ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 09-04-2007, 08:44



หัวข้อ: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 09-04-2007, 08:44
**เชียรช่วงแจง"พี่สพรั่งไม่เกี่ยว"

ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร หัวหน้าทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน การเข้ารับงานวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าจ้าง 12 ล้านบาท จาก คมช. ที่เว็บไซต์ไฮ ทักษิณ (Hi-Thaksin.org) นำมาเผยแพร่นั้น ติดต่อโดยตรงผ่าน พล.ต. จริชัย เดชดำรง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก (จก.กร.ทบ.) เพื่อเสนอตัวเข้าไปทำงานเอง ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.ผู้เป็นญาติ

ดร.เชียรช่วงกล่าวว่า การเข้าไปเป็นทีมวิเคราะห์ข้อมูลให้ คมช. เป็นความต้องการของตนในฐานะนักวิชาการและนักวิเคราะห์ จึงเข้าไปติดต่อ พล.ต.จริชัยด้วยตนเอง เพราะอยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีช่วยงาน คมช. เนื่องจาก คมช.เป็นทหาร ไม่เก่งการประชาสัมพันธ์ จึงตัดสินใจไปขอรับจ้างเป็นนักวิชาการด้านการประชา สัมพันธ์ให้ คมช.

"งานหลักที่ทำคือการทำให้ คมช.ไปถึงดวง ดาวตามเหตุผลในการปฏิรูป 4 ข้อ" ดร.เชียรช่วงกล่าว และปฏิเสธเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า การเข้าไปทำงานครั้งนี้ ไม่ใช่ขึ้นตรงกับ พล.อ.สพรั่ง จึงไม่อยากให้สังคมไปสนใจผูกโยงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง

"ผมเป็นฝ่ายอาสาตัวเข้ามาทำงานเอง พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย" ดร.เชียรช่วงกล่าว

**หน.สนง.คมช.อ้างใช้งบฯถูกต้อง

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบว่าเอกสารหลุดออกมาได้อย่างไร แต่ยืนยันว่าการทำงานของ คมช.ตรงไปตรงมา งบประมาณดังกล่าวที่นำมาใช้งานถูกต้อง คนที่นำข้อมูลมาเปิดเผยในลักษณะแบบนี้ คงไม่หวังดี โดยจุดประสงค์เพื่อต้องการหาช่องทางเล่นงาน คมช. แต่การดำเนินการดังกล่าวของ คมช.ก็เป็นการใช้งบฯที่ถูกต้อง เพราะมีใบเสร็จ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือราชการลับของ คมช. เหตุใดถึงได้เล็ดลอดออกไปได้ พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า คงจะมีบางคนที่อาจจะไม่ชอบ คมช. และไม่ปรารถนาดี จึงมีการนำเอกสารดังกล่าวไปให้กลุ่มที่เสียผลประโยชน์มาโจมตี คมช. แต่เท่าที่ดูเอกสารก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะเอกสารเป็นการดำเนินการตามกฎระเบียบของทางราชการ คนที่ดำเนินการสามารถชี้แจงได้
ที่มา มติชน 9 เมษา 50

หลักฐานชัดอย่างงั้นไม่กล้าปฏิเสธอะดิ คราวนี้ต้องมาดูการตะแบงแบบวีรบุรุษกันแล้ว ว่าแต่พวกสองมาตรฐาน
ในนี้จะว่าไงบ้าง ถ้าเป็นสมัยทักษิณทำแบบนี้คงถูกด่าจมธรณี ดักคอไว้ก่อนเลย ต้องมีคนบอกว่าเม็ดเงินมันต่าง
กัน ใช้เงินผลประโยชน์ทับซ้อนน้อยกว่ามันไม่ผิดหรือไง ยังมีหน้ามาบอกว่าใช้งบถูกต้องอีก หน้าทนจริงๆ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 09-04-2007, 08:47
บทบาท2ด้านของ "เชียรช่วง กัลยาณมิตร"

คอลัมน์ เคียงข่าว

ความจริงชื่อ "เชียรช่วง กัลยาณมิตร" หัวหน้าทีมวิเคราะห์ข้อมูลและการประชาสัมพันธ์เชิงลึกให้กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปรากฏเป็นข่าวสม่ำเสมออยู่ในแวดวงเศรษฐกิจมานานหลายปีแล้วในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย)

บทบาทของ ดร.เชียรช่วง นอกจากเป็นที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการประเมินผลระบบบริหารงานของรัฐวิสาหกิจต่างๆ แล้ว ยังมีบทบาทในการอภิปรายในเวทีต่างๆ ทางด้านกิจการโทรคมนาคม อิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ

ที่สำคัญ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 ดร.เชียรช่วงได้ยื่นเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กรณีที่บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์ กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส หรือเอไอเอส ของครอบครัวชินวัตร ในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้ภาคเอกชน เป็นเหตุให้รัฐสูญเสียรายได้ไปกว่า 80,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ดร.เชียรช่วงยังมีบทบาทอีกด้านหนึ่งในฐานะจำเลยในคดีสร้างราคาหุ้นบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทดังกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ศาลนัดแถลงเปิดคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) โดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ, นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อายุ 61 ปี ประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.ทีพีไอ, บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร อายุ 54 ปี กรรมการบริหาร บมจ.เสติร์นฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลักทรัพย์ เผยแพร่ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่หนังสือชี้ชวนจะมีผลบังคับใช้ ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าหลักทรัพย์ใดจะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง (สร้างราคาหุ้น) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

ขณะที่จำเลยทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหาและเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล!!
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0105090450&sectionid=0101

คนทำดีต้องมีคน แฉ



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 09-04-2007, 09:28
ผมไม่ค่อยสนใจข่าวนี้ซักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะเป็นข้างล้มทักสินหรอกนะ แต่มันเป็นเรื่องที่ชาชิน ที่ยังไงก็ต้องหาเรื่องมาดีสกันเรื่อยตามประสาการเมือง (แม้จะจริงก็ตาม) ทุกคนก็รู้ดีว่าไม่ว่าใครขึ้นมามันก็ต้องมีเรื่องอิหรอบงี้กันทั้งนั้น  ...ก็ละเรื่องนี้มันจะจริงก็เท่านั้น ไม่จริงก็เท่านั้น ทำไงได้มนุษย์มันก็เป็นซะอย่างนี้หล่ะ. แล้วผมเชื่อว่าทุกคนก็ยอมรับว่าในโลกนี้ไม่มีใครสะอาดหมดจด ดีเลิศทุกกระเบียด และทุกคนก็คงยอมรับกันได้ในระดับนึงว่าถ้าประโยชน์ได้มากกว่าเสีย ก็พอทนปิดหูปิดตากันลง

ผมจึงสนใจตรงที่ว่ามันจะทำความเสียหายหนักหนาให้สังคมประเทศชาติแค่ไหน เท่านั้นหล่ะ!? ไม่ได้วัดที่ทำหรือไม่ทำ แต่วัดกันที่ทำมากหรือทำน้อย ...สรุปผมจะบอกแค่ว่า ถ้าทักกี้เอาไปซักร้อยล้านพันล้าน ผมก็ไม่ออกมาด่าให้เสียปากหรอก ถือว่าถ้าหมาเฝ้าบ้านจะขโมยเนื้อย่างไปกินบ้าง ก็ให้มันในฐานที่มันก็ยังเฝ้าอยู่ในบ้านดี แต่ถ้าทำเป็นสันดาน บ่อยครั้ง ป้องกันอย่างไรก็ไม่ไหว อย่างนี้คงต้องไล่ออกบ้านซะละ (เราถึงได้เห็นหมาระหกระเหินอยู่ตอนนี้)

ถ้าเราจะปกป้องชาติ กันตั้งแต่ระดับล้านสองล้าน สิบล้านยี่สิบล้าน ผมว่าคงไม่ต้องทำอย่างอื่นกันแล้วหล่ะ สาวกันไม่มีใครเหลือ เพราะระดับนี้แม้แต่ในหน่วยงานราชการเล็กๆ ก็มีเยอะละ หรือในระดับบริษีทเอย มรดกเอย ข่าวเปรมิกาเอยก็ 40 ล้านละ ...ถ้าเรามัวพะวงหมด สนใจแม้กระทั่งเศษโน้นเศษนี้ ไอ้โอกาสที่คนจะฉวยโอกาสงาบชิ้นใหญ่ก็สบช่องได้มากขึ้น เวลานี้ยามนี้จะมาจ้องอะไรกับเศษ ทั้งที่ตัวเบ้งๆ เห็นเด่นๆ ความเสียหายมากๆ มันมีทนโท่!!! สะสางตัวใหญ่ๆ ก่อนดีกว่าไหม เวลาเหลือค่อยตามเอาปลาซิวปลาสร้อย ...ไม่ใช่ว่าจะไม่เอาผิด แต่มันต้องเรียง Priority ก่อน-หลัง

การกระทำนี้มันทำเพื่อจะให้เห็นว่า นี่ไงมันก็เลวเหมือนกัน แล้วข้าผิดตรงไหน มันก็ผิด จะให้รับโทษทัณฑ์ทางสังคมเท่ากัน มันคงไม่ถูกต้องนัก เพราะบทลงโทษทางกฏหมายยังมีไม่เท่ากันได้ไปตามแต่ผลการกระทำ แม้มาตราเดียวกัน นี่มันก็เป็นเกมลากคนอื่นให้ชั่วเหมือนตัว อย่างที่นิยมทำกันมานานนั่นแหละ หรือบางทีเล่นในระเบียบไม่ได้ ก็ไปเล่นเรื่องครอบครัว เรื่องจดทะเบียนซ้อน เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องขี้ๆเยี่ยวๆ แม้เขาถ่ายไม่ออกเขาเอง ก็หาทางด่าว่าเป็นคนไม่ดี เพราะไม่รักษาสุขภาพ!!!!

 :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-04-2007, 09:38
ขอบคุณและยินดีที่คุณน้าชอบแถช่วยแฉ   :slime_bigsmile:

แฉเลยตามสบาย มีอะไรอยากแฉ แฉเลย ๆ จะมัวช้าอยู่ไย ?  :slime_smile2:

ปล. 1. แฉคนอื่นแล้ว อย่าลืมแฉตัวเองล่ะว่า ตีสองหน้า หรือทำตัวลิ้นสองแฉกอ๊ะป่าว ?  :slime_smile2:
      2. เกลียดนักพวกหน้าฉากอย่าง หลังฉากอีกอย่าง หน้าบอร์ดทำเป็นออดอ้อนออเซาะฉอเลาะ หลังไมค์แสร้งเป็นไร้เดียงสา แต่ทำตัวเป็นบ่างช่างยุ (ข้อนี้บ่นให้ฟังเฉย ๆ  อยากรู้ว่าใครหลังไมค์มาสิ จะ "แฉ" บ้าง วันไหนเป็นวันธงชัย ฤกษ์งามยามดี หรือจะเลือกวันโลกาวินาศดี จะแฉที่หน้าบอร์ดเสียเลย :mrgreen: :lol: :mrgreen:)


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 09-04-2007, 09:52
ผมว่าน่าจะทำจริงจังกว่านซะด้วยซ้ำ
ี้งบแค่เดือนละสองล้าน ลงโฆษณาบทความทางนสพ.ยังไม่พอเลย
ถ้าจะสร้างความเข้าใจจริงๆต้องทำจริงจังกว่านี้
ไม่งั้นก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจ และคนที่ตั้งใจจะไม่เข้าใจอีกมาก


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 09:55
ช่วยหาเอกสารเรื่องงบโปรโมทป้าแมรี่ ไปเป็นเลขายูเอ็นหน่อยสิ ใช้เงินไปเท่าไร


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 09-04-2007, 09:58
ก็นั่นนะสิ 12 ล้านถ้าเอาทำงานจริงๆ มันน้อยไปด้วยซ้ำ กับการต้องให้ความรู้ในระดับรากหญ้า ห่างไกล ไม่ค่อยรู้ข้อมูล ถ้าเทียบกับงบสถานีผีที่ได้มา แว่วๆว่าร้อยล้าน ยังเทียบกันไม่เห็นฝุ่นเล๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 09-04-2007, 10:01
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 09-04-2007, 10:13
ผมว่าเอกสารต่อจากหน้าแรกน่าจะเป็นเอกสารปลอม
เพราะหลายๆเรื่องมีวิธีการห่วย บางอันเห็นงบประมาณก็รู้ว่าทำไม่ได้
บางอันก็เอาโครงการของหน่วยงานอื่นมาลง
คล้ายๆกับตั้งใจสร้างข่าวมากกว่ารายงานผลงาน
อยากให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจังครับ
ถ้าปลอมเอกสารราชการออกมาเผยแพร่ คงได้มีคุกกันบ้างละ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-04-2007, 10:24
เข้ามาขำ แค่นี้ ก็ "หนาว" แล้ว  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 10:28
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก


โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!




หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 09-04-2007, 10:47
แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก

โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!

พาลูกไปต่างประเทศ อ๋อ! โอ๊คนะเหรอที่นั่งไทยคู่ฟ้าอ่ะนะ!? นั่นสิโจรย่อมไม่มีความชอบธรรมถึงได้ไปนอนนอกแผ่นดิน

ส่วนการแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศนั้น...
คำท่านพุทธทาสบอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ เพราะถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นโจร ก็จะเป็นประชาธิปไตยโจร"
(ขอยืมจากเพื่อนสมาชิกที่โพสต์ไว้ในกระทู้ก่อนๆ มารีรันอีกที)



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 10:48
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก


โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!




เอาหลักฐานไปแจ้งความเลยสิครับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ ให้มันบันทึกไปเลยว่ามีคนกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อว่าเป็นหลักฐานจริง แล้วผิดกฏหมาย ลุยเลยดีกว่า หลักฐานไม่ใช่ใบตอง มีไว้แสดงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าจะเห็นว่ามันเป็นใบตอง ก็ไม่ว่ากัน


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 11:02
แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก

โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!

พาลูกไปต่างประเทศ อ๋อ! โอ๊คนะเหรอที่นั่งไทยคู่ฟ้าอ่ะนะ!? นั่นสิโจรย่อมไม่มีความชอบธรรมถึงได้ไปนอนนอกแผ่นดิน

ส่วนการแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศนั้น...
คำท่านพุทธทาสบอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ เพราะถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นโจร ก็จะเป็นประชาธิปไตยโจร"
(ขอยืมจากเพื่อนสมาชิกที่โพสต์ไว้ในกระทู้ก่อนๆ มารีรันอีกที)




ถ้าปชต.ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่....แล้วเสียงแบบไหนจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าปชต.เอ่ย?!?


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 11:07
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก


โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!




เอาหลักฐานไปแจ้งความเลยสิครับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ ให้มันบันทึกไปเลยว่ามีคนกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อว่าเป็นหลักฐานจริง แล้วผิดกฏหมาย ลุยเลยดีกว่า หลักฐานไม่ใช่ใบตอง มีไว้แสดงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าจะเห็นว่ามันเป็นใบตอง ก็ไม่ว่ากัน


คนในสังคมเค้าต้องการให้มีการตรวจสอบเฉกเช่นเดียวกับการตรวจสอบทักษิณขณะนี้.....ตกลงพอจะมีหน่วยงานไหนที่พร้อมจะตรวจสอบป้าย่น & พี่เหน่งของผมบ้างมั้ยครับ?!?


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 11:13
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก


โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!




เอาหลักฐานไปแจ้งความเลยสิครับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ ให้มันบันทึกไปเลยว่ามีคนกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อว่าเป็นหลักฐานจริง แล้วผิดกฏหมาย ลุยเลยดีกว่า หลักฐานไม่ใช่ใบตอง มีไว้แสดงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าจะเห็นว่ามันเป็นใบตอง ก็ไม่ว่ากัน


คนในสังคมเค้าต้องการให้มีการตรวจสอบเฉกเช่นเดียวกับการตรวจสอบทักษิณขณะนี้.....ตกลงพอจะมีหน่วยงานไหนที่พร้อมจะตรวจสอบป้าย่น & พี่เหน่งของผมบ้างมั้ยครับ?!?

ก็ไปแจ้งความ พานักข่าวไปด้วย พาทนายหรือตัวแทนสมาคมทนายไปด้วย ทำให้เป็นข่าวใหญ่ พานักข่าวต่างประเทศไปด้วย หน่วยงานตรวจสอบคงจะไม่กล้าอยู่เฉย เพราะกฏหมายอาญามันมีระบุไว้อยู่แล้วว่า การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มันเป็นความผิด

ไปเถอะแจ้งเลย ถึงผมจะเห็นว่าทักษิณเลว ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้มีอำนาจคนอื่นเลวแล้วผมจะบอกว่าดี


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 11:17
แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก

โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!

พาลูกไปต่างประเทศ อ๋อ! โอ๊คนะเหรอที่นั่งไทยคู่ฟ้าอ่ะนะ!? นั่นสิโจรย่อมไม่มีความชอบธรรมถึงได้ไปนอนนอกแผ่นดิน

ส่วนการแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศนั้น...
คำท่านพุทธทาสบอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ เพราะถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นโจร ก็จะเป็นประชาธิปไตยโจร"
(ขอยืมจากเพื่อนสมาชิกที่โพสต์ไว้ในกระทู้ก่อนๆ มารีรันอีกที)




ถ้าปชต.ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่....แล้วเสียงแบบไหนจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าปชต.เอ่ย?!?

เข้าใจว่าประชาธิปไตยมีหลักเกณฑ์สั้น ๆ เท่านี้จริงหรือครับ หรือว่าจงใจจะเลือกมาใช้เพียงเท่านี้เพื่อตอบสนองสิ่งที่ตัวเองต้องการอธิบาย

ผมไม่เชื่อว่าตำราการเมืองการปกครองเล่มไหนในโลกนี้จะอธิบายประชาธิปไตยไว้สั้น ๆ เท่านี้


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 11:20
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก


โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!




เอาหลักฐานไปแจ้งความเลยสิครับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ ให้มันบันทึกไปเลยว่ามีคนกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อว่าเป็นหลักฐานจริง แล้วผิดกฏหมาย ลุยเลยดีกว่า หลักฐานไม่ใช่ใบตอง มีไว้แสดงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าจะเห็นว่ามันเป็นใบตอง ก็ไม่ว่ากัน


คนในสังคมเค้าต้องการให้มีการตรวจสอบเฉกเช่นเดียวกับการตรวจสอบทักษิณขณะนี้.....ตกลงพอจะมีหน่วยงานไหนที่พร้อมจะตรวจสอบป้าย่น & พี่เหน่งของผมบ้างมั้ยครับ?!?

ก็ไปแจ้งความ พานักข่าวไปด้วย พาทนายหรือตัวแทนสมาคมทนายไปด้วย ทำให้เป็นข่าวใหญ่ พานักข่าวต่างประเทศไปด้วย หน่วยงานตรวจสอบคงจะไม่กล้าอยู่เฉย เพราะกฏหมายอาญามันมีระบุไว้อยู่แล้วว่า การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มันเป็นความผิด

ไปเถอะแจ้งเลย ถึงผมจะเห็นว่าทักษิณเลว ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้มีอำนาจคนอื่นเลวแล้วผมจะบอกว่าดี


มีแต่สภาทนายความครับ...ไม่มีสมาคมทนายความ  และที่สำคัญก็คือ สภาดังกล่าวชอบเสนอหน้าแต่เรื่องที่เกี่ยวกับการโค่นล้มทักษิณ  ไม่อย่างนั้นจะได้ดิบได้ดีนั่งหน้าสลอนในสภาฯขณะนี้รึ...ใช่ไหม 'สัก' & 'เดช' !?!


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 11:23
แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก

โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!

พาลูกไปต่างประเทศ อ๋อ! โอ๊คนะเหรอที่นั่งไทยคู่ฟ้าอ่ะนะ!? นั่นสิโจรย่อมไม่มีความชอบธรรมถึงได้ไปนอนนอกแผ่นดิน

ส่วนการแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศนั้น...
คำท่านพุทธทาสบอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ เพราะถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นโจร ก็จะเป็นประชาธิปไตยโจร"
(ขอยืมจากเพื่อนสมาชิกที่โพสต์ไว้ในกระทู้ก่อนๆ มารีรันอีกที)




ถ้าปชต.ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่....แล้วเสียงแบบไหนจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าปชต.เอ่ย?!?

เข้าใจว่าประชาธิปไตยมีหลักเกณฑ์สั้น ๆ เท่านี้จริงหรือครับ หรือว่าจงใจจะเลือกมาใช้เพียงเท่านี้เพื่อตอบสนองสิ่งที่ตัวเองต้องการอธิบาย

ผมไม่เชื่อว่าตำราการเมืองการปกครองเล่มไหนในโลกนี้จะอธิบายประชาธิปไตยไว้สั้น ๆ เท่านี้

ถ้าคุณเข้าใจว่า majority คือ หัวใจสำคัญของระบอบปชต.ก็ไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว....แต่ถ้ามาแนวจริยธรรม คุณธรรม อะไรนั่นมันก็เป็นเรื่องของปชต.แบบไทยๆของ someone!!!


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 11:23
เรื่องนี้ง่ายมากครับ

ถ้าการกระทำนั้นผิดกฏหมายไม่ว่าข้อใหน แจ้งความดำเนินคดีได้เลย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าใครหน้าใหนทำ จำนวนเงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ก็รอให้มีอำนาจก่อนก็ได้ คดีมีอายุความอีกหลายปี เอาเลยครับ ลากคอคนชั่วคนโกงเข้าคุก

แต่ถ้าเอามาอ้างเพื่อดีสเครดิต บ้าน้ำลายกันไปวัน ๆ ผมขี้คร้านจะเสียเวลาเหลือบแล!!


แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก


โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!




เอาหลักฐานไปแจ้งความเลยสิครับ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ ให้มันบันทึกไปเลยว่ามีคนกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อว่าเป็นหลักฐานจริง แล้วผิดกฏหมาย ลุยเลยดีกว่า หลักฐานไม่ใช่ใบตอง มีไว้แสดงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าจะเห็นว่ามันเป็นใบตอง ก็ไม่ว่ากัน


คนในสังคมเค้าต้องการให้มีการตรวจสอบเฉกเช่นเดียวกับการตรวจสอบทักษิณขณะนี้.....ตกลงพอจะมีหน่วยงานไหนที่พร้อมจะตรวจสอบป้าย่น & พี่เหน่งของผมบ้างมั้ยครับ?!?

ก็ไปแจ้งความ พานักข่าวไปด้วย พาทนายหรือตัวแทนสมาคมทนายไปด้วย ทำให้เป็นข่าวใหญ่ พานักข่าวต่างประเทศไปด้วย หน่วยงานตรวจสอบคงจะไม่กล้าอยู่เฉย เพราะกฏหมายอาญามันมีระบุไว้อยู่แล้วว่า การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มันเป็นความผิด

ไปเถอะแจ้งเลย ถึงผมจะเห็นว่าทักษิณเลว ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้มีอำนาจคนอื่นเลวแล้วผมจะบอกว่าดี


มีแต่สภาทนายความครับ...ไม่มีสมาคมทนายความ  และที่สำคัญก็คือ สภาดังกล่าวชอบเสนอหน้าแต่เรื่องที่เกี่ยวกับการโค่นล้มทักษิณ  ไม่อย่างนั้นจะได้ดิบได้ดีนั่งหน้าสลอนในสภาฯขณะนี้รึ...ใช่ไหม 'สัก' & 'เดช' !?!

ไม่ลองสภาโจ๊กดูบ้างล่ะครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 11:26
แค่เรื่องพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ กับ การลอกผลงานทางวิชาการ....ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยครับ คนตรวจสอบยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม โกง และไร้ซึ่งจริยธรรมขนาดนั้นยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นเค้าอีก

โจรย่อมไม่มีความชอบธรรมที่จะไปแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศหรอกครับในโลกนี้!!

พาลูกไปต่างประเทศ อ๋อ! โอ๊คนะเหรอที่นั่งไทยคู่ฟ้าอ่ะนะ!? นั่นสิโจรย่อมไม่มีความชอบธรรมถึงได้ไปนอนนอกแผ่นดิน

ส่วนการแตะต้องคนที่ปชช.เค้าเลือกเข้าไปบริหารประเทศนั้น...
คำท่านพุทธทาสบอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ เพราะถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นโจร ก็จะเป็นประชาธิปไตยโจร"
(ขอยืมจากเพื่อนสมาชิกที่โพสต์ไว้ในกระทู้ก่อนๆ มารีรันอีกที)




ถ้าปชต.ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่....แล้วเสียงแบบไหนจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าปชต.เอ่ย?!?

เข้าใจว่าประชาธิปไตยมีหลักเกณฑ์สั้น ๆ เท่านี้จริงหรือครับ หรือว่าจงใจจะเลือกมาใช้เพียงเท่านี้เพื่อตอบสนองสิ่งที่ตัวเองต้องการอธิบาย

ผมไม่เชื่อว่าตำราการเมืองการปกครองเล่มไหนในโลกนี้จะอธิบายประชาธิปไตยไว้สั้น ๆ เท่านี้

ถ้าคุณเข้าใจว่า majority คือ หัวใจสำคัญของระบอบปชต.ก็ไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว....แต่ถ้ามาแนวจริยธรรม คุณธรรม อะไรนั่นมันก็เป็นเรื่องของปชต.แบบไทยๆของ someone!!!


เอาสั้น  ๆ ก็ได้


ประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน  ถ้าการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประโยชน์ตัวเองและคนรอบข้าง มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 11:27
คำว่าปชช.นี่ปชช.ส่วนไหนครับ? แล้วถ้าการเลือกตั้งไม่เป็นปชต......ประเทศอังกฤษและอเมริกาเค้าปกครองด้วยระบอบไหนเอ่ย?


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 09-04-2007, 11:32
...ประเทศอังกฤษและอเมริกาเค้าปกครองด้วยระบอบไหนเอ่ย?

อ้างอิงจาก http://forum.serithai.net/index.php?topic=12907.0 ของคุณ Cherub Rock


democracy     

Taken from the Greek 'demos' and 'kratos' ('people' and 'power' respectively), it refers to the system of government in which the entire population effectively rules through a concentrated body which relies on the population's opinion as a source for its policies.

The French Revolution was sparked by ideals of liberty and democracy for all.

Democracy     

A failing system of government, which like communism works in principle but fails in practice.
ALL democracies end up serving the needs of rich interest groups and detach themselves from the populous. which inturn results in the majority of the people being governed by a minority.

The current UK and US governments are both cases where a minority vote has put a leader into power against the wishes of the majority.

ขออนุญาตเอาไปโพสต์ให้พวกคลั่งประชาธิปไตยแบบหัวปี๊บอ่านให้ตาสว่างขึ้นมาบ้างนะคะ  :slime_smile2:




หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 11:39
...ประเทศอังกฤษและอเมริกาเค้าปกครองด้วยระบอบไหนเอ่ย?

อ้างอิงจาก http://forum.serithai.net/index.php?topic=12907.0 ของคุณ Cherub Rock


democracy     

Taken from the Greek 'demos' and 'kratos' ('people' and 'power' respectively), it refers to the system of government in which the entire population effectively rules through a concentrated body which relies on the population's opinion as a source for its policies.

The French Revolution was sparked by ideals of liberty and democracy for all.

Democracy     

A failing system of government, which like communism works in principle but fails in practice.
ALL democracies end up serving the needs of rich interest groups and detach themselves from the populous. which inturn results in the majority of the people being governed by a minority.

The current UK and US governments are both cases where a minority vote has put a leader into power against the wishes of the majority.

ขออนุญาตเอาไปโพสต์ให้พวกคลั่งประชาธิปไตยแบบหัวปี๊บอ่านให้ตาสว่างขึ้นมาบ้างนะคะ  :slime_smile2:




นั่นซิครับว่าพวกคลั่งปชต.นี่มันเลวจริงๆ....แล้วพวกที่ไม่คลั่งปชต.นี่เค้าคลั่งเผด็จการหรือระบอบไหนในโลกนี้อ่ะครับ?


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 09-04-2007, 11:46
คำว่าปชช.นี่ปชช.ส่วนไหนครับ? แล้วถ้าการเลือกตั้งไม่เป็นปชต......ประเทศอังกฤษและอเมริกาเค้าปกครองด้วยระบอบไหนเอ่ย?

การเลือกตั้ง เป็นกระบวนการครับ ไม่ใช่หลักการของประชาธิปไตย แล้วทีนี้กระบวนการมันก็มีหลายกระบวนการประกอบกัน ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง

อังกฤษ อเมริกา ไม่มีมติพรรคไว้บังคับ สส.หรือ สว.ครับ สส.หรือ สว. ออกเสียงในเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้อย่างอิสระ สามารถโหวตไม่เอากฏหมายของพรรคตัวเองก็ได้หากว่ามันจะส่งผลเสียต่อประชาชนในรัฐ หรือเขตเลือกตั้งของตนเอง คือ สส. สว.อเมริกา เขาจะลงคะแนนตามความต้องการของคนที่เลือกเขาเข้ามาครับ
มี สส. พรรคริพับลิกัน โหวตไม่เอากฏหมายของ บุช เยอะมาก และมี สส.พรรคเดโมแครต โหวตไม่เอากฏหมายของคลินตั้นเยอะอีกเหมือนกัน

ข้ามแอตแลนติคไปที่ลอนดอนกันบ้าง สส.พรรคเลเบอร์หลายคน รวมทั้งตัว House Speaker โหวตคัดค้านการทำสงครามอิรัก โดยไม่ถูกขับออกจากพรรค ในจำนวนนั้นมีคนที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วย พอโหวตเสร็จรัฐมนตรีที่ร่วมค้าน ก็ลาออก

ที่อเมริกา ประชาชน ห้างร้าน บริจาคเงินสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งครับ มีกฏหมายรองรับชัดเจน บริษัทรวย ๆ ใหญ่ จะบริจาคเยอะก็ไม่ได้ มีเพดานกำหนด
ไม่ใช่ผู้สมัครจ่ายเงินให้ประชาชน

การเลือกตั้งเป็นกระบวนการ เป็นหนทางที่ช่วยให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ สิ่งนั้นก็คือ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประชาชนทุกคนไปร่วมทำหน้าที่บริหาร ปกครองประเทศ เขาจึงให้เลือกตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ และการทำหน้าที่ของตัวแทนก็ไม่ใช่ไปทำเองทุกอย่าง ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย ผมยังไม่เคยเห็น สส.คนไหนของพรรคการเมืองไหนในประเทศไทย ออกมาถามประชาชนสักครั้งว่า กฏหมายฉบับนี้ ควรโหวตอย่างไร

แล้วถ้าใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก คนที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อจากคลินตั้น คือ อัล กอร์ ครับ เพราะได้คะแนนเสียงประชาชนมากที่สุด แต่กระบวนการของสหรัฐฯ แต่ด้วยระบบของอเมริกา ที่มีขั้นตอนต่างจากการเลือกตั้งของประเทศอื่น ๆ ทำให้คนได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนน้อยได้เป็นประธานาธิบดี

ซึ่งมันไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่สมัยเรแกน

เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตย ไม่ใช่การไปกากบาทออกเสียง หย่อนบัตร แล้วจบกัน อีกสี่ปีมีประชาธิปไตยอีกครั้ง ถ้าคุณเข้าใจว่ามันแค่นั้น เท่านั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะในความเป็นจริงแล้วผมเชื่อว่าประชาธิปไตยมันมีอะไรอีกมากมายกว่าที่ผมกล่าวมาอีกครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 09-04-2007, 11:53
ผมเชื่อว่า 12ล้านที่ ดร.Audy (เชียรช่วง)ที่ผมเคยรู้จัก ผมหวังว่าเงินใช้ไปนั้น คงเกิดประโยชน์แก่ประเทศมากว่าโทษนะครับ :slime_hitted:
อย่าให้เหมือนพวกนักธุรกิจอื่นที่มีธุรกิจใหญ่แล้วยังทำลายชาติย่อยยับ...อย่าให้เขาว่าได้............  ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ประชาธิปไตยแบบไทยไม่เหมือนชาติอื่นหรอกครับ...แบบไทยๆแล้วไม่เสียเลือดเนื้อ  รุนแรงนักดีแล้ว..แต่จะเสียพวกเนื้องอก หรือมะเร็งร้ายบ้างก็ต้องทำ :slime_cool:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 09-04-2007, 11:57
เฮ้ออออออออออ :slime_surrender:


ยังจะมานั่งปากเปียก ปากแฉะเรื่องนี้อีกเหรอครับ

ถามจริงๆเหอะ จะต้องมาพูดกันอีกกี่รอบเนี่ย  :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 09-04-2007, 12:07
เห็นคนตั้งกระทู้ก็ไม่อยากอ่าน แต่เห็นคนตอบเยอะ
อยากจะเข้ามาถามว่า ดร. เป็นญาติทางไหนกัน
เพราะฟังทีวีไม่ทัน ว่า ดร. เป็นญาติทางทวด โห!!
ไกลขนาดนั้นเลยจริงหรือ หรือว่าเป็นน้องแท้ๆ
หรือว่า ญาติ ลุงป้าน้าอา หรือทาง ปู่ย่าตายาย
ถ้าถึงทางทวด ไม่ต้องพูดเลยว่า มันทับซ้อนหรือเปล่า?


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 09-04-2007, 12:18
ว่าแล้วว่าต้องมีคนมาเอาสีข้างถู ว่าถ้าประชาธิปไตยไม่เท่ากับเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย จนได้ !!!
น่าเบื่อคนพวกนี้นะครับ เขียนสั้นมันก็เถียงข้างๆคูๆ เขียนอธิบายยาวมันก็ไม่เข้าใจ เมื่อยมือเราอีก เฮ้อ!

คุณ ScaRECroW อธิบายไว้อย่างดีแล้ว เหลือแต่หัวปี๊บจะทำความเข้าใจรึเปล่าเท่านั้น ...ถ้าเรียนวิชาปกครองจากวิทยาลัยทาสทรราชมา โดยยึดตำราเล่มที่จ้าวระบอบทักษิณาธิปไตยเจ้าของวิทยาลัยเขียนเองนั้น ก็อย่าได้เอามาอ้างกับคนภายนอกเขาเลย  ผมว่าพวกเราเซฟแรงไปถกสาระบ้านเมืองกันดีกว่า

 :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 09-04-2007, 12:53
หัวข้อกระทู้ว่าด้วยเรื่องของ น้องชาย กับเงิน ๑๒ ล้าน


ส่วนข่าวข้างล่างนี้ ว่าด้วยเรื่องของ น้องสาว กับเงิน ๓๐๐ ล้าน  :slime_agreed:

......................................................................................

ตำรวจแจงสั่งเปลี่ยนหัวหน้าสอบสวนคดี"คาร์ปาร์ค"นานแล้ว

ตำรวจสอบสวนกลาง แจงสั่งเปลี่ยนหัวหน้าสอบสวนคดี"คาร์ปาร์ค"มานานแล้ว หลัง"อลงกรณ์"จี้ถามความคืบหน้าคดี

 จาก กรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. เพื่อสอบถามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ นายเยาวเรศ ชินวัตรกับพวกในฐานความผิดร่วมกันเรียกหรือรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนให้กระทำหรือไม่กระทำการตามหน้าที่ อันเป็นคุณหรือโทษแก่บุคคลใด เป็นความผิดตามมาตรากฎหมายอาญามาตรา 143 ประกอบมาตรา 83 กรณีให้ผลประโยชน์จูงใจเจ้าพนักงานเป็นเงิน 300 ล้านบาท เพื่อจะได้ดำเนินงานรับงานประมูลโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถสนามบิน สุวรรณภูมิ (คาร์ปาร์ค)  พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพนักงานสอบสวนคือ พล.ต.ต.วิเชียร สิงห์ปรีชา รองผบช.ก. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นั้น

 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำคำสั่งการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวมายืนยันกับผู้ สื่อข่าวดูว่าก่อนหน้านี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานสอบสวนมานานแล้ว

 โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) มีคำสั่งบช.ก.ที่103/2549 ลงวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2549 เรื่องการเปลี่ยนแปลงคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน โดยแต่งตั้งให้พล.ต.ต.คัคคพงศ์ ศรีพาณิชย์ รองผบช.ก.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แทนพล.ต.ต.วิเชียร สิงห์ปรีชา รองผบช.ก. เนื่องจากพล.ต.ต.วิเชียร อยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังผ่าตัด ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้การสืบสวนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

 สืบเนื่องจากนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ให้ดำเนินคดีอาญากับนายเยาวเรศ ชินวัตรกับพวกในฐานความผิดร่วมกันเรียกหรือรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนให้กระทำหรือไม่กระทำการตามหน้าที่ อันเป็นคุณหรือโทษแก่บุคคลใด เป็นความผิดตามมาตรากฎหมายอาญามาตรา 143 ประกอบมาตรา 83 กรณีให้ผลประโยชน์จูงใจเจ้าพนักงานเป็นเงิน 300 ล้านบาท เพื่อจะได้ดำเนินงานรับงานประมูลโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถสนามบิน สุวรรณภูมิ (คาร์ปาร์ค)
   
http://www.komchadluek.net/2006/12/01/c001_70646.php?news_id=70646

 :slime_bigsmile:   :slime_smile2:   :slime_v:

...





หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 13:40
ว่าแล้วว่าต้องมีคนมาเอาสีข้างถู ว่าถ้าประชาธิปไตยไม่เท่ากับเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย จนได้ !!!
น่าเบื่อคนพวกนี้นะครับ เขียนสั้นมันก็เถียงข้างๆคูๆ เขียนอธิบายยาวมันก็ไม่เข้าใจ เมื่อยมือเราอีก เฮ้อ!

คุณ ScaRECroW อธิบายไว้อย่างดีแล้ว เหลือแต่หัวปี๊บจะทำความเข้าใจรึเปล่าเท่านั้น ...ถ้าเรียนวิชาปกครองจากวิทยาลัยทาสทรราชมา โดยยึดตำราเล่มที่จ้าวระบอบทักษิณาธิปไตยเจ้าของวิทยาลัยเขียนเองนั้น ก็อย่าได้เอามาอ้างกับคนภายนอกเขาเลย  ผมว่าพวกเราเซฟแรงไปถกสาระบ้านเมืองกันดีกว่า

 :slime_hmm:


พวกคุณน่าจะกล้ายอมรับตรงๆดีกว่าว่า ถ้าทักษิณชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่เป็นปชต. แต่ถ้าเมื่อไหร่คนไทยเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ทักษิณ...พวกคุณจะบอกว่านั่นคือ ปชต.


ขนาดพูดตรงๆยังไม่กล้ายอมรับเลย....อ้อมไปอ้อมมา none sense จริงๆ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 09-04-2007, 15:10
พวกคุณน่าจะกล้ายอมรับตรงๆดีกว่าว่า ถ้าทักษิณชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่เป็นปชต. แต่ถ้าเมื่อไหร่คนไทยเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ทักษิณ...พวกคุณจะบอกว่านั่นคือ ปชต.

ขนาดพูดตรงๆยังไม่กล้ายอมรับเลย....อ้อมไปอ้อมมา none sense จริงๆ

ถ้าทักสินเลือกตั้งมาด้วยพื้นฐานของความเป็นประชาธิปไตยจริงๆ บริสุทธิ์ผุดผ่อง มันจะอ้างอย่างไรก็เชิญตามสบาย แต่ที่ผ่านมามันไม่ใช่ แต่ถึงแม้จะมาสกปรก ผู้คนก็ยังอยู่ในกรอบรัลผลเลือกตั้งนั้น ปล่อยให้มันนั่งบริหารประเทศมาได้ตั้งหลายปี ถ้าเขาไม่ยอมรับคงมีม๊อบมาไล่เสียตั้งแต่ผลคะแนนออกวันนั้นแล้ว ...แต่ที่เขาไม่ยอมรับมันเพราะเมื่อมันเข้ามาแล้ว กลับไม่ใช้โอกาสที่ได้เข้ามาทำงานนี้ทำให้ดี ดันทะลึ่งโกงชาติบ้านเมือง แก้กฏหมาย ขายชาติ แทรกแซงสื่อและองค์กรตรวจสอบ ฯลฯ ทำลายกระบวนการถ่วงดุลประชาธิปไตย กลายเป็นเผด็จการทุนนิยมในที่สุด จนปลายๆ ปีที่ 5-6 เขาถึงออกมาแสดงพลังขับไล่  หาได้ไล่มันตั้งแต่สิ้นสุดนับคะแนนวันเลือกตั้ง ...สตึจริงๆ คุยกะคนพรรค์นี้ หัดเข้าใจหลักการ ปชต.ซักนิด แล้วค่อยมาเสนอหน้าจะดีมาก

ต่อให้คนอื่นที่ไม่ใช่ทักสิน แล้วทำตัวถอย' เยี่ยงมัน ก็จะไม่ได้รับการยอมรับเช่นกัน เพราะคนที่เขาปัญญาชนรักประเทศ ไม่ได้ยึดติดเลียแข้งขาเฉพาะบุคคล แต่เอาผลประโยชน์ของชาติ เอาสถาบันที่เคารพ เป็นตัวตั้ง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 09-04-2007, 15:19
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  
เป็นประเทศประชาธิปไตย เพราะว่ามีคำว่า "ประชาธิปไตย" ในชื่อด้วย???

จีนก็เป็น "ประชาธิปไตย" เพราะมีการเลือกตั้งด้วย แต่ว่าทุกคน
ต้องเป็นสมาชิกพรรค "คอมมิวนิสต์" เท่านั้น!!!

สำหรับผม คนที่ถือหาง ใครลักใคร ที่เชื่อในอุดมการณ์ "จังหวัดไหน
เลือกพรรคเรายกจังหวัด จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ" เป็นพวกที่ไม่รู้
จักประชาธิปไตย และไม่มีสิทธิจะมาวิพากษ์วิจารณ์ ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 09-04-2007, 15:22
พวกคุณน่าจะกล้ายอมรับตรงๆดีกว่าว่า ถ้าทักษิณชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่เป็นปชต. แต่ถ้าเมื่อไหร่คนไทยเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ทักษิณ...พวกคุณจะบอกว่านั่นคือ ปชต.

ขนาดพูดตรงๆยังไม่กล้ายอมรับเลย....อ้อมไปอ้อมมา none sense จริงๆ

ถ้าทักสินเลือกตั้งมาด้วยพื้นฐานของความเป็นประชาธิปไตยจริงๆ บริสุทธิ์ผุดผ่อง มันจะอ้างอย่างไรก็เชิญตามสบาย แต่ที่ผ่านมามันไม่ใช่ แต่ถึงแม้จะมาสกปรก ผู้คนก็ยังอยู่ในกรอบรัลผลเลือกตั้งนั้น ปล่อยให้มันนั่งบริหารประเทศมาได้ตั้งหลายปี ถ้าเขาไม่ยอมรับคงมีม๊อบมาไล่เสียตั้งแต่ผลคะแนนออกวันนั้นแล้ว ...แต่ที่เขาไม่ยอมรับมันเพราะเมื่อมันเข้ามาแล้ว กลับไม่ใช้โอกาสที่ได้เข้ามาทำงานนี้ทำให้ดี ดันทะลึ่งโกงชาติบ้านเมือง แก้กฏหมาย ขายชาติ แทรกแซงสื่อและองค์กรตรวจสอบ ฯลฯ ทำลายกระบวนการถ่วงดุลประชาธิปไตย กลายเป็นเผด็จการทุนนิยมในที่สุด จนปลายๆ ปีที่ 5-6 เขาถึงออกมาแสดงพลังขับไล่  หาได้ไล่มันตั้งแต่สิ้นสุดนับคะแนนวันเลือกตั้ง ...สตึจริงๆ คุยกะคนพรรค์นี้ หัดเข้าใจหลักการ ปชต.ซักนิด แล้วค่อยมาเสนอหน้าจะดีมาก

ต่อให้คนอื่นที่ไม่ใช่ทักสิน แล้วทำตัวถอย' เยี่ยงมัน ก็จะไม่ได้รับการยอมรับเช่นกัน เพราะคนที่เขาปัญญาชนรักประเทศ ไม่ได้ยึดติดเลียแข้งขาเฉพาะบุคคล แต่เอาผลประโยชน์ของชาติ เอาสถาบันที่เคารพ เป็นตัวตั้ง

เห็นคุยนักคุยหน้าว่าทักษิณเป็นคนไม่มีจริยธรรม เพราะถ้าทักษิณทำผิดกฎหมายจริง...คตส. คงไม่ต้องปล่อยข่าวว่าข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง ฯลฯ ทั้งๆที่ช่วงรัฐประหารใหม่ๆ คตส. คุยนักคุยหนาว่ามีหลักฐานในมือเพียบ

คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมาท่ามกลางความรังเกียจของประเทศต่างๆทั่วโลก เพราะปชต.แบบไทยๆขณะนี้ไงถึงทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศไทย

มีเรื่องไหนที่เป็นข่าวดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา!?!


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 09-04-2007, 16:35
(http://imagesfile.mine.nu/article/20070405-133456-_65_smsk.jpg)

เชียรช่วงนี่คนไหนหว่า ให้ทาย


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 09-04-2007, 17:06
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน


หัวข้อ: ผมเป็นฝ่ายอาสาตัวเข้ามาทำงานเอง พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 09-04-2007, 17:43
**เชียรช่วงแจง"พี่สพรั่งไม่เกี่ยว"

ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร หัวหน้าทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึก
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ...

ปฏิเสธเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า การเข้าไปทำงานครั้งนี้ ไม่ใช่ขึ้นตรงกับ พล.อ.สพรั่ง
จึงไม่อยากให้สังคมไปสนใจผูกโยงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง

"ผมเป็นฝ่ายอาสาตัวเข้ามาทำงานเอง พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย  ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย"
ดร.เชียรช่วงกล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103090450&day=2007/04/09&sectionid=0101

พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย
แล้วลายเซ็นใครล่ะ ที่อยู่ในหนังสืออนุมัติ ลับมาก นั่น ???


 :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 09-04-2007, 18:38
สรุปว่า คุณจ๊ะ จะไม่ฟ้อง
เอาแค่มาประกาศในนี้ แล้วก็จางหายไป
หากคุณจ๊ะคิดว่า ผิดจริง มีหลักฐานจริง ก็น่าจะฟ้องไปนะคะ..
ไม่ใช่มาแค่ประกาศในนี้ แ่ล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย...  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: nick ที่ 09-04-2007, 19:29
มีหลักฐานพร้อมแล้ว จะมัวช้าอยู่ใย
รีบเอาคนชั่วเข้าคุกเร็วๆเถิด


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 09-04-2007, 19:55
อ่านแล้วเฉยๆค่ะ

ไม่มีอะไรตื่นเต้น ..

 :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 09-04-2007, 20:21
คมช.แจงเอกสารลับปลอมดิสเครดิตสพรั่ง

โฆษกคมช.โต้เอกสารลับจ้างทีมวิเคราะห์ข้อมูลฯเป็นเท็จ  มุ่งดิสเครดิตคมช.

และตระกูลกัลยาณมิตรมั่นใจไม่กระทบความเชื่อมั่นคณะปฏิวัติ ขณะที่เชียรช่วง ยืนยันเอกสารเป็นของแท้

คมช.ต้องออกมาชี้แจง พร้อมรับส่งคนประกบกลุ่มต่อต้านจริง

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)เปิดเผยกับ "ข่าวหุ้นธุรกิจ"

ยืนยันว่าเอกสารที่กลุ่มผู้บริหารพีทีวีระบุว่าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษคมช.ใช้งบประมาณจำนวน 12 ล้านบาท

จ้างดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร น้องชายพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

มาทำงานเป็นหัวหน้าทีมวิเคราะห์ข้อมูลและการประชาสัมพันธ์เชิงลึกให้กับคมช.นั้น

เบื้องต้นจากประสบการณ์ในการทำงานฝ่ายเสนาธิการทหารบก คลุกคลีเรื่องเอกสารแบบนี้มานานเชื่อว่าไม่ใช่เอกสารจริง

เนื่องจากพบความผิดปกติหลายจุด

จากการตรวจสอบเอกสารที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตเบื้องต้นพบว่าหากเป็นฉบับจริง

เนื้อหาสาระและคำว่าลับมากต้องมีความสอดคล้องกันอย่างยิ่ง   แต่เอกสารที่เผยแพร่เป็นเพียงเรื่องการประชาสัมพันธ์ 

การจัดงานกิจกรรมทั่ว ๆ ไปไม่ได้ถือว่าเป็นความลับอะไร อีกทั้งก็เป็นสิทธิที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษคมช.สามารถทำได้อยู่แล้ว   

เนื่องจากในศูนย์ฯนี้จะมีงานหลายส่วนเช่น  งานด้านความมั่นคง การข่าวหรือกิจการพลเรือน

"มั่นใจว่าไม่ใช่ฉบับจริงแน่นอน เพราะเท่าที่ดู ถ้าเป็นฉบับจริงลายเซ็นต์ของผู้มีอำนาจจะอยู่ในตอนท้ายของหนังสือหน้าเดียวกับเนื้อหา 

แต่ที่พบปรากฎว่าลายเซ็นต์อยู่อีกแผ่นหนึ่งเป็นเอกสารแผ่นเล็ก ๆ ปะหน้าอยู่

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการตัดต่อหรือไม่ แต่เชื่อว่าการออกมาโจมตีในลักษณะเช่นนี้เหมือนเป็นการดิสเครดิตคมช.

ในระบบการรักษาความปลอดภัยเอกสารลับว่ามีการรั่วไหล รวมทั้งดิสเครดิตคำว่ากัลยาณมิตรมากกว่า" โฆษกคมช.กล่าว

โฆษกคมช.กล่าวว่า เราไม่ทราบว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลในลักษณะนี้มีเจตนาอย่างไร 

ไม่รู้ว่าต้องการอะไร แต่ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคมช.

สำหรับทีมงานเพื่อการสนับสนุนคมช.นั้นมีหลายคนที่เป็นนักวิชาการซึ่งรวมทั้งดร.เชียรช่วงด้วย

เพื่อทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ ติดตาม ประเมินผลและการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ

เนื่องจากทหารไม่มีความถนัดในงานด้านนี้จึงต้องอาศัยนักวิชาการเข้าช่วย  ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก 

ส่วนงบประมาณในการดำเนินการก็เป็นงบสำหรับการประชาสัมพันธ์ของคมช.อยู่แล้ว

โดยไม่ใช่งบ 550 ล้านบาทที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช.และพล.อ.สพรั่ง

ทราบเรื่องก็ได้ให้ตนไปตรวจสอบ ซึ่งวันนี้(9เม.ษ.)ตนจะตรวจสอบกับฝ่ายปฏิบัติการพิเศษคมช.ว่า

เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารจริงหรือไม่ หากเป็นเอกสารจริงก็จะหารือในรายละเอียด

เพื่อเปิดเผยกับประชาชนว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร รวมทั้งคมช.ต้องพิจารณาปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัยของเอกสารลับ

ว่ามีการรั่วไหลออกไปได้อย่างไร

"หากเป็นฉบับจริง ต้องมีคนข้างในรู้เรื่องว่าเอกสารหายไปได้อย่างไร ถือว่าเงินของอดีตนายกรัฐมนตรีซื้อทุกอย่างได้

ขณะที่พูดว่าหยุดแล้วแต่ก็ไม่หยุดจริง " โฆษกคมช.กล่าว

ด้านนายเชียรช่วง  กัลยาณมิตร หัวหน้าทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึกของคมช.

ยืนยันกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ว่า หนังสือดังกล่าวเป็นฉบับจริง

โดยคณะทำงานของที่ถูกตั้งขึ้นทำหน้าที่เหมือนเสนาธิการฝ่ายพลเรือนที่มีภารกิจ  5  เรื่องคือ

การเตรียมงานเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา  80 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

การตรวจสอบ     วิเคราะห์และชี้แจงการไม่สืบทอดอำนาจของคมช.    การไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับองค์กรอิสระ

 การแก้ไขปัญหา  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้และงานทำบุญประเทศ

โดยคณะทำงานทั้งหมดเป็นนักวิชาการ ที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

"หนังสือจริงทุกอย่าง  คมช.ต้องออกมายืนยันในเรื่องนี้ เพราะถือว่าคณะทำงานที่ตั้งขึ้นไม่มีอะไรต้องปิดบัง 

การทำงานทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ ทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติ"นายเชียรช่วงกล่าว

ส่วนประเด็นที่ระบุว่ามีความเกี่ยวพันกับพล.อ.สพรั่งนั้น  ยืนยันว่า  เป็นคนในตระกูลเดียวกันจริง

แต่ไม่ใช่พี่น้อง ซึ่งการเปิดประเด็นเรื่องนี้ เข้าใจว่า ต้องการพุ่งเป้าไปเพื่อทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของพล.อ.สพรั่ง 

แต่ไม่ว่าจะมีความเกี่ยวพันกันหรือไม่ ตนเห็นว่าทุกฝ่ายต่างก็หวังดีกับประเทศชาติ  โดยเฉพาะตระกูลกัลยาณมิตร 

เป็นสกุลของเจ้าพระยา จึงยึดหลักการทำงานเพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์

สำหรับงบประมาณตามเอกสารจำนวน 12 ล้านบาทนั้น เป็นส่วนที่คมช.ได้ปรับลดลงแล้ว

ทั้งที่ความเป็นจริงได้มีการเสนอของบประมาณถึง 24.9 ล้านบาท ดังนั้น ส่วนที่เหลือ ในฐานะหัวหน้าทีมต้องใช้จ่ายเงินตัวเองทั้งหมด

นายเชียรช่วงกล่าวอีกว่า การที่ฝ่ายการเมืองพยายามจะนำตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องชี้แจงว่าที่ผ่านมาก็เคยทำงานด้านการเมือง

โดยเคยเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งผลักดันให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นรัฐมนตรีสมัยอยู่พรรคพลังธรรม

และเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งกทม.เขต 3 ของพรรคประชาธิปัตย์ช่วยให้นายนพดล ปัทมะ

ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นส.ส.ในขณะนั้น  ดังนั้น  จะเห็นได้ว่าตนเคยมีประสบการณ์ด้านการเมือง

ซึ่งไม่ได้เป็นการเรียกร้องหรือทวงบุญคุณ แต่ไม่ต้องการให้ฝฝ่ายการเมือง

นำเรื่องการทำงานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวกันอยู่

นอกจากนี้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้เข้าพบนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตส.ว.นครราชสีมา

เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน  โดยเฉพาะประเด็นฆ่าตัดตอน

ซึ่งคณะทำงานจะเสนอให้คมช.เข้าไปร่วมลงนามในสัตยาบันที่ว่าด้วยเรื่องเหล่านี้กับสหประชาชาติด้วย

เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาปฏิเสธที่จะลงนามในเรื่องดังกล่าว

ขณะที่การทำงานของทีมวิเคราะห์ข้อมูลฯนั้น ได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีระยะเวลา 6 เดือน

โดยจะประเมินผลการทำงานเมื่อครบรอบ 3 เดือน ขณะที่งานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มต่อต้านคมช.นั้น 

จะต้องทำควบคู่กับงาน  5 ด้านที่เป็นภารกิจหลักไปด้วยเนื่องจากปัจจุบันคมช.ถูกรุกหนัก

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีฝ่ายวิเคราะห์และเสนอแนะแนวทางในการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

"ทีมงานของเรามี 100 กว่าคน ซึ่งได้ปะปนอยู่กับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ

หรือแม้กระทั่งกลุ่มพีทีวี เพราะเราถือคติทำงานพวกเขาพวกเราพวกเดียวกัน"นายเชียรช่วงกล่าวในที่สุด

ด้านนายณัฐวุฒิ  ไสยเกื้อ  ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีทีวีกล่าวกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ว่า เรื่องเช่นนี้กลุ่มพีทีวีต้องพูดบนเวทีปราศรัยแน่นอน 

แต่หลังการประกาศกับผู้ชุมนุมแล้ว เชื่อว่าจะมีบุคคลหรือคณะบุคคล

นำเรื่องนี้ไปร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีหรือคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) 

เนื่องจากเห็นว่า การจ้างให้คนที่เป็นเครือญาติรับงานในคมช. เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่ชอบธรรม

ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สง่างามและหมดความชอบธรรมสำหรับคมช.

ขณะเดียวกัน ภารกิจตามที่ระบุไว้ จะเห็นได้ว่าเป็นการนำเงินภาษีของประชาชนไปตรวจสอบประชาชน 

ที่มีความเห็นแตกต่างกับคมช. จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง





จากข่าวหุ้นออนไลน์......

แค่เรื่องทำมะดามาทำเป็นเคาะกะลาตื่นตกใจเพื่อหวังผลดิสเครดิตทางการเมือง

เค้าจัดจ้างกันแบบโปร่งใส ของบไป ยี่สิบกว่าล้าน โดนตัดเหลือแค่สิบสองล้านยังทำมาตื่นเต้น

ทีที่ผ่านมางาบกันละโครงการเป็นพันๆล้านน่ะ ทำเป็นเงียบงุบงิบกลบอึกันจ้าละหวั่น

ระวังกลบไม่ลึกพอ คตส.ตามกลิ่นเจอละก้อ อิ อิ


:slime_smile2:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 09-04-2007, 20:25
 

 .
**เชียรช่วงแจง"พี่สพรั่งไม่เกี่ยว"

ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร หัวหน้าทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึก
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ...

ปฏิเสธเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า การเข้าไปทำงานครั้งนี้ ไม่ใช่ขึ้นตรงกับ พล.อ.สพรั่ง
จึงไม่อยากให้สังคมไปสนใจผูกโยงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง

"ผมเป็นฝ่ายอาสาตัวเข้ามาทำงานเอง พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย  ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย"
ดร.เชียรช่วงกล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103090450&day=2007/04/09&sectionid=0101

พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย
แล้วลายเซ็นใครล่ะ ที่อยู่ในหนังสืออนุมัติ ลับมาก นั่น ???


 :slime_doubt:


เขาบอกว่า..ที่ พลเอกสะพรั่งไม่รู้..ไม่รู้ตอนไหน...


ไม่รู้ตอนที่เขาจะไปทำเรื่องนี้ขอต่อคมช.


รึตอนที่คมช.ทั้งหมดต้องนาม..  อ่านดูให้ดีๆ..น่ะครับ...


ฉะนั้นจะจับผิดใคร..ก็กรุณาใช้สติอ่านประโยค อ่านทบความเขาให้ดีๆหน่อยครับ มิใช้ใช้แต่อคติ..เลยจับต้นชนปลายมาชนกันและก็มากล่าวหาเขามั่วๆ..แบบนี้..ซึ่งผมว่ามัน่าเกลียดมากๆ


อนึ่ง..


ถ้าผมรึใครเขาจะธุจริต..ผมก็ขอถามว่า..ใครหน้าไหนเขาจะมีการลงนามรับรอง มีการเซ็นเอกสารแบบนี้..  ช่วยคิดกันแบบคนมีสติกันซักนิดเถอะ

เพราะเห็นแล้วมันไม่อยากจะเสดจริงๆ..กะคนที่ไร้หัวคิด แต่ดีแต่คอยจับผิดโดยใช้อคติแบบนี้..


ฉะนั้นจะัจับผิดอะไรใครน่ะใช้ใช้้สมองกะสติกันซักนิด.. อย่าดีแต่้่ใช้อคติกันเลย..

 
ปล.เซ็งจิต..จริงๆที่หลงเข้ามากระทู้นี้ัี้และเจอกะพวกอคติชน. ที่ไม่ยอมใช้สติในการพิจารณาปัญหาและข่าวสาร..กระนั้นสู้้เอาเวลาไปดูเพลงรักริมฝั่งโขงดีกว่า.. :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 09-04-2007, 20:29
(http://images.forstudent.com/ip/p529575524.jpg)

จัดให้ เดี๋ยวไม่รู้ว่าลายเซ็นต์ไหนของใคร ว่าแต่เอกสารนี้เค้าว่าลับมากใครเผยแพร่
ผิดกฎหมายอย่างแรงจัด อาจมีโทษโดนวีรบุรุษเอาปืนกลยัดทวารหนักได้นะ อ่านๆ
แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ซะ

หูยเค้ารู้กันตั้งนานแล้วล่ะลุง ขยันจิงๆ นสพ.เค้าลงกันทุกฉบับ

ไม่ใช่เรื่องลับชวนตื่นเต้นอะไร
:slime_mad:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 09-04-2007, 20:33
ตกลงว่า
ดร.เชียรช่วง เป็นญาติทางไหนกับ พล.อ.สพรั่ง

ถึงได้บอกว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนครับผม????
ไม่มีใครตอบบ้างเลยหรือ?????


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 10-04-2007, 03:14


 .
**เชียรช่วงแจง"พี่สพรั่งไม่เกี่ยว"

ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร หัวหน้าทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึก
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ...

ปฏิเสธเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า การเข้าไปทำงานครั้งนี้ ไม่ใช่ขึ้นตรงกับ พล.อ.สพรั่ง
จึงไม่อยากให้สังคมไปสนใจผูกโยงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง

"ผมเป็นฝ่ายอาสาตัวเข้ามาทำงานเอง พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย  ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย"
ดร.เชียรช่วงกล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103090450&day=2007/04/09&sectionid=0101

พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย
แล้วลายเซ็นใครล่ะ ที่อยู่ในหนังสืออนุมัติ ลับมาก นั่น ???


 :slime_doubt:


เขาบอกว่า..ที่ พลเอกสะพรั่งไม่รู้..ไม่รู้ตอนไหน...


ไม่รู้ตอนที่เขาจะไปทำเรื่องนี้ขอต่อคมช.


รึตอนที่คมช.ทั้งหมดต้องนาม..  อ่านดูให้ดีๆ..น่ะครับ...


ฉะนั้นจะจับผิดใคร..ก็กรุณาใช้สติอ่านประโยค อ่านทบความเขาให้ดีๆหน่อยครับ มิใช้ใช้แต่อคติ..เลยจับต้นชนปลายมาชนกันและก็มากล่าวหาเขามั่วๆ..แบบนี้..ซึ่งผมว่ามัน่าเกลียดมากๆ


อนึ่ง..


ถ้าผมรึใครเขาจะธุจริต..ผมก็ขอถามว่า..ใครหน้าไหนเขาจะมีการลงนามรับรอง มีการเซ็นเอกสารแบบนี้..  ช่วยคิดกันแบบคนมีสติกันซักนิดเถอะ

เพราะเห็นแล้วมันไม่อยากจะเสดจริงๆ..กะคนที่ไร้หัวคิด แต่ดีแต่คอยจับผิดโดยใช้อคติแบบนี้..


ฉะนั้นจะัจับผิดอะไรใครน่ะใช้ใช้้สมองกะสติกันซักนิด.. อย่าดีแต่้่ใช้อคติกันเลย..

 
ปล.เซ็งจิต..จริงๆที่หลงเข้ามากระทู้นี้ัี้และเจอกะพวกอคติชน. ที่ไม่ยอมใช้สติในการพิจารณาปัญหาและข่าวสาร..กระนั้นสู้้เอาเวลาไปดูเพลงรักริมฝั่งโขงดีกว่า.. :slime_bigsmile:

ไม่คิดว่าเป็นการอคติจนเกินไป
ที่จะไม่เชื่อในสิ่งที่เขา (คุณ เชียรช่วง) พูด
ซึ่งฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นเพียง half-truth
และส่วนที่ไม่เชื่อก็คือส่วนที่เขาไม่พูดออกมา
แต่ต้องการให้เข้าใจไปเอง

แผนการนี้ อาจทำขึ้นโดย "พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย"
ตามที่ ดร.เชียรช่วง พูด และคุณ An.mkII เชื่อว่าจริง
แต่ส่วนที่ดิฉันสงสัยคือ คุณสพรั่งทราบเมื่อไหร่?
ก่อนลงนามนานแค่ไหน? หรือจะให้เชื่อว่า ณ วันที่ลงนาม?
หรือแม้ลงนามไปแล้วก็ยังไม่ทราบ (เซ็นโดยไม่อ่าน?)
จนกระทั่งเรื่องราวเปิดเผยออกมา?

ความเห็นของดิฉันต่อเรื่องนี้คือ
เป็นคำสารภาพของบุคคลเมื่อจำนนต่อหลักฐาน
ซึ่งเป็นการจำกัดความเสียหายให้น้อยที่สุด
หรือ Damage control

อาจผิดก็ได้ แต่มิได้ใช้อคติดังคุณกล่าวหา


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Body&Soul ที่ 10-04-2007, 03:31
คุณเกล็ดหิมะมาหาเหยื่อตอนดึกๆอีกแล้วขออำไพผมไม่ใช่เหยื่อของคนวิกลจริตเยี่ยงคุณ

ผมเสียใจจริงๆที่ต้องกล่าวแต่คุณทำตัวของคุณเองเพราะเหตุทีว่าคนอย่างคุณไม่ควรวิสาสะด้วยประการทั้งปวง

 ขอให้โชคดีนะคร๊าฟ :slime_v:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 10-04-2007, 04:25
ว่าแล้วว่าต้องมีคนมาเอาสีข้างถู ว่าถ้าประชาธิปไตยไม่เท่ากับเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย จนได้ !!!
น่าเบื่อคนพวกนี้นะครับ เขียนสั้นมันก็เถียงข้างๆคูๆ เขียนอธิบายยาวมันก็ไม่เข้าใจ เมื่อยมือเราอีก เฮ้อ!

คุณ ScaRECroW อธิบายไว้อย่างดีแล้ว เหลือแต่หัวปี๊บจะทำความเข้าใจรึเปล่าเท่านั้น ...ถ้าเรียนวิชาปกครองจากวิทยาลัยทาสทรราชมา โดยยึดตำราเล่มที่จ้าวระบอบทักษิณาธิปไตยเจ้าของวิทยาลัยเขียนเองนั้น ก็อย่าได้เอามาอ้างกับคนภายนอกเขาเลย  ผมว่าพวกเราเซฟแรงไปถกสาระบ้านเมืองกันดีกว่า

 :slime_hmm:


พวกคุณน่าจะกล้ายอมรับตรงๆดีกว่าว่า ถ้าทักษิณชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่เป็นปชต. แต่ถ้าเมื่อไหร่คนไทยเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ทักษิณ...พวกคุณจะบอกว่านั่นคือ ปชต.


ขนาดพูดตรงๆยังไม่กล้ายอมรับเลย....อ้อมไปอ้อมมา none sense จริงๆ

จริงทักษิณชนะเลือกตั้งก็ไม่เป็นไร ถ้าทักษิณไปเห็นว่า โอว์ มันมีวิธีเลี่ยงกฏหมายเยอะแยะ แล้วหาทางแก้เสียบ้างให้เหมาะสม แทนที่จะเอาหัวตัวเองมุดรอดไปทั้ง ๆ ที่อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี   ก็คงจะไม่มีใครว่าอะไร

ถ้ามี สส.เสนอให้แก้กฏหมาย สัดส่วนผู้ถือหุ้นในกิจการโทรคมนาคม ที่มันเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทักษิณตอบกลับไปว่า อันนี้แก้ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นประโยชน์ของประเทศชาติ  ก็จะมีคนสรรเสริญ  ไม่ใช่อย่างเห็นกันมา กฏหมายมีผลบังคับใช้ปุ๊บ ขายหุ้นตัวเองปั๊บ มันทำให้เห็นเป็นอย่างอื่นเลย นอกจากว่า ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง

ประชาธิปไตย คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ "แด่พวกพ้องและตัวGUเอง"  <- - - อันนี้ชื่อหนังไทยนะเนี่ย


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 10-04-2007, 06:50


 .
**เชียรช่วงแจง"พี่สพรั่งไม่เกี่ยว"

ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร หัวหน้าทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึก
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ...

ปฏิเสธเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า การเข้าไปทำงานครั้งนี้ ไม่ใช่ขึ้นตรงกับ พล.อ.สพรั่ง
จึงไม่อยากให้สังคมไปสนใจผูกโยงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง

"ผมเป็นฝ่ายอาสาตัวเข้ามาทำงานเอง พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย  ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย"
ดร.เชียรช่วงกล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103090450&day=2007/04/09&sectionid=0101

พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย
แล้วลายเซ็นใครล่ะ ที่อยู่ในหนังสืออนุมัติ ลับมาก นั่น ???


 :slime_doubt:


เขาบอกว่า..ที่ พลเอกสะพรั่งไม่รู้..ไม่รู้ตอนไหน...


ไม่รู้ตอนที่เขาจะไปทำเรื่องนี้ขอต่อคมช.


รึตอนที่คมช.ทั้งหมดต้องนาม..  อ่านดูให้ดีๆ..น่ะครับ...


ฉะนั้นจะจับผิดใคร..ก็กรุณาใช้สติอ่านประโยค อ่านทบความเขาให้ดีๆหน่อยครับ มิใช้ใช้แต่อคติ..เลยจับต้นชนปลายมาชนกันและก็มากล่าวหาเขามั่วๆ..แบบนี้..ซึ่งผมว่ามัน่าเกลียดมากๆ


อนึ่ง..


ถ้าผมรึใครเขาจะธุจริต..ผมก็ขอถามว่า..ใครหน้าไหนเขาจะมีการลงนามรับรอง มีการเซ็นเอกสารแบบนี้..  ช่วยคิดกันแบบคนมีสติกันซักนิดเถอะ

เพราะเห็นแล้วมันไม่อยากจะเสดจริงๆ..กะคนที่ไร้หัวคิด แต่ดีแต่คอยจับผิดโดยใช้อคติแบบนี้..


ฉะนั้นจะัจับผิดอะไรใครน่ะใช้ใช้้สมองกะสติกันซักนิด.. อย่าดีแต่้่ใช้อคติกันเลย..

 
ปล.เซ็งจิต..จริงๆที่หลงเข้ามากระทู้นี้ัี้และเจอกะพวกอคติชน. ที่ไม่ยอมใช้สติในการพิจารณาปัญหาและข่าวสาร..กระนั้นสู้้เอาเวลาไปดูเพลงรักริมฝั่งโขงดีกว่า.. :slime_bigsmile:

ไม่คิดว่าเป็นการอคติจนเกินไป
ที่จะไม่เชื่อในสิ่งที่เขา (คุณ เชียรช่วง) พูด
ซึ่งฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นเพียง half-truth
และส่วนที่ไม่เชื่อก็คือส่วนที่เขาไม่พูดออกมา
แต่ต้องการให้เข้าใจไปเอง

แผนการนี้ อาจทำขึ้นโดย "พี่สพรั่งไม่รู้เรื่องด้วย ไม่ได้บอกท่านก่อนเลย"
ตามที่ ดร.เชียรช่วง พูด และคุณ An.mkII เชื่อว่าจริง
แต่ส่วนที่ดิฉันสงสัยคือ คุณสพรั่งทราบเมื่อไหร่?
ก่อนลงนามนานแค่ไหน? หรือจะให้เชื่อว่า ณ วันที่ลงนาม?
หรือแม้ลงนามไปแล้วก็ยังไม่ทราบ (เซ็นโดยไม่อ่าน?)
จนกระทั่งเรื่องราวเปิดเผยออกมา?

ความเห็นของดิฉันต่อเรื่องนี้คือ
เป็นคำสารภาพของบุคคลเมื่อจำนนต่อหลักฐาน
ซึ่งเป็นการจำกัดความเสียหายให้น้อยที่สุด
หรือ Damage control

อาจผิดก็ได้ แต่มิได้ใช้อคติดังคุณกล่าวหา


คำถามว่าจริงรึไม่.. เราทั้งสองก็มิอาจะคาดเดาได้ใช้รึไม่..

ถ้าว่ากันตามปถุชน ที่มิใช้ พวกอ่านจิตใจคนได้.. แบบพวกยอดมนุษย์ รึซุปเปอร์ฮีโร่..


และผมก็ไม่เคยบอกว่าผมเชื่อข่าวร้รึไม่..

แต่ผมก็ว่าไปตามข่าวที่มันปรากฏใช้รึไม่.. 


เพราะเหตุที่คุณว่า  คุณเชียรช่วง บอกว่า พลเอกสพรั่งไม่รู้ จากเนื้อข่าว ใช้รึไม่...

ฉะนั้นผมก็เลยต้องเอาเนื้อข่าวที่คุณสงสัยมาหักล้างกันด้วยเหตุและผล..

 
 
เพราะเรื่องแค่นี้ถ้าคนเรามันไมีมีอคติผมก็ว่ามัน่าจะคิดได้..


แต่พอคุณโผล่มาอีกที่คุณบอกว่าไม่ใช้ เพราะคุณไม่เชื่อข่าว และถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็จะยกมาอ้างอะไร ทั้งข่าวและลายเซนต์..

ซึ้งตอนนั้นคุณก็น่าจะวิเคาระห์ืแบบนี้ ไปเลยสิว่าคุณไม่เชื่อข่าวท่านโน่นท่านี้..


มิใช้เอาตัวข่าวมาอ้างเพื่อทำลายเขา และพอโดนหักล้างก็หาว่าไม่ได้เชื่อข่าว ท่าโน่นท่านี้..


อนึ่ง..

คนเมา เมื่อถูุกถามว่าเมาใครมั่งครัยจะโดนยอมรับว่าเมา..


และใครก็ไม่รู้เคยพุดว่า ถ้าเรามองตัวเราเองนั้น มันอาาจะไม่ชัดเท่าคนอื่นนั้นมองเราครับ..

ซึ่งเขาก็เห็นบางบางมุมที่ตัวเรานั้นมองไม่เห็น.. ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นเเล...
 


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: georgejump ที่ 10-04-2007, 07:57
ผมเชื่อ ดร.เชียรช่วงครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 10-04-2007, 08:42
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน


ผลงานไหนที่ดีสำหรับคนไทยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาสมัยทักษิณเหรอครับ? ตอบแบบไม่ลังเลได้เลยครับ...30 บาทรักษาทุกโรค  SML  OTOP  ทุนการศึกษา 1 อำเภอ 1 ทุนเรียนต่างประเทศ  dual track economics  ฯลฯ เอาเท่านี้ก็พอ จะได้เปิดโอกาสให้คุณตอบโต้ได้บ้าง ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากนโยบายดังกล่าวไม่ดีจริง....รัฐบาลขิงแก่ยกเลิกแน่นอนดังที่ประกาศไว้เสมอว่าจะสานต่อนโยบายที่ดีและจะยกเลิกนโยบายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง


แต่คุณยังไม่ปริปากเลยน๊ะครับว่าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีข่าวดีอะไรสำหรับประเทศไทยบ้าง!?!


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 10-04-2007, 08:46
ข่าวดีตอนนี้ก็นายกเข้าโรงพยาบาลไงล่ะ :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-04-2007, 10:30
คุณเกล็ดหิมะมาหาเหยื่อตอนดึกๆอีกแล้วขออำไพผมไม่ใช่เหยื่อของคนวิกลจริตเยี่ยงคุณ

ผมเสียใจจริงๆที่ต้องกล่าวแต่คุณทำตัวของคุณเองเพราะเหตุทีว่าคนอย่างคุณไม่ควรวิสาสะด้วยประการทั้งปวง

 ขอให้โชคดีนะคร๊าฟ :slime_v:

คุณ gem-stone ส่องกล้องทะลุเห็นเนื้อเน่า ๆ ข้างในที่มีเกล็ดหิมะเป็นเปลือกปกปิดอยู่ เยี่ยมมากค่ะ  :slime_v:


มิใช้เอาตัวข่าวมาอ้างเพื่อทำลายเขา และพอโดนหักล้างก็หาว่าไม่ได้เชื่อข่าว ท่าโน่นท่านี้..
 

เป็นวิธีการสะตอเบอ...ของเจ้าหล่อนค่ะ :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 10-04-2007, 10:31
ให้งบน้อยไปครับ เดือนละ 2 ล้านไปทำอะไรได้  :slime_p:

สนับสนุนให้เพิ่มงบ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 10-04-2007, 11:05
ผมขี้เกียจจะมาเถียงชูข้างนั้นข้างนี้ เพราะคุณเชื่อของคุณว่านายคุณดี คนอื่นที่ไม่ใช่คุณเขาไม่เชื่อว่าดี มันก็ไม่จบ สิ่งที่ผมจะบอกคือหลักกว้างๆ ว่า คนไทยควรหาจุดร่วม ไม่ใช่นี่คือชั้น นั่นของแก ไม่เกี่ยวกัน มันคงไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมา

ทุกรัฐบาลย่อมต้องมีผลงานที่ดีไว้บ้าง เพื่อเป็นผลงานไว้อวดอ้างต่อประชาชน เพื่อความอยู่รอด แม้มนุษย์ธรรมดาก็ย่อมมีส่วนดีและไม่ดี สิ่งที่ผมเขียนข้างบนคือ ขอความร่วมมือให้พูดถึงการพิสุจน์ที่มาว่าบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ไม่ได้สร้างความเสียหายมากกว่าโครงการประชานิยม ครับ ส่วนไอ้การแถดาษๆ ว่านี่แหละวีรบุรุษกู้ชาติ นี่แหละดี มันไม่ใช่เหตุใช่ผล  เพื่อชั่งน้ำหนักว่าระหว่างความดีที่มี กับความเลวที่ทำ อันไหนจะมากกว่ากัน อันไหนจะเสียหายกว่ากัน และที่เห็นว่าดีนั้น นานวันต่อไปมันดีจริงหรือไม่?

สำหรับที่ว่า 6 เดือนมีอะไรดีบ้าง มันอยู่จิตใจครับ การซ่อมแซม กู้ซากปรักหักพักที่เป้นผลจากระบอบก่อนหน้า ภาพมันย่อมไม่มีอะไรดีงาม เห้นแต่การค่อยๆ เก็บค่อยๆ กู้ เหมือนหลังสงครามก็ต้องบอบช้ำเสียก่อนจะฟื้นฟูรุ่งเรือง อยางน้อยๆ ก็เห็นทางออกและแสงสว่างริบๆ ดีกว่าตกในทางตันและที่มืดไร้ทางออก 

ถึงผมจะตอบเสียอย่างไรไปคุณก็ต้องแถกลับมา ว่าที่พังเพราะรัฐประหารเองเป็นแน่แท้ แต่ถ้าดูในช่วงปลายทักสินมันก็เป็นขาลงดิ่งเหวอยู่แล้ว ทั้งกระแสการเมือง ทั้งกระแสเศรษฐกิจ ฯลฯ หนียุบสภาเพื่อหวังใช้สุตร "เลือกตั้ง=ประชาธิปไตย" อีก แต่พอดีไม่เป้นดั่งคาดตันซะนี่ เพราะคนฉลาดมีเยอะขึ้น สุดท้ายก็กลับมาที่หัวใจหลักการ ปชต.อันเป็นประเด็นแต่แรกนี่เอง เพราะระบอบทักสินไม่เข้าใจ ปชต. จึงใช้ผิดๆ และสร้างวิกฤติให้ตัวเงอ แล้วจะโทษคนอื่นไปใย  ก่อนจะโทษคนอื่นดูตัวเองเสียก่อน เพราะใช่ว่าคนอื่นเขาจะไม่ให้โอกาส ตัวเองนั่งตั้ง 6 ปี ทำอะไรดีอะไรเลวไปบ้าง แค่ทำชาติสงบๆ มาแตกแยกกันเองก็เลวกว่าใครในแผ่นดินแล้วครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 10-04-2007, 11:28
ให้งบน้อยไปครับ เดือนละ 2 ล้านไปทำอะไรได้  :slime_p:

สนับสนุนให้เพิ่มงบ  :slime_bigsmile:

เห็นด้วยครับ งบเดือนละสองล้านบาท ไม่น่าจะพอทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: aynipus ที่ 10-04-2007, 11:48
ความเห็นเปิดตัวเด็กใหม่

ถ้าพูดเรื่องงบ 12 ล้านบาท อ่านข่าว เห็นบอกว่าใช้ในการประชาสัมพันธ์ เราเห็นด้วยนะ เพราะหลายๆท่านในที่นี้อาจเคยดูโฆษณา

ของคมช. ที่มีสโลแกนว่า "ทำดีให้เด็กดู" ชอบมากๆเลย ทำเหมือนมืออาชีพ สงสัยคงใช้งบส่วนนี้ไปจ้างมืออาชีพกับลงเวลาโฆษณา

แต่ไม่ค่อยชอบโฆษณาอีกตัวนึง ที่มันมีเพลงอ่ะ เพลงมันเห่ยๆ ยังไงไม่รู้ สู้เพลงคอร์รับชั่น ขอรายการช่อง 5 ไม่ได้ อันนั้นนะชอบมาก

โดยส่วนตัวงบประมาณตัวนี้ มันไม่ใช่งบที่โกงกินไม่ใช่หรอ มันเป็นงบที่แบกจ่ายใช้ในราชการ หรือถ้าใครมีหลักฐานว่ามีการนำงบประมาณตัวนี้

ไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ตามที่แจ้งไว้ในตอนของบประมาณ ก็ขอให้นำมาให้ดูหน่อย อยากเห็นมากๆ



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 10-04-2007, 13:21
ผมขี้เกียจจะมาเถียงชูข้างนั้นข้างนี้ เพราะคุณเชื่อของคุณว่านายคุณดี คนอื่นที่ไม่ใช่คุณเขาไม่เชื่อว่าดี มันก็ไม่จบ สิ่งที่ผมจะบอกคือหลักกว้างๆ ว่า คนไทยควรหาจุดร่วม ไม่ใช่นี่คือชั้น นั่นของแก ไม่เกี่ยวกัน มันคงไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมา

ทุกรัฐบาลย่อมต้องมีผลงานที่ดีไว้บ้าง เพื่อเป็นผลงานไว้อวดอ้างต่อประชาชน เพื่อความอยู่รอด แม้มนุษย์ธรรมดาก็ย่อมมีส่วนดีและไม่ดี สิ่งที่ผมเขียนข้างบนคือ ขอความร่วมมือให้พูดถึงการพิสุจน์ที่มาว่าบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ไม่ได้สร้างความเสียหายมากกว่าโครงการประชานิยม ครับ ส่วนไอ้การแถดาษๆ ว่านี่แหละวีรบุรุษกู้ชาติ นี่แหละดี มันไม่ใช่เหตุใช่ผล  เพื่อชั่งน้ำหนักว่าระหว่างความดีที่มี กับความเลวที่ทำ อันไหนจะมากกว่ากัน อันไหนจะเสียหายกว่ากัน และที่เห็นว่าดีนั้น นานวันต่อไปมันดีจริงหรือไม่?

สำหรับที่ว่า 6 เดือนมีอะไรดีบ้าง มันอยู่จิตใจครับ การซ่อมแซม กู้ซากปรักหักพักที่เป้นผลจากระบอบก่อนหน้า ภาพมันย่อมไม่มีอะไรดีงาม เห้นแต่การค่อยๆ เก็บค่อยๆ กู้ เหมือนหลังสงครามก็ต้องบอบช้ำเสียก่อนจะฟื้นฟูรุ่งเรือง อยางน้อยๆ ก็เห็นทางออกและแสงสว่างริบๆ ดีกว่าตกในทางตันและที่มืดไร้ทางออก 

ถึงผมจะตอบเสียอย่างไรไปคุณก็ต้องแถกลับมา ว่าที่พังเพราะรัฐประหารเองเป็นแน่แท้ แต่ถ้าดูในช่วงปลายทักสินมันก็เป็นขาลงดิ่งเหวอยู่แล้ว ทั้งกระแสการเมือง ทั้งกระแสเศรษฐกิจ ฯลฯ หนียุบสภาเพื่อหวังใช้สุตร "เลือกตั้ง=ประชาธิปไตย" อีก แต่พอดีไม่เป้นดั่งคาดตันซะนี่ เพราะคนฉลาดมีเยอะขึ้น สุดท้ายก็กลับมาที่หัวใจหลักการ ปชต.อันเป็นประเด็นแต่แรกนี่เอง เพราะระบอบทักสินไม่เข้าใจ ปชต. จึงใช้ผิดๆ และสร้างวิกฤติให้ตัวเงอ แล้วจะโทษคนอื่นไปใย  ก่อนจะโทษคนอื่นดูตัวเองเสียก่อน เพราะใช่ว่าคนอื่นเขาจะไม่ให้โอกาส ตัวเองนั่งตั้ง 6 ปี ทำอะไรดีอะไรเลวไปบ้าง แค่ทำชาติสงบๆ มาแตกแยกกันเองก็เลวกว่าใครในแผ่นดินแล้วครับ



ผมเกรงว่าคุณคงเข้าใจหลักการปชต.ผิดไปหรือเปล่าครับ? อย่าลืมเป็นอันขาดว่าระบอบปชต.นั้นเค้าตัดสินความขัดแย้งกันที่ 'เสียงส่วนใหญ่'  ประเด็นก็คือ พวกเสียงส่วนน้อยแบบพวกคุณไม่ยอมรับกติกาในทางสากลดังกล่าวเลยกระทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อโค่นทักษิณ อาทิเช่น การฉีกบัตรเลือกตั้ง การปิดถนน การจ้างคนไปด่านายกฯในที่สาธารณะเพื่อหวังให้เกิดการปะทะ การนำธง'ทรงพระเจริญ'ไปให้คนที่เค้าไปต้อนรับทักษิณเพื่อป้ายสีกล่าวหาว่าทักษิณหมิ่นเบื้องสูง ฯลฯ เป็นต้น

หากพวกคุณมีความเข้าใจในหลักการแห่งปชต.อย่างสามัญชนทั่วไป...พวกคุณต้องยอมรับในกติกาที่ตั้งขึ้นมาก่อนทักษิณเข้าสู่การเมืองในปี 2544 และพวกคุณต้องยอมรับผลการเลือกตั้งที่คนส่วนใหญ่เค้าเลือกทักษิณ ส่วนหากคุณเห็นว่าทักษิณโกงชั่ว....ทำไมไม่ฟ้องต่อศาลโดยเฉพาะพวกองค์กรเอกชนอิสระต่างๆ!?!


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 10-04-2007, 14:06
ตกลงว่า
ดร.เชียรช่วง เป็นญาติทางไหนกับ พล.อ.สพรั่ง

ถึงได้บอกว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนครับผม????
ไม่มีใครตอบบ้างเลยหรือ?????

อ่านผัง "ตระกูลกัลยาณมิตร" จะรู้ "ดร.เชียรช่วง" ญาติ "พล.อ.สพรั่ง" เกี่ยวพันกันอย่างไร(อัพใหม่)??

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/148/148/images/5/kk2.jpg)



เป็นประเด็น "ข้องใจ" กรณีเวบ Hi-thaksin.org แฉเอกสารการว่าจ้าง ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร ด้วยเงิน 12 ล้าน เพื่อเป็นเป็นทีมงานเพื่อข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึกของ คมช.

มีการกล่าวระบุว่า "ดร.เชียรช่วง" เป็นน้องชาย "บิ๊กเปย" พล.อ.สพรั่ง ที่แนบนิดสนิทกัน

ซึ่งอันที่จริงนั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่ตรงกับความจริงนัก!

เพราะสายพล.อ.สพรั่ง เป็นดังนี้

หลวงพิไชยวารี
เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (พ่อทวด)
หลวงเดชนายเวร (ทวด)
พระยาสุจริตรักษา (ปู่)
พ.ท. ศรี กัลยาณมิตร(พ่อ)
พล.อ.สรั่ง กัลยานมิตร

ส่วนดร.เชียรช่วง เท่าที่ทราบเบื้องต้น

หลวงพิไชยวารี
เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (ปูทวด)
พระยามหาอำมาตยาธิบดีพิริยะพาหะ(พ่อทวด)
เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (ทวด) 
พระยากัลยาวัฒนาวิศิษฐ์(ปู่) 
ช่วง กัลยาณมิตร(พ่อ)
ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร

  ดร. เชียรช่วง เขาจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยพอร์ตแลนด์ โอเรกอน ในสาขาวิศวกรรมวางระบบและบริหารงานผลิต มีประสบการณ์ด้านการศึกษา และเคยทำงานในสหรัฐอเมริกามาก่อน แล้วหวนกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนในฐานะมันสมองคนหนึ่งของธุรกิจเอกชนไทย ด้วยการเป็นคณะกรรมการบริหารงานสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

 อีก ทั้งยังเป็นกรรมการบริหาร บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่ให้นำระบบบริหารที่ใช้ชื่อว่า EVA (ECONOMIC VALUE ADDED) มาใช้บริหารจัดการองค์กรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งระบบนี้ใช้เป็นมาตรฐานในองค์กรชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศ

 ประมาณปี 2535 ดร.เชียรช่วง เคยเข้าไปร่วมงานกับพรรคพลังธรรมช่วงสั้นๆ แต่ไม่มีบทบาทอะไรมากนัก

 กล่าว สำหรับความสัมพันธ์ของ ดร.เชียรช่วง กับ พล.อ.สพรั่ง นั้น น่าสนใจว่า สายตระกูลขุนนาง 'กัลยาณมิตร' ของ ดร.เชียรช่วง มีทวดคือ เจ้าพระยาสุรสีร์วิสิษฐศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) สายทางพระยามหาอำมาตยาธิบดีพิริยะพาหะ (ชื่น) บุตรคนที่ 6 ของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ ต้นตระกูลกัลยาณมิตร

 สำหรับ พล.อ.สพรั่ง มีทวด คือ หลวงเดชนายเวร (ทองอยู่) ซึ่งเป็นบุตรคน 9 ของเจ้าพระยานิกรบดินทร์

จึง นับว่าเป็นคนละ 'สาย' ตระกูลกันเลยทีเดียว และเท่าที่สังเกต พล.อ.สพรั่ง กับ ดร.เชียรช่วง ที่ได้พบปะกันตามประสาเครือญาติในงานทำบุญตระกูลที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น ก็พูดคุยกันธรรมดาในโอกาสรวมญาติ ซึ่งก็ไม่ได้สนิทสนมมากนัก

 แต่ข้อมูลที่น่าสนใจของ ดร.เชียรช่วง ในช่วงที่ผ่านมานั้น ล้วนเกี่ยวพันและใกล้ชิดกับ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เจ้าของทีพีไอโพลีน เช่นปี 2545 เคยเคลื่อนไหวต่อต้านกรณี 'กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ' กับกลุ่มพันธมิตรคัดค้านกฎหมายขายชาติ ที่มี อัมรินทร์ คอมันตร์ เป็นแกนนำ

 และ เดือนกุมภาพันธ์ 2546  เป็นแกนนำกลุ่มปลดแอกกฎหมายขายชาติ เข้าพบ อุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา และ พล.ต.มนูญกฤต เพื่อมอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 136,913 คน ที่ร่วมเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 เนื่องจากเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ล้มละลายที่มีการเสนอเข้าสภาฯ ก่อนหน้านี้มีความไม่เป็นธรรม เพราะเป็นการให้สิทธิเจ้าหนี้ฝ่ายเดียวในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ อีกทั้งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้

 อีกทั้ง วันที่ 18 ตุลาคม 2549 ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานคดีปั่นหุ้นทีพีไอ หมายเลขดำ อ.937 /2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน)

 โดย ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และ ชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ, ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อายุ 61 ปี ประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.ทีพีไอ, บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และเชียรช่วง กัลยาณมิตร อายุ 54 ปี กรรมการบริหาร บมจ.เสติร์นฯ

 เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลักทรัพย์ เผยแพร่ข้อมูล และร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่หนังสือชี้ชวนจะมีผล บังคับใช้ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า หลักทรัพย์ใดจะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง (ปั่นหุ้น)

 และร่วมกันกระทำการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่ผู้รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของบริษัทที่ออกหลัก ทรัพย์ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ม.77 และ 239 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

นี่เป็นภาพคร่าวๆ ของคนที่ชื่อเชียรช่วง มือทำงานการเมืองเชิงลึกของ คมช. ปีก พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร!

http://www.oknation.net/blog/nity/2007/04/10/entry-1 (http://www.oknation.net/blog/nity/2007/04/10/entry-1)

พอดีไปเจอมา เลยตัดแปะมาให้อ่าน  :slime_v:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 10-04-2007, 14:40

คุณแอ่นแอ๊น.. น่ารักที่สุดค่ะ  :slime_v:

เก็ดถวา ทราบข้อมูลจากการบอกเ้ล่าว่าทั้งสองท่าน ทวดกับทวด เป็นญาติกัน

พยายามหารายละเอียดดู เพื่อเอามายืนยัน ก็ยังหาไม่เจอ

คุณแอ่นแอ๊นเอามาโปรดให้แล้ว ขอบคุณนะคะ

 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 10-04-2007, 19:44
ผมขี้เกียจจะมาเถียงชูข้างนั้นข้างนี้ เพราะคุณเชื่อของคุณว่านายคุณดี คนอื่นที่ไม่ใช่คุณเขาไม่เชื่อว่าดี มันก็ไม่จบ สิ่งที่ผมจะบอกคือหลักกว้างๆ ว่า คนไทยควรหาจุดร่วม ไม่ใช่นี่คือชั้น นั่นของแก ไม่เกี่ยวกัน มันคงไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมา

ทุกรัฐบาลย่อมต้องมีผลงานที่ดีไว้บ้าง เพื่อเป็นผลงานไว้อวดอ้างต่อประชาชน เพื่อความอยู่รอด แม้มนุษย์ธรรมดาก็ย่อมมีส่วนดีและไม่ดี สิ่งที่ผมเขียนข้างบนคือ ขอความร่วมมือให้พูดถึงการพิสุจน์ที่มาว่าบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ไม่ได้สร้างความเสียหายมากกว่าโครงการประชานิยม ครับ ส่วนไอ้การแถดาษๆ ว่านี่แหละวีรบุรุษกู้ชาติ นี่แหละดี มันไม่ใช่เหตุใช่ผล  เพื่อชั่งน้ำหนักว่าระหว่างความดีที่มี กับความเลวที่ทำ อันไหนจะมากกว่ากัน อันไหนจะเสียหายกว่ากัน และที่เห็นว่าดีนั้น นานวันต่อไปมันดีจริงหรือไม่?

สำหรับที่ว่า 6 เดือนมีอะไรดีบ้าง มันอยู่จิตใจครับ การซ่อมแซม กู้ซากปรักหักพักที่เป้นผลจากระบอบก่อนหน้า ภาพมันย่อมไม่มีอะไรดีงาม เห้นแต่การค่อยๆ เก็บค่อยๆ กู้ เหมือนหลังสงครามก็ต้องบอบช้ำเสียก่อนจะฟื้นฟูรุ่งเรือง อยางน้อยๆ ก็เห็นทางออกและแสงสว่างริบๆ ดีกว่าตกในทางตันและที่มืดไร้ทางออก 

ถึงผมจะตอบเสียอย่างไรไปคุณก็ต้องแถกลับมา ว่าที่พังเพราะรัฐประหารเองเป็นแน่แท้ แต่ถ้าดูในช่วงปลายทักสินมันก็เป็นขาลงดิ่งเหวอยู่แล้ว ทั้งกระแสการเมือง ทั้งกระแสเศรษฐกิจ ฯลฯ หนียุบสภาเพื่อหวังใช้สุตร "เลือกตั้ง=ประชาธิปไตย" อีก แต่พอดีไม่เป้นดั่งคาดตันซะนี่ เพราะคนฉลาดมีเยอะขึ้น สุดท้ายก็กลับมาที่หัวใจหลักการ ปชต.อันเป็นประเด็นแต่แรกนี่เอง เพราะระบอบทักสินไม่เข้าใจ ปชต. จึงใช้ผิดๆ และสร้างวิกฤติให้ตัวเงอ แล้วจะโทษคนอื่นไปใย  ก่อนจะโทษคนอื่นดูตัวเองเสียก่อน เพราะใช่ว่าคนอื่นเขาจะไม่ให้โอกาส ตัวเองนั่งตั้ง 6 ปี ทำอะไรดีอะไรเลวไปบ้าง แค่ทำชาติสงบๆ มาแตกแยกกันเองก็เลวกว่าใครในแผ่นดินแล้วครับ



ผมเกรงว่าคุณคงเข้าใจหลักการปชต.ผิดไปหรือเปล่าครับ? อย่าลืมเป็นอันขาดว่าระบอบปชต.นั้นเค้าตัดสินความขัดแย้งกันที่ 'เสียงส่วนใหญ่'  ประเด็นก็คือ พวกเสียงส่วนน้อยแบบพวกคุณไม่ยอมรับกติกาในทางสากลดังกล่าวเลยกระทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อโค่นทักษิณ อาทิเช่น การฉีกบัตรเลือกตั้ง การปิดถนน การจ้างคนไปด่านายกฯในที่สาธารณะเพื่อหวังให้เกิดการปะทะ การนำธง'ทรงพระเจริญ'ไปให้คนที่เค้าไปต้อนรับทักษิณเพื่อป้ายสีกล่าวหาว่าทักษิณหมิ่นเบื้องสูง ฯลฯ เป็นต้น

หากพวกคุณมีความเข้าใจในหลักการแห่งปชต.อย่างสามัญชนทั่วไป...พวกคุณต้องยอมรับในกติกาที่ตั้งขึ้นมาก่อนทักษิณเข้าสู่การเมืองในปี 2544 และพวกคุณต้องยอมรับผลการเลือกตั้งที่คนส่วนใหญ่เค้าเลือกทักษิณ ส่วนหากคุณเห็นว่าทักษิณโกงชั่ว....ทำไมไม่ฟ้องต่อศาลโดยเฉพาะพวกองค์กรเอกชนอิสระต่างๆ!?!

ทักษิณ ยุบสภา เพราะปัญหาขายหุ้น  ปัญหาขายหุ้นไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งทางประชาธิปไตย แต่เป็นปัญหาส่วนตัว จริง ๆ ต้องเรียกว่า ปัญหาฉ้อฉลส่วนตัว แล้วมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาแล้ว <= = นี่คือวิถีทางประชาธิปไตย แต่ทักษิณยุบสภา โดยหวังว่าเสียงสนับสนุน (ที่หว่านซื้อไว้จากนโยบายประชานิยม) จะหนุนให้กลับมา

ซึ่งจริง ๆ มันไม่ใช่ความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตย เป็นความขัดแย้งที่เกิดจากเรื่องส่วนตัว

เหมือนอย่างที่ผมบอกไว้นั่นแหละ ประชาธิปไตยไม่ได้เลือกให้ใครเข้ามาเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ให้ทำประโยชน์ให้ประชาชน แล้วไม่เพียงแค่ประชาชนจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่เป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ต่อไปจังหวัดไหนเลือกไทยรักไทยยกจังหวัดก็จะดูแลจังหวัดนั้นก่อน เพราะอะไรหรือ เพราะว่าการเลือกตั้งเป็นแค่กระบวนการ ไม่ใช่หลักการ นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเฉพาะจังหวัดที่เลือกไทยรักไทย แล้วไม่ได้มีหน้าที่เข้าไปดูแลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 11-04-2007, 07:48
ผมต้องเรียนคุณจ๊ะซ้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ และผมก็ทราบดีว่า เราต้องเคารพ"เสียงส่วนใหญ่" คุณ ScaRECroW เขาก็อธิบายไปแล้วว่า การเลือกตั้งมันไม่ใช่ทั้งหมดของ ปชต. เป็นเพียงกระบวนการ แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าพวกเราก็ยอมรับใน "เสียงส่วนใหญ่" คือเมื่อทักสินชนะ ก็ปล่อยให้บริหารประเทศมาครบวาระ อยู่มาตั้ง 6 ปี แต่ถ้าคุณเข้าใจ ปชต.เสียบ้าง ก็ควรทราบว่าเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องมีการตรวจสอบ ถ้าในระหว่างดำรงตำแหน่งมันเกิดทำเลวขึ้นมา จะให้ ปชช.เงียบหรือครับ อันนี้ผมไม่ได้ว่าเพียงทักสิน ใครก็ได้ขึ้นมาเป็น พอ ปชช.เห็นว่าเริ่มชอบกลๆ เขาก็ออกมาทวงถาม ถามหนักเข้าไม่ตอบ ตอบไม่ตรง ยังด้านทำเรื่องมากขึ้นๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นไล่ ไล่ก็ไม่ออก ฯลฯ... ขี้เกียจพิมพ์ยาว สรุปว่า เลือกมาแล้ว ยอมรับแล้ว ก็ไม่ใช่ปล่อยให้ทำไปจนหมดเทอม โดยไม่สนใจตรวจสอบใดๆ อีกเลย ทำไมเราต้องวางใจ เพียงเพราะเห้นคะแนนในวันเลือกตั้งมากเท่านั้นครับ!!!??

อ่ะผมสมมุตินะ การเลือกตั้งสมัยหน้า นายสมมุติ เป็นนายกฯ จากคะแนนท่วมท้น ชนะทักสิน ผู้คนส่วนใหญ่รับว่าดี แต่บริหารประเทศนานวันเข้า ทำตัวเหลวแหลก ขายชาติ ปล่อยต่างชาติครองแผ่นดิน 99 ปี โกงเมกกะโปรเจค ทางคุณจ๊ะจะยอมรับ โดยไม่ออกมาตรวจสอบความทุเรศของนายหน้าด้านคนนี้ ไม่ไล่ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยตามยถากรรม เพียงเพราะว่าเขาได้รับการชนะเลือกตั้งมาเมื่อ 6 ปีก่อน งั้นถูกต้องไหมครับ ถึงเรียกว่า ประชาธิปไตย ในความหมายของคุณ

อย่าเอาทักสินเป็นตัววัดสิครับ นี่มันประเทศของเรา ต้องรักประเทศ ไม่ใช่รักคนบริหารประเทศ
ส่วนเรื่องถ้าเห็นว่าชั่วให้ไปฟ้อง คุณคงไม่ลืมว่าองค์กรอิสระที่คุณว่าตอนนี้โดนศาลตัดสินเด้งไปแล้ว และขณะที่คนที่เราฟ้องนั่งเป็นนายกฯ บ้าอำนาจแทรกแซงไปทุกภาคส่วน ตัวเล็กๆ จะไปคัดคานอะไรได้ครับคุณครับ ก็ตอนนี้สิพ้นไปแล้ว เขาก็มีการตรวจสอบกันอยู่ในกระบวนการยุติธรรมนี่ไง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 12-04-2007, 23:13
เครือข่ายดร.เชียรช่วง-เป็นงง ชื่อโผล่รับจ้างคมช.-ใครมั่วนิ่ม?
คอลัมน์ รายงานพิเศษ

หลังเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ แฉข้อมูลการว่าจ้างดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร และคณะ เป็นเงิน 12 ล้านบาท เพื่อทำหน้าที่ทีมวิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึกให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยมีการเปิดเผยรายชื่อทีมงานฝ่ายต่างๆ จากการติดต่อสอบถามไปยังผู้มีรายชื่อต่างปฏิเสธไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และตั้งข้อสงสัยว่าฝ่ายไหนกันที่แอบอ้างชื่อ

-โสภณ สุภาพงษ์

สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ปรึกษาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

คงถูกนำชื่อไปอ้าง รวมถึงตัวเรื่องการยกเลิกพ.รบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องดีที่ยื่นสภาไปแล้ว การมีชื่อร่วมเป็น 1 ในทีมวิเคราะห์ข้อมูลฯ ของคมช. ผมไม่รู้เรื่อง กับดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร เคยเจอกันเมื่อ 15 ปีก่อน และไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว

ผมเป็นที่ปรึกษาคมช. เป็นสมาชิกสนช. แต่ไม่เคยพูดเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวกับคมช. หรือกับรัฐบาลเลย ไม่ได้อยู่ในจุดนั้น งานในฐานะที่ปรึกษาคมช. ก็คุยกับคมช.เรื่องการแก้ปัญหาความรุนแรง และหนักไปทางปัญหาภาคใต้ ซึ่งคุยกันในช่วงแรกๆ ตั้งแต่มีการรัฐประหาร พอมีรัฐบาลผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรมาก

ไม่เคยทำเรื่องดังกล่าวให้คมช. ยังโทร.คุยกับอาจารย์ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ที่มีชื่อว่าเป็นทีมวิเคราะห์ข้อมูลฯ ว่าไม่รู้เรื่องอะไรกันเลย และคงไม่ต้องแถลง เพราะไม่รู้เรื่องอะไร กับดร.เชียรช่วงเองหลังมีข่าวนี้ก็ไม่ได้คุย เพราะไม่ได้รู้จักกันถึงขั้นจะพูดคุยได้

ไม่รู้ว่าเอกสารพวกนี้ตัวจริงหรือเปล่า ผมไม่สามารถไปรู้เรื่องของคนอื่นได้ ส่วนที่เว็บไฮ-ทักษิณ โจมตีว่าทีมงานดังกล่าวมีการทำงานแบบใต้ดิน เห็นชื่อคนก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์เช่นนั้น พวกรับจ้างก็ไม่มี

การให้ความจริงเป็นหน้าที่ของคมช. ต้องพยายามทำมากขึ้น เพราะที่เป็นอยู่น้อยเกินไปจนประชาชนไม่เข้าใจ และวิธีการทำคงต้องไปดูว่าเหมาะสมอย่างไร ออกมาแบบนี้ฟังดูไม่ดี เรื่องดีก็กลายเป็นเรื่องของวิธีที่ไม่เหมาะสม

-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ

อดีตส.ว.นครราชสีมา

ผมไม่ได้ร่วมเป็นทีมงานและไม่ทราบอะไรเลย ไม่ทราบว่าอยู่ดีๆ รายชื่อออกมาได้อย่างไร ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ผมไม่เคยทำงานให้คมช. ที่ปรึกษาก็ไม่ได้เป็น มั่วนิ่มกันไปใหญ่แล้ว อ้างอิงโดยไม่รับผิดชอบ ไม่ได้มีการทาบทามผมไปเป็นอะไร หลายคนที่มีชื่อปรากฏแล้วไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็นการหยิบยกมาเพื่อหวังให้เกิดความหนักแน่น

ผมเองก็ไม่ได้สนิทกับคมช. เรื่องปฏิวัติก็ไม่เคยสนับสนุน มีแต่เลขาฯ คมช. เรียกผมไปครั้งหนึ่งเรื่องตรวจสอบรัฐบาลทักษิณ เรียกไปถามความเห็นว่าป.ป.ช. ที่แต่งตั้งเป็นอย่างไร แค่นั้น ไม่เคยปรึกษาเรื่องอื่น ดร.เชียรช่วง ผมยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ยอมรับเขามาหาผมครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน ถามว่าคมช.ควรทำอะไรบ้าง ผมเสนอว่าน่าจะผลักดันเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลทักษิณ ไม่ได้มาเชิญเป็นทีมงานหรือกรรมการอะไร

กับทีมวิเคราะห์ข้อมูลฯ คมช.ยึดอำนาจมาแล้วถ้าไม่รู้เรื่องไม่มีที่ปรึกษาก็จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี แต่เรื่องงบฯ ว่าจ้าง 12 ล้าน ผมก็แปลกใจว่าทำไมฝ่ายความมั่นคงต้องมีทีมประชาสัมพันธ์ลอกแบบหน่วยงานอื่นๆ ที่ตอนนี้นิยมเหลือเกิน ซึ่งสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคงต้องมีทีมประชาสัมพันธ์

- รังษี สังฆพรหม

อาจารย์โรงเรียนบริหารธุรกิจ จ.พิษณุโลก

ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมงานดังกล่าว ไม่เคยร่วมทำงานกับคมช.ไม่ว่าจะเป็นทีมงานไหน ที่มีชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไปปรากฏในเว็บไฮ-ทักษิณ ผมไม่ทราบเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แต่การปรากฏชื่อของนายจรัญ พุ่มพวง ว่าเป็นผู้ประสานงานและเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ท้องถิ่นจังหวัดชุดเดียวกันกับผม เป็นไปได้ว่ามีการนำชื่อและข้อมูลมาจากคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (คทจ.) ที่ทั้งผมและนายจรัญ ร่วมเป็นกรรมการอยู่ เบอร์โทร.ผมก็ไม่ได้ปิดบัง

ยืนยันผมไม่ได้ไปทำอะไรให้คมช. และไม่มีการว่าจ้าง ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ข่าวการเมืองก็ติดตามบ้างในฐานะครูธรรมดาๆ ไม่ได้ไปต่อต้านใครหรืออยู่ข้างใคร และคงไม่ต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจง เพราะไม่ใช่คนดังและไม่ได้เกี่ยวข้อง จึงไม่มีผลต่อผมอยู่แล้ว

- ศิริรัตน์ หาญใจ

เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ไม่เคยได้ยินชื่อและไม่รู้จักทีมงานดังกล่าวมาก่อน และส่วนตัวแล้วไม่ได้สนับสนุนการปฏิวัติ ส่วนน.ส.นุศรา โพธิสุข และนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ที่มีชื่ออยู่ในทีมงานชุดเดียวกับตัวเอง พวกนี้เป็นทีมงานของโครงการความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น

จากรายชื่ออาจารย์และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลฯ ตามจังหวัดต่างๆ ที่ปรากฏในเว็บไฮ-ทักษิณ เท่าที่จำได้เกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ของโครงการความร่วมมือระหว่างกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อคนเหล่านี้มีอยู่ในคู่มือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

- ชัยฤทธิ์ แสงสว่าง

ผช.ผอ.วิทยาลัยอาชีวะนครราชสีมา

อาจเป็นไปได้ที่มีการนำชื่อและเบอร์โทร.มาจากคู่มือนักศึกษาของโครงการร่วมมือระหว่างกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะเป็นโครงการสอนรัฐประศาสนศาสตร์เพื่อพัฒนาสมาชิก อบต. อบจ. เข้าใจว่าหลุดมาจากนักเรียนในโครงการซึ่งเป็นกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น เพราะนักเรียนในโครงการเป็นกลุ่มนายกฯอบจ. เจ้าหน้าที่อบจ. ปลัดอบจ.

"ผมเพิ่งสอบติดผอ.ของกรมอาชีวศึกษา และต้องเตรียมตัวเป็นผอ. ไม่เคยสนใจการเมือง เรื่องนี้ผมคงไม่ต้องแถลง แต่มหาวิทยาลัยขอนแก่นน่าจะต้องออกแถลงการณ์" นายชัยฤทธิ์กล่าว

- กร ทัพพะรังสี

อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา

ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร ไม่ได้เข้าไปประชุมเกี่ยวกับการเมืองมานานมากแล้ว ผมเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมาตั้งแต่ก.พ.2549 จากนั้นมาก็ยังไม่ได้เข้าไปยุ่ง การมีชื่อไปปรากฏในเว็บดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรก มีชื่อผมไปปรากฏอยู่หลายที่หลายครั้ง ทั้งในส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคและกลุ่มการเมืองทั้งที่ผมถอยออกมานานแล้ว เว็บที่ว่าผมก็ไม่ได้อ่านหรือเข้าไปดู

โดยหลักการผมไม่ขอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่มีการไปร่วมใดๆ กับคมช. กับดร.เชียรช่วง รู้จักกันเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่ผมไม่ได้เข้าไปมีบทบาทอะไร บทบาทของผมที่จะเกี่ยวข้องกับองค์กรด้านการเมืองผมดึงตัวเองออกมานานแล้ว ยืนอยู่บนความไม่เกี่ยวข้อง วันนี้ผมออกมาก็ประกาศว่ายังไม่ได้กลับเข้าไปอีกเลย

- ศุภลักษณ์ ตัณฑาภิชาติ

กรรมการผู้จัดการบริษัทคิธ แอนด์ คิน

บริษัทไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่ยอมรับว่าเคยมีการมาทาบทามแต่ได้ปฏิเสธไปแล้ว เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเกรงจะมีผลกระทบต่อการดำเนินการงานของบริษัท ไม่รู้ว่ามีชื่อไปโผล่ได้อย่างไร

- อลงกรณ์ พลบุตร

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ที่กล่าวอ้างว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งผม นายกรณ์ จาติกวณิช นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ยืนยันว่าไม่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นคณะทำงานของนายเชียรช่วง แม้แต่คนเดียว ที่มีชื่อคนของพรรคไปปรากฏในเอกสารดังกล่าวคณะทำงานของนายเชียรช่วง คงเห็นว่าพรรคเป็นแกนนำตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลทักษิณมาอย่างต่อเนื่องและคงต้องการข้อมูลต่างๆ จากพรรคและบุคลากรของพรรคเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์เชิงรุกมากกว่า

พรรคเรียกร้องมาตลอดให้คมช.นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ 4 เหตุผลของการยึดอำนาจล้มระบอบทักษิณ ดังนั้น การมีโครงการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้คนไทยทั้งประเทศได้ล่วงรู้ถึงภัยคอร์รัปชั่น ถือว่าคมช.เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนตัวเห็นว่าคมช.ตั้งงบฯ 12 ล้านบาท น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความเสียหายของประเทศชาติที่เกิดจากการโกงบ้านกินเมืองที่คนไทยถูกปล้นไปหลายหมื่นล้านบาท

- ถนอม อ่อนเกตุพล

ผู้จัดรายการวิทยุ

งานที่ผมทำอยู่กับคมช.คือ ผมไปจัดรายการ "ใต้ร่มธงไทยเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย" ของกองทัพบก เป็นการสรุปข่าวในรอบวันและสัมภาษณ์บุคคลในข่าว ส่วนมากเน้นเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่มีการโจมตีฝ่ายตรงข้าม ไม่มีคำสั่งว่าต้องพูดอะไร ไม่ต้องพูดเรื่องอะไร มีอย่างเดียวที่ได้รับมอบคือหมายข่าวกองทัพบกที่ต้องประชาสัมพันธ์กิจกรรมกองทัพบก ซึ่งผมไม่ได้ค่าตอบแทน

กับดร.เชียรช่วง ผมเคยคุยกัน แต่ไม่เป็นทีม ผมทราบว่ามีคณะทำงานชุดดังกล่าว แต่เขาไม่ได้ชวนไปทำงานกับทีมวิเคราะห์ข้อมูลฯ รายชื่อบุคคลที่ปรากฏออกมาผมก็ไม่เคยเจอ

เรื่องนี้ถูกหยิบยกมามี 2 ประเด็น คือนามสกุล และการนำเอกสารมาเผยแพร่ พอเข้าสู่กระบวนการงบประมาณโครงการผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจทุกคนไม่เกี่ยว หรือรับรู้เรื่องต่างๆ แต่การขอข้อมูลอาจเป็นไปได้ อาจมีการพูดคุยกันหลายฝ่าย แต่คุยกันแล้วออกมาอย่างนี้คงไม่มีใครทราบว่ามีการของบฯ

ตามความรู้สึกผม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คมช.ว่าจ้างดร.เชียรช่วง เพราะเขามีบริษัท แต่จุดอ่อนอยู่ที่นามสกุล เป็นสิ่งปกติที่คมช.และผู้เกี่ยวข้องต้องมีการประชาสัมพันธ์ ตอนนี้โจทก์กลับเป็นจำเลย จำเลยกลับมาเป็นโจทก์ สร้างความสับสนให้สังคม
ที่มา มติชน

เอกสารแฉโผล่ออกมาเผ่นกันกระเจิง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2007, 00:48
น่าละอาย- ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง.....


คุณชอบแถ 'สนใจ' ผลประโยชน์ทับซ้อนในสมัยรัฐบาลนี้ หรือ สนใจรัฐบาลเก่าด้วย.......ฮ่า  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ปล. คุณชอบแถ อาจจะเป็นประเภท "ทุจริตเล็ก ๆ(อยากรู้) ชอบ....ทุจริตใหญ่ ๆ(ไม่อยากรู้) ไม่ชอบ ก็ได้......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Tam-mic-ra ที่ 13-04-2007, 03:22
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน

พรบ. คุ้มครองเด็กไง ไปอ่านดูได้ครับ

ห้ามเด็กเข้าผับก็ด้วย

ยาเสพติดก็น้อยลงมากในช่วงนั้น

คนจนที่บากหน้ามาแออัดใน กทม ก๊น้อยลง เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน  มี 30บาทรักษาทุกโรค

คุณภาพสังคมดีกว่า  ผลงาน ทรท.   ดีกว่าพรรคเก่าแก่เจ้าเล่ห์ ตั้งเยอะครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 13-04-2007, 07:08
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน

พรบ. คุ้มครองเด็กไง ไปอ่านดูได้ครับ

ห้ามเด็กเข้าผับก็ด้วย

ช่วงทักษิณเป็นนายก ผมไปเที่ยวผับวันไหน ผมก็เห็นเด็กเข้าผับทุกครั้งที่ผมไป

ยาเสพติดก็น้อยลงมากในช่วงนั้น

คนตายเยอะขึ้นด้วย

คนจนที่บากหน้ามาแออัดใน กทม ก๊น้อยลง เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน  มี 30บาทรักษาทุกโรค

นี่น่าจะต้องอ้างอิงด้วยข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้ ถ้าไม่มี แปลว่านึกเอาเอง ถ้าหลับอยู่จะเรียกว่าฝัน <- - ควรจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว มันจะไม่ต้องใช้หลักฐานทางสถิติที่น่าเชื่อถือใด ๆ ประกอบ

คุณภาพสังคมดีกว่า  ผลงาน ทรท.   ดีกว่าพรรคเก่าแก่เจ้าเล่ห์ ตั้งเยอะครับ

ผมไม่เชื่อ วัดจากอะไรหรือ ที่ผมเคยผ่านไปเห็นมีโสเภณีสมัครเล่น เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงที่ทักษิณเป็นนายก <- - - ความเห็นส่วนตัว




หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 13-04-2007, 12:24

ช่วงที่ปราบยาเสพย์ติด ฆ่าแบบปูพรมอย่างนี้ คนไม่มีสมองก็ทำได้ ผมยกตัวอย่างเรื่องจริงที่ไอทีวี เคยทำรายงาน มาให้ฟังกัน ..................." มีครอบครัวหนึ่ง พ่อ แม่ ลูก อยู่กันมา แม่ถูกรางวัลลอตเตอรี่ที่ 1 แต่ไม่ยอมบอกคนนอก (เพราะกลัวพี่น้องจะแห่กันมาขอเงิน) เมื่อนำลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินก็นำมาดาว รถปิกอัพ และซ่อมแซมบ้าน อยู่มา ทางการให้ไปรายงานตัวเพราะ รวยอย่างน่าสงสัย เมื่อไปรายงานตัว ก็ขับรถออกมาจาก ที่ว่าการอำเภอเพียง ไม่กี่ร้อยเมตรก็โดน ฆ่าตัดตอน เมื่อ ทั้ง 2 คน พ่อ แม่ตายไป เหลือแต่ลูก ที่ต้องกำพร้า และลูกก็ได้นำหลักฐานการขึ้นเงินล๊อตเตอรี่มาเปิดเผยให้ดู ...............สุดท้ายผมถามพวกคุณว่า นี่หรือ คือวิธีการปราบยาเสพย์ติดที่พวกคุณ ยกย่อง หาก เป็นแม่คุณทักษิณเอง หรือ แม่พวกคุณ ๆ  จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเพียงใด และทักษิณเคยอ้าปากขอโทษบ้างไหม พวกคุณๆ ที่ชื่นชมทักษิณ อธิบายผมหน่อยสิครับ ........."


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 13-04-2007, 13:03
เรื่องนี้ ทำให้ ดร.เชียรช่วง ได้ออกหลายรายการมาก

ได้ฟังแนวคิดฟังความ

ผมว่าแนวคิดดีครับ

...
กลายเป็น พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

ดร.เชียรช่วง ดังแล้วครับตอนนี้

ยังได้เสนอแนวคิด ออกตามสื่อหลายๆที่ฟรีๆอีกต่างหาก  :slime_smile:

** ผมว่า ดร.เชียรช่วง อาจขอบคุณคนที่เอาเรื่องนี้มาเผยแพร่ก็ได้


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2007, 13:25
เห็นคนตั้งกระทู้ก็ไม่อยากอ่าน แต่เห็นคนตอบเยอะ
อยากจะเข้ามาถามว่า ดร. เป็นญาติทางไหนกัน
เพราะฟังทีวีไม่ทัน ว่า ดร. เป็นญาติทางทวด โห!!
ไกลขนาดนั้นเลยจริงหรือ หรือว่าเป็นน้องแท้ๆ
หรือว่า ญาติ ลุงป้าน้าอา หรือทาง ปู่ย่าตายาย
ถ้าถึงทางทวด ไม่ต้องพูดเลยว่า มันทับซ้อนหรือเปล่า?


เคยเห็น'ตาราง'เครือญาติของ'กัลยณมิตร' ว่า
ทวดเดียวกัน แต่คนละปู่...........ครับ
นึกภาพเอาก็แล้วกัน.............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 13-04-2007, 13:32
ผมก็อยากรู้จัก ญาติฝ่ายปู่ทวดของผมเหมือนกัน.........เพื่อนผมหลายคน ก็เหมือนกัน .....

 :slime_smile:



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Tam-mic-ra ที่ 13-04-2007, 14:33
ผมแค่จะบอกว่า ทักษิณ มีผลงานด้านสังคมชัดเจน โดยออก พรบ คุ้มครองเด็ก
ก้ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีผลงาน แบบที่ประชาธิปัตย์เจ้าเล่ห์ครองอำนาจ
ยุครัฐบาล ปชป (ป) ตอนผมอายุ 14  ผมเข้าแดนฟีเวอร์ผับที่อยู่ตรงรัชดา ก็เจอเด็กๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่

ยังมีคนมาแถ ใส่ร้าย คคห ผมแบบประโยคต่อประโยคอีก
พยายามจะบอก ว่าทักษิณไม่มีผลงานล่ะสิ่ 
ป้ายสีว่าผมใช้ความรุ้สึกเขียนออกมา  ผมว่าคุณแหล่ะที่เป็นมากกว่าผม


ไปอ่าน พรบ คุ้มครองเด็กให้ชัดๆ ค่อยมาแถนะครับ เพราะลูกหลานคุณที่เป็นเด็ก กำลังได้รับความคุ้มครองจากระบอบทักษิณอยู่นะครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 13-04-2007, 15:07
อายุ 14 ก็เทียวผับ แล้ว .....นับว่า นิสัยเสีย ตั้งแต่เด็ก จริง ๆ.....555555555......


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 13-04-2007, 15:56
ผมแค่จะบอกว่า ทักษิณ มีผลงานด้านสังคมชัดเจน โดยออก พรบ คุ้มครองเด็ก
ก้ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีผลงาน แบบที่ประชาธิปัตย์เจ้าเล่ห์ครองอำนาจ
ยุครัฐบาล ปชป (ป) ตอนผมอายุ 14  ผมเข้าแดนฟีเวอร์ผับที่อยู่ตรงรัชดา ก็เจอเด็กๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่

ยังมีคนมาแถ ใส่ร้าย คคห ผมแบบประโยคต่อประโยคอีก
พยายามจะบอก ว่าทักษิณไม่มีผลงานล่ะสิ่ 
ป้ายสีว่าผมใช้ความรุ้สึกเขียนออกมา  ผมว่าคุณแหล่ะที่เป็นมากกว่าผม


ไปอ่าน พรบ คุ้มครองเด็กให้ชัดๆ ค่อยมาแถนะครับ เพราะลูกหลานคุณที่เป็นเด็ก กำลังได้รับความคุ้มครองจากระบอบทักษิณอยู่นะครับ


ตอนนี้อายุสมองคงน้อยกว่า 14 แล้วมั๊งครับ
แอลกอฮอล์ ควันบุหรี่ทำลายสมองหมดแล้ว
มิน่ายังคิดอะไรไม่ออกซักที


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-04-2007, 16:08
ผมแค่จะบอกว่า ทักษิณ มีผลงานด้านสังคมชัดเจน โดยออก พรบ คุ้มครองเด็ก
 ก้ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีผลงาน แบบที่ประชาธิปัตย์เจ้าเล่ห์ครองอำนาจ
ยุครัฐบาล ปชป (ป) ตอนผมอายุ 14  ผมเข้าแดนฟีเวอร์ผับที่อยู่ตรงรัชดา ก็เจอเด็กๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่

ยังมีคนมาแถ ใส่ร้าย คคห ผมแบบประโยคต่อประโยคอีก
พยายามจะบอก ว่าทักษิณไม่มีผลงานล่ะสิ่ 
ป้ายสีว่าผมใช้ความรุ้สึกเขียนออกมา  ผมว่าคุณแหล่ะที่เป็นมากกว่าผม


ไปอ่าน พรบ คุ้มครองเด็กให้ชัดๆ ค่อยมาแถนะครับ เพราะลูกหลานคุณที่เป็นเด็ก กำลังได้รับความคุ้มครองจากระบอบทักษิณอยู่นะครับ


ตอนนี้อายุสมองคงน้อยกว่า 14 แล้วมั๊งครับ
แอลกอฮอล์ ควันบุหรี่ทำลายสมองหมดแล้ว
มิน่ายังคิดอะไรไม่ออกซักที



 ก้ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีผลงาน แบบที่ประชาธิปัตย์เจ้าเล่ห์ครองอำนาจ
ยุครัฐบาล ปชป (ป) ตอนผมอายุ 14  ผมเข้าแดนฟีเวอร์ผับที่อยู่ตรงรัชดา ก็เจอเด็กๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่
คุณTam-mic-ra จะบอกว่าสมัยทักษิณนั้น เด็กต่ำกว่าเกณฑ์ 18 ปีเข้าสถานเริงรมย์ที่มีสุรา หรือ โชว์ลามก ไม่ได้เลย ใช่หรือไม่................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

อย่าสร้างหลักการว่า "โกงแต่ทำงานนั้น คอร์รั่ปชั่น กีดกัน ผลประโยชน์ทับซ้อน ฆ่าตัดตอน ฯลฯ ได้ทุกอย่างเป็นความถูกต้อง.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 13-04-2007, 17:08
ผมแค่จะบอกว่า ทักษิณ มีผลงานด้านสังคมชัดเจน โดยออก พรบ คุ้มครองเด็ก
ก้ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีผลงาน แบบที่ประชาธิปัตย์เจ้าเล่ห์ครองอำนาจ
ยุครัฐบาล ปชป (ป) ตอนผมอายุ 14  ผมเข้าแดนฟีเวอร์ผับที่อยู่ตรงรัชดา ก็เจอเด็กๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่

ยังมีคนมาแถ ใส่ร้าย คคห ผมแบบประโยคต่อประโยคอีก
พยายามจะบอก ว่าทักษิณไม่มีผลงานล่ะสิ่ 
ป้ายสีว่าผมใช้ความรุ้สึกเขียนออกมา  ผมว่าคุณแหล่ะที่เป็นมากกว่าผม


ไปอ่าน พรบ คุ้มครองเด็กให้ชัดๆ ค่อยมาแถนะครับ เพราะลูกหลานคุณที่เป็นเด็ก กำลังได้รับความคุ้มครองจากระบอบทักษิณอยู่นะครับ


ผมก็แค่จะบอกว่า ที่คุณบอกว่าทักษิณมีผลงานน่ะ มันเป็นผลงานห่วยแตก แต่ก็ไม่แปลกใจที่คุณชื่นชม แล้วก็ไม่แปลกใจอีกเหมือนกันที่คุณเอาผลงานห่วยแตก ไปเปรียบเทียบกับผลงานห่วยแตกที่ใคร ๆ เขาก็รู้อยู่แล้ว

เอ่อที่ผมแย้งเป็นประโยค ๆ น่ะ ไม่ถูกอย่างไรก็อธิบายมาด้วยเหตุผล ด้วยข้อเท็จจริงสิ
ถ้าไม่เอาเหตุผลหรือข้อมูลมาโต้แย้ง มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าผมจะเข้าใจว่าคุณสะกดจิตตัวเอง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 13-04-2007, 19:19
งบลับ 12 ล้านนี้เขาออกหนังสือถูกต้องตามกฏหมายไม่ได้หมกเม็ด ..................*-*เออ*-*...........แล้วที่น้องสาว คุณทักษิณ นั่งเฮลิคอปเตอร์ ซี300 ไปเที่ยวงานเลี้ยงรุ่นนะ มีหนังสือมะคับ เห็นแต่รูปถ่ายชู 2นิ้ว :slime_v:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Tam-mic-ra ที่ 13-04-2007, 19:37
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน

พรบ. คุ้มครองเด็กไง ไปอ่านดูได้ครับ

ห้ามเด็กเข้าผับก็ด้วย

ช่วงทักษิณเป็นนายก ผมไปเที่ยวผับวันไหน ผมก็เห็นเด็กเข้าผับทุกครั้งที่ผมไป

ยาเสพติดก็น้อยลงมากในช่วงนั้น

คนตายเยอะขึ้นด้วย

คนจนที่บากหน้ามาแออัดใน กทม ก๊น้อยลง เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน  มี 30บาทรักษาทุกโรค

นี่น่าจะต้องอ้างอิงด้วยข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้ ถ้าไม่มี แปลว่านึกเอาเอง ถ้าหลับอยู่จะเรียกว่าฝัน <- - ควรจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว มันจะไม่ต้องใช้หลักฐานทางสถิติที่น่าเชื่อถือใด ๆ ประกอบ

คุณภาพสังคมดีกว่า  ผลงาน ทรท.   ดีกว่าพรรคเก่าแก่เจ้าเล่ห์ ตั้งเยอะครับ

ผมไม่เชื่อ วัดจากอะไรหรือ ที่ผมเคยผ่านไปเห็นมีโสเภณีสมัครเล่น เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงที่ทักษิณเป็นนายก <- - - ความเห็นส่วนตัว




ผับไหนสมัยทักษิณครับ  ที่ปล่อยให้เด็กต่ำกว่า 20 เข้าได้

ผมเห็นมีที่เดียวที่เคยไปเจอมา  นอกนั้นตรวจเข้ม  ต่ำกว่า 20 อด
รัชดา ซ6    ชื่อบาหลี  ที่ไม่ตรวจบัตร  ถึงตรวจเจอเด็กต่ำกว่า20    รปภ ก็แกล้งทำไม่เห็น


แต่เดี๋ยวนี้เหรอ ทักษิณไม่อยู่แล้ว กินกันเอิกเกริกจริงๆ
 ผมไปแถวที่ย่านเดิมคือ ซ6   มีหลายผับมากขึ้น ที่ปล่อยเด็กเข้า


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Tam-mic-ra ที่ 13-04-2007, 19:44
อายุ 14 ก็เทียวผับ แล้ว .....นับว่า นิสัยเสีย ตั้งแต่เด็ก จริง ๆ.....555555555......

ช่วยไปโทษด่า  ป. ชป.  พรรคเก่าแก่ที่พวกคุณเป็นหัวคะแนน ดีกว่าครับ
ที่ช่วงนั้นปล่อยให้เด็กอย่างผมเข้าไปหาความสำราญได้เต็มที่ 
 :slime_inlove:กำไรชีวิตดีออก  พวกคุณคงไม่มีโอกาศได้เที่ยวเหมือนผม คงอิจฉาสิ่นะ
แต่ก็ดีนะ  ทำให้ได้รู้ว่ารัฐบาลอันไหนดีไหนเลว  ใครเป็นห่วงสังคมมากกว่ากัน

ทักษิณนี่แหล่ะ กล้าพูดกล้าทำของจริง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 13-04-2007, 19:51
ผลประโยชน์ ทับซ้อนนี่แบบไหนครับ ใช่แบบที่ ออก พรบ ให้บริษัทชินแซทฯ ไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐ 6 ปี หรือเปล่าครับ  หรือ การ ออก พรบ ภาษีสรรพสามิต โทรคมนาคม เก็บภาษี (มากๆ)กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่คิดจะ ออกบริการมือถือ ..นโยบายสกัดคู่แข่งหน้าใหม่หรือเปล่า หรือ การให้คิงพาเวอร์เพิ่มพื่นที่ขายได้เองโดยไม่สนใจสัญญา (อย่าหาว่าปรักปรำหละ คิงพาเวอร์เขายอมรับ และ คนก็เห็นกันทั้งประเทศ เอ๊ะๆๆๆ ไม่ใช่สิครับ หรือการเข้าไป ยึด ไอทีวี แล้ว แก้ไขสัญญาทีมีกับรัฐเสียใหม่ หรือเปล่า *********-----------งง ไปหมดแล้ว  ยังไงกันแน่ ------------------*******


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแ$
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 13-04-2007, 20:01
อายุ 14 ก็เทียวผับ แล้ว .....นับว่า นิสัยเสีย ตั้งแต่เด็ก จริง ๆ.....555555555......

ช่วยไปโทษด่า  ป. ชป.  พรรคเก่าแก่ที่พวกคุณเป็นหัวคะแนน ดีกว่าครับ
ที่ช่วงนั้นปล่อยให้เด็กอย่างผมเข้าไปหาความสำราญได้เต็มที่ 
 :slime_inlove:กำไรชีวิตดีออก  พวกคุณคงไม่มีโอกาศได้เที่ยวเหมือนผม คงอิจฉาสิ่นะ
แต่ก็ดีนะ  ทำให้ได้รู้ว่ารัฐบาลอันไหนดีไหนเลว  ใครเป็นห่วงสังคมมากกว่ากัน


ทักษิณนี่แหล่ะ กล้าพูดกล้าทำของจริง


นี่ก็นิสัยเสียอีกแบบ..........อยากออกไปเที่ยว เพราะอยากไปเที่ยว .........แต่ไปโทษรัฐบาล ว่าปล่อยให้ตัวเองไปเที่ยว  ต้องโทษคนที่ดูแลคุณสิถึงจะถูก ..........อย่ามาโม้เรื่องเที่ยวเลยครับ เดะ ๆ........เคยใส่รองเท้าแตะ นุ่งขาสั้น ใส่เสื้อกล้าม เข้า dance fever อะป่าว  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

อ้อ !!!!!!!!!! สมัยก่อนเข้าไป อาทิตย์ละ 3 วัน ไม่ได้ค่อยเห็น เด็ก 14 ใจแตกเท่าไหร่น๊ะ......


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแ$
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 14-04-2007, 11:15
อายุ 14 ก็เทียวผับ แล้ว .....นับว่า นิสัยเสีย ตั้งแต่เด็ก จริง ๆ.....555555555......

ช่วยไปโทษด่า  ป. ชป.  พรรคเก่าแก่ที่พวกคุณเป็นหัวคะแนน ดีกว่าครับ
ที่ช่วงนั้นปล่อยให้เด็กอย่างผมเข้าไปหาความสำราญได้เต็มที่ 
 :slime_inlove:กำไรชีวิตดีออก  พวกคุณคงไม่มีโอกาศได้เที่ยวเหมือนผม คงอิจฉาสิ่นะ
แต่ก็ดีนะ  ทำให้ได้รู้ว่ารัฐบาลอันไหนดีไหนเลว  ใครเป็นห่วงสังคมมากกว่ากัน


ทักษิณนี่แหล่ะ กล้าพูดกล้าทำของจริง


นี่ก็นิสัยเสียอีกแบบ..........อยากออกไปเที่ยว เพราะอยากไปเที่ยว .........แต่ไปโทษรัฐบาล ว่าปล่อยให้ตัวเองไปเที่ยว  ต้องโทษคนที่ดูแลคุณสิถึงจะถูก ..........อย่ามาโม้เรื่องเที่ยวเลยครับ เดะ ๆ........เคยใส่รองเท้าแตะ นุ่งขาสั้น ใส่เสื้อกล้าม เข้า dance fever อะป่าว  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

อ้อ !!!!!!!!!! สมัยก่อนเข้าไป อาทิตย์ละ 3 วัน ไม่ได้ค่อยเห็น เด็ก 14 ใจแตกเท่าไหร่น๊ะ......

สันดานคนรักทักษิณไม่มีเปลี่ยน
ใครเห็นต่างจากทักษิณ โบ้ยไปว่าเป็นพวก ปชป. โบ้ยไปที่สนธิ โบ้ยไปที่ คมช.-รัฐบาล
ไม่สนใจคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองว่าเขาเห็นอย่างไร และรู้จักคิดเองหรือไม่
  :!: :!: :?:

มิน่า... ราชดำเนินคุณภาพต่ำจนถึงวันนี้นี่เอง ความคิดยังพายเรือวนอยู่ในอ่าง


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 14-04-2007, 12:37
ว่าแล้วว่าต้องมีคนมาเอาสีข้างถู ว่าถ้าประชาธิปไตยไม่เท่ากับเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย จนได้ !!!
น่าเบื่อคนพวกนี้นะครับ เขียนสั้นมันก็เถียงข้างๆคูๆ เขียนอธิบายยาวมันก็ไม่เข้าใจ เมื่อยมือเราอีก เฮ้อ!

คุณ ScaRECroW อธิบายไว้อย่างดีแล้ว เหลือแต่หัวปี๊บจะทำความเข้าใจรึเปล่าเท่านั้น ...ถ้าเรียนวิชาปกครองจากวิทยาลัยทาสทรราชมา โดยยึดตำราเล่มที่จ้าวระบอบทักษิณาธิปไตยเจ้าของวิทยาลัยเขียนเองนั้น ก็อย่าได้เอามาอ้างกับคนภายนอกเขาเลย  ผมว่าพวกเราเซฟแรงไปถกสาระบ้านเมืองกันดีกว่า

 :slime_hmm:


พวกคุณน่าจะกล้ายอมรับตรงๆดีกว่าว่า ถ้าทักษิณชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่เป็นปชต. แต่ถ้าเมื่อไหร่คนไทยเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ทักษิณ...พวกคุณจะบอกว่านั่นคือ ปชต.


ขนาดพูดตรงๆยังไม่กล้ายอมรับเลย....อ้อมไปอ้อมมา none sense จริงๆ



คนรักทักษิณ ปิดหู ปิดตา ปิดใจ งมงาย ไม่ลืมหู ลืมตาว่า
ศาลสถิตยุติธรรม ได้พิพากษา การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ไม่เป็นประชาธิปไตย

จึงพิพากษาให้ "โมฆะ"......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า :!:


คนรักทักษิณ มีความคิดแตกต่างกับคนไทยอื่น ๆ เพราะงมงายอ่าน"ใบบอก" อย่างเดียว พร้อมกับท่องในใจ "รู้เขาหลอก ก็เต็มใจให้หลอก"......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า





หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 14-04-2007, 13:25
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน

พรบ. คุ้มครองเด็กไง ไปอ่านดูได้ครับ

ห้ามเด็กเข้าผับก็ด้วย

ช่วงทักษิณเป็นนายก ผมไปเที่ยวผับวันไหน ผมก็เห็นเด็กเข้าผับทุกครั้งที่ผมไป

ยาเสพติดก็น้อยลงมากในช่วงนั้น

คนตายเยอะขึ้นด้วย

คนจนที่บากหน้ามาแออัดใน กทม ก๊น้อยลง เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน  มี 30บาทรักษาทุกโรค

นี่น่าจะต้องอ้างอิงด้วยข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้ ถ้าไม่มี แปลว่านึกเอาเอง ถ้าหลับอยู่จะเรียกว่าฝัน <- - ควรจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว มันจะไม่ต้องใช้หลักฐานทางสถิติที่น่าเชื่อถือใด ๆ ประกอบ

คุณภาพสังคมดีกว่า  ผลงาน ทรท.   ดีกว่าพรรคเก่าแก่เจ้าเล่ห์ ตั้งเยอะครับ

ผมไม่เชื่อ วัดจากอะไรหรือ ที่ผมเคยผ่านไปเห็นมีโสเภณีสมัครเล่น เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงที่ทักษิณเป็นนายก <- - - ความเห็นส่วนตัว




ผับไหนสมัยทักษิณครับ  ที่ปล่อยให้เด็กต่ำกว่า 20 เข้าได้

ผมเห็นมีที่เดียวที่เคยไปเจอมา  นอกนั้นตรวจเข้ม  ต่ำกว่า 20 อด
รัชดา ซ6    ชื่อบาหลี  ที่ไม่ตรวจบัตร  ถึงตรวจเจอเด็กต่ำกว่า20    รปภ ก็แกล้งทำไม่เห็น


แต่เดี๋ยวนี้เหรอ ทักษิณไม่อยู่แล้ว กินกันเอิกเกริกจริงๆ
 ผมไปแถวที่ย่านเดิมคือ ซ6   มีหลายผับมากขึ้น ที่ปล่อยเด็กเข้า


Route 66 และผับอื่น ๆ แถว RCA ช่วงทักษิณเป็นนายกฯ ก็มีเด็กเที่ยวกันเต็มไปหมด


เอ่อ ตกลงแย้งผมเรื่องนี้เรื่องเดียวใช่ไหมครับ  เรื่องอื่นที่ผมแย้งกลับไปยอมรับทั้งหมดใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 14-04-2007, 16:28
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน

พรบ. คุ้มครองเด็กไง ไปอ่านดูได้ครับ

ห้ามเด็กเข้าผับก็ด้วย

ช่วงทักษิณเป็นนายก ผมไปเที่ยวผับวันไหน ผมก็เห็นเด็กเข้าผับทุกครั้งที่ผมไป

ยาเสพติดก็น้อยลงมากในช่วงนั้น

คนตายเยอะขึ้นด้วย

คนจนที่บากหน้ามาแออัดใน กทม ก๊น้อยลง เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน  มี 30บาทรักษาทุกโรค

นี่น่าจะต้องอ้างอิงด้วยข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้ ถ้าไม่มี แปลว่านึกเอาเอง ถ้าหลับอยู่จะเรียกว่าฝัน <- - ควรจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว มันจะไม่ต้องใช้หลักฐานทางสถิติที่น่าเชื่อถือใด ๆ ประกอบ

คุณภาพสังคมดีกว่า  ผลงาน ทรท.   ดีกว่าพรรคเก่าแก่เจ้าเล่ห์ ตั้งเยอะครับ

ผมไม่เชื่อ วัดจากอะไรหรือ ที่ผมเคยผ่านไปเห็นมีโสเภณีสมัครเล่น เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงที่ทักษิณเป็นนายก <- - - ความเห็นส่วนตัว




ผับไหนสมัยทักษิณครับ  ที่ปล่อยให้เด็กต่ำกว่า 20 เข้าได้

ผมเห็นมีที่เดียวที่เคยไปเจอมา  นอกนั้นตรวจเข้ม  ต่ำกว่า 20 อด
รัชดา ซ6    ชื่อบาหลี  ที่ไม่ตรวจบัตร  ถึงตรวจเจอเด็กต่ำกว่า20    รปภ ก็แกล้งทำไม่เห็น


แต่เดี๋ยวนี้เหรอ ทักษิณไม่อยู่แล้ว กินกันเอิกเกริกจริงๆ
 ผมไปแถวที่ย่านเดิมคือ ซ6   มีหลายผับมากขึ้น ที่ปล่อยเด็กเข้า


Route 66 และผับอื่น ๆ แถว RCA ช่วงทักษิณเป็นนายกฯ ก็มีเด็กเที่ยวกันเต็มไปหมด


เอ่อ ตกลงแย้งผมเรื่องนี้เรื่องเดียวใช่ไหมครับ  เรื่องอื่นที่ผมแย้งกลับไปยอมรับทั้งหมดใช่ไหมครับ

Route 66 และผับอื่น ๆ แถว RCA ช่วงทักษิณเป็นนายกฯ ก็มีเด็กเที่ยวกันเต็มไปหมด



"ใบบอก"ของพรรคฯ ไม่ได้บอกไว้ คุณTam-mic-ra จะรู้ได้อย่างไร และ จะเชื่อได้อย่างไร......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: sofar...sogood ที่ 14-04-2007, 19:06
แต่เดี๋ยวนี้เหรอ ทักษิณไม่อยู่แล้ว กินกันเอิกเกริกจริงๆ
 ผมไปแถวที่ย่านเดิมคือ ซ6   มีหลายผับมากขึ้น ที่ปล่อยเด็กเข้า


ทักษิณพ่อคุณนี่วิเศษจริงๆ ถ้าเกิดมันตายไปขึ้นมา แล้วจะทำไงนี่ ไม่มีทักษิณบนโลก โลกต้องแตกแน่เลย


หัวข้อ: เรื่องของธรรมาภิบาล
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 14-04-2007, 19:54
เรื่องของธรรมาภิบาล

เดลินิวส์ วันที่ 12 เมษายน 2550  
 
ตอนเผลอบอกว่าตัวเอง “เป็นวีรบุรุษ ไม่ใช่จำเลย” ไม่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบกรณีการ
ใช้เงิน 7 ล้านพาบอร์ด ทอท. ใช้ดูงาน รปภ. สนามบินอังกฤษกับเยอรมนีโดยพ่วงเอาคน
นามสกุลเดียวกับบอร์ดหลายคนไปด้วย ว่าเป็นการไปเที่ยวหรือไปทำงานแน่
 
พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.เลขาธิการ คมช. และ ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะประธานบอร์ด
ทอท. ยัวะจัดบอกว่าเพราะมีคนจงใจทำให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำเสียที เพื่อดิสเครดิตตนเอง
 
ล่าสุด เว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” ล้วงตับ คมช. เอาเอกสารลับการขออนุมัติจ้างทีมงาน
วิเคราะห์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เชิงลึกของ “ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช.” ที่มี พล.อ.
สพรั่ง เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เป็นเงิน 12 ล้านบาทมาลงหรา โชว์ใบเสร็จ เข้าทางกลุ่ม
พีทีวี เอาไปโจมตีเละเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกลางสนามหลวง
 
รายละเอียดของแผนการที่ระบุเป้าหมายเพื่อลดความน่าเชื่อถือของทักษิณ, อดีต รมต.,
นายนพดล ปัทมะ เป็นต้น รวมทั้งฟ้องทักษิณต่อศาลต่างประเทศเรื่องฆ่าตัดตอนหรือ
ยกเลิก พ.ร.บ. แปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลเก่า เรื่องเล็ก เพราะจะว่าไป เป็นธรรมดา
ในเมื่อกลุ่มอำนาจเก่าถูกระบุว่าคือศัตรูสำคัญของ  คมช.
 
การที่ คมช. จะหาทางทำลายล้าง บั่นทอนความน่าเชื่อถือและดิสเครดิตอำนาจเก่า
ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเกมการเมือง  ทักษิณเองก็ดิ้นพราดจ้างล็อบบี้ยิสต์ระดับ
อินเตอร์ ดิสเครดิต คมช. เพียงแต่ใช้เงินตัวเองทำ   
 
การที่เรื่องนี้ฉาวโฉ่ขึ้นมา เพราะเงิน 12 ล้านที่ คมช. ใช้นั้น ไม่ใช่เงินส่วนตัว เป็นภาษี
ของประชาชน ทุกอย่างจึงต้องตรวจสอบได้ วัตถุประสงค์ของการใช้เงิน มันก็น่าสงสัย
อยู่หรอก ใช้เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม  
 
แต่อะไรไม่จี้ใจดำคนเท่าหัวหน้าทีมงานที่รับจ้าง คมช. ทำลายทักษิณครั้งนี้ชื่อ ดร.
เชียรช่วง กัลยาณมิตร ด้วยการจ้างวิธีพิเศษ ไม่เปิดประกวดราคาทั่วไป  และบังเอิญ
บริษัทนั้นเป็นบริษัทน้องชายของ พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร นี่แหละ ถึงฉาวโฉ่
 
ก็น่าเห็นใจ ดร.เชียรช่วง เพราะเชื่อว่าทำตามระเบียบ คมช. จริง แต่ล็อกสเปกหรือเปล่า
อีกเรื่อง ???
 
ทักษิณถูกหาว่าไร้ “ธรรมาภิบาล”เอื้อประโยชน์พวกพ้อง โคตรเหง้าเหล่ากอตัวเอง ก็มา
จากการ “บ่มเพาะ” พฤติกรรมแบบนี้ทีละน้อย เช่น เวลาจะทำพีอาร์กระทรวงไหนก็มี
“ฮาวคัม” ของหนุ่มโอ๊คเป็นยาดำถูกต้องตามระเบียบทุกทีเหมือนที่ ดร. เชียรช่วงอ้าง
 
แต่ คมช. ไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เลยลากปืนมายึดอำนาจ ไล่ทักษิณลงจากเก้าอี้ ท่าม
กลางเสียงโห่ร้องยินดีของคนไม่น้อยไม่ใช่หรือ แล้วจะมาบอกว่าแค่ 12 ล้าน ไม่เห็นต้อง
โวยวาย ขอโทษ ผายลมหรือไง ???
 
ส่วนที่อ้างว่าเป็นเรื่องบล็อก พล.อ. สพรั่ง ไม่ให้ขึ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ. น่ะอ้างได้ แต่ฟังไม่ขึ้น
การที่ พล.อ. สพรั่ง สั่งสอบว่าใครเป็น “กบฏ” ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ ฉกเอกสารลับไปให้
ศัตรู ก็เหมือนกัน สอบได้ เพราะมีอำนาจ
 
แต่ที่คนอยากรู้คือ ทำอย่างนี้ผิด หลัก “ธรรมาภิบาล” หรือเปล่า ไม่เกี่ยวกับระเบียบ ไม่
เกี่ยวกับเงินเท่าไหร่  ช่วยออกมาตอบคำถามให้สังคมหายข้องใจหน่อยเถอะ เพราะกลัว
แต่จะขว้างงูไม่พ้นคอมากกว่า นะสิ
 
แต่นั่นแหละ นอกจากโฆษก คมช. ยืนยัน ไม่มีการทบทวนแล้ว ตอนนี้ข่าวอื่นก็ขึ้นมากลบ
โดยเฉพาะข่าวระเบิดล่าสุดที่ “เมเจอร์รัชโยธิน” การกุข่าวนายกฯ ถอดใจ รวมทั้งข่าว
“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่คุณหมอ เหวง โตจิราการ เปลี่ยนให้ใหม่เป็น
พันธมิตรฯ เพื่อเผด็จการ ไปเรียบร้อยแล้ว
 
เพราะมีพันธมิตรบางคนกำลังพยายามทุกวิถีทางให้มีการ “ปฏิวัติซ้ำ” อีก ไม่สงสารประเทศ
ชาติเสียเลย แต่ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม ใครขืนบ้าจี้ทำตาม บอกได้คำเดียว ระวังไม่มี
แผ่นดินอยู่เหมือนทักษิณ!!
 
สำหรับตัว พล.อ.สพรั่ง ก็เลิกโทษปี่โทษกลองทีเถอะ รำไม่ดีเองแท้ๆ ยิ่งถูกจับจ้อง ยิ่งต้อง
ระวัง ไม่ใช่มาอวดจะเอาปืนกลไปไล่ยิงหมาแก้เกี้ยว ประชาชนเค้าเอียนแล้วนะ ขอบอก..!?!     

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=37988&NewsType=2&Template=1

กับบางคนบางพวกที่บอกว่า
แค่ 12 ล้านบาท ไม่เท่าที่ทักษิณโกง
ให้งานน้องห่างๆ ไม่เรียก ผลประโยชน์ทับซ้อน
ทำเพื่อกำจัดศัตรูของชาติ ดังนั้นใช้งบราชการได้
เข้าทำนอง โกง (ไม่มาก) แต่ทำงาน (แย่ๆ) ก็พอใจ

ฟังแล้วได้แต่ปลง


 :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 14-04-2007, 19:59


อ้างถึง
กับบางคนบางพวกที่บอกว่า
แค่ 12 ล้านบาท ไม่เท่าที่ทักษิณโกง
ให้งานน้องห่างๆ ไม่เรียก ผลประโยชน์ทับซ้อน
ทำเพื่อกำจัดศัตรูของชาติ ดังนั้นใช้งบราชการได้
เข้าทำนอง โกง (ไม่มาก) แต่ทำงาน (แย่ๆ) ก็พอใจ

ฟังแล้วได้แต่ปลง

งบราชการลับ ผมว่าน่าสนใจกว่าครับ

อันนี้ ก็ไม่ได้ปิดบัง ไม่งั้นไปเอากันออกมาได้ไงครับ..


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Tam-mic-ra ที่ 15-04-2007, 04:55
ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือบ้าง หาหลักฐานยากบ้าง เพราะข้าราชการก็ไปตามน้ำ กลัวตาแหกเหมือนกัน

คุณควรจะดูฝั่งรักทักสินของคุณเสียมากกว่าไอ้ที่บอกว่า "คุณจะหลอกคนไทยบางกลุ่ม...มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับที่จะหยิบข้อกล่าวหาลอยๆไปป้ายสีคนอื่นเค้า แต่คนไทยส่วนมากเค้ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อให้หลอก เผอิญว่า 'คนมันชั่ว' เกิดมีอำนาจปกครองประเทศขึ้นมา"  ...เผอิญคนที่โดนหลอกบางกลุ่มนั่นเป็นกลุ่มของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้น หรือจะบอกว่าฟากทักสินนั้นมาบริสุทธิ์ ทำงานสะอาดหมดจด โปร่งใส ไร้ข้อกังขา ตลอด 6 ปี ซะยิ่งกว่า 6 เดือน

เอาน่า อย่ามาเถียงกันงี้เลย มันไม่จบหรอก ถ้ารักชาติบ้านเมือง ร่วมกันพิสูจน์สิ ฝั่งทักสินถ้าคุณคิดว่าฝั่งคุณสะอาด ก็กรุณาร่วมชี้แจงและพิสูจน์ แต่ที่มันคาราคาซังเพราะคนรักทักสินมันไม่ชี้แจงหักล้าง กลับตอบโต้แบบสักแต่แถ ข้างๆ คูๆ ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้จากน้ำลายฝ่ายตัวเอง

มีผลงานไหนที่ดีสำหรับสังคมไทยบ้างเอ่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา!?! ของทักสิน

พรบ. คุ้มครองเด็กไง ไปอ่านดูได้ครับ

ห้ามเด็กเข้าผับก็ด้วย

ช่วงทักษิณเป็นนายก ผมไปเที่ยวผับวันไหน ผมก็เห็นเด็กเข้าผับทุกครั้งที่ผมไป

ยาเสพติดก็น้อยลงมากในช่วงนั้น

คนตายเยอะขึ้นด้วย

คนจนที่บากหน้ามาแออัดใน กทม ก๊น้อยลง เพราะมีกองทุนหมู่บ้าน  มี 30บาทรักษาทุกโรค

นี่น่าจะต้องอ้างอิงด้วยข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้ ถ้าไม่มี แปลว่านึกเอาเอง ถ้าหลับอยู่จะเรียกว่าฝัน <- - ควรจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว มันจะไม่ต้องใช้หลักฐานทางสถิติที่น่าเชื่อถือใด ๆ ประกอบ

คุณภาพสังคมดีกว่า  ผลงาน ทรท.   ดีกว่าพรรคเก่าแก่เจ้าเล่ห์ ตั้งเยอะครับ

ผมไม่เชื่อ วัดจากอะไรหรือ ที่ผมเคยผ่านไปเห็นมีโสเภณีสมัครเล่น เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงที่ทักษิณเป็นนายก <- - - ความเห็นส่วนตัว




ผับไหนสมัยทักษิณครับ  ที่ปล่อยให้เด็กต่ำกว่า 20 เข้าได้

ผมเห็นมีที่เดียวที่เคยไปเจอมา  นอกนั้นตรวจเข้ม  ต่ำกว่า 20 อด
รัชดา ซ6    ชื่อบาหลี  ที่ไม่ตรวจบัตร  ถึงตรวจเจอเด็กต่ำกว่า20    รปภ ก็แกล้งทำไม่เห็น


แต่เดี๋ยวนี้เหรอ ทักษิณไม่อยู่แล้ว กินกันเอิกเกริกจริงๆ
 ผมไปแถวที่ย่านเดิมคือ ซ6   มีหลายผับมากขึ้น ที่ปล่อยเด็กเข้า


Route 66 และผับอื่น ๆ แถว RCA ช่วงทักษิณเป็นนายกฯ ก็มีเด็กเที่ยวกันเต็มไปหมด


เอ่อ ตกลงแย้งผมเรื่องนี้เรื่องเดียวใช่ไหมครับ  เรื่องอื่นที่ผมแย้งกลับไปยอมรับทั้งหมดใช่ไหมครับ

Route 66 และผับอื่น ๆ แถว RCA ช่วงทักษิณเป็นนายกฯ ก็มีเด็กเที่ยวกันเต็มไปหมด



"ใบบอก"ของพรรคฯ ไม่ได้บอกไว้ คุณTam-mic-ra จะรู้ได้อย่างไร และ จะเชื่อได้อย่างไร......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



เวรกรำ  ผมไม่รู้จะเอาหลักฐานอะไรมาแสดง  ว่าช่วงนั้น  Route 66  และ RCA ไม่ปล่อยให้เด็กต่ำกว่า 20 เข้าได้
ผมกะเพื่อนพาเด็กไปเที่ยว แต่เข้าไม่ได้  ต้องใช้วิธีลับ ลำบากมากๆ

คุณเล่นไล่ใส่ร้าย คำตอบทุกคำตอบของผมไปเรื่อยๆแบบนี้ ผมเสร็จเลย :slime_dizzy:


แต่อย่างที่บอก  บาหลี    แน่นอน  เข้าโลด


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ScaRECroW ที่ 15-04-2007, 09:47
1 เรื่องยาเสพติน้อยลงน่ะ คุณรู้ได้อย่างไรว่ามันน้อยลงจริง ๆ เพราะคนบางกลุ่มพูดกันว่ามันน้อยลง แล้วคุณก็เชื่อ ผมน่ะไม่ได้เชื่อว่ามันน้อยลง แต่ก็ไม่ได้เชื่อว่ามันไม่ได้น้อยลงเหมือนกัน แต่ที่ผมจำได้คือ มีข่าวคนถูกฆ่าตายเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ ที่เขาว่าฆ่าตัดตอนนั่นแหละ ผมก็ไม่ได้เชื่ออีกเหมือนกันว่ามันเป็นการตัดตอนจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คนที่ตายเป็นหลายพันคนน่ะ ตายจริง ไม่ได้ตายเล่น ๆ
2 เรื่องคนจนบากหน้ามาแออัดน้อยลงเพราะ โครงการอะไรที่คุณว่ามาน่ะ คุณใช้อะไรเป็นตัววัด หรือว่าอ้างจากการศึกษา การวิจัย ของสถาบันไหน ถ้ามีก็นำมาอ้างอิง ถ้าไม่มีมันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมจะไพล่นึกไปว่าคุณเชื่อโดยปราศจากข้อมูล  ที่ผมถามเนี่ย เพราะว่าถ้าคุณมีเหตุผล มีหลักฐาน มีข้อมูลที่ชัดเจน ผมก็จะพิจารณาว่าข้อมูลที่คุณนำมาอ้างมันน่าเชื่อถือไหม ถ้ามันน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือมันก็จะสะท้อนกลับไปหาตัวคุณ
3 คุณภาพสังคมดีขึ้นเนี่ย ถ้าจะวัดกันมันไม่ใช่แค่เรื่องมีเด็กเที่ยวผับน้อยลง แล้วจริง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่า เพราะร้านย่านที่คุณไปอาจจะเป็นอย่างที่คุณว่า แต่มันไม่ใช่คำตอบของทั้งสังคม เพราะย่านบันเทิงแค่ใน กทม.ก็มีหลายย่าน สิ่งที่คุณเห็นจากพื้นที่เดียวมันอธิบายได้แค่บริเวณนั้น มันอธิบายความเป็นไปของทั้งสังคมไม่ได้ เหมือนอย่างที่ผมบอก เด็กสาวมายืนขายตัวกันที่ถนนเพชรบุรีจากเดิมที่อยู่กันแค่โรงแรมสยาม มันลามไปถึงตลอดทางรถไฟด้านหลัง แล้วมันก็เกิดขึ้นในช่วงที่ทักษิณเป็นนายกเสียด้วย ขณะเดียวกันผมเชื่อว่าตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้น ประเด็นตรงนี้ก็คือว่า สิ่งเหล่านี้มันมีทุกยุคทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่รัฐบาบลใดรัฐบาลหนึ่ง

ถ้าจะคุยกันตรงนี้ คุณก็ต้องพร้อมที่จะถูกแย้ง เมื่อถูกแย้งก็ต้องพร้อมที่จะไปค้นคว้าหาหลักฐานอะไรมาโต้ ไม่ใช่กลับมาเถียงแบบเด็ก ๆ ว่าใครที่แย้งคุณคือคนที่ต้องการใส่ร้ายไปเสียหมด

ผมบอกได้ตรง ๆ ว่า คุณกำลังดูหมิ่นสติปัญญาตัวคุณเอง แล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่เมื่อคนอื่นเขาเห็นคุณดูหมิ่นสติปัญญาตัวเอง แล้วเขาจะช่วยสนับสนุน


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 15-04-2007, 11:57


อ้างถึง
กับบางคนบางพวกที่บอกว่า
แค่ 12 ล้านบาท ไม่เท่าที่ทักษิณโกง
ให้งานน้องห่างๆ ไม่เรียก ผลประโยชน์ทับซ้อน
ทำเพื่อกำจัดศัตรูของชาติ ดังนั้นใช้งบราชการได้
เข้าทำนอง โกง (ไม่มาก) แต่ทำงาน (แย่ๆ) ก็พอใจ

ฟังแล้วได้แต่ปลง

งบราชการลับ ผมว่าน่าสนใจกว่าครับ

อันนี้ ก็ไม่ได้ปิดบัง ไม่งั้นไปเอากันออกมาได้ไงครับ..

มาแสดงการ “ตีความแบบไม่เกินเลย” หรือคะ?
ถ้าเอกสารไม่ลับ งั้นรอยประทับ “ลับมาก” นั้นคงจะโกหก
พวกที่ออกมายอมรับในการให้สัมภาษณ์ก็คงโกหกด้วย

ส่วนหลุดออกมาได้อย่างไร
รอทั่นผู้ยิ่งใหญ่สอบสวนหาตัว “กบฎ” เสร็จ
ก็คงจะเปิดเผยให้ทราบถ้าไม่เป็นเรื่อง “ลับ”

ว่าแต่เขาใช้งบอะไร ลับหรือไม่
คุณทราบจากไหนล่ะคะ?
หรือว่า “ตีความแบบไม่เกินเลย” เอาเอง?


 :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 15-04-2007, 15:23
ผมแค่จะบอกว่า ทักษิณ มีผลงานด้านสังคมชัดเจน โดยออก พรบ คุ้มครองเด็ก
ก้ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีผลงาน แบบที่ประชาธิปัตย์เจ้าเล่ห์ครองอำนาจ
ยุครัฐบาล ปชป (ป) ตอนผมอายุ 14  ผมเข้าแดนฟีเวอร์ผับที่อยู่ตรงรัชดา ก็เจอเด็กๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่

ยังมีคนมาแถ ใส่ร้าย คคห ผมแบบประโยคต่อประโยคอีก
พยายามจะบอก ว่าทักษิณไม่มีผลงานล่ะสิ่ 
ป้ายสีว่าผมใช้ความรุ้สึกเขียนออกมา  ผมว่าคุณแหล่ะที่เป็นมากกว่าผม


ไปอ่าน พรบ คุ้มครองเด็กให้ชัดๆ ค่อยมาแถนะครับ เพราะลูกหลานคุณที่เป็นเด็ก กำลังได้รับความคุ้มครองจากระบอบทักษิณอยู่นะครับ



ขอประทานโทษค่ะคุณ Tam-mic-ra

เนื่องจากไม่อยากให้กระทู้แตกประเด็นไปมาก

เก็ดถวาจึงไปตอบเรื่อง พรบ. คุ้มครองเด็ก ที่กระทู้นี้นะคะ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=13366.0


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 15-04-2007, 19:22
เดลินิวส์ 12 เมษายน 2550  

(http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/cartoon/4/12/38014_35697.jpg)


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 15-04-2007, 19:25
เดลินิวส์ 12 เมษายน 2550  

(http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/cartoon/4/12/38014_35697.jpg)

นายขวด เขียนด่า คมช มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไอ้นี้ไม่เคย แซวทักษิณเลย สงสัยจริงๆ นสพ อื่นๆ ยังแขวะฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้างแต่ไอขวด นี่ด่าคมช ตลอด


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 15-04-2007, 19:40
ขวดมันด่ามาตั้งแต่ พันธมิตร แล้วครับ


เขียนการ์ตูน ขายหัวเราะ ก็ตลกฝืดๆ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: georgejump ที่ 17-04-2007, 11:28
เขายอมรับ และอธิบายได้ชัดเจนว่า เขาเอาเงินไปใช้อะไร
เขาคือลูกผู้ชายตัวจริง

แต่ทักษิณเคยยอมรับอะไรบ้าง

อะไรจ๊ะ ชอบแถ ทั้งสองท่านเก่งแต่ตรวจสอบคนอื่นทำไมไม่ไปตรวจสอบทักษิณบ้าง

ว่าก่อนหน้านี้ เงินเป็นร้อยเป็นพันล้านหล่นในกระเป๋าใคร

เงินแค่สิบล้านทักษิณไม่เคยแตะ


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 17-04-2007, 12:37
เขายอมรับ และอธิบายได้ชัดเจนว่า เขาเอาเงินไปใช้อะไร
เขาคือลูกผู้ชายตัวจริง

อ้อ ที่แท้รับเพราะเป็น "ลูกผู้ชายตัวจริง"

ไม่ใช่เพราะจำนนด้วยหลักฐานไม่อาจบิดพลิ้ว
หรือว่า ถ้าไม่รับคราวนี้ อาจมีคราวหน้า
กับเอกสารที่ ลับกว่า
แผนการที่น่าเกลียดกว่า
หรือจำนวนเงินที่มากกว่า 12 ล้าน …
ให้แฉกัน


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 17-04-2007, 12:52
เขายอมรับ และอธิบายได้ชัดเจนว่า เขาเอาเงินไปใช้อะไร
เขาคือลูกผู้ชายตัวจริง

อ้อ ที่แท้รับเพราะเป็น "ลูกผู้ชายตัวจริง"

ไม่ใช่เพราะจำนนด้วยหลักฐานไม่อาจบิดพลิ้ว
หรือว่า ถ้าไม่รับคราวนี้ อาจมีคราวหน้า
กับเอกสารที่ ลับกว่า
แผนการที่น่าเกลียดกว่า
หรือจำนวนเงินที่มากกว่า 12 ล้าน …
ให้แฉกัน


ในสมองบรรจุไปด้วยคำสีแดง  จนไม่มีที่เก็บหรือครับ..?

หรือว่าแล้วแต่ปากจะพาไป..?

ลืมไป  " บทพูดเสรี "
                             :slime_cool:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: room5 ที่ 17-04-2007, 13:52
เบื่อ Fake ว่ะ คนอะไรแปล๊กแปลก ไม่เอารัฐประหาร อ้างประชาธิปตัย แบโง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทีตอนทักษิณอยู่ แล้วมีเรื่อ
แฉอย่างนี้ ทำไมม่แสลนเสนอหนังหน้ามาตอบมั่งล่ะ
พอทักษิญไปเธอก็ชักดิ้นชักงอลงแดง เพราะทักษิญคือไอคอนประชาธิปตัยของ Fake?
[/size]

 :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: น่าละอาย-ผลประโยชน์ทับซ้อนชัด ยอมรับแล้ว 12 ล้านนั่นของจริง
เริ่มหัวข้อโดย: หน้าเหลี่ยมด้าน ณ ประชาไท ที่ 17-04-2007, 13:56
เบื่อ Fake ว่ะ คนอะไรแปล๊กแปลก ไม่เอารัฐประหาร อ้างประชาธิปตัย แบโง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทีตอนทักษิณอยู่ แล้วมีเรื่อ
แฉอย่างนี้ ทำไมม่แสลนเสนอหนังหน้ามาตอบมั่งล่ะ
พอทักษิญไปเธอก็ชักดิ้นชักงอลงแดง เพราะทักษิญคือไอคอนประชาธิปตัยของ Fake?
[/size]

 :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


ดีนะที่พูดได้ สมัยทักษิณ ถ้าใครพูด นอกจากจะตรวจสอบไม่ได้กลับโดนด่าอีก ( ยกตัวอย่าง อดีต บก ไทยโพสต์สิ เสนอเรื่องรันเวย์ร้าวนิดเดียว นอกจากพี่แม้วจะไม่อธิบาย กลับ บีบให้ตกงาน แล้วไปฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก โหดไม่ละ ประชาธิปไตยทักษิณ)