ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 31-05-2007, 12:53



หัวข้อ: ไมยราบ(คาบ)......
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 31-05-2007, 12:53
สิ้นวาสนา ชตาแม้ว.....

 เมื่อศาลอาญาได้ตัดสินคดีอดีตสามกกต.เป็นคดีที่สอง ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยคำพิพากษาฉบับนี้จะมีผลทำให้กกต.ชุดใหม่ต้องดำเนินคดีอาญากับคุณ(พตท.ทักษิณ ชินวัตร)และพรรคพวกของคุณ....

และมีผลต่อการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคของคุณ(พตท.)ด้วย เพราะถ้ากกต.ชุดใหม่ไม่ทำอะไรกับคุณ(พตท.)และพวกอีก พวกเขาก็อาจต้องติดคุกแทนเช่นเดียวกับพวก"สามหนาห้าห่วง"....
       
       ผม(สนธิ ลิ้มฯ)เชื่อว่ากิจกรรมแรก ๆ ของกกต.ชุดใหม่คือการดำเนินคดีอาญากับผู้ทำความผิดฐานจ้างพรรคเล็กให้โกงเลือกตั้ง


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000117608



ไมยราบ(คาบ)....
 กรุงเทพธุรกิจ ฉบับ"จุดประกาย" มีบทความยกย่องนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยชนะการประกวด Intel International Science and Engineer Fair 2007 หรือ "ไอเซฟ"......

เห็น ไขปริศนา ไมยราบ(คาบ) ทำให้นึกถึงสถานะของพตท.ทักษิณ ชินวัตรและพรรคไทยรักไทย หลังคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ได้อ่านคำวินิจฉัยลงโทษพรรคไทยรักไทยและกรรมการพรรคฯที่กระทำผิด ทุจริตกฎหมายการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549.....

หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่  6 กุมภาพันธ์ 2548  พรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกตั้งเข้ามามาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 377 เสียง จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้

        แต่การบริหารประเทศที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ฟังใคร เสมือน "เผด็จการ" กลับนำพา "รัฐนาวา" ไปไม่รอด เพราะการบริหารประเทศเต็มไปด้วยปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น มีผลประโยชน์ทับซ้อน เอื้อธุรกิจครอบครัว วงศ์ตระกูล และ พวกพ้อง

จนนำไปสู่การก่อกำเนิดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมตัวขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล ในที่สุดพ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยู่ไม่ได้ ต้องตัดสินใจประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 2 เมษายน 2549

      แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งประกอบด้วย ประชาธิปัตย์ ชาติไทย และ มหาชน ไม่ร่วม "สังฆกรรม" เมินส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมองว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทย เอาเปรียบ ส่งผลให้การสมัครรับเลือกตั้งครั้งนั้น มีพรรคไทยรักไทย เพียงพรรคเดียวที่ส่งคนลงสมัครส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้ง ครบทั้ง 400 เขต และระบบบัญชี 100 คน  เนื่องจากตามมาตรา 74 ของพ.ร.บ.เลือกตั้ง พ.ศ.2541 ที่มีผลใช้บังคับในขณะนั้นกำหนดว่า เขตใดมีผู้สมัครเพียงคนเดียว ผู้สมัครรายนั้นจะต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ๆ 

ในการเลือกตั้งครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 มีหลายเขตในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คนของพรรคไทยรักไทย ไม่สามารถฝ่าเกณฑ์ร้อยละ 20 ไปได้  จึงมีการจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อประกบผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย เพื่อที่จะหนีเกณฑ์ดังกล่าว และหวังผลให้ได้จำนวนส.ส.ครบ 500 คน นำไปสู่การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เลือกนายกรัฐมนตรีได้ ภายในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง เพื่อที่พรรคไทยรักไทยจะได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้งหนึ่งโดยเร็ว

         เหตุดังกล่าวจึงนำไปสู่การร้องเรียนให้มีการยุบพรรคไทยรักไทยขึ้น โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ที่ยื่นร้องเรียนพรรคไทยรักไทย ต่อ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้น ระบุพฤติการณ์ในข้อร้องเรียนทำนองว่า

 พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มีการว่าจ้างพรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย ให้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งกับผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ในพื้นที่ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย
อาทิ จังหวัดสงขลา ตรัง กรุงเทพฯ สกลนคร โดยรู้เห็นสนับสนุนให้ผู้บริหารพรรคการเมืองเล็ก ปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้ผู้สมัครของพรรคมีคุณสมบัติเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วัน ในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองของ กกต. โดยมีเจ้าหน้าที่ กกต. ดำเนินการให้   

ต่อมากกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวน โดยมี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน และมีมติชี้มูลว่า พรรคไทยรักไทย มีความผิดดังคำร้องเรียนจริง  จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญขณะนั้น สั่งยุบพรรคไทยรักไทย ด้วยข้อกล่าวหาเดียวคือ จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง

พร้อมระบุความผิดของกรรมการบริหารพรรค และผู้บริหารระดับสูงพรรคไทยรักไทย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 66 ( 1) ที่ระบุว่า เป็นการกระทำการอันมีลักษณะ เป็นการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และ (2) เป็นการกระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ ขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามมาตรา 66(1) และ(3) ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง


http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/29/WW74_7404_news.php?newsid=74988



สิ้นวาสนา ชตาแม้ว.....
พตท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเป็น"นักธุรกิจการเมือง"ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างแดน คอยวันกลับมาปกป้องทรัพย์สิน ครอบครัว เมียและลูก ๆ ที่ถูกดำเนินคดีทุจริต ฉ้อโกงต่าง ๆ ผลจากการทุจริตคอรั่ปชั่นที่พตท.ทักษิณได้กระทำระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี เผด็จการจากการเลือกตั้ง 5-6 ปี่ผ่านมา....
เพราะสั่งการและฝากความวางใจให้กับ"สามหนาห้าห่วง" และ องค์กรอิสระอื่น ๆ ที่วางบริวารที่จงรักภักดี พร้อมจะดำเนินการตามที่สั่งการ มอบหมายไว้....

ไมยราบ(คาบ)....
ผลการวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักไทย และลงโทษกรรมการพรรคฯ 111 คน เว้นวรรคการเมือง 5 ปี ไม่มีสิทธิแม้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนไม่เคยได้รับรู้ ไม่เคยเข้าใจมาก่อน ได้รับรู้รายละเอียด การพิจารณาความ การใช้อำนาจสั่งการข้าราชการประจำ เจ้าหน้าที่องค์กรอิสระให้ร่วมมือฉ้อโกงการเลือกตั้ง....
การฉ้อราษฎร์บังหลวง การทุจริตทางนโยบาย การปกป้องผลประโยชน์ทับซ้อน และ การฆ่าตัดตอน ฯลฯ

ประชาชนที่ไม่ได้เป็นคนรักเหลี่ยมฯอย่างงมงาย หรือได้รับผลประโยชน์ตอบแทนมาก่อน  ย่อมเข้าใจความประสงค์ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่อ่านรายละเอียด การพิจารณา แง่มุมกฎหมาย และการวินิจฉัยคดีความทั้งสิ้นตามกฏหมาย โปร่งใส และยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง จะไม่ยอมเป็นเครื่อง เป็น"ตัวประกัน"ให้ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคฯ ขู่กรรโชก คณะ คมช. และ รัฐบาลนี้ต่อไป....