ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ไปเจอที่เว็บมติชนมีสกู๊ปเรื่องที่ดินเขายายเที่ยง ก็เลยเอามาฝากกันอ่านก่อนนะครับ
เนื้อหายังดูสับสนนิดหน่อยแต่ก็พอมีข้อมูลไว้เทียบกับคำชี้แจงของทางฝั่งรัฐบาล

http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=479
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สกู๊ป - พลิกตำนานเขายายเที่ยง ต้นเหตุ'สุรยุทธ'ถูกถล่มในสภา
วันที่ 09 ตุลาคม 2550 - เวลา 21:59:45 น.

กรณีถือครองที่ดินบนเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เริ่มจาก ในปี 2534 กรมป่าไม้เข้ามาจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรที่อาศัยอยู่เขาแห่งนี้ โดยจัดสรรให้ครอบครัวละ 14 ไร่ 2 งาน เพื่อเป็นที่ดิน
เกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย 

นายเบ้า สินนอก ผู้บุกเบิกที่ดินบนเขายายเที่ยง ได้รับการจัดสรรงที่ดินปัญหาดังกล่าว จำนวน 2 แปลงติดกัน
โดยแปลงแรกมีเนื้อที่ 14 ไร่ ส่วนแปลงที่ 2 มีเนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน

จนถึงปี พ.ศ. 2536-2537 นายเบ้าได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายนพดล พิทักษ์วานิชย์ ในราคา 700,000 บาท

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2540 นายนพดล ขายให้พล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ ซึ่งพล.อ.สุรฤทธิ์ (ขณะยศพันเอก) ในราคาเพียง
50,000 บาท จาก 700,000 บาท

จนกระทั่ง ปี พ..ศ. 2545 เปลี่ยนชื่อผู้ถือครองเป็น พ.อ.หญิงคุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ ภรรยานายกรัฐมนตรี
โดยได้ยื่นเสียภาษีบำรุงท้องที ภทบ.5 จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม กรมป่าไม้ประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อ พ.ศ.2507 ในปีเดียวกับที่ประกาศใช้
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ โดยครอบคลุมพื้นที่ป่าเขาเตียง เขาเขื่อนลั่น และเขายายเที่ยง

ต่อมาในปี พ.ศ.2535 กรมป่าไม้ได้จำแนกประเภทของป่า เพื่อจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ราษฎร โดยที่ดินบริเวณดังกล่าว
ถูกจำแนกให้เป็นพื้นที่ป่าโซนอนุรักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้สงวนใช้และไม่อนุญาตให้นำพื้นที่ดังกล่าวไปจัดสรรเป็นพื้นที่ทำกินแก่ราษฎร

ปัจจุบัน นายเบ้า สินนอก มีอายุ 76 ปี ได้บรรพชาเป็นภิกษุอยู่ที่วัดหลวงราชบำรุง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
และได้รับตำแหน่งเลขาเจ้าคณะตำบลระเริง อ.วังน้ำเขียว

พระเบ้าเล่าว่า ตนเป็นคนแรกๆที่เข้าไปบุกเบิกที่ดินบนเขายายเที่ยง เพื่อทำการเกษตร ต่อมาทางกรมป่าไม้ได้เข้ามาจัดสรรที่ดิน
ให้แก่เกษตร ครอบครัวละ 14 ไร่ 2งาน ซึ่งทั้งหมดมีกว่า 100 ครอบครัว นอกจากนั้น หากครอบครัวใดมีบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว
กรมป่าไม้จะมอบที่ดินให้อีก คนละ 14ไร่ 2งาน

ต่อมาเมื่อนายทุนได้เริ่มเข้ามาเจรจาต่อรอง ขอซื้อเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เกษตรกรเจ้าของที่ดินเดิม จึงเริ่มทยอยขายจนเกือบหมด
โดยตนได้ขายที่ดินให้แก่นายทหารนายหนึ่ง ก่อนทิ้งทางโลกและออกบวชดังกล่าว

ที่สำคัญแจ้ง ปปช. มาก่อนแล้วหลายปี...

เข้าใจว่าตอนที่ขึ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ.

แสดงถึงเจตนาไม่ต้องการปกปิดแต่อย่างใด

อันนี้รายละเอียดเพิ่มเติมจากมติชนเหมือนกัน แต่ผมไปเจอลงอยู่ที่ sanook

http://news.sanook.com/politic/politic_192158.php
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คนใกล้ชิด นายกฯ ส่อหลุดคดี 'ที่ดินเขายายเที่ยง'
โดย มติชน วัน อังคาร ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550 19:42 น.
   
คนใกล้ชิด นายกฯ ชี้ส่อหลุดคดี 'ที่ดินเขายายเที่ยง' ป.ป.ช. ส่อโยนให้กรมป่าไม้ตรวจสอบ
เผยตระกูลดังมีบ้านบนเขาด้วย 'สุรยุทธ์' อ้างอยู่ติดกัน

กรณีนายสุชาย บุญไชย กล่าวหาพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 พ.อ.หญิงคุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ ภริยา และพล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบกว่า ถือครองที่ดินบนเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2550 ไม่รับสอบสวนพล.อ.สุรยุทธ์และภริยาโดยอ้างว่าทั้งสองคนได้พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเกิน 2 ปี (พล.อ.สุรยุทธ์ พ้นตำแหน่ง ผบ.ส.ส.
ปี 2546 พ.อ.หญิง คุณหญิง จิตรวดี พ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐปี 2545) แต่รับสอบสวนข้อเท็จจริงเฉพาะกรณี พล.อ.สุรฤทธิ์ เนื่องจากเพิ่งพ้น
จากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในปี 2549

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า มีการสอบสวนเรื่องนี้ไปแล้ว 80% ในเบื้องต้นอาจไม่เข้าข่ายว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่ในการออกใบ
ภ.บ.ท.5 (ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่) เพราะการออกใบ ภ.บ.ท. 5 เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานในท้องที่ และที่ดินยังไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์
อาจต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนว่ามีการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้หรือไม่

ผู้สื่อข่าว'มติชนออนไลน์'รายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรยุทธ์ได้ทำหนังสือถึงนายปานเทพ กล้านรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช ชี้แจง
การครอบครองที่ดินบริเวณ เขายายเที่ยงและแปลงอื่นทั้งหมด 9 แปลงมีมูลค่า 17.8 ล้านบาท ส่วนของพันเอกหญิง คุณหญิง จิตรวดี
มีทั้งหมด 3 แปลง มูลค่ารวม 7 ล้านบาท โดยแนบภาพถ่ายบ้านและที่ดินบริเวณเขายายเที่ยงมาให้ป.ป.ช. ระบุว่า ที่ดินและบ้าน
อยู่ติดกับที่ดินของนายไพโรจน์ รัตตกุล เจ้าของบริษัท หาดทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำอัดลมชื่อดัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินเขายายเที่ยงของภริยานายกรัฐมนตรี นั้น ได้มาจากพล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ ซึ่งพล.อ.สุรฤทธิ์ (ขณะยศพันเอก)
ซื้อต่อมาจาก นายนพดล พิทักษ์วานิชย์ ในราคาเพียง 50,000 บาท ขณะที่นายนพดลซื้อต่อมาจากนายเป้า สินนอก ในราคา 700,000 บาท

สำหรับที่ดินของพล.อ.สุรยุทธ์ 9 แปลง ได้แก่ โฉนด ต. บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี 1-0-00 ไร่ , โฉนด ต. บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี 1-0-00 ไร่ ,
โฉนด ต. บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี 0-0-87 ไร่, โฉนด ต. บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี1-0-00 ไร่, โฉนด ต. ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี 0-0-97 ไร่,
โฉนด ต. น้ำอ้อม อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ 16-3-23 ไร่, โฉนด ต. น้ำอ้อม อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ 17-3-75 ไร่, โฉนด
ต. ทรายกองดิน อ.มีนบุรี จ.กรุงเทพฯ 0-3-78 ไร่ และ โฉนด ต. ศรีษะจรเข้น้อย กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 1-1-85 ไร่

พ.อ.หญิง คุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ มีที่ดิน 3 แปลง มูลค่ารวม 7 ล้านบาท แบ่งเป็น โฉนดที่ดิน ต. สามเสนใน อ.พญาไท (บางซื่อ)
จ. กรุงเทพฯ 0-0-57 3/10 ไร่, โฉนดที่ดิน ต. ศรีษะจรเข้น้อย กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 1-1-69 ไร่ และ ภ.บ.ท.5 ต. คลองไผ่
อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา 21-0-0 ไร่

บ้านอาศัย 3 หลัง ได้แก่ เลขที่ 80 หมู่ 7 ต.ศีรษะจรเข้น้อย กิ่ง อ.บางเสาธง ซื้อจากบริษัท สยามบางนาแลนด์ จำกัด (กลุ่มนายวีระชัย
วีระเมธากุล รองเลขาธิการนายกฯ), บ้านเลขที่ 10 หมู่ 6 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และ เลขที่ 80 ซอยอาคารพิบูลวัฒนา
เขตพญาไท กรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พ.อ.หญิงคุณหญิง จิตรวดี มีเงินลงทุนในหุ้น บริษัท
หาดทิพย์ จำกัด จำนวน 23,430 หุ้น มูลค่า 23,430 บาท โดยใบหุ้นออกเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2549 ปัจจุบันหุ้นบมจ. หาดทิพย์
ปิดวันที่ 5 ตุลาคม 2550 ราคา 3.30 บาทต่อหุ้น

ไอ้ตดไม่เข้ามาแถเลยแฮะ

ผมคิดว่าได้ตอบประเด็นนี้เคลียร์ไปแล้ว เป็นกระทู้ในราชดำเนิน...ตอนหลังถกลบ...โดยไม่ทราบสาเหตุ

หรือว่า ชวนเชิญ ชี้แจงเคลียร์เกินไป...อิ อิ

อัพเดท WOM เก็บหลักฐานไว้ให้อ่านหาข้อมูลเพิ่มเติม

http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=4063.0

กำลังตามข่าวนี้อยู่ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับข้อมูล

แต่เมื่อวานอ่านความเห็นของอ.ปรีชา สุวรรณฑัต ใน "กรุงเทพธุรกิจ" ท่านว่า ผิด ค่ะ

ใช่ข้อเขียนเดียวกะในเเนวหน้าอันนี้รึไม่ครับ...

ปรีชา'ทัศน์..


ปรีชา'ทัศน์ (ปรีชา สุวรรณทัต)
โจรกลับใจกับการบุกรุกที่เขายายเที่ยง

"ปรีชา'ทัศน์" ว่าด้วย โจรกลับใจกับการบุกรุกที่เขายายเที่ยง ชี้ความผิดสำเร็จที่ไม่อาจแก้ไข

ท่านพลเอ สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้บอกว่า "ผมนั้นเป็นโจรกลับใจ" แต่ท่านก็ไม่ได้อธิบายความนี้ว่า ทำไมจึงเป็น "โจร" และทำไมจึงต้อง "กลับใจ" จึงทำให้เกิดความกำกวม การตีความในคำพูดของท่าน

แต่ที่ชัดเจนไม่กำกวมเหมือนคำพูดของท่านนายกฯ ก็คือแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๖๗ ( พ.ศ. ๒๕๐๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๐๘ ในสมัยที่พระประกาศสหกรณ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่กำหนดให้ป่าเขาเตียนและป่าเขาเขื่อนลั่น ในท้องที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง และตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ

ตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงที่ได้นำมาแสดงไว้ข้างล่างนี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่า บริเวณเขายายเที่ยงอยู่ในแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้และเป็นป่าสงวนแห่งชา ติ

ในขณะเดียวกันเมื่อปี ๒๕๓๕ กรมป่าไม้ได้ทำการจำแนกประเภทของป่าเพื่อจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎร กรมป่าไม้ได้จำแนกพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็ นพื้นที่ป่าไม้โซน C (โซนอนุรักษ์) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ควรสงวนใช้เป็นพื้นที่ป่าไม้ไม่อนุญาตให้นำพื้นที่ป่าไม้ ดังกล่าวไปจัดเป็นพื้นที่ทำกินแก่ราษฎร

(http://www.naewna.com/cgi-bin/2-10-2007/21.gif)

อนึ่ง บริเวณเขายายเที่ยงที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๖๗ (พ.ศ. ๒๕๐๘ ต่อมาได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙๗๔ (พ.ศ. ๒๕๒๕) ในสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ได้กำหนดเขายายเที่ยง และบ้านยายเที่ยงอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เช่นเดียวกันด้วย และแม้ต่อมาก็ได้มีกฎกระทรวงฉบับที่ ๑,๒๑๖ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ในสมัยที่พลเอก หาญ ลีนานนท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้มีการขยายเขตป่าสงวนแห่งชาติขึ้นใหม่ตามท้ายกฎกระทรวงฉบับนี้ และบริเวณเขายายเที่ยงก็ยังอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

เ มื่อบริเวณเขายายเที่ยงเป็นป่าสงวนแห่งชาติและมีการต้องห้ามดังกล่าว ผู้ใดเขาไปยึดถือหรือครอบครองก็เป็นความผิดอาญาที่สำเร็จเด็ดขาดไปแล้วมีโทษ ถึงจำคุกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔

ความผิดอาญาที่สำเร็จเด็ดขาดนั้นเพราะมี " ไถยจิต" แห่งโจรนั้นไม่อาจกลับใจแก้ไขหรือ "ปลงอาบัติ" ในภายหลังได้แล้วครับ

ปรีชา สุวรรณทัต


http://www.naewna.com/news.asp?ID=77400

การดำรงคงไว้ซึ่งจริยธรรมขององคเทพศักดินามหาสุรยุทธ์
ไม่ได้มีไว้ให้พิสูจน์หรือโต้แย้ง แต่มีไว้ให้เชื่อเท่านั้น :slime_bigsmile:

ขอบคุณมากค่ะ เนื้อหาประเด็นหลักเหมือนกันนะคะ ของ "กรุงเทพธุรกิจ" เป็นการให้สัมภาษณ์ของอ.ปรีชา ตามลิงก์ข้างล่างนี้ค่ะ

http://www.bangkokbiznews.com/2007/10/09/WW01_0106_news.php?newsid=190262

ผมเชื่อนายกฯ สุรยุทธครับ

เพราะไม่ทราบแน่ชัด..เขตพื้นที่..

อีกนิดค่ะ ท่านนายกฯ อธิบายไปแล้วนี่คะว่า ทำไมท่านถึงว่าตัวท่านนั้นคือ "โจรกลับใจ" ...วันก่อนได้เห็นช่วงหนึ่งที่ทางรายการ "ตัวจริง ชัดเจน" นำมาออกอากาศ ท่านนายกฯ ยังหัวเราะอารมณ์ดีเลยค่ะ  :slime_bigsmile:

อ.ปรีชา ต่างหากที่ทำม้ายไม่ฟังล่ะคะ  :mrgreen:

ปล. "ลม เปลี่ยนทิศ" ยังยกคำอธิบายของท่านนายกฯ เกี่ยวกับคำว่า "โจรกลับใจ" มาลงในคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" ด้วย

ถ้าจริงแปลว่า การเป็นองคมนตรีไม่มีการตรวจสอบ ทั้งก่อนและหลังรับตำแหน่ง
แหมถ้าได้กฎหมายเอกสิทธิ์พิเศษนั่น เป็นยิ่งกว่าเทพอีกนะ  :slime_bigsmile:

ก็เห็นตรวจสอบกันอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร

เรื่องเขายายเที่ยงพยายามตรวจกันมาหลายเที่ยว นานแล้ว

กำลังปล่อยแสงเฮ้ากวง กันในสภาเทวดา

ผมได้แต่ขำ ๆ ทำเพื่ออะไร หรือแค่อยากให้สภาบันทึกไว้ว่า

สนช. ไม่ใช่ ลิ่วล้อใคร อิ อิ

สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำ...อีก 3 เดือน ไปไปเลือกตั้ง

คนที่ด่าเค้าก็กางเกงตูดขาด...มือหนึ่งดึงชายเสื้อลงมาปิด กลัวคนเห็น

มันก็ไก่ในเข่ง เก่งแต่จิกตีกันเองเท่านั้นเองแหละครับ

ขอนอกเรื่องครับ..

พูดถึงที่ดิน ผมว่าเก็บภาษีการถือครองที่ดินเพิ่มขึ้นตามมูลค่าประเมินที่ดิน ดีที่สุด

ค่อยๆเก็บเพิ่มไปทุกๆปี ที่ดินจะไม่เกิดการเก็งกำไร หากไม่เปลี่ยนมือบ่อยมาก ขณะที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนหรือค่าภาษีเปลี่ยนมือที่สูงอย่างปัจจุบัน

ตามแนวคิดที่คุณ สุธน หิรัญ เคยนำเสนอ แปลเอกสารไว้

ทางรังวัดต้องปักปันหลักเขตให้ชัดเจนครับ การประกาศก็ต้องไม่ให้หน่วยงานราชการสับสนกันเองเหมือนในอดีต

สมัยก่อนเทคโนโลยีข่าวสารข้อมูล ไม่ละเอียดและมีประสิทะภาพเหมือนปัจจุบัน

อยากฟังอาจารย์ปรีชา พูดเรื่อง สปก.4-01 จัง..

 :slime_inlove: :slime_inlove:

ผมว่าให้ท่านมาชี้แจงเองยังสง่างามกว่าให้ อ.ธีรภัทธ์มาอ่านสคริปต์ให้ฟัง :slime_smile:

คนจ้องจะหาเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาเองก็หาเรื่องยืดเยื้อเพิ่มเติม ต่อไปอีก

แล้วแต่ผลของทางราชการ ถือว่าดีที่สุดแล้วครับ :slime_smile: :slime_fighto: :slime_v: :slime_agreed: :slime_worship:

เค้าเตรียมชี้แจงมานานหลายเดือน ไม่ต้องไปห่วงเค้าหรอกครับ

ไม่เช่นนั้น จะไม่ออกปากว่า ถ้าผิดกฎหมายจะยอมออก

ก็เพราะ มีมติครม. ให้มีการตรวจสอบสิทธิ์กันมาตั้งแต่ 2541

ทั้งหมดตั้งหลายร้อยแปลง..นับพันไร่

ลอง ๆ ไปตามดูซีครับ 2541 เป็นมติครม.ชุดใด

ถ้าเป็นมติ ครม. ชุดของพรรคประชาธิปัตย์ นายประพันธุ์ คูณมี จะเอาหน้าไปไว้ที่ใหนหนอ

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ชี้แจงเอง ก็จะกลายเป็นแก้ตัว

ให้คนที่เกี่ยวข้องชี้แจงแสดงเหตุผลและหลักฐานดีแล้วครับ

ไม่งั้นก็จะมีประเด็นเล่นกันต่ออีก

คราวนี้คงหมดประเด็นจะเล่นนายกเสียที

ที่สำคัญ รมต. ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ คือ รมต. สายตรงเด็กฝากจากสนธิลิ้ม ไงจ๊ะ...อิ อิ

ถ้าไม่เชื่อก็ไปเชือดกันเองนะจ๊ะแป๊ะลิ้ม..ฟันดำ

เอาข่าวการอภิปรายมาลงเพิ่มเติมให้ครับ

http://www.bangkokbiznews.com/2007/10/10/WW10_WW10_news.php?newsid=191053
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------    
“พล.อ.สุรินทร์”แหกโผป้องนายกฯฮุบที่เขายายเที่ยงไม่ผิด
10 ตุลาคม พ.ศ. 2550 22:16:00

“พล.อ.สุรินทร์” แจงแทนนายกฯ ยันฮุบที่เขายายเที่ยงไม่ผิด ด้าน “ครูหยุย”ซัด“สุรยุทธ์" ไม่มีความกล้าหาญจัดการคนใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

        พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.) ที่ได้ถอนรายชื่อจากการยื่นญัตติอภิปราย
เรื่องจริยธรรมรัฐบาล  ได้ลุกขึ้นอภิปรายในสภา ว่า ในฐานะที่ทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินให้ประชาชนตั้งแต่ปี 2538
รู้สึกไม่สบายใจ กรณีที่ดินเขายายเที่ยง เกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิด ที่ดินบริเวณดังกล่าว เดิมเป็นหมู่ 4 ไม่ใช่หมู่ 6
โดยกรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2508 แต่ในประมาณปี 2520 ทางกรมป่าไม้ได้จัดให
้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยและทำกิน พร้อมจัดตั้งเป็นหมู่บ้านป่าไม้ แม้ภายหลังจะประกาศเป็นพื้นที่ปฎิรูป แต่คนสามารถ
เข้าไปอยู่อาศัยได้ โดยจ่ายค่าธรรมเนียมตามปกติ

       ส่วนเรื่องภาษีบำรุงท้องที่ตามปกติ ก็เป็นของกระทรวงอื่นส่วนหนึ่ง การที่พล.อ.สุรยุทธ์ จะซื้อจะโอนที่เขายายเที่ยง
สามารถทำได้ ไม่ว่าจะคนจน คนรวยแต่ไม่สามารถออกเป็นเอกสารสิทธิ์ได้ เพียงอนุญาตให้อยู่อาศัย พร้อมกั้นขอบเขตชัดเจน
เพื่อไม่มีการขยายเขตออกไป สิ่งที่ได้พูดไม่ใช่เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ แต่ต้องการให้เกิดความเข้าใจ

       ด้าน นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. อภิปรายว่า รัฐบาลชุดนี้เปรียบเป็นรัฐนาวา นายกฯ เป็นกัปตัน
รัฐมนตรีเป็นฝีพาย เพื่อพาเรือไปสู่ภารกิจที่ตั้งใจไว้ ส่วนสนช. ก็เป็นคนที่กำกับตรวจสอบ การบริหารราชการแผ่นดิน
แต่ สนช.ก็ไม่ใช่เป็นคนที่จะทำให้เรือนี้ไปไม่ถึงเป้าหมาย แม้ว่าจะมีการทะเลาะกันบ้างก็ตาม แต่ตนก็ยังเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้
ยังมีข้อสงสัยด้านจริยธรรม และคุณธรรม โดยเฉพาะ 2 เรื่องใหญ่ ๆ ที่นายกฯ ยังไม่แสดงความกล้าหาญทางจริยธรรม
คือกรณีการทุจริตบ้านเอื้ออาทร และกรณีบริษัทค้าข้าวต่างประเทศ ที่คนทุจริตมีความเกี่ยวข้องกับคนที่ทำงานข้าง ๆ นายกฯ
แทนที่นายกฯ จะดำเนินการแต่นายกฯกับไม่ทำ

       นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้ ตนขอเรียกว่า เป็นรัฐบาลหวย เพราะรัฐบาลขัดขวางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
เห็น พ.ร.บ.ครอบครัว และพ.ร.บ.คนพิการ แต่ในทางกลับกันรัฐบาลกับพยักหน้าเห็นด้วยกับกฎมายที่ทำลายสังคม
เช่น ร่างพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดังนั้นเรื่องง่าย ๆ บางเรื่องรัฐบาลก็ไม่ทำ ตนจึงไม่เชื่อว่าจะจัดการ
กับเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นได้

ผมไม่ค่อยชอบเลย น่าจะเล่นกันเรื่องการบริหารงานในช่วงที่ผ่านมามากกว่า ว่านายกฯ หรือคณะ ฯ ใช้อำนาจในทางมิชอบ หรือบริหารผิดพลาดอย่างไร

ก็น่าจะรู้ว่ารัฐบาลนี้มีหน้าที่หลักอะไร  อีกไม่กี่เดือนก็ไปแล้ว  จะบอกว่าต้องการสร้างบรรทัดฐาน ผมว่ามันก็เกินไป ไม่รู้ชาตินี้จะหานายกฯ ที่ดีไม่มีทีติเลยได้หรือเปล่า

ประเทศไทยต่อไปคงมีแต่หลุม แทนที่จะช่วยกันสร้างถนนหนทางให้ดี พวกเอาแต่ขุด

ขั้นตอนการได้มาซึ่งที่ดินแปลงที่เป็นปัญหานี้ ข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือมีเอกสารและหลักฐานของทางราชการว่า กรมป่าไม้ได้จัดสรรที่ให้กับราษฎรจริง และที่แปลงนี้ก็เป็นหนึ่งในบรรดาที่ที่ได้รับการจัดสรร

กรมป่าไม้จัดสรรที่ให้ราษฎรในปีพุทธศักราชใดไม่ปรากฎในข่าว แต่หากมีการเปลี่ยนมือกันมาหลายทอด ในที่ดินหลายแปลงรวมทั้งที่ดินแปลงที่เป็นปัญหาอยู่นี้ด้วย การเปลี่ยนมือนั้นกระทำบนเอกสารของทางราชการ ผู้ครอบครองที่ดินทุกแปลงบนเขายายเที่ยง มีเอกสารของทางราชการรับรองว่าได้ครอบครอง แต่จะให้สิทธิ์หรือไม่ตามการตีความนั้นไม่ทราบ

การจะยึดที่คืนหรือไม่ อยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งถ้ายึดต้องยึดทั้งหมดทุกแปลง ถ้าจะดำเนินคดีว่าผู้ครอบครองบุกรุก ต้องดำเนินคดีกับผู้ครอบครองทั้งหมดทุกคน แม้แต่ผู้ที่ขายสิทธิ์ในการครอบครองไปแล้ว ก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วย  และที่สำคัญต้องดำเนินคดีกับกรมป่าไม้ ที่จัดสรรที่ดินให้ผู้ครอบครองทั้งหลายด้วย เพราะผิดเหมือนกัน

 :slime_smile2:

นี่มันลอจิกนะ เขาจะใช้กันเหรอ เหตุผลส่วนไหนใช้แล้วไม่ได้ประโยชน์ เขาไม่ใช้นะ แต่ถ้าเหตุผลเดียวกันใช้แล้วได้ประโยชน์เขาถึงจะใช้

โดยส่วนตัวสำหรับผมนั้น..ผมก็ไม่ได้จะสนใจปะเด็นนี้ี้กันซักเท่าไร่...


เพราะผมคิดว่า....ถ้าแกผิดจริง..เหตุไรเวลาอีกฝากมันมีอำนาจ..จึงไม่ยอมเอาประเด็นนี้มาเล่นงานท่าน...

และถ้าไม่เล่นงานคนพวกนั้นจะโดนข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่เเต่ล่ะเว้นปฏิบัติหน้าที่รึไม่...!??? 


และรวมถึงกะบางพวกที่ไม่พอใจในการกระของท่านบางประการ...ก็เอาเรื่องนี้มาด่าท่านในขณะนี้..
 

ที่ผมก็สงสัยว่าตอนที่พวกฝ่ายตรงข้ามเอาเรื่องนี้มาเล่น..

ถ้าคุณเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายจริง..เหตุไรตอนนั้นจึงเงียบกันล่ะครับ..แต่ดันมาคิดจะเล่นประเด็นนี้กันในตอนนี้...แบบนี้มันหมยความว่าอย่างไรล่ะครับ..

เพราะมันอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่ามันคิดอะไรในใจคนพวกนั้น..ที่จู่ๆเอาประเด็นนี้มาเล่น...


และเกี่ยวกะคดีนี้ผมว่าเราต้องดูกันที่เจตณาครับ....เพราะกรรมมันเป็นเครื่องชี้เจตณา...
 
ที่เจตณาในเรื่องนี้ว่าท่านได้มาอย่างไร..และท่านปกปิดรึไม่...มิใช้คิดอะไรแบบเหลี่ยมๆแบบพวกคนหัวเหลี่ยม..


เเละการที่ใครจะคิดเรียกร้องจริยธรรมกะใคร...

ผมว่าก่อนอื่นคนๆนั้นต้องมีจริยธรรมคุณธรรมในการใช้สติคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรม...ซะก่อน...ว่าเขาทำเพราะเจตณาอะไร...

 ที่มิใช่ใจก็คิดแบบพวกหัวเหลี่ยม.... แต่ปากก็กู่ร้องหาจริยธรรม..แบบนี้ผมว่ามันน่าขันครับ.. 
 

ลักษณะที่ดิน เป็นการให้สิทธิ์เหยียบย้ำทำประโยชน์ค่ะ ถึงได้มีการเปลี่ยนมือในลักษณะการโอนสิทธิ์ ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
ถ้าจะเอาผิดจริงๆ คงมีชาวบ้านที่มีที่ทำกินและที่อยู่อาศัยในเขตป่าสงวนโดนไล่ที่อีกเป็นแสนๆ คน บางกรณียังเถียงกันอยู่เลยว่า ชาวบ้านอยู่ก่อนป่าหรือเปล่า

เมื่อเช้าได้ยิน อ. สุขุม เล่าให้ฟังว่า ในกลุ่มคนที่เซ็นชื่ออภิปรายก็มีที่ดินลักษณะนี้ที่เพชรบูรณ์ แต่ไม่ได้บอกว่าใคร
ลองไล่บี้ให้หมดทุกคน รับรองว่า นักการเมืองคงได้โดนคดีกันเกือบเกลี้ยง
อย่างเช่น ที่เกาะสมุย เกาะช้าง หนักกว่านี้ เล่นออกโฉนดเลย  :slime_bigsmile:  :slime_smile2:

การบังคับใช้กฎหมาย ต้องเท่าเทียมกันทั่วประเทศ น่ะครับ

องคมนตรีที่ขาวได้เพราะไม่โดนตรวจสอบ เป็นสิบกว่าคนแค่หลุดมาคนเดียว
เป็นนายกเข้าระบบตรวจสอบก็ดูท่าทางไม่รอดซะแล้ว พวกที่เหลือตามตรรกะ
แล้วมันจะขาวสะอาดทุกคนได้ไง ถ้าเป็นห่วงสถาบันกันจริง ควรจะมองออกว่า
หน่วยงานของสถาบัน ยังไงก็ไม่มีความสามารถในการตรวจสอบคนเท่ากับ
ป.ป.ช. หรอก ถ้าอาศัยความเกรงใจ ไม่ตรวจสอบคิดว่าคนเหล่านี้ขาวสะอาด
มาแต่เกิด ก็เท่ากับเอาเชื้อร้ายซุกเข้าไปในสถาบันซึ่งอันตรายมาก ยิ่งถ้ากฎ
หมายคุ้มครองบ้าบอนั่นออกมาล่ะก็ ไม่ต้องคิดจะตรวจสอบเลย คิดแล้วเสียดาย
แทนนายกเขายายเที่ยงเหมือนกันเนอะ ถ้ากฎหมายคุ้มครองออกมาได้ อึดอีก
สามสี่เดือนก็ได้นอนตีพุงที่เขายายเที่ยงสบายไม่มีใครไปยุ่งวุ่นวายได้แล้ว

นึกแล้ว ไอ้ตดมันต้องมา 555

สิทธิครอบครอง สิทธิในที่ดิน หรือ เอกสารสิทธิ์ เป็นคนละเรื่องกันครับ

การส่งมอบสิทธิครอบครอง ในที่ดินซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์ ไม่ต้องมีการจดทะเบียน เพียงคนเก่าออก คนใหม่เข้าก็จบแล้ว

เพราะไม่มีเอกสารสิทธิ์จึ้งจดทะเบียนไม่ได้ ถ้าจะพูดไป การครอบครองต่อเนื่องจากคนก่อน เป็นเรื่องที่มีการยืนยันได้

เวลาสอบสวนสิทธิ์ ก็จะมีบันทึกเป็นเอกสารของทางราชการ เช่น การขอออกเอกสาร สปก. 4-01 หรือ ขอออกโฉนดที่ดิน

จะว่าไป ที่ดินที่ครม. มีมติ ให้จัดสรรแก่ราษฎร มีเอกสารครบ มีบันทึกครับ เพียงแต่ว่าจะค้นขึ้นมายันหรือไม่

การที่กล้ายันว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว อยู่ในจำนวนแปลงที่ราษฎรจึงเป็นการประกันตนเองอยู่แล้ว

หากจะมีการสอบสวนก็น่าจะมีหลักฐาน อย่างน้อยที่ กรมป่าไม้ หรือ ผู้ที่รับผิดชอบการสอบสวนสิทธิ์เมื่อครั้งรัฐบาลก่อนโน้นมีมติครม.

ผมคิดว่าตรวจสอบได้ แต่ไม่น่าจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการบริหารงานแต่อย่างใด

ดังนั้น จริยธรรมย้อนศร จึงตกไปใส่ฝ่ายที่ซักฟอกรัฐบาล

หนักที่สุดคือ บรรณวิทย์ ที่โดนกระชากหน้ากากเรื่อง องค์การแบตเตอรี่

ท่านเสถียรพงษ์ วรรณปก ก็อภิปรายได้ดีครับ เรือง "สัตตบุรุษ" ที่ต้องมี สัปปุริสธรรม 7 ประการ

ไม่ทราบว่า สนช. สะดุดใจคิดหรือไม่

ขอแปะหน่อยครับ เป็นอีมมุมมองของ วิเคราะห์การเมืองไทยรัฐ
----------------------------------------------------------------------------
นี่แหละนักรบหมวกแดง
[11 ต.ค. 50 - 02:56]
 
ไม่แน่ใจว่าดาวบาปเคราะห์ดวงไหนโคจรทำมุมตั้งฉากกับเมืองไทย พักนี้ชักจะมีแต่เรื่องเจ็บเรื่องตายในหมู่คนดังระดับประเทศ

จากคิวของนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การพัฒนาสังคมฯ เกิดอาการวูบกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ต้องหามส่งโรงพยาบาลโกลาหล

ก่อนจะได้รับการยืนยันจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เผยนาทีเส้นยาแดงผ่าแปด ส่งถึงมือหมอช้าอีกนิดเดียว

มีหวังกลายเป็นโศกนาฏกรรมสลด

ครั้นรุ่งขึ้นอีกวัน สายวันที่ 10 ตุลาคม ก็เกิดการสูญเสียในวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ เมื่อพระ พรหมมังคลาจารย์ หรือ “หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ” เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้มรณภาพด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ที่โรงพยาบาลศิริราช

สิริอายุได้ 96 ปี 4 เดือน

2  วันติดๆที่มีแต่ข่าวไม่ค่อยเป็นมงคล

และก็เป็นอะไรที่โบราณถือนักถือหนา เชื่อกันว่าเป็นลางร้าย ก่อนการประชุมสภาจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การอภิปรายปัญหาด้านคุณธรรมและจริยธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล

สายฝนได้กระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก และเกิดเหตุฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาบริเวณอาคารรัฐสภา ทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าหน้าสวนสัตว์ดุสิตเสียหาย

ไฟฟ้าขัดข้องทั่วทั้งอาคารรัฐสภา

เอาเป็นว่า ใครที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย มีวาระแฝงเร้นใช้บ้านเมืองเป็นเดิมพันเกมห้ำหั่นแก่งแย่งอำนาจ ทำบาปทำกรรมซ้ำเติมประเทศชาติ

ได้ยินเสียงฟ้าพิโรธ งานนี้สะดุ้งก็แล้วกัน

แต่ที่ไม่สะทกสะท้าน ยิ่งนานยิ่งพิสูจน์ถึงสัญชาตญาณนักรบหมวกแดง

โหดนิ่มๆ

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สายพันธมิตรม็อบไล่ “ทักษิณ” เป็นคนลุกขึ้นชี้แจงญัตติซักฟอกจริยธรรมและคุณธรรมต่อที่ประชุม สนช.แทน

โดยเฉพาะปมแหลมๆคมๆกรณีบ้านพักตากอากาศบนที่ดินเขายายเที่ยง จังหวัดนครราชสีมา ที่ฝ่ายตรงข้ามหวังนักหวังหนา

จะเป็นทีเด็ดอัปเปหิฤาษีกลับอาศรม

เจอมุกนี้เข้าไป แสบถึงกึ๋นเลย

การส่งมวยระดับ “ธีรภัทร์” ดีกรีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไปประกบกับเสือเฒ่าลายครามอย่าง  “บุรุษคาบไปป์”  น.ต.ประสงค์  สุ่นศิริ

ให้ราคาแค่ไหน คิดกันเอง

และก็อย่างที่รู้ๆกัน นายธีรภัทร์เป็นรัฐมนตรีพะยี่ห้อพันธมิตรม็อบไล่ “ทักษิณ” ตัวอยู่กับนายกฯ สุรยุทธ์  แต่ใจฝักใฝ่  “บุรุษคาบไปป์”

รับมุกกันมาตลอด

ตั้งแต่คิว “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ร่อนสารชี้แจงการลาออกจากรองนายกฯและขุนคลัง หนึ่งในเหตุผลก็คือ มีรัฐมนตรีบางคนที่คุมสื่อ ไฟเขียวให้เครือข่ายพันธมิตรม็อบไล่ “ทักษิณ” ด่าออกทีวี

นาทีนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่นายธีรภัทร์

มาถึงช่วงที่มีข่าวรัฐมนตรีโดนพิษหุ้นปูดออกมาจาก ป.ป.ช. ตั้งแต่ นาทีแรกเลย นายธีรภัทร์ที่รีบออกมาให้สัมภาษณ์กดดันให้คนที่ถือหุ้นแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง และก็เป็นนางอรนุช โอสถานนท์ อดีต รมช.พาณิชย์ ที่แถลงด่าส่งท้ายก่อนลาออก

สั่งสอนรัฐมนตรีบางคนอย่าได้จุ้นจ้านสั่งสอนคนอื่น

และครั้งนั้นก็มีเสียงเข้มๆของนายกฯสุรยุทธ์ส่งข้ามฟ้าจากสหรัฐฯ เตือนรัฐมนตรีบางคนให้คำนึงถึงมารยาทในการอยู่ร่วมกันใน ครม.

ก่อนจะมีกระแสตามมา อาจจะมีการปรับนายธีรภัทร์ออกจากคณะรัฐมนตรี

“ธีรภัทร์” กลายเป็นเนื้องอกของ ครม. ถูกมองเป็นของ แปลกปลอมที่คอยเขี่ยแผลให้ฝ่ายพันธมิตรฯขย่มรัฐบาล หนามยอกเอาหนามบ่ง

“สุรยุทธ์” ส่งไส้ศึกออกไปเป็นแม่ทัพด่านหน้ารับมือกับ ฝ่ายตรงข้าม บีบให้ชนกันเอง

มีแต่นักรบเท่านั้นที่คิดกลศึกแบบนี้ได้.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน

 
 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=64150

และบทบรรณาธิการของไทยรัฐ

อย่าเตะถ่วงเลือกตั้ง [11 ต.ค. 50 - 18:50]
 
ศูนย์วิจัยเอแบคโพลได้เผยแพร่ ผลการสำรวจความคิดเห็นของชาว กทม. และเขตปริมณฑล พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 89.1% เห็น ด้วยกับการกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันที่ 23 ธันวาคม เกือบ 90% เห็นว่าถ้าไม่มีการเลือกตั้งภายในปลายปีนี้ สถานการณ์การเมืองอาจย่ำแย่ลง และ 54.4% เห็นว่า แม้การครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงจะผิดกฎหมายจริง ก็ให้จัดการเลือกตั้งเสียก่อน นายกรัฐมนตรีจึงลาออก

เป็นการสำรวจความคิดเห็นในขณะที่มีการทะเลาะกันรุนแรง ระหว่าง พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กับ น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้นำในการยื่นญัตติเพื่อซักฟอกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เกี่ยวกับปัญหาจริยธรรม ผลของโพลแสดงชัดเจนว่า เสียงข้างมากของประชาชน เป็นห่วงการเลือกตั้งซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อชาติ มากกว่าปัญหาจริยธรรม

เป็นความคิดเห็นที่เกิดขึ้นหลัง จากที่ประเทศไทยต้องประสบวิกฤติการเมืองอย่างยืดเยื้อยาวนาน จนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน ประเทศต้องเว้นวรรคประชาธิปไตยนานกว่าหนึ่งปี ทำให้ประเทศสูญเสียความเชื่อมั่น ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง คนส่วนใหญ่จึงเชื่อว่า การเลือกตั้งจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา แต่ถ้าต้องเลื่อนออกไป ประเทศจะเสียหายใหญ่หลวง

เสียงข้างมากที่เห็นว่า แม้การครอบครองที่ดินของนายกรัฐมนตรีจะผิดกฎหมาย จริง ก็ต้องจัดการเลือกตั้งเสียก่อนจึงค่อยลาออก แสดงว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ถือว่า การครอบครองที่ดินซึ่งเคยเป็นป่าสงวน เป็นความผิดที่ร้ายแรง ปัจจุบันนี้มีคนไทยกว่าสิบล้านครอบครัวที่ตั้งบ้านเรือนและถือครองที่ทำกินในเขตป่าสงวน แต่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม มีหลายแห่งที่อยู่ในป่าสงวนกันทั้งอำเภอ

แต่ปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดของประเทศในขณะนี้คือ การจัดการเลือก ตั้งตามกำหนดเวลา ในวันที่ 23 ธันวาคม ถึงแม้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์จะต้องลาออกจากผลการอภิปรายซักฟอกของ สนช.บางกลุ่ม การเลือกตั้งก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 90 วัน หลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ

แต่การลาออกของ พล.อ.สุรยุทธ์ จะนำไปสู่ความไม่มั่นใจ และความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเลือกตั้ง เพราะเราไม่ ทราบว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมีวาระแอบ แฝงซ่อนเร้นอะไรหรือไม่? อาจจะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป โดยจะมีกำหนดหรือไม่มีกำหนดก็ตาม อาจเป็นชัยชนะส่วนตัวในทางการเมือง แต่อาจกลายเป็นความหายนะของประเทศชาติ

การเลือกตั้งจะต้องเดินหน้า ต่อไป เราจะต้องไม่ยอมให้มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้นโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งส่วนตัวของผู้มีอำนาจหรือตัณหาทางการเมือง หรือความทะยานอยากทางการเมือง อาจจะมีบางคนหรือบางกลุ่มที่เสพติดอำนาจ หรือ ยังอาลัยอาวรณ์ในอำนาจ เราจะต้องกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว มิฉะนั้น อาจจะต้อง จมปลักอยู่ในวงจรเผด็จการ.
 
 http://thairath.co.th/news.php?section=politics01&content=64122

คุณ 55555 และ ผมเป็นประชาชน... แทนที่ จะบอกว่าที่บรรณวิทย์ ออกมาแฉ เป็นความจริงหรือไม่ ในกรณี เซ็นต์ทรัล หรือ โครงการณ์ต่าง ๆ ในสุวรรณภูมิ กับ เรื่อง ความร่วมมือจากกระทรวงคมนาคม.....เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง :?:

เราสนใจเรื่องพรรค์นี้ ความไม่ชอบมาพากลในรัฐบาลแม้ว เช่นกัน......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ปล. เวลาผ่านไป รัฐบาลนี้มีหลายเรื่องคล้ายรัฐบาลกลุ่มอำนาจเก่า........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

      ผมมีความเห็นด้วยกับ  คห.ที่ 40 ที่คุณ  aiwen^mei

      และบทบรรณาธิการของ นสพ. ไทยรัฐ  ครับ  ก็นับจาก

      วันนี้ไปก็อีกประมาณ สองเดือนเศษ ก็จะได้เลือกตั้งกัน

      ใหม่แล้วครับ  ดีเสียอีกที่จะได้ดูรัฐบาล ที่จะมีขึ้นใหม่นั้น

      จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรครับ ?             :slime_v:

ใช่ครับ ปัญหาของ นายกฯ สุรยุทธ ถ้าหากผิดจริงก็ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมไปก้ได้นี่ครับ
ถ้าเล่นกันอย่างนี้ ไม่ต้องทำงานกันพอดี   เวลานิดเดียวเอง  จริยธรรมคุณธรรม มันก็ต้องดูเจตนาด้วย
เราไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขในสิ่งที่ผิดในอดีตได้  แต่เมื่อรู้ว่าผิดต่อไปก็ไม่ควรทำอีก

การเลือกตั้งอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง แต่มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่เราควรจะเลือกมันตอนนี้

เห็นด้วยค่ะว่า วันนี้ทีมการเมืองวิเคราะห์ได้ดี รวมทั้งบทบรรณาธิการของ "ไทยรัฐ" ด้วย  :slime_v:

ท่านนายกฯ ตอบแล้วว่า ถ้าผิด ยินดีคืนที่ดินให้อยู่แล้ว

เรื่องมันก็อยู่ที่ "เจตนา" และ "วาระซ่อนเร้น" ของคนบางคน บางกลุ่ม แหละน้า อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เชียว  :mrgreen:

แต่ป่านนี้คงรู้แล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่เห็นด้วย อิอิ  :slime_v:

เกมแห่งอำนาจก็คือ กดดันให้ นายกลาออก

แล้วตามรัฐธรรมนูญใหม่ ให้นายกต้องมาจากสภาผู้แทน

เห็นเช่นนี้แล้วคงต้องรู้กันแล้วว่า พวกที่กดดันรัฐบาลประสงค์อะไร

สงค์ฟันดำหรือบรรณวิทย์ ต้องการอะไร

จะว่าไป เมื่อ พรฎ.เลือกตั้งออกมาในอีกสัปดาห์ข้างหน้า

รัฐบาลก็ต้องเข้าสู่ภาวะ รัฐบาลรักษาการ

ตัวสภาเองก็ต้องสำนึกด้วยว่า ตนเองนั้นไม่ได้มาจากประชาชน

หรือว่าจะดันทุรังให้มีนายกมาจากสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

แค่คิด ก็ผิดแล้ว

ลิเกกำลังจะปิดฉาก แต่ตัวแสดงกลับติดใจในลุดการแสดง กลับถึงบ้านก็ "ถอดเครื่อง" บ้างนะครับ

อำนาจนั้นมันหอมหวานและเสพย์ติด และโปรดคิดด้วยว่า เมื่อหมดอำนาจวาสนาแล้ว

อยากให้ประชาชนจดจำตัวเองในภาพของ "พระเอก หรือ ผู้ร้าย"

ทำไมไม่ประคองให้บ้านเมืองไปสู่การเลือกตั้ง ให้คนที่สมัครใจลงมาทำงานการเมือง

ให้ประชาชนเค้าติดสินใจกันเอง ดู ๆ แล้วก็เหมือนไก่จิกตีกันในเข่ง รอวันที่เค้าจะเอาไปฆ่าแค่นั้นเอง