หัวข้อ: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 02-10-2006, 04:08 สถานะตรงกลางที่สูญไป
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ ผมประเมินไม่ถูกเหมือนกันว่า ฝ่ายสนับสนุนคุณทักษิณ ชินวัตร มีกำลังที่จะป่วนได้ มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์เปราะบางสำหรับ คปค.อยู่ไม่น้อย เพราะ คนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายคุณทักษิณ แต่รับไม่ได้กับการรัฐประหารก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ฉะนั้น หากการป่วนใดๆ ก็ตามที่ทำให้คนกลุ่มนี้เคลื่อนออกมาประท้วงในที่สาธารณะ ผมคิดไม่ออกว่า คปค. จะมีหนทางตอบโต้อย่างไร "สังหารหมู่" หรือ เหตุการณ์ก็จะกลับไปสู่พฤษภาทมิฬในปี 2535 ในพริบตา ปล่อยเอาไว้ โดยไม่ทำอะไรเลยหรือ การรัฐประหารซ้อนจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่นาน และด้วยเหตุดังนั้น กระมัง จึงต้องมีคำสั่งของ คปค. หลายฉบับที่มุ่งจะ "ล็อค" กลุ่มที่สนับสนุนคุณทักษิณ ไม่ให้ขยับ (และเป็นผลให้กลุ่มอื่นๆ อีกมากขยับไม่ได้ตามไปด้วย ก่อให้เกิดความอึดอัด แก่คนอื่นๆ อีกมาก ซ้ำจะมากขึ้นในอนาคตด้วย) ไม่กี่วันมานี้ หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าทหารดักรถบรรทุกที่ขนชาวบ้านและเสบียงจาก เพชรบูรณ์หลายคันมุ่งจะลงกรุงเทพฯ ทหารเกลี้ยกล่อมให้กลับเพราะ คปค.ไม่อนุญาต ให้ชุมนุมทางการเมือง ในที่สุดชาวบ้านก็ยอมกลับ หากรายงานข่าวนี้เป็นความจริง ก็ ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางและความตึงเครียดที่แฝงอยู่ลึกๆ ในบรรยากาศทางการเมือง ปัจจุบันอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม เพราะความเปราะบางและความตึงเครียดที่แฝงอยู่นี้เอง ที่ทำให้จุดยืนทาง สังคม-การเมืองของกองทัพปรากฏให้เห็นได้ชัด แม้ว่ามีแนวโน้มเป็นเช่นนั้นมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นได้ชัดเท่าครั้งนี้ ดังที่มีผู้กล่าวไว้มากแล้วว่า ความแตกแยกของสังคมไทยนั้น ในขั้นพื้นฐานแล้วไม่ได้ มาจากการกระทำของนักการเมืองคนใดทั้งสิ้น แต่มาจากความแตกแยกทางเศรษฐกิจ- สังคม ซึ่งเป็นผลผลิตของนโยบายพัฒนาที่ดำเนินสืบเนื่องมาหลายทศวรรษ เรามีคนชั้นกลางซึ่งหมายถึงผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับเศรษฐกิจทันสมัยอยู่ประมาณ หนึ่งในสี่ของพลเมือง แต่เรามีคนอีกจำนวนมากซึ่งปรับตัวไม่ได้ และกลายเป็นเบี้ยล่าง ของระบบ (แรงงานไร้ฝีมือ, แรงงานนอกระบบ, แรงงานชั่วคราว, เกษตรกรรายย่อย, ฯลฯ) นับวันความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคมของสองกลุ่มนี้ก็ยิ่งถ่างกว้างมากขึ้น ในการรัฐประหารที่ผ่านมาหลายครั้ง นับตั้งแต่ พ.ศ. 2490 เป็นต้นมา กองทัพอ้างภาระ ที่จะปกป้องดูแลผลประโยชน์ของคนระดับล่าง อย่างน้อยก็จากนักการเมืองที่ฉ้อฉล แต่ ในขณะเดียวกันการรัฐประหารของกองทัพก็ไม่เคยละทิ้งคนชั้นกลาง ซึ่งที่จริงแล้วก็เป็น ผลผลิตของการยึดอำนาจอย่างยาวนานของกองทัพเอง แม้แต่สาเหตุหลักๆ ของการทำ รัฐประหารก็มักจะอ้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับทรรศนะของคนชั้นกลาง แม้กระนั้น คนระดับล่างก็ไม่ใช่ศัตรูของกองทัพ แต่เป็นเป้าหมายหลักอันหนึ่งที่การรัฐ- ประหารมักอ้างว่า จะต้องจัดระเบียบการเมืองเพื่อให้คนชั้นล่างได้รับผลพวงของการ พัฒนา แต่สภาวะทางการเมืองหลังรัฐบาลทักษิณทำให้กองทัพต้องเพ่งเล็งไปที่กลุ่มพลัง ประชาชนในระดับล่าง (ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นหรือเคลื่อนไหวตามธรรมชาติก็ตาม) อันเป็นพลัง ที่อาจโจมตีจุดที่เปราะบางที่สุดของ คปค. ได้ ประกาศและคำสั่งหลายต่อหลายฉบับ มุ่งจะตรึงและสลายกลุ่มพลังประชาชนระดับล่างโดยตรง แตกต่างเป็นตรงกันข้ามกับนักศึกษา ซึ่งได้รับคำเชื้อเชิญให้แสดงความคิดเห็นทาง การเมือง เท่ากับว่าเป็นครั้งแรกที่กองทัพปฏิเสธบทบาทผู้เชื่อมประสานระหว่างคนชั้นกลางกับ คนชั้นล่างอย่างเปิดเผย ซึ่งกองทัพเคยใช้เป็นฐานสำหรับการแทรกแซงทางการเมือง ตลอดมา (และเป็นบทบาทหนึ่งที่คุณทักษิณ ชินวัตร พยายามทำและล้มเหลว เพราะ ในที่สุดคนชั้นกลางกลับกลายเป็นศัตรูของคุณทักษิณไป) อันที่จริงบทบาทผู้เชื่อมประสานระหว่างคนสองชั้นนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ระบอบ เผด็จการทั้งหลายดำรงอยู่ได้ ผมขอยกตัวอย่างจากจักรวรรดินิยมอังกฤษในอินเดีย เมื่อคนชั้นกลางที่ทันสมัยซึ่งอังกฤษสร้างขึ้นเองเติบโตขึ้น และพัฒนาเป็นกลุ่มผู้นำกู้ เอกราช อังกฤษจะอ้างว่าพวก "บาบู" เหล่านี้ คือผู้กดขี่เอารัดเอาเปรียบมวลชนอินเดีย ซึ่งยังยากไร้อยู่ในชนบท อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอินเดียต่อไป เพื่อปกป้องมวลชน อินเดียให้พ้นจากการกดขี่เอารัดเอาเปรียบของ "บาบู"เหล่านี้ และในขณะเดียวกัน อำนาจ อังกฤษเท่านั้นที่จะจัดการให้เกิดระเบียบของการแบ่งปันทรัพยากร และโอกาสที่เท่าเทียม กันในหมู่คนชั้นกลางเหล่านี้ได้ ถ้าไม่มีคานธีและสานุศิษย์ของท่าน พรรคคองเกรสก็จะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ของอินเดีย ตลอดไป ซึ่งก็คือพรรคของคนชั้นกลางที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับมวลชนได้ แต่คานธีและ สานุศิษย์เปลี่ยนแนวทางของคองเกรส จนกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีฐานมวลชนมหึมา สรุปก็คือ เผด็จการย่อมรักษาอำนาจได้ตลอดไป หากคนชั้นกลางที่กลายเป็น "ชนชั้นนำ ทางการเมือง" ไม่อาจเชื่อมต่อกับมวลชนได้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็จะเป็น แต่เพียง การแย่งชิงจัดสรรผลประโยชน์ของคนกลุ่มเล็กๆ ในเขตเมือง และเปิดโอกาสให้ อำนาจภายนอกเข้ามาแทรกแซงได้ในฐานะผู้เชื่อมประสาน แต่กองทัพได้ปฏิเสธบทบาทผู้เชื่อมประสานนั้นไปเสียแล้วในการยึดอำนาจครั้งนี้ สถาบันเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทย ซึ่งเน้นบทบาทเชื่อมประสานระหว่างสังคมที่ แตกแยกสองกลุ่มนี้คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารหรือ การเลือกตั้งจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพระบารมีในแง่นี้จากสถาบัน จนกว่าจะทำให้ความ แตกแยกทางเศรษฐกิจ-สังคม ระหว่างคนชั้นกลางและคนชั้นล่างลดน้อยถอยลง สิ่งที่น่าเสียดายอีกอย่างหนึ่งที่กองทัพจำเป็นต้องตรึงและสลายกลุ่มพลังประชาชนระดับ ล่างก็คือ ยังมีกลุ่มพลังระดับล่างที่ไม่เกี่ยวกับการแย่งอำนาจทางการเมือง แต่ต้องการ เคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองที่เป็นผลดีแก่คนระดับล่าง อันไม่ใช่เพียงแค่การ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ ซึ่ง ปิดโอกาสการจัดการทรัพยากรท้องถิ่นของประชาชน การเคลื่อนไหวของคนระดับล่างกลุ่มนี้ถูกตรึงไปด้วย ตามประกาศและคำสั่งของ คปค. ฉะนั้นการปฏิรูปการเมืองด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชั่วคราว จึงจะยิ่งมีความหมาย แคบลงไป และไร้ความหมายแก่คนระดับล่างขึ้นไปอีก รอเวลากว่าจะมีนักการเมืองหน้าใหม่เข้ามาสร้างการเชื่อมประสานกับคนระดับล่าง และ อาศัยนโยบายลดแลกแจกแถม เพื่อกุมเสียงเด็ดขาดในสภา แล้วก็ทำให้รัฐธรรมนูญที่จะ ร่างขึ้นใหม่นี้กลายเป็นหมันไปอีกฉบับหนึ่ง ที่มา มติชน วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10432 http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act03021049&day=2006/10/02 ใครที่คิดว่าปราบ "ระบอบทักษิณ" ได้ด้วยการรัฐประหาร ลองคิดดูใหม่ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 07:41 ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากใหน สงสัยปิดทีวี วิทยุ ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ุ ไม่ได้ฟังเหตุผลการปฏิวัติ 4 ข้อ
ในเหตุผล 4 ข้อไม่ได้พูดเรื่องจะอ้างรากหญ้าตรงใหนเลย....ที่เค้าห้ามก็เพราะห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ( แม้ในพรก.ฉุกเฉินก็น่าจะมี ) ส่วนนิสิตนักศึกษา เค้าก็กลัวว่าจะมีอาจารย์บ้า ๆ ไปล้างสมองยุยงให้กระทำการอันอาจขัดต่อกฎหมาย พอขัดกฎหมายก็ลำบากใจที่จะต้องดำเนินการกับลูก ๆ หลาน ๆ หากอยากเคลื่อนไหว ก็ให้ไปคุย ให้ไปยื่นข้อเสนอโดยตรงกับ คปค. ก็ถูกแล้วไง อาจารย์ประเมินไม่ถูกเพราะอาจรย์นิธิไม่มีข้อมูลนะซีครับ เรื่องสายข่าวความมั่นคง เค้าก็มีของเค้าอยู่ ไม่งั้นคงไม่ล็อคตัว ยี้ห้อย ยุทธ์ตู้เย็น ก็รู้ ๆ กันอยู่ มันเป็นช่วงแย่งอำนาจ เค้าก็ต้องสถาปนาความมั่นคง อะไรที่ห้ามก็ต้องห้าม แล้วค่อย ๆ ผ่อนปรนลงไป เมื่อมั่นใจว่า จะไม่มีใครมา "ป่วน" เพราะคนป่วนเมือง ใช้ไม่กี่คนก็ทำได้อยู่แล้ว ถ้าความแตกแยกมิได้มาจากนักการเมืองดังที่อาจารย์นิธิเขียน อาจารย์ตอบคำถามสังคมได้มั๊ยว่า ในห้วงเวลา 5 ปีของระบบทักษิณ มาจนก่อนเกิดเหตุการณ์ประกาศภาวะฉุกเฉินของนายหน้าเหลี่ยม...ประชาชนแตกแยกจริงหรือเปล่า แตกแยกจนสามารถเป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งนำมาประกาศให้ประชาชนรับรู้ และยอมรับไม่ใช่หรือครับ หน้าที่หลักของ รัฐบาลนี้ เค้าก็ประกาศแล้ว มีแค่ทำให้ประชาชนสมานฉันท์ แก้ปัญหาชายแดนใต้ แล้วก็ทำกฎหมายใหม่ การทำกฎหมายใหม่ ก็ใช้จากสมัชชา 2,000 คน จากทุกกลุ่มอาชีพแล้วนี่ครับ กระบวนการเค้าก็ทำไว้ชัดเจน กำหนดคร่าว ๆ เป็นแกนไว้ว่าต้องรับฟังเสียงประชาชน จนถึงที่สุดให้มีการทำประชามติ หากไม่ดี ไม่พอใจประชาชนก็คว่ำได้นี่ครับ ยังไปฝันถึงการใช้นโยบายซื้อใจซื้อเสียงอยู่อีกหรือ ในเมื่อรู้ว่ามันผิดกฎหมาย ยังไปยอมรับว่า รอเวลาให้นักการเมืองมาซื้อเสียง อยากจะถามตรง ๆ ว่า อาจารย์นิธิต้องการอะไรบ้างก็เขียน 1-2-3-4 ออกมาเลยซีครับ หรือว่าแค่อาจารย์ไม่ชอบคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน เลยไปอ้างประชาชนรากหญ้า รากแก้ว...กล้า ๆ หน่อยอาจารย์ ออกมาชุมนุม แบบ 13 ผู้ต้องหา ก่อนเกิด 14 ตุลา ดีมั๊ยครับ อย่างน้อยฉลาด วรฉัตร แกยังกล้าเลยครับ...ช่วยออกมาหน่อย... เผื่อจะมีชื่อไว้ในประวัติศาสตร์กับเค้าบ้าง....นี่ก็ ใกล้ 6 ตุลา เข้ามาแล้ว...เอาซักหน่อยสิอาจารย์ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: เพนกวินน้อยนักอ่าน ที่ 02-10-2006, 08:04 แน่นอนว่า แก้ไขปัญหาไม่ได้ด้วยการมี คปค เข้ามายึดอำนาจ
แต่เชื่อว่า ถ้าปล่อยระบอบทักษิณไปเรื่อยๆ การเชื่อมต่อ จากชนชั้นกลาง ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะกรอบกติกา การแข่งขัน ของชนชั้นกลางไม่มีความเป็นธรรม ทักษิณไม่ได้เน้นตรงนี้เลย ในที่สุด ถึงจะมีทักษิณ ประเทศชาติก็ไม่ได้พัฒนาคนชั้นกลาง ให้เชื่อมต่อกับคนยากไร้ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปตามบทความ ของ อ.นิธิ กล่าวอยู่ดี คปค มายึดอำนาจไม่ได้ช่วยอะไร รธนฯ ที่ร่างใหม่ ก็อาจไม่ช่วยอะไร จริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับ คณะบุคคล ที่เข้ามาเป็นนักการเมืองเหมือนกัน ดูอย่างสภา คองเกรสอินเดีย การกำเนิด แรกเริ่มช่างตื่นตาตื่นใจ และดูเป็นไปเพื่อชาวบ้านชาวช่องอย่างถึงที่สุด แต่สุดท้าย ก็กลายเป็นพรรคที่มีกลุ่มนำขวาจัด และ ยึดผลประโยชน์ให้แก่ชนชั้นนำ อยู่ดี สังคมอินเดีย เป็นสังคมที่เหลื่อมล้ำสูงต่ำ อย่างเห็นได้ชัดกว่าประเทศไหนๆ เสียอีก นี่เป็นตัวอย่างชัดๆว่า ความพยายามเริ่มต้นดี อาจไม่ช่วยอะไร ในเมื่อคน มัน จะเลวอ่ะนะ มันห้ามกันไม่ได้หรอก ระบอบทักษิณ2 ทักษิณ3 ก็ต้องให้เป็นไปล่ะ ในฐานะที่เราอยู่ในจุดที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วค่อยมาไล่กันอีกที :slime_p: หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 08:15 บ้านเมืองอิ๊บอ๋ายไม่ว่า ขอให้ข้า 5 คนได้คุยการเมือง...ทุเรศนะ..
รอ ๆ หน่อย เดี๋ยวมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็ได้คุยกันแล้ว เค้าคงไม่ปิดปากคนแล้วร่างรัฐธรรมนูญหรอกน่า อ้อ...อย่าไปเที่ยวฉีกรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้แล้วนะ...อันตราย... แต่ถ้ากล้าลองทำอีกทีสิอาจารย์...อยากเห็น หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 02-10-2006, 08:42 ไม่ทราบว่าคุณ CanCan แค้นอะไร อ. นิธิ หรือคะ?
ถึงเขียนว่ากันเสียๆ หายๆ พาลพาโลแบบนี้ แล้วยังไม่เบื่ออีกหรือคะ มุกที่ท้าให้คนโน้นไปทำอย่างนี้ สะท้อนแนวคิดที่ว่าทำแบบไหนดีกว่า มีคุณค่าน่านับถือกว่า แบบพวกใส่สูทอยู่ห้องแอร์ที่คิดว่าตัวเองมีค่ากว่าคนกวาดถนน แต่ละคนก็ทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัด (และพอใจ) ค่ะ ความแตกต่างของเราทำให้แต่ละคน มีที่ยืนในสังคมนี้หรือในโลกนี้ จะให้ทุกคนไปทำทุกอย่างได้เหมือนกันหมด คงไม่ได้ และได้ไม่ดี รวมทั้งอยู่ที่ความพอใจและการเลือก ในสังคมที่อนุญาต/เปิดโอกาสให้เลือกได้อย่างเสรี :slime_v: หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 08:50 เป็นถึงศาสตราจารย์ แต่ไม่รู้กาละ เทศะ สถานะของประเทศ เหตุการณ์ปัจจุบัน
สุดท้ายก็จะกลายเป็นคนแก่ที่เอาแต่ใจตัวเอง...มองแค่สิทธิ์... แต่ไม่รู้ว่า ประชาธิปไตย บางครั้งบางทีก็ต้องจำกัดสิทธิ์เพื่อความมั่นคงบางเวลา บางโอกาส ว่าง ๆ ฝากอาจารย์ไปเปิดดู พรก.ฉุกเฉิน 2548 ของนายหน้าเหลี่ยมบ้างนะครับ มันจำกัดขนาดใหน หรือไม่ลองมองไปที่คุณพ่อบุชสิ ตอนนี้โดนอะไรบ้าง กฎหมายจำกัดสิทธิ์มีมั๊ย...สื่อมวลชนทางโน้นเค้าว่ายังไง ไปดูซิว่า สภาคองเกรส เพิ่งผ่านกฎหมายอะไร โต ๆ แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่น... หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 02-10-2006, 09:45 เหอะ เหอะ...นิธิ มี Sixth Sense ทางการเมืองด้วยว่ะ....
รัฐประหารเพื่อพวก Hi-Class Mid-Class บางกระจุก มันจำเป็นต้องตรึงกำลังเพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างยาวนาน เผลอๆ ตลอดชั่วอายุรัฐบาลหอย 2006 นี่ด้วยล่ะจ้ะ.... :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 10:16 ถึงคุณ snowflake
เกณฑ์การแบ่งข้างมันเปลี่ยนตั้งแต่คณะตาอยู่แห่งชาติพร้อมรถถังมายึดอำนาจแล้วครับ ถึงวันที่ 19 กันยามันยังเป็น เอากับไม่เอาทักษิณ หลังจากนั้นมันเปลี่ยนเป็น เอาไม่เอา ปฏิวัติ เพราะทักษิณแพ้ไปแล้วเป็นอดีตไปแล้ว ฝ่ายที่ไม่เอาทักษิณมาเจอปฏิวัติเลยทำ ใจไม่ได้ที่จะต้องโดนเหมารวมกับพวกรักทักษิณ แต่โดนฝ่ายโน้นด่ามากๆ เดี๋ยวก็ชินไป เองและยอมรับได้เองครับ ดูมหาจำลองซิยังเลิกต่อต้านปฏิวัติหน้าตาเฉย หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 02-10-2006, 10:28 ส่วนตัว..
ผมคิดว่าถ้าแค่การทำรัฐประหารแล้วระบบทักษิณจักแพ้ราบคาบหรือสินสูญไปภายในชั่วพริบตา.. ผมว่ามันเป็นไปมิได้หรอกนาย... เพราะอย่างที่ผมได้จักย้ำตลอดเลยอยู่เป็นนิจว่า.. เพราะนี้มันโลกเเห่งความจริงขะรับท่าน.. ฉะนั้น... มันคงจักไม่มีอะไรปราบอะไรได้เพียงข้ามคืนชั่วชั่วพริบตาหรอก..ถ้าเราใช้ตรรกระในการเปรียบเทียบว่า.. คุณรัฐประหารแค่หนึ่งคืน..หรือมันจะเทียบกะสิ่งที่เหลี่ยมสร้างระบบมาตั้งกี่ปี.. แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่หยุดเชื้อร้ายที่มันจักลามไปมากกว่านี้ก็แค่นั้นเอง.. และผมก็ยังเชื่ออีกว่า..มิว่าจักระบบอะไรมาปราบเหลี่ยม.. ซึ่งในที่นี้ก็คงจักหมายถึงระบบประชาธิปไตย..มันต้องใช้ระยะเวลากะการเอาใจใส่ติดตามคือๆกัน..กะการรัฐประหาร... ซึ่งเปรียบได้ง่ายๆกะปัญหาสามจังหวัดชายเเดนภาคใต้.. และผมก็จักเเถมอีกนิดว่า.. ผมว่าระบบนะมันก็เเค่ส่วนประกอบที่เข้ามาบังคับคนเราครับ.. แต่ถ้าคนมันเลว..มันใช้ระบบอะไรมันก็เลว... ฉะนั้นประเด็นมันมิได้อยู่ที่ระบบจักมาบังคับคน..แต่มันอยู่ที่คนจักมาใช้ระบบ.. อ้อ... เมื่อวานครับ... ผมดูข่าวเย็นไอทีวี...และเขาก็ได้ไปถาม... อ.คณะ รัฐศาสตร์.... ของธรรมศาสตร์..เรื่องเกี่ยวกะประเด็นสรยุทธ์นายกคนใหม่... และในช่วงนึ่งเขาก็ได้บอกมาว่า.. " ถึงเเม้น...เขาจักไม่เห็นด้วยกะการรัฐประหาร...แต่เขาก็ยังเชื่อว่า....การที่ทหารเข้ามาทำแบบนั้นเพราะความหวังดี... เพราะเขานั้นเป็นคนมองโลกในเเง่ดี... " เลยทำใ้ห้ผมสงสัยว่า..เหตุไรทำไม..เดียวคนเราส่วนมากมิรู้จักแยกแยะประเด็นแบบอ.ท่านนั้น.. และรู้จักมองโลกในเเง่ดีมั่ง... อ้อและก็ใช้ครับ. บางครั้งเราก็ต้องมองโลกทั้งสองด้านจักให้ดีด้านเดียวได้เยี่ยงไร.. แต่ผมก็สงสัยว่าเเล้วเหตุไรพวกม.เที่ยงคืนจึงมองแค่ด้านเดียวคือด้านเลวร้าย..เท่าที่ๆผ่านๆตา... ไม่มองด้านดีและความหวังดีของทหารเขามั่ง... เพราะของในโลกนี้มันก็มัทั้งดีและเลว..ปะปนกันไปมิใช้หรือ... หรือ...แบบนี้ใช้หรือไม่ที่เขาเรียกว่า อคติ... หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 10:31 คนที่ไม่ต้านการรัฐประหารครั้งนี้ แม้ไม่เห็นด้วยกับวิธีการ
เค้าเรียกว่า "คนมีวุฒิภาวะทางสังคม" บางคนบอก แม้ไม่เห็นด้วย...แต่เข้าใจ... บางคนบอก ถ้าทักษิณไม่เสียสละ ก็ต้องสละทักษิณ... แต่พวกศาสตราจารย์ที่ขาดวุฒิภาวะทางสังคมนี่ ผมไม่รู้จะให้ฉายายังไงดี เอาเป็นว่า "พวกขาดวุฒิภาวะทางสังคม" ไปก่อนละกัน หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 10:35 ลุงกระป๋อง น่าจะเปลี่ยน เค้าเรียกว่า คนมีวุฒิภาวะทางสังคม
เป็น ผมเรียกว่า แทนนะ เรียกเองก็อย่าไปอ้างบุคคลที่สามเลย หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 02-10-2006, 10:45 ถึงคุณ snowflake เกณฑ์การแบ่งข้างมันเปลี่ยนตั้งแต่คณะตาอยู่แห่งชาติพร้อมรถถังมายึดอำนาจแล้วครับ ถึงวันที่ 19 กันยามันยังเป็น เอากับไม่เอาทักษิณ หลังจากนั้นมันเปลี่ยนเป็น เอาไม่เอา ปฏิวัติ เพราะทักษิณแพ้ไปแล้วเป็นอดีตไปแล้ว ฝ่ายที่ไม่เอาทักษิณมาเจอปฏิวัติเลยทำ ใจไม่ได้ที่จะต้องโดนเหมารวมกับพวกรักทักษิณ แต่โดนฝ่ายโน้นด่ามากๆ เดี๋ยวก็ชินไป เองและยอมรับได้เองครับ ดูมหาจำลองซิยังเลิกต่อต้านปฏิวัติหน้าตาเฉย ไม่คิดว่าจะ "ชินไปเองและยอมรับได้เอง" ค่ะ ขอค้านไปเรื่อยๆ จนกว่าคนที่ชอบแบ่งแบบนี้จะเข้าใจ ว่า สิ่งต่างๆ ในโลกนั้มันมีได้ซับซ้อนกว่า 2 ขั้ว :slime_fighto: แต่ก่อนนี้ใครไม่ด่าทักเป็นพวกทักษิณ ตอนนี้ใครค้านรัฐประหารเป็นพวกทักษิณ ตรรกะงี่เง่า หรือไม่มีตรรกะ (ใครไม่เป็นอย่างที่ว่า ไม่ต้องเดือดร้อน) คุณ ปุถุชน ยังเข้าใจและพยายามอธิบาย ... :slime_smile: การทำรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองฯ ทำให้คนต่อต้านทักษิณ ขับไล่ทักษิณ แบ่งเป็นหลายกลุ่ม หลายมุมมอง ... 1. บางกลุ่มคัดค้านการทำรัฐประหารทุกรูปแบบ ไม่ทำการต่อต้าน แต่เรียกร้องให้คืนอำนาจ ให้มีประชาธิปไตยฯ และรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ให้ความสนใจผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการปฏิรูปการปกครองฯ จะมีส่วนดีขึ้นหรือเลวลงต่อประเทศชาติ สังคม และเศรษฐกิจ 2. บางกลุ่มคัดค้านการทำรัฐประหารทุกรูปแบบ ทำการต่อต้าน ล้มการทำรัฐประหาร ให้คืนอำนาจ ให้มีประชาธิปไตยฯ โดยเร็ว ไม่สนใจ ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการปฏิรูปการปกครองฯ จะมีส่วนดีขึ้นหรือเลวลงต่อประเทศชาติ สังคม และเศรษฐกิจ 3. บางกลุ่มต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ แต่ยอมรับความจริงว่า การทำรัฐประหารหรือการปฏิรูปการปกครองฯ เกิดขึ้นแล้ว คราวนี้น่าจะดีกว่าเดิม ดีกว่าจมอยู่ในระบอบทักษิณต่อไป เรียกร้องให้คณะปฏิรูปการปกครองฉวยโอกาสนี้ปฏิรูป แก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้เสร็จสิ้นและคืนอำนาจให้มีรัฐธรรมนูญ ให้มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งโดยเร็ว... 4. .....ฯลฯ ความคิดเห็นที่แตกแยก แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับทัศนคติและความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยฯ ในระดับที่แตกต่างกัน ข้อเท็จจริง สถานการณ์ที่แท้จริงในขณะนี้ และอนาคต.... ก็สุดแต่ใจจะปรารถนาเถอะ อย่างน้อยก็เป็นแม่น้ำสายเดียว แต่แตกสายเท่านั้น..... :!: หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 10:52 คุณชอบแถ ไม่ลองไปถามหมอประเวศ ท่านอานันท์ อาจารย์เสน่ห์ คุณหมอเสม หรือแม้แต่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอื่น ๆ
ยกเว้นอธิการบดีในความมืดบอด ( ทางปัญญา ) ว่าท่านเหล่านั้นให้ความเห็นยังไงบ้าง หรือจะไปอ่าน บทกวีของ เนาวรัตน์ ในมติชนวันนี้ก็ได้ เรื่อง "หนามบ่งหนาม" หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 02-10-2006, 10:56 คนที่ไม่ต้านการรัฐประหารครั้งนี้ แม้ไม่เห็นด้วยกับวิธีการ เค้าเรียกว่า "คนมีวุฒิภาวะทางสังคม" บางคนบอก แม้ไม่เห็นด้วย...แต่เข้าใจ... บางคนบอก ถ้าทักษิณไม่เสียสละ ก็ต้องสละทักษิณ... แต่พวกศาสตราจารย์ที่ขาดวุฒิภาวะทางสังคมนี่ ผมไม่รู้จะให้ฉายายังไงดี เอาเป็นว่า "พวกขาดวุฒิภาวะทางสังคม" ไปก่อนละกัน ขอยืมคำของท่านลุงแคน"พวกขาดวุฒิภาวะทางสังคม" ไปใช้นะคะ โดนใจอย่างแรง :slime_smile: ก่อนหน้านี้ก็ขอยืมคำของท่านอาจารย์ปุถุชน ที่เรียกว่า พวกหัวสี่เหลี่ยม ซี่ปังเท้า :slime_smile2: ไปใช้ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 11:05 ถ้าอยากถามชาวบ้าน ให้ไปถามปราชญ์ชาวบ้าน แบบ"ลุงยงค์" หรือ "ครูบาสุทธินันท์"
อย่าไปถามพวกกลุ่มพลัง คาราวานคนจน หรือ พวกสมัชชาคนจน พวกนี้กลุ่มผลประโยชน์กลุ่มเดียวเท่านั้น ต้องไปถามพวกเครือข่ายต้านระบอบทักษิณที่รวมตัวกระจายไปทุกจังหวัดว่าเค้าพอใจมั๊ย แบบที่ บทความกล่าวถึงน่ะมันเรื่องนโยบายแล้ว...ไม่ใช่เรื่องสิทธิ์ในรัฐธรรมนูญ ดันไปพูดเรื่องกฎหมายลูก...ไม่บ้าก็เมา ...เมื่อไหร่จะเลิกอุ้มซากศพรัฐธรรมนูญหากินกันซะทีครับ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-10-2006, 11:29 ผมคิดว่าคณะมนตรีความมั่นคงฯ และรัฐบาลใหม่ไม่ได้ละทิ้งมวลชน รากหญ้า/รากแก้ว
ดังจะเห็นจากการแถลงการณ์รับรองโครงการ"เอื้ออาทร"ต่าง ๆ ที่ถูกคนของทักษิณป่าว ประกาศว่าคณะปฏิรูปการปกครองฯ จะยกเลิกทั้งหมด.... :!: แต่คณะมนตรีความมั่นคงฯเข้าใจถึงปฏิบัติการมวลชนของคนของทักษิณ จะยึดถือมวลชน รากหญ้า/รากแก้วเป็นเกราะกำบังกาย เหมือนทักษิณขอหลบหลัง"ธงเหลือง"ของหมอเสมมาแล้ว ผมเชื่อว่าคณะมนตรีความมั่นคงฯไม่แคร์การปฏิบัติการของคนของ "ยุทธ์ ตู้เย็น" หรือ "ยี้ห้อย" หรือ "หมอเลียบ"ที่เคยออกมาก่อกวนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะแยกแยะเห็นได้ชัดเจนว่าใครเป็นใคร.... แต่คณะมนตรีความมั่นคงฯไม่อยากสูญเสีย"รากหญ้า"ที่ยกย่องเป็น"รากแก้ว" ที่จะถูกหลอกลวง จ้างวาน ให้เคลื่อนไหว พวกนั้นเป็นคนไทยที่ไม่ได้มีความคิดทางการเมือง แบ่งแยก และยังนับถือในหลวงองค์เดียวกันกับคนไทยอื่น ๆ... ผมเชื่อว่าเวลานี้เป็นเวลาฉุกเฉินที่ต้องตัดไฟแต่ต้นลม รอสักพักหนึ่งเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงฯและรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ ตั้งตัวได้ ก็จะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น... ผมเชื่อว่านักวิชาการ ปัญญาชน และผู้นำความคิดที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ที่เข้าไปให้ความคิดเห็นและแยกพวก"อีแอบ"ในคณะปฏิรูปการปกครอง จะอธิบายให้หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯ เข้าใจความคิดเห็นของอ.นิธิ และ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน(ของแท้)ที่ยึดถือหลักการมากกว่าสภาวะปัจจุบัน ให้แยกออกจากคุณKiller คุณชอบแถ เป็นต้น.... วันนี้ผมได้อธิบายชี้แจงให้คนทำงานร่วมกับผมหลายพันคน ไปอธิบายให้พี่น้องของเขาในชนบทฟังแล้ว อย่าให้หลงกลอุบายและการยุยงของฝ่ายปฏิบัติการทักษิณ ให้คอยดูว่าคนฝ่ายไหนรักชาติ รักสันติ รักอำนาจ รักการคอร์รั่ปชั่น รักพวกพ้องและแบ่งแยกมากกว่ากัน... :!: ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯที่มีญาติพี่น้องต่างจังหวัดได้ชี้แจงให้ญาติพี่น้อง ผลดีผลเสียของรัฐประหารคราวนี้แล้ว รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในจังหวัดต่าง ๆ จะช่วยกันแก้ไข เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของทักษิณและคนของทักษิณได้แน่นอน.... หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 13:14 คุณชอบแถ ไม่ลองไปถามหมอประเวศ ท่านอานันท์ อาจารย์เสน่ห์ คุณหมอเสม หรือแม้แต่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอื่น ๆ คนพวกนั้นผมไม่เห็นว่าจะมีคุณค่าอะไรเหลือในตอนนี้ ความดีของพวกเขาเป็นอดีตไปแล้วยกเว้นอธิการบดีในความมืดบอด ( ทางปัญญา ) ว่าท่านเหล่านั้นให้ความเห็นยังไงบ้าง หรือจะไปอ่าน บทกวีของ เนาวรัตน์ ในมติชนวันนี้ก็ได้ เรื่อง "หนามบ่งหนาม" ส่วนอธิการบดีมหาวิทยาลัยที่ผมจบคงไม่คิดแบบนี้แน่นอนครับ ถึงคุณ snow อีกที การแยกฝ่ายคงจะคิดจากจุดหมายปลายสุดมากกว่าคำนึงถึงกระบวนการคิด ถ้าบอกว่าเชื่อในนโยบาย ไทยรักไทยแต่ไม่สนใจดร.ทักษิณ ก็คงจะไม่ได้เพราะ ถ้าไม่มีดร.ทักษิณ(และเงินของเขา)นโยบาย ต่างๆ ก็หมดโอกาสที่จะขับเคลื่อนไปเป็นความจริง ดังนั้นปลายสุดของคนไม่เอารถถังก็คือต้องเลือก ตั้งแม้ไม่อยากได้ดร.ทักษิณ แต่ไทยรักไทยก็จะกลับมาโดยดร.ทักษิณอาจจะเว้นวรรคแต่ฝ่ายเกลียด เข้ากระดูกคงยอมรับไม่ได้ โดนเหมารวมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วครับ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 13:23 ความดีเป็นอดีต....คิดแค่นี้ก็ไม่สมควรนับถือความดี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ทำความดี ไม่มีสูญ...ทำความชั่วก็ต้องสลักชื่อบนหนังสุนัก พวกแนวร่วมมุมกลับ เห็นคนโกงกินก็ไม่ว่าขอให้ข้าได้เลือกตั้ง...มันบ้าตำราเกินไปแล้วครับ คนที่พอจะมีความคิดเค้ามองออก พวกมหาวิทยาลัยมืด ๆ ค่ำ คิดอะไรอยู่ พวกขาดวุฒิภาวะทางสังคม หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 13:28 ความดีเป็นอดีต....คิดแค่นี้ก็ไม่สมควรนับถือความดี ความดีที่เป็นอดีตก็ไม่ดับสูญไปเพราะความไม่ดีในปัจจุบันนรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ทำความดี ไม่มีสูญ...ทำความชั่วก็ต้องสลักชื่อบนหนังสุนัก พวกแนวร่วมมุมกลับ เห็นคนโกงกินก็ไม่ว่าขอให้ข้าได้เลือกตั้ง...มันบ้าตำราเกินไปแล้วครับ คนที่พอจะมีความคิดเค้ามองออก พวกมหาวิทยาลัยมืด ๆ ค่ำ คิดอะไรอยู่ พวกขาดวุฒิภาวะทางสังคม หวังว่าคงจะเข้าใจนะครับ คนที่เคยทำดีไว้จริงๆแล้วความชั่ว ของเขาก็ไม่ได้บดบังความดี แต่ในปัจจุบันความดีของคนเหล่า นั้นมีไว้ให้จดจำครับ ไม่ได้มีไว้แสดงว่าสิ่งที่เขาทำในปัจจุบันดี หรือถูกต้องด้วย ตอนนี้มันเป็นความเฮงซวยครับ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 02-10-2006, 13:34 ถึงคุณ snow อีกที การแยกฝ่ายคงจะคิดจากจุดหมายปลายสุดมากกว่าคำนึงถึงกระบวนการคิด ถ้าบอกว่าเชื่อในนโยบาย ไทยรักไทยแต่ไม่สนใจดร.ทักษิณ ก็คงจะไม่ได้เพราะ ถ้าไม่มีดร.ทักษิณ(และเงินของเขา)นโยบาย ต่างๆ ก็หมดโอกาสที่จะขับเคลื่อนไปเป็นความจริง ดังนั้นปลายสุดของคนไม่เอารถถังก็คือต้องเลือก ตั้งแม้ไม่อยากได้ดร.ทักษิณ แต่ไทยรักไทยก็จะกลับมาโดยดร.ทักษิณอาจจะเว้นวรรคแต่ฝ่ายเกลียด เข้ากระดูกคงยอมรับไม่ได้ โดนเหมารวมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วครับ โอ้โหแฮะ คนไทยทั้งชาติคงต้องกราบไอ้หน้าเหลี่ยม ผู้รวยล้นฟ้า บันดาลความเจริญให้ปวงชนด้วยเงินของเขา หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 13:43 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ
อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 02-10-2006, 13:49 คิดจากจุดหมายปลายสุดมากกว่าคำนึงถึงกระบวนการคิด
ใช้วิธีอะไรก็ได้เพื่อให้สมเป้าหมาย ถ้าคิดแบบนี้ก็ให้เหลี่ยม หรือคนที่คิดแบบเหลี่ยมๆ ครองประเทศไปเลย ลูกหลานเกิดมาก็เสี้ยมสอนให้โกงแต่ทำงาน พูดอย่างทำอย่าง ให้เป็นกันทั้งประเทศ ต่อไปชาวโลกจะได้รู้ว่าคนไทย เป็นมนุษย์พันธุ์โกหกปลิ้นปล้อนกะล่อนตอแหล โกงกันทั้งชาติ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 02-10-2006, 13:51 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ จริยธรรม คุณธรรม ไม่ได้มีไว้เติมน้ำมัน อย่ามาแกล้งโง่ เด็กอนุบาลก็รู้ ฉลาดขนาดรู้ว่า บริหารงานต้องมีตัวเอ็มเนี่ย อย่าต้องให้เด็กอนุบาลมาสั่งสอน หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 02-10-2006, 13:55 ตรงกลางอะไรละคุณนิธิ มันไม่มีหรอก
รากหญ้าไม่เคยต้องการการปกครองตนเอง แต่ต้องการประโยชน์จากการปกครอง ไม่ว่า คปค. จะเป็นสถานะตรงกลางอะไรนั่นหรือไม่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะรากหญ้าก็คือรากหญ้าเช่นนั้น หากสังเกตให้ดี ตั้งแต่วันที่เรายึดอำนาจจากในหลวงจนถึงวันนี้ รากหญ้าก็ยังไม่เคยคิดที่จะปกครองตนเองเลย ลองคิดดูว่าทำไมรัฐบาลเผด็จการไม่เคยล้มด้วยรากหญ้าแม้แต่ครั้งเดียว ทำไม? ตราบใดที่รากหญ้ายังคงหยิบยื่นคะแนนเสียงแลกกับผลประโยชน์ ตราบนั้นประเทศไทยก็ยังสุ่มเสี่ยงกับระบอบทักษิณภาค 2 3 ฯลฯ อยู่ดี ไม่เกี่ยวกับ คปค. หรอก หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 02-10-2006, 13:59 ผมมองเรื่องของชาวบ้านระดับรากหญ้าแตกต่างจากอาจารย์
ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของชาวบ้านรากหญ้านั้น มีเป้าหมายเพื่อปกป้องปากท้องของตนเอง ไม่ใช่ปกป้องลัทธิอุดมการณ์ทางการเมืองหรือสิ่งใดที่นอกเหนือไปจากเรื่องที่ยกตัวอย่างมา การเคลื่อนไหวในหลายๆครั้งมักปรากฎถึงเรื่องของแกนนำและการสนับสนุนจากนักการเมืองเช่นอาหาร น้ำมัน ที่อยู่อาศัยระหว่างการชุมนุม และเช่นกันที่เคยมีข่าวนั่นก็คือ ชาวบ้านบางกลุ่มได้รับการชี้แจงจากผู้นำชุมนุมว่า หากไม่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งต่อไปแล้ว ผลประโยชน์หรือความสนับสนุนที่เคยได้รับจะหมดไป ทุกวันนี้ผมยังมองว่ากลุ่มชาวบ้านรากหญ้าที่เคยเคลื่อนไหวนั้นมีแกนนำที่ให้ความรู้เช่นนี้ การแก้ปัญหาของคปค.จึงมุ่งไปที่การสยบแกนนำดังกล่าว ทำให้เกิดการประกาศของคปค.ประมาณ 2-3 ฉบับในการจะมุ่งสกัดที่แกนนำ ไม่ใช่ชาวบ้านรากหญ้า สรุปคือผมตีโจทย์ต่างไปจากอาจารย์ คำตอบที่ถูกต้องจะเฉลยในอนาคตเด้อ เพราะผมยังแหม่งๆว่า รากหญ้าน่าจะเคลื่อนไหวเพราะคนเป่าหูว่ากองทุนหรือค่ารักษา 30 บาทจะหมดไป ไม่ใช่จะเข้ามาปกป้องคุณทักษิณอะไรนั่น ปล.แต่หากคณะปกครองที่เข้ามาใหม่ละเลยเสียงของรากหญ้า ชาวบ้านรากหญ้าก็อาจมีแนวโน้มเคลื่อนไหวโดยไม่มีแกนนำก้เป็นได้ (แทงกั๊ก) หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 02-10-2006, 14:00 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ ใช้ครับ...ผมก้เห็นด้วย... เพราะคงจักไม่ไม่ใครเอาจริยธรรม...คุณธรรม..ตรงเข้าไปในปั้มแล้วบอกว่า.. พี่ๆผมขอเอาจริยธรรม..คุณธรรม..ใช้เเทนเงินที่จักใช้ในการเติมน้ำมันหรอก...นอกจากพวกโง่... แต่ถ้าคนเขามีมันสมอง.. เขาจักทำความดี..ทำความงาม.ด้วยเอาคำว่าจริยธรรม...คุณธรรม...เป็นที่ตั้ง.. เพื่อให้คนทั่วไปเห็น.. และเมื่อถึงกาลนั้น..เขาอาจจักไม่ต้องถ่อไปเติมน้ำมันยังปั้ม.. แต่จักมีคนที่เห็นถึงคุณธรรม..จริยธรรมที่เขาพึงปฏิบัติ..เขาจักเอารถน้ำ้มันเคลื่อนที่..มาเติมให้เลย..แถมฟรีอีกตะหาก.... เพราะเขาคิดว่า... ต่อให้ใครจักมีตังขนาดไหน..แต่ใครมันก็เอาตังมาซื้ื้อคุณธรรมจริยธรรมได้... เพราะของพวกนี้มันต้องสร้างด้วยตัวเอง... ซึ่งเราจักเห็นได้จากในบางประเทศ..ที่มีอดีตนายกขี้ฉ้อ..ที่มันรวยล้นฟ้าแต่ยังซื้ื้อหาคุณธรรมมาประดับตัวเองมิได้.. หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้าตาดำๆ ที่ 02-10-2006, 14:14 คุณsnowflake มีที่ติดต่ออ.นิธิไม๊ครับ พวกe-mailอะไรพวกนี้น่ะครับ
ผมอ่านบทความที่คุณเอามาแปะไว้แล้ว ก็เห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างในบางประเด็น แต่จะมาบ่นในนี้มันก็ไม่ถูกนัก เพราะคุณเป็นแค่คนที่เอาบทความนี้มาให้พวกเราได้อ่านได้เห็นความคิดอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเรื่องที่ผมอยากจะแย้งผมคิดว่าน่าจะส่งไปที่เจ้าของบทความเลยดีกว่า เช่น..... แต่สภาวะทางการเมืองหลังรัฐบาลทักษิณทำให้กองทัพต้องเพ่งเล็งไปที่กลุ่มพลัง ไอ้เรื่องนี้นะครับ คปค.ห้ามตอนที่คปค.ทำหน้าที่ประชาชนในระดับล่าง (ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นหรือเคลื่อนไหวตามธรรมชาติก็ตาม) อันเป็นพลัง ที่อาจโจมตีจุดที่เปราะบางที่สุดของ คปค. ได้ ประกาศและคำสั่งหลายต่อหลายฉบับ มุ่งจะตรึงและสลายกลุ่มพลังประชาชนระดับล่างโดยตรง แตกต่างเป็นตรงกันข้ามกับนักศึกษา ซึ่งได้รับคำเชื้อเชิญให้แสดงความคิดเห็นทาง การเมือง แต่การให้นศ.ออกมาแสดงความคิด มีส่วนร่วมนั้นจะให้กระทำในขณะที่ทำการร่างรธน.ซึ่งไม่ได้ไปปิดโอกาสของกลุ่มใดๆเลย ถึงเวลาที่ร่างรธน.กลุ่มต่างๆที่โดนห้ามก็รวบรวมความเห็นส่งเป็นตัวแทนเข้ามาก็ทำได้ หรือพอเวลาผ่านไปแล้วจะลืม(เวลาก็ไม่นานนะครับ) แล้วยิ่งอ.นิธิมองออกถึงขนาดนั้นแล้ว ถ้าท่านยังไม่ไปหาทางช่วยให้กลุ่มพลังบริสุทธิ์ที่ท่านกล่าวถึงมีให้โอกาส ผมก็ว่าอ.นิธิก็ไม่ควรจะออกมาเขียนบทความใดๆอีกนะครับ เพราะเขียนไปแล้วก็เท่านั้น ท่านพูดเองยังไม่คิดจะทำแล้วจะให้ใครมาทำตามที่ท่านพูดล่ะครับ นะครับ คุณsnoeflakeครับถ้ามีe-mailหรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้ผมส่งข้อคิดเห็นไปถึงอ.นิธิได้ช่วยสงเคราะห์ส่งมาให้ผมทีเถอะครับ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 02-10-2006, 14:44 สิ่งที่น่าเสียดายอีกอย่างหนึ่งที่กองทัพจำเป็นต้องตรึงและสลายกลุ่มพลังประชาชนระดับ ล่างก็คือ ยังมีกลุ่มพลังระดับล่างที่ไม่เกี่ยวกับการแย่งอำนาจทางการเมือง แต่ต้องการ เคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองที่เป็นผลดีแก่คนระดับล่าง อันไม่ใช่เพียงแค่การ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ ซึ่ง ปิดโอกาสการจัดการทรัพยากรท้องถิ่นของประชาชน การเคลื่อนไหวของคนระดับล่างกลุ่มนี้ถูกตรึงไปด้วย ตามประกาศและคำสั่งของ คปค. ฉะนั้นการปฏิรูปการเมืองด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชั่วคราว จึงจะยิ่งมีความหมาย แคบลงไป และไร้ความหมายแก่คนระดับล่างขึ้นไปอีก รอเวลากว่าจะมีนักการเมืองหน้าใหม่เข้ามาสร้างการเชื่อมประสานกับคนระดับล่าง และ อาศัยนโยบายลดแลกแจกแถม เพื่อกุมเสียงเด็ดขาดในสภา แล้วก็ทำให้รัฐธรรมนูญที่จะ ร่างขึ้นใหม่นี้กลายเป็นหมันไปอีกฉบับหนึ่ง ที่มา มติชน วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10432 http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act03021049&day=2006/10/02 ใครที่คิดว่าปราบ "ระบอบทักษิณ" ได้ด้วยการรัฐประหาร ลองคิดดูใหม่ ผมไม่เข้าใจว่า ระดับล่างของอาจารย์ คือใคร แต่คนที่ออกมาเคลื่อนไหว ถ้าหมายถึง รากหญ้า ส่วนใหญ่ ก็ จะเคลื่อนไหวเพื่อปากท้อง ครับ ที่เค้าเรียกร้องทักษิณ เพราะ คิดว่าทักษิณ มีตังให้กู้ ผ่อนชำระหนี้ให้ มี 30 บาท ให้ใช้ ส่วนที่จะเคลื่อนไหวเพื่ออุดมการณ์นั้นหายาก หากไม่ได้ถูกจัดตั้ง ก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอะไร ส่วนกลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ และ ไม่เอา คปค นั้น มีเยอะครับ แต่ คนที่เข้าใจสภาวะ ก็มีเยอะเช่นกัน จึงไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวอะไร ก็จะมีแต่นักอุดมคติ เท่านั้น ที่จะออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ใช่ระดับล่างแน่ๆ แต่อาจจะดึงระดับล่าง ที่รักทักษิณมาได้ อันนี้ไม่แน่ ผมว่าอาจารย์ วิเคราะห์ระดับล่างได้ ไม่ถูกเท่าไหร่ครับ ส่วนนักวิชาการคนใหน ที่ออกมาเคลื่อนไหวตอนนี้ แล้วอ้างว่า ไม่เอาทักษิณ และ ไม่เอา คปค ผมก็ขอเรียกตามลุงแคนแล้วกันนะครับ ว่า พวกขาดวุฒิภาวะทางสังคม แล้วกัน ก็ตามสบายครับ เป็นสิทธิ ของ ทุกคน อนาคต อีก 100 ปี ประวัติศาสตร์ อาจจะยกย่อง นักวิชาการในอุดมคติ เหล่านี้ก็ได้ แต่ตอนนี้ ผม ไม่ขอยกย่องครับ :slime_v: หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-10-2006, 15:12 คุณชอบแถ ไม่ลองไปถามหมอประเวศ ท่านอานันท์ อาจารย์เสน่ห์ คุณหมอเสม หรือแม้แต่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอื่น ๆ คนพวกนั้นผมไม่เห็นว่าจะมีคุณค่าอะไรเหลือในตอนนี้ ความดีของพวกเขาเป็นอดีตไปแล้วยกเว้นอธิการบดีในความมืดบอด ( ทางปัญญา ) ว่าท่านเหล่านั้นให้ความเห็นยังไงบ้าง หรือจะไปอ่าน บทกวีของ เนาวรัตน์ ในมติชนวันนี้ก็ได้ เรื่อง "หนามบ่งหนาม" ส่วนอธิการบดีมหาวิทยาลัยที่ผมจบคงไม่คิดแบบนี้แน่นอนครับ ถึงคุณ snow อีกที การแยกฝ่ายคงจะคิดจากจุดหมายปลายสุดมากกว่าคำนึงถึงกระบวนการคิด ถ้าบอกว่าเชื่อในนโยบาย ไทยรักไทยแต่ไม่สนใจดร.ทักษิณ ก็คงจะไม่ได้เพราะ ถ้าไม่มีดร.ทักษิณ(และเงินของเขา)นโยบาย ต่างๆ ก็หมดโอกาสที่จะขับเคลื่อนไปเป็นความจริง ดังนั้นปลายสุดของคนไม่เอารถถังก็คือต้องเลือก ตั้งแม้ไม่อยากได้ดร.ทักษิณ แต่ไทยรักไทยก็จะกลับมาโดยดร.ทักษิณอาจจะเว้นวรรคแต่ฝ่ายเกลียด เข้ากระดูกคงยอมรับไม่ได้ โดนเหมารวมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วครับ คุณชอบแถตามและบิดเบือนข้อเท็จจริง :!: มีนักวิชาการ นักคิด ปัญญาชนที่ไหน ที่ยอมรับหรือชอบนโยบายทักษิณ ระบอบทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง :?: แม้แต่รากหญ้าก็ไม่รู้จักนโยบายทักษิณ แต่ชอบเงินที่แจกไปกับโครงการ"เอื้ออาทร" :!: เพราะฉนั้นอย่าด่วนสรุป บิดเบือนให้ขายขี้หน้าและการชอบแถ.............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 16:02 ถึงคุณ snow อีกที คุณชอบแถตามและบิดเบือนข้อเท็จจริง :!:การแยกฝ่ายคงจะคิดจากจุดหมายปลายสุดมากกว่าคำนึงถึงกระบวนการคิด ถ้าบอกว่าเชื่อในนโยบาย ไทยรักไทยแต่ไม่สนใจดร.ทักษิณ ก็คงจะไม่ได้เพราะ ถ้าไม่มีดร.ทักษิณ(และเงินของเขา)นโยบาย ต่างๆ ก็หมดโอกาสที่จะขับเคลื่อนไปเป็นความจริง ดังนั้นปลายสุดของคนไม่เอารถถังก็คือต้องเลือก ตั้งแม้ไม่อยากได้ดร.ทักษิณ แต่ไทยรักไทยก็จะกลับมาโดยดร.ทักษิณอาจจะเว้นวรรคแต่ฝ่ายเกลียด เข้ากระดูกคงยอมรับไม่ได้ โดนเหมารวมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วครับ มีนักวิชาการ นักคิด ปัญญาชนที่ไหน ที่ยอมรับหรือชอบนโยบายทักษิณ ระบอบทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง :?: แม้แต่รากหญ้าก็ไม่รู้จักนโยบายทักษิณ แต่ชอบเงินที่แจกไปกับโครงการ"เอื้ออาทร" :!: เพราะฉนั้นอย่าด่วนสรุป บิดเบือนให้ขายขี้หน้าและการชอบแถ.............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในโลกของคุณคุณจะมองแบบนั้นก็เรื่องของคุณ คงไม่มีคณะกรรมการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ที่ไหนมาบอกได้หรอกครับว่าของคุณเป็นข้อเท็จจริงของผมบิดเบือน แล้วที่ผมเรียนคุณ snow ไปก็เกี่ยวกับกระทู้ที่บอกถึงสถานะตรงกลาง ไม่ได้เกี่ยวกับรากหญ้ารากแก้วราก ฝอยเอื้ออาทรอะไรเล้ย อย่ามาชวนออกทะเลดีกว่าครับ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: kingkong059 ที่ 02-10-2006, 17:40 อย่าไปสนใจพวกอยากดังเลยแมรงนังเขียนอยู่ที่ ม.ช แน่จริงมาเขียนที่ ม.อ สิวะ จะไปด่าให้ถึงที่เลยได้สิบ้านมันอยู่ที่นั้นหรือเปล่าไม่รู้ ชอบนักใช่ไหมกับงบที่เทลงไปเชียงใหม่อะทั้งสายไฟใต้ดินเอยอุโมงลอดทางเอยสบายจนติดเลยคิดแบบเข้าข้างตัวเองลองมาดูรากหญ้าทางใต้ไหมละเป รดจริงๆเลยสมเด็จมา ม.อกี่ครั้งแล้วแต่ละครั้งมาเจอแต่คนบาดเจ็บ ราชินีต้องโศกกี่ครั้งแล้วแต่ไอเชียที่นั้งเขียนอยู่ที่เชียงใหมเคยเห็นความรู้สึกของคนรากหญ้าทางใต้ไหมละอย่าอ้างรากหญ้าได้ไหมคนที่คุณพูดถึงอาจเป็นคนในหมู่บ้านที่คุณสิงสถิตอยู่ก็ได้เกลียดนักพวกลืมกำพืด ออลืมไปพระราชดำรัชมักไม่เข้าหัวไอนักวิชาการเป รดพวกนี้ มันเลยไม่ค่อยจำใส่หัวนักหรอก แมรงตอนนี้ต้องการความสามัคคีกันนะจาให้พ่อของแผ่นดินไม่สบายใจหรอแย่วะ
หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 02-10-2006, 19:14 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ ไม่ทราบว่าคุณ แถ ทำงานเป็นอะไรครับ มีลูกน้องที่ต้องคอยดูแลหรือเปล่า ที่คุณว่ามาแสดงว่าคุณไม่เคยบริหารงานในองค์กรที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเยอะๆ นะครับ เลยไม่ค่อยได้ใช้สองสิ่งนี้ในการบริหารงาน จริยธรรมกับคุณธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้บริหารเลย ถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้องค์กรคุณไปไม่รอดหรอกครับ ลูกน้องคุณจะหวาดระแวงกัน มีการกลั่นแกล้งกัน คนตั้งใจทำงานจะอยู่ไม่ได้ มีแต่พวกประจบสอพลอ สุดท้ายองค์กรก็ล่มสลาย ตัวอย่างก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เยอะแยะไป จริยธรรมกับคุณธรรม มันจะเอาไปเทียบเป็นเงินไม่ได้หรอกครับ แต่มันเปรียบเสมือนบัตรเครดิตทางสังคม ซึ่งถ้าใครมีสิ่งนี้ก็จะได้เปรียบคนอื่น เวลาจะทำอะไรจะติดต่อกับใคร เค้าก็ยินดีร่วมงานด้วย เวลาทำสัญญงสัญญากับใครก็ง่ายกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-10-2006, 20:27 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ ไม่ทราบว่าคุณ แถ ทำงานเป็นอะไรครับ มีลูกน้องที่ต้องคอยดูแลหรือเปล่า ที่คุณว่ามาแสดงว่าคุณไม่เคยบริหารงานในองค์กรที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเยอะๆ นะครับ เลยไม่ค่อยได้ใช้สองสิ่งนี้ในการบริหารงาน จริยธรรมกับคุณธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้บริหารเลย ถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้องค์กรคุณไปไม่รอดหรอกครับ ลูกน้องคุณจะหวาดระแวงกัน มีการกลั่นแกล้งกัน คนตั้งใจทำงานจะอยู่ไม่ได้ มีแต่พวกประจบสอพลอ สุดท้ายองค์กรก็ล่มสลาย ตัวอย่างก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เยอะแยะไป จริยธรรมกับคุณธรรม มันจะเอาไปเทียบเป็นเงินไม่ได้หรอกครับ แต่มันเปรียบเสมือนบัตรเครดิตทางสังคม ซึ่งถ้าใครมีสิ่งนี้ก็จะได้เปรียบคนอื่น เวลาจะทำอะไรจะติดต่อกับใคร เค้าก็ยินดีร่วมงานด้วย เวลาทำสัญญงสัญญากับใครก็ง่ายกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่าคุณชอบแถเข้าใจอย่างนั้นไม่ผิดหรอก.... คุณชอบแถมี"นาย"ที่ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม จึงต้องใช้เงินทองฟาดหัวลูกน้อง บริวารเพื่อให้บริวารที่เห็นแก่เงิน แก่ลาภยศรับใช้ได้...... :!: หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 02-10-2006, 21:08 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ ไม่ทราบว่าคุณ แถ ทำงานเป็นอะไรครับ มีลูกน้องที่ต้องคอยดูแลหรือเปล่า ที่คุณว่ามาแสดงว่าคุณไม่เคยบริหารงานในองค์กรที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเยอะๆ นะครับ เลยไม่ค่อยได้ใช้สองสิ่งนี้ในการบริหารงาน อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ จริยธรรมกับคุณธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้บริหารเลย ถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้องค์กรคุณไปไม่รอดหรอกครับ ลูกน้องคุณจะหวาดระแวงกัน มีการกลั่นแกล้งกัน คนตั้งใจทำงานจะอยู่ไม่ได้ มีแต่พวกประจบสอพลอ สุดท้ายองค์กรก็ล่มสลาย ตัวอย่างก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เยอะแยะไป จริยธรรมกับคุณธรรม มันจะเอาไปเทียบเป็นเงินไม่ได้หรอกครับ แต่มันเปรียบเสมือนบัตรเครดิตทางสังคม ซึ่งถ้าใครมีสิ่งนี้ก็จะได้เปรียบคนอื่น เวลาจะทำอะไรจะติดต่อกับใคร เค้าก็ยินดีร่วมงานด้วย เวลาทำสัญญงสัญญากับใครก็ง่ายกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ คุณชอบแถมี"นาย"ที่ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม จึงต้องใช้เงินทองฟาดหัวลูกน้อง บริวารเพื่อให้บริวารที่เห็นแก่เงิน แก่ลาภยศรับใช้ได้...... :!: สอนให้นะครับ ถ้าโดนเจ้านายให้ออกเพราะหมั่นไส้ในความมีจริยธรรมสูงส่งเกินไป สิ่งแรกที่ทำคือ คิดเรื่องแบล็ค เมล์ทุกชนิดที่คิดออก ต่อรองขอเงินเพิ่มทุกอย่างเท่าที่ทำได้ นับปีทำงานให้ถูกนะครับ ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 120 วันแต่ไมครบ 1 ปมีสิทธิไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 1 ป แต่ไมครบ 3 ป มีสิทธิไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 3 ปแต่ไมครบ 6 ป มีสิทธิไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 6 ป แต่ไมครบ 10 ป มีสิทธิ์ไดรับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 10 ปขึ้นไป มีสิทธิ์ไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน อย่าลืมขอค่าตกใจไม่บอกล่วงหน้า 1 เดือน และ ค่าไม่ได้พักร้อนคิดเป็นวัน เบอร์โทรเขตต้องจดให้ดีนะครับ คงไม่ต้องบอกนะติดต่อฝ่ายไหน รู้แล้วใช่มั้ยล่า ไม่เข้าใจถามได้นะครับไม่คิดค่าคอนซัลท์ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 02-10-2006, 21:29 :slime_bigsmile:
แถไปแถมา กลายเป็นประจานตัวเองซะงั้น ใครมาลากกลับเข้าหัวข้อกระทูที ...นึกว่าเอาบุญ หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 02-10-2006, 22:45 พล.อ.สนธินำบวงสรวง อนุสาวรีย์ ร.5 ยืนยันเจตนาบริสุทธิยึดอำนาจ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2549 22:24 น. คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พล.อ.สนธิ พร้อมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ บวงสรวงอนุสาวรีย์ ร.5 ขอพระราชทานอภัย หากการยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย. ระคายเคืองเบื้องพระบุคลบาท พร้อมยืนยันเจตนาบริสุทธ์ในการยึดอำนาจเพื่อสืบสานความรักความสามัคคีของคนในชาติ โดยไม่หวังจะเข้าบริหารแผ่นดินเสียเอง เวลา 09.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.ไพศาล กตัญญู รอง ผบ.ทบ. และนายทหารระดับสูง ได้ร่วมกระทำพิธีสักการะ และบวงสรวงพระราชานุสาวีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ร.5) เพื่อยืนยันเจตนาการปฏิรูปการปกครองในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่มีเจตนาจะเข้ามาบริหารประเทศ อีกทั้งเป็นการสืบสานความรักความสามัคคีของคนในชาติตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้การจัดพิธีสักการะและบวงสรวงในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการขอพระราชอภัยหากการกระทำดังกล่าวเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ก่อนที่จะเป็นการเสร็จสิ้นการทำงานของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) พล.อ.สนธิ กล่าวถวายรายงานในพิธีถวายพระราชสักการะและบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ว่า ข้าพระพุทธเจ้ามีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงมีต่อประเทศไทยเป็นอเนกอนันต์ ทรงประกาศเลิกทาส นำอิสรภาพมาสู่อาราประชาราษฎร์ ทรงวางรากฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทรงนำประเทศชาติให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง จากกรณียกิจที่ทรงประกอบให้เป็นประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์อย่างใหญ่หลวงนี้ ทำให้พระเกียรติยศขจรขยายไปทั่วทุกทิศานุทิศ เป็นที่กล่าวขวัญยกย่องในนานาอารายะประเทศตลอดมา ประเทศไทยในรัชสมัยแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน มีความรักความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความสงบร่มเย็น และมีความสุขทุกถ้วนหน้า เพื่อสืบสานความรักความสามัคคีของคนในชาติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ปวง ข้าพระพุทธเจ้า จึงได้ทำการปฏิรูปการปกครอง โดยมิได้มีเจตนาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารแผ่นดินพร้อมที่จะคืนอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขพล.อ.สนธิกล่าว พล.อ.สนธิกล่าวว่า บัดนี้ความสงบสุขและความรักความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ได้ปรากฏชัดเจนขึ้นปวงข้าพระพุทธเจ้าจึงได้จัดพิธีถวายราชสักการะและพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้น หากจะพึงมีข้อระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ปวงข้าพระพุทธเจ้า กราบขอพระราชทานอภัย ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในการปฏิบัติครั้งนี้ ขออำนาจพระบารมีพระราชทานพรให้ประเทศชาติและประชาชนบนผืนแผ่นดินไทยทุกหมู่เหล่า จงมีความสงบร่มเย็น มีความรักความสามัคคีปรองดอง และมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป สำหรับบรรยากาศทั่วไปในกองบัญชาการกองทัพบก ได้มีเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติงานกับ คปค.ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายทหารระดับสูง นำแจกันดอกไม้เข้าอวยพร พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 60 ปี โดย พล.อ.สนธิ ได้กล่าวขอบคุณที่ร่วมกันปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการเข้าอวยพรครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวแต่อย่างใด หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 02-10-2006, 22:59 ปัญหาที่ อ.นิธิกลัวว่า ทหารจะมาปฏิวัติอีก ที่จริงมันมีอยู่นิดเดียว
นั่นคือการตรวจสอบในระบบ ทำงานได้มั๊ย สามารถเอาคนที่สังคมสงสัยมาตรวจสอบได้มั๊ย หากระบบตรงนั้นมันทำงานได้ แบบประเทศอื่น ๆ เค้าอย่างเกาหลีเป็นต้น สามารถเอาตัวผู้นำเข้าคุก จำคุกได้มั๊ยล่ะ เราจะไล่ผู้นำที่หน้าด้านได้ยังไง อาจารย์มีความรู้มาก ๆ น่าจะมาช่วยคิดตรงนี้ ดีกว่าจะมาห่วงการห้ามชุมนุมเกิน 5 คน จะว่าไปการจัดการกับปัญหาการต่อต้าน ไม่ว่าระบบทหาร หรือระบบตำรวจ เอาเข้าจริง "รัฐตำรวจ" โหด***มกว่าเยอะ เผด็จการพลเรือน มอง ๆไปอำนาจมืด มันมากกว่าเผด็จการทหารด้วยซ้ำไป ที่สำคัญความจริงอันปฏิเสธไม่ได้ คือ ทหารจะไม่มีวันปฏิวัติสำเร็จ หรืออยู่ในอำนาจได้ หากประชาชนไม่ยินยอมหรือสนับสนุน หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 03-10-2006, 03:31 การบริหารงานต่างๆ ต้องมีตัว m ที่ย่อมาจาก money อยู่ด้วยเสมอ ไม่ทราบว่าคุณ แถ ทำงานเป็นอะไรครับ มีลูกน้องที่ต้องคอยดูแลหรือเปล่า ที่คุณว่ามาแสดงว่าคุณไม่เคยบริหารงานในองค์กรที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเยอะๆ นะครับ เลยไม่ค่อยได้ใช้สองสิ่งนี้ในการบริหารงาน อย่ามาโชว์โง่แถวนี้ จริยธรรม คุณธรรม มันบริหารงานไม่ได้หรอก เอาไปซื้อน้ำมันใส่รถถังยังไม่ได้เลยครับ จริยธรรมกับคุณธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้บริหารเลย ถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้องค์กรคุณไปไม่รอดหรอกครับ ลูกน้องคุณจะหวาดระแวงกัน มีการกลั่นแกล้งกัน คนตั้งใจทำงานจะอยู่ไม่ได้ มีแต่พวกประจบสอพลอ สุดท้ายองค์กรก็ล่มสลาย ตัวอย่างก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เยอะแยะไป จริยธรรมกับคุณธรรม มันจะเอาไปเทียบเป็นเงินไม่ได้หรอกครับ แต่มันเปรียบเสมือนบัตรเครดิตทางสังคม ซึ่งถ้าใครมีสิ่งนี้ก็จะได้เปรียบคนอื่น เวลาจะทำอะไรจะติดต่อกับใคร เค้าก็ยินดีร่วมงานด้วย เวลาทำสัญญงสัญญากับใครก็ง่ายกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ คุณชอบแถมี"นาย"ที่ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม จึงต้องใช้เงินทองฟาดหัวลูกน้อง บริวารเพื่อให้บริวารที่เห็นแก่เงิน แก่ลาภยศรับใช้ได้...... :!: สอนให้นะครับ ถ้าโดนเจ้านายให้ออกเพราะหมั่นไส้ในความมีจริยธรรมสูงส่งเกินไป สิ่งแรกที่ทำคือ คิดเรื่องแบล็ค เมล์ทุกชนิดที่คิดออก ต่อรองขอเงินเพิ่มทุกอย่างเท่าที่ทำได้ นับปีทำงานให้ถูกนะครับ ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 120 วันแต่ไมครบ 1 ปมีสิทธิไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 1 ป แต่ไมครบ 3 ป มีสิทธิไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 3 ปแต่ไมครบ 6 ป มีสิทธิไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 6 ป แต่ไมครบ 10 ป มีสิทธิ์ไดรับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน ลูกจ้างทํางานติดต่อกันครบ 10 ปขึ้นไป มีสิทธิ์ไดรับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน อย่าลืมขอค่าตกใจไม่บอกล่วงหน้า 1 เดือน และ ค่าไม่ได้พักร้อนคิดเป็นวัน เบอร์โทรเขตต้องจดให้ดีนะครับ คงไม่ต้องบอกนะติดต่อฝ่ายไหน รู้แล้วใช่มั้ยล่า ไม่เข้าใจถามได้นะครับไม่คิดค่าคอนซัลท์ มั่วจริงๆ แยกไม่ออกอะไรคือหน้าที่ อะไรคือจริยธรรมคุณธรรม สงสัยจะไม่รู้จักจริงๆ พูดกันเรื่องหลักการของผู้นำอยู่ไม่ใช่หรอ มาเกี่ยวอะไรกับลูกน้อง ไปโดดนำช่วยคน บริษัทคนนี่มีผุ้นำเป็นโจรหรือไง ถึงได้เกลียดคนมีจริยธรรมคุณธรรม ถ้านายคนนั้นมันกล้าไล่จริงๆก็นับว่ามันโง่มาก หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: room5 ที่ 03-10-2006, 04:03 เบื่อพวกซ้ายตกขอบ ติดอยู่แต่ในความฝันตัวเอง
ในโลกใบนี้มีประเทศใหนซ้ายร้อยเปอร์เซ็นต์มั่ง หัวข้อ: Re: สถานะตรงกลางที่สูญไป โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 03-10-2006, 06:42 การอ้างเหตุผลของคณะปฏิรูป เค้าอ้างแบบนี้ครับ...คงไม่เหมือนกับ "ข้ออ้าง" ที่อ.นิธิ นำมากล่าว
................................................................................................................ สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ให้ไว้ ณ วันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2549 เป็นปีที่ 61 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งได้ กระทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 ได้นำความกราบบังคมทูลว่า เหตุที่ทำการยึดอำนาจและประกาศให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยเสียนั้น ก็โดยปรารถนาจะแก้ไขความเสื่อมศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ความไร้ประสิทธิภาพในการควบคุม การบริหารราชการแผ่นดินและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ทำให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยไม่อาจหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ อันเป็นวิกฤตการร้ายแรงทางการเมืองการปกครอง และปัญหาความขัดแย้งในมวลหมู่ประชาชน ที่ถูกปลุกปั่นให้แบ่งแยก เป็นฝักเป็นฝ่ายจนเสื่อมสลายความรู้รักสามัคคีของชนในชาติอันเป็น วิกฤตการณ์ความรุนแรงทางสังคม แม้หลายภาคส่วนจะได้ใช้ความพยายามในการแก้ไขวิกฤตการณ์ดังกล่าวแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล กลับมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจนถึงขั้นใช้กำลังเข้าปะทะกันซึ่งอาจมีการสูญเสียแก่ชีวิตและเลือดเนื้อได้ นับว่าเป็นภยันตรายใหญ่หลวงต่อระบบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของประเทศ จำเป็นต้องกำหนดกลไกทางปกครองที่เหมาะสมแก่สถานการณ์เพื่อใช้ไปพลางก่อน โดยคำนึงถึงหลัก นิติธรรมตามประเพณีการปกครองของประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การฟื้นฟูความรักความสามัคคี ระบบเศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การเสริมสร้างระบบการตรวจสอบทุจริตที่เข้มแข็งและ ระบบจริยธรรมที่ดีงาม การส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพของประชาชน การปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ พันธกรณีตามสนธิสัญญาหรือความ ตกลงระหว่างประเทศ การส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ การดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขณะเดียวกันก็เร่งดำเนินการให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางจาก ประชาชนในทุกขั้นตอน เพื่อให้การเป็นไปตามที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้นำความกราบบังคมทูล จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ใช้บทบัญญัติต่อไปนี้ เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) จนกว่าจะได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่จะได้จัดทำร่างขึ้น และนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย |