ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: independent ที่ 18-09-2006, 00:13



หัวข้อ: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: independent ที่ 18-09-2006, 00:13
กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ  

*กองทัพไทย  เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรเป็นหนึ่งในย่านนี้ เป็นที่ครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรูทั้งภายในและภายนอก เป็นแบบแผน เป็นตัวอย่างให้หลายๆชาติในภูมิภาคนี้จดจำเป็นเยี่ยงอย่าง ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย พม่า สิงค์โปร์ อินโดนีเซีย ต่างมองเราด้วยความชื่นชมและอิจฉา และพากันจดจำไว้สอนลูกสอนหลานของพวกเขาว่า วันหนึ่งชาติเรา ประเทศของเราจะมีอย่างนี้ จะเป็นแบบนี้บ้าง สถาบันทางการศึกษาทางทหารเกือบทุกประเทศที่กล่าวมา ต่างใช้กองทัพเราเป็นตัวอย่างเกือบจะทั้งนั้น เพราะทุกชาติก็เห็นกับตาตัวเองแล้วว่า การที่ประเทศมีกองทัพที่กล้าแข็ง มีพลังอำนาจสูง เสียงของประเทศก็จะดัง ต่อรองอะไรกับใครก็สำเร็จ ตวาดหรือโวยใคร ใครก็ต้องหยุดฟัง หรือแม้กระทั่งจะยกพลหมื่นศึกโยธาหาญไปอัดใคร ใครก็กลัว ลองนึกย้อนหลังไปดูเอาเถิด ตั้งแต่ยุค จอมพล ป. เป็นผู้นำทั้งการเมืองและกองทัพ ชาติทั้งหลายแถวนี้มีใครกล้าหือ กล้าล่วงเกินเราบ้าง เพราะเขากลัว เขาเกรงเราทั้งนั้น ผู้อพยพจากหลายชนชาติ หากมีภัยในบ้านของเขา เขาต่างนึกถึงประเทศไทยเป็นที่ปลอดภัยกันทั้งนั้น แม้แต่ฝรั่งเศส ชาติหมาอำนาจ ผมเขียนไม่ผิดหรอก เรายังรบกับเขามาแล้ว ญี่ปุ่นบุก เราก็สู้ถวายหัว เราไม่เคยกลัวใครเพราะกองทัพเราเข้มแข็ง ประชาชนพลเมืองต่างอยู่กันด้วยความอบอุ่นเพราะเขารู้ว่าทหารของชาติให้ความปลอดภัยและคุ้มครองแผ่นดินของเขาได้ ทหาร กองทัพไทยในยุคนั้น ปลอดจากอำนาจแทรกแซงในทุกรูปแบบ การเมือง อำนาจรัฐ ต่างไม่กล้ายุ่งเกี่ยวและละลาบละล้วงกองทัพ แถมยังสนับสนุนในพลังอำนาจของกองทัพด้วยซ้ำ กองทัพเราจึงเติบโตและเป็นที่พิ่งพิงของบรรดาประชาราษฎ์ทั้งมวลได้อย่างดียิ่ง *

**การเมืองในยุคสมัยนั้น ต่างก็ดำเนินไปในวิถีทางแบบไทยๆ ทุกก้าวย่างเป็นไปแบบไทยแท้ ถึงแม้จะลุ่มๆดอนๆติดๆขัดๆ เกิดๆดับๆไปบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่เป็นกลไกตัวหนึ่งของบ้านเมืองมาด้วยดีตลอด บางยุคก็มืด บางยุคก็สว่าง แต่นั่นก็นังคงอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทย กัดกัน ตีกัน แย่งชิงอำนาจกัน โกงกัน แต่เมื่อยามใดที่ชาติมีภัย การเมืองก็จะนิ่ง หยุดกัดกัน หยุดตีกัน หยุดแย่งอำนาจกัน แล้วหันหน้ามาช่วยชาติกันตามกำลังความสามารถที่มี เราจึงยังคงเป็นชาติอยู่ได้มาจนทุกวันนี้ เพราะคนรุ่นก่อนเขาเอาชาติเป็นหลัก เขารู้ว่าสิ่งสุดท้ายที่เราจักต้องรักษาไว้เหนือสิ่งอื่นใด เหนือผลประโยชน์ใดๆก็คือชาติ แต่พอมายุคเรา สมัยเรา การณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าโดยสิ้นเชิง ความหลากหลายทางการเมืองกำลังกัดกินชาติของเราให้ผุกร่อนอย่างน่ากลัว เพราะคนรุ่นเรานี้ที่เป็นนักการเมืองไม่คิดเหมือนคนรุ่นก่อน อำนาจแลผลประโยชน์ อยู่เหนือความเป็นชาติ อยู่เหนือความถูกต้อง อยู่เหนือความเป็นคนไทย การเมืองในยุคนี้เปรียบเหมือนอริราชศัตรูที่ทำลายกองทัพและประเทศอย่างรุนแรง บ้านเมืองเรากำลังอยู่ในภาวะอันตราย หมิ่นเหม่ต่อสงครามกลางเมือง เพราะคนรุ่นนี้เอาความเห็นแก่ตัวมาเล่นการเมือง ไม่เอาเกียรติแลศักดิ์ศรีมาเล่นการเมืองแบบคนรุ่นก่อน  **

***อำนาจรัฐ  เป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศเอกราชจะใช้อำนาจนี้ในการบังคับบัญชากลไกของประเทศ การเมืองกับอำนาจรัฐเป็นของคู่กัน อำนาจรัฐที่ดีต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักทศพิศราชธรรม รัฐธรรม นิติธรรม การเมืองที่ดีต้องอยู่บนพื้นฐานของ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ หากประเทศของเรามีนักการเมืองที่อยู่บนพื้นฐานเหล่านี้ และใช้อำนาจรัฐอยู่ในกรอบของสิ่งเหล่านี้ การณ์ดั่งปัจจุบันนี้ย่อมไม่บังเกิด แผ่นดินจะไม่วุ่นวาย ผู้คนจะไม่แตกแยก เหล่าขุนทหารจะไม่ละเลยหน้าที่ บ้านเมืองจะไม่อ่อนแอ แต่ทุกอย่างที่กล่าวมานั้น วันนี้มันตรงกันข้ามไปทั้งหมดทั้งสิ้น ทั้งการเมืองทั้งอำนาจรัฐ กำลังกัดกินประเทศให้ล่มจมลงไปทีละน้อย และยังลามปามไปยุ่งเกี่ยวกับราชบัลลังก์ให้ต้องระคายเคืองเบี้องพระยุคลบาทอีก คนไทยเรากำลังกลายพันธุ์ทางความคิด เรากำลังสูญเสียการควบคุมพรสวรรค์ในความเป็นคนไทยที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด เรากำลังละเลยความยากลำบากในการสร้างชาติในหนหลัง เรากำลังลุ่มหลงมัวเมาในกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เราอยากเป็นทุกสิ่งที่คนในโลกอยากเป็น แต่เรากลับไม่อยากเป็นตัวเราเองในความเป็นจริง วันนี้นั้นอำนาจรัฐและการเมืองกำลังผิดทิศผิดทาง กำลังทำร้ายคนในชาติอย่างจงใจ สิ่งเดียวที่จะแก้ไขแลต่อสู้กับความไม่ถูกทำนองคลองธรรมเหล่านี้นั้น คือพลังของประชาชนและกองทัพเท่านั้น***

**** พูดก็พูดเถอะนะว่า สิ่งเดียวที่จะเอาชนะอำนาจรัฐและการเมืองได้นั้น คือพลังประชาชนบริสุทธิ์ แต่ที่จะสามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาดและและชนะแบบขุดรากถอนโคนได้นั้นต้อง *พลังของกองทัพ*เท่านั้น

เรื่องนี้ผู้นำในระบอบเขาก็รู้ดี และนี่จึงเป็นที่มาแห่งสิ่งที่เขาทำมาจนทุกวันนี้ นั่นคือการทำทุกวิถีทางที่จะโดดเดี่ยวกองทัพออกจากประชาชน เนิ่นนานตั้งแต่โบราณมา เมื่อใดที่ชาติวิกฤตชนิดหลังพิงฝา ประชาชนจะถอยร่นมารวมกับทหารเสมอ และเมื่อเป็นอย่างนั้น ชาติเราจึงยังคงอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้ เพราะเราได้ชัยชนะต่อทุกอำนาจที่มุ่งเข้ามาทำลายประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยพลังของประชาชนและกองทัพ

การทำให้ประชาชนหมดความหวังที่จะพึ่งพิงกองทัพ หมดความเชื่อถือในการเป็นรั้วหลักสำหรับไว้พึ่งพิงยามยาก การริดรอนลดทอนในแสนยานุภาพของกองทัพด้วยวิธีและนโยบายต่างๆ ล้วนแล้วแต่ทำให้กองทัพอ่อนแอในสายตาประชาชน การดึงกึ่งลากกองทัพออกมาคลุกการเมืองล้วนแต่ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อถือกองทัพไปทีละน้อย การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกองทัพแบบไม่มีมาตรฐานหรือไม่คงเส้นคงวา มีแต่จะสร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่คนในกองทัพซึ่งรอยร้าวนี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้นจนทหารไม่สนใจที่จะเข้มแข็งตามรอยบรรพชน แต่สนใจที่จะมั่นคงตามยุคที่ทุนทางสังคมเป็นใหญ่มากกว่าเกียรติยศและความกล้าหาญในเครื่องแบบและหน้าที่ที่เคยผ่านสมรภูมิมา  
เมื่อกองทัพ สถาบันหลักที่ทุกอาชีพทุกองค์กรต่างเกรงใจและครั่นคร้ามในพลังอำนาจ และเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่คนในชาติต่างฝากความหวังในการรักษาชาติแลราชบัลลังก์ไว้นั้น ถูกเปลี่ยนสภาพและเปลี่ยนแนวคิดทางชาตินิยมให้กลายเป็นทุนนิยม+อำนาจนิยม เมื่อนั้นประชาชนจะถูกแบ่งแยกและคัดเลือกไปตามวิถีทางแห่งอำนาจรัฐ เพื่อผลทางการปกครองและฐานอำนาจในทางการเมือง กองทัพจะถูกลดบทบาทลงไปทีละน้อยจากทุกมาตรการ จนสุดท้ายจะเหลือเพียงแค่หน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในทางความเป็นจริงเท่านั้น

การดึงเอาอำนาจทางทหารหรือนำพาชาติไปผูกพันธ์กับแสนยานุภาพของชาติพันธมิตรนั้น คนในกองทัพกี่คนจะรู้ว่านี่เป็นการหวังยืมจมูกคนอื่นหายใจ การรักษาชาติและการประกันความมั่นคงของชาติเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อกองทัพอ่อนแอ ความมั่นคงก็สั่นคลอน การดึงอำนาจจากภายนอกมาประคองหรือค้ำประกันเสถียรภาพทางความมั่นคงของชาตินั้นเป็นแผนการณ์ที่ลึกล้ำและต่อเนื่องจนคนในชาติมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว มีผู้ใหญ่ในกองทัพไม่น้อยที่มองเห็นและรู้ทันเรื่องอย่างนี้ พยายามแข็งขืนและต่อสู้ด้วยปัญญาเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ถูกสกัดจากปัจจัยหลักคือเรื่องงบประมาณและแผนปรับปรุงพัฒนากองทัพ ติดขัดไปทุกอย่าง การปรับปรุงแผนการผลิตกำลังพล การปรับปรุงระบบการศึกษาของกองทัพ การโยกย้าย การยุบเลิกบางหน่วย สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานล่างๆที่สำคัญของกองทัพทั้งนั้น วันนี้ถูกริดรอนและสั่นคลอนอย่างหนัก แบบธรรมเนียมประเพณีนิยมของทหารถูกละเลยและมองข้าม ทำได้ครั้งหนึ่ง ครั้งสองก็ตามมา สามสี่ห้าหกก็เรียงคิวกันมาจนคนในกองทัพต่างเฉยชินเพราะกลายเป็นเรื่องใหม่ๆแบบปฎิบัติใหม่ๆไปแล้ว*****

******ปัจจุบันนี้ เราจะหวังอะไรได้จากกองทัพอีก หากการเมืองยังคงมีอำนาจก้าวล่วงในกองทัพ และหากคนในกองทัพยังไม่เปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางปฎิบัติ ยังคงยึดติดกับการแสวงหาทุนทางสังคมและอำนาจทางสังคม กองทัพจะต้องเป็นเหยื่อรายต่อไปต่อจากประชาชน แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรกับความอยู่รอดของชาติ ในเมื่อกองทัพเองก็ยังเอาตัวไม่รอดจากอำนาจรัฐระบบใหม่ที่กลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างต่อเนื่องและแยบยล ตราบใดที่คนในกองทัพยังคงห่วงว่า เราจะได้เป็นนายพลไหม เราจะได้คุมกำลังไหม รุ่นเราจะได้ไหม เราจะถูกย้ายไหม เมื่อนั้นกองทัพจะเหลืออะไร*****

**สักวันหนึ่งเถิด หากการณ์ยังคงเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป กองทัพแลขุนทหารทั้งหลาย คงไม่มีเหลือแม้แต่เกียรติที่จะให้หลู่**




..ถ้าจักตายก็ขอตายในหน้าที่ ถ้าจักพลีก็ขอพลีแด่เหนือหัว ถ้าจักอยู่ก็ขออยู่เพื่อครอบครัว ถ้าจักชั่วก็ขอชั่วแก่ไพรี..


หัวข้อ: Re: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 18-09-2006, 06:14
คนเขียนบทความนี้ คงเป็นทหารหาญ

ตัววิ่งๆ ข้างล่างสุด นี่ เป็นคำที่ลึกซึ้ง และอ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ

คนไม่ได้เป็นทหาร อ่านแล้ว ค่อย รู้สึกดี เรียกความศรัทธาของประชาชนให้กองทัพ กลับมาได้จึ๋งนึงค่ะ

เขียนได้ดีจังค่ะ


หัวข้อ: Re: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 18-09-2006, 09:04
ช่วงนี้ติดตามข่าวแล้วรู้สึกเห็นใจทหารครับ

รู้สึกว่าอะไรๆ ก็โยนให้ทหารหมด แต่ละเรื่อง ดีๆทั้งน๊านนนนนนนนนน


หัวข้อ: Re: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 18-09-2006, 10:45
กองทัพ  คือที่รวมของประชาชนที่มีหน้าที่รักษาชาติ  ในสมัยโบราณ กองทัพจะเกิดต่อเมื่อมีภัยคุกคาม และกองทัพโบราณนั้น วัดค่าของคนกันด้วยฝีมือ

ไอ้เสมา ได้เป็นขุนศึก มิได้ด้วยจบโรงเรียนายร้อย แต่ด้วยฝีมือของมันนั้นเลิศ หาผู้ใดเทียมทัน

แต่เมื่อกองทัพ มีสภาพวิปริต ขุนศึกของกองทัพ ต้องจบโรงเรียนนายร้อย รบไม่เป็น เป็นแต่เลียนาย  ก็ได้เป็นใหญ่  กองทัพก็เสื่อมถอย

พลทหาร เก่งกล้าสามารถปานใด ทำงานในกองทัพ ไปได้ไม่ถึงนายพัน   นายสิบ ฝีมือเลอเลิศ ทำงานในกองทัพ ไปได้ไม่ถึงนายพล

แต่นักเลงหัวไม้ คุมบาร์คุมบ่อน รับจ้างฆ่า เพียงแต่จบมาตามหลักสูตร ไปจนถึงตำแหน่งถือคทาโน่น

คุณชายสุขุมพันธ์ เคยพูดวาทะไว้ ต้องปรับหลักสูตรนายร้อย ทหารโกรธแทบตาย ทั้งๆที่ปู่ของคุณชาย เคยพัฒนาโรงเรียนายร้อยนั้นมาก่อนที่ทหารรุ่นนี้จะเกิด

ในระบบใด เมื่อค่าของคน วัดว่าจบมาจากโรงเรียนไหน เป็นเด็กของใคร  ระบบนั้นย่อมเสื่อมไปในที่สุดค่ะ


หัวข้อ: Re: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 18-09-2006, 10:47
รัฐบาลนี้เขาตั้งใจให้เป็นรัฐตำรวจอยู่แล้ว

เลยทำทุกอย่างเพื่อลด ความสำคัญของทหารลง

ตัวอย่างให้เห็นในเหตุการณ์ภาคใต้

การตั้งตำรวจขึ้นมาคุมองค์กรหลายองค์กร จำนวนมาก

หลังสุดเป็นเอาหนัก เอาตำรวจมาทำเรื่องคาบ๊องค์ เป็นผลให้ตำรวจชนกับทหารโดยตรง

ประชาชน ทำเท่าที่กระทำได้

ส่วนทหารจะทำอย่างไร ก็ให้คิดวิธีการหาทางออกเอาเอง  8)


หัวข้อ: Re: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 18-09-2006, 11:20
ตราบที่ป๋ายังอยู่ จะไม่มีการปฏิวัติ แน่นอนครับ (ผมคิดเอาเองนะ)

แปลกใจที่ทหาร ยังอดทนอยู่อีก ทั้งๆที่เขาป้ายขี้ใส่มาขนาดนี้แล้วแท้ๆ

มีแต่ตำรวจตบอยู่ฝ่ายเดียว แถมทหารฝ่ายลิ้วล้อ ก็ยังมาเหยียบซ้ำด้วย

ดูแล้วน่าเศร้าจริงๆ


หัวข้อ: Re: กองทัพ การเมือง อำนาจรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 18-09-2006, 11:44
เป็นทหารต้องอดทนครับ ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์การกระทำครับ

ขอเป็นกำลังใจให้กับทหารหาญของประชาชนทุกท่านครับ