ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: snowflake ที่ 03-08-2007, 08:36



หัวข้อ: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-08-2007, 08:36
การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม”
แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?  
 
 
ชื่อบทความเดิม:

การครอบงำการเมืองไทยของฝ่ายอนุรักษ์นิยมผ่านวาทกรรม “คุณธรรม
จริยธรรม” จะแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นได้จริงหรือ ?
                                         

วีระ สมความคิด
เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)

31 กรกฎาคม 2550
                                         
การกำหนดรูปแบบการเมืองของไทยใหม่ภายหลังรัฐประหารในคืนวันที่ 19 กันยายน
2549 โดยกลุ่มพลังอนุรักษ์นิยม มีพื้นฐานมาจากความหวาดกลัวระบบการเมืองแบบ
เลือกตั้งและผู้นำการเมืองจากระบบเลือกตั้งที่สามารถแข่ง “บารมี” กับสถาบันสำคัญ
ในสังคมไทยได้เป็นครั้งแรก ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนของการกำหนดรูปโฉมการเมืองไทย
ก็คือการกำจัด “เสี้ยนหนาม” ที่อาจสั่นคลอนเสถียรภาพของ “ระบอบประชาธิปไตยอัน
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ไม่ให้บังเกิดขึ้นได้อีกต่อไป

ดังจะเห็นได้ว่า ภายหลังรัฐประหาร คณะรัฐประหารพยายามครอบงำการเมืองไทยโดย
ลดทอนความสำคัญของ “รัฐสภา” ซึ่งเป็นสถาบันที่สามารถผูกโยงที่มาทางอำนาจกับ
“ปวงชน” ตามคติของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ (อย่างน้อยในทางทฤษฎี) โดย
กระทำผ่านการโจมตีระบอบการเมืองดังกล่าวว่า เป็นของตะวันตก กล่าวหานักการเมือง
ว่าคอร์รัปชั่น ซื้อเสียง มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขาดคุณธรรมจริยธรรม [1] และพยายาม
กำหนดและควบคุมทิศทางการเมืองไทย โดยอาศัยระบบราชการเป็นเครื่องมือ โดย
ออกแบบระบบการเมืองที่ผู้นำไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่านายกรัฐมนตรี
วุฒิสภา องค์กรอิสระต่างๆ ที่มาจากการ “สรรหา” โดยกระทำผ่านการสร้างวาทกรรม
“คุณธรรมจริยธรรม” หรือ “คนดี” โดยผ่านการการันตีจาก “ผู้มีบารมี” โดยไม่จำเป็น
ว่าประชาชนจะต้องตรวจสอบเพราะ “คนดี” เหล่านี้คู่ควรกับการปกครองบ้านเมือง
แบบไทยๆ

จากปัญหาดังกล่าว บทความนี้จึงต้องการพิจารณาว่า “คุณธรรม” และ “คนดี” ที่ไม่
สามารถตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้นั้น แท้จริงแล้วมีผลประโยชน์ “ทับซ้อน” เฉกเช่น
เดียวกับนักการเมืองในระบบรัฐสภาหรือไม่ วิถีทางได้มาซึ่งอำนาจของบุคคลเหล่านี้
เป็นอันตรายต่อสังคมไทยเพียงใด

ในประเด็นการครอบงำการเมืองไทยโดยระบบราชการภายหลัง 19 กันยานั้น มีผู้กล่าว
ถึงแล้วเป็นจำนวนมาก จึงไม่ขอกล่าวซ้ำในที่นี้ แต่จะขอรวบยอดคุณลักษณะเด่นๆ ของ
การหวนกลับของระบบราชการในครั้งนี้ ตามคำกล่าวของ อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ ที่เรียก
ว่า "รัฐบาล เปรม 6” [2] เพราะบุคคลในคณะรัฐประหารและรัฐบาลสุรยุทธ์ ล้วนมีความ
เกี่ยวพันกับพลเอกเปรมในทางใดทางหนึ่ง[3] และหากพิจารณาจำเพาะลงไปอีกจะพบ
ว่า ผู้ที่มีบทบาทควบคุมการเมืองไทยในปัจจุบันมีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ องคมนตรี ศาล
ทหาร[4]  และที่สำคัญสถาบันหรือกลุ่มการเมืองทั้งสามกลุ่ม ไม่สามารถหรือไม่พยายาม
ยึดโยงตนเองกับปวงชนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามสถาบันทั้งสามต่างอ้างอิงตนเองเข้ากับ
“พระราชอำนาจ” อยู่เสมอ

กล่าวคือ องคมนตรีนั้นมาจากการแต่งตั้งของกษัตริย์ ศาลก็อ้างอยู่เสมอว่า กระทำการ
ภายใต้พระปรมาภิไธย ส่วนทหารนั้นก็ประกาศตนผ่านพลเอกเปรม (ซึ่งมีอีกสถานะหนึ่ง
คือองคมนตรี) ว่าเป็น “ทหารพระราชา” และที่พิเศษยิ่งกว่านั้น b]รัฐประหารครั้งนี้เป็นครั้ง
แรกที่องคมนตรีและศาลเข้าแทรกแซงทางการเมืองอย่างเปิดเผย[5] และภายหลัง
บทบาทของศาลยิ่งสูงเด่นขึ้นในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่ง
กรรมการสรรหาองค์กรอิสระทุกองค์กร ซึ่งฝ่ายตุลาการมีเสียงถึงสามในห้าของกรรมการ
สรรหา และยังเป็นคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ที่สำคัญคณะกรรมการสรรหา
สมาชิกวุฒิสภานั้นประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาฯ จำนวน
1 คน และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดฯ จำนวน 1 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ประธาน
องค์กรอิสระล้วนมาจากการ “สรรหา” ของฝ่ายตุลาการทั้งสิ้น[6]  จากเนื้อหาสำคัญๆ
ของร่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เห็นได้ชัดว่า การเมืองอยู่ภายใต้การครอบงำของศาล
อย่างไม่มีทางปฏิเสธได้

อาจมีผู้แย้งว่า ศาลเป็นองค์กรที่เป็นกลาง ปราศจากซึ่งผลประโยชน์ ฯลฯ (ตรงตาม
สโลแกน “คุณธรรมจริยธรรม”) แต่ทั้งนี้ การที่สังคมไทยมีความเชื่อเช่นนั้น เนื่องมา
จากสังคมไม่สามารถตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ศาลได้ ที่สำคัญที่สุด ศาลเป็นองค์กร
เดียวที่ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนแต่ไม่ถูกตรวจสอบจากองค์กรอื่น[7] (ซึ่งเป็น
คนละกรณีกับการตรวจสอบผู้พิพากษาเป็นรายบุคคลโดย ป.ป.ช. และวุฒิสภา)

ดังนั้น กระบวนการพิจารณาคดีและการวินิจฉัยของศาลไม่ว่ากรณีใด จึงไม่อาจถูกตรวจ
สอบหรือคัดค้านได้ เพราะมีกฎหมาย “หมิ่นศาล” เป็นเกราะที่สำคัญ ทั้งที่ความจริง
แล้ว ศาลเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากองค์กรอื่น ในเรื่องนี้ผู้เขียนขอยกเอาคำกล่าวของ
ไพสิฐ พาณิชย์กุล มาเพื่อให้เห็นภาพภายในแวดวงตุลาการดังนี้

“จริงๆ แล้ว ภาพของศาลเองก็ไม่ได้ต่างไปจากรัฐสภา มีกรณีผู้พิพากษาแย่งกันไป
ดูงานเมืองนอกก็มี มีการที่อำนาจทุนแบบ Rent Seeker ชนะคดีฟ้องร้องเพราะตนมี
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายว่าความ มีล็อบบี้ก็มี เพียงแต่ศาลมีอำนาจตัดสินให้คนติดคุก
เราก็เลยไม่ไปข้องแวะ ไม่ไปแฉ” [8]

โดยพื้นฐานดังกล่าว ทำให้การเข้าแทรกแซงทางการเมืองของศาลจึงไม่มีความชอบ-
ธรรม เพราะเป็นผู้ใช้อำนาจทั้งสามฝ่ายแทนปวงชน แต่ไม่ยอมให้ปวงชนซึ่งเป็นเจ้า-
ของอำนาจอธิปไตยตรวจสอบ การก้าวเข้ามาในปริมณฑลทางการเมืองย่อมอยู่ใน
สถานะของ “นักการเมือง” ที่สังคมสามารถตรวจสอบวิจารณ์ได้ แต่ในสถานการณ์
ปัจจุบันกลับเป็นว่า ฝ่ายตุลาการเองได้ออกมาข่มขู่ผู้ที่กังขาและคิดจะตรวจสอบโดย
การอ้างพระราชดำรัส [9]

ในส่วนขององคมนตรีนั้น เมื่อมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ ก็จะมีบรรดา “ลูกหาบ” ออกมาปกป้อง
และห้ามปรามว่า เป็นการกระทำที่มิบังควร หมิ่นเหม่ต่อการระคายเคืองเบื้องพระยุคล-
บาท และเลยเถิดไปถึงว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งที่องคมนตรีไม่ได้รับความคุ้มครอง
ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่อย่างใด บางคนถึงกับกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยว่า
ไม่ควรวิจารณ์พลเอกเปรมเพราะเป็นตัวแทนของ “คุณธรรม” [10] โดยไม่อธิบายบริบท
ใดๆ รองรับ และตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า องคมนตรีทั้งหลายต่างพากันเป็นกรรมการ
ในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนคนละหลายๆ แห่ง น่าคิดว่า “ผลประโยชน์” ที่คนเหล่านี้
ได้รับจะมหาศาลขนาดไหน

ส่วนกองทัพนั้นเล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง งบประมาณที่เป็นค่าใช้จ่ายในการรัฐประหาร รวม
ถึงงบลับและงบประมาณของกองทัพ รวมถึงเงินเดือนของ คมช. ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อ
สาธารณชน ยังไม่ต้องพูดถึงการที่บรรดานายทหาร “ตบเท้า” เข้าไปเป็นกรรมการรัฐ-
วิสาหกิจทั้งก่อนและหลังการรัฐประหาร แต่ห้ามไม่ให้สังคมตั้งคำถามในเรื่องดังกล่าว
(และเป็นที่คาดหมายกันว่าทหารจะเข้าไปครอบงำวุฒิสภาเฉกเช่นในอดีต ถึงแม้จะต้อง
แบ่งสัดส่วนกับตุลาการก็ตาม) หนำซ้ำองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาสางทุจริตอย่าง คตส.ก็
ปฏิเสธที่จะเข้าไปตรวจสอบ ทั้งที่บุคคลเหล่านี้อวดอ้างว่า ตนเองรังเกียจการทุจริต
คอร์รัปชั่นและยึดมั่น “คุณธรรมจริยธรรม” เป็นสรณะ

เมื่อตระหนักถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว รวมถึงเข้าใจว่า การเมืองเป็นเรื่องของการต่อสู้
แย่งชิงผลประโยชน์และทรัพยากรของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคม เราก็จะเข้าใจสถานะ
ของสถาบันการเมืองทั้งสามว่าแท้จริงแล้วก็เป็นกลุ่มผลประโยชน์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งย่อม
ตอบสนองผลประโยชน์ให้แก่สถาบันการเมืองของตนเองและผู้ที่ผลักดันให้ตนเอง
เข้ากุมอำนาจรัฐเช่นกัน

และเมื่อตระหนักว่าสถาบันทั้งสามอ้างอิงหรือยึดโยงตนเองเข้ากับ “พระราชอำนาจ”
นั่นหมายความว่า ระบบราชการและกองทัพเป็นฐานอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ดังนั้น
สามารถกล่าวได้ว่า นี่เป็นการเข้าควบคุมสถาบันการเมืองในระบบประชาธิปไตยรัฐสภา
โดย “พระราชอำนาจ” อย่างเปิดเผย หรือกล่าวอีกอย่างได้ว่า นี่อาจจะเป็นชัยชนะของ
“ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เหนือประชาธิปไตยที่อำนาจ
สูงสุดเป็นของราษฎร ตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยและเจตนารมณ์ของ
คณะราษฎร

และเมื่อพระราชอำนาจเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ในสังคมไทย ดังนั้น องค์กรที่มีฐานมา
จากพระราชอำนาจย่อมอาศัยเรื่องดังกล่าวบวกกับ “คุณธรรม จริยธรรม” เพื่อที่จะอยู่
เหนือการตรวจสอบ นั้น นับว่าอันตรายยิ่งกว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่า
ในทางทฤษฎีหรือปฏิบัติ เพราะนอกจากขัดกับหลักที่ว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชน”
แล้วยังขัดกับหลักการพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลในเรื่องการตรวจสอบการใช้อำนาจ
รัฐ โดยปวงชน

นับจากนี้สิ่งที่น่าจับตาก็คือ การเมืองใหม่ภายใต้ “ความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริย-
ธรรม” จะสามารถชำระความสกปรกโสมมของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และ
จะสามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทยได้จริงหรือไม่? ซึ่งท้ายที่สุด
กาลเวลาจะเป็นผู้กระชากหน้ากาก “นักประชาธิปไตยจอมปลอม” ออกมาให้สังคมได้
รับรู้ เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่ากรณีครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงของนายกฯ สุรยุทธ จุลา-
นนท์ อย่างผิดกฎหมาย กรณีการเข้าไปอุ้มพนักงานของ ไอทีวี โดยไม่มีกฎหมายรอง
รองรับและเป็นการเลือกปฏิบัติ กรณีการสมรสซ้อนของพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน กรณี
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับ ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ ในการ
นำเงิน 800 ล้านของ ทีโอที ไปใช้จัดซื้อเครื่องมือดักฟังเพื่อความมั่นคงอย่างมีเงื่อนงำ
และกรณีข่าวอื้อฉาวการพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 20 ล้านเล่มเพื่อแจกจ่ายกับประชา-
ชนเพื่อศึกษาและใช้ประกอบเป็นข้อมูลในการออกเสียงประชามติ ที่มีข่าวว่ามีการกิน
หัวคิวจากส่วนต่างที่โรงพิมพ์ของรัฐนำไปจ้างให้เอกชนพิมพ์ต่อทั้งที่เป็นการกระทำที่
ผิดสัญญาอย่างชัดเจน

แต่ปรากฎว่า กรณีทั้งหมดนี้กลับไม่มีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา ของ
ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล คมช. สนช. และสสร. เหมือนกับที่กระทำกับ
ทักษิณและครอบครัว เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายรู้สึกว่า กลุ่มพลัง
อนุรักษ์นิยมทั้งหลายกำลังให้ฝ่าย “คุณน่ะทำ” แต่ “พวกผมไม่ต้องทำ ไม่ต้องมาตรวจ
สอบผม” คงอีกไม่นานเกินรอหรอกครับที่เราท่านทั้งหลายจะได้เห็น “ธาตุแท้ของกลุ่ม
พลังอนุรักษ์นิยม” กันในไม่ช้านี้

--------------------------------------------------------------------------------------------------

[1] ไม่มีใครปฏิเสธว่าข้อกล่าวหาต่างๆ เหล่านี้ไม่เป็นความจริง แต่ทว่าการที่สังคม
สามารถ “ชำแหละ” หรือ “ประณาม” นักการเมืองเหล่านี้ได้อย่างครึกโครมและสนุก
ปาก ก็เพราะคนเหล่านี้มาจากการเลือกตั้งมิใช่หรือ? ในทางกลับกันบุคคลที่อวดอ้าง
ว่า ตนเองจะเข้ามาชำระความโสมมที่เกิดขึ้น กลับไม่ยอมทนต่อการวิจารณ์หรือการ
ตรวจสอบ ยกตัวอย่างเพียงประการเดียวตามข้อสังเกตของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่
ปรากฏในกระดานข่าวแห่งหนึ่งว่า “จนบัดนี้มีใครรู้บ้างว่าเปรมมีทรัพย์สินเท่าไหร่?”

[2] อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ “นี่คือรัฐบาลเปรม 6”.

[3]  ดูรายละเอียดของความสัมพันธ์ดังกล่าวได้ใน สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี. “วิเคราะห์
ระบอบสนธิ” ใน ธนาพล อิ๋วสกุล (บรรณาธิการ). รัฐประหาร 19 กันยา.กรุงเทพ: ฟ้า-
เดียวกัน,2550. หน้า 278 – 281.

[4] ‘สมชาย ปรีชาศิลปกุล’ ชี้ 3 สถาบัน จะค้ำยันประชาธิปไตยแบบไทยๆ ในอนาคต.
และ สมชาย ปรีชาศิลปกุล : เมื่อชนชั้นนำกำลังแย่งชิงอำนาจกัน โดยใช้ประชาชนเป็น
เบี้ย.

[5] สำหรับสถาบันตุลาการนั้น เข้าแทรกแซงอย่างเปิดเผยและต่อเนื่องภายหลัง 25
เมษายน พิจารณาในแง่นี้ 25 เมษายน จึงเปรียบเสมือน “ไฟเขียว” ของสถาบันตุลาการ

[6] บทความชำนาญ จันทร์เรือง : ตุลาการมิใช่ผู้วิเศษ. http://sameskybooks.org
/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=7289

[7] ชำนาญ จันทร์เรือง. ปัญหาการเมืองหรือปัญหากฎหมาย.  http://www.
prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID
=3586&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai

[8] บทสนทนาจากม. เที่ยงคืน: การต่อสู้ที่ไม่สร้างเครือข่าย รักในหลวง ห่วงทักษิณ
vs รักในหลวง เกลียดทักษิณ http://www.prachatai.com/05web/th/home/
page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=4320&SystemModuleKey=
HilightNews&SystemLanguage=Thai

[9] ‘วิชา’ ยกดำรัสพระมหากษัตริย์ไว้ใจศาล ท่านจะประณามหรือ. http://www.
midnightuniv.org/forum/index.php?PHPSESSID=7efabaf7c884a8971dd
5561ffa9265fb&topic=1728.0

[10] คำแถลงของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช.

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9086&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

อยากให้แสดงออกมาเร็วๆ ค่ะ
ธาตุแท้ของพวกอ้างคุณธรรมจริยธรรมจอมปลอม ที่ไม่ยอมให้ตรวจสอบ

หน้ากาก “นักประชาธิปไตยจอมปลอม” จงหลุดออกมาไวๆ

 :slime_worship:
 


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 03-08-2007, 08:50
แก้ไม่ได้หรอก มันเป็นวาทกรรมแบบบื้อๆ ตามสไตล์ทหาร ข้าราชการ
ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ประสีประสาการเมือง


ไม่เนียนหวานชื่นรื่นหูเหมือนถ้อยคำของผู้เชี่ยวชาญ นักวาทวิทยามืออาชีพแน่นอน


ดูข่าวภาคใต้แล้วคิดถึงวาทกงวาทกรรมอะไรไม่ออกจริงๆ :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 03-08-2007, 09:53
คุณธรรม จริยธรรม  แก้คอร์รัปชั่นได้จริง

ขอยืนยันตรรกะเบื้องต้นเสียก่อนที่จะอธิบายต่อไป เนื่องด้วยเหตุที่ว่า มีการลากเอาคุณธรรมและจริยธรรม ไปปะปนกับเรื่องของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เพื่อที่จะตั้งคำถามว่า “คุณธรรมจริยธรรม แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ" และมีความพยายามในการลาก “คุณธรรมจริยธรรม” ให้ไปสู่ความหมายที่ว่าไม่อาจคอร์รัปชั่นได้จริง

อ้างถึง
คุณธรรม (virtue)
คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดีทางความพฤติและจิตใจ เช่น ความเป็นผู้ไม่กล่าวเท็จโดยหวังประโยชน์ส่วนตนเป็น คุณธรรมประการหนึ่ง
คำว่า คุณ ภาษาบาลีแปลว่า ประเภท, ชนิด ธรรม หมายถึง หลักความจริง หลักการในการปฏิบัติ ดังนั้น อาจอธิบายได้ว่า คุณธรรม คือ จริยธรรมที่แยกเป็นรายละเอียดแต่ละประเภท เช่น เมตตา กรุณา เสียสละ ซื่อสัตย์ อดทน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้หากผู้ใดประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเป็นสภาพคุณงามความดีทางความประพฤติและจิตใจของผู้นั้น

อ้างถึง
จริยธรรม (ethics)
จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ, ศีลธรรม, กฎศีลธรรม จากการสัมมนาของสำนักงานคณะกรรม การศึกษาแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2522 ได้สรุปนิยามไว้ว่าจริยธรรม คือแนวทางประพฤติปฏิบัติตนเพื่อการบรรลุถึงสภาพชีวิตอันทรงคุณค่าพึงประสงค์

