ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ปุถุชน ที่ 23-04-2007, 22:07



หัวข้อ: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 23-04-2007, 22:07
  "มัชฌิมา"เตือนมาตรการ คตส. อายัดทรัพย์ สถานการณ์พลิก
23 เมษายน 2550 18:31 น.
 มาตรการอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้อีกฝ่าย "สัก" ชี้ต้องดูก่อนว่ามีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์หรือไม่ ด้านอธิบดีดีเอสไอ แจงเรียกสอบพนักงานเอสซีแอสเสท ปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น ยันทำหน้าที่ตรงไปตรงมาไม่กลัว "ทักษิณ" กลับมาแก้แค้น

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีแนวคิดที่จะใช้อำนาจตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ที่มอบอำนาจให้ คตส.ใช้กฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการสอบสวนและอายัดทรัพย์สินชั่วคราว หากพบว่าเรื่องที่สอบสวนเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมาย ปปง.โดยเฉพาะคดีหุ้นชินคอร์ปที่พบว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษี ว่า  ส่วนตัวไม่ตามเรื่องนี้จึงไม่ขอออกความเห็น ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ต้องดูที่เหตุผล ถ้าเหตุผลที่จะใช้ในการยึดทรัพย์ออกมาไม่ดี ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความสงสารแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สิ่งต่างๆ ก็อาจกลับตาลปัตร แทนที่จะดี ก็กลายเป็นเสียไปหมด

 ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกคณะทำงานบริหารจัดการพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า มีความพยายามอย่างชัดเจนที่จะใช้องค์กรอิสระมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง หากใช้กฎหมาย ปปง.มาเล่นงานก็ต้องเป็นไปตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการที่จะมาอายัดทรัพย์ก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่ามีความผิดตามมูลฐานใดบ้าง ถ้าไม่ผิดก็ไม่สามารถที่จะอายัดทรัพย์ได้ ซึ่งตนเป็นห่วงไม่อยากให้มีการดึงหรือใช้ ปปง.มาเป็นเครื่องมือในการเล่นงาน หรือกลั่นแกล้งทางการเมือง

นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในการประชุมใหญ่ คตส.วันนี้ จะมีการเสนอให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ปปง.อายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องในการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า ยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว และไม่แน่ใจว่าข่าวนี้มาจากไหน จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องการใช้อำนาจอายัดทรัพย์สินดังกล่าว แม้ว่า คตส.จะมีอำนาจในการบังคับใช้ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดด้วยว่า ขอบเขตการใช้อำนาจรวมถึงวิธีการที่เกิดขึ้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจนี้หรือไม่ ซึ่งหากต้องใช้ก็ต้องดูว่ามีพฤติการณ์ที่สื่อว่า จะยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือไม่

นายสัก กล่าวอีกว่า เกี่ยวกับการใช้อำนาจ คตส.เคยส่งเรื่องคดีบ้านเอื้ออาทรให้ ปปง. รับไปดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับเส้นทางการเงินต่างๆ แล้ว เนื่องจาก คตส.ไม่มีเวลามากพอ ในการดำเนินคดีนี้มากนัก ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่า ปปง.ได้อายัดทรัพย์สินแล้วหรือไม่

"เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นแอมเพิลริช ที่จะมีการนำเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ คตส. พิจารณาคงจะเป็นการตรวจสอบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับภาษี แต่ในส่วนการตรวจสอบการกระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ" นายสัก กล่าว

 
http://www.komchadluek.net/2007/04/23/a001_109763.php?news_id=109763



ความคิดเห็นแบบ"มัชฌิมา"ของสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 23-04-2007, 22:30
ขายหุ้น ไม่เสียภาษีไม่เป็นไรไม่ทักท้วง พร้อมสนับสนุน

แต่พอไปบังคับให้เสียภาษีมีค่าปรับ ดันบอกถูกกลั่นแกล้ง 

กรรม.... :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: monty ที่ 23-04-2007, 22:38
ดูจากรายการคุ้ยข่าว ช่อง 9 วันนี้  เห็นบอกว่า ล่าสุด ได้มีการประเมินภาษีและค่าปรับเรียกเก็บจากแอมเปิ้ลริชกรณีการโอนขายหุ้นถึงสองหมื่นกว่าล้าน
ซึ่งลูกโอ๊คและเอม สองกรรมการใหญ่ต้องเป็นผู้รับภาระ

นี่และหนา  ซุกหุ้น เลี่ยงภาษีเก่งจนได้ดี สมกับที่ชอบโม้ว่ารักชาติ ทำอะไรตรงไปตรงมาซะจริง

แต่ข่าวนี้คงสร้างคะแนนสงสารได้จากม๊อบ PTV อีกตรึม  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 23-04-2007, 22:57
ยังมีคนถามหาว่าทักษิณผิดอะไรอยู่เลย  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 23-04-2007, 23:28
 
"แอมเพิลริช"อ่วมภาษีนิติบุคคล2หมื่นล้าน
23 เมษายน 2550 19:32 น.
 แอมเพิลริชอ่วม คตส.ฟัน ภาษีนิติบุคคลกว่า 2 หมื่นล้าน ฐานปลอมเป็นฝรั่งหัวดำ “โอ๊ค-เอม” ซีด จ่ายซ้ำในฐานะกรรมการบริษัท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.40 น วันที่ 23 เม.ย. นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทแอทเพิลริช อินเวสต์เมนต์ จำกัด โดยที่ประชุมมีมติเห็นส่งหนังสือให้กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีบริษัทแอมเพิลริช เนื่องจากบริษัทแอมเพิล ริช ต้องเสียภาษีในฐานะเป็นการประกอบกิจการในประเทศไทย ทั้งเงินปันผล เงินได้จากการขายหุ้น และการจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศ และภาระปลอดหนี้ คตส. จึงเห็นควรเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัท แอมเพิล ริช หรือ กรรมการบริษัทแอมเพิล ริชในขณะเกิดหนี้ภาษี คือ นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพินทองทา ชินวัตร ในฐานะเป็นกรรมการบริษัท

นายวิโรจน์ กล่าวว่า สรุปจำนวนภาษีที่บริษัทแอมเพิลริชจะต้องรับผิดชอบ จำนวนทั้งสิ้น 20,879,290,119.09 บาท แบ่งเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ คือ เงินปันผล เงินขายหุ้นชินคอร์ป ภาระปลอดหนี้ 2542 - 2549 แยกเป็นภาษีจริงจำนวน 5.22 พันล้านบาท เบี้ยปรับจำนวนสองเท่าจำนวน 10.44 พันล้านบาท และเงินเพิ่ม 723 ล้านบาท รวมเป็นเงินภาษีทั้งสิ้น 1.64 หมื่นล้านบาท และเงินเพิ่มพิเศษเนื่องจากไม่ยื่น ภงด.51 ถึง 3 รอบปีบัญชี ซึ่งตามประมวลรัษฎากร กำหนดไว้ในมาตรา 67 ตรี ให้นิติบุคคลที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ในแต่ละรอบปีบัญชี ต้องเสียเงินเพิ่มในแต่ละปี อีก 20 % ของภาษีเงินได้ในปีนั้น รวมเป็น 512 ล้านบาท

นายวิโรจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีภาษีเงินได้จากการจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศ กว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแอมเพิลริชนำเงินปันผลส่งออกต่างประเทศตลอดเวลา จึงต้องเสียภาษีส่วนนี้อีก 7% เป็นเงินจำนวน 1.26 พันล้าน พร้อมเบี้ยปรับสองเท่าเป็นเงิน 2.52 พันล้านบาท เงินเพิ่ม 200 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3.98 พันล้านบาท

 นายวิโรจน์ กล่าวว่า เนื่องจากแอมเพิล ริช ถ่ายเทผลประโยชน์ในหุ้นชินคอร์ปให้กรรมการคือบุตรชายบุตรสาว นายกฯ เป็นพิเศษ ถือเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่บริษัทไม่ได้หักไว้ ณ ที่จ่าย แอมเพิล ริช จึงต้องเป็นลูกหนี้ร่วมในหนี้ภาษีรวม 6.53 พันล้านบาท รวมยอดหนี้ภาษีในส่วนเงินได้ แอมเพิล ริช ที่จะต้องจ่ายภาษีรวม 20,879 ล้านบาท โดย คตส.จะสรุปรายงานส่งให้กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีภายในเร็วๆ นี้ โดย บริษัทเอมเพิลริช สามารถอุทธรเพื่อต่อสู้คดีได้โดยวางหลักทรัพย์ค้ำประกันในการต่อสู้ โดยหลักทรัพย์ค้ำประกันขึ้นอยู่กับยอดภาษีที่กรมสรรพากรต้องประเมิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนต่อจากนี้คณะอนุกรรมการฯจะดำเนินการอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า จะส่งตัวเลขฐานการประเมินภาษีที่สรุปจากบริษัทแอมเพิลริชฯในฐานะนิติบุคคลไปให้กรมสรรพากรประเมินจัดเก็บต่อไป ส่วนโทษทางคดีอาญา ทาง คตส.กำลังพิจารณาดูในรายละเอียดอยู่ เพราะยังไม่สามารถสรุปได้ทั้งหมด เนื่องจากยังมีกรณีที่เกี่ยวกับการการซื้อขายหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปอีก 2-3 กรณีแยกย่อยที่ยังต้องตรวจสอบ

นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ถือเป็นบทเรียนให้ไปสอนลูกสอนหลานว่า หากทำถูกต้องตามกฎหมายซื้อขายหุ้นจริงโดยเสียภาษีเพียง 6.48 พันล้านบาท แต่กลับมีพฤติกรรมไปจดแจ้งเป็นบริษัทฝรั่งหัวดำ ใช้ชื่อลูกมาทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นโดยอ้อม แถมได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นในราคาหุ้นละ 1 บาท จากราคาหุ้นละ 49.25 บาท ถือว่าได้รับประโยชน์พิเศษ 48.25 บาทต่อหุ้น เท่ากับตัวเองเป็นกรรมการบริษัท สั่งให้บริษัทขายหุ้นให้ตัวเองในราคาหุ้นละ 1 บาทไม่มีกฎหมายใดในโลกยอมรับได้ที่ซื้อเองขายเองอย่างนี้ จึงต้องเสียภาษีในฐานะผู้ซื้ออีก 6.53 พันล้านบาท เมื่อรวมกับยอดปรับในการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นในฐานะนิติบุคคลของบริษัทแอมเพิลริชฯ อีก 20.89 หมื่นล้านบาท หรือ 4.5 เท่าของการประเมินเสียภาษีจริง ยอดประเมินภาษีจึงสูงถึง 27.42 พันล้านบาท เป็นตัวอย่างของการเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ทั้งหมดนี้คือผลงานของผู้เป็นบิดามารดากับนักวางแผนภาษีตระกูลชินวัตร โดยคิดวางแผนเป็นขั้นตอนก็ต้องพบชะตากรรมเช่นนี้

นายแก้วสรร กล่าวว่า การพิจารณาประเมินเรียกภาษีบริษัทแอมเพิลริชครั้งนี้ยังไม่มีการพิจารณาอายัดทรัพย์สิน เพราะการจะอายัดได้นั้นต้องมีการเรียกเก็บภาษีจากรมสรรพกร โดยไม่มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงต้องมีการอายัดทรัพย์สินไว้ก่อน เพื่อไปต่อสู้พิจารณาในชั้นศาล กับกรณีการพิสูจน์ได้ว่าการกระทำทั้งหมดพบพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติหลังจากเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งขณะนี้ คตส.ยังไม่ได้วินิจฉัยเรื่องความร่ำรวยผิดปกติ

เมื่อถามว่า จากพฤติกรรมการยักย้ายถ่ายโอนผลประโยชน์และมีการหลบเลี่ยงการเสียภาษีจนทำกำไรให้ครอบครัวชินวัตรสูงถึง 7.3 หมื่นล้านบาท ถือว่าเข้าข่ายการทุจริตหรือร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และต้องมีการยึดหรืออายัดทรัพย์หรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า คตส.ยังไม่มีคำวินิจฉัยใดๆ ในกรณีนี้ว่ามีทรัพย์สินงอกเงยขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ ขณะนี้เราเพียงแต่ชี้มูลในกรณีการหลบเลี่ยงภาษีทั้งในส่วนผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน

เมื่อถามย้ำว่า การยักย้ายถ่ายโอนหุ้นและทรัพย์สินของครอบครัวชินวัตร ถือว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า การรวบเร็วหรือรวยผิดปกติคงไม่ใช่ เพราะเขารวยอยู่แล้ว แต่เราต้องถามว่า หุ้นที่เขาขาย 7.3 หมื่นล้านบาท สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิสมควรหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินที่ได้มา ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่สมควร ทรัพย์ก้อนนี้จึงถือว่าร่ำรวยผิดปกติ แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำวินิจฉัยของ คตส.ใดๆ ทั้งสิ้นในส่วนนี้
 
 
http://www.komchadluek.net/2007/04/23/a001_109809.php?news_id=109809


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 23-04-2007, 23:29



ออกมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญยังไม่ผ่านการลงประชามติ ไม่เร็วไปหน่อยหรือครับ..เห็นออกมาฟันธง

http://forum.serithai.net/index.php?topic=13510.0

คงอึดอัดกับลูกกลุ่มเต็มที ... ฮากันหน่อยดีกว่าครับ...

สมศักดิ์ควรสงบปากสงบคำแล้วเว้นวรรคไปดีกว่า  เจ็บตัวน้อยที่สุดแล้ว..
                                                                                                          :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 23-04-2007, 23:37
ขออภัย.... ที่ต้องบอกว่า เบื่อพวกรักชาติจนน้ำลายสอ

เรื่อง แอมเพิลริช ผิดอยู่เห็นๆ หากรัฐบาลนี้เอาผิดกับแอมเพิลริชไม่ได้

ก็แปลว่า ไม่มีน้ำยา แถมลืมสาวถึง "ขนมจีน" คือกรรมการตลาดหลักทรัพย์


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 24-04-2007, 00:01
ไปดูที่ไฮทะสิน
ช่วงนี้มาแนวพระเอกลิเกจ๋า
ชีวิตเศร้าเคล้าน้ำตา
ยังกะบ้านทรายทอง
หรือบ้านที่อังกฤษชื่อ Golden Sand Palace ก็ไม่รู้


อย่าคิดมาก Palace ก็วังไง
เหมือนวังจันทร์ส่องหมาน่ะแหละ :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-04-2007, 12:32
พอดีได้มีโอกาสรับทราบมาว่า วงการตุลาการโดยเฉพาะบรรดาผู้พิพากษาอาวุโสต่างพากันไม่เห็นด้วยที่จะมีการยึดทรัพย์เพราะการกล่าวหาที่ปราศจากการพิพากษาของศาลนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งในศรัทธาของปชช.ต่ออำนาจตุลาการ แม้ว่าจะมีพวกซ่าส์ๆใน คตส. พยายามบีบให้มีการยึดทรัพย์ก็ตามแต่....อำนาจตุลาการก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเล่นด้วย


พวกพันธมารก็เปรี้ยวไปก่อนล่ะกานน๊ะ  ฮ่าๆๆๆ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 24-04-2007, 12:56
พอดีได้มีโอกาสรับทราบมาว่า วงการตุลาการโดยเฉพาะบรรดาผู้พิพากษาอาวุโสต่างพากันไม่เห็นด้วยที่จะมีการยึดทรัพย์เพราะการกล่าวหาที่ปราศจากการพิพากษาของศาลนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งในศรัทธาของปชช.ต่ออำนาจตุลาการ แม้ว่าจะมีพวกซ่าส์ๆใน คตส. พยายามบีบให้มีการยึดทรัพย์ก็ตามแต่....อำนาจตุลาการก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเล่นด้วย


พวกพันธมารก็เปรี้ยวไปก่อนล่ะกานน๊ะ  ฮ่าๆๆๆ :slime_smile2:

โถถถถถถ....น่าฉงฉานจังที่รายการ "ดุ้นไม้แกะรอยฯ" ดังกล่าวถูกเฉดหัวออกไปจากช่อง 5 สงสัยว่าคนคงโทรไปด่าช่อง 5 กันจนสายไหม้ที่ดันเอารายการห่วยๆมาออน-แอร์ ท่าทางคงพ่ายเรทติ้ง "ขำกลิ้งลิงกะหมา" แบบไม่เห็นฝุ่นแหงๆแบบนี้


ฮ่าๆๆๆๆ.....ชอบทำไรเชยๆแบบนั้นก็สมควรและสมน้ำหน้าอย่างแรง  :slime_smile2:

555..

ขำครับท่าทาง อะไรจ๊ะ  นี้จะมีดีแค่ตรงสักแต่มั่วเก่งอย่างเดียว...

เพราะอะไรน่ะหรือ..

เพราะเมื่อวานผมเพิ่งดูรายการนี้ ทางช่อง ๕เองครับ..


ที่ทางรายการ เขาเอา พี่ม่อน (โดราเอม่อน..)

 มานั่งเครื่องไทม์เเมชชีน เพื่อเเสดงการย้อนเวลา เพื่อให้เห็นว่าการกระทำแก้ไขข้อมูลของเหลี่ยมันเป็นแบบไหน.. ที่เมื่อผิดก็ขอแก้ไขข้อมูลเรื่องหุ้นตลดศก..
 
จนทำให้ผมล่ะฮา จนเกือบหายใจไม่ทัน..555
 



ฉะนั้นไอ้หน้าไหนที่บอกว่าเขาถอดรายการก็เเสดงว่ามันมั่ว..


ว่าแต่..

เรื่องแค่นี้มันยังกล้ามั่วข้อมูล...


และนับประสาอะไรกะเรื่องอีก๑๐๘มันจะไม่มั่ว..555


เอ้าเจ้าค่าเอ้ยย..มาดูคนมั่วข้อมูลกันเร็ว...

มุกเดิมๆใช้จนเฟ้อไปหมดแล้ว
เปลี่ยนมุกบ้างนะครับคุณจ๊ะสองมาตรฐาน


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 24-04-2007, 17:23
ยังมีคนถามหาว่าทักษิณผิดอะไรอยู่เลย  :slime_hmm:

จงใจเลี่ยงภาษีเป็นเรื่องของธุรกิจ ใครๆก็ทำ โกงแต่มีเงินมาให้หมุนกูก็จะเลือกเฟร้ยย  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 24-04-2007, 20:19
เหตุผลนี้ของ คตส ง่ายเหลือเกิน ถ้าใช้การได้จริง ก็ควรจะฟ้องได้ตั้งแต่เดือนแรกหลังการปฏิวัติ
แต่ที่ไม่ฟ้อง เพราะเชื่อกันว่าใช้ไม่ได้ เนื่องจากแอมเพลริชจดทะเบียนอยู่นอกประเทศ จะเก็บภาษีในกรณีที่ว่าไม่ได้
ตอนนี้ คตส เอาเหตุผลเก่าแก่ ที่แทบจะเป็นเหตุผลแรกสุด มาปัดฝุ่นใช้ฟ้องเก็บภาษี
แต่ดัดแปลงหน่อยว่า แอมเพอลริช ทำธุรกิจในไทยจึงควรเก็บภาษีได้

...ช่างง่ายดายอะไรปานนั้น ไม่รู้ว่า คตส เสียเวลางมหาอะไรอยู่ตั้งครึ่งค่อนปี

ความเห็นนักกฎหมายแม้จะเป็นพวกเชียร์ทักษิณ แต่ค่อนข้างมีเหตุผลว่า
เหตุผลแบบนี้เมื่อถึงศาล ทักษิณน่าจะชนะ เพราะคงจะหักหาญตัดสินให้ผิดได้ยาก
มีคนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น คตส หรือ คมช กำลังวางเดิมพันอะไรหรือเปล่า
หรือเห็นว่าเวลากำลังหมดลง เพราะประชาชนหมดความอดทน
หรือแค่หวังผลทางจิตวิทยา เนื่องจากฝ่ายสนับสนุนทักษิณกำลังรุกหนัก
หรือว่าฟ้องเพื่อจะใช้เป็นเหตุผลในการขออายัติทรัพย์ ตามประเด็นของกระทู้


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 24-04-2007, 21:02
คุณ กาลามชน

คตส เขาเพิ่งเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาเข้าไปคุยกันอยู่ ตกข่าวรึเปล่า  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 24-04-2007, 22:10
คุณนนท์ อย่าเชื่อแต่ข่าวที่ผู้มีอำนาจอยากให้คุณรู้เลย เพราะคุณจะประมาณสถานการณ์ผิด
ถ้าเหตุผลทางภาษีที่แสนจะง่ายนี้ ใช้การได้จริง ทำไมถึงไม่ฟ้องไปตั้งแต่เดือนแรก
ผมคิดว่าไม่ได้เรื่องดอก เรียกผู้ถุกกล่าวหาไปพบ ก็คงจะเท่านั้น
ส่วนสรรพากรก็คงต้องจำใจรับ ไม่งั้นจะโดนฟ้องไปด้วย
แต่พอคดีไปถึงศาล น่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผมเดาไม่ถูกว่า คตส ฟ้องแบบเสียไม่ได้ไปทำไม
อาจจะเพื่อหาเหตุอายัดทรัพย์ตามกระทู้ก็เป็นได้


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 24-04-2007, 22:33
อ่านข่าวแล้ววิเคราะห์ต่อครับ เอาจากหลายแหล่งมาประเมินต่อ

อัยการส่งฟ้องไปแล้วบางคดีครับ ตอนศาลค่อยดูต่อไปอีกที

นายกประกาศจะให้เลือกตั้ง มีการกำหนดระยะเวลาการร่างรธน

อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอม พยายามปลุกกระแสให้ได้

ส่วนหนึ่งก็เพราะลูกพี่โดนไปหลายดอกนี่แหละครับ

** คุณ กาลามา อ่านข่าวจากแหล่งไหนหละ ??   :mozilla_cool:





หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 24-04-2007, 22:50
ผมคิดว่าที่คลื่นใต้น้ำมาแรง เพราะมีแนวร่วม เขาทนใจเย็นรอให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจไม่ไหว
แค่หกเดือนก็ใกล้ม้วย ถ้ารอให้รับบาลบื้อแล้วขยันบริหารต่อไปอีกหกเดือน หลายที่คงล้มละลายพอดี
เขาจึงต้องช่วยกันหาทางช่วยกันล้มรัฐบาลนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อประเทศชาติ ไม่เกี่ยวกับที่คุณทักษิณโดนหรอก


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 24-04-2007, 23:25
PTV เนี่ยนะ ไม่เกี่ยวกับทักษิณ  :mrgreen:

* mob อื่นๆผมว่าไม่มีอะไรเท่าไหร่ เพราะพอ ptv มา วิ่งเข้าหา ptv หมด

รู้หมดว่าต้องการอะไร

... ส่วนเรื่องพระนี่เป็นประเด็นใหม่อีกเรื่องหนึ่ง แต่การเกี่ยวพันต้องว่ากันอีกที


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 25-04-2007, 09:11
หุ้นชิน ฯ เป็นหุ้นที่อยู่ในประเทศไทย ทั้งใบหุ้น และ ตัวกิจการ..........คุณกาลามชน คงต้องไปศึกษาเรื่องประมวลรัษฏากรใหม่แล้วครับ..........ทักษิณ รวมทั้ง คนในตระกูล และ ทนาย พูดเองว่า เป็นการโอนหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ หรือว่าผมเข้าใจผิดไปว่าเป็นการโอนหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย......จริง ๆ แล้ว อาจเป็นการโอนหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ BV ........ :slime_bigsmile:

ด้วยสามัญสำนัก ของคนที่มีการศึกษาอย่างคุณ กาลามชน คิคว่า มีการโกงภาษีกันหรือไม่.......การจดทะเบียนบริษัทฯ แอมเพิ้ลริช ในหมู่เกาะ บริติชเวอร์จิ้น เป็นการจดทะเบียนที่มีเจตนาซ่อนเร้นหรือไม่ บรรดาบริษัทฯ ต่าง ๆ ที่มีความโปร่งใส ไปจดทะเบียนกันที่นั้นหรือปล่าว...............แต่ถ้าหากคุณกาลามชน บอกว่าเป็นรากแก้ว ผมจะไม่แปลกใจอะไรและจะเชื่อว่าโดยบริสุทธิ์ใจว่า คุณกาลามชนไม่เข้าใจจริง........เพราะ คนที่น่าเห็นใจเหล่านั้น ถูกท่านเทพ ทักษิณหลอกมาตลอดอยู่แล้ว



 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 25-04-2007, 09:24
ถ้าเขาเลี่ยงภาษีเป็นหมื่นล้าน เราจะเสียแค่ร้อยแค่พันทำไม?
 
25 เมษายน พ.ศ. 2550 00:01:00
 
(นาย ก. ถามหาความเป็นธรรมของสังคมจากอดีตนายกฯ)

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :    ถ้าครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ และเคยมีอำนาจปกครองบ้านเมืองสูงสุดต้องเจอหลักฐานว่าเป็นหนี้ค้างภาษีกว่า 2 หมื่นล้านบาทจากการทำรายได้มโหฬาร (กว่า 7 หมื่นล้าน) เพราะเอาสัมปทานของรัฐ (ซึ่งแปลว่าเป็นของพวกเราทั้งหมด) ไปขายให้สิงคโปร์ ก็ต้องให้ได้รับรู้กันทั่วว่า

ครอบครัวนี้ไม่ได้มีปัญหากับกรมสรรพากร หรือคณะกรรมการ คตส. หรือกับหน่วยงานของรัฐหน่วยใดหน่วยหนึ่งเท่านั้น

แต่เขาต้องมีปัญหากับเรา - ประชาชนผู้เสียภาษีคนอื่นๆ ทั้งประเทศด้วย


เพราะถ้ารัฐตรวจสอบเพื่อเก็บภาษีจากชาวบ้านอย่างพวกเราอย่างเคร่งครัดและละเอียดยิบ ทำไมกับครอบครัวที่รวยที่สุดของประเทศ ที่แสดงความร่ำรวยอย่างออกหน้าออกตามาตลอด (ซื้อบ้านในประเทศและเมืองนอกเป็นร้อยล้านพันล้าน ซื้อทีมฟุตบอลต่างประเทศ ซื้อทุกอย่างที่ขวางทางการเมือง) จึงไม่ทำหน้าที่เก็บภาษีเพื่อนำมาให้ประเทศที่กำลังมีงบประมาณขาดดุลให้ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์

ความเป็นธรรมของสังคมจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกฎหมายล้วงเข้าไปถึงคนที่มีอิทธิพลที่สุด มีเงินมากที่สุด มีลูกเล่นของการทำเงินจากช่องโหว่ของกฎหมายมากที่สุด เหมือนกับที่คนของทางการเอาเรื่องกับคนเดินถนนทำมาหากินอย่างสุจริต และเสียภาษีทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องเสีย

ประเด็นเรื่องการใช้วิธีการอ้อมโลกเพื่อจะขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับเทมาเส็ก ของสิงคโปร์เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษีของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทยนั้นต้องมีการเปิดเผยและย้อนรอยไปให้ละเอียด...เพราะเราในฐานะเจ้าของประเทศร่วมกันต้องเรียกร้องให้คนที่ได้เปรียบสังคมอยู่แล้วทำหน้าที่เสียภาษีของตัวเองและครอบครัวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

หาไม่แล้ว ใครจะเขียนรัฐธรรมนูญให้สวยหรู และจะวาดภาพว่าจะสร้างสังคมไทยใหม่อย่างไรก็มิอาจจะเชื่อได้

คุณแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะเลขานุการ คตส. (คณะกรรมการชุดนี้สอบสวนทุกเรื่องที่ "สร้างความเสียหายต่อรัฐ" นะครับ...ไม่ใช่เพียงแค่ว่าจะตีความกฎหมายสรรพากร ณ ช่วงที่ทักษิณ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในประเทศหรือไม่) บอกว่า คตส. มีเหตุเชื่อได้ว่ากระบวนการให้บริษัท Ample Rich ถือหุ้นแทนครั้งนี้ทำไปเพื่อให้หุ้นชินคอร์ปของครอบครัวชินวัตรจำนวน 11.2 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท "หลุดพ้นจากเงื้อมมือของกฎหมายภาษีของไทย"

"หลุด" อย่างไร? ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะถ้าบริษัท Ample Rich ขายหุ้นโดยตรงให้กับเทมาเส็ก อาจจะต้องเสียภาษีหลายพันล้านบาท

เขาทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องทำหน้าที่เสียภาษีทั้งๆ ที่ร่ำรวยหนักหนา?

คุณแก้วสรร เฉลยว่า "ความพยายามของบริษัท Ample Rich ที่ขายหุ้นให้นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ก่อน...ถือเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงภาษี"

อย่าลืมว่า คตส.ได้วินิจฉัยไปก่อนหน้านี้แล้วว่าการขายหุ้นครั้งแรกมีผลทำให้บุตรชาย และบุตรสาวของทักษิณ ต้องเสียภาษี

ผลการสอบสวนบ่งชี้ชัดว่า หากทำตามกฎหมายทุกประการ นั่นคือยอมรับว่ามีการประกอบกิจการในไทย และขายหุ้นตรงไปตรงมาให้กับเทมาเส็ก บริษัท Ample Rich จะมีภาระต้องเสียภาษีที่ต้องจ่ายจริง 6.48 พันล้านบาท ส่วนลูกทั้งสองของทักษิณ ไม่ต้องเสียภาษีเพราะไม่มีเงินได้

แต่เมื่อนำชื่อลูกทั้งสองของทักษิณ มาซื้อหุ้นในราคาถูก (ถูกอย่างที่ไม่มีสุจริตชนคนไหนจะเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติ) จึงต้องเสียภาษีไปด้วย

คุณแก้วสรรบอกว่า คตส. คำนวณตัวเลขอย่างครบถ้วนแล้ว ครอบครัวชินวัตรจะต้องจ่ายภาษีในส่วนนี้รวมแล้วกว่า 20,000 ล้านบาท

ถามว่าทำไม คตส.ไม่อายัดทรัพย์ของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อความกระจ่างชัดและให้แน่ใจว่าจะไม่มีการใช้ความเป็นศรีธนญชัยเพื่อหลบเลี่ยง หรือเพราะในสังคมไทยนั้นใครมีเงินมากก็มีอิทธิพลมาก...และชาวบ้านผู้เสียภาษีอย่างสุจริตอย่างพวกเราก็จะกลายเป็น "พวกไอ้งั่ง" ที่หลบภาษีไม่เป็น

คุณแก้วสรร อธิบายว่าการใช้อำนาจกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการอายัดทรัพย์นั้นมี 2 ฐาน

คือฐานกฎหมายภาษี...หากผู้ถูกเรียกภาษีไม่ยอมจ่ายภาษีตามที่กรมสรรพากรประเมินไป

แต่ถ้าผู้ถูกเรียกเก็บภาษีต่อสู้ข้อกล่าวหา และวางหลักประกัน ไม่สามารถอายัดทรัพย์ได้

อีกฐานหนึ่งคือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยเฉพาะพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ และพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน

คุณแก้วสรร บอกว่า ที่ผ่านมา คตส. ยังตรวจไม่พบพฤติกรรมใดๆ เช่นว่านี้ ดังนั้น อำนาจในการอายัดทรัพย์จึงไม่มีการใช้ในขณะนี้

แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช้อำนาจนั้นในอนาคต  

ต้องถือว่านี่เป็นเรื่องที่คนไทยผู้เสียภาษีทุกคนต้องถือว่าเป็นคดีตัวอย่างของความแตกต่างแห่งความสำนึกต่อชาติบ้านเมือง

เราผู้เสียภาษีทั้งประเทศจะต้องถือว่าตระกูลที่รวยที่สุดเป็น "คู่กรณี" เรื่องภาษีกับเราอย่างแน่นอน  

กาแฟดำ

http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/25/WW12_1238_news.php?newsid=65754


หรือว่าคุณกาลามชน ไม่เคยเป็นผู้เสียภาษี จึงไม่ได้เป็นคู่กรณีกับ ตระกูลชินวัตร

 :slime_smile:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 25-04-2007, 11:45
ควรทราบว่า คตส คิดหาแนวทางจะเก็บภาษีครอบครัวชินวัตรไว้หลายแง่มุม หลายประเด็นมาก ซึ่งก็คงได้อ่านกันไปมากแล้ว อ่านกันจนมึนไปเป็นวันๆ

แต่วันนี้ คตส สรุปแล้ว เลือกเหตุผลอย่างหนึ่งมาเรียกเก็บภาษี ก็ควรดูตามข้อสรุปของวันนี้นะครับ แนวทางที่ไม่ใช่ข้อสรุปของวันนี้ ควรเลิกพูดถึงได้แล้วเพราะ คตส ไม่ใช้แล้ว ถ้าจะถกความรู้แบบสร้างสรรก็ไม่ควรลากโยงแง่มุมอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นแนวคิดแบบลองผิดลองถูกของ คตส ในช่วงที่กำลังคิดหาช่องทางมากล่าวถึงอีก เพราะจะทำให้คนอื่นสับสน รวมทั้งตัวคนที่นำมาเสนอเองก็จะสับสนด้วย

ดูข่าวไทยรัฐวันนี้ "นายศานิตกล่าวว่า  ที่ผ่านมาฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากรไม่ได้พิจารณาถึงประเด็นที่ คตส.ชี้มูลว่า เจ้าของบริษัทที่เป็นคนไทย แต่มีบริษัทอยู่ในต่างประเทศอย่างเช่น บริษัทแอมเพิล ริช ต้องมีหน้าที่ในการเสียภาษีให้กรมสรรพากรไทย แต่เมื่อมีการชี้มูลความผิดออกมาเช่นนี้ คณะกรรมการจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบว่าภาระภาษีที่ขึ้นเป็นจริงเป็นตามที่ คตส.ชี้มูลหรือไม่"

อธิบดีกรมสรรพากรยังมึนอยู่ ยังนึกไม่ออกว่าเข้าข่ายอะไร

ปล. ปีนี้ผมเสียภาษีสามแสนหกหมื่นสี่พันฯ


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเũ
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 25-04-2007, 18:28
ถ้าไม่พยายามเข้าใจ ก็ไม่มีทางเข้าใจหรอกครับ..........กรณีที่เลือกอย่างใด อย่างหนึ่ง คือ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย กับ ภาษีเงินได้จากการขายหุ้น ของโอ๊ก เอม เรื่องนี้จบไปแล้วครับ โดนแหง๋.........ส่วนอีกกรณี ที่กำลังพิจารณาเพิ่มคือ ...................


"แก้วสรร" ยันไม่ได้เก็บภาษีเอ็มเพิลริชซ้ำซ้อน แต่เป็นการลงโทษทางภาษี
วันที่ 25 เม.ย 2550

วันนี้ (24 เม.ย.) นายแก้วสรร อธิโพธิ เลขานุการ คตส. กล่าวถึงกรณีที่คตส.มีมติให้กรมสรรพกรจัดเก็บภาษีจากบริษัทแอมเพิลริชฯ เป็นเงินจำนวน 2 หมื่นกว่าล้านบาท ว่า ไม่ได้เป็นการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน ตามที่ทนายความของครอบครัวชินวัตรกล่าวอ้างแต่อย่างใด เพราะการพิจารณาและการตรวจสอบของ คตส. มีหลักฐานและเหตุผลที่สามารถชี้แจงได้ โดยเฉพาะการที่บริษัทแอมเพิลริชฯ นำหุ้นราคา 49 บาทไปขายในราคาหนึ่งบาท เป็นการลงโทษทางภาษีไม่ใช่เป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน  
 

55555  "นำหุ้น ราคา 49 บาท ไปขายในราคา 1 บาท.......ไม่ได้เลี่ยงภาษีซะหน่อย.... :slime_bigsmile:


ยังอยู่ที่คำถามเดิม
"ด้วยสามัญสำนัก ของคนที่มีการศึกษาอย่างคุณ กาลามชน คิคว่า มีการโกงภาษีกันหรือไม่.......การจดทะเบียนบริษัทฯ แอมเพิ้ลริช ในหมู่เกาะ บริติชเวอร์จิ้น เป็นการจดทะเบียนที่มีเจตนาซ่อนเร้นหรือไม่ บรรดาบริษัทฯ ต่าง ๆ ที่มีความโปร่งใส ไปจดทะเบียนกันที่นั้นหรือปล่าว...............แต่ถ้าหากคุณกาลามชน บอกว่าเป็นรากแก้ว ผมจะไม่แปลกใจอะไรและจะเชื่อว่าโดยบริสุทธิ์ใจว่า คุณกาลามชนไม่เข้าใจจริง........เพราะ คนที่น่าเห็นใจเหล่านั้น ถูกท่านเทพ ทักษิณหลอกมาตลอดอยู่แล้ว"

ปล. คุณกาลามชน ยังเสียภาษีมากกว่าคนที่ขายหุ้น 73,000 ล้าน.....อีกเน๊อะ



หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 25-04-2007, 19:42
ไม่รู้สิครับพี่ 5555  ถ้าอยากเอา SHIN เข้า nasdaq จริงๆ  ไปจดทะเบียนตั้ง nominee ที่อเมริกาก็ได้ ขั้นตอนยุ่งยากน้อยกว่าที่ BVI ซะอีก

ทำไมต้องไปตั้งบริษัทกระดาษบนเกาะด้วย ??


ปล. คนรากแก้วเขาไม่ได้โง่นะครับ  เขาฉลาดที่จะเลือกคนที่ให้ผลประโยชน์เขาได้มากที่สุด 
ส่วนเรื่องความเลว เขาก็สามารถเข้าใจได้  แต่จะทำความเข้าใจไปทำไม สู้อ้างคำว่า รากแก้ว แกล้งโง่หาผลประโยชน์ดีกว่าครับ


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 25-04-2007, 20:53
  'นาม'เตรียมส่งฟ้อง'พจมาน'ต่อศาลฎีกาแผนกคดีการเมือง
 
25 เมษายน พ.ศ. 2550 18:07:00
 
“นาม”เตรียมส่งฟ้อง"พจมาน"ต่อศาลฎีกาแผนกคดีการเมือง เนื่องจากอยู่ในฐานะคู่สมรสและสนับสนุนนักการเมืองกระทำความผิด พร้อมเร่งฟ้อง“จาตุรนต์”หมิ่นคตส. ฐานความผิดอาญาต่อแผ่นดิน

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า จะเร่งดำเนินการโดยจะฟ้องเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่ได้ฟ้องในนามส่วนตัว ซึ่งมีความแตกต่างกัน เนื่องจากถ้าฟ้องส่วนตัว สามารถยอมความได้ แต่เนื่องจากมีความเมตตา จึงฟ้องเป็นอาญาแผ่นดินแทน ซึ่งเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้

“การวิจารณ์คตส.สามารถทำได้ แต่จะต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ดูหมิ่น ซึ่งกรณีนายจาตุรนต์ ระบุว่า คตส.ทำงานเหมือนศาลเตี้ย ไม่ใช่การวิจารณ์ แต่ถือเป็นการดูหมิ่น และอยากให้บุคคลอื่น ๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์คตส. ควรระมัดระวัง ไม่ให้เป็นการดูหมิ่นด้วย” นายนามกล่าว

ประธานคตส.ยังกล่าวกรณีที่นายกรัฐมนตรี จะเชิญให้ไปร่วมประชุมครม.ว่า หากมีการเชิญมา ก็พร้อมที่จะไปก็คงได้พูดคุยกันถึงปัญหาอุปสรรคของอีกฝ่าย ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แต่ในส่วนของคตส. คงไม่เสนอให้ออกมติ ครม.ให้เอาผิดกับหน่วยงานที่ไม่ให้ความร่วมมือกับ คตส. ตามที่เคยเรียกร้องอีก เพราะใกล้หมดเวลาทำงานแล้ว สำหรับการต่ออายุ คตส.นั้น อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า จะต่ออายุไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ หรือจะขยายเวลาการทำงานไปอีก 3 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ คตส.ไม่มีข้อเสนอ เป็นดุลยพินิจของรัฐบาลเอง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) รับทราบแล้ว แต่คตส. ได้หารือกันไว้ว่า ในช่วงการต่ออายุจะไม่รับเรื่องเข้ามาพิจารณาเพิ่มอีก

นายนามยังระบุด้วยว่า ในการสรุปสำนวนของคตส.ที่จะส่งให้อัยการสูงสุดคตส.จะเสนอความเห็นให้สั่งฟ้องคุณหญิงพจมาน ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้ว่า คุณหญิงพจมานจะไม่ใช่นักการเมือง เนื่องจากเป็นภริยาของพล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองที่ห้ามไม่ให้คู่สมรสเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามกฎหมายปปช.มาตรา 100 (1) และคุณหญิงพจมานเป็นผู้สนับสนุนให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้กระทำความผิด และเป็นคู่สมรสกัน ซึ่งในทางกฎหมายถือว่าเป็นคน คนเดียวกัน และการกระทำความผิดโดยใช้อำนาจทางการเมือง จึงต้องส่งฟ้องคุณหญิงพจมานต่อศาลฎีกาด้วย
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/25/WW10_WW10_news.php?newsid=65982





หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: nick ที่ 25-04-2007, 21:00
รอมา7เดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า
มีแต่จะ จะ จะ อยู่นั่นแล้ว
 ประเดี๋ยวก็จะเป็นแบบ ตำรวจประกาศกร้าว ใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการกับ"หมอลำโชว์จิ๋ม"
"ปรับคนละ 500 บาท"....แบบนี้ต้มคนดูกันนี่หว่า...ฮ่วย :slime_hitted: :slime_hitted: :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 25-04-2007, 23:05
รอมา7เดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า
มีแต่จะ จะ จะ อยู่นั่นแล้ว
 ประเดี๋ยวก็จะเป็นแบบ ตำรวจประกาศกร้าว ใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการกับ"หมอลำโชว์จิ๋ม"
"ปรับคนละ 500 บาท"....แบบนี้ต้มคนดูกันนี่หว่า...ฮ่วย :slime_hitted: :slime_hitted: :slime_hitted:


 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 26-04-2007, 17:08
สรรพากร” งงหนัก คตส. ชงเก็บภาษีบริษัท แอมเพิลริช ส่อซ้ำซ้อน ตั้งทีมศึกษาด่วนหวั่นขัดกฎหมาย

นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรกำลังรอหนังสือจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่จะให้เก็บภาษีเงินได้ 2.2 หมื่นล้านบาท จากบริษัท แอมเพิลริช จากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ ชินคอร์ป หลังจากนั้นจะส่งให้คณะทำงานของกรมสรรพากรซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน ทั้งทางฝ่ายบัญชี ฝ่ายประเมินภาษี และฝ่ายตรวจสอบภาษี พิจารณารายละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เก็บซ้ำซ้อนกับกรณีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร เนื่องจาก เนื้อภาษีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการซื้อขายคราวเดียวกัน

นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การเก็บภาษีรายได้ แอมเพิลริชจากการขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329 ล้านหุ้น ในปี 2549 จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการซ้ำซ้อนกับการเก็บภาษีนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ที่มีรายได้จากการซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ป 329 ล้านหุ้น ในปี 2549 จากบริษัท แอมเพิลริช ทำให้มีเงินได้ 1.5 หมื่น ล้านบาท และ คตส.ให้กรมสรรพากรดำเนินการเก็บภาษีจากทั้ง 2 คนไปแล้วจำนวน 5.6 พันล้านบาท

“การเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าวน่าจะซ้ำซ้อน หากเก็บจากบุคคลก็ไม่ต้องเก็บจากบริษัท” นายสาธิต กล่าว

นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. กล่าวว่า กรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโต้แย้งผลการตรวจสอบว่าเป็นหลักเกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องตามกฎหมาย เนื่องจากมีการคำนวณภาษีซ้ำซ้อนนั้น ยืนยันว่าการตรวจสอบของ คตส.เป็นไปโดยสุจริต ไม่ได้มุ่งให้เกิดความเสียหาย แต่ต้องการนำเงินมาคืนแผ่นดิน ส่วนใครจะฟ้องร้อง ก็ฟ้องได้ทั้งนั้น

นายแก้วสรร กล่าวว่า บริษัท แอมเพิลริช เป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทนครอบครัวชินวัตร แต่การขายหุ้นชินคอร์ปตรงให้กลุ่มเทมาเซกจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี จึงซิกแซ็กไปลากเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ได้รับการยกเว้นภาษี

นายแก้วสรร กล่าวว่า แอมเพิลริชในฐานะผู้ขาย เอาหุ้นราคา 49 บาท ไปขายบาทเดียว ถือว่าให้ประโยชน์เขา ก็ต้อง ถูกเรียกเก็บเหมือนกัน แต่ตรงนี้เป็น การลงโทษทางภาษี ไม่ใช่เราไปเก็บ ซ้ำซ้อนอะไร

Post Today
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=162306


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 26-04-2007, 18:52
เรื่อง นายนพดล ออกมาพูดไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะ ถือว่าทำตามหน้าที่  นายนพดล ออกมาตอบโต้ แม้กระทั่ง ความเห็นของหม่อมเต่า ว่า ไม่รู้เรื่องภาษี โดยอาจจะลืมไปว่า หม่อมเต่าเป็นอดีต อธิบดีกรมสรรพากร.............ส่วนที่ว่าสรรพากร งงหนัก ผมเห็นสรรพากร งงตั้งแต่ ตอนยื่นเรื่องภาษีโอ๊ก เอม แล้วครับ

ไม่รู้สิครับพี่ 5555  ถ้าอยากเอา SHIN เข้า nasdaq จริงๆ  ไปจดทะเบียนตั้ง nominee ที่อเมริกาก็ได้ ขั้นตอนยุ่งยากน้อยกว่าที่ BVI ซะอีก

ทำไมต้องไปตั้งบริษัทกระดาษบนเกาะด้วย ??


ปล. คนรากแก้วเขาไม่ได้โง่นะครับ  เขาฉลาดที่จะเลือกคนที่ให้ผลประโยชน์เขาได้มากที่สุด 
ส่วนเรื่องความเลว เขาก็สามารถเข้าใจได้  แต่จะทำความเข้าใจไปทำไม สู้อ้างคำว่า รากแก้ว แกล้งโง่หาผลประโยชน์ดีกว่าครับ

คนรากแก้ว ไม่ได้โง่หรอกครับ แต่คนเหล่านี้มีชีวิต อยู่ด้วยความลำบาก วันๆ คิดทำมาหากินก็แย่แล้วครับ ไม่มีเวลามาสนใจกับเรื่อง วิธีโกงภาษีของเศรษฐีขี้เหนียวหรอกครับ

"พูดอีกทีก็ได้ เผื่อคุณกาลามชน ไม่รู้ ......บริษัท ฯ ที่ไปจดทะเบียน ที่ BVI ไม่มีทางเข้าไป list ใน nasdaq หรอกครับ เพราะเค้ารู้ดี ว่าบริษัท ฯ ที่ไปจดทะเบียน ที่ BVI เป็นพวกฟอกเงิน แทบทั้งหมด

เรื่องนี้ คนที่ดำเนินการให้ชินฯ อย่าง ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร คนที่หาเงินเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง โดยการ ให้คำแนะนำในการเลี่ยงภาษี รู้ดีอยู่แล้ว


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 26-04-2007, 19:35
ภาษีเป็นกติกาสังคม .. แต่ตัวบท "กติกาภาษี" ไม่ใช่หลักการของคุณธรรม
แล้วคุณธรรมเกี่ยวกับเรื่องการเสียภาษีอยู่ตรงไหน
การทำตามกติกา คือคุณธรรม .. ไม่ทำตามกติกา คือผิดคุณธรรม

การโกงภาษี คือมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่ทำตามกติกา เช่นปิดบังรายได้ ไม่แสดงรายได้ตามจริง ฝ่าฝืนกติกา ถือว่า ผิดคุณธรรม
แต่ถ้าใครมีรายได้ และทำตามกติกา คือเปิดเผยรายได้ แต่ใช้ประโยชน์จากความไม่รัดกุมของกติกา
หาช่องทางที่มีอยู่ในกติกา ที่บอกให้เสียภาษีแต่น้อย หรือให้ได้รับยกเว้นภาษี
อย่างนี้ไม่ถือว่าผิดกติกา เพราะกติกามันไม่รัดกุมเอง ไม่ผิดคุณธรรมนะครับ

ผมไม่คิดว่าคนเจ้าเล่ห์ ที่ใช้ความไม่รัดกุมของกติกา หาทางเอาเปรียบสังคม เป็นความเลว
แต่อย่างไรก็ตาม ผมถือว่าคนที่ใช้ความฉลาดเอาเปรียบเช่นนี้ ไม่ใช่คนดี
โดยสรุปคือ เขาไม่ใช่คนดีที่ควรจะยกย่อง แต่ก็ไม่ใช่คนเลว

เวลาเจอคนเจ้าเล่ห์ ใช้ประโยชน์จากความไม่รัดกุมของกติกาสังคมแบบนี้ ควรจะทำอย่างไร
ประเทศไทยเพิ่งจะเจอ แต่เรื่องเช่นนี้เคยเกิดในต่างประเทศมากมายหลายครั้ง
แล้วอารยะประเทศเขาทำอย่างไร
เขาแก้กติกาครับ ปิดช่องนั้น ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นทำตามอย่าง

แล้วคนที่ถือโอกาสใช้ช่องว่างจนเกิดเป็นเรื่อง จะทำอย่างไรดี

ส่วนที่เสียแล้วก็ต้องยอมเสียไปครับ ถือว่าเป็นตัวต้นบัญญัติ
ลองนึกถึงพระวินัยสิครับ วินัยแต่ละข้อ ส่วนใหญ่เกิดแบบวัวหายล้อมคอกทั้งนั้น
คือต้องมีภิกษุทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมขึ้นก่อน พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติวินัยขึ้นป้องกัน
ส่วนคนที่เป็นต้นบัญญัตินั้น พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ตอนท้ายเสมอว่า ผู้ที่เป็นต้นบัญญัติไม่ผิด

ผมคิดว่าแนวทางของพระพุทธ มีความเป็นเหตุเป็นผล ใช้ได้เสมอ

คนเป็นต้นบัญญัติไม่ผิด แล้วคนที่พยายามจะประทุษร้าย คนที่เป็นต้นบัญญัติละ
ความพยายามจะทำลายผู้ที่เป็นต้นบัญญัติ เป็นความพยาบาท
ผิดคุณธรรมแน่นอน ผิดศีลข้ออทินนา


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเũ
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 26-04-2007, 19:53
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า ที่คุณกาลามชน อธิบายข้างบน ก็อาจจะพอพูดได้ และเป็นความจริงในสังคม

เมื่อมีคนพยายามจะหาทางเลี่ยงภาษี ด้วยช่องโหว่ของกฏหมาย

รัฐก็มีหน้าที่ ต้องพยายามหาทางเอากฏหมายที่มีมาตามจั

บด้วยเช่นกัน.....

กรณี คตส. หากไม่พยายามตามหลักฐาน ทำตามหลักกฏหมาย ผมว่า

เค้ายึดทรัพย์ ตระกูลชินวัตร ตั้งแต่วันแรกที่มีอำนาจแล้วครับ .......

แต่คุณ กาลามชน คงลืมเรื่องการแก้กฏหมายการถือครองหุ้นต่างชาติ
ก่อนการขาย 1 วัน แบบนี้ ....ถือได้ว่าใช้อำนาจรัฐ
ในทางมิชอบได้หรือไม่.....

การขายหุ้น ชินฯ เราไม่ต้อง เอากล้องเอ็กซ์เรย์ ส่อง ก็มองเห็นอยู่แล้ว
ว่าเป็นการเจตนา เลี่ยงภาษี  ....

ใคร ๆ ก็รู้ครับ ว่าไม่มีกฏหมายเอาผิดเรื่องจริยธรรม

สาเหตุที่ คตส. ทำเรื่องล่าช้าอยู่ทุกวันนี้
ไม่ได้จะเอาผิดเรื่องจริยะธรรม แต่กำลังใช้ช่องทางกฏหมาย และหาหลักฐาน รวมทั้งปิดช่องโหว่ต่าง ๆ เพื่อเอาผิดครับ


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 26-04-2007, 20:10
เรื่องแก้กฎหมายนั้น ตามที่ผมจำได้ รัฐบาลประชาธิปัตย์ เป็นคนยกร่างนะครับ
ตอนที่ทักษิณได้มาเป็นรัฐบาล ร่างกฎหมายก็เลยผ่านไปสภาฯแล้ว
ทักษิณคงจะมองเห็นแต่แรกว่ากฎหมายที่กำลังจะออกนี้ มีช่องโหว่อยู่ จึงเตรียมการไว้
เขาก็นั่งดู รอดูว่ากฎหมายคลอดออกมาเมื่อไร จะถือโอกาสฟันเป็นคนแรก

ผมไม่คิดว่านี่เป็นการใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบ
ในความเห็นของผม เขาเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว
.. แต่ยังไม่ถึงกับเลว


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 26-04-2007, 20:17
ทักษิณ นักปั่นกระแส..................... กระแสโดนบาทา


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 26-04-2007, 20:20
ถูกต้องครับ ปชป. เป็นคนเสนอกฏหมาย แต่ถูกดองไว้หลายปี เนื่องจากตอนนั้นคุณทักษิณ ยังไม่มีแนวคิดจะขายชิน ฯ จึงจงใจเก็บใส่ลิ้นชักไว้ เพราะหากกฏหมายผ่าน จะเป็นช่องทางให้มีคู่แข่งทางธุรกิจ ........ จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งคุณทักษิณ ฯ มีแนวคิดเรื่องการขายหุ้นชิน ฯจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จึงหยิบมาปัดฝุ่น แล้วผ่านสภาอย่างรวดเร็ว .......ผมขี้เกียจไปค้นข่าว คุณกาลามชน ลองไปหาดูเอาก็แล้วกัน

ปล.ต้องขออภัยด้วย ผมมีการแก้ข้อความอาจจะเป็นระหว่างที่ คุณกาลามชน กำลังเขียนข้อความ.....


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 26-04-2007, 20:33
ถ้าคนที่อยู่ในฐานะของหัวหน้าฝ่ายบริหารทางนิตินัย และหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติโดยพฤตินัย ทำการหลีกเลี่ยงกฎหมาย
โดยใช้ข้ออ้างว่ากฎหมายไม่รัดกุม และ take advantage ทั้งกับกฎหมายที่มีช่องโหว่ และกฎหมายที่ตนเองออกเองกับมือ
เช่นนี้แล้วถ้าคนไทยยังบอกว่าไม่ผิดจริยธรรม คงต้องมีคำถามแล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ???


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: monty ที่ 26-04-2007, 22:39
สมัยเป็นนักธุรกิจยังต๊อกต๋อยอยู่ มีคดีโกงเช็ค

ต่อมาประสบความสำเร็จ รวยเป็นหมื่นล้าน เข้ามาเล่นการเมือง อนาคตสดใส ว่าที่นายก ก็ยังซุกหุ้น

รอดตัวหวุดหวิด ได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศสมใจ  แต่ก็ยังซุกหุ้นต่อเนื่องไม่เลิกรา

ท้ายสุด ด้วยความเห็นแก่ได้ เอาสัมปทานรัฐไปขายให้ต่างชาติคู่แข่งของไทย ไม่พอยังงกหาทางเลี่ยงภาษีทุกวิถึทาง

คนพันธุ์นี้ยังจะยกย่องว่าเป็นคนฉลาดอีกหรือ

ผมว่ามันชั่วเป็นสันดานถึงไขในกระดูกเลยละ


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 27-04-2007, 13:11
แล้วมันก็มาถึงจุดนี้กันอีกครั้งครับ จุดต่ำสุดของโค้ง

คือฝ่าย PT ก็ยอมรับว่าทักษิณกระทำการบางอย่างจริง 
แต่ก็ออกมาพูดว่า  การกระทำเหล่านั้น ไม่ถือเป็นความเลว แค่เจ้าเล่ห์ ฉลาด เห็นแก่ตัว .... ว่าไป

คนที่เอาเปรียบสังคม แต่ให้ผลประโยชน์กับตน ก็บอกว่าไม่เลว
แต่ถ้าวันดีคืนดี มีคนมาเอาเปรียบตนเอง  ถึงจะบอกได้ว่า การเอาเปรียบเป็นสิ่งเลว ใช่มั้ยครับ ?

ก็.... ว่ากันไปครับ  อย่าลืมสอนลูกสอนหลานแบบนี้ด้วย อย่าให้ผิดเพี้ยนนะครับ
  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 27-04-2007, 19:09
ถูกต้องครับ ปชป. เป็นคนเสนอกฏหมาย แต่ถูกดองไว้หลายปี เนื่องจากตอนนั้นคุณทักษิณ ยังไม่มีแนวคิดจะขายชิน ฯ จึงจงใจเก็บใส่ลิ้นชักไว้ เพราะหากกฏหมายผ่าน จะเป็นช่องทางให้มีคู่แข่งทางธุรกิจ ........ จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งคุณทักษิณ ฯ มีแนวคิดเรื่องการขายหุ้นชิน ฯจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จึงหยิบมาปัดฝุ่น แล้วผ่านสภาอย่างรวดเร็ว .......ผมขี้เกียจไปค้นข่าว คุณกาลามชน ลองไปหาดูเอาก็แล้วกัน

ปล.ต้องขออภัยด้วย ผมมีการแก้ข้อความอาจจะเป็นระหว่างที่ คุณกาลามชน กำลังเขียนข้อความ.....


พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ตั้งใจจะแก้กฎหมายให้ประโยชน์แก่คนที่คดโกง
แต่คนคดโกงนั้น ให้"นิติกรบริการ" พยายาม 'ตีความ' ให้เข้าประโยชน์แก่ตนเองต่างหาก.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: Nai_puan ที่ 27-04-2007, 19:48
   ปี 2543 รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) แต่ปี 2544 วุฒิสภาได้แปรญัตติให้สัดส่วนเป็น 25% แทน

   ทำให้ ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที มีปัญหา จึงร้องเรียนเสนอพรรคการเมืองทุกพรรคให้ปรับ มีการอภิปราย แปรญัตติ มาตลอด 4 ปี จึงผ่านสองสภาปี 2548 ให้สัดส่วนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50% ตามร่างแรกเมื่อปี 2542

   สอดคล้องพันธสัญญาต่อ WTO เปิดเสรีโทรคมนาคม ภายในปี 2549


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 27-04-2007, 19:58
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=444476)

ไอ้พวกรากหญ้า ชั้นต่ำ ช่วยออกมาประท้วงหน่อย ข้าให้พวกเอ็งไปมากนะเฟ้ย  ยังถอนทุนไม่หมดเลย แสด......


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 28-04-2007, 00:32
   ปี 2543 รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) แต่ปี 2544 วุฒิสภาได้แปรญัตติให้สัดส่วนเป็น 25% แทน

   ทำให้ ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที มีปัญหา จึงร้องเรียนเสนอพรรคการเมืองทุกพรรคให้ปรับ มีการอภิปราย แปรญัตติ มาตลอด 4 ปี จึงผ่านสองสภาปี 2548 ให้สัดส่วนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50% ตามร่างแรกเมื่อปี 2542

   สอดคล้องพันธสัญญาต่อ WTO เปิดเสรีโทรคมนาคม ภายในปี 2549




พรบ.ไม่ได้เปิดช่องให้ สุจริตชนเลี่ยงภาษี
ซื้อขายหุ้น 73,000 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่หนึ่งบาท

ดังนั้นอย่าเบี่ยงประเด็น หรือ บิดเบือนข้อเท็จจริง.....


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 28-04-2007, 13:25
   ปี 2543 รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว (ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50%) แต่ปี 2544 วุฒิสภาได้แปรญัตติให้สัดส่วนเป็น 25% แทน

   ทำให้ ดีแทค ออเร้นจ์ ทีทีแอนด์ที มีปัญหา จึงร้องเรียนเสนอพรรคการเมืองทุกพรรคให้ปรับ มีการอภิปราย แปรญัตติ มาตลอด 4 ปี จึงผ่านสองสภาปี 2548 ให้สัดส่วนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50% ตามร่างแรกเมื่อปี 2542

   สอดคล้องพันธสัญญาต่อ WTO เปิดเสรีโทรคมนาคม ภายในปี 2549


ดูเหมือนจะเร็วเป็นพิเศษ หลังจากดองมาหลายปี ......... ดูเหมือน  คุณ Nai_puan ก็เชื่อว่าเป็นไปตามวาระ....

อืม ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.........หัวเราะเหมือนคนข้างบนครับ


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 28-04-2007, 15:27
ยังยืนยันความเห็นเดิม

การเสียภาษี ไม่ใช่หลักการคุณธรรม
จะสรุปว่าใครเสียภาษีมีคุณธรรม ใครไม่เสียภาษี ผิดคุณธรรม ไม่ได้

ที่ถูกคือ ภาษี เป็นกติกาสังคม
ที่ถูกคือใครปฏิบัติตามกติกาก็มีคุณธรรม .. ไม่ทำตามกติกาก็ผิดคุณธรรม

ถ้ากติกาของสังคมบอกว่า ใครก็ตามที่เข้าข่ายของกฎเกณฑ์อย่างหนึ่ง จะเสียภาษีแต่น้อย หรือได้รับยกเว้น
คนที่ทำตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ของกติกานั้น แล้วก็ถูกเก็บภาษีแต่น้อย ผิดคุณธรรมตรงไหน
คนอื่นถ้าไม่ชอบกติกานี้ เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ก็ควรเรียกร้องให้แก้กติกา อย่าไห้มีคนอื่นทำเช่นนั้นอีก
แต่ในเมื่อปัจจุบันกติกากำหนดไว้เช่นนี้ คนที่ไม่ยอมรับกติกา เที่ยวไประรานคนที่ทำตามกติกา คนเหล่านั้นหละที่ไร้คุณธรรม


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 28-04-2007, 16:23
ยังยืนยันความเห็นเดิม

การเสียภาษี ไม่ใช่หลักการคุณธรรม
จะสรุปว่าใครเสียภาษีมีคุณธรรม ใครไม่เสียภาษี ผิดคุณธรรม ไม่ได้

ที่ถูกคือ ภาษี เป็นกติกาสังคม
ที่ถูกคือใครปฏิบัติตามกติกาก็มีคุณธรรม .. ไม่ทำตามกติกาก็ผิดคุณธรรม

ถ้ากติกาของสังคมบอกว่า ใครก็ตามที่เข้าข่ายของกฎเกณฑ์อย่างหนึ่ง จะเสียภาษีแต่น้อย หรือได้รับยกเว้น
คนที่ทำตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ของกติกานั้น แล้วก็ถูกเก็บภาษีแต่น้อย ผิดคุณธรรมตรงไหน
คนอื่นถ้าไม่ชอบกติกานี้ เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ก็ควรเรียกร้องให้แก้กติกา อย่าไห้มีคนอื่นทำเช่นนั้นอีก
แต่ในเมื่อปัจจุบันกติกากำหนดไว้เช่นนี้ คนที่ไม่ยอมรับกติกา เที่ยวไประรานคนที่ทำตามกติกา คนเหล่านั้นหละที่ไร้คุณธรรม



คนปฎิบัติตามกฎหมาย เพราะกลัวถูกลงโทษ
กับคนที่ปฎิบัติตามกฎหมาย เพราะคิดว่าถูกต้อง เป็นกติกาสังคม ความยุติธรรม  แตกต่างกันครับ

คนที่เสียภาษีน้อย เพราะได้ปฏิบัติตามกฏหมายของกรมสรรพากร ที่มียกเว้น ผ่อนผัน อนุโลม อย่างถูกต้อง
กับคนที่สั่ง"นิติกรบริการ" ให้หาทางเลี่ยงกฎหมาย แก้กฎหมายให้ไม่ต้องเสียภาษี แตกต่างกันครับ



คุณกาลามชน คงเข้าใจนะครับ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 29-04-2007, 15:44
ยังยืนยันความเห็นเดิม

การเสียภาษี ไม่ใช่หลักการคุณธรรม
จะสรุปว่าใครเสียภาษีมีคุณธรรม ใครไม่เสียภาษี ผิดคุณธรรม ไม่ได้

ที่ถูกคือ ภาษี เป็นกติกาสังคม
ที่ถูกคือใครปฏิบัติตามกติกาก็มีคุณธรรม .. ไม่ทำตามกติกาก็ผิดคุณธรรม

ถ้ากติกาของสังคมบอกว่า ใครก็ตามที่เข้าข่ายของกฎเกณฑ์อย่างหนึ่ง จะเสียภาษีแต่น้อย หรือได้รับยกเว้น
คนที่ทำตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ของกติกานั้น แล้วก็ถูกเก็บภาษีแต่น้อย ผิดคุณธรรมตรงไหน
คนอื่นถ้าไม่ชอบกติกานี้ เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ก็ควรเรียกร้องให้แก้กติกา อย่าไห้มีคนอื่นทำเช่นนั้นอีก
แต่ในเมื่อปัจจุบันกติกากำหนดไว้เช่นนี้ คนที่ไม่ยอมรับกติกา เที่ยวไประรานคนที่ทำตามกติกา คนเหล่านั้นหละที่ไร้คุณธรรม

คุณกาลามชน คงกำลังตำหนิคุณทักษิณอย่างรุนแรง..........ที่ผ่านมา คตส. กำลังทำงานหนัก เพื่อให้รู้ว่า กลุ่มชิน ฯ ทำผิด กติกา ของ กฏเกณฑ์การเสียภาษี ..........คนที่ระรานไปทั่วคือคุณทักษิณ ที่ไม่พยายาม ทำตามกติกา แต่กลับพยายามระราน ด้วยการต่อท่อน้ำเลี้ยงให้ม๊อบทรพี เพื่อล้มการตรวจสอบ ........ถ้าคุณกาลามชน เป็นคนที่เข้าใจกติกาย่อมเข้าใจดีว่า หลังการปฏิวัติ การยึดทรัพย์คุณทักษิณ เป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่คณะรัฐบาลปัจจุบันกลับไม่ได้ทำ ...ปล่อยให้หน่วยงาน คตส.เข้าตรวจสอบพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิด.........

การที่มีประชาชน คนใดคนหนึ่ง พยายามที่จะใช้ช่องโหว่ ทางกฏหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกในสายตาของคุณกาลามชน..........ขณะเดียวกัน การที่รัฐ ตามเอาภาษีเหล่านั้นคืน โดยใช้ช่องทาง ทางกฏหมาย คุณกาลามชนกลับไม่เข้าใจ.........เมื่อกฏหมาย ทำงาน คุณกาลามชน กลับไม่ยอมรับ..... ผมว่ามันแปลก ๆ น๊ะ

ดูเหมือนคุณกาลามชน กำลังจะต่อสู้ว่า การที่รัฐใช้อำนาจโดยถูกกฏหมาย เป็นการระราน...ขณะเดียวกัน คนที่หลีกเลี่ยงภาษี กลายเป็นคนที่มีความชอบธรรมในสายตาของคุณกาลามชน............ไม่น่าเชื่อจริง ๆ....ว่าเป็นความคิดของคนที่เสียภาษีปีละสามแสนกว่าบาท





หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 29-04-2007, 16:14
คุณ 55555

ผมไม่คิดเช่นนั้นครับ ผมไม่คิดว่าทักษิณทำผิดกติกา แต่เป็นคนที่เกลียดเขาต่างหากที่กำลังชี้นำผิดๆ บิดเบือนว่าเขาทำผิดกติกา
การบิดเบือนความหมายของกติกานั้น เป็นการทำลายกติกาลงโดยสิ้นเชิง ผิดคุณธรรมยิ่งกว่าใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกติกาตรงๆเสียอีก
ถ้าสงสัยว่าผมคิดอย่างไร จึงเชื่อว่าคนที่เกลียดทักษิณกำลังบิดเบือนกติกา ผมพิจารณาจากความเห็นของอธิบดีกรรมสรรพากรคนปัจจุบัน
อธิบดีฯคนนี้ เป็นคนละคนกับสมัยทักษิณ รัฐบาลนี้เป็นคนแต่งตั้ง ย่อมเชื่อได้แน่นอนว่าไม่ใช่คนของทักษิณ
ถ้าอธิบดีคนปัจจุบันบอกว่าซ้ำซ้อน ผมก็เชื่อว่าซ้ำซ้อนจริง
เพราะผมไม่เชื่อว่าจะมีคนอื่นนอกกรมสรรพากร ที่รู้เรื่องภาษีดีกว่ากรมสรรพากรไปได้


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 29-04-2007, 16:21
ฮ่า ฮ่า วนอีกรอบ.....ดูเหมือน คุณกาลามชนจะเชื่อจริง ๆ ว่า คุณทักษิณ ทำตามกติกา.........55555....ไม่เป็นไร ก็เชื่อปาย........รอผลตัดสินของศาลกันดีกว่า.........เอ๊ะ หรือ จะว่าเป็นศาลเตี้ยอีก....55555



หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: กาลามชน ที่ 29-04-2007, 16:26
อยากให้ลองฟังความเห็นของท่านอุกฤษ มงคลนาวิน

เมื่อยึดอำนาจแล้ว คณะทหารและรัฐบาลบอกว่าจะปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยยึดหลักนิติธรรม ซึ่งหลักนิติธรรมก็คือ ต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาว่ากระทำผิดจริง แต่การตั้ง คตส. แล้วออกข่าวเกือบจะเรียกว่า 3 เวลาหลังอาหาร ว่าคนนั้นทุจริตเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยระบุชื่อชัดเจน แบบนี้ถือว่าขัดหลักนิติธรรม เพราะจะผิดหรือถูกยังพิสูจน์ไม่ได้ คนพิสูจน์คือ ศาล ไม่ใช่ คตส

http://forum.serithai.net/index.php?topic=13575.0


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 29-04-2007, 18:11
สำหรับประชาชน
ถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาว่ากระทำผิดจริง

แต่สำหรับนักการเมือง
ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด จนกว่าจะสามารถพิสูจนได้ว่าบริสุทธิ์จริง

 :slime_p:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-04-2007, 18:31
คุณ 55555

ผมไม่คิดเช่นนั้นครับ ผมไม่คิดว่าทักษิณทำผิดกติกา แต่เป็นคนที่เกลียดเขาต่างหากที่กำลังชี้นำผิดๆ บิดเบือนว่าเขาทำผิดกติกา
การบิดเบือนความหมายของกติกานั้น เป็นการทำลายกติกาลงโดยสิ้นเชิง ผิดคุณธรรมยิ่งกว่าใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกติกาตรงๆเสียอีก
ถ้าสงสัยว่าผมคิดอย่างไร จึงเชื่อว่าคนที่เกลียดทักษิณกำลังบิดเบือนกติกา ผมพิจารณาจากความเห็นของอธิบดีกรรมสรรพากรคนปัจจุบัน
อธิบดีฯคนนี้ เป็นคนละคนกับสมัยทักษิณ รัฐบาลนี้เป็นคนแต่งตั้ง ย่อมเชื่อได้แน่นอนว่าไม่ใช่คนของทักษิณ
ถ้าอธิบดีคนปัจจุบันบอกว่าซ้ำซ้อน ผมก็เชื่อว่าซ้ำซ้อนจริง
เพราะผมไม่เชื่อว่าจะมีคนอื่นนอกกรมสรรพากร ที่รู้เรื่องภาษีดีกว่ากรมสรรพากรไปได้


มีคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกและคุณกาลามชนว่า
คนใต้อาณัติของเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก 5-6 ปีนี้ สูญพันธุ์หมดแล้ว................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-04-2007, 18:35
อยากให้ลองฟังความเห็นของท่านอุกฤษ มงคลนาวิน

เมื่อยึดอำนาจแล้ว คณะทหารและรัฐบาลบอกว่าจะปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยยึดหลักนิติธรรม ซึ่งหลักนิติธรรมก็คือ ต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาว่ากระทำผิดจริง แต่การตั้ง คตส. แล้วออกข่าวเกือบจะเรียกว่า 3 เวลาหลังอาหาร ว่าคนนั้นทุจริตเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยระบุชื่อชัดเจน แบบนี้ถือว่าขัดหลักนิติธรรม เพราะจะผิดหรือถูกยังพิสูจน์ไม่ได้ คนพิสูจน์คือ ศาล ไม่ใช่ คตส

http://forum.serithai.net/index.php?topic=13575.0



คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกอ้างอิงนักกฏหมายคนนี้ ผมไม่แปลกใจเลย.............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คราวหน้าจะอ้าง "นิติกรบริการ" ต้องระมัดระวังด้วย เวลานี้ "นิติกรบริการ"แสดงความคิดเห็นบางเรื่อง ก็เหมือน "จิ้งจกเปลี่ยนสี" เหมือนกัน......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 29-04-2007, 18:47
ผมล่ะงงกะมันจริง ๆ ตอนโดนไล่ลงจากอำนาจ มันแจ้งปปช.ว่า มีไม่ถึงพันล้าน

แต่พวกลูกหาบมันสะเออะ ว่า จะซื้อที่ฟุตบอลอีกเกือบหมื่นล้าน

แล้วเงินตรงนี้ มันไปควักมาจากไหนหว่า งงโว้ย  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 29-04-2007, 20:41
เป็นไปได้มั๊ยครับว่า เงินดำมันเย๊อะ

หรือไม่ ก็ สาวกปลายแถว เต้าข่าว อีกแร๊ะ

 :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: Nai_puan ที่ 29-04-2007, 20:51
ตามบัญชีแสดงทรัพย์สิน  ทักษิณ+พจมาน มีทรัพย์สินรวมกัน  9 พันกว่าล้าน

และสำหรับการทำธุรกิจโดยทั่วไป  ผู้ลงทุนจะใช้เงินตนเองแค่บางส่วน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการระดมทุนและการกู้ยืมธนาคาร


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 29-04-2007, 20:55
ตามบัญชีแสดงทรัพย์สิน  ทักษิณ+พจมาน มีทรัพย์สินรวมกัน  9 พันกว่าล้าน

และสำหรับการทำธุรกิจโดยทั่วไป  ผู้ลงทุนจะใช้เงินตนเองแค่บางส่วน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการระดมทุนและการกู้ยืมธนาคาร


งั้นคงยืมเมีย ขายนาฬิกา พร้อมเครื่องเพชร หมดเกลี้ยงเลยน่ะนั่น ว่าแต่ขออนุญาต หรือยัง

น่าสงสารจัง  :slime_hmm:

*********
แก่จนป่านนี้คิดไปกู้เงินชาวบ้านอีกเร๊อะ ใครจะให้กู้ล่ะท่าน ผ่อนกี่ปี บอกมาหน่อยซิ


--------------------

ถ้ามาตรแม้นว่า อวดรวยยืมเงินชาวบ้านมาทำได้จริง ๆ เอาโก้ใว้หน่อย ก็ไม่ว่ากันครับ


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเũ
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 29-04-2007, 21:38
อยากให้ลองฟังความเห็นของท่านอุกฤษ มงคลนาวิน

เมื่อยึดอำนาจแล้ว คณะทหารและรัฐบาลบอกว่าจะปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยยึดหลักนิติธรรม ซึ่งหลักนิติธรรมก็คือ ต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาว่ากระทำผิดจริง แต่การตั้ง คตส. แล้วออกข่าวเกือบจะเรียกว่า 3 เวลาหลังอาหาร ว่าคนนั้นทุจริตเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยระบุชื่อชัดเจน แบบนี้ถือว่าขัดหลักนิติธรรม เพราะจะผิดหรือถูกยังพิสูจน์ไม่ได้ คนพิสูจน์คือ ศาล ไม่ใช่ คตส

http://forum.serithai.net/index.php?topic=13575.0

เอาเป็นว่า ผมไม่พูดถึงเบื้องหน้า เบื้องหลัง คุณอุกฤษ กับ ระบอบทักษิณ  แต่จะว่ากันด้วยเหตุผลของการแถลงข่าวของ คตส.ก็แล้วกัน

ในช่วง 2-3 เดือนแรก คตส. ทำการสืบสวน โดยไม่ได้ชี้แจงแถลงไข และ ไม่มีข่าวคราว .......คนของระบอบทักษิณ รวมทั้งลิ่วล้อและแฟนพันธุ์แท้ อย่างคุณกาลามชน ก็รุมกระแนะกระแหน ว่าไม่สามารถเอาผิดกับทักษิณได้ .....ต่อมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน คนที่เกลียดทักษิณ ก็เริ่มออกมาก่นด่า ว่า คตส.ไม่จัดการอะไร ปล่อยให้เวลาผ่านไป วัน ๆ .....ผมว่าเรื่องคุณกาลามชนลองไปทบทวนดูก็แล้วกัน

เหตุผลที่ทำให้ คตส.ต้องออกมาชี้แจง และ รายงานความคืบหน้าอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะ ยังมีประชาชนอีกจำนวน อาจหลงเชื่อว่าบรรดาสาวกเหลียม ที่ว่า เหตุผลในการยึดอำนาจ ในข้อ คอรัปชั่น แบบมโหฬาร ไม่มีมูลความจริง ประกอบกับ การกล่าวหาของบรรดา ลิ่วล้อ ว่าไม่สามารถเอาผิด เพราะเหลี่ยมบริสุทธิ์ และพยายามดิสต์เครดิต คตส.ไม่เว้นแต่ละวัน........หากไม่การชี้แจง แถลงข่าว ก็เหมือนกับเป็นการยอมรับในข้อกล่าวหาของบรรดาลิ่วล้อเหลี่ยม แล้วที่มันมีข้อมูลออกมาเรื่อย ๆ ก็เพราะ ส่วนหนึ่งเกิดจากทนายนพดล รวมทั้งบรรดาลิวล้อที่พยายามโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว ทำให้มีการชี้แจงมากขึ้น.........

คุณกาลามชน อาจไม่อยากรู้เหตุผลของข้อกล่าวหาในการเอาผิด แต่ผมอยากรู้ครับ และผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศก็อยากรู้เช่นกัน รวมทั้งแฟนพันธุ์แท้คุณทักษิณ

ส่วนเรื่องผลการตัดสิน อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ใคร ๆ ก็รู้ครับ.....รวมทั้งท่านเทพทักษิณด้วย.....



อ้อ....เสริมอีกนิด ........หาก คมช. ไม่ใช่หลักนิติธรรม.......วันนี้คงไม่มีเงินมาต่อท่อน้ำเลี้ยงแล้ว...เรื่องนี้ คุณอุกฤษ ไม่เข้าจาย........5555555


 :slime_smile:



หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสา
เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 29-04-2007, 21:49
ติดคุกทั้งครอบครัว จ่อที่เหลือเหยียบแผ่นดินเมื่อไหร่ก็เข้าคุกเช่นกัน

แฟนคลับยังคง งง ผิดอะไร - -!  ใบบอกไม่เห็นมี


หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเũ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 29-04-2007, 23:56
เอาเป็นว่า ผมไม่พูดถึงเบื้องหน้า เบื้องหลัง คุณอุกฤษ กับ ระบอบทักษิณ  แต่จะว่ากันด้วยเหตุผลของการแถลงข่าวของ คตส.ก็แล้วกัน

ในช่วง 2-3 เดือนแรก คตส. ทำการสืบสวน โดยไม่ได้ชี้แจงแถลงไข และ ไม่มีข่าวคราว .......คนของระบอบทักษิณ รวมทั้งลิ่วล้อและแฟนพันธุ์แท้ อย่างคุณกาลามชน ก็รุมกระแนะกระแหน ว่าไม่สามารถเอาผิดกับทักษิณได้ .....ต่อมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน คนที่เกลียดทักษิณ ก็เริ่มออกมาก่นด่า ว่า คตส.ไม่จัดการอะไร ปล่อยให้เวลาผ่านไป วัน ๆ .....ผมว่าเรื่องคุณกาลามชนลองไปทบทวนดูก็แล้วกัน

เหตุผลที่ทำให้ คตส.ต้องออกมาชี้แจง และ รายงานความคืบหน้าอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะ ยังมีประชาชนอีกจำนวน อาจหลงเชื่อว่าบรรดาสาวกเหลียม ที่ว่า เหตุผลในการยึดอำนาจ ในข้อ คอรัปชั่น แบบมโหฬาร ไม่มีมูลความจริง ประกอบกับ การกล่าวหาของบรรดา ลิ่วล้อ ว่าไม่สามารถเอาผิด เพราะเหลี่ยมบริสุทธิ์ และพยายามดิสต์เครดิต คตส.ไม่เว้นแต่ละวัน........หากไม่การชี้แจง แถลงข่าว ก็เหมือนกับเป็นการยอมรับในข้อกล่าวหาของบรรดาลิ่วล้อเหลี่ยม แล้วที่มันมีข้อมูลออกมาเรื่อย ๆ ก็เพราะ ส่วนหนึ่งเกิดจากทนายนพดล รวมทั้งบรรดาลิวล้อที่พยายามโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว ทำให้มีการชี้แจงมากขึ้น.........

คุณกาลามชน อาจไม่อยากรู้เหตุผลของข้อกล่าวหาในการเอาผิด แต่ผมอยากรู้ครับ และผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศก็อยากรู้เช่นกัน รวมทั้งแฟนพันธุ์แท้คุณทักษิณ

ส่วนเรื่องผลการตัดสิน อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ใคร ๆ ก็รู้ครับ.....รวมทั้งท่านเทพทักษิณด้วย.....



อ้อ....เสริมอีกนิด ........หาก คมช. ไม่ใช่หลักนิติธรรม.......วันนี้คงไม่มีเงินมาต่อท่อน้ำเลี้ยงแล้ว...เรื่องนี้ คุณอุกฤษ ไม่เข้าจาย........5555555


 :slime_smile:




อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา นักกฎหมายที่เคยได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐประหารหลายคณะให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในหลายสมัย.....



นายอุกฤษ ได้รับแต่งตั้งจากเผด็จการทหาร คณะรัฐประหารในอดีต ให้เป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานวุฒิ และประธานรัฐสภา เป็นต้น..........

นอกจาก "นิติกรบริการ" และ อลัชชีกฎหมายของเทียมรักเทียม  วันนี้เขาเป็น"นักกฏหมาย" ที่คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก และ นักรักประชาธิปไตย(รูปแบบ) พึงพอใจ อ้างอิงความคิดเห็น...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า








หัวข้อ: Re: การอายัดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ อาจถูกมองเป็นการกลั่นแกล้ง ระวังประชาชนเทคะแนนสงสารให้
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 05-05-2007, 23:01
ตลท.จับตาธุรกรรมฉาวหมื่นล. 'บางกอกแลนด์-เคเอ็มซี' อ่วม 


ตลาดหลักทรัพย์ฯเกาะติดธุรกรรมบริษัทจดทะเบียนมูลค่านับหมื่นล้าน บางกอกแลนด์ –เคเอ็มซี อ่วม โดนรีดข้อมูลยับ รับผลจากเศรษฐกิจซบและช่วงนี้เป็นฤดูกาลประชุมผู้ถือหุ้นทำให้ต้องจับตาเป็นพิเศษ เหตุอาจพลิกผันทิศทางธุรกิจบางบริษัท โดยเฉพาะบจ.ที่ต้องหาแหล่งทุนขยายธุรกิจและครบกำหนดชำระหนี้ เผยอาจมีการใช้รูปแบบการหาเงินที่แยบยล โดยเฉพาะบริษัทที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน


 นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ช่วงนี้ตลท.จะจับตาความเคลื่อนไหวของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ใกล้ชิดเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของบจ.ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯบางบริษัทอาจจะต้องหาแหล่งเงินทุน ทั้งเพื่อขยายการลงทุนและเพื่อชำระหนี้เพื่อพยุงบริษัทให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และที่สำคัญช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งจะมีผลต่ออนาคตของบริษัท


จากเหตุผลดังกล่าว จึงทำให้ตลท.จับตาและให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับบริษัทที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางธุรกิจและบริษัทที่มีการเพิ่มทุน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบข้อมูลที่ควรเปิดเผยอย่างเพียงพอ โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ไปจะมีรูปแบบของการเพิ่มทุนลักษณะใหม่ๆเกิดขึ้นอีก รวมถึงบริษัทในกลุ่มฟื้นฟูกิจการที่ยังมีปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้โดยแม้บริษัทเหล่านี้จะมีการหาผู้ร่วมทุน ขณะที่อาจมีกลุ่มทุนบางกลุ่มอาจใช้โอกาสนี้เพื่อเข้ามาซื้อกิจการบริษัทที่อยู่ในกลุ่มฟื้นฟูฯ เพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ระยะสั้นจากราคาหุ้น ไม่ได้มุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาธุรกิจอย่างจริงจัง


พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึงกรณีที่ช่วงนี้ตลท.ได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรณีบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (KMC) ที่ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง ( PP) จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละไม่ต่ำกว่า 1 บาท(พาร์ 2.3 0 บาท )นั้น กรณีดังกล่าวอาจจะมีผลต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของKMC หากกลุ่มทุนใหม่ทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ) และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังมีกลุ่มทุนใหม่เข้ามา


อนึ่ง KMC ระบุในเอกสารที่แจ้งตลท.เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า จะขายหุ้นเพิ่มทุน 1,500 ล้านหุ้น ให้กับกลุ่มนักลงทุนโซฟาสต์ อินเตอร์คอร์ โดยผ่านตัวแทนที่เป็นบุคคล 4 ราย ประกอบด้วย นางสาวพรณรัตน์ โรจน์ชูพันธ์ สัดส่วน 53.33 % ของหุ้นเพิ่มทุน นางสาวสมลักษณ์ โสภาเสถียรพงศ์ สัดส่วน 10 % นายวิรุฬห์ วงศ์แสงนาค สัดส่วน 36 % และนายคิมเส็ง คิมคูน สัดส่วน 0.67 % โดยหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนแล้วจะทำให้นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน KMC สัดส่วน 64 % ของทุนชำระแล้วหลังเพิ่มทุน ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนKMC ระบุว่าจะนำไปชำระหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้และใช้ลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพ


 นายศักรินทร์ ยังกล่าวกรณีที่ตลท.ได้สอบถามข้อมูลไปยังบมจ.บางกอกแลนด์( BLAND )ที่ได้ขายหุ้นบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด หรืออิมแพค ออกไปนั้น ตลท.จะดูถึงความเกี่ยวโยงกันของผู้ถือหุ้นเดิมด้วย โดยบางกอกแลนด์ ซึ่งได้ขายธุรกิจหลักของบริษัทออกไป อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของซื้อ โดยตลท.สอบถามถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เข้ามาซื้ออิมแพค ว่ามีความเกี่ยวโยงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบางกอกแลนด์หรือไม่ ซึ่งหากผู้ซื้ออิมแพคกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบางกอกแลนด์ มีความเกี่ยวโยงกันก็จะยิ่งส่งผลกระทบกับผู้ถือหุ้นรายย่อย


ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการขายธุรกิจซึ่งทำรายได้หลักและถือเป็นความอยู่รอดของบางกอกแลนด์ แต่เหตุใดจึงต้องขายธุรกิจหลักออกไปและเมื่อขายออกไปแล้วบางกอกแลนด์จะดำเนินธุรกิจใดต่อไป ซึ่งจะเห็นว่าผลกระทบได้ตกแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยแล้ว


นายศักรินทร์ กล่าวว่า หากข้อสมมติฐานข้างต้นเป็นจริง คือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบางกอกแลนด์เป็นกลุ่มเดียวกับผู้ซื้ออิมแพค ก็เท่ากับว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่เอาธุรกิจหลักออกไปจากบางกอกแลนด์ ซึ่งทำให้รายย่อยที่ถือหุ้นบางกอกแลนด์เสียประโยชน์ ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ประโยชน์


อนึ่งวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบมจ.บางกอกแลนด์ ชี้แจงเพิ่มเติมต่อตลท. กรณีขายหุ้นแอมแพ็ค ให้ผู้ซื้อคือ บริษัท จูตแลนด์ จำกัด ว่า จูตแลนด์ เป็นบริษัทที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายของเกาะเคย์แมน โดยบริษัทดังกล่าวจัดตั้งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2550 โดยมีนายมาร์ติน แลง เป็นคณะกรรมการและผู้บริหาร และดำเนินธุรกิจหลักคือ การลงทุนในบริษัทอื่น ๆ พร้อมกันนี้นายอนันต์ชี้แจงว่า ผู้ซื้อไม่มีความสัมพันธ์ในลักษณะเป็นบุคคลเกี่ยวโยงกับบางกอกแลนด์


ส่วนภายหลังการขายหุ้นอิมแพคสัดส่วน 40 % ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงิน 7,000 ล้าน(ราคาหุ้นละ 127.99 บาท/หุ้น) ขณะที่บางกอกแลนด์จะถือหุ้นในอิมแพค 60 % สำหรับผลกระทบต่อโครงสร้างรายได้บางกอกแลนด์ภายหลังการขายหุ้นอิมแพคนั้น


นายอนันต์ชี้แจงตลท.ว่า จะทำให้รายได้รวมของบางกอกแลนด์ลดลง 40 % จากกำไรสุทธิการดำเนินธุรกิจของอิมแพ็ค โดยถ้าคำนวณจากงบสอบทานของอิมแพ็ค ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 จะเป็นจำนวนประมาณ 140 ล้านบาท ส่วนเงินที่ได้จากการขายหุ้นอิมแพคครั้งนี้ บางกอกแลนด์จะนำเงินไปชำระคืนหนี้ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยของกลุ่มบริษัทลดลงทันทีประมาณ 400 ถึง 500 ล้านบาท


นายกิตติพงษ์ เลิศนางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า กรณีที่บริษัทในประเทศเริ่มหาพันธมิตรต่างประเทศนั้น เนื่องจากพันธมิตรในประเทศได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ดังนั้นพันธมิตรในต่างประเทศจึงเป็นทางเลือกเดียวที่สามารถช่วยได้ และที่ผ่านมาก็มีผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยหาพันธมิตรต่างประเทศกันมาก ซึ่งหากดูถึงจุดประสงค์ของกลุ่มนี้ในการหาพันธมิตรต่างประเทศ ก็เพียงเพื่อต้องการแหล่งเงินทุนเท่านั้นไม่จำเป็นที่จะต้องได้แนวทางหรือกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจนี้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่คือ ผู้ที่ชำนาญที่สุด


นายพัชร เนตรสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า สำหรับบริษัทที่ต้องการหาพันธมิตรเพื่อความอยู่รอดนั้น มี 2 แบบ คือ แบบที่ต้องการเงินทุนเพียงอย่างเดียว และกลุ่มที่ต้องการนวัตกรรมใหม่ๆ


http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0122144&issue=2214
 


ถ้าตลาดหลักทรัพย์ จะมีมุมมองเกี่ยวกับการซุกหุ้น การผ่องถ่ายหุ้น การซื้อหุ้น การขายหุ้นของทักษิณ และเส้นทางขายหุ้น 73000 ล้านบาทให้กองทุนเทมาเสค.....

คณะกรรมการ คตส. คณะกรรมการ ปปช. และขบวนการศาลสถิตยุติธรรม จะเบาแรงกว่านี้เยอะ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า