการรับสวัสดิการสังคมเท่านั้น

นี่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการคุณภาพประชากรด้วย

ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังครับ เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวมาก

ถ้าไปจำกัดมาก จะมีคนออกมาร้องว่า เป็นการกีดกัน เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม

พาลๆ ไปออกเป็นสังคมนิยมอีก เดี๋ยวจะมีคำว่า ปราชญ์ กับ ควาย ตามมา =_=




โจทย์คือ ทำยังไง ให้ทุกคนพอใจได้

ตรงนี้ผมจึงเสนอเรื่อง ตามหน้าที่ มาไงครับ เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่คงพอรับได้


เริ่มออกนอกประเด็นกระทู้แล้วครับ ขอโทษด้วย


ถ้ากลับมาเรื่องประเด็นสภาพัฒน์ ให้มีอำนาจตรวจสอบและนำมาใช้กับการเมืองปัจจุบันได้ ผมว่าคุณบอนนี่เสนอไว้ (http://forum.serithai.net/index.php?topic=8939.msg125330#msg125330)ได้ดีมากแล้วครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 18:29
เรื่องประชามตินี่ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ

เพราะถ้าเราอยู่ในกลุ่มคน 49% ที่ไม่เห็นด้วย (หรือกี่ % ก็ตาม ที่เป็นส่วนน้อย) เราก็ไม่มีสิทธิมีเสียงแล้วครับ


ทางเลือกที่ดีกว่า คือการคัดเลือกตัวแทนจากคนทุกกลุ่มที่คิดว่าจะได้รับผลกระทบกับนโยบาย แล้วมาเจรจาให้ได้ผลนโยบายที่่ทุกคนพอใจดีกว่าครับ

ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้นโยบายที่ออกมาจะไม่ตรงกับที่เราต้องการ แต่อย่างน้อยเราก็พอใจได้ว่า เราได้มีส่วนร่วมแล้ว



(แต่บางเรื่องจริงๆ ก็ต้องทำประชามติถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้)

คงต้องโต้แย้งว่า ทุกคนได้รับผลกระทบเสมอครับ เมื่อเป็นคนถือสัญชาติไทย เพราะหลักเลี่ยงไม่ได้

และเมือไม่ผ่านประมติ สิ่งที่ตามมาก็คือการต่อต้านในที่สุด รวมทั้งระบบที่คิดว่าดีก็ไม่ผ่านการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงในเบื้องต้นด้วยครับ

คงไม่มีใครกล้าใช้ระบบนั้นแน่ หากมีทางเลือกอื่น.


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 18:45
 :slime_cool: :slime_smile:

อ้างถึง
สำหรับกรณี อ่านภาษาไทยไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยไม่พิการทางสมอง ต้องให้โอกาส อาจจะต่อจากนี้ไปสักไม่เกินห้าปี

จำเป็นต้องจำกัดสิทธิ์การออกเสียงเลือกตั้งเหลือไว้เพียงสิทธิ์ในการรับสวัสดิการสังคมเท่านั้น

นี่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการคุณภาพประชากรด้วย



อ้างถึง
ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังครับ เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวมาก

ถ้าไปจำกัดมาก จะมีคนออกมาร้องว่า เป็นการกีดกัน เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม

พาลๆ ไปออกเป็นสังคมนิยมอีก เดี๋ยวจะมีคำว่า ปราชญ์ กับ ควาย ตามมา =_=


อ้างถึง
โจทย์คือ ทำยังไง ให้ทุกคนพอใจได้

ตรงนี้ผมจึงเสนอเรื่อง ตามหน้าที่ มาไงครับ เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่คงพอรับได้


ประเด็นหลักๆที่สำคัญต้องอยู่ในรัฐธรรมนูญครับ หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติก็ต้องยอมรับในเบื้องต้น


อ้างถึง
เริ่มออกนอกประเด็นกระทู้แล้วครับ ขอโทษด้วย

ไม่เป็นไรครับ

อ้างถึง
ถ้ากลับมาเรื่องประเด็นสภาพัฒน์ ให้มีอำนาจตรวจสอบและนำมาใช้กับการเมืองปัจจุบันได้ ผมว่าคุณบอนนี่เสนอไว้ได้ดีมากแล้วครับ



ผมไม่ได้พูดถึงอำนาจตรวจสอบโดยตรงครับ หมายถึงอำนาจในการจัดทำแผนระยะยาวของประเทศมากกว่า ซึ่งของเดิมไม่ผ่านประชามติ..

ไม่เห็นคุณพูดถึงสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมเลยนี่ครับ?  ส่วนข้อเขียนคุณบอนนี่ผมขอผ่านนะครับ เพราะไม่ได้มาถกเถียงกันในประเด็นตรงนี้


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: PastelSalad ที่ 27-10-2007, 18:47
ทำประชามติแล้วก็ต่อต้านได้ครับ เพราะเสียงส่วนน้อยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ การบอกว่า ต้องยอมตามเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เสียงส่วนน้อยยอมรับได้ครับ

จริงๆ แล้วประชามติ ถ้าใช้ในบริบทอย่างบ้านเรา จะกลายเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับนักการเมืองมากกว่าครับ อย่างที่เราเห็นทักษิณอ้าง 19 ล้านเสียง เป็นต้นถ้าคาดหวังประชามติอย่างเดียว โครงการประชานิยมผ่านฉลุยแน่



จริงๆ แล้วตอนนี้มีงานวิจัยทางสังคมศาสตร์และรัฐศาสตร์ออกมาแล้วนะครับ ว่าในบริบทของนโยบายสาธารณะนั้น การเจรจานโยบาย (regulatory negotiation) เพื่อหาฉันทามติ มีประสิทธิภาพกว่าประชาธิปไตย



หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 18:52
ทำประชามติแล้วก็ต่อต้านได้ครับ เพราะเสียงส่วนน้อยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ การบอกว่า ต้องยอมตามเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เสียงส่วนน้อยยอมรับได้ครับ

จริงๆ แล้วประชามติ ถ้าใช้ในบริบทอย่างบ้านเรา จะกลายเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับนักการเมืองมากกว่าครับ อย่างที่เราเห็นทักษิณอ้าง 19 ล้านเสียง เป็นต้นถ้าคาดหวังประชามติอย่างเดียว โครงการประชานิยมผ่านฉลุยแน่



จริงๆ แล้วตอนนี้มีงานวิจัยทางสังคมศาสตร์และรัฐศาสตร์ออกมาแล้วนะครับ ว่าในบริบทของนโยบายสาธารณะนั้น การเจรจานโยบาย (regulatory negotiation) เพื่อหาฉันทามติ มีประสิทธิภาพกว่าประชาธิปไตย




เรื่องเจรจาต้องมี และอยุ่ในกระบวนการจัดทำครับ ส่วนต่อต้าน ถึงแม้ไม่ผ่านประชามติก็ต่อต้านกันได้อยู่แล้ว แต่หากผ่านประชามติก็ควรเป็นกติกาที่เสียงส่วนน้อยยอมรับ

แผนจะดีหรือไม่อยู่ที่ความเป็นมืออาชีพของกลุ่มผู้จัดทำแผน  ก็คือหน่วยงานควบรวมที่ผมเสนอขึ้นมาในรูปองค์กรอิสระนั่นแหละครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: PastelSalad ที่ 27-10-2007, 18:56
ถ้าผมจำความไม่ผิด คุณบอนนี่ได้กล่าวถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมอำนาจบริหาร รวมถึงการตรวจสอบ ของสภาคล้ายๆ สภาพัฒน์รวมกับสภาที่ปรึกษาฯ ครับ



ส่วนแผนการพัฒนาประเทศระยะยาวนี่ ผมมองว่าการออกแบบโดยอาศัยการยอมรับจากประชามติจะทำได้ลำบากหรือไม่มีประสิทธิภาพด้วยสาเหตุเหล่านี้ครับ

1. ประชาชนทั่วไป ทำความเข้าใจแผนได้ยาก

2. ประชาชนไทยส่วนใหญ่ เป็นเกษตรกร หรือกลุ่มคนชั้นหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นนโยบายส่วนใหญ่ที่จะยอมรับ จะต้องเป็นนโยบายเพื่อปากท้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนาอย่างสมดุล

3. หากประชาชนไม่ยอมรับ ก็ไม่มีหนทางจะเสนอแนวคิดที่ดีกว่า ทำได้เพียงกา "ปฏิเสธ" เท่านั้น


ดังนั้น การเน้นที่การทำประชามติอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอครับ ต้องเน้นวิธีการการจัดหาผู้แทนประชาชนตามกลุ่มความสนใจเพื่อจัดตั้งสภาร่างแผน จะเป็นการดีกว่า เพราะจะได้ใช้อำนาจและแสดงความเห็นผ่านทางผู้แทนตนได้


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: PastelSalad ที่ 27-10-2007, 18:58



แผนจะดีหรือไม่อยู่ที่ความเป็นมืออาชีพของกลุ่มผู้จัดทำแผน

เห็นตรงกันครับ   :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 18:59

ต้องเข้าใจธรรมชาติของประชานิยมให้ถ่องแท้ว่า

หากไม่ยั่งยืน หรือ ไม่มีธรรมมาภิบาล ถือว่าเป็นข้อห้าม จะมาอ้างเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้

มาตรฐานทางด้านธรรมมาภิบาลจะต้องนำมาพิจารณาในการจัดทำแผนด้วย

ซึ่งก็ต้องระบุไว้ในรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด

การบิดเบือนจากแผนระยะยาวโดยนักการเมือง ต้องมีโทษทางอาญาครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 19:12
ถ้าผมจำความไม่ผิด คุณบอนนี่ได้กล่าวถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมอำนาจบริหาร รวมถึงการตรวจสอบ ของสภาคล้ายๆ สภาพัฒน์รวมกับสภาที่ปรึกษาฯ ครับ



ส่วนแผนการพัฒนาประเทศระยะยาวนี่ ผมมองว่าการออกแบบโดยอาศัยการยอมรับจากประชามติจะทำได้ลำบากหรือไม่มีประสิทธิภาพด้วยสาเหตุเหล่านี้ครับ

1. ประชาชนทั่วไป ทำความเข้าใจแผนได้ยาก

2. ประชาชนไทยส่วนใหญ่ เป็นเกษตรกร หรือกลุ่มคนชั้นหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นนโยบายส่วนใหญ่ที่จะยอมรับ จะต้องเป็นนโยบายเพื่อปากท้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนาอย่างสมดุล

3. หากประชาชนไม่ยอมรับ ก็ไม่มีหนทางจะเสนอแนวคิดที่ดีกว่า ทำได้เพียงกา "ปฏิเสธ" เท่านั้น


ดังนั้น การเน้นที่การทำประชามติอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอครับ ต้องเน้นวิธีการการจัดหาผู้แทนประชาชนตามกลุ่มความสนใจเพื่อจัดตั้งสภาร่างแผน จะเป็นการดีกว่า เพราะจะได้ใช้อำนาจและแสดงความเห็นผ่านทางผู้แทนตนได้

ผมก็เห็นเช่นนั้น แต่มองว่าเป็นกระบวนการเช่นเดียวกับกระบวนการคุณภาพของผู้แทนครับ

จะแบ่งด้วยวิธีการเช่นไรในที่สุดก็ต้องควบคุมคุณภาพให้สอดคล้องกับงานที่รับผิดชอบ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 19:22
ตอบตามประเด็นนะครับ

1. ประชาชนทั่วไป ทำความเข้าใจแผนได้ยาก  อันนี้เป็นข้อเท็จจริง ต้องมีการทำให้เข้าใจภาพรวมได้ง่ายๆ รํฐมีผลงานดีคนจะเชื่อได้ง่ายกว่า

2. ประชาชนไทยส่วนใหญ่ เป็นเกษตรกร หรือกลุ่มคนชั้นหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นนโยบายส่วนใหญ่ที่จะยอมรับ จะต้องเป็นนโยบายเพื่อปากท้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนาอย่างสมดุล

   ต้องปรับความคิด คนปรับได้ครับ

3. หากประชาชนไม่ยอมรับ ก็ไม่มีหนทางจะเสนอแนวคิดที่ดีกว่า ทำได้เพียงกา "ปฏิเสธ" เท่านั้น เป็นเพียงสมมุติฐานที่โต้แย้งได้ตลอดเวลา ต้องดูของจริงครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 19:45


กรอบของแผนใหญ่เป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ ในชั้นสุดท้ายก่อนลงมือปฏิบัติ แต่ต้องจัดทำล่วงหน้าระยะยาว

ลองนึกถึงโรงพยายาลกับคนไข้และญาติคนไข้ก็ได้ครับ

ส่วนการทำงานภายในกรอบเป็นหน้าที่ของรัฐบาลครับ จะหานโยบายหรือยุทธศาสตร์อะไรก็ตาม นึกภาพทีมแพทย์หรือโค๊ชกีฬา

หากไม่มีใครยอมมาเป็นรัฐบาล แสดงว่าแผนตามกรอบใหญ่นั้นเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องปรับแผนกันใหม่..เจ้าภาพคือองค์กรอิสระที่ว่ามา

ความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระต้องมีมากพอที่จะดูแลจัดทำแผนนั้นให้ผ่านคณะกรรมการภายในและผ่านประชามติในที่สุด

ซึงเป็นการตรวจสอบที่กว้างที่สุดในทุกด้าน อย่างน้อยก็ต้องเสียงเกินครึ่งสังคมจึงจะเดินต่อไปตามแผนได้

การตรวจสอบกระจายไปตามหน้าที่ที่ว่าจะตรวจสอบรํฐบาลในแง่มุมใด


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 20:34

รัฐบาล และฝ่ายนิติบัญญัติ จะทำงานได้สะดวกมาก


ถ้าหากแต่ละฝ่ายไม่ออกนอกลู่นอกทางที่ไม่ใช่หน้าที่ของตนตามรัฐธรรมนูญ


ดังนั้นรัฐบาลหรือฝ่ายบริหาร แลฝ่ายนิติบัญญัติ ควรสมัครและรับเลือกตั้งกันคนละส่วนครับ ถึงแม้จะเลือกตั้งพร้อมกันก็ตาม

การถ่วงดุลย์จะดีกว่าการปล่อยให้ผู้สมัครสส. เปลี่ยนมามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลได้..

ประชาชนมีความยืดหยุ่นในการเลือกตั้งมากกว่าด้วยในการเปลี่ยนฝ่ายออกกฎหมาย หรือฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นก็ได้

ตามลักษณะเปรียบเทียบของผู้สมัครเพื่อเข้าทำงานแยกตามความถนัดและผลงานในหน้าที่ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

รัฐบาลอาจจคว่ำกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติโดยการวีโต้คัดค้านก็ได้ ไม่จำเป็นต้องยุบสภา

ส่วนสภาฯอาจยับบั้งการตัดสินใจของรํฐบาลเฉพาะเรื่องก็ได้ผ่านกลไกการออกกฏหมายและทางศาล ตลอดจนการขอทำประชามติถอดถอน ซึ่งงต้องใช้เสียงประชามติมากพอสมควร








หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-10-2007, 21:25
เค้าสังเคราะห์ปัญหาไปถึงเรื่อง "ชุมชนเข้มแข็ง" แล้วครับ

หากไปเริ่มเดินจากตรงนั้น จะเป็นหนทางแก้ปัญหาของประเทศชาติ

ธรรมชาติของการเมืองจะไม่มีวันนิ่งครับ "การเมือง" มันเป็นเรื่องของกระแส

หากการเมืองนิ่ง ก็เหมือนกับสังคมตายแล้ว การเมืองต้องมีการขยับ

แต่ขยับไปในทิศทางที่สังคมรับได้และไม่ขยับไปสู่แนวทางรุนแรง

การเมืองขยับได้ แต่ต้องออกไปในแนวทางสันติวิธี ไม่แสวงหาความรุนแรงเด็ดขาด


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 21:33
เค้าสังเคราะห์ปัญหาไปถึงเรื่อง "ชุมชนเข้มแข็ง" แล้วครับ

หากไปเริ่มเดินจากตรงนั้น จะเป็นหนทางแก้ปัญหาของประเทศชาติ

ธรรมชาติของการเมืองจะไม่มีวันนิ่งครับ "การเมือง" มันเป็นเรื่องของกระแส

หากการเมืองนิ่ง ก็เหมือนกับสังคมตายแล้ว การเมืองต้องมีการขยับ

แต่ขยับไปในทิศทางที่สังคมรับได้และไม่ขยับไปสู่แนวทางรุนแรง

การเมืองขยับได้ แต่ต้องออกไปในแนวทางสันติวิธี ไม่แสวงหาความรุนแรงเด็ดขาด

ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ ชุมชนเข้มแข็งการกระจายอำนาจและงบประมาณอย่างเป็นระบบสู่ท้องถิ่นก็ทำได้ง่ายขึ้น..

ไม่ต้องมาพึ่งพารัฐบาลกลางทุกเรื่อง สามารถนำส่งภาษีได้มากด้วย อย่างไรก็ตาม ท้องถิ่นก็ต้องใช้กฎหมายและมีรัฐบาลกลางร่วมกัน

และต้องอยู่ในกรอบตามแผนระยะยาวว ตลอดจนเดินตามนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 27-10-2007, 21:42

และสิ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าให้มีการแทรกแซงองค์กรกลางได้ค่ะ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 21:45



จะผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น คุณภาพของทั้งสังคมต้องดีขึ้นตามไปด้วย จะผลักภาระให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งหมดไม่ได้

และจะต้องมีแผนและโครงสร้างทางสังคมที่ชัดเจน ในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองตามรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญก็ต้องศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนทุกคน และองค์กรกลไกต่างๆต้องปฏิบัติตามครับ ขณะที่มีแรงจูงใจและความเชื่อในการพัฒนาประเทศมากพอ

ไม่เพียงปากท้องความเป็นอยู่ของตนเอง เช่นเดียวกับที่คาดหวังจากนักการเมือง


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-10-2007, 21:52
ต้องติดตาม "พรบ. องค์กรสภาชุมชน" ด้วยครับ อำนาจหน้าที่ คล้าย ๆ สภาที่ปรึกษาฯระดับชาติ

ตอนนี้ผมไม่ทราบทำไปถึงใหน...ข่าวว่าร่างนั้น แก้กันหลายครั้ง เพราะถูกคัดค้านจากมหาดไทย


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 21:54
และสิ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าให้มีการแทรกแซงองค์กรกลางได้ค่ะ

ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารแทรกแซงได้อย่างไร ก็เพราะคุมอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติได้หมด คุมอำนาจธุรกิจเอกชน

ผ่านการมีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาผู้แทน การคดโกงทางนโยบาย และนำเงินนั้น มาซื่อเสียงผ่านนโยบายประชานิยมสามานย์

เช่นหวยบนดิน ขายสัมปทาน  เก็งกำไรหุ้น กู้เงินและใช้เงินกู้นอกงบประมาณ  เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจแก่พวกพ้อง

ใช้เงินจ้างวานให้เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ เช่นการพยายามวิ่งเต้นติดสินบนในวงการศาล เป็นต้น

ทำให้รัฐบาลมีอำนาจแทรกแซงองค์กรอิสระ และตัวบุคคลในองค์กรอิสระไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับการซื้อเสียงเพื่อให้ผ่านการเลือกตั้งกลับเข้ามาได้ใหม่


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 22:03
ต้องติดตาม "พรบ. องค์กรสภาชุมชน" ด้วยครับ อำนาจหน้าที่ คล้าย ๆ สภาที่ปรึกษาฯระดับชาติ

ตอนนี้ผมไม่ทราบทำไปถึงใหน...ข่าวว่าร่างนั้น แก้กันหลายครั้ง เพราะถูกคัดค้านจากมหาดไทย

อารีย์กระเด็นไปแล้ว แต่ปัญญาของมหาดไทยและสตช. ยังคงอยู่ครับ

การเมืองระดับชาติเองก็ยังคงไว้ใจไม่ได้ เพราะกรรมาธิการยกร่าง เขียนได้แต่รัฐธรรมนูญเฉพาะหน้า ซึ่งวัฒนธรรมทางการเมือง

ตลอดจนรูปแบบการหาผลประโยชน์จากการเมืองของนักการเมืองเลวๆทั้งหลายยังไม่เปลี่ยน พูดง่ายๆ ยังไม่มีคนใหม่ๆมากนัก

และนักการเมืองก็ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดานได้ในเวลาอันใกล้ จากสภาพแวดล้อมและระบบปัจจุบัน ต้องดูว่าผลการเลือกตั้งและการทำงานของผู้แทนและรัฐบาลชุดใหม่เป็นที่พอใจ

ในระดับประเทศโดยภาพรวมหรือไม่?


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 22:19

ถ้าพูดถึงโครงสร้างต่างๆทางอำนาจหน้าที่ และสิทธิต่างๆ คงต้องว่ากันที่รัฐธรรมนูญ

ส่วนการพัฒนาตามกรอบกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร การออกกฎหมายปรับปรุงกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ

ไม่ควรปะปนและก้าวก่ายกันโดยไม่จำเป็น รัฐสภามีหน้าที่ยับยั้งและซักฟอกการทำงานของฝ่ายบริหารโดยตรง ก่อนที่จะส่งเรื่องให้องค์กรอิสระต่างๆ

ส่วนการเมืองทางตรงของประชาชน ก็คือการเข้าชื่อต่างๆตามกลไก หากเป็นเรื่องท้องถิ่นก็เข้าชื่อตามกฎหมายส่วนท้องถิ่นครับ

การประท้วงหรือขับไล่จากจำนวนคนมากๆก็จะไม่มี หากกลไกต่างๆทำงานตามปกติ มีความยุติธรรมและเจริญก้าวหน้า สวัสดิภาพและมาตรฐานชีวิตที่ดีทัดเทียมประเทศต่างๆ และมีความสุข


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: Gamobank ที่ 27-10-2007, 22:48
ทฤษฏีกับภาคปฏิบัติทางการเมืองของไทยมักสวนทางกับตรรกกะที่ควรจะเป็น




เพราะระบบอุปถัมภ์ที่ฝังลึกมานาน



กอรปกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมยังน้อยมาก



รัฐบาลที่ผ่านมายังไม่เคยพยายามยกระดับจิตสำนึกของคนไทย



เพื่อส่วนรวมอย่างจริงจังต่อเนื่องเป็นระบบ



ผลที่ได้ก็คืออย่างที่เห็นรัฐบาลที่อ่อนแอกับวงจรอุบาทว์ที่ไม่สิ้นสุด


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 22:54
หากการวางแผนการพัฒนาของภาครัฐได้ผล การควบคุมการเงินดี

ก็จะสามารถมีการบริการที่ดีแก่ประชาชน มีรัฐสวัสดิการที่ดีแก่ประชาชน

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนกลับมาที คุณภาพครอบครัว คุณภาพคนคุณภาพการศึกษา การคิดและสติปัญญา ลักษณะนิสัยต่างๆ

คุณภาพเทคโนโลยีที่สูงขึ้น คุณภาพกิจการเอกชนและรัฐวิสาหกิจที่ดีขึ้น

เมื่อมีความพอเพียง พึ่งตนเองได้ทุกภาคส่วน มีภูมิคุ้มกันสูงทางสังคมและเศรษฐกิจ และการเมือง

ก็จะเข้าสูวงจรวิวัฒน์ซึ่งเป็นวงจรขาขึ้นสม่ำเสมอได้ในที่สุด


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 23:03
ทฤษฏีกับภาคปฏิบัติทางการเมืองของไทยมักสวนทางกับตรรกกะที่ควรจะเป็น



เพราะระบบอุปถัมภ์ที่ฝังลึกมานาน


กอรปกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมยังน้อยมาก


รัฐบาลที่ผ่านมายังไม่เคยพยายามยกระดับจิตสำนึกของคนไทย


เพื่อส่วนรวมอย่างจริงจังต่อเนื่องเป็นระบบ


ผลที่ได้ก็คืออย่างที่เห็นรัฐบาลที่อ่อนแอกับวงจรอุบาทว์ที่ไม่สิ้นสุด



แก้ไขด้วยการจัดระบบและหมั่นกระตุ้น

ตลอดจนการบังคับตามกฎหมาย อาจมีการจูงใจและลงโทษตามความเหมาะสม

ระบบบันทึกข้อมูลทั่วไปต้องสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องละเอียดมากจนเกินไปในเบื่องต้น

อุตสาหกรรมซอฟแวร์ต้องพัฒนาต่อไป ควบคู่กับการพัฒนานานักคิดสังเคราห์ระบบที่ฉลาละเอียดอ่อนมากขึ้น

รัฐบาลหรือผู้บริหารต้องมีคุณภาพมีทักษณะในการพัฒนาระบบและคนสูงๆครับ ไม่ใช่โกงตบตาชาวบ้านแบบนักมายากล


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 23:50


กล่าวโดยสรุป คือแก้ไขรัฐธรรมนูญ  เพื่อ

จัดระเบียบอำนาจทางการเมืองจากการเลือกตั้งให้อยู่ในขอบเขตที่มุ่งการทำงานให้ได้ผลตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

แยกหน่วยงานวางแผนออกมาให้ชัดเจนเป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจในการจัดทำแผนระยะยาวที่ ฝ่าบบริหารและนิติบัญญัติต้องปฎิบัติตาม

เนื่องจากมีการะบุไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ ฉบับต่อไป..


หากท่านสื่อสารมวลชน นักกฎหมายมหาชนรายใดห็นดีด้วยจะนำไปต่อยอด ข้าพเจ้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง  :slime_smile: :slime_cool: :slime_agreed: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 28-10-2007, 15:08
ผมคิดว่า
๑ ในฐานะผมเป็นประชาชน ผมจะเลือกคนดีเพื่อส่งเสริม"คนดี"ในท้องถิ่นตนให้เข้าไปเป็นตัวแทนทุกระดับ
๒.นักวิชาการต้องรวมตัวกันสร้างองค์ความรู้ทางการเมืองที่ชัดเจน...ไม่แบ่งฝ่าย สถาบัน เป็นหนึ่งเดียว
๓.ชาวบ้านต้องเลือกอ่าน ฟัง วิเคราะห์จากสื่อมวลชนมาปรับใช้ บอกกล่าว ชุมชน สังคมเรื่องการเมืองได้
เริ่มต้นที่ตัวเราครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-10-2007, 22:47
ผมคิดว่า
๑ ในฐานะผมเป็นประชาชน ผมจะเลือกคนดีเพื่อส่งเสริม"คนดี"ในท้องถิ่นตนให้เข้าไปเป็นตัวแทนทุกระดับ
๒.นักวิชาการต้องรวมตัวกันสร้างองค์ความรู้ทางการเมืองที่ชัดเจน...ไม่แบ่งฝ่าย สถาบัน เป็นหนึ่งเดียว
๓.ชาวบ้านต้องเลือกอ่าน ฟัง วิเคราะห์จากสื่อมวลชนมาปรับใช้ บอกกล่าว ชุมชน สังคมเรื่องการเมืองได้
เริ่มต้นที่ตัวเราครับ


คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี สังคมไทยต้องการคนแบบนี้

อย่างไรก็ตามการเมืองในอีกด้านหนึ่งนั้นสกปรก และเห็นแก่ตัว

คนที่เติบโตมาในหมู่สังคมที่สภาพแวดล้อมเลว ส่วนใหญ่จึงไปไม่ได้ไกลจากสิ่งที่เคยเป็นกันมา

เหมือนอยู่ในบ่อโคลน ทีเปรอะเปื้อนจนมองไม่เห็นสีเนื้อเดิม การทำงานโดยกระโดดลงไปคลุกโคลนยิ่งต้องใช้ความระมัดระวัง

อย่าให้โคลนสกปรกกัดกินผิวหนัง จนลุกลามกลายเป็นเนื้อร้าย


ทุกคน ต้องมีเวลาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายและจิตใจบ้าง..


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-10-2007, 23:06

 :slime_cool: :slime_smile:




ทัศนคติส่วนตัวที่ผมสังเกตเห็นคือ

นักการเมืองรายใหญ่ของไทย ที่มีตำแหน่ง

ส่วนใหญ่พังเพราะหลังบ้านทั้งนั้น

จะมียกเว้นก็พวกที่หลังบ้านไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง

หรือต่างคนต่างยุติบทบาททางการเมืองไปก่อน  


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: cafein ที่ 29-10-2007, 00:32
ระบบอุปถัมภ์ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับสังคมไทยหรอกครับ ออกจะเป็นสิ่งที่ดีและควรรักษาไว้ด้วยซ้ำไป
ที่น่ารังเกียจคือผู้ที่อยุ่ในระบบอุปถัมภ์ที่แยกแยะไม่ออกว่า หน้าที่ต่อประเทศชาติต่อสังคมส่วนรวม ต้องมาก่อนระบบอุปถัมภ์ในวงแคบๆของเขามากกว่า
ผมรังเกียจพวกนักวิชาการที่ชอบโยนว่าระบบอุปถัมป์เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเสียจริงๆ ทั้งๆที่ความเป็นจริงมันคือความรับผิดชอบของบุคคลที่มีต่อสังคมและประเทศชาติมากกว่า


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-10-2007, 00:59


ระบบอุปถัมภ์ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับสังคมไทยหรอกครับ ออกจะเป็นสิ่งที่ดีและควรรักษาไว้ด้วยซ้ำไป
ที่น่ารังเกียจคือผู้ที่อยุ่ในระบบอุปถัมภ์ที่แยกแยะไม่ออกว่า หน้าที่ต่อประเทศชาติต่อสังคมส่วนรวม ต้องมาก่อนระบบอุปถัมภ์ในวงแคบๆของเขามากกว่า
ผมรังเกียจพวกนักวิชาการที่ชอบโยนว่าระบบอุปถัมป์เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเสียจริงๆ ทั้งๆที่ความเป็นจริงมันคือความรับผิดชอบของบุคคลที่มีต่อสังคมและประเทศชาติมากกว่า


คุณคงต้องขยายความมากหน่อย

อย่างพ่อแม่รังแกฉัน ไปจนถึงการก้าวก่ายหน้าที่ทางสังคมนั้น มันเป็นการโยงใย และแพร่เชื้อปัญหา ต้องแยกแยะตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคม

สังคมที่หนาแน่น ในเมือง การติดต่อสื่อสารดี  เสถียรภาพคือสิ่งที่ควบคุมได้ยาก รวมทั้งการวางตัว การตัดสินใจทำอะไรในฐานะของความสัมพันธ์ต่างๆ ความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ ฯลฯ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: cafein ที่ 29-10-2007, 02:04

คุณคงต้องขยายความมากหน่อย

อย่างพ่อแม่รังแกฉัน ไปจนถึงการก้าวก่ายหน้าที่ทางสังคมนั้น มันเป็นการโยงใย และแพร่เชื้อปัญหา ต้องแยกแยะตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคม

สังคมที่หนาแน่น ในเมือง การติดต่อสื่อสารดี  เสถียรภาพคือสิ่งที่ควบคุมได้ยาก รวมทั้งการวางตัว การตัดสินใจทำอะไรในฐานะของความสัมพันธ์ต่างๆ ความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ ฯลฯ

กรณีหนูเอมคงจะยกมาอันนี้ได้เช่นเดียวกัน และคำตอบก็คือในทำนองเดียวกัน
คือความรับผิดชอบและหน้าที่ต่อส่วนรวมเป็นสิ่งที่สมควรต้องมาก่อน ไม่ใช่การมาอ้างหน้าที่เสมือนลูกกตัญญูให้สังคมเห็นใจ
ในประเทศประชาธิปไตยจ๊ะจ๋าอย่างอเมริกา สิ่งที่เขาขาดอย่างมากมายก็คือระบบอุปถัมภ์นี่แหละครับ ปัญหาของผู้สูงอายุของเขาจึงมีมาก
ยังไม่รวมถึงความผูกพันของพนักงานที่มีต่อที่ทำนที่ตนเองได้ทำมาระยะเวลายาวนาน แล้วมีเหตุต้องออกจากงานด้วยเหตุผลบางประการอาทิเช่นการลดค่าใช้จ่าย หรือจะเป็นความผิดพลาดอะไรก็ตามทีเถอะ
รวมไปถึงปัญหาครอบครัวต่างๆความอบอุ่นบรรยากาศของการมีชีวิตที่มิใช่เสมือนเพียงแค่เครื่องจักรกลทางเศรษฐกิจ

ถ้าจะว่าโดยรวมๆผมว่าระบบอุปถัมภ์ของไทยเป็นระบบที่มีเสน่ห์ เพียงแต่ว่าต้องใช้อย่างมีเหตุผลที่ดีต่อสังคมและส่วนรวม
ซึ่งนี่แหละผมถึงว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นความรับผิดชอบของบุคคลหนึ่งที่มีต่อสังคมในแต่ละมิติ โดยยึดตามระด้บต่อส่วนรวมมาเป็นอันดับต้นๆ
ที่เป็นปัญหาก็คือบุคคลมักจะยึดคความรับผิดชอบโดยนับจากตัวเองและญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนรู้จัก แล้วค่อยถึงส่วนรวมและประเทศชาติมาเป็นอันดับท้ายๆ

ผมจึงสรุปว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ตามที่เรามักจะได้ยิน แต่เป็นที่ความรับผิดชอบของบุคคลมากกว่า


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 29-10-2007, 02:26
กรณีหนูเอมคงจะยกมาอันนี้ได้เช่นเดียวกัน และคำตอบก็คือในทำนองเดียวกัน
คือความรับผิดชอบและหน้าที่ต่อส่วนรวมเป็นสิ่งที่สมควรต้องมาก่อน ไม่ใช่การมาอ้างหน้าที่เสมือนลูกกตัญญูให้สังคมเห็นใจ
ในประเทศประชาธิปไตยจ๊ะจ๋าอย่างอเมริกา สิ่งที่เขาขาดอย่างมากมายก็คือระบบอุปถัมภ์นี่แหละครับ ปัญหาของผู้สูงอายุของเขาจึงมีมาก
ยังไม่รวมถึงความผูกพันของพนักงานที่มีต่อที่ทำนที่ตนเองได้ทำมาระยะเวลายาวนาน แล้วมีเหตุต้องออกจากงานด้วยเหตุผลบางประการอาทิเช่นการลดค่าใช้จ่าย หรือจะเป็นความผิดพลาดอะไรก็ตามทีเถอะ
รวมไปถึงปัญหาครอบครัวต่างๆความอบอุ่นบรรยากาศของการมีชีวิตที่มิใช่เสมือนเพียงแค่เครื่องจักรกลทางเศรษฐกิจ

ถ้าจะว่าโดยรวมๆผมว่าระบบอุปถัมภ์ของไทยเป็นระบบที่มีเสน่ห์ เพียงแต่ว่าต้องใช้อย่างมีเหตุผลที่ดีต่อสังคมและส่วนรวม
ซึ่งนี่แหละผมถึงว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นความรับผิดชอบของบุคคลหนึ่งที่มีต่อสังคมในแต่ละมิติ โดยยึดตามระด้บต่อส่วนรวมมาเป็นอันดับต้นๆ
ที่เป็นปัญหาก็คือบุคคลมักจะยึดคความรับผิดชอบโดยนับจากตัวเองและญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนรู้จัก แล้วค่อยถึงส่วนรวมและประเทศชาติมาเป็นอันดับท้ายๆ

ผมจึงสรุปว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ตามที่เรามักจะได้ยิน แต่เป็นที่ความรับผิดชอบของบุคคลมากกว่า


ผมเข้าใจว่าคุณคิดถึงความผูกพันธ์ มีความกตัญญู ความใส่ใจ ความอบอุ่นของครอบครัว ความเอื้ออาทร มีน้ำใจต่อกันของสังคม

ส่วนการอุปถัมป์ที่เขาพูดถึงกันของเรา จะเป็นเรื่องขึ้นชื่อว่าพวกกันก็ไม่สนใจว่าอะไรถูกอะไรผิด ซึ่งไม่ดี

ของเราซับซ้อนเพราะมีอีกหลายอย่างที่ไม่ดี และเรามีพัฒนาการไปจนถึงขั้นสังคมสับสนในสีขาวและสีดำ คือมองทุกอย่างเป็นสีเทา ไม่เชื่อว่ามีสีขาวและดำ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-11-2007, 14:17

สิ่งซึ่งจะเสนอแนะต่อไปก็คือ

การตรวจสอบเหตุการณ์และเหตุผลทางการเมือง อย่างเป็นระบบเชิงรุก และอย่างเป็นธรรม

สิ่งนี้ไม่ใช่นามธรรม หากเราสามารถจัดระบบข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ ให้ทันต่อการปั่นข่าวสร้างกระแสการเมืองไม่สร้างสรรค์ของผู้ใด คณะบุคคลใดๆก็ตาม

การกระทำผิดจะถูกจำกัดลงให้กระทำการด้วยความยากลำบาก และเสี่ยงต่อการถูกเปิดโปงถึงทีสุดและถูกจับกุมได้ง่ายเป็นอย่างมาก

สิ่งเหล่านี้ประชาชนต้องเรียกร้องให้มีการเปิดกว้างและจัดระเบียบของข้อมูลข่าวสารและองค์ความรู้ต่างๆ  โดยราชการและรัฐบาลจะต้องนำร่องสร้างตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม



หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-11-2007, 16:47

แหม ถ้าผมจะก้าวหน้าสักหน่อย จะเสนอให้

นายกฯและครม.ทุกท่านต่อจากนี้ไป ก่อนเข้ารับตำแหน่งแต่ละสมัย

ให้เขียนใบลาออกไว้ล่วงหน้า โดยระบุเงือนไขและเวลาที่ตนเองจะลาออกไว้ชัดเจน

มอบให้ไว้กับศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทุกองค์กร...

แบบนี้ฝ่ายบริหารก็โปร่งใส นายกฯและคณะจะเข้มแข็งทำงานงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีใครเอาผิดได้..

ความนิยมก็จะมาจากแผนงานและผลงานอย่างแท้จริง


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 01-11-2007, 18:09

แต่ถ้าหากโกง หรือไม่ทำงาน บางทีก็แกว่งปากไปวันๆ

ก็คงเอาตัวไม่รอด  ถึงแม้ใช้ประชานิยม มันก็ได้ผลช่วงสั้นแค่ครั้งเดียว

เพราะคนไม่ได้เชื่อแบบแยกส่วน เขาช่างน้ำหนักจากภาพรวม

ที่สับสนกัน เพราะมีผู้พยายามปั่นกระแสเบี่ยงประเด็น เพื่อให้สาธารณชนโฟกัสและใช้ดุลยพินิจ

วินิจฉันนโยบายและผลของนโยบายผิดพลาดจากความเป็นจริง..ทำให้ได้รับความรู้ที่ผิดๆไปจากสังคมกันเอง


ตรงนี้สาวกเว็บบอร์ดการเมืองเก่าแก่จะต้องถามตัวเอง และบางท่านอาจจะตอบได้ดี จึงได้ถอนตัวออกมา..


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 02-11-2007, 02:13


สังคมการเมืองไทยประนีประนอมไม่ถูกเรื่อง เอาจริงเอาจังไม่ถูกเรื่อง

ทำไม? ก็เพราะขาดความรู้ลึกที่ผ่านการใคร่ครวญด้วยสติปัญญาตนเอง

มักใช้ความรู้สำเร็จรูปในการยกขึ้นอ้างโดยขาดความเข้าใจลึกซึ่งในแต่ละเรื่องที่ต่อสู้ทางความคิด

ที่สำคัญขาดการรับฟังอย่างแท้จริง มีลักษณะเหมือนผีเจาะปากให้พูด ถือเป็นการเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง

การสื่อสารทางการเมืองที่ดีต้องสลับการใช้ภาษาให้ตรงกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ และตัวสารก็สำคัญ

มิฉะนั้น ผู้ส่งและผู้รับจะไม่ได้รับประโยชน์เลย เสียเวลาและทรัพยากรทั้งสองฝ่าย


ส่วนเทคนิคของสือสารมวลชนที่ดีนั้น ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น ในการส่งสารที่ดีให้ถึงมือผู้รับอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

แต่หลักการนั้นก็ไม่ต่างกันจากกรณีทั่วไป


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-11-2007, 13:04


ย้อนกลับมาดู สังคมไทยส่วนใหญ่ เราจะเห็นปัญหาหลัก

คือระเบียบวินัย ที่ขาดไปแบบเป็นธรรมชาติ

ไม่มีทางเลือกสังคมเราขาดพลังงานของตนเอง

เราจำเป็นต้องเปิดรับโลกาภิวัฒน์

การรวมศูนย์ด้วยวิธีง่ายๆ ดั้งเดิมกำลังแตกกระจายและใช้ไม่ได้ผล

ว่าไปแล้ว  ก็คงต้องกลับมาฝากความหวังกับนักพัฒนาเท่านั้น

การพัฒนา ต้องพัฒนาในระดับลึก ซึ่งก็คือ ความเชื่อพื้นฐานของคนไทย..


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-11-2007, 13:49

ขอโยงกระทู้อีกครั้งครับ :slime_smile: :slime_cool: :slime_fighto:


ใครมีส่วนแบ่งในวงการ หากินกับความเชื่อของคนไทยบ้าง..  (อ่าน 316 ครั้ง) (http://forum.serithai.net/index.php?topic=17578.msg227871#msg227871)


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 20-11-2007, 19:00

กลุ่มทุนต้องเข้าใจว่า การผูกขาดทางการเมืองเป็นการเพิ่มต้นทุนตนเอง

ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับทุนข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

เป็นการทำลายประเทศระยะยาวทางอ้อม 

ทางที่ดี กลุ่มทุนต้องช่วยกันเปิดโปงกลุ่มทุนที่สนับสนุนนักการเมืองให้เข้าสู่สภาอย่างผิดกฎหมายเลือกตั้ง


คำถามของผมคือ แต่ละพรรคการเมือง มีองค์กรใดเป็นกลุ่มทุนเพื่อการเลือกตั้งบ้าง..

ตรงนี้กกต. สมควรตรวจสอบการเงินและการหาเสียงของแต่ละพรรคด้วยว่าได้จ่ายเงินหรือเอื้อประโยชน์อะไรให้กับผู้สมัครสส.แต่ละรายในการแข่งขันหรือไม่?

กฎหมายหรือนโยบายใดบ้างที่ออกมารับใช้กลุ่มทุนที่สนับสนุน? ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในระยะสั้นและระยะกลาง..


หัวข้อ: -------------ดูการเมืองของคนไทยแล้ว หันมาดูการเมืองของเสือหิวบ้าง..!!-----------
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-11-2007, 03:59



สยอง! เสือโคร่งไซบีเรียหิวโซรุมกินโต๊ะพวกเดียวกัน
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2550 17:19 น.
 
 

(http://pics.manager.co.th/Images/550000015338301.JPEG)   
 
 
   
เหยื่อเสือโหย
 
  เอเจนซี – เกิดเหตุสลดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เอกชน “ปิงชวนปาร์ค” ในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน พบภาพเสือโคร่งไซบีเรีย 4 ตัว กำลังรุมกินโต๊ะจีนเพื่อนเสือวัย 12 ปี ที่อยู่ร่วมกรงกันมานานถึง 5 ปี อย่างเอร็ดอร่อย
       
       หลี่เหวินซุ่ย รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการสวนสัตว์แห่งนี้ เปิดเผยว่า “เมื่อตอนที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ไปถึงก็พบเสือทั้ง 4 ตัว กำลังกินซากของเสือเคราะห์ร้ายอยู่เลย ผมรู้สึกตกใจมาก เสือทั้ง 5 ตัวอายุเท่ากัน และอยู่ร่วมกันมานานถึง 5 ปี เหตุการณ์เสือกินเสือแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่นี่มาก่อน”
       
       ขณะที่ หลิงเซี่ยตัน หญิงสาวผู้เข้าชมสวนสัตว์และเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า “ฉันเห็นเสือนอนตายจมกองเลือดอยู่ ขาและหูซ้ายของมันถูกกระชากออกไปแล้ว แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง”
       
       ส่วนสาเหตุของเรื่องสลดครั้งนี้นั้น หลี่ เชื่อว่า มาจากปัญหาเรื่องวิกฤตการเงินของสวนสัตว์ เขาเล่าว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทางสวนสัตว์ประสบปัญหาด้านการเงิน จึงไม่สามารถจัดหาอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของเสือได้ “เสือที่โตเต็มวัยแล้วจะกินเนื้อประมาณวันละ 20 ปอนด์ (9 กิโลกรัม) แต่เสือที่นี่ต้องแย่งกินไก่เพียงตัวเดียวเพื่อประทังความหิวต่อวันหรือบางทีก็วันเว้นวัน”
       
       ด้าน ฟั่นจื้อหยง ผู้อำนวยการโครงการพันธุ์สัตว์จากกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) กล่าวตำหนิการบริหารจัดการของสวนสัตว์ ว่า “โศกนาฏกรรมเสือกินเสือกันด้วยกันเองแบบนี้ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เรื่องนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในป่า เห็นได้ชัดว่าเป็นปัญหาของการบริหารจัดการสวนสัตว์”
       
       ปัจจุบันสวนสัตว์ปิงชวนปาร์ค มีสัตว์อยู่ในครอบครองทั้งสิ้น 2,000 ตัว ในจำนวนนี้รวมไปถึงสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ 300 ตัว มีทั้งเสือขาว เสือดาว และช้างเอเชีย ซึ่งรายได้เพียงทางเดียวของสวนสัตว์ได้มาจากค่าเข้าชม และในช่วงอากาศหนาวเย็นเช่นนี้เป็นเหตุให้ผู้มาเยี่ยมชมบางตาลงไปมาก หลี่ กล่าว
       
       “ในช่วงหน้าหนาวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนนั้นหนาวเหน็บมาก ไม่มีใครต้องการออกจากบ้าน หรือแม้แต่มาเที่ยวสวนสัตว์ ดังนั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีผู้เข้าชมเลยในช่วงนี้” หลี่ ให้สัมภาษณ์
       
       เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นข่าวท้าทายความพยายามของจีนในการรักษาจำนวนประชากรเสือที่หายากนี้ โดยปัจจุบันเชื่อกันว่า มีเสือโคร่งไซบีเรีย ซึ่งเป็นเสือโคร่งพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เหลืออยู่ในป่าจีนไม่ถึง 50 ตัว อีกประมาณ 5,000 ตัว ถูกเลี้ยงไว้ในฟาร์มและสวนสัตว์ป่า ซึ่งมักจะประสบปัญหาเรื่องการจัดที่อยู่อาศัยและอาหาร
       
       ผู้จัดการของสวนเสือหูหลิงหยวน ในเมืองตงเป่ย มณฑลเฮยหลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเสือทั้งสิ้น 800 ตัว กล่าวว่า ปัญหาเรื่องเงินทองของสวนสัตว์ต่างๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เสือตายทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ และไม่ธรรมชาติ ผู้จัดการเผลอแย้มพลายข้อมูลมาว่า ทางสวนเสือได้มีการแช่แข็งซากเสือกว่า 200 ซาก แต่ปฏิเสธจะให้รายละเอียดสาเหตุการตายและเหตุผลที่เก็บรักษาร่างของพวกมันไว้ อีกทั้งยังไม่ยอมเปิดเผยชื่อ โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้คุยกับนักข่าว
       
       ด้าน เจฟ เหอ ผู้จัดการด้านการสื่อสารขององค์กรคุ้มครองสัตว์นานาชาติประจำประเทศจีน กล่าวว่า สวนเสือกำลังใช้เหตุการณ์นี้กดดันรัฐบาลให้ยกเลิกการห้ามการค้าอวัยวะเสือ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำยาจีนโบราณ ที่กำหนดเมื่อปี 1993
       
       อย่างไรก็ตาม เหอ เสนอว่า “ผมเชื่อว่า หากบรรดาสวนสัตว์ป่าเหล่านี้ไม่สามารถเลี้ยงเสือจำนวนมากได้ ทางที่ดีคือการหาวิธีควบคุมสวนสัตว์เหล่านี้อย่างจริงๆ จังๆ จะได้ไม่เกิดเรื่องเศร้าแบบนี้อีก”
 
 
 
 
 
 
 


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-11-2007, 00:41


ผมเอาลิงค์คลิปตีกันในรัฐสภาต่างแดนมาให้ดู อยู่ในกระทู้คลิปนะครับ ห้องชายคาพักใจครับ..

http://forum.serithai.net/index.php?topic=18341.0

เผื่อบางท่านชอบดู แต่ไม่ชอบลอง บางพวกชอบแกว่งปากหาเรื่องสร้างราคา

ใช้คำหรืออากรหยาบคายลามกก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แม้แต่จะใช้ว่าคนเลวนะครับ

คนเราย่อมไม่เลียนอาการและสัญชาติญาณ ของสัตว์ในการพูดคุยปกติ สัตว์ต่างหากที่พยายามเลียนอาการของคน

จะว่าไปแล้วมันก็ผิดระเบียบของบอร์ด จะเจตนาเช่นไรก็ตาม อย่าให้ลามกคาบลูก คาบดอกจนเกินไปครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-11-2007, 20:12


แก้นิสัยไม่ดี บางพวกอาจจะต้องใช้คำว่าสันดาน ของคนไทยได้

การเมืองและการบริหารบ้านเมืองไทย จะดีขึ้นเองอย่างผิดหูผิดตาครับ

เหมือนจับสาวๆมาฝึกบุคคลิกภาพ เสริมเมคอัพ อย่างมีทิศทางและทักษะในการพัฒนาตนเอง


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-11-2007, 17:32


ผมสบายใจและเชื่อมั่นว่า การเมืองไทยจะดีขึ้นได้แน่นอน

และจากการที่สังเกตความเปลี่ยนต่างๆในสังคมช่วงนี้

ก็เชื่อว่า จะไม่มีใครสร้างกระแส หลอกลวงได้ง่ายๆอีกแล้ว

เนื่องจากระบอบทักษิณกำลังจะยุติไปพร้อมๆกับทักษิณ

เริ่มที่เมืองไทย แต่ไปหมดฤทธิ์ที่ลอนดอน ก็ดีเหมือนกัน

อยู่ลอนดอน ทักษิณเป็นเพียงคนอาศัยที่ไม่มีอิทธิพลอะไรมากนัก

หากไม่กลับมารับโทษ จะอยู่ที่นั่นตลอดไป ก็ขอให้สงบปากสงบคำ

กองเชียร์อย่าไปรบกวนอีก บางที ทักษิณอาจจะหนีวิบากพ้น

หากไม่คิดผลักดันนิรโทษกรรมตนเองต่อไป


ฟันธงครับ การเมืองไทยดีขึ้นแน่นอน โดยไม่ต้องมีทักษิณและระบอบทักษิณให้วุ่นวายกันไม่จบง่ายๆอีก

จะมีนักการเมืองพันธุ์เลวๆ ที่จะสูญพันธุ์ตามทักษิณไปอีกมากทุกพรรค เพราะประชาชนทีแยกแยะไม่ยึดติด และไม่ได้เป็นปลาไหลยังมีมากพอ

จัดการกับรากเหง้าความเชื่อและวัฒนธรรมทางการเมืองที่เลวดังกล่าว ให้สูญพันธุ์ไปได้ในที่สุด  :slime_fighto: :slime_cool: :slime_v:



หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 25-11-2007, 17:36

คุณคิวฟันธงค่ะ ไม่ใช่หมอลักษณ์


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 25-11-2007, 17:56


คุณคิวฟันธงค่ะ ไม่ใช่หมอลักษณ์

 :slime_smile2: :slime_cool: :slime_agreed: :slime_inlove: :slime_smile: :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-11-2007, 15:32



พรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนรับผิดชอบต่อการเมืองไทย มากกว่าพรรคอื่นๆ

ในรอบ หกสิบปีที่ผ่านมาของการเมืองไทย


ผมจึง โฟกัสปัญหา ทุกอย่างทางภาคใต้ เป็นความรับผิดชอบปัญหาหมักหมมให้พรรค และน้องมาร์คโดยเฉพาะ :slime_doubt: :slime_cool: :slime_smile:

เอางานไปทำ ถือว่าเป็นสัญญาประชาคมและเป็นสัตยาบรรณที่ไม่จะเป็นต้องประกาศครับ

เพราะมันเป็นสัญญาที่ต้องรับผิดชอบ ในฐานะพรรคของคนใต้..ที่คนใต้ส่วนใหญ่เลือกสส.ปชป.เข้ามา


ถ้าได้รับเลือกเข้ามาพอทำงานในสภานะครับ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่ต้องรอหรือสร้างกะแสครับ..


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-11-2007, 15:40





ส่วนปี้ชวน จะหาเสียง ก็อย่าเอาแต่ด่าว่าหรือโจมตีพรรคอื่นมากจนเกินไป


ต้องบอกชาวบ้าน(ทั่วประเทศ)ว่า อะไร(ปชป)ทำได้ อะไรทำไม่ได้เพราะอะไร?


แต่พูดกันตรงๆ ผมว่าเคียวของพี่ชวนคงเกี่ยวข้าวไม่ค่อยได้แล้ว..อะครับ..ให้หนุ่มๆเขาทำงานอิสระดีกว่า  





หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 28-11-2007, 15:54


เรื่ององค์กรอิสระนี่ ใครอยากทำงานตรงนั้นก็ อย่าไปเล่นการเมืองหรือเกี่ยวข้องโดยตรง

แม้จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีญาติเป็นผู้สมัครสส. ผมว่าผลประโยชน์ทับซ้อนครับ

ดังนั้น กกต. ต้องสละสิทธิ์พิจารณา เรื่องที่เกี่ยวกับพรรคที่ญาติตนเอง สังกัดด้วย

จริงๆแล้วลาออก ให้คนอื่นเป็นแทน ดูสง่างามกว่านะครับ จะได้ไม่เกิดตราบาปทางสังคมได้ :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 02-12-2007, 16:03




กกต.มีหน้าที่หลัก คือ จัดให้มีการเลือกตั้งที่นักกินเมืองไม่สามารถโกงได้

และไม่ทำตัวเป็นสนิมเหล็กแต่เนื้อใน ไม่เป็นกลางทางการเมือง มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือโกงเลือกตั้งเสียเอง

อยากให้ระลึกถึงตัวอย่างกรณี สามหนาและหาทางแก้ไขผ่าตัดคนในองค์กรด้วย เพื่อสร้างบุคคลากรเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป


หน้าที่ตัดสินพิพากษา ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรงเป็นของศาล

โดยที่หากมีการละเลยการปล่อยข่าว ถือเป็นภัยกับความมั่นคงครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 02-12-2007, 23:10



โดยส่วนตัว ผมชอบรัฐธรรมนูญ 50มากกว่า40 สำหรับสถานการตอนนี้

ผมไม่ชอบบล็อคโหวต ต้องหัดให้สส.ใช้สมองและจิตใจของตนเองทุกคนทั้งสภา

กฏหมายหรือมติที่ออกมาจึงดูมีน้ำหนัก..ฝ่ายบริหาร ประธานสภาและวิป ต้องให้เกียรติสภา

สมาชิกต้องอภิปรายด้วยถ้อยคำและท่าทีที่สุภาพ มีหลักฐานและข้อมูลจริงชัดเจนครอบคลุม

ประเด็นการอภิปรายต้องคม ลีลาตลกคาเฟต้องงดครับ การใช้อารมณ์ก้าวร้าวต้องไม่มี


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 05-12-2007, 17:49


หากเราเป็นสมาชิกเว็บบอร์ดการเมืองสนทนาที่ดีขึ้น

หากเราสามารถยกระดับบอร์ดได้ เราก็มีโอกาสที่จะทำให้การเมืองดีขึ้นได้เช่นกัน

เพราะเป็นการต่อสู้ผลักดันเหมือนกัน ต่างกันเพียงเดิมพันมันต่างกันมาก

เราจึงเห็นนักการเมืองเพี้ยนๆกันได้บ่อยๆ เพราะนั่นมันสนามระดับชาติ

การยกระดับมันต้องเตรียมพร้อมและยกพร้อมกันหมดเท่านั้นเอง

ช่วงนี้การพูดคุยในเว็บบอร์ดประเด็นลึกขึ้น ผมว่าสะท้อนสังคมการเมืองไทยได้เหมือนกันครับ

อยู่ที่จะเล่นเกมเร็วช้ากันมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ให้คิดว่านักการเมืองไดโนเสาร์เป็นผลพลอยได้ละกัน

บอกได้แต่สบายใจได้ ไม่ต้องกลัว เกาะแนน่นนะน้องหนู เท่านั้น ไม่ถึงกับแน่นอน นอนแน่ ลูกเจ้าแม่นอนนานหรอกครับ.. :slime_smile: :slime_cool: :slime_v:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-12-2007, 18:13

 :slime_cool:


มีแนวคิดสำหรับแผนการระยะยาวภาครัฐคือ

การตั้งมหาวิทยาลัย เพือธุรกิจเอกชน ริเริ่มโดยการตั้งกองทุนตามยอดเงินบริจาคของธุรกิจเอกชนแต่ละรายที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยก็ได้

โดยให้มีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือก พร้อมแหล่งและตำแหน่งงานรองรับด้วย..


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 07-12-2007, 19:48




พรรคใดเอาไปทำก็ได้ครับ..

ไม่ต้องวิ่งตามกระแส..ชั่วแล่น

ดีที่สุดก็ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ในเมื่อเสียงชนะกันไม่เด็ดขาด

มิฉะนั้น ใครรวบรวมเสียงสส.ได้มากกว่าก็ให้จัดตั้งรัฐบาลไป..


ประชาชนทั่วไปทำใจสบายๆ ไม่มีเหตุร้ายวุ่นวาย

มีแต่ปัญหาที่รัฐบาลใหม่ต้องป้องกันความแตกแยกในการทำงาน

ตอนนี้นิ่งๆ บางพรรคเพิ่มช้าๆ บางพรรคแผ่วต่อเนื่อง บางพรรคเต้นไม่ขึ้น


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 04:26




ผลักดันไป ไม่มีปัญหาหรอก :slime_smile:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 16:48



การครวจสอบการเมือง อย่างน้อยต้องตรวจสอบ

การทำงานของสภา สื่อมวลชน แล้วก็ศาล

เพื่อป้องกันอคติ หรือการแอบแฝงทุกชนิด


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: sootyod ที่ 08-12-2007, 18:25
point อยู่ที่มันคอรัปชั่น โกงบ้านกินเมืองกันต่างหาก
สมมุติ วันใดการเมืองไทยดีขึ้นจริง วันนั้นไม่มีคอรัปชั่นแล้ว
สรุปอย่างไม่ต้องรอการพิสูจน์ การเมือง=ขอ-รับ-ฉัน คอรัปชั่น

คนดี ที่เสียสละมาเป็นนักการเมือง ไม่มีอยู่จริงในประเทศไทย ฟันธง!!!
อย่าไปฝันลมๆแล้งๆเลยครับ สงสารประเทศไทย
ผมก็เข้าใจนะ ในความหวังดีของทุกท่าน
แต่ดูนักการเมืองไทยแต่ละคนแล้วก็ละเหี่ยใจ
บางคน ดูว่าดี แต่พอไปเป็นนักการเมืองแล้ว เลวลงๆ ทุกคนเลย
ส่วนที่ดีจริงๆเลยน่ะ มีจริงหรือ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น................<-----ข้อนี้ใครพอรู้จัก กรุณาช่วยบอกหน่อยสิครับ

สำหรับผมนะ เลือกตั้งคราวนี้ ถ้าไม่รู้จะเลือกใครก็จะเลือกไม่ลงคะแนน ไม่เลือก ปชป.
เพราะถึงอยากได้อภิสิทธิ์ แต่ผมไม่อยากได้ผู้สมัครคนนี้อ่ะ ปชป.ไม่มีคนที่น่าเลือก ก็จะไม่เลือกครับ!!



...บ้านเมืองเรานั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้....




หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-12-2007, 18:34
point อยู่ที่มันคอรัปชั่น โกงบ้านกินเมืองกันต่างหาก
สมมุติ วันใดการเมืองไทยดีขึ้นจริง วันนั้นไม่มีคอรัปชั่นแล้ว
สรุปอย่างไม่ต้องรอการพิสูจน์ การเมือง=ขอ-รับ-ฉัน คอรัปชั่น

คนดี ที่เสียสละมาเป็นนักการเมือง ไม่มีอยู่จริงในประเทศไทย ฟันธง!!!
อย่าไปฝันลมๆแล้งๆเลยครับ สงสารประเทศไทย
ผมก็เข้าใจนะ ในความหวังดีของทุกท่าน
แต่ดูนักการเมืองไทยแต่ละคนแล้วก็ละเหี่ยใจ
บางคน ดูว่าดี แต่พอไปเป็นนักการเมืองแล้ว เลวลงๆ ทุกคนเลย
ส่วนที่ดีจริงๆเลยน่ะ มีจริงหรือ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น................<-----ข้อนี้ใครพอรู้จัก กรุณาช่วยบอกหน่อยสิครับ

สำหรับผมนะ เลือกตั้งคราวนี้ ถ้าไม่รู้จะเลือกใครก็จะเลือกไม่ลงคะแนน ไม่เลือก ปชป.
เพราะถึงอยากได้อภิสิทธิ์ แต่ผมไม่อยากได้ผู้สมัครคนนี้อ่ะ ปชป.ไม่มีคนที่น่าเลือก ก็จะไม่เลือกครับ!!



...บ้านเมืองเรานั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้....




อย่างน้อยคนดีจะพยายามสร้างระบบกรองคนไม่ดีออกไปได้มากขึ้นครับ :slime_fighto: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-12-2007, 16:48


รายชื่อ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรม จำนวน 100 คน

 หน้า ๑
เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๕๐
ประกาศ
แต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
แต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช ๒๕๔๙ ดังต่อไปนี้
๑. นายกนก โตสุรัตน์
๒. นางกรรณิการ์ บรรเทิงจิตร
๓. นายกฤษฎา ให้วัฒนานุกูล
๔. นายกล้านรงค์ จันทิก
๕. นายการุณ ใสงาม
๖. นายกิตติ ตีรเศรษฐ
๗. นายเกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม
๘. นายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์
๙. นายคมสัน โพธิ์คง
๑๐. นายจรัญ ภักดีธนากุล
๑๑. นายจรัส สุวรรณมาลา
หน้า ๒
เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๕๐
๑๒. นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี
๑๓. นายเจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์
๑๔. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
๑๕. นายช.ชัยนาท ศรีเสมาเมือง
๑๖. นายชนินทร์ บัวประเสริฐ
๑๗. นายชวลิต หมื่นนุช
๑๘. นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์
๑๙. นายชาติชาย แสงสุข
๒๐. นายชาลี กางอิ่ม
๒๑. นายชำนาญ ภูวิลัย
๒๒. นายชูชัย ศุภวงศ์
๒๓. นายโชคชัย อักษรนันท์
๒๔. นายไชยยศ เหมะรัชตะ
๒๕. นางดวงสุดา เตโชติรส
๒๖. นายเดโช สวนานนท์
๒๗. นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์
๒๘. พลตำรวจโท ธรรมนิตย์ ปิตะนีละบุตร
๒๙. นายธวัช บวรวนิชยกูร
๓๐. นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย
๓๑. นายธีรวัฒน์ ร่มไทรทอง
๓๒. นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
๓๓. นายนรนิติ เศรษฐบุตร
๓๔. นายนิตย์ วังวิวัฒน์
๓๕. นายนิมิตร ชัยจีระธิกุล
หน้า ๓
เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๕๐
๓๖. นายนุรักษ์ มาประณีต
๓๗. นายปกรณ์ ปรียากร
๓๘. นายประดิษฐ์ เหลืองอร่าม
๓๙. นายประพันธ์ นัยโกวิท
๔๐. นายประวิทย์ อัครชิโนเรศ
๔๑. นายประสงค์ พิทูรกิจจา
๔๒. นายปริญญา ศิริสารการ
๔๓. นางพรรณราย แสงวิเชียร
๔๔. นางสาวพวงเพชร สารคุณ
๔๕. นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ
๔๖. นายพิสิฐ ลี้อาธรรม
๔๗. พลเรือเอก พีรศักดิ์ วัชรมูล
๔๘. นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์
๔๙. นายไพโรจน์ พรหมสาส์น
๕๐. นายมนตรี เพชรขุ้ม
๕๑. นางมนูญศรี โชติเทวัญ
๕๒. นายมานิจ สุขสมจิตร
๕๓. พลตำรวจเอก มีชัย นุกูลกิจ
๕๔. นายรัฐ ชูกลิ่น
๕๕. นางรุจิรา เตชางกูร
๕๖. นายวรากรณ์ สามโกเศศ
๕๗. นายวัชรา หงส์ประภัศร
๕๘. นายวิชัย รูปขำดี
๕๙. นายวิชัย เรืองเริงกุลฤทธิ์
หน้า ๔
เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๕๐
๖๐. นายวิชัย ศรีขวัญ
๖๑. นายวิชา มหาคุณ
๖๒. นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์
๖๓. นายวิทยา คชเขื่อน
๖๔. นายวิทยา งานทวี
๖๕. นายวิทวัส บุญญสถิตย์
๖๖. นายวีนัส ม่านมุงศิลป์
๖๗. นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร
๖๘. นายวุฒิสาร ตันไชย
๖๙. นายศรีราชา เจริญพานิช
๗๐. นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล
๗๑. นายศักดิ์นรินทร์ เขื่อนอ้น
๗๒. นายศิวะ แสงมณี
๗๓. นายเศวต ทินกูล
๗๔. นางสดศรี สัตยธรรม
๗๕. นายสนั่น อินทรประเสริฐ
๗๖. นายสมเกียรติ รอดเจริญ
๗๗. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์
๗๘. นายสมชัย ฤชุพันธุ์
๗๙. นายสมยศ สมวิวัฒน์ชัย
๘๐. นายสวัสดิ์ โชติพานิช
๘๑. นายสว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์
๘๒. นายสวิง ตันอุด
๘๓. นายสามขวัญ พนมขวัญ
หน้า ๕
เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓ มกราคม ๒๕๕๐
๘๔. นายสุนทร จันทร์รังสี
๘๕. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
๘๖. นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล
๘๗. นายเสริมเกียรติ วรดิษฐ์
๘๘. นายเสรี นิมะยุ
๘๙. นายเสรี สุวรรณภานนท์
๙๐. นายหลักชัย กิตติพล
๙๑. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล
๙๒. นายอภิชาติ ดำดี
๙๓. นายอรรครัตน์ รัตนจันทร์
๙๔. นายอรัญ ธรรมโน
๙๕. นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์
๙๖. นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์
๙๗. นางอังคณา นีละไพจิตร
๙๘. นางสาวอาภา อรรถบูรณ์วงศ์
๙๙. นายอุทิศ ชูช่วย
๑๐๐. นายโอกาส เตพละกุล
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน
ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
 


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-12-2007, 15:19




การเมืองแบบแบ่งสองขั้วใหญ่ ต้องดูการแสดงความเห็นในเว็บบอร์ดการเมืองก่อน

ว่ามีคุณภาพโดยส่วนใหญ่เป็นที่น่าพอใจหรือยัง..

ผมเชื่อว่า ข้ามขั้นตอน คือเร็วไปครับ


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 13-12-2007, 19:25


อีกสักพัก เราคงได้เห็นนักการเมืองรายใหญ่ ที่เรารอเห็นมานาน

ถูกลงโทษตามกฎหมายโดยไม่ได้เลือก ว่าอยู่พรรคใด?


หัวข้อ: Re: การผลักดันให้การเมืองไทยดีขึ้น..
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 24-12-2007, 18:31




โมเดลนี้ น่าจะเหมาะทีสุดแล้ว สำหรับการเลือกตั้งสส.ทั่วไปทุกสี่ปี


********************************ปิดกระทู้ครับ**********************************