ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: *bonny ที่ 14-12-2006, 10:05



หัวข้อ: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 14-12-2006, 10:05
กรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำพิพากษาอนุญาโตตุลาการที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้  ต้องพิเคราะห์ให้ดีก่อนจะแสดงความเห็นใดๆ ออกมา  โดยเฉพาะฝ่ายที่นิยมนายทักษิณ หรือ ชังคมช.เข้ากระดูก เพราะการแสดงออกโดยขาดการใตร่ตรองและหาข้อมูลอาจทำให้เพื่อนในกลุ่มพลอยหัวร้างค่างแตกเหมือนปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้องได้ อาทิ..

-- ITV ถูกกลั่นแกล้งขนาดนี้ จะหันมายืนเคียงข้างปชช.จริงๆได้หรือยัง (อืม..v2)

การฟ้องร้องของสปน.ต่อไอทีวีเกิดในสมัยนายกทักษิณนะครับ และศาลชั้นต้นก็ตัดสินในสมัยนายกทักษิณด้วย การตัดสินของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวานเป็นการพิจารณาคำร้องอุทธรณ์ของเรื่องเดิมที่ยื่นคำร้องไว้ตั้งแต่สมัยนายกทักษิณนะครับ  มองยังไงว่าเป็นการกลั่นแกล้งก็ไม่ทราบได้
ต้องอ่านเนื้อหาของสัญญาให้ดีๆ ด้วยนะครับก่อนออกความคิดเห็น แค่เปลี่ยนเจ้าของก็ปรับผังรายการได้เองหรือไงครับ ถ้ามีคู่สัญญา(สำนักนายกฯ)อยู่ ก็น่าจะไปตกลงกันก่อนแล้วแก้ไขสัญญาที่ทำกัน  เหมือนคุณไปเช่าบ้านใครอยู่ ตกลงกันไว้ว่า ห้ามทุบห้ามดัดแปลงตัวบ้าน แต่คุณกลับเปลี่ยนแบบบ้านเขาจนจำไม่ได้ เขามีสัญญาในมือก็ต้องฟ้องคุณเป็นธรรมดา

--นี่คือการยึดอำนาจ   มันยึดทุกอย่างอยู่แล้ว( Mr.Jee)

ถ้ามันในที่นี้คือ คมช. มันจะยึดไอทีวีมาเป็นของตนเองได้ยังไง ผมยังงงๆ อยู่ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด  การคืนสภาพไอทีวีให้กลับไปเป็นสื่อเสรีตามนโยบายดั้งเดิม ก็คือ ยึดอำนาจจากมือของนักธุรกิจกลับมาเป็นของสื่อของประชาชนต่างหาก  

--....ใครกันว...เนี่ยที่ทำการค้าโดยไม่มีคุณธรรมและไม่มีจริยธรรม..และใหนว่าจะกระทำการโดยตั้งอยู่บนความพอเพียงไงละ...แล้วแบบนี้มันยังไง...
.ถ้าเป็น..แบบนี้..แถมกรรมการตัดสิน  ไม่ทราบว่าใช้ระบบคุณธรรมตามที่เคยเปร่งวาจาอวดอ้างไว้ หรือเเปล่า..สงสัยจริง ๆ.. (รักแดนไทย)

นี่ก็ยิ่งไปกันใหญ่  คมช. และรัฐบาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินคดีนี้แม้แต่น้อย มันไปเกี่ยวกับ ความพอเพียง ได้อย่างไร  การที่ไม่แจงเหตุผลดีๆ แต่บอกว่า ใช้ระบบคุณธรรมหรือเปล่า กลายเป็นหมิ่นศาลไปเสียแล้ว

--และแล้ว...สื่อน้ำดีชิ้นสุดท้ายก็ถูกกำจัด
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง
สรุปว่าต้องจ่ายทั้งหมดเกือบแสนล้าน (นรธามังช่อ)

สื่อน้ำดีชิ้นสุดท้ายน่ะ ถูกจำกัดไปตั้งแต่นักการเมืองเข้ามาซื้อกิจการสื่อสารมวลชนช่องนี้แล้วครับ  เป็นนักการเมืองไฉนจึงมาฮุบสื่อได้  ความอิสระของไอทีวีมันถูกจำกัดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
เรื่องจ่ายเงินเกือบแสนล้านนั่น ก็ไม่มีในคำพิพากษาเมื่อวานนี้  เพราะยังเป็นประเด็นที่ต้องฟ้องร้องกันต่อไป แต่นี่คุณก็มาสรุปเอาเสียแล้ว
แสดงว่า ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่หยิบมายำเสียเละ

--ช่อง 9 กับ ITV กำลังเป็นช่องที่แรงขึ้นมา มีอนาคต มีผลกำไร กำลังบริหารไปได้สวย
อยู่ๆ ช่วยแห่กันมา กระทืบ ทำลายทิ้งซะอย่างนั้น
ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ ( มิตรภาพอาบยาพิษ )

ช่อง9 ยังอยู่ดีนะครับ ไม่มีใครไปทำลายได้  คุณมิ่งขวัญลาออกไปเอง ถ้าอยู่ต่อสู้ความจริงก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่เรื่องผังรายการช่อง9 ที่กลับไปกลับมาสมัยมิ่งขวัญก็น่าสงสัยอยู่  เรียนว่า ช่อง9 ทำกำไรได้มากมายไม่ใช่จากผังรายการทีวีเท่านั้นนะครับ  อสมท.มีสื่อวิทยุด้วย ไม่เหมือนไอทีวี
ส่วนไอทีวีกำลังมาแรง ต้องกลับไปตรวจสอบงบการเงินดูนะครับ กำไรที่ได้ตั้งแต่ชินคอร์ปเข้ามาบริหารไม่พอจ่ายค่าสัมปทานนะครับ

--นี่คือ สัญญาณ บอกเหตุที่ คมช. และ รัฐบาล (ตั้งเอง เออเอง)
กำลังจะถูกฉุด เข้าไปสู่ การเสื่อมถอย ของ อ ำ น า จ
รอวันที่ ประชาชน จะทวงสิทธิ์ คืน ( LuMiNoR)

มันเกี่ยวอะไรกับคมช.และรัฐบาลมิทราบได้  เรื่องอดีตทั้งนั้น  ต้องตัดสินให้ไอทีวีชนะคดีจึงจะเป็นสัญญาณที่ดีหรือไง?  ในเมื่อรัฐเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์มากกว่า  โยงไปเกี่ยวกันจนได้
 
--เอ............ใครใน ITV นะครับที่เสนอค่าตอบแทนให้รัฐมหาศาลจนสถานีแบกรับภาระไม่ไหว กระทั่งต้องขายหุ้นให้ชินคอร์ป......
ใครกันเหรอครับ.................(อสูรแห่งแสง)

เครือเนชั่นและพันธมิตรประมูลได้ และทำไอทีวีอยู่ระยะหนึ่งแต่ไปไม่รอด พยายามขอลดค่าสัมปทานแล้วแต่ไม่เป็นผล ทั้งๆ ที่รัฐบาลขณะนั้นก็ปชป.แท้ๆ นะ
แต่..ทั้งๆ ที่รู้ว่า มีสัมปทานแพงหูฉี่และมีสัมปทานค้างจ่ายหลายพันล้านบาท ชินคอร์ปยังดิ้นรนไปรับเคราะห์แทนสุทธิชัย หยุ่นนี่สิ  ต้องถามคุณว่า ไปซื้อทำไมครับ  ซื้อแล้วก็มาโทษว่า เขาทำเจ๊งน่ะ  ไม่มีเหตุผลสิ้นดี

เหมือนคุณไปซื้อรถมือสองมาขับ ขับได้สองปี รถพัง ดันไปโทษคนมือหนึ่งว่า ไปซื้อรถคันนี้มาทำไมวะ(แล้วมาขายให้ตู แต่ตูไม่ผิด เฮ้อ..)

--บอกให้มี สาระข่าว 70 บันเทิง 30 คิดว่าทำได้ง่ายๆ เรอะ

1.สารคดี หรือ ข่าว ต้องใช้ทุนในการทำ หรือ ต้องไปซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมาฉาย ถามว่า เอาเงินมาจากไหน
2.รายการสาระข่าวที่ว่า มีกลุ่มประชาชนดูเท่าไหร่ จะขายโฆษณาได้หรือเปล่า

ถ้า ไอทีวี ยุคเริ่มต้น ดีจริง ก็คงไม่เจ๊ง ถึงขนาดต้องขายหุ้น ให้กลุ่มชินคอร์ปหรอก
ต่อให้ ไอทีวี ปิดตัวไป หรือ มีคนใหม่ เข้ามาทำแทน
ถ้า ให้มี สาระ 70 บังเทิง 30 แล้วต้องจ่ายค่าสัมปทาน ปี ล่ะ พันล้าน
ก็ไม่แคล้ว วกกลับมาอีหรอบเดิม หรือ ไม่ก็คุณภาพ ก็ไม่ต่างจากช่อง 11 ( มิตรภาพอาบยาพิษ ) 

ทำง่ายไม่ง่าย ไม่ใช่ประเด็นที่คุณจะต้องไปคิดแทนผู้รับสัมปทานนี่ครับ ถ้าคิดว่า ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อตั้งแต่ต้น ซื้อแล้วมาทำเก๊กซิมว่า ทำไม่ได้ แสดงว่า ไม่คิดให้รอบคอบก่อนซื้อ

สื่อทีวี ถ้าทำข่าวอย่างเป็นกลางและน่าเชื่อถือ อย่าง ซีเอ็นเอ็น บีบีซี มีเรทติ้งสูงกว่ารายการทีวีเพื่อความบันเทิงอีกนะครับ สุทธิชัยก็เคยคิดจะทำแบบนั้น แต่ทำได้ไม่สำเร็จ

--แล้วทำไมคนที่อนุมัติเรื่อง (ถ้าจำไม่ผิดคือคุณหญิงสุพัตรา มาศดิษและ ปชป) ไม่ถูกลงโทษด้วย แบบนี้เรียกว่าตัดสินตามคำสั่งใครหรือเปล่า (ณาตยา)

อันนี้พาลชัวร์ๆ  จู่ๆ ไปโทษรัฐบาลที่อนุมัติ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ไปบังคับให้ใครมาทำสื่อเสรี หรือมาจ่ายแพงๆ นี่นา เป็นการเสนอตัวของเอกชน และค่าใช้จ่ายก็เป็นเอกชนประมูลให้ 
ถ้าจะเอาผิดคุณหญิงก็ควรเป็นกรณี ตั้งค่าสัมปทานถูกๆ เอื้อเครือเนชั่น และอนุญาตให้เปลี่ยนผังรายการทีวีได้ตามใจชอบมากกว่า

เอ้อ..คนเราเวลาหูตามัว มันคิดของมันไปได้แปลกๆ หาเหตุผลได้แปลกๆ

ผมอยากให้คนไทยไม่ว่ารักใครชอบใครก็ตาม ยืนอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและมีหลักการมีเหตุผล ศึกษาข้อมูลและพิจารณาให้ดีๆ ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ก่อนแสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา อย่าใช้อารมณ์และความรู้สึกเป็นตัวชี้นำ

ดังเช่น กรณีไอทีวี  การที่ศาลปกครองตัดสินเช่นนี้ ถือว่า รัฐได้ผลประโยชน์เต็มๆ  และประชาชนก็ได้รับประโยชน์ในการกลับมาเป็นสื่อเสรีของไอทีวีด้วย  ส่วนการทำข่าวต่อไปในอนาคตจะเสรีจริงหรือไม่  อยู่ที่ผู้บริหารและพนักงานไอทีวีเป็นสำคัญ  รัฐบาลหรือ คมช. ลงโทษสื่อที่เสนอข่าวอย่างเสรีภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายบ้านเมืองไม่ได้นะครับ อย่างมากแค่ขอความร่วมมือ

แต่ถ้ารัฐบาลเลว ก็ไม่จำเป็นที่ไอทีวีต้องเลวตามไปด้วย เพราะไอทีวีเป็นสื่อของมหาชน ต้องทำเพื่อมหาชนไม่ใช่เพื่อรัฐบาล หรือนักการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

คนที่เสียผลประโยชน์เต็มๆ เวลานี้ ไม่ใช่พนักงานไอทีวี ไม่ใช่คนทำรายการบันเทิง ไม่ใช่ตระกูลชินวัตร(แค่เสียหน้า) แต่เป็น เทมาเส็กโฮลดิ้งต่างหาก  ซึ่งก็รับรู้กรณีพิพากของไอทีวีก่อนทำการซื้อหุ้นแล้ว

คิดจะอุ้มใคร ก็ดูให้ดีๆ ด้วยนะ มองให้ลึกๆ ชาติของเราได้ประโยชน์นะครับพระคุณท่าน 


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 14-12-2006, 10:13
ต้องยอมรับอย่างหนึ่ง พี่บอนนี่ คือคนรักทักษิณ สาวก หวอรูม จะเป็นคนที่ประเภทมองสถานการณ์แบบแบ่งข้าง

คือ เวลามองอะไร ถ้าฝ่ายของตนถูกเสมอ แต่ฝ่ายของตนเอง ผิดๆๆๆๆๆๆๆ......................
:slime_hmm:

ทีนี้ ในเมื่อปัจจุบันเรื่องแบ่งข้างยังมีอยู่ แม้ตัวแทนของข้างที่อยู่ฝ่ายหนึ่งถูกพเนจรหนีหายไปกับสายลมและสองเรา

เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดได้รับข้อมูลอะไร ในใจต้องหน้าด้านหาคำแถออกไปก่อน ในทำนอง "ชั้นถูกๆๆๆๆๆๆๆ......................"

...

เสมอไป   :!: :!: :!:

ส่วนเรื่องไอทีวี ผมบอกได้คำเดียว มันเป็นเรื่องที่ผมคิดว่า นี่เป็นชัยชนะครั้งแรกในการสลายร่างทรงระบอบทักษิณ

เพราะไอทีวีในขณะนั้น ถ้าจะให้มองนี่เป็นกระบอกเสียง (เผลอๆ เป็นตู้โฆษณาเคลื่อนที่) ของพรรคไทยรักไทยโดยเฉพาะ

วันนี้ผมคิดว่า พนักงานส่วนใหญ่ที่มีสีเป็นสีทักษิณ อาจจะรู้สึกทำใจไม่ได้ แต่ในระยะหลังๆ อาการเปลี่ยนสีเพื่อเอาตัวรอดจึงเกิดขึ้น

หวังว่าการเปลี่ยนสีในครั้งนี้ คงได้สีสว่างสุกใส เป็นธรรมเสียที ...


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 14-12-2006, 10:27
โดย​ ​หัวปิงปอง    9 ​พฤษภาคม​ 2549 17:39 ​น.

ดู​เหมือนว่าช่วงนี้ฟ้า​เหนือประ​เทศไทยเรา​จะ​เริ่มสีทองผ่องอำ​ไพขึ้นเรื่อยๆ​ ​หลัง​จาก​ที่อึมครึมมานาน​กับ​นโยบายการบริหารงานของรัฐบาลภาย​ใต้​การดู​แลของ​ "พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร" ​ที่​เรียก​กัน​ว่าระบอบ​ "ทักษิณ" ​ซึ่ง​ส่อเจตนาชัดเจนว่าทุกอย่างที่ออกมาล้วนมีทิศทาง​ใน​การที่​จะ​เอื้อสร้างผลประ​โยชน์​ให้​กับ​ธุรกิจของตนเองมา​โดย​ตลอด​ทั้ง​สิ้น
       
        ​ตัวอย่างหนึ่ง​ใน​นั้น​ก็คือสถานี​โทรทัศน์​ "​ไอทีวี​" ​ที่ล่าสุด​ใน​วันนี้​(9)​เพิ่ง​จะ​มีการตัดสิน​จาก​ศาลปกครอง​ให้​เพิกถอนคำ​สั่งของอนุญา​โตตุลาการ​ใน​คดีพิพาทระหว่าง​ ​สปน​.​กับ​ ​ไอทีวี​ใน​ปี​ 2547(มกราคม)​สั่งลดค่าสัมปทาน​ให้​ไอทีวีที่​ต้อง​เสีย​ให้​กับ​รัฐฯ​ ​จาก​ปีละ​ 1,000 ​ล้านบาท​ ​เหลือเพียงปีละ​ 230 ​ล้านบาท​ ​รวม​ถึง​สัด​ส่วน​ของรายการข่าว​ : ​รายการบันเทิง​ ​จาก​เดิม​ 70 : 30 ​เหลือเพียง​ 50 : 50 ​ซึ่ง​กลาย​เป็น​ข่าวเกรียวกราว​เพราะ​ดู​เหมือนว่าคน​ใน​รัฐบาลเองบาง​ส่วน​จะ​พอใจอย่างยิ่ง​กับ​การที่ประ​เทศชาติ​ต้อง​ "​เสียค่า​โง่​" ​ดังกล่าว
       
        ​นับตั้งแต่ปี​ ​พ​.​ศ​.2538 ​ที่ทีวี​แห่งนี้ถูกตั้งขึ้นมา​ซึ่ง​แม้ว่า​จะ​มีพื้นฐานที่ตีราคา​เป็น​เงิน​ไม่​ได้​จาก​เลือดเนื้อเชื้อไขของคน​ใน​ชาติรวม​ทั้ง​จะ​เริ่มต้น​ด้วย​คำ​ว่า​ "สื่อเสรี​" ​ทว่าภาพของ​ความ​เป็น​จริงที่​เกิดขึ้น​นั้น​ ​ไอทีวี​ไม่​ได้​ต่างอะ​ไรเลย​จาก​ "ตู้​เอที​เอ็ม" ​ที่หลายฝ่ายจ้อง​จะ​เข้า​มากดเงินออกไป
       
        ​เริ่ม​กัน​ตั้งแต่ขั้นตอนของการประมูลที่สร้าง​ความ​ฮือฮา​เป็น​อย่างมากเมื่อกลุ่มบริษัทสยามทีวี​ ​แอนด์​ ​คอมมิวนิ​เคชั่น​ ​จำ​กัด​ (ธนาคารไทยพาณิชย์​ ​และ​บริษัท​ใน​เครือทำ​ธุรกิจด้านโทรทัศน์​ ​สหศีนิมา​ ​โฮลดิ้งแอนด์​ ​แมนเนจเม้นท์) ​ยื่นราคาค่าตอบแทนต่อรัฐฯ​ ​สูง​ถึง​ 25,000 ​ล้านบาทตลอดระยะอายุ​เวลาสัมปทาน​ 30 ​ปี
       
        เป็น​ราคาที่มืออาชีพ​ใน​วงการทีวีรู้ว่ามีทาง​เป็น​ไป​ได้​น้อยมาก​ถึง​ระดับที่​ไม่​มีทาง​เป็น​ไป​ได้​เลย
       
        ​ทว่ารัฐบาล​(ยุค​ "ชวน​ ​หลีกภัย") ​กลับกล้าที่​จะ​รับเอา​เงื่อนไขดังกล่าว​ ​และ​ก็​เป็น​ไปตามที่หลายคนคาด​ ​เมื่อผลการดำ​เนินการของไอทีวี​ใน​ระยะ​ 4 ​ปี​ ​มีผลขาดทุนกว่า​ 2,000 ​ล้านบาท​ ​ซึ่ง​นั่นเอง​เป็น​ชนวนเหตุที่ทำ​ให้​กลุ่มทุน​ใน​เครือชินคอร์ปของพ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​กระ​โดด​เข้า​มาพร้อม​กับ​ความ​วุ่นวายต่างๆ​ ​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​กรณีของ​ "23 ​กบฎไอทีวี​" ​เรื่องของการบริหารงาน​ ​แต่ที่​เลวร้ายที่สุดก็คือการที่​ไอทีวียื่นเรื่องไป​ยัง​อนุญา​โตตุลาการ​ (ประกอบไป​ด้วย​ ​ประดิษฐ​ ​เอกมณี​ ​จุมพต​ ​สายสุนทร​ ​และ​ชัยเกษม​ ​นิติสิริ) ​กระทั่งมีคำ​วินิจฉัย​ให้​สำ​นักงานปลัดสำ​นักนายกรัฐมนตรี​(สปน​.)​คู่สัญญาปรับลดค่าตอบแทนผลประ​โยชน์ที่​ไอทีวี​ต้อง​จ่าย​ให้​กับ​ ​สปน​.​เป็น​รายปี​ ​จาก​ 1,000 ​ล้านบาท​ ​เหลือเพียง​ 230 ​ล้านบาท​, ​สามารถ​ออกอากาศรายการบันเทิง​ใน​ช่วงไพร์​ไทม์​ได้​ ​รวม​ถึง​การปรับลดสัด​ส่วน​ของรายการที่มีสาระ​ ​อาทิ​ ​ข่าว​+​สารคดี​ ​จาก​ 70 ​เปอร์​เซ็นต์​ให้​เหลือเพียง​ 50 ​เปอร์​เซ็นต์​ ​ด้วย​เหตุผล​จาก​ข้อสัญญาที่ทางสปน​.​ทำ​ไว้​กับ​ไอทีวี​ ​ข้อ​ 5 ​วรรค​ 4 (*)
       
        นั่นเองที่​เป็น​เหตุผล​ให้​ทีวี​แห่งนี้​เดินออก​จาก​จุดประสงค์ที่​แท้จริงของการกำ​เนิดอย่างสิ้นเชิงก่อน​จะ​กลาย​เป็น​เสมือน​กับ​เครื่องมือ​ใน​การหาผลประ​โยชน์​ให้​กับ​กลุ่มนายทุนประกอบ​กับ​การ​เป็น​ปากเสียง​ใน​การสร้างภาพ​ให้​กับ​รัฐบาล​(ที่มีกลุ่มนายทุนรวม​อยู่)​โดย​ใช้​อำ​นาจที่มี​อยู่
       
        ​ว่า​กัน​ตรงๆ​ ​แม้การตัดสินของศาลปกครองที่ออกมา​จะ​มีผลทำ​ให้​รัฐฯ​ ​ได้​ผลตอบแทนที่​เพิ่มขึ้น​เป็น​ปีละ​ 1,000 ​ล้านบาทเช่นเดิม​ ​รวม​ทั้ง​มี​แนวโน้มว่า​ไอทีวี​จะ​ต้อง​เพิ่มสัด​ส่วน​ของรายการที่มีสาระ​ ​อาทิ​ ​ข่าว​ ​สารคดี​ ​ต่อรายการบันเทิง​ให้​เป็น​ 70 : 30 ​เช่นเดิม​ ​แต่​เรา​ต้อง​ไม่​ลืมว่าทีวีช่องนี้​ไม่​ได้​เป็น​ของคนไทยอีกต่อไป​แล้ว​นับตั้งแต่การขายหุ้นของเจ้าของทุนอย่าง​ ​บ​.​ชินคอร์ป​ให้​กับ​กองทุนเทมา​เส็ก​จาก​ประ​เทศสิงคโปร์
       
        ​ด้วย​สถานะของ​ความ​ "​ไร้จุดยืน" ​ไม่​มีรัฐฯ​ ​เป็น​หลัก​ให้​เกาะ​ ​จะ​เป็น​ช่องข่าวก็​ไม่​เชิง​ ​จะ​เป็น​บันเทิงก็​ไร้สีสันอย่างที่​เป็น​อยู่​ใน​ปัจจุบันเช่นนี้ก็น่าคิดที​เดียวว่าทีวีช่องนี้​จะ​ไปแข่ง​กับ​ใคร​เขา​ได้​ ​เพราะ​หากเปรียบเทียบ​กับ​ 3, 5, 7 ​หรือ​ ​โมเดิร์นไน์​ ​ทีวี​ ​แล้ว​ ​ช่องเหล่า​นั้น​ล้วนผ่านร้อนผ่านหนาว​และ​มีจุดแข็งของตัวเองแทบ​ทั้ง​สิ้น​ ​และ​ก็​ไม่​แน่​เช่น​กัน​ว่าหากมีการ​ "หัวหมอ" ​เกิดขึ้นก็​เป็น​ไป​ได้​สูงที​เดียวที่ว่ารายการที่ทีสาระที่​จะ​มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมา​นั้น​ ​อาจ​จะ​หมาย​ถึง​รายการที่ชื่นชม​ ​เชิดชู​ ​ตลอดจนขาย​ความ​เป็น​(วัฒนธรม)​สิงคโปร์​ ​ที่​เข้า​มาล้างสมองคนไทยเรา​ถึง​หัวบันได​ ​ซึ่ง​ถึง​ตอน​นั้น​ก็คง​จะ​ต้อง​ถามคน​ใน​ไอทีวี​กัน​แล้ว​ล่ะว่า​ยัง​มี​ความ​รู้สึกภูมิ​ใจ​หรือ​คิดว่าตนเอง​ยัง​มี​ความ​เก่งกาจ​กัน​อยู่​อีก​หรือ​ไม่​?
       
        ​แต่กว่า​จะ​ไป​ถึง​วัน​นั้น​ "หัวปิงปอง" ​ก็​ไม่​รู้​เหมือน​กัน​ว่าทันทีที่มีคำ​สั่ง​จาก​ศาลปกครองออกมาจน​เป็น​เหตุที่ทำ​ให้​ราคาหุ้นของไอทีวีหล่นลงระนาว​(24.06%)​ทันที​เช่น​กัน​นี้​ ​จะ​ทำ​ให้​คน​ใน​ไอทีวีมีกะจิตกะ​ใจเผื่อไปคิด​ถึง​เรื่องที่ว่า​หรือ​เปล่า
       
        บอกหน่อย​ได้​มั้ยเอ่ย​...?
       
       .....
       
        ​หมายเหตุ​ (*) : ​หลัง​จาก​วันทำ​สัญญานี้​ ​หากสำ​นักงาน​หรือ​หน่วยงานรัฐ​ให้​สัมปทานอนุญาต​ ​หรือ​ทำ​สัญญา​ใด​ ​ๆ​ ​กับ​บุคคล​อื่น​ ​เข้า​ดำ​เนินกิจการ​ให้​บริการส่งวิทยุ​ ​โทรทัศน์​ ​โดย​มีการโฆษณา​ ​หรือ​อนุญาต​ให้​โทรทัศน์ระบบบอกรับการ​เป็น​สมาชิกทำ​การโฆษณา​ได้​ ​และ​เป็น​เหตุ​ให้​ผู้​เข้า​ร่วมการงาน​ได้​รับผลกระทบต่อฐานะการเงินของ​ผู้​เข้า​ร่วมงานอย่างรุนแรง​ ​เมื่อ​ผู้​เข้า​ร่วมงานร้องขอ​ ​สำ​นักงาน​จะ​พิจารณา​และ​เจรจร​กับ​ผู้​เข้า​ร่วมงาน​โดย​เร็ว​ ​เพื่อหามาตรการชดเชย​ความ​เสียหายที่ผุ้​เข้า​ร่วมงาน​ได้​รับ​จาก​ผลกระทบดังกล่าว
       
        ​ซึ่ง​ใน​ขณะ​นั้น​โทรทัศน์​แห่งประ​เทศไทยช่อง​ 11 ​และ​ยูบีซี​ ​เคเบิลทีวี​ ​เริ่มปรากฏมี​โฆษณามาออกอากาศทางสถานี​ ​เป็น​เหตุ​ให้​ไอทีวี​ ​ยื่นเรื่องร้องเรียนจนประสบผลสำ​เร็จ​ (ที่มาข่าวปกนสพ​.​ผู้​จัดการรายสัปดาห์)

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000061053
ทบทวนกันหน่อย


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 14-12-2006, 10:27
ชัดเจนมากครับ คุณ *bonny

หลายๆ ความเห็น ของหลายๆ คน มันก็น่าจะเคลียร์ อยู่แล้ว

แต่ยังไงคนรักทักษิณ ก็ไม่สนใจอยู่ดี เอาทักษิณเป็นที่ตั้ง มันจะไปคุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร

หมิ่นศาล และ ไม่เห็นผลประโยชน์ ของชาติ นี่เหรอ ที่ว่าทำเพื่อชาติ ผมว่ามันตรรกะเหลี่ยมๆ ยังไงไม่รู้


หัวข้อ: ไอทีวีปรับผังแหกตา!!! ย้ายข่าวรวดเดียวกระชั้นชิด คงสภาพละคร-เกมส์โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 14-12-2006, 10:32
เหล้าเก่าในขวดใหม่ "ไอทีวี" ปรับผังรายการข่าวติดกันพรวด เว้นว่างเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ละครกับเกมส์โชว์ยังคงเดิม ข่าวภาคค่ำเริ่มหกโมงครึ่ง ปรับฮอตนิวส์เป็สองทุ่มสี่สิบ

หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีมติเพิกถอนคำพิพากษาอนุญาโตตุลาการ กรณีค่าปรับสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งทำให้ไอทีวีต้องทำตามสัญญาเดิม และต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 1000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้เริ่มปรับผังรายการใหม่ ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการเลื่อนเวลาข่าวให้เร็วและมีความต่อเนื่องขึ้น แต่ยังปล่อยให้รายการเกมส์โชว์ และละครยังคงเดิม

โดยข่าวภาคค่ำไอทีวี ความยาว 1 ชั่วโมงครึ่ง จากเดิมเวลาออกอากาศคือ 18.00 น. เลื่อนมาเป็น 18.30 น. โดยย้ายเวลาละครนรสิงห์ ของบริษัทกันตนา ออกมาเป็น 18.00 น. จากเดิมคือ 19.30 น. ส่วนรายการไอทีวีฮอตนิวส์ ปกติออกอากาศเวลา 21.10 น. เลื่อนมาให้เร็วขึ้นเป็น 20.40 น. จากเดิมเป็นเวลาละครของบริษัทกันตนา โดยละครจะเลื่อนไปอยู่เวลา 21.40 น.

ทั้งนี้ ไอทีวียังปล่อยรายการที่มีอยู่เดิม คือ รายการเกมส์เศรษฐีความรู้ ของบริษัท บอร์น แอสโซซิเอชั่น จำกัด อยู่ในเวลา 20.10 น. ซึ่งมีไตรภพ ลิมปพัทธ์เป็นพิธีกร นอกจากนี้ รายการเกมส์โชว์และวาไรตี้ต่างๆ เช่น ทไวไลท์โชว์ สาระแนจังดึก ยุทธการบันเทิง ฯลฯ ยังอยู่ในเวลา 22.10 น.


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 14-12-2006, 10:43
 :slime_bigsmile:

แต่ผมชอบให้เค้าอ้างข้างๆคูๆ แบบนี้แหละ สนุกดีออก

แล้วให้เอาไปกระจาย   

แล้ว กลุ่มสาวกก็ตี๊ต่างว่าจริงกันหมด

แล้วก็ถือป้ายผ้ามาประท้วง

แล้วหน้าแตกคาถนน   สนุกดี


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 14-12-2006, 10:49
กิจการ ITV เป็นกิจการที่ได้ไปด้วยการประมูล  มิใช่บังคับข่มขืนใจ

กลุ่มบริษัทสยามทีวี จะประมูลไปด้วยความคิดอะไรก็ตามแต่ แต่ด้วยเงื่อนไขที่เสนอมาเอง ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่างไกลลิบ ก็ต้องได้สัมปทานไป ตามหลักการที่ถูกต้อง  รัฐจะขายของ ใครให้ราคาสูงสุด ย่อมได้ไป รัฐจะซื้อของ ใครขายราคาต่ำสุด ย่อมได้ไป ทั้งนี้ต้องมีคุณภาพถูกต้องตามเงื่อนไขการประมูลนั้นๆ  หากผู้เข้าประมูล ทำไม่ได้ตามสัญญา ก็ต้องถูกปรับและรับผิดชอบตามสัญญาที่ทำไว้  นี่เป็นเรื่องปกติ  อะไรที่ผิดปกติไปจากนี้ นั่นคือการคอรัปชั่น

เมื่อกลุ่มชินเข้ามาเทดโอเวอร์กิจการนี้ไป ย่อมรับรู้เงื่อนไขนี้ดีอยู่แล้ว การบิดพลิ้วในภายหลัง นั่นคือโกงค่ะ

และผลแห่งการโกง ปรากฎแล้ว


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 14-12-2006, 10:54
ปณิธาณของคนรักเหลี่ยม

- ผลประโยชน์ของเหลี่ยม - ต้องมาก่อน และสำคัญสูงสุด

- ผลประโยชน์ของตน - สำคัญรองลงมา

- ผลประโยชน์ของชาติ - คืออะไร ไม่รู้จัก


เหลี่ยมะหิ อัตตโน นาโถ - เหลี่ยมเป็นที่พึงแห่งกู  :slime_bigsmile:

Practical Equation : เหลี่ยมหมดตัว = ลิ่วล้อเปิดตูด  :slime_bigsmile:






หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 14-12-2006, 11:20
คนที่เสียผลประโยชน์เต็มๆ เวลานี้ ไม่ใช่พนักงานไอทีวี ไม่ใช่คนทำรายการบันเทิง ไม่ใช่ตระกูลชินวัตร(แค่เสียหน้า) แต่เป็น เทมาเส็กโฮลดิ้งต่างหาก  ซึ่งก็รับรู้กรณีพิพากของไอทีวีก่อนทำการซื้อหุ้นแล้ว

เห็นด้วยครับ และ วัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง ITV สูญเสียไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วครับ

และเสียไปโดยตลอดตั้งแต่กลายไปเน้นธุรกิจแบบเต็มตัว


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: อมพระมาพูด ที่ 14-12-2006, 11:21
ปณิธาณของคนรักเหลี่ยม

- ผลประโยชน์ของเหลี่ยม - ต้องมาก่อน และสำคัญสูงสุด

- ผลประโยชน์ของตน - สำคัญรองลงมา

- ผลประโยชน์ของชาติ - คืออะไร ไม่รู้จัก


เหลี่ยมะหิ อัตตโน นาโถ - เหลี่ยมเป็นที่พึงแห่งกู  :slime_bigsmile:

Practical Equation : เหลี่ยมหมดตัว = ลิ่วล้อเปิดตูด  :slime_bigsmile:



ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมฮาตกเก้าอี้เลยครับคุณLimmy มันเป็น fact ไม่ต้องหาสมมติฐานแล้วค๊าบ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 14-12-2006, 11:24
ถ้ารัฐบาลเข้ามาบริหารเองก็ไม่ต้องเสียค่าสัมปทานแล้ว  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 14-12-2006, 11:55
*** ข้อความที่ผมดันไปเขียนทับ

คือ เวลามองอะไร ถ้าฝ่ายของตนถูกเสมอ แต่ฝ่ายของตนเอง ผิดๆๆๆๆๆๆๆ...................... [/b] :slime_hmm:

พิมพ์ผิดครับพี่ เอาเป็นว่า คนรักทักษิณมองแบบแยกส่วน และเป็นแบบฝ่ายเขา-ฝ่ายเรา มากกว่าความถูกต้อง  

อ่านแล้วงงๆ นะคุณ007 น่าจะพิมพ์ผิด(หรือเปล่า?)

ป.ล.ข้อความนี้เกิดข้อผิดพลาดมาจากผม เนื่องจากดันไปกดปุ่ม "แก้ไข" แทนที่จะกดปุ่ม "อ้างถึง" จึงทำให้ข้อความของพี่บอนนี่หายหมด จึงขออภัยต่อสมาชิกเว็บบอร์ด และสมาชิกขบวนการ ณ ที่นี้ - Aloha007 / 14 ธันวาคม 2549  


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: O_envi ที่ 14-12-2006, 15:26
สาระถ้าจะทำให้ดีก็ทำได้นะครับอย่าง คุณพระช่วยหรือรายการของบริษัท TV บูรพา ผมว่าก็มีคนดูนะ
อย่างคุณพระช่วยผมดูตลอดเลย


หัวข้อ: Re: **กรณีไอทีวี..อย่าอุ้มคนผิด และ อย่าอุ้มผิดคน**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 14-12-2006, 15:27
ไม่เป็นไรครับคุณ007  ของยังงี้ผิดพลาดกันได้ :slime_smile:

ผมพิมพ์อะไรไปบ้าง จำไม่ได้หมดเหมือนกัน  ประมาณว่า เคยทำกระทู้ตั้งแต่ชินเข้ามาซื้อไอทีวีปี 2544 แล้วว่า คนปกติจะไม่ซื้อหรอกครับ  เพราะไอทีวีแทบไม่มีอะไรทำกำไรมหาศาลได้เลย  แต่ชินรู้ดีว่า ไอทีวีแพร่ภาพได้ ทำกระบอกเสียงได้  ส่วนกำไรและผลประโยชน์จะมาตักตวงเอาทีหลังเมื่อได้อำนาจเบ็ดเสร็จ  และยังเตือนผู้ลงทุนว่า ราคาไอพีโอ 6 บาท แพงเกินไป

ปัจจุบันเหลือแค่ 2 บาท

ตอนนั้นมีแต่คนสนับสนุนให้ไอทีวีเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อหวังเอาเงินประชาชนมาอุดผลขาดทุนและจ่ายค่าสัมปทานได้  ผลสุดท้ายชินรอดแต่ประชาชนและพนักงานรับกรรม

สูตรสำเร็จของทักษิณไม่ว่าทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม

เงิน ==>ไอเดียใหม่==> อำนาจเบ็ดเสร็จ==> ดึงประชาชนและรัฐเข้ามาสนับสนุน==> กอบโกยเงินกลับ==> ขาย/เจ๊ง==> เผ่น