ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 31-05-2007, 01:42



หัวข้อ: กรณีที่กกต.และอสส.ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์..
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 31-05-2007, 01:42
ปิดคดีปชป.ยืนยัน"ความจริง"สู้"อธรรม"
 
28 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 17:28:00
 
พรรคประชาธิปัตย์แถลงการณ์ปิดคดี หลังจากที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ไต่สวนพยานของอัยการสูงสุด(อสส.) ผู้ร้อง และพรรคประชาธิปัตย์ผู้ถูกร้อง) โดยประมวลข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

         อันเป็นหลักฐานและเหตุผลในการต่อสู้คดีเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาที่อัยการสูงสุดกล่าวหาว่ากระทำผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 และตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. พ.ศ.2541

พรรคประชาธิปัตย์ได้หักล้างข้อกล่าวหา 4 ประเด็นดังนี้

             ประเด็นแรก กรณีกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค กล่าวหาการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็น"ระบอบทักษิณ" เป็นการสร้างคำว่า"ระบอบทักษิณ" ขึ้นมานั้น  มีคำชี้แจงว่า คำว่า"ระบอบทักษิณ" เป็นนิยามทางการเมืองที่นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง นักเศรษฐศาสตร์ เป็นผู้เขียนและกล่าวไว้ในงานศึกษาวิจัยของตนเอง โดยใช้หลักฐานในงานศึกษาวิจัยในบทความข้อเขียนมาชี้แจงข้อกล่าวหา และในข้อกฏหมายกรณีนี้เข้ากับความผิดฐานหมิ่นประมาท ม.326 และม.328 ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ใช่ความผิดอาญาแผ่นดิน ที่ถึงขั้นยุบพรรค

            ประเด็นที่ 2  กรณีกล่าวหาว่า นายทักษะนัย กี่สุ้น ผู้ช่วยส.ส.ของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตส.ส.ตรัง นำผู้สมัคร 3 คน เดินทางมายังกทม.เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยหัวหน้าพรรคฯทำหนังสือรับรองเท็จเพื่อนำไปสมัครส.ส.ตรัง โดยนายทักษะนัยพาบุคคลทั้ง 3 ไปพบนายสุเทพ เพื่อแถลงข่าวว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งว่าจ้างให้ให้ลงสมัคร กกต.เชื่อว่านายสาทิตย์ ให้การสนับสนุน และรู้เห็นเป็นใจให้นายทักษะนัย กระทำการดังกล่าว

            ชี้แจงว่า พรรคและนายสาทิตย์ ไม่เคยใช้ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้นายทักษะนัย ใช้ให้บุคคลทั้ง 3 ไปสมัครรับเลือกตั้ง โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ตามมาตรา 100 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ  และผู้บริหารพรรคฯ นอกจากนายสาทิตย์แล้ว ไม่มีผู้ใดรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ใดๆ กับนายทักษะนัยมาก่อน อีกทั้งการกระทำของนายทักษะนัยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แก่นายสาทิตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ แต่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างครอบครัวของภรรยานายทักษะนัยเอง แต่หลังจากเกรงกลัวความผิดจึงมาขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากพรรค จนนำไปสู่การแถลงข่าวเรื่องดังกล่าว โดยไม่มีการพาดพิงพรรคไทยรักไทยแต่อย่างใด

            ประเด็นที่ 3   กรณีกล่าวหา นายสุเทพ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ใช้นายไทกร พลสุวรรณ เป็นตัวแทนไปว่าจ้างหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ให้แถลงข่าวใส่ร้ายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และพรรคไทยรักไทย 

            มีคำชี้แจงว่า นายไทกร ประกาศตัวเป็นกลุ่มอีสานกู้ชาติ ไม่ใช่ตัวแทนนายสุเทพและพรรค การหยิบยกเรื่องนายไทกรมาเป็นข้ออ้างเพื่อใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์  โดยพรรคไทยรักไทยจัดฉากวางแผนสร้างเรื่องเท็จโดยร่วมมือกับ 2 พรรค สร้างเรื่องเท็จว่านายไทกรเป็นคนของนายสุเทพไปว่าจ้างหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย

            ข้อกล่าวหานี้เกิดจากการวางแผนร่วมกันระหว่างอดีตประธานกกต.(พล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ) กลุ่มนักการเมืองพรรคไทยรักไทย และเจ้าหน้าที่รัฐที่รับใช้พรรคไทยรักไทย และหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทย โดยสันนิษฐานว่าการวางแผนใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ มีมูลเหตุมาจาก นายสุเทพได้ร้องเรียนกล่าวโทษต่อกกต.กรณีผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทย คือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ว่าจ้างพรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งโดยมิชอบ ซึ่งการกระทำความผิดของทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างนั้นมีโทษถึงขั้นถูกยุบพรรคได้

            นายสุเทพ และนายถาวร เสนเนียม ได้ฟ้อง พล.อ.วาสนา และอดีตคณะกกต.ในข้อหาปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และศาลอาญาได้มีคำพิพากษาจำคุก  พล.อ.วาสนา และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีรชัย แนวบุญเนียร คนละ 6 ปี

            หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า และหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ซึ่งได้กระทำความผิดเกี่ยวกับการรับรองคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.อันเป็นเท็จ และมีพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นว่ารับจ้างส่งบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นตัวประกอบในหลายเขตเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ร้อยละ 20 ทั้งที่พรรคของตนไม่เคยทำกิจกรรมการเมืองในพื้นที่           

             ประเด็นที่ 4 กรณีกล่าวหา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.และสมาชิกพรรค กับพวกว่า ร่วมกันขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่จ.สงขลา โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ ตามมาตรา 66 (2) และ(3)

            ชี้แจงว่า จากข้อเท็จจริงในโทรสารของผอ.เลือกตั้งจังหวัดสงขลา และในรายงานของประธานกกต.จังหวัดได้แจ้งไปยังกกต.กลางว่าไม่ได้มีการปิดล้อมและขัดขวางผู้สมัครส.ส.แต่อย่างใด แต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเพื่อเป็นการต่อต้านการจัดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม อีกทั้งแกนนำผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและไม่ได้คนสนิทของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี 

            อัยการกล่าวหาอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ขัดขวางผู้สมัคร 3 คน แต่ 1 ในนั้นให้การว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้สมัคร ที่สำคัญอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนที่กกต.ตั้งขึ้นรายงานกลับไปยังกกต.กลางว่า การชุมนุมเป็นกิจกรรมของกลุ่มประชาชนรักสงขลา โดยไม่ได้ระบุว่าส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมแต่อย่างใด กรณีที่จ.สงขลาจึงไม่มีการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งอย่างที่ถูกกล่าวหา

            ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้ในประเด็นกฏหมายในข้อกล่าวหาแต่ละประเด็นด้วยว่า ข้อกล่าวหาอันเป็นมูลฐานความผิดตามที่อัยการสูงสุด(อสส.)อ้างในคำร้องเพื่อขอให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่กกต.และอสส.ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายอสส.จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใดทั้งสิ้น


http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/28/WW74_7404_news.php?newsid=74457
 
 
พรรคประชาธิปัตย์ใช้ "ธรรมะ" สู้ "อธรรม"....
"สามหนาห้าห่วง" และ "อัยการสูงสุด" จะทบทวน"คุณธรรม"และ"จริยธรรม"ของตนเองอย่างไรบ้าง......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า