ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: *bonny ที่ 15-09-2006, 10:11



หัวข้อ: **เมื่อ เปาบึ้มจี้ ตัดสินคดีลอบสังหารท่านอ๋องเหลี่ยม (ตอนที่ 2)**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 15-09-2006, 10:11
ตอนที่ 2


ภาย
ในห้องพิจารณาคดี  เปาบึ้มจี้ เทพเจ้าหน้าดำ ออกนั่งบัลลังก์โดยมีองครักษ์ซ้ายขวา หวังเฉา หม่าฮั่นยืนค้ำบัลลังก์ และท่านกงซุนเชอะ กุนซือคู่บารมียืนประกบอยู่เหมือนเช่นเคย เบื้องหน้าเป็นอ๋องเหลี่ยมซึ่งก็มีองครักษ์ซ้ายขวายืนประกบอยู่เช่นกัน

“เปิดศาล”

“คารวะท่านเปาบึ้มจี้”  ทหารตะโกนเสียงดัง ทุกคนก้มศีรษะลงคารวะ อ๋องเหลี่ยมยกมือขึ้นประสานทำท่าคารวะแต่สายตาบิดเบือนไปทางอื่น

“เจ้าใช่ไหมคืออ๋องเหลี่ยม เจ้าสำนักไถ่แล้วไถ”  เปาบึ้มจี้ถามขึ้น

“อืมม์..ใช่แล้ว”  อ๋องเหลี่ยมตอบ ใบหน้าแสดงอาการไม่ยำเกรง

“เบิกตัวจำเลย”  ท่านเปาสั่ง

“เบิกตัวจำเลย”

ชายคนหนึ่งถูกพันธนาการอย่างแน่นหนาอยู่ในสภาพอิดโรยเต็มกำลังถูกนำตัวเข้ามาในห้องพิจารณาคดี เมื่อมาถึงหน้าบัลลังก์ก็คุกเข่าลง ก้มหน้านิ่ง

“นี่คือ ถุ่กเค้าใช้ เคยเป็นพลแบกเกี้ยวของหัวหน้านายทหารที่เฝ้าประตูเมือง ถูกจับได้คาเกี้ยวที่พบว่า มีประทัดไฟจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ คนของท่านอ๋องเหลี่ยมจับตัวเขาได้ และนำส่งมาที่นี่เพื่อขอให้ใต้เท้าลงโทษทัณฑ์สูงสุด เนื่องจากมีเจตนาลอบสังหารท่านอ๋อง”  กงซุนเชอะอ่านรายงานให้ท่านเปารับทราบ

“อืมม์..แล้วเจ้าคิดลอบสังหารท่านอ๋องจริงหรือเปล่า”  ท่านเปาวางมาดถามด้วยเสียงเคร่งขรึม

“ข้า..ข้าไม่ทราบว่ามีประทัดไฟอยู่ภายใน ข้าเพียงแต่..”  ถุ่กเค้าใช้พยายามจะอธิบาย สีหน้าเป็นกังวลอย่างยิ่ง

“เอาล่ะ..เอาล่ะ..ในเมื่อเจ้าเป็นพลแบกเกี้ยวไม่รู้ว่ามีอะไรซุกอยู่ในเกี้ยวได้อย่างไร คำแก้ตัวของเจ้าฟังไม่ขึ้น ข้าขอตัดสินให้เจ้ามีความผิดมหันต์..”  ท่านเปาตัดสินอย่างรวดเร็ว กำลังจะทุบโต๊ะอยู่แล้ว

“เดี๋ยว..ใต้เท้า ท่านยังไม่ได้ฟังเขาแก้ข้อกล่าวหาเลย คดีนี้น่าจะมีเงื่อนงำนะท่าน เหตุไฉนด่วนสรุป”  กงซุนท้วงเอาไว้ได้ทัน

“เงื่อนงำอย่างไร เจ้านี่มันเคยเป็นพลเกี้ยวของกลุ่มคนเกลียดอ๋องเหลี่ยมมิใช่หรือ ย่อมประสงค์จะสังหารข้าแน่นอน หลักฐานปรากฏชัดเจน ท่านเปาก็ตัดสินยุติธรรมแล้ว”  อ๋องเหลี่ยมรีบชิงพูดขึ้นมาทันทีทันใด

“ท่านอ๋อง ท่านบอกว่าเขาเคยอยู่กับกลุ่มคนเกลียดอ๋องเหลี่ยม แล้วกลุ่มคนเกลียดอ๋องเหลี่ยมประกอบไปด้วยใครบ้างล่ะ”  กงซุนถามกลับ

“อ๋อ..กลุ่มคนเกลียดอ๋องเหลี่ยมเหรอ..เดี๋ยวขอข้าไล่เรียงก่อนนะ  เอาเท่าที่นึกได้คร่าวๆ นะ ก็มี..อำมาตย์ป๊ะป๋า..อำมาตย์ฝ่ายบุ๋นทั้งหมด..ราชนิกูล..แม่ทัพใหญ่..แม่ทัพสาม..แม่ทัพน้อย(ใจ)ทั้งหลาย..หัวหน้ากองพันในเขตเมืองหลวงทั้งหมด..อาจารย์ของบัณฑิตที่จะมาสอบจอหงวนทั้งหมด..นักปราชญ์ราชบัณฑิต..ประชาชนในเมืองไคฟง..ประชาชนในหัวเมืองทางตอนใต้ทั้งหมด..หมอในราชสำนักทั้งหมด..ผู้มีหน้าที่ตัดสินคดีความของทางราชการทั้งหมด..และ..”

“พอ..พอ พอแล้วท่านอ๋อง ข้าขอสั่งให้เจ้าพอแค่นี้”  ท่านเปารีบส่งเสียงปราม  กงซุนเชอะต้องชำเลืองมองด้วยสายตาประหลาด

“แล้วฝ่ายสนับสนุนอ๋องเหลี่ยมล่ะ”  กงซุนถามต่อ 

ท่านอ๋องเหลี่ยมกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาในทันทีก่อนตอบอย่างภาคภูมิใจ

“เหล่าโจรถ่*** ข้าราชการกังฉินและชาวบ้านจากแดนไกลที่ศรัทธาในกุศโลบายการใช้เงินตราของข้า”

“หมดแล้วหรือ..”  กงซุนขมวดคิ้วถาม ไม่แน่ใจเหตุใดคำตอบจึงสั้นกะรุดจุ๊ดจู๋

“มีอีก มีอีก บอกเขาไปสิท่านอ๋อง ข้าให้เวลาท่านคิดสองวัน ท่านกงซุนอย่าไปเร่งรัดสิ”  ท่านเปากล่าวหนุนหลังขณะที่ส่งสายตามาตำหนิกุนซือคู่ใจ

“เอ่อ..ข้าไม่แน่ใจว่าหมดหรือยัง..อาจจะมีหลงเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่ง..เอ่อ..อ  อ้อ..นึกได้แล้ว”  อ๋องเหลี่ยมสีหน้าเบิกบานในทันที

“เป็นเพื่อนข้าที่อยู่ต่างแดนไง  เขาแซ่ หลี่ ชื่อ เซียนหลง เป็นอ๋องใหญ่แห่งประเทศสิ้นคาเป้า”

คำตอบของอ๋องเหลี่ยมทำท่านเปาต้องกุมขมับ  ส่วนกงซุนหัวเราะร่า

“ฮ่า..ท่านบังอาจรับการสนับสนุนจากคนต่างชาติเลยเรอะ”

ท่านอ๋องคิดได้ รีบปฏิเสธ

“ปละ..เปล่า ไม่ใช่ ก็แค่คนรู้จัก เขามิได้สนับสนุนทางการเงินใดๆ ให้ข้าน๊า”  อ๋องเหลี่ยมโบกมือเป็นพัลวัน

“ยังจะปากแข็ง ข้าทราบมาว่า ท่านขายทรัพย์สินทั้งหมดของท่านให้คนชาตินี้มิใช่เรอะ”  กงซุนขย่มต่อ

“ยุ่งไรท่านด้วย คนละคดีกัน วันนี้ มีคนลอบสังหารข้า หลักฐานจะแจ้ง ใยพวกท่านไม่เร่งตัดสินคดีความ ยังมาใส่ความข้าอีก ยุติธรรมแล้วหรือ”  อ๋องเหลี่ยมแสดงอาการโมโหโกรธา

“เอาล่ะ..เอาล่ะ ท่านกงซุน ข้าขอให้ท่านยุติการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของท่านอ๋องเดี๋ยวนี้เลย มาว่ากันที่คดีลอบสังหารท่านอ๋องกันต่อดีกว่า ท่านว่า มันมีเงื่อนงำ มีอย่างไรก็ว่าไป”  ท่านเปาปรามกงซุนเอาไว้อีกครั้ง

“ข้าให้หวังเฉา หม่าฮั่นไปสืบ ได้ความมาว่า ตอนขบวนของท่านอ๋องและคณะเดินผ่านเกี้ยวที่มีประทัดไฟบรรจุอยู่ ท่านอ๋องเองก็สังเกตเห็นเกี้ยวนั้นจอดอยู่  แต่ก็ยังผ่านไปได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากถุ่กเค้าใช้คิดลอบสังหารท่านอ๋อง ทำไมไม่จุดระเบิดตั้งแต่ตอนที่ขบวนของท่านอ๋องเดินผ่าน ไฉนปล่อยให้ลอยนวลไปจนถึงที่ทำงานได้ทั้งๆ ที่คนของท่านอ๋องบอกว่า เห็นมารอตั้งนานแล้ว และอีกประการหนึ่ง  ไหนๆ ก็ลอบสังหารไม่สำเร็จแล้ว ทำไมเจ้าถุ่กเค้าใช้จึงไม่นำเกี้ยวหลบไปเสียให้พ้นสายตา จอดทิ้งไว้ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว แถมยังนั่งอยู่เฝ้าเกี้ยวรอให้เจ้าหน้าที่ทางการจับกุมซะอีก  มันน่าแปลกอยู่ ขอให้ใต้เท้าพิจารณาดูอีกที”  กงซุนกล่าว

“ไม่เห็นแปลกเลย การลอบสังหารท่านอ๋องซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของเมืองนี้ย่อมต้องมีแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม เป็นธรรมดา เมื่อแผนหนึ่งพลาดไป ผู้รับผิดชอบแผนการก็ควรถูกจับกุมเพื่อดำเนินคดีซะจะได้เข็ด นี่ดีนะ ที่ท่านอ๋องรู้ตัวก่อน ไม่งั้นแผนสองพวกกลุ่มเกลียดอ๋องเหลี่ยมจะใช้บั้งไฟยโสฯยิงใส่ท่านอ๋อง  หากยังรอดไปได้อีก คราวนี้พวกเขาจะใช้กำลังทหารโค่นล้มบัลลังก์ท่านอ๋อง จับท่านอ๋องและครอบครัวเป็นตัวประกัน จากนั้นสถาปนาพวกของตัวเองขึ้นครองอำนาจ”  ท่านเปาสาธยายเป็นคุ้งเป็นแคว เป็นตุเป็นตะ เป็นฉากเป็นตอน เป็นวักเป็นเวร จนทำให้ทุกคนในห้องพิจารณาคดีอึ้งทึ่งเสียวและคันยุบคันยิบไปตามๆ กัน

“ใต้เท้า..ทะ..ท่านวันนี้ดูแปลกๆ ไป เรายังสอบสวนไปไม่ถึงเลยนะ ท่านไปเอามาจากไหน ปกติท่านไม่พล่ามอะไรที่ไร้เหตุผลเช่นนี้นี่นา”  กงซุนพยายามจ้องมองท่านเปาอย่างพินิจพิจารณา  หวังเฉา หม่าฮั่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

“บังอาจ..! คิดใส่ความข้าเหรอ  ทหารจับท่านกงซุนไปขัง เพื่อรอพิจารณาคดี หมิ่นศาล”  ท่านเปาคำรามหร้อมกับทุบโต๊ะ

“เดี๋ยวก่อน..!!!!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องพิจารณาคดี เป็นเสียงที่กึกก้องและทรงพลังอำนาจ  ทุกคนต่างหันไปดูที่มาของเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง

เปาบึ้มจี้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพิจารณาคดีพร้อมกับจั่นเจา  ข้างหลังมีสองโจรถ่*** มารดำและมารหัวขนถูกมัดมือเดินห้อยตามมาด้วย

“ท่าน..ใต้เท้า..เอ๊ะ..จั่นเจา  นี่มันเกิดอะไรขึ้น”  กงซุนเชอะทำหน้าประมาณตกใจสุดขีดก็ไม่ใช่ ผวาสุดขีดก็ไม่เชิง

“บังอาจมาก คิดปลอมตัวเป็นข้า ตัดสินคดีงั้นหรือ”  เปาบึ้มจี้คนที่เข้ามาใหม่ชี้หน้าใส่เปาบึ้มจี้บนบัลลังก์

“เจ้าเป็นใคร บังอาจมาก มาหาว่า ข้าปลอมตัวเป็นเจ้า ทหารจับตัวเอาไว้”  เปาบึ้มจี้บนบัลลังก์ลุกขึ้นตะโกนสั่ง  หทารรักษาการณ์สองนายทำท่าจะเข้าไปแต่แล้วก็ผงะถอยกลับ

“ใครขืนขยับเข้ามาใกล้ใต้เท้าเปา ข้าจะไม่ไว้หน้า”  จั่นเจาตวาดลั่น ขยับด้ามมีดที่เอวไปมา

“เรื่องเป็นมายังไงกันท่านจั่นเจา แล้วนี่ใครเป็นตัวจริงตัวปลอมกันแน่”  กงซุนเกาศีรษะแก่รกๆ

“บนบัลลังก์คือ ตัวปลอม”

“เจ้านั่นแหละตัวปลอม”

“ท่านกงซุน หวังเฉา หม่าอั่น พวกท่านติดตามข้ามานานหลายปี ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบ้างเลยรึ”  เปาบึ้มจี้ที่ยืนอยู่ด้านล่างชี้หน้าคนสนิททั้งสาม

“พวกข้าก็รู้สึกแปลกๆ กับกริยาท่าทางของใต้เท้าท่านนี้เช่นกัน”  หวังเฉากล่าว ชวนหม่าฮั่นและกงซุนเดินลงมาหาท่านเปาบึ้มจี้ที่เข้ามาใหม่ที่ด้านล่าง

“แต่คนข้างบนก็หน้าดำเหมือนกัน มีตาที่สามที่หน้าผากเหมือนกัน รูปร่างอ้วนใหญ่ แต่งกายเหมือนกัน แถมนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วย จะไม่ใช่เปาบึ้มจี้ได้อย่างไร”  อ๋องเหลี่ยมพยายามชักจูง

“คนอ้วนดำหาใช่มีแต่ข้าคนเดียวซะที่ไหน”  เปาบึ้มจี้ที่เพิ่งมาใหม่เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับเปาบึ้มจี้ที่นั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แคะขี้เล็บในมืออยู่บนบัลลังก์

“พวกเจ้าล้วนมีตาแต่หามีแววตาไม่ พวกท่านมิสังเกตหรือว่า หมวกของข้าทำจากสักหลาดชั้นดีของราชสำนัก แต่หมวกของเปาบึ้มจี้ผู้นี้เป็นหมวกไหมพรมราคาถูก”  พอเปาบึ้มจี้ที่เข้ามาใหม่ชี้ให้ดู  ทุกคนในห้องก็ส่งเสียงครางออกมากันอึงอื้อ  เปาบึ้มจี้บนบังลังก์ถึงกับสะดุ้งไปในทันที  เหงื่อไหลออกมาท่วมใบหน้าจนต้องยกแขนเสื้อขึ้นปาด

“พวกเจ้าเดินเข้ามาดูใกล้ๆ กันเถอะ”  เปาบึ้มจี้ที่อยู่ด้านล่างชักชวน  เหล่าองครักษ์พากันเดินเข้ามาห้อมล้อมเปาบึ้มจี้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์

“เห็นหรือไม่ว่า เมื่อมันใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อที่หน้าผากโดยแรง ตาที่สามที่ใช้สีเขียนเอาไว้ก็เริ่มจะเลอะเลือนไปแล้ว”  เปาบึ้มจี้ที่มาใหม่ชี้ให้ดูหลักฐานที่หน้าผากของตัวปลอม

“โอ..ใช่แล้ว..ชัดเจนมาก แม้ทำได้เนียนแต่ยังไงก็ของเลียนแบบ”  กงซุนผงกศีรษะเอามือลูบเคราที่ใต้คาง

“ทหาร จับตัวไปขังเดี๋ยวนี้”  จั่นเจาออกคำสั่ง ทหารสองนายวิ่งขึ้นไปบนบัลลังก์ทันที

“อย่า..อย่าทำข้าเลย ได้โปรด ข้าถูกเขาใช้ให้ทำ”  เปาตัวปลอมยอมรับสารภาพ

“ใครใช้ให้เจ้าทำ บอกมาเดี๋ยวนี้ หาไม่ข้าจะสั่งประหารเจ้าด้วยเครื่องประหารหัวสุนัข”  เปาบึ้มจี้ตัวจริงถลึงตาคำรามใส่อย่างเอาจริง

“เขา..เขา..คือ..”  เปาตัวปลอมมองลงไปที่กลางโถง แต่ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา มีดปลายแหลมเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาเสียบคอหอยของมันอย่างรวดเร็ว

“อั๊ก..ก อัอก..ก..อ่อ..”   

โลหิตมิทันได้หยาดลงบนพื้น มันก็สิ้นใจตายเสียก่อนแล้ว

“มีดบินบ่อเถ่าโล่ว”  หม่าฮั่นกระชากมีดบินออกมาพิจารณา มันเป็นมีดเล่มเล็กขนาดครึ่งฝ่ามือที่เหลาขึ้นมาเอง

“เจ้าของมีดบินยังอยู่ในห้องโถงนี้”  จั่นเจากล่าว ทุกสายตามองไปที่โถงกลางห้อง อ๋องเหลี่ยมและองครักษ์สองนายยืนทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

“อย่าได้บังอาจคิดปรักปรำพวกข้าอีก พวกข้าหาได้มีส่วนใดๆ ไม่”  อ๋องเหลี่ยมที่ยืนเอามือประสานไว้ที่หน้าอกกล่าว ในบัดดลยังเผยรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก

“เรื่องมันเป็นยังไง ทำไมมันผู้นี้จึงปลอมตัวมาเป็นใต้เท้าได้”  กงซุนถาม

“เมื่อเช้านี้ มีคนลอบเข้าไปที่ห้องนอนของข้า ใช้ไม้ตีที่ศีรษะของข้าจนสลบไป จากนั้นจับข้าไปขังไว้ในห้องลับแห่งหนึ่ง ดีที่จั่นเจาบุกเข้าไปช่วยข้าได้ทัน ไม่งั้นอาจถูกฆ่าตายไปแล้ว”  เปาบึ้มจี้เล่าเหตุการณ์ให้ทุกคนฟัง

“ข้าคาดคั้นความจริงจากสองมารที่จับตัวมาได้เมื่อเช้า ทราบว่า มันเป็นพวกโจรถ่***ที่หนีออกมาจากคุกได้โดยให้สินบนขุนนางกังฉิน จึงบุกไปที่รังของพวกมัน ไม่นึกว่าจะพบใต้เท้าเปาถูกจับขังอยู่ที่นั่น”  จั่นเจากล่าว

“ถือว่า ฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ ใต้เท้าเปารอดเงื้อมมือโจรออกมาได้ และมาทันเวลาพอดีก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”  กงซุนกล่าวอย่างซาบซึ้ง

“มัวแต่ร่ายนิยายให้ฟังกันอยู่นั่นแหละ หากไม่ตัดสินคดี ข้าจะขอตัวกลับก่อนแล้ว”  อ๋องเหลี่ยมหันไปมองหน้าสมุน ทำท่าจะเดินกลับ

“เดี๋ยว..ท่านยังไปไม่ได้”  กงซุนร้องห้าม

“ทำไม จับคนที่ลอบสังหารข้าได้ แต่ไม่ยอมลงทัณฑ์ พวกเจ้ายังคิดจะใส่ความข้าอีกหรือไง”

“อ๋องเหลี่ยม ข้ารู้ว่า การลอบสังหารท่านครั้งนี้มีเงื่อนงำซับซ้อน จำเลยยังไม่ได้ให้การยอมรับข้อกล่าวหาของเจ้า ข้าจึงไม่อาจตัดสินลงทัณฑ์เขาในวันนี้ได้ แต่จะขังเอาไว้สอบสวนต่อไป แต่เจ้าก็อย่าหยิ่งผยองลำพองใจไปนัก เพราะข้าทราบมาว่า เจ้าเป็นที่เกลียดชังของคนดีมีศีลธรรมทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน จนมีการรวมตัวกันขับไล่เจ้าออกจากตำแหน่ง  แต่จู่ๆ ก็เกิดคดีลอบสังหารเจ้าขึ้นมา ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่หลงรักเจ้าเข้าใจผิดคิดว่า เป็นฝีมือของฝ่ายที่เกลียดชังเจ้า ก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากันของคนทั้งสองฝ่าย ทำให้ตำแหน่งของเจ้ามั่นคงไปได้อีกระยะหนึ่ง  ข้าจึงยังไม่ปักใจเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง  อาจเป็นภาพลวงที่ท่านสร้างขึ้นก็ได้  เพราะเจ้าก็เคยสร้างฉากหลอกลวงชาวบ้านเรื่องหวัดนกไม่มีในประเทศ.. เรื่องคนจนจะหมดไป.. เรื่องส่งทหารไปรับใช้ต่างชาติจนทหารของเราตาย..เรื่องซุกทรัพย์แต่บอกไม่ได้ซุก..เรื่องแก้ปัญหาโจรใต้  เจ้ายังจำเรื่องเหล่านี้ได้ไหม”  เปาบึ้มจี้ไล่เรียงเป็นลำดับ อ๋องเหลี่ยมยกมือขึ้นปิดหู

“บัดนี้..พยานปากสำคัญได้ตายไปแล้ว ข้าต้องสืบรู้ให้ได้ว่า ใครเป็นเจ้าของมีดบินบ่อเถ่วโล่ว และคดีลอบสังหารนี้ท่านปั้นแต่งขึ้นมาจริงหรือไม่เสียก่อน”  เปาบึ้มจี้กล่าว ดวงตาจ้องมองอ๋องเหลี่ยมประหนึ่ง คนรู้ทัน

“เชอะ! ไป พวกเรากลับ”  อ๋องเหลี่ยมหันไปสั่งสมุนคู่ใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตู  จั่นเจาทำท่าจะตาม แต่เปาบึ้มจี้ยกแขนขึ้นปรามเอาไว้

“เรายังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง คงต้องปล่อยไปก่อน”

หลังจากอ๋องเหลี่ยมและสมุนทั้งสองออกเดินไปได้สามก้าว  สมุนนายหนึ่งก็หันกลับมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้

“ถ้าพวกท่านไม่นำไปใช้อะไร มีดบินเล่มนั้นข้าขอคืนก็แล้วกัน”

“โธ่..ไอ้ปากห้อยเอ๊ย!!!”  อ๋องเหลี่ยมหันหน้ามาตวาดเสียงดัง เอามือบ้องหูสมุนคู่ใจไปหนึ่งที

.........จบก่อนจะเจ๊งกันทั่วหน้า..........


หัวข้อ: Re: **เมื่อ เปาบึ้มจี้ ตัดสินคดีลอบสังหารท่านอ๋องเหลี่ยม (ตอนที่ 2)**
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Chin Music ที่ 15-09-2006, 10:15
ตอนที่ 1 อยู่ไหนอะครับ ? อยากอ่านๆ


เหอๆๆ ตอนแรกหาไม่เจอ ตอนนี้เจอแล้วครับ อิอิ
http://forum.serithai.net/index.php?topic=7046.0


หัวข้อ: Re: **เมื่อ เปาบึ้มจี้ ตัดสินคดีลอบสังหารท่านอ๋องเหลี่ยม (ตอนที่ 2)**
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 15-09-2006, 11:31
555 ชอบครับ อิอิ


หัวข้อ: Re: **เมื่อ เปาบึ้มจี้ ตัดสินคดีลอบสังหารท่านอ๋องเหลี่ยม (ตอนที่ 2)**
เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 15-09-2006, 12:01
"เหล่าโจรถ่*** ข้าราชการกังฉินและชาวบ้านจากแดนไกลที่ศรัทธาในกุศโลบายการใช้เงินตราของข้า”

ผมเพิ่งรู้จริงๆ นะเนี่ยว่า เสรีไทยของเรามีคำกรองคำนี้ด้วย พัฒนาแล้วจริงๆ  ไม่กี่วันที่แล้วยังเห็นสิงสาราสัตว์วิ่งกันพล่าน :shock:


หัวข้อ: Re: **เมื่อ เปาบึ้มจี้ ตัดสินคดีลอบสังหารท่านอ๋องเหลี่ยม (ตอนที่ 2)**
เริ่มหัวข้อโดย: เพนกวินน้อยนักอ่าน ที่ 15-09-2006, 14:50
เหล่าโจร ถ่ อ ย แก๊งค์ หน้าเหลี่ยม ชั่วชาติ อุ บ า ท ว์ สุดๆ
ก็ได้นี่ครับ
 :lol:


หัวข้อ: Re: **เมื่อ เปาบึ้มจี้ ตัดสินคดีลอบสังหารท่านอ๋องเหลี่ยม (ตอนที่ 2)**
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 15-09-2006, 17:13
อืมม ... นะ จบซะงั้นคุณบอนนี่