หัวข้อ: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: กบมาแล้วเพริศแพร้วพรรณราย ที่ 24-09-2006, 17:08 วันนี้ฟังรายการ 96.5 แกก็ออกมาโวยวายเรื่องฉีกรัฐธรรมนูญอีกแล้ว กบเองก็รู้อะไรไม่มาก รู้แต่ว่ารัฐธรรมนูญเก่าเค้าบัญญัติไว้ว่าห้ามยกเลิก ดังนั้นถ้าคณะปฏิรูปอยากจะแก้ต้องฉีกทิ้งและเอามาใช้บางมาตราแบบนี้ก็ถูกแล้วนี่คะ แต่อาจารย์อนุสรน์แกสุดโต่งเกินไป บอกว่าไม่เอาทักษิณก็ให้ออกมาเลือกตั้งแล้วไม่ต้องเลือก เป้นไปตาม ปชต ปวดเศียรกะจานแกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 24-09-2006, 17:17 ไม่ได้ต่างจาก ฉลาด แม้แต่น้อย
ทำใจไม่ได้ แล้วพยายามปลุกปั่น แกไม่ควรจัดรายการช่วงนี้เลย :slime_hmm: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 24-09-2006, 17:24 ไม่ได้ต่างจาก ฉลาด แม้แต่น้อย ทำใจไม่ได้ แล้วพยายามปลุกปั่น แกไม่ควรจัดรายการช่วงนี้เลย :slime_hmm: อีตา ฉลาดนี่ มันก็ไม่ตายสักทีเนอะ มันน่าจะผูกคอตายไปตั้งแต่ศาลตัดสินว่าวันที่สองการเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว :slime_worship: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: tom ที่ 24-09-2006, 17:29 ปล่อยเอาไว้แล้วบ้านเมือง ไม่เหลืออะไรเลย เห็นๆอยู่ว่า เขาใช้เงินซื้อได้ทั้งประเทศแล้ว
อาจารย์รับผิดชอบ ได้หรือเปล่า ตอบได้หรือเปล่าว่า ทำไม กระบวนการตรวจสอบมันถึงพิกลพิการ ตอบได้หรือเปล่า ว่า เมื่อไหร่ กระบวนการตรวจสอบ มันถึงจะกลับมาทำงานได้ ตอบได้หรือเปล่า ว่า ถ้าเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ แล้วเขาจะปฎิรูปกฎหมายที่ทำให้เขาเสียประโยชน์ ตอบได้หรือเปล่า ว่า พวกสภาผัวเมีย มันจะดำเนินการตรวจสอบถ่วงดุล กับฝ่ายบริหาร ในเมื่อพวกมันนอนเตียงเดียวกันทุกคืน ถ้าอึดอัดใจ ไม่ชอบรัฐประหาร และเห็นว่ารัฐประหารครั้งนี้ ไม่ดี และไม่มีความอดทนรอ ก็ย้ายไปสอนที่อังกฤษเถอะ อาจารย์ พวกอาจารย์ชอบแบบนั้นที่เขาสอนอาจารย์มานี่ อยู่ไปก็เป็นทุกข์แล้วจะอยู่ทำไม ที่เมืองไทยน่ะ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 24-09-2006, 17:32 อย่าไปให้ราคาไอ้กระหม่อมบางตัวนี้เลยครับ
ผมเห็นมันกินขนหน้าแข้งไอ้เหลี่ยมเป็นอาหารมาหลายปีแล้ว :lol: :mrgreen: :lol: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: กบมาแล้วเพริศแพร้วพรรณราย ที่ 24-09-2006, 17:34 ตอนที่เขาผู้นี้ดิ้นรนต่อสู้เผด็จการทหารในอดีต... จขกท. ปฏิสนธิแล้วหรือยัง ? เค้าเคียงบ่าเคียงไหล่มากับพวกคุณภูมิธรรม คุณสุธรรมหรือเปล่าคะ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 24-09-2006, 17:44 ข้ามๆไปเถอะ ความเห็นแกมีน้ำหนักเสียที่ไหน ไม่งั้นที่แกไปยืนแจกใบปลิวแล้วก็ร้องไห้ให้นายรักประเทศไทยนะ คงมีประชาชนร่วมมือกับแกเป็นแสนไปแล้วซิ
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเก$ เริ่มหัวข้อโดย: คนจร(หมอนหมิ่น) ที่ 24-09-2006, 17:45 ตอนที่เขาผู้นี้ดิ้นรนต่อสู้เผด็จการทหารในอดีต... จขกท. ปฏิสนธิแล้วหรือยัง ? เค้าเคียงบ่าเคียงไหล่มากับพวกคุณภูมิธรรม คุณสุธรรมหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ ขอประทานโทษนะครับ.. สันดานเดียวกัน ถ้ายังแยกแยะสถานการณ์ไม่ออกก็ลองไปเดินแถวลานพระบรมรูปฯถามเด็กที่มาเที่ยวแถวนั้นดูก็ได้ว่าบ้านเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้นอยู่ ณ เวลานี้ ผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่สนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตั้งแต่แรก มาถึงวันนี้ก็ต้องทำใจ ตถตา เข้าใจไหมครับเห็นลูกพี่ท่านคิลเลอะพูดอยู่บ่อยๆไม่ใช่หรือ.. หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 24-09-2006, 17:50 อนุสรณ์ ธรรมใจ เริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่เรียน ม.4 ที่เตรียมอุดมศึกษา เข้าร่วมกับพี่ๆ นิสิตจุฬาฯ คัดค้านการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายทหารในปี 2526 เมื่อเข้าเรียนรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ก็ทำงานกับ อบจ.ตั้งแต่ปี 2 จนได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.และรองเลขา สนนท. ในยุคที่มีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง กระนั้นก็ยังเรียนจบได้เกียรตินิยม
"ผมเริ่มทำกิจกรรมหนักๆ ประมาณปี 2526 ก่อนนั้นก็เป็นกิจกรรมอาสาสมัคร ไปออกค่ายอาสาพัฒนาตั้งแต่เรียนอัสสัมชัญศรีราชา มาอยู่เตรียมอุดมก็เป็นประธานชมรมบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมทางการเมืองก็ร่วมเคลื่อนไหวกับรุ่นพี่นิสิตจุฬาฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเผด็จการ ตอนนั้นมีการเคลื่อนไหวของทหารที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้ถอยหลัง เช่น ให้ข้าราชการประจำดำรงตำแหน่งการเมืองได้ จริงๆ แล้วผมเป็นคนสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนปริญญาตรีตั้งใจมาเรียนรัฐศาสตร์เพราะสนใจด้านนี้ และก็ไปอ่านหนังสือนายอำเภอปฏิวัติ อยากจะเป็นนักปกครองที่ช่วยเหลือประชาชน แต่พอเรียนไปเรียนมา ไปฝึกปลัด ก็ไม่ชอบระบบราชการ มันก็เปลี่ยน" "จริงๆ ผมไปเริ่มต้นชีวิตเป็นสื่อมวลชนก่อน ก่อนที่จะเข้ามาสู่โลกธุรกิจ มันเป็นฟ้าลิขิตนะ เราไม่สามารกำหนดทางของเราได้ตลอด อาจจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้เราต้องตัดสินใจ ผมเริ่มต้นโดยการเป็นนักหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ" ตอนนั้นเขาไปเป็นนักข่าวผู้จัดการปริทรรศน์ "ตั้งแต่ยังเป็นตึกแถวเล็กๆ ที่ตรอกโรงไหม สนิทกับพี่รุ่งมณี (เมฆโสภณ) พี่คำนูณ ตอนนั้นคนที่ไทยรัฐก็ชวน พอดีพี่รุ่งเขาชวนก่อน ก็มาทำผู้จัดการพักหนึ่ง เราคิดว่าอาชีพสื่อมวลชนไม่อาจจะเรียนต่อได้ เพราะเวลาไม่แน่นอน พอดีพี่ที่จุฬาฯ บอกคุณธนินทร์ (เจียรวนนท์) ต้องการคนทำงานอยู่หน้าห้อง ผมก็ลองไปสัมภาษณ์ ไม่คิดว่าจะได้ มันบังเอิญได้ ก็ไปเป็น management trainee ก็ได้เรียนรู้การทำงานภาคธุรกิจ ค่าตอบแทนก็ทำให้ผมได้ช่วยเหลือน้องๆ ได้ ผมในฐานะพี่คนโต พ่อผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก ก็อยากจะทำอะไรให้กับที่บ้านบ้าง" แต่อยู่ได้ไม่นานก็ออก "ผมโดนตั้งคำถามเยอะนะว่าทำไมไปอยู่ภาคธุรกิจ แต่เราก็รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ และผมก็ไม่เคยทำอะไรที่มันเสียหายเลย ที่จะเสียหายต่อจุดยืนต่ออุดมการณ์ที่เคยศรัทธา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรที่ไม่ถูกต้อง คนในภาคธุรกิจเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องคิดมากทั้งๆ ที่มาอยู่ใน position ที่ดีมากเลย ตอนนั้นก็ลาออก กลับไปทำสยามรัฐ มีผู้ใหญ่หลายคนก็บอกทำไมไม่ฉลาดเลย อยู่ในจุดที่น่าจะเติบโตมากๆ แต่เราคิดว่าเรารักงานที่มีบทบาทต่อส่วนรวมมากกว่า ตอนนั้นในแง่รายได้ก็พอไปได้เพราะเตรียมตัวเรียนต่อด้วย" กลับมาทำหนังสือพิมพ์อีกทีที่สยามรัฐ เป็นนักข่าว กทม. ซึ่งทำให้รู้จักกันดีกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง "ผมตั้งใจอยากไปเป็นผู้สื่อข่าว กทม. ท่านจำลองเป็นผู้ว่าฯ อยู่ ผมมีความศรัทธาท่านอยู่เป็นทุนเดิม และทำงานที่ กทม.ก็ได้เรียนเสริมหลักสูตรที่ราชดำเนิน เตรียมสอบโทเฟล ทุกอย่างก็ลงตัว" ช่วงก่อนไปนอกนั้นเองที่ รสช.ยึดอำนาจ "ผมรู้สึกไม่ดีที่ประเทศไทยเป็นอย่างนี้ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็พยายาม organize เพื่อนฝูงว่าจะทำอะไรได้บ้าง มีรุ่นพี่ที่มูลนิธิอารมณ์พงพงัน คุณบัณฑิตถูกจับที่ สน.จักวรรดิ ก็ไปเยี่ยมกัน และก็มีเพื่อนที่รามคำแหงไปแจกใบปลิวก็ถูกจับไป เราก็ช่วยเพื่อนเท่าที่ทำได้" "ตอนนั้นก็เตรียมตัวไปเรียนต่อแต่ผมมีความมุ่งมั่นจะให้ประชาธิปไตยกลับคืนมาให้ได้ ผมไปถึงอเมริกาปุ๊บก็เริ่มคลื่อนไหวเลย ติดต่อสมาคมคนไทย นักเรียนไทย organize จังหวะแรกเราก็ยื่นหนังสือคัดค้านบิ๊กจ๊อดในการร่างรัฐธรรมนูญเผด็จการ เพราะเราเห็นว่ามันสะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจ ตั้งแต่วันนั้นผมก็สังหรณ์ใจแล้วว่าเมืองไทยจะมีเรื่อง และมันก็มีจริงๆ" เรียนอเมริกาตั้งแต่ปี 2535 ถึง 2539 ได้ปริญญาโทบริหารธุรกิจ ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ แล้วก็ปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การเงิน และการพัฒนา โดยกลับเมืองไทยมาทำงานก่อนแล้วกลับไปทำวิทยานิพนธ์ทีหลังจนจบเมื่อปี 2543 "ผมกลับมาเมืองไทยเพราะบ้านเราไม่ใช่คนร่ำรวย จะได้ไปนั่งเขียนวิทยานิพนธ์อยู่ที่นั่น และไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ก็สมัครงานหลายที่ แต่เราก็ต้องรู้ตัวว่าตอนนั้นยังต้องการค่าใช้จ่ายอีกมากที่จะกลับไป defend วิทยานิพนธ์ สอบ comprehensive เราก็เลือกหลายที่ มีแบงก์ชาติ สมัครเป็นอาจารย์ ที่สุดก็จบที่ซิตี้แบงก์ เพราะน่าจะเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับเรา" "มันเป็นงานวิจัย และ MIS-management information system แต่งานวิจัยบางส่วนก็วิจัยเศรษฐกิจและตลาดหุ้นด้วย ยังเป็นงานวิชาการ แต่มันเป็นงานวิชาการในภาคธุรกิจ ซึ่งจะต่างจากงานวิชาการในมหาวิทยาลัย" กลับมาคราวนี้เพื่อนฝูงว่าอย่างไร "ไม่ เพราะบางคนเป็นนักธุรกิจมากกว่าเราอีก ผมว่าอาชีพไหนมันก็เป็นประโยชน์ต่อสังคม เราอย่าไปคิดว่านักธุรกิจไม่ดีหรือนักการเมืองไม่ดี มันอยู่ที่ตัวเรา มีจุดมุ่งหมายในชีวิตยังไง" แต่ยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ในตอนแรก "แน่นอน เพราะมันเป็นคนละโลก โลกหนึ่งมันเป็นโลกที่เราไปเคลื่อนไหวทางการเมือง คนทุกข์คนยาก กรรมกร เกษตรกร ต่อต้านเขื่อนน้ำโจน รณรงค์นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง ฯลฯ แต่พอเรามาอยู่โลกธุรกิจก็ต้องมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้กิจการได้กำไร แต่ความเป็นธุรกิจเราก็ต้องใส่ความรับผิดชอบทางสังคมเข้าไปด้วย" "นักกิจกรรมส่วนมากจะไปทำงานเอ็นจีโอ สื่อมวลชน หรือไม่ก็นักวิชาการ ของผมนี่ผสม เพราะมีทั้งความเป็นภาคธุรกิจ เป็นกรรมการของเอ็นจีโอหลายแห่ง และก็ทำงานวิชาการสอนหนังสือด้วย" บอกด้วยว่าถึงจะเป็นผู้นำนักศึกษารุ่นหลัง แต่เขาก็สนิทสนมกับรุ่นพี่คนเดือนตุลาค่อนข้างมาก เพราะเวลาทำกิจกรรมที่จุฬาฯ หรือ สนนท.ก็เชิญรุ่นพี่มาบรรยาย จึงถือว่าสนิทกันมายาวนาน ไม่ว่าคนที่อยู่ในภาคธุรกิจเช่นกันอย่างประสาน มฤคพิทักษ์ ในสายเอ็นจีโออย่างพิภพ รสนา ในฝ่ายรัฐบาล เช่น ภูมิธรรม เกรียงกมล ในฝ่ายค้านอย่างอาจารย์เอนก หรือนักหนังสือพิมพ์เช่นคำนูณอย่างที่เล่า "รู้จักกันหมด คุณสนธิก็เจ้านายเก่า พี่สำราญก็รู้จัก พี่ตุลย์ก็สนิทกันคุยกันเรื่องคอรัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิ" แล้วตอนนี้คนเหล่านี้อยู่คนละฝ่าย รู้สึกอย่างไร "ผมก็เข้าใจ เข้าใจความเป็นมนุษย์ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เกิดสงครามโลก 2 ครั้ง (หัวเราะ)" บอกว่ายังคุยได้กับทั้ง 2 ฝ่าย "ผมเปิดกว้าง ก็ฟังหมด เชื่อไม่เชื่ออีกเรื่อง แต่เราก็ไม่เอาไปพูดต่อให้คนทะเลาะกันนะ เราพูดเพื่อแก้ปัญหา ประสาน" แล้วประสานได้ไหม "ไม่ได้ คนที่ประสานได้ต้องมีบารมี ผมไม่มี ผมเป็นรุ่นน้อง ถ้ามีบารมี มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่มากในอดีตก็อีกเรื่องหนึ่ง" "ผมจึงสรุปว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้ของพลังอนุรักษ์กับพลังก้าวหน้า แต่มันพลังอะไรไม่รู้ที่รบกันอยู่". หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเก$ เริ่มหัวข้อโดย: คนจร(หมอนหมิ่น) ที่ 24-09-2006, 17:59 "ผมก็เข้าใจ เข้าใจความเป็นมนุษย์ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เกิดสงครามโลก 2 ครั้ง (หัวเราะ)"
บอกว่ายังคุยได้กับทั้ง 2 ฝ่าย "ผมเปิดกว้าง ก็ฟังหมด เชื่อไม่เชื่ออีกเรื่อง แต่เราก็ไม่เอาไปพูดต่อให้คนทะเลาะกันนะ เราพูดเพื่อแก้ปัญหา ประสาน" เท่าที่ดู จากคำพูดคำจาก็น่าจะเข้าใจในสถานการณ์โดยรวมของประเทศ ณ ตอนนี้ดีนี่ แล้วจะมาอะไรนักหนาให้ประเทศเกิดความวุ่นวาย เอาไว้ให้ คปค. ถอยออกไปก่อน แล้วเริ่มกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหญ่ค่อยออกมาเคลื่อนไหวมันก็ยังไม่สาย... หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 24-09-2006, 18:02 โอ ..มายก๊อด KILLER เฝ้าติดดาม และเป็นแฟนพันธุ์แท้นายอนุสรน์ขนาดนี้เลยหรือ ว้า..สงสัยน้องๆ อดิศักดิ์ ศรีสม
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 24-09-2006, 18:36 อย่างไรก็ต้องให้เครดิตกับคุณ Killer "บ้าง" ที่อุตส่าห์หาข้อมูลมาเพิ่มเติมเป็นวิทยาทาน
ขอบคุณ ที่ไม่ได้้แปลว่า ยอมรับแนวทาง ( ที่จะว่าไปในกระทู้นี้คุณ Killer ก็ยังไม่ได้แสดงแนวทาง ) ไปเสียทั้งหมด คุณอนุสรณ์ ์เป็นนักทฤษฎีนิยม...ซึ่งก็ "ถูก" ( ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง ) เป็นนักวิเคราะหทางเศรษฐศาสตร์ - การเงิน - การธนาคารที่ "จับช่องทางหาเงิิน" ได้...ซึ่งก็ "ดีแล้ว" ( ไม่ได้โกง - ทุจริตผิด กม. ) เป็นนักศึกษาทางประวัตศาสตร์ิ ( Biography ) ที่ลึกซึ้ง...ซึ่งก็ "น่ารับฟัง" ( เก็บเกี่ยวความรู้ ) ดังนั้น เมื่อ "ทฤษฎี + สถานการณ์ + ความเป็นมา" ใด ถูกนำมาขยำแล้วปลดปล่อยออกมาทางปาก ( หรือปากกา ) ของบุคคลท่านนี้ จึงเป็นเรื่องที่ "ไม่น่ามองข้าม" แต่ ...การตัดสินใจใด ๆ ยังเป็นของเรา เมื่อหมอคนนึงพยายามอธิบายว่าคนไข้ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ที่รักยิ่งของคุณท่านหนึ่ง "ไม่จะเป็นต้องผ่าตัดครับ เน้นให้ทานผัก - วิตามินมาก ๆ แล้วพาท่าไปพักผ่อนหย่อนใจ อย่าให้ท่านเครียด..." ...ข้อมูลเหล่านั้น "เต็มไปด้วยความหวังดี และถูกต้องทั้งหมด" ล่ะครับ แต่ ...คุณก็เลือกที่จะให้หมอท่านอื่นผ่าตัด !! เพราะ ในสายตาของคุณ ...ญาติผู้ใหญ่อันเป็นที่รักยิ่ง กำลังหายใจติดขัด - ร่างกายเริ่มไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม และดูเหมือนกำลังจะสิ้นใจ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 24-09-2006, 18:43 เรียนอเมริกาตั้งแต่ปี 2535 ถึง 2539 ได้ปริญญาโทบริหารธุรกิจ ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ แล้วก็ปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การเงิน และการพัฒนา โดยกลับเมืองไทยมาทำงานก่อนแล้วกลับไปทำวิทยานิพนธ์ทีหลังจนจบเมื่อปี 2543
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- กล้าพูดว่าต่อสู้กับเผด็จการเชียวเหรอ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 24-09-2006, 19:15 อย่างน้อย 'จารย์ก็ดังสมใจ
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 24-09-2006, 20:32 สงสัย...
เรียนจบมาได้ไง... เรื่องแค่นี้ก็ยังคิดไม่ได้.. น่าทำมะจัยจริงๆ..... :slime_worship: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 24-09-2006, 23:15 ท่านเป็นส่วนผสม..นักธุรกิจ...นักวิชาการ...และเอ็นจีโอ พูดเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับตัวแกเอง....เพื่อความอยู่รอดด้วยครับ เรียนมากไปหน่อย....เลยต้องเอียงไปทางวิเคราะห์.....ด้านการเงิน เลยกลายเป็นเรื่องของการเสนอแนะที่ผิดกาละ..และเทศะ ไปหน่อยครับ....... :mozilla_wink: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 24-09-2006, 23:37 สถานการณ์นี้ไกล้เคียงกับ ตอนที่มีการยิงโจรใต้ ที่พวก NGO นักสิทธิมนุษยชนออกมาโวยทหารว่าทำเกินกว่าเหตุ จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่พอใจ ออกมาด่า ว่าพวกนี้เป็นพวกเดียวกับโจรใต้ แทนที่จะเห็นใจคนในพื้นที่ที่เสี่ยงตาย กลับไปเห็นใจโจรซะนี่ สมควรโดนด่าจริงๆ :slime_fighto:
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 24-09-2006, 23:41 อย่าน้อยก็น่าจะรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กับคณะรัฐบาลพระราชทานก่อนนะครับ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ผ่าทางตันมาได้แล้ว อย่าพยายามถ่วงกันเลย
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้าตาดำๆ ที่ 25-09-2006, 00:07 มีอาจารย์หลายๆๆๆท่านเลยครับที่ออกมาพูดแบบอ.อนุสรน์ คืออ.พวกนี้เขาเป็นพวกสุดโต่งซึ่งคำพูดของอ.พวกนี้ก็น่ารับฟังนะครับ
ติดแต่ที่ส่วนใหญอ.พวกนี้จะไม่มองดูองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมของเหตุการณ์นั้นๆว่ามันไม่เป็นอย่างเดียวกับสภาพการณ์ในอุดมคติของพวกท่านน่ะครับ คำพูดของอ.เหล่านี้ต้องเอามาพิจารณาร่วมกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่จริงด้วยถึงจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเรานะครับ :slime_agreed: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: teera999 ที่ 25-09-2006, 00:15 อยู่ภาคธุรกิจคงไม่เกิดหรอกครับ หน่อมแน้มอย่างนี้ เจ๊งลูกเดียว
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 25-09-2006, 09:56 อนุสรณ์มันไม่สนใจอะไรหรอก วันทั้งวันสนใจตัวเลขตลาดหุ้นอย่างเดียว ครั้งที่แล้ว EGAT ไม่ได้เข้าตลาด เงินหายวับไปกับตา โครงการซื้อบ้านใหม่เป้นอันต้องพับไป เลยต้องออกมาโวยวายร้องไห้ออกทีวีให้คนดู
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 25-09-2006, 11:09 อย่าน้อยก็น่าจะรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กับคณะรัฐบาลพระราชทานก่อนนะครับ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ผ่าทางตันมาได้แล้ว อย่าพยายามถ่วงกันเลย เหมือนกับพยายามยกสถาบันมาอ้างอิงนะ ผิดกฎ webboard อะไรหรือเปล่ารัฐบาลใหม่ถูกคัดจากคณะ CDRM ไม่ใช่เหรอ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 25-09-2006, 11:50 ฟังแกในรายการของ พัชระ สารพิมพาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แกบอกว่า จะไม่พูดเรื่องการเมืองจนถึงสิ้นปีนี้นี่
ทำไมมาพูดอีกแล้วล่ะ สงสัยอึดอัดมาก :slime_doubt: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: Abraxas ที่ 25-09-2006, 12:37 เขาบอกว่าเสียใจที่เกิดมาเป็นคนไทย
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 25-09-2006, 20:41 วันนี้เรียกร้องให้ตรวจสอบทักษิณอย่างเป็นธรรมอยู่หลายรอบมาก
ส่วนคราวอื่นๆไม่เคยมีการเรียกร้องความเป็นธรรมใดๆจากปากคนนี้เลย :slime_hmm: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: soco ที่ 25-09-2006, 20:47 เขาบอกว่าเสียใจที่เกิดมาเป็นคนไทย คำนี้มันไม่น่าเกิดเป็นคนไทย ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ผมก็คงบอกว่า เอ็งอยากเกิดในท้องของคนชาติไหน แล้วเอ็งไม่เสียใจ :slime_mad: ตอนเหลี่ยมมีอำนาจ เอ็งก็มีตำแหน่งที่มันหยิบยื่นให้มิใช่รือ ตอนเจ๊ยุ ดักคอที่ไทยทามส์ ทำเป็นแหลว่า เป็นตัวของตัวเอง กรำ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 25-09-2006, 20:55 น่าจะใช่คนเดียวกับที่น้ำตาไหลพรากสะอึกสะอื้น ตอนกลุ่มพันธมิตรเคลื่อนไหว มีบรรยากาศคุกรุ่น เกรงว่าจะเกิดการปะทะกันกับม็อบที่จ้างมาชน
ยังงี้ก็รักชาติจนน้ำตา(จระเข้) หยดหยาดอีกแล้วสิคะ :x เฮ้อ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 25-09-2006, 21:04 นอกจากหัวล้านแล้วยังหน้าด้านอีกตะหาก
เกิดชาติหน้าขอให้หน้าเหมือนไอ้เหลี่ยม :mrgreen: :lol: หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 25-09-2006, 21:08 เขาบอกว่าเสียใจที่เกิดมาเป็นคนไทย เรียกว่าควบคุมสติอารมณ์ตัวเองไม่อยู่หลุดจิตใต้สำนึกของตัวเองออกมา เลยรู้หมดเลยว่ารักเหลี่ยมโคตะระ ไม่รู้จะคอยมั่วนิ่มหาเรื่องอีกรึเปล่าเหมือนกันรายการแกมีหลายช่วง หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: decison_making ที่ 25-09-2006, 22:20 เฮ้ย นี่ยังมีคนไม่เห็นลิ้นไก่ หมอนี่กันอีกเหรอเนี่ย
อย่าไปให้ความสำคัญกับ คนคนนี้เลย เพราะท่าทีของคนนี้ ก็แค่สร้างภาพว่าเป็นกลาง และทำเหมือนว่้ารักรัฐธรรมนูญ แต่อ้าปากกว้างไปหน่อย เลยเห็นลิ้นไก่ชัดเจนเลย ว่านี่มันลิ่วล้อชั้นสูง ที่ไม่ได้ ออกมาประมือกับฝ่ายตรงข้ามโดยตรง แต่แฝงมาในรูป ใส่จีวรบดบังกิเลส ให้คนมองว่าเป็นผู้ประเสริฐ ถ้ามีเทปรายการถึงลูกถึงคน ที่มาออกวันนั้น จะชัดเจน โดยไม่ต้องอธิบาย ของหมวกที่หมอนี่สวมอยู่ หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: ฉิกตี๋ ที่ 26-09-2006, 00:10 จาก สนนท.สู่ บจ.
28 พฤษภาคม 2549 กองบรรณาธิการ "ผมเชื่อมั่น-และขอย้ำว่า-การเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องอดทนและรอคอย" นั่นเป็นคำให้สัมภาษณ์ของอนุสรณ์ ธรรมใจ นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับนิตยสาร "สู่อนาคต" โดยคำนูณ สิทธิสมาน เมื่อปี 2531 ตอนที่เขายังอายุ 22 ปี "ผมยืนยันว่า ผมต้องเข้าไปทำงานการเมือง แต่จะในฐานะนักการเมืองซึ่งสังกัดพรรคการเมือง หรือในฐานะอื่นซึ่งมันมีอยู่มากมาย แต่จะเป็นอะไรนั้นผมขอใช้คำว่า...อนาคตไม่แน่นอน ผมอาจไปเป็นนักวิชาการที่นำเสนอสิ่งที่ดีๆ ต่อระบบการเมืองไทย หรืออาจไปเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่พยายามเสนอความคิดให้กับระบบการเมือง" 18 ปีผ่านไปถึงแม้ปัจจุบันเขาจะกลายเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด แต่อนุสรณ์ก็ไม่ได้ทิ้งบทบาททางสังคม เขาใช้ความเป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ นำเสนอหลักการธรรมาภิบาลและแนวคิดการพัฒนาประเทศ ผ่านทางคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์หรือรายการวิทยุหลากหลาย ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่ต่างจากการเป็นนักเคลื่อนไหว หรือเอ็นจีโอ เพราะการเมืองยุคปัจจุบันเป็นยุคที่กลุ่มทุนธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องครอบงำอย่างแยกไม่ออก อาจกล่าวได้ว่า ดร.อนุสรณ์เป็นบุคลากร "พิเศษ" เพราะมีน้อยคนนักที่ก้าวมาจากนักเคลื่อนไหวแล้วกลายไปเป็นผู้บริหารธุรกิจการเงินระดับสูงสุดของทุนนิยม จนเป็นคนที่มองเห็นทั้งสองฟากฝั่งของสังคมไทย ถามว่ารู้สึกแปลกดีไหมที่เขามาอยู่ในสถานะอย่างนี้ อนุสรณ์ตอบว่า "เราอยู่ในโลกทุนนิยม" "โดยพื้นฐานผมไม่ได้มีความคิดสุดขั้ว เพราะผมยังคบกับคนหลายลักษณะ ได้แลกเปลี่ยน มีทัศนะความเห็นอย่างที่เรียกว่าใช้สติปัญญาอย่างยิ่ง คือไม่ตามกระแสเลย แต่บางทีมันก็มีความหวั่นไหวบ้าง เพราะในช่วงที่เป็นผู้นำนักศึกษาเราก็จะมีการเคลื่อนไหวทางสังคมทางการเมือง แต่พอมาอยู่ภาคธุรกิจถูกตั้งคำถามมาก ทั้งคนในภาคธุรกิจเองว่า คนแบบคุณจะอยู่ในภาคธุรกิจได้หรือ ขณะที่ภาคกิจกรรมก็บอกว่าตกลงจะไปหารายได้แล้วใช่ไหม จะไปรวยแล้ว? มันก็ไม่ใช่ ผมว่ามองคนต้องมองยาวๆ แต่ละคนมันก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกัน อย่างผมเรียนปริญญาเอกด้วยทุนตัวเอง ฉะนั้นผมต้องมีค่าใช้จ่าย ที่บ้านเขาก็สนับสนุนได้ระดับหนึ่ง ไม่ใช่ร่ำรวยเหลือล้น" >>>>ต่อจากนั้นก็เป็นตามเนื้อหาของเจ๊คิลเลอร์ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=28/May/2549&news_id=125024&cat_id=220100 แต่ผมว่าหลักคิดและวิธีคิดของ ดร.อนุสรณ์ ตรงนี้น่าสนใจกว่า "ถ้าทักษิณชนะครั้งนี้ก็อยู่ยาว แต่ถ้าฝ่ายค้านและพันธมิตรฯ ชนะเราก็อาจจะได้รัฐบาลลุ่มๆ ดอนๆ เพราะไม่สามารถ handle ปัญหาได้ อันหนึ่งไม่มีเสถียรภาพ อันหนึ่งมีเสถียรภาพมากเกินไป มีอำนาจมากเกินไป ฉะนั้นไม่ดีทั้งคู่ ทางที่ดีคือเราต้องหาทางออกที่ 3 ให้ได้...ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าคืออะไร" http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=28/May/2549&news_id=125023&cat_id=220100 หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 26-09-2006, 08:56 อนุสรณ์มันไม่ได้มีอุดมคติหรือเห็นแก่ประเทศชาติอะไรหรอก ที่มันต้องการคือหาสินค้าชิ้นใหญ่เช่น EGAT มาเข้าตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นแหล่ะ ที่เหลืออ่ะนะ ใครจะมาใครจะไปมันไม่สนใจหรอก ที่ร้องไห้วันก่อนอ่ะนะ ไม่ใช่เจ็บปวดที่คนไทยออกมาทะเลาะกันหรอก มันเจ็บปวดที่ศาลปกครองสั่งห้ามเอา EGAT เข้าตลาดอ่ะ แค่นั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ตะหงิดๆอาจารย์อนุสรน์ ทำมะจัย เหลือเกิน เริ่มหัวข้อโดย: น้องแบ๊งค์เองครับ ที่ 26-09-2006, 12:25 :slime_mad:
โดยภาพรวมผมว่าแกยังใช้ได้นะครับ |