ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

       ส่วนหนึ่งของ คำพูด คุณสุริยะใส ครับ...."การพ่ายโหวตโน ในจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ของ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นฐานกำลังสำคัญจะเรียกว่าเป็นท่าสถานีของอำนาจเก่า ทั้งงานการเมืองในสภา และงานมวลชนนอกสภานั้น ได้ทำให้ขั้วอำนาจเก่าหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นไปได้สูงที่ คมช.จะใช้กลยุทธ์และรูปแบบการจัดการการ หรือ “บุรีรัมย์โมเดล” เป็นแนวทางในการจัดการกับขั้วอำนาจเก่าในการเลือกตั้งที่จะมาถึง"
       
       เลขาฯ ครป.กล่าวอีกว่า แม้ในภาพรวมพื้นที่ของอำนาจเก่าจะยังคงเหนียวแน่นอยู่ก็ตาม แต่การพ่ายแพ้ที่บุรีรัมย์ ทำให้อำนาจเก่าหวาดผวา และจำเป็นต้องปรับเกมต่อสู้เช่นกัน เพราะหากไม่ปรับ บุรีรัมย์โมเดลจะทำให้สูญเสียฐานที่มั่นทางการเมืองได้ในที่สุด อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาขึ้นศาลหลังเลือกตั้ง นั่นหมายความว่า ได้ประเมินแล้วว่าหลังเลือกตั้งจะได้เปรียบทางการเมือง การพ่ายแพ้ที่บุรีรัมย์อาจทำให้ค่าตัวผู้สมัคร หรือหัวคะแนนของกลุ่มไทยรักไทยสูงขึ้นมากกว่าเดิม จนกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างอำนาจรัฐกับอำนาจเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
       
อย่างน้อยก็มีบุรีรัมย์โมเดล...ให้เรียนรู้ทางการเมือง..แล้ว
ท่านคิดว่าปัจจัยอะไรบ้าง....ที่ควรจะเติมเต็มให้สมบูรณ์ให้เป็นต้นแบบของการเรียนรู้ของการปฏิรูปการเมืองไทยในอนาคต

 

จากใบปิดโฆษณา ถึง คนบุรีรัมย์ในอดีตก่อนการเลือกตั้ง
"บุรีรัมย์ บุรีรัมย์...ให้เงินก็เอา...ให้เหล้าก็กิน"
เสียงๆนี้ คำพวกนี้..ถูกติดประกาศทุกมุมของ.....หน้าบ้านหลังคามุงจาก, มุงสงกะสี ,มุงกระเบื้อง... ของคนบุรีรัมย์
ทุกเขตเลือกตั้ง...เต็มใบด้วยใบปิดประกาศ ....ที่ทำขึ้นมาง่ายๆ สีน้ำเงิน บ้าง แดงบ้าง..... ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.
คำทุกคำ พวกนี้ ถูกกรอกหูประชาชน.... ผ่านเสียงโฆษณา จากรถหาเสียงของ อดีต ส.ส. ผู้ทรงเกียรติของบุรีรัมย์
เหล้าขาว ถูกลำเลียงจากโรงกลั่นในพื้นที่และนอกเมืองสู่ซุ้มนั่งเล่น แคร่ไม้ไผ่ หลังบ้าน หน้าบ้าน ทั้งกลางวันแสกๆ
เงินถูกส่งผ่านมือจาก "นายใหญ่" ...ผ่านหัวคะแนนหลัก (ส.จ)...ผ่านไปยัง.... กำนัน........ ต่อไปที่ผู้ใหญ่บ้าน.ฯลฯ
คนเหล่านี้เป็นที่ที่สนิท ไว้ใจ..และผ่านการคัดเลือกเป็นทอดๆ อย่างเป็นระบบ มีรายชื่อและเป็นผู้ที่เคย เข้า"บ้านใหญ่"มาแล้ว
ก่อนมีกกต. คำพวกนี้เป็นที่คุ้นหู..ใครหนอช่างสรรหาคำ...มากรอกเข้าหู คนบุรีรัมย์จนเป็นคำที่ชินหูของคนบุรีรัมย์ในเวลาต่อมา

คุณ Scorpio6 มันมีจริงๆเหรอครับ  :slime_doubt:

บุรีรัมย์โมเดลหรือจะสู้ขิงแก่โมเดล กับคำกล่าวที่ว่าถ้าไม่รับรธน.ปี2550 ปชช.อาจได้สิ่งที่แย่กว่า หรือ ที่ฝ่ายดังกล่าวพร่ำบอกปชช.ว่าหากไม่รับรธน.ปี2550ก็ไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ถ้าต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขก็ต้องช่วยกันรับ


ฮ่าๆๆๆๆ.....แล้วก็โดนพลังบริสุทธิ์ตบหน้าชากันตามๆเลยน๊าตั๊วะ :slime_smile2:

ท้าวตีความผิดนะครับ กับคำกล่าวที่ว่าถ้าไม่รับรธน.ปี2550 ปชช.อาจได้สิ่งที่แย่กว่า
เขาหมายถึงเราอาจได้รัฐธรรมนูญฉบับที่แย่กว่านี้จาก คมช ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะไม่มีเลือกตั้ง

ผมเคยอ่านนา ใช่ว่าไม่เคย  :slime_cool:

ความหมายก็คือ การข่มขู่ให้ปชช.ต้องรับของที่เห็นๆอยู่ข้างหน้าเพราะไม่รู้ว่ามือที่อยู่ข้างหลังถือรธน.ฉบับไหนไว้...มีสิทธิ์อะไรที่มาข่มขู่ปชช.เอ่ย!?! :slime_doubt:

เอ้า ก็ไม่เห็นจะข่มขู่อะไรนี่นา มันก็จริงไหมล่ะ คมช จะล้วงเอาฉบับไหนมาปู้ยี้ปู้ยำก็ไม่รู้

 :slime_smile2: :slime_bigsmile: :slime_smile2:

ตอบด้วยเสียงหนักแน่นแต่นุ่มนวลว่า...มีจริงๆครับ

กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานนัก......การซื้อสิทธิขายเสียงอันโด่งดังทั้งคดี 11ล้านเป็นเครื่องยืนยัน

ได้มีการเตรียมการซื้อเสียงโดยใช้เงินมากกว่า 11ล้าน..แต่ที่ปรากฎแค่ 11ล้านเพราะส่วนอื่นๆ
กระจายไปตามที่อยู่แกนนำอื่นๆแล้ว..... โดยใช้โปสเตอร์เล็ก หรือ บัตรแนะนำตัว สส.ใช้แม็ก
เย็บกับเงิน แบงค์ราคา100บาท....กับแบ็งค์ราคา 20 บาท....................... รวมเป็น 120
จึงเป็นที่มาของคำว่า "ยี้ห้อย 120" จำนวนทั้งสิ้น 11ล้านบาท อยู่ในกล่องกระดาษ...........
แต่เจ้าของบ้านที่ถูกจับกุม โดยทีม คุณเสรีพิสุทธ์ จับกุม อ้างว่า..เงินดังกล่าวเตรียมไปซื้อที่ดิน
เรื่องนี้คุณการุณ  ใสงาม อดีต สว.ท่านจะให้ข้อมูลได้ชัด

อีกกรณีหนึ่งครับ...พิสูจน์ว่า............กระบวนการจัดตั้งหัวคะแนนผ่าน ส.อบจ. สท.และ ส.อบต.
คนเคยร่วมงานอยู่อำเภอนอกเมืองบุรีรัมย์...แกอยากลงสมัคร สท. แต่มีคนของ "นายใหญ่"สมัคร
อยู่แล้ว....เรื่องไปถึง "นายใหญ่"  เขาผู้นั้นถูกเชิญตัวไป ที่ "บ้านใหญ่"...เป็นเวลาหลายชั่วโมง
ซึ่งตลอดการรอคอยนายใหญ่นั้น เขาถูกห้อมล้อมด้วย บรรดา ลูกน้อง นายใหญ่และมีการวางปืนสั้น
บนโต๊ะ อาหาร ที่เตรียมไว้ให้ เขาอย่างมากมาย...
แล้ว นายใหญ่ก็ลงมาจากชั้นบนของบ้าน...แล้วถามว่า คุณจะถอน หรือไม่ถอน การสมัคร สท.
คงอยากรู้นะครับว่า คำตอบคือ อะไร และถ้าคำตอบตรงกันข้าม....ผลจะเป็นอย่างไร...โปรดติดตาม

งั้นที่คุณทักษิณพูดว่า 'เขตไหน/จังหวัดไหนเลือกทรท.ยกทีมจะได้รับการดูแลพิเศษ' ก็ไม่ผิดหรือเสียหายใดๆซิ เพราะพูดลอยๆไม่มีหลักฐานว่าได้กระทำอย่างที่พูดในเรื่องดังกล่าว


ตรรกะเดียวกันเด๊ะเลยน๊า :slime_smile2:

โอ๊ว ... ขอบใจที่ยกเรื่องนี้มา
แบบทักษิณพูดที่นครสวรรค์นั่นแหละ คือการขู่ประชาชนอย่างแท้จริงเลย 5 5 5

นี่เป็นภาพถ่ายหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์...ซึ่งมองเกือบไม่เห็น......วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ท่านจะมองเห็นพานสีทองๆ ตรงที่มีโครงเหล็กรูปสี่เหลี่ยม สีดำช่องที่สามบนสุด
ซึ่งก่อตั้งมานานนม...โดยส่วนตัวแล้ว......ผมคิดว่า.....น่าจะสร้างใหม่ให้...เด่นเป็นสง่าสมศักดิ์ศรี.... บุรีรัมย์
ใครผ่านไปมา..แขกไป..ไทย มา...เขมร ผ่านจะได้เห็นกันชัดๆว่าบุรีรัมย์มีดี(น่าจะดีกว่าหรือใกล้เคียงบรรหารบุรี)ด้วยซ้ำ

ที่เรื่มจากภาพก็เพราะอย่างน้อยท่านที่ไม่เคยไปก็จะได้เห็นไปด้วยครับ...
และต่อไป....จะแนะของดีบุรีรัมย์ไปพร้อมๆกับการสร้างบุรีรัมย์โมเดลครับ
 

*  ขออนุญาต  คุณ  Scorpio6  ...  จขกท. นะคะ

    ขอชื่นชมคนบุรีรัมย์ท่านหนึ่ง ......  ที่เป็น สมาชิก เวปเสรี คือ  คุณ   prig sir   
    ( คนละคนกะคุณ พริกขี้หนู  นะค่ะ    :slime_bigsmile:   )

    แม้ว่า ...  ทุกวันนี้คุณ  prig sir  จะไม่ค่อยได้มาโพสแสดง  คห.  ที่นี่

    แต่สิ่งที่คุณ  prig sir  ทำคือ  คนหนึ่งคนที่  ลงสนามจริง  +  ขึ้นเวทีจริง +  ทำกิจกรรมจริง ๆ แบบเต็มเหนี่ยวมาตลอด

    ส่วนหนึ่งของการรณรงค์ที่ผ่านมา ...  อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าที่คุณ prig  ทุ่มเทลงไปมันส่งผลเป็นรูปธรรม
    ถ้าคุณ prig sir มาอ่านเจอ ....  see - u  นับถือนะค่ะ   :slime_smile:

ขอบคุณครับ.....คุณsee-u :slime_v:
ลุงแคนก็แนะนำให้ตามหากันอยู่ครับ...ยังไม่เจอกันเลย
ใครรู้จักหรือพบเจอ..ช่วยให้เราได้พบเจอันด้วนเถิด..เจ้าประคู้ณ :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship:

ผมจะตามต่อไปนะครับ :slime_bigsmile:

*  บ่ เป็น หยัง  ....  แล้วจะเป็นแม่สื่อส่งข่าวให้ค่ะ  :slime_v:
    ว่าแร่ววว  ....  เขียนต่อเหอะจ้า  กำลังตามอ่านเนื้อหา ทู้ อยู่   :slime_smile:

รูปแบบการหาเสียงในบุรีรัมย์
ยุคแรกๆ ปี๒๔๗๖-๒๕๐๐  จะใช้วิธีการให้ผู้สมัคร ส.ส.เข้าไปหาเสียงด้วยตนเองในหมู่บ้าน โดยจัดให้มีแสดงมหรสพ
 ฉายภาพยนตร์แล้วก็ปราศรัยหาเสียง มีการติดใบปลิวหาเสียง บางครั้งใช้วิธี ผู้สมัครจัดหาสุราไปดื่มและลงไปกินต้มไก่กับชาวบ้าน
ยุคถัดมา ๒๕๑๒-๒๕๑๙  นอกจากฉายหนัง มีดนตรีแสดงแล้ว ยังมีบริการตัดผมฟรี แล้วก็เริ่มมีการแจก สิ่งของอุปโภค บริโภค
 เช่น หมาก พลู ยาแก้ปวด น้ำปลา ปลากระป๋อง ไม้ขีดไฟและรองเท้า(ให้ข้างเดียวก่อน)ถ้าได้รับเลือกตั้งแล้วจะกลับมาแจกอีกข้าง
ยุคก่อนการปฏิรูปการเมือง ๒๕๒๒-๒๕๔๐ การหาเสียงเริ่มมีการแจกเงินควบคู่กับสิ่งของ เช่น เสื้อ ผ้าถุง ลูกเป็ด กล้าไม้
และเริ่มมีการจัดตั้งหัวคะแนน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำสตรี ครู ข้าราชการท้องถิ่น โดยจัดตั้งถึงระดับชุมชน หมู่บ้าน ทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ต้องไปปราศรัยเหมือนเมื่อก่อน ใช้วิธีแบบการขายตรงมาใช้ โดยดูแลหัวคะแนนอย่างต่อเนื่อง มีการให้เงินกองทุนกลุ่มแม่บ้าน พากลุ่มต่างๆเช่น แม่บ้าน
กลุ่มหัวคะแนนที่จัดตั้งไปดูงานต่างจังหวัดแล้วแจกเบี้ยเลี้ยง จัดเลี้ยงโต๊ะจีนเป็นระยะ ส่วนคู่แข่งก็จะใช้วิธีการข่มขู่จะฆ่าทิ้ง หรือข่มขู่ญาติหากญาติเป็นข้าราชการ
ก็จะข่มขู่จะย้ายออกจากจังหวัด แล้วก็ทำจริงๆ รวมไปถึงการปิดหมู่บ้านไม่ให้คู่แข่งเข้าไปปราศรัย หาเสียงได้ และไม่ให้คู่แข่งเข้าไปแจกเงินได้เพราะตัวเองแจก
ไว้ก่อนแล้ว หัวคะแนนที่เป็นระดับผู้นำชุมชน หมู่บ้านได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำและทำงานสนอง"นายใหญ่"หรือผู้สมัคร ส.ส.อย่างออก หน้าออกตา
ระยะหลังสุดมีการทุจริตในกระบวนการเลือกตั้ง มีการเวียนเทียน ไพ่ไฟ คณะกรรมการไม่เป็นกลาง และการทุจริต ซับซ้อนมากขึ้น

ขอบคุณลุงถึก(สไลเดอร์)......ทำให้ผมไปเจอ......... คุณ prig sir... จนได้  :slime_agreed:
ถ้าเดาไม่ผิด(Oh my......)......................นึกว่าใครถ้าบอกไปเป็นร้องอ๋อ :slime_sentimental:
เพราะที่ผ่านมาก็มีคุณprig sir นี่แหละครับที่ผมเจอกัน ประชุมกัน ประสานงาน
ในบุรีรัมย์.. หลายครั้ง.....เวทีในราชภัฎโคราช...และ.........เวทีสนามหลวง.
ถ้าจะสาวราวเรื่องก็........โน่นแหละครับนักการเมือง และข้าราชการอ้างประชามติอัปยศ
สร้างสะพานข้ามแม่น้ำมูล อำเภอสตึก บุรีรัมย์
รูปนี้ผมถ่ายไว้....ในวันประชามติที่ หอประชุมอำเภอข้างแม่น้ำมูล..
แล้วก๊อปมาถ่ายไส่กล้องให้ชมกัน...วันนี้เอง แล้ว ผมจะติดต่อหาคุณprig sir ครับ :slime_v: :slime_v: :slime_v:
แล้วผมจะโทรหากันครับ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ผมโทรไปแล้วไม่ติดครับลุงถึก...ไว้ลุงถึกออนไลน์อีกทีครับจะหลังไมค์
หรือพรุ่งนี้ผมจะต่อหาคุณ prig sir ดูอีกทีเผื่อ พรรค พวกทนายในบุรีรัมย์
จะติดต่อกับคุณrig sir ได้ครับ......ขอบคุณครับที่ทำให้เราได้เจอกันใน
เสรีไทย แห่งนี้............................ :slime_v:

ขอบคุณ คุณลุงปุ ครับ...ที่ให้ข่าว.....และชี้แนะให้ท่านปรมาจารย์ เจได ตอบท่านเท้าฯ เพียง หนึ่ง คคห.ก็พอ  :slime_v:

นัยว่า.ปัจจัยที่ให้..บุรีรัมย์โมเดล สัมฤทธิ์เป็นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ได้ครับ(แต่ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกพื้นที่นะครับ)
๑.คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ต้องเป็นกลาง(จริงๆ)...เห็นด้วยครับ.ก็มียุคนี้แหละที่ กกต.บุรีรัมย์ถูกเปลี่ยนได้ชัดเจน
๒.ข้าราชการระดับจังหวัดต้องทำงานหนักครับจริงๆก็มีส่วนมากเพราะ ขรก.ระดับจังหวัดต้องควบคุมผู้นำระดับหมู่บ้านให้อยู่และหากพบทุจริต
   ก็ต้องเอาจริงเป็นรายๆไป(ลองกลับไปอ่าน ประวัติการเมืองบุรีรัมย์ประกอบ ข้างบนนะครับ)จะเห็นว่าหากควบคุมผู้นำชุมชนไม่ได้ก็จะกลับไปสู่ปัญหาซ้ำซากแบบเดิม
๓.ผู้บังคับบัญชาของตำรวจระดับจังหวัดต้องให้ความร่วมมือสอบสวนเอาจริง...ใครข่มขู่ ใครกระทำการใดที่ส่อไปในทางทุจริตต้องไม่ปกป้องคนผิด
   ไม่นิ่งดูดายธุระไม่ใช่  จริงๆที่ผ่านมาในกระบวนการตรวจสอบเลือกตั้ง ผมชื่นชมตำรวจตระเวนชายแดนครับ...ต้องมาจากนอกพื้นที่..สลับจังหวัดกัน
    แต่ไม่ใช่สลับกันของตำรวจไปช่วยนักการเมืองเหมือนที่ผ่านมาในอดีตนะครับ..อย่างนั้นก็เกินไป
    ต่อๆไปจะเล่าเรื่องการตรวจสอบเลือกตั้งในอดีตและผลของการตรวจสอบครับว่า....ขนาดใหน  :slime_hitted:

เลือกตั้งที่จะถึงนี้คงจะมันส์น่าดูน่ะค่ะคุณ Scorpio6
อย่าลืมเก็บบรรยากาศมาเล่าให้ฟังอีกน่ะค่ะ

ขอขอบคุณครับ คุณScorpio6  ที่มาเล่ารายละเอียดซึ่งนำมาให้มองเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น ตัวผมเองก็คนในพื้นที่แท้ ๆ คนหนึ่ง บางเรื่องผมเองยังเข้าไม่ถึงครับ แต่ได้รับรู้ข้อมูลมาจากญาติ ๆ ก็พอสมควร  ยอมรับว่าบุรีรัมย์ นักการเมืองใหญ่วางรากฐานได้แน่นหนา พอสมควร ถ้าคนฝ่ายตัวเองแพ้ คนฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ได้ไม่นาน อีกไม่นาน กำนัน หรือ ผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องเลือกใหม่  ขนาดในตำบล ของผม กำนันเลือกมาหลาย ๆ ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน  ส่วนไอ้ที่เข้ามาได้ ชาวบ้านในละแวกนั้น ถึงกับกล่าวว่า ร่ำรวยผิดปกติ จะทำให้เห็นความแตกต่างจากชาวบ้านระดับรากหญ้าจริง ๆ  ..

เชือด "ลิง" ให้ "ไก่" ดู ครับ ใครเป็นลิง เป็นไก่ คิดกันเองละกันครับ  :slime_o:

ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Scorpio6  ครับ รวมถึงทุกๆท่านที่กำลังทำหน้าที่ภาคประชาชน
อย่างเต็มความสามารถครับ... :slime_agreed:

คนนี้ ก็พี่ชายเพื่อนผมเองเลย นะเนี่ย คงต้องเปลี่ยนแปลงในรุ่นของพวกเรา แล้วหวังว่าคนรุ่นใหม่คงจะได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะครับ
 :slime_v:

เมื่อก่อนเข้าใจว่า คนขายเสียงไม่ผิด แต่ไปผิดที่ผู้ซื้อเสียง

แต่กฎหมายใหม่ให้เอาผิดผู้ขายเสียงด้วย ใครรับเงินรับของก็ผิดกฎหมายแล้ว

คงต้องรอดูผลละครับว่า เส้นทางการเงินจะมาถึง กกต. หรือไม่

เมื่อก่อนซื้อกันโจ๋งครึ่ง ประชาชนก็บอก กกต. ได้

เที่ยวนี้ จะได้รับความร่วมมือหรือไม่ ยังน่าเป็นห่วง

เพราะเดี๋ยวนี้เค้าไม่ค่อยออกมาในคืนหมาหอนแล้วครับ

แต่เท่าที่ กกต.ให้ข่าวมา บอกว่า เริ่มส่งสายเข้าประกบ "หัวคะแนน" แล้ว

ใครมีร่างกฎหมายเลือกตั้ง หามาดูกันหน่อยครับ

ประสบการณ์คืนหมาหอนกับหัวคะแนนก่อนออกแบบบุรีรัมย์โมเดลครับ
ประสบการณ์เมือ่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลัง รธน.ปี ๔๐...เมื่อการตรวจสอบเข้มข้นขึ้นจากประชาชน
นักการเมืองไม่แจกในคืนหมาหอนครับ เพราะอันตรายจากการตรวจสอบ เขาบอกว่าเป็นพวกก้างขวางคอ
ในอดีตนั้น.......การซื้อเสียงเริ่มก่อนการเลือกตั้งโดยการแจกเงิน,แจกสิ่งของหรือแจกเงินในคืนหมาหอน
โดยเฉพาะบุรีรัมย์..........ชาวบ้านส่วนหนึ่งจะพากันรอ"ขบวนเงิน"ตั้งแต่หัวคำจนถึงฟ้าสาง...(ซอดแจ้ง)
มีการจัดตั้งเวรยามสลับสับเปลี่ยนกันโดย.....กลุ่มหัวคะแนนระดับต่างๆจนถึงหลังการเลือกตั้งเลยทีเดียว
หัวคะแนนระดับหมู่บ้านจะให้เงินกลุ่มเยาวชนเช่นเด็กเกเรในแต่ละชุมชน(เพราะกลุ่มนี้ต้องการเงิน)
ไม่สนเรื่องการเลือกตั้งหรือธรรมาภิบาลที่นักวิชาการวางคำหรูไว้หรอกครับ ขอเขามีเงินใช้ในวันนั้น
และให้เหล้าขาว บุหรี่ มีเงินเติมน้ำมันมอเตอร์ไซด์...นั่งกันเป็นกล่มอยู่หน้าหมู่บ้าน  ศาลากลางบ้าน
กองฟางก่อนเข้าหมู่บ้าน..ก็สุขโขแล้ว
หัวคะแนนชั้นถัดมา  นั่งรถปิคอัพ (มิสซูฯ)ทั้งโฟร์วีล สี่ประตูและแคปธรรมดา
เป็นคนมาจากในเมืองหรือต่างอำเภอ พวกนี้จะเป็นคนชั้นกลาง คือพอมีอันจะกิน เป็นเจ้าของกิจการรับเหมา
เป็นเพื่อนในวงในที่เข้าออกบ้านใหญ่ บางครั้งก็จะเป็นนายทุนน้อยจากต่างจังหวัดสลับกันในอีสานใต้จากบุรีมย์
สุรินทร์ ศรีสะเกษ จนถึงอุบลฯ บ้านลุงแคนครับ
หัวคะแนนของแท้ต้องไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ร่างท้วม ตัวใหญ่ คอสั้นอยู่ตามมุมมึดเช่นสี่แยก มุมวัด
จะอยู่ไกล้กับหัวคะแนนอีกกลุ่มหนึ่งคือ ผู้นำชุมชนเช่นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน อบต.หรือ ส.จ.
อีกพวกหนึ่งคือข้าราชการในเครื่องแบบที่นายสั่งมา แต่เวลาทำการจะมองไม่ออกเลยครับ ถ้าเป็นคนอกพื้นที่
จะไม่ค่อยรู้ทางก็อาศัยประกบบ้านหัวคะแนนในชุมชนเพื่อป้องกันการปล้นเงินที่จะใช้ในการซื้อเสียง
เพราะต่างฝ่ายต่างใช้เงินเป็นหลัก...
หัวคะแนนแต่ละฝ่ายจะเป็นกลุ่มต่างๆดังที่กล่าวมา........ แต่เมื่อการขนเงินก็จะเป็นอีกลุ่มหนึ่งครับ
ทีมนี้น่ากลัวกว่าทุกกลุ่มที่กล่าวมา เพราะเป็นกลุ่มที่ติดอาวุธมีรถเคลื่อนที่เร็ว..มีวอคกี้ ทอคกี้
หากกลุ่มตรวจสอบไม่ระวังจะโดนทีมนี้ประกบ หน้าหลัง.........แบบแรพเตอร์ในจูราสิสพาร์ค....
ถึงกระนั้นก็เหอะครับแม้ทีมตรวจสอบอันประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่จาก กกต.ทั้งทหารและตำรวจตระเวนชายแดน
หากพากันอ่อนหล้าหลังงานตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง...ไม่สลับจัดเวรยามแน่นหนา..ใจไม่หนัก
สิ่งที่หัวคะแนนกลุ่มต่างๆ พวกนี้หากปฏิบัติการ ในคืนหมาหอนไม่สำเร็จจะเปลี่ยนมาเป็นการแจกหน้าหน่วยเลือกตั้งแทน
โปรดติดตาม

เลือกตั้ง 48 รู้สึกจะมีการจับกุมกลุ่มเนวินเรื่อง นำเงินไปแจกที่เดชอุดม อุบลราชธานี

ใช้เส้นทางสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม

ขับรถขนเงินไปกัน 2 คัน เนวินอยู่รถคันหลัง ไม่พกเงิน

รถคันแรก โดนจับ พกเงินเป็นล้านโดนล็อค

ส่วน รถคันเนวินนั่ง..."รอด"

นักการเมืองใหญ่ในบุรีรัมย์ไม่ทวนน้ำมูนขยายปีกไปทางเมืองย่าโมครับ......แต่ใช้เส้น.....ทางตามสายน้ำมูนจากบุรีรัมย์ไปสุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อย่างที่ลุงแคนว่าครับ  เขาเรียกว่า สายบ้านใหญ่ สายนี้ใหญ่จริงคุณก็รู้.....หากไม่ชัดมารู้จักไปพร้อมๆกันครับ...มีคำกล่าวไว้ว่า"หากได้ชิด แล้วจะชอบ".....

นายเนวิน ชิดชอบ ที่อายุจะครบ 48 ปีเต็มในวันที่ 4 ตุลาคม 2549 พ่อคือ นายชัย ชิดชอบ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทั้ง ส.ท., ส.จ. และ ส.ส.หลายสมัย ที่เป็นที่รู้จักกันดี เมื่อเนวิน อายุ 27 ปี เขาเริ่มเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น ลงสมัคร ส.จ.ปี 2528 ช่วงนั้นเขาสำเร็จการศึกษารระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปี 2531 ลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรกในนามพรรคสหประชาธิปไตย และชนะการเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก และการเลือกตั้งครั้งนั้น “วีระ มุสิกพงศ์” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ถูกฟ้องในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยมี “ชัย ชิดชอบ” เป็นแกนนำ ผลการเลือกตั้งเนวินแจ้งเกิดได้ แต่กำนันชัย อดีต ส.ส.4 สมัย สอบตกครั้งแรกในชีวิต เพราะถูกม้ามืดอย่าง “วุฒิพงศ์ เหลืองอุดมชัย” จากพรรคเสรีนิยมเบียด

ส.ส.สมัยแรกของเนวิน เขาคว้าตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และช่วงท้ายของรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ ปี 2534 รับตำแหน่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลือกตั้งปี 2535/1 เนวินย้ายพรรคลงสมัครในนามพรรคสามัคคีธรรม ร่วมทีมกับ ดร.อนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ ชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เนวิน กับ อนุวรรตน์ สอบได้ แต่ ชัย ชิดชอบ สอบตกรอบ 2 และนี่คือทางแยกที่สำคัญของบุรีรัมย์ เมื่อ ”เนวิน” แตกคอกับอนุวรรตน์ กระทั่งเลือกตั้งปี 2535/2 เมื่อสามัคคีธรรมสลาย เนวิน กับ ชัย ลงสมัครในนามพรรคชาติไทย และชนะการเลือกตั้ง

ช่วงปี 2536-2537 บทบาทของเนวินโดดเด่นขึ้นในฐานะแกนนำกลุ่ม 16 ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของนักการเมืองหนุ่มที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ทั้งการอภิปรายในสภาที่ผ่านการทำการบ้านอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้น การขุดคุ้ยเรื่อง ส.ป.ก.4-01 ที่ฝากบาดแผลอันเจ็บปวดให้แก่ประชาธิปัตย์จนยากจะลืมเลือน

ความโดดเด่นของเนวิน ที่เปล่งรัศมีบดบังนักการเมืองรุ่นเก่าทำให้เขาได้รับบำเหน็จให้เป็น รมช.การคลัง ปี 2538 ต่อมาปี 2540 ยังได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และช่วงนี้เอง ที่นอกจาก เนวิน จะเป็นผู้นำกลุ่มบุรีรัมย์ เต็มตัว ดูแล ส.ส.ในย่านอีสานใต้หลายจังหวัด และโดยอำนาจหน้าที่ของเขาทำให้มีโอกาสสูบแกนนำเกษตรกรหลายคนในการนำเสนอโครงการต่างๆ กับกระทรวงเกษตรฯ แล้วให้คนใกล้ชิดนำไปใช้เป็นเงื่อนไขในการสร้างมวลชนในระดับพื้นที่อย่างกว้างขวาง และหนึ่งในจำนวนนั้น มี "คำตา แคนบุญจันทร์" ที่ต่อมาเป็นหนึ่งในแกนนำคาราวานคนจน ที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ

เมื่อพรรคชาติไทยร่วมรัฐบาลทักษิณ 1 หลังการเลือกตั้งปี 2544 เนวินในฐานะผู้นำกลุ่ม ส.ส.บุรีรัมย์และอีสานใต้ ได้รับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ และเมื่อการเลือกตั้งปี 2548 กลุ่มของเนวินย้ายเข้าไทยรักไทยเต็มตัว ช่วงแรกภายในพรรคมีการต่อต้านกระแส "ยี้" แต่โควตารัฐมนตรีก็ยังเป็นของเขา จนได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และต่อมาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 2 สิงหาคม 2548

ตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่นักการเมืองหลายคนพยายามหลบเลี่ยงที่จะเป็น เพราะไม่ต่างกับรัฐมนตรีเทกระโถน หากแต่ เนวินกลับทำให้ตำแหน่งนี้มีราคาขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง นั่นเพราะเขารู้วิธีการสร้างราคาให้แก่ตัวเอง โดยการทำอะไรแบบสุดๆ จนหลายคนเรียกใช้บริการเขา

"สมัยก่อน คนเรายังโง่...วันนี้ต่อให้ผมมีมือมีเงิน แต่ถ้าทำงานไม่ได้ นายกฯ ก็ไม่ใช้ผม รัฐมนตรีก็ไม่ใช้ผม วันนี้ลองไปถามดูว่า รองฯ สมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) ใช้ผมหรือไม่ ก็ใช้...ท่านทนง (พิทยะ) ใช้ผมหรือไม่ ก็ใช้ เวลามีปัญหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับผม ผมก็ทำหน้าที่ไปเท่านั้นเอง จุดสุดท้ายสำหรับชีวิตทางการเมืองผมคือแบบนี้แหละ ไม่ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่สำหรับผมคือ ถ้ามีปัญหา คนต้องนึกถึงเนวิน ผมต้องการจบชีวิตการเมืองเท่านี้" นั่นคือคำให้สัมภาษณ์ของเนวิน ที่กล่าวกับนักข่าว ซึ่งสะท้อนตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี

ในช่วงสถานการณ์กดดัน "ทักษิณ ออกไป..." เนวินกลายเป็นเงาตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกหนทุกแห่ง จนเรียกว่าเป็น "ผู้จัดการ" ก็ไม่ผิด

การเดินสายต่างจังหวัดของ พ.ต.ท.ทักษิณ สลับกับการตรวจราชการในชนบท ถูกจัดอย่างเป็นระบบ ทั้งโครงการคาราวานแก้จน การแจกเอกสารสิทธิ ติดตามการดำเนินการ ตามโครงการเอสเอ็มแอล รวมทั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง และจบงานแต่ละวันโดยการปราศรัยใหญ่ โดยการสนับสนุนหลักจากกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นแม่งานใหญ่ โดยการจัดการของเนวิน ชิดชอบ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปไหนในต่างจังหวัด เนวิน จะเป็นผู้เก็บทุกรายละเอียด ตั้งแต่ออกแบบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงคน ต้องรับดอกไม้ ผ้าขาวม้า และเข้าพบผู้นำชุมชน และการออกงานทุกครั้งจะต้องมีการซ้อมคิวอย่างละเอียด การพบกับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่แต่ละครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคอยชำเลืองดูเนวินว่าจะผายมือไปทางใคร จะเดินเข้า-ออกทางไหน ไม่ว่านายตำรวจติดตามจะกำหนดไว้อย่างไร หากเนวินจะเปลี่ยนกะทันหันก็ไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้าและ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องเดินตาม

นั่นคือ "บารมี" ของเนวิน ที่ทั้งนักการเมือง และข้าราชการในต่างจังหวัดต่างรู้ซึ้งว่า เรื่องทุกเรื่องหากถึงมือเขาแล้วพลาดยาก

คัดจากเส้นทาง2ขุนพลคู่ใจทักษิณ"เนวิน-ยงยุทธ"จากวันคืนสดใสสู่วันที่ร่วงโรย 
โดย คม ชัด ลึก วัน ศุกร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2549 07:25 น.

“กกต.” บุรีรัมย์เปิดเบื้องหลังโค่นวิชามาร “ชิดชอบบุรี” - พลิกรับร่าง “รธน.” 1 ใน 2 จว.อีสาน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ประธาน กกต.บุรีรัมย์ เปิดเบื้องหลังโค่นวิชามารคว่ำร่าง รธน.ส่งผล ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิประชามติพลิกความคาดหมายกลายเป็น 1 ใน 2 จังหวัดภาคอีสานที่ “เห็นชอบ” มากกว่า “ไม่เห็นชอบ” เหตุทุกภาคส่วนทั้ง กกต.ฝ่ายปกครอง ทหาร ตร.และเอกชน ระดมพลเข้าต่อต้านและตรวจสอบอย่างเต็มกำลัง ผนวกกับชาวบุรีรัมย์เริ่มรู้รักศักดิ์ศรี ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงภาพลักษณ์เปลี่ยนการเมืองน้ำเน่า “ชิดชอบบุรี” ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เชื่อส่งผลดีถึง เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ครั้งใหม่

นายเกษม วัฒนธรรม ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ได้วิเคราะห์ถึงกรณีที่ จ.บุรีรัมย์ กลายเป็น 1 ใน 2 จังหวัดในภาคอีสานที่ประชาชนใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติ “เห็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มากว่า “ไม่เห็นชอบ” ชนิดพลิกความคาดหมายของทุกฝ่าย ทั้งที่เป็นจังหวัดเป้าหมายถูกจับตามองระดับประเทศ และมีการเคลื่อนไหวคว่ำร่าง รธน.สารพัดรูปแบบทั้งการแจกสิ่งของ จ่ายเงินซื้อเสียง สัญญาว่าจะให้รุนแรงที่สุด ว่า การที่ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ และผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบร่าง รธน.มากกว่าไม่เห็นชอบ ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญเป็นแรงจูงใจหลัก เพราะสามารถแก้ไขเพิ่มได้ในภายหลัง

แต่เกิดจากหลายปัจจัยสำคัญ เช่น ประชาชนชาวบุรีรัมย์เริ่มมีความรู้ ตื่นตัว รู้รักศักดิ์ศรีของตัวเอง ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ทางการเมืองของจังหวัด ที่ถูกมองว่าเป็นจังหวัดที่มีการซื้อสิทธิขายเสียงทุกรูปแบบมาช้านาน ประกอบกับภาครัฐทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเอกชน รวมถึงหลายกลุ่มองค์กรภาคประชาชน เข้ามาร่วมกันรณรงค์ต่อต้านและตรวจสอบ ให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการลงประชามติกันอย่างเต็มที่

ยิ่งไปกว่านั้นยังได้มีสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สื่อสิ่งพิมพ์ เข้ามาตรวจสอบ รายงานเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง จนกลุ่มบุคคลต่อต้านไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว เกรงจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตัวเองให้เสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งกำลังถูกรุมเร้าจากหลายด้านหลายกรณี

“หากการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ที่ใกล้จะมาถึงนี้ หลายฝ่ายร่วมมือกันต่อต้านขัดขวางการชื้อสิทธิขายเสียงอย่างจริงจัง อย่างเช่น การลงประชามติในครั้งนี้ เชื่อว่า การเมืองที่ จ.บุรีรัมย์ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ และอยากให้เป็นอย่างแน่นอน” นายเกษม กล่าว

ด้าน นายถาวร จันทร์สม อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ผลการลงประชามติร่าง รธน.ครั้งประวัติศาสตร์ที่ จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ทาง กกต.ภาครัฐ เอกชน และกลุ่มองค์กรต่างๆ พร้อมทั้งสื่อมวลชนได้เข้ามาตรวจสอบร่วมกัน ทำให้กลุ่มผู้ที่จะออกมาเคลื่อนไหวซื้อเสียงชักนำชาวบ้านไม่ให้ไปลงประชามติ ไม่กล้าที่จะออกมากระทำการจ่ายแจกเงิน หรือสิ่งของ ซึ่งทำให้ตนมั่นใจตั้งแต่แรกว่าประชาชนที่มาลงประชามติจะรับร่างมากกว่าไม่รับร่างรธน.ตามความคาดหมาย จากที่เคยคิดเคยคาดมาตลอดว่าการเมืองบุรีรัมย์จะเป็นการเมืองน้ำเน่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้เลย

“ผลการลงประชามติที่ออกมาในครั้งนี้ เชื่อว่า ไม่ใช่เนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นแรงจูงใจหลักให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ออกมาใช้สิทธิลงประชามติรับร่าง แต่ปัจจัยหลักคงเป็นเพราะต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และต้องการให้ประเทศชาติกลับเข้าภาวะปกติมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะบุรีรัมย์หากแต่เป็นปัจจัยสำคัญของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งประเทศด้วยซ้ำไป” นายถาวร กล่าว

ทั้งนี้ จ.บุรีรัมย์ มีผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติทั้งจังหวัด 1,087,307 คน มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 564,990 คน คิดเป็นร้อยละ 51.96 จากที่ทางจังหวัดตั้งเป้าไว้จะมีผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนผู้มีสิทธิทั้งจังหวัด

โดยผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเห็นชอบจำนวน 305,075 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 53.99 ไม่เห็นชอบ 247,891 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 43.87 บัตรเสีย 12,021 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.12 ส่วนต่างเห็นชอบมากกว่า 57,184 คะแนน

โดยแยกเป็นอำเภอทั้ง 21 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอดังนี้

1.อ.เมือง ผู้มีสิทธิ 146,586 คน มาใช้สิทธิ 79,848 คน เห็นชอบ 47,324 คะแนน ไม่เห็นชอบ 30,574 คะแนน บัตรเสีย 1,948 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 16,750 คะแนน

2.อ.ลำปลายมาศ ผู้มีสิทธิ 96,053 คน มาใช้สิทธิ 50,238 คน เห็นชอบ 27,815 คะแนน ไม่เห็นชอบ 21,519 คะแนน บัตรเสีย 903 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 6,296 คะแนน

3.อ.ประโคนชัย ผู้มีสิทธิ 92,900 คน มาใช้สิทธิ 45,438 คน เห็นชอบ 30,772 คะแนน ไม่เห็นชอบ 13,722 คะแนน บัตรเสีย 944 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 17,050 คะแนน

4.อ.สตึก ผู้มีสิทธิ 77,781 คน มาใช้สิทธิ 45,438 คน เห็นชอบ 20,982 คะแนน ไม่เห็นชอบ 15,563 คะแนน บัตรเสีย 811 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 5,419 คะแนน

5.อ.นางรอง ผู้มีสิทธิ 77,954 คน มาใช้สิทธิ 45,165 คน เห็นชอบ 27,058 คะแนน ไม่เห็นชอบ 17,269 คะแนน บัตรเสีย 838 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 9,789 คะแนน

*6.อ.กระสัง ผู้มีสิทธิ 71,756 คน มาใช้สิทธิ 33,255 คน เห็นชอบ 13,498 คะแนน ไม่เห็นชอบ 18,840 คะแนน บัตรเสีย 917 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 5,342 คะแนน

*7.อ.หนองกี่ ผู้มีสิทธิ 48,348 คน มาใช้สิทธิ 26,094 คน เห็นชอบ 10,985 คะแนน ไม่เห็นชอบ 667 คะแนน บัตรเสีย 442 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 3,682 คะแนน

8.อ.คูเมือง ผู้มีสิทธิ 47,625 คน มาใช้สิทธิ 24,447 คน เห็นชอบ 16,785 คะแนน ไม่เห็นชอบ 7,216 คะแนน บัตรเสีย 446 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 9,569 คะแนน

9.อ.บ้านกรวด ผู้มีสิทธิ 50,452 คน มาใช้สิทธิ 25,555 คน เห็นชอบ 14,171 คะแนน ไม่เห็นชอบ 10,817 คะแนน บัตรเสีย 567 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 3,354 คะแนน

10.อ.ละหานทราย ผู้มีสิทธิ 48,510 คน มาใช้สิทธิ 24,188 คน เห็นชอบ 14,569 คะแนน ไม่เห็นชอบ 9,202 คะแนน บัตรเสีย 417 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 5,367 คะแนน

*11.อ.หนองหงส์ ผู้มีสิทธิ 34,639 คน มาใช้สิทธิ 18,148 คน เห็นชอบ 7,412 คะแนน ไม่เห็นชอบ 10,435 คะแนน ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 3,023 คะแนน

*12.อ.พุทไธสง ผู้มีสิทธิ 34,366 คน มาใช้สิทธิ 18,696 คน เห็นชอบ 6,302 คะแนน ไม่เห็นชอบ 12,023 คะแนน บัตรเสีย 371 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 5,721 คะแนน

*13.อ.นาโพธิ์ ผู้มีสิทธิ 24,599 คน มาใช้สิทธิ 12,847 คน เห็นชอบ 5,542 คะแนน ไม่เห็นชอบ 7,052 คะแนน บัตรเสีย 253 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 1,510 คะแนน

14.อ.พลับพลาชัย ผู้มีสิทธิ 29,163 คน มาใช้สิทธิ 13,286 คน เห็นชอบ 7,083 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,896 คะแนน บัตรเสีย 307 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 1,187 คะแนน

15.อ.ปะคำ ผู้มีสิทธิ 31,018 คน มาใช้สิทธิ 16,763 คน เห็นชอบ 8,314 คะแนน ไม่เห็นชอบ 8,116 คะแนน บัตรเสีย 333 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 198 คะแนน

16.อ.เฉลิมพระเกียรติ ผู้มีสิทธิ 28,860 คน มาใช้สิทธิ 15,454 คน เห็นชอบ 8,042 คะแนน ไม่เห็นชอบ 7,088 คะแนน บัตรเสีย 324 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 954 คะแนน

*17.อ.ห้วยราช ผู้มีสิทธิ 25,189 คน มาใช้สิทธิ 13,356 คน เห็นชอบ 6,409 คะแนน ไม่เห็ยชอบ 6,530 คะแนน บัตรเสีย 417 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 121 คะแนน

*18. อ.ชำนิ ผู้มีสิทธิ 23,958 คน มาใช้สิทธิ 12,724 คน เห็นชอบ 6,055 คะแนน ไม่เห็นชอบ 6,349 คะแนน บัตรเสีย 320 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 294 คะแนน

*19.กิ่ง อ.บ้านด่าน ผู้มีสิทธิ 21,319 คน มาใช้สิทธิ 10,910 คน เห็นชอบ 4,797 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,808 คะแนน บัตรเสีย 305 คะแนน ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 1,011 คะแนน

*20.กิ่ง อ.แคนดง ผู้มีสิทธิ 22,193 คน มาใช้สิทธิ 11,672 คน เห็นชอบ 5,585 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,799 คะแนน บัตรเสีย 288 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 214 คะแนน

21.อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ผู้มีสิทธิ 19,398 คน มาใช้สิทธิ 10,499 คน เห็นชอบ 5,270 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,060 คะแนน บัตรเสีย 169 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 210 คะแนน

22.อ.โนนสุวรรณ ผู้มีสิทธิ 16,463 คน มาใช้สิทธิ 9,801 คน เห็นชอบ 4,932 คะแนน ไม่เห็นชอบ 4,685 คะแนน บัตรเสีย 184 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 247 คะแนน

23.อ.โนนดินแดง ผู้มีสิทธิ 18,177 คน มาใช้สิทธิ 9,250 คน เห็นชอบ 5,373 คะแนน ไม่เห็นชอบ 3,661 คะแนน บัตรเสีย 216 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 1,712 คะแนน

ส่วนจำนวนผู้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดที่มาลงทะเบียนแสดงความจำนงไว้ 675 คน มาใช้สิทธิ 509 คน เห็นชอบ 420 คะแนน ไม่เห็นชอบ 85 บัตรเสีย 4 ใบ ผลต่างมีเห็นชอบมากกว่า 335 คะแนน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ในส่วนอำเภอที่มีคะแนนเสียงประชามติไม่เห็นชอบร่าง รธน.มากกว่า เห็นชอบมี 9 อำเภอจากทั้งหมด 23 อำเภอ นั้นส่วนใหญ่เป็นพื้นที่มีการเคลื่อนไหวคว่ำร่าง รธน. ทุกรูปแบบอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่ต้นของกลุ่มนักการเมืองอำนาจเก่า และเจ้าหน้าที่มีหลักฐานพยานชัดเจนถึงขั้น กกต.บุรีรัมย์ แจ้งความดำเนินคดีกับสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ เขต อ.พุทไธสง กลุ่มหัวคะแนนของ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) กับพวกไปแล้วรวม 3 คน และสั่งย้ายด่วนออกจากพื้นที่ ข้าราชการครู อ.ลำปลายมาศ 3 คน พร้อมหัวส่วนราชการระดับจังหวัดอีก 1 คน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 สิงหาคม 2550 01:46 น.
ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000098286
________________________________________

*  เขียนได้ค่อนข้างละเอียดดี  ..........  คงเป็นอีก กระทู้ หนึ่งที่จะเซฟเก็บไว้
    ยังตามอ่านอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ :slime_smile:

   

   

บุรีรัมย์ เป้าหลอก

จะเห็นว่าพื้นที่ "จ.บุรีรัมย์" ถูกจับตามอง ทั้งจาก "ทหาร-ตำรวจ-กกต.-รัฐบาล" มาตั้งแต่ก่อนถึงวันที่ 19 สิงหาคมว่า เป็นพื้นที่ของกลุ่มอำนาจเก่าและมีกระแสข่าวการจ่ายเงินหัวละ 200 บาท ให้ชาวบ้านอยู่บ้านเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ

อีกทั้งก่อนจะถึงวันออกเสียงประชามติ กกต.บุรีรัมย์แจ้งความกับผู้ต้องหาที่กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติได้ถึง 2 คดี คือ 1.แจ้งความที่ สภ.อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ต้องหา 2 คน คือ นายธวัชชัย กมลมุณีโชติ และนายสุนทร ป้องโหน่ง มีของกลางเป็นธนบัตรฉบับละ 100 บาท 4 ฉบับ และ 2.แจ้งความที่ สภ.อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ต้องหา 2 คน คือ นายธวัชชัย กมลมุณีโชติ และนายพิทักษ์พงษ์ เหมพรมมา โดยมีของกลางเป็นธนบัตรฉบับละ 100 บาท 4 ฉบับ รวมถึงมีการแจกใบปลิวบิดเบือนรัฐธรรมนูญเต็มพื้นที่

จึงถือเป็นจังหวัดที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยก่อนจะถึง "คืนหมาหอน" ฝ่ายปกครองได้ส่งข้าราชการทั้งจาก กอ.รมน.ภาค ตรึงกำลังตรวจตราความผิดปกติอย่างเข้มงวด เรียกได้ว่า การเคลื่อนไหวกลุ่มอำนาจเก่าอยู่ใต้การควบคุมของ "คมช.-ข้าราชการ" ทุกฝีก้าว

จนปรากฏว่า มีคะแนนเห็นชอบถึง 305,495 หรือ 55.20% และไม่เห็นชอบเพียง 247,976 หรือ 44.80% แต่จังหวัดใกล้เคียงอย่าง ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอื่นๆ กลับมีคะแนนนำโด่ง เพราะกลุ่มอำนาจเก่าไหวตัวทัน จึงหนีการเพ่งเล็งด้วยการไปทุ่มจังหวัดใกล้แทน

หากสังเกตจากคำพูดของ "เนวิน ชิดชอบ" ที่เอื้อนเอ่ยระหว่างการหย่อนบัตรที่บอกว่า "ถ้าคนมาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง ครม.-คมช.ควรพิจารณาตัวเอง" ที่บอกนัยยะสำคัญว่า ฝ่ายรัฐกำลังหลงกล รุมตีเป้าหลอกและกำลังเสียท่านักการเมือง "ชั้นเซียน" เข้าให้แล้ว เพราะพื้นที่สีแดงไม่มีเฉพาะบุรีรัมย์เท่านั้น แต่กระจายเต็มทุ่งอีสาน  

ที่มา : มติชน (รายวัน) วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10755
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol03210850&day=2007-08-21§ionid=0133

ขอบคุณครับ :slime_smile:

 :slime_v: :slime_v: :slime_v:

ตำรวจแจ้งจับ“เนวิน”และพวก-ปลอมโฉนดรุกที่รถไฟบุรีรัมย์
 
โดย ผู้จัดการรายวัน 14 กันยายน 2550 00:18 น.
 
 
       ตำรวจแจ้งจับ"เนวิน ชิดชอบ"และพวกอีก 7 รวม 8 คน ฐานเป็นตัวการร่วมกระทำผิด และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้กระทำผิด ออก น.ส.3 ก.ทับที่สาธารณประโยชน์ และปลอมแปลงน.ส.3 ก.รวม 11 แปลง ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พฤติกรรมเจตนา"โกง"ชัดเจน
       
       วานนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.เสวก อรุณรุมแสง รองผกก.(ป.)สภ.อ.นาทม จ.นครพนม เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ลาภ โสภา พงส.(สบ.3) พ.ต.ท.โอฬาร สุขเกษม พงส.(สบ.3) และพ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้งรัตนานุรักษ์ พงส.(สบ.2) กลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.ณพรรษ เย็นสุดใจ ผบก.ทล. หัวหน้าชุดสืบสวนที่ 1 ซึ่งได้รับบันทึกสั่งการ รรท.ผบ.ตร. ลงวันที่ 24 ส.ค. 2550 ท้ายหนังสือ ตค ที่ 0031.212/- ลงวันที่ 8 ส.ค.2550 และหนังสือรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. /หน.พนักงานสืบสวน ที่ 0126/42 ลงวันที่ 10 ก.ย. 2550 ให้ดำเนินการตามรายงานผลการสืบสวนของคณะพนักงานสืบสวน
       
       ตามคำสั่งที่ 155/2550 ลงวันที่ 23 มี.ค. 2550 กรณีพนักงานสืบสวนตรวจสอบพบ เจ้าพนักงานที่ดินออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และมีนายเนวิน ชิดชอบ ร่วมกระทำความผิดในฐานผู้สนับสนุน โดยออก น.ส.3 ก. ทับที่สาธารณประโยชน์จำนวน 1 แปลง ได้แก่ น.ส.3 ก.เลขที่ 2958 ตำบลอิสาณ อ.เมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และนำที่ดินที่มี น.ส. 3 มาออก น.ส. 3 ก. เป็นแปลงอื่น และกระทำการปลอมแปลงเอกสาร จำนวน 11 แปลง ได้แก่ น.ส.3 ก. เลขที่ 2952-2957 และเลขที่ 2960-2964 ตำบลอิสาณ อ.เมือง จังหวัดบุรีรัมย์
       
       ในการแจ้งความดังกล่าว ผู้แจ้งได้กล่าวโทษให้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จำนวน 8 นายคือ 1.นายชาญชัย เธียรวรรณ 2.นายเจริญ ชาตะวารหะ 3.นายปรีชา ทวีเกียรติ 4.นายวัฒนา จิตมานะ 5.นายสำเริง จุฑาจันทร์ 6.นายอนุชา สอนทิมาย 7.นายเนวิน ชิดชอบ 8.นายประณีต สังษ์เจริญ เพื่อให้ดำเนินคดตามกฏหมายต่อไป เหตุเกิดที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ย.2537 ต่อเนื่องกัน
       
       ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2550 แต่งตั้งพนักงานสืบสวน มี พล.ต.ต.ณรงค์ กาญจนะ เป็นหัวหน้าตรวจสอบเรื่องร้องเรียนบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ใน จ.บุรีรัมย์ คือ 1.นักการเมืองครอบครองที่สาธารณะประโยชน์ เขตทำเลเลี้ยงสัตว์ เขากระโดง อ.เมืองจ.บุรีรัมย์ 2.การออกโฉนดทับที่ดินเขตรถไฟ และการครอบครองที่สาธารณะ 3. การบุกรุกครอบครองที่สาธารณประโยชน์ในเขต อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
       
       โดยข้อเท็จจริงรับฟังว่า การสืบสวนกรณีนักการเมืองครอบครองที่สาธารณะประโยชน์เขตทำเลสัตว์เลี้ยง เขากระโดง อ.เมืองจ.บุรีรัมย์ โดยการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินตามที่มีการร้องเรียนจำนวน 22 แปลงได้แก่ น.ส. 3 ก.เลขที่ 259,260,314 และน.ส.3 ก. เลขที่ 1196,1197,1198,1199,1200,2952,2953,2954,2955,2956,2957,2958,2959,2961,2962,2963 และเลขที่ 2964 ปรากฏผลการสืบสวนและความเห็นของพนักงานสืบสวน ดังนี้
       
       1.ตรวจสอบพบเจ้าพนักงานที่ดินออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และมีนายเนวิน ชิดชอบ ร่วมกระทำความผิดในฐานะผู้สนับสนุน โดยออก น.ส.3 ก.ทับที่สาธารณประโยชน์จำนวน 1 แปลง ได้แก่ น.ส.3 ก.เลขที่ 2958 และนำที่ดินที่มี น.ส.3 มาออก น.ส.3 ก.เป็นแปลงอื่น และกระทำการปลอมแปลงเอกสารจำนวน 11 แปลง ได้แก่ น.ส.3 ก.เลขที่ 2952-2957 และเลขที่ 2960-2964
       
       2.ให้พนักงานสืบสวนร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนของบก.ปปป.บช.ก.เพื่อทำการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งออกจากราชการเกิน 2 ปี และส่งเรื่อง ป.ป.ช.ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่ยังรับราชการและผู้สนับสนุนตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 89 ต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อพิจารณาของพนักงานสืบสวนร้องทุกข์กล่าวโทษ ระบุว่า นายเนวิน ชิดชอบ ได้นำ น.ส.3 เลขที่ 139/192 ไปขอออก น.ส.3 ก. เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2537 ซึ่งผลการตรวจสอบคณะกรรมการ ที่กรมที่ดินแต่งตั้งปี พ.ศ.2548 รับฟังเป็นที่ยุติว่า น.ส.3 ก. เลขที่ 2958 ออกทับที่สาธารณประโยชน์ แปลงหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(น.ส.ล.)เลขที่ 4130/2551 บางส่วน ซึ่งเกิดจากเจ้าพนักงานที่ดินไม่ดำเนินการตามระเบียบในกระบวนการออกน.ส.3 ก.
       
       ส่วนที่ดินน.ส.3 ก.เลขที่ 2952-2957 และเลขที่ 2960-2964 รวม 11 แปลง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายเนวิน ชิดชอบ ซื้อมาจากชาวบ้านหลายคน ซึ่งมี น.ส. 3 เลขที่ 89,250/89,251/89,252/89,253/89,254/89,317/89,318/89,90,629/90 และ 105 ซึ่งอยู่ในรูปถ่ายทางอากาศหมายเลข 5638 IV แผ่นที่ 20 ต่อมาวันที่ 8 เม.ย. นายเนวิน ชิดชอบ ได้มาขอรังวัดเพื่อเปลี่ยน น.ส.3 เป็นน.ส. 3 ก.เลขที่ 2952-2957 และเลขที่ 2960-2964 แต่ปรากฏว่า ที่ดินน.ส.3 ก.ทั้ง 11 แปลง ที่ออกมานั้น ไปตั้งอยู่ในแผนที่รูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 5838 IV แผ่นที่ 33 ไม่เป็นที่ดินแปลงเดิม แต่ไปทับพื้นที่อื่น ซึ่งเป็นป่าละเมาะ และในการรังวัด ไม่ได้นำเจ้าของที่ดินข้างเคียงทุกด้านมาระวังชี้แนวเขตและลงนามรับรองแนวเขต
       
       ดังนั้น พนักงานสืบสวนมีความเห็นว่า การกระทำของเจ้าพนักงานที่ดิน มีมูลความผิดทางอาญา และการกระทำของนายเนวิน ชิดชอบ เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับเจ้าพนักงานที่ดิน แต่นายเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน จึงมีความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน พนักงานสืบสวนร้องทุกข์ จึงนำความเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวนของ บก.ปปป.บช.ก.เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ดังกล่าว

 
 
 

 
 
 

อ้างจากคุณพระพาย
http://esaan.serithai.org/smf/index.php?topic=55.0

ผู้เขียน หัวข้อ: บุรีรัมย์ยังคงเป็นผู้นำโมเดลต่อต้านคอรัปชั่นอย่างต่อเนื่อง  (อ่าน 4 ครั้ง) 
พระพาย

   บุรีรัมย์ยังคงเป็นผู้นำโมเดลต่อต้านคอรัปชั่นอย่างต่อเนื่อง
« เมื่อ: ตุลาคม 15, 2007, 04:09:57 PM » 

--------------------------------------------------------------------------------
งานสัมมนา “ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กับชีวิตคนรากฐานภาคอีสาน” ได้เริ่มไปแล้ว ปิดไปแล้ว... ยังรอท่าน scorpio6 อยู่ว่าจะมีข้อมูลมาโพสต์ให้พวกเราได้รับรู้กันหรือไม่... เห็นข่าวที่ผู้จัดการก็เลยเอามาแปะไว้ก่อนครับ

นี่ก็รอฟังข่าวที่ลุงถึกแจ้งไว้เรื่องแนวร่วมที่เวอร์จิเนีย คุณประเทือง อะไรเนี่ยแหละ ที่แถลงประกาศร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายนี้... แต่เงียบเหลือเกิน

มีอะไรคืบหน้าช่วยเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ


--------------------------------------------------------------------------------
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000121818

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เครือข่ายพลเมืองบุรีรัมย์ร่วมคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนภาคอีสาน 4 จ.เปิดเวทีถก “ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กับชีวิตคนรากฐานภาคอีสาน” ผลักดันสังคมไทยปลอดโคตรโกง ด้าน “ณรงค์ โชควัฒนา” กลุ่มนักธุรกิจทุ่มทุนบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองเตรียมกอบโกยหลังเลือกตั้ง เรียกร้องประชาชนอย่าเห็นแก่เงินเล็กน้อย สกัดซื้อสิทธิขายเสียง ชี้เลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญชี้ชะตาประเทศชาติ แนะเลือกคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่โกงกินบ้านเมืองเข้าไปเป็นตัวแทน
       
       วานนี้(14 ต.ค.50) ท ี่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ริมฝั่งน้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เครือข่ายการเมืองของพลเมืองบุรีรัมย์ ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนภาคอีสาน 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ ,สุรินทร์ ชัยภูมิ และนครราชสีมา ได้จัดเวทีเสวนา “ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น กับชีวิตคนรากฐานภาคอีสาน ครั้งที่ 1” โดยมี พ.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และประธานกรรมาธิการตรวจสอบศึกษา เรื่องเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชั่นของวุฒิสภา เป็นประธานเปิดงาน
       
       โดยมี นายณรงค์ โชควัฒนา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.),นายการุณ ใสงาม อดีต สว.บุรีรัมย์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสานและอดีต รมว.อุตสาหกรรม คมนาคม ,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีต 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายวฤทธ์ ชินสาย ประธานที่ปรึกษา เครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ร่วมเสวนา และมีประชาชนรวมถึงแกนนำเครือข่ายเข้าร่วมกว่า 200 คน
       
       ทั้งนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันให้สังคมไทย ปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐและภาคการเมืองอย่างแท้จริง ไม่ให้การประกาศสงครามกับคอร์รัปชั่นของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นเพียงนโยบายที่หลอกลวงประชาชนเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาสังคมไทยเกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งในวงราชการ การเมืองทุกระดับ มีการโกงกินงบประมาณของรัฐซึ่งเป็นภาษีประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงระบบเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนบั่นทอนคุณธรรม จริยธรรม
       
       น ายณรงค์ โชควัฒนา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า การระดมทุนหาเงินเข้าพรรคการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน ใช้วิธีการระดมทุนจากกลุ่มนักธุรกิจ ด้วยการรับบริจาค และผู้ที่บริจาคเหล่านั้นให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมากเพียง เพื่อต้องการผลประโยชน์จากพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง และต้องการผูกขาดการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ในแต่ละปีรัฐต้องสูญเสียงบประมาณจากการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบุคคลนี้เป็นจำ นวนมหาศาล
       
       ดังนั้น ประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ เลือกบุคคล และพรรคการเมืองด้วยตนเอง ไม่ควรเห็นแก่สินจ้างหรือผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และควรร่วมกันสกัดกั้นการซื้อสิทธิขายเสียง ที่เป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค.นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญและสามารถชี้ชะตาของชาติบ้านเมืองได้
       
       “ พี่น้องประชาชนควรเลือกผู้แทนราษฎรที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน มีศีลธรรม จริยธรรม ไม่โกงกินบ้านเมือง เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นตั้งแต่เริ่มต้น” ดร.ณรงค์ กล่าว
       
       จากนั้นได้มีพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้เสียสละ เพื่อชุมชนในการเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น โดยพ.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานมอบใบประกาศเกียรติคุณครั้งนี้

 
 

อ้างจาก: พระพาย ที่ ตุลาคม 13, 2007, 02:01:39 PM(เอาข้อความจากอีกกระทู้มารวบรวมไว้ให้ครบครับ)

http://esaan.serithai.org/smf/index.php?topic=31.0

ปิดท้ายกันที่ข่าวการรับมือการเลือกตั้งภาคอีสานที่ยกเลิกกฎอัยการศึกในบางจังหวัด และเพิ่มในบางจังหวัด... งานนี้น่าสนใจครับว่า สนธิบังมองเห็นอะไร และกำลังทำอะไรอยู่ ถึงเพิ่มกฎอัยการศึกในเขตอีสานชายแดนถึง 3 จังหวัดด้านที่ติดลาวที่ข้ามไปทางจีนได้สะดวก
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000121147


วันนี้มีข่าวเพิ่มเติมที่ส่งเสริมข้อสันนิษฐานของผมครับ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000122095

ติวเข้ม จนท.กอ.รมน.เฝ้าระวังความมั่นคงแนวชายแดน

อุดรธานี - กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อบรมเข้มเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ทุกชุดก่อนออกภาคสนามเฝ้าระวังความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-ลาว เผยทุกหน่วยต้องเตรียมพร้อมแก้ปัญหา แม้ปัจจุบันยังไม่มีกรณีพิพาท
       
       เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 ต.ค.) ที่โรงภาพยนตร์ ร.13 พัน 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อ.เมือง จ.อุดรธานี พ.อ.ณรงค์ สีทาแก รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการปฐมนิเทศก่อนออกปฏิบัติงาน ประจำปี 2551 ให้กับกำลังพลจากชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน ชุดสันตินิมิต ชุดประสานการแก้ไขปัญหาความยากจน ชุดวิทยากรเยาวชนอาสาทำความดีเพื่อแผ่นดิน ชุดปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์ทางสื่อวิทยุ/ทีวี ชุดปฏิบัติการป้องกันชายแดน
       
       รวมทั้งหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง จ.หนองคาย และนครพนม หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 และ 24 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 สำนักงานพัฒนาภาค 2 และจังหวัดทหารบกนครพนม จำนวน 207 นาย
       
       พ.อ.ณรงค์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่ปรากฏภัยคุกคามจากนอกประเทศ ที่จะก่อให้เกิดการกระทบกระทั่ง จนถึงการใช้กำลังทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ยังคงปรากฏเงื่อนไขตามแนวชายแดน ที่ส่งผลกระทบและก่อให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ต้องการความรักความสามัคคีปลองดองของคนในชาติ เพื่อเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้สำเร็จลุลวงไปด้วยดี
       
       ก องกำลังสุรศักดิ์มนตรี และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบป้องกันชายแดนด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลา ว ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะต้องดำเนินการขจัดเงื่อนไขดังกล่าวอย่างจริงจัง และให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการบูรณาการแผนงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน
       
       รวมทั้งจะต้องจัดระเบียบชายแดนเพื่อเป็นมาตรการในการสกัดกั้นการกระท ำผิดกฎหมายทุกประเภท และจะดำเนินการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนที่มีอยู่
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำพลังมลชนชุมชนเข้มแข็งที่ได้จัดตั้งตามแนวชายแดนเข้ามาช่วยเหลือ และเสริมการปฏิบัติงานของหน่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับราษฎร ไม่ให้มีการละทิ้งถิ่นฐานไปทำงานต่างถิ่น สร้างครอบครัวให้อบอุ่น
       
       โ ดยการกระตุ้นและส่งเสริมให้ชุมชนยึดหลักแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน การอบรมครั้งนี้ ถือเป็นการทบทวนและเตรียมความรู้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนที่กำลังพลจะเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่รับผิดชอบ และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง


--------------------------------------------------------------------------------
จากความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจากการประกาศพื้นที่กฎอัยการศึกในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนอีสานตอนบน... มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ ครับ.. มันอะไรหว่า

อ้างจาก Anti-Corruption Newbie

http://esaan.serithai.org/smf/index.php?topic=57.0

   Re: มาหลังเพื่อน..แต่ก็มาแล้ว //
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2007, 08:06:55 PM » 

--------------------------------------------------------------------------------
สวีสดีครับ...ลุงถึกฯ
ไม่รู้ว่าลุงจะจำผมได้ไหม เราเจอกันที่ ร.ร.โซฟิเทลฯ เซ็ยทรัล (ลาดพร้าว) ในการประชุมสมัชชาประชาชาแห่งประเทศไทย เมื่อ 2 เดือนก่อนที่ลุงจะบินกลับไป (ผมให้ CD รวมเพลงกู้ชาติไปชุดนึงไงครับ...)

สำหรับการสัมมนาที่บุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา เชิญอ่านข่าวที่ผู้จัดการนำเสนอไปก่อน รายงานฉบับสมบูรณ์กำลังเร่งสรุปอยู่ครับ !!

ด้วยจิตคารวะ
สายสืบภาคประชาชน
http://www.oknation.net/blog/Anti-Corruption
-----------------------------------------

Local News : เครือข่ายบุรีรัมย์โหมโรงเลือกตั้งใสสะอาด !!

เวทีบุรีรัมย์แฉนายทุนทุ่มเงินเข้าพรรค-เตรียมกอบโกยหลังเลือกตั้ง

ภาคประชาชนอีสานตอนล่าง เปิดเวทีเสวนา เรื่อง “ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กับชีวิตคนรากฐานภาคอีสาน”บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ริมฝั่งน้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ วันนี้ ( 14 ต.ค.)

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เครือข่ายพลเมืองบุรีรัมย์ร่วมคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนภาคอีสาน 4 จ.เปิดเวทีถก “ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น กับชีวิตคนรากฐานภาคอีสาน” ผลักดันสังคมไทยปลอดโคตรโกง ด้าน “ณรงค์ โชควัฒนา” แฉกลุ่มนักธุรกิจทุ่มทุนบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองเตรียมกอบโกยหลังเลือกตั้ง เรียกร้องประชาชนอย่าเห็นแก่เงินเล็กน้อย สกัดซื้อสิทธิขายเสียง ชี้เลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญชี้ชะตาประเทศชาติ แนะเลือกคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่โกงกินบ้านเมืองเข้าไปเป็นตัวแทน
       
วานนี้ (14 ต.ค.50) ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ริมฝั่งน้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เครือข่ายการเมืองของพลเมืองบุรีรัมย์ ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนภาคอีสาน 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ ,สุรินทร์ ชัยภูมิ และนครราชสีมา ได้จัดเวทีเสวนา “ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น กับชีวิตคนฐานรากภาคอีสาน ครั้งที่ 1” โดยมี พ.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา และอดีตอธิบดีกรมตำรวจ เป็นประธานเปิดงาน
       
โดยมี นายณรงค์ โชควัฒนา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายการุณ ใสงาม อดีต สว.บุรีรัมย์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด และอดีต รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายวฤทธ์ ชินสาย ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน (คปต.) ร่วมเสวนา โดยมีประชาชน ข้าราชการ และแกนนำเครือข่ายต่างๆ เข้าร่วมกว่า 200 คน (ต่อมามีประชาชนทะยอยเดินทางมาเข้าร่วมเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้นกว่า 400 คน)

( บรรยายภาพ - พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ มอบประกาศเกียรติคุณแก่คนดีศรีอีสาน 5 คน คือ นายบุญมี โสภัง สมัชชาลุ่มน้ำมูล อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ นายประสิทธิ์ ซ่อนกลิ่น เครือข่ายป่าชุมชน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นายยงยุทธ ศรีวรรณา เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร.ต.ต.น้อย พรหมจันทร์ อดีตนายตำรวจสันติบาล จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ต.ชาติธนู อักษรณรงค์ สว.สส.สภอ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ )

ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันให้สังคมไทย ปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐและภาคการเมืองอย่างแท้จริง ไม่ให้การประกาศสงครามกับคอร์รัปชั่นของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นเพียงนโยบายที่หลอกลวงประชาชนเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาสังคมไทยเกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งในวงราชการ การเมืองทุกระดับ มีการโกงกินงบประมาณของรัฐซึ่งเป็นภาษีประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงระบบเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนบั่นทอนคุณธรรม จริยธรรม

นายณรงค์ โชควัฒนา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า การระดมทุนหาเงินเข้าพรรคการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน ใช้วิธีการระดมทุนจากกลุ่มนักธุรกิจ ด้วยการรับบริจาค และผู้ที่บริจาคเหล่านั้นให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมากเพียง เพื่อต้องการผลประโยชน์จากพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง และต้องการผูกขาดการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ในแต่ละปีรัฐต้องสูญเสียงบประมาณจากการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบุคคลนี้เป็นจำนวนมหาศาล
       
ดังนั้น ประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ เลือกบุคคล และพรรคการเมืองด้วยตนเอง ไม่ควรเห็นแก่สินจ้างหรือผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และควรร่วมกันสกัดกั้นการซื้อสิทธิขายเสียง ที่เป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค.นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญและสามารถชี้ชะตาของชาติบ้านเมืองได้
       
“ พี่น้องประชาชนควรเลือกผู้แทนราษฎรที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน มีศีลธรรม จริยธรรม ไม่โกงกินบ้านเมือง เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นตั้งแต่เริ่มต้น” ดร.ณรงค์ กล่าว
       
จากนั้นได้มีพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้เสียสละ เพื่อชุมชนในการเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น โดย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานมอบใบประกาศเกียรติคุณครั้งนี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 ตุลาคม 2550 20:52 น.
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000121818

หมายเหตุ Anti-Corruption Center : โปรดติดตามรายงานการสัมมนาฉบับสมบูรณ์ต่อไป

ที่มา : http://www.oknation.net/blog/Anti-Corruption/2007/10/15/entry-1

---------------------------
หมายเหตุ : ท่านที่จะไปเยี่ยม Blog ของท่านพริกเซอร์ ก็เชิญคลิ๊กตามลิงค์ด้านล่างครับ...
http://www.oknation.net/blog/localvision
 
 

 :slime_cool: :slime_doubt:

มาดูกันว่าหัวหอกจะมีประสิทธิภาพในการเจาะทะลวงปัญหาแค่ไหนครับ..

ถ้าเป็น"หัวหอก" ถ้าเป็นเสี่ยวอีสานฯ...ผมก็คดิว่า"ชมรมเสี่ยวอีสานฯ"จะเปิดตัวในพื้นที่อีสานจริงๆก็จะปรึกษาหารือพวกเราท่านว่าควรจะเปิดที่ใหน? หรือเปิดเพื่อประชุม พบปะ ปรึกษา หารือเมื่อไหร่ดี?

ถ้าเป็นการจัดที่บุรีรัมย์ทางผมก็คงไม่มีปัญหาเรื่องสถานที่และการต้อนรับสมาชิกแต่อาจจะเป็นกลางเดือนธันวาคมโน่นครับ(ผมถึงได้กลับไทย)หรือแกนนำหรือที่ปรึกษาท่านอื่นๆเช่นลุงแคน ลุงถึก ลุงปุ หรือท่านปรมาจารย์เจไดและท่านอื่นๆเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ  ช่วงนี้คงต้องให้ท่านQช่วยกันถามสมาชิกว่าเห็นด้วยหรือไม่และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมอย่างไรบ้างครับ

(http://img521.imageshack.us/img521/3355/74441879it3.jpg)
จำได้แล้วครับคุณScorpio6
คุณกลับมาจากฟิลิปปินส์แล้วหรือ ผมยังติดต่อกับคุณพริกเซอร์ตลอด พอดีเปลี่ยน
อีเมล์ใหม่ เลยไม่ได้รับข่าวสารอย่างแต่ก่อน ถ้าเจอคุณสุทธิพงษ์ ช่วยให้อีเมล์ใหม่
กับท่านด้วยนะครับ อีเมล์จะส่งให้คุณทางหลังไมค์นะครับ

ข่าวสารรายละเอียดให้คุณพระพายโพสต์ไว้ที่บอร์ดประกาศที่เว็บให้เป็นสัดส่วนก็ได้ครับจะตามไปดู :slime_smile: :slime_v:

กฏหมายของไทยไม่ค่อยแข็งแรงเลยอ่ะคุณลุง อย่าที่รู้ๆอยู่

กำนัน ผู้ใหย่บ้าน อปต อบจ ขึ้นกับกระทรวงอะไรค่ะ

ถ้ากระทรงที่ว่าเอา กำนัน ผู้ใหย่บ้าน อบต อบจ ไม่อยู่ น่าจะพิจารณาตัวเองได้แล้วน่ะ..หนูว่า


หนูอยากอยู่ตามหมู่บ้านทุรกันดาร  ในช่วงเลือกตั้งจังเลยค่ะ
คงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆทีเดียว  ..ฝัน

ไชยวัฒน์” เปิดตัวท้าชน “เมียเนวิน” เขต 3 บุรีรัมย์–พร้อมนำทีมลุยพื้นที่หาเสียง

 ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ” เปิดตัวอาสารับใช้บ้านเกิด ท้าชนทีม “เมียเนวิน” ในเขต 3 บุรีรัมย์ ลั่นไม่กลัวฐานอำนาจเก่า แม้จะถูกมองเป็นพื้นที่สีแดงอุดมไปด้วยสารพัดวิชามารซื้อสิทธิขายเสียงรุนแรง พร้อมนำทีมลงลุยพื้นที่หาเสียงพบปะแนะนำตัวกับ ปชช.และประชาสัมพันธ์นโยบายพรรค “ประชาชนต้องมาก่อน” ไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
       
       วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ ดร.กฤช อุปจันแพงวงศ์ อดีตข้าราชการครู ได้แถลงข่าวเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 บุรีรัมย์ ในนามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในพื้นที่เป็นครั้งแรก และหลังจากแถลงข่าวเปิดตัว นายไชยวัฒน์ และ ดร.กฤช อุปจันแพงวงศ์ พร้อมทีมงานได้ออกเดินหาเสียง แจกแผ่นพับแนะนำตัว และมีรถแห่ประชาสัมพันธ์นโยบายพรรคไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี
       
       นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส.เขต 3 บุรีรัมย์ พรรค ปชป.เปิดเผยว่า ตนได้อาสาจะเข้ามารับใช้ และแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนในบ้านเกิดให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหลุดพ้นจากความยากจน ตามนโยบายพรรค ปชป.“ประชาชนต้องมาก่อน” พร้อมยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงครบทั้ง 10 คน ใน 4 เขตเลือกตั้งที่ของ จ.บุรีรัมย์
       
       ส่วนตนไม่หนักใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.บุรีรัมย์ ถึงแม้จังหวัดบุรีรัมย์จะถูกจับตามองเป็นพื้นที่สีแดงและมีกระแสการซื้อสิทธิ์ขายเสียงรุนแรงก็ตาม เพราะโดยส่วนตัวเชื่อว่านโยบายพรรค ปชป.รวมถึงผลการทำงานที่ผ่านมาจะสามารถเอาชนะใจประชาชนได้
       
       “อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชนที่จะตัดสินใจ เพราะประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยโดยตรงและเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง” นายไชยวัฒน์ กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 3 บุรีรัมย์ มี ส.ส.ได้จำนวน 2 คน ประกอบด้วย อ.เมือง, อ.บ้านด่าน, อ.ห้วยราช และ อ.แคนดง ถือเป็นพื้นที่ผูกขาดของกลุ่ม นายเนวิน ชิดชอบ มาโดยตลอด และการเลือกตั้งครั้งนี้ นายเนวิน ส่งกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย (ทรท.) เดิม คือ นางกรุณา ชิดชอบ ภรรยา นายเนวิน ชิดชอบ กับ นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ลงสมัครในนาม พรรคพลังประชาชน (พปช.)
       
       ฉะนั้น ผู้สมัครพรรค พปช.จึงเป็นคู่แข่งสำคัญ ของทีมผู้สมัครพรรค ปชป.ที่นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งคราวนี้ตัดสินใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งในบุรีรัมย์บ้านเกิด พร้อมด้วย ดร.กฤช อุปจันแพงวงศ์ อดีตข้าราชการครูและอดีตผู้บริหารสถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่
       
       ทั้งนี้ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แม้จะเสียเปรียบในเรื่องฐานเสียงจัดตั้ง แต่มีโอกาสสามารถเบียดแทรกเข้าเป็น 1 ใน 2 ว่าที่ ส.ส.เขตเลือกตั้งนี้ได้ไม่น้อย หากกระแสประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบุรีรัมย์มาแรง ประกอบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถจัดการการซื้อสิทธิขายเสียงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งเขตเลือกตั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีใบเหลือง หรือใบแดงเกิดขึ้น

.....ผู้จัดการออนไลน์

 

ขุดข่าวนี้มาให้ระแวดระวังตัวกันครับ......ลุกจากเตียงโวย ปณวัตรหวั่นมีซ้ำ

3 กุมภาพันธ์ 2543    กองบรรณาธิการ

“ปณวัตร” ลุกจากเตียงประชุมสภาฯ เป็นครั้งแรกหลัง ถูกยิงปางตาย โวยบุรุษนิรนาม 2 คนดักซุ่มหน้าบ้าน หวั่นถูกยิงซ้ำ ตัดสัมพันธ์ทางการเมืองอย่างเด็ดขาดกับ “เนวิน” ย้ำการเมืองบุรีรัมย์ยัง รุนแรงเหมือนเดิม


นายปณวัตร   เลี้ยงผ่องพันธุ์   ส.ส.บุรีรัมย์  พรรคประชาธิปัตย์  ผู้ซึ่งถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.42  เดินทางมาร่วมประชุมสภาฯ  เป็นครั้งแรกภายหลังจากถูกยิงและกลับไปพักรักษาตัวที่ จ.บุรีรัมย์ นายปณวัตรให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า  อาการตอนนี้ยังมีปัญหาบริเวณปอด ตรงที่ถูกยิง ทำให้ระบบการหายใจยังไม่ปกติ  ปัญหาหนักที่สุดคือ เรื่องของการนั่งหากนั่งนานจะมีปัญหา  เพราะโครงกระดูกหลังยังไม่ตรง แต่ที่ห่วงที่สุดคือ การทำหน้าที่ของ ส.ส. โดยเฉพาะการประชุม จึงอยากจะ ทำหน้าที่ตรงนี้ให้สมบูรณ์ที่สุด แต่ไม่ทราบว่าจะนั่งได้นานแค่ไหน แม้ว่าจะปวดหลังมาก แต่ปวดแค่ไหนหน้าที่สำคัญกว่า

นายปณวัตรกล่าวว่า  ตนไปอยู่บุรีรัมย์หลังออกจากโรง พยาบาลเพื่อต้องการพักผ่อน แต่ก็มีพี่น้องประชาชนมาเยี่ยมตลอดทั้งวันด้วย ความตั้งใจและสงสาร  ตอนอยู่ที่บุรีรัมย์ 11 วัน แทบไม่ได้พักเลย หลังจากไปอยู่บุรีรัมย์  2 วัน มีชาย 2 คน ขับมอเตอร์ไซค์ปิดไฟหน้ามา ซุ่มอยู่ข้างบ้านตอนประมาณ 4-5 ทุ่ม เป็นลักษณะที่ผิดสังเกต แต่ก็มีเจ้า หน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครองอยู่  หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร  แต่ก็ระมัดระวัง ตัวไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยครั้งที่  2  หากคนไม่เคยเจอ  อธิบายยาก ไม่เข้าใจหรอกว่ารู้สึกอย่างไร ไม่ทราบว่าเขาจะมาทำร้ายอีกหรือไม่ แต่จำเป็นต้องป้องกันตัวไว้ก่อน บอกตรงๆ ว่ากลัวมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเนวิน ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเอกภาพ ไปเยี่ยมบ้างหรือไม่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  ไม่ได้ไปเยี่ยม และไม่ได้เจอกัน  หากเจอกันจะไปคุยเรื่องอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ตนก็มาทำหน้าที่ประชุมสภาของตนเอง  สำหรับการส่งผู้สมัคร ส.ส.พรรค ประชาธิปัตย์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่าจะต้องส่งทุกเขต ทั้งนี้จะหารือกับ ผู้ใหญ่ในพรรคอีกครั้งคือ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ส.ส.บุรีรัมย์  พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องความรุนแรงทางการเมืองในจังหวัด ส่วนลึกแล้วก็ ระมัดระวังตัว ไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกเหมือนก่อนถูกยิงที่ไปไหนสบาย แต่ตอนนี้น่าอึดอัดมากเพราะกลัว “ผมเป็นปณวัตร  ปณวัตรคนที่มีบาดแผล เป็นตามเรือนร่างมีอยู่  4  รู แผลทะลุอีก 4 รู แปลว่ามีแผลเป็น  8  รู เขาเย็บผม 50 เข็ม แผลเป็นตรงนี้ติดกับผมจนกว่าผมจะตาย และแผลเป็น ตรงนี้เพราะเหตุจากการเมือง คำตอบชัดเจนว่าผมคงไม่อาจเป็นพันธมิตร ทางการเมืองกับคุณเนวินได้แน่  แม้ว่าจะไม่มาอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์” นายปณวัตรกล่าว.

บรรยากาศการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดบุรีรัมย์คึกคัก (12/11/2007)
  บุรีรัมย์ บรรยากาศการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดบุรีรัมย์ แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้สมัครแต่ละพรรคการเมืองต่างเดินทางมาก่อนถึงเวลาเปิดรับสมัคร โดยมีผู้สมัครทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง วันแรกรวม 69 คน จาก 8 พรรคการเมือง ที่ศาลาประชาคมจังหวัดบุรีรัมย์  ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์จัดให้เป็นสถานที่รับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 4 เขต ซึ่งวันนี้ (12 พ.ย. 50) เป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครปรากฏว่า มีผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคการเมืองต่างๆ เดินทางมาลงชื่อเพื่อรอยื่นใบสมัครตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิดรับสมัครในเวลา 08.30 น. โดยทั้ง 4 เขตเลือกตั้งของจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งสิ้น 69 คนจาก 8  พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย, รวมใจไทยชาติพัฒนา, เพื่อแผ่นดิน, ประชาธิปัตย์, ชาติไทย,  ประชาราช  และพรรคประชาชาติไทย ได้เดินทางมาลงชื่อก่อนเวลาเปิดรับสมัคร พร้อมให้ผู้สมัครทุกเขตจับสลากหมายเลขประจำตัว ซึ่งบรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 บุรีรัมย์มีผู้สมัคร ส.ส. 21 คน, เขตเลือกตั้งที่ 2 รวม 24 คน, เขตเลือกตั้งที่ 3 รวม 12 คน และเขตเลือกตั้งที่ 4 รวม 12 คน ภายหลังจากได้หมายเลขเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครแต่ละพรรคต่างลงมาพบปะกองเชียร์และผู้สนับสนุนที่นำดอกไม้ พวงมาลัยมามอบให้ พร้อมชูป้ายให้กำลังใจผู้สมัครอย่างคึกคัก สร้างสีสันให้กับการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ในวันแรกอย่างมาก หลังจากนั้นผู้รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ต่างลงพื้นที่หาเสียงทันที…………………………………………ศักดิ์ศิริ...ข่าว/สมบูรณ์...ภาพ
ข้อมูลจาก ::   ศักดิ์ศิริ หยวกฉิมพลี   ส.ปชส.บุรีรัมย์  วันที่ ::  12/11/2550   

คมช.งัดบันทึกโต้-จับห้อยแก้ผ้า
กก.สิทธิฯเด้งรับลสนช.ถอด"จรัล"

 ยังคงเป็นประเด็นโต้เถียงกันไปมาสำหรับกรณี นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชาชนที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่ตัวเองถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี พร้อมกับแฉว่าต้องถูกจับไปขังเดี่ยวเป็นเวลาถึง 11 วัน ในช่วงที่มีการรัฐประหาร ซ้ำขณะที่ถูกปล่อยตัวยังถูกจับแก้ผ้าเอาไปทิ้งไว้ที่ข้างทาง

คมช.แจงยิบขั้นตอนคุมตัว"เนวิน"
โดยเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า การควบคุมตัว นายเนวิน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจาก นายเนวิน เข้ามารายงานตัวที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ด้วยตัวเอง ไม่มีใครไปตามจับมาทั้งสิ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดห้องรับรอง 211 ภายใน บก.ทบ. เพื่อดูแล นายเนวิน ซึ่งขณะนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ก็ได้เข้ามาสนทนาด้วย และมีการจัดหาอาหารมาดูแลตลอดเวลา

ทอ.รับช่วงคุมตัว-ยันดูแลอย่างดี
หลังจากนั้นในช่วงค่ำ จึงควบคุมตัวไปส่งมอบให้ของกองทัพอากาศนำตัวไปดูแลต่อ เนื่องจากขณะนั้นภารกิจของ ทบ. มีเยอะ กองทัพอากาศจึงเข้ามารับช่วงการดูแล ส่วนที่ต้องนำตัวไปดูแลเพราะช่วงนั้นไม่รู้ว่า มีใครคิดอะไรกับ นายเนวินไว้อย่างไร จึงต้องดูแลเพื่อความปลอดภัย
"บ้านพักรับรองที่ นายเนวิน อยู่ เป็นบ้านพักที่กองทัพอากาศใช้รับรองนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกและมีนายทหารคอยดูแลอย่างดี และตามธรรมเนียมของทหาร ถ้าผู้บังคับบัญชาให้เกียรติใคร ผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องให้เกียรติกับบุคคลนั้นเหมือนผู้บังคับบัญชา"

จวกพูดเท็จ-ท้าปชช.ชั่งน้ำหนัก
ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่ นายเนวิน พูดออกมาจึงไม่เป็นความจริงแต่ประการใด เพราะเรื่องเดียวกันคน 2 คน พูดไม่ตรงกัน คนหนึ่ง คือ นายเนวิน อีกคนหนึ่ง คือ โฆษก คมช. จะต้องมีคนหนึ่งโกหก ซึ่งต้องลองพิจารณาดูว่า ระหว่างทั้ง 2 คน ใครน่าจะเล่าข้อเท็จจริงมากกว่าใคร อย่างไรก็ตาม คมช. คงไม่โต้แย้งไปมากกว่านี้ ใครอยากจะพูดอะไรก็ให้พูดกันไป เมื่อถามว่ากล้าสาบานหรือไม่ว่า ใครพูดโกหก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า สาบานแล้วได้ผลหรือ เพราะพรรคการเมืองก็สาบานกันอยู่ตลอดแล้ว

งัดบันทึกยืนยันดูแลกันอย่างดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.สรรเสริญ ยังได้นำบันทึกกิจวัตรประจำวันและการดูแล นายเนวิน ระหว่างถูกควบคุมตัววันที่ 23 กันยายน - 1 ตุลาคม ของกองทัพอากาศมามอบให้กับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีการบันทึกอย่างละเอียดว่า กิจวัตรประจำวันของ นายเนวิน เป็นอย่างไร มีการดูแลกันอย่างไร
 
ปัดจับแก้ผ้า-ค้นตัวยังต้องไหว้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า มีการจับ นายเนวิน แก้ผ้า พ.อ.สรรเสริญ จึงชี้แจงว่า ไม่ทราบว่าจะแก้ผ้าไปทำไม อย่างไรก็ตามได้ตรวจสอบไปยังทหารกองพลรบพิเศษที่ทำหน้าที่ควบคุมตัวไปส่งให้กับกองทัพอากาศ รวมทั้งทหารอากาศที่มารับช่วงไป ก็ได้รับการยืนยันว่า ทุกขั้นตอนได้ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของทหารทุกอย่าง แม้กระทั่งช่วงที่จะต้องมีการขอค้นตัว ยังต้องยกมือไหว้ด้วยความสุภาพเรียบร้อย วันที่ไปรับตัว นายเนวิน ไปส่งที่บ้านพัก ก็ยกมือไหว้ลากันอย่างดี

สั่งเก็บหลักฐานเชือดเนวิน-พปช.
วันเดียวกัน นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) ออกมาเปิดเผยกรณีมีการร้องเรียนให้ยุบพรรคพลังประชาชน และเอาผิด นายเนวิน ที่ฝ่าฝืนคำสั่งตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยขึ้นเวทีปราศรัยกับพรรคพลังประชาชนที่ จ.บุรีรัมย์ ว่า ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่เร่งหาพยานหลักฐานมาตรวจสอบแล้ว คาดว่า เร็วๆ นี้คงเรียบร้อย
เมื่อถามว่า บุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองทำเช่นนี้ จะเอาผิดได้หรือไม่ นายอภิชาติ ตอบว่า โดยหลักถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะกฎหมายห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่ง ก.ก.ต. ต้องนำมาพิจารณา และดูเงื่อนไขของกฎหมายลูกที่จะมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนหน้านี้  
พปช.ยันทำถูก/ท้าขึ้นศาลพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาแย้งเรื่องดังกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของพรรคครั้งนี้ ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และทุกพรรคการเมืองเวลาปราศรัยก็คงทำแบบเดียวกัน หากใครเห็นว่าผิดกฎหมาย ก็พร้อมจะสู้ในกระบวนการ
ส่วนกรณีเมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ขึ้นเวทีปราศรัยแล้วประชาชนพากันทยอยเดินทางกลับ จนทำให้มีการมองว่าคนอีสานไม่เอา นายสมัคร นั้น ข้อเท็จจริง คือ เนื่องจากขณะนี้เป็นหน้านา บางคนเดินทางมาจากนอกเมือง จึงต้องรีบกลับบ้านเพราะเป็นห่วงวัว ควาย

กก.สิทธิฯยอมรับมติถอด"จรัล"
ส่วนความคืบหน้าภายหลัง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติถอดถอน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ออกจากการกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการนำม็อบแนวร่วมประชาธิไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ไปชุมนุมที่บ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กระทั่งมีการก่อเหตุจราจลเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อหารือเรื่องนี้
โดย นายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการพร้อมกรรมการที่เหลือทั้ง 8 คน ออกมาแถลงร่วมกันหลังการประชุมว่า เมื่อ สนช. มีมติดังกล่าว นายจรัล ก็คงต้องปฏิบัติตาม ซึ่งคณะกรรมการสิทธิฯคงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้ โดยทำได้เพียงแค่รับทราบ

เตือนนานาชาติไล่อัด-เรื่องถึงUN
ทั้งนี้ยอมรับว่า มติที่เกิดขึ้นส่งผลต่อคณะกรรมการสิทธิฯอยู่บ้าง เพราะที่ผ่านมาได้แสดงจุดอย่างเรื่องนี้กับสังคมหลายครั้งว่า กรรมการสิทธิฯ ก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง การกระทำของ นายจรัล ก็เป็นการใช้สิทธิเฉพาะตัวตามความเชื่อและอุดมการณ์ของตัวเอง ซึ่งเชื่อว่ากรณีนี้จะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของนักสิทธิมนุษยชนนานาชาติ เพราะทราบมาว่า มีการยื่นเรื่องไปที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) พิจารณาเช่นเดียวกัน

"จรัล"ยิ้มเยาะไม่ผิดคาด
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ นายจรัลนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสายวันเดียวกัน นายจรัล ได้เดินทางมาเก็บของใช้ส่วนตัวที่ห้องทำงาน โดยไม่ไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการสิทธิฯแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับในมติที่ออกมา และคงไม่ดำเนินการอะไน แต่จะยังคงทำงานด้านการเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยต่อไป
นายจรัล กล่าวด้วยว่า ไม่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคิดมาก่อนแล้วว่า จะต้องถูกถอดถอน แต่มีข้อสังเกตว่า กฎหมายที่ สนช. ใช้ถอดถอนนั้น เป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ในขณะที่เวลานี้ มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปแล้ว

จี้"เพื่อนซี้"รับผิดชอบสิ่งที่ทำ
"ผมขอฝากขอบคุณ นายคำนูญ สิทธิสมาน ผู้เสนอญัติฯ ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้จักรู้ว่า ความคิดทางการเมืองของใครเป็นอย่างไร เป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ขอบคุณ นายประพันธ์ คูณมี นายสำราญ รอดเพ็ชร สมาชิกสนช. ที่เคยนั่งกินเหล้าด้วยกัน ผมขอบคุณด้วยความจริงใจ ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอะไร ระยะหลังไม่ได้คุยกัน ไม่เป็นไร เพราะโตๆกันแล้วใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ พฤษภาทมิฬ และ19 กันยายน"นายจรัลกล่าว

"โคทม"รับหวั่นปลุกม็อบลุกฮือ
นายโคทม อารียา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณี สนช. มีมติถอดถอน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ออกจากการเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่า ถือเป็นข้อยุติไปแล้ว ที่เหลือคงเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์กันต่อ ซึ่งโดยส่วนตัวเป็นห่วงว่า อาจเป็นชนวนเหตุทำให้มีการชุมนุมเคลื่อนไหวของม็อบที่สนับสนุน จนก่อปัญหาอย่างไม่จบสิ้น

"แม้ว"เดินสายแก้ตัวสื่อนอก
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปกล่าวปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยวิจารณ์ประเทศไทยว่า นับตั้งมีการโค่นล้มรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลชุดปัจจุบันก็กระทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจกลุ่มเล็กๆ ไม่ใช่เพื่อคนไทย รวมทั้งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีการกำหนดเนื้อหาเพื่อคงอำนาจของกองทัพเอาไว้ ซึ่งถือเป็นการทำลายประชาธิปไตยที่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาต่างๆ และจะกลับประเทศไทยหลังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

 

ตอนนี้เนวิน ไปแสดงตัว ร่วมกับพวกสมัคร เฉลิม ยุทธตู้เย็น

เรียกว่าพวกชอบเกี่ยวข้อง กับ เรื่องอิทธิพล และคดีความที่ทำให้หลายคนบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ โดยไม่ได้เป็นปกติตามอายุขัย :slime_fighto:

มาดูกันว่าไผเป็นไผ-ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์
        เขตเลือกตั้งที่ 1
       หมายเลข 1 นายณัฐวุฒิ สุขเกษม (มฌ.)
       หมายเลข 2 นายมาโนช เฮงยศมาก (มฌ.)
       หมายเลข 3 นายสมนึก เฮงวาณิชย์ (มฌ.)
       หมายเลข 4 นายภุชงค์ เลาหศิริวงศ์ (ปชป.)
       หมายเลข 5 นายสันติ โรจน์สุกิจ (ปชป.)
       หมายเลข 6 นายนาคินทร์ ปิ่นศิริ (ปชป.)
       หมายเลข 7 นายประยูร เพ็งจันทร์ (รช.)
       หมายเลข 8 นายวิศิษฏ์ จะเรียกรัมย์ (รช.)
       หมายเลข 9 นายทวีศักดิ์ สนเทศ (รช.)
       หมายเลข 10 นายโสภณ เพชรสว่าง (พผ.)
       หมายเลข 11 นายหนูแดง วรรณกลางซ้าย (พผ.)
       หมายเลข 12 นายธราพงษ์ ชุมรัมย์ (พผ.)
       หมายเลข 13 นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน (พปช.)
       หมายเลข 14 นายรุ่งโรจน์ ทองศรี (พปช.)
       หมายเลข 15 นายประกิจ พลเดช (พปช.)
       หมายเลข 16 นายณัษฐพล ทิพย์อักษร (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 17 นายปริวัชร มณีเติม (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 18 นายสุรินทร์ ทาซ้าย (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 19 นายสุรเชษฐ์ กฤตยเรืองโรจน์ (ชท.)
       หมายเลข 20 นายสุวิทย์ พัวพันธ์ (ชท.)
       หมายเลข 21 นางพรรณา ดุริยะวิจิตร (ชท.)
       
        เขตเลือกตั้งที่ 2
       หมายเลข 1 นายรังสิกร ทิมาตฤกะ (พปช.)
       หมายเลข 2 นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ (พปช.)
       หมายเลข 3 นายทรงศักดิ์ ทองศรี (พปช.)
       หมายเลข 4 นายขจรธน จุดโต (พผ.)
       หมายเลข 5 นายจำรัส เวียงสงศ์ (พผ.)
       หมายเลข 6 นายสุรศักดิ์ นาคดี (พผ.)
       หมายเลข 7 นายณัฐพงศ์ธัช กุรัตน์ (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 8 นายแฉล้ม พาณิชรัมย์ (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 9 นายสุธาเทพ ศรีประโคน (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 10 น.ส.ดาริกา ใสงาม (มฌ.)
       หมายเลข 11 นายสุพิศ คิดรอบ (มฌ.)
       หมายเลข 12 นายนาวี สะสม (มฌ.)
       หมายเลข 13 นายอธิวัฒน์ บุญชาติ (ปช.)
       หมายเลข 14 นายธีระศีกดิ์ ไชยปลัด (ปช.)
       หมายเลข 15 นายเป็น เบิกประโคน(ปช.)
       หมายเลข 16 นายภูมิสิทธิ์ มาประจง (ชท.)
       หมายเลข 17 นายประดิษฐ์ แสนทวีสุข (ชท.)
       หมายเลข 18 นายพิทักษ์ นาคไธสง (ชท.)
       หมายเลข 19 นายรักษา ลอยประโคน (รช.)
       หมายเลข 20 นายเสนาะ พรหมสวัสดิ์ (รช.)
       หมายเลข 21 น.ส.พิมพ์ณัฐยา โพธิ์เงิน (รช.)
       หมายเลข 22 นายจารุพงศ์ สมอารยวงศ์ (ปชป.)
       หมายเลข 23 นายวัฒนา ปาประโคน (ปชป.)
       หมายเลข 24 นายพยุงศักดิ์ โรจนวิชัย (ปชป.)
       หมายเลข 25 นายมหาบุญชู เจียวรัมย์ (ทปท.)
       หมายเลข 26 นายศิริ จริตรัมย์ (ทปท.)
       หมายเลข 27 นายภูมิพัฒน์ เจริญรัมย์ (ทปท.)
       
        เขตเลือกตั้งที่ 3
       หมายเลข 1 นายทิวา การกระสัง (รช.)
       หมายเลข 2 นางจิดาภา ศรีโสภา (รช.)
       หมายเลข 3 นายอภิชาติ ฉัพพรรณรังสี (พผ.)
       หมายเลข 4 นายเชิดศักดิ์ สกุลทวีวัฒน์ (พผ.)
       หมายเลข 5 นายวุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย (ชท.)
       หมายเลข 6 นายสวิช ศิริรัมย์ (ชท.)
       หมายเลข 7 นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล (พปช.)
       หมายเลข 8 นายสนอง เทพอักษรณรงค์ (พปช.)
       หมายเลข 9 นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ (ปชป.)
       หมายเลข 10 ดร.กฤช อุปจันแพงวงศ์ (ปชป.)
       หมายเลข 11 น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม (มฌ.)
       หมายเลข 12 นายวรเดช อินทรกำแหง (มฌ.)
       หมายเลข 13 นายประเสริฐ เลิศยะโส (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 14 นายวิสิทธิ์ จันทร์สิงห์ (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 15 นางวรรณพิมล เที่ยงธรรม (ทปท.)
       หมายเลข 16 นายปิยวัฒน์ คงทรัพย์(ทปท.)
       
        เขตเลือกตั้งที่ 4
       หมายเลข 1 นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ (รช.)
       หมายเลข 2 นายประสิทธิ์ ชาตุทะนะ (รช.)
       หมายเลข 3 นายโสภณ ซารัมย์ (พปช.)
       หมายเลข 4 นายธวัชชัย กมลมุนีโชติ (พปช.)
       หมายเลข 5 นายประกอบ ภิญโญ (ปชป.)
       หมายเลข 6 นายสมโภชน์ เสถียรพูนสุข (ปชป.)
       หมายเลข 7 นายสุคน แก้วกล้า (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 8 นายสุทัศน์ชัย กรมไธสง (ป.ช.ร.)
       หมายเลข 9 นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ (ชท.)
       หมายเลข 10 นายสุทธินัน จรเอ้กา (ชท.)
       หมายเลข 11 นายพีระพงษ์ ฮงสวัสดิ์ (พผ.)
       หมายเลข 12.นางสงเคราะห์ สันรัมย์ (พผ.)

'สดศรี' เผยพื้นที่อีสานทุจริตเลือกตั้งมากสุด บุรีรัมย์ยังครองแชมป์   
 
 วันที่ 15 พฤจิกายน 2550 เวลา 18:53:53 น. 
 นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ของผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วนกลุ่มที่ 4 ซึ่งประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ว่า กลุ่มนี้มีการร้องเรียนการซื้อสิทธิขายเสียงจำนวนมาก โดยจ.บุรีรัมย์มีเรื่องร้องเรียนมากที่สุด เช่น กำนันและผู้ใหญ่บ้านพาหัวคะแนนไปทัศนศึกษา ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเรื่องที่ร้องเรียนจะเข้าข่ายผิดกฏหมายเลือกตั้งบ้างหรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะปราศรัยหาเสียงข้ามประเทศ เพื่อช่วยพรรคพลังประชาชนนั้น นางสดศรีกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้  (16 พ.ย.) จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของกกต. เพื่อดูข้อกฎหมาย ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหรือไม่

'ถ้าท่านทำจริงตามที่เป็นข่าวออกมา จะเป็นการที่จะทำลายระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ต้องพิจารณาอีกครั้ง' นางสดศรีกล่าว

นางสดศรี กล่าวถึงกรณีผู้สมัครส.ส.เสนอความคิดว่าทางกกต.ควรเข้าร่วมพิธีดื่มน้ำสาบานและปฏิญาณตน ว่า เรื่องนี้น่าคิดเหมือนกัน เพราะทุกคนต่างมีเจตนาอยากเห็นการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม

ข้อมูลจากมติชน
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon.php