ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 11-05-2007, 17:32



หัวข้อ: เปิดใจ “มูหามะ แวกาจิ” - “ถ้าไม่ทำสักวันเขาก็จะทำร้ายผมและครอบครัว”
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 11-05-2007, 17:32
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา มีเยาวชนในพื้นที่มากมายทั้งชายและหญิงที่ถูกกลุ่มก่อความไม่สงบ โฆษณาชวนเชื่อชักจูงเข้าร่วมกับขบวนการ ทั้งด้วยความเต็มใจ และจำยอม
       
       “มูหามะ แวกาจิ” คือหนึ่งในเยาวชนที่ตกอยู่ในสภาพนั้น การ “ซูเปาะ” หรือการสาบาน คือหนึ่งในพิธีกรรมที่ขบวนการนำมาผูกมัดเยาวชนเหล่านี้ไว้ไม่ให้แพร่งพรายความลับ และเป็นตัวบังคับให้เยาวชนเหล่านี้กลายเป็นฆาตกรที่โหด***ม การซูเปาะเป็นพันธนาการให้เขาต้องตกอยู่ในอาณัติของกลุ่มผู้ก่อการตลอดไป และต่อไปนี้คือคำสารภาพของเขาที่ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำเราได้รับรู้ความจริงอีกด้านหนึ่งท่ามกลางเปลวไฟแห่งความรุนแรงที่ยังคงไม่ดับมอดลง
       
       มูหามะ เล่าว่า จากการที่เขาไว้ใจเพื่อนตั้งแต่เรียนมาทำให้เขาต้องไปทำซูเปาะ โดยการชักชวนของเพื่อคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนคนนั้นเรียนอยู่ในชั้นเรียนเดียวกันตั้งแต่เริ่มเรียนมัธยมปลาย จนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 ซึ่งตั้งแต่แรกมูหามะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เค้าให้ซูเปาะในครั้งนั้น ทำเพื่ออะไร และสิ่งที่เขาทำตามคำพูด 10 ประการนั้นคืออะไร
       
       “แต่พอนานๆ เข้าผมจึงเข้าใจในสิ่งที่เค้าให้ผมซูเปาะ เพราะจากการที่ผมไปตามนัด เกือบจะครบตามที่เค้าได้นัดให้ผมไป ผมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ผมได้ซูเปาะคงจะเกี่ยวกับเรื่องของรัฐปัตตานี จากนั้นเค้าก็ได้อธิบายเรื่องของรัฐปัตตานีอยู่หลายครั้ง และได้กำชับให้ทุกคนทำตามในสิ่งที่เค้าได้ให้ผมซูเปาะทั้ง 10 ประการ หลังจากที่ผมฟังเค้าอธิบายอยู่หลายเดือน เค้าก็ได้นัดให้คนอื่นมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแทนผม คนที่มาแทนก็ได้กำชับผมและพวกอีกเช่นเคยในสิ่งที่ผมและพวกได้ทำซูเปาะมาทั้ง 10 ประการ และได้สั่งให้ผมไปชวนคนมาเพิ่ม โดยการให้ผมและพวกบอกประวัติศาสตร์ของรัฐปัตตานีให้คนอื่นฟังต่อ แต่ผมไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เพื่อนคนอื่นฟัง เพราะผมพูดเรื่องแบบนี้ไม่เก่ง”
       
       มูหามะ เล่าอีกว่า จากนั้นเขาได้พบกับคนวงในคนที่ 2 และกลุ่มผู้ก่อการ ได้ให้เขาหัดพูดเกี่ยวกับเรื่องของรัฐปัตตานี เขาอยู่กับเพื่อนคนคนนี้ เพื่อนคนนี้มักจะเคร่งครัดเรื่อง 10 ประการที่มูหามะได้ซูเปาะมาก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อการก็ได้ให้มูหามะ และพวกได้รู้จักกับอีกคน คือ คนที่ 3 ที่จะมาคอยทำหน้าที่แทนจากคนก่อน คนที่ 3 จะคอยถามเรื่องของบัญญัติ 10 ประการ และจะคอยสอนเขาและพวกเพื่อนๆ ให้ออกกำลังกาย มาถึงตอนนี้กลุ่มผู้ก่อการจาก 4 คน เหลือ 3 คน และคนที่ 3 จะสั่งให้เขาไปวิ่งตามสวนสมเด็จฯ และจะบอกสถานที่ที่จะให้เขาและพวกไป คนคนนี้จะสอนเขาในเรื่องการออกกำลังกาย 10 ท่า จะคอยบอกสถานที่ที่จะให้เขาและพวกไปที่ที่เค้าได้นัดหมายอีกครั้ง เพื่อจะทดสอบดูว่าใครคนไหนทำแต่ละท่าได้กี่ครั้ง
       
       “หลังจากนั้นเกือบเดือน เค้าก็ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับคนที่ 4 คนที่ 4 เป็นคนที่จะบอกให้ผมและพวกหมั่นออกกำลังกายตามท่าทั้ง 10 ท่าที่ได้รู้มา ผมอยู่กับเค้าได้ 1-2 เดือน เค้าก็ได้บอกให้ผมเตรียมตัวที่จะไปฝึกขั้นสุดท้าย ก็คือหลักสูตรปอเนาะ ตอนนั้นผมเหลืออยู่ แค่ 2 คนกับเพื่อนที่ได้ชวนผมซูเปาะ ผมไปฝึกได้ 7 วัน ครูฝึกก็ได้บอกให้ผมกลับก่อน เพราะที่บ้านไม่เจอหน้าหลายวัน ที่บ้านจะไม่ไว้ใจและห่วงมาก ผมกลับมาอยู่บ้านหลายเดือน ครูฝึกก็ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับมะรอปี เค้าบอกว่าอยู่บ้านห้วยเงาะ มะรอปีจะคอยเป็นผู้สั่งการผม และเค้าก็ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับ “ยา บ้านควน” ผมก็ทำงานอยู่กับยา ตามคำสั่งของมะรอปี”
       
       หลังจากอยู่กับมะรอปี มะรอปีก็แนะนำให้มูหามะ รู้จักกับเด็กที่บ้านอีกคนชื่อ สุกรี และมะรอปี จะสั่งให้มูหามะทำงานกับสุกรีต่อ หลังจากเขาอยู่กับมะรอปี (คนที่จะคอยสั่งผมเขาเวลานั้น) มะรอปีก็ได้แนะนำให้ได้รู้จักกับฮารง (อุสตาซมุ) เพื่อที่จะคอยสั่งการเขาต่อ
       
       “ผมอยู่กับฮารง 2-3 เดือน ฮารงไม่ได้สั่งผมให้ทำอะไร ผมก็ได้ข่าวว่าฮารงได้เสียชีวิตที่บ้านควนลาแม จากนั้นมะรอปีก็ได้นัดให้ผมได้รู้จักกับคนที่จะคอยสั่งผมต่อจากฮารง ก็คือเปาะจิ เขาบอกว่าเขาอยู่ที่ปรัง ผมอยู่กับเปาะจิเขาได้ให้ผมรู้จักกับเพื่อนอีก 3 คน คือ ดิง, ซาเฮะ และยากี จากบ้านควนผมทำงานตอนอยู่กับเปาะจิ คือตัดหัวของลุงจวน และเผาโรงยางที่นาประดู่”
       
       มูหามะ เล่าว่า ความรู้สึกของเขาตั้งแต่เริ่มซูเปาะ และได้รู้ว่าซูเปาะเพื่ออะไร เขาก็เริ่มนึกและคิดว่าจะหลุดจากคำว่าซูเปาะได้อย่างไร “แต่นานเข้าผมก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปทุกที ไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครดี สิ่งที่ผมกระทำแต่ละครั้งก็ไม่คิดอยากจะทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะผมติดที่ได้ซูเปาะตั้งแต่แรก”
       
       “ถ้าผมไม่ทำ ผมกลัวว่าสักวันเค้าอาจทำร้ายผม และทำร้ายพ่อ แม่ พี่ น้อง และญาติๆ ของผมอีก จนทำให้ผมต้องทำตามคำสั่งที่เค้าได้สั่งผมตลอดเวลา และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกของคนที่คอยสั่งผมเป็นใครบ้าง ผมก็คิดตลอดเวลาว่าสิ่งที่ผมได้ทำอยู่ผิด แต่การที่ผมไปซูเปาะทำให้ผมจะต้องทำตามคำสั่งของเค้าอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้สิ่งที่เค้าได้สั่งผมมานั้นมันจะร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม” มูหามะ กล่าว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000053930

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้เรื่องนึงว่า งานนี้มีหัวโจกอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่ที่มันเยอะ เพราะมันใช้วิธีทางจิตวิทยากับเยาวชน ทำให้เยาวชนเกรงกลัวพวกเลวๆไม่กี่คนนั่น


หัวข้อ: Re: เปิดใจ “มูหามะ แวกาจิ” - “ถ้าไม่ทำสักวันเขาก็จะทำร้ายผมและครอบครัว”
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-05-2007, 18:57

ข่าวนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาภาคใต้คืบหน้าและเจาะลึกมากขึ้น

สอดคล้องกับข่าวอีกหลายๆข่าวเดือนก่อนๆครับ..


ดังนั้นต้องปราบปรามกันต่อไป โดยเฉพาะพวกอาวุธสงครามและสิ่งที่จะนำมาทำระเบิดได้..

การปลุกระดมให้ชาวบ้านมาชุมนุม พวกข้าราชการประวัติไม่ดีทุกหน่วยงาน  ต้องมีการย้ายออกจากพื้นที่หรือจับตาเป็นพิเศษด้วยครับ.



หัวข้อ: Re: เปิดใจ “มูหามะ แวกาจิ” - “ถ้าไม่ทำสักวันเขาก็จะทำร้ายผมและครอบครัว”
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 12-05-2007, 09:26
อ่านแล้วเห็นใจฝ่ายปฏิบัติการเหมือนกันนะครับ งานแบบนี้ กว่าจะได้ใจชาวบ้านเนี่ย ยากเหมือนกันครับ

แล้วนี่ต้องใช้เวลาอีกกีปีล่ะเนี่ย ภาคใต้จึงจะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม  :slime_shy:


หัวข้อ: Re: เปิดใจ “มูหามะ แวกาจิ” - “ถ้าไม่ทำสักวันเขาก็จะทำร้ายผมและครอบครัว”
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 12-05-2007, 09:52
การหลอกลวงเยาวชน ให้เข้าร่วมขบวนการก่อการร้าย มีมานานแล้วค่ะ ในสมัยก่อนสายข่าวของ ศอ.บต. กระจายอยู่ในพื้นที่ และเข้าจัดการปัญหานี้ได้เป็นส่วนใหญ่ การก่อการร้ายถูกจำกัดวงแคบลงๆทุกที เหลือการก่อการร้ายปีละไม่กี่ครั้ง เพื่อสร้างผลงานขอทุนสนับสนุนจากนอกประเทศ

เราเกือบชนะขาดในสงครามนั้นแล้ว หากแต่เกิด ไอ้ตัวกินไก่ ขึ้นมาเป็นนายก

มันยุบเลิกหน่วยงานสำคัญ มันทำลายระบบทั้งหมด มันเอาผู้ก่อการร้ายมาร่วมพรรค

และก็มีวันนี้ วันที่แผ่นดินลุกเป็นไฟ

อีกหลายสิบปีนักค่ะ กว่าเราจะยุติเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ ต้องเสียเลือดเนื้อไปอีกมากค่ะ การรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน บรรพบุรุษไทยพลีชีพมานับจำนวนไม่ถ้วน แต่การทำลายชาติ โกงชาติจนจะพินาศนั้น ไอ้ตัวกินไก่ ตัวเดียวมันก็ทำได้  :slime_mad: