หัวข้อ: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 10-10-2006, 11:56 ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา..... ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาระหว่างครองโลกในสมัยหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศ ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้ ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู ่ในมือของ Big C, Lotus, Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด... เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา ? 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553 คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร 18pt">14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย ผมก็อธิบายคำว่า license (ค่าลิขสิทธิ ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป ** เมื่อกี้ดูที่นี่ประเทศไทย เปิดเพลงชาติให้ฟัง ไม่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าอยากร้องไห้เท่าวันนี้เลย ฟังแล้วเห็นภาพที่คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ แต่อยากจะขออีกอย่างหนึ่งคือรักชาติหน่อย ช่วยกันหน่อยครับ ซื้อสินค้าไทย เลิกได้แล้วกับการซื้อของแบรนเนม มันจะทำให้ชาติล่มจม เมื่อทุกท่านอ่านบทความฉบับนี้จบลง ** *** ขอให้ทุกๆท่าน ..(โปรดเชื่อคุณนิติภูมิ เพื่อให้ประเทศไทยของเรา จะยังคงอยู่เป็น ..ชาติไทย.. เฉกเช่นทุกวันนี้สืบต่อไป ) หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: ยามเฝ้าแผ่นดิน ที่ 10-10-2006, 12:12 อืม ช่ายๆ เห็นด้วยนะ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เรามัวแต่โหนกระแสทุนนิยมจนลืมเศรษฐกิจพอเพียงไปเลย ต้องให้ครม.ชุดใหม่หนุนเศรษฐกิจพอเพียงให้มากๆ ส่วนปัญหาภาคใต้ต้องให้ท่านชาญชัยลงไปแก้ไขระบบยุติธรรมแบบเดิมๆและระบบอุ้มฆ่าให้หมดไป
หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 10-10-2006, 12:17 สนธิ - นั่ง ขอไว้อาลัยคนเสียชีวิตสัก 30 วินาที ด้วยความเงียบนะครับพ่อแม่พี่น้องครับ เอาเริ่มตอนนี้เลยนะฮะ ครับขอบคุณมากครับพ่อแม่พี่น้องครับ (ปรบมือ)
สโรชา - เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของเรา อุทกภัยน้ำที่ไหลมาอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ดังนั้นถือว่าหลายๆ คนอาจจะอธิบายได้ว่าเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ คือเราไป สนธิ - ผมว่าน่าจะอธิบายได้ 2 อย่างนะพ่อแม่พี่น้อง คุณแอ้ม วิทยาศาสตร์ก็ใช่ ก็คือว่า ตัดไม้ทำลายป่าน้ำหลาก แต่ถ้าในเชิงเคล็ดของแผ่นดินแล้ว ผมว่ามันเป็นเรื่องอาเพศผู้นำมากกว่านะ (ปรบมือ) สโรชา - ทำไมคะ คุณสนธิ สนธิ - ผมคิดว่าเราพูดกันอย่างไม่เข้าข้างใครนะครับ ตั้งแต่เรามีผู้นำประเทศมาไม่เคยมียุคไหนที่ประเทศไทยจะเจอภัยพิบัติ สโรชา... หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: irq5 ที่ 10-10-2006, 13:33 สงสัยต้องให้พินาศทั้งตระกูล แผ่นดินจะสงบเนอะ
หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: อมพระมาพูด ที่ 10-10-2006, 13:37 ตอนนั้นนิติภูมิ เขียนบทความนี้กระแทกทักสินนี่นา..จำได้ แล้วก้อนิติภูมิเป็นขาประจำทักสินอีกคนที่โดนลิ่วล้อด่ายับในไซเบอร์ สกายนิยมชมชอบเหมือนกันเร๋อ ? ถึงได้โกปี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: jack8923 ที่ 10-10-2006, 13:38 ง่ายจะตาย ก็ซื้อของในประเทศสิครับ กลัวอะไรเกินเหตุ
ยังไงประเทศไทยก็ไม่ดีไปกว่านี้แล้วครับ ปกครองยังต้องใช้ทหารเลย หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: มดโฟร์ ที่ 10-10-2006, 14:02 เทสโก้โลตัสผู้ยิ่งใหญ่ บอกข้าเถิด
สึนามิเข้าถล่มประเทศไทยในยุคสมัยเทวดาองค์ใด หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 10-10-2006, 20:58 ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ว่าคุณ sky อ่านบทความนี้แล้วแถมมาโพสต์ให้อ่านอีก.......หัวใจคุณ sky ยังเป็นคนไทยอยู่หรือปล่าว จึงยังคงภักดีต่อทักษิณ
หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 10-10-2006, 21:10 ขอตอบกระทู้ด้วยรูปครับ (http://img83.imageshack.us/img83/3401/20060305nitipoomjoinsrallyatsanamluangzd6.jpg) เครดิต: ผู้จัดการออนไลน์ (แต่พูดจริงๆ ก็ไม่ค่อยไว้ใจนิติภูมิมากนัก) หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 10-10-2006, 21:37 ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับบทความนี้ อย่างยิ่ง (ในบางประการ)
ไม่ใช่ผมไม่รักชาตินะ แต่ผมว่า เหตุผลบางอย่างมันแปลกๆ อ้างถึง สินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ขนาดต้องเสียค่า logistic ขนเข้ามาจากต่างประเทศแล้วยังถูกกว่าที่ปลูกในไทยเนี่ยนะ ไม่น่าเป็นไปได้ จริงๆแล้วที่ขายไม่ออกน่าจะมาจาก 1. คุณภาพสู้ไม่ได้ 2. สู้การโฆษณา + packaging ไม่ได้ (เช่น กาแฟ starbuck) อ้างถึง มาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว อันนี้ผมไม่รู้ว่าจะเกิดการครอบครองถึงขนาดไหน แบงค์ชาติเลยเหรอ หรือถ้า ธนาคารกรุงเทพเป็นของต่างชาติแล้ว จะทำให้พฤติกรรมของธนาคาร เปลี่ยนไปอย่างไร ใครมีความรู้ช่วย บอกด้วยครับ อ้างถึง เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท แล้ว Big C & Carrefour ไม่ต้องเสียภาษีเหรอครับ ใครรู้ช่วยอธิบายหน่อย แล้วห้างใหญ่ๆพวกนี้นี่ เข้าก้อจ้างคนไทยทำงานส่วนใหญ่นี่ครับ ไม่เคยเห็นฝรั่งมาเป็น cashier เลย เงินมันก้อหมุนอยู่ในไทยนี่แหละ ส่วนกำไรเค้าก้อเอาไปลงทุนห้างใหม่ต่อ ร้านขายของเล็กๆต่างๆ ก้อสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ต้องปิดกันไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่ผมไม่สงสารนะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต่อเศรษฐกิจ เหมือนกันตอนที่ คอมพิวเตอร์ เข้ามาใหม่ๆ แล้ว บริษัททำเครื่องพิมพ์ดีดเดือดร้อนนะแหละ ขอร้องให้รัฐบาลคุ้มครองอุตสาหกรรมพิมพ์ดีด ถ้ากีดกันสำเร็จจริง ป่านนี้เราคงไม่ได้พิมพ์งานด้วย word excel หรอกครับ ยัง แท็กๆๆๆๆๆ กันอยู่เลย อ้างถึง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ห้างต่างชาติ ไม่เกี่ยวอะไร กับความล้มเหลวของอาร์เจนตินาเลยครับ การมีห้างต่างชาติอยู่ อาจจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นซะด้วยซ้ำ สาเหตุที่แท้จริง คือ หนี้เสียที่ท้วมท้น จากรัฐบาลที่ผ่านๆมา กับ นโยบายทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดต่างหาก http://en.wikipedia.org/wiki/Argentine_economic_crisis_(1999-2002) (http://en.wikipedia.org/wiki/Argentine_economic_crisis_(1999-2002)) อ้างถึง ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ อันนี้ก้อดีครับ แต่ผมคิดว่า จะกิน KFC หรือไม่ ก้อขึ้นกับสิทธิของแต่ละคนนะ ถ้ามีเงินซื้อได้ก้อไม่มีปัญหา ยาวไปหน่อย.... เหนื่อยเลย หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 10-10-2006, 22:19 ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับบทความนี้ อย่างยิ่ง (ในบางประการ) ไม่ใช่ผมไม่รักชาตินะ แต่ผมว่า เหตุผลบางอย่างมันแปลกๆ อ้างถึง สินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ขนาดต้องเสียค่า logistic ขนเข้ามาจากต่างประเทศแล้วยังถูกกว่าที่ปลูกในไทยเนี่ยนะ ไม่น่าเป็นไปได้ จริงๆแล้วที่ขายไม่ออกน่าจะมาจาก 1. คุณภาพสู้ไม่ได้ 2. สู้การโฆษณา + packaging ไม่ได้ (เช่น กาแฟ starbuck) อันนี้จริงครับ ง่าย ๆ ดูพวกหอม กระเทียมก็ได้ครับเป็นยังไง ใหญ่กว่า ถูกกว่าของไทย ไหนภาษีนำเข้าจะ 0% เนื่องจาก FTA อ้างถึง เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท แล้ว Big C & Carrefour ไม่ต้องเสียภาษีเหรอครับ ใครรู้ช่วยอธิบายหน่อย แล้วห้างใหญ่ๆพวกนี้นี่ เข้าก้อจ้างคนไทยทำงานส่วนใหญ่นี่ครับ ไม่เคยเห็นฝรั่งมาเป็น cashier เลย เงินมันก้อหมุนอยู่ในไทยนี่แหละ ส่วนกำไรเค้าก้อเอาไปลงทุนห้างใหม่ต่อ ร้านขายของเล็กๆต่างๆ ก้อสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ต้องปิดกันไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่ผมไม่สงสารนะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต่อเศรษฐกิจ เหมือนกันตอนที่ คอมพิวเตอร์ เข้ามาใหม่ๆ แล้ว บริษัททำเครื่องพิมพ์ดีดเดือดร้อนนะแหละ ขอร้องให้รัฐบาลคุ้มครองอุตสาหกรรมพิมพ์ดีด ถ้ากีดกันสำเร็จจริง ป่านนี้เราคงไม่ได้พิมพ์งานด้วย word excel หรอกครับ ยัง แท็กๆๆๆๆๆ กันอยู่เลย ถ้าร้านเล็ก ๆ ปิดหมดแล้ว เราจะซื้อของจากไหนล่ะ ถ้าไม่ซื้อจากห้างพวกนั้น พอรวมหัวกันขึ้นราคาผลกระทบจะตกที่ใคร ถึงห้างพวกนี้จะเสียภาษีและจ้างคนไทยทำงาน แต่กำไรก็ส่งไปนอกอยู่ดี บางส่วนก็เก็บไว้ใช้ขยายสาขา หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: No_Tuky ที่ 10-10-2006, 22:44 อนาคตโลกเราในที่สุดจะก้าวไปสู่การหล่อหลอมแห่งความเป็นชาติในระดับโลกทั้งหมด ถึงวันนั้นไม่มีการแบ่งแยกว่าเหนือใต้ออกตก ขาวดำเหลือง แต่เป็นชาติแห่งโลกทั้งหมด :slime_cool: :slime_cool: :slime_cool:
หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: เหยี่ยวพิฆาต ที่ 10-10-2006, 23:03 SKY ถ้าประเทศไทยล่มสลายไป คุณดีใจใช่ไหม
อย่าเอาแต่โพสต์เอามัน ประเทศชาติเป็นที่รักยิ่งของเรา ประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตราบใดที่พระประมุขยังอยู่กับประชาชน ประเทศไทยไม่ล่มสลาย ผมเชื่อเช่นนั้น มากกว่าคำทำนายทายทักใด ๆ ทั้งสิ้น หัวใจคนไทยทุกคนเชื่อมั่นอยู่ที่องค์พระประมุข มีเพียงคุณ และพรรคพวกเท่านั้นที่คิดในทาง ชั่วกับประเทศไทย คงไม่มีคำใดที่เหมาะสม กับความเลวของคุณ ภาษาไทยยังไม่ได้บัญญัติ คำสำหรับคนเลว ๆ อย่างคุณ หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 10-10-2006, 23:14 อ้างถึง สินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ อันนี้จริงครับ ง่าย ๆ ดูพวกหอม กระเทียมก็ได้ครับเป็นยังไง ใหญ่กว่า ถูกกว่าของไทย ไหนภาษีนำเข้าจะ 0% เนื่องจาก FTA อืม โอเคครับ แสดงว่าเราแพ้ทั้งคุณภาพและราคา ถ้าอย่างนี้ก้อควรจะปรับปรุงคุณภาพหรือไม่ก้อหันไปปลูกอย่างอื่นที่เราถนัดนะครับ อ้างถึง แล้ว Big C & Carrefour ไม่ต้องเสียภาษีเหรอครับ ใครรู้ช่วยอธิบายหน่อย แล้วห้างใหญ่ๆพวกนี้นี่ เข้าก้อจ้างคนไทยทำงานส่วนใหญ่นี่ครับ ไม่เคยเห็นฝรั่งมาเป็น cashier เลย เงินมันก้อหมุนอยู่ในไทยนี่แหละ ส่วนกำไรเค้าก้อเอาไปลงทุนห้างใหม่ต่อ ร้านขายของเล็กๆต่างๆ ก้อสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ต้องปิดกันไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่ผมไม่สงสารนะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต่อเศรษฐกิจ เหมือนกันตอนที่ คอมพิวเตอร์ เข้ามาใหม่ๆ แล้ว บริษัททำเครื่องพิมพ์ดีดเดือดร้อนนะแหละ ขอร้องให้รัฐบาลคุ้มครองอุตสาหกรรมพิมพ์ดีด ถ้ากีดกันสำเร็จจริง ป่านนี้เราคงไม่ได้พิมพ์งานด้วย word excel หรอกครับ ยัง แท็กๆๆๆๆๆ กันอยู่เลย ถ้าร้านเล็ก ๆ ปิดหมดแล้ว เราจะซื้อของจากไหนล่ะ ถ้าไม่ซื้อจากห้างพวกนั้น พอรวมหัวกันขึ้นราคาผลกระทบจะตกที่ใคร ถึงห้างพวกนี้จะเสียภาษีและจ้างคนไทยทำงาน แต่กำไรก็ส่งไปนอกอยู่ดี บางส่วนก็เก็บไว้ใช้ขยายสาขา ผมไม่เข้าใจจริงๆ กับการที่บอกว่า "กำไรส่งไปนอก" = แย่ การที่เราไปซื้อของบริษัทเขา มันจะทำให้คนต่างประเทศ ประเทศนั้นรวยขึ้นเหรอครับ แล้วมันจะทำให้คนไทยทั้งประเทศจนลงเหรอครับ สิ่งที่เกิดขึ้นก้อคือ บริษัทนั้นได้กำไรไปบริหารต่อ เท่านั้นเองแหละครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ส่วนที่บอกว่า จะรวมหัวขึ้นราคานี่ ช่วยเอาตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ มาให้ดูหน่อยครับ monopoly ที่คุณกลัวจะเกิดเนี่ย จริงๆแล้ว เคยเกิดที่ไหนบ้างครับ เท่าที่ทราบมา ในวงการ retailing ที่ไม่เคยมีประวัติเกิดขึ้นเลยนะครับ นอกจากรัฐบาลทำเอง คุณคิดว่า ถ้าเค้าขึ้นราคาสูงลิ่วขนาดนั้น จะไม่มีเจ้าใหม่ๆ ขึ้นมาแข่งด้วยเหรอครับ ขนาดลดราคาแข่งกันแล้ว ยังมีบริษัทใหม่ๆเข้ามาแข่งเลย เมื่อก่อน Robinson,Thai daimaru, ตั้งฮั่วเส็ง ตอนนี้ Big C, Carrefour, Lotus อนาคต Walmart, Best Buy ??? หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 10-10-2006, 23:19 ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
มันผู้ใดพยายามแบ่งแยกดินแดน มันผู้นั้นต้อง ตาย !! แค่เห็น หัวข้อ กระทู้นี้ ก็รู้สึกว่า เจ้าของกระทู้นี้ สมควรตายทรมาณ ด้วยคำสาปแช่งของบรรพบุรุษไทยแล้วล่ะ หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 10-10-2006, 23:32 อ้างถึง สินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ อันนี้จริงครับ ง่าย ๆ ดูพวกหอม กระเทียมก็ได้ครับเป็นยังไง ใหญ่กว่า ถูกกว่าของไทย ไหนภาษีนำเข้าจะ 0% เนื่องจาก FTA อืม โอเคครับ แสดงว่าเราแพ้ทั้งคุณภาพและราคา ถ้าอย่างนี้ก้อควรจะปรับปรุงคุณภาพหรือไม่ก้อหันไปปลูกอย่างอื่นที่เราถนัดนะครับ ปรับปรุงคุณภาพ หรือปลูกอย่างอื่นที่ถนัด พื้นง่ายแต่ทำยาก ยิ่งพิจารณาความรู้ของเกษตรกรด้วยแล้ว แต่ที่จะกินของไทยใช้ของไทย กับไปส่งเสริมของต่างชาติ ถ้าอีหน่อยเราปลูกข้าวสู้ของต่างประเทศไม่ได้ก็ต้องเลิกปลูกใช่ไหมครับ อ้างถึง แล้ว Big C & Carrefour ไม่ต้องเสียภาษีเหรอครับ ใครรู้ช่วยอธิบายหน่อย แล้วห้างใหญ่ๆพวกนี้นี่ เข้าก้อจ้างคนไทยทำงานส่วนใหญ่นี่ครับ ไม่เคยเห็นฝรั่งมาเป็น cashier เลย เงินมันก้อหมุนอยู่ในไทยนี่แหละ ส่วนกำไรเค้าก้อเอาไปลงทุนห้างใหม่ต่อ ร้านขายของเล็กๆต่างๆ ก้อสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ต้องปิดกันไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่ผมไม่สงสารนะครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต่อเศรษฐกิจ เหมือนกันตอนที่ คอมพิวเตอร์ เข้ามาใหม่ๆ แล้ว บริษัททำเครื่องพิมพ์ดีดเดือดร้อนนะแหละ ขอร้องให้รัฐบาลคุ้มครองอุตสาหกรรมพิมพ์ดีด ถ้ากีดกันสำเร็จจริง ป่านนี้เราคงไม่ได้พิมพ์งานด้วย word excel หรอกครับ ยัง แท็กๆๆๆๆๆ กันอยู่เลย ถ้าร้านเล็ก ๆ ปิดหมดแล้ว เราจะซื้อของจากไหนล่ะ ถ้าไม่ซื้อจากห้างพวกนั้น พอรวมหัวกันขึ้นราคาผลกระทบจะตกที่ใคร ถึงห้างพวกนี้จะเสียภาษีและจ้างคนไทยทำงาน แต่กำไรก็ส่งไปนอกอยู่ดี บางส่วนก็เก็บไว้ใช้ขยายสาขา ผมไม่เข้าใจจริงๆ กับการที่บอกว่า "กำไรส่งไปนอก" = แย่ การที่เราไปซื้อของบริษัทเขา มันจะทำให้คนต่างประเทศ ประเทศนั้นรวยขึ้นเหรอครับ แล้วมันจะทำให้คนไทยทั้งประเทศจนลงเหรอครับ สิ่งที่เกิดขึ้นก้อคือ บริษัทนั้นได้กำไรไปบริหารต่อ เท่านั้นเองแหละครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ส่วนที่บอกว่า จะรวมหัวขึ้นราคานี่ ช่วยเอาตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ มาให้ดูหน่อยครับ monopoly ที่คุณกลัวจะเกิดเนี่ย จริงๆแล้ว เคยเกิดที่ไหนบ้างครับ เท่าที่ทราบมา ในวงการ retailing ที่ไม่เคยมีประวัติเกิดขึ้นเลยนะครับ นอกจากรัฐบาลทำเอง คุณคิดว่า ถ้าเค้าขึ้นราคาสูงลิ่วขนาดนั้น จะไม่มีเจ้าใหม่ๆ ขึ้นมาแข่งด้วยเหรอครับ ขนาดลดราคาแข่งกันแล้ว ยังมีบริษัทใหม่ๆเข้ามาแข่งเลย เมื่อก่อน Robinson,Thai daimaru, ตั้งฮั่วเส็ง ตอนนี้ Big C, Carrefour, Lotus อนาคต Walmart, Best Buy ??? หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 11-10-2006, 01:26 ปรับปรุงคุณภาพ หรือปลูกอย่างอื่นที่ถนัด พื้นง่ายแต่ทำยาก ยิ่งพิจารณาความรู้ของเกษตรกรด้วยแล้ว แต่ที่จะกินของไทยใช้ของไทย กับไปส่งเสริมของต่างชาติ ถ้าอีหน่อยเราปลูกข้าวสู้ของต่างประเทศไม่ได้ก็ต้องเลิกปลูกใช่ไหมครับ
อ่าว ข้าวนี่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก ของเราเลยนะครับ เรามีทั้งผืนดินที่ดิน อากาศที่เหมาะสม แถมยังมีเมล็ดพันธุ์ที่ปรับปรุงมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์อีก ถ้าแพ้เค้านี่ ผมว่า ไม่ไหวแล้วละครับ ที่ผมพูดถึงว่าไปทำอย่างอื่นที่เราถนัดกว่า เพราะว่า มันจะเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุดครับ ถ้าเรามองดูโลกทั้งโลกเนี่ย เราก้อจะรู้ว่า ควรจะทำอะไรตรงไหนใช่ไหมครับ เราควรปลูกข้าวที่ไทย แต่ไม่ควรปลูกที่นอร์เวย์เป็นต้น ส่วนผลไม้อย่าง cherry ก้อควรปลูกในยุโรปจะดีกว่า อย่างข้าวนี่เรียกว่าเรามี absolute advantage ครับ คือ ปลูกที่ไหนก้อไม่ดีเท่าเรา ดูอาร์เจนตินาก็ได้ครับ รายนั้นมันไปถึงจุดที่โชว์ห่วยมันเจ๊งหมดแล้ว แทนที่จะเอาตัวอย่างมาแก้ไขกลับไปส่งเสริมการทำแบบนั้นอีก อืมม ช่วยลิ๊งค์ไปหาบทความที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหมครับ หาไม่เจอจริงๆ ผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันหรอกครับ ไอ้เรื่อง Argentina เนี่ย http://en.wikipedia.org/wiki/Argentine_economic_crisis_(1999-2002) (http://en.wikipedia.org/wiki/Argentine_economic_crisis_(1999-2002)) หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 11-10-2006, 01:50 ยืนยัน ยังไง-ยังไง ก็ต้องพูดถึง อาร์เจนตินา ตัวอย่างแห่ง "หายนะ"
โดย อัมรินทร์ คอมันตร์ มติชนรายวัน วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ปีที่ 27 ฉบับที่ 9473 "ผมดูตัวเลขทุกตัวถือว่ามีความสมดุลมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยมีมา แข็งแรงทุกตัว ใครที่บอกว่า จะพังเหมือนอาร์เจนตินา ผมมองว่าไร้ความรู้สิ้นเชิง ไม่รู้จบมาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าตอนเรียนไปทำอะไรอยู่ ถ้าดูเป็น โง่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าดี..." เป็นคำพูดของคนๆ หนึ่ง ที่ใครเห็นด้วยกับเขา เขาจะเกรี้ยวกราดว่าคนนั้นเป็นคนโง่ เป็นคน...น่าเป็นห่วงชาวบ้านอาจคิดได้ว่า วันนี้เขาหลงอำนาจไปแล้วหรือ?! ประเทศอาร์เจนตินาเคยมีตัวเลข GDP สูงติดอันดับโลก ตัวเลขแข็งทุกตัวเท่าที่ประเทศอาร์เจนตินามีมา จึงขอเล่าเรื่องอาร์เจนตินาให้ฟังพอเป็นสังเขปดังนี้ ประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีขณะนั้นคือ นายอัลฟองซีน ที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องการที่จะพัฒนาอาร์เจนตินาให้เป็นประเทศชั้นนำอันดับหนึ่งของอเมริกาใต้ เขาได้เสนอโครงการพัฒนาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่เคยปรากฏมาก่อนในอาร์ เจนตินา เช่น การปฏิรูประบบราชการ การเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองแผ่นดิน การเอารัฐวิสาหกิจออกมาขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือให้สัมปทานการเปิดเสรีการค้า ฯลฯ เมื่อแผนพัฒนาประเทศดังกล่าวถูกนำสู่สาธารณ ชน และเข้าสู่สภา ปรากฏว่าได้รับการต่อต้านจากประชาชน และฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้นำฝ่ายค้าน นายเมเนม ได้กล่าวหาว่า นายฟองซีน และพวกเป็นคนขายชาติ ขายแผ่นดิน มีผลให้นายฟองซีนต้องหลุดจากตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่จะครบวาระ หัวหน้าฝ่ายค้านเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อจากนายฟองซีน ได้พยายามสร้างและหาความนิยมจากประชาชนเพื่อที่ตนเองจะได้ชนะการเลือกตั้งที่จะมีต่อไป กล่าวคือ อะไรที่อัลฟองซีนทำ เขาบอกว่าจะไม่ทำ จะคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อประชาชน และประเทศ เขาได้บริหารประเทศโดยใช้นโยบาย ลดแลก แจก แถม หรือที่เรียกทั่วๆ ไปว่า "ประชานิยม" คือเอาเงินภาษีอากรของประชาชนมาใช้ในการหาเสียงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเลือกตั้งมาถึง พรรคการเมืองของเมเนม ประ สบชัยชนะอย่างหลุดลอย ครองเสียงข้างมากในสภา เข้าคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ฝ่ายค้านหมดน้ำยาทันที ชัยชนะที่ได้มานั้นมาจากปัจจัยที่สำคัญ เช่นการใช้เงินซื้อเสียงด้วยวิธีการต่างๆ การใช้นโยบายหลอกล่อประชาชนให้หลงเชื่อ และการทำลายฝ่ายตรงข้าม เข้ามาบริหารประเทศหลังเลือกตั้งเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ สื่อต่างๆ ของอาร์เจนตินาตกอยู่ภายใต้ความครอบงำของรัฐบาลเมเนม สื่อโทรทัศน์ของรัฐ และเอกชนถูกสั่งโดยทางตรง และทางอ้อมให้ปิดหูปิดตาประชาชนเสมอ หน้าที่หลักคือสรรเสริญ สนับสนุนรัฐบาล วันๆ ให้ประชาชนมัวเมากับฟุตบอล และการพนันสื่อหนังสือ พิมพ์ ถ้าฉบับไหนวิจารณ์รัฐบาลจะถูกงดการให้เงินโฆษณาจากรัฐวิสาหกิจ หรือกิจการของนักธุรกิจการ เมืองฝ่ายรัฐบาล ปี 2537 เขาออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจหลักการเดียวกับกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับของไทย หรือกฎ หมายขายชาติที่สื่อเขาเรียกกัน นำมาใช้ในการบริหารประเทศอาร์เจนตินา แผนหลักสำคัญๆ เช่น การแปรรูป(ขาย)รัฐวิสาหกิจ การเปิดเสรีการค้า การให้สิทธิต่างชาติซื้อแผ่นดิน การปฏิรูประบบราชการ การยกเลิกแก้ไขกฎหมายที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในชาติ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เมเนม เคยต่อต้านในช่วงที่ตนเองเป็นฝ่ายค้าน แต่พอมามีอำนาจกลับนำมาใช้ เพราะเห็นว่าสามารถสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเอง และพรรคพวกได้ การขายรัฐวิสาหกิจ เขาใช้สื่อหลอกลวงประชาชนว่า รัฐวิสาหกิจเป็นภาระของรัฐบาล มีการโกงกิน การบริหารไร้สมรรถภาพ ต้องแปรรูปเอาหุ้นเข้าตลาดหลัก ทรัพย์ หรือไม่ก็ขายสัมปทาน ความจริงแล้วรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีกำไร และนำเงินเข้าสู่รัฐ เพื่อนำมาใช้สอยสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชน แค่ปรับปรุง และปราบการโกงกินก็ย่อมทำได้แต่ไม่ทำ เพราะถ้าเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์จะสามารถปันเงินเข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคพวก แรกๆ พวกพนักงานรัฐวิสาหกิจ เช่นสหภาพต่างๆ ออกมาคัดค้าน รัฐบาลของนายเมเนม ก็ให้สินบนผู้คัดค้านเหล่านั้นด้วยการขายหุ้นในราคาถูกบ้าง ให้หุ้นฟรีบ้าง สัญญาว่าจะขึ้นเงินเดือน 20-30% บ้าง จะไม่มีการไล่ออกบ้าง การให้สินบนก็เอาเงินภาษีของประชาชนมาปิดปากการคัดค้าน พวกขายตัวก็เงียบไปยอมสยบกับรัฐบาล แต่ในที่สุดรัฐบาลแทบไม่ได้ทำตามสัญญาเลย รัฐบาลนายเมเนมได้เอารัฐวิสาหกิจแทบทุกอย่างออกมาขายในตลาดหลักทรัพย์ เที่ยวหลอกลวงประชา ชนว่าไม่ต้องห่วงรัฐยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ และจะไม่ขายให้แก่ต่างชาติ สุดท้ายเขา และพรรคพวกใช้อำนาจบริหารกวาดหุ้น ปั่นหุ้น ทำเงินเข้ากระเป๋าเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ ยังไม่นับรายได้จากการขายสัมปทานของรัฐโดยตรง ในที่สุด รัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ตกอยู่ในมือของพวกนักธุรกิจการเมือง และตกอยู่ในมือคนต่างชาติ เช่น กิจการประปาตกอยู่ในมือของอังกฤษและฝรั่งเศส ไฟฟ้าตกอยู่ในมือของแคนาดา ฝรั่งเศส และอเมริกา กิจการสายการบินตกอยู่ในมือของสเปน กิจการโทรศัพท์ตกอยู่ในมือของสเปน เป็นต้น ขอยกตัวอย่างให้เห็นว่าเขานำภัยสู่ประชาชนอย่างไรกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกตัวอย่างเช่น ไฟฟ้าและประปา อาร์เจนตินาผลิตไฟฟ้าประมาณ 50% โดยใช้พลังน้ำตก ที่เหลือใช้น้ำมันก๊าด และถ่านหินซึ่งเกือบทั้งหมดมีอยู่ในประเทศ ซึ่งนับว่าต้นทุนถูกมาก หลังจากแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ และตกอยู่ในมือของพวกเศรษฐีและต่างชาติแล้ว ราคาค่าไฟเพิ่มขึ้นมาถึงหน่วยละประมาณ 6.50 บาท ในขณะที่ประเทศไทยต้องซื้อก๊าซ น้ำมัน ถ่านหินจากต่างชาติ ขณะที่เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ทุกวันนี้ค่าไฟหน่วยละประมาณแค่ 2.50 บาท ตามชนบทห่างไกล การไฟฟ้ายังทำกำไรนับพันๆ ล้าน หลังจากเอากำไรบางส่วนไปพัฒนาเขตที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ เมื่อแปรรูปประปาแล้ว น้ำประปาในอาร์เจนตินาแพงถึงขนาดคนต้องตาย เพราะขอน้ำใครกินไม่ได้ ไม่มีใครให้เพราะน้ำแพง คนที่ตายไปเพราะขอน้ำใครกินไม่ได้ เขาถึงกับตั้งศาลเพียงตาไว้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่แปรรูปแล้วประชาชนไม่เดือดร้อนและนักการเมืองไม่โกงกิน โทรศัพท์เมื่อแปรไปแล้ว ราคาแพงสุดโหด และหุ้นใหญ่ตกไปอยู่ในมือขององค์การโทรศัพท์สเปน 2 ปี ที่ผ่านมา องค์การโทรศัพท์ของสเปนประกาศว่ากำไรของเขาลดลงไป 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเหตุการณ์วิกฤตในอาร์เจนตินา คิดดูแล้วกันว่าต่างชาติขนเงินออกจากอาร์เจนตินาเท่าไรเมื่อรัฐวิสาหกิจตกไปอยู่ในมือต่างชาติ เมเนมได้ออกกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาซื้อแผนดินได้ โดยหวังที่จะให้เงินลงทุนมาจากต่างประเทศ ปรากฏว่าต่างชาติได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินในรูปแบบต่างๆ (คล้ายๆ กับที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้) จอร์จ โซรอส แค่รายเดียว ซื้อที่ดินในอาร์เจนตินาเกือบล้านไร่ ในช่วงไม่กี่ปีต่างชาติเข้าครองแผ่นดินอาร์เจนตินาถึง 40% สร้างความวิบัติให้แก่สังคมอย่างมหาศาล การเปิดเสรีการค้าเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างความวิบัติ พวกนักธุรกิจการเมืองในรัฐบาลเมเนม มีผลประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติในสาขาต่างๆ เช่น การค้าปลีกค้าส่ง ปล่อยและร่วมมือให้ร้านค้าขนาดยักษ์ต่างชาติเข้ามาทำลายร้านค้าขนาดย่อมขนาดเล็ก สร้างความหายนะให้แก่คนอาร์เจนตินาล้านๆ คน นอกจากนั้น กิจการภาคบริการก็ถูกต่างชาติยึดอีก คนชั้นกลางของอาเจนตินาต้องกลายเป็นคนจนนับล้านๆ คนเพียงแค่ 2-3 ปี วิธีบริหารประเทศของเมเนม ใช้คอร์รัปชั่นเชิงนโยบายบริหารประเทศเป็นหลัก มือหนึ่งเขาจะใช้กลยุทธ์การบริหาร และการตลาดตลอดจนการประชาสัมพันธ์หลอกลวงประชาชนด้วยโครงการต่างๆ เพื่อให้ตายใจ ส่วนอีกมือหนึ่งเขาจะหยิบเอาสมบัติของคนทั้งชาติ เช่นรัฐวิสาหกิจไปปั่นหุ้นขายหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง และพรรคพวก สมคบกับต่างชาตินำทุนข้าม ชาติมาทำลายทุนใหญ่น้อยในชาติ กู้เงินมาลงทุนสร้างโครงการที่ไม่มีความจำเป็น เช่นสนามบิน เป็นต้น เพื่อที่จะได้ค่าใต้โต๊ะเป็นการตอบแทน ในช่วงรัฐบาลเมเนม มีหลายคนออกมาเตือนว่าระวังประเทศจะหายนะเหมือนอย่างประเทศบราซิล ซึ่งประสบความหายนะมาก่อนอาร์เจนตินาประมาณ 2-3 ปี แต่รัฐบาลเมเนมก็บอกแก่ประชาชนว่า อาร์เจนตินาไม่มีวันหายนะอย่างบราซิล เพราะเราเดินมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าชาติมหาอำนาจ หรือ IMF ก็บอกอย่างนั้น พวกที่บอกว่าอาร์เจนตินาจะหายนะเหมือนบราซิลเป็นพวกโง่ เมื่ออาร์เจนตินาประสบความหายนะมีอะไรเกิดขึ้นที่คนไทยควรจะรู้ไว้ก็คือ ประธานาธิบดีเมเนมถูกขับออกจากตำแหน่ง เขาหิ้วกระเป๋าไปแต่งงานกับมหาเศรษฐีสาวชาวเปรู(เป็นมหาเศรษฐีได้อย่างไรคิดดูเองก็แล้วกัน) อายุต่างกันประมาณ 20-30 ปี วันนี้มีลูกคนหนึ่งแล้ว คนอาร์เจนตินาตกงานนับล้านๆ คน รัฐบาลสั่งห้ามคนอาร์เจนตินาถอนเงินฝากของตน นอกจากเอามาใช้ซื้ออาหารกินเดือนละ 1,200 เปโซ เด็กในเมืองหลวงนับล้านไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ เพราะรัฐไม่มีเงินช่วยเหลือ ผู้คน และเด็กอดอาหารนับล้านคน ทั้งๆ ที่อาร์เจนตินาผลิตอาหารเลี้ยงคนได้ถึง 200 ล้านคน อาร์เจนตินามีพลเมืองแค่ 37 ล้านคน แต่เนื่องจากแผ่นดินการเกษตรตกอยู่ในมือต่างชาติ จึงผลิตเพื่อการส่งออก อาชญากรรมระบาดไปทั่ว กิจการต่างๆ ของคนในชาติเป็นจำนวนมากต้องถูกยึด หรือปิดตัวเอง ผู้หญิงต้องทำแม้กระทั่งตัดผมของตัวเองแลกอาหาร เด็กอดอาหารตายเป็นจำนวนมาก การที่ใครก็ตามออกมาพูดเรื่องอาร์เจนตินา มันไม่ได้หมายความว่า เขาต้องการให้ประเทศไทยเป็นแบบอาร์เจนตินา หรือพูดให้คนตกอกตกใจและสับสน แต่ที่เขาเอาอาร์เจนตินามาพูดนั้นก็เพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารประเทศ และประชาชนได้ตระหนักว่า เรามีตัวอย่างประเทศที่เขาเดินไปสู่ความวิบัติอย่างไร ถ้าเราไม่อยากวิบัติอย่างเขา เราก็ไม่ควรจะเดินตามรอยเขา แล้วไปลงเหวนรก ประชาชนจึงต้องมีจิตสำนึกออกมาป้องกันผู้บริหารประเทศ และนักการเมืองชั่วๆ บางคนที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์ อันมิชอบก่อนที่ประเทศไทยจะเกิดความวิบัติ ใครที่มีเพื่อนเป็นคนอาร์เจนตินาลองไปถามได้ว่า ที่เขียนมาทั้งหมดมีอะไรไม่เป็นความจริงบ้าง มีตรงไหนที่แสดงความโง่บ้าง ประเทศอาร์เจนตินาใหญ่กว่าประเทศไทย 5 เท่า มีประชากรแค่ 37 ล้านคน มีน้ำมัน น้ำตก ก๊าซ ถ่านหิน และพื้นดินที่สมบูรณ์ ในช่วงรัฐบาลเมเนม GDP เคยขึ้นถึง 8-9% ตัวเลขสวยมากทุกตัว เพราะเขาขายทุกอย่าง โกงทุกอย่าง ปิดหูปิดตาประชาชนทุกอย่าง แม้แต่ทหารซึ่งเคยเป็นดุลถ่วงพวกนักการเมือง ก็ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักการเมืองไม่กล้าคิดจะปก ป้องประเทศชาติและประชาชน ถูกตัดกำลังแทบจะมีไว้สำหรับเฝ้าทำเนียบ หรือเดินสวนสนาม คนเราอาจจะหลอกคนบางคนได้ในบางเวลา แต่จะหลอกทุกคนไปตลอดเวลาไม่ได้หรอก ความวิบัติของประเทศ มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผู้บริหารประเทศ และประชาชนมีความสำนึก ผูกพัน และหวงแหนแผ่นดิน สมบัติของชาติ รัฐวิสาหกิจ สิทธิและผลประโยชน์เรื่องการทำกินของคนในชาติและสถาบันที่รักและเทิดทูน ในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลต้องทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ระบอบเผด็จการเท่านั้น ที่รัฐบาลแสดงอำนาจกับประชาชน ระบอบนี้ ไม่ควรมีอยู่บนแผ่นดินไทยแม้แต่วันเดียว หน้า 7 ส่วนเรื่องพืช อย่างเรื่องข้าว ตอนนี้เวียดนามส่งออกแซงหน้าไทยไปแล้ว และเมื่อไรที่คนยอมรับเรื่องพันธุวิศวกรรมเมื่อนั้นข้าวไทยเจ๊ง เพราะไอ้กันมันทำข้าวหอมมะลิที่ขึ้นได้ทุกพื้นที่ได้แล้ว หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 11-10-2006, 03:45 Willing คือ วิวัฒนาการที่ดี ของคนเชียร์ทักษิณ
เริ่มแถ กันแบบมีเหตุผล :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: willing ที่ 11-10-2006, 15:58 Willing คือ วิวัฒนาการที่ดี ของคนเชียร์ทักษิณ เริ่มแถ กันแบบมีเหตุผล ง่ะ ผมไม่ได้ชอบ Tuky นะครับ ให้ดิ้นตาย ไม่ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท้ากสินเลย คุณ 4 หาม เข้าใจผิดแบบนี้ ผมเสียใจแย่เลย :cry: ไม่เชื่อดูกระทู้ก่อนหน้านี่ เอามาจากเว็บบอร์ดลึกลับแห่งนึง http://forum.serithai.net/index.php?topic=7645 ส่วนคุณ solidus เดี๋ยวผมขออ่าน+หาข้อมูล มาเถียง เอ้ย มาอภิปรายกันใหม่นะครับ หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: room5 ที่ 12-10-2006, 06:58 บุคคลที่คิดร้ายต่อชาติ ศาสนา และ กษตริย์พวกนั้นจะต้องมีอันเป็นไปแน่นอน
ถึงบุญจะหนาเงินจะหนา แต่บารมีก็สู้ไม่ได้หรอก หัวข้อ: Re: จุดจบของประเทศไทย...ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยกันอ่านด้วย... เริ่มหัวข้อโดย: stromman ที่ 12-10-2006, 07:41 ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วย ไปอ่านพระราชดำรัสแล้วปฏิบัติซะนะคุณ sky อย่ามามัวปั่นกระทู้แบบนี้เลย ไร้สาระ
|