ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: porameto009 ที่ 27-04-2006, 22:02



หัวข้อ: สภาไม่ครบ 500 คน กรรมการ - แชมป์เก่าต้อง "ลาออก"
เริ่มหัวข้อโดย: porameto009 ที่ 27-04-2006, 22:02
สภาไม่ครบ 500 คน
กรรมการ – แชมป์เก่าต้อง “ลาออก”


         หากจำกันได้ก่อนที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีจะตัดสินในยุบสภาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
         พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคมหาชน และพรรคชาติไทยบอกข้อสอบล่วงหน้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า วันที่ 4 มีนาคม จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและนายกฯ ในกรณีการทุจริตคอรัปชั่นทุกกรณี
         แทนที่พรรคไทยรักไทยจะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสพิสูจน์ข้อกล่าวหาด้วยการชี้แจงในสภาตามวาระการประชุมทั่วไปเพื่อพิสูจน์ข้อครหาที่สังคมสงสัย
         กลับ “ยุบสภาหนีความผิด” “ยุบสภาหนีการตรวจสอบ” “ยุบสภาแทนการลาออก” รัฐบาลอ้างว่า การยุบสภารัฐบาลมีสิทธิ์ทำได้พร้อมกับประกาศวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 2 เมษายนซึ่งผิดมารยาททางการเมือง         เนื่องจากการยุบสภาจะชอบธรรมได้ก็ต่อเมื่อ 1.รัฐบาลเสนอกฎหมายในสภา แต่แพ้เสียงโหวตฝ่ายค้าน 2.รัฐบาลตอบข้อสงสัยในประเด็นการทุจริตไม่ชัดเจน ส่งผลให้แพ้เสียงโหวตในสภา และ 3.ทันทีที่รัฐบาลประกาศยุบสภาต้องให้เวลาคู่ท้าชิง 45 – 60 วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
         แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ การยุบสภารัฐบาลควรประกาศก่อนล่วงหน้าเพื่อให้คู่แข่งมีเวลาเตรียมตัว มิใช่ไปเจรจาในห้องลับกับกรรมการรวมหัวกำหนดวันเลือกตั้งตามกฎกติกาของทักษิณ
         ฉะนั้น อย่าแปลกใจว่า ทำไมฝ่ายค้านไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ถ้าหากส่งเท่ากับยอมเป็นเครื่องฟอกตัวให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ สรุปง่ายๆว่า เมื่อ “กติกา” กลายเป็น “กติกู” ของผู้นำลุแก่อำนาจบางคนไปแล้ว
          แม้แต่คณะกรรมการคุมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังออกมาขานรับมติแม้วให้เลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนได้ ทั้งๆที่รู้ล่วงหน้าว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการเลือกตั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะครบสภา แม้จะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตครบ 400 คนสมใจหลังจากที่เพิ่มโปรโมชั้นพิเศษให้พรรคนอมินีที่สอบตกตั้งแต่รอบแรกมาสมัครใหม่ข้ามเขตข้ามจังหวัดได้อย่างเสรี ทั้งๆที่ สิทธิ์น่าจะหมดไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว
           อีกทั้งปัญหาที่ต้องแก้อีกข้อคือ กรณีที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน เนื่องจากหมอเปรมศักดิ์ เพียรยุระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อไทยรักไทย ได้บวชเป็นศิษย์ของวัดสวนแก้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
          แต่แทนที่ กกต.จะมีมโนสำนึกกลับแสดงพฤติกรรม “ลากตั้ง” จนถึงที่สุด เห็นได้จากท่าทีของคณะกรรมการลากตั้งทั้ง 4 คน รวมทั้ง พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต. ที่ออกมาพูดจาจาบจ้วงพระเปรมศักดิ์ว่า
          “ปัดโถ่ ถามได้ วันนนี้ที่หมอเปรมบวช เป็นการถูกต้องหรือเปล่า  ไอ้ที่บวชไม่ถูกต้องก็เยอะ คุณจะมาคาดคั้นอะไรกับพวกผม เป็นนักข่าวต้องมีจริยธรรมกันหน่อย”
         ไม่น่าเชื่อว่า “คำพูดที่ไร้วุฒิภาวะ” แบบนี้จะออกมาจากกรรมการคุมกติกาการเลือกตั้ง ผมคงไม่โสภาเท่าใดนัก ถ้าหากฝ่ายการเมืองและกกต.จะบีบให้พระเปรมศักดิ์กลับมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งๆที่ได้ยื่นใบลาออกให้กับพรรคไทยรักไทยและมีใบแสดงการบวชอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
         ที่น่าแปลกไปกว่านั้น รัฐบาลกลับเตรียมแผนฉุกเฉินร่างกฤษฎีกาเปิดสภารอผลการเลือกตั้งไว้ล่วงหน้าเหลือแต่ลงวันที่เท่านั้น และที่เหนือเมฆยิ่งกว่านั้นรัฐบาลส่งสัญญาณถึงเกลอเก่าศาลรัฐธรรมนูญให้ตัดสินเปิดสภาชั่วคราวโดยอ้างเหตุผลสีข้างเข้าถูว่าเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย
         ทั้งๆที่รัฐบาลจ้องแต่มัดมือชกฝ่ายตรงข้าม ไล่ตั้งแต่การยุบสภาหนีการอภิปรายในสภาก็ดี กำหนดวันเลือกตั้งภายในเดือนเดียว มิหนำซ้ำผลคะแนนโนโหวตมากถึง 10 ล้านเสียง บัตรเสียอีก 3 ล้านมีแต่ข้อความ “ท้ากกสิน....ออกไป” “ทักษิณ...หน้าด้าน” ฯลฯ         บอกตามตรงผมไม่คาดหวังกับกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไปแล้ว ที่พึ่งได้อยู่ตอนนี้คือ ศาลปกครองสูงสุด และศาลฎีกา ส่วนศาลรัฐธรรมนูญละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันครับ ก็เห็นกันอยู่ขนาดหลักฐานชัดแจ้งว่ามีพฤติกรรมเลี่ยงภาษีให้มากที่สุดยังไม่รับเรื่องเลย
         ทางออกที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น กกต.และ ทรท.ต้องอัปเปหิยกชุดเพื่อรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้หรือ กกต.ทั้ง 4 คนจะจ่ายเงินส่วนตัวคนละ 500 ล้านบาท 4 คนก็ 2000 ล้านบาทจัดการเลือกตั้งฟอกตัวให้ ทรท.อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
         จะยอมเสียเงินหรือลาออกก่อนที่จะโดนเช็คบิลทั้งคู่ล่ะเลือกเองนะครับ