ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

 :evil: :evil: :evil:
ข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000116146

 
“สนธิ” เปิดโปงแผนทรราชตัดแผ่นดินขาย “เกาะกูด-บ้านร่มเกล้า” ให้เขมรกับลาว เพื่อแลกกับการเข้าไปทำธุรกิจด้านพลังงาน-ย้ายวงโคจรดาวเทียมไทยคม พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง ผบ.สส.ให้ทหารออกมาปกป้องดินแดน นัดเผย “ความลับสุดยอด” พรุ่งนี้ พร้อมทั้งนัดชุมนุมใหญ่วันครบรอบ 1 ปี เมืองไทยรายสัปดาห์ 22 ก.ย.นี้
       
     
       วันนี้ (14 ก.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อเวลา 10.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาเปิดเผยผลการเจรจาเรื่องข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล เรื่องยก “เกาะกูด” ให้กับกัมพูชา เพื่อแลกกับการเข้าไปทำธุรกิจพลังงาน รวมทั้งการยก “หมู่บ้านร่วมเกล้า” ให้กับลาวเพื่อแลกกับการย้ายองศาดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้องเขตแดนของไทยด้วย
       
       ในการแถลงครั้งนี้ นายสนธิได้ชี้ให้เห็นถึงแผนที่อันเป็นดินแดนข้อพิพาททางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณอ่าวไทย ซึ่งมีมานานกว่า 30 ปีและยังตกลงกันไม่ได้ แต่ล่าสุดจากการค้นพบแหล่งพลังงานในบริเวณนั้นทำให้มีการเจรจากัน และตกลงกันได้ที่จะร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานในบริเวณนั้นร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ไทยก็ยังไปยกดินแดนบริเวณเกาะกูดครึ่งหนึ่งให้กับกัมพูชาไปด้วย
       
       นายสนธิ กล่าวว่า ในการเดินทางไปเยือนกัมพูชาครั้งล่าสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวิเศษ จูภิบาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีการตกลงกันเรื่องการพัฒนาแหล่งพลังงาน และจากนั้นมีการแถลงของ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการรักษาการนายกรัฐมนตรี เพียงสั้นๆ ว่า สามารถตกลงกันได้แล้ว
       
       “รัฐบาลไม่ได้แสดงความโปร่งใส ซึ่งอยากให้รัฐบาลยืนยันว่ามีเส้นแบ่งเกาะกูดออกเป็น 2 ส่วนหรือไม่ ทั้งที่เกาะกูดเป็นของไทย และที่ผ่านมามีเรือรบหลวงนเรศวรจอดรักษาเขตแดนอยู่ช้านานแล้ว” นายสนธิ กล่าว
       
       นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า จุดประสงค์หลักในการเดินทางไปเยือนกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในเรื่องแหล่งพลังงาน ถือเป็นวัตถุประสงค์หลักในการเจรจาอย่างแท้จริง แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ การยกเกาะกูดให้กับกัมพูชาไปด้วย ดังนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะผู้ดูแลกรมแผนที่ทหาร และรัฐบาล ต้องชี้แจงว่าในเมื่อต้องการพัฒนาแหล่งพลังงานร่วมกันแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยกเกาะกูดให้ไปด้วย
       
       “ผมไม่นึกว่าหลังสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาแล้วจะต้องมีการเสียดินแดนในยุคทักษิณอีก และอยากให้รัฐบาลแถลงความชัดเจนออกมา ไม่ใช่ไปทำสัญญาอะไรไว้แล้วรู้กันเพียงไม่กี่คน”
       
       ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ยังระบุอีกว่า ไทยกำลังเสียหมู่บ้านร่มเกล้าส่วนหนึ่งไปให้กับทางการลาวอีก เพื่อแลกกับการให้ลาวย้ายองศาดาวเทียมเพื่อให้ดาวเทียมไทยคมสามารถมีวงโคจรโดยที่ไม่มีสัญญาณทับซ้อนกับดาวเทียมดวงอื่น และสามารถส่งสัญญาณได้ครอบคลุมทั่วภูมิภาค
       
       “เวลานี้ได้รับรายงานว่ากำลังมีการยกหมู่บ้านร่มเกล้าบางส่วนแล้วมีปักปันเขตแดนใหม่ แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ก็ขอคำชี้แจงที่ชัดเจนจากรัฐบาลด้วยว่าเป็นความจริงหรือไม่” นายสนธิ ระบุ และว่านอกจากนี้ยังไม่นับเรื่องเรื่องการให้สิงคโปร์เช่าพื้นที่ทางทหารในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้กองทัพสิงคโปร์เข้ามาซ้อมรบ หรือการให้เช่าสนามบินอุดรธานีอีกด้วย
       
       “สมมติถ้าประเทศเป็นของระบอบทักษิณจริงๆ และบังเอิญว่าเทมาเส็กมาซื้อชินคอร์ป ซึ่งมันบังเอิญเกินไป ซึ่งอยากให้ดูเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ดาวเทียมไทยคมเป็นของเทมาเส็กหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หรือการย้ายองศาดาวเทียมจะเป็นบริการหลังการขายหรือไม่”
       
       นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตถึงกรณีเปลี่ยนแปลงเกาะช้าง ซึ่งเดิมพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชประสงค์ให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่รัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีการกว้านซื้อที่ดินไปเกือบหมดแล้ว
       
       ในตอนท้าย นายสนธิยังได้เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 22 ก.ย.ที่จะถึงนี้ จะมีการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดยมีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมด้วย ส่วนจะมีการชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ยังบอกไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ยืนยันว่าจะเป็นการชุมนุมโดยสงบ
       
       อย่างไรก็ดี นายสนธิ กล่าวว่า ยังมีการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ในวันพรุ่งนี้ (ศุกร์ที่ 15 ก.ย.) ตามปกติ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยระบุว่าจะมีการเปิดเผยความลับสุดยอด ซึ่งถ้าใครได้ฟังแล้วจะต้องช็อก
       
       นายสนธิ ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า กำลังเล่นไพ่สองหน้าโดยอาศัยสถานการณ์การเลือกตั้งเป็นตัวกำหนด หากสามารถวางเครือข่ายจนสามารถเอาชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายก็จะใช้เป็นฉันทามติขอกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ แต่ในทางตรงกันข้าม หากพลิกผันก็จะไม่เป็นนายกฯ และจะหนีไปอยู่ต่างประเทศ โดยเวลานี้มีใครบางคนกำลังทยอยขนสมบัติออกไปบ้างแล้ว

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โถ...ข่าวจากสำนักนั่งเทียนโม้แหลกแบบนั้น ดูแต่ละหัวข้อข่าวที่เขียนถึงรัฐบาลทักษิณซิว่าเป็นกลางมั้ย!?! แปลกกว่าก็ตรงที่มีคนเชื่อนี่ซิ...ทำไมช่างหลอกง่ายนักหล่ะฮืมมม!?!

แล้วถ้ามันจริงสุนัขรับใช้หน้าไหนจะมารับผิดชอบ  :evil:

คงต้องย้อนถามว่า...แล้วถ้ามันไม่จริง จะมี "ควายในร่างคน" ไหนกล้าออกมากราบเท้าขอโทษป่ะหล่ะ? :roll:

quote คำพูดของคนอื่น แสดงว่า อะไรจ๊ะ ยอมรับว่าเป็นสุนัขรับใช้เหรอครับ  :mrgreen:

ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็น่าเป็นห่วงประเทศนี้มากๆครับ จะมาเสียดินแดนอีกครั้งนี่ มันแย่มากๆเลยนะครับ

ยังไม่รู้ตัวอีกแน๊ะ...ว่าพี่จ๊ะหลอกด่าฟรี  สมแล้วหล่ะกับสิ่งที่พี่จ๊ะมอบตำแหน่งดังกล่าวหั้ย ฮ่าๆๆๆ

แล้วพี่จ๊ะไม่รู้เหรอ ว่าผมก็แอบด่าพี่จ๊ะว่าเป็นหมารับใช้เหมือนกัน เจ๊ากันปาย... :mrgreen:

ครับๆ :lol:

คงต้องรอให้รัฐบาลออกมาชี้แจงแหละครับ ว่าเป็นจริงหรือไม่เพียงไร
แต่ถ้าเงียบและไม่ยอมชี้แจงให้ตรงประเด็นละครับ จะให้แปลว่าอะไร

เรื่องนี้คงต้องรอผลพิสูจน์ครับ แต่ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรในกอไผ่ ที่พรหมินทร์ออกมาพูดบอกว่าตกลงกันได้ ถึงตกลงกันได้มันก็ยังเป็นเพียงคำพูดของรักษาการณ์นายก ซึ่งก็ไม่มีผลบังคับใช้ทางกฏหมาย จนกว่าจะผ่านสภาฯ ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของราชอาณาจักร คณะรัฐบาล ทำเองโดยพละการไม่ได้ ต่อให้ตอนนี้แอบไปเซ็นต์อะไรต่อมิอะไรเอาไว้ ก็เป็นโมฆะเพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เขมรอาจโวยวายนิดหน่อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกำลังทหารสู้เราไม่ได้ โดยเฉพาะกองทัพเรือเขมร มีเรือชายฝั่งแค่ไม่กี่ลำ ส่วนใหญ่เป็นเรือเก่าของเวียดนามบริจาคให้ ถ้ารบกันจริง ๆ ไม่ถึงชั่วโมงหรอกครับ

ปัญหาเรื่องอาณาเขตทางทะเลมีกันทุกประเทศ สุดท้ายก็ใช้กำลังทหารตรึงกันเอาไว้ เหมือน เกาหลีกับญี่ปุ่น รัสเซียกับญี่ปุ่น จากนั้นก็เจรจากันไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ อำนาจทางทหารใครสูงกว่า ประเทศนั้นก็ได้เปรียบ

เรื่องร่มเกล้า ถ้าเราไปเที่ยวฝั่งลาว ลาวก็จะบอกว่า รบชนะไทย มาฝั่งไทย ไทยก็บอกรบชนะลาว แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันไทยยึดครองสามหมู่บ้านนั้นอยู่ เพราะอำนาจทางทหารของเราสูงกว่า (ลาวถ้าไม่มีเวียดนามหนุนหลังในครั้งนั้น ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่รบครับ ผมเคยไปดูค่ายทหารของลาว อนาถามาก ปัจจุบันรัสเซียก็ไม่มีเงินมากพอจะมายุ่งเรื่องในภูมิภาคนี้แล้ว เวียดนามเองก็เลิกบ้าคอมมิวนิสต์ไปนานแล้ว) ถ้าเป็นจริงอย่างสนธิพูด ยังไงทักษิณก็ต้องเอามาผ่านสภาอยู่ดี เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ ต่อให้ผ่านสภาทั้งสองสภาไปได้ ก็ต้องรอลงพระปรมาภิไท โปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจ หากไม่โปรดเกล้าฯ ทักษิณก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีครับ

รัฐบาลก็จะออกมาชี้แจง (โดยพรหมินทร์เจ้าเก่า) ว่าสนธินั่งเทียนเขียนข่าว เรื่องไม่มีมูล ทักษิณไปเจรจาเรื่องอื่น จบข่าว

ยกเว้น

วันพรุ่งนี้สนธิจะมีทีเด็ดอะไรเป็นหลักฐาน เช่นเทปลับ คำสารภาพ ของคนที่ไปด้วย ฯลฯ ซึ่งผมคิดว่าทุกอย่างอาจเป็นไปได้ เพราะการที่สนธิออกมาพูดแบบนี้ ก็ต้องมั่นใจพอสมควรในข้อมูลที่มีอยู่ในมือ แต่ก็จะเป็นเหมือนกับเรื่อง TPI ตอนไปจีน คือแฉได้ แต่หาหลักฐานยาก ยกเว้นฝ่ายจีนจะเล่นด้วยซึ่งจีนไม่เล่นด้วยให้โง่ ตราบใดที่จีนยังได้ประโยชน์จาก FTA และโครงการจัดการลุ่มน้ำโขง เขมรก็เช่นกัน ถ้ารัฐบาลออกมายอมรับ ฮุนเซนก็ได้ประโยชน์ ถ้ารัฐบาลออกมาปฏิเสธ ฮุนเซน ก็ได้เรื่องขำขันไปเล่าในวงข้าว ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้นฮุนเซน ก็จะไม่ทำอะไรเหมือนกัน

เรื่องนี้รายละเอียดยังไม่ชัดเจนครับ ขอติดตามข่าวสารอีกสักระยะหนึ่งก่อน แต่เรื่องอื่นๆที่แน่นอนมาก่อนหน้านี้ทำให้หน้าเหลี่ยมนั้นหมดความชอบธรรมบริหารประเทศไปนานแล้ว

ไม่มีมูลฟอยหมาไม่ขี้...

ทหาร เพิ่งสั่งสำรวจ แฮะ  :|

ผบ.สส. ยันไม่มีการเฉือนเกาะกูด สั่งรวบรวมข้อมูลชี้แจง

ที่มา มติชน Hot News วันที่ 14 ก.ย. 2549

ผบ.สส. ยันไม่มีการ เฉือนเกาะกูด แลกผลประโยชน์พลังงานกับกัมพูชา ระบุทหารไม่ยอมเสีย
ดินแดนแน่ เตรียมให้กรมแผนที่ทหารรวมบรวมข้อมูลการปักปันเขตแดนทางทะเล ด้าน ผบ.ทร.
ชี้ไม่ใช่เรื่องจริง ระบุมีการตั้งหน่วยดูแล ชี้กรรมการปักปันเขตแดนเจรจาอยู่ ขณะที่เจ้ากรม
กิจการทหาร แจงยังไม่มีการลงนามเอ็มโอยู ตามข่าว

วันนี้ (14 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. ได้เป็น
ประธานการประชุม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/49 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณ
2549 โดยมี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.
ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. พล.อ. บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รองผบ.สส. พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช
เสธ. ทหาร เข้าร่วมประชุม โดยมี พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ให้การต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.
และพล.อ.อ. อัครชัย  สกุลรัตนะ  รอง ผบ.ทอ. ได้เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก่อนการประชุม 20 นาที โดยมี พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. 6
ลงมาให้การต้อนรับก่อนทั้งหมดจะขึ้นไปพูดคุยกันก่อเป็นเวลา 10 นาที จากนั้น พล.อ.
เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. ได้เดินทางมาถึง พล.ต.อ. โกวิท ก็ได้นำเพื่อตรวจแถว
ตำรวจกองเกียรติยศ จากนั้น พล.ต.อ. โกวิท ก็เชิญ พล.อ. เรืองโรจน์ ขึ้นไปยังห้องประชุมเล็ก
เพื่อพบกับ พล.อ. สนธิ พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ พล.อ.อ. ชลิต โดยทั้งหมดได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
นานกว่า 15 นาที ก่อนทั้งหมดออกมาเพื่อร่วมประชุม ผบ. เหล่าทัพ

ภายหลังการประชุม พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นาย สนธิ
ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการายวัน และดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ระบุว่า
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เซ็นสัญญาเอ็มโอยู ด้วยการยกที่ดินบางส่วน
ของเกาะกูด จ. จันทบุรีให้กับประเทศกัมพูชา เพื่อแลกกับสัมปทานด้านพลังงาน ว่า เมื่อเช้านี้
นาย สนธิ ได้ให้คนมายื่นหนังสือ ซึ่งทาง เลขานุการ บก. ทหารสูงสุด ได้รับเรื่องไว้ ซึ่งตนได้
อ่านแล้ว ไม่มีปัญหาโดยจะให้เจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหารได้ทำรายละเอียด และส่งเรื่องชี้แจง
ให้ทราบ เพราะการปักปันเขตแดนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งทำกันมานานแต่ก็ไม่สำเร็จ และ
ไม่ได้มีการกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะให้เสร็จเมื่อไหร่ คาดว่าน่าจะเสร็จเร็วๆ นี้ โดยจะทำเป็น
เอกสารชี้แจงพร้อมกับหนังสือที่นาย สนธิ นำมายื่นให้ตรวจสอบ

เมื่อถามว่า เท่าที่ตรวจสอบมีแนวโน้มว่าจะสูญเสียดินแดนหรือไม่ พล.อ. เรืองโรจน์ กล่าวว่า
ไม่จริง เราเป็นทหาร และคนไทยทุกคนไม่มีใครอยากเสียดินแดน ซึ่งได้พยายามทำอย่างเต็มที่
ในเรื่องการปักปันเขตแดน เรื่องนี้เดิมบางครั้งก็หายไป บางทีเขาก็อยู่เขตเรา และเราก็ไปอยู่
ในเขตเขา ทุกเขตแดนเป็นแบบนี้ทุกแห่ง

ด้าน พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า ไม่จริง ใครจะมายกที่ดินของประเทศชาติ
ให้กับคนอื่น ทั้งนี้ เขตแดนดังกล่าวกองทัพได้ดำเนินการสำรวจเพื่อปักปันเขตแดนมานานแล้ว
โดยมีคณะกรรมการของทั้งสองประเทศเจรจากันอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือไม่
จำเป็นจะต้องชี้แจงในรายละเอียดที่เกิดขึ้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทาง บก. ทหารสูงสุด อีกทั้ง
กองทัพเรือก็มีการตั้งหน่วยเพื่อดูแลในพื้นที่อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง

ส่วน พล.ท. พลางกูร กล้าหาญ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร บก.สส. กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอ
ข้อมูลรายละเอียดกับ พล.ท. วิชิต สารทรานนท์ เจ้ากรมแผนที่ทหาร แต่ในภาพรวมทางกรม
แผนที่ทหารมีหน้าที่ดูแลด้านเทคนิค ในการสำรวจปักปันเขตแดนที่มีนโยบายกับประเทศเพื่อน
บ้าน ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีส่วนหนึ่งมาจากเส้นเขตแดน ซึ่งการแก้ไขปัญหาไม่ใช่ทำภาย
ในวันหรือสองวัน ดังนั้นจะต้องมีการดำเนินการไปตามขั้นตอน เพราะปัญหาเกิดจากการถือแผนที่
กันคนละฉบับ ดังนั้น การดำเนินการจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ   

เมื่อถามว่า นาย สนธิ ระบุว่า พ.ต.ท. ทักษิณ  มีการเซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับแลกเปลี่ยนเกาะกูด
จ. จันทบุรี บางส่วนให้กับประเทศกัมพูชาเพื่อเป็นการแลกสัมปทานด้านพลังงาน พล.ท. พลางกูร
กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการเซ็น อย่าเพิ่งไปเชื่อหลักฐานการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลที่
นาย สนธิ มีการนำเสนอมา ดังนั้น จะต้องรอทางเจ้ากรมแผนที่ทหารชี้แจงรายละเอียดก่อน
           
"บางอย่างจะเป็นประเด็นทางการเมือง ทุกอย่างจะต้องรอข้อมูลให้ชัดเจนก่อน ว่าทางกรมแผนที่
ดำเนินการไปอย่างไรบ้างแล้ว ซึ่งทางเราพยายามจะทำให้สำเร็จ แต่บางพื้นที่ยังไม่สามารถเจรจา
กันได้ จึงได้ยุติไว้บางพื้นที่ การนำเสนอของนาย สนธิ เป็นเพียงข่าว ต้องรอการตรวจสอบก่อน
ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไร" พล.ท. พลางกูร กล่าว

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/theerapong/BG%20Bloog/P4077671-185.jpg)

เย้ยสนธิชวนชุมนุมฟังนิยาย รัฐโต้ทุกเม็ดข้อหาขายชาติ
[14 ก.ย. 49 - 22:35]

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (14 ก.ย.) กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวหาว่ารัฐบาลขายชาติ ประเด็นไปตกลงที่จะยก ต.เกาะกูด กิ่ง อ.เกาะกูด จ.ตราด ให้ประเทศกัมพูชาครึ่งหนึ่ง เพื่อแลกกับสัมปทานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณอ่าวไทย ว่า เป็นนิทานอีกเรื่องหนึ่ง การโต้แย้งโดยไร้ข้อเท็จจริง ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ยืนยันว่าในการทำงาน รัฐบาลยึดหลักในการเป็นตัวแทนของประเทศ และยึดผลประโยชน์ของประชาชน การเจรจากับประเทศต่างๆ ต้องทำอย่างรอบคอบ ทำโดยมีข้อมูลและมีคณะทำงาน  สิ่งที่มีการกล่าวหาไม่ใช่ข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ตนได้โทรศัพท์สั่งการไปยังปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติราชการที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสให้รับทราบแล้ว  กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมด

"ยืนยันว่าข้อกล่าวหาเรื่องการยกพื้นที่เกาะกูดให้ประเทศกัมพูชาไม่เป็นความจริง จนถึงขณะนี้ ยังมีการเจรจากันอยู่ และประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องข้อพิพาทชายแดนที่กำลังคุยกันอยู่ มีคณะทำงาน ผู้เชี่ยวชาญ นักกฎหมาย นำเอาแผนที่และรวบรวมข้อมูลย้อนลงไปถึงในประวัติศาสตร์ เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ และยังไม่มีข้อยุติ หากมีข้อยุติ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะต้องรู้ ยืนว่าต้องทำตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีอยู่"  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสนธิ ยังกล่าวหาว่ารัฐบาลจะยก 2 หมู่บ้านที่ ต.ร่มเกล้า อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ให้ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับดาวเทียมไทยคม เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีการไปแลกเปลี่ยนอะไรในเรื่องวงโคจรดาวเทียมเช่นที่มีการกล่าวหา ความจริงธุรกิจดาวเทียมในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวก็มีบริษัทของนายสนธิ เป็นผู้ที่ได้สัมปทาน แต่ทำธุรกิจแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ทุกคนรับทราบอยู่แล้ว

ต่อข้อถามว่า หากข้อกล่าวหาทั้งสองเรื่องไม่เป็นความจริง รัฐบาลจะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด  ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศไปดูแล ว่านายสนธิกล่าวหาใฟ้เกิดความเสียหายหรือผิดพลาดอย่างไรบ้าง  ยืนยันว่าหากฟังแค่ข้อกล่าวหาว่าไปยกที่ดินเกาะกูด และยก 2 หมู่บ้านในบ้านร่มเกล้า ให้กับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่กล่าวอ้าง ฟังแค่นี้คนไทยทั้งประเทศก็รู้ว่าไม่จริง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการประกาศชุมนุมใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่ต้องการให้คนมาชุมนุมจำนวนมากหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ  ประชาชนชาวไทยย่อมมีสิทธิที่จะชุมนุมได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็คงต้องพิจารณาว่า หากเชิญชวนไปชุมนุมโดยไม่ใช้ข้อเท็จจริงก็คงไม่ถูกต้อง

ผมแปลกใจ ที่งานนี้ ต่างรีบออกมาหยุดข่าว รีบชี้แจง ฮ่า ฮ่า

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4594324/A4594324-211.jpg)

 โรคขี้อิจฉา.. จะแก้ได้อย่างไร  

อิจฉาที่เขารวย..
อิจฉาที่เขามีเสียงสนับสนุนเยอะ..
อิจฉาที่เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจ..
อิจฉาที่เขาได้เป็นใหญ่เป็นโต..
อิจฉาที่เขามีคนรัก..
อิจฉาที่เขาทำงานเก่งกว่า..
ฉันยอมไม่ได้ ยิ่งเห็นเขาออกทีวี ยิ่งอิจฉา ตาลุกเป็นไฟ..
ฉันจึงต้องตามไปด่า ด่า ด่า...

555555555

และปะนาม....

ถ้าขอโทษแบบลงใน นสพ. อาจจะพอมี แต่ถ้าจะกราบเท้าอ้ายหน้าเหลี่ยมก็คงมีแต่คนอย่างคุณที่ทำได้

สนทินักจัดฉาก

รอคำแถลงการณ์จากทหารไม่ดีกว่ารึ?

รอฟังข่าวอยู่ ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ถ้าเป็นจริงก็ rayumสุดๆๆ

ผมว่างานนี้ สนธิน่าจะต้องการกระตุกเตือนว่า ตอนนี้เรามีปัญหานี่อยู่นะ

แล้วอย่าวางใจ ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆมากกว่า

เพราะเท่าที่อ่านเนื้อหา ดูเหมือนว่าออกไปในแนวสงสัยว่า......... มากกว่านะ

ขออนุญาตตัดแปะจาก pantip

กองทัพยันไม่มีการยกดินแดนให้ใคร

พล. อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เซ็นสัญญาเอ็มโอยู ด้วยการยกที่ดินบางส่วนของเกาะกูด จ.จันทบุรี ให้กับประเทศกัมพูชา เพื่อแลกกับสัมปทานด้านพลังงานว่า เมื่อเช้านี้ นายสนธิได้ให้คนมายื่นหนังสือ ซึ่งทางเลขานุการ บก.ทหารสูงสุดได้รับเรื่องไว้ ได้อ่านแล้ว ไม่มีปัญหา โดยจะให้เจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหารได้ทำรายละเอียด และส่งเรื่องชี้แจงให้ทราบ เพราะการปักปันเขตแดนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งทำกันมานานแต่ก็ไม่สำเร็จ และไม่ได้มีการกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะให้เสร็จเมื่อไหร่ คาดว่าน่าจะเสร็จเร็วๆนี้ โดยจะทำเป็นเอกสารชี้แจงพร้อมกับหนังสือที่นายสนธินำมายื่นให้ตรวจสอบ เมื่อถามว่า เท่าที่ตรวจสอบมีแนวโน้มว่าจะสูญเสียดินแดนหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ตอบว่าไม่จริง เราเป็นทหาร และคนไทยทุกคนไม่มีใครอยากเสียดินแดน ซึ่งได้พยายามทำอย่างเต็มที่ในเรื่องการปักปันเขตแดน


พล. ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า

ไม่จริง ใครจะมายกที่ดินของประเทศชาติให้กับคนอื่น ทั้งนี้ เขตแดนดังกล่าวกองทัพได้ดำเนินการสำรวจเพื่อปักปันเขตแดนมานานแล้ว โดยมีคณะกรรมการของทั้ง 2 ประเทศเจรจากันอยู่ตลอดเวลา กองทัพเรือก็มีการตั้งหน่วยเพื่อดูแลในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง

ที่มา ไทยรัฐ

อีกอันจากไทยรัฐ

วานนี้ (14 ก.ย.) กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา และไทย-ลาว โดยระบุว่า การเดินทางไปเยือนกัมพูชาของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 มีวัตถุประสงค์ประการหนึ่งเพื่อไปหารือและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการสำรวจการปักปันเขตแดนทางบกตามที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ฉบับลงวันที่ 14 มิถุนายน 2543 และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาแบ่งเขตทางทะเลและการพัฒนาร่วมในพื้นที่ไหล่ทวีปที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิทับซ้อนกัน ตามบันทึกความเข้าใจฯ ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2544 ตามที่รัฐบาลได้เคยแถลงข่าวไปแล้ว

กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงต่อว่า ในการเจรจาแบ่งเขตทางทะเลนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดเลย เนื่องจากยอมรับว่าเกาะกูดเป็นของไทยมาโดยตลอด รวมทั้ง ตามบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน 2544 ไทยและกัมพูชาจะดำเนินการเจรจาแบ่งเขตทางทะเลเหนือเส้นละติจูดที่ 11 ไปพร้อมกับเจรจาเพื่อจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมใต้เส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ ซึ่งจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติสำหรับเส้นเขตทางทะเลเหนือเส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือแล้ว

“การเจรจาจัดทำความตกลงพัฒนาร่วมในพื้นที่ทับซ้อนใต้เส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ มิได้มีผลเป็นการยอมรับเส้นเขตทางทะเลในพื้นที่ดังกล่าว เพราะการที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเจรจาเพื่อจัดตั้งเขตพัฒนาร่วมในพื้นที่ทับซ้อนก็เนื่องจากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเส้นแบ่งเขตทางทะเลในบริเวณดังกล่าวได้ จึงเจรจาทำความตกลงเพื่อร่วมกันพัฒนาในพื้นที่ทับซ้อนเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิในเส้นเขตทางทะเลที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาตกลงกันต่อไปในอนาคต”

กระทรวงต่างประเทศ ชี้แจงถึงบทความในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับประจำวันที่ 14 กันยายน 2549 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวอ้างว่า ไทยกำลังเสียบ้านร่มเกล้าฯ เพื่อแลกกับการย้ายองศาดาวเทียมไทยคมนั้น กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า การเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-ลาว ดำเนินไปภายใต้กรอบกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเป็นประธาน และดำเนินการโดยใช้วิธีสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกตลอดแนวระหว่างกัน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-ลาวในภาพรวม บนพื้นฐานของสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส แผนที่และเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

“คณะกรรมาธิการดังกล่าวได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม ซึ่งได้จัดส่งชุดสำรวจร่วมไทย-ลาว ไปปฏิบัติหน้าที่สำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในภูมิประเทศ ปัจจุบันสามารถดำเนินการไปได้กว่าร้อยละ 90 ของเขตแดนทางบกแล้ว (ยังไม่มีข้อสรุปในกรณีบ้านร่มเกล้าแต่อย่างใด) ซึ่งนับเป็นความร่วมมือที่ดียิ่งระหว่างไทยกับลาวในการแก้ไขปัญหาเขตแดนระหว่างกัน”

ทั้งนี้ การเจรจาและการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-ลาว ภายใต้กรอบกรรมาธิการดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกคณะกรรมาธิการฯ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานที่ควบคุมกิจการดาวเทียม หรือหน่วยงานอื่นใดทั้งสิ้น และไม่เคยมีการหยิบยกเรื่องดาวเทียมมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาด้านเขตแดนแต่อย่างใด

ยังไม่ปักใจเชื่อครับ....   แต่ยอมรับว่ามีมูลอยู่บ้างเท่านั้น

ไอ้สนธิน่ะ  อะไรที่ดิสเครดิตนายกฯได้มันก็รีบทำอยู่แล้ว

ส่วนที่ออกมาปฏิเสธ  มันก็แหงล่ะครับ  :!: :!:

ก็ใครมันจะออกมายกมือยอมรับว่าขายแผ่นดินกันล่ะครับ...  รู้ๆกันอยู่  :wink:

(คงต้องรอดูกันต่อไป)


เรื่องนี้ถึงจะเป็นการจัดฉากด่านายกฯ 

แต่ผมก็ขอยืนยันว่าไม่ขำเท่า "คาร์บ็องส์" แน่นอนครับ...  :mrgreen:

แหล่งข่าววงข้างในบอกมาว่า เรื่องจริงตรงเกาะกูดก็คือเรื่องก๊าซธรรมชาติที่อยู่ตรงเส้นแบ่งเขตแดนไม่ชัด
เท่านั้นเอง คนสำรวจก็ไม่เกี่ยวกับนายกทักษิณ มันจะเข้ากรณีเดียวกับท่อก๊าซมาเลย์ที่เคยมีเรื่องมาก่อน
คนสำรวจก็ไม่อยากจะทำ แม้ว่าแหล่งก๊าซเดิมจะใช้ได้อีกประมาณ 2-3 ปีก็จะหมด ส่วนคนที่ไปบอกว่ายก
เกาะกูดให้นั้นมั่วข่าว คือ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เอามาสร้างเรื่องให้นายกทักษิณดูแย่เท่านั้น