ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

04/07/07   11:51     
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกล่าวบรรยายต่อนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทากุโชกุในกรุงโตเกียวในเช้าของวันพรุ่งนี้(5ก.ค.)
หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาสตราจารย์ โตชิโอะ วาตานาเบ้ อธิการมหาวิทยาลัย ทากุโชกุ ให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษของทางมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โฆษกมหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะสอนวิชาที่มีชื่อว่า  "Industry and People" หรือ "อุตสาหกรรมและประชาชน" เป็นเวลา 90 นาที

ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้ตัดสินใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะสอนมากกว่า 1 ครั้งหรือไม่  โดยศาสตราจารย์พิเศษบางรายก็ได้สอนเพียงครั้งเดียว
และรายอื่นๆได้สอนปีละครั้งหรือมากกว่า
...........................
ที่มาเวปไฮทักษิณ

จากคุณ : PP_SVEN_BERG   - [ 4 ก.ค. 50 22:54:08 ]
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5577312/P5577312.html


อ่านข้อความที่ขีดเส้นใต้แล้วก็ ก่ง ก๊ง  :slime_dizzy:

ช่วยวิจารณ์ ให้ความคิดเห็นกันหน่อยครับ...
หรือว่าจะเป็นกระทู้ "ขุดบ่อ ล่อปลา"  :slime_doubt:

มหาวิทยาลัยแปลกประหลาด รับแต่ทราราชย์เป็นศาสตราจารย์

อดีตนายกฯ เปรู อัลแบร์โต ฟูจิโมริ เอย
อดีตนายกฯ ไทย ไอ้เหลี่ยมจัด เอย

ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ทั้งคู่ ...น่าภูมิใจแทนลิ่วล้อ

 :slime_bigsmile:

ปล่อย ๆ แกบ้างเถอะ คงทำได้แค่นั้นแหละ

ลับหลัง พวกนักศึกษาเค้าคิดยังไงเราก็ไม่รู้

ซีเรียสไปทำไม นักโทษประหารก็สามารถให้ความรู้คนได้ เป็นครูนักอาชญวิทยาได้เหมือนกัน

กลัวไปล่อปล่อยเกรดแลกกับผลประโยชน์
ได้เหม็นที่ญี่ปุ่นอีกแห่ง

ทักษิณได้รับแต่งตั้งเป็น ศจ.พิเศษของมหาวิทยาลัยแห่งนี้  ผมไม่แน่ใจว่า ได้รับเงินค่าสอน หรือว่า ต้องจ่ายเงินค่าสอน


การสอนนี้เหมือนเชิญผู้มีประสบการณ์ภายนอกมาปฐกกถา  จึงไม่มีการให้เกรดครับ  เด็กจะเรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้  สอนครั้งเดียวในวิชาที่ได้รับเชิญแล้วจบไปเลยไม่แวะเวียนมาอีกจนกว่าจะได้รับการเชิญมาใหม่

ถ้าถามอนาในฐานะคนที่อยู่ที่นี่ คนญี่ปุ่นคิดว่าทักษินโดนรักแกค่ะ   :slime_shy: :slime_shy:

เอาแบบยอมรับความจริงนะค่ะ  :slime_surrender:

ถ้าจะให้วิจารณ์ตรงขีดเส้นใต้ ผมคิดว่า ทางมหาวิทยาลัยทางโน้นคงคิดว่าคุณทักษิณคงมีแน้วโน้มไม่ยอมกลับประเทศไทยในปีนี้และปีถัดๆไปแน่ๆมั้งครับ เลยเปิดอ็อปชั่นไว้

อ้าว.... แล้วคนญี่ปุ่นคิดอย่างไรกะ รัฐมนตรีที่ฆ่าตัวตายหนีความผิดหง่ะ

อัตราการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นสูงอยู่แล้วค่ะ และก็เป็นเรื่องปกติมาก ที่จะมีการฆ่าตัวตายเพราะธุรกิจล้มเหลว หรือหนีหนี้สิน อย่างกรณี รมต. เกษตร คนนี้ก็เหมือนกันคงทนกับสภาวะแรงกดดันไม่ไหวค่ะ เพราะเราก็รู้ๆกันอยุ่ว่า ญี่ปุ่นถ้าอธิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไร เตรียมโดนเละต้มเปะแน่ๆๆ ฆ่าตัวตายหนีความผิดกรณีนี้ ไม่รู้ซิค่ะ เพราะอาจารย์อนาท่านก็ไม่ว่าไร ท่านบอกว่าก็ดีกว่าอยู่อย่างตายทั้งเป็น คนชั่วๆตายไปก็ดีไม่ใช่เหรอ ท่านถามมาแบบนี้อ่ะค่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

แล้วเมื่อไร สส หรือ รมต ไทยจะหน้าบางแบบนี้บ้างค่ะ   :slime_worship: :slime_worship:

อย่าลืมนะค่ะ ว่าทักษินเขาจ้างบริษัทอะไรมาประชาสัมธ์ให้เขา อย่าแปลกใจถ้าจะโดนคนต่างชาติมองเราแบบนี้ เราต้องเข้มแข็งแล้วค่อยๆอธิบายค่ะ

ไม่เหมือนเมืองไทยเนาะ เราไม่ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด เราฆ่าคนอื่นดีกว่า  :slime_smile2: ตัดตอนโลด







อย่าถามหาความรับผิดชอบจาก นักการเมืองไทยส่วนใหญ่

 :slime_bigsmile:

แล้วคตส ทำอะไรอยู่ ส่งจดหมายไปดักหน้าแล้วยัง

ขออนุญาตโพสต์บทความของ "ลม เปลี่ยนทิศ" ที่เขียนนำเสนอเรื่องดี ๆ แบบนี้หลายครั้ง นำมาฝากทั่นเหลี่ยมและลิ่วล้อโดยเฉพาะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ยิ่งรวยก็ยิ่งทำบุญ  [5 ก.ค. 50 - 16:45]
 
ช่วงนี้เศรษฐีมหาเศรษฐีอเมริกัน ทั้งที่รวยอยู่เก่าและที่ร่ำรวยใหม่ ต่างก็หันมาทำบุญทำกุศลเป็นการใหญ่ ไม่รู้ทำบุญเพื่อหวังผลบุญให้ร่ำรวยอีกในชาติหน้า หรือทำบุญเพื่อไถ่บาป กันแน่ โดยเฉพาะเศรษฐีที่ร่ำรวยด้วย “เฮดจ์ฟันด์” จากการไล่ปั่นหุ้นปัานค่าเงินไปทั่วโลก จนทำให้เศรษฐกิจโลกวิกฤติ คนยากคนจนเดือดร้อนไปตามๆกัน

องค์กรการกุศลใหม่ของเศรษฐีอเมริกันผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด จนมูลนิธิการกุศลในสหรัฐฯมีมากกว่า 75,000 แห่ง เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงสิบปีนี้ แคลิฟอร์เนียรัฐเดียวตัวเลขปี 2004 มีมูลนิธิการกุศลอยู่ 6,242 แห่ง เพิ่มขึ้น 48 เปอร์เซ็นต์ จากปี 1999

ปี 2006 ที่ผ่านมา เศรษฐีอเมริกันบริจาคเงินให้กับมูลนิธิองค์กรการกุศลและองค์กรทางศาสนาต่างๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 260,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 9.1 ล้านล้านบาท มากกว่ามูลค่าตลาดหุ้นไทยทั้งตลาดเกือบหนึ่งเท่าตัว เขายังคาดกันอีกว่า ปี 2007 นี้ ยอดเงินบริจาคจะสูงกว่าปี 2006 แน่นอน
ปีที่แล้ว นายวาร์เรน บัฟเฟทท์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก ก็เพิ่งบริจาคหุ้นในบริษัท เบิร์กไซร์ ฮาทาเวย์ ของเขาให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ เป็นมูลค่าเกือบ 49,000 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 1.715 ล้านล้านบาท โดยมูลนิธิบิลและเมลินดา เกทส์ ของ บิล เกทส์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกได้มากที่สุด

วันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง นายวาร์เรน บัฟเฟทท์ ก็เพิ่งประกาศผลการประมูลผู้ที่ต้องการดินเนอร์กับเขาหนึ่งมื้อ เพื่อเอาเงินที่ได้จากการประมูลให้องค์กรการกุศลที่ชื่อ Glide Foundation ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือคนยากจนและคนไร้บ้านในนครซานฟรานซิสโก ผลปรากฏว่า สองเศรษฐีหน้าใหม่ประมูลได้ไปในราคา 650,100 ดอลลาร์ ราว 22.75 ล้านบาท

อะไรเป็นแรงจูงใจให้เศรษฐีอเมริกันเหล่านี้หันมาทำบุญกันมากมาย บางคนก็อ้างว่าทำบุญเพื่อมนุษยธรรม บางคนก็ทำบุญเพื่อไถ่บาป แต่ที่แน่ๆ เศรษฐีอเมริกันส่วนใหญ่ทำบุญเพื่อหวังลดภาษีก้อนใหญ่จากเงินที่บริจาค

ภาษีเงินได้ในอเมริกาถือว่าโหดเอาการ บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ ปีละ 2-3 หมื่นเหรียญ ต้องจ่ายภาษีสูงถึง 30-35 เปอร์เซ็นต์

จนวันก่อนมหาเศรษฐี วาร์เรน บัฟเฟทท์ เองก็ชักทนเห็นความอยุติธรรมในระบบภาษีอเมริกาไม่ไหว ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับมนุษย์เงินเดือน โดยยกตัวอย่างเลขานุการของเขาเอง มีรายได้ปีละ 60,000 เหรียญ ต้องเสียภาษีเงินได้ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่วาร์เรน บัฟเฟทท์ มีรายได้ปีละ 46 ล้านดอลลาร์ กลับเสียภาษีเงินได้น้อยกว่า จ่ายแค่ 17 เปอร์เซ็นต์กว่าเท่านั้น เจ้านายเสียภาษีเงินได้น้อยกว่าเลขาได้ยังไง

ก็ไม่รู้จะมีคำตอบจากสวรรค์หรือไม่

ผมมีตัวอย่างจากหนังสือพิมพ์ แอลเอ ไทม์ ที่รายงานถึง นายเจอรี่ โคห์ เศรษฐีจากพาซาเดนา แคลิฟอร์เนีย ซึ่งบริจาคเงิน 10 ล้านเหรียญ สนับสนุนองค์กรการกุศลที่ชื่อ Little Kids Rock ในเมืองมองต์แคลร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเปิดสอนการเล่นกีตาร์และร็อคแอนด์โรลฟรีแก่เด็กนักเรียนที่ยากจนจากโรงเรียนรัฐบาล

โคห์บอกว่า ที่เขาตัดสินใจหันมาทำบุญ เพราะเริ่มตระหนักว่า เงินทองที่มั่งคั่งของเขา อาจไม่ช่วยให้ชีวิตของเขาดีขึ้น แต่วันนี้เขารู้สึกดีใจที่เงิน 50 เหรียญของเขา สามารถทำสิ่งที่น่าสนใจให้เกิดขึ้น ทุกวันนี้เขาจะหาเวลาว่างเปิดดูเว็บไซต์ “ยูทูป” และ “ลิตเติ้ลคิดส์ ร็อคทีวี” เพื่อดูเงินของเขาที่กำลังทำงานเพื่อเด็กที่ยากจน ซึ่งเป็นความสุขทางใจของเขาอย่างหนึ่ง

เห็นเศรษฐีอเมริกันหันมาแข่งกันบริจาคเงินเพื่อคนจนและการกุศล แทนการโชว์เพชรนิลจินดาดินเนอร์หรูราคาแพงอวดรวยกันแล้ว ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี เศรษฐีไทยประเภทไฮโซไฮซ้อทั้งหลาย ที่ชอบเอาโซ่เพชรมาคล้องคอเป็นทาสเครื่องประดับ น่าจะเอาอย่างเศรษฐีอเมริกันมั่ง

รู้จักแบ่งปันกันอย่างนี้ เกิดมาชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมีโซ่เหล็กมาคล้องคอแทนโซ่เพชร ชีวิตจะได้มีความสุขไร้ทุกข์ตลอดไปครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”
 
 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=52837

เอาพ่อปูไปสอนเดิน เนี่ยนะ 555....ขำๆ :slime_smile2:

นั่นจิคะ ทางมหาวิทยาลัยคงจะคิดนอกกรอบว่า...เอาตัวอย่างพ่อปูมาเดินดูให้เห็นกะตาเสียเลย นักศึกษาทั้งหลายเมื่อเห็นแล้ว โปรดพึงตระหนักไว้ว่า จงอย่าเดินตามพ่อปูตัวนี้เป็นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ชีวิตจะต้องเร่ร่อนเป็นสัมภเวสีในที่สุด  :slime_smile2: :slime_hmm:

อันดับแรกเลย ท่านคงสอนว่า
ให้จัดงบประมาณ ลงไปหมู่บ้านละ 10 ล้านเยน
ให้ชาวบ้านกู้ยืม เอาไปลงทุนทำปลาดิบกระป๋อง

ไฮ้.....

 :slime_worship: :slime_worship:

คิดว่าอาจจะมีการเข้าใจผิดในสภานภาพของ ศาสตราจารย์พิเศษ ทักษิณ ชินวัตร ค่ะ

การเข้าไปบรรยายให้นักศึกษาฟังนั้น ไม่น่าจะเป็นการสอนวิชาใดวิชาหนึ่ง เพราะโดยหลัการแล้ว การสอนนั้นจะต้องมีการวัดผล ว่าผูเรียนมีคึวามรู้ในสิ่งที่สอนหรือไม่ แต่การไปบรรยายเพียงครั้งเดียว 90 นาที แล้วจบกันไป ไม่ได้มีการสอบวัดผลให้เกรดกัน น่าจะเป็นการบรรยายเสริมในวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือบรรยายความรู้ทั่วไปมากกว่า

การได้รับเชิญให้ไปบรรยายในมหาวิทยาลัย ของผู้ใดผู้หนึ่ง ประเทศไทยก็มีมากมายนี่คะ มันเป็นการเปิดโอกาศให้นักศึกษาได้รับรู้ประสบการณ์หรือความรู้บางอย่างของผู้บรรยายนั้นๆ และข้อสำคัญประการหนึ่งก็คือ ศาสตราจารย์พิเศษ ทักษิณ ชินวัตร มีภาษาที่จะเลือกใช้บรรยายได้เพียงสามภาษาเท่านั้น คือ

1. ภาษาอังกฤษ
2. ภาษาไทย
3. อู้คำเมือง

ท่านมีความสามารถพูด 90 นาทีได้ต่อเนื่องในสามภาษานี่เท่านั้นค่ะ ไม่เคยปรากฎว่าท่านพูดภาษาญี่ปุ่นได้  และส่วนใหญ่ของคนญี่ปุ่นนั้น ฟังไม่รู้เรื่องทั้งสามภาษานั้น

อาโน ม่ายฮู้เฮื่องก๊าาา  :slime_smile2:

“แม้ว” ยุสื่อญี่ปุ่น อ้างไม่กลับปท.เพราะกลัวความไม่ยุติธรรม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2550 17:49 น.
เกียวโด - พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตรให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นเผย จะไม่ยอมกลับเมืองไทย รวมถึงจะไม่ยอมสู้คดีคอรัปชัน จนกว่าเขาจะแน่ใจว่า การพิจารณาคดีเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม นอกเหนืออำนาจคมช.
       
       อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่กำลังร่อนเร่อยุ่ในต่างแดน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นว่า "ถ้าผมกลับไป ก็หมายถึงผมจะไม่ได้การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม"
       
       "ผมจะกลับไปเพื่อต่อสู้ความจริง และการพิจารณาคดี หากหรือเมื่อกระบวนการความยุติธรรมกลับสู่ภาวะปกติ" เขากล่าว หลังจากเกิดปรากฎการณ์ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งเขาเป็นคนก่อตั้ง และมีความคืบหน้าของคดีที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาใน 2 เดือนที่ผ่านมา
       
       ยิ่งไปกว่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวหาคณะมนตรีความมั่นคง หรือคมช.ด้วยว่า "กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยมีพื้นฐานอยู่บนความเชื่อถือ และความเชื่อมั่นมาเป็นเวลานาน แต่ถูกทำลายโดยพวกเขาในระยะเวลาอันสั้น" ซึ่งเขาอ้างว่าคมช.เข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยใช้อำนาจปืนและรถถัง
       
       นอกจากนี้ เขายังโต้ตอบกรณีคดีคอรัปชั่นที่ดำเนินกับตัวเขา ภรรยา และพรรคการเมือง ที่เขายืนยันว่าไม่มีหลักฐาน โดยระบุว่า เขาจะไม่กลับไม่กลับเมืองไทยจนกว่าความยุติธรรม และประชาธิปไตยจะกลับสู่ประเทศไทยโดยสมบูรณ์
       
       ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางเยือนกรุงโตเกียว เพื่อทำหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษให้แก่มหาวิทยาลัยทาคุโชคุ ในเมืองหลวงของญี่ปุ่น โดยเขายังโม้ว่า สิ่งที่เขาจะทำต่อไป นอกเหนือไปจากเรื่องการเมืองก็คือ แผนการสร้างมูลนิธิระหว่างประเทศเกี่ยวกับการศึกษา และวิจัยน้ำ ซึ่งจะก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

“แม้ว” เหิม! จาบจ้วงศาล ไร้ความยุติธรรม ถูก คมช.แทรกแซง ผ่านสื่อญี่ปุ่น 
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2550 17:58 น.

“ทักษิณ” ท้าทายอำนาจตุลาการ ผ่านสื่อเกียวโต ประณามกระบวนการยุติธรรมไทย อ้างไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม ป้ายสีถูก คมช.ใช้ความเป็นเผด็จการแทรกแซง ทำให้ไม่กล้ากลับมาสู้คดี จนกว่าระบบยุติธรรมจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
       
       วันนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีต่อสำนักข่าวเกียวโดในระหว่างเดินทางไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยทากุโชกุ ประเทศญี่ปุ่น ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เดินทางกลับประเทศไทย อีกทั้งจะไม่ตอบหรือชี้แจงข้อกล่าวหาใดๆ เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกไม่มั่นใจว่า การดำเนินคดีดังกล่าวในประเทศไทยได้รับการรับประกัน ว่า มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม
       
       “ถ้าหากผมกลับประเทศไทย ก็หมายความว่า ผมจะไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆ จากการดำเนินคดีความต่างๆ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวและว่า ตนจะกลับมาเผชิญความจริง และต่อสู้คดีความต่างๆ เมื่อระบบยุติธรรมกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
       
       ส่วนข้อกล่าวหาว่า มีการใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อซื้อที่ดินในราคาถูกจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการทุจริตเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และศาลสั่งให้บุคคลทั้ง 2 มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ย.ที่ผ่านมา หรือถ้าหากไม่ยอมปฏิบัติตามก็จะต้องถูกจับกุมตัวนั้น
       
       พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ระบบยุติธรรมในไทย (ที่ยืนอยู่บนพื้นฐาน) ของความมั่นใจ และความเชื่อมั่นอย่างแท้จริงเป็นเวลานาน แต่ขณะนี้กลับถูกทำลายโดยพวกเผด็จการในช่วงระยะเวลาอันสั้น” และยังกล่าวหารัฐบาลชั่วคราวที่ตั้งขึ้นโดยทหารที่ “แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ด้วยการใช้ปืน และรถถัง” เพียงแค่ต้องการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
       
       ส่วนการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล ไม่มีมูลความจริง และชี้ว่า ตนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ในช่วงนี้ เนื่องจากต้องรอให้ “ความยุติธรรม และประชาธิปไตย” ได้รับการฟื้นฟูก่อน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้คำมั่นว่า จะไม่หวนกลับเข้าไปเล่นการเมือง และขณะนี้ยังคงใช้ชีวิตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกทั้งยังต้องเดินทางไปมาบ่อยครั้งในหลายประเทศทั่วเอเชีย
       
       แต่อย่างไรก็ดี เผด็จการทหารที่ยังคงยึดอำนาจในกรุงเทพฯยังคงหวาดกลัวต่อความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการอัดฉีดเงินให้พรรคไทยรักไทย โดยกล่าวว่า ให้การสนับสนุนสมาชิกพรรคทั้งหลาย เพื่อคงไว้ซึ่งการต่อสู้ตามอุดมการณ์ และก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งทั่วไปตามที่วางเอาไว้ในเดือนธันวาคมนี้
       
       พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่จะทำนอกเหนือจากการเมืองแล้ว ตนมีแผนการที่จะสร้างมูลนิธิระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา และการวิจัยเกี่ยวกับน้ำ และมูลนิธิดังกล่าวจะได้รับการเปิดตัวในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

แม้ทักษินเก่งภาษาอังกฤษ แต่สำเนียงไม่ให้ ก็ตายค่ะ

I am Takkusin Shinnawatto, I have a presento foru youn

my conti is Tai, I was pevirotsu piministoro............... สำเนียงต้องแบบนี้ รับรองโอเช........

ลองนึกถึงภาพทักษิณ พูดสำเนียงที่คุณอนานำเสนอ ผมแทบตายคาชามข้าว


หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล  :slime_bigsmile:

น่าจะบรรยายเรื่อง "ซุกหุ้นยังไง ให้ถูกจับได้"

ควรจะเปลี่ยนชื่อผู้บรรยายเป็น "ซึนาตะ"

ทูตไทยประจำญี่ปุ่นควรจะไปยื่นหมายศาลให้ "ซึนาตะ" ในห้องเรียน

 :slime_cool:

...
 

เหอ เหอ เหอ...เริ่มกระจ่างแล้วครับ...
ทีแรกก็ไม่มั่นใจว่า ทั่โพสต์กันที่เว็บบอร์ดใหญ่นู่นน่ะจะชวนให้ "ชมหรือด่า" :slime_bigsmile:

พอมาได้อ่าน คคห.และติดตามเหตุการณ์ต่างๆในวันนี้ ทำให้เข้าใจได้ว่า...
ที่แท้ก็ "อยากได้เป็นข่าว" :slime_smile2:
อือม...สุดยอด... "มาร์เก็ตติ้งแมน"

(http://img389.imageshack.us/img389/7038/300pxthaksin2ig4.jpg)