ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: นทร์ ที่ 18-10-2006, 10:34



หัวข้อ: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 18-10-2006, 10:34
...
“ที่ประชุม ครม.มีความกังวลในประเด็นเรื่องอายุของผู้ซื้อ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีมาตรการควบคุมที่ได้ผลพอ ผู้ขายยังดูเพียงหน้าตา แต่ไม่มีการตรวจบัตรอย่างจริงจัง จึงมีการทักท้วงว่าประเด็นดังกล่าวควรต้องลงราย ละเอียดมากขึ้น ว่าเมื่อออกมาตรการดังกล่าวแล้วจะบังคับใช้อย่างไร ซึ่งได้มีการศึกษารายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว สัปดาห์หน้าจะเตรียมนำเสนอ ครม.อีกครั้ง” นพ.มงคล กล่าวและว่า จะมีการจัดประชุมพิเศษโดยเชิญกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ของแนวทางการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. อาจจะมีการกำหนดเพิ่มเติมในเรื่องของสถานที่จำหน่าย โซนนิ่ง โดยจะกำหนดให้มีความชัดเจนมากขึ้น  รมว.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า ประเด็นที่สำคัญ 
...

http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=23406


หัวข้อ: Re: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 18-10-2006, 12:50
18 เท่าเดิมแล้วจ้า


หัวข้อ: Re: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 18-10-2006, 13:07
ผมว่า ไม่เห็นน่าจะยากเลยนะ

ก็ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ทำการ audit อยู่เป็นประจำซี้  ปลอมตัวล่อซื้อไง

ถ้าทำแบบนี้ ขี้คร้านร้านค้ายิบย่อยมันจะเรียกดูบัตรตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าใครปลอมมาบ้าง


หัวข้อ: Re: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 18-10-2006, 13:28
งง กับเหตุผล

งั้น 18 ก็คุมไม่ได้ เพราะไม่ได้ดูบัตรประชน

 :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: boonterm ที่ 18-10-2006, 13:43
แถวบ้านยังเห็นใช้ลูก(เด็กประถม) ไปซื้อเหล้า-บุหรี่ คนขายก็ไม่เห็นว่าไร

ยากจริง ๆ เลยประเทศเรา จะทำอะไรแต่ละอย่าง... :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 18-10-2006, 14:59
ผมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วครับ กับ พรบ ฉบับนี้ อย่าตึงเกินไปอย่าหย่อนเกินไปเลย แค่จำกัดระบอบทักษิณได้ สังคมก็ดีขึ้นมากแล้วครับ

ส่วนด้านอื่นๆ ก็ค่อยๆ ปรับกันไป ตามเวลาที่มีอยู่

ตอนนี้เร่งแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ กับภัยธรรมชาติ และ เช็ดบิลคนทุจริต ดีกว่านะครับ  


หัวข้อ: Re: ตีกลับพรบ.คุมสุรา ทบทวน ต่ำกว่า 25 ห้ามซื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: taworn09220 ที่ 19-10-2006, 09:44
อะไรกันนักหนา เรื่อง "น้ำเมา" เข้าตลาดหุ้น
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์  มติชนรายวัน วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10014

เมื่อวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ กว่าผู้เขียนจะกลับถึงบ้านได้ก็ร่วมสามทุ่มเพราะรถราติดกันแบบผิดปกติ พอลงจากรถประจำทางเพื่อเดินกลับบ้านก็เห็นฝูงชนเป็นจำนวนมากอยู่เต็มเส้นทางที่เดินกลับบ้าน ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นอยู่ตลอดเวลาสอบถามดูก็ได้ความว่าเป็นผู้มาประท้วงกรณีที่ธุรกิจเบียร์-เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) หลายพันคน

ซึ่งเมื่ออ่านข่าววันรุ่งขึ้น บางแหล่งข่าวก็บอกว่ากว่าหมื่นคน บางแหล่งข่าวก็ว่าเกือบหมื่นคน แต่ก็มากขนาดการจราจร แถวหน้ากระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 ปั่นป่วนและมีผลกระทบไปทั่วกรุงเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจคือพระพิศาลธรรมพาที (พระพยอม กัลยาโณ) แห่งวัดสวนแก้วผู้กำลังอาพาธอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ยังอุตส่าห์มาปราศรัยสนับสนุนการต่อต้านการที่บริษัทเหล้า-เบียร์จะได้เข้าตลาดหุ้นด้วย ซึ่งเมื่อปราศรัยเสร็จท่านก็กลับไปโรงพยาบาลทันที

ผู้นำคนสำคัญคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าราชการ กทม.ซึ่งผู้มาประท้วงต่อต้านเรื่องนี้ก็มีมากทุกศาสนาทุกเพศทุกวัย ซึ่งเหตุผลที่ต่อต้านนี่ก็ชัดคือเหล้า-เบียร์เป็นของไม่ดีศาสนาอิสลามนี่ห้ามขาดเลย

ส่วนทางพระพุทธศาสนานั้นก็ไม่ถึงกับห้ามโดยเด็ดขาดแต่ให้สำรวม คือ ดื่มให้น้อยเข้าไว้หรือใช้เป็นน้ำกระสายยาก็ได้ (ในพระวินัยอนุญาตให้พระภิกษุใช้สุราผสมกับยาได้โดยให้มีปริมาณเหล้าไม่เกินข้อนิ้วชี้ปล้องแรก แต่ก็มีคนหัวหมอใช้ฝาบาตรหรือฝาโอ่งเป็นภาชนะในการวัดปริมาณซึ่งก็พอเมาได้เหมือนกัน)

เหตุผลที่ต่อต้านก็มีดีๆ ทั้งนั้น อาทิ เรื่องดื่มสุราเมาแล้วขับรถชนคนตายมีมากเหลือเกิน กินเหล้าแล้วทุบตีลูกเมีย จนครอบครัวแตกแยก สร้างเด็กมีปัญหาให้กับสังคม หรือกินเหล้าแล้วก็คึกคะนองยกพวกตีกันหรือไม่ก็ไปแดผู้หญิงมารุมข่มขืน หรือกินเหล้าจนเป็นหนี้สินรุงรัง กินเหล้าจนเจ็บไข้ได้ป่วยทำงานไม่ได้เป็นภาระสังคม ที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายดูแลรักษา คิดผลเสียทางเศรษฐกิจแล้ว ก็น่าจะมากกว่าภาษีสุรา-เบียร์ที่รัฐเก็บได้เสียอีก

นอกจากนี้ ก็ยังมีข้อที่ว่าการนำบริษัทน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นนั้นจะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนตกต่ำ เพราะต้นทุนกว่า 50% คือ ภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐซึ่งหากรัฐเปลี่ยนนโยบายการเก็บภาษีน้ำเมาเมื่อใด ก็จะส่งผลกระทบต่อยอดขายและต่อตลาดหลักทรัพย์ทันที

ฟังดูแล้วก็น่าศรัทธา ผู้เขียนจึงถามสุภาพสตรีวัยกลางคนที่ดูลักษณะน่าเคารพนับถือท่านหนึ่ง ผู้เป็นเข้าร่วมการต่อต้านครั้งนี้ด้วย ตั้งแต่ต้นคือมาตั้งแต่สายๆ เลยและอยู่กับขบวนการต่อต้านน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ จนเลิกเลยทีเดียวว่า

"ในเมื่อน้ำเมาเหล้าเบียร์มันเลวชนิดหาดีได้อย่างนี้ ถ้าจะออกกฎหมายห้ามกินเหล้า ขายเหล้า และผลิตเหล้าเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ?"

ปรากฏว่าสุภาพสตรีท่านนั้นตอบว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมมีลักษณะเป็นทวิลักษณ์ (มีสิ่งตรงข้ามอยู่กัน 2 สิ่งในตัวคนๆ เดียวกัน) เหมือนกับคนทุกคนย่อมมีฮอร์โมนของทั้งเพศหญิงและเพศชาย หากมีความสมดุลกันคือ เมื่อเป็นผู้ชาย ก็มีฮอร์โมนของเพศชายมากกว่าฮอร์โมนเพศหญิง หรือเมื่อเป็นผู้หญิงก็มีฮอร์โมนเพศหญิง มากกว่าฮอร์โมนเพศชาย แต่ถ้าเกิดความอปกติขึ้นมา เราก็จะมีหญิงในร่างชาย หรือชายในร่างหญิง แต่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อย่างมายืนยันว่าหากมีกรณีอย่างที่ว่านี้ก็ถือว่าเป็นปกติ เนื่องจากเป็นเรื่องของฮอร์โมนไม่มีใครควบคุมได้

อีกประการหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาเองในอดีตก็เคยออกกฎหมายระดับสูงสุดคือเพิ่มเข้าไปในรัฐธรรมนูญเลยคือห้ามการผลิต การจำหน่าย การขนส่งภายใน การนำเข้าหรือส่งออกเครื่องดื่มของมึนเมาภายในสหรัฐอเมริกา ก็คือการบริโภคสุราเลยทีเดียวนั่นเอง

แต่กฎหมายนี้ใช้บังคับได้ 14 ปี ก็ต้องยกเลิกเนื่องจากคนอเมริกันตาบอดกันเยอะเพราะดื่มเหล้าเถื่อน มีมาเฟียผลิตเหล้าเกิดขึ้นมากมาย และแย่งผลประโยชน์กันถึงขนาดขึ้นรถยนต์ใช้ปืนกลมือไล่ยิงกันกลางนครใหญ่ๆ (อัลคาโปน มาเฟียใหญ่แห่งนครชิกาโกที่เลื่องชื่อก็เกิดขึ้นช่วงนี้แหละ)

สรุปรัฐขาดรายได้จากภาษีเหล้าและมีโจรเพิ่มขึ้นทุกหัวระแหง การทำอะไรขัดกับธรรมชาติของมนุษย์มักเกิดผลร้าย มากกว่าผลดีเหมือนยารักษาโรคนั้นทำอันตรายต่อคนป่วยมากกว่าเชื้อโรคจริงๆ เสียอีก

สรุปแล้วท่านสุภาพสตรีท่านนั้นบอกกับผู้เขียนว่า เป้าหมายของการต่อต้านการเข้าตลาดหุ้นของบริษัทน้ำเมานี้ มีเพียงแค่ต้องยับยั้งความเติบโตของการบริโภคน้ำเมาของคนไทยเท่านั้นเอง เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จากการโฆษณาโปรโมตให้คนไทยดื่มเหล้าดื่มเบียร์เล่นกันแรงเหลือเกิน ทำให้ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ของโลกของการบริโภคน้ำเมาซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจอะไรเลย ยิ่งให้บริษัทน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นได้ ก็จะมีเม็ดเงินในการโฆษณาโปรโมชั่นกันมากขึ้น ซึ่งคนไทยคงเป็นคนขี้เมาของโลกแน่ๆ

ผู้เขียนฟังแล้วก็ขอบคุณแล้วก็เดินเลี่ยงๆ กลับบ้านตลอดทางมาก็คิดว่าถ้าดูเหตุผลทางเศรษฐกิจและกฎหมายแล้ว ความเห็นของสุภาพสตรีท่านนั้น ก็ออกจะแหว่งๆ โหว่ๆ ยังไงพิกลเรื่องติดเหล้านั้นดูจะเป็นทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

ดังนั้น จะแก้ที่คนหรือแก้ที่ระบบละ? ถ้าจะแก้ที่ระบบคือปัจจัยภายนอกอย่างเดียวแบบสุภาพสตรีท่านนั้น ก็เห็นจะต้องเปลี่ยนระบบใหม่ละครับ

ท่านผู้อ่านว่ายังไง?