หัวข้อ: ปฏิญญาลอนดอน เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 05-10-2006, 13:04 บทสุดท้ายของปฎิญญาฟินแลนด์ ระหว่าง สามประสานของ กลุ่มนายทุนลูกผสม , นักการเมืองการตลาด และ เหล่าสหายนักเคลื่อนไหว ที่ได้เคยรวมพลังกันจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อยึดครองการบริหารรัฐไทยอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาเป็นเวลายาวนานถึง 6ปี ก่อนจะโบกมืออำลาเป็นการชั่วคราวพร้อมอะไรติดไม้ติดมือขั้นต่ำคนละร้อย สองร้อยล้านจนถึงแสนล้านในระดับสูงๆ ด้วยการประกาศจากลอนดอน ว่า
"ผมจำเป็นจริงๆครับ" ผม "ขอลาออกจากหัวหน้าพรรคไทยรักไทย" จากนั้นไม่กี่นาทีเหมือนเสียงเคาะระฆังเริ่ม ที่ห้องทะเบียนสมาชิกพรรคไทยรักไทยก็เต็มไปด้วยการลาออก จากกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยของเหล่าแกนนำผู้มีชื่อเสียงทั้งหลาย แต่ดร.ทักษิณก็ไม่ใช่แกนนำคนแรกที่ลาออกเพราะก่อนหน้า ดร.ทักษิณ ประกาศลาออกเพียงวันเดียวเหล่าแกนนำจำนวนหนึ่งก็ทยอยลาออกอย่างมีนัยยะทั้งการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคและบางคนถึงกับลาออกจากสมาชิกพรรคเลยก็มี แม้กระทั่งการทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค แกนนำที่ประกาศว่ารักพรรคมาตลอดและตามหลักต้องเป็นผู้รักษาการหัวหน้าพรรคอย่าง คุณหญิงสุดารัตน์ก็ยังโบ๊ยหนีไม่ยอมรับตำแหน่งรักษาการหัวหน้าอย่างหน้าตาเฉย ดร.สมคิดเองก็ชิงลาออกจากสมาชิกพรรคก่อนจะถูกโยนลูกรักษาการหัวหน้าด้วยซ้ำ ประหนึ่งว่า ภารกิจจบ ต่างคนต่างไปอุดมการณ์ทางการเมืองคืออะไรนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่เรื่องคงไม่น่าจะจบง่ายขนาดนั้น ประการแรก จากประกาศคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฉบับที่ 27วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2549 ข้อ 3 ที่ระบุว่า ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอื่นที่ทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใดเพราะเหตุกระทำตามต้องห้ามตามราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองพุทธศักราช 2541ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นมีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรค แม้วันนี้องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ จะไม่แล้วเสร็จก็ตามแต่คนไทยรักไทยต่างก็รู้ดีว่าปมเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อคลายออกมาแล้วจะเป็นเช่นไร หนึ่งเพราะการจำคุก2คืนของ กกต. ในคดีจัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมายจนในที่สุดต้องยอมลาออก แม้จะไม่ใช่คดียุบพรรคแต่สำนวนคดีรวมถึงคำพิพากษาคดีก็ระบุถึงสัญญาณอันเกี่ยวเนื่องโดยตรงของความผิดของพรรคไทยรักไทยในการว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งในวันที่2เมษายน2549 สองขณะที่ก่อนหน้ามีการโยนลูกยุบพรรคให้ร่วมเป็นเรื่องเดียวกับคดีที่พรรคไทยรักไทยฟ้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวในการลาออกของเหล่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่คนเดียว สาม เหล่าแกนนำพรรคที่เป็นกลุ่มนักการเมืองอาชีพที่มีกลุ่มก๊วนของตนเองอยู่แล้ว จำต้องประกอบอาชีพนักการเมืองต่อไปก็ต่างรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากยังอยู่ในพรรคไทยรักไทยจึงพากันลาออกก่อนดร.ทักษิณด้วยซ้ำ ด้วยข้อพิรุธ3ข้อจึงไม่แปลกที่จะมีบรรดานักวิชาการ นักกฎหมายออกมาตีความ ยืนยันว่า คงไม่รอดจากการตัดสิทธิ์การลงเลือกตั้งครั้งหน้าหากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีแล้วเสร็จแล้วผลออกมาว่า พรรคไทยรักไทยกระทำผิดจริง แม้จะมีใครคิดลาออกจากกรรมการพรรคไปก่อนก็ตาม ประการที่สอง ที่กล่าวว่าเรื่องไม่น่าจะจบง่ายก็เพราะแม้ปัจจุบันสภาวะบ้านเมืองจะเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่มี คปค. แล้วโดยมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว มีนายกรัฐมนตรี และกำลังจะมีคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าแล้วก็ตาม หากแต่ คปค.อันเป็นที่รักของดร.ทักษิณก็ได้ตั้ง ปปช.ชุดใหม่ เพิ่มอำนาจผู้ว่า สตง. และที่สำคัญ ตั้ง คตส.หรือคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของเหล่าบรรดานักเมืองทุจริตทั้งหลายที่ทำงานอย่างรวดเร็วเพียงสัปดาห์แรกก็ประกาศสอบ8คดีแรกมูลค่ารวมหลายพันล้านบาท เกี่ยวพันนักเมืองที่เป็นบรรดาแกนนำพรรคไทยรักไทยถึง 7 คน ซึ่งอาจจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆภายในระยะเวลาทำงาน1ปี ซึ่งคดีเหล่านี้นอกจากจะมีการยึดทรัพย์เพื่อตรวจสอบที่มาแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องกระทำความผิดในคดีจะต้องถูกดำเนินคดีในศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งแน่นอนกรณีนี้คือ การตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นรายบุคคลและบางทีอาจถึงติดคุกได้ซึ่งใครเป็นใครต่างก็รู้แก่ใจกันดีกลุ่มคนเหล่านี้ต้องกระทำทุกวิถีทางที่จะไม่ยอมให้ทรัพย์สินออกจากกระเป๋าเป็นแน่ ประการที่สามที่ไม่น่าจะจบง่ายๆ คือกรณีทรัพย์สินสมบัติของอดีตหัวหน้าพรรคที่ยังไม่ยอมกลับประเทศ นั่นคือทรัพย์สมบัติกลุ่มชินวัตรที่เงินก้อนใหญ่ยังคงอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์จากคดีการขายหุ้นชินให้กับนอมินีทั้งของไทยและต่างชาติในคดี กุหลาบแก้วที่ยังคงค้างคาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหากกระบวนการถึงที่สุดคงไม่ใช่แค่เรื่องการเสียหรือไม่เสียภาษีเป็นแน่เพราะหลักทรัพย์ก้อนใหญ่ที่อยู่ในประเทศอย่างนี้ทำให้อดีตผู้นำคงกระวนกระวายใจยิ่งนักเพราะรู้แก่ใจว่ายังมีคดีความผิดอะไรที่คั่งค้างอยู่ รวมถึงอีกหลายคดีที่บรรดาศัตรูของดร.ทักษิณเตรียมฟ้องร้อง ซึ่งอาจนับรวมมูลค่าเสียหายอีกหลายร้อยหลายพันล้าน ซึ่งยังไม่รวมคดีภาคใต้อีกเป็นร้อยศพที่ยังไม่รู้บทลงโทษสุดท้าย ทั้งหลายเหล่านี้คงไม่ง่ายที่ บรรดาแกนนำในปฏิญญาฟินแลนด์จะยอมลดรา วาศอกกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร คนที่เคยประกาศอำลาวงการการเมืองมาแล้วครั้งหนึ่งในสมัยอยู่พรรคพลังธรรมแล้วไม่สามารถนำพาพรรคชนะเลือกตั้งให้ตนเป็นนายกได้สมใจ หรือการกลับมาเป็นรองนายกฯด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคความหวังใหม่ในปี 2540 ที่เป็นได้ไม่กี่เดือนนายกก็ประกาศลาออกมีผลให้ดร.ทักษิณ และลูกทีมต้องออกจากตำแหน่งไปด้วยหลังรัฐบาลประกาศลดค่าเงินบาทและประกาศกู้ IMF เสร็จเรียบร้อย การเข้ามาการเมืองครั้งที่เพิ่งจบไปนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แต่คงไม่ปักใจว่า เป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก็ได้หวนคิดถึงคำพูดของดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เข้าสู่การเมืองเป็นประโยคแรกในวันแรกของการก้าวเข้ารับงานในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ว่า "ผมคิดว่า ผมสามารถสร้างฐานะความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับครอบครัวเพียงพอแล้ว และกิจการธุรกิจของผมที่มีอยู่ก็มีผู้ที่จะคอยดูแลให้ โดยที่ผมไม่ต้องเป็นห่วง ฉะนั้นผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะ "ตอบแทน" บ้านเกิดเมืองนอน ด้วยการ "เสียสละ" และ"อุทิศ" กำลังกายกำลังสติปัญญา ในทิศทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ" ดร.ทักษิณ ชินวัตร หากนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานมหาวีระบุรุษจึงอดนึกถึงตอนจบของเรื่องนี้ไม่ได้ และด้วยชีวิตของคนเรานั้นสั้นนักอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนจบของเรื่องที่จะกลายเป็นตำนานที่ยังคงดำเนินอยู่ไม่จบสิ้น หากแต่บุรุษที่กำลังจะเป็นตำนานจะคือ มหาวีระบุรุษ จริง ก็ไม่จำเป็นต้องจบตำนานตัวเองเมื่อไม่มีใครต้องการ และบัดนี้เขาก็ได้ "เสียสละ" อีกครั้ง นายซื่อตรง รักเมืองไทย http://www.naewna.com/news.asp?ID=29103 หัวข้อ: Re: ปฏิญญาลอนดอน เริ่มหัวข้อโดย: z e a z ที่ 05-10-2006, 13:48 ฉบับหน้าโปรดติดตาม ปฎิญญาคลองเปรม ... การเสียสละ ด้วยอิสรภาพ
:slime_v: :slime_v: :slime_v: หัวข้อ: Re: ปฏิญญาลอนดอน เริ่มหัวข้อโดย: samrung ที่ 05-10-2006, 14:43 ฉบับหน้าโปรดติดตาม ปฎิญญาคลองเปรม ... การเสียสละ ด้วยอิสรภาพ :slime_v: :slime_v: :slime_v: ไม่รู้ว่าจะมีคนร่วมอุดมการณ์สักกี่คน หัวข้อ: Re: ปฏิญญาลอนดอน เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 05-10-2006, 17:43 ฮ่า อยู่เลี้ยงลูกเรา ลูกเธอ ลูกหล่อน 3 ครอบครัว 1 สามีอยู่ที่อังกฤษ เถอะ
|