ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: aiwen^mei ที่ 01-09-2007, 14:15



หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-09-2007, 14:15
ในโลกมีเรื่องราวมากหลาย ที่ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยการถามไถ่

เจี่ยเฮียวฮงเพียงกล่าวว่า

"ดาบโค้งเป็นอาวุธพิสดาร ผู้ที่สามารถใช้ดาบโค้ง ล้วนเป็นนักดาบอันดับหนึ่ง"

เต็งพ้งกล่าวว่า

"เจี่ยไต้เฮียบเล่า กระบี่ของเจี่ยไต้เฮียบเล่า?"

"กระบี่ของเราอยู่"

เต็งพ้งเพ่งตาจ้องจับไปยังมือของเจี่ยเฮียวฮง

นิ้วมือของเจี่ยเฮียวฮงเรียวงามมีพลัง ตัดเล็บเรียบร้อย

มือข้างนี้หากจับกระบี่ ย่อมสามารถเปล่งอานุภาพถึงขีดสุด ทอดตาทั้งแผ่นดิน ยากที่จะมีคนต้านรับกระบี่ที่จู่โจมจากมือคู่นี้ได้

แต่ในมือเจี่ยเฮียวฮงตอนนี้ไม่กระบี่ชัด ๆ ท่านไฉนบอกว่ากระบี่อยู่?

เต็งพ้งกล่าวว่า

"กระบี่อยู่ที่ใด?"

เจี่ยเฮียวฮงกล่าวว่า

"อยู่ที่ใจ!"

"อยู่ที่ใจ?"

เจี่ยเฮียวฮงกล่าวช้า ๆ

"ในมือเราไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ"

แก้วตาเต็งพ้งพลันหดเล็กลง

ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ!

นี่เป็นขอบเขตขั้นสูงสุดของวิชาบู๊

กระบี่ในมือแม้น่ากลัว แต่กระบี่ใจยังน่ากลัวกว่า

เนื่องเพราะกระบี่ใจมองไม่เห็น ดังนั้นสามารถบรรลุถึงทุกแห่งหน สามารถทำลายทุกสรรพสิ่ง

จวบจนท่านถูกทำลาย ยังมองไม่เห็นมัน!

...ผู้คนส่วนใหญ่ต้องแลเห็นสิ่งของ จึงยอมรับคุณค่าของมัน หาทราบไม่ว่าสิ่งของที่มองไม่เห็น มีคุณค่ากว่าสิ่งที่เห็นได้มากนัก


จาก "อินทรีผงาดฟ้า" ของ โกวเล้ง โดย น. นพรัตน์


หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-09-2007, 14:49
"อินทรีผงาดฟ้า"  (圆月弯刀) เมื่อถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์ ได้ชื่อใหม่ว่า "ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์"

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Blade3.jpg)

เวอร์ชั่นที่นำแสดงโดย กู่เทียนเล่อ ในบทของ "เต็งพ้ง"

http://www.tudou.com/playlist/playindex.do?lid=56472&mode=0#3633861

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Blade1.jpg)

เพลงไตเติ้ล(意难平) ของเวอร์ชั่นชุดนี้

http://www.tudou.com/playlist/playindex.do?lid=56472&iid=3650108

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Blade2.jpg)

เพลงไตเติ้ลที่ร้องโดย วังหมิงฉวน กับหลอเหวิน ในเวอร์ชันชุดแรกสุด  :?:

http://play.real2000.org/playwma.asp?real=142047



หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 01-09-2007, 14:59
ถ้าถามพวกลิ่วล้อทักษิณแบบ อ.จ๊ะ และนายแถว่า .. "กระบี่อยู่ที่ใด"

พวกลิ่วล้อโง่โง่ จะตอบว่า "กระบี่อยู่ที่ภาคใต้"   :slime_bigsmile:  :slime_v:

...


หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-09-2007, 21:01
ถ้าถามพวกลิ่วล้อทักษิณแบบ อ.จ๊ะ และนายแถว่า .. "กระบี่อยู่ที่ใด"

พวกลิ่วล้อโง่โง่ จะตอบว่า "กระบี่อยู่ที่ภาคใต้"   :slime_bigsmile:  :slime_v:

...


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ในโอกาสที่เว็บของ youtube ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว

ขอโพสต์เพลงไตเติ้ลของ "หงส์ผงาดฟ้า" อีกหนึ่งเรื่องยอดนิยมของโกวเล้ง ที่ส่งชื่อให้ "เล็กเซี่ยวหงส์" คนสี่คิ้วโด่งดังในยุทธจักร

http://youtube.com/watch?v=bdVHaKfkyQ8

เคยได้ดูแว้บ ๆ เมื่อหลายปีก่อนทางเคเบิ้ลทีวี  :slime_v:



หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-09-2007, 21:20
เล็กเซี่ยวหงส์ คนสี่คิ้ว ตามหาโฉมสะคราญที่กำลังร้องเพลง  :slime_inlove:

http://youtube.com/watch?v=Q1QA1r-ASXY&mode=related&search=





หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-09-2007, 21:59
และจอมโจรคนดัง "ชอลิ้วเฮียง" รับบทโดย เจิ้งเส้าชิว

http://www.youtube.com/watch?v=imFCEeozeVk&mode=related&search=

กับเจ้าหย่าจือในบท โฉมสะคราญ "หย่งย้ง"  :slime_inlove:

http://www.youtube.com/watch?v=e0VCnqA2ZbA


หัวข้อ: Re: ~~~ +++ คลิปวิดีโอเพลงไตเติ้ล ศึกสายเลือด (1980) +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 20-09-2007, 22:03
เป็นที่กล่าวขานกันว่า "ศึกสายเลือด" เป็นหนังจีนชุดของอาร์ทีวี(เอทีวี) แห่งฮ่องกงที่ลือลั่นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อช่อง 3 นำมาฉาย ณ เวลานั้นจนไทยรัฐต้องเชิญ น. นพรัตน์ มาเรียบเรียงเพื่อตีพิมพ์ให้ได้อ่านควบคู่กับการฉายทางโทรทัศน์

http://www.youtube.com/watch?v=vM1faMgud9c&mode=related&search=

องค์ชายสี่ (วั่นจื่อเหลียง) ผู้เก่งกล้าชาญฉลาดแต่โหดอำมหิต
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Dynasty2.jpg)

องค์ชายสิบสี่ (อู๋เหว่ยกั๋ว) ผู้มีจิตใจดี แต่อ่อนแอ กับจอมยุทธ์คู่ใจเจิงจิ้ง (เดวิด เจียง)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Dynasty3.jpg)

โฉมสะคราญหลี่ซือเหนียง (หมี่เซี่ยะ) ผู้พิชิตหัวใจทั้งขององค์ชายสี่และเจิงจิ้ง แต่หัวใจของแม่นางล่ะอยู่ที่ใคร  :mozilla_undecided:
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Dynasty1.jpg)


หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 22-09-2007, 13:21


      เอ คุณ aiwen^mei  ครับ  คุณคงจะคอเดียวกันกับผม

      คุณชอบดูหนัง   แต่ส่วนผมชอบอ่านหนังสือครับ

       หนังสือกำลังภายใน  ผมว่าอ่านแล้วได้รสชาติอย่าง

       แต่ดูหนังคงจะได้อรรถรส  ไปอีกแบบนะครับ          :slime_v:



หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 22-09-2007, 13:38
ค่ะ เห็นด้วยค่ะ คุณ mammatum  :slime_agreed:

ถ้าอ่านหนังสือก่อนแล้วดูหนังทั้งจอเงิน จอแก้ว ที่สร้างตามมาทีหลัง ส่วนใหญ่แล้วจะสู้ที่เราจินตนาการไว้ไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าดูโดยไม่ได้อ่านก่อน มักจะสนุกนะคะ

แต่ไม่ทราบเป็นอย่างไร อะไรที่เคยดูก่อน มักจะคิดว่า รู้สึกว่า ดีกว่าที่สร้างใหม่ในตอนหลังเสมอ จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้ อันเนื่องมาจากตัวเราเองที่รู้มากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป ความประทับใจในครั้งแรกกับครั้งต่อมาย่อมแตกต่างกันมั้งคะ  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 22-09-2007, 21:42
จาก "อินทรีผงาดฟ้า"   ของ โกวเล้ง โดย น.นพรัตน์

.....
.....
.....

เต็งพ้งเดินช้า ๆ มา คล้ายคนที่นอนไม่หลับ เดินทอดน่องบนพื้นหิมะ
แต่พื้นหิมะที่เต็งพ้งเดินผ่าน ปราศจากรอยเท้าแม้สักรอยเดียว !

หรือวิชาตัวเบาของเต็งพ้ง บรรลุถึงขั้นตะเซาะบ้ออุ้ง (เหยียบหิมะไร้รอย) แล้ว ?


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

คนผู้หนึ่งหากไม่สามารถบอกความลับต่อผู้อื่น จะกลับกลายเป็นความเจ็บปวดรวดร้าว กลับกลายเป็นความกดดันชนิดหนึ่ง

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ความทะเยอทะยานคล้ายสัตว์ประหลาดในยุคดึกดำบรรพ์ ขอเพียงท่านปล่อยให้มันคงอยู่ มันจะเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน เติบใหญ่จนท่านเองไม่สามารถควบคุมบังคับได้

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...คนผู้หนึ่งขอเพียงยังมีความหวังสักเล็กน้อย ชีวิตก็มีคุณค่า
...ความหวังยั่งยืนอยู่ในโลกตลอดกาล


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...ผู้ที่ไม่เคยดูแคลนผู้ใดมาก่อน จึงสามารถเป็นเอกในแผ่นดิน

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...ชีวประวัติของยอดคน ไยมิใช่เป็นกระจกเงาที่สะท้อนภาพชีวิตของตนได้เป็นอย่างดี

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...วัตถุและเรื่องราวอันลึกลับ มักดึงดูดความสนใจของผู้คนตลอดกาล

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...ต่างเป็นนักบู๊ร่วมสังคมบู๊ลิ้ม ไยต้องคุกคามเข่นฆ่าถึงที่สุด ?
...หากสามารถสร้างความสำนึกตื้นตันแก่ศัตรูคู่ต่อสู้ ไยมิใช่ประเสริฐเลิศกว่าประหัตประหารให้ตายคามือ ?
...พิชิตทางร่างกาย ไหนเลยสู้พิชิตจิตใจคนได้ ?


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

มีแต่วีรบุรุษที่แท้จริง จึงเลื่อมใสวีรบุรุษที่แท้จริง มีแต่นักสู้อันเข้มแข็ง จึงมีน้ำใจผูกพันกับนักสู้อันเข้มแข็ง

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 23-09-2007, 09:25
มาตรแม้นเป็นเบาะกลมใบหนึ่ง แต่เบาะกลมจัดวางอยู่ด้านตรงข้ามกับเจี่ยเฮียวฮง  เจี่ยเฮียวฮงเมื่อออกปากเชื้อเชิญเต็งพ้งนั่งลง แสดงว่ายึดถือเต็งพ้งเป็นสหายแล้ว

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

อี้จับซายามมีชีวิต เป็นศัตรูของเจี่ยเฮียวฮง แต่อี้จับซาเมื่อตายแล้ว เจี่ยเฮียวฮงกลับยึดถือเป็นสหาย

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เนื่องเพราะอี้จับซาพลันพบว่า กระบี่ที่สิบห้านำมาซึ่งความตายและการทำลายล้าง มันไม่อาจทิ้งท่ากระบี่เช่นนี้อยู่ในโลก มันไม่อาจเป็นคนบาปของบู๊ลิ้ม

เนื่องเพราะพลังและท่าพลิกแพลงของท่ากระบี่ที่สิบห้า สุดที่อี้จับซาจะควบคุมบังคับได้ คล้ายคนผู้หนึ่งพบว่า อสรพิษที่ตนเองเลี้ยงไว้ กลับกลายเป็นมังกรพิษตัวหนึ่ง เติบโตเป็นมังกรพิษที่ไม่อาจควบคุมบังคับได้ มันได้แต่ทำลายตัวเอง

เนื่องเพราะชีวิตและเลือดเนื้อของอี้จับซา หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมังกรพิษตัวนี้ มันหากคิดทำลายมังกรพิษตัวนี้ ต้องทำลายตัวเองก่อน


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เพลงดาบโค้งเป็นเพลงดาบอาถรรพณ์ชั่วร้าย ผู้ฝึกปรือเพลงดาบโค้งจะถูกชักนำเข้าสู่เส้นทางอธรรม เป็นคนชมชอบฆ่าฟัน

แต่เต็งพ้งยึดมั่นในรักแท้ อานุภาพของความรัก อยู่เหนืออำนาจมารชั่วร้าย สามารถควบคุมตนเอง สามารถควบคุมเพลงดาบ

เต็งพ้งสามารถใช้เพลงดาบโค้งฆ่าคนที่ต้องการฆ่าและสามารถยั้งดาบไว้ไมตรีต่อบุคคลที่ไม่ต้องการฆ่า


...พลังจากรักแท้ เป็นพลังที่ลึกล้ำพิสดาร เป็นพลังที่ไม่มีสิ่งใดเทียมทานได้

ความสำเร็จในเชิงดาบของเต็งพ้ง บรรลุถึงขั้นดาบก็คือคน คนยังเป็นคน

ดาบโค้งอยู่ในมือเต็งพ้ง ดาบโค้งเพียงเป็นเครื่องมือของคน

ความสำเร็จในเชิงฝีมือของเต็งพ้งนี้ นับเป็นยอดฝีมือที่ยากยิ่งจะพบพานแล้ว


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เจี่ยเฮียวฮงเล่า ?

...


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 23-09-2007, 13:24


   เสียดายจริงๆนะครับคุณ aiwen^mei  ที่โกวเล้ง

     มาด่วนตายจากไปเสียก่อน  ไม่อย่างนั้นคำคมๆๆ

     เนื้อหาของเรื่องดีๆ อีกนานกว่าจะพบเจอคนเขียนเก่งๆ

     แบบนี้อีก  ต้องขอขอบคุณ aiwen^mei ที่นำข้อความคำพูดที่นำมาลงครับ :slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 23-09-2007, 21:16

   เสียดายจริงๆนะครับคุณ aiwen^mei  ที่โกวเล้ง

     มาด่วนตายจากไปเสียก่อน  ไม่อย่างนั้นคำคมๆๆ

     เนื้อหาของเรื่องดีๆ อีกนานกว่าจะพบเจอคนเขียนเก่งๆ

     แบบนี้อีก  ต้องขอขอบคุณ aiwen^mei ที่นำข้อความคำพูดที่นำมาลงครับ :slime_v:


ด้วยความยินดีค่ะ ขอบคุณคุณ nammatum มากหลายค่ะ

เพราะสำนวนแปลที่ว่า "ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ!" ใน "อินทรีผงาดฟ้า" โดนใจจริง ๆ ค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าแปลไว้ตั้งแต่เมื่อสามทศวรรษที่แล้ว พออ่านจบแต่ละเล่ม ต้องตามไล่เก็บประโยค สำนวน คำคม ต่าง ๆ ที่แปลไว้ได้อย่างน่าประทับใจ  เสียดายค่ะว่า รู้ภาษาจีนเพียงน้อยนิด ถ้าสามารถอ่านต้นฉบับภาษาจีนได้ ไม่ทราบว่าจะซาบซึ้งกว่านี้หรือไม่  :mrgreen:

จะทยอยนำมาโพสต์เรื่อย ๆ ค่ะ เพราะว่าบางเรื่องก็ยังไม่ได้อ่าน และหลายเรื่องที่ได้อ่านสมัยเป็นนิสิต ก็ยังประทับใจมิรู้ลืม  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-09-2007, 14:30
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1-4.jpg)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2.jpg)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3.jpg)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8.jpg)

  :slime_inlove: ขอบันทึกภาพความเก่า(แก่) ไว้เป็นที่ระลึกจั๊กหน่อย  :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-09-2007, 15:01
....ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง
ศัตรูเปิดเผยไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือศัตรูซ่อนเร้น

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4.jpg)

....ศัตรูที่ประจันหน้ากัน ไม่ใช่บุคคลอันตราย
....บุคคลที่อันตรายที่สุด มักเป็นผู้ที่อยู่ข้างกาย

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6.jpg)

....หากมอบหมายภารกิจสำคัญแก่บุคคลที่ประพฤติไม่เหมาะสม มักชักนำเภทภัยแก่ผู้เป็นนาย
....ผลสะท้อนที่อุบัติตามหลัง มักเลวร้ายกว่าที่ตนเองกระทำอีก

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/7.jpg)

....คนต่ำช้าทั่วไป มักมีชีวิตยืนยาวกว่าผู้กล้าถือธัมมะ

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/5.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 27-09-2007, 16:40
จอมยุทธผู้โอหัง เผชิญหน้ากับนักบวชที่ถ่อมตน
จอมยุทธ.....ท่านพอจะชี้ทางนรกสวรรค์ให้เราเข้าใจกระจ่างได้หรือไม่
นักบวช......จอมยุทธกระจอกอย่างท่าน อยากจะรู้เรื่องนรกสวรรค์ไปทำไมกัน

จอมยุทธโกรธจนหนวดกระดิก กระชากกระบี่ออกจากฝัก
นักบวช...นั่นไง...นรกบังเกิดขึ้นต่อหน้าท่านแล้ว
จอมยุทธวางดาบ คุกเข่าลงคาระวะนักบวช
นักบวช...นั่นไง...ประตูสวรรค์เปิดรับตัวท่านแล้ว
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 27-09-2007, 16:56
ต้ม               ถั่ว                ต่าง            ไย
ถั่ว                ร่ำ               กำ             เผา
ใช้               ไห้               เนิด            ผลาญ
เถา              อยู่               จาก            กัน
ถั่ว                 ใน              ราก            ร้อน
เป็น              กระ              เหง้า           รน
เชื้อ              ทะ               เดียว          จน
                  เดือด             กัน             ปาน
                  พล่าน                             นี้
   
โจสิด
อ่านลงตามแนวตั้ง                 


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 27-09-2007, 17:27
ต้ม               ถั่ว                ต่าง            ไย
ถั่ว                ร่ำ               กำ             เผา
ใช้               ไห้               เนิด            ผลาญ
เถา              อยู่               จาก            กัน
ถั่ว                 ใน              ราก            ร้อน
เป็น              กระ              เหง้า           รน
เชื้อ              ทะ               เดียว          จน
                  เดือด             กัน             ปาน
                  พล่าน                             นี้
   
โจสิด
อ่านลงตามแนวตั้ง                 

    อิอิ  คุณลุงถึกครับ  มีคนถามว่าลุงอ่านสามก๊ก ได้ครบสามจบยังครับ
     ผมสงสัยคุณห้อย คุณเหลิม  คุณหมัก ฯลฯ อ่านกันมาเลย  สามจบแน่ๆ

               :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-09-2007, 21:12
บทกวีของ "โจสิด" ที่คุณลุงถึกยกมาโพสต์นั้น "สุดยอด" ค่ะ  :slime_v:

เม่ยได้ฟังท่านผู้อาวุโสเล่าให้ฟังตั้งแต่เป็นเด็กประถม ในพากย์ภาษาจีน

พอมาอ่านของคุณลุงถึกแล้ว ต้องมาเปิด "สามก๊ก" ฉบับวณิพก ของยาขอบดู ท่านเขียนหัวข้อเรื่องไว้ว่า

โจสิด
ผู้ร่ายโศลกเอาชีวิตรอด
เป็นลูกสุดท้องของโจโฉ

ว่าแต่คุณ nammatum อ่าน "สามก๊ก" จบสามรอบด้วยหรือป่าวคะ  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: โกวเฮง ที่ 27-09-2007, 21:25
ผมอ่านสามก๊กได้ สองจบ
จบที่สามไม่กล้าอ่าน (กลัวพัดลมยังส่ายหน้าเลย)
เลยใช้วิธีดูเอา "สามก๊ก ฉบับ นักบริหาร"
อย่างนี้เขาเรียกว่าครบสามจบรึเปล่าน้า

 :slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 27-09-2007, 23:42
อินทรีผงาดฟ้า น่าจะเป็นผลงานหลังๆของโกวเล้งนะครับ งานนี้ถือเป็นการสรุปเรื่องสองเรื่องที่ค้างคากันมาตั้งกะผลงานเก่าๆของโกวเล้ง

1) พรรคอสูร ไอ้เจ้าพรรคบ้าๆนี่ผมเห็นมันอาละวาดมาประปรายในชุดเรื่องสั้นทั้งเจ็ดของโกวเล้ง (ดาบมรกต,แค้นสั่งฟ้า,ยอดมือปราบ,ทวนทมิฬ,ตะขอจำพราก,จอมยุทธไร้น้ำตา เอ๋ นับไปนับมามีแค่หกเรื่องเอง แต่เห็นเขาพะไว้ที่ปกว่ามีเจ็ดเรื่องอ่ะ) ก็ได้เวลาปิดฉากลงในเรื่องอินทรีผงาดฟ้าซะที ที่จริงกลายเป็นพรรคดีที่หัวหน้าโดนใส่ร้ายเสียนี่

2) กระบวนท่าสิบสามกระบี่ของอี้จับซา รวมทั้งกระบี่ที่สิบสี่กับกระบี่ที่สิบห้าที่เกิดขึ้นมาสดๆร้อนๆตอนท้ายเล่มของหนังสือชุดซาเสี่ยวเอี้ย รวมทั้งบั้นปลายชีวิตของซาเสี่ยวเอี้ย (เจี่ยเฮียวฮง) ที่เป็นตัวเอกในซาเสี่ยวเอี้ย ผมเข้าใจว่าโกวเล้งยังติดใจปรัชญาในกระบี่ของอี้จับซา เรื่องของกระบี่ที่อำมหิตเกินไปจนกลายสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้แม้กระทั่งคนใช้ โกวเล้งหาทางออกให้ในหนังสือชุดอินทรีผงาดฟ้า โดยบอกว่ากระบวนท่าดาบโค้งของพระเอกในเรื่องอินทรีผงาดฟ้าคือแนวทางเดียวกับเพลงกระบี่ของอี้จับซา แต่พระเอกสามารถควบคุมได้"เพราะว่าคุณเป็นคนดี"

มองสองข้อ ผมก็เริ่มเดาว่าโกวเล้งต้องการเขียนงานประเภท Happy ending สักเรื่องหนึ่ง เพื่อคลี่คลายปีศาจที่ตัวเองสร้างขึ้นในหนังสือเล่มก่อนๆ จึงไม่ได้เน้นเรื่องของปรัชญาการต่อสู้อย่างละเอียด แต่ไปเน้นเรื่องของจิตใจแทน โดยเฉพาะ "ความรัก" และ "การให้อภัย"  :slime_bigsmile: (เอ้อ ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเขียน Blog ง่ะ) ผมกำลังสงสัยว่าตอนเขียนหนังสือเรื่องนี้ โกวเล้งอาจกำลัง in love อยู่แหงๆ

ประโยคคมๆในหนังสือเล่มนี้มีเยอะครับ ทั้งเรื่องรักๆและการต่อสู้ ที่ผมชอบมากที่สุดคือ เอ้อ จำไม่ได้ละเอียดนะครับ ประมาณว่า "หากข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านจะตายได้อย่างไร หากท่านตายไปแล้ว ข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร"

(http://img146.imageshack.us/img146/3520/0fbbf481ri7.gif)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 28-09-2007, 09:16
เข้ามาช่วยสนับสนุนคุณ เปี๊ยะเถ่ลเสียวเฮียบ  เรื่องสั้นเรื่องที่ 7 คือ มังกรเจ็ดดาว ครับ

ในบรรดาเรื่องสั้นเหล่านี้ผมว่า ไม่มีน้ำตาวีรบุรุษ  แสดงถึงแนวทางของโกวเล้งมากที่สุด อีก 6 เรื่อง เหมือนนวนิยายยุทธจักรทั่วๆไป 


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 28-09-2007, 10:28
บทกวีของ "โจสิด" ที่คุณลุงถึกยกมาโพสต์นั้น "สุดยอด" ค่ะ  :slime_v:

เม่ยได้ฟังท่านผู้อาวุโสเล่าให้ฟังตั้งแต่เป็นเด็กประถม ในพากย์ภาษาจีน

พอมาอ่านของคุณลุงถึกแล้ว ต้องมาเปิด "สามก๊ก" ฉบับวณิพก ของยาขอบดู ท่านเขียนหัวข้อเรื่องไว้ว่า

โจสิด
ผู้ร่ายโศลกเอาชีวิตรอด
เป็นลูกสุดท้องของโจโฉ

ว่าแต่คุณ nammatum อ่าน "สามก๊ก" จบสามรอบด้วยหรือป่าวคะ  :mrgreen:


   คุณ aiwen^mei ครับ ผมตั้งใจจะอ่านให้จบ ครบสามรอบ

   ทั้งสองเรื่องอ่ะครับ  มีอีกเรื่องก็คือ  "ผู้ชนะสิบทิศ" ของยาขอบ

   หากแต่ว่าบุญวาสนาผม  คงจะไม่ถึง  อ่านได้ไม่จบสักเรื่องครับ     :slime_bigsmile:






หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 28-09-2007, 15:28
ผมอ่านสามก๊กได้ สองจบ
จบที่สามไม่กล้าอ่าน (กลัวพัดลมยังส่ายหน้าเลย)
เลยใช้วิธีดูเอา "สามก๊ก ฉบับ นักบริหาร"
อย่างนี้เขาเรียกว่าครบสามจบรึเปล่าน้า

 :slime_v:

ท่านโกวเฮงสบาย ? ข้าน้อยไม่เห็นท่านที่เวทีแห่งนี้นานแล้ว จู่ ๆ ก็เห็นนามท่านปรากฏขึ้น คงไม่เพียงมีแต่ข้าน้อยที่รู้สึกแปลกใจเท่านั้นกระมัง อิอิ :mrgreen: :mozilla_surprised: :mrgreen:

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน "ใครอ่านสามก๊กจบสามรอบคบไม่ได้" คงต้องเปลี่ยนเป็น "ใครดูสามก๊กจบสามรอบคบไม่ได้"  :slime_bigsmile:


   คุณ aiwen^mei ครับ ผมตั้งใจจะอ่านให้จบ ครบสามรอบ

   ทั้งสองเรื่องอ่ะครับ  มีอีกเรื่องก็คือ  "ผู้ชนะสิบทิศ" ของยาขอบ

   หากแต่ว่าบุญวาสนาผม  คงจะไม่ถึง  อ่านได้ไม่จบสักเรื่องครับ     :slime_bigsmile:






ข้าน้อยก็มีวาสนาน้อยเช่นกัน อิอิ ...เคยหยิบยืมของฉบับ "เจ้าพระยาพระคลัง(หน)" สองเล่มจบ จากหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยมาอ่าน อ่านไป ๆ ก็ไปไม่รอดค่ะ ด้วยสาเหตุสำคัญคือสำนวนภาษา เหลืออีกสักประมาณไม่กี่สิบหน้าก็จบแล้ว แต่ขอยอมยกธงขาวซะดื้อ ๆ  :mozilla_cool:

สำหรับฉบับของท่านยาขอบได้อ่านก่อนเรียนชั้นมัธยม สนุกค่ะ ชอบ อ่านจนจบ และล่าสุด หลายปีที่แล้ว เพื่อนแนะนำให้อ่านฉบับของ "เล่าชวนหัว" (สุขสันต์ วิเวกเมธากร) ก็ชอบค่ะ อ่านไปก็รู้สึกฉงนงงงวยไป แต่เพื่อนบางคนก็บอกว่า อย่าไปคล้อยตามเชียว เพราะหมอนี่มัน... :mozilla_sealed:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 28-09-2007, 15:52
อินทรีผงาดฟ้า น่าจะเป็นผลงานหลังๆของโกวเล้งนะครับ งานนี้ถือเป็นการสรุปเรื่องสองเรื่องที่ค้างคากันมาตั้งกะผลงานเก่าๆของโกวเล้ง

1) พรรคอสูร ไอ้เจ้าพรรคบ้าๆนี่ผมเห็นมันอาละวาดมาประปรายในชุดเรื่องสั้นทั้งเจ็ดของโกวเล้ง (ดาบมรกต,แค้นสั่งฟ้า,ยอดมือปราบ,ทวนทมิฬ,ตะขอจำพราก,จอมยุทธไร้น้ำตา เอ๋ นับไปนับมามีแค่หกเรื่องเอง แต่เห็นเขาพะไว้ที่ปกว่ามีเจ็ดเรื่องอ่ะ) ก็ได้เวลาปิดฉากลงในเรื่องอินทรีผงาดฟ้าซะที ที่จริงกลายเป็นพรรคดีที่หัวหน้าโดนใส่ร้ายเสียนี่

2) กระบวนท่าสิบสามกระบี่ของอี้จับซา รวมทั้งกระบี่ที่สิบสี่กับกระบี่ที่สิบห้าที่เกิดขึ้นมาสดๆร้อนๆตอนท้ายเล่มของหนังสือชุดซาเสี่ยวเอี้ย รวมทั้งบั้นปลายชีวิตของซาเสี่ยวเอี้ย (เจี่ยเฮียวฮง) ที่เป็นตัวเอกในซาเสี่ยวเอี้ย ผมเข้าใจว่าโกวเล้งยังติดใจปรัชญาในกระบี่ของอี้จับซา เรื่องของกระบี่ที่อำมหิตเกินไปจนกลายสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้แม้กระทั่งคนใช้ โกวเล้งหาทางออกให้ในหนังสือชุดอินทรีผงาดฟ้า โดยบอกว่ากระบวนท่าดาบโค้งของพระเอกในเรื่องอินทรีผงาดฟ้าคือแนวทางเดียวกับเพลงกระบี่ของอี้จับซา แต่พระเอกสามารถควบคุมได้"เพราะว่าคุณเป็นคนดี"

มองสองข้อ ผมก็เริ่มเดาว่าโกวเล้งต้องการเขียนงานประเภท Happy ending สักเรื่องหนึ่ง เพื่อคลี่คลายปีศาจที่ตัวเองสร้างขึ้นในหนังสือเล่มก่อนๆ จึงไม่ได้เน้นเรื่องของปรัชญาการต่อสู้อย่างละเอียด แต่ไปเน้นเรื่องของจิตใจแทน โดยเฉพาะ "ความรัก" และ "การให้อภัย"  :slime_bigsmile: (เอ้อ ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเขียน Blog ง่ะ) ผมกำลังสงสัยว่าตอนเขียนหนังสือเรื่องนี้ โกวเล้งอาจกำลัง in love อยู่แหงๆ

ประโยคคมๆในหนังสือเล่มนี้มีเยอะครับ ทั้งเรื่องรักๆและการต่อสู้ ที่ผมชอบมากที่สุดคือ เอ้อ จำไม่ได้ละเอียดนะครับ ประมาณว่า "หากข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านจะตายได้อย่างไร หากท่านตายไปแล้ว ข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร"

(http://img146.imageshack.us/img146/3520/0fbbf481ri7.gif)
เข้ามาช่วยสนับสนุนคุณ เปี๊ยะเถ่ลเสียวเฮียบ  เรื่องสั้นเรื่องที่ 7 คือ มังกรเจ็ดดาว ครับ

ในบรรดาเรื่องสั้นเหล่านี้ผมว่า ไม่มีน้ำตาวีรบุรุษ  แสดงถึงแนวทางของโกวเล้งมากที่สุด อีก 6 เรื่อง เหมือนนวนิยายยุทธจักรทั่วๆไป 

ขอขอบคุณคุณ Priateľ และคุณแอบอ่าน ซุ่มเงียบไต้เฮียบทั้งสองท่านที่ได้ช่วยให้รายละเอียดและมุมมองที่น่าสนใจเพิ่มเติมค่ะ  :slime_worship:

เห็นว่ากันว่า ท่านโกวเล้งตัวจริงก็เป็นทั้งปีศาจสุรา และมีปัญหากับชีวิตรักส่วนตัวอยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งจึงได้สะท้อนออกมาในงานประพันธ์ ซึ่งหลายบทหลายตอนพรรณนาได้ลึกซึ้งกินใจยิ่ง  :slime_smile:

จากการจัดอันดับสิบผลงานยอดเยี่ยมของโกวเล้ง เรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" น่าจะมาเป็นลำดับที่หนึ่งนะคะ  :slime_v:

ส่วน "อินทรีผงาดฟ้า" อยู่ลำดับที่เท่าใดนั้น ไม่แน่ใจค่ะ จำได้ไม่แม่น  :mrgreen:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 29-09-2007, 16:53
เคยอ่าน อินทรีผงาดฟ้า เมื่อนานมาแล้วสมัยยังเป็นนักเรียน

ที่ผมอ่านเป็นเล่มโตๆ 2 เล่มจบ ซื้อมาจากแผงขายหนังสือเก่า
ที่สนามหลวงสมัยก่อน แต่ชุดที่คุณเม่ยเอารูปมาโชว์เก่ากว่าเยอะ
ถ้าพิมพ์ตั้งแต่ปี 2520 ก็เท่ากับพิมพ์พร้อมๆ ต้นฉบับภาษาจีนเลย
เพราะเขาระบุว่าเรื่อง Yuan Yue Wan Dao ( 圆月弯刀 ) นี้
ตีพิมพ์เมื่อปี 1977 และสองปีถัดมาก็ทำเป็นภาพยนต์ เป็นผลงาน
ยุคหลังๆ ของโกวเล้ง เพราะเริ่มเขียนเรื่องแรกตั้งแต่ปี 1960

จำเรื่องราวอะไรไม่่ค่อยได้แล้วแต่ที่จำได้แม่นคือข้อความที่สลักไว้
บนตัวดาบโค้งเดือนเสี้ยว...

      "ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงเดียวดาย"

ผ่านมาเจอก็เลยไปค้นอะไรเพิ่มเติมถึงได้พบว่ามีหลายแห่งที่
อ้างอิงว่างานเขียนเรื่องนี้ส่วนใหญ่โกวเล้งไม่ได้เขียนแต่เป็น
ฝีมือของ Sima Ziyan ( 司馬紫煙 )

แต่หาอ้างอิงเรื่องนี้เพิ่มเติมไม่ได้นะครับ มีแค่ว่าเรื่องนี้ส่วนใหญ่
Sima Ziyan เป็นคนเขียน ผมเองก็อ่านภาษาจีนไม่ออกเสียด้วย
เลยค้นหาได้เพียงแค่นี้

เป็นนิยายที่ชอบมากอีกเรื่องหนึ่งครับ โดยเฉพาะตอนแรกๆ
ที่ "แชแช" ปรากฏตัวออกมาอ่านแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปใน
เทพนิยายจีนไม่ใช่นิยายกำลังภายใน (คนเขียนๆ เก่งจริงๆ)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 29-09-2007, 21:16
ผมฟังเพลงที่คุณเม่ยโพสท์ไว้ว่าเป็นของเวอร์ชั่นแรกแล้ว แปลกใจน่ะครับ
ตอนเด็กๆผมเคยดู ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ ที่นำแสดงโดย หลิวสงเหยิน กับ เจ้าหย่าจือ ผมนึกว่าเป็นเวอร์ชั่นแรกซะอีก
แต่เพลงไตเติ้ลมันไม่ใช่เพลงนี้นี่ครับ เอหรือว่าผมจำผิด มันยังมีเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้อีกหรือเปล่าครับ

เรื่องชีวิตส่วนตัวของโกวเล้งก็น่าสนใจดีนะครับ ถ้าคุณเม่ยจะกรุณาเล่าให้ฟังบ้าง
ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่อ่านนวนิยายของโกวเล้งหลายๆเรื่องแล้ว ผมรู้สึกว่า โกวเล้งนั้นจะมีศรัทธามากในเรื่องความดีงามในใจคน

"มีแต่ผู้ที่งมงายในกระบี่เท่านั้นจึงจะสามารถฝึกกระบี่ที่เลิศล้ำพิศดารได้  มีแต่ผู้ที่งมงายในรักเท่านั้นจึงจะได้พบกับความรักที่แท้จริง"




หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 29-09-2007, 23:23
และจอมโจรคนดัง "ชอลิ้วเฮียง" รับบทโดย เจิ้งเส้าชิว

http://www.youtube.com/watch?v=imFCEeozeVk&mode=related&search=

กับเจ้าหย่าจือในบท โฉมสะคราญ "หย่งย้ง"  :slime_inlove:

http://www.youtube.com/watch?v=e0VCnqA2ZbA


  คุณ  aiwen^mei   ครับ สงสัยตรงเรื่องนี้จังครับ  เรื่องจอมโจรคนดัง "ชอลิ้วเฮียง"

   ตอนก่อนผมอ่านเรื่องนี้ใช้ชื่อเรื่องว่า  จอมโจรจอมใจ  พระเอกชื่อ ชอลิ้วเฮียง

   ไม่ทราบว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องตั้งแต่ เมื่อไรครับ
                      :slime_doubt:





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-09-2007, 00:40
"อินทรีผงาดฟ้า" ตีพิมพ์ครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ( น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2520 )

ในห้วงรัฐบาลหอยครับ เพราะช่วงนั้นข่าวการเมืองเสนออะไรไม่ได้เลย

นักเขียน-นักแปลที่ไทยรัฐเชิญมาร่วมงาน ก็ทั้ง น.นพรัตน์ และ ว. ณ เมืองลุง

ส่วนหนังสือพ็อคเก็ตบุค จะพิมพ์ตามทีหลัง เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แปล

ผมทันอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เข้าใจว่า "พี่ซูม" จะเป็นตัวตั้งตัวตีคอยลุ้นคอยติดตามงานนี้อย่างออกรส

( เข้าใจว่าพี่ซูม ก็เคยใช้นามปากกา "จิวแป๊ะทง" ฮ่า ฮ่า )

พี่เวทย์ บูรณะ เป็นผู้ดูแล จัดหน้า

พี่เวทย์ บูรณะ เป็นหนึ่งหัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งที่ถูก "สมัคร" ขึ้นบัญชีดำ ห้ามทำงานในหน้าที่หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่ง

โดยยื่นคำขาดกับป๊ะกำพล  เช่นเดียวกับ พินิจ นันทวิจารณ์ และ มานิจ สุขสมจิต หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งถูกปลดยกกระบิ

หากไม่เชื่อฟัง สมัครก็จะปิดหนังสือครับ ด้วยข้อต่อรองที่เจรจากันเช่นนี้ ไทยรัฐจึงเป็นหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเดียวที่ไม่ถูกสั่งปิด

เมื่อหัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งยุคหลัง 14 ตุลาคม 16 ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษากองบรรณาธิการทั้ง 3 คน

ก็เลยเกิด หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่ง อีกชุด คือ ระวิ โหลทอง จากหน้ากีฬา( ภายหลังมาเป็นเจ้าพ่อวงการสื่อกีฬาในปัจจุบัน )

อีกคนหนึ่งรีไรท์เตอร์จากหน้าภูมิภาคชื่อพี่วิฑูรย์ ( เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว )

หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งยุคนั้นอีกคนหนึ่งคือ "นพพร ตุงคะรักษ์"

นักข่าวนักเขียนอีกคนหนึ่งที่โดนห้ามเขียนคือ สันติ "สามตา" หรือ สันติ เศวตวิมล

เดิม "สามตา" เป็นนามปากการวมของทั้งสอง"สันติ" คือสันติ เศวตวิมล และ สันติ วิริยะฯ ( 2 คนเขียนสลับกัน คนละวัน )

แต่ สันติ วิริยะฯ ไม่โดนเพ่งเล็งมาก เลยเกิดนามปากกา "ใต้ฝุ่น" ในครั้งนั้น ( เขียนต่อได้ แต่ต้องไม่ใช้ "สามตา" )

สันติ เศวตวิมล เลยต้องมาเขียนเรื่อง "เปิบพิสดาร"  ในนาม "แม่ช้อย นางรำ"

ก่อนจะมาเป็นหัวหน้าข่าวบันเทิง บก.ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ก็ย้ายจากหน้าข่าวภูมิภาค มาเป็น "รีไรท์เตอร์" ในยุคนั้น

ห้วงเวลานั้น( ช่วงรัฐบาลหอยเน่า ) นิยายหรือบทละครโทรทัศน์ ก็ถูกนำมาตีพิมพ์ ก่อนที่จะเสนอเป็นละครออกอากาศทางโทรทัศน์

การแย่งชิงลิขสิทธิ์ที่จะนำมาตีพิมพ์ ระหว่าง ไทยรัฐ กับเดลินิวส์ ก็มีประปรายครับแต่ไม่รุนแรง

ในความน่าอภิรมย์ที่ผู้อ่านชื่นชอบ.... ก็มักมีความเจ็บปวดแฝงเร้นเป็นบันทึกหน้าหนึ่งของวงการหนังสือพิมพ์

ภายใต้นักการเมืองในคราบเผด็จการที่ชื่อ...สมัคร สุนทรเวช


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-09-2007, 16:11
เคยอ่าน อินทรีผงาดฟ้า เมื่อนานมาแล้วสมัยยังเป็นนักเรียน

ที่ผมอ่านเป็นเล่มโตๆ 2 เล่มจบ ซื้อมาจากแผงขายหนังสือเก่า
ที่สนามหลวงสมัยก่อน แต่ชุดที่คุณเม่ยเอารูปมาโชว์เก่ากว่าเยอะ
ถ้าพิมพ์ตั้งแต่ปี 2520 ก็เท่ากับพิมพ์พร้อมๆ ต้นฉบับภาษาจีนเลย
เพราะเขาระบุว่าเรื่อง Yuan Yue Wan Dao ( 圆月弯刀 ) นี้
ตีพิมพ์เมื่อปี 1977 และสองปีถัดมาก็ทำเป็นภาพยนต์ เป็นผลงาน
ยุคหลังๆ ของโกวเล้ง เพราะเริ่มเขียนเรื่องแรกตั้งแต่ปี 1960

จำเรื่องราวอะไรไม่่ค่อยได้แล้วแต่ที่จำได้แม่นคือข้อความที่สลักไว้
บนตัวดาบโค้งเดือนเสี้ยว...

      "ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงเดียวดาย"

ผ่านมาเจอก็เลยไปค้นอะไรเพิ่มเติมถึงได้พบว่ามีหลายแห่งที่
อ้างอิงว่างานเขียนเรื่องนี้ส่วนใหญ่โกวเล้งไม่ได้เขียนแต่เป็น
ฝีมือของ Sima Ziyan ( 司馬紫煙 )

แต่หาอ้างอิงเรื่องนี้เพิ่มเติมไม่ได้นะครับ มีแค่ว่าเรื่องนี้ส่วนใหญ่
Sima Ziyan เป็นคนเขียน ผมเองก็อ่านภาษาจีนไม่ออกเสียด้วย
เลยค้นหาได้เพียงแค่นี้

เป็นนิยายที่ชอบมากอีกเรื่องหนึ่งครับ โดยเฉพาะตอนแรกๆ
ที่ "แชแช" ปรากฏตัวออกมาอ่านแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปใน
เทพนิยายจีนไม่ใช่นิยายกำลังภายใน (คนเขียนๆ เก่งจริงๆ)


ขอบคุณคุณจีรศักดิ์มากค่ะ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนั้น ถ้าพอมีเวลา เม่ยจะไปลองค้นต่อและถามท่านผู้อาวุโสที่แปลภาษาจีนให้ได้ค่ะ ว่าใครคือ ซือหม่าจื่อเยียน ( 司馬紫煙 )  :mrgreen:

สำหรับเม่ยได้อ่านเรื่องนี้บ้างตั้งแต่เด็ก จำได้แต่ชื่อพระเอกกับนางเอก นี่เพิ่งกลับมาอ่านใหม่ค่ะ ยังรู้สึกสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เงียบเหงา อ้างว้าง หม่นหมอง เดียวดายที่ "เต็งพ้ง" ต้องเผชิญ และ ความงามลี้ลับ กับความรักลึกซึ้งที่มีต่อชายในดวงใจของ "แชแช" ส่วนกระบวนท่าพิสดารของดาบโค้งเดือนเสี้ยวก็บรรยายได้เหลือเชื่อ มหัศจรรย์จริง ๆ ค่ะ

จากการเปิดหนังสือ "ยุทธจักรมังกรโบราณ" โดย พาสนา แพรวพรรณนั้น บอกไว้ด้วยค่ะว่า "อินทรีผงาดฟ้า" เป็นผลงานในยุคหลังของโกวเล้งที่แต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เมื่อเทียบกับนิยายเรื่องอื่น ๆ แล้ว ได้แก่ เซียวฮื้อยี้ (2510) ชอลิ้วเฮียง (2510) ฤทธิ์มีดสั้น (2511) จับอิดนึ้ง (2512) วีรบุรุษสำราญ (2514) ฯลฯ ค่ะ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-09-2007, 17:02
ผมฟังเพลงที่คุณเม่ยโพสท์ไว้ว่าเป็นของเวอร์ชั่นแรกแล้ว แปลกใจน่ะครับ
ตอนเด็กๆผมเคยดู ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ ที่นำแสดงโดย หลิวสงเหยิน กับ เจ้าหย่าจือ ผมนึกว่าเป็นเวอร์ชั่นแรกซะอีก
แต่เพลงไตเติ้ลมันไม่ใช่เพลงนี้นี่ครับ เอหรือว่าผมจำผิด มันยังมีเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้อีกหรือเปล่าครับ

เรื่องชีวิตส่วนตัวของโกวเล้งก็น่าสนใจดีนะครับ ถ้าคุณเม่ยจะกรุณาเล่าให้ฟังบ้าง
ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่อ่านนวนิยายของโกวเล้งหลายๆเรื่องแล้ว ผมรู้สึกว่า โกวเล้งนั้นจะมีศรัทธามากในเรื่องความดีงามในใจคน

"มีแต่ผู้ที่งมงายในกระบี่เท่านั้นจึงจะสามารถฝึกกระบี่ที่เลิศล้ำพิศดารได้  มีแต่ผู้ที่งมงายในรักเท่านั้นจึงจะได้พบกับความรักที่แท้จริง"




เรื่องเพลงนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะเม่ยเองก็ไม่มีโอกาสดู เอาไว้จะลองถามเพื่อนรุ่นพี่ก่อนนะคะ แต่เห็นชื่อเพลงกับชื่อนิยายเป็นชื่อเดียวกัน เลยเดาว่าใช่น่ะค่ะ และดูเหมือนว่า ตอนนั้น นักร้องนำทั้งคู่ คือหลอเหวิน กับวังหมิงฉวน จะร้องเพลงไตเติ้ลซีรีส์พวกนี้หลายต่อหลายเรื่องด้วยค่ะ

ที่เม่ยพอทราบที่มาที่ไปของพล็อตเรื่องของโกวเล้งที่แต่งขึ้นนั้น น่าจะประมาณปี 36-37 จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์  เป็นครั้งแรกที่หลายสำนักพิมพ์นำนิยายกำลังภายที่ได้รับความนิยมมาพิมพ์ใหม่ด้วยกระดาษปอนด์ขาว จัดทำปกพร้อมกล่องใส่อย่างสวยงามให้บรรดาแฟนพันธุ์แท้เก็บไว้เป็นที่ระลึกแม้ราคาจะสูงขึ้นอีกไม่น้อย หลายท่านที่เป็นแฟนตัวยงให้สัมภาษณ์ว่า บางเรื่องที่รักชอบเป็นพิเศษนั้นต้องหยิบจับมาอ่านประจำ อาจจะปี - 2 ปี ครั้ง  :slime_v:

จากการที่โกวเล้งได้ทำงานตำแหน่งบรรณารักษ์ห้องสมุดของยูซิสประจำไต้หวัน จึงมีโอกาสอ่านวรรณกรรมตะวันตกจำนวนมาก บางเรื่อง ได้แก่ The God Father, The Old Man and the Sea ฯลฯ นั้น โก้วเล้งได้นำมาเป็นเค้าโครงในนิยายบู๊ลิ้มของตน ซึ่งเป็นการฉีกแนวจากนิยายกำลังภายในทั่วไป

สำหรับชีวิตรักของโกวเล้ง ขออ้างอิงจากหนังสือ "ยุทธจักรมังกรโบราณ" ของ พาสนา แพรวพรรณ ขอโพสต์บทที่ว่าด้วย "มังกรเศร้าหมอง-กล้วยไม้อับเฉา"  ดังนี้ค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นับแต่โบราณกาลมา ความรักเป็นสิ่งละเอียดอ่อน มีผู้ใดทายใจความรักของผู้ใดได้

ชีวิตรักโกวเล้งมีสีสันแพรวพราย

โกวเล้งเข้าพิธีแต่งงานสองครั้ง ภรรยาคนแรกเป็นพาร์ตเนอร์จากบาร์สุยฮวงนาม "กัวลีลี่" นับเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ภรรยาคนต่อมาเป็นพาร์ตเนอร์ที่มาจากสิงคโปร์นาม "ตั้งป้อจู" ตกแต่งเมื่องานเขียนถึงขีดสุด พวกนางต่างให้กำเนิดบุตรกับโกวเล้งหนึ่งคน ล้วแล้วแต่มีเค้าหน้าประพิมประพายโกวเล้ง

ความรักแม้ไม่เสื่อมโทรม แต่ความรักที่จีรังยั่งยืนโดยไม่เสื่อมโทรม มีน้อยกว่าน้อย

ภายหลังแต่งงาน โกวเล้งยังคงคบหาเพื่อนหญิง เป็นเหตุให้ชีวิตแต่งงานบังเกิดรอยร้าว สุดท้ายต้องเลิกร้างแยกทาง

ในสายตาเพื่อนพ้องจำนวนหนึ่งเห็นว่า กัวลีลี่มีทุกข์ ตั้งป้อจูเสพสุข  แม้ภายหลังต้องเลิกร้าง แต่ภรรยาทั้งสองหาได้แค้นเคืองไม่ พวกนางยังยกย่อง "โกวเล้งมิเพียงไม่แห้งแล้งน้ำใจ ทั้งยังรักจริง เพียงแต่ความรักมาอย่างเร่งร้อน และจากไปอย่างรวดเร็ว"

โกวเล้งเขียนถึงรอยแผลในหัวใจ ซึ่งสะท้อนภาพตัวเขาไว้ดังนี้

"รอยแผลบนร่างอาจมีร้อยพันแห่ง แต่รอยแผลในหัวใจกลับมีเพียงแห่งเดียว บนร่างมีรอยมีดมากมายสุดคณนานับ ทุกมีดล้วนฟันลงตำแหน่งต่างกัน แต่รอยแผลในหัวใจแตกต่างไป ทุกมีดล้วนฟันลงตำแหน่งเดียวกัน เนื่องเพราะเป็นตำแหน่งที่ฟันได้ง่ายที่สุด เปราะบางที่สุด อ่อนไหวที่สุด และถูกทำร้ายได้ง่ายที่สุด แม้ปิดปากแผล แต่ขอเพียงประหวัดคำนึงถึง จะกำเริบขึ้นทันที"

มีบางเรื่องไม่เกิดสนิมตลอดกาล ความหลังบางประการก็เป็นเช่นกัน เป็นความจริงที่ว่า เรื่องคับแค้นอาดูรของคนผู้หนึ่งก็คือมักครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ตนเองไม่ปรารถนานึกฝัน ดังนั้น ไม่ว่าเป็นรักหรือแค้น ล้วนเป็นความรู้สึกลึกซึ้งกินใจยากลืมเลือน

อาจบางทีความรักเป็นเช่นนี้เอง หากคิดเสพสุขอันหวานชื่นของความรักก็ต้องกล้ำกลืนความกลัดกลุ้มและปวดร้าวที่สืบเนื่องจากความรักด้วย

แต่หากไม่มีการอยู่ร่วม ไหนเลยมีการจำพราก ?

ฃ่วงเวลานั้น โกวเล้งเขียนเรื่อง "ลี้เปียกเกา" (ตะขอจำพราก) กลับกลายเป็นต้นกำเนิดของคำ "พลัดพรากเพราะเพื่ออยู่ร่วม" อันโด่งดัง

โกวเล้งไม่หล่อเหลาคมคาย รูปกายอ้วนเตี้ย หัวโตเป็นพิเศษ (ในเรื่อง "ไต้นั้งม้วย" - ผู้ยิ่งใหญ่ โกวเล้งเอาบุคลิกของตัวเองมาสร้างเป็นตัวเอกในเรื่อง) แต่เพศตรงข้ามยกย่องชมเชย นั่นก็เนื่องเพราะโกวเล้งมีวาทะศิลป์อันยอดเยี่ยม และมีเอกลักษณ์ประจำตัวอันเป็นแบบฉบับโดดเด่น

"เต็งเช้ง" (น้ำใจ) ตั้งข้อสังเกตไว้

"ชีวิตโกวเล้งไม่เคยขาดหญิงงาม เสน่ห์ของโกวเล้งที่แท้คืออะไร ?

---------------------

(แล้วจะมาโพสต์ต่อนะคะ รวมทั้งความเป็นปีศาจสุราของโกวเล้งค่ะ  :D)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 30-09-2007, 18:38
(http://img1.smileupload.com/upload_pic/30-09-2550/01k0mw_30092550182949.jpg) (http://www.smileupload.com)

(http://img1.smileupload.com/upload_pic/30-09-2550/01adnh_30092550183419.gif) (http://www.smileupload.com)

(http://img1.smileupload.com/upload_pic/30-09-2550/01j03c_30092550183728.jpg) (http://www.smileupload.com)
มาแอบๆแจมครับ


หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ในมือไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ! +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-09-2007, 19:58

  คุณ  aiwen^mei   ครับ สงสัยตรงเรื่องนี้จังครับ  เรื่องจอมโจรคนดัง "ชอลิ้วเฮียง"

   ตอนก่อนผมอ่านเรื่องนี้ใช้ชื่อเรื่องว่า  จอมโจรจอมใจ  พระเอกชื่อ ชอลิ้วเฮียง

   ไม่ทราบว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องตั้งแต่ เมื่อไรครับ
                      :slime_doubt:





ข้าน้อยมิกล้า  :mrgreen: ไม่ได้เปลี่ยนค่ะ ไม่ได้เปลี่ยน คุณ nammatum ลองอ่านใหม่นะคะ เมื่อ "ชอลิ้วเฮียง" เป็นโจรเหนือโจร เป็นโจรเลื่องชื่อ เลยบอกว่า เป็นจอมโจรคนดัง เฉย ๆ ค่ะ  :slime_smile:

พูดถึงนักแสดงที่รับบท ขุนพลหอมชอลิ่วเฮียง ทั้ง เจิ้งเส้าชิว และเหมียวเฉียวเหว่ย น่าดูน่าชมทั้งสองคนค่ะ  :slime_v:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อครั้งที่ "ฌอน คอนเนอรี่" ในบท "เจมส์ บอนด์ 007" เกรียวกราวไปทั่วโลก ผู้ที่ได้รับผลสะท้อนที่สุดผู้หนึ่งคือ โกวเล้ง

"เจมส์ บอนด์ 007" ใช้ความรุนแรงแต่สุภาพ เยือกเย็นแต่ใช้กำลังในพริบตา ตึงเครียดแต่เปี่ยมอารมณ์ขัน สามารถเผชิญอันตรายทั้งปวง บุคลิกต่าง ๆ เหล่านี้ บันดาลให้โกวเล้งสร้างสรรค์ "ชอลิ้วเฮียง" ขึ้น ใต้ปลายปากกาของโกวเล้ง "ชอลิ้วเฮียง" เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวผู้หนึ่ง

...

เล่าลือกันว่า หากชอลิ้วเฮียงบอก ค่ำคืนนี้จะขโมยกางเกงของท่าน เช้าวันพรุ่งนี้ ท่านมีแต่ต้องห่มผ้านวมออกไปซื้อกางเกง 
:slime_surrender: :slime_bigsmile: :slime_fighto:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ ที่ 30-09-2007, 20:56
นิรนามผู้หนึ่ง กล่าวถาม "ใยท่านมาพบเราโดยไม่มีปืน ท่านโง่หรือ?"

นิรนามอีกหนึ่งผู้ "ในมือเราไม่มีปืน และปืนก็มิได้อยู่ที่ใจ"

นิรนามผู้นั้นหัวเราะร่า "ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านนี่โง่ดีแท้ ในมือไม่มีปืน และปืนก็ไม่อยู่ที่ใจ"

ยังไม่สิ้นคำปรามาส พลันกระสุนขนาด 7.63 นาโต้ ก็หมุนควงออกจากลำกล้องปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติแบบ M-14 US Army 

ที่ประทับเล็งด้วยกล้องกำลังขยาย 40 เท่าของบุชเนล แน่นอน มันแม่นเหมือนจับวาง เพราะคนยิงมันมือระดับพระกาฬ

กระสุนนัดนั้นแหวกอากาศดังหวีดหวิว ก่อนหมุนคว้านลงบนเนื้อกลางหน้าผากของนิรนามผู้นั้น และบดแผ่นกระโหลกจนปริแตก

มันสมอง ผิวหนัง และชิ้นกระโหลก แตกกระจายก่อน กระสุนนัดนั้นบิดตัวตีคว้านจนมันสมองแตกทะลักออกมาเหมือนแยมสตรอเบอรี่

แน่นอน นิรนามผู้นั้น มีเวลารู้สึกตัวถึงลมหายใจสุดท้ายไม่กิน 1 วินาที ก่อนล้มหงาย เกร็งกระตุกสองสามครั้ง และแน่นิ่งไป

นิรนามอีกผู้หนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่อร่างนั้น "ในมือเราไม่มีปืน และปืนก็มิได้อยู่ที่ใจ แต่เราให้ใครมาถือปืนแทนก็ได้ มันเป็นเช่นนั้นแหล่ะสหาย"





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-09-2007, 21:43
สมัยทำงานใหม่ ๆ หลังจบการศึกษา

มีเวลาว่างมาก มักจะไปที่ร้านเช่าหนังสือที่ตรอกข้าวสาร บางลำพู

ในนั้นจะมีร้านให้เช่าหนังสือกำลังภายในอยู่ 2 ร้าน

เช่ามาวันละ  2 เล่ม ผนึกลมปราณทั้งคืน ตอนเช้าไปทำงาน

ตกเย็นนำหนังสือไปคืน และเช่าชุดใหม่มาอ่าน ทำเช่นนี้อยู่เกือบ ๆ ปี

เรียกว่าเรื่องใหนดีเด่นดังเป็นต้องเลือกมาอ่านอย่างสบายใจ เพราะค่าเช่าเล่มละ 2 บาท คืนหนึ่งสนองอารมณ์ คืนละ 4 บาท

มันช่างเป็นการบันเทิงที่ถูกแสนถูกในยุคนั้น

จนกระทั่งไม่มีเรื่องใหม่ให้อ่าน พอเค้าเริ่มชุด "อาวุธของโกวเล้ง" ผมเลยหยุดผนึกกำลังภายใน

หันไปสนใจสาว ๆ แทน อิ อิ

เมื่อซักครู่ TITV เริมรายการย้อนรอยด้วย "หนังกำลังภายใน" น่าสนใจนะครับ ในตรอกเท็กซัส เยาวราช

ถ้ามีโอกาสเข้ากรุง จะลองไปเดินตามหาความฝันที่นั่นซักครั้ง

( กินของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง...ชราแล้วจริง ๆ ฮ่า ฮ่า )


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 30-09-2007, 23:00
อ่านที่พี่แคนเล่าแล้วทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็ก

ถ้าจำไม่ผิด ไทยรัฐสมัยก่อนจะมีการ์ตูนไทย ลายเส้นคล้ายๆของ 'พี่เตรียม' หรือ คุณเตรียม ชาชุมพร ถ้าจำไม่ผิดจะมีชื่อเรื่องว่า 'เพื่อน' ถ้าจำผิดก็ท้วงมานะครับ นั่นล่ะที่ผมติดอ่านไทยรัฐ

หนังสือพิมพ์เล่มอื่นสมัยก่อนที่อ่านก็มีดาวสยาม ตะวันสยาม(มีชื่อนี้หรือเปล่าครับ เอามาจากความทรงจำล้วนๆ กลัวผิดง่ะ) อ่านนิยายของก้องหล้า สุรไกร แม่บ่นประจำว่ารูปที่ประกอบนิยายมันโป๊ ส่วนผมอ่านไปก็ระทึกไป

อ่านเรื่องที่พี่แคนเล่ามา รู้สึกว่าวงการสมัยก่อนก็ดีนะครับ เลี้ยงดูไม่ทิ้งกันดี ถ้าเป็นสมัยนี้มีหวังเอ๊าท์ซอร์สกันอย่างเดียวเพื่อลดต้นทุนบริษัท

ผมจำได้ว่านอกจากอินทรีผงาดฟ้าที่เข้ามาเปิดตลาดนิยายในหนังสือพิมพ์แล้ว ยังมีเรื่อง "ศึกสายเลือด" อีกอันที่เป็นจุดเริ่มต้นของการนำบทโทรทัศน์มาลงหนังสือพิมพ์ พัฒนากลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่จนถึงทุกวันนี้ พวกเพื่อนผมตอนเช้าทำเป็นอ่านกรุงเทพธุรกิจ กับโพสต์ พอตอนบ่ายไทยรัฐ "ฉบับนิยายและกีฬา" กลายเป็นสิ่งที่แย่งกันอ่านไป


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 30-09-2007, 23:11
นิรนามผู้หนึ่ง กล่าวถาม "ใยท่านมาพบเราโดยไม่มีปืน ท่านโง่หรือ?"

นิรนามอีกหนึ่งผู้ "ในมือเราไม่มีปืน และปืนก็มิได้อยู่ที่ใจ"

นิรนามผู้นั้นหัวเราะร่า "ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านนี่โง่ดีแท้ ในมือไม่มีปืน และปืนก็ไม่อยู่ที่ใจ"

ยังไม่สิ้นคำปรามาส พลันกระสุนขนาด 7.63 นาโต้ ก็หมุนควงออกจากลำกล้องปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติแบบ M-14 US Army 

ที่ประทับเล็งด้วยกล้องกำลังขยาย 40 เท่าของบุชเนล แน่นอน มันแม่นเหมือนจับวาง เพราะคนยิงมันมือระดับพระกาฬ

กระสุนนัดนั้นแหวกอากาศดังหวีดหวิว ก่อนหมุนคว้านลงบนเนื้อกลางหน้าผากของนิรนามผู้นั้น และบดแผ่นกระโหลกจนปริแตก

มันสมอง ผิวหนัง และชิ้นกระโหลก แตกกระจายก่อน กระสุนนัดนั้นบิดตัวตีคว้านจนมันสมองแตกทะลักออกมาเหมือนแยมสตรอเบอรี่

แน่นอน นิรนามผู้นั้น มีเวลารู้สึกตัวถึงลมหายใจสุดท้ายไม่กิน 1 วินาที ก่อนล้มหงาย เกร็งกระตุกสองสามครั้ง และแน่นิ่งไป

นิรนามอีกผู้หนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่อร่างนั้น "ในมือเราไม่มีปืน และปืนก็มิได้อยู่ที่ใจ แต่เราให้ใครมาถือปืนแทนก็ได้ มันเป็นเช่นนั้นแหล่ะสหาย"





อือ สมัยนี้เจ้าพ่อที่ไหนเขาลงมือเอง มือปืนเขายอมทำเพื่อเงินมีเยอะแยะไป

ผมนึกถึงเรื่องยอดมือปราบ ลิ้วเชียงโกย(พระเอก)ถามโอ้วลัก(ผู้ร้าย)ว่า ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ท่านทั้งมีชื่อเสียงและเงินทอง ไฉนยังละโมบก่อคดีไม่หยุด

โอ้วลักตอบว่า รอให้ท่านอายุแก่เท่าข้าแล้วจะเข้าใจว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จริงจังยิ่งกว่าเงินทองอีกแล้ว

(http://img154.imageshack.us/img154/8554/efb50fe2cd3.gif)

ซึ่งมันก็จริงแฮะ.....


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-10-2007, 11:26
"อินทรีผงาดฟ้า" ตีพิมพ์ครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ( น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2520 )

ในห้วงรัฐบาลหอยครับ เพราะช่วงนั้นข่าวการเมืองเสนออะไรไม่ได้เลย

นักเขียน-นักแปลที่ไทยรัฐเชิญมาร่วมงาน ก็ทั้ง น.นพรัตน์ และ ว. ณ เมืองลุง

ส่วนหนังสือพ็อคเก็ตบุค จะพิมพ์ตามทีหลัง เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แปล

ผมทันอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เข้าใจว่า "พี่ซูม" จะเป็นตัวตั้งตัวตีคอยลุ้นคอยติดตามงานนี้อย่างออกรส

( เข้าใจว่าพี่ซูม ก็เคยใช้นามปากกา "จิวแป๊ะทง" ฮ่า ฮ่า )


พี่เวทย์ บูรณะ เป็นผู้ดูแล จัดหน้า

พี่เวทย์ บูรณะ เป็นหนึ่งหัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งที่ถูก "สมัคร" ขึ้นบัญชีดำ ห้ามทำงานในหน้าที่หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่ง

โดยยื่นคำขาดกับป๊ะกำพล  เช่นเดียวกับ พินิจ นันทวิจารณ์ และ มานิจ สุขสมจิต หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งถูกปลดยกกระบิ

หากไม่เชื่อฟัง สมัครก็จะปิดหนังสือครับ ด้วยข้อต่อรองที่เจรจากันเช่นนี้ ไทยรัฐจึงเป็นหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเดียวที่ไม่ถูกสั่งปิด

เมื่อหัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งยุคหลัง 14 ตุลาคม 16 ถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษากองบรรณาธิการทั้ง 3 คน

ก็เลยเกิด หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่ง อีกชุด คือ ระวิ โหลทอง จากหน้ากีฬา( ภายหลังมาเป็นเจ้าพ่อวงการสื่อกีฬาในปัจจุบัน )

อีกคนหนึ่งรีไรท์เตอร์จากหน้าภูมิภาคชื่อพี่วิฑูรย์ ( เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว )

หัวหน้าข่าวหน้าหนึ่งยุคนั้นอีกคนหนึ่งคือ "นพพร ตุงคะรักษ์"

นักข่าวนักเขียนอีกคนหนึ่งที่โดนห้ามเขียนคือ สันติ "สามตา" หรือ สันติ เศวตวิมล

เดิม "สามตา" เป็นนามปากการวมของทั้งสอง"สันติ" คือสันติ เศวตวิมล และ สันติ วิริยะฯ ( 2 คนเขียนสลับกัน คนละวัน )

แต่ สันติ วิริยะฯ ไม่โดนเพ่งเล็งมาก เลยเกิดนามปากกา "ใต้ฝุ่น" ในครั้งนั้น ( เขียนต่อได้ แต่ต้องไม่ใช้ "สามตา" )

สันติ เศวตวิมล เลยต้องมาเขียนเรื่อง "เปิบพิสดาร"  ในนาม "แม่ช้อย นางรำ"

ก่อนจะมาเป็นหัวหน้าข่าวบันเทิง บก.ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ก็ย้ายจากหน้าข่าวภูมิภาค มาเป็น "รีไรท์เตอร์" ในยุคนั้น

ห้วงเวลานั้น( ช่วงรัฐบาลหอยเน่า ) นิยายหรือบทละครโทรทัศน์ ก็ถูกนำมาตีพิมพ์ ก่อนที่จะเสนอเป็นละครออกอากาศทางโทรทัศน์

การแย่งชิงลิขสิทธิ์ที่จะนำมาตีพิมพ์ ระหว่าง ไทยรัฐ กับเดลินิวส์ ก็มีประปรายครับแต่ไม่รุนแรง

ในความน่าอภิรมย์ที่ผู้อ่านชื่นชอบ.... ก็มักมีความเจ็บปวดแฝงเร้นเป็นบันทึกหน้าหนึ่งของวงการหนังสือพิมพ์

ภายใต้นักการเมืองในคราบเผด็จการที่ชื่อ...สมัคร สุนทรเวช

เม่ยก็ทราบจากคอลัมน์ของคุณอาซูมในหลายปีต่อมา เล่าเหมือนที่ท่านลุงแคนเล่าในช่วงต้นค่ะว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้น บรรดาคอลัมนิสต์การเมืองตกอยู่ในสภาวะที่วิพากษ์วิจารณ์การเมืองแทบไม่ได้ เลยต้องหาอย่างอื่นมาลงแทน และ "ซูม" ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าทีมลุยอ่านงานนิยายกำลังภายในจากร้านหนังสือเช่า และที่สุดตกลงใจเลือกสองศรีพี่น้อง "น. นพรัตน์" ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 เป็นผู้แปลเรื่อง

และคุณอาซูมเองก็ได้ใช้นามปากกา "จิวแป๊ะทง" เขียน "เซี่ยมล้อยุทธจักร" ในยุคของป๋าเปรมท่านครองตำแหน่งมือกระบี่ที่หนึ่งแห่งแผ่นดินในชื่อจีนว่า "เป็งติ้งสูตั้วกอ" โดยมี น.นพรัตน์ให้คำปรึกษาในเรื่องชื่อฉายาจีนของบรรดานักสู้ผู้กล้าแห่งเซี่ยมล้อยุทธจักร และนิยายยุทธจักรเรื่องนี้ก็ลาโรงไปตามท่านป๋าเปรมที่ประกาศล้างมือในอ่างทองคำด้วยประโยคอมตะ "ผมพอแล้ว"  :D

จำได้ว่า หลังจาก "อินทรีผงาดฟ้า" แล้ว เรื่องต่อมาที่ได้ลงคือ "หลั่งเลือดสะท้านภพ" และ "เพชฌฆาตดาวตก" จากนั้นก็จำไม่ได้แล้วค่ะ  :mrgreen:

ต่อมาก็เข้าสู่ยุคทองของหนังจีนชุดจากฮ่องกง โดยเฉพาะเรื่อง "กระบี่ไร้เทียมทาน" "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" "คมเฉือนคม" ฯลฯ

และเมื่อ "ศึกสายเลือด" ที่ช่อง 3 นำมาฉายโด่งดังไปทั้งยุทธจักรแดนสยาม ไทยรัฐก็ต้องเชิญ น.นพรัตน์ แปลและเรียบเรียงบทโทรทัศน์ลงตีพิมพ์ทุกวัน นับได้ว่าเป็นต้นแบบ ลงติดต่อต่อเนื่องตามมาอีกหลายปีจนถึงช่วงขาลงของหนังจีนชุด จึงถูกแทนที่ด้วยละครไทยที่ฉายช่วงไพรม์ไทม์จนถึงทุกวันนี้

หลังจาก "ศึกสายเลือด" ภาค 1- 2 แล้ว ก็ยังมีหลายเรื่องที่โด่งดังตามมา "ฤทธิ์หมัดสะท้านบู๊ลิ้ม" (ปรมาจารย์เตียซำฮงกับมวยไท้เก๊ก) ภาค 1-2 ศึกสองนางพญา ซูสีไทเฮา บูเช็กเทียน มังกรหยก ฯลฯ

สำหรับคุณสันติ เศวตวิมลนั้น เมื่อใช้นามปากกา "อธิษฐาน" เขียนข่าวคราวในวงการบันเทิงได้น่าอ่าน และหลังจากได้เขียนบทวิจารณ์หนังจีนเรื่องเยี่ยมของ "ฉีเคอะ" คือ "โหด เลว ดี" แบบเต็มหน้าแล้ว แฟน ๆ ก็ต้องคอยตามอ่านบทวิจารณ์ทุกวันอาทิตย์ทีเดียว

ขอบคุณท่านลุงแคนเด้อค่ะที่แวะมาเล่าเบื้องหลัง และความหลังให้ฟังกันค่ะ  :slime_smile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 01-10-2007, 15:47
(http://img452.imageshack.us/img452/7555/lok2fg2zizq1.gif) (http://imageshack.us)

(http://img408.imageshack.us/img408/7226/lok586908025sg4.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-10-2007, 19:08
...
...
...
มาแอบๆแจมครับ

ขอบคุณท่าน THE THIRD WAY มากหลายค่ะ มิต้องแอบเลยค่ะ ขอเชิญไต้เฮียบร่วมวงสนทนาได้อย่างเต็มที่  :slime_smile:

ได้เห็นภาพอันงามล้ำสดใสของ หลิวอวี้เฟย ผู้รับบท "เซียวเหล่งนึ่ง" คนล่าสุดแล้ว นับเป็นโฉมสะคราญอีกผู้หนึ่งอย่างแท้จริง  :slime_inlove:

ปล. ข่าวว่า "กิมย้ง" ให้ความเห็นไว้ว่า หลิวอวี้เฟยผู้นี้ มีรูปโฉมและบุคลิกตรงกับ "เซียวเหล่งนึ่ง" ใน "มังกรหยกภาคสอง" ที่สุด มิทราบจริงเท็จประการใด

(http://img452.imageshack.us/img452/7555/lok2fg2zizq1.gif) (http://imageshack.us)

(http://img408.imageshack.us/img408/7226/lok586908025sg4.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-10-2007, 19:24
อ่านที่พี่แคนเล่าแล้วทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็ก

ถ้าจำไม่ผิด ไทยรัฐสมัยก่อนจะมีการ์ตูนไทย ลายเส้นคล้ายๆของ 'พี่เตรียม' หรือ คุณเตรียม ชาชุมพร ถ้าจำไม่ผิดจะมีชื่อเรื่องว่า 'เพื่อน' ถ้าจำผิดก็ท้วงมานะครับ นั่นล่ะที่ผมติดอ่านไทยรัฐ

หนังสือพิมพ์เล่มอื่นสมัยก่อนที่อ่านก็มีดาวสยาม ตะวันสยาม(มีชื่อนี้หรือเปล่าครับ เอามาจากความทรงจำล้วนๆ กลัวผิดง่ะ) อ่านนิยายของก้องหล้า สุรไกร แม่บ่นประจำว่ารูปที่ประกอบนิยายมันโป๊ ส่วนผมอ่านไปก็ระทึกไป

อ่านเรื่องที่พี่แคนเล่ามา รู้สึกว่าวงการสมัยก่อนก็ดีนะครับ เลี้ยงดูไม่ทิ้งกันดี ถ้าเป็นสมัยนี้มีหวังเอ๊าท์ซอร์สกันอย่างเดียวเพื่อลดต้นทุนบริษัท

ผมจำได้ว่านอกจากอินทรีผงาดฟ้าที่เข้ามาเปิดตลาดนิยายในหนังสือพิมพ์แล้ว ยังมีเรื่อง "ศึกสายเลือด" อีกอันที่เป็นจุดเริ่มต้นของการนำบทโทรทัศน์มาลงหนังสือพิมพ์ พัฒนากลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่จนถึงทุกวันนี้ พวกเพื่อนผมตอนเช้าทำเป็นอ่านกรุงเทพธุรกิจ กับโพสต์ พอตอนบ่ายไทยรัฐ "ฉบับนิยายและกีฬา" กลายเป็นสิ่งที่แย่งกันอ่านไป

อืมม์ เม่ยก็เกิดทันได้อ่านนิยายของ "ก้องหล้า สุรไกร" แต่ลงใน "ไทยรัฐ" นิดหน่อยเหมือนกันค่ะ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีฉากบรรยายติดเรต(อาร์ :mrgreen:) อยู่ไม่น้อย นึกแล้วก็ว่า คล้ายเจมส์ บอนด์ 007 อยู่หลายส่วน  :mrgreen:

สำหรับหนังสือพิมพ์ "ดาวสยาม" นั้นก็ได้หยิบจับอ่านบ้าง ไม่แน่ใจว่า อาคารออฟฟิศถนนราชดำเนินกลางตรงข้ามกองสลากแถวนั้น ดูเหมือนจะมีห้องหนึ่ง เคยเห็นป้ายยี่ห้อติดไว้ว่าเป็น "สำนักพิมพ์ดาวสยาม" ถ้าจำผิดต้องขออภัยค่ะ เพราะนานมากกกกกแล้วจริง ๆ

นอกจาก "ศึกสายเลือด" ที่โด่งดังในไทยรัฐแล้ว นึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คือ "เหยี่ยวถลาลม" แต่ฉายทางช่องเจ็ด ลงให้อ่านฉบับหัวสีบานเย็น "เดลินิวส์"  ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งให้ "หวงเย่อหัว" แจ้งเกิดในวงการ และภายหลังก็ได้รับเลือกให้รับบท "ก๊วยเจ๋ง" ด้วย

ว่าแล้วก็นึกอยากให้เวลาย้อนกลับไปอีกจริง ๆ นะนี่  :slime_v:

 


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-10-2007, 22:16
....

นับแต่โบราณกาลมา ความรักเป็นสิ่งละเอียดอ่อน มีผู้ใดทายใจความรักของผู้ใดได้

ชีวิตรักโกวเล้งมีสีสันแพรวพราย

โกวเล้งเข้าพิธีแต่งงานสองครั้ง ภรรยาคนแรกเป็นพาร์ตเนอร์จากบาร์สุยฮวงนาม "กัวลีลี่" นับเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ภรรยาคนต่อมาเป็นพาร์ตเนอร์ที่มาจากสิงคโปร์นาม "ตั้งป้อจู" ตกแต่งเมื่องานเขียนถึงขีดสุด พวกนางต่างให้กำเนิดบุตรกับโกวเล้งหนึ่งคน ล้วนแล้วแต่มีเค้าหน้าประพิมประพายโกวเล้ง

ความรักแม้ไม่เสื่อมโทรม แต่ความรักที่จีรังยั่งยืนโดยไม่เสื่อมโทรม มีน้อยกว่าน้อย

ภายหลังแต่งงาน โกวเล้งยังคงคบหาเพื่อนหญิง เป็นเหตุให้ชีวิตแต่งงานบังเกิดรอยร้าว สุดท้ายต้องเลิกร้างแยกทาง

ในสายตาเพื่อนพ้องจำนวนหนึ่งเห็นว่า กัวลีลี่มีทุกข์ ตั้งป้อจูเสพสุข  แม้ภายหลังต้องเลิกร้าง แต่ภรรยาทั้งสองหาได้แค้นเคืองไม่ พวกนางยังยกย่อง "โกวเล้งมิเพียงไม่แห้งแล้งน้ำใจ ทั้งยังรักจริง เพียงแต่ความรักมาอย่างเร่งร้อน และจากไปอย่างรวดเร็ว"

โกวเล้งเขียนถึงรอยแผลในหัวใจ ซึ่งสะท้อนภาพตัวเขาไว้ดังนี้

"รอยแผลบนร่างอาจมีร้อยพันแห่ง แต่รอยแผลในหัวใจกลับมีเพียงแห่งเดียว บนร่างมีรอยมีดมากมายสุดคณนานับ ทุกมีดล้วนฟันลงตำแหน่งต่างกัน แต่รอยแผลในหัวใจแตกต่างไป ทุกมีดล้วนฟันลงตำแหน่งเดียวกัน เนื่องเพราะเป็นตำแหน่งที่ฟันได้ง่ายที่สุด เปราะบางที่สุด อ่อนไหวที่สุด และถูกทำร้ายได้ง่ายที่สุด แม้ปิดปากแผล แต่ขอเพียงประหวัดคำนึงถึง จะกำเริบขึ้นทันที"

มีบางเรื่องไม่เกิดสนิมตลอดกาล ความหลังบางประการก็เป็นเช่นกัน เป็นความจริงที่ว่า เรื่องคับแค้นอาดูรของคนผู้หนึ่งก็คือมักครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ตนเองไม่ปรารถนานึกฝัน ดังนั้น ไม่ว่าเป็นรักหรือแค้น ล้วนเป็นความรู้สึกลึกซึ้งกินใจยากลืมเลือน

อาจบางทีความรักเป็นเช่นนี้เอง หากคิดเสพสุขอันหวานชื่นของความรักก็ต้องกล้ำกลืนความกลัดกลุ้มและปวดร้าวที่สืบเนื่องจากความรักด้วย

แต่หากไม่มีการอยู่ร่วม ไหนเลยมีการจำพราก ?

ช่วงเวลานั้น โกวเล้งเขียนเรื่อง "ลี้เปียกเกา" (ตะขอจำพราก) กลับกลายเป็นต้นกำเนิดของคำ "พลัดพรากเพราะเพื่ออยู่ร่วม" อันโด่งดัง

โกวเล้งไม่หล่อเหลาคมคาย รูปกายอ้วนเตี้ย หัวโตเป็นพิเศษ (ในเรื่อง "ไต้นั้งม้วย" - ผู้ยิ่งใหญ่ โกวเล้งเอาบุคลิกของตัวเองมาสร้างเป็นตัวเอกในเรื่อง) แต่เพศตรงข้ามยกย่องชมเชย นั่นก็เนื่องเพราะโกวเล้งมีวาทะศิลป์อันยอดเยี่ยม และมีเอกลักษณ์ประจำตัวอันเป็นแบบฉบับโดดเด่น

"เต็งเช้ง" (น้ำใจ) ตั้งข้อสังเกตไว้

"ชีวิตโกวเล้งไม่เคยขาดหญิงงาม เสน่ห์ของโกวเล้งที่แท้คืออะไร ?

---------------------


...เสน่ห์ของโกวเล้งคือความอ้างว้าง ผู้ที่คบหากับโกวเล้งอย่างลึกซึ้งล้วนทราบว่าโกวเล้งเป็นคนอ้างว้าง มาตรว่านำความหฤหรรษ์และเสียงหัวเราะ แต่ส่วนลึกแล้วอ้างว้างยิ่ง

ไม่เพียงแต่อ้างว้าง หากยังมีรอยแผลที่ลึกล้ำยิ่งสายหนึ่ง รอยแผลที่สาหัสที่สุดคือ ความล้มเหลวของการแต่งงานครั้งสุดท้าย

ครั้งนี้บังเกิดผลสะท้อนและกระทบกระเทือนอย่างใหญ่หลวง เพราะรอยแผลนี้ โกวเล้งเคยท้อแท้ หม่นหมอง และเหลวแหลกระยะหนึ่ง

ทรัพย์สิน อำนาจ ชื่อเสียงและศักดิ์ฐานะ ต่างพอทอดทิ้งได้ง่ายดาย แต่มีความทรงจำบางประการ ความทรงจำที่ปวดร้าวขมขื่น กลับคล้ายเป็นแอกอันหนักอึ้ง สลัดไม่หลุดตัดไม่ขาด ลืมเลือนมิได้ตลอดกาลนาน

โกวเล้งเปรียบการแต่งงานเป็นเช่นป้อมปราการ คนที่อยู่ภายนอกต่างพยายามตีฝ่าเข้าไป คนที่อยู่ภายในต่างกระเสือกกระสนคิดบุกทะลวงออกมา

ผู้ที่ได้ยินคำนี้ต้องมีไม่น้อย แต่ผู้ที่เข้าใจรสชาติของคำนี้อย่างแท้จริงอาจบางทีมีไม่มาก

"ข้าพเจ้า(โกวเล้ง) เคยอยู่ในป้อม ตอนนี้ออกจากป้อมมาแล้ว ตอนอยู่ในป้อมเพียงรู้สึกบางครั้งสุขสันต์ บางครั้งเจ็บปวด บางครั้งรักอย่างมืดฟ้ามัวดิน บางครั้งแค้นจนคิดเสี่ยงชีวิตไปข้างหนึ่ง

ความจริงเป็นรสชาติอย่างไร ข้าพเจ้าเองก็ไม่เข้าใจ ต้นไม้สูงเป็นอย่างไร โดยทั่วไปมักเป็นต้นไม้แห้งเหี่ยว อาจบางทีรากเหง้ายังไม่ตาย แต่กิ่งใบร่วงโรยราหมดสิ้น

ผู้ที่นั่งบนต้นไม้อาจพลัดตกลงมาได้ทุกเมื่อ พลัดตกลงสู่ห้วงเหวที่มองไม่เห็นก้น เนื่องเพราะพวกเขาไม่มีราก ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว

ผู้ที่อยู่ในป้อมมองแต่ไกลเห็นคนผู้หนึ่งอยู่บนต้นไม้สูงนอกป้อม คงต้องเห็นว่าคนผู้นี้ทั้งเย็นสบาย ทั้งปลอดโปร่งใจ แต่รอจนพวกเขานั่งบนต้นไม้สูงนี้ อาจบางทียอมนอนอยู่ในท้องร่องมากกว่า

ข้าพเจ้าพร่ำเพ้อเช่นนี้ มิใช่เกลี้ยกล่อมให้โยกย้ายไปอยู่ในป้อม บุรุษเติบใหญ่พึงแต่งงาน สตรีเติบใหญ่ต้องวิวาห์ ต้นไม้สูงพันวา ใบไม้คืนสู่ราก ชีวิตคนสมควรมีที่ฝากฝ้ง"

ชีวิตไยมิใช่คล้ายการเดินทาง?

ชีวิตคนคล้ายบากบั่นอยู่บนเส้นทางขรุขระทุรกันดาร มีสักกี่คนที่สามารถหาสถานที่พักผ่อนได้ มีบางครั้ง แม้สามารถหาพบก็ไม่มีปัญญาหยุดยั้งลง เนื่องเพราะด้านหลังมีแส้เส้นหนึ่งคอยขับไล่

อาชีพก็คือแส้ หน้าที่ เกียรติภูมิ ความสำเร็จในกิจการ ภาระในครอบครัว อาหาร เครื่องนุ่งห่มของบุตรธิดา หลักประกันในอนาคต เหล่านี้ล้วนเป็นแส้ที่โบยอยู่ด้านหลัง แล้วไหนเลยจะหยุดยั้งลงได้

บางครั้งเรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่ ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิดฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้ง ที่แลกได้มามักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรม

ความจริงแล้ว โกวเล้งเป็นคนมีความรู้สึกอ่อนไหว ขอเพียงมอบให้ต้องเป็นรักแท้ และน้ำใจที่แท้จริง

ในชีวิตของโกวเล้งไม่เคยขาดหญิงงาม แม้จะผูกวาสนากับเพศตรงข้าม แต่เนื่องจากเป็นคนร่อนเร่มาแต่กำเนิด ดังนั้น ไม่เหมาะกับชีวิตแต่งงาน โกวเล้งแต่งงานสองครั้ง แม้ปิดฉากด้วยการจำพราก แต่ชีวิตแต่งงานที่หวานชื่นได้มอบความอบอุ่นแก่หัวใจร่อนเร่ ในเรื่อง "ไต้ตี่ปวยเอ็ง" (ศึกทะเลทราย) มีคำพูดประโยคหนึ่ง

"หากแม้นมีคนบอกว่า ความรักที่แท้จริงมีเพียงครั้งเดียว ไม่มีครั้งที่สอง อย่างนั้นคำกล่าวนี้ มาตรว่าเป็นปรัชญาคำหนึ่ง แต่ไม่อาจนับเป็นเหตุผลอันเที่ยงแท้

เนื่องเพราะความรักสามารถแปรสภาพ แปรเปลี่ยนเป็นน้ำมิตร แปรเปลี่ยนน้ำใจ แปรเปลี่ยนเป็นพึ่งพากันและกัน ถึงกับสามารถแปรปลี่ยนเป็นความแค้น

เมื่อแปรเปลี่ยนได้ก็ลืมเลือนได้ รอจนความรักครั้งแรก แปรสภาพเป็นลางเลือน มักจะบังเกิดครั้งที่สอง ความรักครั้งที่สองก็มักแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังลึกล้ำหวานชื่นเช่นเดียวกับความรักครั้งแรก

แต่ความตายมีเพียงครั้งเดียว ไม่มีครั้งที่สองเด็ดขาด

เรื่องราวทั้งหลายในชีวิตคน มีแต่ความตายจึงไม่มีครั้งที่สองอย่างแท้จริง"

.....




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-10-2007, 22:24
เบ็ดตกกวี-ไม้กวาดทุกข์

สุรากับโกวเล้งเป็นสองสิ่งที่แยกไม่ออก ใต้ปลายปากกาของโกวเล้ง ตัวละครเช่น ชอลิ้วเฮียง เล็กเซียวหงส์ ลี้คิมฮวง เซียวจับอิดนึ้ง ซาเสียวเอี้ย ปึงอุ้ย เอี๊ยบไค เซียวลุ้ย เต็งพ้ง ฯลฯ ไม่เพียงเป็นยอดฝีมือลือเลื่อง มิหนำซ้ำยังเป็นนักดื่มลือลั่น โดยเฉพาะกับเฮ้งต๋ง และก๊วยไต่โล่ว คล้ายต้องการดื่มสุราในโลกให้หมดสิ้น ที่โกวเล้งวาดมโนภาพไว้ อาจบางทีมิใช่ยอดฝีมือชาวยุทธจักร

ดื่มสุราคล้ายเล่นหมากรุก ตนเองเล่นกับตนเอง นับว่าไร้ความหมาย ดื่มสุราเพียงลำพังก็ไร้รสชาติ

........................

สุรา...อะไรคือสุรา?



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 02-10-2007, 21:32
*  เอ้ ... ชอบคำพูดอยู่ประโยคหนึ่ง อ่ะ    พี่เม่ย   เค๊าบอกว่า ........

    "  ข้า .. ขอส่งท่านแค่นี้... แม้ว่าข้าฯ  ส่งท่านพันลี้  เราก็ต้องจากกัน  ... ข้าฯ  ขอส่งท่านแค่นี้ดีกว่า "

    คือ ..............  เอ้  ไม่รู้ว่าประโยคที่ถูกต้องของคำพูดนี้ คือ อะไร

    แต่ ... เดาว่า  น่าจะเป็นหนึ่งในงานเขียนของ  โกวเล้ง  .....

    เอ่อ ........  พอจะรู้ป่าวค่ะ  ว่า  คำพูดที่ถูกต้อง คือ อะไรกันอ่ะ

    (  ถามมาหลายคนแล้ว ............  ไม่มีใครยืนยันสักคน )  


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 03-10-2007, 02:21
*  เอ้ ... ชอบคำพูดอยู่ประโยคหนึ่ง อ่ะ    พี่เม่ย   เค๊าบอกว่า ........

    "  ข้า .. ขอส่งท่านแค่นี้... แม้ว่าข้าฯ  ส่งท่านพันลี้  เราก็ต้องจากกัน  ... ข้าฯ  ขอส่งท่านแค่นี้ดีกว่า "

    คือ ..............  เอ้  ไม่รู้ว่าประโยคที่ถูกต้องของคำพูดนี้ คือ อะไร

    แต่ ... เดาว่า  น่าจะเป็นหนึ่งในงานเขียนของ  โกวเล้ง  .....

    เอ่อ ........  พอจะรู้ป่าวค่ะ  ว่า  คำพูดที่ถูกต้อง คือ อะไรกันอ่ะ

    (  ถามมาหลายคนแล้ว ............  ไม่มีใครยืนยันสักคน )  

ประโยคทำนองนี้เห็นในหนังกำลังภายในทางทีวีเขาจะพากษ์ว่า

"ส่งกันพันลี้ มิแคล้วจากกัน"

จากนั้นคนพูดก็จะยกสองมือขึ้นคารวะ แล้วพูดต่อว่า

"...(ชื่ออีกฝ่าย).. รักษาสุขภาพด้วย"

อีกฝ่ายก็จะตอบอะไรนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายจากกัน

ไม่แน่ใจว่าเป็นสำนวนของโกวเล้งหรือเปล่า แต่คิดว่า
น่าจะเป็นคำพังเพยของจีนมากกว่าครับ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 03-10-2007, 18:50
ประโยคทำนองนี้เห็นในหนังกำลังภายในทางทีวีเขาจะพากษ์ว่า

"ส่งกันพันลี้ มิแคล้วจากกัน"

จากนั้นคนพูดก็จะยกสองมือขึ้นคารวะ แล้วพูดต่อว่า

"...(ชื่ออีกฝ่าย).. รักษาสุขภาพด้วย"

อีกฝ่ายก็จะตอบอะไรนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายจากกัน

ไม่แน่ใจว่าเป็นสำนวนของโกวเล้งหรือเปล่า แต่คิดว่า
น่าจะเป็นคำพังเพยของจีนมากกว่าครับ


ขอบคุณคุณ jerasak มากค่ะ

เม่ยก็เข้าใจว่าเป็นคำพังเพยของจีนมากกว่านะคะ ได้ไปเรียนถามญาติผู้อาวุโสเพิ่มเติมมาค่ะ

ได้ต้นฉบับภาษาจีนว่า ดังนี้

送君千里,终须一别。

ภาษาจีน(แต้จิ๋ว) ที่ใช้แปลในนิยายกำลังภายในแต่เดิมอ่านว่า "ซั่งกุงเชย(โชย) ลี่, จ่งซูเจ่กเปี๊ยก"

แปลตรงตัวได้ความว่า "ส่งท่านพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน"



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 03-10-2007, 20:52
ขอบคุณคุณ jerasak มากค่ะ

เม่ยก็เข้าใจว่าเป็นคำพังเพยของจีนมากกว่านะคะ ได้ไปเรียนถามญาติผู้อาวุโสเพิ่มเติมมาค่ะ

ได้ต้นฉบับภาษาจีนว่า ดังนี้

送君千里,终须一别。

ภาษาจีน(แต้จิ๋ว) ที่ใช้แปลในนิยายกำลังภายในแต่เดิมอ่านว่า "ซั่งกุงเชย(โชย) ลี่, จ่งซูเจ่กเปี๊ยก"

แปลตรงตัวได้ความว่า "ส่งท่านพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน"





    ผมก็คิดเหมือนกันกับคุณ เม่ย ครับ :slime_bigsmile:


      ผมเองก็ศิษย์เสียวลิ้มยี่อ่ะ  แหะๆๆ  แต่ตำราอาจารย์ท่านทวงกลับหมดแล้ว
:slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-10-2007, 21:27
เบ็ดตกกวี-ไม้กวาดทุกข์

สุรากับโกวเล้งเป็นสองสิ่งที่แยกไม่ออก ใต้ปลายปากกาของโกวเล้ง ตัวละครเช่น ชอลิ้วเฮียง เล็กเซียวหงส์ ลี้คิมฮวง เซียวจับอิดนึ้ง ซาเสียวเอี้ย ปึงอุ้ย เอี๊ยบไค เซียวลุ้ย เต็งพ้ง ฯลฯ ไม่เพียงเป็นยอดฝีมือลือเลื่อง มิหนำซ้ำยังเป็นนักดื่มลือลั่น โดยเฉพาะกับเฮ้งต๋ง และก๊วยไต่โล่ว คล้ายต้องการดื่มสุราในโลกให้หมดสิ้น ที่โกวเล้งวาดมโนภาพไว้ อาจบางทีมิใช่ยอดฝีมือชาวยุทธจักร

ดื่มสุราคล้ายเล่นหมากรุก ตนเองเล่นกับตนเอง นับว่าไร้ความหมาย ดื่มสุราเพียงลำพังก็ไร้รสชาติ

........................

สุรา...อะไรคือสุรา?



ก่อนที่จะเสียชีวิตไม่นาน โกวเล้งเขียนบทความชื่อ "ชุบชีวิตจากสุรา" บรรยายถึงชีวิตที่ผ่านมา ดังนี้

"ข้าพเจ้า (โกวเล้ง) ความจริงเป็นนักดื่ม และดื่มจัด เคยดื่มกับคนมีชื่อเสียง ทั้งยังเคยประลองสุรากัน

ผู้ที่มีชื่อในการเดิม ไม่แน่ว่าจะดื่มได้จริง ๆ บางท่านชนะเพราะดื่มเป็นเวลานานปี บางท่านชนะเพราะดื่มช้า ยังมีบางท่านที่มีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม

"กองทัพตั้งได้โดยง่าย ยอดขุนพลยากเสาะแสวง" คนดื่มสุราแม้มีจำนวนมาก แต่ที่นับเป็นเอกมีเพียงไม่กี่คน

ในวงการบันเทิง "หวังอยู่" นับเป็นนักดื่ม ไม่เพียงดื่มติดต่อกันได้สิบกว่าจอก มิหนำซ้ำสามารถสู้ศึกอย่างยาวนาน บวกกับฝีมือแคล่วคล่อง ไหวพริบปราดเปรียว ชมชอบเล่นทายนิ้วมือ ต่อให้เอาชนะในเชิงสุราท่านไม่ได้ ก็สามารถปรับท่านดื่มสุราจนต้องพ่ายแพ้ไป

"ฉีเส้าเฉียน" ก็นับเป็นยอดฝีมือ ดื่มสุราทั้งรวดเร็ว ทั้งมั่นคง ทั้งดุเดือด ขอเพียงเล็งโอกาสเหมาะ บางครั้งจะคารวะสุราท่านติดต่อกันหลายจอก มิหนำซ้ำสุราที่ดื่มเป็นบรั่นดีที่ทั้งไม่ผสมน้ำ และไม่เติมน้ำแข็ง ดื่มจนกระทั่งล้มพับค่อยยุติ แต่คิดโค่นเขาล้มพับลงไม่นับว่าง่ายนัก

...

สุรา...อะไรคือสุรา?

ในเรื่อง "เดชขนนกยูง" มีคำพูดประโยคหนึ่ง

"สุรา มิใช่น้ำอมฤตที่พอจะบันดาลให้ผู้คนสุขสันต์หรรษา ร่าเริงแจ่มใส แต่สุราคือเปลือกชนิดหนึ่ง คล้ายเปลือกที่หอยทากลากไป พอจะให้หนีเข้าไปซุกซ่อนภายใน อย่างนั้น แม้นับว่าผู้อื่นเหยียบไล่ ก็ไม่เห็นอีก คนยามมีชีวิตอยู่ในโลก ย่อมมีวันเวลาแห่งความภาคภูมิ มีช่วงเวลาที่ไม่สมปรารถนา ดังนั้น คนประดิษฐ์สุราขึ้น สุราเป็นเพื่อนของมนุษยชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ประสบความผิดหวัง คนผิดหวังดื่มสุรา เพื่ออาศัยสุราราดรดทุกข์ คนที่ภาคภูมิ พอดื่มสุราก็แสดงออกถึงความรื่นเริง"

สุราดีใช่ต้องมีราคาแพงหรือไม่?

สุราที่สามารถกรอกผู้คนจนเมามาย นับเป็นสุราที่ดี สุราที่ไม่เมามาย ไหนเลยได้ชื่อว่าสุรา อย่าว่าแต่สุราที่ไม่เมามายโดยง่าย หากเมามายยากจะฟื้นตื่นได้ คล้ายกับบุคคลที่น่ารักที่สุด บางครั้งมักเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด

สุราดีเลว หาใช่อยู่ที่ตัวสุรา แต่อยู่ที่อารมณ์ของผู้ดื่ม ท่านหากคับแค้นรันทดจนสุดซึ้ง มาตรว่าเป็นสุราชั้นยอดของแผ่นดิน ยามล่วงล้ำผ่านลำคอก็ขมฝาดยิ่ง

ข้อความต่อไปนี้เป็นบทความเชิงร้อยแก้วชื่อ "จิตใจคนเสเพลมีแต่สุรา" ซึ่งโกวเล้งเขียนให้กับนิตยสารเฟรชรายสัปดาห์ของฮ่องกง ถ่ายทอดความรู้สึกทางใจให้สหายทั้งหลายของเขาได้ส้องเสพร่วมกัน

"การดื่มสุราเป็นเรื่องน่ายินดีประการหนึ่ง แต่ดื่มสุราจนเมามายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

หลังจากที่ท่านดื่มจนเมามาย วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมา มักไม่อยู่ที่ริมฝั่งหลิว และไม่มีลมอรุณเดือนใกล้ลับ

หลังจากที่ท่านสร่างเมาตื่นขึ้นมา เพียงรู้สึกว่าศีรษะของท่านพองโตกว่าปรกติห้าหกเท่า มิหนำซ้ำปวดแทบตาย โดยเฉพาะครั้งแรกที่ดื่มจนเมามายยิ่งแทบตาย

ข้าพเจ้ามีประสบการณ์เช่นนี้

ตอนนั้น ข้าพเจ้ากำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้ากัง อยู่ที่ต้าสุ่ย นักศึกษาหลายคนเสนอให้ดื่มสุรา ดังนั้น ทั้งหมดช่วยกันหาสุรากลับมาหลายขวด

ตอนนั้น มีประมาณห้าหกคน หาสุรามาเจ็ดแปดขวด ทั้งสุราจีน สุราต่างประเทศ สุราอั้งโล่ว สุราโอวบ๊วย สุราข้าวเก่า สุมรวมกันกองหนึ่ง ซื้อหาหัวเป็ด ตีนไก่ ถั่วลิสง เต้าหู้ก้อน ดื่มในบ้านซอมซ่อของนักศึกษาซึ่งอยู่ต้าสุ่ย เช่าเดือนละหนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญ ดื่มจนได้ที่ก็โยกย้ายที่มั่นไปยังเขื่อนฝังปอริมทะเลสาบต้าสุ่ย

มิใช่ริมฝั่งหลิว หากแต่เป็นเขื่อนฝังปอ

วันนั้นก็ไม่มีจันทร์ มีแต่ดาว...ดาวแพรวพราย

ทุกคนถือขวดสุรา นอนบนเขื่อนซีเมนต์ที่เย็นเฉียบ นอนอยู่ใต้ประกายดาวสกาว ฟังเสียงลมทะเล ฟังเสียงคลื่นกระทบเขื่อน

ท่านส่งขวดสุราแก่เขา เขาดื่มคำหนึ่ง ส่งขวดสุราแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าดื่มคำหนึ่ง ผลัดเปลี่ยนกันดื่มรอบหนึ่ง ทั้งหมดก็เริ่มแข่งขันกันผายลม ผู้ใดผายไม่ออก ถูกปรับให้ดื่มสุราคำหนึ่ง

คิดผายลมออกมาทุกเมื่อ มิใช่เรื่องง่ายดาย ผู้ที่ฝึก "ไม้ตาย" เช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียว เขาบอกผายก็ผาย ไม่เคยยืดยาดเยิ่นเย้อมาก่อน

ดังนั้น เขาผายลมอย่างไม่คิดชีวิต พวกเราได้แต่ดื่มสุราอย่างไม่คิดชีวิต

วันนั้น ทั้งหมดดื่มอย่างสมใจแทบตาย เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นก็ทรมานแทบตาย

แต่ยามนี้ประหวัดหวนนึก ความรู้สึกทรมานไม่คงเหลืออยู่แม้แต่น้อย ความหรรษาและน้ำมิตรเช่นนั้น เสียงคลื่นและหมู่ดาวในคืนนั้น คล้ายถูกมีดบินของลี้น้อยสลักเสลาใส่ใจ สลักเสลาอย่างล้ำลึกนัก

:slime_inlove: "ร่ำสุราพึงเมามาย วาจาหลังเมามาย เป็นคำพูดจากดวงใจ" :slime_inlove:

.................


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 05-10-2007, 21:39


......

:slime_inlove: "ร่ำสุราพึงเมามาย วาจาหลังเมามาย เป็นคำพูดจากดวงใจ" :slime_inlove:

.................

ชอบประโยคเด็ดประโยคนี้ของอาจารย์โก้วเล้งมากที่สุดครับ    :slime_bigsmile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-10-2007, 19:33
ชอบประโยคเด็ดประโยคนี้ของอาจารย์โก้วเล้งมากที่สุดครับ    :slime_bigsmile:



ระวังถูกล้วงความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายนะคะ  :slime_bigsmile:

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ทว่าคนผู้หนึ่ง หากร่ำดื่มจนเมามาย พฤติกรรมย่อมผิดแปลกจากปกติธรรมดา ในเรื่อง "จับอิดนึ้ง" มีคำกล่าวประโยคหนึ่ง

" ตอนที่เมามายจริง ๆ ทั้งไม่เจ็บปวดรวดร้าว ทั้งไม่รื่นเริงหฤหรรษ์ ลืมเลือนอดีตกาล ปราศจากอนาคต แม้แต่ปัจจุบัน เนื่องเพราะห้วงสมองเวิ้งว้างว่างเปล่า ตอนที่เมามายจริง ๆ ทั้งมิได้คำนึงถึงผู้อื่น และมิได้ครุ่นคิดถึงตนเอง แม้แต่เรื่องที่ตนเองกระทำ ก็คล้ายพฤติการณ์ของผู้อื่น ไม่มีส่วนสัมพันธ์กับตน

แต่ยามเมื่อคนผู้หนึ่งเมามายจริง ๆ เรื่องที่กระทำออกมา ย่อมต้องเพราะเพื่อคนผู้หนึ่งและคนผู้นั้นย่อมเป็นที่สลักฝังใจยากลืมเลือน มาตรแม้นห้วงสมองเวิ้งว้างว่างเปล่า คนผู้นั้นยังประดับในห้วงดวงใจ ตราตรึ่งในห้องสมอง ผูกพันสนิทกับจิตใจ ผู้ที่เมามายจริง ๆ จะกระทำเรื่องเช่นนั้นโดยไม่คำนึงถึงทุกสรรพสิ่ง แม้กระทั่งตัวเองก็มิทราบว่ากำลังกระทำเรื่องราวใด มีแต่ผู้เมามายจริง ๆ จึงสามารถเข้าใจซึ้งถึงความรู้สึกนี้ เป็นความรู้สึกที่ยากทนทานรับได้จริง ๆ"

......


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-10-2007, 19:49

ทว่าคนผู้หนึ่ง หากร่ำดื่มจนเมามาย พฤติกรรมย่อมผิดแปลกจากปกติธรรมดา ในเรื่อง "จับอิดนึ้ง" มีคำกล่าวประโยคหนึ่ง

" ตอนที่เมามายจริง ๆ ทั้งไม่เจ็บปวดรวดร้าว ทั้งไม่รื่นเริงหฤหรรษ์ ลืมเลือนอดีตกาล ปราศจากอนาคต แม้แต่ปัจจุบัน เนื่องเพราะห้วงสมองเวิ้งว้างว่างเปล่า ตอนที่เมามายจริง ๆ ทั้งมิได้คำนึงถึงผู้อื่น และมิได้ครุ่นคิดถึงตนเอง แม้แต่เรื่องที่ตนเองกระทำ ก็คล้ายพฤติการณ์ของผู้อื่น ไม่มีส่วนสัมพันธ์กับตน

แต่ยามเมื่อคนผู้หนึ่งเมามายจริง ๆ เรื่องที่กระทำออกมา ย่อมต้องเพราะเพื่อคนผู้หนึ่งและคนผู้นั้นย่อมเป็นที่สลักฝังใจยากลืมเลือน มาตรแม้นห้วงสมองเวิ้งว้างว่างเปล่า คนผู้นั้นยังประดับในห้วงดวงใจ ตราตรึ่งในห้องสมอง ผูกพันสนิทกับจิตใจ ผู้ที่เมามายจริง ๆ จะกระทำเรื่องเช่นนั้นโดยไม่คำนึงถึงทุกสรรพสิ่ง แม้กระทั่งตัวเองก็มิทราบว่ากำลังกระทำเรื่องราวใด มีแต่ผู้เมามายจริง ๆ จึงสามารถเข้าใจซึ้งถึงความรู้สึกนี้ เป็นความรู้สึกที่ยากทนทานรับได้จริง ๆ"

......



โกวเล้งอาศัยปากกาด้ามเดียวได้มาแทบทุกสิ่ง ที่ไม่สมควรมีล้วนมีแล้ว แต่โดวเล้งยังคงอ้างว้าง ว้าเหว่และขมขื่น เป็นความอ้างว้างทางใจที่สุดจะทนทานได้ โกวเล้งเขียนโคลงไว้บทหนึ่ง "กาลเวลารุมเร่งเร้า ความหลังราวกระบี่จากฝักไม่คืนกลับ กลางวิกาลคนไม่เมามายล้มพับ ผู้ใดร่วมคว่ำจอกกับข้าพเจ้า"

และยังเขียนร้อยแก้วบทหนึ่ง บรรยายถึงชีวิตที่ผ่านมาดังนี้

"วิกาลดึกสงัด สรรพเสียงเงียบสงบ สร่างเมาตื่นขึ้นมา พลันพบเห็นผู้นอนเคียงข้างกาย ถึงกับเป็นคนที่กระทั่งชื่อแซ่ก็ยังไม่รู้จัก รสชาติเช่นนี้ท่านเคยลิ้มลองหรือไม่?"

ในเสียงโห่ร้องยกย่องเยินยอ เมื่อกลับบ้านเพียงลำพัง นั่งอยู่ริมหน้าต่างอันมืดมิด เพียงหวังให้ฟ้าสว่างโดยเร็ว จิตใจเช่นนี้ ท่านเคยได้คำนึงถึงบ้างหรือไม่?

ค่ำคืนนี้เริงร่าหรรษา สนุกสนานสมปรารถนาทุกเรื่องราว แต่กระทั่งตนเอง วันพรุ่งนี้จะอยู่ที่ใดก็ยังไม่ทราบ กระทั่งค่ำคืนนี้จะเมามายในที่ใดก็ยังไม่ทราบ?

ลมอรุณเฉื่อยฉิวลูบไล้เดือนค้างฟ้า แม้เป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นความงามที่เยือกเย็นวังเวงเพียงใด บีบคั้นจิตใจผู้คนให้แหลกสลายเพียงไหน? ความสุขสันต์หรรษาเช่นนี้ ท่านยินดีไปเสพรับหรือไม่?

หากแม้นท่านต้องการสิ่งใดก็มีสิ่งนั้น ชีวิตยังจะมีสิ่งมีค่าใดให้ท่านไปเสาะแสวงหา?

ความอ้างว้างเช่นนี้มีผู้ใดทราบ?

ข้าพเจ้า (โกวเล้ง) ทราบ

เนื่องเพราะข้าพเจ้าก็เป็นคนในยุทธจักร เป็นคนพเนจรไม่มีราก หากมีคนว่าข้าพเจ้ากำลังฆ่าตัวตายช้า ๆ แส่หาที่ตายเอง นั่นก็เนื่องเพราะคนผู้นั้นยังไม่ทราบในมือข้าพเจ้ามีสุราพิษ (คำสุราพิษแผลงจากวิถีชีวิตที่ขมขื่น) อยู่ก่อนแล้ว

"แน่นอนย่อมเป็นสุราพิษที่ดีที่สุด"

"บางครั้งหารัก บางคราหาสุรา บางครั้งกระชับดาบ บางคราจับพู่กัน ระหว่างความเป็นตาย เพียงชั่วพริบตา ตายแล้วจะเป็นไร...เพียงหวังคนมั่งมีเงินทอง เพียงหวังคนร่วมเรียงเคียงหมอน วิกาลเลิศล้ำ ข้าพเจ้าอยู่เดียวดาย ผู้ใดร่วมเมามายกับข้าพเจ้า"

....



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 13-10-2007, 13:26
โกวเล้งอาศัยปากกาด้ามเดียวได้มาแทบทุกสิ่ง ที่ไม่สมควรมีล้วนมีแล้ว แต่โดวเล้งยังคงอ้างว้าง ว้าเหว่และขมขื่น เป็นความอ้างว้างทางใจที่สุดจะทนทานได้ โกวเล้งเขียนโคลงไว้บทหนึ่ง "กาลเวลารุมเร่งเร้า ความหลังราวกระบี่จากฝักไม่คืนกลับ กลางวิกาลคนไม่เมามายล้มพับ ผู้ใดร่วมคว่ำจอกกับข้าพเจ้า"

และยังเขียนร้อยแก้วบทหนึ่ง บรรยายถึงชีวิตที่ผ่านมาดังนี้

"วิกาลดึกสงัด สรรพเสียงเงียบสงบ สร่างเมาตื่นขึ้นมา พลันพบเห็นผู้นอนเคียงข้างกาย ถึงกับเป็นคนที่กระทั่งชื่อแซ่ก็ยังไม่รู้จัก รสชาติเช่นนี้ท่านเคยลิ้มลองหรือไม่?"

ในเสียงโห่ร้องยกย่องเยินยอ เมื่อกลับบ้านเพียงลำพัง นั่งอยู่ริมหน้าต่างอันมืดมิด เพียงหวังให้ฟ้าสว่างโดยเร็ว จิตใจเช่นนี้ ท่านเคยได้คำนึงถึงบ้างหรือไม่?

ค่ำคืนนี้เริงร่าหรรษา สนุกสนานสมปรารถนาทุกเรื่องราว แต่กระทั่งตนเอง วันพรุ่งนี้จะอยู่ที่ใดก็ยังไม่ทราบ กระทั่งค่ำคืนนี้จะเมามายในที่ใดก็ยังไม่ทราบ?

ลมอรุณเฉื่อยฉิวลูบไล้เดือนค้างฟ้า แม้เป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นความงามที่เยือกเย็นวังเวงเพียงใด บีบคั้นจิตใจผู้คนให้แหลกสลายเพียงไหน? ความสุขสันต์หรรษาเช่นนี้ ท่านยินดีไปเสพรับหรือไม่?

หากแม้นท่านต้องการสิ่งใดก็มีสิ่งนั้น ชีวิตยังจะมีสิ่งมีค่าใดให้ท่านไปเสาะแสวงหา?

ความอ้างว้างเช่นนี้มีผู้ใดทราบ?

ข้าพเจ้า (โกวเล้ง) ทราบ

เนื่องเพราะข้าพเจ้าก็เป็นคนในยุทธจักร เป็นคนพเนจรไม่มีราก หากมีคนว่าข้าพเจ้ากำลังฆ่าตัวตายช้า ๆ แส่หาที่ตายเอง นั่นก็เนื่องเพราะคนผู้นั้นยังไม่ทราบในมือข้าพเจ้ามีสุราพิษ (คำสุราพิษแผลงจากวิถีชีวิตที่ขมขื่น) อยู่ก่อนแล้ว

"แน่นอนย่อมเป็นสุราพิษที่ดีที่สุด"

"บางครั้งหารัก บางคราหาสุรา บางครั้งกระชับดาบ บางคราจับพู่กัน ระหว่างความเป็นตาย เพียงชั่วพริบตา ตายแล้วจะเป็นไร...เพียงหวังคนมั่งมีเงินทอง เพียงหวังคนร่วมเรียงเคียงหมอน วิกาลเลิศล้ำ ข้าพเจ้าอยู่เดียวดาย ผู้ใดร่วมเมามายกับข้าพเจ้า"

....



ข้อความต่อไปนี้ชื่อ "มิใช่ล้ำค่า" เป็นโกวเล้งเขียนไว้ก่อนเสียชีวิตไม่นาน

"มีอยู่วันหนึ่ง เหง่ยคัง ถามข้าพเจ้าว่า "โลกนี้มีของเหลวที่ล้ำค่าที่สุดสองชนิด ชนิดหนึ่งคือสุรา อีกชนิดหนึ่งคืออะไร? ข้าพเจ้าตอบว่าน้ำ เหง่ยคัง ชมว่า "ใช่ ข้าพเจ้าถามคนหลายคน มีแต่ท่านที่ตอบถูก"

ซึ่งความจริงข้าพเจ้าผิดมหันต์ น้ำเป็นสิ่งจำเป็น เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ เมื่อขาดน้ำคนต้องตาย แต่ไม่อาจใช้คำว่า "ล้ำค่า" มาเปรียบเปรยน้ำ เช่นเดียวกับที่มีคนถามว่า "โลกนี้มีวัตถุล้ำค่าที่สุดสองชนิด ชนิดหนึ่งคือเพชร อีกชนิดหนึ่งคืออะไร?" ข้าพเจ้าไม่อาจตอบว่าเป็นข้าว และไม่อาจตอบว่าสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดมิใช่เพชร แต่เป็นยูเรเนียม

เนื่องเพราะพวกเราเป็นคน เป็นคนธรรมดา มีทัศนคติธรรมดา ความรู้สึกนึกคิดธรรมดา ในสายตาพวกเรา ของที่ "ล้ำค่า" กับ "จำเป็น" แตกต่างกัน กระทั่ง "คุณค่า" ก็แตกต่างกัน

ดังนั้น ข้าพเจ้าบอกว่าข้าพเจ้าตอบคำถามนี้ผิด แต่มิใช่ความผิดของข้าพเจ้า หากแต่เป็นเหง่ยคังถามผิด เนื่องเพราะโลกนี้มีของเหลวที่ล้ำค่าเพียงชนิดเดียว ของเหลวชนิดนี้คือ "สุรา"

เนื่องเพราะมีแต่สุราจึงสามารถทำให้ผู้คนลืมเรื่องที่ไม่สมควรนึกถึง และเรื่องน่าเศร้าที่สุดของผู้คน คือ นึกถึงเรื่องที่พวกเขาไม่สมควรนึกถึง

นอกจาก "ความตาย" แล้ว มีแต่สุราจึงสามารถทำให้ผู้คนลืมเลือนเรื่องเหล่านี้

ความตายช่างล้ำค่าปานนั้น มีเพียงครั้งเดียว ไม่มีครั้งที่สองเด็ดขาด"

ป่วยเรื้อรังเพราะสุรา อาการป่วยเพราะสุรา ความจริงเป็นเรื่องสุนทรีย์ยิ่ง แต่ป่วยจนตับอักเสบ นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ตอนที่โกวเล้งป่วย แพทย์สั่งห้ามแตะต้องสุราอย่างเด็ดขาด วันเวลาของโกวเล้งคล้ายเปลี่ยนเป็นยาวนานขึ้น เพื่อนพ้องเปลี่ยนเป็นลดน้อยลง ปกติมักมีผู้คนมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน ตอนนี้ล้วนบอกว่า "เด็กน้อยนั้นไม่ดื่มสุราแล้ว ไปก็ไม่มีความหมาย ย่อมไม่อาจนั่งตาจ้องตากันสองต่อสอง" ยังมีเพื่อนที่ทำคอมพิวเตอร์บอกกับโกวเล้งว่า "เมื่อก่อนพอเห็นโกวเล้งดื่มสุราก็นึกกลัวยิ่ง กลัวว่าจะถูกจับกรอกเมามาย ไม่กล้าชวนไปทานข้าว เดี๋ยวนี้โกวเล้งงดสุรา คิดชวนไปทานข้าว ดูเหมือนเปลี่ยนเป็นไม่มีความหมายแล้ว"

แต่ปีศาจสุรา หากขาดสุรา เท่ากับปลาที่ถูกจับขึ้นจากน้ำ ไหนเลยมีชีวิตอยู่ได้!

ในที่สุด โกวเล้งก็ไม่อาจทนทานความเงียบเหงาได้

ก่อนสิ้นใจไม่กี่วัน โกวเล้งชักชวนเพื่อนพ้องออกไปร่ำดื่มอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดินสามวันสามคืน เมามายแล้วนอน ตื่นแล้วดื่มต่อ ดื่มแล้วเมามายอีก ฟื้นตื่น ร่ำดื่มหลายครั้งหลายหน เพื่อนพ้องหวาดกลัวกันถ้วนหน้า ไม่ยอมร่วมดื่มด้วย แต่โกวเล้งยังร่ำดื่มจนไม่ได้สติ แม้ทราบดีว่าร่างกายไม่อาจแตะต้องสุรา พอดื่มสุราลงไป ไม่มีตับคอยกรอง โลหิตประดังขึ้นมา แต่โกวเล้งมิได้คำนึงถึงความใดๆ ร่ำดื่มอยู่สามวันสามคืน หมดเงินไปสามแสนเหรียญไต้หวัน ในที่สุดทางเดินอาหารปริแตก กระอักโลหิตออกมาจำนวนมาก

ชีวิตของโกวเล้ง คล้ายดั่งมีความคับแค้นกับสุรา ต้องดื่มสุราประดามีในใต้หล้าจนหมดสิ้นจึงยอมเลิกรา

แต่สุราในใต้หล้า ไหนเลยดื่มได้หมดสิ้น

คิดอาศัยสุราราดรดทุกข์ ทุกข์กลับทัมถมทวีคูณ!



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 13-10-2007, 16:56


ต้องขอขอบคุณคุณ  aiwen^mei  เป็นอย่างยิ่งที่นำเรื่องราว

 ทั้งนิยาย และคารมคำพูดอันคมคาย  ของ โก้วเล้งมาให้อ่านครับ

 ถ้ามีเวลารบกวนคุณ  aiwen^mei นำมาลงต่อๆไปนะครับ ขอบคุณครับ
:slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-10-2007, 10:58


    ผมก็คิดเหมือนกันกับคุณ เม่ย ครับ :slime_bigsmile:


      ผมเองก็ศิษย์เสียวลิ้มยี่อ่ะ  แหะๆๆ  แต่ตำราอาจารย์ท่านทวงกลับหมดแล้ว
:slime_bigsmile:




ใจดีจัง ที่ท่าน ขวานผ่าซาก (เปลี่ยนชื่อหรือคะนี่) คืนอาจารย์ไปหมดเลย ส่วนเม่ยเหลือเก็บอยู่บ้างเล็กน้อย  :mrgreen:

ตอนเรียนชั้นประถม ท่านพ่อท่านแม่ส่งเข้าเรียนโรงเรียนจีนค่ะ แต่เสียดายว่า ยังอยู่ในช่วงที่ประเทศจีนยังเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ยากจน ดังนั้น โรงเรียนจีนทั้งหลายจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเอกชนอยู่แล้ว โรงเรียนไหนที่เลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็ปล่อยให้ปิดตัวลง จนเป็นที่มาของคำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน"

ฟังผู้ใหญ่เล่าว่า ก่อนหน้านั้น บางบ้านที่มีการเรียนสอนภาษาจีนเป็นการส่วนตัวถูกตรวจค้นและโดนยัดข้อหาว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" ก็มีค่ะ

เมื่อเย็นวาน ระหว่างดู "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" นึกถึงสำนวนจีนอมตะ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"

จึงเรียนถามท่านผู้อาวุโสถึงต้นฉบับภาษาจีน ขอนำมาฝากท่านขวานผ่าซากนะคะ

路遥知马力,日久见人心

(สำเนียงแต้จิ๋วว่า โหล่วเอี้ยวไจแบ๋ลัก หยิกกู้เกี้ยงหนั่งซิม)


ต้องขอขอบคุณคุณ  aiwen^mei  เป็นอย่างยิ่งที่นำเรื่องราว

 ทั้งนิยาย และคารมคำพูดอันคมคาย  ของ โก้วเล้งมาให้อ่านครับ

 ถ้ามีเวลารบกวนคุณ  aiwen^mei นำมาลงต่อๆไปนะครับ ขอบคุณครับ
:slime_v:

ไม่เป็นไร หามิได้ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ และพอดีเป็นของโปรดอย่างหนึ่งด้วยล่ะค่ะ

ความเห็นข้างต้นพูดถึงความสามารถในเชิงสุราของปีศาจสุรา เมื่อพูดถึงสุราทีไร บ่อยครั้งทำให้ นึกถึง "ลี้คิมฮวง" เพราะดูเหมือนลี้ถ้าฮวยไต้เฮียบท่านจะดื่มสุราราดรดทุกข์จริง ๆ  :mozilla_cry:

มีคลิปวิดีโอเพลงไตเติ้ลเรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" มาฝาก เป็นเวอร์ชั่นของไต้หวัน โดย "เจียวเอินจวิ้น" รับบท "ลี้คิมฮวง" นะคะ

http://www.tudou.com/programs/view/Qj6XQIC8_1o/

 :slime_smile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 14-10-2007, 13:53


   ขอคุณคุณ aiwen^mei  路遥知马力,日久见人心

   ผมว่าน่าจะแปลให้ได้สำนวนเดิมก็ต้อง "หนทางพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจของคน"

   ในไตเติ้ลที่คุณ  aiwen^mei นำมาหลังเพลงจบ  สำเนียงจีนกลาง  มันมี เซี่ยวหลี่เฟยเตา

   มีดบินลี้น้อย  กับ  เซี่ยวหลีฉังเตา  ซ่อนดาบในรอยยิ้ม  อิอิ  ผมสมัยเมื่อเด็กก็คง เป็นช่วงเดียวกับคุณ เว่ย

   แหละครับ  รัฐบาลสมัยนั้น มีกฏหมายคอมมูนิตย์  ต้องเรียนๆหลบๆอ่ะ  ที่ผมเรียนๆทั้ง แต้จิ๋ว และจีนกลาง

   แต่อยู่บ้านนอก รู้สึกจะไม่เข้มงวดนักครับ  เข้า กทม.มาที  น้าชายชอบพาไปดูหนังที่  กรุงเกษมประจำเลย

  กับเฉลิมบุรี ถ้าจำไม่ผิดอยู่ทางเจริญกรุง  ทุกครั้งที่เข้า กทม. ท่านบอกว่าจะได้ฝึกภาษา  เพราะในโรงหนัง

  ไม่มีพากย์ไทยครับ  น้าชายคนเล็กผม ก็เป็นครูสอนหนังสือจีนนะครับ  อยู่แถวดาวคนอง  ก็สอนเป็นชุดๆละ5-8คน

  เริ่มสอนเป็นรุ่นๆ  จากเด็กเล็ก  ถึงเด็กโต  สอนจากราวๆ 5 โมงเย็นถึง 4-5ทุ่ม ถึงหมดคนเรียนครับ

       สมัยผมเรียนกลางวันเรียนไทย กลางคืนและวันหยุด  ถึงได้เรียนกลางวันกัน  อยากขอรบกวนคุณเม่ยนิด

 เรื่องการเปลี่ยนภาษาไทยเป็นจีน  ต้องซื้ออะไรใส่เพิ่มเติมไหมครับ  และวิธีพิมพ์ด้วย  ช่วยชี้แนะทีครับ

 เผื่อนึกสนุกจะกลับไปหัดเรียนใหม่  หยี่เตี้ยง ผม 40กว่าปียังดีอยู่นะครับ  นานๆคิดไม่ออกก็เปิดมาดูครับ

 ขอขอบคุณครับ   ตอๆเสี่ยหนิง :slime_worship:





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-10-2007, 15:55
ใจดีจัง ที่ท่าน ขวานผ่าซาก (เปลี่ยนชื่อหรือคะนี่) คืนอาจารย์ไปหมดเลย ส่วนเม่ยเหลือเก็บอยู่บ้างเล็กน้อย  :mrgreen:

ตอนเรียนชั้นประถม ท่านพ่อท่านแม่ส่งเข้าเรียนโรงเรียนจีนค่ะ แต่เสียดายว่า ยังอยู่ในช่วงที่ประเทศจีนยังเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ยากจน ดังนั้น โรงเรียนจีนทั้งหลายจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเอกชนอยู่แล้ว โรงเรียนไหนที่เลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็ปล่อยให้ปิดตัวลง จนเป็นที่มาของคำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน"

ฟังผู้ใหญ่เล่าว่า ก่อนหน้านั้น บางบ้านที่มีการเรียนสอนภาษาจีนเป็นการส่วนตัวถูกตรวจค้นและโดนยัดข้อหาว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" ก็มีค่ะ

เมื่อเย็นวาน ระหว่างดู "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" นึกถึงสำนวนจีนอมตะ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"

จึงเรียนถามท่านผู้อาวุโสถึงต้นฉบับภาษาจีน ขอนำมาฝากท่านขวานผ่าซากนะคะ

路遥知马力,日久见人心

(สำเนียงแต้จิ๋วว่า โหล่วเอี้ยวไจแบ๋ลัก หยิกกู้เกี้ยงหนั่งซิม)

ไม่เป็นไร หามิได้ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ และพอดีเป็นของโปรดอย่างหนึ่งด้วยล่ะค่ะ

ความเห็นข้างต้นพูดถึงความสามารถในเชิงสุราของปีศาจสุรา เมื่อพูดถึงสุราทีไร บ่อยครั้งทำให้ นึกถึง "ลี้คิมฮวง" เพราะดูเหมือนลี้ถ้าฮวยไต้เฮียบท่านจะดื่มสุราราดรดทุกข์จริง ๆ  :mozilla_cry:

มีคลิปวิดีโอเพลงไตเติ้ลเรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" มาฝาก เป็นเวอร์ชั่นของไต้หวัน โดย "เจียวเอินจวิ้น" รับบท "ลี้คิมฮวง" นะคะ

http://www.tudou.com/programs/view/Qj6XQIC8_1o/
 :slime_smile:




ขอบคุณสำหรับคลิปหนังและเพลงครับ

สังเกตจากมีดสั้น ดูมีราคาไปครับ มีดของลี้คิมฮวงจะดูธรรมดาไม่ได้ประดับอัญมณี และบางเบากว่าในวีดีโอ..

ชอบเพลงครับ เนื้อเรื่องก็ หากไม่เจ็บปวดไหนเลยจะลิ้มรสชาติของความสุขในบั้นปลายอย่างดื่มด่ำ

สุภาพสตรีอายุน้อยที่น่ารัก นับเป็นความสุขของนักรบที่ผ่านสมรภูมิชีวิตอย่างแท้จริง อิจฉาตัวเอกของเรื่องครับ อิอิ
                                                                                                                                                     :slime_sentimental: :slime_cool: :slime_smile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-10-2007, 21:00

   ขอคุณคุณ aiwen^mei  路遥知马力,日久见人心

   ผมว่าน่าจะแปลให้ได้สำนวนเดิมก็ต้อง "หนทางพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจของคน"

   ในไตเติ้ลที่คุณ  aiwen^mei นำมาหลังเพลงจบ  สำเนียงจีนกลาง  มันมี เซี่ยวหลี่เฟยเตา

   มีดบินลี้น้อย  กับ  เซี่ยวหลีฉังเตา  ซ่อนดาบในรอยยิ้ม  อิอิ  ผมสมัยเมื่อเด็กก็คง เป็นช่วงเดียวกับคุณ เว่ย

   แหละครับ  รัฐบาลสมัยนั้น มีกฏหมายคอมมูนิตย์  ต้องเรียนๆหลบๆอ่ะ  ที่ผมเรียนๆทั้ง แต้จิ๋ว และจีนกลาง

   แต่อยู่บ้านนอก รู้สึกจะไม่เข้มงวดนักครับ  เข้า กทม.มาที  น้าชายชอบพาไปดูหนังที่  กรุงเกษมประจำเลย

  กับเฉลิมบุรี ถ้าจำไม่ผิดอยู่ทางเจริญกรุง  ทุกครั้งที่เข้า กทม. ท่านบอกว่าจะได้ฝึกภาษา  เพราะในโรงหนัง

  ไม่มีพากย์ไทยครับ  น้าชายคนเล็กผม ก็เป็นครูสอนหนังสือจีนนะครับ  อยู่แถวดาวคนอง  ก็สอนเป็นชุดๆละ5-8คน

  เริ่มสอนเป็นรุ่นๆ  จากเด็กเล็ก  ถึงเด็กโต  สอนจากราวๆ 5 โมงเย็นถึง 4-5ทุ่ม ถึงหมดคนเรียนครับ

       สมัยผมเรียนกลางวันเรียนไทย กลางคืนและวันหยุด  ถึงได้เรียนกลางวันกัน  อยากขอรบกวนคุณเม่ยนิด

 เรื่องการเปลี่ยนภาษาไทยเป็นจีน  ต้องซื้ออะไรใส่เพิ่มเติมไหมครับ  และวิธีพิมพ์ด้วย  ช่วยชี้แนะทีครับ

 เผื่อนึกสนุกจะกลับไปหัดเรียนใหม่  หยี่เตี้ยง ผม 40กว่าปียังดีอยู่นะครับ  นานๆคิดไม่ออกก็เปิดมาดูครับ

 ขอขอบคุณครับ   ตอๆเสี่ยหนิง :slime_worship:





บุปผาโรยราแล้วยังเบ่งบานได้อีก แต่คนเล่า?
วัยหนุ่มสาวล่วงเลยลับ ยังมีผู้ใดเหนียวรั้งคืนกลับ!


ขอยกสำนวนข้างต้นมาประกอบ ...ด้วยเริ่มเล่าความหลังเมื่อครั้งเยาว์วัย ( จำไม่ได้ว่าจากเรื่องอะไรของท่านโกวเล้ง)  :slime_bigsmile:

ค่ะ เห็นด้วยค่ะว่า สำนวน 路遥知马力,日久见人心 ถ้าแปลตรงตัวก็มีความหมายแบบที่คุณขวานผ่าซากบอกนะคะ "หนทางพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจของคน"

สมัยเม่ยเรียนนั้น เรียนภาษาจีนกลางอย่างเดียวค่ะ เรียนแค่วันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง และก็ได้เรียนแค่ 4 ปี คือ ป.1- ป.4 ยังดีว่า ตอนหลัง ท่านแม่สอนเพิ่มเติมให้บ้าง แต่พอดีไม่ค่อยขยัน ก็เลยพอรู้แค่งู ๆ ปลา ๆ ค่ะ  :mrgreen:

สำหรับสำนวน "เซี่ยวหลี่ฉังเตา" เม่ยรู้จักจากเรื่อง "ลูกปลาน้อย" ค่ะ อันเป็นฉายาของหนึ่งในสิบจอมโฉดชั่วที่ช่วยกันเลี้ยงเด็กร้ายกาจ "เซียวฮื้อยี้" ในหุบเขาคนโฉด ท่านแม่บอกว่า เค้าพูดว่า "เชี้ยลี่ฉั่งตอ" จำได้ว่า เรื่องนี้ รุ่นพี่แนะนำให้อ่านสมัยเป็นน้องใหม่ปี 1 พอดีเห็นรุ่นพี่คนนี้ อ่านนิยายกำลังภายในระหว่างพัก พอถามว่า "พี่ช่วยแนะนำหน่อยว่า อ่านเรื่องไหนดี" คำตอบที่ได้คือ "อ่านเซียวฮื้อยี้เลยน้อง รับรองสนุก ...."

และก็สมราคา ยังจำได้ว่า เมื่ออ่านถึงตอนที่บรรยายว่าเซียวฮื้อยี้ถูกเลี้ยงให้เติบโตมาอย่างไร หัวเราะจนเหนื่อย ฮาจริง ๆ ค่ะ :slime_smile2:

เข้าใจว่า คุณขวานผ่าซากน่าจะเรียนการอ่านแบบ "กั๋วอิน" เหมือนกันนะคะ  แต่ยุคนี้ต้องเรียนแบบ "พินอิน" ซึ่งตอนทราบครั้งแรกเมื่อนานมาแล้วก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนหลังก็ต้องมาตามแกะรอยดูค่ะ

มีดิกออนไลน์มาฝากนะคะ พอดีเสิร์ชเจอจาก http://www.china2learn.com เมื่อหลายเดือนก่อนโน้นค่ะ

http://www.mymandarin.com/pinyin/pinyin_main.htm

http://www.mandarintools.com/chardict.html

http://www.xuezhongwen.net/chindict/chindict.php?page=main

สำหรับเรื่องพิมพ์นั้น ไม่ทราบแน่นะคะ แต่ตรงปุ่มภาษาของคอมพ์ที่ใช้อยู่ ได้เพิ่มภาษาจีน (CH) อีกภาษาหนึ่ง เวลาพิมพ์ก็ต้องใช้ระบบพินอินช่วยค่ะ

เปี๋ยเค่อชี่ ๆ ค่ะ  :mrgreen: :D :mrgreen:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-10-2007, 21:12

ขอบคุณสำหรับคลิปหนังและเพลงครับ

สังเกตจากมีดสั้น ดูมีราคาไปครับ มีดของลี้คิมฮวงจะดูธรรมดาไม่ได้ประดับอัญมณี และบางเบากว่าในวีดีโอ..

ชอบเพลงครับ เนื้อเรื่องก็ หากไม่เจ็บปวดไหนเลยจะลิ้มรสชาติของความสุขในบั้นปลายอย่างดื่มด่ำ

สุภาพสตรีอายุน้อยที่น่ารัก นับเป็นความสุขของนักรบที่ผ่านสมรภูมิชีวิตอย่างแท้จริง อิจฉาตัวเอกของเรื่องครับ อิอิ
                                                                                                                                                     :slime_sentimental: :slime_cool: :slime_smile:

ขอบคุณท่านคิวไต้เฮียบค่ะ

เดี๋ยวต้องคลิกดูอีกรอบเพื่อสังเกตว่า มีดสั้นของลี้คิมฮวงดูมีค่ามากเกินไปจริง ๆ  :mrgreen:

สงสัยเป็นความหวังที่ท่านโกวเล้งแอบฝันไว้ว่าบั้นปลายชีวิตของลี้คิมฮวงจะเป็นจริงในชีวิตของตัวเองก็ได้กระมัง  :slime_smile:

นักแสดงที่รับบท "ซุนเซี่ยวอั๊ง" คนนี้ สวยน่ารัก เธอชื่อ "เจี่ยจิ้งเหวิน" ถ้าจำไม่ผิด เดี๋ยวจะลองหารูปของแม่นางเจี่ยมาโพสต์ค่ะ





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-10-2007, 21:37
ขอบคุณท่านคิวไต้เฮียบค่ะ

เดี๋ยวต้องคลิกดูอีกรอบเพื่อสังเกตว่า มีดสั้นของลี้คิมฮวงดูมีค่ามากเกินไปจริง ๆ  :mrgreen:

สงสัยเป็นความหวังที่ท่านโกวเล้งแอบฝันไว้ว่าบั้นปลายชีวิตของลี้คิมฮวงจะเป็นจริงในชีวิตของตัวเองก็ได้กระมัง  :slime_smile:

นักแสดงที่รับบท "ซุนเซี่ยวอั๊ง" คนนี้ สวยน่ารัก เธอชื่อ "เจี่ยจิ้งเหวิน" ถ้าจำไม่ผิด เดี๋ยวจะลองหารูปของแม่นางเจี่ยมาโพสต์ค่ะ






มารอชมภาพสาวงามครับ ว่าจะงามสมคำร่ำลือหรือไม่? ขอบคุณล่วงหน้าและตลอดไปนะครับ.. :slime_smile: :slime_cool: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-10-2007, 22:01
บุปผาโรยราแล้วยังเบ่งบานได้อีก แต่คนเล่า?
วัยหนุ่มสาวล่วงเลยลับ ยังมีผู้ใดเหนียวรั้งคืนกลับ!


ขอยกสำนวนข้างต้นมาประกอบ ...ด้วยเริ่มเล่าความหลังเมื่อครั้งเยาว์วัย ( จำไม่ได้ว่าจากเรื่องอะไรของท่านโกวเล้ง)  :slime_bigsmile:

ค่ะ เห็นด้วยค่ะว่า สำนวน 路遥知马力,日久见人心 ถ้าแปลตรงตัวก็มีความหมายแบบที่คุณขวานผ่าซากบอกนะคะ "หนทางพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจของคน"

สมัยเม่ยเรียนนั้น เรียนภาษาจีนกลางอย่างเดียวค่ะ เรียนแค่วันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง และก็ได้เรียนแค่ 4 ปี คือ ป.1- ป.4 ยังดีว่า ตอนหลัง ท่านแม่สอนเพิ่มเติมให้บ้าง แต่พอดีไม่ค่อยขยัน ก็เลยพอรู้แค่งู ๆ ปลา ๆ ค่ะ  :mrgreen:

สำหรับสำนวน "เซี่ยวหลี่ฉังเตา" เม่ยรู้จักจากเรื่อง "ลูกปลาน้อย" ค่ะ อันเป็นฉายาของหนึ่งในสิบจอมโฉดชั่วที่ช่วยกันเลี้ยงเด็กร้ายกาจ "เซียวฮื้อยี้" ในหุบเขาคนโฉด ท่านแม่บอกว่า เค้าพูดว่า "เชี้ยลี่ฉั่งตอ" จำได้ว่า เรื่องนี้ รุ่นพี่แนะนำให้อ่านสมัยเป็นน้องใหม่ปี 1 พอดีเห็นรุ่นพี่คนนี้ อ่านนิยายกำลังภายในระหว่างพัก พอถามว่า "พี่ช่วยแนะนำหน่อยว่า อ่านเรื่องไหนดี" คำตอบที่ได้คือ "อ่านเซียวฮื้อยี้เลยน้อง รับรองสนุก ...."

และก็สมราคา ยังจำได้ว่า เมื่ออ่านถึงตอนที่บรรยายว่าเซียวฮื้อยี้ถูกเลี้ยงให้เติบโตมาอย่างไร หัวเราะจนเหนื่อย ฮาจริง ๆ ค่ะ :slime_smile2:

เข้าใจว่า คุณขวานผ่าซากน่าจะเรียนการอ่านแบบ "กั๋วอิน" เหมือนกันนะคะ  แต่ยุคนี้ต้องเรียนแบบ "พินอิน" ซึ่งตอนทราบครั้งแรกเมื่อนานมาแล้วก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนหลังก็ต้องมาตามแกะรอยดูค่ะ

มีดิกออนไลน์มาฝากนะคะ พอดีเสิร์ชเจอจาก http://www.china2learn.com เมื่อหลายเดือนก่อนโน้นค่ะ

http://www.mymandarin.com/pinyin/pinyin_main.htm

http://www.mandarintools.com/chardict.html

http://www.xuezhongwen.net/chindict/chindict.php?page=main

สำหรับเรื่องพิมพ์นั้น ไม่ทราบแน่นะคะ แต่ตรงปุ่มภาษาของคอมพ์ที่ใช้อยู่ ได้เพิ่มภาษาจีน (CH) อีกภาษาหนึ่ง เวลาพิมพ์ก็ต้องใช้ระบบพินอินช่วยค่ะ

เปี๋ยเค่อชี่ ๆ ค่ะ  :mrgreen: :D :mrgreen:



 ขอบคุณ คุณเม่ยเป็นอย่างยิ่งครับ  ผมเข้ามาในยุทธจักรออนไลน์ ได้แค่สามปีเองครับ

 มีอะไรอยากขอคำชี้แนะด้วย นะครับ  เซี่ยๆหวี่เตอกั่นฉิง  อิอิ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 18-10-2007, 00:32

มารอชมภาพสาวงามครับ ว่าจะงามสมคำร่ำลือหรือไม่? ขอบคุณล่วงหน้าและตลอดไปนะครับ.. :slime_smile: :slime_cool: :slime_agreed:

มาแล้วค่ะ ภาพนักแสดงสาวคนดังของไต้หวัน "เจี่ยจิ้งเหวิน" (贾静雯)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/7-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/10.jpg)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1.jpg)

ปล. 1. รับบท "ซุนเซี่ยวอั๊ง" ใน "ฤทธิ์มีดสั้น" เมื่อปี 1999
      2. รับบท "เตี๋ยเมี่ยง" ใน "ดาบมังกรหยก" เมื่อปี 2004



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 18-10-2007, 01:11


 เย้..ถ้าไม่มีภาพสาวๆ ผมดูได้ไม่ค่อยนาน..ขอบคุณครับ

   :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 20-10-2007, 08:53
มาตรแม้นเป็นเบาะกลมใบหนึ่ง แต่เบาะกลมจัดวางอยู่ด้านตรงข้ามกับเจี่ยเฮียวฮง  เจี่ยเฮียวฮงเมื่อออกปากเชื้อเชิญเต็งพ้งนั่งลง แสดงว่ายึดถือเต็งพ้งเป็นสหายแล้ว

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

อี้จับซายามมีชีวิต เป็นศัตรูของเจี่ยเฮียวฮง แต่อี้จับซาเมื่อตายแล้ว เจี่ยเฮียวฮงกลับยึดถือเป็นสหาย

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เนื่องเพราะอี้จับซาพลันพบว่า กระบี่ที่สิบห้านำมาซึ่งความตายและการทำลายล้าง มันไม่อาจทิ้งท่ากระบี่เช่นนี้อยู่ในโลก มันไม่อาจเป็นคนบาปของบู๊ลิ้ม

เนื่องเพราะพลังและท่าพลิกแพลงของท่ากระบี่ที่สิบห้า สุดที่อี้จับซาจะควบคุมบังคับได้ คล้ายคนผู้หนึ่งพบว่า อสรพิษที่ตนเองเลี้ยงไว้ กลับกลายเป็นมังกรพิษตัวหนึ่ง เติบโตเป็นมังกรพิษที่ไม่อาจควบคุมบังคับได้ มันได้แต่ทำลายตัวเอง

เนื่องเพราะชีวิตและเลือดเนื้อของอี้จับซา หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมังกรพิษตัวนี้ มันหากคิดทำลายมังกรพิษตัวนี้ ต้องทำลายตัวเองก่อน


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เพลงดาบโค้งเป็นเพลงดาบอาถรรพณ์ชั่วร้าย ผู้ฝึกปรือเพลงดาบโค้งจะถูกชักนำเข้าสู่เส้นทางอธรรม เป็นคนชมชอบฆ่าฟัน

แต่เต็งพ้งยึดมั่นในรักแท้ อานุภาพของความรัก อยู่เหนืออำนาจมารชั่วร้าย สามารถควบคุมตนเอง สามารถควบคุมเพลงดาบ

เต็งพ้งสามารถใช้เพลงดาบโค้งฆ่าคนที่ต้องการฆ่าและสามารถยั้งดาบไว้ไมตรีต่อบุคคลที่ไม่ต้องการฆ่า


...พลังจากรักแท้ เป็นพลังที่ลึกล้ำพิสดาร เป็นพลังที่ไม่มีสิ่งใดเทียมทานได้

ความสำเร็จในเชิงดาบของเต็งพ้ง บรรลุถึงขั้นดาบก็คือคน คนยังเป็นคน

ดาบโค้งอยู่ในมือเต็งพ้ง ดาบโค้งเพียงเป็นเครื่องมือของคน

ความสำเร็จในเชิงฝีมือของเต็งพ้งนี้ นับเป็นยอดฝีมือที่ยากยิ่งจะพบพานแล้ว


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เจี่ยเฮียวฮงเล่า ?

...

เพลงกระบี่ของเจี่ยเฮียวฮง บรรลุถึงขั้นสูงสุด ไม่จำเป็นต้องจับกระบี่อีก ไม่ว่าสิ่งของใดอยู่ในมือท่าน ล้วนเป็นกระบี่ได้

ต่อให้เป็นกิ่งไม้ท่อนหนึ่ง หญ้าฟางต้นหนึ่ง ล้วนสามารถเปล่งอานุภาพของท่ากระบี่

เนื่องเพราะกระบี่อยู่ในใจท่าน กระบี่ของท่านแฝงอยู่ทุกแห่งหน




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 20-10-2007, 09:38

 เย้..ถ้าไม่มีภาพสาวๆ ผมดูได้ไม่ค่อยนาน..ขอบคุณครับ

   :slime_inlove:

ค่ะ :mrgreen: และขอคั่นด้วยภาพของ "ลี้คิมฮวง" ที่รับบทโดย "เจียวเอินจวิ้น"  (焦恩俊)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/shiaolee35.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/vincentlee6gl9.jpg)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 20-10-2007, 22:31
สตรีที่น่าลุ่มหลงอย่างแท้จริง หาได้อยู่ที่การเปลือยเปล่าของนาง หากแต่อยู่ที่การรู้จักปกปิดของนาง

สตรีที่เปลื้องเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่านางหนึ่ง แม้มีอานุภาพเย้ายวนต่อบุรุษ แต่เป็นอานุภาพเย้ายวนที่จำกัด

สตรีที่สวมใส่เสื้อผ้า ปกปิดร่างกายมิดชิด แม้ปิดบังเสน่ห์เย้ายวนของสตรีไป แต่สตรีที่เปลือยเปล่าไร้การปกปิดนางหนึ่ง ก็ออกจะทำลายบรรยากาศเกินไป


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

....บุปผาในหมอกยิ่งงามเย้ายวน ชมบุปผาในหมอกยิ่งชวนวาบหวาม

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

สตรีประทินโฉมเพื่อคนรัก พวกนางที่ประทินโฉม สวมใส่อาภรณ์งดงาม เพียงมุ่งหวังให้คนรักเชยชม

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ปล. 1. ตัดตอน "นงคราญยั่วรัก" ใน "อินทรีผงาดฟ้า" เมื่อ เต้งพ้งจำต้องเผชิญหน้ากับหลุมพราง (เสน่ห์) ของ "เจี่ยเซี่ยวเง็ก"  :shock: :mozilla_surprised: :shock:
      2. จากภาพเสื้อเหลืองสายเดี่ยวของน้องฟ้า  :mrgreen:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 21-10-2007, 06:34
ค่ะ :mrgreen: และขอคั่นด้วยภาพของ "ลี้คิมฮวง" ที่รับบทโดย "เจียวเอินจวิ้น"  (焦恩俊)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/shiaolee35.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/vincentlee6gl9.jpg)


เท่าที่ติดตาม
คนนี้แหละคือลี้คิมฮวง ในดวงใจ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 21-10-2007, 15:17
เท่าที่ติดตาม
คนนี้แหละคือลี้คิมฮวง ในดวงใจ

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xiaoli217lk.gif)(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xiaoli229au.gif)

มีภาพมาฝากเพิ่มค่ะ ไม่ทราบจะมีใครตาร้อนผ่าวบ้างอ๊ะป่าว  :mrgreen: :slime_bigsmile: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 21-10-2007, 15:35
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xiaoli217lk.gif)(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xiaoli229au.gif)

มีภาพมาฝากเพิ่มค่ะ ไม่ทราบจะมีใครตาร้อนผ่าวบ้างอ๊ะป่าว  :mrgreen: :slime_bigsmile: :mrgreen:

ชมนานๆตาร้อนเหมือนกันครับ  ต้องหาเสี่ยวเป่ยไว้ข้างกายแบบ เสี่ยวชินงจังซะแล้ว ผมไม่ใช่พวกชินจังหรอกครับ ยังไงก็ไม่ชิน.. :slime_cool:

ลมเย็นพักสายตาแก้ตาร้อนดีครับ ไม่หายก็นอนเอาเจลแช่เย็นโปะ  ใส่แว่นดำซันเกรย์ไปเลย :slime_cool: :slime_smile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 21-10-2007, 15:47
ชมนานๆตาร้อนเหมือนกันครับ  ต้องหาเสี่ยวเป่ยไว้ข้างกายแบบ เสี่ยวชินงจังซะแล้ว ผมไม่ใช่พวกชินจังหรอกครับ ยังไงก็ไม่ชิน.. :slime_cool:

ลมเย็นพักสายตาแก้ตาร้อนดีครับ ไม่หายก็นอนเอาเจลแช่เย็นโปะ  ใส่แว่นดำซันเกรย์ไปเลย :slime_cool: :slime_smile:


     เอิ๊กๆๆๆ...คุณพี่คิวสมัคร แสดงหนังเลยครับ :slime_v: :slime_bigsmile: :slime_v:


หัวข้อ: โลกของจอมยุทธ ~~ ลี้คิมฮวง ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 21-10-2007, 16:37
ใต้ปลายปากกาโกวเล้ง "ลี้คิมฮวง" เป็นตัวละครที่ประทับตรึงใจผู้อ่านยิ่ง

ความจริงแล้ว ลี้คิมฮวงมีทุกสิ่ง สมบัติพัสถาน ชื่อเสียงเกียรติภูมิ หญิงคนรักที่งามสะคราญ แต่ปัญหา "ความรัก" กับ "คุณธรรม" เพื่อผู้มีพระคุณที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิต ภายหลังต้องทอดทิ้งทุกสรรพสิ่ง พกพาความอ้างว้างร่อนเร่พเนจรไปถึงนอกกำแพงใหญ่ "ชีวิตคนความจริง เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ว่าผู้ใดล้วนอับจนปัญญา" ในชีวิตเขาเกลียดชังความเงียบเหงาทีสุด แต่กลับเป็นเพื่อนสนิทกับความเงียบเหงาอยู่เสมอมา

เพราะมรสุมชีวิตนี้ เป็นเหตุให้ลี้คิมฮวงปล่อยตัวปล่อยใจ ไม่วางท่าเคร่งขรึม ไม่สนใจว่าผู้อื่นรู้สึกต่อตัวเขาว่าอย่างไร มีคนหยามประณามเขาเป็นคนเสเพล ปีศาจสุรา เขากล่าวว่า "สาวกอันสัตย์ซื่อของสุรามิเห็นมีที่ใดไม่ดี นั่นยังประเสริฐกว่า วิญญูชนจอมปลอมสวมหน้ากากหลอกลวงมากมายนัก...ขอเพียงไม่ละอายต่อมโนธรรม ไยต้องไปสนใจว่าผู้อื่นคิดอย่างไร"

สิ่งที่น่าเลื่อมใสที่สุดคือ "ธาตุแท้คุณธรรม" ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกซิมไบ๊ไต้ซือชั้งชิกเอี้ย กับศิษย์เสียวลิ้มยี่ควบคุมตัวสู่เสียวลิ้มยี่เพื่อลงโทษ กล่าวหาเป็นโจรดอกเหมย ระหว่างทางซิมไบ๊ไต้ซือประสบกับฝีมืออำมหิตของเก๊กลักตั่งจู้แห่งดินแดนแม้ว ซิมไบ๊ไต้ซือหลังจากถูกพิษก็ปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เขาเห็นซิมไบ๊ไต้ซือถูกพิษสาหัสยิ่งมีแต่วัดเสียวลิ้มยี่พอจะมียาขจัดพิษช่วยเหลือได้ ที่น่าประหลาดก็คือ เขามิเพียงไม่หลบหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น ยังแบกซิมไบ๊ไต้ซือขึ้นเสียวลิ้มยี่อีกด้วย

นี่มิใช่จิตใจคุณธรรมเป็นอะไร?

จิตใจคุณธรรมของเขาแสดงออกภายใต้เปลือกนอกเย็นชากระด้าง เขาหนึ่งนั้นไม่ประโคมตัวอวดอ้างคุณธรรม สองไม่ตัดพ้อต่อว่าคำให้ร้ายตำหนิโทษที่เขาเคารพยกย่องเป็นบุคคลอันบริสุทธิ์จริงใจ ดูแคลนชนชั้นจอมปลอม

เขาถูกพิษของเมี้ยวนึ้งกุนแทบสูญเสียชีวิต พบพานกับหมอพิสดารเหมยยี่ซิงแซ แต่ไม่โอดครวญต่อความเป็นตายของตัวเอง เหมยยี่ซิงแซกล่าวกับเขาว่า "ท่านทราบหรือไม่ ตัวท่านรอดชีวิตได้อีกไม่นาน ยังไม่ไปเตรียมสั่งเสียเรื่องราว ไฉนมานั่งดื่มสุรา?"

ลี้คิมฮวงกล่าวว่า "เป็นตายร้ายดีสามัญเหลือเกิน ไหนเลยจะเห็นแก่เรื่องเช่นนี้มาเสียเวลาดื่มสุราได้"

"เช่นนี้เป็นว่าที่ท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้า หาใช่เพราะต้องการให้ข้าพเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่าน"

"หากต้องการดื่มสุรา มาร่วมดื่มกันสักหลายจอกได้ หากต้องการรักษาโรค โปรดเชิญไปให้ไกลกว่านี้ อย่าได้ถ่วงเวลาดื่มสุราของข้าพเจ้าให้เสียไป"

ด้านสติปัญญา ลี้คิมฮวงย่อมมิใช่คนโง่เขลา เขาสอบได้ตำแหน่งถ้ำฮวยจากฮ่องเต้ (บัณฑิตหน้าบัลลังก์ฮ่องเต้มีจอหงวน ปางั่ง และถ้ำฮวย) แต่เขามักถูกผู้คนหลอกลวง ทั้งนี้อาจบางทีเนื่องเพราะเขาไว้วางใจผู้คนเกินไป ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ความปลอดภัยของตัวเอง

จุดอ่อนในชีวิตของลี้คิมฮวงก็คือ "น้ำใจอันเปราะบาง" กล่าวไปแล้ว มีแต่คนใกล้ชิดเท่านั้นจึงสามารถทำร้ายเขาได้ หากคิดจะโค่นเขาให้พ่ายแพ้ มิว่าใช้กระบวนท่าใด หรืออาวุธใดต่างลำบากอย่างยิ่ง มีแต่ต้องใช้น้ำใจเท่านั้น มีบางครั้งแม้ทราบแน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่อาจกระทำ แต่ยังไม่อาจหักใจให้เข้มแข็งไปปฏิเสธ สำหรับประการนี้ ผู้ที่ล่วงรู้จุดอ่อนของลี้คิมฮวงต่างก็หาประโยชน์ ลี้คิมฮวงเองก็ทราบ แต่ยังไม่มีปัญญาเปลี่ยนแปลงแก้ไข

ตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่ง...

....

จาก "ยุทธจักรมังกรโบราณ" โดย พาสนา แพรวพรรณ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 22-10-2007, 02:29



     เอิ๊กๆๆๆ...คุณพี่คิวสมัคร แสดงหนังเลยครับ :slime_v: :slime_bigsmile: :slime_v:

ผมชอบเฉพาะซีนสำคัญอย่างในภาพนะซี ใครจะจ้าง บทลุงไม่ค่อยอยากเล่นครับ..กลัวอินไม่หาย :slime_dizzy: :slime_cool:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 25-10-2007, 21:57

 ขอบคุณ คุณเม่ยเป็นอย่างยิ่งครับ  ผมเข้ามาในยุทธจักรออนไลน์ ได้แค่สามปีเองครับ

 มีอะไรอยากขอคำชี้แนะด้วย นะครับ  เซี่ยๆหวี่เตอกั่นฉิง  อิอิ

มิกล้า มิกล้าค่ะ

ไม่ทราบคุณขวานผ่าซากได้แวะไปที่ "มุมจีน"  ของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์หรือยังคะ มีเรื่องน่าอ่านเกี่ยวกับจีนเยอะ เม่ยไม่ค่อยมีเวลาอ่าน แต่แวะไปบ้างเป็นครั้งคราว

http://manager.co.th/China/default.html

ตรงส่วน "เว็บบอร์ด" ท้ายหน้า ก็ดีมากค่ะ เพราะมีกระทู้ที่ตั้งคำถามได้น่าสนใจมากมาย อ่านไม่หวาดไม่ไหว  :slime_v:

http://www2.manager.co.th/mwebboard/listWebboard.aspx?MBrowse=33

ถ้าเข้าใจไม่ผิด "ผู้จัดการรายวัน" เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวมั้งคะที่ลงเรื่องเกี่ยวกับจีนมาตลอด น่าจะเท่ากับอายุของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้นะคะ



ผมชอบเฉพาะซีนสำคัญอย่างในภาพนะซี ใครจะจ้าง บทลุงไม่ค่อยอยากเล่นครับ..กลัวอินไม่หาย :slime_dizzy: :slime_cool:

อิอิ  :mrgreen: ค่ะ เพราะ "วีรบุรุษยากผ่านด่านหญิงงาม"  :slime_v: :slime_inlove: :slime_v:

เดี๋ยวจะหาภาพของนึ่งเฮียบมาฝากนะคะ



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 26-10-2007, 15:43


   ขอขอบคุณ  aiwen^mei ที่ชี้แนะเว็บให้ครับ

   พินอินกับกั๋วอิน  มันผิดกันแค่พินอิน เป็นภาษาอังกฤษ

   ผมจะเข้าไปที่เว็บคุณ aiwen^mei บอกให้ทราบต่อนะ

  ถ้ามีเวลา  ขอบคุณสำหรับไมตรีจิตเรื่องนี้ครับ :slime_worship:










หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 26-10-2007, 19:50
บทที่สร้างชื่อให้กับนักแสดงสาวสวย "หมี่เซี่ยะ 米雪"

อึ้งย้ง ใน มังกรหยก
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Michelle1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Michelle2.jpg)

หลี่ซื่อเหนียง ใน ศึกสายเลือด
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/DNQY07.jpg)

เถาไฉ่อี ใน ฤทธิ์หมัดสะท้านบู๊ลิ้ม ภาค 1
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Caiyi15.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Caiyi09.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Caiyi05.jpg)

องค์หญิงฉางผิง ใน ศึกสองนางพญา
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Michelle5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Michelle3.jpg)

เจ้าเชี่ยนหนาน ใน ...
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/QIJ1.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 20:58

 :slime_inlove: :slime_cool: :slime_smile:

ไอ่หยา หมีเซียะ ดาราจอแก้ว

ยังขาด อีกหลายคน เช่น เจ้าหย่าจือ

แล้วก็พวกดาราจอเงินน่ารักๆ สมัยก่อนหมีเซียะก็มีเยอะเหมือนกันครับ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 26-10-2007, 21:03

    เย้ๆๆๆๆดีใจจัง  ผมพิมพ์สำเร็จแล้วครับคุณ aiwen^mei


             好花不常开  好景不常在       平时不烧香   临时抱佛脚

      (อิอิ เอามาอวดคนแนะนำซะหน่อย  ขอบคุณครับคุณ  aiwen^mei )



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 26-10-2007, 21:51
มาเก็บรูป หมีเซียะ ขวัญใจวัยเด็กของผม  :slime_inlove:   :slime_inlove:   :slime_inlove:

ตอนที่เล่น มังกรหยก คู่กับ ไป่เปียว ผมยังเรียน ป.6 อยู่เลย  รู้สึกว่านานยังกะชาติที่แล้วแน่ะ

ยังมี วังหมินฉวน กับ หวีอันอัน อีก ไม่โพสท์ต่อเหรอครับ 

 


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 26-10-2007, 22:09


    อิอิ พี่คิว ครับ คุณ  aiwen^mei  เข้าใจหาดาราสาว

    มาให้พี่คิว เข้ามากระทู้นี้บ่อยๆไงครับ   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 26-10-2007, 22:15

    อิอิ พี่คิว ครับ คุณ  aiwen^mei  เข้าใจหาดาราสาว

    มาให้พี่คิว เข้ามากระทู้นี้บ่อยๆไงครับ   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


 :slime_cool: :slime_fighto:


อืมมเธอรู้ใจ และน้ำใจงามด้วย

มีภาพเธอส่งหลังไมค์ให้ผมหน่อยปะไร ดาราประจำบอร์ดนี้ตัวจริงสวบๆงามๆทั้งนั้น ขอบอก..นะค๊าบ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-10-2007, 16:51
จางม่านอวี้ 张曼玉
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Maggie2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Maggie4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Maggie5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Maggie1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Maggie3.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-10-2007, 17:15
:slime_inlove: :slime_cool: :slime_smile:

ไอ่หยา หมีเซียะ ดาราจอแก้ว

ยังขาด อีกหลายคน เช่น เจ้าหย่าจือ

แล้วก็พวกดาราจอเงินน่ารักๆ สมัยก่อนหมีเซียะก็มีเยอะเหมือนกันครับ
มาเก็บรูป หมีเซียะ ขวัญใจวัยเด็กของผม  :slime_inlove:   :slime_inlove:   :slime_inlove:

ตอนที่เล่น มังกรหยก คู่กับ ไป่เปียว ผมยังเรียน ป.6 อยู่เลย  รู้สึกว่านานยังกะชาติที่แล้วแน่ะ

ยังมี วังหมินฉวน กับ หวีอันอัน อีก ไม่โพสท์ต่อเหรอครับ 

 


ยินดีค่ะ กำลังหาอยู่ค่ะ ตอนนี้ชมภาพของดาราสาวสวยอีกท่านหนึ่งไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ เธอคือ จางม่านอวี้

เว็บไซต์ของหมี่เซี่ยะค่ะ http://www.michelleyim.com

ถ้าคลิกที่ชื่อเรื่องที่เธอแสดงจากหน้านี้ http://www.michelleyim.com/mx-zuopin.html จะมีรูปในเรื่องให้ชมค่ะ



    เย้ๆๆๆๆดีใจจัง  ผมพิมพ์สำเร็จแล้วครับคุณ aiwen^mei


             好花不常开  好京不常在       平时不烧香   临时抱佛脚

      (อิอิ เอามาอวดคนแนะนำซะหน่อย  ขอบคุณครับคุณ  aiwen^mei )



โห...เก่งมากค่ะ ข้าน้อยขอคารวะ  :slime_v:

สุภาษิตที่สองจำไม่ได้ค่ะ ต้องเอาไปถามท่านผู้อาวุโส ถึงได้อ๋อว่า เมื่อก่อนเคยได้ฟังผู้ใหญ่อ้างถึงเหมือนกัน (แบบว่าถูก...น่ะค่ะ  :mrgreen:)

อีกสุภาษิตหนึ่งที่ชอบค่ะ คือ 知人知面不知心

เมื่อกี๊ไปคลิก ๆ ดูเค้าว่า ต้องเป็น 知人知面要知心   :mrgreen: :D :mrgreen:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 27-10-2007, 17:22


สงสัยต้องมีวิจารณ์ความงามประกอบด้วนะครัย..  :slime_inlove: :slime_cool: :slime_sentimental: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-10-2007, 21:37
หลักยุทธศาสตร์มีว่าไว้ “รู้เขารู้เรา ต่อสู้ร้อยครั้งชนะร้อยครา”

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...จับโจรจับหัวหน้า ยิงคนยิงม้าก่อน

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

...ชิงลงมือก่อนเข้มแข็งกว่า ลงมือภายหลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ นี่เป็นหลักการที่นักบู๊ล้วนจดจำขึ้นใจ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

แต่ยอดฝีมือชิงชัย ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความเป็นตาย ผลแพ้ชนะตัดสินเพียงชั่ววูบ นอกจากทั้งสองฝ่ายทราบแน่แก่ใจ
กระทั่งผู้ชมดูก็ไม่แน่นักว่าจะทราบกระจ่างชัด


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

....ไร้ตัณหาจะเข้มแข็ง ไร้กังวลจะเด็ดเดี่ยว

ผู้ที่มีการศึกษา ล้วนเข้าใจความหมายของคำนี้ แต่น้อยคนที่ปฏิบัติได้

ไม่ว่าผู้ใดล้วนมีกิเลสตัณหา ดังนั้นปณิธานของคนจึงอ่อนแอเปราะบาง
ไม่ว่าผู้ใดล้วนมีบุคคลที่ตนกังวลสนใจ ดังนั้นปณิธานของคนจึงสั่นคลอน


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

นับแต่โบราณกาลมา เหล่าวีรบุรุษผู้กล้า สามารถประกอบวีรกรรมระบือลือลั่น ล้วนอาศัยคำ “กล้าหาญ” นี้

แต่ความกล้าหาญไม่ได้เกิดขึ้นเอง หากแต่เกิดจากความรัก
ความผูกพันระหว่างพ่อลูก น้ำมิตรระหว่างสหาย ความรักระหว่างเพศ ความเห็นใจอกเห็นใจต่อมนุษยชาติ
ความรักถนอมต่อชีวิต ความจงรักต่อชาติบ้านเมือง เหล่านี้ล้วนเป็นความรัก

หากปราศจากซึ่งความรัก ผู้ใดทราบโลกนี้จะเปลี่ยนเป็นโลกเยี่ยงไร ?


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

....กาลเวลามักเป็นสาเหตุเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่ง

สามารถพลิกความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ สามารถแปรชัยชนะเป็นพ่ายแพ้
เพียงขึ้นอยู่กับผุ้คนสามารถใช้เวลาให้เป็นประโยชน์อย่างไร

....กาลเวลาสามารถพลิกประวัติศาสตร์ และสร้างประวัติศาสตร์


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



จาก "อินทรีผงาดฟ้า"   ของ โกวเล้ง โดย น.นพรัตน์


ปล. "จูมง" ในค่ำคืนนี้ คล้ายกับว่าเดินเรื่องไม่ต่างจากสำนวนข้างต้น :D


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 28-10-2007, 17:14
นักแสดงสาวสวยเจ้าหย่าจือ 赵雅芝

ฉิงฉิง ใน เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1re.jpg)

หย่งย้ง ใน จอมโจรจอมใจ

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3re.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2re.jpg)

...เจ้าแม่กวนอิม?
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4re.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 28-10-2007, 17:21

    อิอิ พี่คิว ครับ คุณ  aiwen^mei  เข้าใจหาดาราสาว

    มาให้พี่คิว เข้ามากระทู้นี้บ่อยๆไงครับ   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


เจอข้อกล่าวหาซะแระ อิอิ  :mrgreen:

ค่ะ เดี๋ยวจะหาภาพจอมยุทธ์หนุ่มมาโพสต์นะคะ


สงสัยต้องมีวิจารณ์ความงามประกอบด้วนะครัย..  :slime_inlove: :slime_cool: :slime_sentimental: :slime_fighto:

มิกล้า และมิบังอาจค่ะ  :mrgreen: :D :mrgreen:

แต่ในความเห็นต่ำต้อยของข้าน้อย คิดว่า โฉมสะคราญทุกท่านล้วนงดงามในแบบฉบับของตนเอง ดังบุปผานานาพรรณค่ะ  :slime_smile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 29-10-2007, 09:56

   
   
      ซวยเลยเรา  แซวพี่คิว เล่นๆ  คุณ  aiwen^mei จะเอารูปดาราชายมาลง

  เลยอดดูดาราสาวไปด้วยเลย  แงๆๆๆๆๆๆ  เธอเล่นจะเอาดาราชายมาลงบ้างอ่ะ
:slime_shy:

            (ประท้วงดีไหมพี่คิว )


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 29-10-2007, 11:15


     ฝากสภาษิตอีกคำครับ  入 港随湾   入乡随俗 คล้ายสำนวน"เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม"

    กับอยากฟังเพลงชุด  "จอมใจจักรพรรค์"สักสองเพลงรบกวนคุณเม่ยหาให้ด้วย ชุด

   " 江山美人" อยากฟังอยู่คือ  "扮皇帝"   " 戏风"  สองเพลงครับ  ผมมีแต่แผ่นเสียง-เทป

     เดี๋ยวนี้มันฟังไม่ได้แล้วครับ   วานกรุณาคุณเม่ย  หาให้ด้วยจักขอบพระคุณยิ่งครับ  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-10-2007, 07:54
นักแสดงสาวสวย หวังจู่เสียน 王祖贤
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/wang4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/wang5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/wang1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/wang2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/wang3.jpg)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-10-2007, 08:10

     ฝากสภาษิตอีกคำครับ  入 港随湾   入乡随俗 คล้ายสำนวน"เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม"

    กับอยากฟังเพลงชุด  "จอมใจจักรพรรค์"สักสองเพลงรบกวนคุณเม่ยหาให้ด้วย ชุด

   " 江山美人" อยากฟังอยู่คือ  "扮皇帝"   " 戏风"  สองเพลงครับ  ผมมีแต่แผ่นเสียง-เทป

     เดี๋ยวนี้มันฟังไม่ได้แล้วครับ   วานกรุณาคุณเม่ย  หาให้ด้วยจักขอบพระคุณยิ่งครับ  :slime_worship:

คำว่า "ขอบพระคุณ" มิกล้ารับค่ะ ท่านขวานผ่าซากมิต้องเกรงใจนะคะ ยินดีรับใช้ค่ะ ถ้าข้าน้อยสามารถ  :D

ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับสุภาษิต จำสี่คำแรกได้ค่ะ เพราะได้ยินบ่อย ๆ ว่า "หยิบกั้งสุ่ยอวง" อีกสี่คำต้องไปถามท่านผู้อาวุโสเพราะจำไม่ได้...อ่านว่า "หยิบเฮียสุ่ยซก"

ส่วนเรื่อง "กังซัวหมุยยิ้ง" หนังยอดฮิตสมัยอากงอาม่ายังสะโอดสะองอยู่นะคะ ตอนเม่ยเรียนปอสี่ เหล่าซือที่โรงเรียนให้การบ้านร้องเพลงนี้ ก็อาศัยฟังเทปสมัยนั้นที่ยังต้องมีสองม้วน ม้วนใหญ่ กับม้วนเล็ก  :mrgreen:

หลายปีก่อนมีซีดีหนังต้นฉบับเรื่องนี้ออกมา ตอนจบนั้นแสนเศร้า ถ้าท่านขวานผ่าซากอยากดู ยินดีไรท์ให้ค่ะ

แต่ต้นฉบับตามเน็ต ไม่แน่ใจจะหาเจอมั้ยนะคะ แต่มีของหนูน้อย "จั๋วอีถิง" เอามาร้อง ก็น่ารักใส ๆ แบบเด็ก ๆ ดี ได้ดูจากวิดีโอเมื่อนานมาแล้ว มีคนอัพโหลดเพลง "ป้านหวงตี้" ไว้ที่ยูทิวบ์ด้วย แต่ยังไม่เจอ "ซี่ฟ่ง" ตามลิงก์ข้างล่างนี้ค่ะ

http://youtube.com/watch?v=LdkHkJoNUHo

สุขสันต์วันทำงานก๊าบบบ  :slime_smile:

ปล. เช้านี้มีภาพของสาวงามผู้โด่งดังจากบทผีสาวแสนสวย "โปเยโปโลเย" มาฝากก่อนนะคะ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 02-11-2007, 13:22


    ขอขอบคุณคุณ  aiwen^mei ครับ  สำหรับลิ้งค์เพลง" 江山美人"

  แล้วเมื่อไรจะนำภาพดาราสาวๆ ของจีนมาลงอีกครับ  อิอิ  คุณพี่คิว เลยไม่เห็นเข้ามา :slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 02-11-2007, 22:18
ก๊วยเจ๋ง + อึ้งย้ง ใน มังกรหยก (1983)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3re-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6re.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1re-1.jpg)

******* อดีตนักแสดงสาวสวยผู้ล่วงลับ องเหม่ยหลิง 翁美玲 *******
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/5re.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4re-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8re.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2re-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/7re.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 04-11-2007, 14:33


  เอ พักนี้คุณพี่คิว หายหน้าไม่เข้ามาดูเลยดาราสาวๆ

 สงสัยจะกลัวเจอดาราชาย  เอากระมังครับ  อิอิ

 พี่คิวพูดถึงคุณ  aiwen^mei ไว้ได้ถูกต้องแล้วครับ

 ที่ว่า "เธอรู้ใจและน้ำใจงาม"  ขอบคุณครับ


      谢谢您的好心肠   :slime_v: :slime_bigsmile:




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 04-11-2007, 23:53

  เอ พักนี้คุณพี่คิว หายหน้าไม่เข้ามาดูเลยดาราสาวๆ

 สงสัยจะกลัวเจอดาราชาย  เอากระมังครับ  อิอิ

 พี่คิวพูดถึงคุณ  aiwen^mei ไว้ได้ถูกต้องแล้วครับ

 ที่ว่า "เธอรู้ใจและน้ำใจงาม"  ขอบคุณครับ


      谢谢您的好心肠   :slime_v: :slime_bigsmile:




อืมม น่ารักครับ ทั้งภาพทั้งคน และก็ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ส่วนใหญ่โอเคครับ สายมารายงาน

แต่ไม่ยอมส่งภาพให้ชม ..  :slime_smile: :slime_cool: :slime_agreed:


หัวข้อ: ใครเป็นใครใน"เซี่ยมล้อยุทธจักร"/"โกวเล้ง" ส่ายหน้าคิดพล็อตไม่ทัน
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-11-2007, 00:07
ใครเป็นใครใน"เซี่ยมล้อยุทธจักร"/"โกวเล้ง" ส่ายหน้าคิดพล็อตไม่ทัน
 
4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 00:30:00
 
วันพุธ ที่ 7 พ.ย.นี้ ที่เป็นวันรับสมัครวันแรกของ ส.ส.ระบบสัดส่วนจะเริ่มเห็นภาพการเมืองไทยภายหลังเลือกตั้งชัดเจนขึ้นว่าประเทศไทยจะเดินไปสู่หนใด ?

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เมื่อเห็นหน้าเห็นตาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองในระบบสัดส่วน 8 กลุ่มจังหวัดๆ ละ 10 คน ส่วนจะตั้งความหวังได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกินคาดเดา

พรรคการเมืองหลักๆ ที่คาดว่าจะส่งผู้สมัครระบบสัดส่วนครบ 8 กลุ่มจังหวัด คงจะเหลือเพียง 6 พรรคการเมืองเท่านั้นคือ1.พรรคพลังประชาชน 2.พรรคประชาธิปัตย์ 3.พรรคเพื่อแผ่นดิน 4.พรรคชาติไทย 5.พรรคมัชฌิมาธิปไตย 6.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา(ไม่ต้องคาดเดาการเรียงลำดับ ผมประมาณการจาก ส.ส.ที่คาดว่าจะได้ทั้ง 2 ระบบ)

ส่วนพรรคการเมืองประเภท "ไม้ประดับ" เพื่อการไม่ผูกขาดกับพรรคขนาดใหญ่-กลาง อาทิเช่น พรรคประชาราชของ "ป๋าเหนาะ" เสนาะ เทียนทอง ที่ยังไม่ยอมเป็นขอนไม้ผุ ลอยไปรวมกับพรรคอื่น , พรรคประชามติของ "ประมวล รุจนเสรี" ที่อยู่ระหว่างร่อนจดหมายหาผู้สมัคร และผู้สนับสนุนทุนจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และพรรคอื่นอีกประมาณ 60 พรรคที่จดทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง

เมื่อพอจะมองเห็นพรรคการเมืองหลักๆ ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นหน้าเก่าในพรรคใหม่ หลังจากในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ที่มีการสมสู่ทางการเมืองแบบเย้ยฟ้า ท้าดิน ในหลายรูปแบบของบรรดานักการเมืองรุ่นเก่าๆ ลองมาตรวจดีเอ็นเอของจอมยุทธจักร การเมืองไทยที่จะเริ่มโหมโรงจริงๆ ในสัปดาห์นี้ว่าจะตั้งความหวังในการฟื้นฟูความสงบสุข และสมานฉันท์ของ "เซี่ยมล้อยุทธจักร" ได้หรือไม่

องค์ที่หนึ่ง : หลังรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติวันที่ 19 ส.ค.50 วันเดียว

"นักเลงสุโขทัย" ชิงตีฆ้องระดมพลสร้างมายาภาพจับขั้วการเมืองใหม่ให้เป็นขั้วที่สาม "ทางสายกลาง" ชี้นิ้วสั่ง "เลขาฯสำนักรวมใจไทย" ที่ไพร่พลอับเฉาลงเป็นอันมาก หลังจากเหล่าผู้นำสำนักกลายเป็น "ผีหัวขาดบ้านเลขที่ 111" ให้ไปหว่านล้อมผู้คนในยุทธจักรการเมืองเข้ามาร่วมอุดมการณ์

แต่เหล่านักล่าฝันคนการเมืองที่เชี่ยวกราก รู้ทันจับไต๋ "นักเลงสุโขทัย" ได้ว่าแท้จริงแล้วกำลังตกที่นั่งลำบากกับอาการเลือดไหลไม่หยุด จึงไม่มีใครหลงคารมเชื่อ "มายาภาพ" ขั้วที่สาม "ทางสายกลาง" ว่าจะเกิดขึ้นจากเจ้าสำนักสุโขทัยแต่เพียงฝ่ายเดียว

องค์ที่สอง : พลันเกิดปรากฏการณ์ "เพื่อแผ่นดิน" อ้างวาจาสิทธิ์จากฟ้า

บัญชาให้มารวบรวมไพร่พลให้เป็นขั้วที่ 3 เพื่อสร้างความสมานฉันท์และความสงบสันติสุขให้กับเซี่ยมล้อยุทธจักร ปรากฏการณ์ "เพื่อแผ่นดิน" ประกาศอุดมการณ์เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ดำรงอยู่ได้เพียง 12 ชั่วโมง สามารถรวบรวม "เจ้ายุทธจักร" ผีหัวขาดจากบ้านเลขที่ 111 มานั่งเรียงหน้ากระดานเรียงหนึ่งกับ "เจ้าสัวอนุบาลการเมือง" และจอมยุทธ์สายพันธมิตรได้อย่างน่าอัศจรรย์พันลึก

แต่หากใครสังเกตใบหน้าของ"เจ้าสัวอนุบาลการเมือง" เห็นชัดถึงอาการบอกบุญไม่รับกับการถูกจับนั่งเรียงหน้ากระดานบนเวที "เพื่อแผ่นดิน" ที่ทำให้เกิดการพลิกผันพังเวทีหลังจากก้าวพ้นเพียงไม่เกิน 12 ชั่วโมงยามเท่านั้น

ส่งสัญญาณให้ "นักเลงวังน้ำเย็น" ออกลายที่เหลือน้อยเต็มที ยืนหยัดเสียงดังบอกให้เหล่าจอมยุทธ์ค้อมหัวเข้ามาร่วมกับ "สำนักประชาราช" ที่ตีทะเบียนไว้เรียบร้อย

บ้านหลังนี้ย่อมดีกว่า "เพื่อแผ่นดิน" ที่ยังเป็นวุ้นไม่ได้ปฏิสนธิ และที่สำคัญสำนัก "เพื่อแผ่นดิน" ถูกตั้งคำถามว่าเกิดขึ้น "เพื่อใคร" กันแน่ ระหว่างท่อน้ำเลี้ยงจากแดนไกลกับท่อน้ำเลี้ยงสีเขียว


3 ส.สุ จอมยุทธ์ที่อยู่ในสภาพผีหัวขาด 2 ตนกับ 2 เกลอผีหัวขาด พยายามใช้ยุทธการ "ลับ-ลวง-พราง" เพื่อ "สร้างมายาภาพ" ให้เป็นที่ประจักษ์ว่าสำนักนี้มี "แบ็คอัพ" หนาแน่น แบเบอร์เป็นสำนักร่วมบริหารยุทธจักรไม่ว่าใครจะเป็นเจ้ายุทธจักร

ยุทธการ "ลับ-ลวง-พราง" ของยุทธจักรเซี่ยมล้อการเมืองไทย จึงเริ่มตื่นตาตื่นใจมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

องค์ที่สาม : "นักเลงสุโขทัย และภรรยา" เกี่ยวก้อยจำยอมเดินต้อยๆ ตามถุงเงินของ "เจ้าสัวอนุบาลการเมือง" เข้าบ้านเมืองทอง

เพื่อปฏิบัติการ "ลับ-ลวง-พราง" เพื่อแก้เกมพลพรรคหลีกหายไปหลังถุงเงินเหลือแต่เศษสตางค์

"ผัวเก๋า-เมียแอ๊บแบ๊ว" ออกลีลาเออออ ยอมทุกเรื่อง รับปากจะช่วยสร้างความฝันให้ "เจ้าสัวอนุบาลการเมืองกับนักเลงวังน้ำเย็น" ให้เป็นจริงให้ได้ในการออกศึกเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อเป็นขั้วที่สาม

แล้วอาศัยเจ้าบ้านเผลอ "วิ่งราว" ถุงเงินของ "เจ้าสัวอนุบาลการเมือง" จาก "นักเลงวังน้ำเย็น" กันซึ่งๆ หน้ากลางวันแสกๆ กลางบ้านเมืองทองธานี แล้วยังเสียสละความเป็นเจ้าบ้าน "ทางสายกลาง" ยอมให้เกิดขบวนการตัดต่อพันธุกรรมอย่างทุลักทุเลระหว่าง "นักเลือกตั้งขนานแท้ "ผสมเข้ากับ "นักปลุกระดมปั่นกระแส "สายพันธมิตรเป็นที่เรียบร้อยในระดับนิ่งพอควรแล้ว

หน้าตาสำนักทางสายกลางจึงออกมาค่อนข้างพิลึกพิลั่นพอสมควร กลายสภาพเป็น สายกลางบนรอยแตกแยก มากกว่าสายกลางบนความสมานฉันท์ตามอุดมการณ์เดิม

"คู่ผัวเมีย" เจ้าสำนักเดิมจึงต้องไปอาศัย "หมอดู" เพื่อช่วยปลอบประโลมทำนายฝันของ "เจ้าสัวอนุบาลการเมือง" ที่เชิญมาเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ว่าจะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน ถึงขนาดคนรอบข้างพากันป้อยอเรียกขานล่วงหน้าว่า "ท่านนายกฯ" ไปแล้ว

องค์ที่สี่ : "นักเลงวังน้ำเย็น "ผู้หลงงมอดีตที่จะไม่มีวันยอมเป็นขี้ไก่ให้ใครมาเหยียบย่ำเหม็นเท้าเล่น

แม้ว่าสำนักวังน้ำเย็นจะเหลือเพียงลูกหลานสระแก้ว หรือข้าทาสบริวารรอบกรุงเทพฯ

แม้ว่า "หลาน GONE" จะตัดสินใจโผกลับรังเก่าอย่างสิ้นลาย "ทายาทราชครู" ที่กลายเป็นตำนานอดีตอันรุ่งเรือง

การเข้ามาของ "นักเลงเดวิด" ที่ทำให้คนไทยยังไม่ลืมนักการเมืองบ้านนอกหลายคนที่พยายามคิดมุกบ้าๆ บอๆ เพื่อให้เป็นข่าวโดยไม่เคยให้สาระกับสังคม เช่น ขี่ควายเข้าสภา ฯลฯ กลับกลายเพื่อร่วมสานฝันอุดมการณ์คนใหม่ของพรรคเมืองทองธานี ที่แม้คนในยุทธจักรหัวเราะเยาะว่าเป็นอุดมการณ์ฝันลมๆ แล้งๆ ของคนแก่

ฝีปากของ "นักเลงเดวิด" ได้ทำให้การเมืองไทยกลายเป็นเรื่องเน่าชวนหัวไร้สาระสิ้นดีกับคำเปรียบโถส้วมเตี้ย

"นักเลงเดวิด" คงยังหลงอดีตกับคะแนนเก่า 3 แสนในกรุงเทพฯ อย่างโงหัวไม่ขึ้น โดยไม่รู้หรอกว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่ "ควาย" ที่สามารถถูกหลอกล่อด้วยมุกบ้าๆ บอๆ หาสาระแก่นสารไม่ได้ แล้วจะแห่กันไปลงคะแนนให้ในระดับ 2-3 แสนในช่วง "นักเลงเดวิด" ลงเจ้าเมืองกรุงเทพฯ

การผสมพันธุ์ระหว่าง "เจ้าพ่อวังน้ำเย็น" กับ "นักเลงเดวิด" กำลังจะเกิดขึ้น คงจะได้นักการเมืองหน้าตาแปลกประหลาด

น่าสนใจไม่แพ้การข้ามสายพันธุ์แต่ดีเอ็นเอเดียวกัน ระหว่าง "หัวหน้าปลาไหล" กับ "ชาละวันวิบาก" ที่สร้างเซอร์ไพรส์เพิ่มราคาตัวเองสำเร็จในบั้นปลายชีวิต ซมซานหลุดพ้นจากการไล่ล่าของนักล่าจระเข้แห่งที่ราบสูงที่ยังไม่สามารถจับตัวเป็นๆ ของจระเข้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่หนีน้ำท่วมหลุดออกจากฟาร์มใหญ่ไปนานนับเดือนแล้ว

องค์ที่ห้า : ขอให้จดจำคำพูดของ "ปลาไหล" ไว้ว่าหลังการเลือกตั้ง "จะไม่ทำให้คนที่เคารพนับถือมา 30 ปี ผิดหวังเป็นอันขาด"

ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อขอให้เป็นนานาจิตตัง ตามประสาความเชื่อตามคตินิยมของนักการเมืองไทยในสุภาษิตการเมืองที่พูดกันคล้องจองเป็นกลอนว่า "ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวรในการเมืองไทย" หรือ "การเมืองไม่มีคำว่า 100%หรือเป็นไปไม่ได้"

จงติดตามอย่ากะพริบตากับลีลา "ปลาไหลใส่สเกต" กำลังจะกลับมาแสดงใหม่ เพราะ "นักล่าฝัน" ทายาทราชครูรุ่นสุดท้ายที่ชื่อ "GONE" มีความสามารถพิเศษปลุกผี "น้าชาติ" มาเข้าฝัน และคอยดุนหลังอย่างแข็งขันเช่นเดิม

เหมือนกับคราวยกยอ "นักเลงวังน้ำเย็น" ว่าเป็นนักปั้นนายกรัฐมนตรีตัวจริง จนเจ้าตัวเคลิบเคลิ้มรับปากจะขอปั้น "นายกรัฐมนตรีคนที่ 25" ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค

และฝีมือการเล่นกลสไตล์ "เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์" สะกดจิต "ถุงเงินอนุบาลการเมือง" ให้หลงเดินเข้ากับดักบ้านราชครู จนเกือบสำเร็จในปฏิบัติการผีน้าชาติเข้าฝันให้เรียกประชุมรวม 3 พรรคเพื่อเป็นขั้วที่สาม ดังเช่น การเกิดขึ้นของ "พรรคจอมเสียบ" ในอดีตเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่ ณ ปัจจุบันแปรสภาพกลายเป็น "สำนักชื่อยาวจากการผสมไม่ลงตัว"

"คนที่เคารพนับถือมา 30 ปี" จะเป็นใครเกินคาดเดา ยกเว้นเจ้าตัวรู้ดีที่สุดว่าอาจจะเป็น "น้าชาติ" หรือ "สำนักสี่เสา" แต่เป็นใครคงไม่สำคัญเท่ากับการช่วยทำให้เกิดบรรยากาศ "แจ่มใส" เริงร่ากับการกลับมาเป็น "นายกรัฐมนตรีรอบสอง" เพื่อแก้ตัวใหม่ที่พลาดท่าเสียที "ส.สุ" เจ้าคารม

"ชาละวัน" กับ "นักล่าฝันชื่อ GONE" จะช่วยเติมความฝันของลูกหลานบ้านจรัญสนิทวงศ์ ให้เป็นจริงเสียที

องค์ที่หก : การล่าฝัน "นักการเมืองจมูกชมพู่" ที่ไม่เคยสมหวังในชีวิตทางการเมืองในตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ

เมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกันฉายา "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" ที่ล่าฝันสมหวังในตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งกับประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่นั่งบ่อยจนเบื่อ

"จมูกชมพู่" คงไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายในบั้นปลายชีวิตที่มีโอกาสเข้าใกล้มากที่สุดทั้งเก้าอี้ประมุขฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติในการเป็น "นอมินีรับจ้าง" เป็นหัวหน้าพรรคคนไกลบ้านจากไปลอนดอน

คู่ต่อสู้ของ "จมูกชมพู่" ที่ทัดเทียมมีเพียง "หนุ่มหน้าหล่อ" คนเดียวเท่านั้นที่อาจจะทำลายความใฝ่ฝันสูงสุดของ "จมูกชมพู่" ในการพลาดหวังประมุขฝ่ายบริหาร แล้วได้รางวัลปลอบใจเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่เคยนั่งมาเช่นกัน

การเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของ "หนุ่มหน้าหล่อ" ที่เข้ามาในยุทธจักรการเมืองไทย ผ่านสำนักโบราณแม่พระธรณีบีบมวยผม เมื่อ 15 ปีที่แล้วที่มีความสามารถถึงขั้นสะกด "จมูกชมพู่" ให้งวยงงกับการออกแขกบนเวทีเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ ทางช่อง 9 ได้ จนเอ่ยปากชมว่าคิดแบบเดียวกันกับกระแสจำลองฟีเว่อร์ที่ไม่มีจริง แต่ทั้งสองสำนักกลับแพ้ราบคาบ

องค์ที่เจ็ด : "หนุ่มหน้าหล่อ" แม้จะมองเห็นชัยชนะใสๆ แต่จะสมหวังชนะเลือกตั้งเป็นเจ้าสำนักเซี่ยมล้อยุทธจักรได้หรือไม่ยังเกินคาดเดา

แฟนพันธุ์แท้กำลังภายในอย่าเพิ่งสิ้นหวังเบื่อหน่ายกับพล็อตพิสดารที่โกวเล้งไม่เคยเขียน พึงรอให้ผ่านพ้นการประลองที่กำลังเปิดฉากนับจากวันพุธ ที่ 7 พ.ย.ไปสัก 2-3 ชั่วอึดใจ จึงจะเห็นหน้าเลาๆ ว่าจอมยุทธ์สำนักใดจะก้าวมาเป็น "เจ้าสำนักเซี่ยมล้อยุทธจักร" ที่อยู่ในสภาพแตกร้าวจนแทบจะเกินกว่าจะเยียวยาได้แล้ว  
 
http://bangkokbiznews.com/2007/11/04/WW12_1239_news.php?newsid=198890

 :slime_bigsmile: :mrgreen: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-11-2007, 00:25
จอมโจรจอมใจ (ชอลิ้วเฮียง - 1979)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1979_c_vcd_01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1979_c_vcd_02.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1979_c_vcd_03.jpg)

วังหมิงฉวน เจิ้งเส้าชิว เจ้าหย่าจือ
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1979_c_01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1979_c_b_2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1979_c_b_1.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 06-11-2007, 00:29


   สวัสดีครับคุณ aiwen^mei  โก้วเล้งตายไปแล้วนะครับ

  แต่ผมว่าคุณ aiwen^mei  เขียนมาสไตล์คุณซูมนะครับ อิอิ  (เดาว่าเหมือนนะ) :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 06-11-2007, 00:44
ขำตรง หลานGone  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-11-2007, 00:48
:slime_cool: :slime_fighto:


อืมมเธอรู้ใจ และน้ำใจงามด้วย

มีภาพเธอส่งหลังไมค์ให้ผมหน่อยปะไร ดาราประจำบอร์ดนี้ตัวจริงสวบๆงามๆทั้งนั้น ขอบอก..นะค๊าบ

  เอ พักนี้คุณพี่คิว หายหน้าไม่เข้ามาดูเลยดาราสาวๆ

 สงสัยจะกลัวเจอดาราชาย  เอากระมังครับ  อิอิ

 พี่คิวพูดถึงคุณ  aiwen^mei ไว้ได้ถูกต้องแล้วครับ

 ที่ว่า "เธอรู้ใจและน้ำใจงาม"  ขอบคุณครับ


      谢谢您的好心肠   :slime_v: :slime_bigsmile:




过奖,过奖。 :slime_worship:

这只是小事,不用太客气吧!人人都爱看美丽的女明星
  :slime_smile:

เอ..คิวไต้เฮียบท่านมีสายสืบด้วยหรือคะ งานนี้สายสืบคงทำงานผิดพลาดเป็นแน่แท้  :mrgreen: :shock: :mozilla_surprised: :mrgreen:

ภาพที่พูดถึง คงไม่ใช่ภาพของข้าน้อยที่ไปโพสต์ไว้ที่เว็บคุณป้าเสลาตามคำขอและคำขู่ที่ว่า "หยิบกั้งสุ่ยอวง หยิบเฮียสุ่ยซก"... :mrgreen: ไว้สักสองชั่วยามนะคะ  :shock: 


   สวัสดีครับคุณ aiwen^mei  โก้วเล้งตายไปแล้วนะครับ

  แต่ผมว่าคุณ aiwen^mei  เขียนมาสไตล์คุณซูมนะครับ อิอิ  (เดาว่าเหมือนนะ) :slime_bigsmile:


อั้ยจ๋า...ข้าน้อยมิมีความสามารถปานนั้น ใครเขียนไม่ทราบชื่อแน่ชัดนะคะ แต่ไปแอบแฮปมาจาก "กรุงเทพธุรกิจ" ค่ะ  :slime_bigsmile:

ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคะ   :slime_sleeping:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 06-11-2007, 02:31


หลายท่านที่พบปะกัน ก็ยืนยันมาแบบที่ผมว่านี่นา จะเป็นอื่นไปได้อย่างไร?

แค่ได้ยิน ได้เห็นตัวอักษรก็สุขใจแล้วล่ะครับ..อิอิ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 07-11-2007, 18:44
นักร้องนักแสดงผู้มากความสามารถ วังหมิงฉวน 汪明荃
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/h56-01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/h57-01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/p21-01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1980_a_04.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1981_b_08.jpg)

14 นางสิงห์เจ้ายุทธจักร
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1981_c_vcd_01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1981_c_01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1981_c_a_6.jpg)

ฝันสลาย
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1980_a_vcd_01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/c20-01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1980_a_01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1980_a_03.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/lizawang5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/lizawang4.jpg)



หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ เอี้ยก้วย & เซียวเหล่งนึ่ง (1983) ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-11-2007, 18:11
เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง (1983)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_007.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_001.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-5.jpg)

เฉินอวี้เหลียน 陈玉莲 กับบท "เซียวเหล่งนึ่ง" ในดวงใจของใครหลายคน :slime_inlove:
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_018.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_017.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-3re.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_011.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-2re.jpg)


หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ เอี้ยก้วย & เซียวเหล่งนึ่ง (1995) ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-11-2007, 18:33
เอี้ยก้วย & เซียวเหล่งนึ่ง (1995)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_wallpaper_001.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_sweet_004.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_sweet_003.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_sweet_006.jpg)

หลี่ยั่วถง 李若彤 กับบท "เซียวเหล่งนึ่ง" ที่น่าประทับใจของใครหลายคน :slime_inlove:
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_xiaolongnu_006.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_xiaolongnu_003.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_xiaolongnu_004.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_xiaolongnu_007.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_xiaolongnu_002.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1995_xiaolongnu_025.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 08-11-2007, 18:38


น่ารักจริงๆ ถูกใจครับ ขอที่ประจำกระทู้นะครับ  :slime_smile: :slime_cool: :slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-11-2007, 20:58

หลายท่านที่พบปะกัน ก็ยืนยันมาแบบที่ผมว่านี่นา จะเป็นอื่นไปได้อย่างไร?

แค่ได้ยิน ได้เห็นตัวอักษรก็สุขใจแล้วล่ะครับ..อิอิ  :slime_smile:

โอ...ล่วงเกินแล้ว ขอไต้เฮียบโปรดให้อภัยที่ข้าน้อยเข้าใจผิดว่าเป็นสายสืบ ที่แท้ต่างเป็นสหายชาวยุทธแห่งเสรีไทยเว็บบอร์ดนี่เอง  :mrgreen: :D :mrgreen:

 

น่ารักจริงๆ ถูกใจครับ ขอที่ประจำกระทู้นะครับ  :slime_smile: :slime_cool: :slime_v:

ด้วยความยินดียิ่งค่ะ  :slime_smile:

แต่ขอท่านโปรดอย่าได้ตำหนิในความล่าช้า เพราะจะหาภาพโฉมสะคราญบางนาง ก็ต้องใช้เวลาเสาะแสวงหาอยู่ไม่น้อย

ตอนนี้เม่ยกำลังหาภาพดาบมังกรหยก เวอร์ชั่นเมื่อปี 1986 ที่เหลียงเฉาเหว่ย หลีเหม่ยเสียน และเติ้งชุ่ยเหวิน นำแสดงอยู่ค่ะ  :mrgreen:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 08-11-2007, 22:16


  ขอรับครับคุณเม่ย  ผมจะรอ ผมจะรอรอดูครับ    谢谢您的好心肠

 
      :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ งานงิ้วขอนแก่น ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-11-2007, 22:10

   ขอคุณคุณ aiwen^mei  路遥知马力,日久见人心

   ผมว่าน่าจะแปลให้ได้สำนวนเดิมก็ต้อง "หนทางพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจของคน"

   ในไตเติ้ลที่คุณ  aiwen^mei นำมาหลังเพลงจบ  สำเนียงจีนกลาง  มันมี เซี่ยวหลี่เฟยเตา

   มีดบินลี้น้อย  กับ  เซี่ยวหลีฉังเตา  ซ่อนดาบในรอยยิ้ม  อิอิ  ผมสมัยเมื่อเด็กก็คง เป็นช่วงเดียวกับคุณ เว่ย

   แหละครับ  รัฐบาลสมัยนั้น มีกฏหมายคอมมูนิตย์  ต้องเรียนๆหลบๆอ่ะ  ที่ผมเรียนๆทั้ง แต้จิ๋ว และจีนกลาง

   แต่อยู่บ้านนอก รู้สึกจะไม่เข้มงวดนักครับ  เข้า กทม.มาที  น้าชายชอบพาไปดูหนังที่  กรุงเกษมประจำเลย

  กับเฉลิมบุรี ถ้าจำไม่ผิดอยู่ทางเจริญกรุง  ทุกครั้งที่เข้า กทม. ท่านบอกว่าจะได้ฝึกภาษา  เพราะในโรงหนัง

  ไม่มีพากย์ไทยครับ  น้าชายคนเล็กผม ก็เป็นครูสอนหนังสือจีนนะครับ  อยู่แถวดาวคนอง  ก็สอนเป็นชุดๆละ5-8คน

  เริ่มสอนเป็นรุ่นๆ  จากเด็กเล็ก  ถึงเด็กโต  สอนจากราวๆ 5 โมงเย็นถึง 4-5ทุ่ม ถึงหมดคนเรียนครับ

       สมัยผมเรียนกลางวันเรียนไทย กลางคืนและวันหยุด  ถึงได้เรียนกลางวันกัน  อยากขอรบกวนคุณเม่ยนิด

 เรื่องการเปลี่ยนภาษาไทยเป็นจีน  ต้องซื้ออะไรใส่เพิ่มเติมไหมครับ  และวิธีพิมพ์ด้วย  ช่วยชี้แนะทีครับ

 เผื่อนึกสนุกจะกลับไปหัดเรียนใหม่  หยี่เตี้ยง ผม 40กว่าปียังดีอยู่นะครับ  นานๆคิดไม่ออกก็เปิดมาดูครับ

 ขอขอบคุณครับ   ตอๆเสี่ยหนิง :slime_worship:





ขออนุญาตถามคุณขวานผ่าซากหน่อยค่ะว่า ชอบดู "เอ็งกอ" ป่าวคะ

ตอนนี้เม่ยแวะมาเที่ยว "งานงิ้วขอนแก่น" น่ะค่ะ เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะว่า หลายอำเภอของจังหวัดทางภาคอีสาน จัด "งานงิ้ว" ทุกปี  :mozilla_surprised:

คิดว่ามีแต่บางอำเภอที่มีชุมชนชาวจีนอยู่มากแถบจังหวัดภาคกลางตอนบนกับจังหวัดภาคเหนือตอนล่างเสียอีกค่ะ  :D

-------------------------------------------------------------------------------------

ขบวนแห่  ( กลางคืน )    

คืนวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 50 (เริ่มเวลา 18.00 น.  ตั้งขบวนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง )  ขบวนแห่จัดอย่างยิ่งใหญ่และประดับประดาไฟ  แสงสีสวยงาม  ตระการตา ในเวลา 19.00 น. ชมการแสดงโชว์บนเวทีหน้า ร.ร.กัลยาณวัตร และในเวลา 20.30 น. ชมการแสดงสิงโตมังกรจาก ชมรมลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น จากหลายจังหวัดร่วมโชว์บนเวที 200 ปี ริมบึงแก่นนคร   (ตลอดจนชมพิธีป่วงเซียง ณ.ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า เวลา 19.30)

รูปแบบขบวน มูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ รถโฆษณา, ประชาสัมพันธ์   ขบวนป้ายผู้ร่วมในขบวน ขบวนสิงโตจากขอนแก่น และทั่วประเทศ  (สิงโต , ฮกลกซิ่ว , สิงโตปักกิ่ง , มังกรทอง , เอ็งกอ ) ขบวนวงดุริยางค์ (  ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุด  ) ขบวนเทิดพระเกียรติ  และ  ชมคณะดนตรีจีน  เล่น , ร้อง  สดๆ (  สวยงามและยาวที่สุด  )คณะกรรมการปี 50 และ ปี 51 ขบวนเจ้าแม่กวนอิม ขบวนชมรมไทเก๊ก ขบวนแสดงสดจากโรงเรียนฮั่วเคี้ยววิทยาลัย   

ขบวนแห่  ( กลางวัน )   

ขบวนแห่เช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2550 เริ่มเวลา 07.00 น. ตั้งขบวน ณ ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า   พิธีเปิดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยมีหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ และสื่อมวลชนร่วมพิธีอย่างคับคั่ง (หยุดพักเวลา 12.00 ณ โรงเรียนเอี้ยวฮั่วเคียววิยาลัย)

ขบวนประกอบด้วย มูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ รถโฆษณา, ประชาสัมพันธ์ ขบวนป้ายผู้ร่วมในขบวน ขบวนไฉ่ฮงกี้ สาวงามถือธง คณะดนตรีจีน ขบวนสิงโตจากขอนแก่น และทั่วประเทศ  (สิงโต,ฮกลกซิ่ว, สิงโตปักกิ่ง, มังกรทอง,เอ็งกอ ) ขบวนวงดุริยางค์ (ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุด) ขบวนเทิดพระเกียรติ  และชมคณะดนตรีจีน  เล่น, ร้องสดๆ (สวยงามและยาวที่สุด) คณะกรรมการปี 50 และ ปี 51 ขบวนชมรมไทเก๊ก ขบวนแสดงสดจากโรงเรียนฮั่วเคี้ยววิทยาลัย ขบวนเจ้าแม่กวนอิม เอ็งกอ

ขบวนรถเจ้า ประกอบด้วย รถกระถางธูป เจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าปึงเถ่ากงม่า เจ้าปู่ครูเย็น ขบวนรถเหล่าตั่ว

การแสดง  ตลอด 10  วัน  10  คืน

คืนวันที่  10-11  พฤศจิกายน  2550  เวลา  19.00 -  21.00 น. การแสดงคณะสิงโตมังกร  จาก ชมรมลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น และทั่วประเทศ  ณ  อาคาร  200  ปี  ริมบึงแก่นนคร

คืนวันที่  12 - 19   พฤศจิกายน 2550 การแสดงมหรสพ ที่ตื่นตาตื่นใจ ด้วยพลุเฉลิมพระเกียรติ80 พรรษา ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุด สนุกสนานกับกิจกรรมการร่วมสนุกมากมาย 

อย่าพลาด! ชมความตื่นเต้น ความสนุกสนาน และความสุขภายในงาน “การประมูลของมงคล ประจำปี” ทุกค่ำคืนบนเวที ภายในศาลเจ้าปงเถ่ากง-ม่า เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 – 22.00 น.แล้วท่านจะพบคำตอบ ทำไม ? เพราะอะไรผู้คนมากมายจึงให้ความสำคัญ ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า และรอพบคำตอบ   ใครคือผู้จะพิชิตไต่กิกถาดแรก (ส้มมงคล) และทีกงเต็ง (ตะเกียงฟ้าดิน) ประจำปี 2550  

http://www.khonkaenlink.com/board/forum_posts.asp?TID=31366&PN=1


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ งานงิ้วขอนแก่น ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-11-2007, 09:03
ขบวนแห่ "เอ็งกอ - พะบู๊"

ตำนาน "เอ็งกอ - พะบู๊"

เมื่อแปดร้อยปีมาแล้ว ราชอาณาจักรจีนในรัชสมัยพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เกิด โรคระบาดพรากชีวิตผู้คนไปเป็นอันมาก พระเจ้าซ้องยินหยินจงฮ่องเต้ทรงโปรด ให้อังซินขุนนางตำแหน่งไทอวยเดินทางไปอัญเชิญนักพรวิเศษเตียฮีเจ็งเชียนชือ ณ สำนักวัดเขาเกาเล่งซัวมาช่วยหลังจากบรรจุหน้าที่แล้วระหว่างทางขากลับอังซิน ผ่านตำแหน่งเก๋งแห่งหนึ่ง สลักชื่อไว้ว่า ตำหนักขังปิศาจ ด้วยความกระหายใคร่รู้ จึงแกะยันต์ที่ติดอยู่หน้าเก๋งทิ้งและเปิดเข้าไปโดยพลการทันใดนั้นเองก็มีควันดำพวยพุ่งออกมาทางประตูลอยขึ้นไปอยู่บนอากาศแล้วแตกกระจายแปดทิศ ที่แท้ในเก๋งขังดวงจิตดาวทหารที่ดุร้ายถึงร้อยแปดคนชื่อดาว"เทียมกังแซ" 36 ชื่อดาว "ตีลัว" 72 รวม 108 ดวง ถูกขังมิให้ไปเกิด จากกลัวรบกวนไพร่ฟ้าประชาชนพลเมืองให้ได้รับความเดือดร้อน

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/ango1.jpg)
 
ตำนาน "ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน" ใช้เค้าโครงจากวรรณคดีจีนเรื่อง"ซ้องกั๋ง" ซึ่งเป็นวรรณคดีร้อยแก้วมีลักษณะเป็นการ เล่าได้เรียบเรียงขึ้นเป็นเรื่องราวยืดยาวมี รสมีชาติยิ่งนักแต่ซือไน่อานเขียนไว้เพียง เจ็ดสิบบทมา"หลังกว้านจง"ลูกศิษย์ของซือ ไน่อานจึเรียงเขียนต่อจนจบสมบูรณ์หลัง กว้านจงคือผู้รจนานิยายเรื่องสามก๊กอันลือ ชื่อนั่นเองซ้องกั๋งเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นฝีมือครูเป็นแบบอย่างของสามก๊กอีกทีหนึ่ง

วิญญาณดุร้ายทั้งร้อยแปดดวงจึงได้โอกาสไปจุติ เป็น"ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน"หลังจากพระ เจ้าซ้องยินจงสวรรคตแล้วการเมืองการปกครอง เริ่มเสื่อมทรามลงทุกทีในราชสำนักและวงการ ขุนนางมีแต่ขุนนางฉ้ออำมาตย์มารกดขี่ข่มเหง ราษฎรสังคมก็ปั่นป่วนวุ่นวายมือใครยาวสาวได้ สาวเอาเหล่านักบู๊เทอดทูนคุณธรรมยิ่งชีวิตต่าง ถูกบีบคั้นถูกกลั่นแกล้งเหลืออดเหลือทนในที่สุด จึงรวมตัวกันรวบรวมเอาเหล่านักบู๊ผู้เลิศวิทยา ยุทธทั้ง 108 คน เป็นผู้ใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน ทำการก่อกบฏปล้นขุนนางขี้ฉ้อปล้นคหบดีนำมา แจกจ่ายคนจนคนตกทุกข์ได้ยากความขัดแย้งรุน แรงขึ้นเรื่อยๆจนขยายตัวเป็นสงครามระหว่างกองโจรกับกองทหารหลวง

การแสดง "เอ็งกอ - พะบู๊"

การละเล่นเอ็งกอ เป็นตอนที่ขบวนนักรบ 108 คน ที่ต่างมีวิชาความสามารถเก่งกาจกันคนละอย่าง สองอย่าง ทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม้พลอง มีด การดำน้ำ การเดินป่าทางไกล การรักษาโรค ฯลฯ แต่งหน้าอำพลางตนเป็นนักแสดงขี่ม้าเข้าเมือง เพื่อไปช่วยซ้องกั๋งหัวหน้าของพวกตนการเขียน หน้าเพื่อปกปิดหน้าตาและทำให้ดูน่า เกรงขามของ เอ็งกอมีการเขียนลวดลายเฉพาะคนเหมือนการสวม หน้ากากทั้ง108คนเหมือนกับการสวมหัวโขนของคนไทย ในการแสดงไม่ว่าขบวนแห่เอ็งกอจะผ่านไปทางไหนจะสร้างความตื่นเต้นและความประทับใจในการแสดงนี้ไปทั่ว อันเกิดจากความเร้าใจจากเสียงตีไม้คู่ของขบวนผู้แสดงที่วิ่ง ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วน "พะบู๊" เป็นการแสดงการต่อสู้ด้วยอาวุธจีนโบราณ มักจะเป็นขบวนคู่แฝดของเอ็งกอในการแห่เจ้า ขบวนเอ็งกอ-พะบู๊ของนครสวรรค์ริเริ่มเล่นโดยนาย คอซัวแซ่เตียเมื่อพ.ศ.2490และได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/pic13.jpg)

http://nakhonsawan2001.tripod.com/ango_page.htm

-- เมื่อคืนเห็นขบวนแห่เอ็งกอของขอนแก่นแล้ว ตื่นตาตื่นใจน่าดู แถมยังมีรุ่นจิ๋วอีกต่างหาก  :slime_v:

-- วันนี้คงได้ดูฝีไม้ลายมือในการแสดง เพราะเดินแห่รอบเมืองตลอดวัน  :slime_v:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: (ก้อนหิน) ละเมอ ที่ 11-11-2007, 09:07
ชอบเวอร์ชั่น 1995 มากที่สุดครับ เพราะว่าเลือกนางเอกได้เหมาะสมที่สุด คือ หน้าตาต้องดูมีอายุมากกว่าพระเอกนิดหน่อย
ส่วนเวอร์ชั่นล่าสุดเนี่ย นางเอกหน้าตาแบ๊วไปหน่อย


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-11-2007, 09:26
ชอบเวอร์ชั่น 1995 มากที่สุดครับ เพราะว่าเลือกนางเอกได้เหมาะสมที่สุด คือ หน้าตาต้องดูมีอายุมากกว่าพระเอกนิดหน่อย
ส่วนเวอร์ชั่นล่าสุดเนี่ย นางเอกหน้าตาแบ๊วไปหน่อย

 :slime_smile:

ปล. ได้อ่านบทส่งท้ายของ "กิมย้ง" ท้ายเล่ม (เอ..หรืออยู่ในบทนำของ "ดาบมังกรหยก" ) ที่บรรยายการสะท้อนบุคลิกและความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวละคร ยิ่งทำให้ประทับใจกับความรักมั่นของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งค่ะ   :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 11-11-2007, 14:36


   คุณ aiwen^mei   ถามว่าผมเคยดูหรือปล่าวเอ็งกอ  ที่ขอนแก่นไม่เคยไปครับ

  ผมเคยดูแต่ที่นครสวรรค์  ในวันตรุษจีน และก็ที่สุพรรณบุรี  หลังวันสารทจีน

  ดูเหมือนจะมีหลังวันไหว้ไปแล้ว 3วัน ครับ มีสาวๆมาเดินมาก  ที่สำคัญมีสิงโต  มังกรมาเชิดให้ดูด้วย
   :slime_smile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-11-2007, 05:46
นักร้องนักแสดงสาวสวย โจวฮุ่ยหมิ่น (周慧敏)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2re-3.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/re-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/60f79544.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2re-2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3re-2.jpg)



หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ ดาบมังกรหยก (1986) ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-11-2007, 17:46
ดาบมังกรหยก (1986)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/jynovel-hsds-32.jpg)


หลีเหม่ยเสียน เหลียงเฉาเหว่ย เติ้งชุ่ยเหวิน
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/000033_4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/5dbecbae.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/ed3acc24.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/kittylai.jpg)


หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ ดาบมังกรหยก (2003) ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-11-2007, 17:48
ดาบมังกรหยก (2003) ~
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-3.jpg)

เตียบ่อกี้ (ซูโหย่วเผิง)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1-7.jpg)

เตี๋ยเมี่ยง (เจี่ยจิ้งเหวิน)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4-3.jpg)

จิวจี้เยียก (เกาหยวนหยวน)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/yt08_b.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/30214an02.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/30214an03-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/30214an04.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-11-2007, 00:43

 :slime_bigsmile: :slime_cool: :slime_smile2: :slime_smile:

แวะเข้ามาเยี่ยมชม สาวๆแต่งชุดแนวจีนโบราณประยุคครับ..

สรุปแล้ว สาวๆเวลาอยู่บ้าน ก็ต้องสดใส ไม่งั้นจะต่างจากตอนเข้าฉากในสังคมจนดูเป็นคนละคนได้


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 17-11-2007, 13:45

  ขอรับครับคุณเม่ย  ผมจะรอ ผมจะรอรอดูครับ    谢谢您的好心肠

 
      :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

请问,喜欢吗?  :mrgreen:



   คุณ aiwen^mei   ถามว่าผมเคยดูหรือปล่าวเอ็งกอ  ที่ขอนแก่นไม่เคยไปครับ

  ผมเคยดูแต่ที่นครสวรรค์  ในวันตรุษจีน และก็ที่สุพรรณบุรี  หลังวันสารทจีน

  ดูเหมือนจะมีหลังวันไหว้ไปแล้ว 3วัน ครับ มีสาวๆมาเดินมาก  ที่สำคัญมีสิงโต  มังกรมาเชิดให้ดูด้วย
   :slime_smile:

น่าอิจฉาจังค่ะ ที่นครสวรรค์ - ปากน้ำโพ ถือว่าเป็นเต้ยแล้วนะคะ เข้าใจว่าอย่างนั้น

ขบวนแห่ของขอนแก่นปีนี้ ที่ชอบที่สุด คือ "การเชิดมังกร" ล่ะค่ะ เพราะสมัยเด็กที่เคยดู ยังไม่มี ส่วนการแสดงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเชิดสิงโต เอ็งกอ หล่อโก้ว เด็ก ๆ หาบกระเช้า สาวงามถือเปีย การบรรเลงดนตรีจีนโบราณ มีเหมือนกัน และตามไปดูจนได้เห็นว่า ที่ขอนแก่นมี "ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า" ที่สวยงาม ถาวรด้วย

สำหรับการเชิดมังกรนั้น จะรับสมัครเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเรียนรด. อยู่เท่านั้น ปีนี้เป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยทั้งหมด (ได้ยินคนเม้าท์) มังกรที่เชิดมีสองตัว หนึ่งตัวต้องมีกงจื้อรวมพลังกันประมาณ 20 คน ซึ่งจะมีสองชุด สลับสับเปลี่ยนกัน คุณชายน้อยต้องสวมเอียร์ปลั๊กด้วยค่ะ เพราะต้องทำการเชิดระหว่างที่จุดประทัดสนั่นหวั่นไหว ไว้จะโพสต์รูปค่ะ กำลังรอญาติส่งมาให้  :D

งานงิ้วที่ทางคณะกรรมการฯ จัดได้เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้าร่วมกิจกรรมด้วย อย่างอำเภอที่เม่ยอยู่สมัยเด็ก ใกล้ ๆ นครสวรรค์นั้น จะมีการแสดงต่าง ๆ ที่หลากหลายจากแต่ละโรงเรียนเข้าร่วม ตกกลางคืนก็จะมีการแสดงของคณะงิ้วแต้จิ๋ว งิ้วไหหลำ ชิงช้าสวรรค์ รถไต่ถัง ลำตัด ลิเก รำวง หนังกลางแปลง ปาเป้า และของกินสารพัดประดามี อ้อ...มีเมียงูด้วย  :mrgreen:

แต่เม่ยชอบดูงิ้วแต้จิ๋วค่ะ ขนาดดูไม่รู้เรื่องนะนั่น  :slime_bigsmile:

 
:slime_bigsmile: :slime_cool: :slime_smile2: :slime_smile:

แวะเข้ามาเยี่ยมชม สาวๆแต่งชุดแนวจีนโบราณประยุคครับ..

สรุปแล้ว สาวๆเวลาอยู่บ้าน ก็ต้องสดใส ไม่งั้นจะต่างจากตอนเข้าฉากในสังคมจนดูเป็นคนละคนได้

อิอิ ค่ะ หนุ่ม ๆ สมัยนี้ก็ไม่แพ้สาว ๆ นะคะ  :slime_v:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-11-2007, 14:23
      ผมขออนุญาตนำมาแจมของคุณเม่ย  เห็นเป็นของกิมย้ง
           ประชันโฉม 7 ฮูหยินของอุ้ยเสี่ยวป้อ 5 เวอร์ชั่น

        (http://gallery.teenee.com/chinese/img3/673.jpg)
     หวงเสี่ยวหมิง อุ้ยเสี่ยวป้อคนล่าสุด ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าสาวงามทั้ง 7

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/675.jpg)
อาเคอ (阿珂) ได้ชื่อว่างามที่สุดในบรรดาเมียทั้ง 7 เป็นลูกสาวที่เกิดจากหลี่จื้อเฉิงและเฉินหยวนหยวน

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/676.jpg)
             ฟางอี๋ (方怡) เป็นจอมยุทธหญิงแห่งจวนอ๋องมู่  


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-11-2007, 14:33
ต่อฮูหยินทั้งเจ็ดของ ขุนนางอุ้ยเซี่ยวป้อ
(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/677.jpg)
          มู่เจี้ยนผิง (沐剑屏) ท่านหญิงน้อยจวนอ๋องมู่ อายุน้อยที่สุด

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/678.jpg)
ซวงเอ๋อ (双儿) เป็นสาวใช้ในบ้านขุนนาง อุ้ยเสี่ยวป้ออยู่กับสาวคนนี้แล้วรู้สึกสบายใจเป็นที่สุด เพราะเธอทั้งช่างเอาอกเอาใจ และแสนดี

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/679.jpg)
องค์หญิง เจี้ยนหนิง (建宁) เป็นพระขนิษฐาฮ่องเต้คังซี สุดแสนจะเอาแต่ใจ แต่เวอร์ชั่นของจางเหว่ยเจี้ยน ที่หลินซินหยูแสดง เรียกน้ำตาได้โข


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-11-2007, 14:38
ต่อเรื่องฮูหยินทั้งเจ็ดของอุ้ยเสี่ยวป้อ

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/680.jpg)
         ซูเฉวียน (苏荃) เป็นฮูหยินเจ้าลัทธิมังกรเทพ อายุมากที่สุดในบรรดาเมียอุ้ยเสี่ยวป้อ


(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/681.jpg)
เจิงโหยว (曾柔) เป็นลูกสาวโจรภูเขา ฉบับปี 1984 ไม่มีตัวละครตัวนี้ และในปี 2000
อุ้ยเสี่ยวป้อเวอร์ชั่นจางเหว่ยเจี้ยน ได้สร้างตัวละครชื่อว่า เสี่ยวจิงอี๋ว์ รับบทโดยซูฉี ขึ้นมาแทน


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-11-2007, 20:37
请问,喜欢吗?  :mrgreen:


น่าอิจฉาจังค่ะ ที่นครสวรรค์ - ปากน้ำโพ ถือว่าเป็นเต้ยแล้วนะคะ เข้าใจว่าอย่างนั้น

ขบวนแห่ของขอนแก่นปีนี้ ที่ชอบที่สุด คือ "การเชิดมังกร" ล่ะค่ะ เพราะสมัยเด็กที่เคยดู ยังไม่มี ส่วนการแสดงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเชิดสิงโต เอ็งกอ หล่อโก้ว เด็ก ๆ หาบกระเช้า สาวงามถือเปีย การบรรเลงดนตรีจีนโบราณ มีเหมือนกัน และตามไปดูจนได้เห็นว่า ที่ขอนแก่นมี "ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า" ที่สวยงาม ถาวรด้วย

สำหรับการเชิดมังกรนั้น จะรับสมัครเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเรียนรด. อยู่เท่านั้น ปีนี้เป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยทั้งหมด (ได้ยินคนเม้าท์) มังกรที่เชิดมีสองตัว หนึ่งตัวต้องมีกงจื้อรวมพลังกันประมาณ 20 คน ซึ่งจะมีสองชุด สลับสับเปลี่ยนกัน คุณชายน้อยต้องสวมเอียร์ปลั๊กด้วยค่ะ เพราะต้องทำการเชิดระหว่างที่จุดประทัดสนั่นหวั่นไหว ไว้จะโพสต์รูปค่ะ กำลังรอญาติส่งมาให้  :D

งานงิ้วที่ทางคณะกรรมการฯ จัดได้เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้าร่วมกิจกรรมด้วย อย่างอำเภอที่เม่ยอยู่สมัยเด็ก ใกล้ ๆ นครสวรรค์นั้น จะมีการแสดงต่าง ๆ ที่หลากหลายจากแต่ละโรงเรียนเข้าร่วม ตกกลางคืนก็จะมีการแสดงของคณะงิ้วแต้จิ๋ว งิ้วไหหลำ ชิงช้าสวรรค์ รถไต่ถัง ลำตัด ลิเก รำวง หนังกลางแปลง ปาเป้า และของกินสารพัดประดามี อ้อ...มีเมียงูด้วย  :mrgreen:

แต่เม่ยชอบดูงิ้วแต้จิ๋วค่ะ ขนาดดูไม่รู้เรื่องนะนั่น  :slime_bigsmile:

 
อิอิ ค่ะ หนุ่ม ๆ สมัยนี้ก็ไม่แพ้สาว ๆ นะคะ  :slime_v:





 你怎么那样问呢? 那时人人有机会都是很喜欢的  :slime_v:




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 18-11-2007, 11:53
ดาราสาวสวยมากฝีมือจากจีนแผ่นดินใหญ่ ก่งลี่ 巩俐
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gongli2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gongli7.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gongli1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gl05.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gongli5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gl01.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gongli6.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gongli4.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 18-11-2007, 12:42
      ผมขออนุญาตนำมาแจมของคุณเม่ย  เห็นเป็นของกิมย้ง
           ประชันโฉม 7 ฮูหยินของอุ้ยเสี่ยวป้อ 5 เวอร์ชั่น

        (http://gallery.teenee.com/chinese/img3/673.jpg)
     หวงเสี่ยวหมิง อุ้ยเสี่ยวป้อคนล่าสุด ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าสาวงามทั้ง 7

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/675.jpg)
อาเคอ (阿珂) ได้ชื่อว่างามที่สุดในบรรดาเมียทั้ง 7 เป็นลูกสาวที่เกิดจากหลี่จื้อเฉิงและเฉินหยวนหยวน

(http://gallery.teenee.com/chinese/img3/676.jpg)
             ฟางอี๋ (方怡) เป็นจอมยุทธหญิงแห่งจวนอ๋องมู่ 


欢迎 ! 欢迎 ! 非常感谢。我很高兴你门来这里谈一谈。 :D

"อุ้ยเสี่ยวป้อ" มีหลายเวอร์ชันเสียด้วย เม่ยเคยได้ดูแต่ฉบับทีวีบีที่ "เหลียงเฉาเหว่ย" กับ "หลิวเต๋อหัว" แสดงนิดหน่อยค่ะ

จำได้ว่า คุณรอง เค้ามูลคดีที่พากย์เป็น "อุ้ยเสี่ยวป้อ" โดยเหลียงเฉาเหว่ย ฉายที่ช่องเจ็ด บอกไว้ว่า พากย์บทอุ้ยเสี่ยวป้อนี้ เหนื่อยมาก เพราะพูดตามบทแทบไม่ทัน ชมว่าผู้แสดงคือเหลียงเฉาเหว่ยแสดงเก่งมาก

เคยได้อ่านนิยายแปลเรื่องนี้ใน "ไทยรัฐ" โดย น.นพรัตน์ ด้วยค่ะ แต่อ่านแล้วรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง แต่รู้จักคำด่า "มารดามันเถอะ" ที่อุ้ยเสี่ยวป้อ (น่าจะ) พูดติดปากประจำค่ะ  :mrgreen: ต่อมาได้อ่านฉบับพิมพ์เป็นเล่ม ประมาณ 8 เล่มจบ ก็สนุกดีเพราะความกะล่อนลื่นเป็นปลาไหลจับไม่ติดของอุ้ยเสี่ยวป้อเป็นเหตุ  :slime_smile2:



 你怎么那样问呢? 那时人人有机会都是很喜欢的  :slime_v:




开玩笑, 开玩笑 :mrgreen:

是啊! 香港電視台做得很好看。 :slime_v:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 18-11-2007, 13:38
เซ๊ยวเหล่งนึ่ง 

(http://img1.smileupload.com/upload_pic/18-11-2550/01bhus_18112550133620.jpg) (http://www.smileupload.com)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 20-11-2007, 22:12
เซ๊ยวเหล่งนึ่ง 

(http://img1.smileupload.com/upload_pic/18-11-2550/01bhus_18112550133620.jpg) (http://www.smileupload.com)

ท่าน THE THIRD WAY ชื่นชอบเซียวเหล่งนึ่งที่รับบทโดย "หลิวอวี้เฟย" นี้แน่เชียว เดี๋ยวเม่ยหาภาพมาเพิ่มให้ค่ะ  :D

เวอร์ชันจากประเทศจีนนี้มีดีตรงอลังการงานสร้าง พาให้นึกถึงภาพยนต์จอเงินเรื่องดัง "HERO" ของจางอี้โหมวค่ะ  :slime_v:


หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ เอี้ยก้วย & เซี่ยวเหล่งนึ่ง (2003) ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 21-11-2007, 07:08
เอี้ยก้วย & เซียวเหล่งนึ่ง (2003)
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_poster_013.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_poster_014.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_poster_025.jpg)

หวงเสี่ยวหมิง หลิวอี้เฟย
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_sweet_070.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gallery913486982by7.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/gallery9134215857pb0.jpg)



หัวข้อ: โลกยุทธจักร ~~ เซี่ยวเหล่งนึ่ง (2003) ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 21-11-2007, 07:14
หลิวอี้เฟย 刘亦菲 "เซียวเหล่งนึ่ง" ที่น่ารักอ่อนช้อยของใครหลายคน :slime_inlove:
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_poster_018.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_xiaolongnu_005.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_xiaolongnu_047.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_xiaolongnu_037.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_xiaolongnu_042.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_xiaolongnu_039.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2006_xiaolongnu_046.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 21-11-2007, 08:28
ดูภาพแม่นางหลิวแล้ว
หายใจหมดเลยครับ
 :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 23-11-2007, 01:38
นักแสดงสาวสวยจากจีน จางจื่ออวี้ 章子怡  

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/11-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4-4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/10-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-6.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6-2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/12.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/9.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3-4.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 23-11-2007, 02:07
ผมชอบเซียวเหล่งนึ่ง ภาคนี้

(เมื่อก่อน การเลือกประมุขเจ้ายุทธจักรคงจะไม่มีการซื้อเสียง เพราะใช้วิธีการประลองยุทธ์)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_001.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 23-11-2007, 07:50
ดูภาพแม่นางหลิวแล้ว
หายใจหมดเลยครับ
 :slime_v: :slime_v:

ปานนั้นเชียวนะคะ ไว้จะมาโพสต์เพิ่มให้อีกค่ะ  :slime_smile:


ผมชอบเซียวเหล่งนึ่ง ภาคนี้

(เมื่อก่อน การเลือกประมุขเจ้ายุทธจักรคงจะไม่มีการซื้อเสียง เพราะใช้วิธีการประลองยุทธ์)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1983_001.jpg)


น่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ ปลอดการซื้อเสียง แต่ประมุขจะดำรงตำแหน่งได้นานหรือไม่ อันนี้น่าเป็นห่วงค่ะ  :slime_dizzy:

อย่างในเลือก "8 เทพอสูรมังกรฟ้า" นั้น ประมุขพรรคกระยาจกที่มีนามว่า "เคียวฮง" เจอมรสุมลูกใหญ่จากผู้ประสงค์ร้าย จนต้องประกาศลาออกเพื่อพิสูจน์ตัวเองค่ะ  :slime_v:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 23-11-2007, 09:25



    คุณสมชายสายชมครับ  การที่ใครฝีมือเข้มแข็งกว่าเขา

ก็คือจ้าวยุทธภพ  อิอิ มันก็คล้ายสมัยนี้เหมือนกัน นะครับผมว่า

ใครเงินดีทุนหนาก็ได้เป็นไป  หรืออีกพวกมีวิทยายุทธเหนือกว่าก็เป็นไป  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-11-2007, 08:49

     ฝากสภาษิตอีกคำครับ  入 港随湾   入乡随俗 คล้ายสำนวน"เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม"

    กับอยากฟังเพลงชุด  "จอมใจจักรพรรค์"สักสองเพลงรบกวนคุณเม่ยหาให้ด้วย ชุด

   " 江山美人" อยากฟังอยู่คือ  "扮皇帝"   " 戏风"  สองเพลงครับ  ผมมีแต่แผ่นเสียง-เทป

     เดี๋ยวนี้มันฟังไม่ได้แล้วครับ   วานกรุณาคุณเม่ย  หาให้ด้วยจักขอบพระคุณยิ่งครับ  :slime_worship:

ตามไปเจอเพลง "ป้านหวงตี้" ที่กระทู้ของท่านคิวไต้เฮียบนะคะ http://forum.serithai.net/index.php?topic=18426.0

http://www.mediafire.com/?dnrd4jlk0ji

และเพิ่งจะนึกออกค่ะว่า เพลงที่หนูน้อยจั๋วอีถิงนำมาร้องใหม่นั้น ไม่มีเพลง "ซี่ฟ่ง" เสียหน่อย ขออภัยค่ะที่ความจำเลอะเลือน  :D :mrgreen: :D

อ้อ ไม่ทราบท่านขวานผ่าซากเคยดูเวอร์ชั่นเรื่องนี้จากการแสดงของ "เจิ้งเส้าชิว" กับ "หลี่หลินหลิน" (ศรีภรรยาของเดวิดเจียง) หรือป่าวคะ ร้องเป็นภาษากวางตุ้ง เม่ยเคยดูตอนเด็ก ดูเหมือนจะฉายทางช่อง 5 --- เศร้ารันทดในฉบับเพลงกวางตุ้งค่ะ


ขำตรง หลานGone  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

เพิ่งได้จังหวะตอบค่ะ แกไปแล้วไปลับไม่กลับจริง ๆ นะคะ หลาน Gone เนี่ยะ  :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

จะมีใครตั้งฉายาใหม่ให้ป๋าหมักเจ็บ ๆ แสบ ๆ กว่าเดิมสักสิบเท่ามั่งน้อ  :slime_smile2:

-----------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากชมภาพสาวงามจนทั้งละลานตา และใจคอหวิว ๆ ไปแล้ว คงต้องหวนกลับคืนสู่สำนวนการแปลที่โดนใจอีกครั้ง  :slime_v:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-11-2007, 10:02

การพบพานในคราเคราะห์ มักเพาะเป็นความสัมพันธ์ลึกล้ำเป็นพิเศษ

....มีแต่ตอนประสบเคราะห์ จึงเห็นซึ้งถึงโฉมหน้าแท้จริงของผู้คน
สามารถจำแนกความดีงามและความชั่วร้าย การเห็นอกเห็นใจและการเหยียบย่ำซ้ำเติม 

....รักในคราเคราห์ก็เป็นรักอันแน่นแฟ้น รักอันจีรังยั่งยืน

ผลของการอยู่ร่วมกันระหว่างกอเทียนเซ้งและโง้วเล้งจู เพาะเป็นความรักอันลึกล้ำขึ้น 

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/0ce9653c.jpg)

กอเทียนเซ้งพบรักในหอน้อย ขณะที่ฟังเสียงฝนตกกระหน่ำ
เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก กอเทียนเซ้งจึงจารึกคำ "ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงเดียวดาย" ลงบนตัวดาบโค้ง
ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของโคลง "ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงเดียวดาย

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/DSC00489.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 29-11-2007, 16:49
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1-11.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-7.jpg)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-12-2007, 09:07
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/TheEagle4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/TheEagle3.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 01-12-2007, 09:32
ตามไปเจอเพลง "ป้านหวงตี้" ที่กระทู้ของท่านคิวไต้เฮียบนะคะ http://forum.serithai.net/index.php?topic=18426.0

http://www.mediafire.com/?dnrd4jlk0ji

และเพิ่งจะนึกออกค่ะว่า เพลงที่หนูน้อยจั๋วอีถิงนำมาร้องใหม่นั้น ไม่มีเพลง "ซี่ฟ่ง" เสียหน่อย ขออภัยค่ะที่ความจำเลอะเลือน  :D :mrgreen: :D

อ้อ ไม่ทราบท่านขวานผ่าซากเคยดูเวอร์ชั่นเรื่องนี้จากการแสดงของ "เจิ้งเส้าชิว" กับ "หลี่หลินหลิน" (ศรีภรรยาของเดวิดเจียง) หรือป่าวคะ ร้องเป็นภาษากวางตุ้ง เม่ยเคยดูตอนเด็ก ดูเหมือนจะฉายทางช่อง 5 --- เศร้ารันทดในฉบับเพลงกวางตุ้งค่ะ


เพิ่งได้จังหวะตอบค่ะ แกไปแล้วไปลับไม่กลับจริง ๆ นะคะ หลาน Gone เนี่ยะ  :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

จะมีใครตั้งฉายาใหม่ให้ป๋าหมักเจ็บ ๆ แสบ ๆ กว่าเดิมสักสิบเท่ามั่งน้อ  :slime_smile2:

-----------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากชมภาพสาวงามจนทั้งละลานตา และใจคอหวิว ๆ ไปแล้ว คงต้องหวนกลับคืนสู่สำนวนการแปลที่โดนใจอีกครั้ง  :slime_v:




ผมเคยชมเรื่องจอมใจจักพรรค์ รุ่นนั้นน่าจะเป็น หลินไต้ แสดงนะครับ

มันนาน ซะจนลืมไปแล้ว  อีกเรื่องดูระยะไม่ช้ากว่ากัน  ก็คือ "เพลงรักชาวเรือ"

ขอขอบคุณคุณเม่ย  ที่บอกให้ลิงค์ให้ไปโหลด"ป้านหวงตี้"ครับ
   :slime_v:




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 02-12-2007, 08:54

ผมเคยชมเรื่องจอมใจจักพรรค์ รุ่นนั้นน่าจะเป็น หลินไต้ แสดงนะครับ

มันนาน ซะจนลืมไปแล้ว  อีกเรื่องดูระยะไม่ช้ากว่ากัน  ก็คือ "เพลงรักชาวเรือ"

ขอขอบคุณคุณเม่ย  ที่บอกให้ลิงค์ให้ไปโหลด"ป้านหวงตี้"ครับ
   :slime_v:




ยินดีค่ะ สำหรับเรื่อง "จอมใจจักรพรรดิ" นั้น ฟังท่านแม่เล่าบอกว่า ตอนฉายในกรุงเทพฯ โด่งดังมาก คนที่อยู่ต่างจังหวัดไกลจากกรุงเทพฯ อย่างเชียงใหม่ ยังต้องมาดูเลย ตอนเม่ยเรียนปอสี เหล่าซือเขียนเนื้อร้องพร้อมคำอ่านกั๋วอินให้ ตอนแรกนึกว่าหายไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ยังอยู่ กระดาษเหลืองกรอบไปตามกาลเวลา เห็นแล้วก็คิดถึงเหล่าซือที่แสนใจดี  :slime_worship:

ขอแปะรูปซักหน่อย ขออนุญาตแฮปมาจากกระทู้ของท่านคิวที่ลิงก์มาจากพันทิปอีกต่อ  :D

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Linda.jpg)

ส่วนเรื่อง "เพลงรักชาวเรือ" ยังไม่เคยดูค่ะ ไว้จะต้องลองหามาดูเสียหน่อย


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 02-12-2007, 08:56
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing1.jpg)


หัวข้อ: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 04-12-2007, 21:24
น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8123c88a.jpg)

ในนิยายจีนกำลังภายใน จอมยุทธ์ท่องไปในยุทธจักรพร้อมกระบี่คู่กาย ต่อสู้ฟาดฟันกับศัตรูตลอดรายทางจนประสบชัยชนะในบั้นปลาย

หากเปรียบวงการวรรณกรรมเป็นยุทธภพ น.นพรัตน์ นักแปลนวนิยายจีนกำลังภายในชื่อดังก็พกพาเอาปากกาเป็นอาวุธคู่กาย ท่องไปในยุทธจักรวรรณกรรมเพื่อถ่ายทอดสาระและความบันเทิงให้กับนักอ่านชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานถึง ๓๙ ปี

น.นพรัตน์เป็นนามปากการ่วมของสองพี่น้อง อานนท์ และอำนวย ภิรมย์อนุกูล ที่ร่วมกันแปลนิยายจียนกำลังภายในมาตั้งแต่ทั้งคู่อายุได้เพียง ๑๘ และ ๑๖ ปีตามลำดับ และทำงานแปลร่วมกันเรื่อยมาจนกระทั่งคุณอานนท์จากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ คุณอำนวยจึงต้องทำงานแปลคนเดียวมานับแต่นั้น

การขาดพี่ชายไปทำให้คุณอำนวยได้ฉายาว่ามังกรเดี่ยวไม่เดียวดาย แต่เขาเรียกตัวเองว่าเป็นจอมยุทธ์คนสุดท้ายเพราะเขาเป็นนักแปลนิยายจีนกำลังภายในคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในขณะนี้ก็ว่าได้

เกือบ ๔๐ ปีที่ผ่านมา นักอ่านนิยายกำลังภายในแทบไม่ทราบเลยว่า น.นพรัตน์ เป็นใคร เพราะทั้งคู่เก็บตัว ไม่ชอบเปิดเผยตัวเอง ตามสุภาษิตจีนบทหนึ่งที่เขาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตคือ

"โอ่โอ้อวดเกิดความเสียหาย  ถ่อมตัวไว้ได้รับประโยชน์"

อ้างอิง :  คอลัมน์ "เปิดอก" โดย รณา นิตยสาร "ดิฉัน" ฉบับที่ 675 ( 15 เมษายน 2548)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 04-12-2007, 21:38
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2re-4.jpg)

คุณอำนวยแปลนิยายจีนกำลังภายในมาแล้ว ๒๘๕ เรื่อง ในเวลา ๓๙ ปี และเมื่อขอให้เลือกเรื่องโปรด คุณอำนวยชอบอยู่ ๕ เรื่อง ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเรื่องที่คอนิยายกำลังภายในต้องอ่าน

"เรื่องแรกคือ ๘ เทพอสูรมังกรฟ้า ผมคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดเท่าที่กิมย้งเคยเขียนมา

...แล้วเมื่อปี ค.ศ.๑๙๙๗ ฮ่องกงกลับคืนไปสู่การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ ตอนนั้นสมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จฯ ไปร่วมงานด้วย และมีพระประสงค์จะพบกิมย้งเป็นการส่วนพระองค์ กิมย้งได้เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ และได้ถวายเรื่อง ๘ เทพอสูรมังกรฟ้าฉบับภาษาจีนแก่สมเด็จพระเทพฯ ถ้าเรามองจากมุมมองนี้ก็เข้าใจว่ากิมย้งเองก็ชอบเรื่องนี้ที่สุด

...๒. กระบี่เย้ยยุทธจักร พระเอกชื่อเหล็งฮู้ชง ซึ่งเป็นคนไม่ยึดติดกับชื่อเสียงลาภยศ แต่หลังจากชิงอำนาจมาจากตันปุกป้ายได้ก็ต้องการให้เขาเป็นประมุขพรรค แต่เหล็งฮู้ชงไม่รับตำแหน่งนี้เพราะรู้ตัวว่าเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้ เลยพาแฟนไปอยู่ป่าเขาด้วยกัน

...ผมแปลเรื่องนี้ในปี ๒๕๑๑ หลังจากทำงานแปลได้ ๓ ปี ความไม่ยึดติดกับชื่อเสียงของเหล็งฮู้ชงมีผลต่อการดำเนินชีวิตของตัวผมเองในภายหลังอย่างมาก คือเป็นคนสมถะ ไม่ไขว่คว้าหาลาภยศสรรเสริญ

...๓. ดาวตกผีเสื้อกระบี่ จำได้ว่าผมอ่านตอนที่เขาลงในนิตยสารรายสัปดาห์ ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องก๊อดฟาเธอร์ของพี่ธนิต ธรรมสุคติ ก็เกิดความแปลกใจว่าเขาแปลงมาอย่างไรได้แนบเนียนขนาดนี้ เป็นความประทับใจ

...๔. เซี้ยวลี้ปวยตอ – มีดบินไม่พลาดเป้า พี่ว. แปลในชื่อเรื่องฤทธิ์มีดสั้น ก็คือตำนานอีกบทหนึ่งของนิยายกำลังภายในซึ่งคนที่คิดจะอ่านนิยายกำลังภายในทุกคนควรจะต้องอ่านเรื่องนี้ เพราะว่ามันมีครบทุกอย่างเลย คุณธรรมน้ำมิตร บุคลิกตัวละครที่ต่างกันทั้งคู่ระหว่างลี้คิมฮวงกับอาฮุย เป็นต้น

...๕. มังกรคู่สู้สิบทิศ คือหนังสือกำลังภายในที่ดีที่สุดในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา ผมกล้าพูดอย่างนี้เลย"



หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-12-2007, 08:31
นักเขียนนิยายกำลังภายในมีจุดกำเนิดมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แล้วไปเบ่งบานที่ไต้หวันหลังจากเหมาเจ๋อตุงปฏิวัติได้สำเร็จ

“นักเขียนนิยายกำลังภายในยุคแรก ๆ เกิดจากจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นหวังปู้ลู่ ผู้แต่ง Crouching Tiger Hidden Dragon อีกคนชื่อไป๋อู่ คนแต่งเรื่องศึกเทพยุทธ์เขาสูซาน ซึ่งเป็นเรื่องอภินิหาร

...สมัยนั้นจะมี ๕ ท่านที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นรุ่นบุกเบิกแล้วค่อยถึงยุคของกิมย้ง ซึ่งเป็นรุ่นสานต่อ แล้วมาเป็นยุคโก้วเล้งที่ช่วยให้กำลังภายในเบ่งบานออกมา

...กิมย้งเป็นคนปักกิ่ง หลังจากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่ฮ่องกง มาเป็นผู้สื่อข่าว ส่วนอีกคนชื่อเนี่ยอู้เซ็ง สองคนนี้เป็นผู้ริเริ่มแนวทางการเขียนหนังสือกำลังภายในใหม่ของจีนโดยเริ่มจากที่ฮ่องกง

...หลังจากนั้นไต้หวันจำกัดไม่ให้หนังสือกิมย้งเข้า ช่วงนั้นไต้หวันเพิ่งสร้างชาติอยู่ มีคนบอกว่าหางานทำไม่ได้ก็เขียนหนังสือกำลังภายในซะ ในยุคนั้นก็เลยเรียกว่าร้อยบุปผาหรือถ้าจะพูดกันจริง ๆ ก็คือ ๓๐๐ บุปผาเบ่งบานที่ไต้หวัน มีนักเขียนเรื่องจีนกำลังภายในที่ไต้หวันประมาณ ๓๐๐ คน

...ที่เด่น ๆ เช่น โก้วเล้ง อ้อเล้งเซ็ง ซีแบ๊เล้ง ซึ่งน่าจะเป็นต้นแบบให้กับหวงอี้ หวงอี้ไปก๊อปปี้วิธีการเขียนมาจากซีแบ๊เล้ง

...นอกจากนี้ก็มีลิ้วชั้งเอี้ยง ซึ่งเปรียบเสมือนแรมโบ้ของฝรั่ง อีกคนชื่อเซียวอิด ซึ่งคุณก่อศักดิ์จะชอบเป็นพิเศษ สำนวนเขาจะดี

...ปัจจุบันผมว่าน่าจะเป็นยุคของหวงอี้ เพราะเขาเป็นนักเขียนที่ยังเขียนอยู่คนเดียวตอนนี้และได้รับความนิยมสูงสุด เขาเป็นคนฮ่องกง ความรู้สูง

...หวงอี้เขียนหนังสือ ๒ แนวด้วยกันคือ แนววิทยาศาสตร์ซึ่งลอกมาจากฝรั่งเลย กับแนวกำลังภายใน พอกำลังภายในเขาติดตลาด เขาก็เขียนแต่กำลังภายในล้วน ๆ เช่น เจาะเวลาหาจิ๋นซี มังกรคู่สู้สิบทิศ

...ส่วนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์ก็ถือว่านิยายพวกนี้เป็นเรื่องไร้สาระ เลยขาดช่วงไปเลย ระยะหลังก็มีคนจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มเขียนเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่าวิธีการเขียนและแนวคิดสู้นักเขียนไต้หวันไม่ได้ เพราะคนไต้หวันมีโอกาสไปศึกษาต่ออเมริกา เพราะฉะนั้นโลกทัศน์เขาจะกว้างกว่า”




หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-12-2007, 16:53
...คุณพ่อ ความที่รักลูกก็บอกว่าให้โตพร้อมกัน แล้วส่งเข้าโรงเรียนพร้อม ๆ กัน ก็ไปเรียนที่โรงเรียนจีนที่ ถ.มหาชัยเดิม ชื่อโรงเรียนประสาทปัญญา ตอนนี้ก็เลิกไปแล้ว แต่ผมมาทราบด้วยความภูมิใจในภายหลังว่า ผมมีศิษย์รุ่นน้องที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันคือ คุณก่อศักดิ์  ชัยรัศมีศักดิ์  ประธานบริหาร ซี.พี. เซเว่น อีเลฟเว่น ตอนนี้

...หลังจบประถม ๔ เราพอมีความรู้ภาษาจีนนิดหน่อย ภาษาไทยก็รู้เพียงเล็กน้อย คุณแม่เห็นว่าภาษาจีนที่เราได้ยังไม่เพียงพอ เลยให้ครูสอนภาษาจีนมาสอนเพิ่มเติมให้เราตอนกลางคืน

...กลางวันก็ไปเรียนภาษาไทยต่อที่โรงเรียนวุฒิศึกษาที่วงเวียนใหญ่  จนจบชั้น ม.ศ.๓ เราจะได้ความรู้ทั้งภาษาไทยและจีนพอประมาณ แต่ผมคิดว่ายังไม่กล้าแข็งอะไรนัก

...แต่เราได้ครูสอนภาษาจีนที่ดี ชื่อคุณครูจาง เป็นคนที่เคี่ยวเข็ญผมกับพี่ชายเรื่องภาษาจีนมาก ให้สอบทุกวัน เพราะต้องการให้ศิษย์รับความรู้จากแกมากที่สุด”

จบม.ศ.๓ แล้ว สองพี่น้องไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยธุรกิจที่บ้าน

“พอดีคุณพ่อเป็นเบาหวาน คุณแม่เลยบอกให้ออกมาช่วยทางบ้านดีกว่า เพราะพี่ชายกับผมเป็นลูกคนโตกับลูกคนรอง ซึ่งตามธรรมเนียนปฏิบัติของคนจีน ลูกคนโตจะต้องมาช่วยงานคุณพ่อ เลยหยุดการเรียนไปอย่างน่าเสียดาย แต่ด้วยความรักการอ่าน แต่ไม่ใช่อ่านอย่างจริงจังนะครับ เราอ่าน ป.อินทรปาลิต เศก ดุสิต เป็นต้น

...ความที่เราไม่มีเงิน ก็ลงทุนพับถุงกระดาษ ตอนนั้นร้อยใบบาทนึง พับได้สัก ๒๐ กว่าบาทเราก็ไปที่สนามหลวงเพื่อซื้อหนังสือ ผมจำได้แม่นว่าไปซื้อเรื่องอินทรีแดงของเศก ดุสิต เป็นเงิน ๒๕ บาท

...ตอนนั้นจะมีรถราง ความจริงจากบ้านผมไปสนามหลวงก็สลึงเดียว ก็เดินจากบ้านไปที่สนามหลวงกัน มันเป็นความสุขและความภูมิใจว่าเออ เรานี่ก็บ้าจริง ๆ นะ (หัวเราะ) ความที่ชอบอ่านหนังสือ

...ตอนนั้นผมชอบอ่านนิยายไทย แต่หนังสือพิมพ์จีนสมัยนั้นจะลงนิยายจีนหน้านึง เช่นมังกรหยก และนิยายของนักเขียนอื่นจากไต้หวันก็จะมีลงเป็นประจำ

...จนบัดนี้ก็ลงนะฮะ แต่เขาเอาเรื่องเก่ามาลงใหม่เพราะไม่มีนักเขียนใหม่ แต่สมัยโน้นลงของกิมย้ง เป็นต้น เขาจะส่งมาทุกวัน ๆ แล้วหนังสือพิมพ์จีนในเมืองไทยก็จะเอามาลงต่อกันโดยไม่ได้เสียลิขสิทธิ์ ผมก็ตามอ่าน

...ทีนี้ข้างบ้านผมเป็นบ้านซ่อมจักรยานยนต์ เจ้าของร้านมีหลานจากลำปางมาพักอยู่ด้วย ซึ่งก็คือคุณแสงเพชร  เสนีย์บดินทร์ ซึ่งต่อมาเป็นนักเขียนที่บันลือสาส์น เขียนเรื่อง ๗ พระกาฬ

...คุณแสงเพชรเห็นผมนั่งอ่านแต่นิยายจีน เลยถามผมว่าสนใจจะแปลหนังสือไหม แกบอกให้เราแปลสิ เราเลยไปเช่าหนังสือมาแปล

...สมัยนั้นที่เยาวราชจะมีร้านเช่าหนังสือ เป็นหนังสือที่ส่งมาจากฮ่องกง จะมีร้านนึงเป็นตัวแทน พอส่งมาถึงก็จะกระจายไปตามร้านเช่าต่าง ๆ ทั้งที่ราชวงศ์ หัวลำโพง บางรัก ฯลฯ

...ก็เริ่มแปลกันตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ตอนนั้นพี่ชายอายุ ๑๘ ผมอายุ ๑๖”



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 05-12-2007, 17:42
อา.......  (อุทานเเบบคนในยุทธจักรซักหน่อย)...รู้สึก กระทู้นี้กลายเป็นสารคดีเรื่องโปรดของผมไปแล้วล่ะครับ คุณเม่ย
อ่านสำนวน น.นพรัตน์มาตั้งนาน เพิ่งจะได้เห็นหน้าค่าตากันวันนี้เอง
นี่เขาเริ่มแปลนิยายจีนกันตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลยหรือเนี่ย ไม่น่าเชื่อ ผมว่าเพิ่งเห็นชื่อพวกเขาครั้งแรกในไทยรัฐ
หลังจากที่ผมรู้จักแต่ จำลอง พิศนาคะ กับ ว.ณเมืองลุง อยู่หลายปีเลย

แล้วรูปชายตาตี่ๆ ที่แคปมาจากหนังสือนั่น ใช่ โกวเล้ง หรือเปล่าครับ โอย ตื่นเต้นๆๆ  :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-12-2007, 17:58
อา.......  (อุทานเเบบคนในยุทธจักรซักหน่อย)...รู้สึก กระทู้นี้กลายเป็นสารคดีเรื่องโปรดของผมไปแล้วล่ะครับ คุณเม่ย
อ่านสำนวน น.นพรัตน์มาตั้งนาน เพิ่งจะได้เห็นหน้าค่าตากันวันนี้เอง
นี่เขาเริ่มแปลนิยายจีนกันตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลยหรือเนี่ย ไม่น่าเชื่อ ผมว่าเพิ่งเห็นชื่อพวกเขาครั้งแรกในไทยรัฐ
หลังจากที่ผมรู้จักแต่ จำลอง พิศนาคะ กับ ว.ณเมืองลุง อยู่หลายปีเลย

แล้วรูปชายตาตี่ๆ ที่แคปมาจากหนังสือนั่น ใช่ โกวเล้ง หรือเปล่าครับ โอย ตื่นเต้นๆๆ  :slime_sentimental:

ขอบคุณคุณแอบอ่าน ซุ่มเงียบมากหลายค่ะที่กรุณาติดตาม  :slime_smile:

เหมือนสวรรค์เมตตาค่ะ จู่ ๆ ก็มีพี่ที่ทำงานไปได้นิตยสาร "ดิฉัน" เล่มนี้จากไหนไม่ทราบเอามาให้อ่านกัน ทั้งที่เป็นฉบับสองปีกว่ามาแล้ว เมื่อวานเม่ยเพิ่งพลิกอ่าน ๆ ดู ก็รู้สึกประหลาดใจมากเลยค่ะที่มีบทสัมภาษณ์ น.นพรัตน์อย่างละเอียด 14 หน้าด้วย ก็เลยอ่านจนจบ จบแล้วขอเอามาโพสต์ต่อดีกว่า

ใช่ค่ะ ข้างบนนั้นเป็นรูปของโกวเล้งค่ะ

เดี๋ยวจะทยอยสแกนภาพอื่น ๆ มาโพสต์ด้วยค่ะ มีภาพของกิมย้ง และหวงอี้ด้วยนะคะ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 05-12-2007, 18:27
แหะ แหะ ผมแอบติดตามแบบเงียบๆอยู่เสมอนะครับ ไม่ค่อยจะเสนอหน้า แบบว่า จะรักษาบุคคลิกตามชื่อน่ะ  :slime_bigsmile:
ท่าทางคุณเม่ยจะชอบ อินทรีผงาดฟ้า มากนะครับ ผมอ่านแบบผ่านๆ จนลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว
ครั้งแรกที่รู้จักเรื่องนี้ เพราะเคยซื้อนิตยสารรายสัปดาห์เกี่ยวกับดารา ทีวีจีน  แล้ว มีการนำเรื่องนี้มาเขียนเป็นการ์ตูนลงเป็นตอนๆ
นวนิยายของโกวเล้ง ที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือ วีรบุรุษสำราญ เพราะออกจะเฮฮามากกว่าเรื่องอื่นๆ
ผมเคยอ่านหนังสือของ อ้อเล้งเซ็ง  แล้วแต่ไม่ชอบ ผมว่า ฝีมือห่างไกล โกวเล้งมากโขอยู่

แต่ถ้าเทียบกันระหว่าง โกวเล้ง กับ กิมย้ง แล้ว ผมชอบกิมย้ง มากกว่านะ
โดยเฉพาะเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร  ผมยกให้เป็นหนังสือกำลังภายในที่ดีที่สุดในใจผมเลย




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 05-12-2007, 19:20
พูดถึง อินทรีผงาดฟ้า แล้วทำให้ผมนึกถึงเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย ด้วย

เนื่องจากมีตัวละครต่อเนื่องกัน

และผมเสียดายที่ โกวเล้ง แต่งเรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แบบทำลายความอลังการของ ซาเสี่ยวเอี้ย ไปพอสมควร

เนื่องจากในเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย นั้น ตัวละคร อี่จับซา ถือเป็นสุดยอดแล้ว ในท้ายเรื่อง

แต่เรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แค่ เต็งพ้ง ไปอยู่กับแชแช ไม่กี่ปี กลางเรื่องก็เหนือกว่า อี่จับซา แล้ว

แต่งแบบนี้ มันทำลายตัวละครเก่าของตัวเอง

ดูอย่างกิมย้ง เขาไม่สร้างตัวละครใหม่ มาเหนือกว่า ตัวละครเก่าง่ายๆเลย

เช่น เอี้ยก้วย สูสี กับ ก้วยเจ๋ง หรือ  เตียบ่อกี้ แค่เจอทายาท เอี้ยก้วย ก็ตะลึงแล้ว

ส่วนเรื่อง วีรบุรุษสำราญ ผมก็ชอบเหมือนคุณ แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ครับ

น่าจะนำเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนังใหญ่สวยๆ แบบ Crouching Tiger Hidden Dragon

เนื้อเรื่องก็ไม่ยาวเท่าไหร่ มุข และความเท่ห์ของตัวครก็เยอะ


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-12-2007, 22:13
แหะ แหะ ผมแอบติดตามแบบเงียบๆอยู่เสมอนะครับ ไม่ค่อยจะเสนอหน้า แบบว่า จะรักษาบุคคลิกตามชื่อน่ะ  :slime_bigsmile:
ท่าทางคุณเม่ยจะชอบ อินทรีผงาดฟ้า มากนะครับ ผมอ่านแบบผ่านๆ จนลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว
ครั้งแรกที่รู้จักเรื่องนี้ เพราะเคยซื้อนิตยสารรายสัปดาห์เกี่ยวกับดารา ทีวีจีน  แล้ว มีการนำเรื่องนี้มาเขียนเป็นการ์ตูนลงเป็นตอนๆ
นวนิยายของโกวเล้ง ที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือ วีรบุรุษสำราญ เพราะออกจะเฮฮามากกว่าเรื่องอื่นๆ
ผมเคยอ่านหนังสือของ อ้อเล้งเซ็ง  แล้วแต่ไม่ชอบ ผมว่า ฝีมือห่างไกล โกวเล้งมากโขอยู่

แต่ถ้าเทียบกันระหว่าง โกวเล้ง กับ กิมย้ง แล้ว ผมชอบกิมย้ง มากกว่านะ
โดยเฉพาะเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร  ผมยกให้เป็นหนังสือกำลังภายในที่ดีที่สุดในใจผมเลย




มิเป็นไร หามิได้ค่ะ คุณแอบอ่าน ซุ่มเงียบ เป็นมังกรซ่อนกายย่อมเป็นสุขและปลอดภัยไร้เรื่องราว  :mrgreen: :D :mrgreen:

จริง ๆ แล้วสาเหตุหลักที่เม่ยชอบอ่านนิยายแนวนี้ คือสำนวนการแปลน่ะค่ะ ชอบมากค่ะ เวลาอ่านก็จะค่อย ๆ ละเลียดอ่าน  :mrgreen: แต่สำหรับเค้าโครงเรื่องแล้ว ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมาในทำนองเดียวกัน ไม่หนีกันเท่าไหร่ถ้าพูดโดยภาพรวมมั้งคะ

ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างกิมย้งกับโก้วเล้ง ส่วนตัวเม่ยเห็นว่า นิยายของกิมย้งเหมือนดนตรีคลาสสิก มีชั้นเชิงสูงน่ะค่ะ และยังผูกเรื่องกับประวัติศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน อ่านแล้วได้ความรู้ดี บุคลิกตัวละครก็มีหลากหลาย

ส่วนโก้วเล้งถ้าเป็นดนตรีก็ออกแนวลูกทุ่ง แต่ก็เป็นลูกทุ่งชั้นดี บางทีโครงเรื่องก็มีหลุด ๆ แต่ไม่ซับซ้อน มีจุดเด่นตรงพูดถึงเรื่องน้ำมิตร ความสัมพันธ์ระหว่างสหายชาวยุทธ และบุรุษสตรี ได้ลึกซึ้งกินใจดี ดังกับฟังเพลง "ร้องไห้กับเดือน" ของคัมภีร์ แสงทองก็ไม่ปาน  :slime_smile:

ตอนนี้ กำลังต้วมเตี้ยมอ่าน " ๘ เทพอสูรมังกรฟ้า" อยู่ค่ะ ถ้ายังเด็ก คงอ่านจบไปนานแล้ว  :mrgreen: จบแล้วจะต่อด้วย "กระบี่เย้ยยุทธจักร" ตามที่แฟน ๆ กำลังภายในแนะนำไว้ แต่ได้คุยกับอาเจ็กเจ้าของร้านเช่า แกว่า ต้องอ่าน "ผู้กล้าหาญคะนอง" นะ เห็นแกตั้งข้อสังเกตไว้ว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรถูกดัดแปลงมาจากผู้กล้าหาญคะนอง ไม่แน่ใจว่าอย่างไรเหมือนกันค่ะ

แต่ถ้าพูดถึงหนังที่ดัดแปลงจากเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" แล้ว นับว่า ฉีเคอะ ประสบความสำเร็จสุด ๆ โดยเฉพาะ "เดชคัมภีร์เทวดา ภาค ๒" ที่ดูแล้ว ตื่นตะลึง สนุกกับฉากบู๊มาก โดยเฉพาะ "หลินชิงเสีย" ในบท "ตงฟางปุ๊กป้าย " นั้น จำได้มิรู้ลืมจริง ๆ ค่ะ แถมเพลงประกอบของภาคแรกก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ อีกต่างหาก  :slime_v:


พูดถึง อินทรีผงาดฟ้า แล้วทำให้ผมนึกถึงเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย ด้วย

เนื่องจากมีตัวละครต่อเนื่องกัน

และผมเสียดายที่ โกวเล้ง แต่งเรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แบบทำลายความอลังการของ ซาเสี่ยวเอี้ย ไปพอสมควร

เนื่องจากในเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย นั้น ตัวละคร อี่จับซา ถือเป็นสุดยอดแล้ว ในท้ายเรื่อง

แต่เรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แค่ เต็งพ้ง ไปอยู่กับแชแช ไม่กี่ปี กลางเรื่องก็เหนือกว่า อี่จับซา แล้ว

แต่งแบบนี้ มันทำลายตัวละครเก่าของตัวเอง

ดูอย่างกิมย้ง เขาไม่สร้างตัวละครใหม่ มาเหนือกว่า ตัวละครเก่าง่ายๆเลย

เช่น เอี้ยก้วย สูสี กับ ก้วยเจ๋ง หรือ  เตียบ่อกี้ แค่เจอทายาท เอี้ยก้วย ก็ตะลึงแล้ว

ส่วนเรื่อง วีรบุรุษสำราญ ผมก็ชอบเหมือนคุณ แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ครับ

น่าจะนำเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนังใหญ่สวยๆ แบบ Crouching Tiger Hidden Dragon

เนื้อเรื่องก็ไม่ยาวเท่าไหร่ มุข และความเท่ห์ของตัวครก็เยอะ

คุณจูล่ง_j ช่างสังเกตมากค่ะ มาอ่านบทสัมภาษณ์ของน.นพรัตน์ แล้วก็เลยเก็ตที่คุณจูล่ง_J วิจารณ์เกี่ยวกับโก้วเล้งทันที  :D

รอนิดนะคะ อาจจะรู้สึกเซอร์ไพรส์แบบน่าผิดหวังค่ะ  :mrgreen: :mozilla_surprised: :mrgreen:

พูดถึงหนังเรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon แล้ว -- สองสามอาทิตย์ก่อนได้อ่านบทความของเจ้าพ่ออมตะนครเขียนถึงผู้กำกับชื่อดัง อั้งลี่ ไว้ในนิตยสารฉบับหนึ่ง น่าสนใจดีเหมือนกัน ถ้ามีจังหวะจะนำมาโพสต์ค่ะ



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-12-2007, 06:09
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing4.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-12-2007, 06:16
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing3.jpg)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 06-12-2007, 06:23
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3re-3.jpg)

นิยายกำลังภายในเรื่องแรกที่แปลคือเทพบุตรเพชฌฆาตของเล้าสี่ม้อ โดยใช้นามปากกว่า อ.ภิรมย์

“ตอนแรกที่เราแปลเรายังใช้นามปากกา อ.ภิรมย์   อ.คืออานนท์กับอำนวย เพราะช่วยกันแปล ๒ คน ส่วนภิรมย์ก็มาจากนามสกุล

...วิธีทำงานของพวกผมตั้งแต่แรกจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ก็คือ ผมจะเป็นคนดูภาษาจีน ผมจะพูดด้วยปากเปล่าจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย แล้วพี่ชายจะเป็นคนเขียนลงในกระดาษฟูลสแก๊ป

...เวลาเขียน ถ้าพี่ชายเห็นว่าสำนวนที่ผมพูดออกไปไม่ไพเราะเท่าที่ควรก็จะแก้ไขปรับปรุงในตอนนั้น ตกกลางคืนก็จะมาตรวจทานกันอีกทีแล้วนำส่งโรงพิมพ์ ก็ทำกันอย่างนี้เรื่อยมา

...เทพบุตรเพชฌฆาตเป็นหนังสือ ๑๘ เล่มจบ ขายเล่มละ ๓ บาท เราได้ค่าแปลตอนละ ๑๕๐ บาท ๑๘ ตอนก็ ๒,๗๐๐ บาท คุณแม่เลยบอกว่าเพื่อเป็นการรำลึกถึงผลงานครั้งแรกของเรา ควรจะไปซื้อทองคนละเส้น

...สมัยนั้นทองบาทละ ๔๐๐ บาท พวกผมสองคนก็ไปซื้อทองมาคนละเส้น จำไม่ได้ว่าหนักเท่าไหร่ แต่ของผมตอนหลังโดนโจรขโมยไป ของพี่ชายยังอยู่จนบัดนี้ หลังจากพี่ชายเสียชีวิต พี่สะใภ้บอกว่าสร้อยเส้นนี้จะเก็บไว้ให้ลูกชายตอนแต่งงาน”
แปลให้กับบันลือสาส์นได้เพียงเรื่องเดียว ทั้งคู่ก็ต้องย้ายสำนักพิมพ์ใหม่

“ในปลายปี ๒๕๐๘ สำนักพิมพ์บันลือสาส์นมีโครงการจะเริ่มทำนิตยสารใหม่คือศรีสยามรายสัปดาห์ ซึ่งจะออกในปี ๒๕๐๙ เขาเลยหยุดพ็อกเก๊ตบุ๊กไว้ก่อน ผมเลยหยุดไปสักสองสามเดือน

...จำได้แม่นว่าตรุษจีนปี ๒๕๐๙ ก็มีเพื่อนนักแปลคนนึงมาบอกว่าสำนักพิมพ์เพลินจิตจะออกหนังสือกำลังภายใน ให้ลองไปพบเขาด้วยกัน

...สำนักพิมพ์เพลินจิตตอนนั้นมีพี่ว.ณ เมืองลุงทำอยู่ก่อน แต่ทางนายห้างเวช เจ้าของสำนักพิมพ์  มีความคิดจะออกเรื่องจีนในรูปเล่มหนังสือพิมพ์รายวัน เพราะแกมีแท่นพิมพ์อยู่ว่าง ๆ เลยต้องการระดมนักแปลเท่าที่มีอยู่ในยุคนั้นเข้าไปทำงาน โดยแปลคนละเรื่องสองเรื่อง

...สมัยนั้นนักแปลจะมีอยู่สี่ห้าท่าน มีพี่จำลอง พิศนาคะ พี่ว.ณ เมืองลุง คุณส.ฤกษ์สุนทร คุณเทียน จันทะรา และผมกับพี่อานนท์ ก็จะระดมทั้ง ๕ คนนี้มาทำที่ส.น.พ.เพลินจิต ออกเป็นน.ส.พ.ออกมา ฉบับแรกรู้สึกจะขาย ๕๐ สตางค์ ตามสไตล์ของนายห้างเวชที่ฉบับแรกต้องแจกแถมให้อ่านกันฟรี แต่คุณว. ตอนท้ายขอถอนตัว น.ส.พ.ฉบับนั้นก็เลยไม่มีคุณว.

...หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไม่ประสบความสำเร็จ คนไทยไม่นิยมอ่านเรื่องแบบสี่ห้าตอนในเล่มเดียว เขาไม่ชอบ เขาต้องการอ่านเรื่องเดียว แล้วออกทุกวันเพื่อความต่อเนื่อง

...หลังจากที่น.ส.พ.เพลินจิตฉบับเรื่องจีนไม่ประสบความสำเร็จ นายห้างเลยบอกว่าจะพิมพ์เรื่องจีนของผม แต่ให้เราคิดนามปากกาใหม่อีกนามปากกาเพื่อทำพ็อกเก๊ตบุ๊กออกมา เลยเป็นที่มาของน.นพรัตน์

...ตอนนั้นมีความคิดว่า อ.ภิรมย์ก็ใช้กันไปแล้ว ก็เหลือแต่น.หนู อานนท์ อำนวย เลยเอามาใช้กัน ทีนี้ต้องมีคำต่อท้ายก็ไม่รู้จะทำยังไง

...เวลาเราไปส่งต้นฉบับจะนั่งรถเมล์สาย ๕ จักรวรรดิ – บางซื่อ ไปส่งต้นฉบับที่ผ่านฟ้า ระหว่างทางต้องผ่านร้านเพชรแถวพาหุรัด มีร้านเพชรร้านนึงชื่อนพรัตน์ พอผ่านเราก็ปิ๊งขึ้นมาว่าเมื่อมีน.หนูแล้วก็เอานพรัตน์ใส่เข้าไปเลย ซึ่งทุกวันนี้ร้านเพชรนพรัตน์ก็ยังอยู่ นามปากกาน.นพรัตน์ก็ยังอยู่ ก็เป็นกุศลด้วยกันทั้งสองฝ่าย (หัวเราะ)”



หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 07-12-2007, 00:19
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4re-2.jpg)

นามปากกา น.นพรัตน์ เริ่มเป็นที่รู้จักจากนิยายกำลังภายในเรื่องกระบี่อำมหิตเป็นเรื่องแรก

“ความจริง น.นพรัตน์แปลนิยายจีนเรื่องแรกคือกระบี่อำมหิต แต่ตอนที่ลงที่เพลินจิตรายวันใช้กับเรื่องป๊ออ้วงตอก่อน คือเราแปลในตอนหลังแต่ได้นำลงก่อน พอหนังสือพิมพ์ไม่ประสบความสำเร็จ ทางนายห้างก็หันมาพิมพ์เรื่องกระบี่อำมหิตแทน ฉะนั้นนามปากกาน.นพรัตน์เป็นที่รุ้จักจากเรื่องกระบี่อำมหิตมากกว่า

...กระบี่อำมหิตเป็นเรื่องของนักเขียนชาวไต้หวัน ซึ่งภายหลังเราค่อยทราบว่าเรื่องนี้ไปก๊อปปี้มาจากเรื่องมังกรหยกของกิมย้ง แต่มาตัดต่อให้มันเดินเรื่องรวดเร็วฉับไว ฉะนั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ คือคนอ่านแล้วชอบที่เดินเรื่องทันอกทันใจ

...มีเรื่องเล่าว่ากิมย้งก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักเขียนแกเป็นนักหนังสือพิมพ์ฉบับนึงชื่อต้าฮงเป้า ซึ่งเป็นของจีนคอมมิวนิสต์ หลังจากิมย้งมาแต่งนิยายขาย ทางไต้หวันก็แอนตี้หาว่ากิมย้งเป็นคอมมิวนิสต์

...หนังสือของกิมย้งยุคนั้นจะเข้าประเทศไต้หวันไม่ได้ ใครเผยแพร่ก็จะมีความผิดฐานกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ นักเขียนเลยก๊อปปี้เรื่องของเขาแทน เปลี่ยนเนื้อเรื่อง เปลี่ยนอะไรนิดหน่อย

...ความที่พี่จำลอง พิศนาคะ เคยแปลมังกรหยกแล้วตั้งแต่ปี ๒๕๐๑ ตอนกระบี่อำมหิตออกเมื่อปี ๒๕๐๙ มีบางท่านไปบอกกับนายห้างว่าเอ๊ เรื่องนี้มันมังกรหยกนะ นายห้างเลยไปเขียนว่าเป็นเรื่องที่สนุกสนานไม่แพ้มังกรหยก ซึ่งแปลแรก ๆ เราไม่ทราบ แต่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกัน ต้องยอมรับว่านักเขียนไต้หวันก๊อปปี้เก่ง”

แม้จะเริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นนักแปลแล้ว แต่สองหนุ่มก็ยังทำกรอบกระจกเป็นงานอาชีพ

“ตอนเช้าเรายังทำงานให้คุณพ่ออยู่ กลางวันพอเสร็จงานก็มาจับปากกาเขียนกัน ข้าง ๆ โต๊ะทำงานคุณพ่อจะเป็นโต๊ะหินอ่อนที่ใช้ตั้งกับข้าวกินกันตรงนั้น กินเสร็จก็ยกกับข้าวเก็บแล้วมานั่งแปลกันตรงนั้นเลย

...ตอนนั้นนายห้างเวชมีนโยบายว่าให้ออกหนังสือวันละ ๑ เล่มพ็อกเก็ตบุ๊ก ก็ประมาณกระดาษฟุลสแก๊ป ๓๕ หน้า เราก็ไม่ทราบว่าเขียนกันได้ยังไง

...หลัง ๆ ถ้าเร่งก็ไปขอพ่อว่าทำงานถึง ๑๐ โมงเช้าแล้วเลิกแล้วนะ แล้วก็นั่งปั่นต้นฉบับกัน ช่วงเช้าก็จะได้นัก ๑๐ หน้า ตอนบ่ายสัก ๑๕ หน้า กลางคืนอีก ๑๐ หน้า ก็ได้ ๓๕ หน้าแล้ว ตอนเช้าเราก็เอาไปส่ง หลัง ๆ นายห้างเห็นว่าเราส่งไม่ทัน เลยให้เด็กมารับที่บ้านเลย

...สำหรับค่าแปล แรก ๆ เราได้หน้าละ ๑๐ บาท ๓๕ หน้าก็ได้ ๓๕๐ บาท แต่ทุกอย่างต้องหารสอง เพราะเราทำกันสองคน

...เราทำงานอยู่กับนายห้างจนกระทั่งปลายปี ๒๕๑๑ นายห้างก็มีปัญหาการเงิน ต้องขายโรงพิมพ์ที่สี่แยกหลานหลวง แล้วไปอยู่ซอยสุขุมวิท ๖๔

...ตอนนั้นนายห้างเก็บเงินจากต่างจังหวัดไม่ค่อยได้ ค่าต้นฉบับเราเลยได้ไม่ค่อยเต็มที่แล้ว เราเลยย้ายสำนักพิมพ์มาอยู่ที่บันดาลสาส์นในปี พ.ศ.๒๕๑๒ จนปี พ.ศ.๒๕๑๙ ก็ย้ายมาอยู่ที่สำนักพิมพ์บรรณกิจ”

  ในปีพ.ศ.๒๕๑๙ ชีวิตของทั้งคู่เดินทางมาถึงจุดรุ่งโรจน์ เมื่อนามปากกาน.นพรัตน์โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั้งประเทศ



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 07-12-2007, 06:40
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing5.jpg)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 07-12-2007, 06:46
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/5re-1.jpg)

“จุดหักเหในชีวิต คิดว่าเป็นเพราะว่า ผมได้เข้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙ หนังสือพิมพ์ถูกจำกัดเสรีภาพ ไม่ให้เขียนข่าวการเมืองมากเกินไป

...พี่ซูมเป็นนักอ่านตัวยง ก็แวะไปแถวบุศยภัณฑ์ บางลำพู เห็นนักอ่านกำลังอ่านนิยายจีนกำลังภายในอย่างคร่ำเคร่ง พี่ซูมเลยทดลองอ่านบ้าง พี่ซูมเคยเล่าให้ฟังว่าเรื่องแรกที่แกอ่านแล้วติดใจคือเรื่องฤทธิ์มีดสั้นของ ว.ณ เมืองลุง

...พี่ซูมเลยเสนอไปที่หัวหน้ากองบรรณาธิการว่าลองเอาเรื่องจีนมาลงในไทยรัฐเอามั้ย เสนอข่าวการเมืองไม่ได้นี่ ก็มาเล่นพวกนวนิยายแทน พี่ซูมก็ติดต่อผมกับพี่ว. แต่สุดท้ายมาลงที่ตัวผม

...ผมเพิ่งมาทราบภายหลังว่าเรื่องอินทรีผงาดฟ้า ของโก้วเล้ง ที่เสนอไปให้ทางกองบ.ก.ทดลองอ่านดู ทุกคนบอกว่าเดินเรื่องฉับไวดี ก็ตกลงใจรับผมเข้าไปแปลในไทยรัฐ

...ทีนี้อินทรีผงาดฟ้ามีตัวละครเยอะหน่อย พี่ซูมบอกให้ตัดทิ้งบางตัวเพื่อไม่ให้คนอ่านสับสน เลยช่วยกันปรับปรุงแก้ไข จนกระทั่งเต็งพ้งผงาดฟ้าในหน้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมา ทราบภายหลังว่าไทยรัฐขายดี จากยอด ๔๐๐,๐๐๐ ฉบับ ไปเป็น ๖๐๐,๐๐๐ ฉบับ จนกระทั่งผอ.กำพล วัชรพล เกิดความเมตตาให้รางวัลไปเที่ยวฮ่องกงทั้งคู่ แถมพ็อกเก็ตมันนี่ให้ด้วย”

ขณะที่อินทรีผงาดฟ้ากำลังได้รับความนิยมในหมู่คนอ่าน ก็มีเหตุให้เขาไปขอจบเรื่องนี้ลงดื้อ ๆ

“ขอสารภาพว่าเขียนอยู่ได้นานเดือนเศษก็ไปบอกกับหัวหน้ากองบ.ก.ว่า ผมสังเกตว่าระยะหลังโก้วเล้งไม่ได้เขียนเรื่องเองแล้ว ขอจบได้มั้ย

...เขาบอกจบได้ยังไง หนังสือเพิ่งเพิ่มยอดอยู่ เอาอย่างนี้สิ คุณเขียนเองเป็นมั้ย สองพี่น้องก็ปิดห้องนอนเขียนกันเองเลย โดยเอาเค้าจากโกวเล้งนิดหน่อย

...อินทรีผงาดฟ้าตอนท้ายจะเป็นฉบับน.นพรัตน์ล่ะครับ (หัวเราะ) ถ้าใครไปอ่านฉบับภาษาจีนแล้วมาเทียบจะไม่เหมือนกัน เพราะเราแต่งเอง แต่งจนกระทั่งจบ

...คือโก้วเล้งจะมีนิสัยอย่างหนึ่ง บางครั้งไปรับเงินจากสำนักพิมพ์มาแล้วเขาไม่เขียนต่อ สำนักพิมพ์ก็ถามว่าถ้าไม่เขียนต่อจะให้คนอื่นเขียนได้มั้ย โก้วเล้งบอกว่าได้เลย เอาไปให้คนอื่นเขียนแล้วใช้ชื่อของแก มีหลายเรื่องนะครับที่โก้วเล้งทำอย่างนี้

...ที่ผมรู้ก็เพราะโก้วเล้งสำนวนเขาจะไม่เหมือนใคร สำนวนเขาจะคล้าย ๆ เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์ คือสั้น กระชับ เหมือนโทรเลข โก้วเล้งก็พยายามดึงเอาส่วนเด่นของเฮมมิ่งเวย์มาใช้ โดยการจัดรูปสำนวนใหม่ บางครั้งบรรทัดเดียวมีคำเดียวก็มี คือจะสั้น และกระชับ ฉะนั้นนักเขียนอื่นลอกจะไม่เหมือนแล้วลีลาการเขียนก็ไม่เหมือน

...เราเขียนกันเองอยู่ประมาณเดือนนึง เขียนทุกวันเลย บางเรื่องเราก็ดึงมาจากหนังสือของโก้วเล้งบ้าง บางเรื่องก็แต่งเอง เพราะตอนนั้นเรามีประสบการณ์ในการแปลสัก ๑๐ ปีแล้วเลยพอรู้ แต่หลังจากนั้นแล้วก็ไม่ได้ทำอีก เพราะเหนื่อยและลำบากมาก”

ในปี พ.ศ.๒๕๒๑ ทั้งคุ่ก็เลิกร้านทำกรอบกระจก แล้วยึดงานแปลเป็นอาชีพเพียงอย่างเดียว

ล่วงมาถึงปี พ.ศ.๒๕๒๔ การแปลของทั้งคู่ก็พัฒนาไปอีกขั้น เพราะการเมืองเป็นเหตุ

 



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-12-2007, 05:36
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing7.jpg)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 08-12-2007, 07:39
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6re-1.jpg)

“ปี ๒๕๒๔ เกิดกบฏเมษาฮาวาย ทางโรงพิมพ์ก็ถูกจำกัดการเสนอข่าวการเมืองอีก ทีนี้หนังสือกำลังภายในของเราก็เริ่มเสื่อมแล้ว คนอ่านมาก ๆ ก็เบื่อ หัวหน้ากองบ.ก.ไทยรัฐเลยเกิดความคิดว่าทำไมไม่เอาหนังจีนที่ฉายอยู่ทางโทรทัศน์มาลงให้อ่านก่อน แล้วค่อยไปดูโทรทัศน์

...ประจวบกับช่อง ๓ จะฉายเรื่องศึกสายเลือด ซึ่งเป็นเรื่องขององค์ชาย ๔ กับองค์ชาย ๑๔ ในสมัยราชวงศ์แมนจู หัวหน้าก็บอกให้ลองไปติดต่อขอบทจากช่อง ๓ มาเขียน

...ช่อง ๓ ก็ให้แค่บทภาพยนตร์มาเฉย ๆ เป็นบทพูด มีบรรยายนิด ๆ หน่อย ๆ ว่าคนนี้กับคนนี้สู้กัน เราไม่ได้ดูหนังเลย ก็เหมือนเดิม ใช้จินตนาการ (หัวเราะ)

...เวลาสู้กันเราต้องคิดกระบวนท่าสู้กันเอง และบรรยายด้วยสำนวนของเรา พอหนังสือพิมพ์ออกไปแล้ว พอหนังฉาย ฉากไม่เหมือนกันเลย (หัวเราะ) แล้วช่วงนั้นหนังสือพิมพ์ลงอะไรไม่ได้ ก็ลงศึกสายเลือดทีละสามสี่หน้ากระดาษ ทั้งเหนื่อยทั้งสนุก

...ต่อมามีศึกสายเลือดภาค ๒ ผอ.บอกว่ามีคนรู้จักที่ฮ่องกง เลยให้คนที่ฮ่องกงอัดเทปเรื่องศึกสายเลือดมาฉายดูประกอบ จะได้ไม่ดำน้ำเหมือนภาคที่ ๑ วิธีทำก็คือ ตื่นเข้ามา ผอ.จะส่งคนขับรถมารับไปที่บ้านที่ ถ.สุโขทัย เราก็ไปนั่งดูเทปแล้วจินตนาการเอา ทีนี้ชักเหมือนแล้ว

...แต่มีความลำบากอย่างหนึ่งคือ ศึกสายเลือดที่อัดมาจากฮ่องกงเป็นภาษากวางตุ้ง เวลาเขาพูด บางคำเราฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็เรียนให้ผอ.ทราบ ท่านเลยให้หาคนกวางตุ้งมาฟังแล้วเขียนเป็นภาษาจีนให้เรา หลังจากนั้นผมเข้าใจว่างานเราจะเนี้ยบเลย เพราะเรารู้บทเจรจา และเห็นฉากต่อสู้กัน

...ทำไปทำมามันจะยุ่ง ผอ.เลยซื้อเทปให้มาเปิดดูที่บ้านดีกว่า ตอนนั้นยังเป็นเทปเบต้า ยังไม่มีวิดีโอเทป ก็มาเปิดดูกัน ทำอย่างนี้เรื่อยมา

...จากนั้นก็จะมีเรื่องฤทธิ์หมัดสะท้านบู๊ลิ้ม ศึกสองนางพญา หลังจากนั้นสักพักก็เริ่มเสื่อมความนิยม ไทยรัฐก็เปลี่ยนไปเอาละครโทรทัศน์ของไทยมาลง

...ตอนนั้นรู้สึกจะมีเบื้องหลังคือ ช่วงนั้นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้จะดังมาก จนกบว.ต้องออกกฎบังคับว่าหลังจากสองทุ่มครึ่งให้ฉายละครไทยก่อน แล้วหนังจีนก็ร่นไปอยู่สามทุ่มครึ่ง ก็ค่อย ๆ ลดความนิยมลงไปตามลำดับ”


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 08-12-2007, 14:10
เข้ามาบอกว่า ยังติดตามอ่านอยู่นะครับ
ถึงตรงนี้ ผมเริ่มถึงบางอ้อล่ะครับ ที่เคยสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมชอลิ้วเฮียงช่วงภาคหลังๆ มันถึงได้ห่วยนัก
แล้วก็ยังอีกหลายๆเรื่อง อย่าง เหยี่ยวเดือนเก้า จอมดาบหิมะแดง ก็เหมือนกัน เริ่มต้นดีแต่ช่วงท้ายๆ ออกทะเลไปเลย
เคยคิดว่า เพราะหมดมุข หรือ เพราะพิษสุราเรื้อรังเสียอีก  ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
แหม แย่จริงๆ ไม่รับผิดชอบต่อคนอ่านเอาซะเลย


ที่คุณเม่ย เปรียบงานของกิมย้งกับโกวเล้ง เหมือน เพลงคลาสสิคกับเพลงลูกทุ่ง น ี่เห็นภาพชัดดีครับ
ทั้ง 2 อย่าง ล้วนแต่เป็นเพลงที่ฟังได้ไพเราะด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ฟัง ว่าจะชอบแบบไหน
คนชอบฟังคลาสสิค ก็รู้สึกว่าคลาสสิคไพเราะกว่าลูกทุ่ง   คนที่ฟังลูกทุ่ง ก็ย่อมจะซาบซึ้งกับลูกทุ่ง ไม่สนใจจะฟังคลาสสิค
ไม่จำเป็นต้องมาบอกว่ารสนิยม ใครจะดีกว่าใคร หรือ เพลงของฝ่ายใดจะมีคุณค่ามากกว่าอีกฝ่าย เพราะ ทั้ง 2 ฝ่าย ก็ล้วนเป็นคนที่รักจะฟังเพลง
แตกต่างจากพวก กองเชียร์พรรคการเมืองทั้งหลาย ที่จ้องแต่จะเกทับกันอยู่นั่นแหละ จะต้องทำให้อีกฝ่ายยอมรับให้ได้ว่า ฝ่ายของตนดีกว่า


เอ่อ ชักจะออกนอกเรื่องซะแล้ว พอดีกว่า ขอโทษด้วยนะคร๊าบ
ว่าแต่ คนที่ขี้เกียจจิ้มแป้นพิมพ์อย่างผม คุณเม่ยกลับมองว่าทำตัวเป็น มังกรซ่อนกาย ไปซะได้ เขินจริงๆ้
   :slime_v:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 09-12-2007, 05:47


  โหลๆๆ แวะเข้ามาเยี่ยมกระทู้นี้ครับ

   พักนี้ไม่ว่างมีเวลาเข้ามาเลยครับ

   ภาษาจีนทำท่าจะฟื้นกลายเป็นฟุบแล้วครับ
   :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-12-2007, 08:14
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing10.jpg)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-12-2007, 08:18
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/7re-1.jpg)

เมื่อนิยายจีนในหนังสือพิมพ์รายวันเริ่มลดความนิยมลง เขาก็คิดจะรวบรวมนิยายกำลังภายในที่เขาแปลไว้ มาพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊กขายเอง

“ประมาณปี ๒๖ นิยายจีนในโทรทัศน์เริ่มเสื่อมความนิยมแล้ว เลยคิดว่าจะพิมพ์เองขายเอง จะตั้งสำนักพิมพ์เอง เลยมาปรึกษากับพี่ระวิ โหลทอง แห่งสยามสปอร์ต เพราะพี่ระวิเคยทำงานที่น.ส.พ.ไทยรัฐ และเป็นคนซื้อเรื่องอินทรีผงาดฟ้าไปพิมพ์เป็นพ๊อกเก๊ตบุ๊ก

...ผมบอกพี่ระวิว่าผมคิดจะมาพิมพ์หนังสือ อยากจะมาถามพี่ว่าจะมีคำแนะนำอะไรบ้างมั้ย พี่วิพูดคำคมว่า น.นายสองคนเขียนนิยายกำลังภายใน ชักกระบี่มาชั่วชีวิต แต่ถ้านายไปพิมพ์หนังสือขายเอง นายจะต้องถูกชักดาบ (หัวเราะ) ไม่มีทางสำเร็จหรอก

...พี่วิบอก เอาอย่างนี้แล้วกัน ในเมื่อสำนักพิมพ์อื่นเขาไม่พิมพ์ พี่วิจะรับพิมพ์ให้ แกจะไปขอร้องก.สัมพันธ์ให้ช่วยส่งพ็อกเก๊ตบุ๊กให้ เพราะปกติ ก.สัมพันธ์จะรับส่งแต่หนังสือพิมพ์ แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพี่วิกับก.สัมพันธ์ เขาเลยช่วยส่งให้เรา

...เรื่องแรกที่พิมพ์คือฟันฟ้าฝ่านรก ของโก้วเล้ง เป็นเรื่องใหม่ ปรากฏว่าพิมพ์ซ้ำ

...พอพิมพ์ซ้ำ พี่วิเป็นนายทุนที่ใจกว้างที่สุด พี่วิบอกน.เอ็งไปฮ่องกง ไปหาหนังสือดี ๆ มาทำต่อ พี่วิก็ให้เงินไปฮ่องกง เลยไปเจอเรื่องเล็กเสี่ยวหงส์ตอนใหม่ ผมก็ซื้อกลับมาพิมพ์ ตั้งชื่อว่ากระบี่พิโรธ ก็ยังขายดีอยู่

...ในปี ๒๗ ผมก็แปลเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร หรือเดชคัมภีร์เทวดาในตอนหลังของกิมย้ง คือเรื่องนี้ผมได้แปลตั้งแต่ปี ๒๕๑๑ เป็นเรื่องสุดท้ายที่พิมพ์ที่เพลินจิต แต่ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่ ก็ปรึกษาพี่วิว่าจะลองแปลใหม่ เอามั้ย พี่วิก็สนับสนุน และให้แปลเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร

...ก็มีคนไปบอกพี่วิว่าเรื่องนี้ดีมาก พี่วิก็เชื่อ สั่งให้พิมพ์ ๑๕,๐๐๐ เล่ม ปรากฏว่าขายดี จนบัดนี้กลายเป็นอมตะนิยายเรื่องนึงในสายตาของผม และของคุณวิฑูร นิรันตราย กก.ผจก.สยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย ซึ่งเห็นว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีมาก เป็นหนังสือการเมืองที่กิมย้งเขียนได้ลึกซึ้งถึงแก่นมาก

...ยุคนั้นกิมย้งไม่ชอบการปฏิวัติวัฒนธรรม เขารู้สึกว่าเหมาเจ๋อตุงถูกชักใยบงการโดยแก๊ง ๔ คนโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร กิมย้งเลยเปรียบอุปมาอุปไมยว่าตังปุกป่าย – บูรพาไม่แพ้คือเหมาเจ๋อตุง

...และตังปุกป่ายจะฝึกวิชาคัมภีร์เล่มหนึ่ง ทำให้จากผู้ชายกลายเป็นผู้หญิง คือไปรักชอบผู้ชายด้วยกัน คือกระทบไปถึงเหมาเจ๋อตุง ซึ่งตอนท้ายเหมาเจ๋อตุงอาจจะกลายเป็นเกย์ไปจริง ๆ ก็ได้ เพราะเจียงจิงจะมีหวังหงเหวิน ซึ่งเขาพยายามที่ผลักดันให้คนนี้ขึ้นมาเป็นใหญ่ ดีที่ตอนนั้นแก๊ง ๔ คนถูกเติ้งเสี่ยวผิงปราบลงได้

...กระบี่เย้ยยุทธจักรมักจะมีคนเอาตัวละครในไปเปรียบเทียบตลอด เช่นฉายาวิญญูชนจอมปลอมของงักปุกคุ้ง ซึ่งหลัง ๆ จะมีคนพูดว่าเมืองไทยเราก็มีงักปุกคุงเยอะแยะ แล้วก็มีนักการเมืองอย่างนี้แหละ

...ก็คือกระบี่เย้ยยุทธจักรจะเป็นกระจกเงาสะท้อนการเมืองทุกยุคทุกสมัย ไม่เพียงแต่การเมืองของประเทศจีน แต่ของไทยด้วย”


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-12-2007, 09:44
เข้ามาบอกว่า ยังติดตามอ่านอยู่นะครับ
ถึงตรงนี้ ผมเริ่มถึงบางอ้อล่ะครับ ที่เคยสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมชอลิ้วเฮียงช่วงภาคหลังๆ มันถึงได้ห่วยนัก
แล้วก็ยังอีกหลายๆเรื่อง อย่าง เหยี่ยวเดือนเก้า จอมดาบหิมะแดง ก็เหมือนกัน เริ่มต้นดีแต่ช่วงท้ายๆ ออกทะเลไปเลย
เคยคิดว่า เพราะหมดมุข หรือ เพราะพิษสุราเรื้อรังเสียอีก  ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
แหม แย่จริงๆ ไม่รับผิดชอบต่อคนอ่านเอาซะเลย


ที่คุณเม่ย เปรียบงานของกิมย้งกับโกวเล้ง เหมือน เพลงคลาสสิคกับเพลงลูกทุ่ง น ี่เห็นภาพชัดดีครับ
ทั้ง 2 อย่าง ล้วนแต่เป็นเพลงที่ฟังได้ไพเราะด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ฟัง ว่าจะชอบแบบไหน
คนชอบฟังคลาสสิค ก็รู้สึกว่าคลาสสิคไพเราะกว่าลูกทุ่ง   คนที่ฟังลูกทุ่ง ก็ย่อมจะซาบซึ้งกับลูกทุ่ง ไม่สนใจจะฟังคลาสสิค
ไม่จำเป็นต้องมาบอกว่ารสนิยม ใครจะดีกว่าใคร หรือ เพลงของฝ่ายใดจะมีคุณค่ามากกว่าอีกฝ่าย เพราะ ทั้ง 2 ฝ่าย ก็ล้วนเป็นคนที่รักจะฟังเพลง
แตกต่างจากพวก กองเชียร์พรรคการเมืองทั้งหลาย ที่จ้องแต่จะเกทับกันอยู่นั่นแหละ จะต้องทำให้อีกฝ่ายยอมรับให้ได้ว่า ฝ่ายของตนดีกว่า


เอ่อ ชักจะออกนอกเรื่องซะแล้ว พอดีกว่า ขอโทษด้วยนะคร๊าบ
ว่าแต่ คนที่ขี้เกียจจิ้มแป้นพิมพ์อย่างผม คุณเม่ยกลับมองว่าทำตัวเป็น มังกรซ่อนกาย ไปซะได้ เขินจริงๆ้
   :slime_v:



ขอบคุณคุณแอบอ่าน ซุ่มเงียบมากหลายค่ะ

สำหรับนิยายของกิมย้ง เม่ยได้อ่านบางเรื่องตอนยังเด็กอยู่ ได้แก่ จิ้งจอกภูเขาหิมะ เพ็กฮ่วยเกี่ยม และอุ้ยเสี่ยวป้อ ก็ชอบพอสมควร ยกเว้นเพ็กฮ่วยเกี่ยมที่รู้สึกว่าไม่ค่อยสนุก ส่วนมังกรหยก ตอนนั้นเห็นหนังสือวางเป็นตั้งในร้านเช่า เลยกลัวว่าจะอ่านไม่ไหว ที่ไหนได้ ปรากฏว่า เพิ่งมาอ่านเมื่อปีที่แล้ว อ่านไปต้องคารวะกิมย้งไปค่ะ เขียนได้เก่งมาก ๆ นับถือฝีมือค่ะ ยอดเยี่ยมสมกับคำชมมากมายที่ได้ยินมานาน

อีกไม่นาน เม่ยคงได้อ่าน "กระบี่เย้ยยุทธจักร" ค่ะ แล้วจะนำสำนวน และข้อความที่เฉียบขาดบาดใจมาโพสต์ค่ะ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อกระทู้ "อินทรีผงาดฟ้า" เป็น "กระบี่เย้ยยุทธจักร"



  โหลๆๆ แวะเข้ามาเยี่ยมกระทู้นี้ครับ

   พักนี้ไม่ว่างมีเวลาเข้ามาเลยครับ

   ภาษาจีนทำท่าจะฟื้นกลายเป็นฟุบแล้วครับ
   :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

สวัสดีค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ

保重 保重


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-12-2007, 08:25
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing9.jpg)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-12-2007, 09:10
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8re-1.jpg)

แม้กระบี่เย้ยยุทธจักรจะได้รับความชื่นชอบจากนักอ่านอย่างมาก แต่ความนิยมก็คงอยู่ไม่นาน

“หลังจากกระบี่เย้ยยุทธจักรออกมาแล้ว ความนิยมก็ลดลงไปเรื่อย ๆ อีก พี่วิกับคุณวิฑูรก็คุยกันว่าไม่รู้เป็นอะไรพยายามจะปลุกปั้นเรื่องจีน แต่ก็ไม่สำเร็จ มันจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ เป็นสิบปีเห็นจะได้

...ผมว่าหลังจากกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วก็มีเรื่องดี ๆ อีกไม่กี่เรื่อง หลังจากนั้นก็เริ่มลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊กส์ก็ยังพิมพ์อยู่ตลอด

...จนกระทั่งปี ๒๕๔๓ เราก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาจากเจาะเวลาหาจิ๋นซี ของหวงอี้

...หวงอี้เป็นนักเขียนที่มาใหม่ ทีนี้ตอนแรกที่เขาเขียนหนังสือ เขายังเอาใจตลาดอยู่ คือมีบทเอ็กซ์เยอะมาก ผมสั่งหนังสือเขามาก็มีแต่ฉากเอ็กซ์ เลยไม่กล้าแปล

...ช่วงนั้นได้รู้จักกับคุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ คุณก่อศักดิ์แนะนำพี่ระวิว่าหวงอี้เป็นนักเขียนใหม่ที่กำลังมาแรง ทำไมไม่ลองแปลเรื่องของเขาดู พี่ระวิก็หันมาถามผมว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ผมก็บอกว่ามีเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี แต่มันมีบทเอ็กซ์เยอะ พี่ระวิเป็นคนใจกล้า บอกพิมพ์เลย ไม่ต้องสนใจ

...ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนเขิน เวลาแปลจิ๋นซี สารภาพตามตรงว่าฉากเอ็กซ์บางฉากก็ตัดทิ้ง ผมไม่กล้าแปล มันเยอะเกินไป

...พอจิ๋นซีออกมาก็ได้รับความนิยม ก็ปลุกตลาดหนังสือจีนขึ้นมาอีกครั้งนึง เราพิมพ์แล้วพิมพ์อีก

...ล่าสุดพิมพ์ฉบับปรับปรุงใหม่ที่หวงอี้เขาปรับปรุง เขาจะตัดฉากเอ็กซ์ออกไป ฉะนั้นหนังสือฉบับปรับปรุงใหม่จะหาฉากเอ็กซ์ไม่เจอเลย ผมก็แปลด้วยความสะดวกใจขึ้น

...เรื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุดหลังจากนี้ก็คือมังกรคู่สู้สิบทิศ เรื่องนี้เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของนักเขียนนิยายกำลังภายในที่ผ่านมา ความยาวเท่ากับมังกรหยก ๓ ภาครวมกัน

...ต้นฉบับภาษาจีนมี ๖๓ เล่ม หวงอี้ใช้เวลาเขียนถึง ๕ ปี ๓ เดือน ขณะที่ผมใช้เวลาแปล ๒ ปี ตอนนั้นเลยเกิดความกลัวว่ามันจะรอดเหรอ เพราะหนังสือยาวขนาดนี้ ผมเลยออกอุบายว่าให้ลองออกสัก ๑๐ เล่มก่อน แล้วลองดูทิศทางว่าจะไปรอดไหม

...ประจวบกับหนังสือออกตอนเกิดตึกเวิล์ดเทรดถล่มพอดี ผมยิ่งเป็นห่วงใหญ่ว่าถ้าจะไม่รอด มันกลายเป็นว่ามังกรคู่สู้สิบทิศได้รับความนิยมมากกว่าเจาะเวลาหาจิ๋นซีซะอีก

...พอได้รับความนิยม ผมก็คิดว่าจะขอหยุดสักเดือนนึง คนโทรฯ มาด่ากันใหญ่ว่าไม่ได้ เลยต้องรีบออกมังกรคู่ฯ ภาค ๒ รวมทั้ง ๒ ภาคก็มีทั้งหมด ๒๑ เล่ม”



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-12-2007, 21:35
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing11.jpg)


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-12-2007, 21:46
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/N13re.jpg)

เมื่อเริ่มแปลเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี คุณอานนท์เริ่มป่วยแล้ว คุณอำนวยจึงต้องทำงานแปลคนเดียวเป็นครั้งแรก

“ตอนทำเรื่องเจาะเวลาฯ พี่ชายเริ่มไม่ได้ทำงานแล้ว ผมทำคนเดียว วิธีการก็คืออ่านต้นฉบับแล้วเขียนเลย แต่ลายมือจะสู้พี่ชายไม่ได้ ลายมือพี่ชายจะสวย ลายมือผมเหมือนไก่เขี่ย และรู้สึกจะเขียนผิดมากกว่าเก่า

...พี่ชายเริ่มป่วยตั้งแต่ปี ๔๑ คอบวมขึ้นมาเรื่อย ๆ หาหมอเท่าไหร่ก็ไม่หาย สุดท้ายหมอที่จุฬาฯ ให้ตัดชิ้นเนื้อที่จมูกไปตรวจดู ปรากฏว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก เลยไปฉายแสงรักษา ทุกครั้งพี่วิจะออกค่าใช้จ่ายให้หมด และไปเยี่ยมจนกระทั่งพี่ผมบอกกับแกว่าแกถอดใจไปแล้ว แกรู้ว่ารักษาไม่รอด

...พี่ระวิบอกอย่าเพิ่งถอดใจ เอ็งจะย้ายโรงพยาบาลไปที่ไหนก็บอก แกจะตามไปออกค่าใช้จ่ายให้ แกเป็นนายทุนที่ดีที่สุดในสายตาของผม ผมคิดว่าถ้าพี่วิไม่ไล่ผมออก ผมคงจะทำอยู่ที่นี่ต่อไป (หัวเราะ)”

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การแปลนิยายจีนกำลังภายในไม่มีการขอลิขสิทธิ์ จนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ถึงได้มีการขอลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

“เจาะเวลาหาจิ๋นซีเป็นเรื่องแรกที่มีลิขสิทธิ์ เนื่องจากคุณก่อศักดิ์ชอบฝีมือของหวงอี้เป็นการส่วนตัว เลยเดินทางไปที่ฮ่องกง แล้วให้ทางซี.พี.ติดต่อกับหวงอี้ แล้วไปพบปะพูดคุยกัน ก็มีสายสัมพันธ์อันดีเรื่อยมา

...ต่อมาคุณก่อศักดิ์ก็ช่วยเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ให้กับเรา หลังจากนั้นก็ให้เราไปติดต่อเอาเอง ก็เป็นหนังสือที่มีลิขสิทธิ์เรื่องแรก

...หลังจากนั้นเราก็มีความคิดว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องยอมรับภูมิปัญญาของผู้สร้างสรรค์มันขึ้นมา เลยดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ย้อนหลัง โดยไปซื้อของโก้วเล้ง กิมย้ง อึ้งเอ็ง

...แล้วระยะหลังก็ไปซื้อของอุนสุยอัน ซึ่งเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่มาแรง แต่จุดอ่อนของเขาคือเขามักจะเขียนนิยายไม่จบ เขาเขียนเรื่องนี้ค้างไว้แล้วไปเขียนอีกเรื่องนึง ทำให้คนอ่านค้างเติ่ง แต่ถ้าพูดถึงฝีมือการเขียนก็ใช้ได้

...ปัจจุบันอุนสุยอันอยู่ที่เสิ้นเจิ้น กำลังมีชื่อเสียงอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่จากการเอาเรื่องของเขาไปสร้างละครโทรทัศน์”

นักเขียนนิยายกำลังภายในแต่ละคนมีสไตล์การเขียนและสำนวนที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อถามถึงนักเขียนคนโปรด คุณอำนวยตอบทันทีว่ามีอยู่ 3 คน คือกิมย้ง โก้วเล้ง และหวงอี้ ตามลำดับ

คุณอำนวยให้เหตุผลว่า

"กิมย้งความรู้ภาษาจีนเขาจะแตกฉาน และเขาเก่งเรื่องการผูกเนื้อเรื่องได้สนุกสนาน เร้าใจ ความที่กิมย้งเป็นอัจฉริยบุรุษคนหนึ่งของประเทศจีน เขาสามารถดึงวรรณกรรมตะวันตกมาใช้ก็มี ทำให้หนังสือนิยายกำลังภายในของเขาเป็นสีสัน เป็นอมตะตราบเท่าทุกวันนี้

...ศ.เฉียนลี่ฉวิน แห่งภาควิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้ให้คำจำกัดความวรรณกรรมกำลังภายใจของกิมย้งไว้ว่า เป็นบทต่อเนื่องของสังคมอุตสาหกรรมที่สะท้อนความฝันของวีรบุรุษยุคโบราณกาล และเป็นสิ่งชดเชยของผู้คนยุคปัจจุบันซึ่งถูกจำกัดอยู่ภายใต้กรอบระเบียบของสังคมมนุษย์โดยก้าวข้ามมิติของกาลเวลา เข้าสู่ยุทธจักรกังโฮ้ว

...ทั้งเป็นการตอบสนองความรู้ความอยากเห็น และจินตนาการความคิดของมนุษยชาติ ยุทธจักรนิยายของกิมย้งถือเป็นตัวแทนแห่งนิทานของผู้ใหญ่ และเป็นสุดยอดวรรณศิลป์แห่งโลกกำลังภายใน

...ต่อมาคือโก้วเล้ง โก้วเล้งลำบากมาตั้งแต่เด็ก เขาย้ายตามคุณพ่อมาอยู่ที่ฮ่องกงตั้งแต่อายุ ๑๐ กว่าปี แล้วคุณพ่อเขาไปมีภรรยาใหม่ โก้วเล้งเลยต้องหนีออกจากบ้าน

...การที่โก้วเล้งต้องไปเผชิญโลกภายนอกที่โหดร้าย เจ็บปวด ผมว่ากลายเป็นวัตถุดิบในการเขียนหนังสือของเขาเป็นอย่างดีในภายหลัง เขาสามารถเอาความเจ็บปวด ความเปล่าเปลี่ยว รวมทั้งน้ำมิตร และอิสตรีที่เขารู้จักทุก ๆ แบบมาเขียนใส่ในนวนิยาย ฉะนั้นหนังสือของโก้วเล้งจะประกอบด้วยสหาย สุรา สตรี

...โก้วเล้งจะมีเรื่องที่เขาไปก๊อปปี้มาจากฝรั่ง เช่นดาวตกผีเสื้อกระบี่ที่ก๊อปปี้มาจากเรื่องเดอะ ก๊อดฟาเธอร์ หรือวีรบุรุษสำราญก็ก๊อปปี้มาจากเรื่องโลกียชนของจอห์น สไตน์เบ็ค ระยะหลังโก้วเล้งจะไปลอกของแฮโรล์ด ร็อบบิ้นส์ แต่เขามาทำจนไม่มีกลิ่นนมเนย

....นักเขียนคนสุดท้ายที่ผมคิดว่ามีสีสันก็คือหวงอี้ แรก ๆ เขาก็ยังติดสำนวนของโก้วเล้งอยู่ มีคนเคยทำวิจัยไว้ว่า นักเขียนรุ่นต่อจากโก้วเล้งทุกคน พยายามจะลอกเลียนสำนวนของโก้วเล้งกันหมด

...แรก ๆ หวงอี้ยังติดสำนวนของโก้วเล้งอยู่ แต่ต่อมาเขาค้นพบเส้นทางของตนเอง  โดยการเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์อย่างเจาะเวลาหาจิ๋นซี มังกรคู่สู้สิบทิศ ล้วนแต่อิงประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น โดยดึงเอาบางจุดของประวัติศาสตร์มาใช้ หวงอี้ประสบความสำเร็จในการดึงเอาประวัติศาสตร์มาเล่นสนุกสนาน และกระตุ้นให้คนอ่านติดตาม

...หวงอี้จะเป็นนักเขียนที่มีวินัย หนังสือเขาจะออกประจำสม่ำเสมอ เขาเขียนหนังสือติดต่อกันมาสิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยขาดเลย ฉะนั้นเขาจะมีนักอ่านติดตามอยู่เสมอ

...ผมเคยใฝ่ฝันเหมือนกันว่าสักวันนึงจะมีนักเขียนไทยที่สามารถทำอย่างนี้ได้ คือมีนักอ่านคอยติดตามเหมือนอย่างหวงอี้เหมือนกัน"




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 11-12-2007, 21:57



สวัสดีค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ

保重 保重



สวัสดีครับแอบเข้ามาอ่านครับ

  谢谢你 康健  康健



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-12-2007, 22:15

สวัสดีครับแอบเข้ามาอ่านครับ

  谢谢你



欢迎,欢迎  :slime_smile:

Hope you enjoy it!  :slime_v:



หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 13-12-2007, 22:11
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/N11re.jpg)

ขณะที่วงการนิยายกำลังภายในเกิดนักเขียนขาดช่วง เมืองไทยก็ประสบปัญหาขาดแคลนนักแปลนิยายกำลังภายในเช่นกัน เพราะหลังจาก น.นพรัตน์แล้ว ก็ไม่มีนักแปลนิยายกำลังภายในเกิดขึ้นอีกเลย

“ยุคเพลินจิตมีท่านนึง ยุคประมวญสาส์นมีอีกท่านนึง แต่เขาอาจจะเห็นว่าค่าแปลน้อยเลยเลิกไปหรือเปล่า หรือไม่ได้รับความนิยมก็ไม่ทราบ เขาหายไปเลย หลังจากนั้นก็ไม่มีนักแปลกำลังภายในเกิดใหม่อีกเลย น.นพรัตน์น่าจะเป็นจอมยุทธ์คนสุดท้าย (หัวเราะ)”

...ที่นักแปลขาดช่วงผมคิดว่าการแปลนิยายกำลังภายในต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะแต่ละเรื่องค่อนข้างยาว สมมติคุณจบภาษาจีนมาแล้วคิดจะแปลนิยาย คุณจะต้องอดอยากสักสองสามปีกว่าสำนักพิมพ์จะยอมพิมพ์ให้คุณ แล้วปัจจุบันมีปัญหาลิขสิทธิ์อีก มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราไปร้านเช่าหนังสือแล้วเลือกหยิบมาแปล

...ปัญหาลิขสิทธิ์ทำให้นักแปลรุ่นใหม่ ๆ ต่อให้ไปเจอเรื่องก็ไม่รู้จะแปลยังไง เพราะจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ มีปัญหาหลายด่านด้วยกัน

...เท่าที่ผมสัมผัส มีคนเรียนภาษาจีนเก่ง ๆ เยอะแยะ แต่บางท่านก็ไปเป็นอาจารย์ บางท่านไปเรียนต่อ บางท่านก็ไปเป็นลูกจ้างบริษัท คนที่มาเป็นนักแปลเลยไม่มี ”

คำถามก็คือ เราจะสร้างนักแปลรุ่นใหม่ขึ้นมาสืบทอดหรือเปล่า หรือจะปล่อยให้ขาดช่วงไปเลย

“เคยมีคนถามผมเยอะนะครับ แต่ผมเป็นคนที่ร่ำเรียนมาด้วยตัวเองจากความไม่รู้ ผมเขียนหนังสือเมื่ออายุ ๑๖ ช่วงนั้นยอมรับว่าไม่รู้อะไรเลย ที่ช่วยผมได้ในช่วงนั้นก็คือ ปทานุกรมจีนไทย ของคุณประสิทธิ์ ชวลิตธำรง ซึ่งเวลาติดศัพท์ทุกครั้ง ผมต้องเปิด จนผมเปลี่ยนไปแล้ว ๓ เล่ม เพราะเล่มเก่าเปื่อยจนใช้ไม่ได้เลย
.
...หลังจากนั้น ผมได้ศึกษาและค้นหาแนวทางของตัวเองตลอดมา ฉะนั้นถ้ามีใครบอกว่าช่วยสอนให้หน่อยได้ไหม ผมยอมรับว่าไม่รู้จะสอนยังไง

...ในทางปฏิบัติเราไม่รู้ว่าเรามีทฤษฎีของการแปลยังไงว่าภาษาจีนคำนี้คุณต้องถ่ายทอดเป็นคำนี้นะ มันเป็นความเคยชินแล้ว ทุกวันนี้หยิบหนังสือจีนขึ้นมาก็จะคิดเป็นภาษาไทยทันทีเลย แล้วก็เขียนลงไปเลย ถ้ามีคนถามว่าคำนี้สมควรแปลว่าอย่างนี้ไหม ผมหาคำอธิบายไม่ได้

...คือตัวเองทำจากประสบการณ์ ถ้าจะอธิบายว่าคำนี้ควรจะแปลอย่างนี้ ๆ คิดว่าหาคำอธิบายให้กับคนที่ต้องการความรู้ไม่ได้ เพราะแต่ละคำแปลได้หลายความหมาย ฉะนั้นถ้าจะให้แต่งตำราวิธีแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทย ผมทำไม่ได้แน่ ๆ 

...แล้วถ้าจะสร้างให้คนอื่นขึ้นมาทำหน้าที่ คิดว่าตัวเองคงไม่มีภูมิปัญญาขนาดนั้น มีอยู่ทางเดียวก็คือ ท่านใดที่มีความสนใจจริง ๆ ลองแปลมาให้ผมดู ผมอาจจะแนะนำขัดเกลาให้ได้ แต่จนวันนี้ก็ยังหาไม่เจอเลย”



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-12-2007, 00:26
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing2.jpg)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/qing2.jpg)
   
 
http://youtube.com/watch?v=JJOQCSp_Mtg&feature=related

http://youtube.com/watch?v=sLHjAU0XHCs&feature=related

萬水千山總事情
万水千山总是情
  
    词:邓伟雄曲:顾嘉辉
  歌手:汪明荃

  莫说青山多障碍
  风也急风也劲
  白云过山峰也可传情

  莫说水中多变幻
  水也清水也静
  柔情似水爱共永

  未怕罡风吹散了热爱
    万水千山总是情

  聚散也有天注定
  不怨天不怨命
  但求有山水共作证

:slime_inlove: :slime_smile: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 15-12-2007, 01:50
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/xing12.jpg)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/yearflowinglikewater.jpg)

http://www.youtube.com/watch?v=p0ua2E0atkM&feature=related

似水流年

望 著 海 一 片 滿 懷 倦 無 淚 也 無 言
望 著 天 一 片 只 感 到 情 懷 亂
我 的 心 又 似 小 木 船
遠 景 不 見 但 仍 向 著 前
誰 在 命 裏 主 宰 我
每 天 掙 扎 人 海 裏 面

心 中 感 嘆 似 水 流 年
不 可 以 留 住 昨 天
留 下 祇 有 思 念 一 串 串 永 遠 纏
浩 瀚 煙 波 裏 我 懷 念 懷 念 往 年
外 貌 早 改 變 處 境 都 變 情 懷 未 變

:slime_smile: :slime_inlove: :slime_smile:


หัวข้อ: Re: น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกา
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 15-12-2007, 02:01
ด้านชีวิตส่วนตัว คุณอำนวยแต่งงานแล้ว และมีลูก ๓ คน ซึ่งครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของเขามาก

“ผมเป็นคนเก็บตัว นอกจากงานสัปดาห์หนังสือแล้ว ผมไม่เคยไปปรากฏตัวที่ไหน ไม่เคยไปพบปะกับใคร จะทำงานอยู่ที่บ้านตลอด เพราะชอบใช้ชีวิตแบบนี้ทั้งพี่ชายและผม

...ต้องยกความดีให้กับฝ่ายภรรยาและลูกที่เข้าใจในงานที่เราทำ มันเป็นงานที่หนักและต้องทำต่อเนื่อง ฉะนั้นการหาความสุขและหาเวลาให้ครอบครัวจะน้อยมาก

...ปีนึงผมจะหยุดวันตรุษจีนวันเดียว เพราะวันตรุษจีนคนจีนถือว่าอย่าทำงานหนัก ไม่งั้นต้องทำไปตลอดชีวิต ก็พยายามหยุดวันตรุษจีนให้ได้

...ต้องยอมรับว่าถ้าภรรยาและพี่สะใภ้ไม่มีความเข้าใจในงานของพวกเรา เราคงไม่สามารถถ่ายทอดงานได้สม่ำเสมอมาจนทุกวันนี้ ก็ตรงตามคำกล่าวที่ว่าความสำเร็จของผู้ชายคนหนึ่ง ครึ่งหนึ่งมาจากสุภาพสตรี

...พี่เรืองรอง  รุ่งรัศมี เคยพูดไว้ว่า ถ้าหากว่าคุณจะทำงานแปลนิยายกำลังภายใน คุณจะต้องแต่งงานกับมันไม่ใช่คิดว่าอยู่กับมันประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เลิกไป

...พี่เรืองรองจะยกย่องผมว่าคล้าย ๆ ผมแต่งงานกับนิยายกำลังภายใน และอยู่มาจนสามสี่สิบปีอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผมก็เห็นด้วยกับพี่เรืองรองว่า ไม่ว่าคนเราจะทำอะไรก็ต้องมีความรักชอบ มีความตั้งใจ ไม่ใช่คิดทำชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ต้องทุ่มเทให้มันให้หมด”



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 15-12-2007, 20:18

    อยากจะเรียนถามคุณ  เม่ย นิดครับ
มังกรหยก เนี่ย  กิมย้งท่านแต่งหรือครับ
คือผมก็เคยอ่าน ที่  จำลอง  พิศนาคะแปล
แล้วจำได้ว่าสมัยน้าสาวผมเด็กๆ  คอยเรือ
จากกรุงเทพฯนำของขึ้นมาส่ง   จะมีหนังสือพิมพ์จีน
ติดเรือมาส่งทางบ้านนอก   น้าสาวเล่าว่า
ในหนังสือพิมพ์จะมีเรื่อง  “มังกรหยก”
ให้ท่านตาผมอ่านให้ฟัง    วันนี้ผมไปเยี่ยม
แกมาเลยเรียนถามย้ำอีกครั้ง  ท่านก็ว่าใช่ไม่ผิด
ปีนี้ท่านน้าสาวอายุ  75  ปีแล้วนะครับ
จึงทำให้ผมสงสัยจังว่า  กิมย้งคนแต่งเรื่องนี้
จะมีอายุเท่าไร(ถ้ายังมีชีวิตอยู่)  ถ้าทราบช่วยเล่า
ให้ฟังบ้างก็ดี   ส่วนสำนวนการแปลนั้น
จำลอง พิศนาคะ  ผมอ่านรู้สึกมันสะดุด ชอบกล
ไม่เหมือน  ว.ณ.เมืองลุง  กับ  น. นพรัตน์
สองชื่อหลังอ่านแล้ว  มีความรู้สึก
ราบรื่นดีพอๆกันครับ   คุณเม่ยเอาประวัติ
น.นพรัตน์มาลง  น่าจะค้นคว้า ประวัติ
ว.ณ.เมืองลุง   มาลงบ้างก็จะดีครับ 谢谢你
  :slime_v:





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-12-2007, 06:57
ด้วยความยินดีค่ะ คุณขวานผ่าซาก

แม่นแล้วค่ะ ผู้ประพันธ์ "มังกรหยก" คือ ปรมาจารย์กิมย้ง มีเว็บไซต์ภาษาจีนที่รวบรวมผลงานการประพันธ์ของกิมย้ง ซึ่งมีประมาณ สิบเจ็ดสิบแปดเรื่องไว้ทั้งหมด สามารถอ่านได้จากหน้าจอเลยค่ะ เข้าใจว่า ตอนนี้ท่านกิมย้งอายุเฉียด 90 แล้วนะคะ

แต่มีผู้แปลเป็นภาษาไทยหลายท่านค่ะ เท่าที่เม่ยทราบ คนแรกคือ จำลอง พิศนาคะ แปลจากต้นฉบับดั้งเดิม แต่สำนวนภาษาอาจจะเหมาะกับสามสี่สิบปีที่แล้ว ต่อมาก็เป็น "ว.ณ เมืองลุง" แปล 2 ภาคแรกไว้ ใช้สำนวนภาษาที่ละเมียดละไม บางท่านว่า ถ้าได้อ่านภาค ๒ (เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่ง) ล่ะก็ จะยิ่งซาบซึ้งเป็นทวีคูณ และทีรู้จักกันดีคือแปลโดย "น. นพรัตน์" และดูเหมือนจะมีอีกท่านใช้นามว่า "คนบ้านเพ" ด้วยค่ะ

เม่ยมาทราบข่าวการเสียชีวิตของ "ว. ณ เมืองลุง" จากคอลัมน์ ชักธงรบ ของ "กิเลน ประลองเชิง" เมื่อหลายปีก่อน นามปากกา "เมืองลุง" มาจาก "พัทลุง" นั่นเอง เวลาแปล ท่านจะพูดอัดใส่เทป แล้วมีคนไปถอดเทปต่ออีกที

สำหรับ "จำลอง พิศนาคะ" นั้น เม่ยก็ได้ยินแต่ชื่อและรู้จักแต่ผลงาน ไม่ทราบเรื่องอะไรเกี่ยวกับนักแปลท่านนี้เลย

ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ จะนำมาโพสต์แน่นอนค่ะ

วันนี้ นำคลิปเพลงของ "มังกรหยก (1983)" มาให้รับชมและรับฟังพอเพลิน ๆ โดยสองนักร้องดังของฮ่องกง "เจินหนีและหลอเหวิน" ให้หายคิดถึงนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=ALFFn9hLOGg&feature=related

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/c90ccfc2.jpg)


และความรักที่อาภัพของเอี้ยคังกับมกเนี่ยมชื้อ

http://www.youtube.com/watch?v=EaP_BDO3K_Q&feature=related

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-9.jpg)

 :slime_hmm: :slime_inlove: :slime_hmm:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ อินทรีผงาดฟ้า ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-12-2007, 00:17


  ต้องขอขอบคุณ คุณ เม่ย ที่ตอบเรื่องมังกรหยก มาให้ทราบครับ

จริงๆแล้วผมอ่านมันทุกเรื่อง  เท่าที่ร้านเช่าหนังสือมี

แล้วก็ไม่ได้สนใจว่า ใครเป็นผู้แปล ใครเป็นคนแต่ง ตั้งหน้าอ่าน

อย่างเดียว  แล้วส่วนมากผมว่าผู้แปล ไม่ได้บอกไว้ด้วย ว่าใครแต่ง

เรื่องนี้  จำได้ว่ามาระยะหลังๆ  ถึงจะพิมพ์บอก ถึงจะทราบครับ

เรื่องแรกเลย  อ่าน มังกรหยก ที่จำลองพิศนาคะแปล  แล้วเริ่ม

"อุ้ยเซี่ยวป้อ" เป็นเรื่องที่สอง เรื่อยมา  จนมาเลิกอ่านแบบที่เรียนบอกครับ

อีกอย่างผมว่างเว้น  จากการอ่านหนังสือ กำลังภายในมาราวๆ 25 ปี

เนื่องจากภาระกิจค้าขาย  จึงไม่ค่อยมีเวลาจะอ่านด้วยครับ
  :slime_smile:

    (ผมอ่านทั้งหนังสือของนักเขียน นิยายไทยด้วยนะครับ)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 22-12-2007, 13:52
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/N2re.jpg)

http://forum.serithai.net/index.php?topic=16634.msg239946#msg239946

สาเหตุที่ทั้งคู่ไม่ชอบเปิดเผยตัวเอง ต้องย้อนหลังไปเมื่อ ๓๙ ปีที่แล้ว คุณอำนวยเล่าว่า

“เมื่อก่อนเราเป็นคนซ่อนที่ซ่อนตัว เพราะกลัว คือเราทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ๑๘ กับ ๑๖ ตอนนั้นผมไปส่งต้นฉบับที่สำนักพิมพ์เพลินจิต แล้วมีคนถามว่า น.นพรัตน์เป็นใคร นายห้างเวช กระตุฤกษ์ ก็หันมาชี้ว่านี่ไง น.นพรัตน์

...พอเขาเห็นอายุของผมสองคน นักอ่านคนนั้นก็หายไปเลย ผมเลยรู้สึกว่าเราอายุน้อยจริง ๆ ไม่สมควรจะให้ใครร้ เลยเก็บเนื้อเก็บตัวมาตลอด จำได้ว่าให้สัมภาษณ์หนังสือฉบับแรกเมื่อปี ๒๕๒๕ ตอนจิ๋นซีฮ่องเต้ฉายที่ช่อง ๗ พี่โกวิทเลยบังคับให้ผมให้สัมภาษณ์”

นี่ไม่เพียงเป็นบทสัมภาษณ์ครั้งแรกของเขาในรอบ ๒๐ ปี แต่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาพูดถึงชีวิตของน.นพรัตน์ อย่างละเอียดลออด้วย



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 22-12-2007, 19:58

 
来偷看美姐  谢谢你

มาแอบดูกระทู้คุณ เม่ย   ขอบคุณครับบบบบ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 23-12-2007, 10:04
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/N3re.jpg)

คุณอำนวยเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ในครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาจากโพ้นทะเล

“คุณทวดผมเดินทางมาประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ ๖ มาอยู่ที่นครปฐม ก่อนมาคุณทวดมีครอบครัวอยู่ทางโน้นแล้ว แต่ก็มาแต่งงานอีกกับหญิงไทยที่นครปฐม และเสียชีวิตที่นครปฐมไม่ได้กลับไปเมืองจีนอีกเลย

...คุณปู่ผมยังมีเยื่อใยสัมพันธ์อยู่ เลยให้ลูกชายซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของผมเดินทางมาประเทศไทยตอนอายุ ๑๓ มาอยู่ที่นครปฐมกับคุณย่าทวดที่เป็นคนไทย มาอยู่แบบไป ๆ มา ๆ

...แล้วคุณพ่อผมก็คล้าย ๆ กับชาวจีนทั่วไป คือช่วงนั้นเกิดสงคราม ญี่ปุ่นไปรุกรานประเทศจีน คุณพ่อเลยหนีการเกณฑ์ทหารมาประเทศไทย มาอยู่กับครอบครัวคุณย่าทวดที่นครปฐม อยู่ได้สักพักพ่อก็ลงมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาหางานทำ มาเป็นเสมียนร้านขายธูปเทียนแถว ๆ ทรงวาด

...ทำได้สักพักคุณพ่อก็ออกมาตั้งตัวเอง มาเปิดร้านกระจกกรอบรูป สมัยนั้นจะเป็นกรอบไม้ ซื้อไม้จากโรงทำไม้มาเลื่อยทำเป็นกรอบ แล้วเอากระจกเงาใส่เข้าไปเพื่อส่องหน้า จะมีตั้งแต่ขนาด ๓x๕ นิ้ว จนถึงบานใหญ่ ๑๖x๓๖ นิ้ว

...คุณพ่อทำเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัวเล็ก ๆ ร่วมกับคุณลุง โดยคุณลุงเป็นฝ่ายบู๊ ขณะที่คุณพ่อเป็นฝ่ายบุ๋น คือคุณลุงเป็นคนประกอบกระจกขึ้นมา ส่วนคุณพ่อจะออกไปหาลูกค้าแถวสำเพ็ง บางทีก็เอาไปขายส่งต่างจังหวัด เป็นอย่างนี้เรื่อยมา”

...เมื่อคุณพ่อของเขาตั้งตัวได้ ก็รับภรรยาจากเมืองจีนมาอยู่ด้วยกันที่เมืองไทย

“ตอนคุณพ่อมาเมืองไทย คุณแม่ไม่ได้มาด้วย ยังอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองจีน เกือบสิบปีคุณแม่ถึงได้ตามมา เพราะมีคนไปกระซิบบอกแม่ว่าควรจะมาเมืองไทยซะ ถ้าไม่มาคุณพ่ออาจจะแต่งงานใหม่กับสาวไทย คุณแม่เลยขออนุญาตคุณย่ามาเมืองไทย เดินทางมาโดยเรือแดงจากท่าเมืองซัวเถา ผ่านเวียดนามมาขึ้นฝั่งที่ปากน้ำ

...ตอนอยู่ที่เมืองจีนคุณพ่อคุณแม่ยังไม่มีลูกด้วยกัน พอมาอยู่ที่เมืองไทยก็มีบุตรสาวคนแรก แต่อยู่ได้ไม่นานก็เสียชีวิตไป หลังจากนั้นก็เกิดพี่ชายผมคือพี่อานนท์ แล้วก็ผมเป็นคนที่ ๒ หลังจากนั้นก็มีน้อง ๆ ตามาอีก ๔ คน

...พวกเราเกิดมาก็อยู่กันที่จักรวรรดิ ฝั่งตรงข้ามกับวัดจักรวรรดิราชาวาส หลังจากมีพวกผมได้สัก ๓ คนก็เกิดไฟไหม้แถวนั้นจนหมดเนื้อหมดตัว ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่ แต่ก็ยังกลับมาอยู่ถิ่นฐานเดิม พอเขาสร้างตึกแถวใหม่ก็กลับมาอยู่ใหม่”



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-12-2007, 16:07
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/N4re.jpg)

ช่วงนั้นฐานะของครอบครัวไม่ได้สุขสบาย เพราะคุณพ่อของเขาต้องส่งเงินจากเมืองไทยไปช่วยครอบครัวที่เมืองจีนด้วย

“ผมเข้าใจว่าเป็นประเพณีปฏิบัติของคนจีนที่ต้องส่งเงินกลับบ้าน เพราะก่อนผมเกิดได้ปีเดียว ประเทศจีนก็เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. ๑๙๔๙

...คุณพ่อคุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนที่จีนคอมมิวนิสต์ปกครองประเทศสำเร็จ พวกเราอุตส่าห์ไปสั่งอาหารจากเหลามากินกัน

...แต่คิดไม่ถึงว่าอีกไม่กี่ปีต่อมา คุณปู่ก็เริ่มส่งจดหมายมาบอกว่าอยากให้ส่งเงินไปให้เยอะ ๆ หน่อย คุณพ่อก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องส่งเงินไปเยอะ ๆ

...พอดีมีญาติบางคนมาจากเมืองจีนเลยสอบถามดู เขาบอกว่าคุณปู่ถูกกล่าวหาจากคนในบ้านด้วยกันว่าเป็นเจ้าของที่ดิน เป็นนายทุน คุณปู่เลยถูกจับไปเฆี่ยนตีเพื่อให้รับสารภาพว่าเป็นนายทุน

...พอคุณปู่ถูกใส่ความ ก็พยายามต่อสู้กัน และต้องเอาเงินไปไถ่ คุณปู่เลยต้องให้เราส่งเงินกลับบ้านไปเยอะ ๆ คุณพ่อเป็นคนกตัญญูมาก พอรู้ข่าว คุณพ่อก็น้ำตาไหล คุณย่าก็ร้องไห้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนตาบอดไปข้างนึง นี่คือโศกนาฏกรรมที่ผมคิดว่าคนจีนทุกคนคงประสบ

...ต้องยอมรับว่าเวลานั้นประเทศจีนอยู่ระหว่างการสร้างเนื้อสร้างตัว ก็มีอุปสรรคต่าง ๆ มากมายที่ส่งผลกระทบถึงผู้คนมากมาย รวมทั้งชาวจีนในประเทศไทยด้วย”

สองพี่น้องแม้จะเกิดห่างกัน ๒ ปี แต่ก็ถูกส่งเข้าโรงเรียนพร้อมกัน

“พี่ชายเกิดปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ส่วนผมเกิด พ.ศ. ๒๔๙๓ แต่ในบัตรประจำตัวของพี่ชายจะเป็น พ.ศ. ๒๔๙๒ เพราะคนจีนสมัยโน้นพอเกิดแล้วไม่ได้ไปแจ้งเกิด แล้วหมอตำแยมาทำคลอดที่บ้าน พอเสมียนอำเภอมา ก็ฝากไปบอกว่ามีลูกแล้วนะ

...เพราะฉะนั้นเวลาเกิดของพวกเราจะไม่ตรงกับเวลาเกิดจริง ๆ จะต่างไปสัก ๓ เดือน ๖ เดือน แต่พี่ชายข้ามปีไปเลย

http://forum.serithai.net/index.php?topic=16634.msg240152#msg240152





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 31-12-2007, 08:55

来偷看美姐  谢谢你

มาแอบดูกระทู้คุณ เม่ย   ขอบคุณครับบบบบ :slime_smile:


哎呀!偷看美姐千万就不行。 :slime_dizzy:

但偷看我的题目,就没问题呢!随(便)你,随你。 :slime_smile:



---------------------------------------------------------------------------

บทสัมภาษณ์ของ น.นพรัตน์ กำลังจะโพสต์ครบถ้วนแล้ว ขอขอบพระคุณแฟนกำลังภายในทุกท่านที่กรุณาติดตามอย่างสูงค่ะ   :slime_worship:

เรื่องต่อไปที่จะนำมาเสนอ อาจจะเป็นเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก หรือหลวงจีนซานเต๋อ ตามที่คุณนายเกตุขอไว้ค่ะ

กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ  :slime_smile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 31-12-2007, 09:30
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/N14re.jpg)

http://forum.serithai.net/index.php?topic=16634.msg243129#msg243129

งานแปลนิยายกำลังภายในเป็นงานหนักและค่าตอบแทนน้อย แต่คุณอำนวยก็คิดว่าเขาเลือกอาชีพได้ถูกทางแล้ว

“ผมคิดว่าในส่วนลึก ๆ ของผมคงมีสายเลือดนักอ่านอยู่บ้าง ความเป็นนักอ่านทำให้คิดอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมา ที่โชคดีก็คือผลงานที่ผ่านมาได้รับการต้อนรับตามลำดับ ค่อย ๆ มีคนนิยมมากขึ้น ๆ

...ในความคิดของผม ๆ คิดว่าได้ถึงจุดสูงสุดของการทำงานแล้วในปี ๒๕๒๐ และ ๒๕๔๓ คิดว่าได้ไปถึงจุดสุดยอดของชีวิตแล้ว หลังจากนี้ก็คงแค่ประคับประคองและหาเรื่องดี ๆ มาถ่ายทอดและนำเสนอต่อไป”

เกือบ ๔๐ ปีในยุทธจักรวรรณกรรม น.นพรัตน์ได้ท่องยุทธภพมาแล้วอย่างโชกโชนด้วยปลายปากกา

แม้วันนี้เขาจะกลายเป็นมังกรเดี่ยวที่ต้องท่องไปยุทธจักรอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง แต่ด้วยความรักในอาชีพนี้ เขาจะยังคงโลดแล่นในยุทธจักรวรรณกรรมต่อไป ในฐานะจอมยุทธ์คนสุดท้าย

 :slime_smile: :slime_worship: :slime_smile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-01-2008, 12:51
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Nre.jpg)

http://forum.serithai.net/index.php?topic=16634.msg246086#msg246086




หัวข้อ: ~~ กระบี่เย้ยยุทธจักร 笑傲江湖 ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-01-2008, 13:12
เชี่ยเหงากังโอ๊ว (ภาษาจีนกลาง ออกเสียงเป็น เซี่ยวอ้าวเจียงหู - 笑傲江湖 Xiao Ao Jiang Hu)

เป็นสุดยอดนิยายกำลังภายใน จากปลายปากกาของ กิมย้ง นักเขียนยุทธจักรนิยายชื่อก้อง

ถูกจัดเป็นนิยายกำลังภายในที่สะท้อนเรื่องราวทางการเมืองได้อย่างแสบสัน

ยิ่งตัวละครทุกตัวล้วนสร้างขึ้นมาจากบุคคลที่เราสามารถเห็นได้ตามชีวิตประจำวัน

จึงทำให้คนดูซึมซับความสนุกสนาน และ สาระได้อย่างเต็มที่


Xiao Ao Jiang Hu ได้รับการแปลเป็น ภาษาไทยโดย น.นพรัตน์

แปลใช้ชื่อว่า ผู้กล้าหาญคะนอง ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กระบี่เย้ยยุทธจักร ตามชื่อที่ทางภาพยนตร์โทรทัศน์ตั้ง

และ เดชคัมภีร์เทวดา ตามหนังใหญ่ด้วย


             
Xiao Ao Jiang Hu ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ทั้งจอแก้วและจอเงินหลายครั้ง และประสบความสำเร็จแทบทุกครั้ง

ฉบับแรกนั้น ชอว์บราเดอร์ นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ (หนังใหญ่)ภายใต้ชื่อ ฤทธิ์ดาบฟ้าลั่น (The Proud Youth)

จากการกำกับของ ซุนจ้ง

นำแสดงโดย หวังอวี่ เฉินฮุ่ยเหมี่ยน ซือซือ กุ๊ฟง และหลิงยวิ๋น(ดารารับเชิญ) โดยจัดเอาในช่วงกลางเรื่องมานำเสนอ


(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/proudyouth.jpg)



หัวข้อ: Re: ~~ กระบี่เย้ยยุทธจักร ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 01-01-2008, 20:26
เพลงไตเติ้ลจากภาพยนตร์ “เดชคัมภีร์เทวดา” ผลงานการสร้างของฉีเค่อ

http://youtube.com/watch?v=gYK1JbD_rP4
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/ost.jpg)

ซึ่งคลิปนี้ เป็นฉากต่อสู้ที่ตื่นตาตื่นใจของ “บูรพาไม่แพ้” (ตงฟางปุ๊ป้าย – จีนกลาง หรือ ตังฮึงปุ๊กไป่ – แต้จิ๋ว) ในเดชคัมภีร์เทวดา ภาค ๒

และร้องโดย นักร้องนักแสดงชื่อดังของฮ่องกง – แซม ฮุย (สวี่กวนเจี๋ย)

อ่านว่า เฉี่ย (แต้จิ๋ว- ในที่นี้ต้องผันเสียงเป็น "เชี่ย") หรือ เซี่ยว (จีนกลาง) แปลว่า หัวเราะ, ยิ้ม
อ่านว่า เหงา (แต้จิ๋ว) หรือ อ้าว (จีนกลาง) แปลว่า หยิ่ง, ผยอง
江湖 อ่านว่า กังโอ๊ว (แต้จิ๋ว) หรือ เจียงหู (จีนกลาง)  ในสมัยเก่าแปลว่า ทั่วทุกมุมโลก

ตามรูปศัพท์ หมายถึง คนพเนจร, คนระเหเร่ร่อน ในที่นี้จะหมายถึง ยุทธจักร

เชี่ยเหงากังโอ๊ว จึงมีความหมายว่า มือกระบี่มือหนึ่งแห่งแผ่นดินเยาะเย้ยความเป็นไปของยุทธจักร และ กฎเกณฑ์อันหลอกลวงของยุทธจักร - วิกิพีเดีย


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ น.นพรัตน์ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 10-01-2008, 19:33

来偷看美姐  谢谢你

มาแอบดูกระทู้คุณ เม่ย   ขอบคุณครับบบบบ :slime_smile:

哎呀!偷看美姐千万就不行。 :slime_dizzy:

但偷看我的题目,就没问题呢!随(便)你,随你。 :slime_smile:









对不起美姐   我忘记填写 “ 的题目”  请原谅   原谅 吧 !  :slime_worship:

ต้องขอโทษคุณเม่ยด้วยครับ ที่ลืมลง คคห. อิอิ หาคำไม่เจอ ขออภัยๆ นะครับ :slime_whistle:




หัวข้อ: ~~ +++ ปรมาจารย์กิมย้ง ผู้รังสรรค์กระบี่เย้ยยุทธจักร +++ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 22-01-2008, 02:00
จาเหลียงยง (查良鏞) หรือ จินยง (金庸) กิมย้ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Louis

เจ้าของบทประพันธ์ "กระบี่เย้ยยุทธจักร" อันลือลั่น


http://youtube.com/watch?v=oLE8tF_Ni7c
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/090e86b6.jpg)

ตอนท้ายของคลิปนี้ ได้กล่าวสรุปไว้ว่า

笑傲江湖 - 是人生最大的境界

เมื่อปี ค.ศ.1992 กิมย้ง หรือ จินยง หรือ จาเหลียงยง ในวัย 68 ปี

ได้ใช้ชีวิตนักศึกษาปริญญาเอกทำวิจัย ณ มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษประมาณครึ่งปี

ซึ่งกิมย้งกล่าวว่า นับเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจยิ่ง สองคนตายายใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

โดยภรรยาของท่านต้องดูแลที่พัก ทำกับข้าว และทำงานบ้านเองทุกอย่าง


2000 - รับมอบรางวัลเกียรติยศ จาก ต่งเจี้ยนหัว ผู้ว่าฯ ของฮ่องกงในเวลานั้น
2001- ดาวเคราะห์ลำดับที่ 10930 ได้รับการตั้งชื่อว่า “กิมย้ง” จากสมาคมดาราศาสตร์ระหว่างประเทศ
2003 - ห้องสมุดกิมย้งได้ก่อตั้งขึ้น ณ ถนนตัดใหม่สายหนึ่งในมาเก๊า



หัวข้อ: Re: ~~ +++ ปรมาจารย์กิมย้ง ผู้รังสรรค์กระบี่เย้ยยุทธจักร +++ ~~
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 22-01-2008, 21:54
น่าสนุกนะ งั้นมาเจอกับอาจารย์ของผมหน่อยละกันนะ อิอิ


หัวข้อ: Re: ~~~ +++ ปรมาจารย์กิมย้ง ผู้รังสรรค์กระบี่เย้ยยุทธจักร +++ ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 27-01-2008, 09:57

对不起美姐   我忘记填写 “ 的题目”  请原谅   原谅 吧 !  :slime_worship:

ต้องขอโทษคุณเม่ยด้วยครับ ที่ลืมลง คคห. อิอิ หาคำไม่เจอ ขออภัยๆ นะครับ :slime_whistle:




没关系,没关系。只是我开玩笑  :slime_bigsmile:

其实我也不叫美姐,叫“小妹”(现在应该是 大姐 才对呢!)
  :mrgreen: :D :mrgreen:


น่าสนุกนะ งั้นมาเจอกับอาจารย์ของผมหน่อยละกันนะ อิอิ

不敢当,不敢当   :mrgreen: :D :mrgreen:

:D ในผู้เข้มแข็งยังมีผู้เข้มแข็งกว่า ภูเขาหนึ่งยังมีภูเขาหนึ่งสูงล้ำกว่า (๘ เทพอสูรมังกรฟ้า)  :D

ข้าน้อยขอคารวะ  :slime_smile:

 


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร ~~ งานงิ้วขอนแก่น ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 04-02-2008, 05:58
ในโอกาสที่เทศกาลตรุษจีนกำลังมาถึง ทำให้คิดถึงบรรยากาศการเชิดมังกรที่เทศบาลนครขอนแก่น เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา


พักจัดขบวน
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0165.jpg)

มาแล้ว ๆ

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550763.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550752.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550764.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550753.jpg)

เข้าไปใกล้อีกนิด
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0238.jpg)

ขอพักเหนื่อยสักหน่อยค้าบ
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550760.jpg)

เกาะกลุ่มกันไว้ระหว่างรอคิวแสดง
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0226.jpg)

อะไรเอ่ย -- กงจื้อทั้งหลายมองไปทิศทางเดียวกัน

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0169.jpg)

ภาคกลางคืน -- โพกหัวอีกแบบ ก่อนเลียนแบบจูมง  :slime_cool:
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0137.jpg)

เฮ้...ยิ้มหน่อยยยย
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0135.jpg)

เอ็งกอ
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550749.jpg)

และโกวเนี้ยน้อยน่ารัก
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550766.jpg)

หาบกระเช้าดอกไม้
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/SA550767.jpg)





หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::-- 恭喜发财 ! --::-- CNY Song Remix --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 07-02-2008, 09:08
恭喜发财 !

http://youtube.com/watch?v=DiAk8n6IhCw

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/117a7fd6e48.gif)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- 恭喜发财!新年好,万事顺,事事如意! --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 07-02-2008, 10:47


 วันนี้ตอนสายไปดูที่นครสวรรค์ก็ได้ครับ

 หรืออีกครั้งตอนหัวค่ำ  วันมะรืนนี้(ไม่แน่ใจนะครับ)

 ก็มีให้ดู  กลางคืนจะดูสวยงามกว่าตอนกลางวัน

 เพราะมังกรทอง  จะลงไปเชิดที่หาดแม่น้ำเจ้าพระยา

 แสงสีดูแล้ว  งดงามมากๆครับ  ถ้าอยากจะไป โทรถาม ททท.ก่อนครับ
  :slime_agreed: :slime_v:




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- 恭喜发财!新年好,万事顺,事事如意! --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-02-2008, 12:09

 วันนี้ตอนสายไปดูที่นครสวรรค์ก็ได้ครับ

 หรืออีกครั้งตอนหัวค่ำ  วันมะรืนนี้(ไม่แน่ใจนะครับ)

 ก็มีให้ดู  กลางคืนจะดูสวยงามกว่าตอนกลางวัน

 เพราะมังกรทอง  จะลงไปเชิดที่หาดแม่น้ำเจ้าพระยา

 แสงสีดูแล้ว  งดงามมากๆครับ  ถ้าอยากจะไป โทรถาม ททท.ก่อนครับ
  :slime_agreed: :slime_v:





ขอบคุณท่านเล่าปี๋มากหลายค่ะ

เพิ่งแวะไปเยี่ยมบ้านเกิดกลับมา ได้แวะแสดงความเคารพที่ศาลเจ้าปุง(ปึง) เถ่ากงที่เพิ่งสร้างเสร็จประมาณ ๒ เดือน ตามรูปข้างล่างด้วยค่ะ

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/IMG_0092re.jpg)

เห็นศาลเจ้าที่สร้างถาวรแล้ว ทำเอาใจหายวาบ เพราะสร้างที่เดียวกับโรงเรียนประถมที่เคยเรียน ( 公立同济学校 ) -- อ้าว เอ๊ะ แล้วโรงเรียนเราหายไปไหนแล้ว

ไปกลับผ่านนครสวรรค์ด้วยนะคะ แต่โอกาสยังไม่เอื้อ ไว้ครั้งหน้า คงไม่พลาด แต่หลายปีก่อน มีโอกาสดูที่ชุมแสงช่วงหนึ่งค่ะ



หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง "เขียนถึงโก้วเล้ง" --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-02-2008, 07:41
เขียนถึงโก้วเล้ง

“โก้วเล้ง” มีชื่อจริงว่า “โสงเอี๋ยวฮว๋า” เนื่องจากมีรูปร่างอ้วน ๆ เตี้ย ๆ หัวโต ๆ ทั้งยังแซ่โสง ที่แปลว่า “หมี” จึงถูกพวกเพื่อนสนิทเรียกว่า “หมีหัวโต” (โสงต้าโถว) ก็เป็นฉายาที่น่ารักดี

(โก้วเล้งเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2481 อย่างไรก็ตาม หนังสือบางเล่มระบุว่าเป็นปี พ.ศ. 2480 โก้วเล้งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2528 ที่โรงพยาบาลในไต้หวัน เมื่ออายุได้ 47 ปี )

จากคำให้สัมภาษณ์ โก้วเล้งบอกเกิดในฮ่องกง แต่ไปเติบโตที่ไต้หวัน ฐานะยากจน ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จนกระทั่งจบมหาวิทยาลัยตั้นเจียงที่กาลก่อนเป็น “วิทยาลัยภาษาต่างประเทศ” ดังนั้น ภาษาอังกฤษของโก้วเล้งจึงดีมาก ๆ ดีจนกระทั่งได้เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดยูซีสในไต้หวัน (ช่วงนั้นมีทหารอเมริกันอยู่ในเกาะไต้หวันกับเกาะคีมอยหลายหมื่นคน)

และช่วงนั้นเอง ฮ่องกงกำลังฮิตเรื่องยุทธจักรนิยาย จากฝีมือการปลุกของ “เนี่ยอูเซ็ง” กับ “กิมย้ง” จนความนิยมแพร่ไปถึงไต้หวัน ทางการของไต้หวันก็สนับสนุน (แต่จีนแผ่นดินใหญ่ห้าม) เพราะงมงายในหนังสือย่อมดีกว่าฟุ้งซ่านในการเมือง (ช่วงนั้นรัฐบาลก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็กหนีจากแผ่นดินใหญ่มาตั้งหลักในไต้หวันได้ไม่กี่ปี จีนแผ่นดินใหญ่ยังขู่คำรามจะปลดปล่อยไต้หวันให้ได้ จนอเมริกาต้องส่งกองเรือที่ 7 ลาดตระเวนในช่องแคบระหว่างไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่เป็นการห้ามศึกไว้ก่อน)

ดังนั้น นิยายกำลังภายในของไต้หวันจึงเฟื่องฟูถึงขีดสุด มีนักเขียนมากถึงสองสามร้อยคน แต่ไม่มีเด่นดังขึ้นเทียบทางฮ่องกงได้เลย

โก้วเล้งตอนนั้นพลอยกระ***นกระหือรือไปด้วย  ต้องการหาลำไพ่พิเศษบ้าง จึงลองเขียนตามสมัยนิยม โดยใช้นามปากกา “พ่อเกี่ยมเล้าจู๊” (เจ้าของหอโอบกระบี่) ตามที่นักเขียนมีชื่อรุ่นก่อนชอบใช้ (เล้าจู๊) เขียนในวงจำกัดของนิยายกำลังภายในยุคนั้น ที่เป็นน้ำนิ่งจนแทบเป็นน้ำเน่าแล้ว

เรื่องของ “พ่อเกี่ยมเล้าจู๊ ” ขายได้ มีคนซื้อ แต่ไม่ดัง รายได้จึงไม่ดี โก้วเล้งที่มีพื้นความรู้สูงมาก และรักในการเป็นนักเขียน แล้วจึงขอยืมนามปากกา “เซี่ยวกัวเตี้ย” จากเพื่อนที่พอจะมีชื่อคุ้นหูนักอ่าน (นักเขียนจีนในไต้หวันแลกเปลี่ยนหรือยังยืมนามปากกากันได้) และเปลี่ยนแนวเขียนใหม่ให้แปลกไปจากแวดวงจำกัด เรื่องที่ประสบความสำเร็จพอมีชื่อเสียงขึ้นบ้างคือ “ศึกสายเลือด” ที่แนวเป็นรักกันขัดกันในสายเลือด ขัดแย้งในความคิด ปรัชญา อารมณ์เป็นแกน แทนการฆ่าล้างแค้น ฆ่าเพื่อเป็นใหญ่ ฆ่าเพื่อชิงของวิเศษหรือคัมภีร์วิทยายุทธ์ ต่อมาคือ “นักสู้ผู้พิชิต” ที่ผสมเรื่องญี่ปุ่นและให้ซามูไรญี่ปุ่นเป็นตัวเอกอีกคน (ไต้หวันเคยถูกญี่ปุ่นยึดครองไว้หลายสิบปี ชาวไต้หวันเชื้อสายญี่ปุ่นจึงมีไม่น้อย)

แต่ที่ประสบความสำเร็จสูงมากคือ “พิฆาตทรชน” (ประมาณปี 2502) เพราะเขียนได้กระชับ มีอารมณ์ขัน จึงได้รับความชื่นชมอย่างมาก ยุคนั้นหนังสือประเภทนี้ออกเป็นเล่ม ๆ หนา 5 ยก “พิฆาตทรชน” ที่มีผู้นิยมมาก เมื่อออกได้ 7 เล่ม (หนังสือยาว 17 เล่ม) โสงเอี๋ยวฮว๋าเห็นว่า เมื่อเปลี่ยนแนวเขียนและพอมีคนนิยมมากขึ้น ควรมีนามปากกาของตัวเองได้แล้ว จึงได้เกิดนามปากกา “โก้วเล้ง” ขึ้นเป็นครั้งแรก และก็เป็นครั้งแรกที่หนังสือเรื่องเดียวกันมีสองนามปากกา เขียนคนละครึ่งเรื่อง !

.....


อ้างอิง : ชุดยุทธจักรนิยาย "ฤทธิ์มีดสั้น" โดยสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ หน้า (7) - (10) ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2549



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง "เขียนถึงโก้วเล้ง" --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 13-02-2008, 07:48
นามปากกา “โก้วเล้ง” ยืนหยัดอยู่ได้  ไม่ดังแต่ไม่ดับ คงเส้นคงวาอยู่ในระดับชั้นกลาง ๆ โก้วเล้งที่มีพื้นความรู้สูง สมองเป็นอัจฉริยะ เห็นอยู่เสมอว่า จะเหนือกว่านักเขียนอื่น ๆ ต้องเขียนเรื่องที่แปลก-แหวกแนวจากคนอื่น ๆ ดังนั้นเองในปี 2510 จึงมีเรื่อง “เซี่ยวฮื้อยี้” ที่ลือลั่น (คุณภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ ซื้อทำละครให้ทีวีช่อง 3 ในชื่อ “ขุนพลผู้ไร้ทวน” ) นามปากกาโก้วเล้งจึงโดดเด่นเป็นเอก เหนือกว่า “อ้อเล้งเซ็ง” ที่เป็นหนึ่งในไต้หวันถึงสิบกว่าปีได้ตั้งแต่บัดนั้นมา !

จะขึ้นเป็นหนึ่งนั้นยาก แต่จะรักษาความเป็นหนึ่งให้ยืนยงยิ่งยากกว่า โก้วเล้งเมื่อได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักอ่านทุกระดับชั้น ย่อมรักถนอมนามปากกามาก พยายามเปลี่ยนเค้าโครงให้แปลกใหม่อยู่เสมอ กระทั่งยอมดัดแปลงเรื่องดัง ๆของฝรั่ง (ถนัดอยู่แล้วเพราะเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดฝรั่งมาหลายปี) แต่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย เช่น “พยัคฆ์ร้ายบู๊ลิ้ม” (จากหนังสือฝรั่ง เรื่อง การฆาตกรรมที่มีหุ่นขี้ผึ้งในห้องใต้ดินเกี่ยวข้อง) “จอมโจรจอมใจ” (ผสมผสานจากเรื่องของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ อาแซง ลูแปง รวมทั้งผู้ร้ายผู้ดี)

จนเมื่อปี 2513-2514 จะนับเป็นปีหักมุมชีวิตโก้วเล้งก็ว่าได้ เพราะเขียน 2 เรื่องลงในนิตยสาร 2 ฉบับ ในแนวที่ต่างกันเป็นตรงข้าม เรื่องหนึ่งคือ “เดชอุกกาบาต” (น.นพรัตน์) ที่ดัดแปลงจาก “ก๊อดฟาเธอร์” เป็นแนวแกร่งกร้าวดุดัน ทรยศหักหลัง เข่นฆ่าล้างแค้น (อัล ปาชิโน มาลอน แบรนโด นำแสดงในภาพยนตร์)

อีกเรื่องหนึ่งคือ “ฤทธิ์มีดสั้น” ที่ดัดแปลงจาก “กันไฟท์ แอ้ด ดิ โอ.เค.คอรั่ล” ซึ่งเป็นเรื่องนุ่มนวล เน้นในความรักแบบฉบับต่าง ๆ ปรัชญาชีวิต - ศาสนา และอารมณ์ที่เปลี่ยนแปรได้ดีเยี่ยม โดยไม่เคยมีนักเขียนในอดีตหรือยุคนั้นจะเขียนได้ ! (มาลอน แบรนโด เคิร์ก ดักลาส นำแสดงในภาพยนตร์ ชื่อ สองสิงห์เมืองเสือ)

“เดชอุกกาบาต” ไม่ดังเพราะภาพยนตร์เรื่อง “ก๊อดฟาเธอร์” เพิ่งผ่านตาไปไม่นาน แต่ “ฤทธิ์มีดสั้น” (สองสิงห์เมืองเสือ) ผ่านตาไปกว่าสิบปีแล้วจึงดังมาก ดังขนาดพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนครั้งสุดท้าย โก้วเล้งขายให้ 2 สำนักพิมพ์ใน 2 ชื่อเรื่อง แต่เนื้อในเหมือนกันทุกตัวอักษร คนที่แย่งกันซื้ออ่านด่ากันเกรียว โดยด่าโก้วเล้งว่างก ไม่ซื่อ แต่ไม่ด่าว่าชั่วร้าย ทรยศคนอ่าน ไม่มีจรรยาบรรณ เพราะเรื่องหลัง ๆ ของโก้วเล้งยังคงขายได้สูงสุดเช่นเคย

โก้วเล้งประสบความสำเร็จสูงที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะผลงานเก่า ๆ มีสำนักพิมพ์แย่งกันประมูลไป ผลงานใหม่ที่ทั้งบริษัทภาพยนตร์กับทีวีแย่งกันทำสัญญาผูกขาด ทั้งยังเหมาเรื่องเก่ามาสร้างภาพยนตร์ สร้างทีวี มีรายได้สูงสุด เหนือกว่านักเขียนในอดีตจวบจนปัจจุบัน (ไม่นับกิมย้ง เพราะมีโรงพิมพ์ มีหนังสือพิมพ์รายวันหมิงเป้าเป็นของตัวเอง)

จาก “ฤทธิ์มีดสั้น” ที่ได้รับความสำเร็จสูงสุด พาชีวิตให้ขึ้นสู่ชั้นสูงของทุกวงการ !

โก้วเล้งดัดแปลงเรื่องฝรั่งชั้นมือโปรจนไม่มีกลิ่นอายของนมเนยเลยสักน้อยนิด บัดนี้โก้วเล้งวายชนม์ไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ผลงานอันเป็นอมตะ ซื้อเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงนักเขียนที่เพื่อน ๆ เรียกว่า “หมีหัวโต” แต่คนในทุกวงการเรียกเขาว่า “อัจฉริยะปีศาจ” ที่อาจไม่มีอีกแล้วก็ได้

ว. ณ เมืองลุง  


อ้างอิง : ชุดยุทธจักรนิยาย "ฤทธิ์มีดสั้น" โดยสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ หน้า (7) - (10) ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2549




หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-02-2008, 08:26
ว. ณ เมืองลุง  

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8c800174.jpg)

             ว. ณ เมืองลุง คาดว่าคงไม่มีใครที่อ่านนิยายจีนกำลังภายในแล้ว ไม่รู้จักนามปากกานี้ เพราะนามปากกานี้ยืนยงคงคู่มา กับ น. นพรัตน์ ในวงการนิยายจีนกำลังภายในมาจวบจนปัจจุบัน

             ว. ณ เมืองลุง เป็นนามปากกาของ ชิน บำรุงพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2472 ที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เริ่มเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนจีน จังหวัดพิษณุโลก มีโอกาสได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาจีน ภายหลังประมาณ พ.ศ. 2494 สอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) เมื่อกระทรวงศึกษาธิการเปิดสอบวิชาครู

             เคยเข้าไปทำงานที่ร้านค้าแถวห้าแยกพลับพลาไชย กรุงเทพ ฯ แต่ทำอยู่ได้ไม่นานเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนา จังหวัดพิษณุโลก เมื่อสอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) ได้ไปสอนหนังสือที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 1 ปี แล้วย้ายไปสอนที่โรงเรียนอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อีก 1 ปี จากนั้นไปสอนที่โรงเรียนศึกษาวัฒนา สามย่าน กรุงเทพ ฯ จนประมาณ พ.ศ. 2504 ลาออกมาทำงานเสมียนโรงไม้ที่จังหวัดพัทลุง และเริ่มแปลนวนิยายจีนกำลังภายในเมื่อ พ.ศ. 2506 จนยึดเป็นอาชีพเรื่อยมา   

             เนื่องจากชิน บำรุงพงศ์เป็นผู้มีความรู้ภาษาจีนดี ชอบอ่านเรื่องจีน ทั้งฉบับภาษาไทย และฉบับภาษาจีนอยู่เป็นประจำ เมื่อไปเป็นเสมียนโรงไม้ที่พัทลุง ไม่มีหนังสือจีนให้เลือกอ่านเหมือนที่อยู่ในกรุงเทพ ฯ แต่ได้เห็นหนังสือเรื่อง มังกรหยก ฉบับภาษาไทยที่ จำลอง พิศนาคะ เป็นผู้แปล และมีผู้อ่านสนใจติดตามกันมาก จึงเกิดความคิดที่จะแปลเรื่องจีนออกมาเป็นภาษาไทยบ้าง เมื่อได้มีโอกาสเข้ากรุงเทพ ฯ จึงไปพบกับคุณเวช กระตุฤกษ์ เจ้าของสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ เพื่อยื่นข้อเสนอให้พิจารณา ตอนนั้น คุณชลิต พรหมดำรงบรรณาธิการสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ให้ทดลองแปลข้อความจากหนังสือพิมพ์ และได้ให้คนจีนตรวจสองเห็นว่าถูกต้อง จึงให้ทดลองแปลนวนิยายจีนกำลังภายในไปให้ดูก่อน 1 เรื่อง ปรากฏว่า คุณเวช กระตุฤกษ์ไม่ชอบสำนวนแปลที่แตกต่างไปจากของคุณจำลอง พิศนาคะ ซึ่งเดินตามแนวภาษาหนังสือสามก๊ก แต่คุณชลิต พรหมดำรงได้สนับสนุนให้พิมพ์เป็นเล่มปกอ่อนออกมาขายเพื่อหยั่งความนิยม
 
             นิยายเรื่องแรกของชิน บำรุงพงศ์ คือเรื่อง กระบี่ล้างแค้น ใช้นามปากกาว่า ว.ณ เมืองลุง โดยมีที่มาจากย่อชื่อของ วิไล ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารักเมื่ออยู่ที่พัทลุง ปรากฏว่าขายดีจนเล่มที่สองต้องพิมพ์สองครั้งในวันเดียวกัน และเนื่องจากกระบี่ล้างแค้น มีความยาวถึง 100 เล่ม นับได้ว่า ว.ณ เมืองลุง ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ต้น จึงได้แปลนิยายจีนกำลังภายในเป็นอาชีพเพียงอย่างเดียว ระยะแรกมอบให้สำนักพิมพ์เพลินจิตต์พิมพ์จำหน่ายทั้งหมด กระทั่งสำนักพิมพ์เพลินจิตต์หยุดกิจการ จึงมอบหมายให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นดำเนินการพิมพ์เรื่อยมา นอกจากนี้ชิน บำรุงพงศ์ยังมีผลงานในหน้าหนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์ ไทยรัฐ และเดลินิวส์ในบางช่วงด้วย

             เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป ภคินีผู้เป็นบุตรสาวเล่าว่า " มีเพียงเล่มแรกคือกระบี่ล้างแค้นเท่านั้น ที่แปลเหมือนคนอื่นๆ คือเขียนและพิมพ์ แต่ท่านทำแล้วปวดแขนเป็นอย่างมาก จึงได้รับการแนะนำให้แปลใส่เทป ด้วยว่าท่านสามารถกางหนังสือจีนแล้วแปลได้ทันที "
                   
             “แต่ไล่ไปช้าๆ นะคะ คุณพ่อท่านจะอ่านจากต้นฉบับแล้วพูดใส่เทปช้าๆ เพื่อให้คนพิมพ์เขาถอดคำพูดออกมาได้ง่ายๆ และไม่อนุญาตให้แก้ไขสิ่งที่ท่านพูด ฟังเทปได้ยินอย่างไรก็ให้พิมพ์ออกมาอย่างนั้น เมื่อส่งกลับมาให้ท่านตรวจทาน ท่านจะแก้ไขด้วยตนเอง ...หลายคนคงคิดว่าคุณพ่อทำงานสบาย แต่บ่อยครั้งที่เราเห็นท่านนิ้วโป่งพองและแตก เพราะต้องคอยกดเทปไว้ มันไม่เหมือนเทปสมัยนี้ แล้วกว่าจะแปลจบแต่ละเรื่อง นิ้วท่านระบมไปหมด” ภคินีกล่าว

              “เนื่องจาก ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป โดยนำหนังสือต้นฉบับภาษาจีนมากาง แล้วพูดเป็นภาษาไทยอัดเทปส่งให้คนถอดเสียง ทำให้สามารถผลิตงานแปลได้ประมาณวันละ 30 - 40 หน้ากระดาษพิมพ์ ซึ่งเท่ากับหนังสือขนาดปกอ่อน 1 เล่ม นับจากเรื่องแรก คือ เรื่อง กระบี่ล้างแค้น ที่แปลเมื่อ พ.ศ. 2506 จนมาถึงประมาณ ปี พ.ศ. 2531 ว.ณ เมืองลุง จึงยุติการแปลนิยายจีนกำลังภายใน เพราะเห็นว่า อายุมากแล้ว ท่านใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น ไม่ชอบออกงาน ไม่ชอบเป็นข่าว และนั่นนำมาซึ่งการจากไปอย่างเงียบสงบในวัย 77 ปี สมความตั้งใจ เป็นเหตุให้วงวรรณกรรมทราบข่าวการจากไปของท่านช้ามาก

               ว. ณ เมืองลุง ลาล่วงจากบรรณพิภพไปอย่างเงียบๆ เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2547 ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมอายุได้ 77 ปี หลายคนกล่าวด้วยน้ำตาคลอๆ ว่า “เงียบเกินไป” หากแต่จะทำอย่างไรได้ ด้วยว่านั่นเป็นวัตถุประสงค์ของชิน บำรุงพงศ์ ผู้ที่เป็นหนอนวรรณกรรมกำลังภายในซึ่งแปลเป็นไทยด้วยสำนวนวิจิตร รู้จักในชื่อ ว. ณ เมืองลุง

อ้างอิง : เว็บไซต์ “ยุทธจักรนิยาย” โดย ขลุ่ยผุไร้สำเนียง     



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 15-02-2008, 06:03
ว.ณ เมืองลุง  
                 

                    พิธีเผาศพผู้ชายวัย 77 ปี ชื่อชิน บำรุงพงษ์ ที่วัดท่าพระ ฝั่งธน เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หลังสี่โมงเย็น วันที่ 31 ก.ค. 2547 ครับ

                    ผมเชื่อว่า แฟนนิยาย ของ ว. ณ เมืองลุง ในเมืองไทย มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน...แฟนรุ่นแรก...ช่วงปี 2506 คงจำฉื่อง่วนเพ้ง ได้ นี่คือพระเอก กระบี่ล้างแค้น ที่ฝากปมรักปมสวาทกับผู้หญิงชุดม่วง ขณะโต๊ะฮุ่นกี้ ในเพลินจิตต์ หรรษา กำลังเร้าใจ ใครเป็นโต๊ะฮุ่นกี้ตัวปลอมคนที่ห้า แฟนๆก็ติดตาม มังกรหยก ภาค 3 ภาค 4 สำนวนแปล จำลอง พิศนาคะ เล่มละ 5 บาท กระบี่ล้างแค้น เล่มละ 3 บาท

                    น.นพรัตน์ แฟนตัวจริงนิยายกำลังภายในยุคนั้น ให้ข้อมูลได้มั่นคงกว่า กระบี่ล้างแค้น อ้อเล้งเซ็ง นักเขียนมือหนึ่งไต้หวัน เขียนไว้ 49 ตอน ตอนต่อมา จนเกือบจะถึง 100 ตอน เป็นฝีมือคนอื่น สำนวนแปลกระบี่ล้างแค้น ลึกซึ้งคมคาย ทำให้ชื่อ ว. ณ เมืองลุง แพร่หลายเป็นที่รู้จัก และเมื่อมี ลี้ คิมฮวง จากฤทธิ์มีดสั้นเป็นเรื่องต่อมา ชื่อ ว. ณ เมืองลุง ก็ยิ่งโดดเด่น

                    เกิดกรุงเทพฯ เป็นครูสอนโรงเรียนจีนอยู่ในกรุงเทพฯ ทำไม...จึงใช้นามปากกา ว. ณ เมืองลุง คำตอบ...ชอบเมืองพัทลุง เคยไปเป็นเสมียนในพัทลุง นักแปลนิยายกำลังภายในชื่อดัง มีแฟนติดตามเต็มเมือง เจ้าของสำนักพิมพ์เอาใจ ให้นั่งในห้องแอร์ แต่ก็ยังเขียนป้อนไม่ทันตามที่ตลาดต้องการ แล้วกระบวนแปลแบบที่นักแปลรุ่นไหน รู้แล้วก็ทำตามไม่ได้ ก็เกิดขึ้น ความจริงที่เปิดเผยได้ นิยายจีนขายดี ฝีมือ ว. ณ เมือง-ลุง ในระยะต่อมา แปลออกมาปากเปล่า มีทั้งแปลใส่เทป ให้คนไปพิมพ์ภายหลัง มีทั้งแปลแล้วให้พิมพ์คำต่อคำ

                    คนที่ผมรักนับถือ...พิมพา พิทักษ์กมลพันธ์ เจ้าของ สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น เล่าด้วยความภูมิใจ คนที่พิมพ์ไวทันปาก ว. ณ เมืองลุง "เจ๊เอง" ฝีปากแปล...ระดับอัจฉริยะอย่างนี้ น.นพรัตน์ นักแปลรุ่นน้อง ยอมรับเต็มหัวใจ นี่คือตัวจริงของกระบี่ไร้เทียมทาน...

                    ความภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิตผม...ก็ตอน ว. ณ เมืองลุง แปล ผีเสื้อสยองขวัญ ให้ในหนังสือพิมพ์ฉบับที่สังกัด รับโบนัสแล้วก็เอาไปเสียไฮโลด้วยกัน จบผีเสื้อสยองขวัญเริ่มแปลมังกรเจ้ายุทธจักรพักเดียว ก็เกิดอาเพศให้ต้องเดินออกมาพร้อมกัน

                    ถ้าชัย ราชวัตร ไม่บอกในวันไปงานเผาศพ ผมก็คงลืมไปแล้ว หากจะนับรุ่น วัยรุ่นใจร้อน รุ่นนั้น...ว. ณ เมืองลุง รวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง ผมเพิ่งรู้ ว. ณ เมืองลุง มีเพื่อนสนิททั้งในวงเหล้า วงเที่ยว อีกหลายรุ่น รุ่นใหญ่ที่คุยให้ฟังบ่อยๆ นพพร บุณยฤทธิ์ รัตนะยาวะประภาส และอาจินต์ ปัญจพรรค์ ความผูกพันในฐานะเพื่อนรุ่นเล็กที่ยังมีอาชีพสื่ออย่างผม รับเงื่อนไข ไม่บอกใครก่อนเผา แต่เผาแล้ว ผมมีหน้าที่ที่จะต้องบอกข่าวให้รู้ทั่วกัน ว. ณ เมืองลุง ตายแล้ว เผาไปแล้ว ก่อนตาย สั่งเสียไว้ไม่ต้องบอกใคร เพราะเกรงใจเพื่อน ถ้าใครไม่เชื่อ "กูจะแช่ง".

                    :slime_worship:

                    อ้างอิง :  ชักธงรบ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับประจำวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗

                    และแฟนคลับนิยายกำลังภายในร่วมแสดงความไว้อาลัย ที่กระทู้

                    http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2943805/K2943805.html

                    :slime_worship:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร :พ่อค้าจีนชิงจด “อาเจียว” “กว้านซี” เป็นยี่ห้อสินค้าเซ็กซ์
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 15-02-2008, 06:20
(http://pics.manager.co.th/Images/551000002009001.JPEG)

      กระแส “เฉินกว้านซี” ชักจะลามทุ่งไปกันใหญ่แล้ว ไม่เพียงแค่เป็นปรากฏการณ์เขย่าสังคม สร้างความระส่ำไปทั่วโลกไซเบอร์ ล่าสุดสื่อจีนรายงานว่ามีนักธุรกิจแซ่ “หลี่” รายหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งของจีน ได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสินค้าเกี่ยวกับเซ็กซ์ยี่ห้อ “อาเจียว” “กว้านซี” แล้ว
       
       คุณหลี่ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่ามีคนถือโอกาสไร้ท์ภาพหลุดดาราฮ่องกงที่กำลังเป็นข่าวคึกโครมขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม ก็เลยคิดวิธีที่จะหาเงินอย่างถูกกฎหมายขึ้นบ้าง นั่นก็คือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ก็เลยคิดถึงยี่ห้อ “กว้านซี” “อาเจียว” และกำลังพิจารณาที่จะขอจดทะเบียนคำว่า “โง่มาก” ซึ่งเป็นวลีเด็ดของอาเจียวเมื่อวันที่ออกมาแถลงข่าวยอมรับกลายๆ เกี่ยวกับรูปฉาวดังกล่าวว่าในอดีตนั้น เธอ “ไม่ประสีประสา” และ “โง่มาก”
       
       ส่วนประเด็นที่ว่าหลังจากจดทะเบียนสำเร็จแล้ว จะนำไปใช้อย่างไรนั้น คุณหลี่คิดไว้แล้วว่าจะใช้ชื่อที่จดทะเบียนนี้เป็นชื่อยี่ห้อสินค้าเกี่ยวกับเซ็กซ์ อย่างไรก็ตาม การขอจดทะเบียนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ก็อยู่เหนือความสามารถของคุณหลี่ซะแล้ว
       
       ทั้งนี้ กรณีที่มีพ่อค้าหัวหมอนำชื่อดาราฮ่องกงไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเคยมีมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการใช้อักษรพ้องเสียงแทน อาทิ น้ำยาลบคำผิดยี่ห้อ “หลิวเต๋อหัว” หรือยาแก้ท้องเสีย “เซี่ยถิงฟง” ส่วนการจดทะเบียนยี่ห้อ “กว้านซี” และ “อาเจียว” นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีใครขอจดทะเบียนชื่อนี้มาก่อน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการอนุมัติ


 :slime_doubt:

ถ้ามันมาบ้านเรา มันคงได้หลายคำไปทำแบรนด์การค้า


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร :พ่อค้าจีนชิงจด “อาเจียว” “กว้านซี” เป็นยี่ห้อสินค้าเซ็กซ์
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 15-02-2008, 22:16
ว. ณ เมืองลุง  

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8c800174.jpg)

             ว. ณ เมืองลุง คาดว่าคงไม่มีใครที่อ่านนิยายจีนกำลังภายในแล้ว ไม่รู้จักนามปากกานี้ เพราะนามปากกานี้ยืนยงคงคู่มา กับ น. นพรัตน์ ในวงการนิยายจีนกำลังภายในมาจวบจนปัจจุบัน

             ว. ณ เมืองลุง เป็นนามปากกาของ ชิน บำรุงพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2472 ที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เริ่มเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนจีน จังหวัดพิษณุโลก มีโอกาสได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาจีน ภายหลังประมาณ พ.ศ. 2494 สอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) เมื่อกระทรวงศึกษาธิการเปิดสอบวิชาครู

             เคยเข้าไปทำงานที่ร้านค้าแถวห้าแยกพลับพลาไชย กรุงเทพ ฯ แต่ทำอยู่ได้ไม่นานเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนา จังหวัดพิษณุโลก เมื่อสอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) ได้ไปสอนหนังสือที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 1 ปี แล้วย้ายไปสอนที่โรงเรียนอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อีก 1 ปี จากนั้นไปสอนที่โรงเรียนศึกษาวัฒนา สามย่าน กรุงเทพ ฯ จนประมาณ พ.ศ. 2504 ลาออกมาทำงานเสมียนโรงไม้ที่จังหวัดพัทลุง และเริ่มแปลนวนิยายจีนกำลังภายในเมื่อ พ.ศ. 2506 จนยึดเป็นอาชีพเรื่อยมา  

             เนื่องจากชิน บำรุงพงศ์เป็นผู้มีความรู้ภาษาจีนดี ชอบอ่านเรื่องจีน ทั้งฉบับภาษาไทย และฉบับภาษาจีนอยู่เป็นประจำ เมื่อไปเป็นเสมียนโรงไม้ที่พัทลุง ไม่มีหนังสือจีนให้เลือกอ่านเหมือนที่อยู่ในกรุงเทพ ฯ แต่ได้เห็นหนังสือเรื่อง มังกรหยก ฉบับภาษาไทยที่ จำลอง พิศนาคะ เป็นผู้แปล และมีผู้อ่านสนใจติดตามกันมาก จึงเกิดความคิดที่จะแปลเรื่องจีนออกมาเป็นภาษาไทยบ้าง เมื่อได้มีโอกาสเข้ากรุงเทพ ฯ จึงไปพบกับคุณเวช กระตุฤกษ์ เจ้าของสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ เพื่อยื่นข้อเสนอให้พิจารณา ตอนนั้น คุณชลิต พรหมดำรงบรรณาธิการสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ให้ทดลองแปลข้อความจากหนังสือพิมพ์ และได้ให้คนจีนตรวจสองเห็นว่าถูกต้อง จึงให้ทดลองแปลนวนิยายจีนกำลังภายในไปให้ดูก่อน 1 เรื่อง ปรากฏว่า คุณเวช กระตุฤกษ์ไม่ชอบสำนวนแปลที่แตกต่างไปจากของคุณจำลอง พิศนาคะ ซึ่งเดินตามแนวภาษาหนังสือสามก๊ก แต่คุณชลิต พรหมดำรงได้สนับสนุนให้พิมพ์เป็นเล่มปกอ่อนออกมาขายเพื่อหยั่งความนิยม
 
             นิยายเรื่องแรกของชิน บำรุงพงศ์ คือเรื่อง กระบี่ล้างแค้น ใช้นามปากกาว่า ว.ณ เมืองลุง โดยมีที่มาจากย่อชื่อของ วิไล ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารักเมื่ออยู่ที่พัทลุง ปรากฏว่าขายดีจนเล่มที่สองต้องพิมพ์สองครั้งในวันเดียวกัน และเนื่องจากกระบี่ล้างแค้น มีความยาวถึง 100 เล่ม นับได้ว่า ว.ณ เมืองลุง ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ต้น จึงได้แปลนิยายจีนกำลังภายในเป็นอาชีพเพียงอย่างเดียว ระยะแรกมอบให้สำนักพิมพ์เพลินจิตต์พิมพ์จำหน่ายทั้งหมด กระทั่งสำนักพิมพ์เพลินจิตต์หยุดกิจการ จึงมอบหมายให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นดำเนินการพิมพ์เรื่อยมา นอกจากนี้ชิน บำรุงพงศ์ยังมีผลงานในหน้าหนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์ ไทยรัฐ และเดลินิวส์ในบางช่วงด้วย

             เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป ภคินีผู้เป็นบุตรสาวเล่าว่า " มีเพียงเล่มแรกคือกระบี่ล้างแค้นเท่านั้น ที่แปลเหมือนคนอื่นๆ คือเขียนและพิมพ์ แต่ท่านทำแล้วปวดแขนเป็นอย่างมาก จึงได้รับการแนะนำให้แปลใส่เทป ด้วยว่าท่านสามารถกางหนังสือจีนแล้วแปลได้ทันที "
                   
             “แต่ไล่ไปช้าๆ นะคะ คุณพ่อท่านจะอ่านจากต้นฉบับแล้วพูดใส่เทปช้าๆ เพื่อให้คนพิมพ์เขาถอดคำพูดออกมาได้ง่ายๆ และไม่อนุญาตให้แก้ไขสิ่งที่ท่านพูด ฟังเทปได้ยินอย่างไรก็ให้พิมพ์ออกมาอย่างนั้น เมื่อส่งกลับมาให้ท่านตรวจทาน ท่านจะแก้ไขด้วยตนเอง ...หลายคนคงคิดว่าคุณพ่อทำงานสบาย แต่บ่อยครั้งที่เราเห็นท่านนิ้วโป่งพองและแตก เพราะต้องคอยกดเทปไว้ มันไม่เหมือนเทปสมัยนี้ แล้วกว่าจะแปลจบแต่ละเรื่อง นิ้วท่านระบมไปหมด” ภคินีกล่าว

              “เนื่องจาก ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป โดยนำหนังสือต้นฉบับภาษาจีนมากาง แล้วพูดเป็นภาษาไทยอัดเทปส่งให้คนถอดเสียง ทำให้สามารถผลิตงานแปลได้ประมาณวันละ 30 - 40 หน้ากระดาษพิมพ์ ซึ่งเท่ากับหนังสือขนาดปกอ่อน 1 เล่ม นับจากเรื่องแรก คือ เรื่อง กระบี่ล้างแค้น ที่แปลเมื่อ พ.ศ. 2506 จนมาถึงประมาณ ปี พ.ศ. 2531 ว.ณ เมืองลุง จึงยุติการแปลนิยายจีนกำลังภายใน เพราะเห็นว่า อายุมากแล้ว ท่านใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น ไม่ชอบออกงาน ไม่ชอบเป็นข่าว และนั่นนำมาซึ่งการจากไปอย่างเงียบสงบในวัย 77 ปี สมความตั้งใจ เป็นเหตุให้วงวรรณกรรมทราบข่าวการจากไปของท่านช้ามาก

               ว. ณ เมืองลุง ลาล่วงจากบรรณพิภพไปอย่างเงียบๆ เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2547 ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมอายุได้ 77 ปี หลายคนกล่าวด้วยน้ำตาคลอๆ ว่า “เงียบเกินไป” หากแต่จะทำอย่างไรได้ ด้วยว่านั่นเป็นวัตถุประสงค์ของชิน บำรุงพงศ์ ผู้ที่เป็นหนอนวรรณกรรมกำลังภายในซึ่งแปลเป็นไทยด้วยสำนวนวิจิตร รู้จักในชื่อ ว. ณ เมืองลุง

อ้างอิง : เว็บไซต์ “ยุทธจักรนิยาย” โดย ขลุ่ยผุไร้สำเนียง     


(http://pics.manager.co.th/Images/551000002009001.JPEG)

      กระแส “เฉินกว้านซี” ชักจะลามทุ่งไปกันใหญ่แล้ว ไม่เพียงแค่เป็นปรากฏการณ์เขย่าสังคม สร้างความระส่ำไปทั่วโลกไซเบอร์ ล่าสุดสื่อจีนรายงานว่ามีนักธุรกิจแซ่ “หลี่” รายหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งของจีน ได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสินค้าเกี่ยวกับเซ็กซ์ยี่ห้อ “อาเจียว” “กว้านซี” แล้ว
       
       คุณหลี่ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่ามีคนถือโอกาสไร้ท์ภาพหลุดดาราฮ่องกงที่กำลังเป็นข่าวคึกโครมขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม ก็เลยคิดวิธีที่จะหาเงินอย่างถูกกฎหมายขึ้นบ้าง นั่นก็คือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ก็เลยคิดถึงยี่ห้อ “กว้านซี” “อาเจียว” และกำลังพิจารณาที่จะขอจดทะเบียนคำว่า “โง่มาก” ซึ่งเป็นวลีเด็ดของอาเจียวเมื่อวันที่ออกมาแถลงข่าวยอมรับกลายๆ เกี่ยวกับรูปฉาวดังกล่าวว่าในอดีตนั้น เธอ “ไม่ประสีประสา” และ “โง่มาก”
       
       ส่วนประเด็นที่ว่าหลังจากจดทะเบียนสำเร็จแล้ว จะนำไปใช้อย่างไรนั้น คุณหลี่คิดไว้แล้วว่าจะใช้ชื่อที่จดทะเบียนนี้เป็นชื่อยี่ห้อสินค้าเกี่ยวกับเซ็กซ์ อย่างไรก็ตาม การขอจดทะเบียนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ก็อยู่เหนือความสามารถของคุณหลี่ซะแล้ว
       
       ทั้งนี้ กรณีที่มีพ่อค้าหัวหมอนำชื่อดาราฮ่องกงไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเคยมีมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการใช้อักษรพ้องเสียงแทน อาทิ น้ำยาลบคำผิดยี่ห้อ “หลิวเต๋อหัว” หรือยาแก้ท้องเสีย “เซี่ยถิงฟง” ส่วนการจดทะเบียนยี่ห้อ “กว้านซี” และ “อาเจียว” นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีใครขอจดทะเบียนชื่อนี้มาก่อน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการอนุมัติ


 :slime_doubt:

ถ้ามันมาบ้านเรา มันคงได้หลายคำไปทำแบรนด์การค้า



เอิ๊กๆ คุณวันเฉลิมครับ  อ้าวทำไมมาโพส์ตกระทู้นี้หล่ะครับ

ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับ  กระทู้ของคุณเม่ยเลยนะครับ   สงสัยว่า

คงหาที่จะโพส์ตไม่ได้  อิอิ  ผมแกล้งแซวคุณเล่นนะครับ

คิดดูอีกที่  ก็เหมือนคุณต่อเติมกระทู้นี่  ให้มีสีสันต่างออกไป

จากที่  จขกท เขาตั้งไว้  ขอบคุณคุณ วันเฉลิมครับ
   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


 



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 15-02-2008, 22:20
ว. ณ เมืองลุง  

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8c800174.jpg)

             ว. ณ เมืองลุง คาดว่าคงไม่มีใครที่อ่านนิยายจีนกำลังภายในแล้ว ไม่รู้จักนามปากกานี้ เพราะนามปากกานี้ยืนยงคงคู่มา กับ น. นพรัตน์ ในวงการนิยายจีนกำลังภายในมาจวบจนปัจจุบัน

             ว. ณ เมืองลุง เป็นนามปากกาของ ชิน บำรุงพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2472 ที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เริ่มเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนจีน จังหวัดพิษณุโลก มีโอกาสได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาจีน ภายหลังประมาณ พ.ศ. 2494 สอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) เมื่อกระทรวงศึกษาธิการเปิดสอบวิชาครู

             เคยเข้าไปทำงานที่ร้านค้าแถวห้าแยกพลับพลาไชย กรุงเทพ ฯ แต่ทำอยู่ได้ไม่นานเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนา จังหวัดพิษณุโลก เมื่อสอบได้ประกาศนียบัตรครู (ป.) ได้ไปสอนหนังสือที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 1 ปี แล้วย้ายไปสอนที่โรงเรียนอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อีก 1 ปี จากนั้นไปสอนที่โรงเรียนศึกษาวัฒนา สามย่าน กรุงเทพ ฯ จนประมาณ พ.ศ. 2504 ลาออกมาทำงานเสมียนโรงไม้ที่จังหวัดพัทลุง และเริ่มแปลนวนิยายจีนกำลังภายในเมื่อ พ.ศ. 2506 จนยึดเป็นอาชีพเรื่อยมา   

             เนื่องจากชิน บำรุงพงศ์เป็นผู้มีความรู้ภาษาจีนดี ชอบอ่านเรื่องจีน ทั้งฉบับภาษาไทย และฉบับภาษาจีนอยู่เป็นประจำ เมื่อไปเป็นเสมียนโรงไม้ที่พัทลุง ไม่มีหนังสือจีนให้เลือกอ่านเหมือนที่อยู่ในกรุงเทพ ฯ แต่ได้เห็นหนังสือเรื่อง มังกรหยก ฉบับภาษาไทยที่ จำลอง พิศนาคะ เป็นผู้แปล และมีผู้อ่านสนใจติดตามกันมาก จึงเกิดความคิดที่จะแปลเรื่องจีนออกมาเป็นภาษาไทยบ้าง เมื่อได้มีโอกาสเข้ากรุงเทพ ฯ จึงไปพบกับคุณเวช กระตุฤกษ์ เจ้าของสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ เพื่อยื่นข้อเสนอให้พิจารณา ตอนนั้น คุณชลิต พรหมดำรงบรรณาธิการสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ให้ทดลองแปลข้อความจากหนังสือพิมพ์ และได้ให้คนจีนตรวจสองเห็นว่าถูกต้อง จึงให้ทดลองแปลนวนิยายจีนกำลังภายในไปให้ดูก่อน 1 เรื่อง ปรากฏว่า คุณเวช กระตุฤกษ์ไม่ชอบสำนวนแปลที่แตกต่างไปจากของคุณจำลอง พิศนาคะ ซึ่งเดินตามแนวภาษาหนังสือสามก๊ก แต่คุณชลิต พรหมดำรงได้สนับสนุนให้พิมพ์เป็นเล่มปกอ่อนออกมาขายเพื่อหยั่งความนิยม
 
             นิยายเรื่องแรกของชิน บำรุงพงศ์ คือเรื่อง กระบี่ล้างแค้น ใช้นามปากกาว่า ว.ณ เมืองลุง โดยมีที่มาจากย่อชื่อของ วิไล ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารักเมื่ออยู่ที่พัทลุง ปรากฏว่าขายดีจนเล่มที่สองต้องพิมพ์สองครั้งในวันเดียวกัน และเนื่องจากกระบี่ล้างแค้น มีความยาวถึง 100 เล่ม นับได้ว่า ว.ณ เมืองลุง ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ต้น จึงได้แปลนิยายจีนกำลังภายในเป็นอาชีพเพียงอย่างเดียว ระยะแรกมอบให้สำนักพิมพ์เพลินจิตต์พิมพ์จำหน่ายทั้งหมด กระทั่งสำนักพิมพ์เพลินจิตต์หยุดกิจการ จึงมอบหมายให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นดำเนินการพิมพ์เรื่อยมา นอกจากนี้ชิน บำรุงพงศ์ยังมีผลงานในหน้าหนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์ ไทยรัฐ และเดลินิวส์ในบางช่วงด้วย

             เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป ภคินีผู้เป็นบุตรสาวเล่าว่า " มีเพียงเล่มแรกคือกระบี่ล้างแค้นเท่านั้น ที่แปลเหมือนคนอื่นๆ คือเขียนและพิมพ์ แต่ท่านทำแล้วปวดแขนเป็นอย่างมาก จึงได้รับการแนะนำให้แปลใส่เทป ด้วยว่าท่านสามารถกางหนังสือจีนแล้วแปลได้ทันที "
                   
             “แต่ไล่ไปช้าๆ นะคะ คุณพ่อท่านจะอ่านจากต้นฉบับแล้วพูดใส่เทปช้าๆ เพื่อให้คนพิมพ์เขาถอดคำพูดออกมาได้ง่ายๆ และไม่อนุญาตให้แก้ไขสิ่งที่ท่านพูด ฟังเทปได้ยินอย่างไรก็ให้พิมพ์ออกมาอย่างนั้น เมื่อส่งกลับมาให้ท่านตรวจทาน ท่านจะแก้ไขด้วยตนเอง ...หลายคนคงคิดว่าคุณพ่อทำงานสบาย แต่บ่อยครั้งที่เราเห็นท่านนิ้วโป่งพองและแตก เพราะต้องคอยกดเทปไว้ มันไม่เหมือนเทปสมัยนี้ แล้วกว่าจะแปลจบแต่ละเรื่อง นิ้วท่านระบมไปหมด” ภคินีกล่าว

              “เนื่องจาก ว. ณ เมืองลุงแปลหนังสือด้วยวิธีพูดบันทึกลงเทป โดยนำหนังสือต้นฉบับภาษาจีนมากาง แล้วพูดเป็นภาษาไทยอัดเทปส่งให้คนถอดเสียง ทำให้สามารถผลิตงานแปลได้ประมาณวันละ 30 - 40 หน้ากระดาษพิมพ์ ซึ่งเท่ากับหนังสือขนาดปกอ่อน 1 เล่ม นับจากเรื่องแรก คือ เรื่อง กระบี่ล้างแค้น ที่แปลเมื่อ พ.ศ. 2506 จนมาถึงประมาณ ปี พ.ศ. 2531 ว.ณ เมืองลุง จึงยุติการแปลนิยายจีนกำลังภายใน เพราะเห็นว่า อายุมากแล้ว ท่านใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น ไม่ชอบออกงาน ไม่ชอบเป็นข่าว และนั่นนำมาซึ่งการจากไปอย่างเงียบสงบในวัย 77 ปี สมความตั้งใจ เป็นเหตุให้วงวรรณกรรมทราบข่าวการจากไปของท่านช้ามาก

               ว. ณ เมืองลุง ลาล่วงจากบรรณพิภพไปอย่างเงียบๆ เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2547 ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมอายุได้ 77 ปี หลายคนกล่าวด้วยน้ำตาคลอๆ ว่า “เงียบเกินไป” หากแต่จะทำอย่างไรได้ ด้วยว่านั่นเป็นวัตถุประสงค์ของชิน บำรุงพงศ์ ผู้ที่เป็นหนอนวรรณกรรมกำลังภายในซึ่งแปลเป็นไทยด้วยสำนวนวิจิตร รู้จักในชื่อ ว. ณ เมืองลุง

อ้างอิง : เว็บไซต์ “ยุทธจักรนิยาย” โดย ขลุ่ยผุไร้สำเนียง     


(http://pics.manager.co.th/Images/551000002009001.JPEG)

      กระแส “เฉินกว้านซี” ชักจะลามทุ่งไปกันใหญ่แล้ว ไม่เพียงแค่เป็นปรากฏการณ์เขย่าสังคม สร้างความระส่ำไปทั่วโลกไซเบอร์ ล่าสุดสื่อจีนรายงานว่ามีนักธุรกิจแซ่ “หลี่” รายหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งของจีน ได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสินค้าเกี่ยวกับเซ็กซ์ยี่ห้อ “อาเจียว” “กว้านซี” แล้ว
       
       คุณหลี่ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่ามีคนถือโอกาสไร้ท์ภาพหลุดดาราฮ่องกงที่กำลังเป็นข่าวคึกโครมขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม ก็เลยคิดวิธีที่จะหาเงินอย่างถูกกฎหมายขึ้นบ้าง นั่นก็คือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ก็เลยคิดถึงยี่ห้อ “กว้านซี” “อาเจียว” และกำลังพิจารณาที่จะขอจดทะเบียนคำว่า “โง่มาก” ซึ่งเป็นวลีเด็ดของอาเจียวเมื่อวันที่ออกมาแถลงข่าวยอมรับกลายๆ เกี่ยวกับรูปฉาวดังกล่าวว่าในอดีตนั้น เธอ “ไม่ประสีประสา” และ “โง่มาก”
       
       ส่วนประเด็นที่ว่าหลังจากจดทะเบียนสำเร็จแล้ว จะนำไปใช้อย่างไรนั้น คุณหลี่คิดไว้แล้วว่าจะใช้ชื่อที่จดทะเบียนนี้เป็นชื่อยี่ห้อสินค้าเกี่ยวกับเซ็กซ์ อย่างไรก็ตาม การขอจดทะเบียนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ก็อยู่เหนือความสามารถของคุณหลี่ซะแล้ว
       
       ทั้งนี้ กรณีที่มีพ่อค้าหัวหมอนำชื่อดาราฮ่องกงไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเคยมีมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการใช้อักษรพ้องเสียงแทน อาทิ น้ำยาลบคำผิดยี่ห้อ “หลิวเต๋อหัว” หรือยาแก้ท้องเสีย “เซี่ยถิงฟง” ส่วนการจดทะเบียนยี่ห้อ “กว้านซี” และ “อาเจียว” นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีใครขอจดทะเบียนชื่อนี้มาก่อน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการอนุมัติ


 :slime_doubt:

ถ้ามันมาบ้านเรา มันคงได้หลายคำไปทำแบรนด์การค้า



เอิ๊กๆ คุณวันเฉลิมครับ  อ้าวทำไมมาโพส์ตกระทู้นี้หล่ะครับ

ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับ  กระทู้ของคุณเม่ยเลยนะครับ   สงสัยว่า

คงหาที่จะโพส์ตไม่ได้  อิอิ  ผมแกล้งแซวคุณเล่นนะครับ

คิดดูอีกที่  ก็เหมือนคุณต่อเติมกระทู้นี่  ให้มีสีสันต่างออกไป

จากที่  จขกท เขาตั้งไว้  ขอบคุณคุณ วันเฉลิมครับ
  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


 



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 16-02-2008, 08:24
 :slime_doubt:

พูดจีนไม่ได้กับเขา
แต่เห็นข่าวจีนๆหน่อย เลยอยากเล่นด้วยมั่ง

เล่นด้วยคนสิ  :slime_doubt: :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-02-2008, 12:55
:slime_doubt:

พูดจีนไม่ได้กับเขา
แต่เห็นข่าวจีนๆหน่อย เลยอยากเล่นด้วยมั่ง

เล่นด้วยคนสิ  :slime_doubt: :slime_hmm:


โอ๋ ๆ ๆ  เสียะ ๆ ๆ (คำปลอบใจด้วยความเอ็นดู) -- โบ่ยจ๊อนี้ บ่อเซียงกัง ฮัวเง้ง ฮ้วเง้ง (มิเป็นไร หามิได้ ยินดี ยินดี)  :slime_smile:

หลายปีมานี้ พี่ไม่ค่อยได้อ่านข่าววงการบันเทิงฮ่องกง พอเกิดเรื่องคลิปวีดิโอฉาวไปทั่วโลก ต้องไปถามน้องคนนึงว่า หนุ่มเฉินนี่คือใคร เล่นหนังเรื่องไหนหรือ พอได้ยินว่าเรื่อง "Internal Affairs" ก็ค่อยอ๋อ

รูปหนุ่มเอดิสันที่แปะข้างบน จัดว่าเป็นตี๋หล่อหน้าหยกคนนึงเชียว แต่ตอนนี้รับบทขุนแผนฮ่องกง (จำเป็น) ไปแล้วมั้งคะ   :mrgreen: :mozilla_cry: :mrgreen:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 16-02-2008, 18:45
:slime_doubt:

พูดจีนไม่ได้กับเขา
แต่เห็นข่าวจีนๆหน่อย เลยอยากเล่นด้วยมั่ง

เล่นด้วยคนสิ  :slime_doubt: :slime_hmm:

โอ๋ ๆ ๆ  เสียะ ๆ ๆ (คำปลอบใจด้วยความเอ็นดู) -- โบ่ยจ๊อนี้ บ่อเซียงกัง ฮัวเง้ง ฮ้วเง้ง (มิเป็นไร หามิได้ ยินดี ยินดี)  :slime_smile:

หลายปีมานี้ พี่ไม่ค่อยได้อ่านข่าววงการบันเทิงฮ่องกง พอเกิดเรื่องคลิปวีดิโอฉาวไปทั่วโลก ต้องไปถามน้องคนนึงว่า หนุ่มเฉินนี่คือใคร เล่นหนังเรื่องไหนหรือ พอได้ยินว่าเรื่อง "Internal Affairs" ก็ค่อยอ๋อ

รูปหนุ่มเอดิสันที่แปะข้างบน จัดว่าเป็นตี๋หล่อหน้าหยกคนนึงเชียว แต่ตอนนี้รับบทขุนแผนฮ่องกง (จำเป็น) ไปแล้วมั้งคะ   :mrgreen: :mozilla_cry: :mrgreen:






อิอิ คุณวันเฉลิม ยินดีครับ  บอกแล้วไง  ว่าแซวเล่น

ว่าแต่คุณมีรูปเด็ดกว่านี้ไหมครับ ? ขอทางหลังไมด์ด้วยสิ
   :slime_inlove: :slime_inlove:




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 17-02-2008, 12:58
ขอบคุณท่านเล่าปี๋ก๊าบบ  :slime_worship:

และแล้ว เพิ่งจะเห็นคลิปเพลง "ซี่ฟ่ง" ของหนูน้อยจัวอีถิงค่ะ หลังจากที่ความจำเลอะเลือนเคยตอบไปก่อนหน้านี้ว่าไม่มีเพลงนี้ ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=fPgTDgDL3xY&feature=related


(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/397c4907.jpg)


ลำดับต่อไป จะขอโพสต์บางส่วนบางตอนว่าด้วยเรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" ก่อนนะคะ ส่วน "กระบี่เย้ยยุทธจักร" นั้น ขอเลื่อนลอนช์ออกไปสักน่อยก่อนค่ะ

และค้นเจอบทสัมภาษณ์ "จำลอง พิศนาคะ" แล้วนะคะ ไว้จะนำมาโพสต์ต่อไปค่ะ




หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::--::-- ฤทธิ์มีดสั้น โดย ว. ณ เมืองลุง --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 17-02-2008, 15:40
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/d5bc186d.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 17-02-2008, 22:34

  ขอขอบคุณคุณเม่ยครับ  ที่นำเพลง"ซี่ฟ่ง" ในเรื่อง จอมใจจักรพรรดิ์

มาให้ฟังและชมครับ   แต่ผมว่าไพเราะเพราะสู้  คนเดิมขับร้องไม่ได้ครับ

อีกอย่าง  เพลงนี้เป็นเพลงร้องโต้ตอบ กันระหว่างนางเอกกับจักรพรรดิ์

แล้วก็มีเสียงของ ต้าหนิวเกอ  ร้องสอดแทรกอีกด้วย  จึงดูๆว่าด้อยกว่า

ผู้ขับร้องโดย  คนเดิมครับ
  :slime_smile:

    อนึ่งเพลงนี้ผมเคยได้ฟัง  นักร้องคนหนึ่ง  แต่ไม่ทราบว่าชื่ออะไร

แกร้องดัดเสียงเป็นทั้งเสียง  หญิงและชาย  ไพเราะมากๆเลยครับ

ผมฟังแกร้องมาหลายปีแล้วครับ   ที่จังหวัดนครสวรรค์และยังฝังความติดใจมาจนทุกวันนี้ครับ
   :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 17-02-2008, 23:37

  ขอขอบคุณคุณเม่ยครับ  ที่นำเพลง"ซี่ฟ่ง" ในเรื่อง จอมใจจักรพรรดิ์

มาให้ฟังและชมครับ   แต่ผมว่าไพเราะเพราะสู้  คนเดิมขับร้องไม่ได้ครับ

อีกอย่าง  เพลงนี้เป็นเพลงร้องโต้ตอบ กันระหว่างนางเอกกับจักรพรรดิ์

แล้วก็มีเสียงของ ต้าหนิงเกอ  ร้องสอดแทรกอีกด้วย  จึงดูๆว่าด้อยกว่า

ผู้ขับร้องโดย  คนเดิมครับ
  :slime_smile:

    อนึ่งเพลงนี้ผมเคยได้ฟัง  นักร้องคนหนึ่ง  แต่ไม่ทราบว่าชื่ออะไร

แกร้องดัดเสียงเป็นทั้งเสียง  หญิงและชาย  ไพเราะมากๆเลยครับ

ผมฟังแกร้องมาหลายปีแล้วครับ   ที่จังหวัดนครสวรรค์และยังฝังความติดใจมาจนทุกวันนี้ครับ
   :slime_agreed:


ค่ะ หนูจัวอีถิงแกร้องสไตล์เด็กอายุประมาณ ๑๐ ขวบน่ะค่ะ  :slime_v:

แล้วนักร้องที่นครสวรรค์ที่ว่า เอาไว้จะลองถามญาติ ๆ ดูค่ะว่า คือใคร จะได้ตามไปฟังบ้างค่ะ  :slime_smile:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 18-02-2008, 19:28
ค่ะ หนูจัวอีถิงแกร้องสไตล์เด็กอายุประมาณ ๑๐ ขวบน่ะค่ะ  :slime_v:

แล้วนักร้องที่นครสวรรค์ที่ว่า เอาไว้จะลองถามญาติ ๆ ดูค่ะว่า คือใคร จะได้ตามไปฟังบ้างค่ะ  :slime_smile:





คุณเม่ยครับ  มาถึงขณะนี้ ผมคิดว่าหาตัวนักร้องคนที่

ผมกล่าวถึงไม่เจอ  อดีตตั้งนานเป็นหลายๆปีแล้วครับ
   :slime_smile: :slime_smile:







หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 18-02-2008, 20:34


คุณเม่ยครับ  มาถึงขณะนี้ ผมคิดว่าหาตัวนักร้องคนที่

ผมกล่าวถึงไม่เจอ  อดีตตั้งนานเป็นหลายๆปีแล้วครับ
   :slime_smile: :slime_smile:







ขอบคุณท่านเล่าปี๋อีกครั้งหนึ่งค่ะ

ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวจะลองหาต้นฉบับ original sound track จากยูทิวบ์ฟัง ก็น่าจะพอหาได้นะคะ สมัยเด็ก ๆ ที่บ้านมีค่ะ เปิดฟังประจำ ตั้งแต่เครื่องเล่นเทปยังเป็นรุ่นเก่ามีสองม้วน ม้วนใหญ่ กับม้วนเล็ก  :mrgreen: :D :mrgreen:

ปล. เพิ่งเจอเพลง "เหลียงซานป๋อกับจู้อิงไถ" ตั้งแต่สมัยหลินปอ กับเล่อตี้ แสดงในยูทิวบ์ด้วยค่ะ  :slime_smile:





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ฤทธิ์มีดสั้น โดย ว. ณ เมืองลุง --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 19-02-2008, 07:07
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/d5bc186d.jpg)


          ลี้คิมฮวงถอนหายใจยาว ๆ ควานกระปุกสุราออกจากมุมตัวรถ ตอนดื่มไปอึกใหญ่นั้น ก็ได้ไออย่างรุนแรงขึ้นมาด้วย ไอโดยไม่หยุดยั้ง จนใบหน้าที่ซีดขาว ปรากฏสีแดงระเรื่อของอาการป่วย คล้ายดั่งเป็นอัคคีออเวจี กำลังเผาผลาญเลือดเนื้อและวิญญาณของลี้คิมฮวงอยู่ก็ปาน

          กระปุกสุราว่างเปล่าแล้ว ลี้คิมฮวงจึงหยิบมีดสั้นเล่มน้อยขึ้นมา เริ่มแกะสลักจากรูปท่อนไม้ในมือ มีดสั้นนี้ทั้งบางและแหลมคม ส่วนนิ้วทั้งเรียวยาวทั้งมีพลัง

          นั่นเป็นรูปของสตรีนางหนึ่ง ภายใต้ฝีมือที่คล่องแคล่วเจนจัด เค้าของรูปได้เริ่มปรากฏมาจนแจ่มชัด เป็นรูปที่อ่อนช้อยและสวยงาม ดูไปคล้ายมีชีวิตก็ปาน

          ลี้คิมฮวงมิเพียงให้เค้าที่สวยซึ้งตรึงใจแก่นางเท่านั้น ยังได้ให้ชีวิตและวิญญาณแก่นางด้วย เนื่องเพราะชีวิตและวิญญาณของลี้คิมฮวง ได้หลั่งไหลตามคมมีดออกไปโดยไม่รู้ตัว และก็ไม่สงบเยือกเย็นอีกแล้ว ที่หางตามีรอยตาขึ้นหลายเส้นสาย แต่ละเส้นบ่งบอกถึงชีวิตที่มีแต่ความระทมตรอมตรม และเคราะห์ที่ไม่สุดสิ้น... มีแต่ดวงตาเท่านั้น ที่ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์

          นับเป็นดวงตาพิสดารอย่างยิ่ง คล้ายดั่งเป็นสีเขียวสดใส ดุจดั่งลมชุนเทียนที่ลูบไล้กิ่งหลิว นุ่มนวลเป็นประกาย เฉกเช่นกับผิวน้ำทะเลในแสงแดดของอาทิตย์ฤดูร้อน เปี่ยมพลังกระปรี้กระเปร่าจนผู้คนต้องรู้สึกคึกคักไปด้วย

          อาจบางทีเนื่องเพราะนัยน์ตาคู่นี้ จึงดลบันดาลให้ลี้คิมฮวงมีชีวิตจนถึงบัดนี้

          .......  

ตี้หลุง 狄龍

รับบท ลี้คิมฮวง ในภาพยนตร์จอเงินของชอว์ บราเดอร์

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/00060_1.jpg)




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 19-02-2008, 18:52
ขอบคุณท่านเล่าปี๋อีกครั้งหนึ่งค่ะ

ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวจะลองหาต้นฉบับ original sound track จากยูทิวบ์ฟัง ก็น่าจะพอหาได้นะคะ สมัยเด็ก ๆ ที่บ้านมีค่ะ เปิดฟังประจำ ตั้งแต่เครื่องเล่นเทปยังเป็นรุ่นเก่ามีสองม้วน ม้วนใหญ่ กับม้วนเล็ก  :mrgreen: :D :mrgreen:

ปล. เพิ่งเจอเพลง "เหลียงซานป๋อกับจู้อิงไถ" ตั้งแต่สมัยหลินปอ กับเล่อตี้ แสดงในยูทิวบ์ด้วยค่ะ  :slime_smile:







ไม่เป็นไรครับ  แงๆๆๆเน็ตผมไม่ดีอ่ะ  ฟังเพลงในยูทิวบ์ไม่ปะติดปะต่อครับ :slime_hmm:



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ฤทธิ์มีดสั้น โดย ว. ณ เมืองลุง --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 23-02-2008, 12:02
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-10.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/3-5.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 24-02-2008, 21:21


  ขอขอบคุณคุณเม่ยครับที่นำคารมอันแหลมคม

 ของท่าน โก้วเล้งมาลง  ให้ได้อ่านกันครับ

  แต่ผมมีความเห็นว่า  คุณเม่ยน่าจะ  นำมาพิมพ์

 ใหม่มากกว่าครับ  เพราะว่าที่คุณเม่ยก๊อปมานั้น

 มันล้นจอคอม  เลยต้องอ่านสักสองบรรทัด  แล้วมา

 เลื่อนข้างล่าง  เพื่อที่จะอ่านต่อสองบันทัดแรก

 แล้วก็ต้องเลื่อนมาข้างหน้า  เพือที่จะอ่านบรรทัดที่

 สามและสี่  ถ้าคุณเม่ยลงคำคมยาวๆ  การอ่านจะไม่

 สดวก  ทำให้เสียอรรถรส  ที่เราควรจะได้ครับ

 อัน คคห.นี้เป็นผมคิดนะ ถ้าคุณเม่ยไม่สดวกหรือว่า

 แฟนคลับคุณเม่ย  อ่านแล้วมีความเห็น กับผมคนละ

 อย่างก็ ต้องขอโทษทุกๆท่านด้วย  ขอขอบคุณครับ









หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::--::-- ว.ณ เมืองลุง ผู้สร้างสำนวนนิยายกำลังภายใน --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-03-2008, 20:14

  ขอขอบคุณคุณเม่ยครับที่นำคารมอันแหลมคม

 ของท่าน โก้วเล้งมาลง  ให้ได้อ่านกันครับ

  แต่ผมมีความเห็นว่า  คุณเม่ยน่าจะ  นำมาพิมพ์

 ใหม่มากกว่าครับ  เพราะว่าที่คุณเม่ยก๊อปมานั้น

 มันล้นจอคอม  เลยต้องอ่านสักสองบรรทัด  แล้วมา

 เลื่อนข้างล่าง  เพื่อที่จะอ่านต่อสองบันทัดแรก

 แล้วก็ต้องเลื่อนมาข้างหน้า  เพือที่จะอ่านบรรทัดที่

 สามและสี่  ถ้าคุณเม่ยลงคำคมยาวๆ  การอ่านจะไม่

 สดวก  ทำให้เสียอรรถรส  ที่เราควรจะได้ครับ

 อัน คคห.นี้เป็นผมคิดนะ ถ้าคุณเม่ยไม่สดวกหรือว่า

 แฟนคลับคุณเม่ย  อ่านแล้วมีความเห็น กับผมคนละ

 อย่างก็ ต้องขอโทษทุกๆท่านด้วย  ขอขอบคุณครับ




ขอบพระคุณท่านเล่าปี๋สำหรับข้อเสนอแนะค่ะ ยินดีน้อมรับทุกความเห็นค่ะ :slime_worship:

จริง ๆ แล้วก็คือทำในโปรแกรมพาวเวอร์พอยท์เพื่อใส่รูปประกอบ แล้วแปลงไฟล์มาโพสต์น่ะค่ะ  :D

ค่ะ จะปรับปรุงใหม่นะคะ ทั้งนี้ เพื่อความบันเทิงค่ะ  :slime_smile:







หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::--::-- เพลงไตเติ้ล ฤทธิ์มีดสั้น --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 14-03-2008, 20:38
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/shiaolee9.jpg)

http://youtube.com/watch?v=icSbs8uPK9M&feature=related

难得一身好本领
情关始终冲不破
冲不破
柔情蜜意
乱挥刀剑无结果

流水涛涛斩不断
情丝百结冲不破
刀锋冷
热情未冷
心底更是难过

无情刀永不知错
无缘分只叹奈何
面对死不会惊怕
离别心底凄楚

人生几许失意
何必偏偏选中我
挥刀剑断盟约
相识注定成大错



เพลงไทยของฤทธิ์มีดสั้น


ยอดฝีมือระบือฤทธิ์มีดสั้น

สิ้นฤทธิ์พลันเพราะรักรานระทม

ฤทธิ์มีดสั้นเคยเร็วปานลม

มาหมองตรมเอื่อย ๆ เฉื่อยชา

โอ้รักแสนหวานกลายขมขื่น

สุดฝืนเพราะรักนั้นทรมาน

ครั้นจะตัดรักยากหนักหนา

สายธาราจะตัดอย่างไรกัน

เครดิต http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=fongkath&date=13-04-2007&group=1&gblog=17


หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::--::-- ฤทธิ์มีดสั้น --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 15-03-2008, 05:20
จินตนาการด้านความรักใน “ฤทธิ์มีดสั้น” ซาบซึ้งตรึงตรา เปี่ยมเสน่ห์อันพิเศษพิสดาร กอปรด้วยความปีติหฤหรรษ์และโศกศัลย์รันทด

ลี้คิมฮวง             มีรักที่ว้าเหว่เงียบเหงาที่สุด
อาฮุย                 มีรักที่สัตย์ซื่อบริสุทธิ์ที่สุด
เซี่ยงกัวกิมฮ้ง    ชืดชาต่อความรักที่สุด
ลิ่มซีอิม              มีรักที่หม่นหมองรันทดที่สุด
ลิ่มเซียนยี้          มีรักที่ฟุ่มเฟือยที่สุด
เล้งโซ่วฮุ้น         มีรักที่คับแค้นที่สุด
ซุนเซี่ยวอั๊ง         มีรักที่กล้าหาญที่สุด

ใน “ฤทธิ์มีดสั้น” โก้วเล้งเขียนถึงความรักของ “สามสตรีสามประเภท”

ลิ่มซีอิม ผ่านความเจ็บช้ำรันทด ความรักระหว่างนางกับลี้คิมฮวงเพาะขึ้นอย่างเชื่องช้า ลึกซึ้งไปตามกาลเวลา

ความรักระหว่างซุนเซี่ยวอั๊งกับลี้คิมฮวง แม้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น แต่ได้ผ่านอุปสรรคทุกข์ลำเค็ญ ลิ่มซีอิมมักอดกลั้น นางมีความเห็น ความดีงามที่สำคัญที่สุดของสตรีคือ “อดกลั้น” แต่ซุนเซี่ยวอั๊งกลับผิดกัน นางต่อต้านประท้วง นางหนักแน่น แจ่มใส มีความกล้าหาญ เชื่อมั่นตัวเอง นางกล้ารักกล้าแค้น ลี้คิมฮวงล้มเหลวมาครึ่งชีวิต จิตใจและร่างกายอ่อนล้าทรุดโทรม นับว่าสมควรมีสตรีเยี่ยงนางจึงสามารถปลอบประโลมได้ ไม่เช่นนั้น แม้ไม่มีผู้ใดจู่โจมลี้คิมฮวงล้มลง แต่ลี้คิมฮวงคงต้องจู่โจมตัวเองจนล้มลงไปอยู่นั่นเอง

ลิ่มเซียนยี้ ความจริงเป็นโฉมสะคราญอันดับหนึ่ง นางพอจะมีชีวิตด้วยความสุขสันต์ แต่ในตอนท้ายกระทั่งตายก็ยังไม่สามารถตายโดยดีได้ เทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ภายหลังกลับแปรเปลี่ยนคล้ายสุนัขในโคลนตม ผู้อื่นมีรักแท้ต่อนาง แต่นางกลับดูแคลน เห็นเป็นเรื่องโง่เขลา ซึ่งความจริงนางสมควรถนอมข้าวของที่สมควรถนอมของนางให้มากไว้ นางภายหลังได้คิด คนที่มีใจจริงต่อนางในโลกนี้ ที่แท้มิได้มากหลายดั่งที่นางคิดหมาย พฤติกรรมของนางสอดคล้องกับคำพูดประโยคหนึ่ง “รักแท้มิใช่ใช้วัยสาวกับความสวยก็ซื้อหามาได้”

โดย พาสนา แพรวพรรณ [ยุทธจักรมังกรโบราณ]


หัวข้อ: โลกของจอมยุทธ --::--::-- อาฮุย --::--::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-03-2008, 07:55
ใน “ฤทธิ์มีดสั้น” ยังเขียนถึงบุคคลแห่งโศกนาฏกรรมอีกผู้หนึ่ง ยิ่งสะท้านฟ้าสะเทือนดิน บุคคลผู้นี้มีพลังฝีมือสามารถกระทำแทบทุกสิ่งแต่ไม่มีปัญญาเปลี่ยนแปลงนาฏกรรมแห่งชีวิตตนเอง

เรื่องราวของ “อาฮุย” ในฤทธิ์มีดสั้นเป็นแบบฉบับของ “โศกนาฏกรรมแห่งรัก” ชนิดหนึ่ง

ในฉากเปิดตัวอาฮุย เขาเดินอยู่ท่ามกลางดินฟ้าอากาศที่หนาวเหน็บด้วยน้ำแข็ง ทั้งร่างสวมใส่เสื้อผ้าเบาบางเพียงชั้นเดียว แต่หลังยังคงยืดตรงดั่งปลายทวน เขาออกจากป่าเข้าสู่โลกียวิสัย คนแรกที่พบคือ ลี้คิมฮวง ลี้คิมฮวงกระตุ้นจิตใจเขา จนรู้สึกชีวิตมิใช่เจ็บปวดดั่งที่เคยคาดคิด มนุษยชาติก็ไม่อัปลักษณ์ดั่งที่คาดคิดไว้ อาฮุยได้พบเห็นคุณธรรมดีงามจากตัวลี้คิมฮวง เขาความจริงไม่ยอมเชื่อในโลกยังจะมีคุณธรรมความดีงามเหล่านี้หลงเหลืออยู่

ตลอดทั้งเรื่อง อาฮุยคล้ายจมอยู่ในห้วงทะเลรัก แต่เหตุที่เขางมงายในรักก็มิใช่ไม่มีเหตุผล ในใจเขามีอดีตที่ว้าเหว่เดียวดาย ชั่วชีวิตเขาไม่เคยได้สัมผัสความอบอุ่นเยี่ยงนี้ รสชาติที่วาบหวามรัญจวนเยี่ยงนี้

“ในโลกมีบุรุษหนุ่มมากหลายที่มิเพียงฉลาดปราดเปรื่องเท่านั้น ยังทระนงโอหังยิ่ง แต่กลับถูกสตรีหลอกลวงง่ายที่สุด ถูกสตรีกลั่นแกล้งได้ง่ายที่สุด”

ในตอนท้ายของเรื่อง ลิ่มเซียนยี้รับผลกรรมจากการกระทำของนางเอง แต่อาฮุยเล่า? อาฮุยแม้รักคนผิด แต่ตัว “ความรัก” กลับไม่ผิด ลิ่มเซียนยี้ทั้งไม่มีคุณค่าให้รัก ยิ่งไม่มีคุณค่าให้คิดคำนึง

อาศัยคำพูดประโยคนี้ “ความรักคล้ายเป็นม้าพยศไร้บังเหียน มิว่าผู้ใดก็ไม่อาจควบคุมบังคับ ผู้ใดก็อับจนปัญญา บางครั้งหวานชื่นดื่มด่ำ บางครั้งเจ็บปวดรวดร้าว และมีบางครั้งน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนกลับกลายเป็นโง่เขลาเบาปัญญาเท่านั้น ยังบันดาลให้กลับกลายเป็นตาบอดด้วย”

ในบรรดาชะตากรรมที่โก้วเล้งสร้างสรรค์ขึ้น อาฮุยเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจที่สุดผู้หนึ่ง  

โดย พาสนา แพรวพรรณ [ยุทธจักรมังกรโบราณ]


หัวข้อ: Re: โลกของจอมยุทธ ~~ ลี้คิมฮวง ~~
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 16-03-2008, 08:03
ใต้ปลายปากกาโกวเล้ง "ลี้คิมฮวง" เป็นตัวละครที่ประทับตรึงใจผู้อ่านยิ่ง

ความจริงแล้ว ลี้คิมฮวงมีทุกสิ่ง สมบัติพัสถาน ชื่อเสียงเกียรติภูมิ หญิงคนรักที่งามสะคราญ แต่ปัญหา "ความรัก" กับ "คุณธรรม" เพื่อผู้มีพระคุณที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิต ภายหลังต้องทอดทิ้งทุกสรรพสิ่ง พกพาความอ้างว้างร่อนเร่พเนจรไปถึงนอกกำแพงใหญ่ "ชีวิตคนความจริง เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ว่าผู้ใดล้วนอับจนปัญญา" ในชีวิตเขาเกลียดชังความเงียบเหงาทีสุด แต่กลับเป็นเพื่อนสนิทกับความเงียบเหงาอยู่เสมอมา

เพราะมรสุมชีวิตนี้ เป็นเหตุให้ลี้คิมฮวงปล่อยตัวปล่อยใจ ไม่วางท่าเคร่งขรึม ไม่สนใจว่าผู้อื่นรู้สึกต่อตัวเขาว่าอย่างไร มีคนหยามประณามเขาเป็นคนเสเพล ปีศาจสุรา เขากล่าวว่า "สาวกอันสัตย์ซื่อของสุรามิเห็นมีที่ใดไม่ดี นั่นยังประเสริฐกว่า วิญญูชนจอมปลอมสวมหน้ากากหลอกลวงมากมายนัก...ขอเพียงไม่ละอายต่อมโนธรรม ไยต้องไปสนใจว่าผู้อื่นคิดอย่างไร"

สิ่งที่น่าเลื่อมใสที่สุดคือ "ธาตุแท้คุณธรรม" ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกซิมไบ๊ไต้ซือชั้งชิกเอี้ย กับศิษย์เสียวลิ้มยี่ควบคุมตัวสู่เสียวลิ้มยี่เพื่อลงโทษ กล่าวหาเป็นโจรดอกเหมย ระหว่างทางซิมไบ๊ไต้ซือประสบกับฝีมืออำมหิตของเก๊กลักตั่งจู้แห่งดินแดนแม้ว ซิมไบ๊ไต้ซือหลังจากถูกพิษก็ปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เขาเห็นซิมไบ๊ไต้ซือถูกพิษสาหัสยิ่งมีแต่วัดเสียวลิ้มยี่พอจะมียาขจัดพิษช่วยเหลือได้ ที่น่าประหลาดก็คือ เขามิเพียงไม่หลบหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น ยังแบกซิมไบ๊ไต้ซือขึ้นเสียวลิ้มยี่อีกด้วย

นี่มิใช่จิตใจคุณธรรมเป็นอะไร?

จิตใจคุณธรรมของเขาแสดงออกภายใต้เปลือกนอกเย็นชากระด้าง เขาหนึ่งนั้นไม่ประโคมตัวอวดอ้างคุณธรรม สองไม่ตัดพ้อต่อว่าคำให้ร้ายตำหนิโทษที่เขาเคารพยกย่องเป็นบุคคลอันบริสุทธิ์จริงใจ ดูแคลนชนชั้นจอมปลอม

เขาถูกพิษของเมี้ยวนึ้งกุนแทบสูญเสียชีวิต พบพานกับหมอพิสดารเหมยยี่ซิงแซ แต่ไม่โอดครวญต่อความเป็นตายของตัวเอง เหมยยี่ซิงแซกล่าวกับเขาว่า "ท่านทราบหรือไม่ ตัวท่านรอดชีวิตได้อีกไม่นาน ยังไม่ไปเตรียมสั่งเสียเรื่องราว ไฉนมานั่งดื่มสุรา?"

ลี้คิมฮวงกล่าวว่า "เป็นตายร้ายดีสามัญเหลือเกิน ไหนเลยจะเห็นแก่เรื่องเช่นนี้มาเสียเวลาดื่มสุราได้"

"เช่นนี้เป็นว่าที่ท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้า หาใช่เพราะต้องการให้ข้าพเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่าน"

"หากต้องการดื่มสุรา มาร่วมดื่มกันสักหลายจอกได้ หากต้องการรักษาโรค โปรดเชิญไปให้ไกลกว่านี้ อย่าได้ถ่วงเวลาดื่มสุราของข้าพเจ้าให้เสียไป"

ด้านสติปัญญา ลี้คิมฮวงย่อมมิใช่คนโง่เขลา เขาสอบได้ตำแหน่งถ้ำฮวยจากฮ่องเต้ (บัณฑิตหน้าบัลลังก์ฮ่องเต้มีจอหงวน ปางั่ง และถ้ำฮวย) แต่เขามักถูกผู้คนหลอกลวง ทั้งนี้อาจบางทีเนื่องเพราะเขาไว้วางใจผู้คนเกินไป ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ความปลอดภัยของตัวเอง

จุดอ่อนในชีวิตของลี้คิมฮวงก็คือ "น้ำใจอันเปราะบาง" กล่าวไปแล้ว มีแต่คนใกล้ชิดเท่านั้นจึงสามารถทำร้ายเขาได้ หากคิดจะโค่นเขาให้พ่ายแพ้ มิว่าใช้กระบวนท่าใด หรืออาวุธใดต่างลำบากอย่างยิ่ง มีแต่ต้องใช้น้ำใจเท่านั้น มีบางครั้งแม้ทราบแน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่อาจกระทำ แต่ยังไม่อาจหักใจให้เข้มแข็งไปปฏิเสธ สำหรับประการนี้ ผู้ที่ล่วงรู้จุดอ่อนของลี้คิมฮวงต่างก็หาประโยชน์ ลี้คิมฮวงเองก็ทราบ แต่ยังไม่มีปัญญาเปลี่ยนแปลงแก้ไข


ตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่ง ก่อนการต่อสู้กับเซี่ยงกัวกิมฮ้ง เซี่ยงกัวกิมฮ้งคาดคำนวณว่าลี้คิมฮวงจะต้องไปตรวจสอบสถานที่ต่อสู้ก่อน ดังนั้น จงใจทิ้งกล่องเส้นผมสตรีไว้ ที่เซี่ยงกัวกิมฮ้งทำดังนี้ก็เพื่อให้ลี้คิมฮวงเข้าใจว่าเส้นผมกระจุกนี้เป็นของอดีตคนรักลิ่มซีอิม ให้ลี้คิมฮวงวุ่นวายใจ ไม่ว่าลี้คิมฮวงจะเชื่อถือก็ดี คลางแคลงสงสัยก็ดี เพียงแต่ครุ่นคิดก็บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว

ลี้คิมฮวงแม้ทราบว่ามิใช่เส้นผมของลิ่มซีอิม แต่ก็ยังอดครุ่นคิดคำนึงมิได้ ซึ่งความจริงปัญหามิใช่เส้นผมเป็นของผู้ใด? แต่เป็นลี้คิมฮวงเป็นบุคคลเช่นใด?

แผนการนี้มุ่งจู่โจมลี้คิมฮวงโดยเฉพาะ หากใช้กับผู้อื่นอาจบางทีไม่มีประโยชน์ นับว่าเซี่ยงกัวกิมฮ้งเข้าใจสี่คำที่ลึกซึ้งที่สุดของตำราพิชัยสงครามกระจ่างยิ่ง นั่นคือ "กงซิมอุ้ยเสียง" (จู่โจมหัวใจเป็นสุดยอด)

สำหรับประการนี้ ลี้คิมฮวงเพียงกล่าวว่า "เรื่องราวในโลกมากหลายเป็นเช่นนี้ มีเรื่องบางประการ แม้ทราบว่าหลงกลแน่ชัด แต่ยังคงต้องไปหลงกลอยู่นั่นเอง เรื่องราวที่ข้าพเจ้ากระทำ บางครั้งไม่มีสาเหตุใดเลย กระทั่งข้าพเจ้าเองก็อธิบายไม่ถูก"

ครั้งหนึ่ง "ลิ่มเซียนยี้" (เทพธิดาน้อย) นัดเขาไปพบยามค่ำคืน ที่ตึกแนเฮียงเซี่ยวตั๊ก เขาทราบว่านางต้องมีจิตเจตนาเคลือบแฝง และต้องตระเตรียมอุบายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่หวาดหวั่นสักน้อยนิด กลับรู้สึกสนุกสนานเร้าใจเสียอีก เขากล่าวว่า "ในชั่วชีวิตของแต่ละคน ยากยิ่งที่จะไม่กระทำเรื่องโง่เขลาบางประการเช่นข้าพเจ้า หากทุกผู้คนกระทำแต่เรื่องฉลาดปราดเปรื่อง ชีวิตไยมิใช่แปรเปลี่ยนเป็นยิ่งไร้รสชาติ ยิ่งไร้ความหมาย"

ลี้คิมฮวงนับเป็นบุคคลที่ยากเข้าใจผู้หนึ่ง แต่ก็เป็นมิตรสหายที่ไม่มีผู้ใดลืมเลือนได้ เขายินยอมให้ผู้อื่นทรยศเป็นหมื่นครั้งก็ไม่ยินยอมไปทรยศต่อผู้อื่นสักครั้ง มีบางครั้งแม้รู้แน่ว่าผู้อื่นกำลังหลอกลวง แต่ยังคงถูกหลอกลวงจนได้ มิว่ากับผู้ใด กับเรื่องอันใด เขามีแต่ "รัก" มิใช่ "แค้น" เนื่องเพราะทราบที่ความแค้นสร้างได้มีแต่พินาศย่อยยับ แต่ความรักกลับสามารถบันดาลให้ผู้คนดำรงอยู่

เล้งโซ่วฮุ้นทรยศต่อเขาถึงเพียงนั้น เขายังช่วยกลบเกลื่อนแก้ไข "เล้งโซ่วฮุ้นหาได้ทรยศต่อข้าพเจ้าไม่ ผู้ใดที่เห็นแก่บุตรภรรยาของตัวเอง มิว่ากระทำเรื่องราวใดลงไป ต่างมีคุณค่าให้ผู้อื่นอภัยให้ทั้งสิ้น"

สิ่งที่ประทับใจผู้อ่านที่สุด มิใช่อยู่ที่วิทยายุทธ์ วิทยายุทธ์ของลี้คิมฮวงไม่จัดว่าอยู่อันดับหนึ่ง เหนือมีดบินไม่พลาดเป้ายังมีห่วงมังกรหงส์ กับกระบองสมปรารถนา ที่ประทับใจผู้อ่านมิใช่วิทยายุทธ์ หากแต่เป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ เวลาส่วนใหญ่ของเขาพกพาความทุกข์ลำเค็ญและเคราะห์กรรมไม่สุดสิ้น แตที่สร้างความตื้นตันใจ เป็นที่เคารพยกย่องของผู้คนคือนิสัยใจคอและพฤติกรรมซึ่งปราศจากความต่ำช้าแม้แต่น้อย นี่อาจบางทีเป็นเพราะเขายินยอมจ่ายค่าตอบแทนอย่างใหญ่หลวง โดยไม่ขอประนีประนอมทางด้านนี้แต่อย่างใด เป็นวีรบุรุษผู้กล้าในเพลงโศกบทหนึ่ง


โดย พาสนา แพรวพรรณ [ยุทธจักรมังกรโบราณ]



หัวข้อ: โลกยุทธจักร --::-- ลิ่มซีอิม คล้ายโคมเดียวดายบนหอน้อย --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 22-03-2008, 11:54
台湾第一美女:萧蔷

"เซียวเฉียง" ผู้ได้ชื่อว่าเป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของไต้หวัน
รับบท "ลิ่มซีอิม" ที่มีรักหม่นหมองรันทดทีสุด ใช่เป็นเพราะลี้คิมฮวง หรือเล้งโซ่วฮุ้น หรือเพราะตัวนางเอง?  


http://youtube.com/watch?v=Jb0aPSuIy7w&feature=related

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6-3.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/2-12.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6-4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4-5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/5-3.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/1-13.jpg)


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 29-03-2008, 15:56
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/novel_wor_017s.jpg)   (http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/novel-xlfd-05s.jpg)


วิทยายุทธ์ในฤทธิ์มีดสั้นสลักเสลาสวยงาม กอรปด้วยวิทยายุทธ์ทุกแขนงเปี่ยมสีสัน เป็นสัญลักษณ์แสดงออกถึงศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคล ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะ เป็นแบบฉบับสำหรับผลงานในเรื่องต่อมาอีกหลายเรื่อง

ที่ควรกล่าวถึงก็คือ “ตำราอาวุธ” (เปียขี่โพ้ว) ของ “แป๊ะเฮียวเซ็ง” แป๊ะเฮียวเซ็งรอบรู้ทุกเรื่องราว กระจ่างในทุกศาสตร์สาขา จัดสร้างตำราอาวุธ วิจารณ์อาวุธทั้งแผ่นดิน ในจำนวนนั้นกล่าวถึงมืออสูรเขียว “แชม้อชิว” (อันดับเก้า) ยุทธจักรมีเจ็ดพิษ ที่อำมหิตที่สุดคือแชม้อชิว ผู้ที่ถูกแชม้อชิ้วมีชีวิตมิสู้ตาย ขอเพียงตายเร็วเท่าใด ยิ่งสุขสบายเร็วเท่านั้น

อันดับแปดเป็นไม้เท้าเหล็กเทวราช “จูกั้วกัง” แส้เทพเจ้า “ไซมึ้งยิ้ว” จัดอยู่อันดับเจ็ด เจ้าแห่งหอกเงิน “ลู่ฮ่งเชย” จัดอยู่อันดับห้า ที่วางอยู่อันดับสี่เป็นกระบี่เหล็ก “ก้วยซงเอี๊ยง”

“เซี่ยวลี้ปวยตอ” มีดบินของลี้คิมฮวง ในตำราอาวุธที่แป๊ะเฮียวเซ็งวิจารณ์ไว้ จัดอยู่อันดับสาม กล่าวกันว่าตอนที่เซี่ยวลี้ปวยตอน่าสะพรึงกลัวที่สุด เป็นตอนที่ยังไม่ถูกซัดออกจากมือ หลังจากซัดออกไปแล้ว ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้จัดความใดเรียกว่าน่าสะพรึงกลัว เนื่องเพราะคนตายย่อมไม่รู้จักความหวาดกลัวอย่างแน่นอน

ห่วงคู่มังกรหงส์ของ “เซี่ยงกัวกิมฮ้ง” ถูกวางอยู่อันดับสอง หลักการใช้อาวุธมีเคล็ด “ยาวหนึ่งนิ้ว เข้มแข็งหนึ่งนิ้ว สั้นหนึ่งนิ้ว หวาดเสียวหนึ่งนิ้ว” ห่วงมังกรหงส์เป็นความหวาดเสียวในหวาดเสียว ขอเพียงลงมือต้องใช้กระบวนท่าจู่โจมไม่หยุดยั้ง หากไม่อาจพิชิตคู่ต่อสู้ก็ต้องถูกคู่ต่อสู้ทำอันตราย ดังนั้น ผู้ที่กล้าใช้อาวุธเปี่ยมอันตรายเยี่ยงนี้มีอยู่ไม่มาก

แต่ที่อยู่เหนือห่วงมังกรหงส์ยังมีกระบองสมปรารถนาของ “ยู่อี่ปั้ง” ที่มีความพลิกแพลงพิสดาร

วิทยายุทธ์แม้เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในนิยายกำลังภายใน แต่ก็เป็นส่วนที่เขียนได้ง่ายที่สุด การบรรยายวิทยายุทธ์ในฤทธิ์มีดสั้นย่อมวิจิตรพิสดาร แต่เปรียบกับความเพริศแพร้วด้านอื่น คล้ายไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว

โก้วเล้งยังจัดเจนในการเขียนฉากการต่อสู้ขนาดใหญ่ขนาดเล็ก การบรรยายฉากการต่อสู้ในฤทธิ์มีดสั้น คล้ายคลื่นใหญ่น้อยหนุนเนื่องตามกัน มิเพียงรวบรัดมีพลัง ยังแฝงปรัชญาชีวิต อันเป็นแนวถนัดของโก้วเล้ง

ฉากใหญ่ เช่น ลี้คิมฮวงตกอยู่ในวงล้อมของศิษย์เสียวลิ้มยี่แปดร้อยกว่ารูป ผู้อ่านต้องกลั้นลมหายใจอ่านอย่างรวดเร็ว เสียวลิ้มยี่ถูกยกย่องว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มิว่าผู้ใดก็ไม่กล้าบุกรุกก้าวร้าวล่วงเกิน ลี้คิมฮวงเพียงลำพังสามารถก่อกวนเสียวลิ้มยี่จนปั่นป่วนวุ่นวาย ศิษย์ทั้งแปดร้อยมิเพียงทำอะไรไม่ได้เท่านั้น แต่ละวันยังต้องเชิญลี้คิมฮวงดื่มกิน ยังกลัวอาหารไม่ถูกปาก

ฉากเล็ก เช่น ลี้คิมฮวงต่อสู้กับก้วยซงเอี๊ยง ลี้คิมฮวงความจริงพอจะปลิดชีวิตก้วยซงเอี๊ยงได้ถึงสามครั้งครา แต่กลับมิได้ลงมือ จวบจนพลังอาจหาญเสื่อมโทรมคมมีดหัก ก้วยซงเอี๊ยงก็ไม่แน่ว่าพอจะปลิดชีวิตลี้คิมฮวงได้เช่นกัน แต่กลับยอมรับว่าพ่ายแพ้อย่างยินยอมพร้อมใจ โก้วเล้งคล้ายต้องการบอกว่า “สหายที่พึ่งพาได้ที่สุดคนหนึ่งอาจเป็นศัตรูของท่านได้ แต่คู่มือที่น่าสะพรึงกลัวก็มักจะกลายเป็นสหายรู้ใจของท่านได้เช่นกัน เนื่องเพราะผู้ที่มีศักดิ์ศรีเป็นคู่มือท่าน จึงมีศักดิ์ศรีเป็นคนรู้ใจท่าน เป็นสหายรักของท่าน เนื่องเพราะมีแต่คนประเภทนี้เท่านั้น จึงสามารถเข้าใจท่าน”

ในระหว่างมิตรสหายสามารถให้ความเคารพในกันและกัน เป็นจิตใจที่สูงส่งน่าปีติก็จริง แต่ในระหว่างศัตรู การให้ความเคารพในกันและกัน กลับยิ่งสัตย์ซื่อจริงใจ ยิ่งสร้างความตื้นตันให้แก่ผู้คนได้มากยิ่งกว่า



โดย พาสนา แพรวพรรณ [ยุทธจักรมังกรโบราณ]

ภาพประกอบ :  jadedragon.net


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 29-03-2008, 17:49
"ผู้ที่รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิต คือมารดาของ ชีซี
ครั้นพอทราบข่าวว่า ลูกชายที่ถือว่าเป็นปราชญ์คนหนึ่ง ได้ถูกกลลวงของโจโฉ
ปลอมลายมือของตน เรียกตัว ชีซีไปรับราชการกับโจโฉ
  พอมารดาของ ชีซี ทราบว่าลูกชายของตัวเองหลงกล ไปช่วยราชการกับโจโฉ
ขุนนางกังฉินดังนั้น
  มารดาของชีซี ก็ด่าท่อแก่ ชีซี ไปว่า ตัวเองเป็นถึงปราชญ์ แล้วไฉนถึงได้หลงกลได้ง่ายดาย
นัก ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีแก่วงศ์ตระกูล แม้ว่าเวลาจะล่วงไปเป็นพันๆปีก็ยากนัก
ที่จะลบความอับอายขายหน้านี้ไปได้
  ว่าแล้วมารดาของชีซีก็หนีไปผูกคอตายสมมาตรปรารถนา"

"รู้ว่าคบคนผิด ก็จงรีบถอนตัวออกมาเสียเถิดท่านทั้งหลาย
อย่าไปหลงวลีที่ว่า
  "ถึงโกงแต่ก็ยังมีผลงาน"อีกเลย.........เอิ้กกกกกกกก

 :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-03-2008, 13:11
"ผู้ที่รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิต คือมารดาของ ชีซี
ครั้นพอทราบข่าวว่า ลูกชายที่ถือว่าเป็นปราชญ์คนหนึ่ง ได้ถูกกลลวงของโจโฉ
ปลอมลายมือของตน เรียกตัว ชีซีไปรับราชการกับโจโฉ
  พอมารดาของ ชีซี ทราบว่าลูกชายของตัวเองหลงกล ไปช่วยราชการกับโจโฉ
ขุนนางกังฉินดังนั้น
  มารดาของชีซี ก็ด่าท่อแก่ ชีซี ไปว่า ตัวเองเป็นถึงปราชญ์ แล้วไฉนถึงได้หลงกลได้ง่ายดาย
นัก ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีแก่วงศ์ตระกูล แม้ว่าเวลาจะล่วงไปเป็นพันๆปีก็ยากนัก
ที่จะลบความอับอายขายหน้านี้ไปได้
  ว่าแล้วมารดาของชีซีก็หนีไปผูกคอตายสมมาตรปรารถนา"

"รู้ว่าคบคนผิด ก็จงรีบถอนตัวออกมาเสียเถิดท่านทั้งหลาย
อย่าไปหลงวลีที่ว่า
  "ถึงโกงแต่ก็ยังมีผลงาน"อีกเลย.........เอิ้กกกกกกกก

 :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove:

ขอบคุณค่ะ

เปิดหนังสือสุภาษิตจีน ของคุณจุไรรัตน์ อาระยะกิตติพงศ์ ตรงกับสุภาษิตจีนว่า 近朱者赤,近墨者黑

มีความหมายตามรูปศัพท์ว่า อยู่ใกล้ไข่มุกก็จะมีสีแดงเรื่อ(อ่อนกว่าสีชมพู) อยู่ใกล้หมึกก็จะมีสีดำ อุปมาว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนดี สามารถทำให้คนที่ไม่ดีกลายเป็นคนดีได้ การเข้าใกล้คนไม่ดีก็สามารถทำให้คนดีกลายเป็นคนไม่ดีได้เช่นกัน

เปรียบเทียบตรงกับสุภาษิตไทยไว้ด้วยว่า "คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล"

รู้ว่า คนไหน หรือใครคบไม่ได้  หรือไม่น่าคบ ก็ต้องรีบบอกศาลา ดังเช่นนักวิชาการหลายท่านที่ถอนตัวออกจากทั่นเหลี่ยมแทบไม่ทันตั้งแต่หลายปีก่อน จะว่าไปเหมือนถูกหลอกใช้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 30-03-2008, 16:58
จูเจียง 朱江 กับบทลี้คิมฮวง
ใน "ฤทธิ์มีดสั้น" หนังโทรทัศน์ชุดแรกเมื่อปี 1973

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/novel-xlfd-01s.jpg)

http://youtube.com/watch?v=KMwsYzbUNrA&feature=related


สถิติการพิมพ์

ว. ณ  เมืองลุง
ตีพิมพ์ครั้งเรก สนพ ประพันธ์สาส์น พิมพ์ปี พ.ศ. 2514 จำนวน 28 เล่มจบ (เล่มเล็ก)
ประพันธ์สาส์น 2520 จำนวน 6 เล่มจบ
บรรณาคาร 2527 จำนวน 6 เล่มจบ
สื่อสัจจา 2533 จำนวน 3 เล่มจบ (พร้อมกล่อง)
สร้างสรรค์ 2537 จำนวนเล่มจบ : 3 เล่มจบ (พร้อมกล่อง)
ประพันธ์สาส์น 2540 จำนวน 3 เล่มจบ
พระอาทิตย์ 2544 จำนวน 3 เล่มจบ (กระดาษปอนด์ พร้อมกล่อง)
พิมพ์ครั้งล่าสุด สร้างสรรค์ 2549 จำนวน 3 เล่มจบ (พร้อมกล่อง)

น. นพรัตน์
สนพ สยามสปอร์ตพริ้นติ้ง พิมพ์ปี พ.ศ. 2536 จำนวน 4 เล่มจบ
สยามอินเตอร์บุ๊ค 2547 จำนวน 4 เล่มจบ

โก้วเล้ง  เขียนเรื่อง ตอเช้งเกี่ยมแขะ บ้อเช้งเกี่ยม (多情劍客無情劍) "มือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ" เมื่อปี 2512 เป็นเรื่องที่ 24

ว. ณ  เมืองลุง แปลใช้ชื่อ  ฤทธิ์มีดสั้น ส่วน น. นพรัตน์ แปลใช้ชื่อ เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า

และ ใช้ชื่อตัวเอก "ลี้ชิ้มฮัว" แทนที่จะเป็น  "ลี้คิมฮวง" ที่ ว. ณ  เมืองลุง ใช้ และคนไทยคุ้นเคยทั้งในหนังสือและภาพยนตร์

ส่วนชื่อตัวละครอื่นกลับใช้เหมือนกันกับที่ ว. ณ  เมืองลุง แปล

อ้างอิง : jadedragon.net



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 07-04-2008, 00:01

ไจ้เจียอิ๋ว....ครับคุณพี่(สาวเม่ย) หุหุ ผมขี้เกียจพิมพ์ภาษาจีนครับ... :slime_v:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 07-04-2008, 13:44
小李飞刀 1999
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/cover01.jpg)

หากวิจารณ์ถึงความสลับซับซ้อนของเรื่องราว เค้าโครงความคิด ความหลากหลายของตัวละคร
ความเพริศแพร้วพรรณรายของบรรยากาศ
ตอเช้งเกี่ยมแขะ บ้อเช้งเกี่ยม "ฤทธิ์มีดสั้น" อยู่เหนือผลงานทุกเรื่องของโก้วเล้ง

ฤทธิ์มีดสั้น เขียนถึงการต่อสู้ ยึดเอาความรักในแบบฉบับต่าง ๆ การเสียสละและคุณธรรมน้ำมิตรเป็นแกนดำเนินเรื่อง
แบ่งออกเป็นสองตอน "ตอเช้งเกี่ยมแขะบ้อเช้งเกี่ยม" (มือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ) เป็นตอนหนึ่ง
"ทิต้าไต้เฮียบฮุ้น" (วีรบุรุษผู้กล้า) เป็นอีกตอนหนึ่ง
โดยตลอดทั้งเรื่องมีส่วนต่อเนื่องตามกั
แท้จริงแล้ว ปัญหามิได้อยู่ที่ธรรมะกับอธรรม หากแต่แสดงออกถึงจุดด่างในธาตุแท้ใจคอคน
ผู้มักใหญ่ใฝ่สูง เห็นแก่ลาภยศสรรเสริญทำร้ายผู้อื่น ความละโมบโลภหลง
กิเลสตัณหาแปรเปลี่ยนผู้คน สามารถกระทำทุกสิ่ง

อ้างอิง :  1. พาสนา แพรวพรรณ [ยุทธจักรมังกรโบราณ] 
                    2. ภาพประกอบ niyayjeen.com โดขลุ่ยผุไร้สำเนียง


:slime_agreed: :slime_agreed: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-04-2008, 06:49
ไจ้เจียอิ๋ว....ครับคุณพี่(สาวเม่ย) หุหุ ผมขี้เกียจพิมพ์ภาษาจีนครับ... :slime_v:

ขอบคุณท่านเล่าปี๋มากหลายค่ะ ขออนุญาตเปิดเพลงไพเราะคั่นรายการหน่อยนะคะ  :slime_smile:

一剪梅--费玉清

http://www.youtube.com/watch?v=jDJbBcskBsY
(http://www.youtube.com/watch?v=nwdWA6-GJos&feature=related)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/FeiYuQing11.jpg)

尘缘--费玉清  

http://www.youtube.com/watch?v=N0Q2lvoZ1xw&feature=related
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/Fei13.jpg)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 11-04-2008, 00:09
ขอบคุณที่นำเนื้อหาและคำวิจารณ์เกี่ยวกับ'ฤทธิ์มีดสั้น' มาให้อ่านอีกครั้งหนึ่ง....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: Huad ที่ 02-05-2008, 23:25
สมัยผมเรืยนหนังสือพอได้เงินที่ส่งมาจากทางบ้าน ที่เก็บเงินของผมก็คือร้านหนังสือเช่าโดยเอาเงินไปเป็นค่าประกันหนังสือแล้วค่อยๆทะยอยเอาคืนมาใช้จ่ายสมัยนั้นค่าเช่ารู้สึกจะเล่มละบาทได้ หนังสือไทยที่อ่านก็ เพชรพระอุมา ส่วนหนังสือจีน ชอบหลายเรื่อง แต่ที่ชอบมาก คือ ฤทธิ์มีดสั้น ที่เรียกว่าต้องอ่านกันแบบละเลียดเลยเพราะกลัวมันจบเร็ว ยอมรับว่าเขียนได้น่าทึ่งจริงๆ ตัวละครอย่าง ลี้กิมฮวง นี่เหนือคำบรรยายจริงๆ  เรื่องนี้ผมเคยดูที่เป็นหนังด้วย ตี้หลุงแสดงได้สุดยอดเช่นกัน


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่ที่ 15 ที่ 16-05-2008, 22:34
ขอบคุณ ท่าน aiwen^mei

มาก

ดีจริงๆ

ขออนุญาต นำรูป ข้อความที่ท่านโพสต์ไปใช้ ตามโอกาส


ขอบคุณก่อน ครับ

สมาชิกใหม่ น้องใหม่ กระบี่ที่ 15

 :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 24-05-2008, 20:08
ขอบคุณที่นำเนื้อหาและคำวิจารณ์เกี่ยวกับ'ฤทธิ์มีดสั้น' มาให้อ่านอีกครั้งหนึ่ง....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ขอบพระคุณมากค่ะ ท่านลุงปุ

เลยพลอยทำให้ทราบว่า ท่านลุงปุก็ ชื่นชอบ "ฤทธิ์มีดสั้น" เหมือนกัน  :slime_smile:

สมัยผมเรืยนหนังสือพอได้เงินที่ส่งมาจากทางบ้าน ที่เก็บเงินของผมก็คือร้านหนังสือเช่าโดยเอาเงินไปเป็นค่าประกันหนังสือแล้วค่อยๆทะยอยเอาคืนมาใช้จ่ายสมัยนั้นค่าเช่ารู้สึกจะเล่มละบาทได้ หนังสือไทยที่อ่านก็ เพชรพระอุมา ส่วนหนังสือจีน ชอบหลายเรื่อง แต่ที่ชอบมาก คือ ฤทธิ์มีดสั้น ที่เรียกว่าต้องอ่านกันแบบละเลียดเลยเพราะกลัวมันจบเร็ว ยอมรับว่าเขียนได้น่าทึ่งจริงๆ ตัวละครอย่าง ลี้กิมฮวง นี่เหนือคำบรรยายจริงๆ  เรื่องนี้ผมเคยดูที่เป็นหนังด้วย ตี้หลุงแสดงได้สุดยอดเช่นกัน

มีหลายท่านวิจารณ์ไว้ด้วยค่ะว่า "ตี้หลุง" เป็นนักแสดงที่เหมาะกับบทพระเอกในนิยายกำลังภายในของ "โก้วเล้ง" ที่สุด

เรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" นับเป็นงานมาสเตอร์พีซของโก้วเล้งนะคะ มีญาติสนิทกันต้องหยิบมาอ่านประจำ เกือบทุกปี ก็ว่าได้


ขอบคุณ ท่าน aiwen^mei

มาก

ดีจริงๆ

ขออนุญาต นำรูป ข้อความที่ท่านโพสต์ไปใช้ ตามโอกาส


ขอบคุณก่อน ครับ

สมาชิกใหม่ น้องใหม่ กระบี่ที่ 15

 :slime_inlove:

ยินดีต้อนรับ สมาชิกใหม่ ท่าน กระบี่ที่ 15

เอ... ทายาทของอี้จับซาไต้เฮียบหรือป่าวเนี่ยะ  :mrgreen:

ด้วยความยินดีค่ะ ไม่ต้องขออนุญาตเลยนะคะ ตามสบายค่ะ  :slime_smile:





หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 25-05-2008, 10:15
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/4-6.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/5-4.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/6-5.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/7-2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/8-2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/9a.jpg)

ณ เวลานี้ ต้นเหตุของเภทภัยในเซี่ยมล้อยุทธจักร  

เนื่องมาจากขุมทรัพย์ ๖ หมื่นล้าน
เพื่อขุมทรัพย์ ๖ หมื่นล้านที่ได้มาจากการฉ้อฉล  

"นายใหญ่" ถึงกับวางแผนหลายชั้น เรียกระดมสมุนเพื่อแก้ไขบทบัญญัติของบู๊ลิ้มให้ได้




หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 29-06-2008, 10:02
(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/10-3.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/11-2.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/12-1.jpg)

(http://i171.photobucket.com/albums/u311/aiwen_mei/13.jpg)

ตอนต่อไป >>> ชมเทพธิดาจำแลง
               >>> "นายใหญ่" นับเป็นบุรุษเพศที่ละโมบอย่างยิ่งด้วยหรือไม่  :mrgreen: :D :mrgreen:




หัวข้อ: อยากทราบครับ กิมเล้งจือ ตายไปแล้วไหงโผล่มาอีก
เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 05-07-2008, 18:57
อยากถามครับ ผมอ่านชอลิ้วเฮียง กิมเล้งจือ ตายไปตั้งแต่ตอนคุณชายค้างคาวแล้วไม่ใช่เหรอครับ

ไหง โผล่มาอีกตอนชะตาดอกท้อละครับ


หัวข้อ: Re: อยากทราบครับ กิมเล้งจือ ตายไปแล้วไหงโผล่มาอีก
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 26-07-2008, 10:23
อยากถามครับ ผมอ่านชอลิ้วเฮียง กิมเล้งจือ ตายไปตั้งแต่ตอนคุณชายค้างคาวแล้วไม่ใช่เหรอครับ

ไหง โผล่มาอีกตอนชะตาดอกท้อละครับ

จำไม่ได้แล้วค่ะ ไม่ได้อยู่ในความทรงจำแหล่ว  :mrgreen:

ถ้าได้คำตอบเมื่อไหร่จะนำมาบอกนะคะ แต่ถ้าให้เดา สงสัยเป็นผลของสุรา

เอ..หรือว่าตอนชะตาดอกท้อ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนตอนคุณชายค้างคาว







หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 03-08-2008, 16:33
(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/23-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/24-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/25-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/26-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/27-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/28-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/29-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/30-1.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/31-1.jpg)


อา...ฤๅมิใช่ ? ในสายตาของชนชั้น(ต่ำทราม)เช่นนรกป่วนกรุง
ทั้งนายหญิงและนายใหญ่เหมือนผู้วิเศษขนเศษเงินเศษทองมาโปรยปรายให้ก็มิปาน  :mrgreen: :mozilla_yell: :mrgreen:

แต่ในสายตาของสหายชาวยุทธที่รักความยุติธรรม โดยมิต้องเสแสร้งอำพรางเอาแถบผ้าสีขาวมาโบกสะบัดบังหน้า  :mrgreen:

มันสองคนเปรียบดั่งฉินไคว่และภรรยาที่ตายไปนับร้อยปี ก็ยังมีผู้คนสาปแช่งนับจากบัดนั้นจนบัดนี้

(พบกับ "ชมเทพธิดาจำแลง" ในครั้งหน้า)



หัวข้อ: Re: โลกยุทธจักร --::-- ฤทธิ์มีดสั้น ของ โก้วเล้ง --::-- แปลโดย ว. ณ เมืองลุง --::--
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-08-2008, 08:06
(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/14.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/15.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/16.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/17.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/18.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/19.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/20.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/21.jpg)

(http://i308.photobucket.com/albums/kk353/jiang_aiwen/22.jpg)


ทั้ง "นายใหญ่" และ "นายหญิง" ก็หาทางหลบลี้หนีออกนอกกำแพงไปแล้ว :mrgreen: :mozilla_surprised: :mrgreen:

อา...พรรคมารจะแตกดั่งกองทัพเรือของโจโฉ ณ ผาแดง หรือไม่  :slime_smile2:

คงเหลือแต่โฉมสะคราญนกน้อยผู้ขับขานเสียงเพลง ที่ป่านนี้ คงหัวเราะสะใจอยู่กระมัง  :mrgreen:  :mozilla_undecided: :mrgreen: