ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 28-12-2006, 10:54



หัวข้อ: แน่ใจหรือว่า-----อยากกลับ ?.
เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 28-12-2006, 10:54
28 ธันวาคม 2549 น.


ตอนอยู่บ้านเมืองไทย ชอบออกไปตะลอนๆ สร้างบารมีต่างประเทศ พอถึงเวลาต้องไปอยู่ต่างถิ่นนานๆ ดันคิดถึงบ้าน ร่ำร้องขอกลับ

จะมาป้องกันชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล!

สถานภาพปัจจุบันของ "ทักษิณ" แทบไม่มีอะไรเหลือ แต่ละวันมีแต่การสอบสวนเปิดโปงเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน ในรูปแบบต่างๆ

ฟ้องให้เห็นว่ากว่า 5 ปี นักการเมืองเรืองอำนาจล้วนมีพฤติกรรมไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ใช้อิทธิพลการเมืองทำมาหากินโดยทุจริต

"คนลี้ภัย" อ้างว่าอยากกลับบ้าน น่าจะเป็นการฝันกลางแดด ตราบใดที่ยังมีคลื่นใต้น้ำก่อกวน เผาโรงเรียน ใช้วิชามารป่วนเมือง


ลูกพรรคไทยรักไทยเริ่มโผล่ ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" เรียกร้องให้เจ้านายมีโอกาสได้กลับมาสู้คดี หลังจากเงียบฉี่ไปกว่า 2 เดือน หรือนึกว่าสถานการณ์เริ่มเป็นต่อ

"วีระ มุสิกพงศ์" เริ่มแผ่ประกายไข่มุกดำเช่นกัน หลังจากเก็บตัวรอหาจังหวะเหมาะเพื่อสร้างความดี ความชอบให้เจ้านายได้รับรู้

"ไทยรักไทย" กลุ่มนี้ดูเหมือนไม่รับรู้ รับทราบการสอบสวนเรื่องทุจริต โกงกินกันอย่างมโหฬาร ยังเชื่อแบบฝังหัวว่าเจ้านายตัวเองนั้นสุดแสนสะอาด บริสุทธิ์ ไร้มลทิน เป็นเหยื่อการยึดอำนาจ

ไม่ได้นึกคิด มองย้อนหลังว่าประชาธิปไตยยุคไทยรักไทยเป็นใหญ่นั้น หลังฉากก็คือเผด็จการนั่นเอง แม้จะไม่เต็มสี แต่ก็เป็นเทาแก่ไปแล้ว

ฉะนั้นการรุกหนัก ขอเปิดช่องให้เจ้านายได้กลับบ้าน คงจะเป็นกลเม็ดไม้เด็ด เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครให้กลับ ก็เลยเกทับบลั๊ฟแหลก

เมื่อไม่ให้หา ก็ขย่มซ้ำแบบนี้ ตราบใดที่ไม่มีคำอนุญาต ก็จะร้องโหยหวน อ้างว่าเป็นการเรียกร้องหาความยุติธรรม ถ้าเก่งจริง ก็ไม่ต้องขออนุญาต ซื้อตั๋วเครื่องบินเข้ามาได้เลย ไม่มีข้อห้ามอะไร หนังสือเดินทางก็ยังไม่ถูกยกเลิกนี่!


ยิ่งรู้ว่ามีหมายจับรออยู่ สำหรับคดีอาญาในอาชญากรรมคอปกขาว การลักไก่คงไม่ได้ผล!

อย่างน้อยที่สุด เจ้าของฉายา "ปีศาจคาบไปป์" ยังรู้ทันเหลี่ยมว่าเจตนาส่งเสียงก่อกวน ให้รู้ว่ายังอยู่ กลัวว่าชาวบ้าน กองเชียร์จะลืม

การต่อสายให้ทนายสร้างข่าวความเคลื่อนไหวรายวันนั้น เป็นการส่งสัญญาณให้พวกรอน้ำเลี้ยงก่อคลื่นใต้น้ำ จะไม่คิดเลิกรา เดินหน้าเล่นเกมป่วนเมืองต่อไป

การไล่จี้นายกฯ สุรยุทธ์เรื่องบ้านบนพื้นที่ ภบท. 5 หรือร้องให้ ป.ป.ช. สอบนั้น เป็นส่วนหนึ่งของเกมคลื่นใต้น้ำ

ถ้าไม่มีน้ำเลี้ยงส่งเสบียงให้ ใครก็ไม่อยากหาเรื่อง ยิ่งเห็นคณะรัฐประหารแสดงความมุทิตาการุณย์ต่อกลุ่มชุมนุมเดินขบวน ก็ยิ่งได้ใจ

ต้องสังเกตดูว่า กลุ่มชุมนุมสนามหลวงเริ่มแผ่ว "เตมูจิน" ก็ล้า คงเป็นเพราะสาวไส้พวกเดียวกันเอง เตรียมตัวสู้คดีในศาล

กลุ่มนี้พยายามยื้อให้ยาวจนถึงหลังฤดูเก็บเกี่ยว หวังพลังเสริมจากชนบทให้มาชุมนุมยืดเยื้อ สร้างเงื่อนไขกดดัน

เมื่อ คมช. รู้ทัน ตั้งงบสำหรับปฏิบัติการพิเศษ "วีระ" ไข่มุกดำ จึงร้องครวญคราง อ้างว่าเป็นการสร้างความน่าสะพรึงกลัว หวังสานต่ออำนาจ ทั้งๆ ที่ บิ๊กๆ คมช. ย้ำจนแทบปากฉีกว่าไม่สืบทอดอำนาจ

ต้องไม่ลืมว่า "วีระ" นั้น เป็นเนื้อเดียวกันกับ "พ่อใหญ่จิ๋ว"

เมื่อเห็นผู้ชราพลาดท่าเรื่องโบกี้รถไฟ ก็ต้องถึงคิว "ไข่มุกดำ" ต้องออกโรงเบี่ยงเบนความสนใจจาก "พ่อใหญ่" ซึ่งราคาแทบไม่เหลือ

ยิ่งลูกน้องออกมายืนยันว่าอยู่ข้าง "ทักษิณ" ประกาศก้องว่าพร้อมกอบกู้พรรคไทยรักไทยด้วยแล้ว ชาวบ้านถามกันแซดทั้งเมือง

ทุกวันนี้ตื่นเช้าเห็นขี้มูกเป็นเต้าส่วนหรืออย่างไร?

เห็นภาพ "พ่อใหญ่" ไปยืนใกล้ "ป๋าเปรม" ในงานทำบุญถวายภัตตาหารเพล โรงพยาบาลสงฆ์ น่าจะปลงได้แล้วว่าวัย 75 ปีนั้น มันไม่เหมาะสำหรับการก่อตัณหากองใหม่ในจิตใจ หวังอำนาจการเมือง

คนทั้งเมืองรับรู้ว่า "คนลี้ภัย" กำลังถูกสอบสวนด้วยคดีทุจริต ยาวเป็นหางว่าว ก็ยังดันทุรังไปร่วมทำสังฆกรรมด้วย หวังอะไร ไม่ต้องเดา

ช่วงนี้จังหวะดี คนแย่งกันแสดงตัว จะได้รู้ว่าใครยืนอยู่จุดไหน ใฝ่ดี หรือคิดร้ายต่อบ้านเมือง!

 
 

 
http://www.bangkokbiznews.com/viewOpinionNews.jsp?newsid=143378

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


หัวข้อข่าววันนี้โดนใจจริงๆ
ช่วยตอบคำถามตามหัวกระทู้ที---
    :slime_doubt: :slime_doubt: :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: แน่ใจหรือว่า-----อยากกลับ ?.
เริ่มหัวข้อโดย: รวงข้าวล้อลม ที่ 28-12-2006, 12:33
จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมการจะใช้ระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ระหว่างประเทศเพื่อเปิดโอกาส ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงด้วยวาจาต่อสู้คดียุบพรรคการเมืองนั้น นายประพันธ์ ทรัพย์แสง ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวว่า เนื่องจากลักษณะคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่คดีอาญา ดังนั้นกระบวนพิจารณาคดีจึงสามารถทำได้ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์การพิจารณาคดีของทุกฝ่าย แต่ในขณะที่การดำเนินคดีอาญาของศาลยุติธรรม มีการกำหนดหลักกระบวนพิจารณาเป็นการทั่วไปไว้อยู่แล้ว

ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ที่บัญญัติว่า การพิจารณาและสืบพยานในศาลให้กระทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลย โดยเมื่อโจทก์หรือ ทนายโจทก์ และจำเลยมาอยู่ต่อหน้าศาลแล้ว และศาลเชื่อว่าเป็นจำเลยจริง ให้อ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและถามว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้อย่างไรบ้าง โดยให้ศาลจดคำให้การจำเลย ไว้ ถ้าจำเลยไม่ยอมให้การก็ให้ศาลจดรายงานไว้และดำเนินการพิจารณาต่อไป ดังนั้นถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องถูกดำเนินคดีอาญาจริง มีทางเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ คงต้องเดินทางกลับเข้ามาในประเทศเพื่อรับทราบข้อกล่าว และสอบคำให้การในชั้นศาล ซึ่งกระบวนพิจารณาคดีจะเป็นไปตาม ประมวลวิธีพิจารณาคดี ( ป.วิ อาญา ) มาตรา 172