ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: *bonny ที่ 21-11-2006, 08:30



หัวข้อ: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 21-11-2006, 08:30
จากข่าว..http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000143363


ข้อเท็จจริง..

  นายวิโรจน์(เลาหะพันธุ์ คตส.) กล่าวว่า นายบรรณพจน์ ได้รับการโอนหุ้นจากคุณหญิงพจานเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2540 ซึ่งมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยโอนหุ้นของ คุณหญิงพจมาน ที่ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้ ถือไว้แทน ขายให้กับ นายบรรณพจน์ 4.5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 164 บาท รวม 738 ล้านบาท โดยคุณหญิงพจมาน เป็นคนจ่ายเงินค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นในราคาซื้อ 0.5 % ขาย 0.5% รวมเป็น 1% ในวงเงิน 7.38 ล้านบาท โดยคุณหญิงพจมาน เป็นคนจ่ายเช็คให้กับ น.ส.ดวงตา แต่ปรากฏว่าเช็คกลับไปเข้าบัญชีเงินฝากของคุณหญิงพจมาน ซึ่งเปิดใหม่ในธนาคารไทยพาณิชย์       


ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่กองเชียร์ของคุณทักษิณค้านไม่ออกแน่นอน เพราะจนด้วยหลักฐาน คนรับใช้ถือหุ้นแทนนายหญิง เป็นนิติกรรมอำพราง (หลอกสรรพากร และ กลต.)

ท่อนต่อไปนี้ยิ่งเด็ดสะระตี่กว่า..

 นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายบรรณพจน์ รับสารภาพกับศาลรัฐธรรมนูญว่า เขาไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินซื้อหุ้น เท่ากับเป็นการรับหุ้นโดยเสน่หา แต่เราถือว่าเป็นเงินได้ เป็นทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นที่ได้รับตามประมวลรัษากร มาตรา 39 โดยนายบรรณพจน์ ต้องเสียภาษีระหว่างเดือน พ.ย.2540-มี.ค.2541 แต่ตามแบบแสดงการเสียภาษี ภงด.90 เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2541 กลับไม่พบว่า ได้นำเงินค่าหุ้นที่ได้รับโดยไม่ชำระค่าตอบแทนเป็นเงินค่าเสียภาษีด้วย ซึ่งนายบรรณพจน์ ได้สอบถามไปยังกรมสรรพากร กรมสรรพากรก็ตอบว่า เป็นเงินที่ได้รับการยกเว้นเนื่องในโอกาสขนบธรรมเนียมประเพณี       
 

กรมสรรพากรคงหัวใจมืดบอด ถึงตอบเช่นนั้น  ประเพณีที่ไหนกันใช้ครั้งนี้ครั้งเดียว กับ พี่ชายบุญธรรมซะด้วย ดังจะเห็นได้จากคำแถลง "ไม่เชื่อ" ของคุณวิโรจน์ (คนนี้ก็อดีตอธิบดีกรมสรรพากรนะครับ)

 "แต่จากการตรวจสอบพบว่า นายบรรณพจน์ ซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2540 แต่งงานเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2539 มีลูกคนแรกวันที่ 4 ธ.ค.2539 การให้หุ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2540 จึงไม่เข้าโอกาศประเพณีที่จะให้กัน เพราะไม่ใช่วันเกิดลูก หรือวันครบรอบแต่งงาน ซึ่งการให้หุ้นวงเงิน 738 ล้านบาท ถือเป็นวงเงินจำนวนมาก ซึ่งศาลฎีกา ได้เคยวินิจฉัยว่า พี่น้องไม่จำเป็นต้องอุปการะกัน และไม่ต้องให้มากถึงขนาดนี้ก็ได้ ซึ่งไม่ใช่การให้โดยเสน่หา และคตส.พิสูจน์ได้ว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงพจมาน ไม่เคยอุปการะพี่น้องคนอื่นเลย แต่นี่นายบรรณพจน์ เป็นพี่บุญธรรม ดังนั้นนายบรรณพจน์ ต้องเสียภาษี โดยคตส.จะส่งเอกสารไปให้ กรมสรรพากร เพื่อทำการประเมินเรียกเก็บภาษีภายใน 30 วัน นับจากวันที่กรมสรรพากรได้รับหนังสือ" นายวิโรจน์ กล่าว     

พฤติกรรมมันส่อเจตนาชัดๆ กรมสรรพากรในอดีตทำไมจึงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ถึงเพียงนี้ อยากให้นายกสุรยุทธ์นำเรื่องนี้ไปหารือกับผู้นำในยุโรปที่จะไปเยือนด้วยจัง


 นายวิโรจน์ กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้นของ คตส. ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 18 แต่ไม่มีการลงโทษ เพียงแต่มีการชำระล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่ง นายบรรณพจน์ ต้องยื่นเสียภาษีภายใน 30 มี.ค. 2541 แต่เไม่ได้ยื่น เราก็คำนวนภาษีที่เรียบเก็บไป ตาม ภงด.90 ที่นายบรรณพจน์ยื่นมาทั้งหมด และคำนวนเงินที่เขาชำระไว้แล้วทั้งหมด เอามาหักออกแล้วผลต่างเท่าไหร่ เราก็ต้องคิดเงินเพิ่มตาม มาตรา 27 ซึ่งเราได้คำนวนจากวันที่ 1 เม.ย.2541 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ก็เพิ่มเป็นเท่าตัว ซึ่งเงินเพิ่มไม่เกินจำนวนภาษีคือ 100 % ของจำนวนภาษี โดยเงินภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติมคือ 273.06 ล้านบาท รวมกับต้องเสียเพิ่มเติมอีกเท่าตัวคือ 273.06 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นคือ 546.12 ล้านบาท ซึ่งคตส.ไม่มีอำนาจในการเรียกเก็บภาษี จึงเป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่จะเรียกเก็บภาษีที่ค้างชำระ ซึ่งหากกรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลชี้แจงมา และถ้าพบว่าไม่ดำเนินการเรียกเก็บภาษี อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ก็จะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญา ซึ่ง ป.ป.ช.จะเป็นจัดการ แต่ถ้านายบรรณพจน์ ไม่ยอมเสียภาษี ก็อาจจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์ขายทอดตลาดโดย คตส.ได้ อย่างไรก็ตามนายบรรณพจน์ มีสิทธิที่จะสู้ในชั้นศาลภาษีได้

ตามความจริงแล้ว ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เกิดขึ้นมานานแล้ว มิใช่หลังจากนี้ไปไม่ยอมเรียกเก็บภาษีนะครับ  และก็เชื่อว่า ข้อต่อสู้ของนายบรรณพจน์ที่จะนำมาอ้างในศาลก็คือ กรมสรรพากรเคยบอกว่า ไม่ต้องเสีย เนื่องจากเป็นการให้ของขวัญตามขนบธรรมเนียมประเพณี  ซึ่ง..ยังไงศาลก็จะพิพากษาว่า ผิดแน่นอน แต่จำนวนเงินที่ปรับอาจได้ไม่ถึง 546ล้านบาท  เพราะความบ้องตื้นของกรมสรรพากรในอดีตนั่นเอง(ที่ทำให้ชาติล่มจม)

 “การดำเนินคดีอาญาในความผิดกรณีหุ้นครั้งนี้ จะมีผู้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่ต้องถูกดำเนินคดีประกอบด้วย นายบรรณพจน์ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นางสาวดวงตา วงศ์ภักดี คนใช้ตระกูลชินวัตร ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับขายหุ้นให้กับนายบรรณพจน์ ดังนั้นในสัปดาห์หน้าอนุกรรมการตรวจสอบกรณีดังกล่าวจะส่งเรื่องให้ที่ประชุมคตส.ตั้งอนุกรรมการไต่สวน อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบธุรกรรมครั้งนี้พบว่าหนังสือตอบของกรมสรรพากรที่ตอบนายบรรณพจน์ที่สอบถามว่าการรับโอนหุ้นและขายหุ้นดังกล่าวต้องเสียภาษี หรือไม่ ซึ่งหนังสือตอบของกรมสรรพากรระบุว่าไม่ต้องเสียภาษี จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือดังกล่าวไม่ได้ลงชื่อโดยนายศิโรตม์ สวัสดิพานิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร แต่เป็นลงนามโดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและกฎหมาย ดังนั้นจะเชิญเจ้าหน้าที่ซึ่งตอบหนังสือดังกล่าวไปถึงนายบรรณพจน์มาให้ข้อมูลพร้อมทั้งลงบันทึก เพื่อไม่ให้ปฏิเสธในภายหลัง แต่ในส่วนของนายศิโรตม์เองทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายอาจจะมีการเชิญมาให้ข้อมูลเพื่อให้สำนวนมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น”

นี่แหละคือความเลวร้ายของระบบราชการที่ซุกหน้าแทบเท้าของนักการเมืองล่ะ  เพราะผมเองก็เคยมีประเด็นข้อหารือเรื่องภาษีเช่นกัน และเมื่อความเห็นของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไม่ตรงกับความเห็นของฝ่ายกฎหมาย ผมก็ขอให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรออกหนังสือตอบรับประเด็นข้อหารือ  ปรากฏว่า ไม่ยอมออกให้  ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดของตัวเองชัดๆ และผมก็เป็นประชาชนที่ข้องใจเรื่องประเด็นภาษี

เลยยื่นภาษีตามเลย แล้วปรากฏภายหลังว่า การให้ข้อหารือของเจ้าหน้าที่ผิดพลาด ทำให้ผมเสียภาษีเกินความจำเป็น  และจนบัดนี้ ผ่านไปแล้วกว่า 10 ปี ก็ยังไม่ยอมคืนภาษีให้ผมเลย แต่ให้ไปฟ้องร้องเอา  ซึ่งผมก็เห็นว่า คงไม่ดีมั้ง ทำธุรกิจแต่ไปฟ้องสรรพากร  เลยยอมให้สรรพากรค้างหนี้ผมต่อมาจนถึงทุกวันนี้ (เงินแค่ 3 หมื่นกว่าบาท)

แต่กรณีนี้ ไฉนเจ้าหน้าที่บ้องตื้น กล้าออกหนังสือตอบรับให้  ทั้งๆ ที่เกี่ยวพันกับความถูก-ผิด ที่ตนเองวินิจฉัยเองไม่ได้ด้วยซ้ำ (ขนบธรรมเนียม) น่าจะนำข้อหารือนี้ปรึกษาหน่วยงานฝ่ายกฎหมายของรัฐ  ไม่ใช่ออกหนังสือให้เอกชน  เป็นเหตุให้เอกชนอ้าง(โบ้ย) ความรับผิดชอบนี้คืนให้สรรพากรในเวลานี้


ความจริงดีลของเรื่องนี้ เคยมีผู้ร้องเรียนและตั้งคำถามไปยังรัฐบาลทักษิณ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เงียบ  อ้างว่า ไม่ผิดปกติ  โดยเฉพาะของขวัญวันแต่งงานพิศดารและมโหฬาร

ตอนนี้ กองเชลียร์ของชินวัตรก็ยังดื้อตาใส คงอ้างต่อว่า ไม่ผิดหรอก สรรพากรรับรองแล้ว โดยไม่คำนึงถึง คุณธรรมและพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตของคุณหญิงอ้อและคณะ(เช่นเคย)

บ้านเมืองมันยุ่งและวุ่นก็เพราะคนพวกนี้แหละ 


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 21-11-2006, 08:35
ใครที่ใจร้อน บอกสองเดือนแล้วเช็คบิลไม่ได้ซะที..

ผมว่า คตส. ปปช. และคณะอื่นๆ ทำงานกันเต็มที่แล้วนะครับ  ได้คืบมาเรื่อยๆ แล้ว

คนไทยใจร้อน โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ "เสี้ยม" ให้ขวิดกันเพื่อหาประเด็นมาสร้างข่าว คงลืมไปว่า คดีความใดก็ตาม แม้แต่ลักเล็กขโมยน้อย ถ้าจำเลยต่อสู้คดี ศาลกว่าจะพิพากษาจนเป็นข้อยุติ กินเวลานานหลายปีทีเดียว

นี่สองเดือนก็จะให้ยึดทรัพย์ให้จองจำกันแล้ว  บางทีก็ไม่เป็นธรรมกับคนทำงานเท่าไรนัก  เพราะเรื่องราวต่างๆ ที่ซุกเอาไว้แล้วรื้อมาทำนี้  หลักฐานบางอย่างมันหายไปหมดแล้ว  เช่น กรณีอุ้มทนายสมชาย เป็นต้น  หรืออย่างกรณีนี้ ก็เกิดมาแล้วเกือบสิบปี จนเกือบหมดอายุความแล้ว  จะให้ฟันฉับๆ ๆ ๆ ผมว่า ต่อให้นายอานันท์  นายชวน ไอ้อ๋อย หรือ เทวดา ก็คงทำไม่ได้หรอกครับ


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: type ที่ 21-11-2006, 08:45
เอ้า .....รีบ เอาผิดทักษิณเร็วๆหล่ะกันครับ คนรอดูมีเยอะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 21-11-2006, 08:49

ยังมีอีกครับ
จะมีอะไรดีๆทะยอยออกมาเรื่อยๆ
อย่ากระพริบตานะครับ


 :slime_fighto:



หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: Suraphan07 ที่ 21-11-2006, 09:30
โย่ว โย่ว โย่ว... :slime_fighto:...

ขอให้มีหลักฐานแน่นหนา เห็นกันจะจะ ดิ้นไม่หลุด...
ชาวรากหญ้า-ประชานิยม จะได้เข้าใจกันง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายมาก...

ช้า ช้า หน่อย น่าจะดีกว่า...  :slime_smile:

"Slow but Sure"


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 21-11-2006, 09:32
จะเร็วไป ก็จะบอกว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกยึดทรัพย์อีก ! - - 

เอาตามที่บอร์ดหลุดโลกบอกป่าว

คมช  ทำเกินไป เราต้องการแค่ให้ยิงแม้วทิ้ง

ทำไมต้องรัฐประหารกันด้วย


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 21-11-2006, 10:52
อ่านแล้วก็ให้รู้สึกว่า

ต๊าย ตาย คนอะไรไม่รู้ หน้าXXX หน้าXXX

เฮ้อ


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: Abraxas ที่ 21-11-2006, 11:14
เก็บคนใกล้ตัวทีละคน ให้เหลี่ยมหนาวเล่นๆ  :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 21-11-2006, 11:37
ผมว่าเขาทำงานกันไม่เป็นครับ มันถึงได้ดูข้าแบบนี้

เรื่องใหญ่ๆ รายละเอียดเยอะๆ ไม่ควรจะรีบร้อนทำ เพราะมันต้องใช้เวลา
เอาเรื่องเล็กๆ ยิบย่อยมาก่อน เพราะมันใช้เวลาไม่นาน อย่างเรื่องนี้ ถ้าทำ
ตั้งแต่แรกๆ ผมว่า เดือนเดียว ก็ออกมาให้ฟ้องขึ้นศาลไปแล้ว

ค่อยทะยอยออกมาเดือนละคดีก่อน ขณะเดียวก็สางเรื่องใหญ่ไปเรื่อยๆ
มันก็จะได้ใจ ประชาชน เอง ไม่ใช่มาถึงเหมาเรื่องใหญ่ๆ ก่อน ผลงาน
มันก็ไม่ค่อยออกมานะสิ

อย่างตอนนี้ผ่านไป 2 เดือน
- ภาษี บรรณพจน์
- เงินหวยบนดิน
- ที่ดิน
ก็ทะยอยออกมาแล้ว แต่ยังไม่ค่อยชัด เพราะดันไปทำทีหลังเรื่องใหญ่ๆ
พอโดน คมช เร่ง ถึงได้จับคดีย่อยๆ ออกมาช่วงนี้

อย่าพึ่งโลภมาก ไปไล่จับบิ๊กเบิ้ม เอาปลาซิว ปลาสร้อย ไปก่อน พอ
ประทังความหิว (ความหวังของประชาชน) เสียก่อน แล้วค่อยตามด้วย
ปลาใหญ่ ถ้ามัวแต่รอปลาใหญ่ เดียวจะอดตายไปก่อน


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 21-11-2006, 11:55
ก็เห็นด้วยกับคุณ eAT นะครับ

แต่ว่า ถ้าเล่นเรื่องภาษีจิ๊บจ๊อย 200 กว่าล้านนี้ก่อน คนก็จะบอกว่า แล้วเรื่องขายชิน 73,000 ล้าน แล้วไม่เสียภาษีล่ะ ทำไมไม่เล่น

คนไทยเอาใจยากครับ

อย่างไรก็เริ่มแล้วนะครับ ขออย่าให้หนังขาดก็แล้วกัน

เอาใจช่วยครับ



หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: type ที่ 21-11-2006, 12:35
แหมๆ  วัยรุ่นใจร้อนอ่ะครับ เก็บแต่ปลาซิวปลาสร้อย
รีบๆเอาปลาช่อนซะทีเหอะ  :slime_smile2: :slime_smile2:

ไหนๆก็ ยึดอำนาจ เพราะ ข้อกล่าวหาว่าร้ายปลาช่อนทั้งนั้นนี่

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ที่ 21-11-2006, 13:07
ทีตอนแรก ก็โฆษณาสรรพคุณซะสูง  มาวันนี้ก็มาบอกว่า คนไทยใจร้อน
เรื่องเร่งด่วนไม่รู้จักรีบทำ จัดลำดับความสำคัญของงานกันไม่เป็นหรือยังไง

อย่าให้เป็นไปตามข่าวลือล่ะ ว่า ที่ยายกระบังลมไปคุยกับป๋าน่ะได้ตกลงผลประโยชน์กันแล้วเรียบร้อย 
ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มพูดกันหนาหูแล้ว กับความไม่ชอบมาพากลของ คมช กับรัฐบาล
ไม่รู้ผู้มีอำนาจจะได้ยินกันมั่งหรือเปล่า   


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 21-11-2006, 13:18
จะเร็วไป ก็จะบอกว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกยึดทรัพย์อีก ! - - 

เอาตามที่บอร์ดหลุดโลกบอกป่าว

คมช  ทำเกินไป เราต้องการแค่ให้ยิงแม้วทิ้ง

ทำไมต้องรัฐประหารกันด้วย


โห ไอ้บอร์ดนี้ ยังมีตัวตนอยู่อีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ

ว่าแต่ว่า รู้ Address ใช่ป่ะ :slime_agreed:

งั้นก็บอกกันมามั่งดิ :slime_sentimental:

เห็นย้ายหนีบ่อยเหลือเกิน จนตามไม่ทัน  :slime_bigsmile:

หลังไมค์ ก็ได้นะคร้าบบบบบบบบบบบ  :slime_inlove: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 21-11-2006, 13:37
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ ไม่มีใครมายำยำได้ง่ายๆ บ่อยๆ ถ้าประชาชน ไม่สนับสนุน

ถ้าขาดความสามัคคี ยกย่องแต่คนเลวแล้วหล่ะก็ ก็คงต้องทำใจกันหล่ะ


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 21-11-2006, 15:08


โห ไอ้บอร์ดนี้ ยังมีตัวตนอยู่อีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ




LudLok Never Die ครับ ฮี่ ๆๆๆๆ กาลครั้งหนึ่งยังมีคนเป่าปี่ ... บลา บลา บลา ... ฮี่ ๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: boonterm ที่ 21-11-2006, 15:40
แหมๆ  วัยรุ่นใจร้อนอ่ะครับ เก็บแต่ปลาซิวปลาสร้อย
รีบๆเอาปลาช่อนซะทีเหอะ  :slime_smile2: :slime_smile2:

ไหนๆก็ ยึดอำนาจ เพราะ ข้อกล่าวหาว่าร้ายปลาช่อนทั้งนั้นนี่

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


เมีย กะ พี่เมีย คนไหนปลาซิว คนไหนปลาสร้อยเหรอ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 21-11-2006, 15:49
แหมๆ  วัยรุ่นใจร้อนอ่ะครับ เก็บแต่ปลาซิวปลาสร้อย
รีบๆเอาปลาช่อนซะทีเหอะ  :slime_smile2: :slime_smile2:

ไหนๆก็ ยึดอำนาจ เพราะ ข้อกล่าวหาว่าร้ายปลาช่อนทั้งนั้นนี่

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


เมีย กะ พี่เมีย คนไหนปลาซิว คนไหนปลาสร้อยเหรอ  :slime_bigsmile:

ครั้งหน้าเตรียมตัวรับปลาTeen ได้เลย

ลูกก็ใกล้โดนเข้าด้วยทุกที  ไม่รู้จะปลาสร้อยอีกเหรอป่าว


                           :slime_smile2: :slime_smile2:                          :slime_smile2:                          :slime_smile2::slime_smile2:                        :slime_smile2:   
:slime_smile2:                    :slime_smile2:                    :slime_smile2: :slime_smile2:                          :slime_smile2:                          :slime_smile2:                     :slime_smile2:  :slime_smile2:                     :slime_smile2:                          :slime_smile2:



หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 21-11-2006, 16:58
"คตส. จึงมีมติเห็นสมควรส่งเรื่องนี้ให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บภาษีกับนาย บรรณพจน์ ให้ครบตามจำนวน ภายใน 30 วัน หลังจากกรมสรรพากรได้รับหนังสือจาก คตส. โดยอนุกรรมการฯได้คำนวณภาษีพร้อมเงินเพิ่มที่นายบรรณพจน์ต้องจ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2541 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเงิน 546,120,000 บาท แบ่งเป็นเงินภาษีที่ต้องชำระ 273.06 ล้านบาท และเงินเพิ่มอีกไม่เกินเงินภาษี ที่ต้องชำระ 100% หรือ 273.06 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ทางกรมสรรพากร สามารถประเมินและคำนวณได้ตามมาตรา 18 ของประมวลรัษฎากร เพราะถือเป็นภาษีค้างเก็บ" นายวิโรจน์กล่าว

นาย วิโรจน์กล่าวว่า หากกรมสรรพากร ประเมินและเรียกเก็บไปแล้ว นายบรรณพจน์ ยังไม่ยอมชำระภาษี ทางกรมสรรพากรก็จะต้องเร่งรัดให้นายบรรณพจน์เสียภาษี แต่ถ้าเร่งแล้วยังไม่ยอมมาชำระ กรมสรรพากรก็มีอำนาจที่จะอายัดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาด อย่างไรก็ตาม นายบรรณพจน์ก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ในชั้นศาล หากนายบรรณพจน์แพ้คดี ก็จะต้องเสียภาษีในอัตรา 546.12 ล้านบาท ส่วนหนังสือที่จะส่งให้กรมสรรพากร ก็จะมีการรีบส่งไปให้ด่วนที่สุดภายในสัปดาห์นี้

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0101211149

คิวต่อไปโอ๊ค-เอม

:slime_v:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: type ที่ 21-11-2006, 17:08
เง้อ  ตัดสินว่า  บรรณพจ ผิด ก็ยัง เอาผิดทักษิณไม่ได้อยู่ดี  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
แล้วเมื่อไหร่ทักษิณจะได้กลับเข้ามาสุ้ คดีเนี่ย รีบๆฟ้องเขาทีเถอะ :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: อมพระมาพูด ที่ 21-11-2006, 17:19
เง้อ  ตัดสินว่า  บรรณพจ ผิด ก็ยัง เอาผิดทักษิณไม่ได้อยู่ดี  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
แล้วเมื่อไหร่ทักษิณจะได้กลับเข้ามาสุ้ คดีเนี่ย รีบๆฟ้องเขาทีเถอะ :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

รอทักสินบินมาติดคุกอยู่เนี่ย แล้วอย่าโวยวายนะคร๊าบทั่นๆ


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: type ที่ 21-11-2006, 18:29
เง้อ  ตัดสินว่า  บรรณพจ ผิด ก็ยัง เอาผิดทักษิณไม่ได้อยู่ดี  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
แล้วเมื่อไหร่ทักษิณจะได้กลับเข้ามาสุ้ คดีเนี่ย รีบๆฟ้องเขาทีเถอะ :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

รอทักสินบินมาติดคุกอยู่เนี่ย แล้วอย่าโวยวายนะคร๊าบทั่นๆ
ผมจะโวยวายไปทำไม ผิดก็ผิดสิครับ ว่าแต่หลักฐานอ่ะมียังจ๊ะ
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 21-11-2006, 18:34
เมื่อ เวลา 08.45 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ต.อ.พีรวัส ปราสาทกลาง หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท รับแจ้งมีเหตุขู่วางระเบิดที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ รุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ฉันทวิทย์ รามสูตร รอง ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค ผกก.สน.พญาไท เมื่อไปถึงพบพนักงานบริษัทต่างๆ หลายร้อยคน ยืนจับกลุ่มพุดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103211149

โอ้โห.. เรียกเก็บภาษีแค่นี้ถึงกับขู่วางระเบิดกันเลยที่เดียวเชียว
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 21-11-2006, 18:39
ผมกลับไม่อยากให้ทำอะไำรกับ "ทักษิณ" นะ
ส่วนบรรดาบริวาร + ลิ่วล้อ นั่น สมควรเก็บกวาดให้หมด
ไม่ใช่เพราะทักษิณดีเด่ เป็นเห้หนังหนา เป็นหมาขี้เรื้อน จนไม่มีใครสามารถทำอะไรได้
เพียงแต่ผมอยากให้ชีวิตบั้นปลายของนายทักษิณ  ต้องอยู่อย่างเดียวดาย
หรืออย่างเก่งก็รายล้อมด้วยกระสือ - กระหัง  ที่ตีวงรายล้อมเข้าไปหาเพียงเพื่อหวังสูบเอาทรัพย์สินผลประโยชน์
ไร้ผู้คน "มีความสามารถ ( แม้ไร้จรรยาบรรณ - เพราะมีเยี่ยงอย่างแห่งความวิบัติให้เห็น )" ให้ช่วงใช้
ส่วนบรรดาญาติมิตรก็ฉิบหาย จนกลายเป็น "โคตรเหง้าสุดอนาถ"
ชนิดไม่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
ก็มีคนกล่าวถึงอย่างขยะแขยง
หรือใช้สั่งสอนเตือนใจกัน
ไปจนชั่วลูกหลาน


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: type ที่ 21-11-2006, 20:09
เมื่อ เวลา 08.45 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ต.อ.พีรวัส ปราสาทกลาง หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท รับแจ้งมีเหตุขู่วางระเบิดที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 อาคารพญาไทพลาซ่า ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ รุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ฉันทวิทย์ รามสูตร รอง ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค ผกก.สน.พญาไท เมื่อไปถึงพบพนักงานบริษัทต่างๆ หลายร้อยคน ยืนจับกลุ่มพุดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103211149

โอ้โห.. เรียกเก็บภาษีแค่นี้ถึงกับขู่วางระเบิดกันเลยที่เดียวเชียว
:slime_bigsmile:

อุ้ย!! รุ้ด้วยเหรอว่าใครขู่วางระเบิด มีหลักฐาน อ๊ะเปล่า  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: justy ที่ 21-11-2006, 22:23
แหมๆ  วัยรุ่นใจร้อนอ่ะครับ เก็บแต่ปลาซิวปลาสร้อย
รีบๆเอาปลาช่อนซะทีเหอะ  :slime_smile2: :slime_smile2:

ไหนๆก็ ยึดอำนาจ เพราะ ข้อกล่าวหาว่าร้ายปลาช่อนทั้งนั้นนี่

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


เมีย กะ พี่เมีย คนไหนปลาซิว คนไหนปลาสร้อยเหรอ  :slime_bigsmile:

ครั้งหน้าเตรียมตัวรับปลาTeen ได้เลย

ลูกก็ใกล้โดนเข้าด้วยทุกที  ไม่รู้จะปลาสร้อยอีกเหรอป่าว


                           :slime_smile2: :slime_smile2:                          :slime_smile2:                          :slime_smile2::slime_smile2:                        :slime_smile2:   
:slime_smile2:                    :slime_smile2:                    :slime_smile2: :slime_smile2:                          :slime_smile2:                          :slime_smile2:                     :slime_smile2:  :slime_smile2:                     :slime_smile2:                          :slime_smile2:



แฟนของลูกจะโดนด้วยหรือเปล่าค่ะ  เห็นรวยผิดหูผิดตา คล้ายๆรับโอนถ่ายทรัพย์สิน
เหมือนครั้ง ซุกหุ้น 1 ทำไปได้ซุกใต้ผ้าถุงคนรับใช้...ลูกเอาอย่างบ้าง แบบว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ซุกสวยกว่าพ่อหน่อย   :slime_v:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 21-11-2006, 22:34
เง้อ  ตัดสินว่า  บรรณพจ ผิด ก็ยัง เอาผิดทักษิณไม่ได้อยู่ดี  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
แล้วเมื่อไหร่ทักษิณจะได้กลับเข้ามาสุ้ คดีเนี่ย รีบๆฟ้องเขาทีเถอะ :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:


ศาลยกคำร้อง “ยิ่งลักษณ์” ขอคืนคำฟ้อง-เลื่อนไต่สวน คดีนักธุรกิจเคเบิลทีวีมะกัน

ฟ้อง “ทักษิณ” เบิกความเท็จ ชี้คำร้องฟังไม่ขึ้น อ้างติดต่อพี่ชายไม่ได้ หลังถูกยึดอำนาจ

ด้าน “วิลเลี่ยม มอนซัน” พร้อมขึ้นเบิกความซัด “ทักษิณ” 18 ธ.ค.นี้

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000140267

                         :slime_smile2:  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: THX ที่ 21-11-2006, 22:48
ผมว่าข่าวที่ลงเมื่อวันก่อนที่นายบรรพตน์โดนธนาคารกรุงเทพฟ้องล้มละลาย เพราะด้วยสาเหตุนี้เปล่า แล้วจะอ้างว่าไม่สามารถจ่ายภาษีได้เพราะปัจจุบันเป็นบุคคลล้มละลาย แล้วจะไปอายัดทรัพย์ก็ทำไม่ได้อีก คนล้มละลายจะมีทรัพย์อะไรให้อายัดมาจ่ายภาษี


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 21-11-2006, 23:53
เอ้า .....รีบ เอาผิดทักษิณเร็วๆหล่ะกันครับ คนรอดูมีเยอะ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม ปากกล้า ขาสั่น..............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 22-11-2006, 08:13
ผมว่าข่าวที่ลงเมื่อวันก่อนที่นายบรรพตน์โดนธนาคารกรุงเทพฟ้องล้มละลาย เพราะด้วยสาเหตุนี้เปล่า แล้วจะอ้างว่าไม่สามารถจ่ายภาษีได้เพราะปัจจุบันเป็นบุคคลล้มละลาย แล้วจะไปอายัดทรัพย์ก็ทำไม่ได้อีก คนล้มละลายจะมีทรัพย์อะไรให้อายัดมาจ่ายภาษี

คงไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้หรอกครับ และคิดว่า ตอนนี้ยังไม่มีสถานะเป็นบุคคลล้มละลายแต่อย่างใด ยังรวยอู้ฟู่อยู่ครับ

เอ..แต่ผมอ่านข่าวนี้ไม่เจอนะ ถ้ามีข้อมูลขอเพิ่มหน่อยสิครับ น่าจะเป็นข่าวใหญ่นะ

.............................................................

เมื่อวานผมแวะไปห้องราชดำเนิน  มีเล่นข่าวนี้เหมือนกัน กองเชียร์ยังคงปักหลัก "ไม่เชื่อ" ว่า หญิงอ้อซุก หาว่า คตส.กลั่นแกล้งเอาผิดเพราะหาข้อมูลมาเล่นงานทักษิณไม่ได้

แปลก..! ที่ยังมีคนเชื่อว่า หญิงอ้อให้ของขวัญวันแต่งงาน 700 ล้านจริงๆ นี่ต้องถือว่า งมงายจนดักดาน ไปแล้ว

ทางกลับกัน ถ้าเป็นสนธิ หรือ ชวน หรือ อภิสิทธิ์ แจกของขวัญจำนวนนี้ให้เครือญาติ พวกนี้เขาจะถล่มเละหรือเปล่า?


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: THX ที่ 23-11-2006, 08:38
แหมๆ  วัยรุ่นใจร้อนอ่ะครับ เก็บแต่ปลาซิวปลาสร้อย
รีบๆเอาปลาช่อนซะทีเหอะ  :slime_smile2: :slime_smile2:

ไหนๆก็ ยึดอำนาจ เพราะ ข้อกล่าวหาว่าร้ายปลาช่อนทั้งนั้นนี่

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ผมก็พึ่งรู้ว่าหญิงอ้อกับบรรณพจน์คือปลาซิวปลาสร้อย ถ้านอนคุกซัก 6-7 เดือน คงไม่เดือดร้อนใช่มั้ย เพราะเห้รว่าเลี่ยงภาษีจนถึงขั้นจำคุก แม้วและลิ่วล้ออย่าดิ้นพราด ๆ เหมือนตอน 3 หนาก็แล้วกัน เพราะแค่ปลาซิวปลาสร้อย


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: THX ที่ 23-11-2006, 08:43
ผมว่าข่าวที่ลงเมื่อวันก่อนที่นายบรรพตน์โดนธนาคารกรุงเทพฟ้องล้มละลาย เพราะด้วยสาเหตุนี้เปล่า แล้วจะอ้างว่าไม่สามารถจ่ายภาษีได้เพราะปัจจุบันเป็นบุคคลล้มละลาย แล้วจะไปอายัดทรัพย์ก็ทำไม่ได้อีก คนล้มละลายจะมีทรัพย์อะไรให้อายัดมาจ่ายภาษี

คงไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้หรอกครับ และคิดว่า ตอนนี้ยังไม่มีสถานะเป็นบุคคลล้มละลายแต่อย่างใด ยังรวยอู้ฟู่อยู่ครับ

เอ..แต่ผมอ่านข่าวนี้ไม่เจอนะ ถ้ามีข้อมูลขอเพิ่มหน่อยสิครับ น่าจะเป็นข่าวใหญ่นะ

.............................................................

เมื่อวานผมแวะไปห้องราชดำเนิน  มีเล่นข่าวนี้เหมือนกัน กองเชียร์ยังคงปักหลัก "ไม่เชื่อ" ว่า หญิงอ้อซุก หาว่า คตส.กลั่นแกล้งเอาผิดเพราะหาข้อมูลมาเล่นงานทักษิณไม่ได้

แปลก..! ที่ยังมีคนเชื่อว่า หญิงอ้อให้ของขวัญวันแต่งงาน 700 ล้านจริงๆ นี่ต้องถือว่า งมงายจนดักดาน ไปแล้ว

ทางกลับกัน ถ้าเป็นสนธิ หรือ ชวน หรือ อภิสิทธิ์ แจกของขวัญจำนวนนี้ให้เครือญาติ พวกนี้เขาจะถล่มเละหรือเปล่า?

ศาลสั่ง"ล้มละลาย"! พี่ชายคนโต"พจมาน"

"พงศ์เพชร ดามาพงศ์" ติดหนี้"แบงก์กรุงเทพ"

ศาลพิพากษาให้"พงศ์เพชร ดามาพงศ์"พี่ชายคนโตคุณหญิงพจมาน เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นหนี้ธนาคารกรุงเทพ
จนถูกฟ้องว่าหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ขาดนัดคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่า มีประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่องคำพิพากษาให้ล้มละลาย ลงในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2549 ว่า ศาลล้มละลายกลาง (คดีแดงที่ 1491/2548) ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2549 ให้นายพงศ์เพชร ดามาพงศ์ อายุ 56 ปี (พี่ชายคนโตของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ล้มละลาย ทั้งนี้นายพงศ์เพชรเลขบัตรประจำตัวประชาชน 3-1002-02857-29-1 เกิดวันที่ 17 เมษายน 2493 ไม่ปรากฏอาชีพ อยู่บ้านเลขที่ 75 ถนนพระราม 5 แขวงดุสิต เขตดุสิต กทม.

คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากธนาคารกรุงเทพเป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลายซึ่งลูกหนี้ไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ซึ่งศาลล้มละลายจึงมีคำพิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2548 โดยศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานของโจทก์แล้วได้ความจริงว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ทั้งลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เพราะมีสินทรัพย์ไม่พอกับหนี้สินและลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี จึงมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด

สำหรับนายพงศ์เพชร เป็นบุตรที่เกิดจาก พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง กับนางพจนีย์ ณ ป้อมเพ็ชร มีพี่น้อง 3 คน คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.ต.ต.นพ.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ส่วนนายบรรณพจน์ เป็นเพียงบุตรบุญธรรม

นายพงศ์เพชรเคยเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 11 เลขประจำตัว 3253 (พ.ต.ท.ทักษิณเรียนรุ่นที่ 10) เคยเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยในจังหวัดเชียงรายเมื่อการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548

ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ ได้ขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่นกว่า 1,400 ล้านหุ้น มูลค่า 73,300 ล้านบาท ให้แก่บริษัทเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์
http://www.chiangmainews.co.th/wb_view.php?qid=2530

ตอนนั้นผมไปร้านหนังสือ เจอพาดหัวที่Post today ลงว่าชื่อบรรณพจน์ แต่ไปที่เวปอ่านข่าวย้อนหลังไม่ได้ ไปเจออีกLink นึง แต่อันนี้กลับเป็นพงษ์เพชร ตกลงอันไหนจริง? :slime_doubt:

เดี๋ยวไปค้นหนังสือพิมพ์ย้อนหลังดูก่อน ไว้คืนนี้จะมาอัพเดตอีกที


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 23-11-2006, 11:23
สวัสดีครับ

คุณTHX..

คงจะเป็นคนละคนกันแน่นอนครับ  พงษ์เพชรเป็นพี่ชายแท้ๆ ของหญิงอ้อ แต่บรรณพจน์เป็นพี่ชายบุญธรรม กลับให้ของขวัญมูลค่า 700 ล้านบาท

นี่แหละที่เขาตราหน้าว่า ..ไม่เคยปรากฏว่า..ให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนอื่นๆ แก่หญิงอ้อ..

ผมยังเชื่อว่า นายบรรณพจน์ก้ไม่ใช่ว่าได้เงินจำนวนนั้นไป ทุกอย่างเป็นการฉ้อฉล เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และหลอกกลต.ทั้งสิ้น เงินยังอยู่กับคุณหญิงนั่นแหละ



หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-12-2006, 01:00
 วันนี้ 2 ใน 6 คน เจ้าหน้าที่กรมสรรพกร ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการ ปปช. ว่าได้กระทำไปด้วยความสุจริตตามหน้าที่ แต่คณะกรรมการ ปปช. ไม่รับพิจารณา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความ.....

ดังนั้นเจ้าหน้าที่สรรพากรที่ขอ"ความเป็นธรรม" ย่อมรู้ว่าสิ่งที่ปฎิบัติไปนั้น ผิดหลักการ พยายามดิ้นรนขอ"ความเป็นธรรม" เป็นครั้งสุด....



หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: stromman ที่ 07-12-2006, 07:43
ผมขอให้กรรมตามทันพวกมันทั้งหมดที่ทำให้ชาติเสียหาย ทั้งถูกลงโทษทางกฏหมาย ทั้งให้มันพิกลพิการ ทรมานจนสิ้นอายุไข สาธุ


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 08-12-2006, 11:16
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000150708

“ศิโรตม์” กระอัก! ป.ป.ช.สั่งฟันอาญา-วินัย เลี่ยงหุ้นชินคอร์ป

“ป.ป.ช.” เช็กบิลคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ฟัน “ศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์” อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมสมุนอีก 4 คน ทั้งทางวินัย-อาญา ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
       
       วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. )นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและวินัย นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร พร้อมกับเจ้าหน้าที่สรรพากร รวม 5 ราย คือ น.ส.กุลฤดี แสงสายัณห์ นิติกร 7 ว น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ นิติกร 8 ว น.ส.สุจินดา แสงชมภู นิติกร 9 ชช.และ นายวิชัย จึงรักเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ว่า มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของทางราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และยังมีความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่เรียกเก็บ หรือตรวจสอบภาษีอากร กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร นั้น มิต้องเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
       
       หลังจากนี้ ประมาณ 1 อาทิตย์ ป.ป.ช.จะส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งเอกสารไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับบุคคลทั้ง 5 ตามฐานความผิดดังกล่าวต่อไป” ประธาน ป.ป.ช.กล่าว
       
       ขณะที่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า คณะกรรมการได้พิจารณา 2 ประเด็น คือ 1.การรับโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จาก น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ดังกล่าว เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42(10) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ โดยคณะกรรมการ เห็นว่า การโอนหุ้นให้กันเป็นการทำนิติกรรมอำพราง (ซื้อ-ขาย หุ้นในชื่อของบุคคลอื่น) ผู้โอนและผู้รับโอนมีเจตนาไม่สุจริตแต่แรก ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ และรู้ว่า การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นภาษี และผิดปกติวิสัยวิญญูชนทั่วไป หากทราบว่ากรณีดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เหตุใดไม่ทำแบบตรงไปตรงมา และการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเงินถึง 7.3 ล้านบาท คณะกรรมการจึงเห็นว่า การรับหุ้นของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จากคุณหญิงพจมาน ดังกล่าว ไม่เป็นเงินได้ที่ได้รับโดยเสน่หา เนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
       
       นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 คือ การที่ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันพิจารณาว่า การโอนหุ้นดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษีตามมาตรา 42(10) แห่งประมวลรัษฎากรนั้น เป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าการใช้ดุลพินิจของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการวินิจฉัยโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผล ความเป็นจริง ผลประโยชน์ของรัฐและสาธารณชนเป็นสำคัญ เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างแท้จริง
       
       นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ขณะที่ นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ และให้แจ้งสำนักตรวจสอบภาษี ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับเงินภาษีจำนวนถึง 270 ล้านบาทเศษ อันเป็นการใช้ดุลพินิจตัดสินใจซึ่งผิดปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไปที่พึงปฏิบัติ อีกทั้งในฐานะที่ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร ที่ประชุมพิจารณาแล้ว เห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการแสดงเจตนาที่พยายามดึงดันการพิจารณาให้การโอนหุ้นกรณีดังกล่าว เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีให้ได้ เป็นการพิจารณาโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายแนวทางปฏิบัติ ในอันที่จะรักษาประโยชน์ของทางราชการและสาธารณชน


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 08-12-2006, 11:22
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103081249

มติป.ป.ช.ฟันวินัยร้ายแรง อธิบดีสรรพากร พร้อม4ขรก.-พ่วง"อาญา"
ฐานไม่เก็บภาษี"บรรณพจน์" ซี8ร่ำไห้-"ศิโรตม์"ไม่เป็นไร "สมคิด"รับเล็งตั้งพรรคใหม่

ป.ป.ช.ลงมติเชือดอธิบดีสรรพากรและ จนท.รวม 5 คน ฐานทุจริตต่อหน้าที่-ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มีโทษถึงขั้นออกจากราชการ พร้อมผิดอาญาฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่เรียกเก็บภาษีจาก"บรรณพจน์"ที่ได้รับหุ้นมูลค่ากว่า 738 ล้าน จาก"พจมาน" ระบุวินิจฉัยโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลที่ยกเว้นภาษีให้กว่า 270 ล้าน



**เชือด5บิ๊กสรรพากรผิดวินัย-อาญา

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่าข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากร 5 คน ผิดวินัยร้ายแรงและผิดอาญา กรณีไม่เก็บภาษีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีที่ได้รับโอนหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด) มูลค่า 738 ล้านบาท จากกับนางสาวดวงตา วงศ์ภักดี (คนรับใช้ตระกูลชินวัตร) โดยโทษวินัยร้ายแรงมี 2 สถานคือให้ออกหรือไล่ออก ส่วนโทษทางอาญาจะต้องส่งเรื่องให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. นายกล้านรงค์ จันทิก และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล คณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถึงกรณีการพิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อกล่าวหาเรื่องเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรละเว้น ไม่เก็บภาษีการรับโอนหุ้นของนายบรรณพจน์มูลค่า 738 ล้านบาท ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณามีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 5 คน คือ 1.นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ขณะที่ทำหน้าที่รองอธิบดีกรมสรรพากร 2.นายวิชัย จึงรักเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย 3.น.ส.สุจินดา แสงชมภู สรรพากรภาค 10 ขณะดำรงตำแหน่งนิติกร 9 ชช. 4.น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ขณะดำรงตำแหน่ง นิติกร 8 ว. 5.น.ส.กุลฤดี แสงสายัณห์ นิติกร 8 ว.และเป็นหน้าห้องนายศิโรตม์ ขณะดำรงตำแหน่งนิติกร 7 ว. ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บภาษี ละเว้นไม่เก็บภาษีและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา และมีความผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ซึ่งจะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีอาญา คาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาคดีประมาณ 1 เดือน

**ชี้"บรรณพจน์"ได้หุ้นไม่เข้าข่ายเว้นภาษี

นายกล้านรงค์กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้มาโดยตลอดและมาจบในสมัยกรรมการชุดนี้ ทั้งนี้ มีประเด็นที่พิจารณา 2 ประเด็น คือ 1.การโอนหุ้นดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 42 (10) หรือไม่ และ 2.มีการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรหรือไม่ โดยประเด็นแรก ในข้อเท็จจริงคุณหญิงพจมานไม่ได้มีหน้าที่ที่จะอุปการะนายบรรณพจน์แต่ประการใดทั้งสิ้น นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้พิจารณาปัญหาข้อกฎหมาย คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเรื่องเกี่ยวกับการมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดู ซึ่งก็ได้พิจารณามาตรา 1461 ซึ่งเป็นเรื่องสามีภรรยาต้องอุปการะเลี้ยงดูกัน มาตรา 1563 บุตรต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา มาตรา 1564 บิดามารดาต้องให้การเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตร และต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วแต่ต้องเป็นบุตรที่ทุพพลภาพ หาเลี้ยงตนไม่ได้

"นอกจากนี้ยังมีคำพากษาของศาลฎีกาที่วินิจฉัยไว้เป็นแนวปฏิบัติหลายฎีกา เช่น ฎีกาที่ 1793/2518 ฎีกาที่ 1014/2519 ฎีกาที่ 2043/2523 ฎีกาที่ 4505/2533 ฎีกาที่ 3880/2540 ฎีกาที่ 1680/2547 ซึ่งเป็นกรณีที่มีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานว่ากรณีนี้ไม่ใช่เป็นการอุปการะเลี้ยงดูหรือให้โดยธรรมจรรยา และ ป.ป.ช.ได้สอบสวนอดีตอธิบดีกรมสรรพากรคนหนึ่ง ซึ่งได้ให้ความเห็นว่ากรณีพี่น้องเช่นนี้ไม่มีหน้าที่ที่จะอุปการะเลี้ยงดูตามธรรมจรรยาแต่ประการใดทั้งสิ้น"

**ระบุเป็นการทำนิติกรรมอำพราง

นายกล้านรงค์กล่าวว่า ส่วนการโอนให้ตามวาระแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ข้อเท็จจริงการแต่งงานดังกล่าวได้มีการจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2539 มีบุตรเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 แต่โอนหุ้นให้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 ระยะเวลาการให้ดังกล่าวห่างจากวันสมรสเกือบ 2 ปี และห่างจากวันที่บุตรเกิดเกือบ 1 ปี ทั้งยังไม่ถึงวันที่บุตรจะมีอายุครบ 1 ปี นอกจากนี้การโอนหุ้นดังกล่าวถ้ากระทำโดยสุจริต ก็คงจะกระทำในลักษณะธรรมดา แต่เรื่องนี้มีการทำหลักฐานเป็นการซื้อขายจริงกันในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นชื่อของบุคคลอื่นเพื่อเป็นการทำนิติกรรมอำพราง คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงพิจารณาว่ากรณีนี้ไม่ใช่กรณีที่จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (10)

**จนท.ใช้ดุลพินิจไม่เป็นตามกฎหมาย

นายกล้านรงค์กล่าวว่า ส่วนประเด็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรหรือไม่ อย่างไร กรณีการกล่าวหา น.ส.กุลฤดี น.ส.โมรีรัตน์ น.ส.สุจินดา และนายวิชัย คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การใช้ดุลพินิจของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน เป็นการวินิจฉัยโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลความเป็นจริง ผลประโยชน์ของรัฐและสาธารณชนเป็นสำคัญ เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างแท้จริง ขณะที่คำพิพากษาของศาลฎีกาก็มีฎีกาเป็นบรรทัดฐาน

นายกล้านรงค์กล่าวว่า ส่วนกรณีของนายศิโรตน์ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าหน้าที่และแจ้งให้สำนักตรวจสอบภาษีทราบ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเสนอเรื่องนี้ให้พิจารณาเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2544 เวลา 17.00 น.และวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2544 ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ และให้แจ้งสำนักตรวจสอบภาษีทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับเงินภาษีถึง 270 ล้านบาทเศษ ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องตัดสินใจในวันที่ 1 ตุลาคม อีกทั้งกรณีดังกล่าวยังมีปัญหาข้อโต้แย้งระหว่างรองอธิบดีที่รับผิดชอบเดิมและผู้ปฏิบัติซึ่งยังไม่สามารถวินิจฉัยให้เป็นไปอย่างหนึ่งอย่างใดได้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม

**โทษวินัยร้ายแรงถึงขั้นให้ออก-ไล่ออก

"ที่ประชุมจึงมีมติว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน และนายศิโรตม์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของทางราชการและฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน มาตรา 82 วรรค 3 มาตรา 85 วรรค 2 มาตรา 98 วรรค 2 และเป็นความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรนั้นมิต้องเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 154 และ 157 จึงให้ส่งรายงานดังกล่าวไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยและส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป" นายกล้านรงค์ กล่าว (อ่านรายละเอียดหน้า 2)

ทั้งนี้ เมื่อ ป.ป.ช.สรุปว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดวินัยร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ จะส่งเรื่องให้ต้นสังกัดพิจารณาลงโทษได้เลย โดยไม่ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบอีก ซึ่งโทษความผิดวินัยร้ายแรงมี 2 กรณี คือให้ออก หรือไล่ออก

ส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท ตามมาตรา 157 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

**ซี8รู้ผลร่ำไห้-"ศิโรตม์"บอก"ไม่เป็นไร"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กรมสรรพากร แม้ผู้ที่ถูกตัดสินจาก ป.ป.ช.จะไม่ได้เดินทางไปฟังคำตัดสินด้วยตัวเอง แต่ได้ส่งคนใกล้ชิดเดินทางไปแทน โดยผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ได้ติดตามข่าวจากทางโทรทัศน์ ขณะที่ น.ส.กุลฤดีถึงกับร่ำไห้ทันทีเมื่อทราบผลการตัดสินของ ป.ป.ช. ส่วนนายศิโรตม์เพียงบอกกับคนใกล้ชิดว่า "ผมไม่เป็นไร"

ทางด้านกระทรวงการคลัง ผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกำลังตรวจสอบข้อกฎหมายว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรจากคำตัดสินดังกล่าว

**นายกฯประกาศปราบโกงวาระแห่งชาติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ภายหลังสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาเปิดเผยงานวิจัยเรื่องทุนสัมปทานกับธรรมาภิบาล โดยพบว่า ตระกูลนักการเมืองถึง 10 ตระกูลที่ได้รับสัมปทานโครงการขนาดใหญ่ ได้รับผลประโยชน์จำนวนมาก ว่าในวันที่ 8 ธันวาคม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะประกาศวาระแห่งชาติด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาคราชการ ซึ่งจะมี 3 ระดับ คือ 1.ระดับบุคคล จะจัดทำสมุดพกข้าราชการ บันทึกความดีความชอบของข้าราชการแล้วนำไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี นอกจากนี้ จะมีการหยิบยกข้อเสนอเรื่องการกันข้าราชการไว้เป็นพยานในการสอบสวนคดีทุจริตของนักการเมืองขึ้นหารือด้วย

2.ระดับองค์กร จะเพิ่มตัวชี้วัดด้านคุณธรรมและจริยธรรมลงในคำรับรองการปฏิบัติราชการ เพื่อนำมาประเมินผลงานของหน่วยงานก่อนจัดสรรเงินรางวัลประจำปีให้ต่อไป และ 3.ระดับสังคม จะเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการในด้านต่างๆ ของรัฐเพื่อให้เกิดความโปร่งใสอีกด้วย

**"เติ้ง"บอกคตส.ไม่เห็นด้วยออกหวยบนดิน

วันเดียวกัน ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางเข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการออกสลากพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว และกรณีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประมูลที่ย่านรัชดาภิเษกจากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่มีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. เป็นประธาน คตส.

นายบรรหารกล่าวภายหลังการให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการว่า คตส.ได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องหวยบนดิน และกรณีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกมาสอบถาม โดย คตส.ถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับหวยบนดิน ซึ่งตนค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย ส่วนเรื่องเงินหวยที่มีการนำไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองนั้นตนไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่มีคนมาเล่าให้ฟังว่า มีการนำเงินหวยไปใช้ประโยชน์ทางอื่นบ้าง นอกจากนี้ ยังถามเรื่องหวยออนไลน์ ซึ่งตนบอกไปว่า หากปล่อยให้ตั้งตู้หวยออนไลน์ตามสถานที่ทั่วไป เยาวชนจะซื้อหวยได้สบาย เป็นการมอมเมาซึ่งเสียหายหากเรื่องนี้น่าจะเจรจาขอไม่ให้ใช้เครื่องขายหวยออนไลน์

**ชี้นายกฯมีสิทธิเข้าไปดูแลทุกหน่วยงาน

สำหรับเรื่องการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯของคุณหญิงพจมานนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า คตส.สอบถามว่า ในสมัยเป็นนายกฯ เคยให้ภรรยาซื้อขายที่ดินกับหน่วยงานรัฐหรือไม่ ซึ่งตอบไปว่าไม่มี ส่วนการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ จะถูกหรือหรือไม่ ตนไม่มีข้อมูล เมื่อถามว่า คตส.ถามถึงอำนาจของนายกฯในการกำกับดูแลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า คตส.ไม่ได้ถาม แต่ในทางกฎหมายนายกฯคงไม่ได้ดูแล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นคนดูแล แต่ในเรื่องอำนาจ นายกฯมีสิทธิเข้าไปดูแลทุกกระทรวงอยู่แล้ว แต่จะใช้อำนาจสั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการ ไม่ใช่เข้าไปสั่งการโดยตรง แต่ถ้าจะพูดกันแล้วในระดับกระทรวงใครเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

เมื่อถามย้ำว่า ในการประมูลงานถ้าสามีเป็นนายกฯ จะมีอำนาจหรือสร้างความเกรงใจให้กับคนที่ร่วมประมูลหรือไม่ นายบรรหารหยุดคิดเล็กน้อยก่อนตอบว่า "เรื่องนี้ไม่มีความเห็น เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล"

นายบรรหารกล่าวว่า อยากให้ คตส.ทำงานให้เร็วขึ้น เพราะประชาชนรอความหวังอยู่และไม่ควรรับเรื่องมากเกินไป เพราะตอนนี้มีอยู่ 11-12 เรื่องแล้ว เดี๋ยวจะไม่จบสักเรื่อง

หน้า 1


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 08-12-2006, 11:31
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0104081249

ป.ป.ช.เชือด 5 บิ๊กสรรพากร ผิดวินัยร้ายแรง-อาญา ฐานไม่เก็บภาษี"บรรณพจน์"

หมายเหตุ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพากร 5 คน ผิดวินัยร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และมีความผิดอาญา ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่ไม่เรียกเก็บภาษีเงินได้จากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่บุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับหุ้นจากบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ปัจจุบันคือบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 738 ล้านบาท  



ผลการประชุม

ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ละเว้นการตรวจสอบภาษีการรับโอนหุ้นของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาวินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบหลายประการ โดยประการหนึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ได้ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผ่านโบรกเกอร์โดยปรากฏว่า เป็นการซื้อหุ้นจากนางสาวดวงตา วงษ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ซึ่งภายหลังนายบรรณพจน์ได้ให้การว่า ไม่ได้ซื้อหุ้นดังกล่าวแต่อย่างใด แต่เป็นกรณีที่คุณหญิงพจมานแบ่งหุ้นให้ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน โดยคุณหญิงพจมาน เป็นผู้ชำระเงินค่าซื้อหุ้นแทนนายบรรณพจน์ จึงมิใช่การซื้อขายกันจริง แต่มีลักษณะเป็นการให้โดยเสน่หา

ต่อมา กรมสรรพากรได้ขอข้อมูลดังกล่าวจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อนำไปใช้ในการจัดเก็บภาษีอากรให้ถูกต้อง และต่อมา กรมสรรพากรพิจารณาแล้วเห็นว่าการรับโอนหุ้นของนายบรรณพจน์ดังกล่าวเป็นการได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา และจากการให้โดยเสน่หาเพื่อให้ตามพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากร

คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต จึงแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง

จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า หลังจากที่กรมสรรพากรได้ขอข้อมูลการตรวจสอบทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และบุคคลที่เกี่ยวข้องจากสำนักงาน ป.ป.ช.แล้ว อธิบดีกรมสรรพากร ได้ส่งเรื่องให้สำนักตรวจสอบภาษี (สต.) ทำการพิจารณา ซึ่งมีนาย ช.นันท์ เพ็ชญไพศิษฎ์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษี นางเบญจา หลุยเจริญ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี 9 ชช. น.ส.วรรณี ภูวพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนและประมวลหลักฐาน เป็นผู้รับผิดชอบ และมี น.ส.ปราณี สกุลพจน์วรชัย นักวิชาการ สรรพากร 7 สำนักตรวจสอบภาษี เป็นเจ้าของเรื่อง

จากการตรวจสอบ นายบรรณพจน์และคุณหญิงพจมาน ให้การว่า คุณหญิงพจมานได้ประสงค์จะยกหุ้นให้เพื่อเป็นการตอบแทนนายบรรณพจน์ ในฐานะพี่ชายบุญธรรม ซึ่งได้ทุ่มเทช่วยเหลือกิจการของครอบครัวมาโดยตลอด และเพื่อให้พี่น้องมีฐานะเท่าเทียมกัน และประกอบกับนายบรรณพจน์ ได้แต่งงานเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2539 และมีบุตรเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 จึงยกหุ้นให้เป็นของขวัญเพื่อเป็นทรัพย์สินของครอบครัวและบุตรชาย ซึ่ง น.ส.ปราณี น.ส.วรรณี, นางเบญจา ได้มีความเห็นร่วมกันว่ากรณีเป็นการยกหุ้นของคุณหญิงพจมาน ให้กับนายบรรณพจน์ เพื่อเป็นของขวัญแก่ครอบครัวและบุตรชาย จะถือว่าเป็นการยกให้โดยเสน่หา หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย เห็นควรส่งให้สำนักกฎหมายพิจารณา โดยมีนายวิชัย จึงรักเกียรติ ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ นิติกร 8 ว. เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี น.ส.กุลฤดี แสงสายัณห์ นิติกร 7 ว. สำนักกฎหมาย เป็นเจ้าของเรื่อง

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2544 น.ส.กุลฤดี, น.ส.โมรีรัตน์, น.ส.สุจินดา แสงชมภู นิติกร 9 ชช. และนายวิชัย ได้มีความเห็นร่วมกันเสนอรองอธิบดีซึ่งรับผิดชอบสำนักกฎหมายว่า เป็นการได้รับหุ้นจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา และการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ได้รับการยกเว้นภาษี ตาม ม.42 (10) แห่งประมวลรัษฎากร

วันที่ 14 กันยายน 2544 รองอธิบดีได้ตั้งข้อสังเกตให้สำนักกฎหมายทำการพิจารณาเรื่องเงื่อนเวลา ซึ่งต่างกัน 1 ปีเศษ จากวันแต่งงานถึงวันที่ให้หุ้น

วันที่ 17 กันยายน 2544 น.ส.กุลฤดี, น.ส.โมรีรัตน์, น.ส.สุจินดา, นายวิชัย มีความเห็นร่วมกันเสนอรองอธิบดีว่า มิใช่เรื่องที่จะต้องให้ตรงตามวันหรือระยะเวลาแต่ประการใด แต่ต้องให้เนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี โดยเทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 1793/2518

วันที่ 24 กันยายน 2544 รองอธิบดีได้ตั้งข้อสังเกต ให้สำนักตรวจสอบภาษีพิจารณาว่า นายบรรณพจน์ได้ค่าตอบแทนในการทำงานเป็นปกติหรือไม่ และคุณหญิงพจมานได้โอนหุ้นให้พี่น้องคนอื่นหรือไม่

วันที่ 28 กันยายน 2544 น.ส.กุลฤดี, น.ส.โมรีรัตน์, น.ส.สุจินดา, นายวิชัย มีความเห็นร่วมกันเสนอรองอธิบดีว่า นายบรรณพจน์ได้รับค่าตอบแทนในระดับผู้บริหารของบริษัทชินฯ ส่วนการโอนหุ้นให้พี่น้องคนอื่นหรือไม่นั้น สำนักตรวจสอบภาษีไม่ได้หารือมา ดังนั้น จึงไม่มีกรณีที่จะต้องพิจารณาและได้สรุปว่าการรับโอนหุ้นกรณีนี้เป็นการได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี และเข้าลักษณะเป็นการได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา ได้รับการยกเว้นภาษี แต่เนื่องจากรองอธิบดีซึ่งรับผิดชอบสำนักกฎหมายคนดังกล่าว ได้ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นเหตุให้เรื่องการพิจารณาโอนหุ้นนี้ มีการนำเสนอต่อนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ ขณะดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร ในวันที่ 28 กันยายน 2544 เวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดท้ายของปีงบประมาณ 2544

หลังจากนั้น ในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2544 นายศิโรตม์ได้บันทึกต่อท้ายบันทึกเสนอเรื่องนี้ว่า "คุณโมรีรัตน์ได้มาอธิบายรายละเอียดให้ฟังแล้ว แจ้ง ตร.ได้ตามเสนอ" ซึ่งหมายความว่า เห็นชอบด้วยกับความเห็นของสำนักกฎหมาย ให้แจ้งสำนักตรวจสอบภาษีทราบต่อไป

วันที่ 2 ตุลาคม 2544 น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย (คนใหม่) มีบันทึกแจ้งผลการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษีทราบ

วันที่ 5 ตุลาคม 2544 น.ส.ปราณี, น.ส.วรรณี มีความเห็นร่วมกันเสนอ นางเบญจา ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษี (คนใหม่) ว่า ส่วนสืบสวนฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีไม่มีผลต่อการเสียภาษี เห็นควรยุติการตรวจสอบ

วันที่ 5 ตุลาคม 2544 นางเบญจาพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีไม่มีผลต่อการเสียภาษีอนุมัติให้ยุติการตรวจสอบ ตามที่ น.ส.ปราณีเสนอ

ในเรื่องนี้สำนักงานสรรพากรภาค 4 เคยพิจารณากรณีการรับโอนหุ้นไม่มีค่าตอบแทนในลักษณะเดียวกันกับกรณีของนายบรรณพจน์ ได้แก่ กรณีการรับโอนหุ้นไม่มีค่าตอบแทนของ นายวิโรจน์ เกียรติวชิรพันธุ์ ซึ่งสำนักงานสรรพากรภาค 4 เห็นว่า การที่นายวิโรจน์ได้รับโอนหุ้นจากพี่ชาย หุ้นดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 39 เป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากรโดย นายวิชัย ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย นางสาวปราณี พันธุ์พฤกษ์ นิติกร 6 และนางสาวจำรัส แหยมสร้อยทอง ซึ่งรับตำแหน่ง ผู้อำนวยสำนักกฎหมาย แทนนายวิชัย ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นดังกล่าว เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 และได้ให้เจ้าหน้าที่ถือเป็นแนวปฏิบัติต่อมา



คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า

1.การรัฐโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ของนายบรรณพจน์ จาก น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน ดังกล่าว เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่

-ข้อพิจารณา

1.1 ระยะเวลาการให้ 7 พฤศจิกายน 2540 ห่างจากวันสมรส 12 มกราคม 2539 เกือบ 2 ปี และห่างจากวันที่บุตรเกิดเกือบ 1 ปี (บุตรเกิด 4 ธันวาคม 2539) ทั้งยังไม่ถึงวันที่บุตรจะมีอายุครบ 1 ปี

1.2 การโอนหุ้นให้กันเป็นการทำนิติกรรมอำพราง (ซื้อ-ขายหุ้นในชื่อของบุคคลอื่น)

1.3 ผู้โอนและผู้รับโอนมีเจตนาไม่สุจริตแต่แรก ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ และรู้ว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษี

1.4 ผิดปกติวิสัยวิญญูชนทั่วไป หากทราบว่ากรณีดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เหตุใดไม่ทำแบบตรงไปตรงมา และการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเงินถึง 7.3 ล้านบาท

จึงเห็นว่า การรับหุ้นของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จากคุณหญิงพจมาน ดังกล่าว ไม่เป็นเงินที่ได้รับโดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี

2.การที่ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันพิจารณาว่า การโอนหุ้นตามข้อ 1 ได้รับการยกเว้นภาษีตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากรนั้น เป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่

การที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ได้ร่วมกันพิจารณาว่าการรับโอนหุ้นระหว่างคุณหญิงพจมาน (ที่อยู่ในชื่อของนางสาวดวงตา วงศ์ภักดี) และนายบรรณพจน์ ได้รับการยกเว้นภาษีตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากร นั้นเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรมีพฤติการณ์ ในการกระทำความผิดที่แบ่งแยกแตกต่างกัน จึงแยกพิจารณา ดังนี้

2.1 กรณี นางสาวปราณี สกุลพจน์วรชัย ขณะดำรงตำแหน่งนักวิชาการ สรรพากร 7 นางสาววรรณี ภูวพานิช ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนสืบสวนและประมวลหลักฐาน นาย ช.นันท์ เพ็ชรญไพศิษฎ์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษี 9 และขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษี

การที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ ดำเนินการทั้งหมดเป็นเพียงการสรุปข้อเท็จจริงที่ได้จากการสืบสวนแล้วพิจารณาว่ามีปัญหาข้อกฎหมายจึงได้ทำหนังสือหารือสำนักกฎหมายเพื่อความรอบคอบ และสำนักฎหมายได้พิจารณาแล้ว จึงยุติเรื่องตามความเห็นของสำนักกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ที่ประชุมจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป

2.2 กรณี นางสาวจำรัส แหยมสร้อยทอง ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร จากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ขณะที่สำนักกฎหมายพิจารณาเรื่องนี้ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายขณะนั้น คือนายวิชัย จึงรักเกียรติ แม้ต่อมาจะปรากฏว่า นางสาวจำรัสจะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมายแทนนายวิชัย และได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาเรื่องนี้ให้สำนักตรวจสอบภาษีทราบก็ตาม แต่ก็เป็นการแจ้งเพราะเรื่องดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากรองอธิบดีฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีแล้ว จึงเห็นว่า นางสาวจำรัสมิได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ที่ประชุมจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป

2.3 กรณี นางสาวกุลฤดี แสงสายัณห์ ขณะดำรงตำแหน่งนิติกร 7 ว. นางสาวโมรีรัตน์ บุญญาศิริ ขณะดำรงตำแหน่งนิติกร 8 ว. นางสาวสุจินดา แสงชมภู ขณะดำรงตำแหน่งนิติกร 9 ชช. นายวิชัย จึงรักเกียรติ ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย



ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า

1.การใช้ดุลพินิจของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่เป็นการวินิจฉัยโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลความเป็นจริง ผลประโยชน์ของรัฐและสาธารณชนเป็นสำคัญ เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างแท้จริง ดังนี้

1.1 ทรัพย์สินที่ให้แก่กันมูลค่าสูงถึง 738 ล้านบาท ผู้เกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น และเป็นเรื่องที่สาธารณชนสนใจ ผู้ถูกกล่าวหาควรต้องหาข้อเท็จจริงและพิจารณาพยานหลักฐานตามที่เป็นจริงให้เป็นที่ยุติว่า คุณหญิงพจมานอุปการะนายบรรณพจน์อย่างไร และเป็นการให้ของขวัญเนื่องในพิธีหรือโอกาสแต่งงานและมีบุตร จริงหรือไม่

1.2 ผู้ถูกกล่าวหามิได้พยายามหาข้อเท็จจริงหรือพิจารณาหาพยานหลักฐานตามที่เป็นจริง กลับพิจารณารับฟังเฉพาะคำให้การของนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมานเท่านั้น แล้วมีความเห็นว่าการให้หุ้นดังกล่าวเป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา และให้เนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมประเพณี

1.3 พยานหลักฐานตามที่เป็นจริง คือพยานหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นของคุณหญิงพจมานให้กับนายบรรณพจน์ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยวินิจฉัยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 เป็นการโอนหลักทรัพย์ โดยอำพรางเพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดรวมทั้งหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ เพราะเป็นการทำผิดปกติวิสัยของบุคคลทั่วไป หากจะอุปการะกันหรือให้ของขวัญกันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปโอนกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนทั้งยังต้องเสียค่าธรรมเนียมนายหน้าให้แก่โบรกเกอร์เป็นเงินมากถึง 7.3 ล้านบาท ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาทราบดี

1.4 ผู้ถูกกล่าวหาไม่พิจารณาเสนออธิบดีหรือรองอธิบดีที่ได้รับมอบหมายให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย เพราะเป็นเรื่องสำคัญมูลค่าภาษีจำนวนมากนับร้อยล้านบาท อีกทั้งเป็นเรื่องที่สาธารณชนสนใจและยังไม่มีแนวปฏิบัติที่ตรงกับข้อเท็จจริงเรื่องนี้

1.5 การยกคำพิพากษาฎีกา ที่ 1793/2518 ขึ้นเทียบเคียงประกอบเหตุผลในการพิจารณา ผู้ถูกกล่าวหาหยิบยกข้อเท็จจริงเฉพาะส่วนที่เห็นว่าตรงกับความเห็นที่ตนเสนอ

1.6 รองอธิบดีกรมสรรพากร ที่รับผิดชอบสำนักกฎหมายในขณะนั้น ได้ตั้งข้อสังเกตให้พิจารณาเรื่องเงื่อนเวลาซึ่งต่างกันถึง 1 ปีเศษ จากวันแต่งงานถึงวันให้หุ้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่กลับได้ร่วมกันเสนอความเห็นว่ากรณีมิใช่เรื่องที่จะต้องให้ตรงวันหรือระยะเวลาแต่ประการใด และเมื่อรองอธิบดีได้ตั้งข้อสังเกตอีกครั้งว่า นายบรรณพจน์ ได้รับค่าตอบแทนในการทำงานเป็นปกติหรือไม่ และคุณหญิงพจมาน ได้มีการโอนหุ้นพี่น้องคนอื่นหรือไม่ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ ก็มีความเห็นร่วมกันเสนอว่า การพิจารณาเกี่ยวกับภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องแยกพิจารณาประเด็นค่าตอบแทนในการทำงานและการรับโอนหุ้นออกจากกัน ส่วนกรณีคุณหญิงพจมาน มีการโอนหุ้นให้พี่น้องคนอื่นหรือไม่นั้น สำนักตรวจสอบภาษี ไม่ได้หารือมาโดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่มิได้หาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการที่คุณหญิงพจมาน มีการโอนหุ้นให้พี่น้องคนอื่นหรือไม่ ตามข้อสังเกตของรองอธิบดีดังกล่าว

1.7 มิได้หาแนวทางปฏิบัติและคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อนำมาพิจารณาหรือนำมาประกอบการพิจารณาของผู้มีอำนาจวินิจฉัย อาทิ ประเด็นเรื่องการรับหุ้นฟรี ซึ่งศาลฎีกาวิเคราะห์แล้วเห็นว่า "หุ้นเหล่านี้จะเป็นหุ้นชนิดที่เรียกว่าหุ้นฟรีหรือไม่ก็ตาม ปัญหาคงอยู่ที่ว่าเป็นประโยชน์แก่โจทก์อันจะพึงถือได้ว่าเป็นเงินได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 40 (2) (8) หรือไม่นั้นเอง โจทก์ (เป็นน้องชายของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์) แถลงเอาไว้ในรายงานกระบวนการพิจารณาลงวันที่ 7 มีนาคม 2510 ว่า โจทก์ได้หุ้นมาเพราะทำงานให้จอมพลสฤษดิ์ ทางจอมพลสฤษดิ์จึงให้หุ้นทั้งหมดนี้ตอบแทน ตามนี้เห็นได้ว่าโจทก์ก็ได้หุ้นเหล่านี้เป็นประโยชน์ตอบแทนกับการที่โจทก์ได้ทำงานให้แก่ผู้ให้ ประโยชน์นั้นมีมูลค่าเป็นเงิน จึงถือได้ว่าเป็นเงินที่โจทก์ได้รับตามความในมาตรา 40 (2) (8) แห่งประมวลรัษฎากร หาใช่ว่าโจทก์ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาของผู้ให้หุ้นเหล่านี้แก่โจทก์ไม่ และเมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว โจทก์จะได้รับหุ้นเหล่านี้จากจอมพลสฤษดิ์ ผู้เป็นพี่ของโจทก์ดังที่โจทก์แถลงหรือได้รับจากบริษัทผู้ซื้อทั้งสามดังกล่าวข้างต้นตามที่จำเลยอ้างก็ตาม ก็มิได้ทำให้ผลตามกฎหมายของประเด็นข้อนี้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด กรณีหุ้นที่เรียกว่าหุ้นฟรีรวมเป็นเงิน 341,250 บาทนี้ จึงไม่ได้รับยกเว้นตามประมวลรัษฎากรมาตรา 42 (10) ฎีกาข้อนี้ของจำเลย (กรมสรรพากร) ฟังขึ้น"

1.8 ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของรองอธิบดีกรมสรรพากรในขณะนั้น เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2544 และวันที่ 24 กันยายน 2544 กลับทำความเห็นเสนอโดยเร็วในวันที่ 28 กันยายน 2544

1.9 มีการนำเรื่องการรับหุ้นโดยไม่มีค่าตอบแทนรายนายวิโรจน์ เกียรติวชิรพันธ์ ไปลงข้อมูลในระบบ TAXT RETRIEVAL 1 ของกรมสรรพากร ให้เจ้าหน้าที่ถือเป็นแนวปฏิบัติ แต่กรณีนายบรรณพจน์ กลับไม่มีการนำไปลงเผยแพร่ให้ถือปฏิบัติแต่อย่างใด

ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่เป็นการแสดงเจตนาที่พยายามดึงดันการพิจารณาให้การโอนหุ้นกรณีดังกล่าว เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีให้ได้ เป็นการพิจารณาโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายแนวทางปฏิบัติ ในอันที่จะรักษาประโยชน์ของทางราชการและสาธารณชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดังกล่าวพึงมีและต้องคำนึงถึง แต่ผู้ถูกกล่าวหากระทำการดังกล่าว โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงหลักเหตุผล หลักกฎหมายผลประโยชน์ของทางราชการ และผลประโยชน์ของสาธารณชน

2.4 นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ขณะปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนรองอธิบดีที่ถูกคำสั่งย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2544 ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าหน้าที่และให้แจ้งสำนักตรวจสอบภาษีทราบทั้งๆ ที่เพิ่งจะมีการเสนอเรื่องนี้ให้พิจารณาเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2544 เวลา 17.00 น. และในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2544 ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ และให้แจ้งสำนักตรวจสอบภาษี ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับเงินภาษีจำนวนถึง 270 ล้านบาทเศษ ไม่มีกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องตัดสินใจในวันที่ 1 ตุลาคม 2544 อีกทั้ง กรณีดังกล่าวมีปัญหาข้อโต้แย้งระหว่างรองอธิบดีที่รับผิดชอบเดิม และผู้ปฏิบัติซึ่งยังไม่สามารถวินิจฉัยให้เป็นอย่างหนึ่งอย่างใดได้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม อันเป็นการใช้ดุลพินิจตัดสินใจซึ่งผิดปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไปที่พึงปฏิบัติ อีกทั้งในฐานะที่ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรด้วย

ที่ประชุมจึงมีมติว่า การกระทำของ นางสาวกุลฤดี แสงสายัณห์ นิติกร 7 ว. นางสาวโมรีรัตน์ บุญญาศิริ นิติกร 8 ว. นางสาวสุจินดา แสงชมภู นิติกร 9 ชช. นายวิชัย จึงรักเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย และนายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในขณะนั้นมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 และมาตรา 98 วรรคสอง และเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่เรียกเก็บ หรือตรวจสอบภาษีอากร กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรนั้น มิต้องเสียและฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 154 และมาตรา 157

ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับบุคคลทั้งห้า ตามฐานความผิดดังกล่าวต่อไป

หน้า 2


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: eAT ที่ 08-12-2006, 11:37
ผมสงสัยว่า ผมอ่านข่าวไม่ละเอียดหรือไร ทำไมไม่เจอ การแจ้งการกระทำผิด
ฐานเลี่ยงภาษีของคุณหญิง กับพี่ชาย กันเล่า

รีบๆ แจ้งเข้าครับ เพราะสาวก (อย่างนาย type) อยากให้เอาผิดเต็นทนแล้ว
อยากให้พวกนี้ติดคุกกันเสียบ้าง


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: ooo ที่ 08-12-2006, 11:46
   สงสารครับ เป็นแค่ลูกน้อง นายสั่งอย่างไรก็ต้องทำตาม

ปัญหานี้ยากที่จะหมดไปจากระบบราชการ...


หัวข้อ: Re: **หญิงอ้อ..บรรณพจน์..ดวงตา(คนใช้)..เจ้าหน้าที่สรรพากร ถึงคิวเชือดแล้วครับ**
เริ่มหัวข้อโดย: varada ที่ 08-12-2006, 11:47
จะเร็วไป ก็จะบอกว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกยึดทรัพย์อีก ! - - 

เอาตามที่บอร์ดหลุดโลกบอกป่าว

คมช  ทำเกินไป เราต้องการแค่ให้ยิงแม้วทิ้ง
ทำไมต้องรัฐประหารกันด้วย


เอิ๊กกกกกกกกกกกกก :slime_hmm: