ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: 55555 ที่ 21-02-2007, 13:47



หัวข้อ: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 21-02-2007, 13:47
เศรษฐกิจพอเพียง คือ รากฐานของทักษิโณมิกส์  


วันนี้ (21 กพ.2550) ผมได้ฟังการชี้แจงเหตุผลในการรับตำแหน่งของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้ว ทำให้ผมเข้าใจและตอกย้ำความคิดของผมมากขึ้นว่า แนวทางการบริหารงานด้านเศรษฐกิจในยุคของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ที่ชาวต่างชาติให้สมญานามว่า “Taksinomics” นั้น แท้ที่จริงเป็นการเริ่มต้นด้วยการนำเอาแนวทางของ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระองค์ท่าน มาเป็นฐานรากในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศไทยในสมัยนั้น

เป็นที่รู้ๆ กันว่า ผู้ที่เป็นหัวหอกและผู้นำทีมเศรษฐกิจในสมัยนายกทักษิณนั้น ก็คือท่านดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ โดยได้นำนโยบายของรัฐบาลนายกทักษิณและความต้องการของประเทศเป็นที่ตั้ง แล้วเอาแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยที่เคยล่มจม เป็นหนี้สินมากมาย สูญเสียเอกราชให้แก่ IMF ได้พลิกฟื้นกลับมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่มั่นคง ได้กอบกู้เอกราชคืนกลับมาจาก IMF อย่างสง่าผ่าเผยในภายระยะเวลาอันสั้น ที่ทำให้ต่างประเทศตลึงและเลื่อมใสในความสามารถของประเทศไทยและการบริหารงานของรัฐบาลนายกทักษิณ จนต่างชาติให้สมญานามว่า “Taksinomics” หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า “ระบอบทักษิณ”

หลังจากที่ได้รับเอกราชคืนมาแล้ว เศรษฐกิจมีความมั่นคงแล้ว แต่ปัญหาต่างๆ ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะสภาวะต่างๆ ที่คอยทำให้เศรษฐกิจสั่นคลอนเข้ามารุมเร้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น สภาวะการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศ ที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ และสภาวะการแข่งขันกับต่างประเทศ หากรัฐบาลนายกทักษิณ ไม่ได้ยึดมั่นในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานรากแล้ว สภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา อาจจะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยล้มลงได้เหมือนเดิม

โครงการต่างๆ ของรัฐบาลนายกทักษิณ จึงเป็นโครงการที่เสริมสร้างรากหญ้าให้สามารถมีรายได้อย่างเพียงพอและมั่นคง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆ เช่น
- โครงการ OTOP ที่เป็นสร้างเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นโดยใช้ภูมิปัญญาของประชาชนในท้องถิ่น รวมตัวกัน ส่งเสริมกันและกัน โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนด้านเงินทุน (เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ) และด้านการตลาด ที่ทำให้ชุมชนต่างๆ มีเศรษฐกิจที่มั่นคงขึ้นกว่าเดิม
- โครงการกองทุนเพื่อการศึกษา อันเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาบุคลากรของชาติ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ มีปัญญา ที่จะมีสติ เอามาพัฒนาท้องถิ่นของตนได้ในอนาคต หากประเทศไทยมีบุคลากรระดับปัญญาชนน้อย การพัฒนาประเทศย่อมทำได้ยาก
- โครงการกองทุนหมู่บ้าน ก็เป็นอีกโครงการหนึ่ง ที่ช่วยในการพัฒนาท้องถิ่นในระดับหมู่บ้าน ทั้งทางด้านการเงินและด้านการบริหารเงิน โดยทางรัฐบาลได้สนับสนุนเงินทุนไปให้ชาวบ้าน ให้รู้จักบริหารเงินที่ได้จากรัฐบาล รู้จักที่จะทำให้เงินที่ได้มางอกงามออกดอกออกผล ช่วยภาระหนี้สินภาคประชาชนในระดับหมู่บ้าน และนำเงินที่ได้มาในการพัฒนาหมู่บ้านของตน ร่วมกัน
- เป็นต้น

หากมองดูลึกๆ แล้ว จะเห็นได้ว่าง โครงการต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโครงการ “ประชานิยม” เหล่านั้น ล้วนแล้วเป็นโครงการที่มีพื้นฐานมากจากแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียงทั้งสิ้น อันเป็นการกระทำของรัฐบาลนายกทักษิณในการสนองและสานต่อจากพระราชดำริของพระองค์ท่านอย่างแท้จริง ท่านผู้ที่มีความคิดก็คงมองเห็นได้ว่า แนวทางนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงเน้นที่ความมั่นคงในการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่เราเรียกกันว่า “ชาวรากหญ้า” ไม่ใช่หรือ

ประชาชนชาวรากหญ้า ก็คือ ฐานรากของเศรษฐกิของประเทศ เมื่อฐานนั้นมีความมั่นคงขึ้น มีความสามารถในการผลิตได้มากพอกว่าความเพียงพอ เราก็มีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศไทย นั่นก็คือ “นโยบาย 4 ปีซ่อม” ที่รัฐบาลของนายกทักษิณ โดยมีท่านดร.สมคิด เป็นผู้นำทีมซ่อมเศรษฐกิจของชาติได้กระทำมาโดยตลอด

หลังจากได้ซ่อมแซมเศรษฐกิจของชาติได้เรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่ยุคของ “นโยบาย 4 ปีสร้าง” หรืออาจจะเรียกได้ว่า 4 ปีรุกตลาดโลก ซึ่งการกระทำเช่นนี้ทำให้มีคนมองโลกในแง่ร้าย ตั้งฉายานามให้แก่นโยบายนี้ว่า “ทุนนิยม” มันอาจจะมองได้ถึงความเลวร้าย หากมองเพียงผิวเผิญ

ที่จริงแล้ว จากเศรษฐกิจพอเพียงในการซ่อมเศรษฐกิจของชาติ จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงขึ้น ประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มจะเหลือกินเหลือใช้กันแล้ว แน่นอนว่า เมื่อคนเรามีรายได้ดี มีเงินเหลือเก็บแล้ว ก็ย่อมอยากได้สิ่งที่ดีแก่ชีวิต ในการสร้างความสะดวกสบายและให้ความสุขแก่ชีวิต ก็มีการใช้จ่ายเงินได้มากขึ้น มีโอกาสและมีเงินที่จะซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยได้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าบางรายการมีราคาสูง ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งยินดีที่จะกู้หนี้ยืมสินจากสถาบันการเงิน เพื่อเอามาซื้อสินค้าที่ตัวเองอยากได้ เพราะเชื่อได้ว่า อนาคตมีความมั่นคงและสดใส มีรายได้ที่แน่นอน อยู่ในสภาวะที่จะผ่อนจ่ายได้อย่างสบาย  เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังเจริญเติบโตขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลนายกทักษิณ ที่มีคนชื่อ ดร.สมคิด เป็นผู้นำทีมสร้างเศรษฐกิจให้ชาติ

“ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง” ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลจากประชาชนสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ จนทำให้หลายๆ คนเกิดความอิจฉา ริษยา และตาร้อน เนื่องจากทำให้พรรคการเมืองหลายๆ พรรคอาจจะต้องถึงกาลอวสาน เพราะขาดการสนับสนุนจากประชาชน เหล่าสมาชิกก็ค่อยทยอยเปลี่ยนพรรคกัน และคนที่เคยได้รับผลประโยชน์ต่างๆ ก็สูญเสียผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ค้ายาเสพติด เจ้ามือหวยใต้ดิน เหล่าผู้มีอิทธิพลในอดีต และแม้แต่นักธุรกิจบางรายที่เคยได้ประโยชน์จากระบบราชการแบบเดิมๆ ที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง รับเงินใต้โต๊ะกัน จึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อใส่ร้ายรัฐบาลนายกทักษิณ ปลุกระดมให้ประชาชนหัวอ่อนออกมาต่อต้านรัฐบาล ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนต่างๆ นานา จนทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลนายกทักษิณ เมื่อวันที่ 19 เดือนกันยายน 2549
นับจากนั้นมาก ขบวนการตามล้างตามผลาญใส่ร้ายรัฐบาลนายกทักษิณเดินหน้าอย่างรุนแรงไม่หยุดยั้ง แม้จะทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยที่รัฐบาลนายกทักษิณได้ซ่อมและสร้างขึ้นมาใหม่ ก็ยังทำกันอย่างหน้าตาเฉย ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า ภาคใต้ลุกเป็นไฟโหมกระหน่ำ ต่างชาติเสื่อมศรัทธา และเศรษฐกิจของชาติทรุดลง มาจนถึงทุกวันนี้

ประชาชนจำนวนมาก ที่เคยหลงผิดต่อต้านรัฐบาลนายกทักษิณ ก็เริ่มตาสว่าง เริ่มมองเห็นความแตกต่างในการดำรงชีวิต ในเศรษฐกิจของชาติ มีการเปรียบเทียบอย่างเห็นด้ชัดว่า รัฐบาลนายกทักษิณที่ถูกกล่าวหาว่าเลวแล้ว รัฐบาลชุดนี้สามารถทำได้เลวกว่าหลายร้อยเท่านัก หากเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป สภาวะ “เศรษฐกิจต้มยำกุ้ง” ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2538-2542 จะหวนกลับคืนมาสู่ประเทศไทยอีกไม่นานนี้ และอาจจะมีความรุนแรงกว่ามาก ผมขอให้ฉายานามล่วงหน้าไว้ก่อนว่า “เศรษฐกิจขิงแก่เน่า” หรือ “Old & Rotten-Ginger Economy”  

จากคุณ : ศิลาแรง  - [ 21 ก.พ. 50 12:09:26 A:124.121.46.123 X: ]


ผมไม่เห็นความเห็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจในนั้น.........นอกจาก "เขียนได้ดี"  หรือ ประมาณว่าชื่นชม แต่ไม่มีความเห็น เลย ลองเอามาให้วิพากวิจารย์ กันครับ

อ้อ ! ถ้าคุณ ศิลาแรง แวะผ่านมาเห็นจะร่วมถกด้วยก็ดี น๊ะครับ.....


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 21-02-2007, 14:00

หมู่บ้านแห่งหนึ่ง..
ชาวนา อยากพัฒนา นาข้าวและโรงเรียน เพราะเห็นถึง ความจำเป็นในการอยู่กินและความรู้วิชาชีพ
"หากเราทำนา มีวิชาความรู้ให้ลูกหลาน  เขาก็จะมีข้าวกินอิ่มท้อง มีกำลังวังชา ในการศึกษาดำรงชีพ ในอนาคต"

ชาวนาจึง นึกจะ  มีรถกระบะ  เอาไว้เพื่อทำนา และส่งนักเรียน และอุปกรณ์จำเป็น
ชาวนา ว่าจ้างให้เงิน นายแมว เพื่อทำหน้าที่  จัดหาจัดซื้อรถ  ขับรถ บำรุงรักษาดูแลรถ

นายแมวเดิมที เป็นคนขายหนังกลางแปลง หันเห กิจการมาทำการค้าส่ง เครื่องคิดเลข ให้นักเรียนตามโรงเรียน
นายแมว เสนอปัจจัย  ขอตังค์ทำโรงเก็บรถ ว่าจ้างกำลังคนมาดูแลรถกระบะ
นายแมว ขับรถ ขนส่งของเพื่อทำนา และ ส่งนักเรียนให้ไปโรงเรียน
นายแมว เป็นนายหน้าค้าขายส่ง โดยใช้รถกระบะ ของชาวนา เป็นพาหนะฟรีๆโดยไม่มีค่าเช่า
นายแมว สร้างเนื้อสร้างตัวจากการค้าส่ง โดยมีรถกระบะ ของชาวนาเป็นทุน

ชาวบ้าน ที่พบเห็นย่อมมักจะเข้าใจว่า รถกระบะเป็นของนายแมว
นายแมว ภูมิใจ เหลิงคิดว่า รถกระบะ โรงเก็บรถ กำลังคนเป็นของตนเอง
นายแมว จึงนำ ป้ายร้านค้าและป้ายสินค้าของตัวเอง ไปแปะ ที่โรงเก็บรถของชาวนา

นายแมว ค้าขายส่งสินค้า มากกว่า นำมาทำงานให้ชาวนา
นายแมว ขอตังค์ชาวนา เพิ่ม เพื่อซื้อรถกระบะคันใหม่ๆ อ้างว่าความต้องการใช้งานไม่พอเพียง
นายแมว นำรถกระบะคันหนึ่ง ให้ นายหม่อง ยืมใช้ฟรี เพื่อแลกกับ สินค้าของนายแมว

วันหนึ่ง นายแมว ลืมตัว ส่งพนักงานบัญชีไปเก็บเงิน ที่โรงเรียนค่าส่งนักเรียน
ชาวนา ทราบเรื่อง จึงโมโห ให้คนมาปลดชื่อป้ายสินค้า ลงจากโรงเก็บรถ
นายแมว จึงโมโห และขู่ชาวนา ว่าหากไม่มีเขา ชาวนาก็ไม่มีรถใช้

แป๊ะขับซาเล้ง เป็นเพื่อนเก่านายแมว เพิ่งขัดแย้งการค้าขนส่งสินค้ากับนายแมว ทราบเรื่อง
แป๊ะขับซาเล้ง  จึงผสมโรง ออกมาขุดคุ้ย โพทะนาเรื่องของนายแมวให้ชาวบ้านฟัง

หลังจากนั้นนายแมว จึงขายกิจการ  ขับรถ บำรุงรักษาดูแลรถ ให้ นายสิงห์ เพื่อนรัก



(จบภาค 1)



http://forum.serithai.net/index.php?topic=11618.0

 ถ้าเจ้าของกระทู้คือคุณ'ศิลาแลง'มาอ่านกระทู้ของคุณ'ลูกหินฮะฯ' ทั้งหมด
คงจะหน้ามืด หน้ามัวกับแสงสว่าง  เพราะออกจากกะลาครอบทันที...





หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 21-02-2007, 14:26
ว่าแล้ว เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจ เป็นการเตือนให้ลดๆ หน่อยเรื่องความเสี่ยงในระบบทุนนิยม
เหมือนใส่หมวกกันน็อค ถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซด์แต่จูงมอเตอร์ไซด์เดินจะใส่หมวกกันน็อคไปทำไม


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: พระพาย ที่ 21-02-2007, 15:41
เศรษฐกิจแบบทักษิณมิใช่เศรษฐกิจพอเพียง... เพราะทักษิณไม่มี คุณธรรม ซึ่งเป็นหลักสำคัญอันหนึ่งในเศรษฐกิจพอเพียงครับ

แนวทางที่เข้าเค้าหน่อยก็คือ OTOP แต่... คนเริ่มต้นคิดก็ไม่ใช่ทักษิณอีกนั่นแหละ... ผมจำได้ว่าแนวทางที่กำหนดความพอเพียงในระดับตำบลคนแรกๆ คือหมอประเวศและกลุ่มคนที่ผลักดันเศรษฐกิจชุมชนครับ... แต่พอคนเหล่านี้ไม่เอาทักษิณ... โครงการ OTOP ระยะหลังก็เละตุ้มเป๊ะ ก่อนที่จะถูกปรับเปลี่ยนชื่อโครงการครับ


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: room5 ที่ 21-02-2007, 15:55
แหมแรกๆลิ่วล้อก่นด่าพอเพียง
พอสมคิดออกโรงแจง
ไอ้พวกนี้ก็ดิ้นว่าของพ่อมันทำถูกแล้ว

น้ำเน่า


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 21-02-2007, 16:06
ปลาไหลเรียกทวดเลยนะครับ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 21-02-2007, 16:17
ประเด็นก็คือ พอมีคนสรรเสริญเยินยอเศรษฐกิจพอเพียง...พวกคุณก็ช่วยกันแซ่ซ้องว่าดีงาม  แต่พอมีคนแย้ง...พวกคุณก็โยนข้อหาหมิ่นสถาบันฯ   เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าคนไหนพูดจริงคนไหนพูดเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ!?!   :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 21-02-2007, 16:50
ประเด็นก็คือ พอมีคนสรรเสริญเยินยอเศรษฐกิจพอเพียง...พวกคุณก็ช่วยกันแซ่ซ้องว่าดีงาม  แต่พอมีคนแย้ง...พวกคุณก็โยนข้อหาหมิ่นสถาบันฯ   เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าคนไหนพูดจริงคนไหนพูดเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ!?!   :slime_doubt:


อ้อ...แบบนี้เรียกว่า "ประเด็น" ?
...การให้นิยามตามแบบมหาวิทยาลัยชินวัตร


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 21-02-2007, 17:13
เศรษฐกิจแบบทักษิณมิใช่เศรษฐกิจพอเพียง... เพราะทักษิณไม่มี คุณธรรม ซึ่งเป็นหลักสำคัญอันหนึ่งในเศรษฐกิจพอเพียงครับ

แนวทางที่เข้าเค้าหน่อยก็คือ OTOP แต่... คนเริ่มต้นคิดก็ไม่ใช่ทักษิณอีกนั่นแหละ... ผมจำได้ว่าแนวทางที่กำหนดความพอเพียงในระดับตำบลคนแรกๆ คือหมอประเวศและกลุ่มคนที่ผลักดันเศรษฐกิจชุมชนครับ... แต่พอคนเหล่านี้ไม่เอาทักษิณ... โครงการ OTOP ระยะหลังก็เละตุ้มเป๊ะ ก่อนที่จะถูกปรับเปลี่ยนชื่อโครงการครับ

ถูกต้องเลยครับ อยากไอ้เหลี่ยมมันไม่รู้จักพอเพียงหรอก รู้จักแต่เอาไม่รู้จักพอครับ  :!:


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เล
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 21-02-2007, 18:55
เศรษฐกิจพอเพียง คือ รากฐานของทักษิโณมิกส์  


วันนี้ (21 กพ.2550) ผมได้ฟังการชี้แจงเหตุผลในการรับตำแหน่งของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้ว ทำให้ผมเข้าใจและตอกย้ำความคิดของผมมากขึ้นว่า แนวทางการบริหารงานด้านเศรษฐกิจในยุคของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ที่ชาวต่างชาติให้สมญานามว่า “Taksinomics” นั้น แท้ที่จริงเป็นการเริ่มต้นด้วยการนำเอาแนวทางของ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระองค์ท่าน มาเป็นฐานรากในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศไทยในสมัยนั้น

แค่ขึ้นต้นก็มั่วแล้ว ระบอบทักษิโณมิกซ์ เคยเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมา เป็นรากฐานที่ไหน เห็นแต่เหล่าลิ่วล้อทักษิณ ดูถูก ดูแคลน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขนาดที่นี่ มีชอบแถเล่นอยู่คนเดียวยังซัดไป ไม่รู้กี่กระทู้แล้ว

เป็นที่รู้ๆ กันว่า ผู้ที่เป็นหัวหอกและผู้นำทีมเศรษฐกิจในสมัยนายกทักษิณนั้น ก็คือท่านดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ โดยได้นำนโยบายของรัฐบาลนายกทักษิณและความต้องการของประเทศเป็นที่ตั้ง แล้วเอาแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยที่เคยล่มจม เป็นหนี้สินมากมาย สูญเสียเอกราชให้แก่ IMF ได้พลิกฟื้นกลับมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่มั่นคง ได้กอบกู้เอกราชคืนกลับมาจาก IMF อย่างสง่าผ่าเผยในภายระยะเวลาอันสั้น ที่ทำให้ต่างประเทศตลึงและเลื่อมใสในความสามารถของประเทศไทยและการบริหารงานของรัฐบาลนายกทักษิณ จนต่างชาติให้สมญานามว่า “Taksinomics” หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า “ระบอบทักษิณ”

หลังจากที่ได้รับเอกราชคืนมาแล้ว เศรษฐกิจมีความมั่นคงแล้ว แต่ปัญหาต่างๆ ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะสภาวะต่างๆ ที่คอยทำให้เศรษฐกิจสั่นคลอนเข้ามารุมเร้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น สภาวะการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศ ที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ และสภาวะการแข่งขันกับต่างประเทศ หากรัฐบาลนายกทักษิณ ไม่ได้ยึดมั่นในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานรากแล้ว สภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา อาจจะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยล้มลงได้เหมือนเดิม

โครงการต่างๆ ของรัฐบาลนายกทักษิณ จึงเป็นโครงการที่เสริมสร้างรากหญ้าให้สามารถมีรายได้อย่างเพียงพอและมั่นคง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆ เช่น
- โครงการ OTOP ที่เป็นสร้างเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นโดยใช้ภูมิปัญญาของประชาชนในท้องถิ่น รวมตัวกัน ส่งเสริมกันและกัน โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนด้านเงินทุน (เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ) และด้านการตลาด ที่ทำให้ชุมชนต่างๆ มีเศรษฐกิจที่มั่นคงขึ้นกว่าเดิม
- โครงการกองทุนเพื่อการศึกษา อันเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาบุคลากรของชาติ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ มีปัญญา ที่จะมีสติ เอามาพัฒนาท้องถิ่นของตนได้ในอนาคต หากประเทศไทยมีบุคลากรระดับปัญญาชนน้อย การพัฒนาประเทศย่อมทำได้ยาก
- โครงการกองทุนหมู่บ้าน ก็เป็นอีกโครงการหนึ่ง ที่ช่วยในการพัฒนาท้องถิ่นในระดับหมู่บ้าน ทั้งทางด้านการเงินและด้านการบริหารเงิน โดยทางรัฐบาลได้สนับสนุนเงินทุนไปให้ชาวบ้าน ให้รู้จักบริหารเงินที่ได้จากรัฐบาล รู้จักที่จะทำให้เงินที่ได้มางอกงามออกดอกออกผล ช่วยภาระหนี้สินภาคประชาชนในระดับหมู่บ้าน และนำเงินที่ได้มาในการพัฒนาหมู่บ้านของตน ร่วมกัน
- เป็นต้น

หากมองดูลึกๆ แล้ว จะเห็นได้ว่าง โครงการต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโครงการ “ประชานิยม” เหล่านั้น ล้วนแล้วเป็นโครงการที่มีพื้นฐานมากจากแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียงทั้งสิ้น อันเป็นการกระทำของรัฐบาลนายกทักษิณในการสนองและสานต่อจากพระราชดำริของพระองค์ท่านอย่างแท้จริง ท่านผู้ที่มีความคิดก็คงมองเห็นได้ว่า แนวทางนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงเน้นที่ความมั่นคงในการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่เราเรียกกันว่า “ชาวรากหญ้า” ไม่ใช่หรือ

ประชาชนชาวรากหญ้า ก็คือ ฐานรากของเศรษฐกิของประเทศ เมื่อฐานนั้นมีความมั่นคงขึ้น มีความสามารถในการผลิตได้มากพอกว่าความเพียงพอ เราก็มีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศไทย นั่นก็คือ “นโยบาย 4 ปีซ่อม” ที่รัฐบาลของนายกทักษิณ โดยมีท่านดร.สมคิด เป็นผู้นำทีมซ่อมเศรษฐกิจของชาติได้กระทำมาโดยตลอด

หลังจากได้ซ่อมแซมเศรษฐกิจของชาติได้เรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่ยุคของ “นโยบาย 4 ปีสร้าง” หรืออาจจะเรียกได้ว่า 4 ปีรุกตลาดโลก ซึ่งการกระทำเช่นนี้ทำให้มีคนมองโลกในแง่ร้าย ตั้งฉายานามให้แก่นโยบายนี้ว่า “ทุนนิยม” มันอาจจะมองได้ถึงความเลวร้าย หากมองเพียงผิวเผิญ

ที่จริงแล้ว จากเศรษฐกิจพอเพียงในการซ่อมเศรษฐกิจของชาติ จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงขึ้น ประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มจะเหลือกินเหลือใช้กันแล้ว แน่นอนว่า เมื่อคนเรามีรายได้ดี มีเงินเหลือเก็บแล้ว ก็ย่อมอยากได้สิ่งที่ดีแก่ชีวิต ในการสร้างความสะดวกสบายและให้ความสุขแก่ชีวิต ก็มีการใช้จ่ายเงินได้มากขึ้น มีโอกาสและมีเงินที่จะซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยได้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าบางรายการมีราคาสูง ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งยินดีที่จะกู้หนี้ยืมสินจากสถาบันการเงิน เพื่อเอามาซื้อสินค้าที่ตัวเองอยากได้ เพราะเชื่อได้ว่า อนาคตมีความมั่นคงและสดใส มีรายได้ที่แน่นอน อยู่ในสภาวะที่จะผ่อนจ่ายได้อย่างสบาย  เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังเจริญเติบโตขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลนายกทักษิณ ที่มีคนชื่อ ดร.สมคิด เป็นผู้นำทีมสร้างเศรษฐกิจให้ชาติ

นี่ก็ไม่ได้รู้เรื่องจริง ๆ ว่า มันไม่ใช่ 4 ปีซ่อม มันทั้ง 6 ปี นั่นและ " ทำลาย " เศรษฐกิจจนเละเทะไปหมดแล้ว ประชาชนทีไหนกินดีอยู่ดี ใครจะเข้ามาแถ เชิญเลย......สมคิดพูด ผมพอรับได้ เพราะถือเป็นการประนี ประนอมทางการเมือง เป็นลักษณะของคนที่ใช้หลักวิชาการตลาด มาใช้ในการพูด

“ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง” ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลจากประชาชนสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ จนทำให้หลายๆ คนเกิดความอิจฉา ริษยา และตาร้อน เนื่องจากทำให้พรรคการเมืองหลายๆ พรรคอาจจะต้องถึงกาลอวสาน เพราะขาดการสนับสนุนจากประชาชน เหล่าสมาชิกก็ค่อยทยอยเปลี่ยนพรรคกัน และคนที่เคยได้รับผลประโยชน์ต่างๆ ก็สูญเสียผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ค้ายาเสพติด เจ้ามือหวยใต้ดิน เหล่าผู้มีอิทธิพลในอดีต และแม้แต่นักธุรกิจบางรายที่เคยได้ประโยชน์จากระบบราชการแบบเดิมๆ ที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง รับเงินใต้โต๊ะกัน จึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อใส่ร้ายรัฐบาลนายกทักษิณ ปลุกระดมให้ประชาชนหัวอ่อนออกมาต่อต้านรัฐบาล ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนต่างๆ นานา จนทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลนายกทักษิณ เมื่อวันที่ 19 เดือนกันยายน 2549

ประเทศชาติที่ไหนมั่งคั่ง คนเขียนไม่รู้ดูตัวเลขเศรษฐกิจเป็นป่าว  คะแนนนิยมไม่สูงเป็นประวัติการได้ไง ในเมื่อเอ็ง โกงทุกรูปแบบ ทั้งบัตรผี ทั้งนับโกง ฯลฯ
นับจากนั้นมาก ขบวนการตามล้างตามผลาญใส่ร้ายรัฐบาลนายกทักษิณเดินหน้าอย่างรุนแรงไม่หยุดยั้ง แม้จะทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยที่รัฐบาลนายกทักษิณได้ซ่อมและสร้างขึ้นมาใหม่ ก็ยังทำกันอย่างหน้าตาเฉย ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า ภาคใต้ลุกเป็นไฟโหมกระหน่ำ ต่างชาติเสื่อมศรัทธา และเศรษฐกิจของชาติทรุดลง มาจนถึงทุกวันนี้

เค้าจะให้ทักษิณ อยู่ได้ไง ในเมื่อมันทำลายชาติ ซะขนาดนั้น แล้วที่บอกว่า เศรษฐกิจทรุดลง ก็เพราะ ทักษิณ มันผลาญเงินคลังจนเกลี้ยงแล้ว เค้าจะเอางบประมาณที่ไหนมากระตุ้นเศรษฐกิจ

ประชาชนจำนวนมาก ที่เคยหลงผิดต่อต้านรัฐบาลนายกทักษิณ ก็เริ่มตาสว่าง เริ่มมองเห็นความแตกต่างในการดำรงชีวิต ในเศรษฐกิจของชาติ มีการเปรียบเทียบอย่างเห็นด้ชัดว่า รัฐบาลนายกทักษิณที่ถูกกล่าวหาว่าเลวแล้ว รัฐบาลชุดนี้สามารถทำได้เลวกว่าหลายร้อยเท่านัก หากเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป สภาวะ “เศรษฐกิจต้มยำกุ้ง” ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2538-2542 จะหวนกลับคืนมาสู่ประเทศไทยอีกไม่นานนี้ และอาจจะมีความรุนแรงกว่ามาก ผมขอให้ฉายานามล่วงหน้าไว้ก่อนว่า “เศรษฐกิจขิงแก่เน่า” หรือ “Old & Rotten-Ginger Economy”  

จากคุณ : ศิลาแรง  - [ 21 ก.พ. 50 12:09:26 A:124.121.46.123 X: ]

ตอนนี้คนเริ่มตาสว่างกันมากขึ้น เริ่มเห็นความชั่วของเหลี่ยมกันมากขึ้นแล้ว......"เศรษฐกิจต้มยำกุ้ง" ก็พวกเอ็งนั่นล่ะทำไว้


อ้างถึง

สรุปผมว่าคนเขียนบทความนี่มันมั่วดีจริง ๆ ...........

จริง ๆ แล้ว มองอีกแง่ คุณสมคิด ทำงานไม่กี่วัน ก็ได้ผลเหมือนกันแฮะ เดี๋ยวนี้บรรดาลิ่วล้อเริ่มเปลี่ยนเสียงเหยียดหยาม "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง "  เป็นขอเกาะขบวนด้วย......คร๊า.......บบบบบบบบบบบบบบบ




หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 21-02-2007, 18:57
เศรษฐกิจระบอบทักษิณแบบประชานิยม เป็นได้แค่ระบอบทุนนิยมสามานย์  :slime_hitted:




หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 21-02-2007, 19:13
ว่าแล้ว เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจ เป็นการเตือนให้ลดๆ หน่อยเรื่องความเสี่ยงในระบบทุนนิยม
เหมือนใส่หมวกกันน็อค ถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซด์แต่จูงมอเตอร์ไซด์เดินจะใส่หมวกกันน็อคไปทำไม

แหม !!  ยุทธศาสตร์นายกสุรยุทธ นี่ ไม่ธรรมดาจริง ๆ ขนาด คุณชอบแถ เหยียดหยาม เศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นอาทิตย์ .....ยังเปลี่ยนแนวคิด มาอาศัย เกาะหลังเศรษฐกิจพอเพียง .........นี่ถ้าคุณสมคิด ได้ทำงานต่ออีกหน่อย ผมว่าคุณชอบแถ คงต้องชื่นชมเศรษฐกิจพอเพียงแน่ ๆ .ชัวร์


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: TwinDragon ที่ 21-02-2007, 20:19
เจอ คุณสมคิด ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ หน่อยเดียว หลงลมปากเข้าให้แล้ว ฤาไง
 :slime_mad:  :slime_mad:  :slime_mad:  :slime_mad:
ที่ผ่านมา คุณสมคิดทำอะไรอยู่ อะไรถูกอะไรผิดรู้อยู่แก่ใจ ไม่อายคนอื่นก็อายตัวเองบ้าง
ถ้ากล้าประจานตัวเองโดยกล้าอธิบายความผิดผลาดที่ แม้วคุง ทำมาว่ามีอะไรมั้งในฐานะคนใน แล้วค่อยใ่ส่ตระกร้าล้างน้ำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้นหน่อย 
ก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้ ฤา อาจเป็นแผนเรียกน้ำตา อาจจะเป็นได้ 
 :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ผ่านไป ราชดำเนิน เจอบทความนี้เข้า ก็เลย
เริ่มหัวข้อโดย: (ก้อนหิน) ละเมอ ที่ 21-02-2007, 21:40
ไหลเก่งจริงๆ... ไอ้พวกขี้ข้า
แหม แต่ก่อนด่าเศรษฐกิจพอเพียงซะเสียๆ หายๆ
แล้วตอนนี้มาพลิกลิ้น ถุยๆๆๆ