ดังนั้น หากบุคคลใด มีคุณธรรม จริยธรรม เมื่อมาเป็นนักการเมือง ก็จะไม่คอรัปชั่น จึงสรุปในขั้นต้นนี้ว่า

คุณธรรม จริยธรรม  แก้คอร์รัปชั่นได้จริง

---------------------------

สว่นในบทความ ที่พยายามลากเอา บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่มีภาพว่ามี คุณธรรม จริยธรรม ก่อนที่จะนำมาตั้งคำถามว่า บุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นๆ จะมี คุณธรรม จริยธรรม จริงหรือไม่ เป็นคนละประเด็นกับ "คุณธรรม จริยธรรม  แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือไม่" ถึงจะอ้างว่าเป็นการกระทำผ่านวาทกรรม ก็เป็นเพียงมุมมองของผู้เขียนบทความ เพราะในที่สุดก็สรุปออกมาว่า  “ความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริย-ธรรม” จะสามารถชำระความสกปรกโสมมของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และจะสามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทยได้จริงหรือไม่?" ซึ่งเป็นมุมมองที่แปลกพิกล เพราะมุ่งจะเปรียบว่า นำคุณธรรมจริยธรรม จากที่หนึ่งเข้าไปชำระล้างความโสมมในอีกที่หนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการใช้ คุณธรรมและจริยธรรมผิดวิธี

คุณธรรม จริยธรรม นั้น ต้องนำไปสั่งสอนให้บุคคลพัฒนาตนเองเพื่อให้มีสิ่งนั้น มิใช่นำคุณธรรมจริยธรรมเป็นผงซักฟอก ไปซักล้างคนโสมม โดยคนโสมมนั้นไม่พัฒนายกระดับจิตใจให้ตนมีคุณธรรมจริยธรรมด้วยตัวของตัวเอง

เป้าหมายของคุณวีระ ในบทความนี้ มีเพียงเพื่อจะตั้งปัญหาถามสังคมถึงเรื่องราวทางการเมือง แต่กลับนำ คุณธรรมและจริยธรรม มาทำให้มีความหมายผิดเพี้ยน ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยว่า “คุณธรรมจริยธรรม แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ? "  จึงขอตำหนิไว้ในที่นี้

--------------

ส่วนประโยคสุดท้ายของกระทู้  :slime_smile2:

อ้างถึง
อยากให้แสดงออกมาเร็วๆ ค่ะ
ธาตุแท้ของพวกอ้างคุณธรรมจริยธรรมจอมปลอม ที่ไม่ยอมให้ตรวจสอบ
หน้ากาก “นักประชาธิปไตยจอมปลอม” จงหลุดออกมาไวๆ

แหม ด่าไอ้เหลี่ยมได้เนียนเหลือเกิน  หน้ากากเหลี่ยมๆ หลุดกระจาย ความจอมปลอมของมัน ถูกแผ่ประจานไม่มีชิ้นดีแล้วค่ะ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 03-08-2007, 09:55
อืม สงสัยวาทกรรม "19 ล้านเสียงเลือกผมมา" จะแก้คอรัปชันได้กระมัง
ฮ่าๆๆ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 03-08-2007, 10:14
ระวังปวงชนจะลุกฮือ

แกนนำของม็อบ แนวร่วมเปรตกับกุ๊ย 9 คน ที่ถูกจับกุมคุมขัง (ได้ประกันตัว 1 คน) รวมทั้งบรรดาผู้สนับสนุน วิเคราะห์เป็นตุเป็นตะว่าการจับกุมดังกล่าวจะทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน คมช.และรัฐบาลมากขึ้น ส่วนหมอเหวงบอกว่านี่จะเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟ

คนเหล่านี้อาจวิเคราะห์บนพื้นฐานของสถานการณ์เก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว เช่น 14 ตุลาฯ หรือ 6 ตุลาคม ทั้งที่สถานการณ์เมื่อกว่า 30 ปีนั้น แทบไม่ได้คล้ายคลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย

ความไม่คล้ายคลึงนั้นก็นับตั้งแต่


1.ในวันแรกของการรัฐประหารครั้งนี้ คนส่วนใหญ่กว่า 80% เห็นด้วยกับการรัฐประหาร


2.หลังการรัฐประหาร ผู้คนไม่ได้รู้สึกว่าขาดไร้ประชาธิปไตยหรือถูกกดขี่จนทนไม่ไหว

3.เสรีภาพสื่อมวลชนก็ยังถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูง


4.กลุ่มผู้ชุมนุมขาดพลังในการดึงให้คนในวงกว้างมาสนับสนุน เนื่องจากผู้คนไม่เชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้มีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ความพ่ายแพ้อย่างสำคัญของผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ยังเกิดจากการที่คนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับการจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาใกล้ชิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของไทย

พวกเขาไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม แล้วประกาศว่าได้รับชัยชนะ หมอเหวงนั้นร้องเพลง "รักคุณ( ทักษิณ )เข้าแล้ว" โดยมีวีระ มุสิกพงศ์ เป็นหางเครื่อง จากนั้นวีระคว้าไมค์มาร้องเพลงต่อ หมอเหวงก็ฟ้อนเซิ้งเป็นหางเครื่องอย่างสนุกสนาน

พวกเขาเลือกเอาคืนวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 บุกบ้าน พล.อ.เปรม โดยหวังว่าจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับทักษิณ ในวันคล้ายวันเกิด 26 กรกฏาคม แต่พวกเขาก็ถูกจับกุมในวันที่ 26 กรกฎาคม

เดือนกรกฎาคมช่างเป็นเดือนอาถรรพ์สำหรับขั้วอำนาจเก่า เพราะ 25 กรกฎาคม 2549 ศาลอาญาก็มีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี อดีตกรรมการการเลือกตั้ง 4 คน ชุดที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน

การมุ่งโจมตี พล.อ.เปรม ทำให้คนส่วนใหญ่อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ผู้ชุมนุมเหล่านี้ต้องการอะไรกันแน่ และคนเหล่านี้มีสิทธิอะไรที่จะมาบีบบังคับให้ พล.อ.เปรมลาออก ทั้งที่ พล.อ.เปรมเป็นผู้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง

พล.อ.เปรมถูกโจมตีมาหลายเดือน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.เปรม พ้นจากตำแหน่งแต่ประการใด แล้วทำไมม็อบเหล่านี้จึงยังแกล้งไม่เข้าใจอยู่อีก ทำไมลามปามไม่เลิก

หรือจะเป็นอย่างที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตว่าคนเหล่านี้ต้องการจะทำลายสถาบันเบื้องสูง

คนในขั้วอำนาจเก่าที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า "ไม่ชอบศักดินา อยากเห็นสงครามประชาชน"

แน่นอนศักดินาในความหมายของนายคนนี้ คงไม่ได้หมายถึง พล.อ.เปรมเท่านั้น แต่ก็มีคำถามไปยังนายปากดีคนนี้เหมือนกันว่า เจ้านายของเขาที่เป็น "สามัญชนแต่กักขฬะและโกง" นั้นจะทำให้ชาติรุ่งเรืองไปได้อย่างไร

พวกแกนนำม็อบป่วนเมืองอ้างว่า "โค่น พล.อ.เปรมคือการโค่น คมช." ซึ่งไม่เป็นเหตุผลกันเลย เพราะมันเหมือนที่ประธานาธิบดีบุชบอกว่า บิน ลาเดน เป็นผู้ก่อวินาศกรรมสหรัฐ ทางสหรัฐเลยต้องทำสงครามถล่มอิรัก

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประกาศตัวเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารอยู่เห็นๆ ทนโท่ ไม่ต้องไปหาหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ ก็ไปไล่ พล.อ.สนธิ ออกไปซิ จะไปไล่ พล.อ.เปรมทำไม ขนาด พล.อ.สนธิเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารยังไม่ลาออก แล้วจะไปให้ พล.อ.เปรมไปลาออกได้อย่างไร

ก็พฤติกรรมของพวกม็อบเป็นอย่างนี้ จะไม่ให้คนเขาตั้งข้อสงสัยได้อย่างไรว่าพุ่งเป้าโจมตี พล.อ.เปรม เพื่อวัตถุประสงค์ใด

แล้วทำไมต้องไปชุมนุมที่บ้าน พลอ.อ.เปรม ทำไมไม่ไปชุมนุมบ้านพล.อ.สนธิหรือบ้านแกนนำของ คมช.คนอื่นๆ

ขนาดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมขับไล่ทักษิณ ยังไม่เคยไปบุกบ้านทักษิณแล้วกรอกลำโพงปราศรัยด่าทักษิณถึงหน้าบ้านเหมือนที่ทำกับ พล.อ.เปรม

แกนนำบางคนยังหน้าด้านมาตั้งคำถามอีกว่า จะเลิกชุมนุมตอนตี 5 อยู่แล้ว ตำรวจมาสลายทำไม

การที่จะมาอาศัยกระแสปลุกมวลชนให้อยู่ข้างเดียวกับพวกป่วนเมืองในครั้งนี้หลังจากถูกจับกุมโดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิเสรีภาพ คงฟังไม่ขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่เห็นแล้วว่าคนเหล่านี้ใช้เสรีภาพแบบไม่มีขอบเขตและไม่รับผิดชอบ

คนส่วนใหญ่เห็นแล้วว่า ที่ผ่านมารัฐได้ยืดหยุ่นให้ใช้สิทธิชุมนุมอย่างค่อนข้างเสรี เคลื่อนไปโน่นไปนี่ เช่น ไปที่กองบัญชาการกองทัพบกก็ไปมาแล้ว ขับรถบุกเข้าไปใน ทบ.ก็ทำมาแล้ว มีเพียงแห่งเดียวที่ขอร้องไม่ให้ไปคือบ้าน พล.อ.เปรม

ดังนั้น จะมาอ้างว่าตัวเองถูกลิดรอนเสรีภาพไม่ได้ แต่ตรงข้ามพวกม็อบเหล่านี้กลับไปละเมิดและรุกรานสิทธิคนอื่น นั่นก็คือสิทธิของพล.อ.เปรม

ที่มันตลกสิ้นดีแต่หัวเราะไม่ออก ก็คือกรรมการสิทธิมนุษยชนอย่างนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กลายเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบที่กระทำการละเมิดสิทธิฯคนอื่น ดังนั้น การกระทำและพฤติกรรมของนายจรัลครั้งนี้น่าจะทำให้นายจรัล "ขาดคุณสมบัติ" การเป็นกรรมการสิทธิฯโดยทันที

หน้าที่ของนายจรัล หากต้องการประท้วงเผด็จการควรกระทำในสถานะที่เหมาะสม เช่น การให้สัมภาษณ์ วิพากษ์วิจารณ์ หรือการไปร่วมเวทีวิชาการที่เป็นกลางไม่ใช่ทำตัวเป็นแกนนำม็อบป่วนเมืองและประกาศตัวเป็นฝ่ายของทักษิณอย่างชัดเจน


การกระทำของพวกม็อบป่วนเมืองครั้งนี้ เกรงว่าจะทำให้ความหมายของ "สิทธิเสรีภาพ" ของประชาชนหมดความศักดิ์สิทธิ์ลงไป เพราะมีการอ้างมั่วเลอะเทอะ ไร้ขอบเขต เมื่อถึงจุดหนึ่งจะทำให้คนไทยรู้สึกว่าการอ้างสิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องน่ารำคาญ เมื่อรำคาญเสียแล้วก็จะทำให้เกิดการสนับสนุนให้รัฐใช้อำนาจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อสิทธิเสรีภาพโดยรวมของคนที่เขาควรจะได้รับ

ขณะเดียวกันข้อควรระวังประการหนึ่ง ขององค์กรปกป้องเสรีภาพก็คือต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าคนกลุ่มใด ประเภทใดบ้างที่ควรได้รับการปกป้อง คนกลุ่มใดที่ไม่ควรได้รับการปกป้อง

ขืนไปทำแบบว่า เรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับบิน ลาเดน และโจรภาคใต้ละก็ จะโดนก้อนอิฐจากสังคมแน่

เหตุการณ์ม็อบทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการชุมนุมของม็อบที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม ถือว่าในยกนี้ฝ่ายรัฐได้คะแนนนำ เพราะมีความอดทน ไม่ใช้ความรุนแรง แต่รอเวลาให้เหมาะสม หลักฐานชัดเจนแล้วจึงใช้กฎหมายจัดการ

เหตุการณ์ที่บ้าน พล.อ.เปรม แสดงให้เห็นว่าเกิดพัฒนาการ "กลับด้าน" กล่าวคือม็อบเป็นฝ่ายทำร้ายตำรวจ-ทหาร ผิดกับเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้วที่ตำรวจ-ทหาร เป็นฝ่ายทำร้ายชาวบ้าน

นี่อาจแสดงให้เห็นชัดว่าทหาร-ตำรวจต่างหากที่เป็นฝ่ายสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และโลกในปัจจุบัน ในขณะที่แกนนำม็อบยังโง่งมโข่งอยู่กับยุทธวิธีล้าสมัยเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว :slime_smile2: โดยหวังว่ามันจะได้ผล แถมบางคนยังฝันลมๆ แล้งๆ ว่าตัวเองจะได้เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ :slime_bigsmile:

โลกทุกวันนี้ "กลับด้าน" ไปแล้ว จีนกลายเป็นยักษ์ใหม่ของเศรษฐกิจโลก กิจกรรมเศรษฐกิจเกิดขึ้นในขั้วเอเชียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่บริษัทจากเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจีน-อินเดีย ไล่เทกโอเวอร์บริษัทสหรัฐและยุโรป ซึ่งกลับขั้วกันกับศตวรรษที่ผ่านๆ มา ที่สหรัฐและยุโรปเป็นฝ่ายยาตราทัพยึดเศรษฐกิจเอเชีย

โดย นงนุช สิงหเดชะ



http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act03020850&day=2007/08/02&sectionid=0130

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าหน้ากากเหลี่ยมๆโคตรพ่อ scumflood ละก็ คนเขาเห็นเป็นชาติแล้ว  มีแต่ scumflood ที่หน้ามืดตามัวโง่ไร้สมอง เห้นไอ้แม้วบริสุทธ์

เห็นรธน.เน่า 40 เป็นของวิเศษ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 03-08-2007, 10:32
ต้อง ถาม คุณ หิมะ ว่า เป้น คนนับถือศาสนา อะไร ผมนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธ มีศีลอยู่มากมายสูงสุดคือ227ข้อสำหรับ ภิกษุสงฆ์ ภิกษุณี311ข้อ สำหรับ ฆารวาสแล้ว 5ข้อก็ทำยากยิ่ง

ถ้าคุณสามารถทำได้เพียง1ข้อ ใน5ข้อ เอาแค่1ข้อก็พอนะครับ ชีวิตก็พูลสุขมากมายแล้ว อย่างไร เรามาแยกันดู

1.ถ้าเราไม่ฆ่าสัตว์รวมถึงไม่ทานเนื้อสัตว์ แน่นอนครับ เราจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นแน่นอน ช่วงที่ผมรับประทานเจ ช่วงเทศกาลกินเจ 10 วัน ผมรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นอาการปวดข้อหรืออาการป้วยต่างๆๆลดน้อยลง อย่างน้อย ผมไม่ร้อนในเลยตลอด ช่วงสัปดาห์นั้นเลยไปถึงสัปดาห์ที่1-2หลังการกินเจ พอกลับมาทานเนื้อสัตว์ก็เริ่มมีอาการต่างๆกลับมา

2.ถ้าเราไม่ลักทรัพย์ อันนี้ เราเข้าใจได้ในทันที ถ้าเราไม่ละโมภ ไม่อยากได้ของผู้อื่น เราจะไม่มีควาทุกข์ คิดว่าชัดเจนนะ

3.ไม่ดื่มเหล้า ก็ไม่ประมาท ไม่ดื่มเหล้า เราก็มีสติ มีสติก้เกิดปัญญา เลิกจน เลิกเครียด เลิกดิ่มเหล้า ทำได้ชีวิตดีขึ้นตามโฆษณานั้นแหละครับ

4.ไม่พูดปด อันนี้ถ้าเราโกหก พูดความจริง ก็คือเราไม่ผิด ต่อบุลคลอื่นไม่ผิดต่อมโนสำนึก นอนหลับไม่ต้องวิตกว่าความจริงจะเปิดเผย ความชั่วจะ หลุดออกมาภายนอก

5.ไม่ผิดลูกเมีย ถ้าไปผิดคงรู้นะว่าผลเป้นไง ไม่ต้องอธิบายมาก

ใน5ข้อนี้ ถ้านักการเมือง ทำ2ข้อก็พอนะครับ ข้อไม่พูดปด กับลักทรัพย์ คุณว่า การเมืองไทยจะดีขึ้นไหม ถ้ามี2ข้อนี้เราก้ถือว่ามีคุณธรรมในข้อไม่ลกัทรัพย์ และมี จริยธรรมในข้อพูดปด แล้วคุณหิมะว่า แก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ไหม

อย่าแถว่ามันมีแค่ในความคิด แต่ทำไมเราไม่ใช้ความคิดนี้ตรวจสอบนักการเมืองอย่างอิสระ ให้นักการเมืองรู้จักพลังประชาชนอย่างแท้จริงเพื่อให้นักการเมือง ทำงานตามหน้าที่ และมีคุณธรรม จริยธรรม อย่างแท้จริงหละ อย่างน้อยก็ดีกว่า ทุนนิยมเสรีที่มองเงินเป้นใหญ่ จริยธรรม คุรธรรมเป็นรอง ละผมว่า


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: อมพระมาพูด ที่ 03-08-2007, 12:04
แค่มี หิริ-โอตัปปะ ก้อแก้คอรัปชั่นได้อักโขแล้ว ดูง่ายๆ ที่ญี่ปุ่นเด่ะ แค่ Suspend รัฐมนตรีก้อลาออกแล้ว ไม่ต้อง Impeachment ดูของพี่ไทยละกัน ลากหลักฐานมายัน มันยังดื้อตาใสว่า กรูไม่ผิด ถึงผิด กรูก้อบกพร่องโดยสุจริต  ถุยยยสสสส์    :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 03-08-2007, 12:10
แค่มี หิริ-โอตัปปะ ก้อแก้คอรัปชั่นได้อักโขแล้ว ดูง่ายๆ ที่ญี่ปุ่นเด่ะ แค่ Suspend รัฐมนตรีก้อลาออกแล้ว ไม่ต้อง Impeachment ดูของพี่ไทยละกัน ลากหลักฐานมายัน มันยังดื้อตาใสว่า กรูไม่ผิด ถึงผิด กรูก้อบกพร่องโดยสุจริต  ถุยยยสสสส์    :slime_hmm:

ญี่ปุ่นเค้าฮาราคีรีกันเลยนะครับ
เมื่อเร็วๆ นี้เอง

รธน. ญี่ปุ่นต้องเขียนไว้แน่ๆ
ว่าใครโกงถูกจับได้ต้องปลิดชีพตัวเอง
:slime_smile2:




บันไซ!!




หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 03-08-2007, 12:17
สงสัย กิมะ ต้องการ ผู้นำที่ชอบโกงกิน ขาดจริยธรรม ไร้สามัญสำนึก และโกงกินได้ตามความสามารถ


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-08-2007, 12:41
คนต่ำทรามในสายตาของชาวโลก
ไม่แน่ว่าล้วนต่ำทรามทั้งสิ้นก็จริง
แต่วิญญูชนในสายตาชาวโลก
จะมีสักกี่คนที่เป็นวิญญูชนแท้จริง

ฤทธิ์มีดสั้น - โกวเล้ง


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 03-08-2007, 13:13
การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?

ถ้าพูดแล้วไม่ทำ ไม่ว่าอะไรก็แก้ไม่ได้หรอกครับ ไม่เห็นต้องถามเลย


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 03-08-2007, 13:15
มั่นมากไม่ชี้ชัดเล้ย scumflood ทำเป็นแค่เบี่ยงเบนคำถาม ไร้รับผิดชอบกระทู้  ไม่ต้องยกอะไรมาตัดแปะให้รกบอร์ด ตอบคำถามที่เขาถามาเลย

หรือว่า มันสมองมีแค่ แปะกระทู้แล้วมุดผ้าถุงตัวเองหือ หีอว่า หญ้าที่ได้มาไม่ค่อยพอกินเลยไม่มีสมองจะตอบกระทู้


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 03-08-2007, 14:13
คนต่ำทรามในสายตาของชาวโลก
ไม่แน่ว่าล้วนต่ำทรามทั้งสิ้นก็จริง
แต่วิญญูชนในสายตาชาวโลก
จะมีสักกี่คนที่เป็นวิญญูชนแท้จริง

ฤทธิ์มีดสั้น - โกวเล้ง


แล้วถ้าหาวิญญูชนที่แท้จริงไม่ได้ แล้วต้องคว้าต่ำทราม ผมก็รับไม่ได้ แม้วิญญูชนจะหายากก็ใช่ว่าจะไม่หา ถึงหาไม่ได้ ก็ไม่เอาต่ำทราม


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 03-08-2007, 22:43
(http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/cartoon/7/24/43184_41214.jpg)


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 03-08-2007, 23:41
เฟ่ะ กลับมาทีไร

ใกล้เคียง พวก ลากดำนา เข้าไปทุกที


 :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ^Tee^^ ที่ 03-08-2007, 23:45
(http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/cartoon/7/24/43184_41214.jpg)

อย่างนี้เขาเรียกว่าสำเร็จความไคร่ทางการเมืองผ่านตัวการ์ตูนหรือเปล่านายหัวควด  :slime_evil:

ถ้า scumflood รู้จักหัวควดเป็นการส่วนตัวก็ฝากบอกไปด้วยนะว่าเลิกอาชีพเขียนการ์ตูนเถอะ เขียนขายหัวเราะยังไม่ขำยังมีหน้ามาเขียนการ์ตูนการเมือง  :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 04-08-2007, 08:58
(http://www.filehigh.com/serve/20179/471132.jpg)

คุณธรรม จริยธรรม มันจับต้องไม่ได้หรอก เอาไว้คุยเพื่อทำให้ตัวเองดูดี หลอกเด็กไปวันๆ
บริหารงานอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่ส่วนประกอบอันดับท้ายๆ

เงิน คือ ของแท้ที่จับต้องได้ แก้ปัญหาได้เกือบทุกอย่าง รวมทั้ง คอรับชั่น นอกจากประเทศ
ที่หลอกตัวเองเท่านั้นที่คิดว่าจะเอา จริยธรรม คุณธรรม นำ จริงๆ ก็แอบใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา
ตลอดเวลา แม้จะให้คนมาฟังเรื่องรัฐธรรมนูญยังแจกเงิน

เมื่อคนได้รับโอกาสการทำมาหากินและสร้างรายได้ให้ตนเองจนมีเงินทองใช้ไม่ขัดสนนั่นแหละ
คอรับชั่น ก็จะลดเองโดยธรรมชาติ และไม่ต้องยัดเยียด จริยธรรม คุณธรรม อีกต่อไป คนใน
สังคมที่มั่งคั่งนั้น ก็จะเดินหา จริยธรรม คุณธรรม กันเอง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคมมั่งคั่ง
นั้น เป็นขั้นตอนการพัฒนาตามธรรมชาติอยู่แล้ว อย่าลืมว่า ศักดิ์ศรีของมนุษย์อยู่ที่ เงิน นะค้าบ

จากตารางข้อมูลที่ตัดต่อมาให้ดูจะเห็นว่า ประเทศที่เคร่งศาสนาจนเอามาตั้งเป็นกฎหมายของ
ประเทศ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ดัชนี คอรับชั่น อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนประเทศที่ประชากรมี
รายได้ต่อหัวสูงมาก มักจะเป็นประเทศที่มี คอรับชั่น น้อย

แสดงว่าอะไรเหรอ การยัดเยียด จริยธรรม คุณธรรม โดยไม่กระจายรายได้ มันได้ผลน้อยมาก
ไง ส่วนการกระจายรายได้กลับสร้าง จริยธรรม คุณธรรม ได้เองโดยไม่ต้องยัดเยียด อย่างง
เห็นข้อเท็จจริงแล้วใบ้อะดิ พวกคลั่ง จริยธรรม คุณธรรม จอมปลอม จริงๆ ก็ใช้เงินนำอยู่ดี


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 04-08-2007, 10:46
(http://www.filehigh.com/serve/20179/471132.jpg)

คุณธรรม จริยธรรม มันจับต้องไม่ได้หรอก เอาไว้คุยเพื่อทำให้ตัวเองดูดี หลอกเด็กไปวันๆ
บริหารงานอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่ส่วนประกอบอันดับท้ายๆ

เงิน คือ ของแท้ที่จับต้องได้ แก้ปัญหาได้เกือบทุกอย่าง รวมทั้ง คอรับชั่น นอกจากประเทศ
ที่หลอกตัวเองเท่านั้นที่คิดว่าจะเอา จริยธรรม คุณธรรม นำ จริงๆ ก็แอบใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา
ตลอดเวลา แม้จะให้คนมาฟังเรื่องรัฐธรรมนูญยังแจกเงิน

เมื่อคนได้รับโอกาสการทำมาหากินและสร้างรายได้ให้ตนเองจนมีเงินทองใช้ไม่ขัดสนนั่นแหละ
คอรับชั่น ก็จะลดเองโดยธรรมชาติ และไม่ต้องยัดเยียด จริยธรรม คุณธรรม อีกต่อไป คนใน
สังคมที่มั่งคั่งนั้น ก็จะเดินหา จริยธรรม คุณธรรม กันเอง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคมมั่งคั่ง
นั้น เป็นขั้นตอนการพัฒนาตามธรรมชาติอยู่แล้ว อย่าลืมว่า ศักดิ์ศรีของมนุษย์อยู่ที่ เงิน นะค้าบ

จากตารางข้อมูลที่ตัดต่อมาให้ดูจะเห็นว่า ประเทศที่เคร่งศาสนาจนเอามาตั้งเป็นกฎหมายของ
ประเทศ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ดัชนี คอรับชั่น อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนประเทศที่ประชากรมี
รายได้ต่อหัวสูงมาก มักจะเป็นประเทศที่มี คอรับชั่น น้อย

แสดงว่าอะไรเหรอ การยัดเยียด จริยธรรม คุณธรรม โดยไม่กระจายรายได้ มันได้ผลน้อยมาก
ไง ส่วนการกระจายรายได้กลับสร้าง จริยธรรม คุณธรรม ได้เองโดยไม่ต้องยัดเยียด อย่างง
เห็นข้อเท็จจริงแล้วใบ้อะดิ พวกคลั่ง จริยธรรม คุณธรรม จอมปลอม จริงๆ ก็ใช้เงินนำอยู่ดี


สงสัยว่าคนที่สับสนจะเป็นคุณ นะครับ ถ้าทุกคนสแหวงหาเงินทองโดยไม่คำนึงถึงที่มาว่า ถูกต้องหรือไม่ หรือการรับเงินแจก หรืออะไรก็ตามที่คุณเรียกมันว่า การกระจายรายได้(ผมมองว่าแจกนั้นแหละ) ถ้าคิดแบบนี้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ขาดจริยธรรมถึงกับยอมเสียศักดิ์ศรี ขายลูกกิน ขายเมียกิน ขายตัวเองกินเพื่อให้ได้เงินทองมาสร้างความมั่งคั่งแล้ว ไร้ศักดิ์ศรีจะเอามาทำไมครับเงินทอง

ถ้าไม่เลือกวิธีการ ทำอะไรมองเงินทองเป้นที่ตั้ง บ้านเมืองจะสงบสุขได้อย่างไร เห็นคนมีอยากมีแตต่ไม่คิดทำงาน รอให้คนมายื่นให้เหรอ หรือ ปล้นฆ่าเอามาแล้วไปคิดว่า สักวันจะทำบุญคืนงั้นเหรอ ทดแทนได้เหรอ จริยธรรม คุณธรรม ไมต้องยัดเยียด หรอกครับ มันมีอยู่สามัญสำนึกของตัวเราเองอยู่แล้ว ว่าอะไรควรไม่ควร

แต่คุณมองเงินมาหลังจริยธรรม ต่อไปคุณมีลูกคุณจะสอนอย่างไร คุณตอบตัวเองให้ดีในฐานะที่คุณเป็นคนมองเงินทองมาก่อนความถูกต้อง

สำหรับผม ผมจะสอนให้ลูกทำอะไรให้ถูกต้องก่อน มองเงินทองมาที่หลัง เพราะถ้าเราทำกอย่างถูกต้อง ผมเชื่อว่าคนที่ทำดี ย่อมได้รับแต่สิ่งที่ดี อย่างน้อยในหลุมศพ ก็ไม่มีใครมาสาปแช่งย้อนหลัง

ผมยอมจนตาย(ไม่รำรวย)แต่ไม่มีใครสาปแช่งตระกูลผม ดีกว่าผมมั่งมีแต่คนสาปแช่งเช้าเย้นเพราะไปเอารัดเอาเปรียบคนอื่น แต่สำหรับคุณ คำสาปแช่งคุณคงไม่ได้ยินเลยคิดว่าช่างหัวมันแน่นแนเลย


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 04-08-2007, 15:43
กระจายรายได้น่ะดีแน่ๆ

แต่ที่ผ่านมามีแต่กระจายหนี้ รวยกระจุก จนกระจาย





แถมมีโม้กระจายด้วย :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 04-08-2007, 17:56
โถ อุตส่าห์หาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาให้ยังจินตนาการไม่เลิก มิน่าถึงไม่ไปไหนดักดานอยู่งั้น
แค่บอกว่าทุกคนแสวงหาเงินทองโดยไม่คำนึงที่มามันก็เป็นไปไม่ได้แล้วหละ ระเบียบกฎเกณฑ์
ของสังคมมันก็ต้องบังคับอยู่ จะไปเอาเปรียบใครง่ายๆ ได้ที่ไหน ตกลงนี่ไม่ได้ดูข้อมูลที่ยกมา
ให้เลยเรอะ ประเทศที่มันคอร์รับชั่นน้อยเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเหล่านั้น มักจะเป็นประเทศที่มี
รายได้ต่อหัวของประชากรสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน คิดว่ารวยก่อนถึงไม่คอร์รับชั่นหรือ
ว่าไม่คอร์รับชั่นถึงรวย มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปกันทั้งสองด้าน พอรวยเพิ่มขึ้นก็คอร์รับชั่นน้อย
ลง จนรวยมากก็คอร์รับชั่นน้อย แบบว่าแปรผกผัน แต่ว่าประเทศที่เอาศาสนามาเป็นกฎหมายหรือ
ว่าส่วนหนึ่งของกฎหมาย เพื่อต้องการให้คนมีศีลธรรมสูง มีเพียงสองประเทศเท่านั้น ที่รายได้ต่อ
หัวสูง และมีประเทศเดียวเท่านั้นที่คอร์รับชั่นน้อยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ประเทศนั้นคือ สิงคโปร์
ที่น่ารัก นั่นเอง  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 05-08-2007, 00:59
โถ อุตส่าห์หาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาให้ยังจินตนาการไม่เลิก มิน่าถึงไม่ไปไหนดักดานอยู่งั้น
แค่บอกว่าทุกคนแสวงหาเงินทองโดยไม่คำนึงที่มามันก็เป็นไปไม่ได้แล้วหละ ระเบียบกฎเกณฑ์
ของสังคมมันก็ต้องบังคับอยู่ จะไปเอาเปรียบใครง่ายๆ ได้ที่ไหน ตกลงนี่ไม่ได้ดูข้อมูลที่ยกมา
ให้เลยเรอะ ประเทศที่มันคอร์รับชั่นน้อยเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเหล่านั้น มักจะเป็นประเทศที่มี
รายได้ต่อหัวของประชากรสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน คิดว่ารวยก่อนถึงไม่คอร์รับชั่นหรือ
ว่าไม่คอร์รับชั่นถึงรวย มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปกันทั้งสองด้าน พอรวยเพิ่มขึ้นก็คอร์รับชั่นน้อย
ลง จนรวยมากก็คอร์รับชั่นน้อย แบบว่าแปรผกผัน แต่ว่าประเทศที่เอาศาสนามาเป็นกฎหมายหรือ
ว่าส่วนหนึ่งของกฎหมาย เพื่อต้องการให้คนมีศีลธรรมสูง มีเพียงสองประเทศเท่านั้น ที่รายได้ต่อ
หัวสูง และมีประเทศเดียวเท่านั้นที่คอร์รับชั่นน้อยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ประเทศนั้นคือ สิงคโปร์
ที่น่ารัก นั่นเอง  :slime_bigsmile:

นักการเมืองจะมีคุณธรรมจริยธรรม ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นรัฐศาสนา(หรือเอาบัญญัติทางศาสนามาเป็นกฎหมาย)

เลอะเทอะ :slime_sleeping:



แล้วถ้าจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าคุณธรรมกับการคอรัปชั่น จะเอาปัจจัยเรื่องรายได้มาเติมไห้มั่วทำไมไม่ทราบ
มีแต่จะต้องตัดเอาตัวแปรที่ไม่สนใจออกไป เปรียบเทียบเฉพาะประเทศที่มีการกระจายรายได้เท่ากัน

โง่ :slime_smile2:




หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 05-08-2007, 07:05
คุณธรรม จริยธรรม คิดกันเองได้ฝรั่งมันไม่รับหรอกนะจ๊ะ มันก็ต้องอิงศาสนาใดศาสนาหนึ่งทั้งนั้น
ถ้ามาจินตนาการ คุณธรรม จริยธรรม กันเองโดยคนกลุ่มหนึ่งซึ่งดีแคลตัวเองว่าเป็นชั้นเทพ ไม่ผ่าน
เสียงของประชาชน แล้วมาบังคับใช้ในสังคม มันไม่เท่าเป็นเผด็จการโดยใช้จริยธรรมจอมปลอมมา
เป็นเครื่องมือเหรอ คิดบ้างสิ อย่าโง่

ส่วนรัฐที่เอาศาสนามาเป็นกฎหมายหรือเอาส่วนประกอบของศาสนามาเป็นกฎหมาย ย่อมต้องการ
ให้คนในประเทศมี คุณธรรม จริยธรรม ตามหลักศาสนา มากกว่าประเทศที่ไม่ได้เอามาใส่ เพราะ
เป็นการบังคับถูกผิดมีบทลงโทษตามกฎหมาย แต่ความเป็นจริงแล้ว ประเทศที่ไม่ได้เอากฎเกณฑ์
ทางศาสนามาใช้เป็นกฎหมายหลายประเทศที่ประชาชนมี คุณธรรม จริยธรรม (ในด้านคอร์รับชั่น)
สูงกว่า เนื่องจากคนในประเทศเหล่านั้นอยู่ดีกินดีกว่า แปลว่า คนรวยกว่ามีแนวโน้มจะโกงน้อยกว่า

คุณธรรม มันจับต้องไม่ได้ ไม่ได้มีใครสำรวจว่าแต่ละประเทศในโลกมีคุณธรรมกันเท่าไหร่ นอกจาก
บางประเทศที่ไม่มีใครอยากสำรวจเลยต้องประกาศตัวเองว่ามีคุณธรรม จริยธรรมสูงส่ง จนฝรั่งเซ็ง
ไม่อยากคบ ดัชนีคอร์รับชั่นจัดทำด้วยด้วยองค์กรและวิธีการที่เป็นสากล ส่วนคุณธรรม จริยธรรมคง
ต้องดูจากการยัดเยียดให้ประชาชนมากน้อยจากกฎหมายประเทศนั้นๆ ซึ่งดูแล้วก็ไม่เห็นมีประเทศ
ใดที่คอร์รับชั่นน้อยจนติดอันดับต้นๆ นอกจากสิงคโปร์ประเทศเดียว เลยต้องเอาปัจจัยที่มีผลกับ
เรื่องคอร์รับชั่นที่แท้จริงมาให้ดู นั่นคือ รายได้ต่อหัวของประชากร ดังนั้นตัวแปรที่ไม่ควรสนใจคือ
คุณธรรม จริยธรรม ต่างหาก อ่านข้อมูลเข้าใจหรือยังจ๊ะ ไอ้โง่ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-08-2007, 07:30
^
^
บอกแล้ว อย่าเขียนยาว ติดกันเป็นพรืด
คนอื่น (ที่ขี้เกียจอ่าน หรือภาษาไทยไม่แข็งแรงมาก)
จักอ่านไม่รู้เรื่อง

สรุปสั้นๆ ให้แล้วกันว่า
คุณ อยากประหยัดให้ติดแก๊ส (ชื่อสั้นกว่านี้ ไม่มีหรือ?)
เห็นว่า คนไม่จน ก็จะมีจริยธรรม คุณธรรม ได้
ง่ายกว่า การมาบังคับ/ยัดเยียด/ชวนเชื่อ/ข่มขู่ให้ทำ
โดยผู้ปกครองที่ ก็ไม่ทั้งจน หรือ มีจริยธรรมสูงส่ง เอง
(อันนี้ จากบทความต้นกระทู้ แม่ปูสอนลูกปู ให้เดินตรงๆ)
ไม่ว่าจะกฎหมายทางโลกหรือทางศาสนา
ดังนั้น รัฐบาลควรมุ่งให้ประชาชนมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี
จะมีโอกาสสำเร็จในการสร้างคุณธรรมจริยธรรมในสังคม
ได้มากกว่า มาบอกให้ จนแล้วเจียม ...
อย่าได้คิดรวยหรือก้าวหน้าไปกว่าอยู่ที่เดิมๆ

ป.ล. ยาวไปหน่อย นึกว่าจะสั้นกว่านี้


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 05-08-2007, 09:20
ขึ้นต้นมาเรื่องจริยธรรม คุณธรรม กับ คอรัปชั่น

สุดท้ายออกทะเลมาเรื่อง รายได้ กับ คอรัปชั่น

เอาเข้าไป :slime_sleeping:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 05-08-2007, 09:31
scumflood มันมั่วไปได้เรื่อยๆ เพื่อตะแบงให้ผัวแม้วของมัน


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 05-08-2007, 09:52
ขึ้นต้นมาเรื่องจริยธรรม คุณธรรม กับ คอรัปชั่น

สุดท้ายออกทะเลมาเรื่อง รายได้ กับ คอรัปชั่น

เอาเข้าไป :slime_sleeping:

งมเข็มในมหาสมุทรมันงมยาก


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-08-2007, 09:55
ขึ้นต้นมาเรื่องจริยธรรม คุณธรรม กับ คอรัปชั่น

สุดท้ายออกทะเลมาเรื่อง รายได้ กับ คอรัปชั่น

เอาเข้าไป :slime_sleeping:

ไม่เข้าใจ เชิญอ่านใหม่
แต่ถ้า "ไม่อยาก" เข้าใจ ก็แล้วไป


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-08-2007, 09:59
(http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/cartoon/7/24/43184_41329.jpg)


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Coolly_Jade ที่ 05-08-2007, 10:05
(http://www.filehigh.com/serve/20179/471132.jpg)

คุณธรรม จริยธรรม มันจับต้องไม่ได้หรอก เอาไว้คุยเพื่อทำให้ตัวเองดูดี หลอกเด็กไปวันๆ
บริหารงานอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่ส่วนประกอบอันดับท้ายๆ

เงิน คือ ของแท้ที่จับต้องได้ แก้ปัญหาได้เกือบทุกอย่าง รวมทั้ง คอรับชั่น นอกจากประเทศ
ที่หลอกตัวเองเท่านั้นที่คิดว่าจะเอา จริยธรรม คุณธรรม นำ จริงๆ ก็แอบใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา
ตลอดเวลา แม้จะให้คนมาฟังเรื่องรัฐธรรมนูญยังแจกเงิน

เมื่อคนได้รับโอกาสการทำมาหากินและสร้างรายได้ให้ตนเองจนมีเงินทองใช้ไม่ขัดสนนั่นแหละ
คอรับชั่น ก็จะลดเองโดยธรรมชาติ และไม่ต้องยัดเยียด จริยธรรม คุณธรรม อีกต่อไป คนใน
สังคมที่มั่งคั่งนั้น ก็จะเดินหา จริยธรรม คุณธรรม กันเอง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสังคมมั่งคั่ง
นั้น เป็นขั้นตอนการพัฒนาตามธรรมชาติอยู่แล้ว อย่าลืมว่า ศักดิ์ศรีของมนุษย์อยู่ที่ เงิน  นะค้าบ

จากตารางข้อมูลที่ตัดต่อมาให้ดูจะเห็นว่า ประเทศที่เคร่งศาสนาจนเอามาตั้งเป็นกฎหมายของ
ประเทศ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ดัชนี คอรับชั่น อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนประเทศที่ประชากรมี
รายได้ต่อหัวสูงมาก มักจะเป็นประเทศที่มี คอรับชั่น น้อย

แสดงว่าอะไรเหรอ การยัดเยียด จริยธรรม คุณธรรม โดยไม่กระจายรายได้ มันได้ผลน้อยมาก
ไง ส่วนการกระจายรายได้กลับสร้าง จริยธรรม คุณธรรม ได้เองโดยไม่ต้องยัดเยียด อย่างง
เห็นข้อเท็จจริงแล้วใบ้อะดิ พวกคลั่ง จริยธรรม คุณธรรม จอมปลอม จริงๆ ก็ใช้เงินนำอยู่ดี


ใช้ไรคิดอะ น่าสงสารญาติพี่น้องนะ


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 05-08-2007, 10:08
จริยธรรม คุณธรรม แก้ คอรัปชั่นได้แน่นอน

แต่ผู้ที่อ้างว่ามีจริยธรรม คุณธรรม นั้น จะมีจริยธรรม คุณธรรมจริงหรือเปล่า เป็นอีกเรื่อง

เหมือนที่แม้วบอกว่า ผมเป็นคนดี รักชาติ ไม่ทำชั่วแน่นอน
เสร็จแล้วก็ทำยำยำตำบอน


ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องสนใจจริยธรรม คุณธรรม
สนใจแต่ปากท้องก็พอ

หรือจะให้เอาวาทกรรม โกงแต่ทำงาน ดีมั้ย :slime_evil:



ปล.ละยำ กลายเป็นยำยำ :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 05-08-2007, 10:10
สโนวก็ลองย้อนดูสิว่าทำไมประเทศไทยไม่เจริญขึ้นสักที

ไม่ใช่เพราะนักการเมืองโกงกิน นโยบายเอื้อประโยชน์พวกพ้อง หรอกหรือ

ประเทศที่นักการเมืองเขามีจิตสำนึกอย่างเกาหลี มาเลย์ เวียดนาม เขาก็แซงไทยกันทั้งนั้น

เรามัวแต่โกงกินอยู่นี่ไง มันถึงย่ำต๊อกไม่ไปไหนสักที


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 05-08-2007, 10:37
แก้ไม่ได้หรอก มันเป็นวาทกรรมแบบบื้อๆ ตามสไตล์ทหาร ข้าราชการ
ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ประสีประสาการเมือง

ไม่เนียนหวานชื่นรื่นหูเหมือนถ้อยคำของผู้เชี่ยวชาญ นักวาทวิทยามืออาชีพแน่นอน

ดูข่าวภาคใต้แล้วคิดถึงวาทกงวาทกรรมอะไรไม่ออกจริงๆ :slime_dizzy:

วาทกรรมตอแหล จากคนที่พวกตัวเองก็ทำไม่ได้
แต่ต้องการให้คนอื่นทำ ต่างหาก
ประเทศนี้ (หรือประเทศไหน) ก็ไม่ได้มีแต่ "นักการเมือง" เท่านั้น ที่โกงกิน
เพียงแต่ที่นี่ประเทศไทย บางคนไม่อาจหรือไม่ยอมให้ตรวจสอบได้
ด้วยการยกหางกันเองว่า พวกข้าฯมีคุณธรรม จริยธรรมมาก
แล้วก็ยังมีคนหลับหูหลับตา ...  เชื่อ ... อย่างไร้เดียงสา หรือศรัทธาแบบมืดบอด
แล้วแต่ความแก่กล้าในมิจฉาทิฐิและอัตตา


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 05-08-2007, 10:53
น่า สงสารแก๊ซ กับหิมะ นะครับ เราอย่าซ้ำเติมคนไร้ศักดิ์ศรีลยครับ ไม่ต้องพูดเรื่องการเมืองเลยกระทู้นี้ เอาเรื่องศักดิ์ศณีของการดำรงอยู่ซึ่งความเป้น มนุยษ์ก็สงสัย หิมะ กับ แก๊ซ ก็คงไมมีพอที่จะดำรงอยู่กับความ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได้หรอก

ศักดิ์ศรีของมนุยษ์อยู่ที่เงิน

สงสัยทางบ้านแก๊ซจะยากจนไร้ข้าวสารกรอกหม้อมานานพอมีคนหยิบยื่นให้ก็หลับหูหลับตาเอา แล้วบอกว่า คนให้เป็นพระเจ้า มีคุณธรรม เพราะแจกข้าว แจกเงินให้ ศักดิ์ยอมวางไว้บนหิ้งแต่เงินทอง เอาไว้ในกระเป๋า ความคิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอที่คนเลวๆๆยอมรับคนเลวๆๆ แบบเดียวกันให้เข้ามาบริหารประเทศ  

เอาศักดิ์ศรีของตัวเองไปขาย สักวันก็ต้องเอาศักดิ์ศรีของชาติไปขายด้วยเช่นกัน เพราะศักดิ์ศรีของ หิมะ กับ จ๊ะ เป้นแค่เงินทองเท่านั้น

อย่างน้อยที่สุด ผมก็ดีใจที่ชีวิตนี้ ตอนผมตายผมเหลือศักดิ์ศรีเผาติดตัวไปในหลุมได้จริงๆแม้จับต้องไม่ได้แต่บุลคลอื่นพูดถึงได้ แต่เงินทองที่คุณแก๊ซยกย่องว่าเป็นศักดิ์ศรี กล้าพอใส่ศักดิ์ศรีที่มีอยู่เผาไปพร้อมกับศพคุณไหม ผมมีศักดิ์ศรีมากกว่าคนสองคน คือหิมะ กับแก๊ซ เพราะผมไม่เคยขายศักดิ์ศรีเป็นเงินทอง พ่อแม่ผมก็คงภูมิใจด้วยที่อย่างน้อย ผมก็มีศักดิ์ศรีไม่ก้มหัวให้กับอำนาจเงิน และเหลือไว้ซึ่งความเป้นมนุยษ์จริงๆหาได้ใช่ทาศเงิน อย่าที่แก๊ซกับหิมะคิดไม่


แก๊ซกับหิมะ กล้าพูดคำ ที่แก๊ซบอกต่อหน้าพ่อแม่ไหมครับ ว่า ศักดิ์ศรีของมุนยษ์วัดกับที่เงินทอง และถ้าพ่อแม่คุณยิ้มอย่างภาคภูมิ ผมจะไม่สงสัยอีกต่อไปว่า ทำไม มนุยษ์ที่นับถือเงินทอง หลุดมาจากบรรพบุรษกลุ่มไหน ถ้าพ่อแม่คุรร้องไห้หรือเสียใจ ผมก็จะเสียใจแทนพ่อแม่คุณด้วย ละกัน


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 05-08-2007, 11:10
คุณธรรม จริยธรรม มันแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้อยู่แล้ว

ประเด็นตอนนี้คือมีคนพยายามพิสูจน์ว่าไม่มีใครเชื่อถือในคุณธรรม จริยธรรม

แปลกดี จริงๆแล้วมันมีคนที่เชื่อในคุณธรรม จริยธรรมอยู่ในบ้านเมือง

ลองๆมองๆไป มันมีอยู่


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 05-08-2007, 11:12
 เจ้าของกระทู้ กำลังจะบอกว่า คนที่ทุกวันนี้ที่อ้างคุณธรรมและจริยธรรมมาเล่นงานคนอื่นนั้น
 
จริงๆแล้วตัวเองก็ไม่ได้แตกต่างจากคนที่ตัวเองกำลังเล่นงาน  คือไม่ได้เชื่อเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมเหมือนกัน  ผมเข้าใจถูกมั้ยเนี่ย ?

เพราะอ่านลงมาข้างล่างกลายเป็นเถียงกันว่า คนเรา ต้องมีเงินก่อนแล้วค่อยมีคุณธรรมและจริยธรรม หรือเปล่า

ความจริง คุณธรรมและจริยธรรม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์  ไม่ใช่ปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต

แต่ช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข  

อย่ามองเพียงแค่ด้านเดียว เงินไม่ได้เป็นตัวสรุปสำหรับทุกอย่าง เงินไม่ได้เป็นการวัดความถูกต้องดีงาม

ส่วนเรื่องที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง ผมคิดว่า เมื่อกระบวนการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว การตรวจสอบก็จะเริ่มพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ

ตามระดับของความเป็นประชาธิปไตยที่จะพัฒนาขึ้นตามสังคม

เมื่อถีงเวลาแล้ว คนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐทุกระดับก็จะต้องถูกตรวจสอบตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พวก "นักประชาธิปไตยจอมปลอม" ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้ง หรือไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ก็จะหมดที่ยืนในสังคมลงไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น เพื่อให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ จึงขอเชิญชวน คุณเจ้าของกระทู้ มาโหวต รับ ร่างรัฐธรรมนูญกันเถอะครับ
 



หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 05-08-2007, 11:17
คือผมมองว่า คุณธรรม จริยธรรม มันไม่ใช่แค่เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอย่างเดียว

สำหรับบางคนมันคือศักดิ์ศรีที่ต้องมีติดตัวจนตาย

กัดก้อนเกลือกินก็ได้วะ แต่กูไม่ร่วมโกงกับพวกแม่ง

ทำนองนั้น


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 05-08-2007, 11:20
วาทกรรมตอแหล จากคนที่พวกตัวเองก็ทำไม่ได้
แต่ต้องการให้คนอื่นทำ ต่างหาก
ประเทศนี้ (หรือประเทศไหน) ก็ไม่ได้มีแต่ "นักการเมือง" เท่านั้น ที่โกงกิน
เพียงแต่ที่นี่ประเทศไทย บางคนไม่อาจหรือไม่ยอมให้ตรวจสอบได้
ด้วยการยกหางกันเองว่า พวกข้าฯมีคุณธรรม จริยธรรมมาก
แล้วก็ยังมีคนหลับหูหลับตา ...  เชื่อ ... อย่างไร้เดียงสา หรือศรัทธาแบบมืดบอด
แล้วแต่ความแก่กล้าในมิจฉาทิฐิและอัตตา


ถึงพวกอำมาตย์ ทหาร เป็นพวกมือถือสากปากถือศีลเหมือนกับนักการเมืองขายตัว ตระกูลหน้าด้านโคตรโกง
ก็เอามาประดิษฐ์วาทกรรม รวยมาก่อน คุณธรรมจริยธรรมมาทีหลัง ไม่ได้อยู่ดี :slime_sleeping:

พวกนักวิชาการสองมาตรฐานชอบทำ


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 05-08-2007, 11:26
คือผมมองว่า คุณธรรม จริยธรรม มันไม่ใช่แค่เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอย่างเดียว

สำหรับบางคนมันคือศักดิ์ศรีที่ต้องมีติดตัวจนตาย

กัดก้อนเกลือกินก็ได้วะ แต่กูไม่ร่วมโกงกับพวกแม่ง

ทำนองนั้น
ถูกต้องครับ อาจจะบ้านผมสร้างฐานะมาจากความยากจน แต่ไม่คดโกง พ่อแม่ผมเลยสอนว่า เงินทองไม่ได้มาก่อนแต่ จิตใจกับความมั่นใจ ว่าชีวิตต้องดีกว่านี้ ไม่ต้องโกงใคร ความสามารถต้องมาก่อน แต่ห้ามโกง

เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่างเสียศักดิ์ศรีความเป็นคนไปนะครับ


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 05-08-2007, 11:27
คือผมมองว่า คุณธรรม จริยธรรม มันไม่ใช่แค่เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอย่างเดียว

สำหรับบางคนมันคือศักดิ์ศรีที่ต้องมีติดตัวจนตาย

กัดก้อนเกลือกินก็ได้วะ แต่กูไม่ร่วมโกงกับพวกแม่ง

ทำนองนั้น

ด้วยความเคารพ ถ้าคนส่วนใหญ่ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คงจะดี เหมือนโลกในอุดมคติ

แต่ในความเป็นจริงของสังคมไทยแล้ว ศักดิ์ศรี ของคนดี มักจะถูกเหยียบย่ำ เพราะ การยอมทนกัดก้อนเกลือกิน

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ ยกย่องคนที่มีฐานะและพร้อมจะจุนเจือผู้อื่น ถึงจะเคยโกง เคยชั่วร้ายมาก่อนก็ไม่เป็นไร กลับตัวกลับใจสังคมไทยให้อภัยเสมอ

ผมคิดว่า มันจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบ คนทุกระดับชั้นได้  เราจึงจะมั่นใจได้ว่า คนที่มีคุณธรรมและจริยธรรม มีอยู่จริงๆในสังคม


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 05-08-2007, 11:34
ทำอะไรต้องประกอบไปพร้อมกับจริยธรรม
ยิ่งมีอำนาจหน้าที่มาก ยิ่งต้องมีจริยธรรมสูงตามไปด้วย
หากเลือกเงินมาก่อน แล้วเมื่อไหร่ถึงจะพอ แล้วประเทศชาติเสียหายเท่าไหร่
คนที่มันบอกว่ารวยแล้วไม่โกง รวยแล้วมีจริยธรรม มันเป็นไปไม่ได้หรอก
เมื่อกิเลสพอกพูนจนถึงขั้นนั้นมันไม่เหลือที่ว่างให้จริยธรรมแล้ว
มีแต่ละโมภอยากได้อีก ใครจะเสียหายก็ช่างมัน


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 05-08-2007, 12:01
โถ อีหน้าเงิน!



หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 05-08-2007, 14:35
มีแต่ควายเท่านั้นแหละครับ ที่มองไม่ออกว่า ทักษิณ ไม่มีจริยธรรมตรงไหน แต่จริงผมว่าควายพวกนี้มันก็มองออก แต่ผมอาจจะผิดก็ได้ คนพวกนี้อาจจะเห็นดีเห็นงานกับการที่ผู้นำในทุกระดับ เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม
ถ้าครูที่โรงเรียนลูก จัดกิจกรรมเก็บเงินนักเรียน แล้วอมเงินส่วนหนึ่งไป คนเป็นพ่อแม่ยอมรับได้ ไม่เอะอะโวยวาย เราก็คงต้องทำใจกับพ่อแม่เด็กพวกนั้นแหละครับ

จริยธรรมที่เห็นตรงนี้คือ คนที่เป็นครูจะต้องเป็นปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน ถ้าครูประพฤติชั่วแล้วยอมได้ ก็คงไม่ว่าไปถึงเรื่องอื่น เพราะฉะนั้นจริยธรรม ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถ้าเราด่าตำรวจที่สมควรจะปฏิบัติตามกฏหมายแต่กลับใช้อำนาจรีดไถได้ เราต้องด่าทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องได้

โตกันจนเลียตูดหมาไม่ถึงแล้ว อย่าทำเป็นโง่ พวกมรึงทั้งหลายก็รู้ตรงนี้เหมือนกัน


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 06-08-2007, 06:38
เหอ เหอ จะด่าอย่างไรก็ไม่มีใครมีเหตุผลมาแย้งข้อมูลได้ว่า

ประเทศที่คนมีรายได้เยอะ จริยธรรม ไม่คอร์รับชั่น ก็มาเอง

ประเทศที่ยัดเยียด จริยธรรม รายได้ดันไม่มาเอง ซ้ำคอร์รับชั่น ยังบานเบอะ


คิดให้ถูกทางซะทีครับพี่น้อง ประเทศต่างๆ ในโลกเค้าเป็นตัวอย่างให้ดู
อยู่แล้ว อย่างหลงผิดหลงทางเสียเวลากับเรื่องไร้สาระที่ทหารเผด็จการ
มันยกขึ้นมาหลอกเด็กอีกเลย อย่าโง่ คับ อย่าโง่

คิดว่ามีเหตุผลก็เอามาโต้แย้งนะจ๊ะ ไม่ใช่ในสมองมีแต่คำด่าเหตุผลไม่มี :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 06-08-2007, 06:44
ทำอะไรต้องประกอบไปพร้อมกับจริยธรรม
ยิ่งมีอำนาจหน้าที่มาก ยิ่งต้องมีจริยธรรมสูงตามไปด้วย
หากเลือกเงินมาก่อน แล้วเมื่อไหร่ถึงจะพอ แล้วประเทศชาติเสียหายเท่าไหร่
คนที่มันบอกว่ารวยแล้วไม่โกง รวยแล้วมีจริยธรรม มันเป็นไปไม่ได้หรอก
เมื่อกิเลสพอกพูนจนถึงขั้นนั้นมันไม่เหลือที่ว่างให้จริยธรรมแล้ว
มีแต่ละโมภอยากได้อีก ใครจะเสียหายก็ช่างมัน

เป็นได้ไม่ได้ไม่รู้ข้อมูลก็เห็นอยู่แล้ว อย่าจินตนาการสิ
ประเทศที่ประชากรร่ำรวยรายได้สูง คอร์รัปชั่นมันน้อย
อุ๊ยเป็นไปได้ยังไงเนี่ย พวกเศรษฐียุโรป กิเลสพอกพูน
ไม่เหลือรูขี้ให้จริยธรรม ดันไม่ยอมคอร์รับชั่นกันแฮะ
พวกจริยธรรมสูงส่งเดชอย่างบางประเทศ โกงกระทั่ง
เบี้ยเลี้ยงทหารชั้นผู้น้อย อิอิ อย่าใบ้แดรกนะคร้าบ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 06-08-2007, 07:43
เหอ เหอ จะด่าอย่างไรก็ไม่มีใครมีเหตุผลมาแย้งข้อมูลได้ว่า

ประเทศที่คนมีรายได้เยอะ จริยธรรม ไม่คอร์รับชั่น ก็มาเอง

ประเทศที่ยัดเยียด จริยธรรม รายได้ดันไม่มาเอง ซ้ำคอร์รับชั่น ยังบานเบอะ


คิดให้ถูกทางซะทีครับพี่น้อง ประเทศต่างๆ ในโลกเค้าเป็นตัวอย่างให้ดู
อยู่แล้ว อย่างหลงผิดหลงทางเสียเวลากับเรื่องไร้สาระที่ทหารเผด็จการ
มันยกขึ้นมาหลอกเด็กอีกเลย อย่าโง่ คับ อย่าโง่

คิดว่ามีเหตุผลก็เอามาโต้แย้งนะจ๊ะ ไม่ใช่ในสมองมีแต่คำด่าเหตุผลไม่มี :slime_bigsmile:


ตรงสีน้ำตาล

บรรทัดบนมันยอมรับกันทั่วโลกตั้งนานแล้ว ไม่เถียง แต่มันไม่ใช่ประเด็นตรงกระทู้นี้ เข้าใจป่าว

บรรทัดล่าง ไอ้ที่ยัดเยียด แล้วคอรัปชั่นยังบานเบอะ เพราะยัดเยียดแล้วจริยธรรมมันไม่เกิด
มันอยู่ตรงที่นักการเมืองมีจริยธรรมหรือเปล่า ไม่ได้อยู่ตรงที่พูดถึงจริยธรรมกันเยอะ หรือใช้กฎหมายศาสนาหรือเปล่า

พูดแล้วทำ กับ ดีแต่พูด ไม่ทำ มันต่างกัน

ไอ้ตัวหน้าเหลี่ยมๆ ก็ปากถือศีลไม่แพ้ใคร ชอบพูด "ตถตา" บ้าง "รักชาติ" บ้าง "ไม่มีวันทำชั่ว" บ้าง
แต่จริงๆ ไม่มีจริยธรรม กิเลสหนา ตัณหาจัด :slime_smile2:




หัวข้อ: Re: การครอบงำการเมืองไทยผ่านวาทกรรม “คุณธรรมจริยธรรม” แก้คอร์รัปชั่นได้จริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 06-08-2007, 10:15
ผม ว่าคุณ คงเข้าใจอะไรผิดแล้วละครับ

ความเป็นคนดี มีจริยธรรม ไม่ต้องการ การยัดเยียด การยัดเยียดคือการให้คนไม่มีจริยธรรม กลับตัวเป็นคนมีจริยธรรม  

 การมีจริยธรรมคือการปลูกฝังหาได้ใช่การทำให้เกิดเพียงชั่วค่ำคืน 

ประเทศที่คุณพูดถึง เค้ามีผู้บริหารที่มีข้อที่ว่ากันอยู่แล้ว เมื่อผู้นำแสดงให้เห็นว่าการมีจริยธรรมเป้นเช่นไร ผระชาชนที่เห็นก็พึวจะกระทำตามได้

ตัวคุณเองต่างหากที่ไร้จริยธรรม เห็นเงินมาก่อน โลภมาก  


ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่คุณปลูกฝังให้หาเงินเยอะๆ แล้วจะเป็นคนมีจริยธรรมหรือเปล่า

แต่พ่อแม่ผมสอนไว้ว่า  "พ่อแม่ไม่เคยคิดให้ลูกๆร่ำรวยมีเงินล้นฟ้า มีอำนาจมากมาย แต่แค่ลูกๆอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข รู้จักประมาณตน ทำตนให้อยู่ครรลองที่ถูกต้อง พ่อแม่ผม ก็พอใจแล้ว"