ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

'ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช' 13 วัน กวาด 237ล.   
โดยทีมข่าว INN News 04 กุมภาพันธ์ 2550 15:08:07 น.     

(http://www.innnews.co.th/entertain/20182.jpg)

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 ฉาย 15 ก.พ.นี้ ภาคแรกรายได้ฉลุย 13 วัน 237 ล้าน ประธาน คมช. ชี้คนไทยควรทบทวนข้อคิดจากหนังเป็นบทเรียนในสถานการณ์ปัจจุบัน

ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องแรกของไทย "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ภาค 2 "ประกาศอิสรภาพ" จะฉายในวันที่ 15 ก.พ. นี้ โดยเป็นเรื่องราวในช่วงที่พระองค์ดำ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ทรงเจริญพระชันษาและกลับไปยังหงสาวดีอีกครั้งหลังจากประทับอยู่ที่พิษณุโลกระยะหนึ่ง ทรงผ่านเหตุการณ์สำคัญมากมาย และทรงมีชัยชนะในศึกเมืองคังด้วยพระอัจฉริยภาพในการรบอันล้ำเลิศที่สร้างความเคืองแค้นให้แก่ราชนิกุลฝ่ายพม่า ซึ่งนำไปสู่แผนการร้าย ภาคนี้จบลงที่การประกาศอิสรภาพและศึกแม่น้ำสะโตงอันยิ่งใหญ่ ให้สามารถดำรงเอกราชและความเป็นไทที่เราภาคภูมิใจตราบจนทุกวันนี้

ล่าสุดภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสนใจจาก พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วยนายทหารระดับสูง ได้ไปร่วมชมเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่า

"หนังเรื่องนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ถ้าคนไทยไม่รักกัน ไม่สามัคคีกัน บ้านเมืองของเราก็จะเกิดปัญหา และเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนไทยทั้งชาติได้กลับมาทบทวนว่า เราเสียกรุงไป 2 ครั้ง แต่ละครั้งก็เกิดจากคนไทยเรา เองด้วย ซึ่งเราก็ควรให้เป็นบทเรียนเพื่อทบทวนดูว่าปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร และอยากให้คนไทยตระหนักว่าความรัก ความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติมีความสำคัญมาก"  

สำหรับยอดรายได้ของภาพยนตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ในช่วง 13 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่ 18 – 30 ม.ค. รวมทั้งสิ้น 237 ล้านบาท โดยเป็นตัวกระตุ้นตลาดหนังไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และยังคงมีกระแสความสนใจของผู้ชมทุกเพศทุกวัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ และยังเตรียมนำรายได้ทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

http://www.innnews.co.th/entertain.php?nid=20182

:D

กระทู้นี้พอจะบอกว่า "เศรษฐกิจเน่า" ได้มั้ยเนี่ยย :slime_bigsmile:

ที่แน่ๆ ผมว่าข่าวนี้คงพอจะบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้ชุ่ยจริงอย่างที่แถเคยบอกหรือเปล่า  :slime_v:

ช่างขัดกับบางข้อความเหลือเกิน

พระเอกอะไร ล๊อ..หล่อ

อยากดูหนังประวัติศาสตร์ชาติไทย แบบนี้แหละ

ขอถามเชยๆ.. ใครแสดงเป็นพระเอกคะนั่น  :slime_v:
หน้าตาหล่อเหลาอย่างคุณ justy ว่าจริงๆ ด้วย

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

เอาภาพ ผู้กองเบิร์ด มาฝากพี่อังฯ ค่ะ.... หนูขอเป็นลมก่อนละ   :slime_inlove:


(http://picdb.thaimisc.com/benjapol/3126-24.jpg)

(http://picdb.thaimisc.com/benjapol/3126-25.jpg)

ผลจากการใช้นักแสดงเพื่อให้หนังน่าสนใจ ก็ดีอย่างนี้ คนดูเข้าใจง่าย ไม่เบื่อ  :slime_smile:

ขอบคุณค่ะน้ำหวาน.. มะแอ๋ แจ่มจริงๆ แฮะพระเอกคนนี้  :slime_sentimental:
น้องอโลฮ่า.. นอกจากจะทำให้หนังน่าสนใจ ไม่น่าเบื่อแล้ววว  :slime_smile2:
ยังถึงขั้นทำให้น่าเป็นลมได้ด้วยแน่ะ.. ใครมียาดมให้น้ำหวานยืมมั่ง อิอิอิ

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

ว่าแต่..ภาคแรก 237 ล้านนี่ ได้กำไรรึยังอ่ะคะ?

ภาพยนตร์แห่งอิสรภาพเรื่องนี้ใช้ทุนสร้าง 700 ล้านบาท
ภาคแรกได้ไม่ถึง 350 ล้านเลยอ่ะค่ะ อย่างนี้ภาคสอง ต้องได้เท่าไรหนอ  :slime_hmm:




ปล. ขอแปะพระเอกอีกรูปค่ะ อิอิ ชอบเหลือเกิน หล่อเข้ม เป๊กหนูเรยยยย  :slime_inlove:


(http://images.hunsa.com/Movie/news_012007/naresuan_press_16012007/21.jpg)

เท่าที่เคยเห็นมา.. คนหนวดงาม มักตาหวาน  :slime_sentimental:
..ขวัญใจน้ำหวานนี่ หนวดงาม หูตาก็แวววาวไม่เลว  :slime_whistle:
สงกะสัยจังว่าถ้าไม่มีหนวดจะเป็นยังไงนิ

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

http://www.komchadluek.net/

ไส้ศึก
ภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ที่กำลังเข้าฉายในขณะนี้ถือว่า อยู่ในช่วงเวลาเหมาะสม เพราะสถานการณ์ของแผ่นดินไทยกำลังระส่ำด้วยความสับสน

 ประชาชนรากหญ้าไม่เข้าใจว่ามีการคอรัปชั่นโดยนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมา รุนแรงระดับที่เปรียบได้ว่า เหมือนร่างกายที่ถูกโรคร้ายคุกคามจนทรุดโทรม

 ประชาชนเหล่านี้ไม่ได้มีโอกาสใช้สนามบินสุวรรณภูมิ หลายคนไม่ได้ถูกกระทบจากการฆ่าตัดตอน หรือสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ในทางตรงกันข้าม กลับได้รับการปันประโยชน์จากโครงการเอื้ออาทรต่างๆ โดยไม่สนใจว่าแหล่งที่มาของเงินนั้น จะถูกต้องทางคุณธรรมหรือไม่

 ยังมีกลุ่มคนมีการศึกษาเป็นจำนวนมาก ที่เข้าใจการคอรัปชั่นได้ถูกต้อง แต่ก็ระส่ำว่าระบบกฎหมายและระบบข้าราชการ รวมทั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่างๆ จะสามารถสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานมาลงโทษผู้กระทำผิดได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าฝ่ายโกงแผ่นดินจะดำเนินการได้แนบเนียน ซับซ้อน ที่สำคัญยังมีเครือข่ายที่เป็นนักธุรกิจข้าราชการ ที่คอยสนับสนุนอยู่ทุกรูปแบบ

 กลุ่มคนกลุ่มนี้จึงรู้สึกกังวลว่า กลไกโดยรัฐบาลชุดเฉพาะกิจอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

 สถานการณ์ของแผ่นดินไทยในขณะนี้ เป็นเหมือนกลียุค แต่ที่ต่างจากเหตุการณ์ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรก็คือ เราไม่ได้ถูกพม่าหรือศัตรูต่างชาติบุก โดยใช้อาวุธประหัตประหาร สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดจากคนไทยแตกแยกกันเอง หลายคนเลือกไว้วางใจผู้นำทางการเมืองที่เก่งธุรกิจ คาดหวังว่าจะกอบกู้ความร่ำรวยให้แก่แผ่นดิน และปันประโยชน์มาให้ประชาชน

 การทำร้ายแผ่นดินโดยผู้ที่ใช้ความเก่ง แฝงตัวในอำนาจหลอกลวงมอมเมา จนประชาชนแยกแยะไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าบ้านเมืองกำลังผุกร่อน ถูกสูบกินเลือดจนแทบจะยืนไม่ได้ ที่สำคัญยังหันมาทำลายทำร้ายกันเองอย่างน่าสมเพช

 สถานการณ์ที่กำลังเสียเมืองอยู่ในขณะนี้ จึงไม่เห็นข้าศึกชัดเจน ศัตรูเหล่านี้ไม่ได้รบซึ่งๆ หน้า หากจะรอให้มีวีรบุรุษมากู้ชาติแบบเดียวกับสมเด็จพระนเรศวรเห็นทีจะยาก ยามนี้คนดีต้องรวมพลังกันกู้แผ่นดินให้ได้ แต่มองไปก็ไม่เห็นคนจริงสักคน บางคนจริงจังแต่ไม่จริงใจ บางคนจริงใจแต่ไม่จริงจัง

 ที่หนักหนาน่าห่วงก็คือ พวกจริงใจและจริงจัง แต่ไม่รู้จริง ถูกคนคิดไม่ดีหลอกใช้อำนาจ ไส้ศึกในทีมนักรบกู้แผ่นดินนี่แหละ ที่จะทำให้ไปไม่รอด ทำทีใส่เกียร์เดินหน้าแสดงความหวังดี แต่สิ่งที่ทำกลับกลายเป็นหลุมพรางกับดักระเบิด ทำลายคนดี

 ดูให้ดีนะ พวกเกียร์ว่างไม่น่ากลัวเท่าพวกไส้ศึกที่ใส่เกียร์เดินหน้า แต่พฤติกรรมใส่เบรก
 


ขอชื่นชมและสนับสนุนให้ไปชมหนังเรื่องนี้

เพราะปลุกจิตสำนึกในความเป็นคนไทยได้ดี ยกเว้นพวกนอกรีต

กับพวกรักชาติจนน้ำลายสอ กับพวกชเลียร์รายวัน รายปักษ์ รายเดือน :slime_mad:

อ่ะ แหม..........  ทู้นี้สาวกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย  หมั่นไส้วุ้ย  :slime_whistle:  (แบบว่าทนไม่ได้ที่คนอื่นหล่อกว่า ม้ากกก)  :slime_shy:

จำเป็นรึครับที่ต้องสนเรื่องกำไร ในเมื่อรายได้ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าฯ

พระเอกเค้ามีแควนแล้วนะคะ  :slime_smile2:

แกล้งบอกให้คนอกหักเล่นๆ  :slime_smile:

 :slime_bigsmile:ไม่ได้ดู  แต่จะรอซื้อแผ่น :slime_v:

ตอนแรกตัดสินใจอยู่นานว่าจะโพสไว้ ห้องริมน้ำหรือห้องสภากาแฟดี

 :slime_dizzy:

คุณแอ่นแอ๊น อิอิ เก็ดถวาไม่อกหักค่ะ  :slime_bigsmile:

เพราะว่า หลงรูป จูบกระดาษเท่านั้นเองแหละ

ว่าแต่คุณแอ่นแอ๊นไม่ชอบเหรอ หล่อขนาดนี้ อิอิอิ


...

เรียนคุณ solidus คะ

ตอนแรกว่าจะไม่ตอบ แต่ก็ตอบซะหน่อยก็ได้

ดิฉันตั้งคำถามนั้น เพราะทราบว่ารายได้จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ค่ะ

และในข่าวไม่ได้บอกว่ารายได้ที่ว่านั้น หักค่าใช้จ่ายหรือยัง

ปกติ หากไม่หักค่าใช้จ่าย เค้ามักจะโปรโมทตรงๆ เลยว่ารายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ

ดิฉันจึงสงสัย เพราะเกรงว่าถ้าหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะเหลือทูลเกล้าฯ ไม่เยอะ

ดิฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าจำเป็นจะต้องสนใจเรื่องกำไร ขาดทุนอะไรหรอกนะคะ

หวังว่าคุณ solidus คงจะเข้าใจ.. ขอบคุณค่ะ 

ไรเล่า!! อาเฮียมาบ่นงึมงำไรเนี่ย  :slime_smile2:

เอ่อ ไม่หักค่าใช้จ่าย จะไหวเหรอครับ สงสารคนทำมากกว่า

พระเอกก็ดูเท่ดีค่ะ แต่แอนเฉยๆ อ่ะ สงสัยต่อมแพ้ความหล่อไม่ค่อยทำงาน  :slime_shy:

ปรบมือให้ท่านมุ้ย [9 ก.พ. 50 - 16:47]
 
ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ของ “ท่านมุ้ย” ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เมื่อช่วงบ่ายๆ ก่อนที่ผมจะลงมือเขียนต้นฉบับวันนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

ตัดสินใจเขียนให้ทันทีเลยครับเพราะกำลังมีอารมณ์หรือกำลัง “อิน” เต็มที่ หลับตาลืมตาก็เห็นแต่ทัพม้าทัพช้างของกรุงศรีอยุธยากับกรุงหงสาวดี เข้าปะทะกันอย่างเมามัน ว่างั้นเถอะ

ผมนั่งนับวันที่ที่คอลัมน์วันนี้จะลงตีพิมพ์ ปรากฏว่าตรงกับวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์พอดิบพอดี

แปลว่าจะเหลือเวลาฉายภาคที่ 1 ตอน “องค์ประกันหงสา” อีกเพียง 4-5 วันเท่านั้นเอง

เพราะขณะนี้ท่านมุ้ยท่านขึ้นป้ายตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ และตามโฆษณาแจ้งความทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ไว้แล้วว่าภาค 2 ตอน “ประกาศอิสรภาพ” จะเข้าฉายวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์

ท่านที่ยังไม่ได้ดูภาคหนึ่งคงต้องรีบๆหน่อยละครับ เดี๋ยวจะดูภาค 2 และภาค 3 ไม่สนุกซะเปล่าๆ

หากจะถามว่าผมดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? ก็คงจะต้องตอบเหมือนท่านผู้ชมอื่นๆที่ดูชมไปแล้วจำนวนมากว่า...“เยี่ยมครับ”

ทั้งยิ่งใหญ่อลังการ สมจริงสมจังและเดินเรื่องเป็นขั้นเป็นตอน ชวนให้ติดตามไปตลอด

ใส่ตำนาน ใส่เกร็ด และเพิ่มตัวละครสมมติที่ไม่มีอยู่ในพงศาวดารฉบับไหน นอกจากฉบับของท่านมุ้ย ทำให้หนังประวัติศาสตร์อันหนักอึ้ง กลายเป็นหนังที่ตามดูได้สบายๆ

โดยเฉพาะน้องบีเจ ด.ช.ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ ที่รับบทบาทพระองค์ดำ หรือพระนเรศวรภาคปฐมวัย ในฐานะองค์ประกันหงสา แสดงได้ดีมาก

ประกบกับดาราอาวุโสที่ได้รับตุ๊กตาทองมาแล้วครึ่งเข่งอย่างมหาเถรคันฉ่อง สรพงศ์ ชาตรี ได้อย่างชนิดไม่มีอาการประหม่าเลยแม้แต่น้อย

ฉากเมือง ฉากปราสาทราชวังต่างๆ สร้างได้สมจริงสมจัง ทั้งเมืองพม่าและเมืองไทยไม่ทราบว่ารื้อถอนไปหมดหรือยัง

เก็บไว้ให้คนตีตั๋วไปดูแบบที่เกาหลีใต้เขาเก็บปราสาทราชวังของ แดจังกึมเอาไว้ขายตั๋วให้นักท่องเที่ยวได้สบายเลยครับ

มีจุดอ่อนอยู่จุดเดียวที่คงต้องกราบเรียนให้ท่านมุ้ยทราบไว้ก็เห็นจะเป็น ฉากพระองค์ดำวัยเด็กที่โดนผู้ร้าย ซึ่งรับแผนจากพม่าจะเข้ามากลุ้มรุมทำร้ายพระองค์ท่าน

ผู้ร้ายมาด้วยกัน 2 คน และเข้ากระหนาบซ้ายขวาเด็กชายปรัชฌาในบทบาทพระองค์ดำ จึงต้องกระโดดตัวลอยใช้วิชามวยไทยท่าพิสดารถีบพร้อมๆกัน 2 เท้า

คนดูรอบผมเฮลั่น และมีเสียงอุทานว่า เหมือนหนังกำลังภายในแฮะ

ก็มีฉากนี้ฉากเดียวครับที่ดูขัดหูขัดตาอยู่หน่อย...นอกนั้นขอยกนิ้วให้ดังที่ผมได้กล่าวไว้ตอนต้น

ถ้าจะว่าไปแล้วต้องถือว่า ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของท่านมุ้ยคนหนึ่ง ตามดูหนังของท่านมาตั้งแต่เรื่องแรก “มันมากับความมืด” ที่เฉลิมเขตต์ เมื่อ 34-35 ปีก่อน

บอกตรงๆว่าในช่วงนั้น ผมไม่นึกว่าท่านมาได้ไกลถึงขนาดนี้เลย เพราะหนังเรื่องแรกของท่านนอกจากดูไม่สนุกแล้วยังมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ได้อีกมากมาย

แต่พอมาถึง “เขาชื่อกานต์” ผมเริ่มทึ่งและเห็นว่า ท่านไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว

ที่เคยปรามาสท่านไว้จากเรื่องแรก ต้องรีบถอนคำปรามาสโดยทันทีทันควัน

จากนั้นก็หันมาดูหนังท่านจนอาจกล่าวได้ว่าถ้าไม่ครบทุกเรื่อง ก็คงเกือบๆครบนั่นแหละครับ

ล่าสุดคือ “สุริโยไท” นั้น ไม่ต้องสงสัยอะไรเลยว่า ท่านสมควรแล้วกับความเป็น “เดี่ยวมือหนึ่ง” ของผู้สร้างหนังไทย

ยิ่งมาถึง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ก็ยิ่งยืนยันได้ถึงความยิ่งใหญ่ของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล

เพื่อนผมหลายๆคนอยากให้ไปดูหนังเรื่องนี้ เพื่อกระตุ้นความเป็นไทย เพื่อปลุกความรักชาติไทย และเพื่อรวมใจคนไทยในยุคแห่งความสับสน

เอาเถอะจะไปดูเพื่อการที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ก็โอเคเลย แต่สำหรับผมอยากให้ไปดูฝีมือท่านมุ้ยมากกว่าอะไรทั้งหมด

คนที่ใช้เวลา 6 ปี ในการค้นคว้า ใช้หนังสืออ้างอิงกว่า 100 เล่ม เดินทางไปดูสถานที่ทุกสถานที่ที่ประวัติศาสตร์อ้างถึง ใช้ดารานำ 50 คน ใช้ตัวประกอบ 100,000 คน ใช้เสื้อผ้า 20,000 ชุด ใช้อาวุธ 5,000 ชิ้น ใช้ฟิล์ม 2,000 ม้วน และใช้เงิน 700 ล้านบาท เนรมิตหนังออกมาได้ขนาดนี้

ก็คงต้องไปดูและปรบมือกราวใหญ่ให้ท่านเหมือนที่ผม จั่วหัวคอลัมน์วันนี้นั่นแหละครับ.

ซูม
 
http://thairath.co.th/news.php?section=society02&content=36262

วันนี้ฟังรายการวิทยุ ก็มีเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์เรื่องราวช่วงนี้

หนังเรื่องนี้สร้างกระแสหลายอย่าง

เป็นหนังที่สร้างแล้ว สร้างความรู้สึกน่าสนใจ น่าติดตาม น่าศึกษา

สร้างความสามัคคีของคนในชาติ


* ดูจากที่ออกทีวี ภาค 2 - 3 ดูน่าดูกว่าภาคแรกแฮะ

ไปดูภาค2มาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ
ภาคนี้ทำได้ดี...........ดีกว่าภาคแรกมากมายนัก
ไปดูแบบไม่ตั้งใจเท่าไรเพราะผิดหวังมาจากภาคแรก
แต่พอได้ดูแล้วอืม..........คนละฟิลกันเลย

แค่ฉากรบเมืองคังก็คุ้มแล้ว โดยเฉพาะหนูทราย เจริญปุระ
เธอเล่นเรื่องนี้ได้เด่นมากๆ ไม่ต้องสวยแต่งามสง่าในแบบฉบับนักรบหญิง

เนื้อเรื่องยังติดความอืดอยู่บ้าง แต่ไม่น่าเบื่อหน่ายเท่าภาคแรก
หวังว่าภาค3คงทำออกมาได้ดีเหมือนภาค2

แก้ใขชื่อเมือง เมืองคัง ไม่ใช่เมืองแครง สับสนชื่อเมืองที่ประกาศอิศระภาพกับเมือง
ที่ขึ้นตีบนยอดเขา :slime_whistle:

ชอบภาคแรกมากกว่าอ่ะค่ะ ภาคสองช่วงแรกๆ ตัดภาพไปมามากไป จนรกไปหน่อย ดูไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ สงสัยจะมีรายการหั่นส่วนเกินออกไปพอสมควรอ พอออกมาเป็น DVD อาจจะกลายเป็นจบชุด 15 ชั่วโมงก็ได้ มินิซีรี่ส์เลยอ่ะ  :slime_bigsmile:

ภาคนี้้บทพระนเรศวรนอยกว่าที่คิดเยอะ แถมบทบุญทิ้งเยอะไปหน่อยอีกต่างหาก มีบางฉากนี่แบบ โผล่ขึ้นมาทำไม๊ด้วย เกิดอาการเซ้งเล็กน้อย  :slime_hmm:

รวมๆ เอาเป็นว่า ภาคนี้ดูแล้วเฉยๆ มาก ฉากรบทำดีอยู่แล้ว แต่สังเกตจากตัวเอง นั่งขยับตัวบ่อย ดูนาฬิกา 3-4 รอบ แสดงว่ามีบางช่วงที่คงจะเบื่อ

ถ้าเทียบกับ LOTR แล้ว ยังสู้ไม่ได้ (ไม่ได้หมายความว่าไม่รักชาตินะ วิจารณ์ตามเนื้อผ้า) ชอบภาคแรกมากกว่า อาจจะเพราะดูแล้วอินมากกว่า รักชาติมากกว่า น้ำตาร่วงไปหลายฉาก ภาคนี้ดูแล้วเฉยๆ กับเบื่อๆ (อย่าว่าอะไรแอนเลย ขนาดแอนดู Dejavu แอนยังเบื่อเลย แบบว่าเดินเรื่องมาซักครึ่งชั่วโมงมันเดาเรื่องได้หมดแล้วไงเลยเซ็ง บางทีก็รู้สึกนะว่า ดูหนังมากๆ การทำหนังมันชักตันๆ อ่ะเนอะ)

อ้อ ว่าแต่ อุดหนุนพวกสินค้าที่ระลึกกันป่าวคะ อาทิตย์ก่อนเห็นคนใส่ ริสท์แบน วันศุกร์ที่แล้วเห็นคนใส่เสื้อโปโลด้วย อยากได้แก้วกาแฟอ่ะ สีดำลายทอง สวยดี  :slime_sentimental:

ผมดูมาแล้วทั้งสองภาคครับ ภาคสองนี้ คนรอเข้าคิว ตอน 10 โมงที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า เลยออกมาเกือบถึงบันไดเลื่อน นี่ขนาด คิวมันเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแล้วนะ  :slime_sentimental:

ผมไม่ใช่นักวิจารณ์หนัง แต่ผมชอบทั้งสองภาคเลยครับ

ภาคแรกดูสนุกน่ารัก สดใส สอดแทรกมุขตลก ดูแล้วไม่เบื่อ

ภาคสองดำเนินเรื่องกระชับ เก็บรายละเอียดเยอะ ชวนให้คนดู ดำเนินเรื่องได้ไม่น่าเบื่อครับ แต่ขอติงนิดนึงเรื่อง บุญทิ้ง บทค่อยข้างเด่น เด่นกว่าบทตัวเอกซะอีก แถมผมยังงงๆ กับ ท่านมณีจันทร์รู้สึกจะรักบุญทิ้ง เหมือนกัน  :slime_inlove:

ผมดูหนังผมจะไม่เอาเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกันเท่าไหร่ เพราะทั้งต้นทุนและบุคลากร ต่างกันมาก แต่ผมจะดูว่า ผมมีความสุขกับ 120 บาทที่ผมเสียไปแค่ใหน

เรื่องนี้รู้สึกมีความสุขและคุ้มค่ามากครับ แต่จะให้ดู สองรอบผมคงทำไม่ได้ เพราะไม่ชอบดูหนังเกินรอบเดียวครับ  :slime_bigsmile:

ภาคแรกไปตอนเข้าเป็นอาทิตย์ที่ 3 แล้ว (สุดสัปดาห์ที่ 3) คนเลยไม่เยอะ ไม่ได้รอนาน ส่วนภาคสอง รอซื้อตั๋วไม่นานค่ะ แต่ว่าไปถึงโรง บ่าย 4 โมงกว่าๆ น้องที่โรงประชาสัมพันธ์ว่า รอบที่ใกล้ที่สุด 2 ทุ่มครึ่งค่ะ คิวซื้อตั๋วไม่ยาวค่ะ แอนจองรอบ สองทุ่มห้าสิบห้า เสร็จแล้วซื้อไอติม ขับรถกลับบ้าน ไปนอนอ่านหนังสือ หลับไปงีบนึง ตื่นมากินอะไรหน่อย ดูทีวีอีกนิด ขับรถไปโรงหนังอีกที (พอดีอยู่บ้านนอก โรงห่างจากบ้าน 5-6 กิโลฯ ขับรถแป๊บเดียวถึง ค่ำๆ รถไม่ติด)

เรื่องมณีจันทร์น่าจะเพราะเป็นเพื่อนมาแต่เด็กมากกว่า ส่วนเรื่องบุญทิ้ง (พระยาราชมนู) ในประวัติศาสตร์ไม่มีปรากฏนะคะ น่าจะเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นทั้งหมด แต่บทมากไปหน่อยจริงๆ ค่ะ

 :slime_smile: :slime_smile:

 :slime_dizzy: อยากทราบว่า ภาค 1 เขายังจะฉายอยู่หรือป่าวฮะ?  จะพาเพื่อนที่เป็นชาวสิงค์โปร ไปชม (ไม่ได้แดกดันนะ เพื่อนจริงๆ)

ยังมีฉายนะคะ แต่ว่าโรงเล็กลง รอบน้อยลง ลองเช็ครอบก่อนก็ได้นะคะ

http://www.egv.com/showtime/showtime_v4.php?selectbranchegv=0&type=egv&selectmovieegv=0&aa.x=63&aa.y=37 (http://www.egv.com/showtime/showtime_v4.php?selectbranchegv=0&type=egv&selectmovieegv=0&aa.x=63&aa.y=37)
อันนี้ของโรง EGV

http://www.majorcineplex.com/majorcineplex/showtime/index.php (http://www.majorcineplex.com/majorcineplex/showtime/index.php)
อันนี้เมเจอร์ค่ะ

ส่วน SF กะ พารากอน หาเองเด้อ  :slime_bigsmile:

อ้อ เพื่อนฟังภาษาไทยได้ป่าว ถ้าไม่ได้มีให้เลือกแบบมีซับไทเทิ่ลอ่ะ แอนดูทั้งสองภาคมีซับอังกฤษทั้งสองภาคเลย

..ยังไม่มีโอกาสได้ดูกับเขาซักกะภาคเลย  :slime_surrender:

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)

รอซื้อ DVD ครบชุด เอาไปดูที่บ้านครับ

น่าจะมีขาย หลังจากหนังออกจากโรง

(ผมก็รอซื้ออยู่)  :mozilla_cool:

สงสัยอยู่อย่างนึงค่ะ หนังส่งออกเนี่ย ปกติเค้ามีภาคด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่าออกไปฉายต่างประเทศก็เป็นภาษาไทยแล้วมีซับแบบนี้ไปเลยอ่ะ แบบว่าซับแปลไม่ค่อยเต็ม อีกอย่างคือ ภาษาเรายากเนอะ  :slime_sentimental:

น่าจะแบบของต่างประเทศเข้ามาแหละ มีทีมพากย์ของเขาเอง ไม่จำเป็นต้องพากย์ให้ตรงของเดิม ขนาด BR ว่าโหด ๆ หน่อย พันธมิตรพากย์ซะ... :slime_hmm:

ดูแล้วทั้ง 2 ภาคเหมือนกันคะ  ไปดูภาคสองวันแรกเลยคะ รอบ 22.40 

กว่าจะกลับก็ปาไปตี 2  :slime_v: แต่มีความสุขคะที่ได้ดู

แต่ที่น่าแปลกคืออายุของนักแสดงนะคะ

อย่างที่บอกพระสุพรรณกัลยา น่าจะมีบทบาทบ้าง

เพราะว่าเป็นบุคคลที่บอกว่าพม่าจะไปรบที่นั่น ที่นี้ให้กับพระนเรศวรทราบ

พระนางต้องทนทุกข์ทรมานที่พม่าพระองค์เดียว เป็นพระองค์ที่น่าสงสารที่สุด

เรื่องบุญทิ้งกับแม่นางเลอขิ่นเนี่ยเป็นบุคคลที่สร้างขึ้นในหนังคะ

เพราะอยากให้หนังมีความสนุก

แต่ที่ติดใจคือว่า ไม่รู้ว่าพระนเรศวรไปหลงรักมณีจันทร์ตอนไหน

อีกอย่างพงศวาดารบอกว่า มณีจันทร์เป็นธิดาของชาวไทย เลยงง นิด ๆ เป็นลูกบุเรงนองหรือนี่

อย่างที่คุณแอนบอกนั่นละคะ คือว่า เรื่องพระนเรศวรแต่ไม่ค่อยเห็นพระนเรศวรเท่าไหร่

น่าจะเรื่องบุญทิ้งมากกว่าเพราะฉากมีเยอะกว่าอีก

ในพงศวดารที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ว่าพระมหาจักรพรรดิ์คงเข้าใจว่าทำไมถึงต้องยอมให้แก่หงสาวดี

พม่ามาตีเมืองเหนือแล้วจึงไล่ตีลงไปยังอยุธยา เพื่อไม่ให้พวกเมืองเหนือยกทัพมาช่วยอยุธยาได้

แล้วอีกอย่างนึงคือ กว่าบุเรงนองจะได้เป็นกษัตริย์ ก็ประมาณ จากปี พ.ศ. 2091 - 2106

เพราะบุเรงนองเป็นพี่ชายของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ คะ

พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ท่านรบมาเยอะ แล้วเป็นโรคประสาทนิดหน่อย เลยโดนสำเร็จโทษ

แล้วให้บุรงนองขึ้นครองราชย์แทน ช่วงนั้นหงสาวดีมีพวกแข็งเมืองเลยต้องปราบไป 3 ปี

ถึงได้มาที่กรุงศรีอยุธยาคะ

คุณแอน ออกพระราชมนูมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ค่ะ เรื่องนี้ท่านมุ้ยเคยยืนยันในห้องเฉลิมไทย
แต่เจ้านางเลอขิ่น(พระราชธิดาเจ้าฟ้าเมืองคัง)ต่างหากที่เป็นตัวละครที่ท่านมุ้ยแต่เสริมขึ้น

แต่จะมีตัวตนจริงหรือแต่งขึ้น สองคนนี้ก็กลายเป็นคู่ขวัญชาวเฉลิมไทยไปแล้ว
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5152262/A5152262.html

คุณล้างโครต.........ที่คุณกล่าวมาทั้งหมดนั่นคือความน่าเบื่อที่ดิฉันได้เจอจากในภาคแรกค่ะ
ซึ่งภาคสองก็ยังมีตามมาประปราย แต่ด้วยความอลังการของตัวหนังทำให้มองข้ามจุดพวกนี้ไป
ได้อย่างไม่ยากเท่าไร(ก็บอกแล้วว่าแค่ฉากรบเมืองคังก็คุ้มแล้ว)

ไม่ว่าจะเป็นพระสุพรรณ ที่แต่งหน้าซะหงั่กเป็นป้า ทั้งๆที่ตัวจริงพระชันษาในตอนนั้นไม่ถึงขนาดนี้
แล้วคุณเกรซตัวจริงก็ยังสาวอยู่มาก

พระยาเกียร-พระยารามที่ในหนังปูเนื้อเรื่องว่าเป็นเพื่อนเณรมากับพระนเรศวร
แต่พอโตมา ทั้งคู่หน้าหงั่กไปราวกับเป็นลุงเป็นอาของพระนเรศวรได้

ฉากหน้าเบื่อตอนพระนเรศวรชมตลาดแล้วไปติดฝนที่บ้านยายตาบอด(ตอนนี้แอบนั่งเซ็งเหมือนกัน)

และดิฉันเห็นด้วยกับคุณตรงที่ว่า บุเรงนองไม่น่าจะรักพระนเรศวรมากกว่าลูกตัวเองถึงขนาดสั่ง
พระมหาเถรฯว่า หากพระองค์สิ้นพระชนม์ให้พระนเรศวรยกทัพมาชิงเมืองหงสา
ตรงนี้ท่านมุ้ยเขียนบทให้เข้าข้างตัวเองเกินไป
ต่อให้ดีแค่ใหนเก่งแค่ใหน ก็ไม่มีพ่อคนใหนยุให้คนอื่นมาแย่งบรรลังค์ลูกตัวเองแบบนี้หรอก
ยิ่งลูกเชลยยิ่งแล้วใหญ่

คุณเด็กบอร์ด
บุเรงนองเป็นพี่เขยนะคะ ไม่ใช่พี่ชาย(ลองกลับไปอ่านผู้ชนะสิบทิศสิ)
ท่านแต่งงานกับพระพี่นางของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ค่ะ

ในภาค2นี่ท่านมุ้ยจงใจจับจุดนี้หรือเปล่าไม่รู้
เลยให้มังกะยอชวา(มังสามเกียด)โอรสของนันทบุเรง
ออกแอบๆโบรคแบรคไปเลย หนุ่มๆที่รายล้อมหน่ะ
ส่อแววแหว๋วๆทั้งนั้น :slime_whistle:
เหมือนจะสื่อว่าได้เชื้อจากท่านปู่(น้องย่า)ยังไงพิกลแฮะ

เจ๊ดาคะ เรื่องพระราชมนูนั้น แอนฟังมาจากคุณท่านวีระอีกที เห็นแกอ่านพงศาวดารเยอะ และเคยคุยกับอาจายร์สุเนตรด้วย ส่วนมีจริงหรือไม่หน่ะไม่แน่ใจเหมือนกัน แล้วแต่คนอ่านเจอในฉบับไหน และมีความน่าเชื่อถือแค่ไหนด้วยค่ะ (เพราะเห็นแกว่าท่านมุ๊ยแต่งกะก๊อบ ซะเยอะ 555  :slime_bigsmile:)
ส่วนเรื่องพระมหาอุปราชานั้น เห็นว่าผู้ตีความประวัติศาสตร์อ่านกันแล้วเห็นกันว่า สงสัยจะเป็นเกย์  :slime_bigsmile:

ขอโทษทีคะ คือว่าอ่านแล้วก็งง ๆ นึกว่าเป็นพี่ชายเพราะว่า ตั้งเป็นพระเชษฐา

ขออภัยด้วยคุณ varada 

แต่ก็ขำตอน พระยาเกียร-พระยารามเหมือนกันนะคะ

ทำไม๊ หน้าตาถึงแตกต่างกับพระนเรศวรได้ขนาดนั้นทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมเรียนกัน

คุณแอนคะ พระมหาอุปราช เนี่ยใครคะ มังกะยอชวา รึเปล่าคะ

เรื่องพระราชมนูเนี่ยไม่เถียงคะ....เพราะไม่รู้ :slime_shy: นู๋ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วยคะ

คุณล้างโคตรวิพากษ์ได้ดีทีเดียวครับ  ผมเห็นด้วยว่าประเด็นสำคัญในภาคแรกไม่ควรจะเป็นการตีไก่ จริง

ถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องจะไม่ค่อยน่าเบื่อเท่าไหร่นัก(สำหรับผมนะ) แต่ตรรกะของเรื่องราวมันไม่ค่อย make sense เลยครับ

ภาคสอง ฉากแม่น้ำสะโตง  เรียกว่ารบห้ำหั่นบ้าเลือดกันอยู่  แต่กลับมีการแทรกบทของทหารงี่เง่าคนหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)
ว่า มัวแต่เล่นหมากรุก มัวแต่แต่งตัว  คือ  เหมือนจงใจแทรกความงี่เง่าเข้ามาเพื่อให้ตลกชวนหัว
แต่ผมว่า  อารมณ์มันขัดแย้งมากๆ  เพราะตอนนั้น เค้ากำลังรบกันจะเป็นจะตาย  ตรงนี้ทำให้เสียอรรถรถไปมากครับ

สรุปว่า  ดูเอามันส์น่ะ พอได้ครับ  แต่ถ้าจะให้ in ไปกับเรื่องราว เห็นจะยาก

ความยากของเรื่องนี้คือ บท ค่ะ เพราะมันต้องอ้างอิงจากพงศาวดารแล้วก็มักจะไม่มีความชัดเจนนัก ต้องตีความกัน แล้วก็ผูกเรื่องให้สนุก เรื่องบทนี่ LOTR ได้เปรียบกว่าเยอะมากเพราะมีหนังสือเป็นโครงเรื่อง แต่เรื่องความเนียนของเรื่อง การตัดต่อให้เหมาะสมกับเวลา ความต่อเนื่องของเนื้อหา LOTR ยังเนียนกว่ามาก ขนาดว่าอ่านหนังสือแล้วยังดูสนุก โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันกระโดดหายไปมากนัก ถ้าวิจารณ์ในแง่การเป็นภาพยนตร์อาจจะมีทั้งข้อติข้อชมหลายอย่าง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีแล้วหล่ะค่ะ นี่ว่างๆ แอนยังว่าจะหาพระสุริโยทัยฉบัับเต็มมาดูเลยอ่ะ (ยังไม่ได้ดู ได้ดูแต่ที่ฉายในโรง) ว่าไปแล้วหนังไทยแบบย้อนยุค เทียบๆ กันแล้วแอนชอบโหมโรงมากกว่าอ่ะ  :slime_smile:

เห็นด้วยค่ะว่าท่านมุ้ยตีใข่ใส่สีเยอะ :slime_smile2:

แต่อันใหนเติมเข้าไปท่านก็จะบอกตรงๆ(ถ้ามีคนถามนะ แต่ถ้าไม่มีคนถามก็แล้วปาย)
ว่าอันนี้เติมเข้าไป :slime_v:
แต่ถ้าอันใหนมีตัวตนจริงๆ ท่านก็จะยืนยัน(อย่างมั่นใจเลย)ว่าอันนี้มีตัวตนจริง

ออกพระมนูตอนหลังได้เป็นสมุหพระกลาโหม(ที่หนุ่มที่สุดในสมัยนั้น)ด้วย
แต่เรื่องที่ว่าท่านเป็นเจ้าบุญทิ้งแล้วเป็นเพื่อนกับองค์ดำมาตั้งแต่เด็กเนี่ย
อันนี้เติมเข้าไปค่ะ เพราะในประวัติศาสตร์ไม่มี(หรือยังไม่มีใครค้นเจอ)กล่าว
ถึงเรื่องพระมนูตอนเด็กๆไว้เลย มีจดบันทึกไว้ก็ตอนมารับราชการแล้ว

อ่ะ...........เอารูปมาบาดใจสาวๆเล่น แฟนตัวจริงคุณเบิร์ดค่ะ น่ารักใช่ย่อย :slime_inlove:
เห็นว่าคุณเบิร์ดแกแอบปิ๊งตั้งกะป.5ป.6(ไวไฟไม่แพ้พ่อบุญทิ้งในหนังเลย)
แต่โดนพี่ชายสาวกีดกัน จนโตเรียนจบทำงานแล้วนั่นแหล่ะ ญาติฝ่ายหญิง
ถึงได้ยอมเปิดไฟเขียวให้

แว๊กรูปใหญ่โครตๆๆ ขอแก้ตัวใหม่ :slime_hmm:

กรำ :slime_hmm: ก็ยังใหญ่อยู่ดี เลื่อนscollดูเอาเองแล้วกันเน้อพี่น้องเน้อ
หมดปัญญาย่อแล้ว :slime_shy:

ผู้ชายไทยที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดที่ "รักเดียวใจเดียว" :slime_v:

มีความพยายามสุด ๆ เลยคะ เข้ามาชื่นชมในตัวคุณเบิร์ด

ได้คำตอบเรื่องนี้แล้ว ท่านมุ้ยตอบไว้ที่กระทู้นี้แบบชนิดที่
ไม่ต้องถามต่ออีกเลย :slime_hmm:
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5145417/A5145417.html

ประโยคเด็ดที่อ่านแล้วอยากจะร้องกรี๊ดคือ :slime_dizzy:
นอนกับผู้ชายเพราะความรัก
นอนกับผู้หญิงเพื่อสืบพันธุ์

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ของโลกมักจะมีคู่รักเป็นผู้ชาย

http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3172324/A3172324.html (http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3172324/A3172324.html) เอาทู้นี้มาฝากเจ๊ดาค่ะ ถ้าให้เทียบระหว่างบุญทิ้งกะผู้พัน แอนชอบเท่แบบผู้พันมากกว่าอ่ะค่ะ แต่ดูเจ๊ดาจะปลื้มบุญทิ้งเอามากๆ เลยเนอะ  :slime_sentimental:  :slime_bigsmile:

เคยอ่านมา เค้าว่ามีทีมงานของ alexander มาช่วยทำฉากเมือง หงสาฯ

ในภาคสองที่ harem ของมังสามเกียดนั้น ดูแล้วรู้สึกเหมือน harem ของ alexander เลย มีแต่หนุ่มหน้าสวย  :slime_bigsmile:

ในหนัง นัดจิงหน่อง แห่งเมืองตองอู  นั่นก็จีบปากจีบคอใช่ย่อยอยู่

^
^
^
^
^
^
เอ่อ...........สรุปแล้วต่อมแพ้ความหล่อเนี่ยทำงานหรือไม่ทำงานก๊ะ :slime_bigsmile:
กระทู้นั้นเคยเห็นแล้วค่ะ แต่สารภาพตรงๆเลยว่าอ่านผ่านๆ
เพราะอะไรยาวๆนี่แพ้ค่ะ
จริงๆดิฉันหน่ะปลื้มทั้งคู่ค่ะ โดยเฉพาะหนูทรายนี่ ฉากยิงธนูเธอเท่ห์ได้ใจมาก :slime_inlove:

ก็เปรียบเทียบสองคนนี้ เท่แบบนี้ชอบมากกว่า แต่ได้หมายความว่าหลงไหลได้ปลื้มอะไรนี่คะ แอนถึงได้ตอบว่าดูเท่ดีไง คือ เป็นผู้ชายที่ดูสง่า คนละแบบกะปีเตอร์อ่ะ ผู้ชายแบบปีเตอร์ แอนเห็นแล้วหลอนๆ อ่ะ ออกจะไม่ค่อยชอบมากกว่าด้วยซ้ำไป แต่ถ้าถามว่าเห็นแล้วรู้สึกอะไรมั้ย แอนเห็นแล้วเฉยๆ ทั้งคู่แหละ บอกแล้วว่าต่อมแพ้ความหล่อไม่ค่อยทำงาน ถ้าพูดถึงเรื่องความเท่ห์ หรือดูดีเนี่ย เทียบคนๆ เดียวกันแบบเห็นชัดๆ เลยคือ คีนู รีฟอ่ะค่ะ สมัยก่อนเป็นพระเอกที่แอนไม่ชอบเอาเลย แต่พอเค้ามาแสดง เมทริก ภาค 2 - 3 หรือหนังเรื่องหลังๆ เค้าดูเปลี่ยนไปเยอะ ดูมีพลังแล้วก็เป็นผู้ใหญ่ขั้นหน่ะค่ะ

อย่าตีความคำว่า เท่ ผิดไปซิคะ  :slime_v:

พี่ดา  ผมว่าฉากนี้มีนัยยะที่ดีครับ 

ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่า การตกเป็นประเทศราชนั้น ไม่ใช่เพียงแค่มีเจ้าเหนือหัวเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง

การเป็นประเทศราช ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของคนทุกคนในประเทศ เพราะอะไร

เพราะนัยยะที่แท้จริงก็คือ  พวกคุณสูญเสีย "อิสระภาพ"

ในฉากนี้ ยายแก่ต้องตาบอดเพราะพม่ามารุกรานคนไทย ซึ่งตอนนั้น ใครก็ต้านบารมีบุเรงนองไม่ได้
ที่ยายแก่บอกว่า พระนเรศทรงจับศึกไม่เว้น  จริงๆแล้ว ศึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะ order ของหงสาฯ
ไม่ใช่เพราะความกระหายเลือดของคนไทยเอง
ถูกบังคับให้ไปรบราฆ่าฟันเพื่อประโยชน์ของคนอื่น เป็นประเทศราชก็ต้องยอมครับ

ผมว่าฉากนี้ อาจจะสื่อว่า อิสระภาพของชาวบ้านคนไทย ก็เป็นอีกแรงบันดาลใจหนึ่งที่พระนเรศจะต้องปลดแอกจากหงสาฯครับ

ในยุคปัจจุบัน  หลายๆประเทศที่เป็นเมืองขึ้นพวกฝรั่ง ต้องถูกบังคับแม้กระทั่งให้เปลี่ยนภาษาของตนเอง

เวียดนามก็ไม่มีอักขระภาษาเวียดนามไว้เขียนอีกแล้ว  ต้องใช้อักขระ latin (ฝรั่งเศส) โน่น

อินเดีย กับ ฟิลิปปินส์ นี่หนักหน่อย
ภาษาถูกรุกรานอย่างแรง  ถึงขนาดคนรุ่นใหม่ adopt ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ไปแล้ว
ตัวแม่รุ่นใหม่ๆเองก็พูดภาษาอังกฤษกับลูก แทนที่จะใช้ภาษาถิ่น

บางคนอาจจะคิดว่าดี  แต่ผมคิดว่า เป็นความสูญเสียอย่างร้ายแรงครับ (น่าอายด้วย)
วิธีเก่งภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายวิธีครับ ที่ดีกว่าการตกเป็นเมืองขึ้นน่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอชม คุณทราย ด้วยคน  เห็นตอนเป็นพิธีกรก็เก่งมากๆเลย ไหวพริบดี

acting เท่าที่เห็นในหนัง พูดได้ว่า ติดลมบนแล้วครับ สรุป เก่ง...

ฉากที่ว่านี้เห็นว่า ตามพงศาวดารบางฉบับมีตัวตนอยู่จริงนะคะ คือท่านไปหลบฝนที่บ้าน แล้วเห็นคุณยายแกเรียกแม่เรียกลูก (ท่านก็ผสมโรงเรียกแม่ไปจริงๆ) ภายหลังท่านกลับไปแล้ว รับคุณยายท่านนี้ไปอุปการะด้วยค่ะ ส่วนจะตีความหมายอย่างไรมีหลายแง่มุมเหมือนกัน ในรัชกาลของท่าน เรียกว่า รบกันทั้งรัชกาล สิบกว่าปี ชาวบ้านลำบากยากแค้นกันมาก จนหลังรัชกาลไปแล้ว เรียกว่า รบกันจนเดี้ยงกันทุกฝ่าย ถึงได้เป็นยุคที่ทำนุบำรุงบ้านเมืองหน่ะ

หนังสนุกมากๆครับ ในภาคที่2นี้เข้มข้นกว่าภาคแรกมากๆครับ วันนี้จะไปดูรอบที่ 3 แล้วล่ะ(เผอิญเพื่อนเยอะครับ ชวนมาหลายกลุ่มมากเลย)

เอาเมนูของท่านมุ้ยมาฝากค่ะ

ความคิดเห็นที่ 62

คุณสมันเบอร14
ผมว่าแกลบนี่ก็น่าอร่อยเหมือนกันนะ ครับถ้ารู้จักปรุงดีๆ เอาเนยตั้งไฟให้ละลาย สับกระเทียมแล้วทอดให้เหลือง หั่นหมูสามชั้นแล้วทอดพอสุก ใส่แกลบลงไปสองถ้วยชา แล้วเหยะซีอิ๋วขาวช้อนชาหนึ่ง น้ำตาลอีกหยิบมือหนึ่ง น้ำส้มสายชูครึ่งช้อน สาดผงชูรสมากๆ หน่อย โรยหน้าด้วยกัญชาแห้งหั่นฝอย กินกับแกงกรวดร้อนๆ  อิ่มแล้วเอามาใส่กล้องสูบได้อีก

สูตรนี้อย่าเอาไปทำนะครับ กินเข้าไปอาจจะตายได้ และถ้าสูบก็อาจจะติดคุกได้ (ข้อหาสูบกัญชา) ผมเขียนเล่นๆน่ะ ในฐานะเจ้าจนๆที่โอษฐกัดบาทถีบเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ หนังบางเรื่องขาดทุนจนต้องคิดสูตรทำอาหารด้วยแกลบเลยทีเดียว 

แต่ถ้าตุณสมันดู 3 รอบแล้วก็พอเถอะครับ เก็บเงินเอาไว้ดูภาคสองดีกว่าครับ

แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 50 03:13:59

จากคุณ : Cinephile - [ 9 ก.พ. 50 03:13:13 ]

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5119789/A5119789.html (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5119789/A5119789.html)

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: