ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: qazwsx ที่ 28-02-2007, 19:44



หัวข้อ: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 28-02-2007, 19:44
1. หยุด "ยกหางตัวเอง" ซะทีเหอะ ( รวมทั้งผู้ฟัง - ผู้ชม ASTV ว่าฉลาด "แล้ว" เพราะได้ฟังคุณ ด้วย )
แล้วก็พาล "ด่าจิก - ด่าแขวะ" คนอื่น ๆ ไปซะทั้งหมด

   บอกตรง ๆ ว่าเบื่อชิบเป๋ง  กับโวหารยกยอปอปั้นทำนองนี้
คนอื่น ๆ เขาก็มีสมองนะครับ
...คุณสนธิ ( ลิ้ม ฯ ) อย่าลืม
ในขณะเดียวกัน  คนอื่น ๆ เขาก็มีอารมณ์ "หมั่นไส้" และ "รำคาญใจ" อยู่ด้วย
...เช่นกัน

   ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะอ้างความดีงาม - ความเหนื่อยยาก อันใด   ที่คุณเคยทำ ๆ มาอย่างไร
แต่วันนี้คุณ "แสดงอัตตาทิฐิ" สูงมากเลยครับ
ระงับลงซะหน่อย  ผ่อนลงซะบ้าง  หรือว่าง ๆ ก็ลอง "ปล่อยวางใจให้สงบนิ่ง" จริง ๆ

บางที่คุณอาจกลับมาเป็น "แสงสว่าง" ตามที่คุณอ้าง
มากกว่าเป็น "ความร้อนแรง"  ตามที่ผมเห็น
ที่ปล่อยนานไว้ อาจกลายเป็น "ความร้อนร้าว ( ทางสังคม )" ที่สุมขึ้นจาก "ความร้อนรุ่ม ( จากปัจเจก )"
จนอาจถึงขั้น "แตกแยกร้าวฉาน เกินแก่การเยียวยา"


อีกอย่างหนึ่ง
การที่คุณสรรเสริญเยินยกผู้รับชม - รับฟัง ASTV ในทำนองว่า "ฉลาด ( กว่า...ผู้ที่ไม่ได้รับชม - รับฟัง )" นั้น
มันก็ไม่ได้ทำให้คนอื่น ๆ เขาเห็นเป็นเช่นนั้นหรอกครับ
หากการทำเช่นนั้นอยู่บ่อย ๆ  จักยิ่งเป็นการ "สร้างความรู้สึกอคติ - ไม่เป็นมิตร" ในจิตใจของบุคคลทั่ว ๆ ไป
ต่อผู้ชม - ผู้ฟัง ASTV เสียเปล่า ๆ

หรือสรุป ง่าย ๆ ก็คือ  คุณกำลังสร้างความรู้สึกแปลกแยก ( Alienation ) ให้กลุ่มบุคคลต่าง ๆ ในสังคม
แถมอาจเป็นความแปลกแยกในเชิง "สร้างวิสัยจองหอง - อวดดี ้ ( ด้วยติดเชื้อ "ความร้อนแรง" อันไม่ใช่ "แสงสว่าง" มาจากคุณ )" ให้แก่บุคคลกลุ่มหนึ่ง
พร้อม ๆ กับความรู้สึกแปลกแยกในเชิง "รู้สึกหมั่นไส้ + เอือมระอา" ให้แก่บุคคล "กลุ่มอื่น ๆ"



2. รู้จัก "ขอโทษ" ซะบ้าง
เมื่อคุณวิพากย์วิจารณ์ใครจนเจ๊ง
และเมื่อเขาหรือเธอเหล่านั้นก็ "ระงับบทบาท" ไปแล้ว
ไม่ว่าจะด้วยเพราะคุณคนดียวล้วน ๆ หรือส่วนอื่น ๆ ในสังคมร่วมกระทำก็ตาม

คุณจง "ขอโทษ" เขาหรือเธอเหล่านั้น
และอาจรวมไปถึง "กล่าวแสดงความขอบคุณ - ขอบใจ" ในเชิงให้การยอมรับนับถือ "ใจ" ของอีกฝ่าย
เพราะนั่นเป็นบทบาทสำคัญของ "ผู้มีเกียรติ"

คุณมักพูดอยู่เสมอ ๆ ไม่ใช่หรือ  ในเรื่อง "หัวโขน - ยึดติด"
ก็ในเมื่อเขาหรือเธอเหล่านั้น "ถอดหัวโขน - แสดงตัวว่าไม่ยึดติด / ไม่ดื้อดึง" แล้ว ( แม้ว่าจะมี "ชั้นเชิง" หรือ "ไว้ท่า" ก่อนลาออกไปอยู่บ้าง  ก็ตาม )
สุดท้ายแล้วเขาหรือเธอเหล่านั้นก็คึือ "บุคคลที่เราต้องคำนับหรือโค้งศีรษะให้"
...เราคำนับที่ "ศักดิ์ศรี" ของเขาหรือเธอ
...เป็นการ "ให้เกียรติ"
ในแบบที่ทำไปเพื่อรักษาเกียรติของผู้ให้ ( ซึ่งหมายถึงตัวคุณสนธิเอง ) ไปพร้อม ๆ กันด้วย

*
เกียรติ  ศักดิ์ศรี  กุศลจิต ...เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อ "มอบให้" ผู้อื่น  และผู้ที่มอบให้เท่านั้นจึงเรียกว่าเป็น "ผู้มี..."




3. กรุณา "ตระหนัก" สักนิด
ว่าคุณไม่ใช่ "เจ้าของชัยชนะ" ในการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ  ชินวัตร
เดิมทีนั้น คุณและกลุ่มพันธมิตรกำลังจะเป็น "เหยื่ออธรรม" เสียด้วยซ้ำ
และที่สำคัญ
"ระบอบทักษิณ" ก็ยังไม่ได้ถูกล้ม
แถมยังมีความพยายามยกเอามา "ชน" กับ "ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง" อย่างหนักหน่วง
"ลัทธิตัณหานิยม ( แนวทางดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่พรรคไทยรักไทยพยายามตั้งชื่อใหม่ให้ฟังดีขึ้นว่า "ประชานิยม" )" ก็ยังอยู่ 
ถึงขนาดฝังรากลึกอยู่ในกมลสันดานของบริวาร - ลิ่วล้อ - ขอทาน ( กลุ่มรากหญ้า "งอมืองอตีน" ชื่นชอบระบบทุนนิยม แต่จมปลักอยู่กับการก่อหนี้สินอย่างซ้ำซาก )
ร้ายที่สุดก็คือ  ถึงวันนี้ - ขนาดนี้แล้ว
...คนไทยยังท่องแต่คำว่า "รวย ๆๆๆ" โดยไม่สนใจคำว่า "ความดี - มีคุณธรรม" แม้แต่น้อย



คิดเองก็แล้วกัน
ว่าคุณควรจะทำอะไรต่อไป หรือระงับ - ลดละ ในพฤติกรรมอันใด
แม้แต่กระทูู้้นี้
หากมีใครนำให้คุณพิจารณาแล้ว  คุณยังอยากจะเข้าใจว่าผมมี Hidden Agenda
...นั้นก็สุดแล้วแต่ใจคุณ

ส่วนผม
ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองได้อะไรจากการตั้งกระทู้ "ฝากไปถึงคุณ"


ด้วยความเคารพ



หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 28-02-2007, 19:54
บ้านเราถึงไปไหนไม่ได้ไกลไงคะปู่เย็น เอาการเมืองมาเล่นกันจนเกินไป

เลยเละตุ้มเป๊ะแบบที่เห็นๆ คนจริงใจทำเพื่อประเทศชาติมากว่าตัวเอง

หายากยิ่งกว่าหาเห็บบนภูเขาน้ำแข็งซะอีก :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: skidato ที่ 28-02-2007, 20:00
อย่าไปโทษสนธิเลยครับปล่อยให้เขาแสดงบทบาทแบบนั้นไปเรื่อยๆนะดีแล้วเดี๊ยวประชาชนผู้ฟังจะลงโทษมันเองแหละกว่ามันจะรู้ตัวมวลชนก็หายไปหมดแล้วถึงตอนนั้นมันจะรู้สึก แต่ที่สมควรโดนลงโทษอย่างมากในตอนนี้คือนายกจอมซื่อบื้อคนนี้ต่างหากที่ไม่เข้าใจบทบาทของตัวเองว่าเข้ามาเพื่ออะไรมัวแต่ไปเชื่อขันฒีเฒ่าไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย ผมเชื่อหากว่าหากนายกคนนี้ตัดสินใจด้วยตัวของท่านเองไม่ไปบ้าจี้ตามหมากเกมที่ขันฒีเฒ่าวางไว้ผลงานที่ออกมาน่าจะดีกว่านี้


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 28-02-2007, 20:04
ครั้งหนึ่ง สนธิ ลิ้ม ยืนเคียงข้าง หมอประเวศ พลตรีจำลอง ส.ศิวรักษ์ เป็นพรมเช็ดเท้าให้ทักษิณใช้ชำระล้างเท้าให้สะอาด ก่อนก้าวขึ้นสู่อำนาจ

หลายคนในจำนวนนั้น มารู้ตัวภายหลังว่า ตัวเองนั้นฉลาดเกินแอกมาหน่อยนึง

หลายคนยอมสารภาพบาป หลายคนแอบหลบไปเงียบๆ และบางคนก็ออกมากลับลำชน

จบศึกล้างแค้นแล้ว ฝุ่นจาง หลายคนหันออกจากวงการเมือง หลายคนยังกิเลสหนาไปไหนไม่รอด หลายคนพยายามออกตัวเพื่อจะได้กลับมาใหม่ เสมือนไม่เคยอยู่ข้างทักษิณมาก่อน

สนธิลิ้ม เป็นประเภทไหน คงตัดสินกันได้ค่ะ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 28-02-2007, 20:08
หนูรู้สึกตอนนี้ มันมั่วไปหมดเลย พอหม่อมอุ๋ยออกหนูไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนเบรคนายคนนี้ต่อไป

นับวันยิ่งเหิมเกริมเข้าไปใหญ่ ปากนี้พอๆๆกับทักษินเลย แต่ก็ปากเสียคนละแบบ นับวันยิ่งไม่ชอบคนนี้เอามากๆๆ ขอโทษนะค่ะ ที่ไปว่าคนโปรดของหลายคน แต่เหลืออดจริงๆๆ  :mozilla_undecided: :mozilla_undecided:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 28-02-2007, 20:18
ตราบใดที่ ระบอบทักษิณยังอยู่

คงขาดแนวหน้าหัวหมู่ทะลวงฟันไม่ได้

ขนาดหัวหน้าลัทธิกระเด็นไปต่างประเทศแล้ว ยังปั่นประเทศได้ขนาดนี้

เห็นว่า สนธิ ลิ้ม ยังเป็นประโยชน์ ในการยันระบอบทักษิณอยู่ครับ


* ส่วนลีลาแล้วแต่ความนิยมครับ ส่วนผมเฉยๆ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 28-02-2007, 20:20
พีนทร์ตายด้านเหรอค่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 28-02-2007, 20:21
555..

เข้ามาหัวเราะัพร้อมกะบอกว่า "เห็นด้วย" ครับ..

 
เพราะผมก็คิดว่าถ้าจะว่าสนธินั้นมันดีก็ดี  แต่ถ้าจะว่าสนธินั้นมันเลวก็เลว..


และผมก็คิดว่า ก็นี้มันสังคมไทยฉะนั้นจะเอาอะไรกันมากมาย..ฉะนั้นผมจึงได้แต่ปลง....




แต่ถ้าสนธิละความเลวในตัวเองลงไปตามที่คุณเเนะนำได้ มันก็คงจะเป็นประโยชน์อย่างมากกต่อประเทศชาติแบบที่คุณว่ามา..


ฉะนั้นผมจึงได้บอกว่าผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..


เพราะคนแบบผมมิใช้ควายแบบที่หลายๆคนบอกว่าคนดูเอเอสทีวและสนธิเป็นควาย..   ที่ไม่มีสมองและเชื่อสนธิทุกอย่าง..



หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 28-02-2007, 20:31
พีนทร์ตายด้านเหรอค่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ตูจะไปต่อไงหว่าเนี่ย   :slime_hmm:

*  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 28-02-2007, 20:33
พีนทร์ตายด้านเหรอค่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ตูจะไปต่อไงหว่าเนี่ย   :slime_hmm:

*  :slime_smile2:


ยกเก้าอี้มาให้นั่งพักก่อนค่ะ อิ อิ

 :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ภารโรงวัยดึก ที่ 28-02-2007, 20:54
สร้างเจดีย์    ย่อมต้องมีนั่งร้าน

เมื่อเสร็จแล้ว ใยต้องไว้นั่งร้านให้บดบังเจดีย์



หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 20:55
เห็นกระทู้ต้องรีบเผ่นเข้ามาดูเลย  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:

เพราะข้าพเจ้าไม่เอาทักฯ ตั้งแต่สมัยที่สนธิยังบอกว่า ทักษิณเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดของไทย ปชป ต้องเอาอย่างไทยรักไทย ไม่งั้นไม่มีทางเจริญหรอก บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แบบว่า ได้ยินงี้แทบแหวะ ใส่วิทยุ เสร็จแล้วก็เลิกฟังมันไปเลย จนมันโดนยึดคลื่นคืนนั่นแหละ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ปล. จะว่าไปแล้ว ม๊อบที่จะจัดวันที่ 20 กันยาฯ นั่นแหละ มันกำลังจะได้ชื่อว่า พาคนไปตาย แต่รอดมาหวุดหวิด ยังสงสัยอยู่เลยว่าถึงเวลานั้นจะยืนอยู่แถวหน้าจริงอย่างที่ชอบอ้างหรือเปล่า อย่าคิดว่าคนดูเค้าโงดี๊ ที่นายทำเวรทำกรรมกับประเทศชาติเอาไว้ ไม่ใช่เค้าลืม แต่เค้าจดบัญชีไว้ก่อน ถ้ายังไม่เลิกบ้า ระวังจะโดนลากไส้จนหายซ่า เห็นช่วงนี้นิทานซุบซิบเอามาอัดซะเยอะเลย ที่ว่ามาจริงเกือบทั้งหมดด้วยนะเอ้า :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ปล. อีกที แบบว่า ปล. แรกยาวไปหน่อย อิอิ  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-02-2007, 21:07
เห็นช่วงนี้นิทานซุบซิบเอามาอัดซะเยอะเลย ที่ว่ามาจริงเกือบทั้งหมดด้วยนะเอ้า :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

อ้าว วันนั้นไหนเจ๊แอ่นบอก ไม่เชื่อพี่ใหญ่อ.ย.นิทานซุบซิบไง หึ หึ   สงสัยเจอส.ใส่แว่งพูกไทไม่ชักต้มจนสุกละสิ :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 21:13
ไม่ใช่เชื่อไม่เชื่อ แต่เป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว แกเอามาแฉต่อ ก็มีคนมารุมด่าแก เรื่องที่พูดถูกก็ถูก บางเรื่องไม่ถูกก็มี แต่เรื่องสนธินี่ถูกเกือบหมด แกคงกะว่าไม่ให้สวนแกกลับได้ เรื่องตอแหลแกเลยไม่กล้าเต้าข่าว  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

แหม อยู่ในวงการเงินๆ ทองๆ ทำไมจะไม่รู้ตับไตไส้พุงหมอนี่ ที่ อย. ยังเล่าไม่หมดมีอีกเป็นกระบุง เขียนสามวันสามคืนไม่จบ ชอบอ่านก็ลองตามๆ อ่านดูแล้วกันนะน้อง  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ถึงได้เคยบอกไว้งั้นว่าม๊อบสนธิหน่ะ ไม่เคยเหยียบไปเลยซักครั้ง และไม่ยอมเสียตังบริจาคซักกะบาทให้มัน  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 21:20
อ้อ เรื่อง ส พูดไทยไม่ชัดหน่ะ ไม่สังเกตเหรอว่า ทำไมพักหลังพวกมัชฌิมาไม่มาเสนอหน้า เพราะว่า เกิดอาการหน้าแตก และฝันค้างไงจ๊ะ  :slime_bigsmile:

ถ้าจะกลัวหน่ะ กลัวยัยแว่นนั่นดีกว่า นี่ท่าทางเห็นสามีน้อยไปไม่รอด คงหาทางกระโดดใส่เหยื่อรายใหม่อยู่ ถ้าตา ส ใส่แว่น หลงกลยัยตอแหลนี่หล่ะก็ สงสัยศพจะไม่สวยอีกคน เพราะเธอเข้าแก๊งไหน หัวหน้าตายหมด  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:

แต่อย่าว่าแหละ การเมืองไม่เข้าใครออกใคร ถ้าออกอาการขี้หมูไหลขึ้นมา เหมือนตอนช่วงต้นๆ เดือนหล่ะก็ เผลอๆ ปฏิวัติอาจจะไม่ต้องรอ 15 ปี อาจจะแค่ 2 ปีเจอกันอีกรอบก็ได้ (กลับไปคิดชื่อเผื่อรอไว้ได้เลย)  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: tu249cm ที่ 28-02-2007, 21:21
ทำไปทำมาจุดอ่อนของรัฐบาลนี้กลายเป็นนายสนธิ ลิ้มทองกุลนี่แหละ
 ตอนนี้เวลานี้กำลังขุดเอารากเหง้าของดร.สมเกียรติ อ่อนวิมลมายำเละอยู่
โทษฐานบังอาจมาวิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุให้หม่อมอุ๋ยลาออก...เฮ้อ..


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-02-2007, 21:23
ไม่ใช่เชื่อไม่เชื่อ แต่เป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว แกเอามาแฉต่อ ก็มีคนมารุมด่าแก เรื่องที่พูดถูกก็ถูก บางเรื่องไม่ถูกก็มี แต่เรื่องสนธินี่ถูกเกือบหมด แกคงกะว่าไม่ให้สวนแกกลับได้ เรื่องตอแหลแกเลยไม่กล้าเต้าข่าว  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
แหม อยู่ในวงการเงินๆ ทองๆ ทำไมจะไม่รู้ตับไตไส้พุงหมอนี่ ที่ อย. ยังเล่าไม่หมดมีอีกเป็นกระบุง เขียนสามวันสามคืนไม่จบ ชอบอ่านก็ลองตามๆ อ่านดูแล้วกันนะน้อง  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
ถึงได้เคยบอกไว้งั้นว่าม๊อบสนธิหน่ะ ไม่เคยเหยียบไปเลยซักครั้ง และไม่ยอมเสียตังบริจาคซักกะบาทให้มัน  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ฮั่นแน่ะ เจ๊ ทำฟอร์มไม่เปลี่ยนเลยนะ  :slime_smile2:

เขาเรียกว่า ต้อง "ฟังความรอบข้าง" เรื่องอะไรที่แป๊ะลิ้มกับพี่ใหญ่อ.ย.คอนเฟิร์มตรงกันก็แสดงว่ามีแนวโน้มที่เชื่อถือได้  ก็บอกกี่ฟังแล้วว่าคนที่เขาไปร่วมกับแป๊ะลิ้มและฟังนิทานซุบซิบ จวบจนวันนี้ก็ยังมีอีกเยอะ เขาดูกันที่ "ปัญหาหลัก" ก่อน ขี้เกียจมาคิดเล็กคิดน้อยกันตอนนั้น ถ้าพี่แม่พี่น้องทั้งหลายไม่จัดลำดับเรื่องเร่งด่วนก่อนคงไม่มีวันนี้แล้ว เสร็จศึกแล้วฟัดกันต่อยังไม่สาย :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 28-02-2007, 21:28
...  ณ  วินาทีนี้ ที่หม่อมอุ๋ยลาออก ...รัฐบาลนี้ไม่น่าจะขาดความมั่นใจเลยนะ

กลับจะทำให้เพิ่มความมั่นใจมากขึ้นอีก    ไม่ต้องกังวลกันหรอกนะ  เพราะ....


** ...ได้ ประธานาธิบดี  รองนายก  รัฐมนตรีคลัง

และ ซีอีโอพิเศษ.. แล้วจะได้ของแถมเพิ่มขึ้นอีกคือ   เสื้อเกราะที่หนามากกว่า

เสื้อตำรวจทหารที่ใช้อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซะอีก..


....ขอให้ นำชื่อ...ท่านสนธิ .....  ทูลเกล้าแล้วจะไม่ถูกตำหนิ

จากสื่อผู้จัดการที่จะมาว่ากล่าวรัฐบาล  ทุกอย่างถูกหมด ตั้งแต่บัดนั้น

เป็นต้นไป  ประเทศไทยก็จะเจริญยิ่งกว่า สิงค์โปร์อีก ....เชื่อมั๊ยล่ะ !!!!!

http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2007/02/28/entry-12


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 21:30
ไม่ใ่ช่ไม่จัดลำดับความสำคัญ แต่สันดาน ล๊อบบี้ยิสต์เก่ามันกำเริบหน่ะ ไม่รู้มันฟาดไปเท่าไหร่แล้ว ไหนว่ากลับตัวได้ไง  :slime_bigsmile:

มันออกอากาศลำเริกบุญคุณตั้งแต่ศุกร์แรกที่ปฏิวัติแล้วไม่เห็นเหรอ ถึงได้บอกไงว่า ท่าทีของสนธิ(ลิ้ม)นั้น น่าสนใจมาก  :slime_bigsmile:

อ้อ เพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าสองคนนี้ความเห็นตรงกันแล้วแปลว่าจริง แต่อาจจะแปลว่า ศัตรูร่วมก็ได้ ตะก่อนก็ชอบอ่าน เพราะชอบนินทาแม้ว สมัยที่สนธิยังชเลียร์แม้วอยู่เลย แต่พักหลังแกออกอาการสติแตกชอบกล ผิดๆ ถูกๆ มั่วๆ ก็เยอะ สงสัยหมดตังไปหลายอยู่

ชอบอ่านก็อ่านไปเหอะ แต่ต้องกรองด้วยนะ อ้อ เห็นรายการสายตรงอะไรหน่ะ ออกมาเห็นใจอุ๋ยด้วยนะ อย่าเผลอฟังหล่ะ เด๋วสำลัก  :slime_v:

ไปแระ วันนี้อารมณ์ดี แต่บรรยากาศบ้านเมือง ต้องบอกว่า แย่หว่ะ  :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 28-02-2007, 21:31
...รอดูกันต่อไป  ยังมีคนลาออกเพิ่มขึ้นอีก....
ถ้า ทักษิณ มีความผิด เพราะผิดตามข้อเท็จจริง
ที่เกิดขึ้น  บ้านเมืองไม่เป็นอย่างนี้หรอก...



...แต่นี่ มีนักเรียนอันธพาลคนหนึ่ง  มาชี้นำว่า  เค้าผิดอย่างนู้น
ผิดอย่างนี้  แรกๆ ก็พอน่าฟังเพราะเป็นข้อมูลใหม่
ที่ไม่เคยได้ฟัง  แต่พอนานวัน กลายเป้นมากไป กร่างไป
เกินพอดีไป  พยายามทำตัวเป็นศาลพระภูมิ  แต่กลายเป็น
ศาลพระภูมิ อยู่กลางถนนตลอดเวลา  รถราจะวิ่ง
ไปไหนก็ติดขัด  มันเลยขาดความ พอดี  พอเพียง
ดูมันเกะกะ รกหูรกตาเป็นที่น่ารำคาญไป
ศาลพระภูมิที่น่าศรัทธาจริงๆแล้วควรจะอยู่มุมถนน  หรือตรงทางแยก
ที่ไม่เกะกะรกตา รถราวิ่งได้สะดวกมิใช่อยู่กลางถนน

** การเป็นนักเรียนอันธพาล นักเรียนที่เคยเกเร
มิใช่สิ่งเสียหาย เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ ความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล  แต่ที่ทำตัวเป็นศาลพระภูมิกลางถนน
นี่ล่ะที่หลายคนเป็นงง  ว่าทำได้ไง ?

..และที่สำคัญ กลายเป็นประเทศนี้ข้าเก่งคนเดียว
ข้ารู้คนเดียว  กร่าง ชี้ทุกอย่างให้ผู้อื่นทำได้ทุกอย่าง ถ้าผู้นำ
แกว่ง หาที่ยืนไม่ได้  หาจุดยืนไม่ได้ เช่นทุกวันนี้ ....บ้านเมือง
ก็ถึงทางตันแน่นอน  ทีนี้อย่าว่าแต่ทักษิณ
ไม่มีที่ยืน  ไม่มีที่อยู่เลย  ไม่มีแผ่นดินจะอยู่
เลย  นักเรียนอันธพาลคนนี้  ก็จะไม่มีที่จะยืน
จะอยู่ จะนั่ง เช่นกัน ...ขอทำนาย ...


..มิว่า รมต.ท่านใด เก่งกาจขนาดไหน  คงไม่มีใคร
อยากทำงานท่ามกลางความกดดันหรอก  นักเรียนอันธพาล
คนนี้ คอยออกมากระตุ้นเตือนรัฐบาล กระตุ้นเตือนคนใน
ประเทศให้รักชาติ ให้ทำอะไรเพื่อผลประโยชน์แก่ประเทศชาติ
แต่เคยเตือนตนเองหรือไม่ว่า ...ทำอะไรเพื่อชาตินะมิใช่เพื่อ
สนองตัณหา สนองอารมณ์ของตนเอง ....


"...ความพอดี  ความพอเพียง  มิเคยปราณีใครหรอก
ถ้าคนๆนั้น ล้ำเส้น  เกินความพอดีไป ....
แม้เรื่องนั้นจะเป็นไปในทางดี แต่ขาดความ
พอดี  กระทบผู้อื่นล้ำเส้นผู้อื่นเกินความพอดี
ยังไง ๆก็ไม่พอดีอยู่ดี.....รอวันที่สังคม
ประนามและลงโทษ  ก็แล้วกัน .....'

คงไม่ต้องให้เฉลยหรอกนะว่า  นักเรียนอันะพาลคนนี้คือใคร ?
ว่าแต่คุณล่ะ ...คิดไงกับนักเรียนอันธพาลคนนี้
จะปล่อยให้เค้า ...ยืนถือโทรโข่งนานอีกแค่ไหน
ฤาว่า....  พีทีวี แค่แกล้งออกมาผุบๆโผล่ๆ
เพื่อให้เอเอสทีวีหายไป  ก็ได้นะ  ใครจะไปรู้ !!!!

ทำไมถึงอนุญาติให้นักเรียนอันธพาลคนหนึ่งถือ..โทรโข่ง
โดยขาดผู้ควบคุมเสียล่ะ ...! 


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 21:37
รวงข้าวเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า สนธิเลว ไม่ได้แปลว่าแม้วไม่ผิด ไม่โกงนะคับ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

มันผิดแหง โกงแหง แต่จะจับได้คาหนังคาเขา คาใบเสร็จ คาเช็คหรือเปล่าอีกเรื่องนึง  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ไทมุง ที่ 28-02-2007, 21:39
พีนทร์ตายด้านเหรอค่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ตูจะไปต่อไงหว่าเนี่ย   :slime_hmm:

*  :slime_smile2:


ยกเก้าอี้มาให้นั่งพักก่อนค่ะ อิ อิ

 :slime_smile2: :slime_smile2:

ยกเก้าอี้มาให้นั่งพักก่อน....แล้วยอมรับมาเสียดีๆ อุ อุ  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 21:42
อีกติ๊ดแล้วกัน เรื่องไถตังเสี่ยน้ำเมาหน่ะ จริงนะฮ้าาาาาาาาาาาา (ลอกเลียนหนูลูกหิน  :slime_bigsmile:)


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 28-02-2007, 21:52
รวงข้าวเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า สนธิเลว ไม่ได้แปลว่าแม้วไม่ผิด ไม่โกงนะคับ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

มันผิดแหง โกงแหง แต่จะจับได้คาหนังคาเขา คาใบเสร็จ คาเช็คหรือเปล่าอีกเรื่องนึง  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

นั่นล่ะครับ
ผมไม่ได้ร้องขอให้สนธิ ( ลิ้ม ) ลดบทบาทตีแผ่ความชั่ว - ความเลว และพฤติกรรมขี้ฉ้อ ตอแหล ของทักษิณ ( และบริวาร )

เพียงแต่ "ลดอัตตา" ลงบ้าง
เลิก "อวดอ้างว่าตนมีปัญญาบารมี" ลงซะบ้าง
และ "ให้เกียรติบุคคลอื่นบ้าง"
โดยเฉพาะ "บุคคลที่มิได้เป็นเป้าหมาย หรือสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณโดยตรง"


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 22:00
รวงข้าวเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า สนธิเลว ไม่ได้แปลว่าแม้วไม่ผิด ไม่โกงนะคับ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

มันผิดแหง โกงแหง แต่จะจับได้คาหนังคาเขา คาใบเสร็จ คาเช็คหรือเปล่าอีกเรื่องนึง  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

นั่นล่ะครับ
ผมไม่ได้ร้องขอให้สนธิ ( ลิ้ม ) ลดบทบาทตีแผ่ความชั่ว - ความเลว และพฤติกรรมขี้ฉ้อ ตอแหล ของทักษิณ ( และบริวาร )

เพียงแต่ "ลดอัตตา" ลงบ้าง
เลิก "อวดอ้างว่าตนมีปัญญาบารมี" ลงซะบ้าง
และ "ให้เกียรติบุคคลอื่นบ้าง"
โดยเฉพาะ "บุคคลที่มิได้เป็นเป้าหมาย หรือสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณโดยตรง"


ต้องบอกว่า ยากส์ค่ะ เพราะมันฝังอยู่ในเลือดลม และสายโลหิต ลูกน้องถึงให้สมญาว่า ฮ่องเต้ ไงฮะ

เรื่องอัตตาของเค้า แอนเฉยๆ อ่ะ พูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ถือว่าเป็นขยะอากาศไป

แต่ที่บอกว่า ตัวเองดีเลิศประเสริฐล้ำกว่าใครนี่ตะหาก ที่แอนฟังแล้ว แทบจะถีบวิทยุ  :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-02-2007, 22:07
ต้องบอกว่า ยากส์ค่ะ เพราะมันฝังอยู่ในเลือดลม และสายโลหิต ลูกน้องถึงให้สมญาว่า ฮ่องเต้ ไงฮะ
เรื่องอัตตาของเค้า แอนเฉยๆ อ่ะ พูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ถือว่าเป็นขยะอากาศไป
แต่ที่บอกว่า ตัวเองดีเลิศประเสริฐล้ำกว่าใครนี่ตะหาก ที่แอนฟังแล้ว แทบจะถีบวิทยุ  :slime_hitted:

ก็เคยบอกแล้วไง ตอนที่เชียร์ "ส.ใส่แว่งพุ่กไทไม่ชัก" ออกจอตู้ว่า "แป๊ะลิ้มได้กลับมาเป็นแป๊ะลิ้มคนเดิมแล้ว" ตอนนั้นแกแบบกระทิงสุดฤทธิ์ มั่นใจว่าตัวเองเป็นปกาศิต  เจอพันธมิตร จานเจิม คนคาบไปป์ ทนาย ถึงกับต้อง U-Turn กะทันหัน   ผู้นำธรรมะเซไปเลย  :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-02-2007, 22:10
อ้อ ขอนอกเรื่องหน่อย เห็นเจ๊บอกว่าอยู่วงการเงินๆทองๆ เจ๊ก็แชร์มุมมองของเจ๊เกี่ยวกับเศรษฐกิจบ้าง เห็นอะไรข้างหน้าก็อย่าอมพะนำไว้คนเดียว บอกบุญกันหน่อย น้าๆๆๆๆๆ  :slime_inlove: :slime_sentimental: :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 22:39
ยังเชียร์สมคิดอยู่นะ แต่ไม่เกี่ยวกะแปะเชียร์ อิอิ แต่ถ้าแกคิดสั้นเหมือนลิ้นไก่สั้นใช้วิธีพลังดูดขี้หมูไหลก็บ๊ายบาย เตรียมตัวลงนรกได้เลย

เศรษฐกิจเหรอ แย่หว่ะ ไง  :slime_hmm: อิอิ

มันเริ่มลงตั้งแต่น้ำมันมันขึ้นแล้วหล่ะ (ทะลุ 50 กว่าเหรียญขึ้นไปหน่ะ) เพียงแต่ภาพใน real sector ผลกระทบมันจะมี time lag อธิบายง่ายๆ การใช้นโยบายที่เร็วที่สุดอย่าง ดอกเบี้ย กว่าจะกระทบกับ real sector ยังต้องใช้เวลา 3 ถึง 6 เดือน แล้วกว่าจะกระทบถึงมนุษย์เงินเดือนก็กว่านั้นอีกหน่อย

ถ้าตอบแบบสั้นๆ เห็นภาพง่ายหน่อยหล่ะก็ ถ้าขาลงมันมี 3 ขา ลงขาแรกไปแล้วตั้งแต่ปี 48 ดีดไปแล้ว(แบบลุ่มดอนๆ ผีหลอกๆ ทั้งปี 49) ปี 50-51 กำลังจะลงโหม่งพื้นแล้วหล่ะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ไม่ต้องตกใจ ไม่ร้ายแรงเหมือนปี 40 อาจจะมีบริษัทเจ๊งบ้าง คนตกงานบ้าง โดดตึก ยิงตัวตายเพราะติดหนี้บ้าง นั่นเป็นผลของการไม่พอเพียง ส่งเสริมให้บริโภคเกินตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับปี 40 เพราะว่า เข็ดแล้ว คนที่ผ่านตอนนั้นมา เหมือนมีภูมิคุ้มกัน ฟองสบู่อสังหาฯ ก็ไม่มี เลยไม่ค่อยน่าจะมีปัญหากับบริษัทขนาดใหญ่ พอประคองตัวไปได้

ที่น่ากลัวคือ ค่าเงินตะหาก เพราะดอลล่าร์ต้องอ่อนอีกแน่ ภาคส่งออกของเรา เป็น % สูงมากใน GDP เงินมันจะขาดมือ (ตาบูดถึงจะหาเรื่องบอมบ์ ปั่นตั๋วน้ำมันอยู่นี่ไง) เศรษฐกิจทั้งจีนทั้งเมกา ชะลอทั้งคู่ โลกก็ชะลอ แหม ขอแบบนี้มันมีคนพูดมาให้ฟังตั้งเยอะแล้วนี่ ไม่เล่าต่อดีกว่า เมื่อยมือ

เอาเป็นว่า เก็บเงินเก็บทอง วางแผนให้ดี ผ่านปี 51 ไปได้ น่าจะมีหนทางฟื้นด้วยตัวของมันเอง ถ้าไม่มีพวกนักการเมืองทำให้วินาศอีก คงจะพอไปได้

เรื่องเศรษฐกิจดาวนี่ เตือนไว้หลายคนแล้ว แต่ตอนนั้นมันยังไม่ชัด คนเลยคิดว่า ไม่น่าจะใช่มั้ง แต่มันถูกทุกทีนะ แบบว่า อีก 1 ปีหลังจากนั้น (มันต้องเตือนก่อนจะลงแหละ ลงมาแล้ว เตือนไปเหมือนกับบ่นมากกว่า)

ปล. อย่าลืมดูชีพจรโลกจันทร์หน้านะ มีเรื่องรถไฮโดรเจน หล่ะ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 22:43
ลืมบอกไป ลดดอกเบี้ยอีกแล้วนี่ สองครั้งติด แต่ เอาไม่อยู่หรอก ลดน้อยเกินไป แถมลดมากกว่านี้ นโยบายก็จะไม่ค่อยเอฟเฟคเท่าไหร่ ช่วยเรื่องต้นทุนได้นิดเดียว แต่ไม่ได้กระตุ้นเรื่องการผลิต รอให้ลดซัก 6 ครั้ง คงจะเริ่มสะดุ้งบ้างอ่ะนะ

เค้าประชุม 6 สัปดาห์ครั้งนึง อาจจะมีบางครั้งที่ไม่ลด ลองนับดูว่า ต้องนานเท่าไหร่กว่าจะได้เรื่อง แล้วบวกไปอีก 6 เดือน ถึงจะเห็นสัญญาณใน real sector

บ๊ายบาย  :slime_v:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 28-02-2007, 22:51
ไม่เชียร์สมคิด ฟังแป๊ะลิ้มครับ ฟังเสร็จก็ตัดน้ำออกไป เอาแต่ข้อมูลที่เขาเอามาแฉ
ส่วนประเภท ใครลูกใครญาติใคร ใครเคยไปมั่วสีกาที่ไหนผมถือว่าเป็นเรื่องดิสเครดิต
หากเขายังแสดงบทบาทตามหัวโขน้ และไม่ผิดจริยธรรมจนเกินที่สังคมจะยอมรับได้
ผมก็เฉยๆ(แป๊ะลิ้มก็อยู๋ในหมวดนี้ด้วย)

ทุกวันนี้แป๊ะลิ้มเปรียบเสมือนมีดดายหญ้า
แทนที่จะนั่งเอามืดถอนทีละต้น เอาแป๊ะแกมาใช้ย่อมประหยัดแรงกว่า
และต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะมีดดายหญ้าเวลาใช้มันเหวี่ยงไปเรื่อย
โดนตอก็เจ็บมือ พันไม่ดีหญ้าก็ไม่ขาด เผลอไปฟันหัวใครเข้าก็ซวย

ผมยังอยากเห็นรัฐบาลเปลี่ยนจากมีดดายหญ้ามาเป็นรถไถอยู่เลย
เสียอยู่อย่างเดียว จะมีคนบ่นว่า "รุนแรงเกินไป" น่ะสิ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านรามอินทรา ที่ 28-02-2007, 22:52
สนธิเป็นอันธพาล ตรงไหน เค้าทำอะไรผิดถึงเป็นอันธพาล
สนธิไม่พูด แล้วใครหน้าไหน จะกล้าพูด
สนธิจะแรงหรือไม่แรง แล้วมันหนักหัวใคร ทุกคนก็มีวิถีของการนำเสนอ ที่เป็นของตัวเอง
ทำไมไม่ดูที่ เจตนา

สนธิพูดโกหก ก็ให้คนที่เสียหายไปฟ้อง หรือออกมา แก้ข้อกล่าวหาซิ
เงียบทำไม


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 23:02
ไม่เชียร์สมคิด ฟังแป๊ะลิ้มครับ ฟังเสร็จก็ตัดน้ำออกไป เอาแต่ข้อมูลที่เขาเอามาแฉ
ส่วนประเภท ใครลูกใครญาติใคร ใครเคยไปมั่วสีกาที่ไหนผมถือว่าเป็นเรื่องดิสเครดิต
หากเขายังแสดงบทบาทตามหัวโขน้ และไม่ผิดจริยธรรมจนเกินที่สังคมจะยอมรับได้
ผมก็เฉยๆ(แป๊ะลิ้มก็อยู๋ในหมวดนี้ด้วย)

ทุกวันนี้แป๊ะลิ้มเปรียบเสมือนมีดดายหญ้า
แทนที่จะนั่งเอามืดถอนทีละต้น เอาแป๊ะแกมาใช้ย่อมประหยัดแรงกว่า
และต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะมีดดายหญ้าเวลาใช้มันเหวี่ยงไปเรื่อย
โดนตอก็เจ็บมือ พันไม่ดีหญ้าก็ไม่ขาด เผลอไปฟันหัวใครเข้าก็ซวย

ผมยังอยากเห็นรัฐบาลเปลี่ยนจากมีดดายหญ้ามาเป็นรถไถอยู่เลย
เสียอยู่อย่างเดียว จะมีคนบ่นว่า "รุนแรงเกินไป" น่ะสิ

ถ้าแกพูดเพราะกล้าพูดเฉยๆ หรือด่ากระแนะกระแหนเฉยๆ ก็ดีอ่ะดิ
มันมีผลประโยชน์ทับซ้อน วิ่งเต้น แบล็คเมล์ด้วยนี่ตะหากที่รับไม่ได้

เรื่องพูดรุนแรงหน่ะ ไม่รู้สึกหรอก เห็นใครๆ ชอบออกมาด่า แอนก็ว่า มันก็ประมาณพอๆ กับพวกนักการเมืองเวลามันด่ากันไป ด่ากันมาหน่ะแหละ ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ไอ้ที่น่ากลัวคือ เบื้องหลังคำพูดพวกนั้น  Hidden Agenda ตะหาก ถึงได้บอกไงว่า สันดานเก่ามันกำเริบ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-02-2007, 23:04
รักเจ๊แอ่นขึ้นอีกเยอะเลย  :slime_inlove: :slime_sentimental: :slime_inlove:

ที่ผมกลัว กลัวปัญหาสังคม อันเนื่องมาจาก NPL รากหญ้ามากกว่าครับ ข้างบ้านขโมยเพิ่งเข้าไป สัญญาณดังลั่น เจ้าของกับตำรวจแจ้นมาเปิดร้านมาตอนตี 4   อาเจ็กผมยิงปืนเป็นยังรู้สึกว่ามันอันตรายขึ้นเลย ข่าวปล้นร้านทองก็แทบจะรายสัปดาห์ เชื่อว่าที่ไม่ลงข่าวต้องมีอีกมาก

ทีนี้ปัญหาการเมืองสุญญากาศแบบนี้มันจะไปซ้ำเติมน่ะซี ที่ว่าคาดการณ์จะเป็นเท่าโน้นตัวนี้ หมายถึงอยู่บน "สมมติฐานทางการเมือง" แบบไหนล่ะ ?

ฟองสบู่อสังหาฯไม่มีเหรอ ถ้างี้ทำไมราคาตึกมันถึงว่ากันเป็นหลัก 5 ล้าน 10 ล้านแต่ไม่รู้จะมีอาชีพอะไรที่สร้างผลตอบแทนคุ้มค่า

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยนี่ก็เห็นด้วย ลดแล้วมันจะช่วยอะไรตรงไหน? มันกระทบจากเศรษฐกิจโลกและค่าเงิน และยังมีเรื่องสินค้าจีนบุก คนหมดอาชีพไปเยอะแล้ว สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมาก เพราะเปิดเสรีมากขึ้นกว่า 10 ปีที่แล้ว เครื่องไม้เครื่องมือเดิมๆเหมือนไม่ได้ผล แต่ก็มีอยู่แค่นี้


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: น้องแบ๊งค์เองครับ ที่ 28-02-2007, 23:08
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ

ทุกวันนี้สื่อกล้าออกมาทำอะไรไหม

เห็นมีแต่อ้อมแอ้มๆ

พอมีคนมาออกหน้าก็ไม่เคยคิดจะมาช่วยกัน

ผมไม่ได้ชอบสนธิมาก แต่ฟังเค้าเพราะรู้สึกว่าเค้าก็พูดอะไรตรงๆ

จะจริงหรือไม่จริงก็คิดเองดีกว่า น่าจะแยกแยะได้เอง

สนธิมันด่าแหกขนาดนั้น ไม่พอใจผมว่าก็ฟ้องซะเลยสิ จะปล่อยสนธิไว้ทำไม

ส่วนนักข่าวจั***อย่างอีเจ๊ยุเนี่ย ให้มันไปตายซะ

สมัยทักษิณอยู่ก็ไม่ได้เคยจะทำอะไรดีดี

เพราะผัวได้ดีในยุคทักษิณ
 
เดี๋ยวนี้อีป้านรกนี่ก็กร่างไปวันๆ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 28-02-2007, 23:11
จำไม่หมดว่ามีกี่คน ที่ออกมาต้านแม้ว

บางคนโดนด่าทีเดียวจอด บางคนโดนหาเรื่องดิสเครดิตไปจนไม่กล้าพูด

บางคนโดนโต้กลับจนต้องสวามิภักดิ์กับทักษิณ

ถ้าไม่มีคนอย่างสนธิ ลิ้มออกมาไล่ แม้วไม่มีทางแม้วจะจอดป้ายได้แน่นอน

* จะยังไง สนธิ ลิ้ม ด่าจนแม้วกระเด้งไปได้ นับว่าเป็นผลงาน  :slime_v:

** เห็นด้วยว่าต้องดู เจตนาของสนธิ ลิ้ม มากกว่า  

*** ยืนยันว่า ลีลา ของสนธิ ผมเฉยๆ :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 23:26
รักเจ๊แอ่นขึ้นอีกเยอะเลย  :slime_inlove: :slime_sentimental: :slime_inlove:

ที่ผมกลัว กลัวปัญหาสังคม อันเนื่องมาจาก NPL รากหญ้ามากกว่าครับ ข้างบ้านขโมยเพิ่งเข้าไป สัญญาณดังลั่น เจ้าของกับตำรวจแจ้นมาเปิดร้านมาตอนตี 4   อาเจ็กผมยิงปืนเป็นยังรู้สึกว่ามันอันตรายขึ้นเลย ข่าวปล้นร้านทองก็แทบจะรายสัปดาห์ เชื่อว่าที่ไม่ลงข่าวต้องมีอีกมาก

ทีนี้ปัญหาการเมืองสุญญากาศแบบนี้มันจะไปซ้ำเติมน่ะซี ที่ว่าคาดการณ์จะเป็นเท่าโน้นตัวนี้ หมายถึงอยู่บน "สมมติฐานทางการเมือง" แบบไหนล่ะ ?

ฟองสบู่อสังหาฯไม่มีเหรอ ถ้างี้ทำไมราคาตึกมันถึงว่ากันเป็นหลัก 5 ล้าน 10 ล้านแต่ไม่รู้จะมีอาชีพอะไรที่สร้างผลตอบแทนคุ้มค่า

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยนี่ก็เห็นด้วย ลดแล้วมันจะช่วยอะไรตรงไหน? (ต้นทุนเงินกู้ไง ตอบไปแล้ว) มันกระทบจากเศรษฐกิจโลกและค่าเงิน และยังมีเรื่องสินค้าจีนบุก คนหมดอาชีพไปเยอะแล้ว สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมาก เพราะเปิดเสรีมากขึ้นกว่า 10 ปีที่แล้ว


ราคาตั้งเว่อไปหรือเปล่าอยู่ที่คนสร้างด้วยนะ แต่ที่ต้องดูคือ ปริมาณมันล้นตลาดหรือเปล่า แล้วที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรมันตกค้างมากจนทำให้ตายกันเหมือนรอบที่แล้วหรือเปล่า มันไม่มีไง ประเภทที่เกินๆ ไปบ้าง 5% 10% มันเป็นเรื่องธรรมดาของการขยายตัว

อ้อ เรื่องอสังหา หลักการมีอยู่ 3 ข้อ คือ location location และ location ถ้ามัน 5 ล้าน 10 ล้าน แล้วแย่งกันซื้อ มันไม่ใช่ฟองสบู่นะ (นี่แหละที่เค้าว่าเศรษฐกิจแบบทุุนนิยมไง ดีมานด์ ซัพพลาย) อย่าดูแต่ว่า ทำไมราคามันแพงจัง (วะ) ในความรู้สึกของเรา

เรื่องขโมยหน่ะ เศรษฐกิจดีหรือแย่มันก็มี แต่เวลาแย่ แย่งกันก็มากหน่อย ถ้าตำรวจท้องที่ ประมาณว่า แจ้งความแล้วอีกชั่วโมงค่อยโผล่ (รอให้ขโมยไปก่อน กลัวตายเหมือนกัน) อีกแบบนี้ อีกกี่ปี เศรษฐกิจดีหรือแย่ ก็แก้ไม่ได้หรอก (ปล. อย่าลืมข้ามสะพานลอยไฟสว่างๆ ด้วย)

ส่วนเรื่องสมมติฐานทางการเมือง บอกให้อ่านหนังสือของพี่มากจะอ่านป่าวหล่ะ อิอิ บางเงื่อนไข น่าจะมีบางมุม ออกไปในทางที่แกกังวล ชอบบอกว่า แกพล่ามไม่รู้เรื่องไม่ใช่เหรอ ลองไปอ่านดู

ไปแล้ว ขี้เกียจแล้ว เมื่อยมือ


ส่วนเรื่องที่คุณนทร์ว่า ด่าจนเด้งหน่ะ แอนว่า ตัวแปรมีมากกว่าสนธินะคะ ต้องบอกว่า ทักแกร่วมมือไล่ตัวเอง ด้วยการขายหุ้นด้วยค่ะ ไม่งั้น หลังจากวันที่ 4 ธันวา 48 คงกร่อยยาวแน่ๆ เลย (จำตอนนั้นได้บ่ คนงี้หายวูบเลย)


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-02-2007, 23:47
ราคาตั้งเว่อไปหรือเปล่าอยู่ที่คนสร้างด้วยนะ แต่ที่ต้องดูคือ ปริมาณมันล้นตลาดหรือเปล่า แล้วที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรมันตกค้างมากจนทำให้ตายกันเหมือนรอบที่แล้วหรือเปล่า มันไม่มีไง ประเภทที่เกินๆ ไปบ้าง 5% 10% มันเป็นเรื่องธรรมดาของการขยายตัว

อ้อ เรื่องอสังหา หลักการมีอยู่ 3 ข้อ คือ location location และ location ถ้ามัน 5 ล้าน 10 ล้าน แล้วแย่งกันซื้อ มันไม่ใช่ฟองสบู่นะ (นี่แหละที่เค้าว่าเศรษฐกิจแบบทุุนนิยมไง ดีมานด์ ซัพพลาย) อย่าดูแต่ว่า ทำไมราคามันแพงจัง (วะ) ในความรู้สึกของเรา

ที่พูดถึง 5 ล้านนี่บางพลีช่วงใกล้เมืองใหม่กับสี่แยกนิคมฯ ส่วน 10 ล้านคืออ่อนนุช ห้องก็ตื้นๆ 10 กว่าเมตรเอง วันก่อนไปหนองจอกรอบนอก ห้องละ 3 ล้าน 3 ชั้น ตื้นสุดๆ แล้วยังเงียบๆอยู่ด้วย อันนี้ยกตัวอย่าง แต่เมื่อมาดูด้านรายได้ นึกอาชีพไม่ค่อยออก คุ้มหรือ ส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยหน้าร้านซึ่งถูกห้างยักษ์แย่งไปหมดแล้ว (แต่ก็รู้อะนะ คนซื้อมันก็ต้องมองที่ที่ซุกหัวนอน)  ที่เปล่าแถวๆนานาชาติร่วมฤดีมุ่งหน้าสุวินท์ฯ ตื้นๆก็ว่ากันที่วาละ 8 หมื่น  แต่ที่ยังไปได้ดีคือ หอพัก โกดัง อหังหาฯให้เช่า


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 28-02-2007, 23:53
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ

ทุกวันนี้สื่อกล้าออกมาทำอะไรไหม

เห็นมีแต่อ้อมแอ้มๆ

พอมีคนมาออกหน้าก็ไม่เคยคิดจะมาช่วยกัน

ผมไม่ได้ชอบสนธิมาก แต่ฟังเค้าเพราะรู้สึกว่าเค้าก็พูดอะไรตรงๆ

จะจริงหรือไม่จริงก็คิดเองดีกว่า น่าจะแยกแยะได้เอง

สนธิมันด่าแหกขนาดนั้น ไม่พอใจผมว่าก็ฟ้องซะเลยสิ จะปล่อยสนธิไว้ทำไม

ส่วนนักข่าวจั***อย่างอีเจ๊ยุเนี่ย ให้มันไปตายซะ

สมัยทักษิณอยู่ก็ไม่ได้เคยจะทำอะไรดีดี

เพราะผัวได้ดีในยุคทักษิณ
 
เดี๋ยวนี้อีป้านรกนี่ก็กร่างไปวันๆ


ฮ่า ๆๆๆ
ถูกใจ
บังเอิญผมรู้จักนายของคุณยุ ฯ เป็นการส่วนตัว

เอาอีก ๆๆ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-02-2007, 23:57
แสดงว่าจำฟองสบู่อสังหาฯ รอบที่แล้วไม่ได้ ขนาดของมัน ทั้ง ที่ บ้าน ตึก ปริมาณ ใหญ่และมากกว่านี้หลายเท่า

ราคา ขึ้นจาก 5 บาท ไปเป็น 10 บาท 20 30 บาท และของนักการเมืองบางคนอาจจะขึ้นถึง 5000 บาท จนทำให้แบงค์เจ๊งมาแล้ว

ส่วนเรื่องตัวอย่างที่ยกมาหน่ะ ต้องราคาของพื้นที่แวดล้อมว่า มันมีต่ำกว่านั้นมั้ย ที่มันน้อยลง ราคามันก็ขึ้น มันไม่ได้อยู่ที่คิดว่า จ่ายไปแล้วคุ้มมั้ยฟะ

อ่อนนุช 10 ล้าน ไม่แปลกใจ เรื่องนี้ก็มีคนบ่นให้ฟัง แต่เค้าบอกว่า ทำใจ เพราะอะไรที่โฆษณาว่าใกล้รถไฟฟ้า (จริงๆ เข้าซอยไปอีก 2 กิโล) มันบวกราคาเข้าไปได้

วิธีวิเคราะห์ภาพรวม ก็อย่างที่อธิบายแหละ มันไม่ใช่ว่า เราคิดว่ามันไม่คุ้ม เลยไม่ซื้อ อย่าลืมว่า มีคนอื่นเค้าอาจจะอยากซื้อ

อย่างเช่น คนที่มีบ้านอยู่นอกเมือง เสียค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถ ไปกลับตกวันละ 400 กว่าบาท จ่ายเพราะเสียค่ารถไฟฟ้าแค่วันละ 80 บาท แลกกับเวลาที่ติดอยู่บนรถอีกวันละ 4-5 ชั่วโมง

ปล. เด๋วพอตั้งราคาไปแล้วขายไม่ออก มันจะออกแนว แถมโน่นแถมนี่เองแหละ แต่อย่าหวังว่าโครงการจะลดราคา ไม่ใช่ของมือสอง ต่อรองได้

ไปแล้ว อย่าจุดธูปเรียกอีก  :slime_sleeping:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: เพนกวินน้อยนักอ่าน ที่ 01-03-2007, 01:57
 :slime_worship:
โอม จงมาๆ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 01-03-2007, 07:12
โห กลับลำด่าไอ้แป๊ะสถุลกันใหญ่เลย กลัวตกยุคหรือไง ทำตัวเป็นหม่อมอุ๋ยไปได้
เห็นท่าไม่ดีรีบชิ่งหนีไว้ก่อน ร่างบทความ บทกลอน บทกวี ไว้บูชาทักษิณหรือยัง
เดี๋ยวถ้าเหตุการณ์มันชัดกว่านี้อีกหน่อยจะเตรียมตัวไม่ทันนะจ๊ะ เหอ เหอ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 01-03-2007, 08:46
รวงข้าวเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า สนธิเลว ไม่ได้แปลว่าแม้วไม่ผิด ไม่โกงนะคับ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

มันผิดแหง โกงแหง แต่จะจับได้คาหนังคาเขา คาใบเสร็จ คาเช็คหรือเปล่าอีกเรื่องนึง  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

 :slime_smile: :slime_smile:


ลองอ่านอย่างเนียน ๆทั้งสองกรอบนะคะ  ไม่มีประโยคไหนนะคะ
ที่บอกว่า  แม้วไม่ผิด  จุดเน้นอยู่ที่  สนธิ ----?
กร่างเกินพอดี  นะจ๊ะ  ลอง
อ่านแบบหักมุมสักนิดนะคะ

สองกรอบนั้น เป็นความคิดแบบใช้อารมณ์ประชด มากกว่า
เหตุผลนะจ๊ะน้องแอน  ดูเอเอสทีวี  ทุกวันๆ
อดที่จะหมั่นใส้  สนธิ --  ไม่ได้ รู้สึกว่า  ประเทศนี้ข้าเก่ง
คนเดียว  คนอื่นเลวหมด  จึงได้เขียนสองกรอบนั้นไง


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: noppon ที่ 01-03-2007, 09:13
นั่งอยู่หน้าจอจิ้มคอมพ์แสดงความคิดเห็น มันไม่เหนื่อย ไม่เสี่ยง ไม่เสียอะไร มันก็ง่ายสิครับ
ไม่ได้ไปเจอสถานการณ์ที่เฉียดตาย เฉียดเจ๊งอย่างสนธิ ช่วงระบอบทักษิณไล่บี้หนัก ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นไง

จขกท. ก็ใช้ปากไม่ต่างไปจากสนธิ ด่าอย่างแรงมาทั้งกระทู้ ลงท้าย...ด้วยความเคารพ เหมือนเมื่อคืน
ที่สนธิด่า สมเกียรติ อ่อนวิมล ด้วยความเคารพ เช่นกัน

แต่ละคนมีหน้าที่และแนวทางความคิด แนวทางการทำงานไม่เหมือนกัน สนธิก็เป็นสนธิ อย่างที่เห็นมานานพอสมควรแล้ว
สนธิไล่หม่อมอุ๋ยมาตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาลาออกตอนนี้
สนธิไล่โกวิทก็หลายครั้ง ทำไมเพิ่งถูกย้ายตอนนี้

ถ้ามีคนทำความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง แล้วลาออกหรือถอนตัว แล้วจบ ต่อไปก็คงมีคนเอาเยี่ยงอย่างเหมือนนักการเมือง
หลายต่อหลายรุ่นที่ทำ ๆ กันมา

ความแตกแยกของสังคมไทยทุกวันนี้ เป็นความแตกแยกระหว่างคนที่ไม่ได้ทำความเสียหายให้ชาติบ้านเมือง
กับคนที่ทำความเสียหายให้ชาติบ้านเมือง โดยที่ฝ่ายแรกเห็นว่า ฝ่ายหลังมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมกันอย่างปกติสุข
โดยผู้มีอำนาจไม่ลงมือทำอะไรให้เด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายที่ว่ามีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับคนไทยทั้งประเทศ ที่ไม่สนใจการเมือง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
ยกเว้นต่อเมื่อมีผลกระทบกับตัวเอง ก็แหกปากร้องกันพักนึง จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ หรือแก้ไม่ได้ ก็ทำใจยอมรับมันไป

คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมืองหรือ
ข้าราชการกังฉิน ว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่ออะไร ได้อะไร เสียอะไร คนที่ไม่ได้มีโอกาสดู ASTV เลย ไม่ถือว่าโง่ครับ
เพียงแต่จะไม่รู้ทันนักการเมือง รู้ทันสื่อ เพราะ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าทุกวันนี้ชาวบ้านชอบดูชอบฟังการเล่าข่าว หรืออ่านหนังสือ
พิมพ์ อ่านรายงานข่าวให้ฟัง โดยทิศทางการนำเสนอข่าวก็เป็นในลักษณะเอาตัวรอดปลอดภัยไว้ก่อน ฟังหรือดูกันแล้วก็ผ่าน
ไปไม่เอามาคิดให้รกสมอง สู้พูดคุยกันถึงละครหลังข่าวไม่ได้ สนุกกว่า

ด้วยความเคารพ จขกท. นะครับ :slime_smile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 01-03-2007, 09:20
ไม่เชียร์สมคิด ฟังแป๊ะลิ้มครับ ฟังเสร็จก็ตัดน้ำออกไป เอาแต่ข้อมูลที่เขาเอามาแฉ
ส่วนประเภท ใครลูกใครญาติใคร ใครเคยไปมั่วสีกาที่ไหนผมถือว่าเป็นเรื่องดิสเครดิต
หากเขายังแสดงบทบาทตามหัวโขน้ และไม่ผิดจริยธรรมจนเกินที่สังคมจะยอมรับได้
ผมก็เฉยๆ(แป๊ะลิ้มก็อยู๋ในหมวดนี้ด้วย)

ทุกวันนี้แป๊ะลิ้มเปรียบเสมือนมีดดายหญ้า
แทนที่จะนั่งเอามืดถอนทีละต้น เอาแป๊ะแกมาใช้ย่อมประหยัดแรงกว่า
และต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะมีดดายหญ้าเวลาใช้มันเหวี่ยงไปเรื่อย
โดนตอก็เจ็บมือ พันไม่ดีหญ้าก็ไม่ขาด เผลอไปฟันหัวใครเข้าก็ซวย

ผมยังอยากเห็นรัฐบาลเปลี่ยนจากมีดดายหญ้ามาเป็นรถไถอยู่เลย
เสียอยู่อย่างเดียว จะมีคนบ่นว่า "รุนแรงเกินไป" น่ะสิ

ถ้าแกพูดเพราะกล้าพูดเฉยๆ หรือด่ากระแนะกระแหนเฉยๆ ก็ดีอ่ะดิ
มันมีผลประโยชน์ทับซ้อน วิ่งเต้น แบล็คเมล์ด้วยนี่ตะหากที่รับไม่ได้

เรื่องพูดรุนแรงหน่ะ ไม่รู้สึกหรอก เห็นใครๆ ชอบออกมาด่า แอนก็ว่า มันก็ประมาณพอๆ กับพวกนักการเมืองเวลามันด่ากันไป ด่ากันมาหน่ะแหละ ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ไอ้ที่น่ากลัวคือ เบื้องหลังคำพูดพวกนั้น  Hidden Agenda ตะหาก ถึงได้บอกไงว่า สันดานเก่ามันกำเริบ

ผมเห็นด้วยกับทั้งสองความเห็นข้าง บน กรณีสนธิ ลิ้ม ครับ เรื่อง "มีดดายหญ้า" ของ คุณ ล็อคอิน กับ เรื่อง hidden agenda (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่า มีจริง)

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ....ผมฟังคุณแอน เล่ามาเรื่อย ๆ ก็เห็นด้วยเกือบทั้งหมด.......คิดต่างนิดเดียว ......เศรษฐกิจช่วงนี้ ดูผิวเผิน ก็น่าจะเบากว่าปี 40 .......แต่ปัญหาในปี 40 เป็นปัญหาที่กระทบโดยตรงต่อ นักธุรกิจ และ คนชันกลาง ซึ่งมีความสามารถในการปรับตัวได้เร็ว ........ในขณะที่ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบัน เข้าไปกระทบโดยตรงกับกลุ่มที่เรียกว่า "รากหญ้า"  ที่มีความสามารถในการปรับตัวค่อนข้างน้อย  ดังนั้นการแก้ไขจึงต้องอาศัย การช่วยเหลือจากภาครัฐ ประกอบกับ ได้รับการปลูกฝังผิด ๆ จากระบอบทักษิณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนแทบจะพูดได้ว่า "ยากเกินกว่าเยียวยา"  เงินที่จะอัดฉีดเข้าไปในตลาด ก็ขาดแคลนเต็มที่เนื่องจากการใช้จ่ายที่เกินตัวของระบอบทักษิณ  ผมนั่งคิดอยู่ว่า ทำไมหม่อมอุ๋ยถึงพยายามจะออกหวยบนดินให้ได้ ทั้งทีรู้อยู่เต็มอกว่ามันไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีในสังคม.....ผมสรุปได้เหตุผลเดียว คือ ต้องการเม็ดเงินเข้าไปอัดฉีดระบบเศรษฐกิจ

กรณี คุณสมคิด แรก ๆ ผมก็เอาใจช่วยอยู่ แต่หลังจากได้ฟังอ่าน ปาฐกถา 2 ครั้งแล้ว ผมเปลี่ยนความคิดทันที่ เพราะในเนื้อหา นอกจากจะไม่ยอมรับผิดเรื่องทักษิโณมิคซ์แล้ว ยังยืนยัน หรือ แทบจะยกย่อง ว่าเป็นสิ่งถูกอีกต่างหาก.........การไม่ยอมรับผิด เป็นสิ่งที่ผมรับได้ และถือว่า เป็นเรื่องการเมือง  แต่การที่ยังคงพูดยกย่อง นี่สิ มันรับไม่ได้จริง ๆ ครับ

ส่วนกรณี หม่อมอุ๋ย .....ผมว่าหม่อมอุ๋ย ไม่น่าทิ้งระเบิดไว้ .....ดูใจเสาะไปหน่อย...ไม่ค่อยแมนเท่าไหร่


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 01-03-2007, 09:51
.........................................................................................................................................

คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมืองหรือ
ข้าราชการกังฉิน ว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่ออะไร ได้อะไร เสียอะไร คนที่ไม่ได้มีโอกาสดู ASTV เลย ไม่ถือว่าโง่ครับ
เพียงแต่จะไม่รู้ทันนักการเมือง รู้ทันสื่อ เพราะ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าทุกวันนี้ชาวบ้านชอบดูชอบฟังการเล่าข่าว หรืออ่านหนังสือ
พิมพ์ อ่านรายงานข่าวให้ฟัง โดยทิศทางการนำเสนอข่าวก็เป็นในลักษณะเอาตัวรอดปลอดภัยไว้ก่อน ฟังหรือดูกันแล้วก็ผ่าน
ไปไม่เอามาคิดให้รกสมอง สู้พูดคุยกันถึงละครหลังข่าวไม่ได้ สนุกกว่า

ด้วยความเคารพ จขกท. นะครับ :slime_smile:


คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมือง.........

ผมเห็นด้วยกับคุณ noppon ที่ยกมานี้......

ผมคิดว่าคุณสนธิ ลิ้มฯ ต้องการสื่อให้ประชาชนที่ดูช่อง 11 รายการ'ยามเฝ้าแผ่นดิน'นั้นได้รับรู้ว่า การได้ชม ได้ฟัง'ยามเฝ้าแผ่นดิน'ตามแบบฉบับของคุณสนธิ ลิ้มฯ จะทำให้'ทันนักการเมือง' โดยเฉพาะเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก นิติกรบริการ อลัชชีกฏหมาย และลูกจ้างบริษัทเทียมรักเทียม ที่ใช้แผน'ทุจริตทางนโยบาย' ล้างสมองคนชมรายการจากสถานีโทรทัศน์ 3 5 7 9 11 ITV และ ยูบีซี ด้วย'โกงแต่ทำงาน' ตลอดเวลา 5-6 ปี.....

แม้จะถูกหลอกให้ซื้อบ้านเอื้ออาทร ราคาแพงกว่าที่ควร ก็ยังไม่รู้สึกตัว ยังยกย่อง สรรเสริญ สำนึกถึงบุญคุณของเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เป็นต้น..... :!:

ถ้าใช้'ตะแกรงปัญญากรองเอา'สาระ' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง....
ถ้าเอาแต่ใจ พูดถึง 'โวหาร' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง...........

แล้วแต่คนชม คนฟัง จะพิจารณาครับ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ปล.1 ถ้าเคยไปนั่งฟัง ยืนฟัง เดินฟัง'เมืองไทยรายสัปดาห์' ที่สวนลุมพินี  ถนนมัฆวาน สนามหลวง และ สยามพารากอน.....
พิจารณาคนที่ไปร่วมชุมนุมต่อต้านเผด็จการโฉด มีการศึกษา มีสติปัญญาสูงกว่า เหนือกว่าการชุมนุมของ'คาราวานคนจน'ที่สนามหลวง และสวนลุมพินี แน่นอน......

ปล.2 ผลพวงของการต่อสู้ แฉโพยพฤติกรรม การฉ้อราษฎร์บังหลวงของกลุ่ม'อำนาจเก่า'ของคุณสนธิ ลิ้มฯ กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่มนักวิชาการ ผู้นำทางความคิด คณาจารย์ ที่ไม่ได้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ทำให้การรัฐประหารคราวนี้ เป็นที่ยอมรับ เป็นที่'เข้าใจ'ได้ระดับหนึ่ง.....


 ปล.3 วันนี้จะ'เพ่ง'ความประพฤติของคุณสนธิ ลิ้มฯ หรือ 'ผลงาน' ผลพวงที่เปลี่ยนแปลงการเมืองไทย การบริหารบ้านเมืองไทยในขณะนี้..... :!:



หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ฉิกตี๋ ที่ 01-03-2007, 10:01
..ณ ตอนนี้ ข้าพเจ้าขอ  "ยิ้มเย้ยยุทธจักร"

  ...เอาเถิดครับ

  ..กับชายชราผู้หนึ่ง ศรีษะขาวโพลน

  ..ชายชราผู้หนึ่ง ที่มักจะเล่านิทานให้ลูกหลานฟัง และนิทานที่เล่ามักจะเจือด้วยคติสอนใจ

  ...นิทานนั้น ท่านจะเห็นว่ามี "คุณค่า" หรือยึดถือเป็นว่าเป็น "ผายลม" ก็เอาเถิดครับ


 ..พฤติกรรมของชายชราผู้นี้ ี่ที่ส่งผลกระทบแก่ผู้มีอำนาจและบริวารทุกยุคสมัย นั้น เป็น"คุณ" แก่แผ่นดินหรือไม่ อย่างไร


  ..เอาเถิดครับ

   ..กับชายชรานักเล่านิทานผู้หนึ่ง ท่านจะ มอบบุปผา คุกเข่า คารวะด้วยความนับถือ

   หรือ ท่านจะ "ขาก" ถ่มถุย ใส่ หรือ ป้าย "อุจจาระ" ขว้างปาก้อนหินใส่ ประนามชายชราผู้นี้ ก็เอาเถิดครับ

 
   ..ท่านเป็น "วิญญูชน" หรือ "เดรัจฉาน" ข้าพเจ้าย่อมไม่ทราบ

   ..ท่านมีคุณหรือเคยทำคุณแก่แผ่นดิน หรือไม่ ข้าพเจ้าย่อมไม่ทราบ

   ..ท่านจะให้ "เกียรติ" สรรเสริญ หรือ โกรธเกลียดเคียดแค้นชายชราผู้นี้ ด้วยสาเหตุประการใด ข้าพเจ้าย่อมไม่ทราบ

 ....ที่ข้าพเจ้าทราบ การเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองในทางที่เป็น "คุณ" ในหลาย ๆ เรื่องชายชราศรีษะขาวผู้นี้ มีส่วนไม่มากก็น้อย

   
  ..เอาเถิดครับ ประนามชายชราผู้นี้ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ "วิญญูชนอันประเสริฐ" ของท่าน

  ..เอาเถิดครับ ประนามชายชราผู้นี้ เพื่อส่งเสริมสถานภาพทางสังคม ของท่าน เป็นการค้าทำกำไรที่แทบไม่ต้องใช้ต้นทุนใด ๆ  เพราะ

  ตอนที่ชายชราผู้นี้กับพวกอยู่ในภาวะอันตรายและยากแค้นลำเข็ญในการต่อสู้กับขั้วอำนาจ พวกท่าน อาจจะ ไม่ "สู้" ไม่ "เสี่ยง" ไม่ "เสือก" ไม่ "สนใจแยแส"

  ..ตามสบายครับ เอาเถิดครับกับชายชราผู้หนึ่ง ที่ศรีษะขาวโพลน กับชีวิตที่เหลืออยู่ไม่กี่ปี ท่านจะเห็น คุณค่า หรือรังเกียจเดียดฉันท์ หรือเคียดแค้นอาฆาต ในพฤติกรรมหรือรสนิยมขอองชายชราผู้นี้

ก็เอาเถิดครับ


  ..ตามสบายครับ เอาเถิดครับกับชายชราผู้หนึ่ง ที่ท่านจะมองผู้ฟังแม้กระทั่งผู้ไม่ฟังนิทานของชายผู้นี้ ว่า "คุ้มคลั่ง" ไร้สติ  หรือเป็น "ควาย" สาวกอันประเสริฐ หรืออะไรก็สุดแท้แต่

  ..เอาเถิดครับ ประนามและตำหนิชายชราผู้นี้และคนทั้งแผ่นดิน เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ "วิญญูชนอันประเสริฐ" เพื่อ "ธรรมะอันเที่ยงแท้" ตามวิถีของท่าน


   ..ตอนนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกประการเดียว

   
..ข้าพเจ้า ใคร่ "อาเจียน" และอยาก "อาเจียนอย่างรุนแรง"







หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: น้องแบ๊งค์เองครับ ที่ 01-03-2007, 10:39
เจริญครับ สื่อทำงานเกินหน้าเกินตาสื่อเล่มอื่นก็โดนรุมประนาม โดนโดดเดี่ยว ผมถามคำนึง ทุกวันนี้สื่อเล่มอื่นๆทำอะไรเหรอ นอกจากนั่งวิตกจริต กั๊กไปกั๊กมา จะด่าหรือจะชมก็ทำไม่เต็มปาก ประเด็นคือสื่อเล่มอื่นๆกลัวคุณทักษิณกลับมาแล้วจะโดนเช้คบิลรึเปล่า มันก็จะไปต่างอะไรกับข้าราชการใส่เกียร์ว่างล่ะ

ประเด็นคือทุกคนก็ต้องการกำจัดระบอบทักษิณออกไปไม่ใช่เหรอ และบทบาทรายการยามเฝ้าแผ่นดินที่ผ่านมา ผมฟังผ่านเนตตลอด ผมไม่เคยเห้นคุณสนธิจะไปเลียรัฐตรงไหน

โดยเฉพาะประเด็น ITV ผมก็ได้เห้นในมุมมองที่คิดไม่ถึงว่ามันก็จริงของสนธิ แต่สื่อเล่มอื่นทำหน้าที่แบบเค้าไหม


สนธิอาจจะไม่ใช่สื่อที่ดี 100% แต่ผมก็เคารพที่เค้ายืนอยู่ในหลักการเดิม จะสมประโยชน์ตัวเองไหมไม่รู้ รู้แต่ฟังแล้วตัวเองได้รู้อะไรในสิ่งที่ไม่เคยรู้

สื่อเล่มอื่นทำงานบ้างไหม นอกจากกร่างและจะมาคอยนั่งจับผิดชาวบ้านไปวันๆ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: bgn ที่ 01-03-2007, 11:12
เอ่อ.... กระทู้ปลอบใจหม่อม อุ๊ยยยย ....หรือเปล่านี่  :slime_bigsmile:


ในช่วงปีที่ผ่านมาป๋าธิทำคุณให้ชาติบ้านเมืองมากพอสมควรนะครับ ไม่ให้เครดิตก็ไม่ควรไปดิสเครดิต นะผมว่า

ลองนึกดู ... ถ้าสนธิไม่เริ่มต้น ใครจะกล้าชนพี่เหลี่ยม .. ลองกลับไปคิดดูพ่อแม่พี่น้อง



หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: skl98 ที่ 01-03-2007, 12:00
ปราบอ้ายเหลี่ยมยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ยังไม่อยากจะปรามพวกเดียวกัน :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 01-03-2007, 12:21
ปราบอ้ายเหลี่ยมยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ยังไม่อยากจะปรามพวกเดียวกัน :slime_bigsmile:

ต่อให้พวกเราคนนั้น  จะทำให้ประเทศพัง  ก่อนที่เหลี่ยมจะพัง  เราก็ไม่ควรปราบงั้นรึครับ...


และผมก็ไม่ได้ว่ารังเกียจสนธิแบบรับไม่ได้ แต่ในบางกรณีี๊สนธิแกก็ทำเกินไป.. ซึ่งประเด็นที่ปู่เย็นแกว่ามาก็มีส่วนถูุกต้องมิใช้หรือ....


ฉะนั้นผมก็ต้องขอพูุดในฐานะ กัลยานนิมิตร ก็ล่ะกัน แบบคำที่เขาเคยพูดเคยเตือนคนอื่น  ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น..


อ้อ และคนแบบผมก็มิใช้คนที่ว่า เวลานั้นก็ชื่นชม แต่เวลานั้นก็มาด่า..


เพราะคนแบบผมก็ต้องบอกตามตรงว่า ถึงเเม้นผมจะไปร่วมประท้วงเพื่อไล่เหลี่ยมกะสนธิ แต่คนแบบผมไม่เคยไว้ใจสนธิิเเม้นซักกะนิดเดียว..

ฉะนั้นความคิดเรื่องผมกะสนธินั้นมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร  มิใช้ว่าเพิ่งจะมาเป็นเอาเวลานี้..


และที่ต้องอธิบาย เพราะเดียวใครจะมาด่าผมว่า  ว่าผมนั้นเป็นพวกเนรคุณคนและไม่รู้จักบุณคุณของสนธิิที่ช่วยไล่เหลี่ยม..  เพราะคนแบบผมไม่เคยไว้ใจสนธิมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

และก็ไม่็เคยคิดว่าสนธิมีบุคุณอะไรต่อผมรึประเทศด้วย..

เพราะผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องของ ยุทธศาสตร์ หมากัดกัน  ตามที่อ.นิธิฺฺ เคยพูดไว้ก็แค่นั้นเอง และผมก็เป็นคนไปช่วยเสริมเเรงให้หมาตัวหนึ่งมันมีเเรงกัดกะหมาอีกตัวก็แค่นั้นเอง..


ฉะนั้นผมจึงไม่เคยไว้ใจหมาตัวนั้นอย่างไงล่ะครับ..  และถ้าหมากำลังบ้า  จนทำให้บ้านจะพัง  คุณก็ยังต้องคอยชื่นชมหมาตัวนั้นงั้นหรือ... :slime_doubt:



หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 01-03-2007, 12:35
ปราบอ้ายเหลี่ยมยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ยังไม่อยากจะปรามพวกเดียวกัน :slime_bigsmile:

ต่อให้พวกเราคนนั้น  จะทำให้ประเทศพัง  ก่อนที่เหลี่ยมจะพัง  เราก็ไม่ควรปราบงั้นรึครับ...


และผมก็ไม่ได้ว่ารังเกียจสนธิแบบรับไม่ได้ แต่ในบางกรณีี๊สนธิแกก็ทำเกินไป.. ซึ่งประเด็นที่ปู่เย็นแกว่ามาก็มีส่วนถูุกต้องมิใช้หรือ....


ฉะนั้นผมก็ต้องขอพูุดในฐานะ กัลยานนิมิตร ก็ล่ะกัน แบบคำที่เขาเคยพูดเคยเตือนคนอื่น  ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น..
 

มายืนยันและย้ำนะคะ ว่าไม่ว่า สนธิจะกร่าง พูดเอาดีใส่ตัวแค่ไหน อย่างมากก็เลือกที่จะดูหรือไม่ดู เชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น

แต่พฤติกรรม ที่แอนว่ามาข้างต้นต่างหากค่ะ ที่น่ารังเกียจ ถึงได้ถามไงคะว่า ไหนว่ากลับตัวแล้ว ไม่ทำชั่วอย่างที่เคยเป็นมาแล้วไง

Don't Missing the Point


ผมเห็นด้วยกับทั้งสองความเห็นข้าง บน กรณีสนธิ ลิ้ม ครับ เรื่อง "มีดดายหญ้า" ของ คุณ ล็อคอิน กับ เรื่อง hidden agenda (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่า มีจริง)

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ....ผมฟังคุณแอน เล่ามาเรื่อย ๆ ก็เห็นด้วยเกือบทั้งหมด.......คิดต่างนิดเดียว ......เศรษฐกิจช่วงนี้ ดูผิวเผิน ก็น่าจะเบากว่าปี 40 .......แต่ปัญหาในปี 40 เป็นปัญหาที่กระทบโดยตรงต่อ นักธุรกิจ และ คนชันกลาง ซึ่งมีความสามารถในการปรับตัวได้เร็ว ........ในขณะที่ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบัน เข้าไปกระทบโดยตรงกับกลุ่มที่เรียกว่า "รากหญ้า"  ที่มีความสามารถในการปรับตัวค่อนข้างน้อย  ดังนั้นการแก้ไขจึงต้องอาศัย การช่วยเหลือจากภาครัฐ ประกอบกับ ได้รับการปลูกฝังผิด ๆ จากระบอบทักษิณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนแทบจะพูดได้ว่า "ยากเกินกว่าเยียวยา"  เงินที่จะอัดฉีดเข้าไปในตลาด ก็ขาดแคลนเต็มที่เนื่องจากการใช้จ่ายที่เกินตัวของระบอบทักษิณ  ผมนั่งคิดอยู่ว่า ทำไมหม่อมอุ๋ยถึงพยายามจะออกหวยบนดินให้ได้ ทั้งทีรู้อยู่เต็มอกว่ามันไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีในสังคม.....ผมสรุปได้เหตุผลเดียว คือ ต้องการเม็ดเงินเข้าไปอัดฉีดระบบเศรษฐกิจ

กรณี คุณสมคิด แรก ๆ ผมก็เอาใจช่วยอยู่ แต่หลังจากได้ฟังอ่าน ปาฐกถา 2 ครั้งแล้ว ผมเปลี่ยนความคิดทันที่ เพราะในเนื้อหา นอกจากจะไม่ยอมรับผิดเรื่องทักษิโณมิคซ์แล้ว ยังยืนยัน หรือ แทบจะยกย่อง ว่าเป็นสิ่งถูกอีกต่างหาก.........การไม่ยอมรับผิด เป็นสิ่งที่ผมรับได้ และถือว่า เป็นเรื่องการเมือง  แต่การที่ยังคงพูดยกย่อง นี่สิ มันรับไม่ได้จริง ๆ ครับ

ส่วนกรณี หม่อมอุ๋ย .....ผมว่าหม่อมอุ๋ย ไม่น่าทิ้งระเบิดไว้ .....ดูใจเสาะไปหน่อย...ไม่ค่อยแมนเท่าไหร่


อย่าดูถูกรากแก้วนะคะ ความสามารถในการมีชีวิตรอดเค้าสูงกว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ นะคะ เห็นได้ข่าวว่า พักนี้ ชาวบ้านภาคอิสาน เค้ารวมกลุ่มกันทำแซนวิช ส่งขาย เดือนนึงได้รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ตกคนละ 15000-20000 บาท ต่อเดือนนะคะ

เรื่องหนี้ชาวบ้านเค้าเจอมานานแล้วค่ะ หนี้นอกระบบที่เจอหนักกว่าอีก ที่น่ากลัวคือ เงินกู้นอกระบบในเมืองมากกว่า หวังว่าคงจะไม่ได้เห็นภาพคนทวงหนี้ตามตัดแขนตัดขาลูกหนี้ขัดดอกให้เห็นอีกนะคะ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: tu249cm ที่ 01-03-2007, 12:48
โห กลับลำด่าไอ้แป๊ะสถุลกันใหญ่เลย กลัวตกยุคหรือไง ทำตัวเป็นหม่อมอุ๋ยไปได้
เห็นท่าไม่ดีรีบชิ่งหนีไว้ก่อน ร่างบทความ บทกลอน บทกวี ไว้บูชาทักษิณหรือยัง
เดี๋ยวถ้าเหตุการณ์มันชัดกว่านี้อีกหน่อยจะเตรียมตัวไม่ทันนะจ๊ะ เหอ เหอ

เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า คนที่นี่ที่เขาตำหนิสนธิ ลิ้มน่ะ ไม่ใช่ว่าจะกลับลำไปชื่นชมไอ้หน้าเหลี่ยมหรอกนะ
ไอ้เลวคนนี้เชิญคุณชอบแถบูชามันเป็นบิดาไปคนเดียวเหอะ....  แหวะ ... จะอ้วก!(http://www.spcnet.tv/forums/images/smilies/vomit.gif)


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 01-03-2007, 14:57
ปราบอ้ายเหลี่ยมยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ยังไม่อยากจะปรามพวกเดียวกัน :slime_bigsmile:

ต่อให้พวกเราคนนั้น  จะทำให้ประเทศพัง  ก่อนที่เหลี่ยมจะพัง  เราก็ไม่ควรปราบงั้นรึครับ...


และผมก็ไม่ได้ว่ารังเกียจสนธิแบบรับไม่ได้ แต่ในบางกรณีี๊สนธิแกก็ทำเกินไป.. ซึ่งประเด็นที่ปู่เย็นแกว่ามาก็มีส่วนถูุกต้องมิใช้หรือ....


ฉะนั้นผมก็ต้องขอพูุดในฐานะ กัลยานนิมิตร ก็ล่ะกัน แบบคำที่เขาเคยพูดเคยเตือนคนอื่น  ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น..
 

มายืนยันและย้ำนะคะ ว่าไม่ว่า สนธิจะกร่าง พูดเอาดีใส่ตัวแค่ไหน อย่างมากก็เลือกที่จะดูหรือไม่ดู เชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น

แต่พฤติกรรม ที่แอนว่ามาข้างต้นต่างหากค่ะ ที่น่ารังเกียจ ถึงได้ถามไงคะว่า ไหนว่ากลับตัวแล้ว ไม่ทำชั่วอย่างที่เคยเป็นมาแล้วไง

Don't Missing the Point

 
แหม.. เข้าใจสิครับ

และถ้าไม่เข้าใจ..  ผมจะเน้นคำว่า กัลยานมิตร ทำไม เพราะที่ผมเน้น นั้นหมายความว่าผม ประชด ครับ..

เพราะผมได้ฟังเวลาสนธิมันพูดที่เวลามันว่าใครและมันลงท้ายด้วยคำๆนี้ทีไร ผมก็เเทบอยากจะถีบวิทยุเหมือนกัน..


เพราะผมมีความคิดว่า มันต้องมีวาระซ่อนเร้นอะไรเเน่นอน .. เพราะคำพูดคำนี้มันได้เเสดงถึงอาการของคนที่มันร้อนตัว..

ที่ว่ามันกลัวคนจะหาว่าการที่มันนั้นพูดแบบนั้นแบบนี้ เพราะมันมีผลประโยชน์หรือวาระซ่อนเร้นอะไรของมันรึเปล่า.. ฉะนั้นมันก็เลยต้องออกมาร้อนตัวโดยพูดว่า กัลยานมิตร อย่างไงล่ะครับ..


และด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่เคยเชื่อใจในการกระทำของคนๆนี้อย่างล่ะครับ..แบบที่ผมได้อธิบายไปในข้างบนที่มาแก้ไขเพิ่มเติม..ภายหลัง.. ที่ว่าถึงจะร่วมด้วยแต่ก็ไม่เคยเชื่อใจ..



และอีกสาเหตุที่เมื่อก่อนตอนไล่เหลี่ยมผมก็เเทบจะไม่เคยด่าแก  ที่ว่าขนาดตอนเชียร์เหลี่ยมผมก็ด่า  เพราะผมก็คิดว่าคนเรานั้นถึงเเม้นผมจะไม่เชื่อใจ แต่ผมก็ยังให้โอกาศคนครับ..

แต่บางคนนั้นมันไม่สำนึกตัวก็แบบที่คณว่ามานั้นแหละครับ...ฉะนั้นเราก็ไม่ควรจะปล่อยมันเหมือนกัน...


อ้ออีกนิด.. ด่าสนธิก็ประเด็น ด่าอ๋วยก็ประเด็น  และเรื่องสมคิดก็ประเด็น และเรื่องเหลี่ยมก็ประเด็น ฉะนั้นอย่าได้เหมารร่วมว่า ด่าสนธิจะต้องชื่นชมใครรึไม่ชื่นชมใคร..

เพราะก็แบบที่ว่าผมเป็นคน เป็นคนที่เเยกเเยะอะไรเป็นครับ...

 




หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: skl98 ที่ 01-03-2007, 15:17
เออ..... คือว่า...... ความเห็นผมน่ะ

สนธิ เองก็รู้ตัวอยู่ว่า ทำอะไรได้บ้าง แกเองก็เล่นบททุ่มสุดตัว
ปากก็บอก ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แต่ความจริงถ้าเลี่ยงได้แกก็คงเลี่ยง

พันธมิตรที่ติดตามแก ก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยทุกเรื่อง ยืนยันได้

สนธิ หลอกพันธมิตรไม่ได้หรอก ดูตอนแกเชียร์สมคิดซิ
พันธมิตรไม่เอาด้วย กลับลำ 180 องศา เกือบไม่ทันแน่ะ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 01-03-2007, 15:26
เรียนคุณ มิกิ รับแซ่บ คับ

ช่วยถีบ  :slime_hitted:  :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: HOEI ที่ 01-03-2007, 15:36
 :slime_worship:

นาทีนี้ต้องแทงกั๊กครับ ทุกคนเพลย์เซฟหมด ยกเว้นแป๊ะ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 01-03-2007, 15:52
เข้ามา "ออกตัว" ครั้งที่ 2 ครับ

   คือ ผมไม่ติดใจรหรือขัดแย้งแป๊ะลิ้้มตรงเนื้อหา ( CONTENT ) ที่แกนำเสนอ นะครับ
ไม่ว่าจะเป็นตัวประเด็น - รายละเอียด - ที่มา ( ตรงนี้แกทำได้ดีเป็นพิเศษ ) หรือแม้แต่สำนวน "ทุบแกมถีบ ( อย่างแกคงไมสามารถใช้คำว่า "หยิกแกมหยอก" )" แบบที่แกใช้กับบุคคลในข่าว หรือกลุ่มบุคคลในข่าว
   เหล่านั้น "ทำดีแล้ว" ครับ
ซึ่งผมออกจะ "ชื่นชอบ - ชื่นชม" ถึงขนาด "ทำให้ติดตาม" นั่นเทียวล่ะ

   แต่สิ่งที่ผม Comment แกในกระทู้นี้ก็คือ
"พฤติกรรม" อันเป็น "อัตตานิยม + ขาดความประนีประนอม ( กับคนที่เขาถอยไปแล้ว - ส่วนกับพวกที่ยังไม่ถอยก็ไม่ต้องไปประนีประนอมกับมันหรอก )"
ซึ่งเปรียบเสมือน "ความร้อนแรง" ที่คุณสนธิถือโอกาสฝากไว้ ( เป็นรอยไหม้ ) ในขณะที่ "ให้แสงสว่าง"
   ตรงนี้ "ไม่ดี" ครับ  จะกลายเป็นแบบอย่าง  โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่ติดตามชมรายการ ( ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ลูกชายผม ) ว่า  ถ้าจะด่าใครแล้วก็อย่าลืมยกย่องตัวเองและพวกพ้องด้วย...อะไรทำนองนี้
 

สำหรับกรณี "ให้เกียรติ" หรือ "ให้เครดิต" กับทีมงาน Manager ที่เสี่ยงปืนเสี่ยงตีนร่วมกับคุณสนธิมาตลอด
...อันนี้ ไม่เป็นไรครับ
...น้อง ๆ หรือเด็ก ๆ ( รวมไปถึง แก่ ๆ  :mrgreen: ) ในทีมงาน Manager สมควรได้รับอยู่แล้ว

รวมไปถึงการ "ให้เกียรติ" หรือ "ให้ความนับถือ" ต่อลูกค้า + Fanatics ของ ASTV ( และสิ่งพิมพ์ในเครือและในภาคีของ "ผู้จัดการ" )
...อันนี้ก็ "ว่าไปตามความพอเหมาะพอสม" เถิด
อย่าถึงกับ "ยกตน ( บุคคลที่ 2 - ผู้ฟัง ผู้ชม ASTV ) ไปข่มท่าน ( บุคคลที่ 3 - ผู้ที่พอใจกับการดูละครแย่งผัวแย่งเมีย - ตบกันจนแป้งรองพื้นหลุดติดมือ )" เลย
...จะพาลสร้าง "แนวร่วม" ให้ฝ่ายที่ขัดแย้งกับคุณสนธิ หรือสร้างแนวร่วมให้กับ "คนรักทักษิณ" ไปเปล่า ๆ
เพราะว่า ชาวบ้านที่ชอบดูละครทีวีประเภทตบตี - แย่งผัวแย่งเมีย  หลาย ๆ คน / หลาย ๆ ครอบครัว ก็ไม่ได้ชอบทักษิณนะครับ   เพียงแต่เขามีเหตุผลของเขา ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับของคุณสนธิ


หวังว่าคงไม่แตกประเด็นออกไปจากนี้มากนัก
ด้วยความเคารพ ( ต่อนายสนธิ  ลิ้มทองกุล ) ว่ะ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 02-03-2007, 11:04
.........................................................................................................................................

คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมืองหรือ
ข้าราชการกังฉิน ว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่ออะไร ได้อะไร เสียอะไร คนที่ไม่ได้มีโอกาสดู ASTV เลย ไม่ถือว่าโง่ครับ
เพียงแต่จะไม่รู้ทันนักการเมือง รู้ทันสื่อ เพราะ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าทุกวันนี้ชาวบ้านชอบดูชอบฟังการเล่าข่าว หรืออ่านหนังสือ
พิมพ์ อ่านรายงานข่าวให้ฟัง โดยทิศทางการนำเสนอข่าวก็เป็นในลักษณะเอาตัวรอดปลอดภัยไว้ก่อน ฟังหรือดูกันแล้วก็ผ่าน
ไปไม่เอามาคิดให้รกสมอง สู้พูดคุยกันถึงละครหลังข่าวไม่ได้ สนุกกว่า

ด้วยความเคารพ จขกท. นะครับ :slime_smile:


คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมือง.........

ผมเห็นด้วยกับคุณ noppon ที่ยกมานี้......

ผมคิดว่าคุณสนธิ ลิ้มฯ ต้องการสื่อให้ประชาชนที่ดูช่อง 11 รายการ'ยามเฝ้าแผ่นดิน'นั้นได้รับรู้ว่า การได้ชม ได้ฟัง'ยามเฝ้าแผ่นดิน'ตามแบบฉบับของคุณสนธิ ลิ้มฯ จะทำให้'ทันนักการเมือง' โดยเฉพาะเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก นิติกรบริการ อลัชชีกฏหมาย และลูกจ้างบริษัทเทียมรักเทียม ที่ใช้แผน'ทุจริตทางนโยบาย' ล้างสมองคนชมรายการจากสถานีโทรทัศน์ 3 5 7 9 11 ITV และ ยูบีซี ด้วย'โกงแต่ทำงาน' ตลอดเวลา 5-6 ปี.....

แม้จะถูกหลอกให้ซื้อบ้านเอื้ออาทร ราคาแพงกว่าที่ควร ก็ยังไม่รู้สึกตัว ยังยกย่อง สรรเสริญ สำนึกถึงบุญคุณของเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เป็นต้น..... :!:

ถ้าใช้'ตะแกรงปัญญากรองเอา'สาระ' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง....
ถ้าเอาแต่ใจ พูดถึง 'โวหาร' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง...........

แล้วแต่คนชม คนฟัง จะพิจารณาครับ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ปล.1 ถ้าเคยไปนั่งฟัง ยืนฟัง เดินฟัง'เมืองไทยรายสัปดาห์' ที่สวนลุมพินี  ถนนมัฆวาน สนามหลวง และ สยามพารากอน.....
พิจารณาคนที่ไปร่วมชุมนุมต่อต้านเผด็จการโฉด มีการศึกษา มีสติปัญญาสูงกว่า เหนือกว่าการชุมนุมของ'คาราวานคนจน'ที่สนามหลวง และสวนลุมพินี แน่นอน......

ปล.2 ผลพวงของการต่อสู้ แฉโพยพฤติกรรม การฉ้อราษฎร์บังหลวงของกลุ่ม'อำนาจเก่า'ของคุณสนธิ ลิ้มฯ กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่มนักวิชาการ ผู้นำทางความคิด คณาจารย์ ที่ไม่ได้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ทำให้การรัฐประหารคราวนี้ เป็นที่ยอมรับ เป็นที่'เข้าใจ'ได้ระดับหนึ่ง.....


 ปล.3 วันนี้จะ'เพ่ง'ความประพฤติของคุณสนธิ ลิ้มฯ หรือ 'ผลงาน' ผลพวงที่เปลี่ยนแปลงการเมืองไทย การบริหารบ้านเมืองไทยในขณะนี้..... :!:



ไม่ได้ เข้ามาหลายวันเริ่ม คึกคักดีแฮะ  :slime_bigsmile:

ไม่อยากบอกอะไรมาก ก็แค่เห็นด้วยกับ มุมมองของลุงปุครับ

คนที่มีวิจารณญาณ ฟังทักษิณ ก็คงไม่เชื่อทักษิณ ทุกอย่าง ฟังสนธิก็คงไม่เชื่อสนธิ ทุกอย่าง

แต่หากดูเจตนา หรือ สิ่งที่เค้าพูดแล้ว สนธิคนหัวหมู่ ที่สมควรเป็นผู้นำอย่างยิ่ง

บางอย่างควรลดบ้าง ก็เป็นธรรมดา ที่คนที่มาถึงขั้นนี้ มันก็ต้องมีผิดพลาดบ้าง เพราะเค้าออกตัว ทุ่มสุดตัว เปิดเผย

ใครที่เห็นว่าสนธิ ผิด ประการใหน ก็มีหลักฐานทั้งนั้น จะฟ้องได้เสมอ ถ้าคิดว่าชนะ

การที่มีคนออกมาสร้างปัญญาให้รู้ทันนักการเมืองซักคน มันเป็นเรื่อง ที่ลำบาก และ ก็เจอมีดเจอดาบ เจอรองเท้า ต่อไป ก็คงหาคนที่ทำเพื่อภาคประชาชน ได้ยากจริงๆ

จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง

ถ้าใช้'ตะแกรงปัญญากรองเอา'สาระ' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง....
ถ้าเอาแต่ใจ พูดถึง 'โวหาร' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง...........

แล้วแต่คนชม คนฟัง จะพิจารณาครับ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



แต่หาก เจตนา ย้ำว่าเจตนา อยากพาคนไปตายจริงๆ ผมก็ขอประนามและสาปแช่ง เหมือนกัน

ส่วนกิริยา ต่างๆ ที่แปะ แสดงนั้น ใครจะชอบไม่ชอบอันนี้ สุดแล้วแต่ครับ เพราะผมยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 12:00
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง <<<< โอยได้ยินประโยคจะชักดิ้นชักงอ ยิ่งกว่า ไส้เดือนถูกขี้เถ้า สงสัยคุณบุนโตไม่ได้อ่านที่แอน อย่าเอาคนที่มารวมตัวไล่ทักฯ ไปรวมกับแปะนะคะ เพราะม๊อบที่ใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรมารวมด้วย จะมีคนจำนวนนึงที่จะไม่มาม๊อบสนธิแหละค่ะ แอนเป็นคนนึงในนั้น


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-03-2007, 12:32
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง <<<< โอยได้ยินประโยคจะชักดิ้นชักงอ ยิ่งกว่า ไส้เดือนถูกขี้เถ้า สงสัยคุณบุนโตไม่ได้อ่านที่แอน อย่าเอาคนที่มารวมตัวไล่ทักฯ ไปรวมกับแปะนะคะ เพราะม๊อบที่ใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรมารวมด้วย จะมีคนจำนวนนึงที่จะไม่มาม๊อบสนธิแหละค่ะ แอนเป็นคนนึงในนั้น

เจ๊ เรื่องนี้ใครก็รู้ว่าอดีตของแป๊ะลิ้มเป็นไงมาไง ก็เหมือนอดีตของหลายๆคน เช่น พี่ใหญ่อ.ย. เพียงแต่ว่าที่เจ้าของกระทู้เขาตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็สะท้อนความหงุดหงิดขึ้นมา   เพียงแต่ว่า ก็ยังต้องให้เครดิตแป๊ะลิ้ม  1.เพราะแกมีสื่อในมือมันแพร่ข้อมูลง่ายกว่า  2.มีข้อมูลเพียบเพราะคบกับเหลี่ยมมาก่อน 3.ชั้นเชิงการพูดกินขาด ก็เท่านั้นแหละ  เรื่องนิสัยเดิมๆที่เจ้าของกระทู้กล่าวไว้ นั่นเราก็รู้ ไม่งั้น อ.เจิม  คุณการุณย์ อ.วุฒิพงษ์  ลุงกินเจผมเกรียน ทูตอัษฎา คุณอมรินทร์  คงไม่มาร่วมหรอก

ลองเอา นายพิภพ นายใส นายสมเกียรติ ที่ว่าเป็นพันธมิตร ถามว่าจะเหลือกี่คน แต่ละคนเงินก็ไม่มี ที่ว่าเป็นองค์กรนั่นนี่ พูดซะภาพออกมา grand ซะ องค์กรละ 20 คนจะถึงหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 12:36
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: เหรอ ถามพี่ใหญ่ อยจิ ว่า แป๊ะแกเอาเงินมาจากไหนทำม๊อบ แล้วแกชักกระเป๋าตัวเองกี่บาท ได้ยินว่าแกอมตังคนให้ด้วยไม่ใช่เหรอ (อันนี้อมจริงป่าวไม่รู้ แต่คนให้หน่ะให้จริง)


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:15
เกาะกระแสธุรกิจ / สุนันท์ ศรีจันทรา

ปั่นหุ้น...หาทุนเลือกตั้ง
เบาะแสจากเจ้าพ่อแชร์

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานกรรมการบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ที่ล้มไปเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน กลับมาสร้างความกระฉ่อนอีกครั้ง ในฐานะจอมแฉ และพุ่งเป้าแฉถึงพฤติกรรมการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยตรง

ก่อนหน้านายเอกยุทธเคยเปิดโปงมาแล้วว่า กลุ่มธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดรัฐบาล เข้าไปตักตวงผลประโยชน์ในตลาดหุ้น โดยล่าสุด ได้แจ้งเบาะแสการปั่นหุ้นหลายตัวในตลาดหลักทรัพย์ และมีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลประมาณ 30 คน มีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนนักการเมืองที่ถูกระบุชื่อย่อมีอยู่ 2 คน คือ นักการเมืองชื่อย่อ ป และ ส ซึ่งนักลงทุนในตลาดหุ้นคงพอคาดเดาได้ว่าหมายถึงใคร

เพราะนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลชื่อย่อ ป และ ส ที่มีธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ มีเพียงไม่กี่คน

นายเอกยุทธประกาศจะเดินหน้าแฉพฤติกรรมการปั่นหุ้นของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยใกล้เลือกตั้งจะแฉหนักขึ้น และในช่วงนี้จะเปิดข้อมูลการปั่นหุ้นคัพเวอร์วอร์แรนต์ของธนาคารนครหลวงไทย (สคิป-ซี1) ธนาคารกรุงไทย และหุ้นบริษัท เอสซี แอสเซท จำกัด ซึ่งมีนักการเมืองชื่อ ป เข้าไปซื้อขาย

การเปิดโปงข้อมูลนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลปั่นหุ้น การหาเงินจากตลาดหุ้นเพื่อใช้เป็นทุนสำหรับการเลือกตั้ง ถูกทำลายน้ำหนักความน่าเชื่อถือ โดยคนในรัฐบาลพยายามขุดพฤติกรรมของนายเอกยุทธเมื่ออดีตมาโจมตี

ข้อหาการปั่นหุ้นที่นายเอกยุทธโยนเข้าใส่นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล กำลังจะถูกหักล้างโดยการขุดชนักการเป็นเจ้าพ่อแชร์ในอดีต

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า สาธารณชนจะเชื่อข้อมูลใครมากกว่า และการตอบโต้จากฝ่ายรัฐบาล จะทำให้การเปิดโปงเบาะแสการปั่นหุ้นของนายเอกยุทธ หมดความน่าเชื่อถือหรือไม่

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอดีตของนายเอกยุทธไม่ใช่นักธุรกิจที่ขาวสะอาด และอาจอยู่ในข่ายนักธุรกิจสีดำ โดยเป็นเจ้าของวงแชร์ชาร์เตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก ก่อนที่จะหายตัวจากสังคมไทยไปเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม การชี้เป้าปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นคนละประเด็นกับอดีตของนายเอกยุทธ แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ ข้อมูลของนายเอกยุทธจริงหรือไม่ มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เข้าไปก่อพฤติกรรมผิดในตลาดหลักทรัพย์ ตักตวงผลประโยชน์ใส่กระเป๋า หรือเตรียมหาทุนจากตลาดหุ้นเพื่อเตรียมเลือกตั้งจริงหรือไม่

ปัจจุบันกลุ่มทุนใกล้ชิดรัฐบาล กลายเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และมีเครือข่ายธุรกิจที่โยงใย นอกจากนั้นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลบางคน ก็มีฐานะนักลงทุนรายใหญ่ และมีพฤติกรรมการแสวงหาผลประโยชน์จากตลาดหุ้นโดยมีชอบ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพในเชิงลบมาตลอด โดยเฉพาะนักการเมืองชื่อย่อ ป

ส่วนการปั่นหุ้น เพื่อหาทุนเลือกตั้ง ไม่ใช่ข้อกล่าวหาลอยๆ เสียทีเดียว เพราะนักเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ ได้รับคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ให้จับตาหุ้นการเมือง หรือหุ้นที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาล โดยคาดหมายว่า ก่อนการเลือกตั้ง จะมีการจุดพลุไล่ราคา และอาจจะเก็งกำไรระยะสั้นจากหุ้นการเมืองได้

ข้อมูลนักการเมืองมั่วสุม ตักตวงผลประโยชน์จากตลาดหุ้น หรือใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งทุนเลือกตั้งที่นายเอกยุทธนำมาแฉ สำหรับคนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นข้อมูลใหม่ แต่เป็นสิ่งที่รับรู้และถูกพูดถึงมานานแล้ว

เพียงแต่ไม่มีการตรวจสอบหรือสอบสวนกันอย่างจริงจัง จึงขาดหลักฐานมัดนักการเมืองที่ใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งทำมาหากิน

เบาะแสนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลปั่นหุ้นของนายเอกยุทธ ควรจะกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบหรือสอบสวนพฤติกรรมการปั่นหุ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องเร่งประสานงานติดต่อขอข้อมูลจากนายเอกยุทธ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

แต่หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้น คงไม่ให้ความสำคัญกับเบาะแสของนายเอกยุทธ ทั้งที่มีความเป็นไปได้ว่า ราคาหุ้นหลายตัวที่เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรง มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการปั่น

การเปิดฉากแฉการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของนายเอกยุทธครั้งนี้ ไม่อาจหาคำตอบได้ว่า นายเอกยุทธมีเป้าหมายอะไรแน่ แต่สิ่งที่ประเมินได้คือ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเหนื่อยขึ้น เพราะถูกตีขนาบอีกด้าน ถูกโจมตีด้วยข้อหาปั่นตลาดหลักทรัพย์

ข้อกล่าวหาการตักตวงผลประโยชน์จากตลาดหุ้น โดยกลุ่มทุนหรือกลุ่มนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล จะทำให้ศรัทธาของรัฐบาลเสื่อมหนักขึ้น เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนใกล้ชิดรัฐบาล เป็นกลุ่มทุนที่เติบโตอย่างผิดหูผิดตาในตลาดหุ้น

และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล มีความเกี่ยวพันหรือมีบทบาทในตลาดหุ้นสูง โดยบางคนก่อพฤติกรรมเข้าข่ายการถ่ายเทประโยชน์จากตลาดหุ้น

นักลงทุนในตลาดหุ้น เชื่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่า นักการเมืองเข้ามาหากินกับตลาดหุ้น และเชื่อกันว่า มีนักการเมืองปั่นหุ้น โดยนายเอกยุทธเป็นผู้ที่ตอกย้ำความเชื่อ

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ จะถือข้อมูลของนายเอกยุทธเป็นเบาะแส เพื่อตรวจสอบการปั่นหุ้นหรือไม่ อาจไม่สำคัญแล้ว

เพราะความสำคัญอยู่ที่บทบาทของนายเอกยุทธ ซึ่งประกาศตัวเป็นผู้ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการแสวงหาประโยชน์จากตลาดหุ้นของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการปั่นหุ้นช่วงใกล้เลือกตั้ง

ถ้านายทุนรัฐบาล ถ้านักการเมืองฝ่ายรัฐบาล วางแผนการหาทุนจากตลาดหลักทรัพย์ วางแผนปั่นหุ้นเพื่อหาเงินเตรียมเลือกตั้ง คงจะต้องรีบปรับแผนใหม่

เพราะการสูบเงินจากนักลงทุนรายย่อย โดยการปั่นหุ้น เพื่อนำกำไรไปเป็นทุนสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ มีคนรู้ทันแล้ว

ปีที่ 13 ฉบับที่ 641 วันที่ 13 - 19 ก.ย. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:16
เสาวลักษณ์ กาญจนสาลี, กตัญญู ประยุกต์ศิลป์



กฤษณะล้วงลูก
ล้วงลึกขุมทรัพย์หมื่นล้าน

ของ 'เอกยุทธ' หรือ 'จอร์จ ตัน'


วันนี้ชื่อชั้นของ เอกยุทธ อัญชันบุตร จากอดีตบุคคลล้มละลายในคดีแชร์ชาร์เตอร์ กำลังเปลี่ยนไป สังคมจับความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว บ้างก็ยกย่องเป็น 'ฮีโร่คนใหม่' หรือ 'จอมแฉชูวิทย์ 2' บ้างก็มองด้วยความระแวง ว่าเป็นร่างทรงขบวนการ 'คนรู้ทันทักษิณ' ที่เดินหมากการเมืองใต้ดิน

แม้ครั้งหนึ่งเขาจะมีชนักปักหลังในฐานะผู้ร่วมก่อการรัฐประหารล้มเหลว หรือ 'กบฏ 9 กันยา' เมื่อปี 2528 ซึ่งมี พ.อ.มนูญ รูปขจร (ตำแหน่งและยศขณะนั้น) เป็นผู้นำ จนต้องหลบลี้ออกนอกประเทศไปกว่า 20 ปี

สำหรับการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ของเอกยุทธ ในฐานะเจ้าของกิจการเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลับไม่ใช่การมาลงทุนทำธุรกิจ แต่เป็นการเปิดตัวกับกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่ยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ พร้อมเดินทางเข้าไปเจรจากับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์

ตามมาด้วยข่าวการตั้งพรรคประชาธรรม ที่มีเงินทุนพร้อม และเตรียมการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ

ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เอกยุทธหายหน้าไปจากเมืองไทย รอจังหวะกระแสข่าว 'ผู้ว่าฯ คนใหม่' และ 'ฮีโร่โอลิมปิก' ค่อยๆ จางลง

เอกยุทธจึงเดินหน้าออกมาเปิดเผยชื่อย่อนักการเมือง 'ป' และ 'ส' ที่เขาอ้างว่ามีส่วนทำให้เกิดความผิดปกติในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จนทำให้นักลงทุนเสียหายกว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายการ 'ปั่นหุ้น' ธนาคารนครหลวงไทย (SCIP-C1) อย่างไม่เกรงกลัวใครเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ยิ่งทำให้ผู้คนในสังคม อยากรู้อยากเห็นว่าแท้จริงแล้ว 'เอกยุทธ' เป็นใคร? มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนไหนหนุนหลัง?

จริงๆ แล้วคำถามข้างต้นนี้ เอกยุทธต้องเผชิญตั้งแต่วันแรกที่เปิดเผยตัวตนเมื่อกลางเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะประเด็นความมั่งคั่งของเขา

"ขอเชิญนักข่าวไปดูได้เลยที่อังกฤษ ให้เห็นว่าธุรกิจที่ผมทำนั้น มีอะไรบ้าง และที่อังกฤษนั้นโกหกใครไม่ได้ รัฐบาลอังกฤษก็โปร่งใสพอที่จะตรวจสอบ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้ร่ำรวยจากการทำสัมปทานผูกขาด"

เอกยุทธพูดท้าทายสื่อมวลชนไว้ในห้วงเวลานั้น ซึ่ง กฤษณะ ไชยรัตน์ พิธีกรอารมณ์ดีแห่งเครือเนชั่นกรุ๊ป จึงรับอาสาพาไปดูขุมทรัพย์ของเอกยุทธ ให้เห็นกันทุกซอกมุมถึงกรุงลอนดอน

นับจากบรรทัดนี้ไป คือคำบอกเล่าของคนข่าว..ผู้ถนัดล้วงลูก และนำเรื่องจริงที่กลั่นจากสาระข่าวสารและความสนุกสนาน จึงมีแง่มุมที่น่าสนใจติดตามเป็นอย่างยิ่ง


0 ที่ลอนดอน ถ้าพูดถึงชื่อเอกยุทธ คนไทยที่นั่นรู้จักดีแค่ไหนคะ

ผมไปที่นั่น ก็ได้เจอคนไทยหลายคน เพราะคนไทยในอังกฤษมีตั้ง 3-5 หมื่นคน แล้วก็อยู่ในลอนดอนมากที่สุด มีทั้งนักธุรกิจ พ่อค้าแม่ขาย นักเรียนนักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ก็รู้จัก แต่เขาจะรู้จักในชื่อ 'จอร์จ ตัน' มากกว่า เพราะเวลาทำธุรกิจในต่างประเทศ คุณเอกยุทธจะใช้ชื่อนี้ ผมยังถามคนไทยที่ลอนดอนอีกว่า คนไทยที่คนไทยด้วยกันรู้จักมากที่สุดในลอนดอนคือใคร เขาบอกว่า คือ ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ซึ่งตอนนี้คุณภูไปใช้ชีวิต และเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ในลอนดอน แต่คุณภู ก็ไม่ได้มาจอยอะไรกับคุณเอกยุทธ ต่างคนต่างอยู่มากกว่า

0 คนไทยในลอนดอน รู้จักคุณจอร์จ ตัน ในแง่ไหน

คนไทยในลอนดอนจะรู้จักจอร์จตัน ในฐานะเจ้าของร้านอาหาร 'กำทอง' และเป็นเจ้าของห้างโอเรียนเต็ลซิตี้ แต่ดูเหมือนว่าถ้าเอ่ยชื่อร้านกำทอง ใครๆ ก็มักจะร้อง อ๋อ..ทันที ใครที่ไปลอนดอน ก็มักจะไปแวะทานอาหารที่ร้านนี้กันเยอะ

0 ชื่อจอร์จ ตัน มาจากไหน

คนไทยที่ไปทำธุรกิจต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะต้องมีชื่อภาษาอังกฤษ เพื่อให้ง่ายแก่การเรียก และจดจำ คุณเอกยุทธก็เลยตั้งชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ จากชื่อเล่นป๊อด ก็มาเป็นจอร์จ ส่วนตัน มาจากภาษาแต้จิ๋ว มีคนใช้เยอะ และเรียกง่าย จึงเป็นที่มาของชื่อ จอร์จ ตัน

0 การเยี่ยมชมธุรกิจของเอกยุทธ ที่เมืองลอนดอน เริ่มต้นที่ไหนก่อนคะ

ผมไปถึงลอนดอนช่วงค่ำวันเสาร์ คุณเอกยุทธก็พาไปเที่ยวชมร้านอาหาร 'กำทอง' เป็นตึกแถวกว้างประมาณ 4 คูหา ร้านอาหารมีเฉพาะชั้นล่าง ชั้นบนไม่เกี่ยว ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ย่านถนนควีนส์เวย์ เยื้อง ๆ กับร้านเป็ดย่างโฟร์ซีซั่น ที่คนไทยชอบไปนั่งกินเป็ดกันนั่นล่ะครับ วันที่ผมไปถึงเป็นช่วงค่ำวันเสาร์ มีคนมานั่งทานอาหารที่ร้านกำทองแน่นเลย เห็นเขาว่าเมนูเด็ดร้านกำทอง จะเป็นพวกติ่มซำ เป็ดร่อน

0 ไปลอนดอน ได้ไปชิมเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นด้วยหรือเปล่า

ถือเป็นไฟท์บังคับเลยครับ ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่านักการเมืองไทยอักษรย่อ 3 ส ไปนัดพบเจรจาข้อตกลงลับ 3 ส ก็ไปนั่งกินเป็ดที่โฟร์ซีซั่นนี่แหละ คนไทยที่ไปลอนดอน โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเป็ด ต้องไปที่ร้านโฟร์ซีซั่น ย่านถนนควีนส์เวย์ ซึ่งอยู่เยื้องๆ ร้านกำทองของคุณเอกยุทธนั่นแหละ เพราะย่านนั้นเป็นย่านอาหารการกิน มีร้านอาหารดัง ๆ มากมายหลายร้าน แต่ถ้าเป็ด ว่ากันว่า..สุดยอดต้องที่นี่ ครั้งหนึ่งหม่อมถนัดศรี ถึงขนาดชวนชิมว่า..เป็ดร้านนี้ อร่อยที่ซู้ดในโลก ก็เลยยิ่งทำให้คนไทยต้องไปกินเป็ดกันที่ร้านนี้ ผมเข้าไปในร้าน ซึ่งเป็นร้านค่อนข้างแคบ เป็นห้องแถวคูหาเดียว มีโต๊ะประมาณ 10 โต๊ะ มองไปรอบๆ เห็นคนไทย นักศึกษาไทย มานั่งทานกันประมาณ 7-8 โต๊ะ ที่เหลือเป็นโต๊ะว่าง

เห็นเขาว่าเป็ดย่างโฟร์ซีซั่น เป็นเป็ดที่นำมาจากสก็อตแลนด์ เนื้อนุ่มหวานมัน แต่ใครที่กำลังคุมน้ำหนัก หรือไม่ชอบรสหวานคงไม่ชอบเท่าไหร่ ผมเองก็รู้สึกเฉยๆ

0 จากนั้นเดินทางไปที่ห้าง 'โอเรียนเต็ล ซิตี้' ในวันรุ่งขึ้น

ครับ วันต่อมา คุณเอกยุทธก็พาไปดูธุรกิจค้าปลีกของเขา ก็คือ ห้างสรรพสินค้า 'โอเรียลเต็ล ซิตี้' ตั้งอยู่บนถนน Edgware ในย่าน Colindale ซึ่งเป็นย่านที่มีคนเอเชียอาศัยอยู่ในแถบนี้เยอะ ทั้งคนไทย คนจีน คนเวียดนาม คนสิงค์โปร์ ฯลฯ ซึ่งปีหน้าคุณเอกยุทธบอกว่าจะเปิดอีกสาขาในกรุงลอนดอน

0 เท่าที่เห็น เป็นอย่างไรบ้างคะกับห้างสรรพสินค้านี้ที่เอกยุทธชอบพูดถึงอยู่เสมอ

ก็เป็นห้างที่ค่อนข้างใหญ่ ดูคล้ายๆ บิ๊กซี-โลตัสบ้านเรา ห้างนี้มี 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 11 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ เท่ากับ 2.5 ไร่) โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนห้างใช้พื้นที่ 7 เอเคอร์ อีก 4 เอเคอร์ คุณเอกยุทธ กำลังทำโครงการจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ซึ่งราคาที่ดินในลอนดอน คุณเอกยุทธคุยให้ฟังว่าตกประมาณเอเคอร์ละ 200 ล้านบาทขึ้นไป คิดแค่ที่ดิน 11 เอเคอร์ ก็จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาทแล้ว สงสัยคุณเอกยุทธคงจะรวยจริง (หัวเราะ)

0 แล้วบรรยากาศในห้างฯ เป็นอย่างไรบ้าง

ก็มีสินค้าวางขายมากมายหลายอย่าง มีทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงอาหารการกิน เช่น พืช ผัก ผลไม้ ก็เป็นแบบซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างบ้านเรา และก็มีพื้นที่ให้ร้านค้ามาเช่าขายของ มีลานแสดงสินค้า มีฟู้ดส์คอร์ต ที่มีร้านอาหารคนไทยไปเปิดขายกันคึกคัก

คุณเอกยุทธยังบอกด้วยว่าที่ห้างของเขามีสินค้าหลายอย่างที่นำมาจากเมืองไทย โดยเฉพาะพวกผัก และผลไม้ต่างๆ เพราะของเรารสชาติดีที่สุด อย่างเช่นทุเรียน ที่ไหนปลูกรสชาติก็สู้ของไทยเราไม่ได้ ผมก็ขนจากเมืองไทยมาขายที่นี่

มาเปิดเป็นร้านขายทุเรียน มีบุฟเฟ่ต์ทุเรียน กินได้เต็มที่ มื้อละ 12 ปอนด์ (ประมาณ 900 บาท)

นอกจากนี้ ในห้างฯ ยังมีบ่อนกาสิโน เพราะที่อังกฤษเขามีบ่อนกาสิโนได้โดยถูกต้องตามกฏหมาย ส่วนชั้น 2 จะเป็นร้านอาหาร คล้ายๆ ร้านกำทอง เน้นอาหารจีน และอาหารไทยก็มี รู้สึกคุ้นเคย และอบอุ่นเหมือนอยู่เมืองไทย ถัดออกไปก็จะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง

0 เห็นอาคารสำนักงานเขาไหมคะ

เออ..แปลกนะ ผมก็ถามคุณเอกยุทธว่า ห้องทำงานอยู่ตรงไหน เขาบอกว่าเขาไม่มีห้องทำงาน เพราะการทำงานของเขา ไม่ต้องนั่งโต๊ะ แต่จะเดินตรวจงานไปเรื่อย ถ้ามีประชุมก็จะใช้ที่ห้องอาหารในห้างมานั่งคุยกัน

0 โอเรียนเต็ล ซิตี้ ต่างกับห้างแฮร์รอดของมหาเศรษฐีมูฮัมหมัด อัลฟาเอ็ดแค่ไหน

ห้างแฮร์รอดจะดูหรูหรากว่า ถ้าจะเปรียบแฮร์รอดคงเป็นเหมือนเอ็มโพเรี่ยมบ้านเรา คือเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน ระดับไฮโซหน่อย เพราะแค่เข้าห้องน้ำ ก็ต้องเสีย 2 ปอนด์ (150 บาท) จะหนัก จะเบาก็ต้อง 2 ปอนด์ เลยมีคนบอกว่าค่าเข้าห้องน้ำที่แฮร์รอดแพงที่สุดในโลก (ฮ่าๆ)

ส่วนโอเรียนเต็ลซิตี้ ห้องน้ำเข้าฟรี ดูจะคล้ายๆ ห้างโลตัส-บิ๊กซีมากกว่า โดยจะมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวเอเชีย เดินเข้าไปในห้างก็จะเห็นคนจีน คนไต้หวัน คนไทย คนเวียดนาม มาเดินซื้อของกันคึกคัก เพราะในย่านคอลลินเดลเป็นย่านคนเอเชียอยู่แล้ว

0 เอกยุทธ เป็นคนอย่างไร

ผมมองว่าคุณเอกยุทธ เป็นคนสไตล์กล้าได้กล้าเสีย ออกแนวบู๊ๆ ใจถึง มีเพื่อนฝูง มีเครือข่ายกว้างขวาง อย่างธุรกิจในเครือโอเรียนเต็ลมาร์ท กรุ๊ปของเขาก็มีหุ้นส่วนเป็นเพื่อนชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย คือ Ronal Lim และ John Lim

ดูจากประวัติของเขา ตั้งแต่เข้าสู่วงการ เป็นผู้จัดการบริหารดูแลแชร์ชาร์เตอร์ที่มีวงเงินหลายพันล้านบาท ตอนนั้นเขามีอายุแค่ 24-25 ปี ซึ่งไม่ธรรมดาแน่นอน

0 เวลาพูดถึงธุรกิจ 'โอเรียนเต็ล ซิตี้' ดูเอกยุทธจะต้องการเน้นเรื่องอะไร

เขาจะเล่าว่า เป็นธุรกิจที่ช่วยระบายสินค้าจากเมืองไทยมาขายที่นี่ ทั้งพวกข้าวของเครื่องใช้ และโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่ห้างเขาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้ครัวไทยสู่ครัวโลกในภาคปฏิบัติ คุณเอกยุทธยังบอกด้วยว่า เขาตั้งใจจะทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางสินค้าโอท็อปจากเมืองไทยด้วย เพราะสินค้าไทยได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวต่างชาติมาก ซึ่งทีแรกตัวแทนรัฐบาลไทยก็เดินทางมาดูสถานที่กันเรียบร้อยเสร็จสรรพแล้ว แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

0 ปัจจุบันเอกยุทธอายุเท่าไรกันแน่

อายุ 44 ปี เพราะเขาเกิด พ.ศ.2503

0 ประวัติเอกยุทธเป็นอย่างไร

เกิดวันที่ 29 มิถุนายน 2503 ส่วนวันอะไร เวลาไหน คุณเอกยุทธไม่ยอมบอก เพราะกลัวจะมีคนเอาไปทำคุณไสย บางมุมในชีวิตของเขาก็ค่อนข้างลึกลับ อย่างครั้งหนึ่งคุณเอกยุทธเคยเดินทางไปพบหมอดูชื่อดังคนหนึ่งที่มีคนเชิญมาดูหมอในลอนดอน เป็นหมอดูชาวพม่า นักการเมืองระดับบิ๊กๆ ในเมืองไทยรู้จักกันดี เพราะดูแม่นมาก

ก็มีคนบอกให้ดูให้คุณเอกยุทธหน่อย แต่เอกยุทธไม่ยอมให้ดู เพราะกลัวคนที่ไปด้วยจะรู้ความลับ โดยเฉพาะเมียที่ไปด้วย เขาจะไม่ให้รู้เด็ดขาด (หัวเราะเสียงดัง)

เอกยุทธเกิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรุงเทพฯ บ้านอยู่ลาดพร้าว มีพี่น้อง 5 คน ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 เอกยุทธเป็นคนที่ 3 ตอนนี้พี่น้องอยู่เมืองไทย 3 คน อยู่ต่างประเทศอีก 2 คน

ปู่คือหลวงสุนทรพันธรักษ์ เป็นนายทหารเก่า ส่วนคุณพ่อคือ ร.ต.แปลก อัญชันบุตร เป็นนายทหารคนสนิทของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คุณแม่ชื่อนันทา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ อายุ 70 กว่าๆ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกๆ หลานๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อก่อนหลังจากคุณพ่อลาออกจากราชการ ก็ทำธุรกิจค้าขาย ทำรับเหมาก่อสร้าง จัดสรรที่ดิน และส่งออกอาหารทะเล

0 เอกยุทธเรียนทางด้านไหนมาบ้าง

การศึกษาเบื้องต้น ชั้นประถมที่โรงเรียนราษฎร์อุปถัมภ์ ย่านถนนเจริญนคร แล้วมาต่อมัธยมที่โรงเรียนแม้นศรี สี่แยกแม้นศรี ถนนรองเมือง จบ ป.7 ก็ไปต่อโรงเรียนเทพประสาทวิทยาจนจบ ม.ศ.5

ทุกโรงเรียนที่เอกยุทธเรียนมาไม่มีแล้ว ยุบไปหมดแล้ว

หลังจบ ม.ศ. 5 เขาฝันอยากจะไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ยุคฮิบปี้-บุปผาชน ปี 2516 ราวๆ นั้น ก็ขอพ่อแปลกไปเรียน แต่ว่าพ่อไม่ให้ไป เพราะพ่อบอกว่าอยากให้จบปริญญาตรีที่เมืองไทยก่อน แล้วค่อยไปต่อปริญญาโทที่อเมริกา ด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ไป แต่ด้วยความหัวดื้อ ก็ไม่ฟังพ่อ แอบหนีไปกับเพื่อน 7-8 คน ขอเงินพ่อไป 500 ยูเอสดอลลาร์ ก็ได้ไปเรียนในต่างประเทศ

0 เริ่มต้นที่ไหนก่อนคะ

ตอนนั้น ปี 2517 ไปเรียนไฮสคูล เรียนที่ Ohama college ไปอยู่ได้ปีกว่าๆ ก็กลับเมืองไทย ปี 2519 ยุค 6 ตุลาพอดี มาเมืองไทยก็ช่วยพี่ชายทำธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ก็ไปลงเรียนที่ รามคำแหง คณะบริหารธุรกิจ เรียนไปด้วย ทำกิจกรรมเข้าซุ้มต่างๆ ไปด้วย ทำให้มีพรรคพวกเพื่อนฝูงในรามเยอะ อยู่เมืองไทยได้ 2 ปี ก็กลับไปที่อเมริกาอีก คราวนี้ไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แล้วก็กลับไปเรียนอีกทีที่ Pacific University ที่ฮาวาย

ในที่สุดไปอเมริการอบ 2 ก็เรียนจนจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ จากนั้นไปฝึกงานที่นิวยอร์ก ทำบัญชี การเงิน ไปฝึกงานในบริษัทของชาวอเมริกัน แต่ด้วยความมีหัวการค้า ก็ผันตัวเองมาเป็นเถ้าแก่ร่วมหุ้นลงทุนกับเพื่อน ซื้อรถเก่ามาขาย ตอนนั้นอายุ 22 ปี ก็เริ่มมีประสบการณ์การค้าระดับหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเมืองไทยอีกที

ตอนนั้นมาเมืองไทยมีเงินกลับมา 200,000 กว่าบาท อายุ 22 ปี ก็เริ่มเข้าสู่ยุทธจักรนักค้าเงินเก็งกำไร เริ่มมาเป็นลูกค้าในตลาด Community คือ ตลาดค้าเงิน ค้าทุน เปิดบัญชี เก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า

เอกยุทธบอกว่าตอนแรกๆ ทำไปก็ขาดทุน แต่ว่าได้ประสบการณ์ จนกระทั่งถึง พ.ศ.2525 ก็เริ่มเปิดเป็นบริษัท คอมูนิตี้ หุ้นกับเพื่อนๆ ชื่อว่าบริษัท Invester อยู่ติดกับโรงแรมเอเชีย ทำอยู่ปีกว่าๆ ก็เปลี่ยนเป็น charter ก็เลยมีเพื่อนผู้ใหญ่ในยุคนั้นลงขันซับพอร์ต ทำอยู่ 3-4 ปี เอกยุทธในฐานะกรรมการผู้จัดการ ก็ทำยอดหมุนเวียน มีเงินหมุนเวียนสูงสุด 7,000-8,000 ล้านบาท

0 เขาได้เล่าถึงช่วงที่หลบหนีออกนอกประเทศ หลังมีปัญหาคดีแชร์ชาร์เตอร์ ว่าอย่างไรบ้าง

พอเกิดคดีแชร์ชาร์เตอร์ ในปี 2527 เอกยุทธก็ถูกฟ้องล้มละลาย จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปจนกระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวอีกที เมื่อตอนเหตุการณ์กบฏ ปี 2528 โดยกลุ่มนายทหารยังเติร์ก เอกยุทธเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้ให้การสนับสนุนด้านเสบียงกรัง

จากนั้น ก็ต้องลี้ภัยครั้งใหญ่ ระหกระเหินไปในหลายประเทศ แต่อาศัยความเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ไปอยู่สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย เยอรมนี พร้อมๆ กับการเริ่มทำธุรกิจเป็นนักเก็งกำไรในตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งเอกยุทธบอกว่าเป็นฐานรายได้หลักของเขาที่มาใช้ลงทุนทำธุรกิจต่างๆ มากมายในปัจจุบัน

0 ธุรกิจของเอกยุทธในลอนดอนมีเยอะแค่ไหน

เท่าที่ทราบ ก็มี 3 ด้านหลักๆ คือ 1.การลงทุนเก็งกำไร ในตลาดเงิน ตลาดทุน ซึ่งไม่เฉพาะในอังกฤษ แต่เขาจะเดินสายไปทั่วโลก 2. ธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจร้านอาหาร ในลอนดอนเขามีอยู่ 3 ร้าน ที่ดังที่สุดคือ กำทอง ซึ่งเขาซื้อต่อมาจากชาวฮ่องกง

0 ตอนที่ไปช่วงนั้น เอกยุทธได้ส่งสัญญาณวางแผนไหมว่ากลับเมืองไทย แล้วจะมาแฉเรื่องตลาดหุ้น SCIB-C1

เขาก็คงเตรียมข้อมูล เอกสารหลักฐานต่างๆ เอาไว้แล้ว เพราะเขาเองก็อยู่ในวงการ ย่อมรู้ความเคลื่อนไหว ตลอดจนเทคนิค กลวิธีต่างๆ ใครคนไหน หุ้นอะไร มีเงินไหลเข้าไหลออกมากน้อยแค่ไหน เขาก็บอกว่ากลับไปเมืองไทยจะแถลงข่าวบอกประชาชน ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูก หรือผิด และควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่เบื้องหลังจริงๆ ผมก็ไม่ทราบว่า เขาออกมาชนมาแฉขนาดนี้เพราะอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง ผมยังถามเขาว่าออกมาแฉมาชนกับผู้มีอำนาจอย่างนี้ ไม่กลัวเหรอ เขาก็ยังตอบผมว่า..เขาพร้อมชน เพื่อความถูกต้อง เพื่อชาติบ้านเมือง และเขาก็ไม่มีธุรกิจในเมืองไทย จึงไม่ต้องกลัวอำนาจใดๆ มากลั่นแกล้งรังแก

0 ธุรกิจที่เฟื่องฟูของคนไทยที่ลอนดอน เป็นประเภทไหน

อาชีพยอดฮิตของคนไทยในลอนดอน คือ เปิดร้านอาหารไทย รองลงมาคือ นวดแผนโบราณ ตอนนี้กำลังมาแรง ฝรั่งชอบมาก ค่านวดชั่วโมงละเป็นพันบาท ค่าครองฃีพที่อังกฤษแพงมาก ค่าแรงขั้นต่ำประมาณเดือนละ 150,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 4-6 ปอนด์ (1 ปอนด์ : 74.55 บาท) เวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าเกินก็ต้องได้รับเป็นโอที ชั่วโมงละประมาณ 9 ปอนด์

0 ประเมินความร่ำรวยของเอกยุทธ อยู่ในระดับไหน

ดูจากทรัพย์สิน และธุรกิจต่างๆ จากกว่า 20 บริษัทในเครือของเขา ทั้งห้างโอเรียนเต็ลซิตี้ และร้านอาหารต่างๆ รวมทั้งการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน น่าจะไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 ล้านบาท เฉพาะที่โอเรียนเต็ลซิตี้ คุณเอกยุทธบอกว่ามียอดขายตกปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท และเขาก็ยังมีธุรกิจอีกหลายอย่างที่ไม่เปิดเผย หรือทำในนามคนอื่น ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ามีอะไรอีกบ้าง

ปีที่ 13 ฉบับที่ 641 วันที่ 13 - 19 ก.ย. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:18
เกม 'ล้มทักษิณ' ยังไม่จบ
แต่จุดจบ 'เอกยุทธ' พบแล้ว

จริงอยู่ การออกมาเปิดโปงนักการเมือง และรัฐมนตรีในรัฐบาล มีพฤติกรรมปั่นหุ้น ของ เอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานคณะกรรมการบริหาร เครือโอเรียนเต็ลมาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ และอดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ เมื่อกว่า 20 ปีก่อน

ถือว่าสอดรับกับความคลางแคลงใจของนักเล่นหุ้นจำนวนไม่น้อย และผู้มีส่วนใกล้ชิดกับการซื้อขายในตลาดหุ้น ก็มักจะได้ยินได้ฟังเรื่องทำนองนี้เสมอมาเช่นเดียวกัน

นี่เองทำให้ทุกคนจับตามองการเปิดโปงของ 'เอกยุทธ' อย่างใจจดใจจ่อ และอยากให้ 'เอกยุทธ' เปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกที่อ้างว่ามีอยู่ และรู้ตัวคนที่ปั่นหุ้นด้วยว่าเป็นนักการเมืองชื่ออักษรย่อ 'ป-ปลา' และรัฐมนตรีชื่อย่อ 'ส-เสือ'

รวมถึงที่แฉว่านอกจากนี้ยังมีนักการเมืองที่พัวพันกับการปั่นหุ้นอีกถึง 30 คน และมีการแอบหอบเงินมหาศาลไปซื้อบ้านอยู่ที่อังกฤษด้วย ก็ให้เปิดโปงออกมา

ถือว่าเป็นกระแสขานรับจากสังคมที่ต้องการเห็นความโปร่งใสของรัฐบาล

แต่แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีความแยบยลในการตอบสนอง 'เอกยุทธ' กลับกลายเป็นว่า เรียกร้องให้สังคมปฏิเสธความน่าเชื่อถือต่อ 'เอกยุทธ' และแฉกลับว่าเป็นอาชญากรที่มีชนักติดหลัง เป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชนแล้วหลบหนีออกนอกประเทศ กรณีหลบหนีคดีแชร์ชาร์เตอร์เมื่อ 20 กว่าปีก่อน

นี่คือปัญหา และทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นความเพลี่ยงพล้ำของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเอง

0 0 0

อย่าลืม ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกโจมตีอย่างมากว่า หลงและเหลิงอำนาจ จนนักวิชาการ ชนชั้นกลางส่วนหนึ่งเริ่มไม่พอใจ และมีปฏิกิริยาโต้ตอบออกมา นัยว่า เห็นได้ชัดจากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับส้มหล่น

ยิ่งพักหลัง ดูเหมือนกระแสการเมืองของรัฐบาลเริ่มอยู่ตัว และมีแนวโน้มถูกภาวะน้ำมันแพง สิ้นค้าขึ้นราคา ภาวะเศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ ประกอบกันเข้าไป

ยิ่งทำให้ความนิยมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มีแต่ทรงกับทรุดอยู่แล้ว

กระทั่งเกิดกรณี 'เอกยทุธ' ออกมาเปิดโปงการปั่นหุ้นของนักการเมืองและรัฐมนตรีในรัฐบาลขึ้น

พ.ต.ท.ทักษิณ ทำราวกับว่า ตัวเองเดือดร้อนอย่างยิ่ง ไม่ฟังเสียงว่าคนในสังคมมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแยกแยะได้หรือไม่

เบี่ยงประเด็นไปจัดการกับ 'เอกยุทธ' ทันที โดยชี้ให้เห็นว่า 'เอกยุทธ' พยายามทำตัวให้เหมือน ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ บ้าง เป็นเจ้ามือแชร์ชาร์เตอร์ฉ้อโกงเงินประชาชนไป 1,000 กว่าล้านบาท แล้วหลบหนีคดีบ้าง พร้อมเรียกร้องให้มีการเอาผิดและยึดทรัพย์

"คนที่เดือดร้อนจากแชร์ชาร์เตอร์ให้มาร้องได้เลย ผมจะช่วย มีทรัพย์เท่าไหร่จะยึดให้หมด เพื่อเอามาคืนประชาชนที่ถูกโกงไป" พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำ

ยิ่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขานรับทันทีทันควัน ยิ่งทำให้เรื่องราวบานปลายไปกันใหญ่

โดย พล.ต.ต.พีรพันธ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง. ออกมาแถลงถึงการมีมติตั้งคณะกรรมการสอบ พร้อมเหตุผล 3 ข้อที่ต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สิน

1. เอกยุทธ กระทำความผิดตามมูลฐานกฎหมายฟอกเงิน ว่าด้วยการฉ้อโกงประชาชนการร่วมกันกู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน 2.มีเหตุอันควรเชื่อว่า เอกยุทธนำเงินที่ได้ไปจากการกระทำความผิดจำนวน 706 ล้านบาท หลบหนีออกนอกประเทศ และ 3. เอกยุทธ มีความผิดฐานฟอกเงิน

เท่านั้นเอง นักกฎหมายจำนวนมาก ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้าน ว่าเป็นเลือกปฏิบัติ เป็นการใหญ่ รวมถึง พิเชฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา และพลพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ ก็ได้ออกมาขยายผล ให้ ปปง.ตรวจสอบนักการเมืองกลุ่ม 16 ข้อหาฉ้อโกงธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ (บีบีซี) ด้วยเช่นกัน

อันเป็นที่ทราบกันดีว่า นักการเมืองกลุ่ม 16 หลายคน เวลานี้ก็คือ ส.ส.และรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลนั่นเอง

ความร้อนแรงของเรื่องนี้ ถึงขั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องกลับลำใหม่ ตั้งหลักไม่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง 'เอกยุทธ' อีก

ขณะเดียวกัน ถ้าจับกระแสจาก วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่อง ปปง. ก็จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มถอย "ผมเป็นประธาน ปปง. ประชุมเดือนละครั้ง ที่ประชุมจะรายงานเรื่องการยึดและอายัดทรัพย์สิน บ่อยครั้งที่เขาบอกว่า ลงไปยึดแล้ว เดือนนี้เท่านั้นเท่านี้ราย แต่พอเดือนหน้าเขามาบอกว่า ที่ยึดไปมันเลิกไปแล้ว เพราะศาลไม่ยอมให้ยึดก็มี กระบวนการมาตรวจสอบอีก

"ผมถึงไม่ค่อยชอบใจนักกับการที่ออกมาเป็นข่าวตอนที่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนมากพอ เพราะคนเขาจะรู้สึกว่า พุทโธ่...นึกว่าแน่"

0 0 0

ขณะที่ 'เอกยุทธ' หลังจากเข้าไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปั่นราคาใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB-C1) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามหมายเรียก เพื่อให้ปากคำและข้อมูลเกี่ยวกับการปั่นหุ้น SCIB-C1 แล้ว

พบว่า ไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ที่บ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่ามีการปั่นหุ้น ทั้งยังไม่ยอมเปิดเผยชื่อ นักการเมือง 'ป.' และรัฐมนตรี 'ส.' มีพฤติกรรมปั่นหุ้นด้วย

ดูเหมือนความน่าเชื่อถือ และการให้ความสนใจต่อ 'เอกยุทธ' ลดลงอย่างมากทีเดียว

ยิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมออกมาตอบโต้ด้วยแล้ว ยิ่งดูเหมือนชก 'จั่วลม' สะเปะสะปะไปหมด

ดังจะเห็นได้จากประกาศให้เวลา ก.ล.ต.ตรวจสอบ 2 สัปดาห์ จากนั้นถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าอีก ก็จะมีการแฉข้อมูลต่อสาธารณชน ทั้งยังจะนำเรื่องนี้ไปให้ คณะกรรมาธิการยุติธรรม วุฒิสภา ชุดที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถอาศัยอำนาจรัฐในการเรียกข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.เกี่ยวกับพฤติกรรมการสร้างราคาหุ้นดังกล่าวมาพิจารณาอีกครั้ง

ทำให้เห็นว่า 'เอกยุทธ' พยายามที่จะยื้อ 'เกม' ต่อไปให้ได้นานที่สุด เท่าที่จะทำได้ ยิ่งลากยาวไปจนใกล้เลือกตั้งทั่วไปปี 2548 ได้เท่าไหร่ ยิ่งดี

รวมถึงพยายามเปิดประเด็นใหม่ออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น กรณีที่ระบุว่า กำลังรวบรวมเอกสารคดีเช็คเด้ง 1.3 ล้านบาท ของผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินแล้วว่ามีความผิด แต่ผู้มีอำนาจคนนั้นได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ใช่ลายเซ็นของตัวเอง แต่ขณะนี้หลักฐานชัดเจน ซึ่งถึงแม้จะชำระหนี้แล้วก็ตาม ก็ถือว่ามีเจตนาฉ้อโกงต่อเจ้าหนี้นั้น

และกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่าย 'ข่าวกรอง' ขับรถเกาะรอยติดตาม ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม ล้วนแต่อยู่ใน 'เกม' ที่พร้อมขยายผลให้เห็นว่า เนื่องมาจากการพยายามเปิดโปง พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในรัฐบาล นั่นเอง

ที่น่าวิเคราะห์ก็คือ ต่อให้ 'เอกยุทธ' สามารถสร้างข่าวได้ จะด้วยกลเกมที่แยบยล หรือสุดแท้แต่จะสรรหามาได้ หากแต่ถ้าพูดถึงความน่าเชื่อถือแล้ว 'เอกยุทธ' เริ่มลดลง นับแต่ไม่มีข้อมูลใหม่อะไรให้กับ ก.ล.ต.แล้ว

จึงไม่ต้องสงสัย หาก 'เอกยุทธ' ยังคงเปิดโปงนายกฯ ทักษิณ และรัฐบาล โดยสร้างเงื่อนงำ 'ลับลมคมใน' ไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนมายืนยันอีกต่อไป

นั่นก็คือจุดจบของความน่าเชื่อถือ ที่รอคอยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เริ่มแต่วินาทีนี้!?

ปีที่ 13 ฉบับที่ 642 วันที่ 20 - 26 ก.ย. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 02-03-2007, 13:19
ไปๆมาๆ....ก็กัดกันเองตามประสาหมาบ้า อิชั้นหล่ะช๊อบชอบ  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:20
'ป.ประสงค์-ป.ประพันธ์'
อดีตต่างขั้ว..ปัจจุบันหัวใจเดียวกัน

"เพลง You'll Never Walk Alone คงจะร้องกันกระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมืองในไม่ช้านี้ เอกยุทธคงไม่ได้เดินคนเดียว"

เป็นประโยคเด็ดหรือท่อนฮุค ในคอลัมน์ 'น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ พูด' หน้า 3 นสพ.แนวหน้ารายวัน ขณะที่อุณหภูมิข่าว 'ฮีโร่เอกยุทธ' ยังคงร้อนระอุ

"เชิดศีรษะเข้าไว้ อย่าได้กลัวความมืดมน รอจนมรสุมผ่าน ม่านฟ้าจะเป็นสีทอง...ด้วยความหวังในหัวใจ คุณจะไม่มีวันเดียวดาย..."

เนื้อเพลงที่จับใจเช่นนี้ หรือจะเป็นคำตอบ ที่เจ้าของบทความส่งผ่านความรู้สึกมาว่า เอกยุทธไม่เดียวดายเป็นแน่แท้?

และผู้ที่เดินขนาบข้าง 'เอกยุทธ' ทุกคราที่ออกมาปฏิบัติ 'ภารกิจเพื่อชาติ' ตามกล่าวที่อ้าง คงหนีไม่พ้นบุรุษมาดเย็น ประพันธ์ คูณมี

"เรารู้จักกันบนสถานการณ์บ้านเมืองที่มันไม่ใช่ประชาธิปไตย เผด็จการทหารยังไม่ร้ายเท่าเผด็จการขณะนี้ ยามใดที่บ้านเมืองถูกปกครองโดยทุรชนคนถ่*** พวกทรราชครองเมือง มันก็จะมีผู้กล้าผู้ที่รักความเป็นธรรม มารวมกันเพื่อกอบกู้บ้านเมือง"

คำพูดของหนึ่งผู้กล้า ดังขึ้นผสมความตึงเครียดจริงจังที่แสดงออกมากับกิริยาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างเน้นย้ำ ภายในห้องทำงาน ขณะให้สัมภาษณ์ 'เนชั่นสุดสัปดาห์' เกี่ยวกับเส้นทางชีวิตของตัวเอง ที่สำนักงานทนายความ ประพันธ์ คูณมี ย่านรามอินทรา

กับฉายาที่ได้รับเกียรติจากนายกฯ ทักษิณ 'ทนายปีศาจ' เลขาฝ่ายกฎหมาย หรือขุนพลคู่ใจของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ผู้ได้ฉายา 'ปีศาจคาบไปป์' จาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รัฐบาลชาติชาย

'เรา' ที่ประพันธ์พูดถึง ไม่ได้หมายเพียงตัวเองในฐานะ 'ทนายที่ปรึกษา' และคงมิใช่แค่เพียง เอกยุทธ ในฐานะ 'ลูกความ' แต่น่าจะหมายรวมไปถึง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

ซึ่งประพันธ์ยืนยันว่า มาเพราะ 'ชาติต้องการ' เห็นชัดเจนที่สุด เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่น ในงานแถลงข่าวเปิดโปงกลโกงนักการเมือง ที่นอกจากจะมีบรรดาคน 'รู้ทัน' มาร่วมขบวนแล้ว ยังปรากฏ 'บุรุษคาบไปป์' จนทำให้มีการโยงว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความปั่นป่วนทั้งหมดเวลานี้

"ท่านก็ไปให้กำลังใจคุณเอกยุทธ ถ้าจะเกี่ยวข้อง ก็ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนคนกล้าที่จะมาต่อสู้ ไปเดินให้กำลังใจ แสดงตัวเลย คนเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมืองไม่เหมือนอ้ายพวกอีแอบ ที่ขี้ขลาด ไม่ต้องไปวิเคราะห์ ไปโยง ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร พวกนักการเมืองขี้โกง พวกทุจริต คิดไม่ซื่อต่อบ้านเมือง ต่อแผ่นดิน พวกนี้จะต้องเห็นท่านประสงค์เป็นปีศาจ เหมือนกับบางคนที่เห็นผมเป็นปีศาจนั่นแหละ"

เหตุการณ์วันนั้น แม้มีใครบางคนมองว่า เป็นการกลับมารวมตัวกันของ 'แก๊งดุสิตธานี' อันประกอบไปด้วย กลุ่มทุนเก่า นายแบงก์ เจ้าสัว ไฮโซตกอับ ทั้งหลายที่ไม่ได้รับการอุ้มชูเหมือนแต่ก่อน คนพวกนี้ยอมไม่ได้ที่จะให้ไพร่รากหญ้าได้ลืมตาอ้าปาก วันนี้เริ่มแสดงอาการไม่พอใจ ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางอาชญากรทางเศรษฐกิจตัวเอ้

แต่ประเด็นหลักที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ คำถามที่ว่า ฤๅ 'ม็อบสีลมรอบ 2' จะเกิดขึ้น?

งานนี้มี 'มาร' มี 'เทพ' กี่มากน้อย มิอาจฟังธงได้ แต่ที่แน่ๆ '2 ป.ปลา' ที่กล่าวถึง กระทั่งมาเกี่ยวข้องกับเจ้าอาณาจักรโอเรียนเต็ลมาร์ทกรุ๊ป อย่างไร?

มีที่มาที่ไปชัดเจน และตำนานชีวิตการต่อสู้ ย่อมมี!!

0 0 0

ประพันธ์ คูณมี เป็นหนึ่งในคนเดือนตุลา เป็นกรรมการสหพันธ์นักศึกษาเสรีแห่งประเทศไทย (สนท.) และเป็นกรรมการเผยแพร่ประชาธิปไตยของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.)

ทั้งที่ความตั้งใจเดิมคือการเป็นวิศวกร เพราะร่ำเรียนมาทางสายวิชาชีพที่วิทยาลัยเทคนิคไทย-เยอรมัน ขอนแก่น แต่ด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนั้น ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย 14 ตุลาคม 2516 และเบนเข็มมาเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างเต็มที่

ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 'ผอม' หรือประพันธ์ คูณมี ได้ร่วมกับเพื่อนชาวสหพันธ์นักศึกษาเสรีฯ กลุ่มหนึ่งไปเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนให้ลุกขึ้นมาคัดค้านการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำชีที่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ จนกระทั่งมีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธในเขตภูเขียวโดยเอกเทศ ไม่ได้ขึ้นต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

เมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยน รัฐบาลประกาศนโยบาย 66/2523 ประพันธ์ก็กลับออกมาเรียนต่อจบนิติศาสตรบัณฑิต รามคำแหง ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ต่อมาศึกษาต่อจนจบเนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปี 2527 และจบปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกอบอาชีพทนายความตั้งแต่ปี 2517 จนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ ประมาณ ปี 2533 โดยอาจารย์ที่เนติบัณฑิตรู้จักกับ พล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ จึงได้มีโอกาสเข้าไปเป็นหัวหน้าสำนักงานกฎหมาย รับเรื่องราวร้องทุกข์ ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของพรรค และเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการส่วนตัวของเลขาธิการพรรคขณะนั้น คือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลเปรม

และนั้นคือจุดเริ่มต้นของ 2 ป.

0 0 0

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ หลังรับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนประจำจังหวัดราชบุรี บ้านเกิด ได้รับการโอนไปอยู่กรมข่าวทหารอากาศ ติดยศเรืออากาศตรี จากนั้นติดตาม พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา ไปอยู่สำนักรักษาความปลอดภัย กองทัพอากาศ และได้รับทุนไปเรียนด้านข่าวกรองที่กองทัพอากาศ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2509 จนได้ย้ายไปสำนักงานรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. สมัยนั้น ไต่เต้าจากผู้อำนวยการข่าวกรอง, ผู้ช่วยเลขานุการ สมช., รองเลขาธิการ สมช. กระทั่งเป็นเลขาธิการ สมช. เต็มตัวเมื่อปี 2523 ต่อจาก พล.อ.สิทธิ เศวตศิลา ที่เกษียณไป

ในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เดือนสิงหาคม ปี 2529 น.ต.ประสงค์ ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เพื่อมารับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัย 'เปรม 5' กับเหตุผลที่ชื่นชมในตัวป๋าเปรมเป็นอันมาก ปฏิบัติงานเป็นมือเป็นไม้อย่างใกล้ชิด จนได้รับฉายาจากสื่อว่า 'นายกฯ น้อย'

ประสงค์เดินเกมการเมืองหลังม่านให้กับ พล.อ.เปรม เพื่อตีโต้นักการเมืองฝ่ายค้านที่พยายามจะหาทางโค่นรัฐบาลผสมที่มีพล.อ.เปรมเป็นผู้นำ จนมีคำกล่าวว่า "ถ้าป๋าเปรมโกรธ 1 ลูกป๋าจะต้องเพิ่มเป็น 10" ประกอบกับภาพลักษณ์ที่เชี่ยวชาญด้านงานข่าวกรอง จึงได้ฉายา 'ซีไอเอเมืองไทย' มาจนปัจจุบัน ที่สุดเมื่อหมดยุคของป๋า ที่ทางในทำเนียบของนายกฯ น้อย จึงหมดไปด้วย พร้อมการเกษียณอายุราชการ

ดั่งคำกล่าวที่ว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร 'ประสงค์' และ 'ประพันธ์' จึงโคจรมาพบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ด้วยแนวทางเดียวกัน หลังจากเคยเป็นฝ่ายตรงข้ามกันในยุคสงครามเย็น

"จุดยืนของผมไม่ชอบรัฐบาลเผด็จการอยู่แล้ว ไม่มีท่านประสงค์ ผมก็สู้มาตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา เมื่อก่อนท่านประสงค์อยู่สภาความมั่นคง ส่วนพวกผมเป็นนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว ท่านอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพวกผมด้วยซ้ำไป"

ความใกล้ชิดและเดินทางร่วมกันมายาวนาน หากถามถึงความรู้สึก ประพันธ์ยอมรับว่านับถือน.ต.ประสงค์เป็นอย่างยิ่ง

"ท่านเป็นคนซื่อสัตย์ รักชาติบ้านเมือง ไม่โกงกิน ไม่ใช่คนเลว เป็นคนดีที่กราบไหว้บูชาได้"

ทั้งคู่กอดคอกันเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดศึกชิงเก้าอี้เลขาฯ พรรคภายในความหวังใหม่ ว่ากันว่าครั้งนั้น เพราะน.ต.ประสงค์โดนคนข้างๆ พล.อ.ชวลิต เขี่ยออกจากเก้าอี้เลขาฯ

หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ น.ต.ประสงค์ ได้รับเทียบเชิญจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้ไปร่วมงานกับพรรคพลังธรรม และเป็น ส.ส.กรุงเทพฯ ในการเลือกตั้ง 2535/2

เมื่อพรรคพลังธรรมเข้าร่วมรัฐบาลชวน ป.ประสงค์ ก็ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ส่วน ป.ประพันธ์ ได้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีไปโดยปริยาย

ทว่า 'การเมืองเรื่องไม่นิ่ง' ในสมัยรัฐบาลชวน 2 เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังธรรม ที่สมาชิกพรรคเรียกร้องให้ปรับโละรัฐมนตรี 11 คนออกไป น.ต.ประสงค์จึงต้องพ้นจากเก้าอี้ รมต.ไปอย่างตั้งตัวไม่ติด

พล.ต.จำลอง ตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไปลงผู้ว่าฯ กทม.จึงได้เชิญ 'พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร' เข้ามาเป็น รมต. ต่างประเทศ และมีทีท่าว่าจะได้เป็นหัวหน้าพรรคแทนที่ น.ต.ประสงค์ ที่เดิมทีทุกคนต่างรับรู้ว่าเขาคือหัวหน้าคนต่อไป

ด้วยเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนนอก ไม่ได้มาจากการเป็น ส.ส. พรรค น.ต.ประสงค์จึงเป็นแกนนำตั้ง 'กลุ่ม 23' ขึ้นมาต่อต้าน ต่อรองมิให้ ดร.ทักษิณเข้ามาในพรรคพลังธรรม โดยอ้างเหตุขัดรัฐธรรมนูญ ที่มีสัมปทานธุรกิจที่มีลักษณะผูกขาดตัดทอนอยู่กับรัฐ ว่ากันว่า ครั้งนั้นเองเป็นชนวนแรกเริ่มที่ น.ต.ประสงค์ ไม่ชอบหน้า พ.ต.ท. ทักษิณนัก

ที่สุดทั้ง 2 ป. จึงออกมาจากพรรคพลังผัก มุ่งหน้าสู่พรรคนำไทย อันมี ดร.อำนวย วีรวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และประพันธ์ ได้ลงสมัคร ส.ส. กทม. เขต 7 (บางกะปิ บึงกุ่ม) เป็นครั้งแรก ปี 2538 แต่สอบตกด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวบอกว่ายังโนเนม ขณะที่ประสงค์อ้างว่าตนยังไม่พิสมัยตำแหน่งทางการเมืองใดๆ

กระทั่งพรรคนำไทยสลายไป ประสงค์เปิดตัวเองอีกครั้งในฐานะสื่อมวลชน กับตำแหน่งผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์แนวหน้า ในคอลัมน์ 'น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริพูด' มีจุดยืนค้านรัฐบาลอย่างชัดเจน ตั้งแต่ยุคบรรหาร ที่มี 'ทักษิณ' ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรมขณะนั้น เป็นรองนายกฯ เรื่อยมา จนถึงรัฐบาลชวลิต ที่ทำให้ทั้งสองต้องออกสู่ท้องถนนอีกครั้ง เพราะมีภารกิจที่สำคัญอีกครั้งรอคอย '2 ป.' อยู่

0 0 0

เชื่อว่าหลายคนยังคงจำ 'ม็อบสีลม' ปี 2540 ได้ และ 'ป.ประสงค์' เปิดคอลัมน์ที่แนวหน้าชักธงรบรายวัน โดยให้ 'ป.ประพันธ์' ทำการต่อต้านการบริหารบ้านเมืองที่ผิดพลาดของนายกฯ ชวลิต ซึ่งขณะนั้นเกิดวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบหลายสิบปี ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เป็นหนี้มหาศาล เพราะต้องไปกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

ความร้ายแรงดังกล่าวจึงเรียกร้องให้ผู้กล้าต้องแสดงตัวอีกครั้ง!!

"มันเริ่มจากคนที่เขามองเห็นแล้วว่า พลเอกชวลิตคงจะปกครองบ้านเมืองไปไม่ได้แล้ว ท่านผิดพลาดหลายเรื่องหลายอย่าง โดยเฉพาะความล้มเหลวในการต่อสู้ค่าเงิน ทำให้เงินคงคลังหมดจนกระทั่งประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้มันล้มละลายกันทั้งประเทศ"

ก่อนเกิดม็อบ 1-2 สัปดาห์ได้มีการรวมตัวกันที่โรงแรมดุสิตธานี ย่านสีลม ทำการพูดคุยปรึกษากันระหว่างบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบกระเทือนจากวิกฤติดังกล่าว กระทั่งมีการนัดแนะให้รวมตัวกันที่ถนนสีลม โดยมีกลุ่มนักศึกษารามคำแหงที่ได้รับการจัดตั้ง ออกมาเป็นผู้เริ่มทำการไฮด์ปาร์ค

"วันนั้นตั้งแต่ช่วงสาย ก็ทำการไฮด์ปาร์ดที่ถนนสีลมก่อนโดยนักศึกษาเป็นหัวหอก แล้วไปโทรโข่งกับคนในย่านธุรกิจให้ประชาชนที่นั่นได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เชิญชวนให้มาชุมนุมกัน"

เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ แววตานักสู้ของประพันธ์ ฉายออกมาอย่างภูมิใจ เพราะตัวเองสามารถนำผู้ร่วมอุดมการณ์ ทั้งบรรดานักธุรกิจ สมาคมสตรี องค์กรภาคธุรกิจต่างๆ ชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง ต่อสู้จนได้รับชัยชนะ เมื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็นรัฐบาลและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11-12 ธันวาคม 2539 หรือก่อนวันเกิดมหาวิกฤติเศรษฐกิจเพียง 6 เดือนเศษเท่านั้น

"ผมเป็นผู้นำเลย เป็นคนนำม็อบเดินไปทำเนียบ แล้วผมก็ขึ้นเวทีพูดกันสามวันสามคืน ว่าพลเอกชวลิตไม่ควรที่จะอยู่บริหารบ้านเมืองต่อไป เพราะฉะนั้นพวกนักวิเคราะห์ทั้งหลายไม่ต้องมานั่งวิเคราะห์ให้เสียเวลา ไม่ต้องไปมองหรอกว่าใครอยู่ข้างหน้าข้างหลัง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มาวิเคราะห์ว่าคุณเอกยุทธออกมา คงจะมีคนนั้นคนนี้บงการ เสียเวลา ทำความจริงให้ปรากฏ ตอบคำถามสาธารณชนให้ได้เสียก่อน ไปเบี่ยงเบนประเด็นทำไม"

0 0 0

ทั้งหมดเป็นตำนานชีวิตต้องสู้ของ คู่หู ป.ปลา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อเดินทางมาถึงกรณี 'เอกยุทธ' พวกเขานั่นเองที่เป็นขบวนการแนวร่วม เพื่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองไม่ให้กลุ่มที่ตัวเองไม่ต้องการอยู่เป็นรัฐบาลได้อีกต่อไปดังที่เคยทำมาแล้วในอดีต

การกลับมาของ 'ม็อบสีลม' สู่การ 'ปฏิวัติเงียบ' แม้ไม่ง่ายนักในยุครัฐบาลประชานิยมนี้ แต่เมื่อมองกระแส 'ขาลง' ของทักษิณ บวกแรงสนับสนุนจากบรรดาคนรู้ทัน และหรือ 'เกลียดทักษิณ' เวลานี้แล้ว แม่แต่ประพันธ์เอง ก็ไม่กล้ารับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น!

"ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ามันจะมีม็อบก็ไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวเลย จริงๆ มันเป็นไปแล้วเมื่อวันที่ 9 กันยายน 47 ที่เรียกว่ามันเป็นการวอร์มอัพ อุ่นเครื่อง ส่วนจะเริ่มเคาท์ดาวน์และดีเดย์วันไหนยังไม่รู้ ความรุนแรงจะมากน้อยแค่ไหน ผม...(เงียบไปนาน) ไม่อยากพูดถึง แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำร้ายประชาชน ผมไม่เชื่อว่าผู้นำประเทศจะสั่งฆ่าประชาชนได้"

การปฏิวัติด้วยอาวุธ 'ข้อมูลข่าวสาร' รอบใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้วันนี้จะได้แค่ 'ต้าน' แต่ 'ล้ม' ไม่ได้..ทว่า วันข้างหน้ายังไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์ได้ว่ามันจะพัฒนาไปสู่ทิศทางใด

หรือว่ามันเป็นเพียงยุทธวิธีการทอนกำลัง 'พรรคการเมือง' ของอภิมหาเศรษฐี เพื่อบรรลุเป้าหมายหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เท่านั้น

และเข้าใจว่าทั้งหมดนี้ ป.ประสงค์ และ ป.ประพันธ์ รู้อยู่แก่ใจดีว่า พวกเขาทำเพื่อชาติ-ประชาชน หรือเพื่อส่วนตัว?

ปีที่ 13 ฉบับที่ 642 วันที่ 20 - 26 ก.ย. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:22
ไผเป็นไผ?
ในศึกชิงเมือง (ฉบับชวนชื่น)

สนธยาฟ้าสีเทาทึม (วันเสาร์ที่ 25 กันยายน) เวทีการชุมนุมมวลชน ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรีบเร่ง ณ บริเวณทิศเหนือของสนามหลวง บนฉากหลังของเวทีอภิปรายมีป้ายผ้าคำขวัญแสดงตัวตนของกลุ่มผู้ก่อการชัดเจน

"ประชาชนเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสมบัติชาติ"

ท่ามกลางผู้ชุมนุมมากกว่าพันคน คณะผู้ก่อการได้เผยโฉมบนเวทีในนาม 'คณะประชาชนเพื่อชาติ และราชบัลลังก์'

มองผิวเผินคล้ายกับว่าเป็นการก่อรูปขบวนประชาชนเพื่อต้าน 'ระบอบทักษิณ' โดยชมรมคนรู้ทัน

พล.ท.เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม ประธานชมรมคนรู้ทัน ที่มีสมาชิกเกือบ 3,000 คน กลับปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง

หากวิเคราะห์ถึง 'เป้าหมาย' หรือ 'ธง' ที่คณะผู้ก่อการชักขึ้นสู่เวทีทุ่งพระเมรุ คือการกดดันให้นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง และขอพระราชทาน 'รัฐบาลแห่งชาติ'

ดูจะคล้ายกับแนวคิดการปฏิรูปการเมืองของ ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เสนอยึดอำนาจจากรัฐสภา ถวายคืนแด่พระมหากษัตริย์ ขอพระราชทานผู้นำในการปฏิรูปการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ 'ทางเลือกที่ 3' ได้นำแนวคิดนี้ไปดำเนินการทางการเมืองแล้ว แต่คณะผู้ก่อตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 ก็ปฏิเสธที่จะร่วมสังฆกรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมท้องสนามหลวง

ฉะนั้น คณะผู้ก่อการกลุ่มนี้ น่าจะเป็นการรวมของพันธมิตรเฉพาะกิจ เพื่อภารกิจ 'ชิงอำนาจ' มากกว่าการขับเคลื่อนเพื่อชาติและราชบัลลังก์

เพราะเมื่อหงายไพ่ออกมา ก็เห็นใบหน้าเก่าๆ ของ 6 แกนนำ ที่ทำสงครามปาก-สงครามลิ้นกับนายกฯ ทักษิณ มาระยะหนึ่งแล้ว

4 คนแรก เป็นกลุ่มทุนและมวลชน ประกอบด้วย เอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานกรรมการบริษัทในเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป, อมรินทร์ คอมันตร์ นักธุรกิจ, ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด มหาชน (TPI) เพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้านครหลวง (ประธาน สร.กฟน.) และประธานเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน

2 คนหลัง เป็นกลุ่มมันสมอง คอยวางกลยุทธ์ คือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสหพันธ์นักศึกษาเสรี ที่มีบทบาทในการจัดตั้งและนำมวลชนชาวนาลุกขึ้นสู้ในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

จริงๆ แล้ว มีไพ่อีกใบหนึ่ง ซึ่ง 'เขา' ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวตน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า 'เขา' มีส่วนสำคัญในการประสานกับ 'ผู้ใหญ่' ระดับสูง และ 'มวลชน' ระดับล่างอีกจำนวนหนึ่ง

0 0 0

ไพ่ใบแรกนั้น เปิดตัวมาระยะหนึ่ง 'เอกยุทธ' อดีตเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ และปัจจุบันเป็นนักธุรกิจพันล้าน

จากวันที่เปิดชื่อย่อนักการเมือง 'ป' และ 'ส' ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จนมาถึงวันนี้ ภาพของเอกยุทธค่อนข้างแน่ชัดแล้วต้องการล้มรัฐบาลทักษิณ

หลายคนเปรียบว่า เอกยุทธเป็น 'เบี้ย' บนกระดานตัวหนึ่ง ที่ถูกวางให้เป็นทัพหน้าเปิดโปงการคอร์รัปชันเชิงนโยบายและการฉ้อฉลปล้นชาติของกลุ่ม 'คนใกล้ตัว' ผู้มีอำนาจ เพื่อทอนความน่าเชื่อถือของผู้นำ

ไพ่ใบที่สอง อมรินทร์ คอมันตร์ นักธุรกิจ ที่เคยจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรกู้วิกฤติชาติ เคลื่อนไหวยกเลิกกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ (กฎหมายขายชาติ) มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยรัฐบาลชวน กระทั่งมาถึงรัฐบาลทักษิณ

สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ก็คือนโยบายไม่ขายรัฐวิสาหกิจ และจะพิจารณาแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับทันทีที่เป็นรัฐบาล แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

"หากยังมีการใช้นโยบายคอร์รัปชันเชิงนโยบายต่อไป มีการคอร์รัปชันมากมาย หรือมีการครอบงำสื่อ ก็ไม่อยากที่จะให้มีการเลือกตั้งอีก เพราะเกรงว่าจะมีการโกงกัน มีการนำเงินไปถลุงกันอีก จึงอยากให้รัฐบาลคืนอำนาจของรัฐให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และคืนให้กับประชาชนต่อไป"

อมรินทร์ คอมันตร์ ประกาศจุดยืนดังๆ ให้ฟังกันลั่นทุ่งพระเมรุ!

ไพ่ใบที่สาม ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้อาณาจักรทีพีไอตกเป็นของเจ้าหนี้ เนื่องจากธุรกิจของเขาเป็นหนี้เอ็นพีแอลก้อนใหญ่สุดของประเทศ ประมาณ 1.6 ล้านบาท

'ประชัย' ยังสู้ต่อไปเพื่อจะได้มีส่วนในการฟื้นฟูกิจการทีพีไอ แต่รัฐบาลทักษิณก็ส่งคนเข้ามาทำแผนฟื้นฟูใหม่ ซึ่งประชัยมองว่า รัฐบาลจงใจไม่ช่วยธุรกิจทีพีไอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือการยึดครองจากเจ้าหนี้ต่างชาติ จึงต้องชักธงรบ

เนื่องจากกิจการโรงปูนในนามทีพีไอโพลีน ยังเป็นธุรกิจของตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ จึงทำให้ประชัยเป็นทั้ง 'ทุน' และ 'กำลัง' ให้คณะผู้ก่อการได้ ดั่งจะเห็นจากพลังมวลชนวันแรกพันคนเศษนั้น กว่าร้อยละ 90 เป็นพนักงานทีพีไอโพลีน

ไพ่ใบที่สี่ เพียร ยงหนู ที่เป็นเสมือนตัวแทนพนักงานแรงงานรัฐวิสาหกิจ แต่ก็เป็นเพียงความเคลื่อนไหวในนามพนักงานการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้น ขณะที่พลังหนุนจากสหภาพรัฐวิสาหกิจอื่นๆยังไม่เคลื่อนทัพ

"หลังจากนี้รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าและน้ำประปาทั้ง 5 แห่ง จะเปิดการชุมนุมใหญ่ในแต่ละหน่วยงานจนถึงวันที่ 4 ตุลาคม จะเป็นวันดีเดย์ที่ทุกสหภาพจะมาร่วมชุมนุมใหญ่กันที่สนามหลวง คาดว่าจะมีพนักงานไม่ต่ำกว่า 40,000 คน"

แม้ 'เพียร' จะปลุกปลอบขวัญขาจรขาประจำที่มานั่งฟังการปราศรัยให้ยืนหยัดชุมนุมต่อไป แต่ 'ท่าที' ของ 'สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย' (สรส.) ที่มี สมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นเลขาธิการ ดูจะวางเฉย และมองว่า 'เพียร' ก้าวล้ำหน้ามวลชนไปแบบสุดโต่งจนกู่ไม่กลับ

ไพ่ใบที่ห้า น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ลาออกจากผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์แนวหน้า และวางปากกาคอลัมนิสต์ ก็มีเวลาเดินเกมเต็มตัว

ต้องยอมรับ น.ต.ประสงค์ เป็นนักการข่าวโดยสายเลือด อย่างเช่นในช่วงดำรงตำแหน่งเลขาฯ นายกฯ เปรม ก็มีการตั้งศูนย์บัญชาการด้านการข่าวเป็นอิสระของตัวเอง อาศัยฐานข่าวเก่าในสภาความมั่นคงแห่งชาติ และฐานข่าวเก่าอื่นๆ

หลายคนที่รู้จัก น.ต.ประสงค์ จะรู้ดีว่าเป็นคนมีความรู้ความสามารถ เฉลียวฉลาด มีพลัง สนุกกับข่าว สนุกกับการกำหนดเกม แก้เกมสร้างเกมขึ้นมาอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย

ไพ่ใบที่หก ประพันธ์ คูณมี ทนายความหนุ่มใหญ่ ที่มีคนขับรถเป็นทหารชั้นประทวน ก็ไม่ธรรมดา เพราะเชิงชั้นการทำงานมวลชนที่ได้รับการบ่มเพาะมาจากสหพันธ์นักศึกษาเสรีในอดีตนั้น เชื่อว่า 'คนเดือนตุลา' ฟากรัฐบาลทักษิณ หลายคนมีฝีไม้ลายมือยัง 'ห่างชั้น' ทนายมาดสุขุมคนนี้มาก

ถึง 'ประพันธ์' จะเป็นซ้ายเก่า แต่ก็เป็น 'ซ้ายนอกกรอบ' ไม่ใช่ 'ซ้ายในกรอบ' หรือสาวกเหมาอิสต์อย่าง ภูมิธรรม เวชยชัย, น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, จาตุรนต์ ฉายแสง, เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ ฯลฯ

จึงมิควรประมาท 'สหายสงคราม' นักรบเก่าเขตงาน 169 (เขตงานอิสระ-ภูเขียว ชัยภูมิ) เรียกว่าไม่แน่จริง ไม่จัดตั้งกองกำลังอาวุธขึ้นมาเองก็แล้วกัน!

ไพ่ใบที่เจ็ด เป็นไพ่ใบสำคัญ ถึงจะไม่ออกมาเดินนำหน้าขบวนการโค่นทักษิณ แต่ก็เป็นที่รับรู้กันในกลุ่มองค์กรประชาธิปไตยว่า 'เขา' เป็นใคร?

แม้ยามนี้ 'เขา' ยังไม่ปรากฏกาย แต่ 'นักรบคู่ใจ' สองคน ก็ได้ทำหน้าที่ 'บอดี้การ์ด' ให้กับ 'เอกยุทธ' ตั้งแต่วันแรกที่ออกโรงท้าทายอำนาจ 'ทักษิณ'

ผู้ชายหน้าตาถมึงทึงสวมแว่นดำ สองคนที่ว่านี้ คือ จ.ส.อ.วิเชียร วรชัย กับ 'จ่าดุษฎี' นักรบม้าเหล็ก ผู้เรียก พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ว่า 'พ่อ' และพร้อมทำงานตามที่ 'พ่อ' สั่ง!

และ 'จ่าวิเชียร' ก็คือผู้ที่ไปปลุก 'แอ๊ด คาราบาว' ให้ลุกออกมาจากบ้านกลางดึก เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการในยุทธการยึดเมือง 9 กันยายน 2528

ใบ้แค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่า ใครเป็นผู้นำตัวจริงในยุทธการล้มทักษิณ!

ปีที่ 13 ฉบับที่ 644วันที่ 4 - 10 ต.ค. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:23
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง..ปฏิวัติ!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ณ ชั่วโมงนี้ ข่าวลือเรื่อง 'ทหารยึดอำนาจ' ยังจะเป็นเรื่องจริง!

ว่ากันว่า ข่าวลือชิ้นนี้ระบาดหนักในกลุ่มนักธุรกิจตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจสอบกันเข้าจริงๆ ก็ไม่มีใครยืนยัน 'ความถูกต้อง' ของข้อมูลที่ได้รับมา

กระทั่ง สุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคไทยรักไทย เปิดเผยถึงไอเดียของนายกฯ ทักษิณ ที่ต้องการจัดเวทีรวมพลคนด่ารัฐบาลขึ้นที่ท้องสนามหลวง อาจจะมาจากการได้รับข้อมูลลึกๆ เกี่ยวกับขบวนการล้มรัฐบาล ที่มีการก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้น จึงต้องการลดกระแสด้วยการเปิดเกมดังกล่าว

"..มีขบวนการใต้ดิน ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลหน้าเดิมๆ ที่เคยทำรัฐประหารโค่นรัฐบาลในเหตุการณ์สำคัญหลายๆ ครั้ง อย่างเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และพยายามฟื้นกบฏ 9 กันยายน ขึ้นมาอีกครั้ง"

เมื่อได้ยินจากปากของโฆษกพรรคไทยรักไทยเช่นนี้ ข่าวที่ร่ำลือก่อนหน้านี้ ก็มีมูลความจริง แต่จะเป็นไปตามคำบอกเล่าของนักธุรกิจคนหนึ่งหรือไม่นั้น คงต้องพิจารณากันอีกที

ที่แน่ๆ มีความเคลื่อนไหวนอกสภาจริง โดยกลุ่มอดีตนายทหาร ผู้ผ่านสมรภูมิการเมืองในประเทศมาอย่างโชกโชน

สอดรับกับ 'แหล่งข่าว' ที่เล่าเรื่องการพบปะกันระหว่าง 'ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง' (อดีตเคยเป็นทหารเสือฯ) กับ 'นักการเมืองระดับสูง' (อดีตเคยเป็นผู้ก่อการปฏิวัติ) โดยมี 'นักการเมืองเก่า' (อดีตหัวหน้าพรรคคนดีคนสุดท้าย) ร่วมวงสนทนาด้วย

ผู้ใหญ่ได้ปรารภกับผู้มาเยี่ยมคารวะว่า "บ้านเมืองชักจะไปไม่ไหวแล้ว น่าจะมาช่วยกันจัดการแก้ไข" และยังถามถึงความคืบหน้าในการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่าไปถึงไหนแล้ว

นายทหารนักการเมืองก็ตอบว่า เรื่องพรรคนั้นยังขาดหัวหน้าพรรค เพราะได้ทาบทาม 'ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง' คนหนึ่งก็ปฏิเสธ จึงอยากรบกวนให้ท่านช่วยขอตัว 'ผู้ใหญ่ที่ชอบปราบคนโกง' มาทำงานการเมืองได้ไหม

ฝ่ายเจ้าของบ้านก็ตอบว่า จะพยายามพูดให้ และหลังจากวันนั้น ผู้ใหญ่คนเดิมก็แจ้งข่าวเรื่อง 'ผู้ใหญ่ที่ชอบปราบโกง' อยากทำงานการเมือง แต่มีเงื่อนไขต้องได้รับอนุญาตจาก 'ผู้ใหญ่ของผู้ใหญ่' เสียก่อน

เล่ากันว่าก่อนหน้านี้ 'นักการเมืองระดับสูง' ก็เคยเข้าพบ 'ผู้ใหญ่ของผู้ใหญ่' มา 2 ครั้ง และรับทราบถึงความอึดอัดคับข้องใจเป็นอย่างดี จึงมี 'ไฟปรารถนา' อย่างแรงกล้าที่จะก่อการอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยกฎ กติกา และสังคมที่เปลี่ยนไป ไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหาด้วยวิธีการเก่าๆ จึงหันไปทำพรรคการเมืองต่อ โดยหวังจะดึงสมาชิกพรรคพลังคนดีมาสวมหัวใหม่

เรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ในช่วงที่นายกฯ ทักษิณ ปฏิบัติภารกิจระหว่างเดินทางไปเยือนประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายนที่ผ่านมา ก็มีความเคลื่อนไหวอันคึกคักเกิดขึ้น

'นักธุรกิจจอมเปิดโปง' และพลพรรค ได้จัดประชุมขยายวง เตรียมการชุมนุมใหญ่ โดยมีตัวแทนองค์กรประชาธิปไตย, สหภาพรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมด้วยภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน ซึ่งมี 'นักการเมืองระดับสูง' เข้าร่วมด้วย

ตามแผนการเดิมที่กำหนดไว้ จะดีเดย์ 02.00 น. ของคืนวันศุกร์ที่ 24 กันยายน ด้วยกำลังพนักงานรัฐวิสาหกิจจากต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ นับหมื่น จะมาปักหลักชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ก่อนเคลื่อนขบวนสู่ทำเนียบรัฐบาล

ว่ากันว่า แผนการชุมนุมดังกล่าวไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะสมาชิกใน 'ก๊วนคนหน้าเดิม' ได้โทรศัพท์บอกนักข่าวเกือบทุกฉบับ โดยอ้างถึงชื่อผู้ใหญ่ 'คนดี' ที่สังคมนับถือหลายคน ที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันนั้น

พร้อมๆ กับการปล่อยข่าวเรื่องรัฐประหารยึดอำนาจ โดย 'นายทหารใหญ่' ที่ไม่พอใจการทำงานของนายกรัฐมนตรี

สุดท้ายแผนการชุมนุมก็ไม่บรรลุตามเป้าประสงค์ เพราะ 'องค์กรประชาธิปไตย' และ 'สหภาพรัฐวิสาหกิจ' ไม่พร้อมที่จะเคลื่อนกำลัง

ด้วยประเมินสถานการณ์การต่อต้านรัฐบาลของประชาชน ยังไม่ถึงขั้น 'สุกงอม'!

จึงเป็นที่มาของการปล่อยข่าวอีกระลอกหนึ่ง ที่มีเป้าหมายอยู่ที่การแยกสลาย 'นายทหารใหญ่' ออกจากฟากฝ่ายรัฐบาล โดยมีการเล่านิทานเรื่องเก่า 'ทหารปฏิวัติ'

หากแกะรอยข่าวเหล่านี้ ก็วิเคราะห์ได้ว่ามันเป็นกลอุบายที่มีความเกี่ยวพันอย่างแยกไม่ออกจากการต่อสู้ด้านการข่าว

แล้วใครล่ะ..เป็นผู้ชำนาญด้านการข่าว!

นักวิชาการผู้เคยร่วมวงเสวนากับ 'นักธุรกิจจอมเปิดโปง' เมื่อครั้งที่ชายผู้นี้เปิดตัวใหม่ๆ ที่ร้านอาหารย่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประเมินการเคลื่อนไหวของเขาในชั่วโมงนี้ว่า น่าจะเป็นการสร้างราคาให้กับตัวเองมากกว่า

"พวกเราน่ะพร้อมเคลื่อน แต่มันต้องมีจังหวะก้าว ไม่เดินบุ่มบ่ามอย่างนี้ อย่างสหภาพรัฐวิสาหกิจก็ประชุมกันแล้ว ไม่เอารัฐบาลน่ะ ไม่เอาแน่ แต่ต้องมีเงื่อนไขที่ดีกว่านี้" นักวิชาการคนเดิมกล่าว

จากกรณี 'ไม่มาตามนัด' ภาคพิสดารนี้ พอจะบอกให้สังคมไทยได้ตระหนักว่า

'วีรบุรุษย่อมรักในวีรบุรุษ' ฉันใด 'นักแสวงอำนาจ ก็ย่อมรักในนักแสวงอำนาจ' ฉันนั้น!

และฝ่ายผู้กุมอำนาจ ก็อย่าได้พึงประมาท เพราะอีกด้านหนึ่งของ 'นักแสวงอำนาจ' (ทางลัด) ก็คือ นักเสี่ยงโชค ที่รอคอยจังหวะและโอกาสนั่นเอง

ปีที่ 13 ฉบับที่ 644วันที่ 4 - 10 ต.ค. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 13:26
ย้อนรอย 'กบฏ 9 กันยา'
เรื่องเก่าของคนดัง (บางคน) วันนี้!

ถ้าย้อนอดีตเหตุการณ์รัฐประหาร 9 กันยายน 2528 ที่น่าสนใจ เริ่มแต่ 03.00 น. ของวันที่ 9 กันยายน 2528 เมื่อรถถังจำนวน 22 คัน จาก ม.พัน. 4 รอ. พร้อมด้วยกำลังทหารจำนวนกว่า 400 คน เคลื่อนออกมาจากที่ตั้งและเข้าร่วมปฏิบัติการรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในเวลานั้น พล.อ.เปรม เดินทางไปราชการที่ประเทศอินโดนีเซีย

05.00 น. 'แอ๊ด คาราบาว' พร้อมชาวคณะถึงสวนอัมพร ซึ่งก่อนหน้านี้ จ.ส.อ.วิเชียร วรชัย ไปตามแอ๊ดที่บ้านตอน 2 ทุ่ม โดยแจ้งว่า "พ่อบอกให้ลงมือวันนี้"

แอ๊ด คาราบาว ต้องตระเวนรวบรวมสมาชิก และติดต่อเครื่องเสียงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันรุ่งสาง

ซึ่งตามแผนการที่ฝ่ายปฏิวัติกำหนดไว้ วงคาราบาวจะเปิดทำการแสดงที่สวนอัมพรเวลา 09.00 น. โดยมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 5, ช่อง 7 สี และช่อง 9 ไปทั่วประเทศ เพื่อดึงมวลชนมาเป็นพลังสนับสนุนการปฏิวัติ

เป็นครั้งแรกของการยึดอำนาจที่ใช้วงดนตรีชื่อดังที่สุดของประเทศเวลานั้น

06.00 น. ปฏิบัติการยึดเมืองเปิดฉากขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าควบคุมอาคารกองบัญชาการทหารสูงสุด สนามเสือป่า อาคารกรมประชาสัมพันธ์ และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมประกาศความสำเร็จของการรัฐประหาร และอ่านแถลงการณ์ของคณะรัฐประหาร ที่ระบุว่า พล.อ.เสริม ณ นคร อดีตผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้า

ทว่า 07.00-09.00 น. การรัฐประหารก็พบกับอุปสรรค เมื่อ พล.อ.เทียนชัย สิริสัมพันธ์ รองผู้บัญชาการทหารบก รักษาการผู้บัญชาการทหารบก (แทน พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในเวลานั้น ที่ติดราชการอยู่ในยุโรป) ได้ประสานงานกับ พล.อ.เปรม และ พล.อ.อาทิตย์ ก่อตั้งกองอำนวยการต่อต้านการรัฐประหารขึ้น ที่กรมทหารราบที่ 11 รอ. บางเขน พร้อมกับติดตั้งระบบส่งกระจายเสียงตอบโต้ฝ่ายยึดอำนาจ ด้วยการออกแถลงการณ์ในนามของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก

ทั้งสองฝ่ายโต้ตอบกันด้วยสงครามจิตวิทยามวลชน ต่างฝ่ายต่างประกาศว่า ฝ่ายของตนคือผู้กุมอำนาจรัฐ จนเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ฝ่ายต่อต้านการรัฐประหาร ได้สั่งกองกำลังจากพัน 1 ร.2 รอ. ประกอบด้วย รถยีเอ็มซี และรถสิงห์ทะเลทรายพร้อมอาวุธเคลื่อนไปตามถนนพหลโยธิน เข้ายึดสถานที่สำคัญต่างๆ เอาไว้

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เวลาประมาณ 09.50 น. รถถังของฝ่ายรัฐประหาร ที่ตั้งอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ก็เคลื่อนเข้าระดมยิงเสาอากาศ และตัวอาคารของสถานีวิทยุกระจายเสียงกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และยิงปืนเอ็ม 60 เข้าไปยังกรมประมวลข่าวกลาง ที่ตั้งอยู่ในวังปารุสก์ฯ เป็นเหตุให้ นีล เดวิส ผู้สื่อข่าวต่างประเทศชาวออสเตรเลีย และบิล แรตช์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน ของเครือข่ายเอ็นบีซี ถูกลูกหลงเสียชีวิต

หลังจากนั้นกำลังทั้งสองฝ่ายได้เริ่มปะทะกันอย่างรุนแรง ไปจนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. การเจรจาเพื่อสงบศึกได้เริ่มขึ้น โดยมี พล.ท.พิจิตร กุลละวณิชย์ (ยศในเวลานั้น) เป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล เจรจากับ พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา แกนนำคนสำคัญฝ่ายรัฐประหาร จนที่สุดฝ่ายรัฐประหารยินยอมยกเลิกปฏิบัติการ

17.30 น. สถานการณ์ที่ตึงเครียดบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ความสงบ กองกำลังทั้งสองฝ่ายถอนตัวออกจากปฏิบัติการ กลับเข้าที่ตั้ง

18.30 น. พล.ท.พิจิตร และ พล.ท.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้เดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อส่งตัว พ.อ.มนูญ และนาวาอากาศโท มนัส รูปขจร สองแกนนำคนสำคัญในการรัฐประหารครั้งนี้ให้เดินทางออกนอกประเทศ

ในคืนวันเดียวกันนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้เดินทางกลับเมืองไทย และเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จึงเป็นอันว่าวิกฤตการณ์การเมืองไทยในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2528 ยุติลง

อย่างไรก็ตาม มีข้อบ่งชี้ในเหตุการณ์ที่น่าสนใจ คือ คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ภรรยา พล.อ.เสริม ณ นคร หัวหน้าคณะปฏิวัติ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า ที่เหตุการณ์สงบราบรื่นได้นั้น เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบเหตุการณ์โดยตลอด ทรงวิตกกังวลต่อสถานการณ์ ทรงมีพระกระแสรับสั่งขอให้กองกำลังทั้งสองฝ่ายยุติการต่อสู้ และให้ตกลงกันโดยสันติ ทั้งสองฝ่ายก็สามารถทำความเข้าใจกันได้ แล้วนำกำลังกลับเข้าสู่ที่ตั้ง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยุติลงโดยสิ้นเชิง

ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 10 กันยายน ประชาชนทั่วประเทศที่ติดตามข่าวสารมาตลอดทั้งวันของวันที่ 9 กันยายน เพิ่งได้รู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ว่านอกจากบรรดานายทหารของกองทัพ แบ่งฝ่ายกันเล่นเกมยึดอำนาจกันเองแล้ว ยังมีพลเรือนจำนวนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ผู้นำแรงงานคนสำคัญๆ อย่าง สวัสดิ์ ลูกโดด, อาหมัด ขามเทศทอง, ประทิน ธำรงจ้อย ฯลฯ

และชื่อที่ทำให้หลายคนประหลาดใจสุดขีดก็คือ เอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้เพิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีแชร์ชาร์เตอร์ ได้ปรากฏตัวขึ้นที่กองบัญชาการรัฐประหารในฐานะแกนนำคนสำคัญ บุคคลที่ให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์ คือ พิเชษฐ สถิรชวาล ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ขสมก.) ซึ่งถูกฝ่ายก่อการควบคุมตัวไว้

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 10 กันยายน 2528 ในกรอบข่าวสุดท้ายหน้าหนึ่ง พาดหัวว่า 'เอกยุทธ โผล่หน้า บก.ปฏิวัติ' ในเนื้อข่าวลงคำให้สัมภาษณ์ของพิเชษฐ ว่า ถูกผู้นำสหภาพแรงงาน ขสมก. โทรศัพท์มาเรียกให้ไปที่สำนักงานใหญ่ ขสมก. แล้วโดนควบคุมตัวไว้ โดยแกนนำเหล่านั้น ประกอบด้วย สมชาย ศรีสุนทรโวหาร, อิสระ งามโรจน์ ประธานสหภาพ และ สมพงษ์ สระกวี อดีตผู้นำนักศึกษา (ปัจจุบันเป็น ส.ว.สงขลา)

พิเชษฐ ได้กล่าวถึงเอกยุทธ ว่า ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวไว้นั้น ได้เห็น เอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้ามือแชร์ชาร์เตอร์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจกำลังต้องการตัว ไปปรากฏตัวอยู่ในกลุ่มบุคคลระดับผู้นำของฝ่ายปฏิวัติที่เข้ายึด ขสมก.ด้วย โดยใช้วิทยุมือถือรหัส 'สิงห์ 1 ' และเอกยุทธได้ฉากหนีไปเมื่อรู้ว่าสถานการณ์ของฝ่ายปฏิวัติตกเป็นรอง

มันเป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า คนหน้าเดิมๆ กลุ่มนี้จะปรากฏตัวบนถนนการเมืองอีกครั้งใน พ.ศ.นี้

ปีที่ 13 ฉบับที่ 644วันที่ 4 - 10 ต.ค. 2547


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 02-03-2007, 13:58
ช่วงเวลาระบอบทักษิณ นั้น ต้องมีคนแบบสนธิอยู่ด้วย ไม่งั้น...Deangทั้งประเทศจริงๆ

สนธิปากอย่างนั้น  แต่ก็รู้สึกชอบสนธิน่ะ (รายการเขา ตั้งแต่ทักษิณออกไปแล้ว นานนนนๆฟังที)

ชอบ 2 อย่างค่ะ

1.กล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าวิจารณ์
2.ถ้าไม่มีสนธิ ระบอบทักษิณคงลุกลามไปอีกไกล

อื่นๆที่ไม่ชอบมีเยอะค่ะ  แต่ก็โอเคค่ะ 

แกพูดมากจริงๆ  :slime_surrender:

และก็ยกตัวเองเยอะจริงๆ..ธรรมดา ของ มนุษย์ค่ะ

ผู้ฟังกรองเอาก็แล้วกัน


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 02-03-2007, 14:35
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง <<<< โอยได้ยินประโยคจะชักดิ้นชักงอ ยิ่งกว่า ไส้เดือนถูกขี้เถ้า สงสัยคุณบุนโตไม่ได้อ่านที่แอน อย่าเอาคนที่มารวมตัวไล่ทักฯ ไปรวมกับแปะนะคะ เพราะม๊อบที่ใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรมารวมด้วย จะมีคนจำนวนนึงที่จะไม่มาม๊อบสนธิแหละค่ะ แอนเป็นคนนึงในนั้น

มาร่วมด้วยช่วยกันชัก   :slime_dizzy:

เพราะผมคิดว่าไอ้ประโยคเเรก.... ที่ว่า จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ  น่ะผมเห็นด้วย เพราะคนอย่างสนธิมันนักพูดที่มีจิตวิทยาสามารถชักจูงคนได้ดีเป็นอย่างมาก..

แต่ไอ้่ประโยคหลังนี้สิ.... ที่ว่า   อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง ผมเลยต้องมาขอร่วมด้วช่วยกันชักอีกคน... :slime_dizzy:

ส่วนเหตถุผลที่ต้องชัก.. ก็แบบที่ได้้อธิบายไปในข้างต้น...
 

สุดท้าย..เห็นคุณ  Aloha007 เอาเรื่องของเอกยุทธ มาลง ผมก็เลยต้องขอบอกไว้ณ.ตรงนี้อีกหนว่า คนแบบนั้นผมก็ไม่เคยไว้ใจ เหมือนกันครับ.. 

และไม่ใช้เพิ่งไม่เชื่ื่อใจตอนนี้เห็นข้อมูลนี้ แต่ผมไม่เชื่อใจมาตั้งนานแล้วล่ะครับ..

 


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 02-03-2007, 16:38
ผมมองแบบเหมารวม และ ดูแกนนำเหมือนกันครับ

หาก มีสนธิ คนเดียว เป็นแกนนำ แล้ว ตั้งตัวเป็นพันธมิตร คนเดียว ก็เชื่อว่าคนน้อยกว่านี้ แต่ ผมยังมั่นใจว่า ต้องมี คนมากกว่า ที่ แกนนำ แต่ละคน นำครับ

ที่ผมคิดว่ารวบรวมคนได้ ผม ยังมั่นใจนะครับ ว่า ในแกนนำ หาก ไม่มีสนธิ ผมเชื่อว่า จะไม่มีคนมากมายขนาดนี้

ตรงนี้ต้องยอมรับ ในตัวสนธิ ครับ

ผมอาจจะมองอย่างคนไม่มีความรู้ในด้านการเมืองมาก่อน แต่การ ชักจูงใจคน การรวบรวมคนได้ ผมเชื่อว่า สนธิทำได้มากกว่าครับ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: katindork ที่ 02-03-2007, 17:56
ลิ้ม   อาจเป็นเด็กงอแง ในสายตาหลายคน 
ตอนนี้  อาจหงุดหงิด  ในหลายเรื่อง 

 :mozilla_frown: :mozilla_frown: :mozilla_frown:
แต่ถามแบบคนโง่  ตอนนี้เื่พื่อนๆพอจะหวังใครได้บ้างในตอนนี้ี้ :slime_doubt:

1.รัฐบาล สุรยุทธ  ตอนนี้หลายคนรวมทั้ง สนธิลิ้ม  ไม่มั่นใจ  ในเรื่องกำจัดระบอบทักษิณและความคิดระบอบทักษิณ
2.รัฐบาลมาจากเลือกตั้ง  เผลอๆก๊กเก่ามากันเป็นแถว ทรท.ยังอยู่  เทพสุทินกับสมคิดยังอยู่  จิ๋วยังอยู่  แค่นี้  เผลอๆ  ปชป.  ชาติไทย มหาชน กระเด็นหมดเผลอๆ มีฮั้ว
3.สื่อมวลชน  ถามได้เลยว่า  ทีวี หนังสือพิมพ์ตอนนี้  เอาทักษิณไหม  นับจากหัวใจแล้ว  พยักหน้าหงึก เอาแหง
 :slime_hitted:



มองดูรอบด้านและอนาคต  หวังอะไรได้   โดยเฉพาะสื่อมวลชน   :slime_mad:


สนธิลิ้ม รู้ว่า สื่อมวลชนเป็นยังไง  ผิดหวังตามคนอารมณ์ร้อน  ตอนนี้  ใครที่จะมายืนซดกับสื่อมวลชนอีแอบ 6 ช่องกับหนังสือพิมพ์ได้้
ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สื่อมวลชน   :x :x
เห็นไหมว่า ระบอบทักษิณรุกทางด้านมวลชนขนาดไหน 
พรึบพร้อมกันทั้งนาย จาตุรนต์  ประชากรไทย  พีทีวีทีตอนนี้จะเปิดไฮปาร์คที่สนามหลวง 
และสื่อมวลชนเสนอข่าวพีทีวีถี่ยิบ  ในแง่ลบกับรัฐบาลสุรยุทธ
 :mozilla_cry: :mozilla_cry: :mozilla_cry:


สนธิ ลิ้มจึงเสนอแล้วเสนออีกแต่ต้นว่า  ต้องกำจัดระบอบทักษิณก่อนที่จะมารอความกระบวนการสุภาพบุรุษ
เพราะโจรระบอบทักษิณ คือโจรใส่สูทที่เอาเงินเป็นอาวุธ



สนธิลิ้ม   อาจดูแลวู้หงุดหงิดแต่  แต่เราหวังอะไรเกี่ยวกับการเมืองขณะนี้ได้บ้าง    :slime_surrender:
ผมก็ใช้ความรู้สึกวัดเหมือนกัน   


การเมือง ขณะนี้ไม่สามารถอาศัยกฏหมายแก้อย่างเดียว  เพราะใครกำลังมากกว่าคนนั้นก็ได้  
เราอยากให้ระบอบทักษิณมีกำลังมากขึ้น  ด้วยการทอนกำลังตัวเองหรือ   
ยุคทักษิณมันก็อ้างกฏหมายเหมือนกัน :slime_slapped:



เอาความหมั่นไส้กองไว้ข้างๆ  และมุ่งยุทธศาตร์กำจัดระบอบทักษิณก่อนไม่ดีหรือ 
อยากให้กระทู้นี้ ถึงสนธิลิ้ม เพื่อกระตุกเหมือนกัน 

แต่ไม่อยากให้ความคิดเกลียดนาย สนธิ ลิ้มแพร่หลายไปในแนวกว้าง  เพราะแนวรบกับระบอบทักษิณที่บริสุทธิ์เพียวๆ  เหลือนายสนธิแนวเดียว    :slime_fighto:
 :mozilla_laughing: :mozilla_laughing:

แนวอื่นดูแล้วน่าเคลือบแคลงทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 02-03-2007, 18:29
ลิ้ม   อาจเป็นเด็กงอแง ในสายตาหลายคน 
ตอนนี้  อาจหงุดหงิด  ในหลายเรื่อง 

 :mozilla_frown: :mozilla_frown: :mozilla_frown:
แต่ถามแบบคนโง่  ตอนนี้เื่พื่อนๆพอจะหวังใครได้บ้างในตอนนี้ี้ :slime_doubt:

1.รัฐบาล สุรยุทธ  ตอนนี้หลายคนรวมทั้ง สนธิลิ้ม  ไม่มั่นใจ  ในเรื่องกำจัดระบอบทักษิณและความคิดระบอบทักษิณ
2.รัฐบาลมาจากเลือกตั้ง  เผลอๆก๊กเก่ามากันเป็นแถว ทรท.ยังอยู่  เทพสุทินกับสมคิดยังอยู่  จิ๋วยังอยู่  แค่นี้  เผลอๆ  ปชป.  ชาติไทย มหาชน กระเด็นหมดเผลอๆ มีฮั้ว
3.สื่อมวลชน  ถามได้เลยว่า  ทีวี หนังสือพิมพ์ตอนนี้  เอาทักษิณไหม  นับจากหัวใจแล้ว  พยักหน้าหงึก เอาแหง
 :slime_hitted:



มองดูรอบด้านและอนาคต  หวังอะไรได้   โดยเฉพาะสื่อมวลชน   :slime_mad:


สนธิลิ้ม รู้ว่า สื่อมวลชนเป็นยังไง  ผิดหวังตามคนอารมณ์ร้อน  ตอนนี้  ใครที่จะมายืนซดกับสื่อมวลชนอีแอบ 6 ช่องกับหนังสือพิมพ์ได้้
ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สื่อมวลชน   :x :x
เห็นไหมว่า ระบอบทักษิณรุกทางด้านมวลชนขนาดไหน 
พรึบพร้อมกันทั้งนาย จาตุรนต์  ประชากรไทย  พีทีวีทีตอนนี้จะเปิดไฮปาร์คที่สนามหลวง 
และสื่อมวลชนเสนอข่าวพีทีวีถี่ยิบ  ในแง่ลบกับรัฐบาลสุรยุทธ
 :mozilla_cry: :mozilla_cry: :mozilla_cry:


สนธิ ลิ้มจึงเสนอแล้วเสนออีกแต่ต้นว่า  ต้องกำจัดระบอบทักษิณก่อนที่จะมารอความกระบวนการสุภาพบุรุษ
เพราะโจรระบอบทักษิณ คือโจรใส่สูทที่เอาเงินเป็นอาวุธ



สนธิลิ้ม   อาจดูแลวู้หงุดหงิดแต่  แต่เราหวังอะไรเกี่ยวกับการเมืองขณะนี้ได้บ้าง    :slime_surrender:
ผมก็ใช้ความรู้สึกวัดเหมือนกัน  


การเมือง ขณะนี้ไม่สามารถอาศัยกฏหมายแก้อย่างเดียว  เพราะใครกำลังมากกว่าคนนั้นก็ได้  
เราอยากให้ระบอบทักษิณมีกำลังมากขึ้น  ด้วยการทอนกำลังตัวเองหรือ  
ยุคทักษิณมันก็อ้างกฏหมายเหมือนกัน :slime_slapped:



เอาความหมั่นไส้กองไว้ข้างๆ  และมุ่งยุทธศาตร์กำจัดระบอบทักษิณก่อนไม่ดีหรือ 
อยากให้กระทู้นี้ ถึงสนธิลิ้ม เพื่อกระตุกเหมือนกัน 

แต่ไม่อยากให้ความคิดเกลียดนาย สนธิ ลิ้มแพร่หลายไปในแนวกว้าง  เพราะแนวรบกับระบอบทักษิณที่บริสุทธิ์เพียวๆ  เหลือนายสนธิแนวเดียว    :slime_fighto:
 :mozilla_laughing: :mozilla_laughing:

แนวอื่นดูแล้วน่าเคลือบแคลงทั้งนั้น

ผมเห็นด้วยครับ ตอนนี้ระบอบทักษิณก็ยังกำจัดไม่ถึงไหน

ถึงกระนั้น ต่อให้คนมองว่าสนธิเลวยังไง กร่างแบบไหน

แต่ถ้ามองกันที่ความเอาจริงเอาจัง เอกยุทธ์ไปไกลๆ ครับ  :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-03-2007, 18:38
ผมเห็นด้วยครับ ตอนนี้ระบอบทักษิณก็ยังกำจัดไม่ถึงไหน

ถึงกระนั้น ต่อให้คนมองว่าสนธิเลวยังไง กร่างแบบไหน

แต่ถ้ามองกันที่ความเอาจริงเอาจัง เอกยุทธ์ไปไกลๆ ครับ  :slime_hitted:

ใจเย็นๆครับ อย่างน้อยก็ต้องให้เครดิตพี่ใหญ่อ.ย. ที่แกออกมาต่อสู้เป็นคนแรกๆ แม้จะล้มเหลวก็ตาม  ก่อนหน้านี้ก็มี ชิปปิ้งหมู อ.เจิม เจ๊ปอง

อย่าเพิ่งไปปฏิเสธ พี่ใหญ่อ.ย. ปล่อยให้เรื่องระหว่างแป๊ะลิ้ม-พี่ใหญ่อ.ย. 2 คนฟัดกันเอง เราเป็นประชาชนคนเดินดินต้องแยกแยะความแค้นส่วนตัวจากความคิดความเห็นที่ 2 คนนี้เผยแพร่ ไม่ควรไป "อิน" กับเรื่องส่วนตัวของ 2 คนนี้มากเกิน แต่ควรใช้ประโยชน์จากทั้งสองคน

ปัจจุบัน ในเรื่องการมองไปข้างหน้าทางด้านเศรษฐกิจ  มุมมองพี๋ใหญ่อ.ย.ยังถือว่ามีประโยชน์มากนะครับ ผมเคยเมล์ส่วนตัวไปปรึกษาเรื่องหุ้น พันธบัตรต่างๆจากแก แกก็ใจกว้างตอบให้ครับ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-03-2007, 18:40
มีเวลาอีก 7 เดือน อะไรจะเกิดก็ไม่รู้

แต่เท่าที่รู้ ผมมองว่า สนธิ มีผลประโยชน์แอบแฝงมากเกินไป

เมื่อทำยุทธการมาสำเร็จช่วงหนึ่ง สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป

สนธิทำอะไร เพื่ออะไร เราคงเห็นกันเด่นชัดขึ้น

การจะรวมตัวกันทำอะไรใหม่ ๆ แบบว่าจะพาคนไปชุมนุม หรือ เตรียมคนไปฟ้องรัฐบาลที่ศาล กรณี ไอทีวี

ผมว่ามันจะไปกันใหญ่...ไม่ทราบสาวกสนธิ จะออกมาได้มากน้อยแค่ใหน..

ผมจะรอดูครับ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-03-2007, 18:47
เรื่องไอทีวี ผมว่าแป๊ะลิ้มคงไม่ต้องลงไปทำแทนคนอื่นให้เหนื่อยครับ  ผมเชื่อว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลแบบแปลกๆอย่างว่า เวลานี้มีคนสบช่องหาเงินใช้จากรัฐบาลเยอะแยะไปหมดครับ

ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาล ไม่ต้องเดินขบวนอะไรให้เปลืองแรง   ผู้นำเกียร์ว่างบริหารแบบพิลึกนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะมีลูกน้องเรียงหน้าทีละคนมาตอดเล็กตอดน้อยแบบนี้แกไปของแกเอง ที่น่าห่วงคือประเทศชาติมากกว่าครับ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ไฟฉาย ที่ 02-03-2007, 19:06
          ยิงโจรให้ตายก่อน    ค่อยมาถามหาวินัยตำรวจ



     นี่โจรยังไม่ยอมวางปืนเลย      แถมตั้งป้อมสู้แบบถึงไหนถึงกันอีก




                 :slime_dizzy:     :slime_dizzy:    :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 20:16
ถ้าสนธิ(ลิ้ม)สู้ไปแบบอย่างที่แกชอบอ้างจะไม่ว่าแกเลย เรื่องเก่าๆ ก็จะไม่คุ้ย (ที่จริงก็ไม่ได้คุ้ยนะ บอกว่าจำได้เจ๋ยๆ) แต่แกสู้ไป หยิบไป อ่ะดิ  :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 02-03-2007, 20:26
คือผมกำลังสงสัยว่าในตอนนี้หลายๆท่านกำลัง หลงประเด็น รึ หลงสนธิ กันเเน่ครับ..

เพราะผมก็เชื่อว่า คนที่เขาด่า และรวมถึงผมที่ด่าสนธิในที่นี้ ผมว่าเขาก็คงจะไม่ได้มีผลประโยชน์แอบบแฝงรึว่าระซ้อนเร้นอะไรกันหรอก..


แต่เขาคิดว่า มันถึงเวลาแล้ว  ถึงเวลาที่ต้องปรามสนธิ ที่กำลังบ้าน้ำลาย ทั้งทางตรง คือบ้าน้ำลายจริงๆ (ก็เลยด่าแบบไม่ยั้ง)  และทางอ้อม  (ก็คือด่าแบบมีวาระะซ่อนเร้น) มั่งแล้ว..

มิฉะนั้นประเทศมันก็จะชิบหายไม่เเพ้ที่เหลี่ยมมันเคยกระทำ และเราเลยต้องออกไปไล่มันกันมิใช้หรือ...


และกะการที่เราจะปรามสนธิ ยังทำกันไม่ได้ ผมว่า  แล้ว มันก็จะต่างอะไรกะเวลาที่เราด่าเราว่า  คนที่หลงเหลี่ยมแบบหัวปกหัวปำกันล่ะครับ..

ที่เวลานั้นคนพวกนั้นก็ชอบอ้างว่า ถึงจะโกงก็มีผลงาน และเหลี่ยมก็มีบุณคุณช่วยฟื้นไทยจากยุคชวน  เราก็ด่าคนพวกนั้นกัน  แต่ในเวลานี้ มันก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากคำอ้าง ของคนที่ออกมาปกป้องสนธิในขนาดนี้เลย...


รึคิดว่าไล่แค่เหลี่ยมันยังไม่พอใจ ก็เลยกะจะรอให้สนธิมันทำประเทศพังไปมากกว่านี้ แล้วค่อยออกไปไล่สนธิกันอีกครารึครับ..



ฉะนั้นผมก็จะขอถามว่า ในเมื่อเราเห็น กัน ชัดๆ กันแล้วว่า ถ้าเราปล่อยไว้ แล้ววัวมันกำลังจะหาย แต่หตุไร เราจึงไม่ล้อมคอกมันก่อนล่ะครับ

มิใช้ทำตามที่ภาษิตเขาว่า คือ ปล่อยให้วัวมันหายไปก่อนและค่อยไปล้อมคอก...  และไปไล่วัวมัน....  (ซึ่งวัวตัวนี้ี้ร้ายไม่เเพ้วัวหน้าเหลี่ยมซะด้วย... (เพราะไม่งั้นมันจะไล่เหลี่ยมได้งั้นหรือ..) )


อ้อและที่โพสแบบนี้ ก็ไม่ได้คิดจะมีเรื่อง รึต่อความยาวสาวความยืดอะไรกะใคร แต่อยากฝากเอาไว้เพื่อเอาไปให้คิด..ก็แค่นั้นเอง..


อ้อมาเพิ่มอีกนิด..

มาเพิ่มว่า ไม่ว่าไอ้หน้าไหนทั้งนั้น  ไม่ใช้แค่ สนธิ ที่ปากบอกว่าทำเพราะสุตจริต แต่ในใจมันทุตจริตและมีวาระซ่อนเร้น ผมว่าสมควรที่เราจะ ปราม พวกมันกันทั้งนั้น..


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 20:35
คุณมิกิคะ ที่ว่า ด่าแบบมีวาระซ่อนเร้นนั่นแหละค่ะที่มีประโยชน์แอบแฝง (เรื่องด่ากราดไม่ไว้หน้า ไม่ว่าทำอะไรข้าด่าได้ทุกเรื่องแบบนั้นเรียกว่า ด่าแบบแค้นฝังหุ่นค่ะ) เพราะบางกรณีที่แกด่าแบบมีวาระซ่อนเร้น ปากแกก็ด่าไป เบื้องหลังแกก็วิ่งล๊อบบี้ต่อรองผลประโยชน์ แกบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่า มีคนมากินกาแฟด้วยทุกเช้า บางทีมันก็ไม่ใช่กินกาแฟเฉยๆ (แกหน่ะล๊อบบี้ยิสต์ตัวเป็นๆ เลยค่ะ ไม่ต้องไปหาถึงเมกา สมัยก่อนก็ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่ชั่วร้ายคือ ตอนนี้แกใช้สื่อเพื่อให้ได้มาอย่างที่แกต้องการ หรือชักนำไปตามแนวทางนั้น เพราะถือว่า สร้างมวลชนส่วนตัวได้ เลยมีอำนาจต่อรองมากขึ้น)

ปล. ที่สนธิทำวินาศหน่ะ มากกว่าที่พี่ใหญ่ อย. ในกรณีแชร์ชาเตอร์ซะอีก  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-03-2007, 20:40
คุณมิกิคะ ที่ว่า ด่าแบบมีวาระซ่อนเร้นนั่นแหละค่ะที่มีประโยชน์แอบแฝง (เรื่องด่ากราดไม่ไว้หน้า ไม่ว่าทำอะไรข้าด่าได้ทุกเรื่องแบบนั้นเรียกว่า ด่าแบบแค้นฝังหุ่นค่ะ) เพราะบางกรณีที่แกด่าแบบมีวาระซ่อนเร้น ปากแกก็ด่าไป เบื้องหลังแกก็วิ่งล๊อบบี้ต่อรองผลประโยชน์ แกบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่า มีคนมากินกาแฟด้วยทุกเช้า บางทีมันก็ไม่ใช่กินกาแฟเฉยๆ (แกหน่ะล๊อบบี้ยิสต์ตัวเป็นๆ เลยค่ะ ไม่ต้องไปหาถึงเมกา สมัยก่อนก็ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่ชั่วร้ายคือ ตอนนี้แกใช้สื่อเพื่อให้ได้มาอย่างที่แกต้องการ หรือชักนำไปตามแนวทางนั้น เพราะถือว่า สร้างมวลชนส่วนตัวได้ เลยมีอำนาจต่อรองมากขึ้น)

ปล. ที่สนธิทำวินาศหน่ะ มากกว่าที่พี่ใหญ่ อย. ในกรณีแชร์ชาเตอร์ซะอีก  :slime_bigsmile:

เอ้า! เจ๊ อย่ามัวเม้าท์แป๊ะลิ้มเพลิน เขาเอา vdo clip เหลี่ยมที่ออสเตรเลียมาแฉแล้ว  :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: sofar...sogood ที่ 02-03-2007, 20:49
คิดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังเอือมแป๊ะลิ้ม บางทีอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี

กัดเขาไปทั่ว

ตัวเองดีหมด เก่งหมด

อย่าลืมคนไทยไม่ชอบคนที่หลงตัวเอง ชอบชมตัวเอง และทวงบุญคุญ

ถ้าจะนำเสนอแต่เนื้อ งดพวกการโอ้อวดตัวเองลงบ้าง จะน่าดู น่าฟังมากขึ้น


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 20:53
ไปนั่งดูเหลี่ยมทำไมอ่ะ ไม่น่าดูซักนิด


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-03-2007, 20:54
ไปนั่งดูเหลี่ยมทำไมอ่ะ ไม่น่าดูซักนิด

ยังไม่ได้ดู อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน  :slime_smile2:
http://forum.serithai.net/index.php?topic=11916.0


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 20:56
เรื่องด่าหน่ะพอจะรู้อยู่แล้วหล่ะ คิดว่า อยู่ๆ พี่แกโพล่งเรื่อง ผู้มีบารมีฯ คิดว่าแกด่าใครหล่ะ แกด่ามาตั้งนานแล้ว แต่พวกเราไม่ได้ยิน ไม่มีหลักฐานจะๆ ต่อให้แกไปด่าอยู่ต่างประเทศ แล้วไง อย่างมากก็ฟ้องหมิ่นประมาท


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 02-03-2007, 21:01
เรื่องด่าหน่ะพอจะรู้อยู่แล้วหล่ะ คิดว่า อยู่ๆ พี่แกโพล่งเรื่อง ผู้มีบารมีฯ คิดว่าแกด่าใครหล่ะ แกด่ามาตั้งนานแล้ว แต่พวกเราไม่ได้ยิน ไม่มีหลักฐานจะๆ ต่อให้แกไปด่าอยู่ต่างประเทศ แล้วไง อย่างมากก็ฟ้องหมิ่นประมาท

ก็นั่นแหละ ประเด็นอยู่ที่ไม่ว่าแป๊ะลิ้มจะหลงตัวเองยังไง เหวอะหวะกันทุกคนแหละ (ออก cynical หน่อยๆ)  แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนไงเจ๊


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 02-03-2007, 21:10
คดีหมิ่นเบื้องสูงยังค้างอยู่เลย องคมนตรีฟ้องหมิ่นประมาทแล้วได้อะไร (โทษอันหลังเผลอแค่ปรับไม่ถึงกับติดคุก แถมพวกทาสทัก็บอกว่า ทักไม่ได้โกง เหมือนเดิม)  :slime_dizzy:

Don't Missing the Point


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: ไทมุง ที่ 03-03-2007, 00:43

เข้ามาอ่านตั้งแต่กระทู้แรก จนถึงกระทู้สุดท้าย
 
เต็มอิ่ม ๆ ขอบอก

ขอบคุณคุณแอนเรื่องเศรษฐกิจ ขอบคุณคุณภาษาจีน (อ่านไม่ออก ลืมชื่อจริง ขออภัย) สำหรับมุมมองการเมือง

ขอบคุณคุณอโลฮา ที่หาบทความมาให้อ่านย้อนหลัง เห็นอะไรได้ชัดอีกพะเรอ

ขอบคุณท่านอื่นๆ ด้วยที่ช่วยกันออกความเห็น

เราไม่ไว้ใจ o[_]o แต่ก็ไม่วางใจคุณสนธิ โอเคมะ?

คุณสนธิมีวาระซ่อนเร้นตั้งแต่แรกเริ่มออกมาไล่ o[_]o หลังจากยกยอกันมาพักใหญ่

การกลับตัว 180 องศา แบบนี้ ย่อมมีสิ่งแอบแฝง

คุณสนธิ...คงไม่ถึงขนาดมี "คุณูปการ" เป็นพวกแมลงวันตอมแมลงวัน

แต่ส่งผลดี คือ ทำให้คนไทยเห็นไส้ o[_]o ได้ถึงกึ๋น และอย่างรวดเร็ว

ด้วยการระดมสรรพกำลังสื่อในเครือแมเนเจอร์เป็นกองบัญชาการรบ แบบหลังพิงกำแพง

การจนตรอกของคุณสนธิ ทำให้การออกมาลากไส้ o[_]o รุนแรง และหนักหน่วง

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหากไม่มีสื่อและผู้ดำเนินรายการหัวหมู่ทะลวงฟันแบบคุณสนธิ ก็คงไม่แรงขนาดนี้

แต่ถ้าไม่มีแนวร่วม องค์กรต่างๆ ซึ่งแม้จะอุปโลกขึ้น เนื้อแท้มีไม่กี่คน ก็ไม่อาจทำให้การต่อสู้หนักแน่นเช่นที่เป็นอยู่

การเข้ามาของ พล.ต.จำลอง ทำให้ทักษิณเพลี่ยงพล้ำ เนื่องจากเป็นฝ่ายเดียวกันที่กระโดดออกมาเป็นฝ่ายตรงข้าม

ถ้าไม่มีสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ พลังคนชุมนุมคงเหือดหาย เพราะยุคนั้นคนรัฐวิสาหกิจเกรงการแปรรูปเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าไม่มี อ.สมเกียรติ ก็คงไม่มีใครดึงกลุ่มเกษตรกรเข้ามาหนุน

ถ้าไม่มีพิภพ ธงไชย และสุริยะใส กตะศิลา การต่อสู้ครั้งนี้คงไม่มีน้ำหนักพอในการกล่าวหาว่า o[_]o เป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการ

เมื่อยมือวุ้ย (มีต่อ แต่ขอพักมือก่อน)  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 03-03-2007, 09:57
แป๊ะลิ้ม บอกว่าจะไประดมคนมาต่อต้าน ไอทีวี ไม่ใช่เหรอครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: ฝากถึงสนธิ "ลิ้ม" ด้วยความห่วงใย ( ประเทศชาติ - ไม่ใช่มรึง )
เริ่มหัวข้อโดย: visitna ที่ 03-03-2007, 10:13
:slime_worship:
โอม จงมาๆ


  มาอยู่ในคุก
  มาอยู่ในคุก
จะได้ไม่หลอกหลอนชาวบ้านอีก