หัวข้อ: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: นายเบียร์ ที่ 22-04-2006, 10:54 นี่เป็นผลงานของนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ บัณฑิตย์โพสต์ - ฉบับพิเศษ" ที่ผมเอามาจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
ซึ่งมาจากการลงพื้นที่สวนจตุจักร เพื่อหาข้อมูลของกลุ่มคาราวานคนจนว่ากลุ่มคาราวานคนจนเป็นใคร? กันแน่ และพวกเขานำมาเรียบเรียงนำเสนอในบทความที่ชื่อ คาราวานคนจน.... กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เธอมาจากไหน ลองอ่านดูครับ http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9490000052821 คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เธอมาจากไหน...? เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีรถบัสจำนวนหลายร้อยคัน ขับพาชาวบ้านจำนวนมากจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมชุมนุมให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ในการปราศรัยใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ณ ท้องสนามหลวง เมื่อการปราศรัยจบลง รถบัสเหล่านั้นจึงขับพาชาวบ้านกลับออกไป กลุ่มคนจากภาคเหนือ ที่นักการเมืองค่ายไทยรักไทย มักเรียกขานว่า ขบวนอีแต๋น และกลุ่มคนจากภาคอีสาน คาราวานคนจนเดินเท้า ได้รวมพลกันเป็น กองทัพประชาชนเดินทางมาปกป้องประชาธิปไตย ที่กำลังจะถูกล้มล้างจากพวกลัทธิอนาธิปไตย บางพวก ซึ่งก่อม็อบไล่ "อัศวินควายดำ" อยู่กลางเมืองหลวง กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายกองทัพประชาชน ที่ส่งเสียงเชียร์ ทักษิณสู้ๆๆ ประกอบด้วยรถอีแต๋น และรถปิกอัพกว่า 300 คัน และสมาชิกอีกราวๆ 2,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เริ่มเคลื่อนพลมาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม จาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผ่านลงมาทางพะเยา ลำปาง ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา ขณะเดียวกันทางภาคอีสาน คาราวานคนจน ได้เริ่มออกเดินเท้าตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมเช่นเดียวกัน จากอุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นคร- ราชสีมา และสระบุรี การเดินทัพทางไกลของกองทัพประชาชน (ไทยรักไทย) จากภาคเหนือ และภาคอีสาน มาสมทบกับ เกษตรกรภาคกลางที่รังสิต ราววันที่ 18 มีนาคม 2549 และเคลื่อน พลเข้ากรุงเทพ ฯ ยึดพื้นที่ ครึ่งหนึ่งของสวนจตุจักรที่มีพื้นที่ทั้ง หมดราว 190 ไร่ เป็นฐานที่มั่นในการรวมพลังสนับสนุนนายกฯ ทักษิณ และพรรคพวก กบฎต้องตาย ...ม็อบออกไป เสียงตะโกนโห่ร้องของกลุ่มคนรักทักษิณ ดังกึกก้องอยู่เป็นระยะๆ วันที่มีการชุมนุมใหญ่ ที่สยามพารากอน ทีมข่าวหนังสือพิมพ์บัณฑิตย์โพสต์ ส่วนหนึ่ง ได้พยายามเข้าไปขอสัมภาษณ์ชาวบ้านใน กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายกองทัพประชาชน ทางทีมข่าวมีความตั้งใจที่จะเข้าไปสังเกตการณ์และสะท้อนความจริงว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นใครมาจากไหน? จึงได้พบความจริงว่า....เป็นเรื่องที่ยากมากๆ....กว่าที่จะได้เข้าไปถึงตัว และได้พูดคุยกับชาวบ้านกลุ่มนี้ เพราะต้องผ่านการตรวจสอบอยู่นาน ที่สำคัญมีการสร้างอาณาเขตอย่างแน่นหนา ด้วยการใช้ไม้ไผ่กั้นเป็นรั้วล้อมรอบ ตลอดแนวอาณาบริเวณของฐานที่มั่น มีเพียงประตูไว้ใช้เข้า-ออกเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีป้าย บุคคลภายนอกห้ามเข้า ติดไว้แทบทุกประตูอีกด้วย ที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือ ประตูทางเข้า-ออกแต่ละประตูมีชาวบ้านที่เป็นชายร่างบึกบึนสูงใหญ่อ้างตัวว่าเป็น รปภ. คอยตรวจตราอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ผู้ที่จะมีสิทธิ์เข้าไปในม็อบกลุ่มนี้ได้ จะต้องไปลงทะเบียนและมีบัตรคาราวานคนจนแสดงตนเสียก่อน ถ้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีบัตรแสดงตน อาจจะมีสิทธิ์โดนหิ้วออกจากพื้นที่ หรืออาจจะไม่เกิดความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายได้ พื้นที่ครึ่งหนึ่งของสวนจตุจักรนอกจากจะกลายเป็นฐานที่มั่นแล้ว ยังกลายเป็นหมู่บ้านคาราวานคนจน คนรักษ์ประชาธิปไตย ไปโดยอัตโนมัติอีกด้วย บรรยากาศโดยรอบ มีไม้ไผ่กั้นเป็นซุ้มๆ และมีรถอีแต๋นจอดเรียงรายอยู่บริเวณหน้าซุ้ม เสื้อผ้าหลากสีสันตากอยู่ตามรั้ว ผู้คนบางกลุ่มบ้างก็กำลังต่อคิวกันอาบน้ำ บ้างก็กำลังหุงข้าวทำกับข้าว บ้างก็กำลังเล่นเกมส์ มีบางกลุ่มที่นั่งคุยกัน บางคนก็นอนหลับ เหมือนกับการได้มาพักผ่อน มาเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนบรรยากาศ จากการทำสวนไร่นา มีเพียงชาวบ้านเพียงไม่กี่ร้อยคนที่กำลังถือป้ายเรียกร้องเดินขบวนรอบๆพื้นที่การชุมนุม รณรงค์ให้ช่วยกันออกมาเลือกตั้ง และส่งเสียงตะโกนโห่ร้องอย่างดุดัน ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด่าทอสนธิ จำลอง และนสพ.คมชัดลึก อยู่ตลอดเวลา ขณะที่บนเวทีคาราวานคนจนยังมีการนำหุ่น สนธิ จำลอง และคมชัดลึก ขึ้นไปแขวนคอโชว์ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย ที่น่าสนใจมวลชนจำนวนมากใน กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายกองทัพประชาชน ซึ่งมาจากคนละจังหวัด ต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมกัน แต่มีลักษณะการแต่งตัวเป็นรูปเดียวกันหมด แววตาของชาวบ้านส่วนใหญ่ดูเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ไร้ซึ่งอุดมการณ์ที่แน่วแน่ เหมือนไม่รู้ข่าวสารที่เกิดขึ้นทางการเมืองในปัจจุบันนี้เลย หลังจากที่ทีมข่าวทำบัตรคาราวานคนจนเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านซึ่งอยู่ตามซุ้มต่างๆ ที่แบ่งออกเป็นหมู่บ้านหรือจังหวัดเดียวกัน กลุ่มคนที่มาร่วมชุมนุมในม็อบกลุ่มนี้ มีทั้งเด็ก วันรุ่น ผู้ใหญ่ และคนเฒ่าคนแก่ ซุ้มแรกที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมผัส คือซุ้มของชาวบ้านที่เดินทางมาจากบุรีรัมย์ แต่แล้วกว่าที่จะเข้าไปได้ ก็ต้องใช้เวลาเจรจากับ รปภ.ร่างบึ้กหน้า***ม ที่ประจำอยู่หน้าซุ้มซึ่งมีเป็นสิบคนอยู่พักใหญ่ พวกเขารู้สึกไม่ไว้วางใจ และไม่เชื่อว่าพวกเราเป็นนักศึกษา จึงพยายามขัดขวางไม่ให้ความร่วมมือ ขณะเดียวกันก็มีสิ่งหนึ่งที่เราได้ทราบจากการพูดคุยกับ รปภ. หนึ่งในสิบคนเหล่านั้น เมื่อเขาเปิดกระเป๋าตังค์ให้ดูรูป พร้อมกับบอกว่า พวกผมก็เหมือนกับพวกพี่แหละ ถูกหน่วยเหนือส่งให้มาประจำการและปฏิบัติการที่นี่ชั่วคราว แสดงว่า รปภ.ที่รักษาความปลอดภัยตามซุ้มต่างๆ ทั้งหมดที่เราเห็นว่าเป็น ชาวบ้าน จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่ ก็ได้ ? หลังจากที่ได้เข้าไปในหมู่บ้านคาราวานคนจน คนรักษ์ประชาธิปไตยที่ถูกสมมติขึ้น เราพบยายคนหนึ่งนั่งกินหมากอยู่ ซึ่งก็คือ เป้าหมายแรกของพวกเรา ยายชื่อนางจันทร์ วงศ์สุรินทร์ อายุ 51 ปี เป็นชาวบ้านจาก ต.ตาเสา อ.ห่วยราช จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า ตนมาร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมแล้ว มีคนมาชวนที่บ้านให้มาร่วมชุมนุมให้กำลังใจนายกฯกัน เห็นเขามากันเยอะก็เลยมากับเขาด้วย เพราะช่วงนี้ถ้าอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร แค่เลี้ยงควายไปวันๆ ไม่ใช่หน้าทำนาจึงไม่มีงานอะไรมากมาย เดินทางมาจากบุรีรัมย์ก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรมากนัก เสียบ้างไม่ต้องเสียบ้าง อาหารก็มีแจกฟรี มีทั้ง ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ไอศครีม เมื่อถามว่า ยายรู้สึกอย่างไรและเชื่อไหม? ที่มีข่าวว่า นายกฯโกงกินประเทศชาติออกมาเป็นระยะๆ ยายบอก เรื่องแบบนี้ฉันก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์ นางจันทร์ยังเล่าต่ออีกว่า ตนไม่เคยเจอนายกฯตัวจริงเสียที แต่ก็รักนายกฯ เพราะนายกฯช่วยตนในเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อมีภัยแล้งทำนาไม่ได้ ทางรัฐก็มีเงินมาช่วยคนละ 500 หรือ 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเรามีนามากน้อยแค่ไหน สำหรับตนแล้วยังไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านวันไหน "รู้เรื่องมาจากผู้ใหญ่บ้าน จึงเดินทางขับรถอีแต๋นร่วมมากับขบวนรถอีแต๋น โดยเริ่มเดินทางมาเรื่อยๆ และหยุดพักตามอำเภอต่างๆ วันๆ นึงเดินทางได้ประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งหมดราว 10 กว่าวัน กว่าจะมาถึงที่นี่ รถอีแต๋นแต่ละคันจะมีชาวบ้านนั่งมาด้วย 7-10 คน มีเงินค่าเดินทาง 400-500 บาทก็มาได้แล้ว ปกติผมมีอาชีพทำนา พอดีช่วงนี้ยังไม่ถึงหน้าทำนา อยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่มีรายได้ จึงเดินทางมาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย ให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ดูแล้วทางฝ่ายพันธมิตรก็ทำไม่ถูก พวกเราคนบ้านนอก เป็นพวกรากหญ้า พวกไม่มีความรู้จึงต้องออกมารวมตัวกัน ท่านนายกฯช่วยชาวนาทุกอย่าง ทั้งเรื่องบัตร 30 บาท กองทุนเงินล้าน ฯลฯ ที่สำคัญผมไม่เชื่อว่าท่านจะโกงกินบ้านเมือง ท่านรวยถึงขนาดนั้น คนระดับนี้ไม่โกงกินชาติหรอก นายสมปอง เกิดผล อายุ 35 ปี ชาวบ้านจาก ต.วังเหนื่อง อ.กิ่งบ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ พูดด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่น นายสุวิช นนทะบท อายุ 27 ปี ชาวบ้านจาก ต.อู่ราช อ.บ้านกราด จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า ปกติตนทำงานอยู่ที่ชลบุรี พอดีน้าโทรศัพท์ชวนให้มาร่วมชุมนุม ก็เลยมากับเขา มาชุมนุมอยู่ที่นี่ประมาณ 4 วันแล้ว เพื่อร่วมกอบกู้ประชาธิปไตย ตนรู้สึกดีใจมากเวลาที่นายกฯมาเยี่ยม เมื่อถามถึงว่า นายกฯมีการช่วยเหลืออะไรบ้างจากการมาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ นายสุวิช รีบตอบทันทีว่า ในส่วนนี้ตนไม่รู้เรื่อง และเล่าต่อว่า มาอยู่ที่นี่ลำบากมากในเรื่องห้องน้ำ ในส่วนอื่นๆ เช่นของกินของใช้ก็มีคนเขาบริจาคมา แต่ตนก็ไม่ทราบอีกเช่นกันว่า ใครเป็นผู้บริจาค และตนเชื่อว่านายกฯเป็นคนดี ช่วยเหลือคนจนมาเยอะ และไม่เชื่อข่าวที่ออกมาทำให้นายกฯเสื่อมเสียเด็ดขาด เพราะคิดว่าท่านก็บริหารดีแล้ว มาร่วมชุมนุมที่นี่ 10 กว่าวันแล้ว ผมมากับคาราวานรถอีแต๋น เริ่มเดินทางออกจากบ้านมาตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ การเดินทางช้ามากๆ บางทีก็ต้องเดินเท้า วันๆ นึงเดินทางได้ประมาณ 30-40 กิโลเมตรเท่านั้น ก็ต้องหยุดพักผ่อน มาถึงที่กรุงเทพฯเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ที่บ้านมากันเกือบทั้งครอบครัว มีญาติมาเยอะมาก ผมและคนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาด้วยกัน มีอาชีพทำนา พอดีช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงทำนาแล้ว อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร ก็เลยมากันเยอะ มาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย นายกฯท่านเป็นนักบริหารที่ดี มีการพัฒนาที่เป็นชิ้นเป็นอัน เช่น กองทุนหมู่บ้าน โคล้านตัว บัตร 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ ทางด้านข่าวที่หาว่า นายกฯโกงกินชาติ ผมไม่เชื่อหรอก ไม่ว่าใครต่อใคร ทำดีเกินไป บางทีก็อาจจะไปขัดผลประโยชน์คนอื่นบ้างเป็นเรื่องธรรมดา มาร่วมชุมนุมที่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร นอกจากห้องน้ำที่ไม่เพียงพอ สำหรับผมแล้วจะปักหลักอยู่ร่วมชุมนุมทีนี่ไปจนกว่าจะจบเรื่อง ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยนาม มาจาก อ.ดอนในเมือง จ.บุรีรัมย์ เล่าให้ฟังด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่เข้าไปสัมผัสพูดคุยกับชาวบ้านใน กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายกองทัพประชาชน ได้มีคนคอยจับตา และเดินตามอยู่ห่างๆตลอดเวลา เวลาที่พูดคุยกับชาวบ้านสังเกตพบว่า ชาวบ้านบ้านไม่กล้าพูดอะไรมาก ที่สำคัญขณะที่พูดคุยกันชาวบ้านมักจะไม่ยอมสบตากับทีมข่าว สายตาของชาวบ้านมักจะมองต่ำที่พื้น หรือบางครั้งก็มองเลยไปยังคนที่คอยตามเราอยู่ห่างๆ เหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณ การพูดจาของชาวบ้านมีลักษณะของการท่องจำ และได้รับข้อมูลต่างๆที่เหมือนกัน แถมท้ายที่สุดขณะที่ทีมข่าว กำลังเดินกลับออกมาจากฐานที่มั่นของ กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายกองทัพประชาชน ยังมีผู้หวังดี คอยเดินติดตามมาอยู่ห่างๆ ส่งเราถึงที่ สิ่งที่เราได้พบเห็นในขณะนี้ นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย เป็นคนระดับรากหญ้า ซึ่งอาจจะตกเป็นเหยื่อของพวกรู้มากได้ง่ายๆ พวกเขาอาจจะยากจนหรือด้อยโอกาส แต่ผู้นำประเทศ ที่พวกเขาไว้วางใจเลือกให้มาเป็นตัวแทนในการบริหารบ้านเมือง ก็ไม่ควรนำพวกเขามาเป็น เหยื่อ หรือ เครื่องมือในการโกงกินประเทศชาติเช่นนี้ หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 22-04-2006, 14:10 จริง ๆ เขามีจุดหมายนะครับ อย่างไปแอ่วสาวที่ตึกเนชั่นเป็นต้น
พูดถึงเนชั่นวันที่ถูกม๊อบคาราบาวคนจน (เขียนไม่ผิด) ไปปิดล้อม ดูจากข่าวสังเกตุดูที่อกเสื้อ อรรถสิทธิ์ สิงห์ลอ เห็นเข็มกลัดดาวแดง มีฆ้อนเคียวอันเบ้อเร่ออยู่ในดาวแดงด้วยครับ พี่แกดันมาอ้างความจงรักภักดีบังหน้าอีก ผมมีโอกาสได้เข้าไปซุ่มโป่งเก็บบรรยากาศที่จตุจักกับเพื่อน 2 คน พอดีมีคนเอาเสื้อ "เรารักทักษิณ" (ยิ่งกว่ารักชาติ) มาแจกแถวบ้าน เลยได้มีโอกาส "เนียน" เข้าไปเก็บบรรยากาศ ความจริงที่ได้รับจากการเข้าไปเนียน ก็คือชาวบ้านกว่า 70% ไม่รู้เรื่องการเมืองแม้แต่ในระดับพื้นฐาน รู้อย่างเดียวว่าถ้ามาที่นี่ จะได้เงินมากกว่าอยู่ที่บ้าน บางคนไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของ ส.ส. ของจังหวัดที่ตนจากมา หน้าที่ของพวกเขา ส่งเสียงเฮตามสัญญาณมือของ Leader ร่างบึก ในขณะที่การปราศัยบนเวที ไม่มีอะไรที่จะเป็นข้อมูลอ้างอิงได้เลย ทุกอย่างมาจากจินตนาการล้วน ๆ แทนที่จะเป็นปากเสียงให้กับชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน ผมเอากล้องไป แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะกลัว "เสียลับ" นี่คือความจริงที่เจ็บปวดครับ สำหรับประเทศไทยเรา ยิ่งได้เห็น ยิ่งรู้สึกเกลียดนักการเมืองบ้านเรา เป็นทวีคูณ ที่ใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ โดยไม่มีจิตสำนึกของคุณธรรมเลยแม้แต่น้อย หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: หญิงฟ้าฟ้า ที่ 23-04-2006, 00:07 ยิ่งได้เห็น ยิ่งรู้สึกเกลียดนักการเมืองบ้านเรา เป็นทวีคูณ ที่ใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ โดยไม่มีจิตสำนึกของคุณธรรมเลยแม้แต่น้อย
ข้อความเมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:54ข้อความโดย: นายเบียร์ เห็นด้วยกับประโยคนี้ค่ะ หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 23-04-2006, 00:10 รายละเอียดเหล่านี้
เป็นเครื่องบ่งชี้ สภาวะการณ์ ความรู้ความเข้าใจ วัฒนธรรมทางการเมืองของไทยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี (ใจตรงกันตั้งซ้ำ ..) หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: บุรุษไร้นาม ที่ 23-04-2006, 00:35 น่าสงสารพวกเขาเหล่านั้นนะครับ เงินแค่คนละไม่กี่ร้อยก็ต้องมาทนทรมาน
ชาวบ้านชอบแน่ๆกับ กองทุนหมู่บ้านที่ได้ หมู่บ้านละล้าน 30 บาท รักษาทุกโรค ฯลฯ แต่หารู้ไม่ว่า จริงๆ พวกเขาสมควรได้รับอะไรที่ดีกว่านี้ และนโยบาย 30 บาท ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็ต้องทำ เพราะมีอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่บังเอิญ ทรท ได้จังหวะที่ดี กว่า ทรท เก่งครับ ใช้เงินภาษีซื้อเสียงชาวบ้าน อัฐยายซื้อขนมยาย เอาเงินของเรามาให้เรา แถมให้ไม่ครบด้วย !!! หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 23-04-2006, 12:41 ผมว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีเนื้อหาที่จะไปให้อะไรกับ ไอ้ขบวนการ JJ ที่อ้างตัวมีจุดประสงค์นั้นนิ เราไปให้ค่าเขาเอง คุณดูอย่าง ฉลาด วอนละฉัตรที่ มานั้งแต่ไม่อดข้าวตาม ไข่มุกดำ บันชาซิ ข่าวตามหน้านังสือพิมษ์ไม่ได้ให้เครดิสอะไรเลย จนตัวฉลาดที่มีธาตุแท้อยากทำวิทยุซุกซน ต้องดิ้นลนหากิจกรรมทำเพื่อเป็นข่าว ผมว่าความสนใจสำหรับ คาราวานคนจนความมีแค่ แหม่ม...มาทำไม
คาราวานคนจน ...กับการเดินทางที่เมื่อยเปล่าๆ หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: GN-001 Exia ที่ 25-04-2006, 23:28 คาราวานคนจนครับ....
วิ่งๆอยู่คูโบต้าพัง...มันยกเปลี่ยนเลยครับ!!! วิ่งๆอยู่ยางอีแต๋นแตก....มันเปลี่ยนล้อเฉยเลยครับ!!!! นี่คือคาราวานคนจนๆครับ...แต่ไม่รู้ว่าเอาเงินมาเปลี่ยนคูโบต้า4-5เครื่องในเที่ยวเดียว คาราวานคนจนครับ.... หัวข้อ: Re: คาราวานคนจน...กับการเดินทางที่ว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เริ่มหัวข้อโดย: abhichartt ที่ 25-04-2006, 23:37 ชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ
แกนนำบางคนยังไม่รุ้เรื่องเลยว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้ผมได้ยินมาจากครูแถวบ้านผมอีกค่อนึง เชื่อไม่เชืออีกเรื่องนึงนะครับ แต่ครูบอกว่าทักษิณเห็นทุกคนมีค่าในตัวของเค้าเอง ค่าที่ว่านำคนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ เสริมอำนาจให้ตัวเอง ด้วยการใช้วิธีที่ชาวบ้านเต็มใจ |