หัวข้อ: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 23-09-2006, 10:48 * หลังปฏิบัติการโค่นล้มระบอบทักษิณของ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน" ผบทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิรูปฯ ครั้งนี้ ยังมีภารกิจที่ต้องทำเพื่อชาติถึง 10 ข้อก่อนจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ * ตั้งแต่ไล่เช็คบิล แม้ว-เครือญาติชินวัตร และพวก เพื่อทวงทรัพย์สินที่ "คอร์รัปชั่น" คืนให้กับแผ่นดินไทย ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นอยู่ที่ไหนก็ตาม * พร้อมรื้อกฎหมายทุกฉบับที่เอื้อต่อการ "โกงชาติ" * จับตารัฐบาลชั่วคราว และนายกรัฐมนตรี ที่โดนใจประชาชน !..... นับตั้งแต่มีการรวมพลของกลุ่ม "ไม่เอาทักษิณ"เมื่อปลายปี 2548 เป็นต้นมาสถานการณ์การเมืองของไทยก็เริ่มเข้าสู่เค้าลางแห่งความมืดมน ยิ่งมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีความต่อเนื่องยาวนาน และมีการขยายตัวออกไปทั่วประเทศ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่งก้นร้อนไม่เว้นแต่ละวัน ขณะเดียวกันสังคมก็แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดปรากฏนี้มาก่อน บรรยากาศต่าง ๆ อึมครึมไม่รู้ว่า "ใครเป็นพวกใคร"และเหตุนี้เอง นำไปสู่ข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหารตลอดเวลา กระทั่งวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เหตุการณ์ยึดอำนาจจากรักษาการณ์รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก็เกิดขึ้นจริง ภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยเจตนารมณ์ในการเข้ายึดอำนาจการปกครองในครั้งนี้เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในสังคมไทย และยังส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง มีพฤติกรรมแทรกแซงอำนาจขององค์กรอิสระ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ หรือแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติให้ลุล่วงไปได้ ดังนั้น การยึดอำนาจครั้งนี้ จึงต้องมีขั้นตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบและมีกระบวนการอย่างชัดเจน เพื่อทำให้ประเทศชาติเข้าสู่ภาวะสงบและเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงรวมไปถึงการจัดการให้มีการเลือกตั้งใหม่ และมีรัฐบาลที่ถูกต้องโปร่งใส และชอบธรรมที่สุด "คณะปฏิรูปได้มีการหารือและเตรียมขั้นตอนต่าง ๆ รวมไปถึงเชิญผู้รู้เข้ามาดูแลเรื่องกฎหมายต่าง ๆที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว และที่สำคัญจะต้องมีการไล่ยึดทรัพย์กันเกิดขึ้นในกลุ่มที่ทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะเราเชื่อว่ามีการโกงกินกันเกิดขึ้นจริงๆ ตั้งแต่คุณทักษิณ เครือญาติ รัฐมนตรี และพวกพ้องชนิดที่รวยกันอย่างไม่รู้เรื่องต้องดำเนินการกันไปตามอำนาจ และกฎหมายที่มีอยู่หากต้องแก้ก็ต้องแก้" แหล่งข่าวจากกองทัพบก กล่าวกับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์" หัวข้อ: Re: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 23-09-2006, 10:49 ชี้ชัด ๆยกเลิกกม.ฉบับใดบ้าง
ขณะที่นักวิชาการได้ให้ความเห็นในเรื่องการยึดอำนาจครั้งนี้รวมไปถึงสิ่งที่คณะปฎิรูปฯต้องเร่งดำเนินการแก้ไขและกอบกู้วิกฤตความเชื่อมั่นครั้งนี้เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุด รวมไปถึงหากจะดำเนินการยึดทรัพย์จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า การที่คณะปฏิรูปฯ ยึดอำนาจนี้ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีการวางแผนเตรียมการต่างๆไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี และรอบคอบเพราะการทำการเช่นนี้จู่ๆจะทำเพราะเหตุการณ์พาไปนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ถือเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ คณะปฏิรูปจะต้องเร่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาแทนหรืออาจจะใช้แถลงการณ์ฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้เป็นกฎหมายแทน รธน.ฉบับเดิมเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเดินไปได้ก่อน ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องจาก รธน.ฉบับเดิมนั้นก็จะต้องประกาศให้ชัดเจนว่าจะยกเลิกกฎหมายฉบับใดหรือไม่ หรือจะประกาศให้กฎหมายทุกฉบับสามารถใช้ได้ตามเดิมแต่คณะปฏิรูปฯจะต้องมีแถลงการณ์ออกมาให้กระจ่างชัดเจนที่สุด งัดเอา กม.ปปง.ยึดทรัพย์ได้ทันที นอกจากนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนและชาวโลกให้เข้าใจว่าคณะปฏิรูปฯนั้นไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาบริหารประเทศเองอย่างเป็นรูปธรรม นั่นคือต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมาก่อนเพื่อประคับประคองกิจกรรมทางการเมืองให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ส่วนประเด็นที่คนในสังคมจำนวนมากสงสัยและต้องการทราบคำตอบมากที่สุดเห็นจะเป็นการติดตามตรวจสอบและยึดทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่และจะเป็นไปโดยวิธีใดนั้น ดร.เจษฏ์ อธิบายว่า การปฏิวัติรัฐประหารแล้วจะเข้าไปยึดทรัพย์ของคนอื่นเลยถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่หากจะใช้วิธีการ "อายัดทรัพย์สิน"เพื่อตรวจสอบโดยผ่านช่องทางของกฎหมายโดยนำเรื่องนี้ไปให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจะเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุด "ทุกอย่างต้องใช้ช่องทางกฎหมายจะถูกต้องที่สุดและยังเป็นที่ยอมรับของประชาชนและประชาคมโลกอีกด้วย" สำหรับกฎหมายที่จะใช้ประกอบในการ "ตรวจสอบทรัพย์"ว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่มีอยู่หลายฉบับโดยเฉพาะกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)สามารถนำเข้ามาใช้ได้ทันที ขณะเดียวกันคณะปฏิรูปฯจะต้องตั้งคณะกรรมการที่มาจากนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับของคนสังคมขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้โดยตรง และไม่ควรมุ่งเป้าไปที่อดีตนายกฯแต่เพียงผู้เดียว ควรจะมีการตรวจสอบไปถึงบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย ดร.เจษฏ์ ย้ำว่าสิ่งสำคัญสุดคือคณะปฏิรูปฯต้องออกประกาศมาก่อนว่า กฎหมายทุกฉบับทั้งที่เกี่ยวข้องกับ รธน.ฉบับเดิมและกฎหมายอื่นๆยังสามารถใช้ได้หรือไม่ จากนั้นก็สามารถรื้อระบบการบริหารราชการเดิมที่คิดว่ารัฐบาลชุดที่แล้วทำมาผิด หรือมีการทุจริต เช่น เข้าไปตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ที่เคยตั้งให้เข้าไปตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้ว ว่าได้ทำงานหรือไม่อย่างไร ถ้าเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าคณะปฏิรูปฯสามารถใช้อำนาจสั่งการให้มีการตรวจสอบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วได้ทันที อีกทั้งหากเห็นว่าที่ผ่านมามีการเอื้อประโยชน์ต่อการเสียภาษีของครอบครัวอดีตนายกฯก็สั่งการไปยังคณะทำงานของกระทรวงการคลัง กรมสรรพากรให้ดำเนินการได้ทันที ส่วนประเด็นที่เป็นปัญหาคาใจต่างๆของสังคมเราก็สามารถรื้อ ถอน หรือสั่งให้เข้าไปตรวจสอบการว่ามีการทุจริตหรือไม่อย่างไรได้โดยเร็วเช่นกัน "ความจริงต้องดูเป็นเรื่องๆ ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายฉบับไหน เพราะกฎหมายที่จะเอาผิดผู้ประพฤติทุจริต มีด้วยกันหลายฉบับ แต่ผมเห็นว่าการใช้ช่องทางทางกฎหมายที่มีอยู่โดยให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจะเป็นทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด" ตั้งรัฐบาลใหม่-เร่งการเลือกตั้ง ด้าน ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อาจารย์คณะรัฐปศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อธิบายว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการทำการปฏิวัติ แต่ครั้งนี้มีปัจจัยและมูลเหตุมาจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เองที่บริหารราชการผิดพลาด และถ้าปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะใช้นโยบายที่ผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ "คุณทักษิณ ยังใช้อำนาจในทางที่ผิดโดยนำพรรคพวกร่วมกันแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง เห็นชัดเจนสุดคือ การแก้ไขกฎหมายโทรคมนาคม กฎหมายตัวแทนหรือนอมินี ที่ผ่านมาไม่มีกระบวนการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสเพราะหน่วยงานราชการก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน อย่างไรก็ดีสิ่งที่คณะปฏิรูปฯจะต้องเร่งดำเนินการหลังจากนี้ก็คือการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการที่เป็นที่ยอมรับของสังคมเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมเพื่อให้การบริหารประเทศเดินเข้าสู่ครรลองตามปกติ ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาใช้แทนฉบับเก่า หรืออาจจะมีการนำ รธน.ฉบับเก่ามาแก้ไขจุดที่มองเห็นความบกพร่องเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองที่จะนำไปสู่การปกครองในประชาธิปไตยต่อไป "สิ่งที่คณะปฏิรูปจะต้องทำในตอนนี้คือต้องทำหน้าที่เป็นผู้ประคองสถานการณ์และเร่งตั้งรัฐบาลรักษาการเพื่อให้เป็นผู้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด" สอดคล้องกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิรูปฯที่แถลงต่อฑูตานุฑูตของ ประเทศต่างๆที่เข้าร่วมฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 กันยายน 2549 ว่าจะเร่งร่างรัฐธรรมฯูญฉบับใหม่เพื่อรองรับการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยภายในสองอาทิตย์ หัวข้อ: Re: ยังนอนใจไม่ได้ ....หัวเชื้อยังมีอยู่ ๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 23-09-2006, 10:50 แนะคณะปฏิรูปฯตรวจสอบทุกข้อกังขา
ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ระบุว่าเรื่องที่คณะปฏิรูปฯควรที่จะเข้าไปจัดการมากที่สุดคือการตรวจสอบที่ไปและที่มาของทรัพย์สินต่างๆของอดีตนายกฯ ครอบครัว รวมทั้งพวกพ้อง คณะรัฐมนตรีและทุกคนที่เกี่ยวข้อง เช่น การกระทำผิดกฎหมายโทรคมนาคม กฎหมายนอมินี และการกระทำผิดอื่นๆที่สังคมเคยตั้งคำถามแต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่กระจ่างชัด " ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาจากคนที่น่าเชื่อถือเข้าดำเนินการตรวจสอบหาหลักฐานเอาผิด จากนั้นนำไปร้องต่อศาลเพื่อให้เกิดการพิจารณาว่าเขามีความผิดจริงหรือไม่เรื่องนี้ต้องอาศัยช่องทางกฎหมายจัดการเท่านั้นทั้งนี้เพื่อความโปร่งใสและคลายข้อกังขาของสังคม" เร่งสร้างความเชื่อมั่นภายใน-นอก ดร.นพ.ประยงค์ เต็มชวาลา อดีตผู้อำนวยการวิชาการสถาบัน 14 ตุลาฯ บอกว่าหลังจากนี้คณะปฏิรูปฯต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศเพราะชาวต่างชาติมีความอ่อนไหวในเรื่องการปฏิวัติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำการปฏิวัติในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศเรา แต่ชาวต่างชาติคงจะแปลกใจที่การปฏิวัติเกิดขึ้นแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้คณะปฏิรูปต้องเร่งให้มีการตรวจสอบทรัพย์สิน เพราะอดีตนายกฯทักษิณนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้นำประเทศที่ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมมากสุด ดังนั้นต้องมีบทพิสูจน์ให้ชาวไทยและประชาคมโลกได้เห็นข้อพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น ซึ่งต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน โดยอาจจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อตรวจสอบหาหลักฐานต่างๆที่ชัดเจนจากนั้นก็นำไปสู่กระบวนการทางยุติธรรมต่อไป นอกจากนี้ต้องเร่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมาเพื่อเข้าประคับประคองสถานการณ์ของประเทศและเป็นผู้ขับเคลื่อนไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะต้องเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ปฎิรูปการเมืองให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว นอกจากนี้ในอนาคต คณะปฏิรูปฯจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ควบคุมการทำงานของรัฐบาล โดยร่าง รธน.ที่เกี่ยวข้องกับส่วนสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชนซึ่งเคยทำหน้าที่ในการตรวจสอบนั้นให้ทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาล ผู้มีอำนาจหรือนายทุนที่มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น "สังคมไทยคงต้องใช้เวลารักษาเยียวยาไม่นานแต่สิ่งที่เรามองเห็นว่าจะต้องเร่งแก้ไขคือการปลุกจิตสำนึกของคนไทยให้มีคุณธรรมและจริยธรรมให้มากขึ้น"ดร.นพ.ประยงค์กล่าว เร่งสรรหาส.ว.ที่มีประสิทธิภาพ รศ.มานิตย์ จุมปา รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่าภารกิจแรกที่คณะปฏิรูปฯ ต้องทำคือควรงดใช้รัฐธรรมนูญปี2540 แค่บางมาตราที่สำคัญ ๆ เพราะมองว่ารัฐธรรมนูญฯ ฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตยมาแล้ว และไม่มีปัญหาทางด้านระบบ แต่มีปัญหาเฉพาะตัวบุคคล ที่ไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง โดยเฉพาะในองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบความทุจริต ประพฤติมิชอบ โดยเมื่อดูจากเจตนารมณ์ของคณะปฏิรูปฯ ที่อยากแก้ปัญหาการบริหารราชการที่มีการทุจริตประพฤติมิชอบ จึงขอยกตัวอย่างมาตราที่น่าจะมีการงดใช้ เช่น มาตราที่เกี่ยวกับการให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง,มาตราที่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจจะงดใช้ทั้งหมวด และมาตราที่เกี่ยวข้อง,มาตราที่เกี่ยวกับวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ฯลฯ โดยเห็นว่าวิธีการได้มาซึ่งส.ว.นั้นมีความสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขมาก โดยอาจจะแก้ให้มีระบบการสรรหา ส.ว.400 คน มาแล้วค่อยให้ประชาชนเลือก แทนที่ให้ส.ว.สมัครตามเขตเลือกตั้งเหมือนที่ผ่านมา และมีปัญหาเรื่องถูกแทรกแซงทางการเมือง "ส.ว.เป็นองค์กรที่สำคัญที่สุดที่ต้องแก้ปัญหาการแทรกแซงทางการเมืองให้ได้ เป็นอันดับแรก เพื่อให้ส.ว.ทำการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นคณะทำงานในองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ได้แก่ ป.ป.ช. ที่มีข่าวว่าถูกปัดแข้งปัดขาตลอด ศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกเคลือบแคลงใจในการสรรหา ส.ว.ว่ามีเบื้องหลังทางการเมือง และ ก.ก.ต.สีเทา" โดยในการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรานั้น จะสามารถทำได้รวดเร็วกว่า และคาดว่าจะเสร็จสิ้นอย่างเร็วได้ประมาณต้นปี 2550 อย่างไรก็ดี สำหรับภารกิจที่จะมีการตรวจสอบทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ เห็นว่าทางคณะปฏิรูปฯ ไม่ควรออกประกาศยึดทรัพย์ของคณะปฏิรูปฯ เอง เพราะปกติแล้วจะมีการยึดทรัพย์ย้อนหลัง ซึ่งเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ และคณะปฏิรูปฯ หมดอำนาจไป และเรื่องนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาลจะถูกยกเลิกไป เพราะกฎหมายระบุห้ามมีการยึดทรัพย์ย้อนหลัง ฉะนั้นหากต้องการยึดทรัพย์ ควรใช้วิธีปกติ คือใช้อำนาจของ ป.ป.ช. ก่อนที่จะส่งเรื่องให้ระบบศาลอาญา หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน จะสามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้มากกว่า แต่ต้องเร่งสร้างประสิทธิภาพองค์กรอิสระ โดยเริ่มจากการหา ส.ว.ที่มีประสิทธิภาพก่อนเป็นอันดับแรก "สุเมธ-อักราทร"เหมาะนั่งนายกฯ ส่วนผู้ที่มีชื่อว่าน่าจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ที่มีชื่อของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย,พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี,ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิชัยพัฒนา,อักราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครอง,พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี อดีตศอ.บต.นั้น ส่วนตัวเห็นว่าองคมนตรีทั้ง 2 คือ พลเอกสุรยุทธ์ และพลากร ไม่เหมาะกับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพราะเป็นองคมนตรี ซึ่งปกติองคมนตรีจะเป็นนายกฯ ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองวิกฤตจริง ๆ ส่วนม.ร.ว.ปรีดิยาธร แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์เป็นผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ แต่ยังไม่เป็นกลางทางการเมืองมากนัก เพราะถูกมองว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคนที่มีภาษีจะเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนี้มากสุด คือ ดร.สุเมธ และอักราทร โดยดร.สุเมธ มีชื่อด้านความเป็นกลาง จะไม่มีกระแสต่อต้านจากกลุ่มไหน ส่วน อักราทร ประธานศาลปกครอง ก็มีพื้นฐานความรู้ด้านกฎหมายเป็นอย่างดี ขณะนี้หากคณะปฏิรูปฯ จะเร่งร่างรัฐธรรมนูญ อักราทรเป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุด หัวข้อ: R.....ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 23-09-2006, 11:03 ส่วนประเด็นที่คนในสังคมจำนวนมากสงสัยและต้องการทราบคำตอบมากที่สุดเห็นจะเป็นการติดตามตรวจสอบและยึดทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่และจะเป็นไปโดยวิธีใดนั้น ดร.เจษฏ์ อธิบายว่า การปฏิวัติรัฐประหารแล้วจะเข้าไปยึดทรัพย์ของคนอื่นเลยถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่หากจะใช้วิธีการ "อายัดทรัพย์สิน"เพื่อตรวจสอบโดยผ่านช่องทางของกฎหมายโดยนำเรื่องนี้ไปให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจะเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุด "ทุกอย่างต้องใช้ช่องทางกฎหมายจะถูกต้องที่สุดและยังเป็นที่ยอมรับของประชาชนและประชาคมโลกอีกด้วย" หัวข้อ: Re: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: enjoylife ที่ 23-09-2006, 11:46 ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น
ถ้าใครเป็น ผบ.ทบ. คงต้องคิดหลายเรื่องหลายด้าน จะทุ่มเทกับอะไร ระหว่างความมั่นคง.... ที่คงยังไม่มั่นคงเท่าไหร่ คงเป็นไปตามที่ท่านแถลงกับนักข่าวว่า ...นายก ทักษิณ ก็เป็นคนไทย เหมือนพี่เหมือนน้อง.... ที่แฝงไว้คือ ....ก็ว่ากันไปกฏหมาย.... จะยึดมาได้มากได้น้อย ก็ไม่ทำให้ ผบ.ทบ.มีความสุขหรือมีชื่อเสียงมากขึ้นหรือลดลง อีกสักเท่าไหร่ แค่ให้ชาติมั่นคง หยุดระบอบทักษิณได้ ก็ดีแล้ว ต่อไป...ก็เป็นไปตามเหตุที่คนไทยทำไว้ หัวข้อ: Re: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 23-09-2006, 12:30 ไม่เป็นไรครับคุณตัดพ้อ ฯ ยังมีอาคารชินวัตรทาวเวอร์อีก3แห่ง ดาวเทียม4ตัว บ้านจันทร์ส่องหมา บ้านพักที่เชียงใหม่ โรงพยาบลเอกชนบางแห้ง ฯลฯ ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ให้ยึดครับ ที่แน่ๆยึดสัมปทานของชินคอร์ปได้ทั้งหมด :slime_v:
หัวข้อ: Re: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 23-09-2006, 15:34 หยุดแสดงความโง่เขลาเบาปัญญา ออกมาดีกว่า
ถ้าเมื่อไหร่ที่ คปค. เล่นนอกเกมส์ นอกกติกา ลามปามไปเหมือนสมัย รสช. เมื่อนั่น โอกาสที่จะลงจากหลังเสืออย่างสวยงาม ต้องหมดไปอย่างแน่นอน ไม่พ้นต้องสืบทอดอำนาจ แบบ รสช.ในอดีต พวกเขาถึงต้อง เซฟตัวเองด้วยการ ตั้ง ปปช. ขึ้นมาเพื่อทำการไต่สวน ซึ่งในที่สุด...พวกเขาจะพบแต่ความว่างเปล่า... :lol: :lol: :lol: :lol: หัวข้อ: Re: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: ชอบแถ ที่ 23-09-2006, 18:32 ตั้งกระทู้มาสืบทอดความโง่ทางปัญญาหรือไงครับ
คณะ CDRoM เนี่ย ดูความเป็นไปได้จากอดีตก็คง ต้องเซฟตัวเองไว้บ้าง เรื่องสืบทอดอำนาจมีคนออก มาตีกันตั้งแต่วันแรก ถึงต้องบอกว่าไม่ปกครองเอง กลัวจะเหมือนเฮียสุจินดา อนาคตใครก็บอกไม่ได้ หรอกแต่ดูจากอดีตก็พอเดาได้ ฝ่ายที่เลือกรัฐบาล เก่ามันก็ไม่ได้น้อยเลย ถ้าเทียบกับการยึดอำนาจ ครั้งก่อนๆ นอกจากจะปิดกั้นข่าวสารและหลอกตัวเอง ไปเรื่อยๆ หัวข้อ: Re: .ถ้ามองข้ามการอายัดทรัพย์สิน....ระวังการยึดทรัพย์ก็จะล้มเหลว๑๑๑๑...... เริ่มหัวข้อโดย: คาคาชิ ที่ 23-09-2006, 18:35 "ซึ่งในที่สุด เขาก็จะพบแต่ความว่างเปล่า"
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมเริ่มเห็นแวว แล้วด้วยว่า จะมีการฮั๊วกันอีก จนไม่สามารถเล่นงาน ไอ้เหลี่ยมได้ :slime_worship: :slime_worship: |