ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ไทยรัฐ [5 พ.ค. 50 - 03:58]

ใช้ลูกไม้เก่าข่มขู่บริษัทให้ความร่วมมือเลิกสัญญาโดยดี นักกฎหมายชี้ ทอท.เปิดช่องโหว่มัดคอตนเอง เพราะยอมรับค่าต๋งมาร่วมปี แถมยอมรับบริษัทได้สร้างตามแบบที่ตนเองอนุมัติอีกด้วย 

พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการบริษัท  ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้มีมติที่จะแจ้งให้กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ผู้รับสัมปทาน บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ และร้านค้าปลอดภาษี ในสนามบินสุวรรณภูมิรับทราบ กรณีขอให้รื้อถอนร้านค้า ที่ไปกีดขวางทางหนีไฟ 20 จุด และแจ้งให้ทราบว่าสัญญาเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น ว่า มติดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของกรรมการ ทอท.ที่สามารถตัดสินใจได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้กระทรวงคมนาคมรับทราบ และกระทรวงคมนาคมก็เห็นด้วยกับกรณีที่ต้องการให้มีการรื้อถอนร้านค้าที่ไปกีดขวางทาง และกระทบต่อความปลอดภัย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของ ทอท.ที่ต้องดูแลปัญหาให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ 

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายได้มีความเป็นห่วงกรณีที่บอร์ด  ทอท.ได้ตัดสินยกเลิกสัญญาสัมปทาน อาจทำให้กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ มีการฟ้องร้องเพื่อขอความคุ้มครองจากศาล และ ฟ้องร้องขอให้ภาครัฐชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นวงเงินจำนวนมากนั้น ในเรื่องนี้กระทรวงคมนาคมไม่มีความวิตกแต่อย่างใด และมั่นใจว่า การดำเนินการของบอร์ด ทอท.ได้มีการตรวจสอบข้อกฎหมายชัดเจนแล้ว และหากเรื่องนี้ต้องกลายเป็นข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลและอาจยืดเยื้อนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาสัมปทานที่ลงนามโดยรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.นั้น เป็นเพียงแต่แจ้งให้บริษัทคิง เพาเวอร์ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัทคิง เพาเวอร์สุวรรณภูมิ จำกัด ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น หาใช่หนังสือบอกเลิกสัญญาสัมปทานตามที่บอร์ด ทอท.มีมติหรือแถลงแต่อย่างใด โดยระบุว่าการก่อสร้างและตกแต่งพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรและพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมินั้น เป็นไปในลักษณะที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ขอให้บริษัทดำเนินการรื้อถอนพื้นที่ร้านค้าในส่วนที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสารออกไปภายใน 30 วันเท่านั้น ไม่ได้มีการพูดถึงการบอกเลิกสัญญาสัมปทานแล้วให้บริษัทรื้อถอนทรัพย์สิน สิ่งก่อสร้างทั้งหมดออกไปแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ ทอท.ได้มีหนังสือไปยังอัยการสูงสุดโดยได้แจ้งถึงการออกหนังสือดังกล่าวไปยังบริษัทแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เคยมีหนังสือหารือมายังสำนักงานอัยการสูงสุดถึงแนวทางการออกหนังสือแจ้งมติบอร์ด ทอท.ดังกล่าว แต่ขณะที่ ทอท.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทโดยตรงแล้ว ซึ่งหากบริษัทมีข้อโต้แย้งสิทธิใดๆ ตามมาจะขอความอนุเคราะห์สำนักงานอัยการสูงสุดในการแก้ต่างหรือว่าต่างให้

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชนระบุว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในหนังสือที่มีมายังอัยการสูงสุดนั้น ทอท.ระบุแต่เพียงว่าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าบริษัทเอกชนได้ดำเนินการก่อสร้าง และตกแต่งพื้นที่ร้านค้าในลักษณะผิดกฎหมายไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลอันอาจก่อให้เกิดอันตรายและความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสาร จึงมีหนังสือแจ้งให้บริษัทดำเนินการรื้อถอนภายใน 30 วัน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาว่าจะผิดกฎหมายอย่างไร เพราะเป็นการก่อสร้างและตกแต่งตามแบบและเงื่อนไขที่ ทอท.กำหนดขึ้น ทั้งที่ผ่านมา ทอท.ก็ยอมรับแบบดังกล่าว รวมทั้งยังเรียกรับค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทไปร่วมปี

นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า สัปดาห์หน้า ธนาคารและธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์  จะหารือกับผู้บริหารของคิง เพาเวอร์  เกี่ยวกับกรณีที่  ทอท.ได้ยกเลิกสัญญาสัมปทานการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และการดำเนินการในกิจการเชิงพาณิชย์  ในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ แนวทางการหารือคือ พิจารณาถึงผลกระทบกรณีที่ ทอท.ได้ยกเลิกสัญญา และแนวทางในการแก้ไขปัญหาของการเลิกสัญญา  โดยธนาคารพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับคิง เพาเวอร์  เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ดังนั้นในส่วนของสินเชื่ออาจต้องมีการเลื่อนตารางการชำระสินเชื่อออกไป

“ที่ผ่านมาเราติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ และทีมงานของธนาคารทหารไทยได้หารือร่วมกับทีมงานของธนาคารไทยพาณิชย์อยู่เป็นประจำ ว่าจะมีแนวทางออกอย่างไร เนื่องจากเป็นการปล่อยกู้ให้กับคิง เพาเวอร์เป็นการร่วมกัน และเป็นวงเงินกู้หลายพันล้านบาท”

http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=45946

 :slime_sentimental:

น่าจะเป็นเผด็จการเต็มตัวนะ

เรื่องมาก็เอาบูทให้กินซะเลย

ผมไม่ได้เขียนนะครับ นั่นเป็นย่อข่าว high lightที่อยู่ในหน้าแรกของเวปไทยรัฐเอง ในหัวข้อเศรษฐกิจ รีบคลิ๊กเข้าไปดูซะก่อนที่ไทยรัฐจะเปลี่ยนหัวข้อ
http://www.thairath.co.th/