หัวข้อ: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-09-2006, 20:46 ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อไปนี้ คนที่หวั่นไหวกับความนอบน้อมถ่อมตนกับคนที่เป็น ครูบาอาจารย์ ผมไม่รู้ว่าจะรู้สึกพอใจหรือไม่กับบทความของผม แต่เพราะผมถือหลักกาลามาสูตร (ที่ก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาธิการ มักจะชอบนำมาลงเป็นโฆษณาในหน้าพระเครื่องของ น.ส.พ.คมชัดลึก) โดยภายในเนื้อหาจะยึดข้อที่ 10 ผู้พูดเป็นครู เป็นหลัก ... เพราะฉะนั้น จึงขออนุญาตทำตัวไม่น่ารักสักวัน โดยนำเสนอเรื่องราวที่อาจารย์ได้เคยพูดคุยต่อหน้าสาธารณะชน มาในอีกแง่มุมหนี่ง โดยที่ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาลบหลู่ครูบาอาจารย์อย่างไร้เหตุผลแต่อย่างใด
000 เมื่อวานนี้ (6 ก.ย. 2549) รายการ ครบมุมข่าว ทางเอฟ.เอ็ม 101 ไอเอ็นเอ็น นิวส์ชันนัล ผู้ดำเนินรายการ 2 ท่านคือ พีรพัฒน์ วัฒนภิรมย์ และ ธนกร ศรีสุกใส ได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ อ.วรพล หรหมมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา (ไม่รู้ใช่หรือเปล่า เพราะผมไม่ใช่ลูกแม่โดม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านให้ความเห็นในประเด็นเกี่ยวกับสื่อแท้และสื่อเทียม แตกต่างไปจากนักวิชาการคนอื่นๆ โดยระบุในทำนองว่า องค์กรสื่อทั้ง 3 สถาบันที่เคยออกแถลงการณ์ประนามสื่อเทียมเมื่อไม่นานมานี้ มุ่งเน้นไปที่สื่อวิทยุโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ หารู้ไม่ว่า ยังมีสื่ออินเตอร์เน็ตที่เป็นสื่อทางเลือก ให้ประชาชนสามารถแสดงออกอย่างมีสิทธิเสรีภาพ และในปัจจุบันประชาชนยังมีความไม่เห็นด้วยกับสื่อหนังสือพิมพ์อย่างมาก โดยเขายกตัวอย่างเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ที่เมื่อมีข่าวนำเสนอออกไปแล้ว มักจะมีประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอข่าวบนเว็บไซต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย ฝ่ายสนับสนุนนายกฯ มักจะโผล่ที่เว็บฝ่ายต้าน ขณะที่เว็บฝ่ายหนุนนายกมักจะมีฝ่ายต้านมาเสมอ เขากล่าวถึงการรับจ้างเขียนข่าวหรือข้อความด้วยว่า นักหนังสือพิมพ์สมควรที่จะเรียกว่า พวกรับจ้าง มากที่สุด เพราะเวลาเขียนคอลัมน์มักจะรับเงินค้าต้นฉบับตอบแทน ขณะที่การโพสต์ในเว็บไซต์เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ที่ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของสื่อได้ด้วยตัวเอง ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นในประเด็นข่าว รวมทั้งส่งข่าวขึ้นมาในระบบได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยว่า สื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันมักมีอิทธิพลมาจากนักข่าวที่ส่งข่าว ไปจนถึงกองบรรณาธิการข่าวให้เกิดการรีไรท์ข่าวจนประชาชนซึ่งเป็นผู้รับสารรู้สึกเกลียดชัง โดยส่วนมากข่าวทุกชิ้นที่โผล่ออกมาจากสื่อหนังสือพิมพ์มักจะมีความเห็นแทรกออกมาในข่าวด้วย และในรายการเขายังบอกอีกว่า ที่กล่าวหาว่ารัฐเป็นคนที่ควบคุมกลไกอำนาจที่ควบคุมสื่อนั้น เขามีข้อมูลที่จะออกมาบอกว่า นักหนังสือพิมพ์เขาก็ยังทำตัวเป็น แผ่นเสียงตกร่อง มานานกว่า 30-40 ปีแล้ว และยังบอกอีกด้วยว่า ประชาชนกลุ่มหนึ่งกำลังจะออกมาต่อต้านสื่อหนังสือพิมพ์ในเร็ววันนี้ด้วย จึงแนะนำว่าให้ประชาชนฟังหูไว้หูกับสื่อหนังสือพิมพ์ดีกว่า ... ฟังรายการจบแล้ว ผมคิดว่าในรั้วธรรมศาสตร์ นอกจากจะมี อ.พิชิต ลิขิตสมบูรณ์ ที่สนับสนุนทุนนิยมสามานย์กันสุดโต่งแล้ว อย่างน้อยอาจารย์ก็คงมีเพื่อนตายอย่าง อ.วรพล แล้วกระมัง ... 000 ผมมีคำถาม และข้อมูลนำเสนออาจารย์นะครับ ถ้าอาจารย์ตอบได้ก็เชิญตอบให้กระจ่างนะครับ ไม่รู้ว่าอาจารย์จะเข้ามาอ่านเว็บในมุมมืดอย่าง เสรีไทย ในนี้หรือเปล่า? คำถามแรก : อาจารย์แน่ใจเหรอว่า ข้อความที่โพสต์มาจากอินเตอร์เน็ต จะเป็นผลจากสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างแท้จริง ขอตัวอย่างมาให้อ่านกัน (http://img170.imageshack.us/img170/6816/press401jy2.gif) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์ม็อบคาราวานคนจนปิดล้อมอาคารเนชั่นทาวเวอร์ ผม Capture จากหน้าจอของเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (โดยที่ผมดันเซฟเป็น .mht ทำให้ไม่สามารถเช็ค URL ได้) ขอถามหน่อยเถอะว่า ลักษณะความเห็นในทำนองนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นที่วิญญูชนพึงกระทำหรือ ... และกรอบสี่เหลี่ยมที่ผมตีกรอบมาให้เห็นนี้ ผมคิดว่ามือวางข้อความแล้วโพสต์เนี่ย คงจะรู้ดีว่าระบบทำการบล็อกคำที่ไม่เหมาะสมออก จึงต้องเลี่ยงบาลีมาเว้นวรรคคำว่า ไ อ้ หรือคำว่า ระ ยำ เพื่อหลีกเลี่ยงระบบเซ็นเซอร์ ... นี่ขนาดคอลัมน์จุดประกายที่ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์การเมืองนะ ยังมั่วขนาดนี้ สงสัยวิญญูชนที่ว่าคงเป็นระดับชาวบ้านอย่าง มดชมพู ชายหัวเกรียนศิษย์ปากห้อยที่รับจ้างเย้วรัฐบาล ตั้งแต่หน้าจอ หน้าเวที หน้าห้างดัง จนกระทั่งหน้าปัดวิทยุซะละมั้ง !!! ด้วยความที่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เป็นเว็บไซต์ที่ขาดการจัดการระบบกรองคำที่ดี ซึ่งไม่เหมือนเว็บผู้จัดการ ผู้คนรับจ้างโพสต์ในห้องราชดำเนิน นอกจากจะขยายฐานไปยังเว็บไซต์สนุกด็อทคอม และเว็บไซต์เอ็มไทยด็อทคอมแล้ว เว็บไซต์ข่าวอย่างกรุงเทพธุรกิจที่มีจุดอ่อนตรงนี้ ก็ถือเป็นช่องโหว่ที่ขบวนการวอร์รูมสามารถแทรกซึมความคิดเห็นในเชิงปริมาณ เพื่อการโจมตีอย่างเต็มกำลังความสามารถ และโน้มน้าวให้ผู้อ่านเว็บไซต์เกิดอาการเขว โดยใช้กำลัง หมาหมู่ เป็นหลัก ... บางเว็บเพจยังมีคนหน้าเดิมๆ ตัดแปะลิงค์จากเว็บไซต์เดอะรีพอตเตอร์ เช่นข่าว สนธิอ้างอยู่พรรคจักรี มีการตัดแปะมากกว่าหลายร้อยความเห็น !!! แล้วไม่ต้องมาโต้กลับที่เว็บผู้จัดการหรอกนะครับ ผมรู้ว่าคำไม่สุภาพที่ด่าหรือโจมตีรัฐบาลก็มีเหมือนกัน แต่เพราะเว็บไซต์ผู้จัดการถือเป็นส่วนหนึ่ง ของการโจมตีรัฐบาลเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเพื่อให้การโจมตีอยู่รอด จึงต้องมีระบบกรองคำและพนักงานตรวจสอบความเห็น ผมคงไม่ว่าอะไรกับชาวบ้านมากนัก เพราะความเคยชินในเมื่อเราอยู่ด้วยกัน แล้วเห็นอารมณ์ร้อนของประชาชนที่คาดหวัง ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ปกติ ... ก็เหมือนกับเราอยู่ในรถยนต์ติดแอร์ กับเพื่อนที่นิสัยดีคนหนึ่ง เขาเป็นนักกีฬาที่เพิ่งเล่นกีฬาเสร็จ คุณจะรู้สึกถึงกลิ่นกายที่เหม็น แต่คุณก็ต้องทนเพราะความเกรงใจที่จะนั่งอยู่ด้วยกันตลอดจนถึงปลายทาง แต่การปล่อยวอร์รูมทำงานแอบแฝงท่ามกลางประชาชนทั่วไป จะเป็นไปไม่ได้เลยหรือที่เป็นการชี้นำประชาชน เมื่อได้เห็นข้อความจะรู้สึกโน้มเอียง ขนาด SMS บนหน้าจอทีวี ความเห็นที่ออกมาเชียร์รัฐบาลหน้าด้านๆ คงทำให้ฝ่ายที่เป็นกลางเกิดอาการลังเลเป็นแน่...และไม่ทราบเลยหรือว่า คนพวกนี้ทำงานเป็นทีม เมื่อพบเจอข่าวใดจากฝ่ายไหน สัญชาตญาณนักล่าเหยื่อทางเว็บบอร์ดจะต้องออกมาบอกว่า เว็บนี้ด่ารัฐบาลอีกแล้ว ช่วยกันหน่อยเร็ว... โพสต์อิหรอบนี้จนเป็นนิสัย และถ้าเป็นพวกราชดำเนิน คงไม่ต้องทวนซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งมีแบนเนอร์โฆษณาของสมัครอยู่บนหน้าจอเว็บไซต์ ชัดเจนเลยว่าเลือกข้าง? ส่วนฝ่ายต้านอย่างเราๆ มีพื้นที่ในการแสดงออกอย่างสบายใจเฉพาะในสื่อผู้จัดการ ทำนองว่า ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย คำถามที่ 2 : นักหนังสือพิมพ์คือพวกรับจ้าง ประชาชนบนอินเตอร์เน็ตเป็นฝ่ายแสดงออกซึ่งสื่อเสรี? นี่สงสัยอาจารย์คิดว่า คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ เจ้าของนามปากกา ศรีบูรพา เกิดมาบนโลกใบนี้โดยไม่มีประโยชน์อะไรบนผืนแผ่นดินเลยใช่ไหม? ขออนุญาตหน่อยเถอะครับ และถามตัวเองด้วยว่า ชาวบ้านที่วิพากษ์วิจารณ์ในเว็บบอร์ด เขารู้อะไรลึกมั้ย เขาพบเห็นความไม่ชอบมาพากลของคนบางคนหรือเปล่า และบางทีข้อโต้แย้งอย่างเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป ที่บรรดาขบวนการวอร์รูมอ้างว่าเป็นเรื่องกิจการในครอบครัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องของประเทศ จะเอามาจากขบวนการวอร์รูม หรือหนังสือพิมพ์นอกคอกที่ซื้อเทียนพรรษาเป็นโหลๆ เพื่อจุดไฟเขียนข่าวให้กับคนทั้งกองบรรณาธิการ โดยไม่ทราบว่าชั่งใจอย่างดีหรือเปล่า นักหนังสือพิมพ์อยู่ๆ ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ใส่หมวกแก๊บ ยืนถือวิทยุสื่อสารอยู่หน้า กกต.ทั้งที่มีปัญญาแค่ถือกล้องถ่ายภาพ การที่คุณอยู่ในสนามข่าวไม่ใช่ว่าคุณจะต้องรับรู้และเห็นในสิ่งที่เป็นไป แต่คุณต้องมีแหล่งข่าวที่สามารถสอบถามความเป็นไปในแต่ละฝ่าย รวมไปถึงการมีสัมผัสในการเข้าถึงแหล่งข่าว และรับรู้ปัญหาในประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการนำเสนอเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา แม้ผมจะไม่ได้ประกอบอาชีพสื่อมวลชน แต่ผมเชื่อถือสื่อมวลชน เช่นเดียวกับคนอีกหลายคน และไม่ใช่จะเชื่อถือทั้งหมด แต่เพราะเชื่อในการเข้าถึงของแต่ละแหล่งข่าว ว่ามันมีความเป็นไปได้ และความน่าจะเป็นมากแค่ไหน หรือบางสำนักใส่สีตีข่าว ประชาชนก็ไม่เลือกที่จะรับฟัง คำถามที่ 3 : ตั้งแต่คนส่งข่าว และบรรณาธิการ ล้วนแล้วแต่ใส่ข้อคิดเห็นลงไปในข่าว ผมเห็นด้วยที่อาจารย์บอกว่าให้ฟังหูไว้หู เพราะความเห็นอาจจะเป็นในส่วนของพาดหัวข่าว หรือโปรยข่าวก็ได้ แต่ในเนื้อข่าวประชาชนจะอ่านแล้วรู้เองว่า ไอที่โปรยน่ะมันเรื่องจริงหรือเกินจริง ซึ่งคนที่ทำหน้าที่บรรณาธิการและรีไรท์เตอร์เขารู้จักระยะอันเหมาะควรในการโปรยข่าว และคุณรู้ไหมว่า การกำหนดทิศทางข่าว ไม่ใช่ว่าจะยึดแต่ใจตนเองเป็นหลัก เพราะทำไปก็ไม่มีทางขายได้ คนส่วนใหญ่ที่บริโภคจริงๆ จะไม่ชอบ แต่ยึดถึงกระแสจากผู้บริโภค และเป็นผู้บริโภคจริงๆ จากกลุ่มตัวอย่าง ไม่ใช่กลุ่มผู้บริโภคจอมปลอมที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อโจมตีหนังสือพิมพ์เอง ยกตัวอย่างง่ายๆ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่เห็นตีข่าวในทำนองวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าแต่ก่อน นี่เป็นผลสะท้อนจากประชาชนหรือไม่ ... เมื่อก่อนนี้ว่ากันว่า คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภรรยาที่เป็นเจ้าของไทยรัฐ เป็นเพื่อนที่มักจะนัดกินข้าวและเจรจาทางธุรกิจ กับคุณหญิงพจมาณ ชินวัตร จนกระทั่งบริษัทโพลีพลัส ซึ่งเป็นบริษัทของอรพรรณ พานทอง ภรรยาของลูกชายเจ้าของไทยรัฐ ได้รับงานจากฟรีทีวีทุกช่อง ไม่ต้องแปลกใจเลยใช่ไหมว่าคงเป็นเพราะอิทธิพลและเส้นสาย ในช่วงที่ ปรากฎการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล เริ่มเกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้า 3 ตีข่าวตอบโต้ฝ่ายคุณสนธิ กล่าวหาว่าม็อบที่ไปกู้ชาติเป็นพนักงานทีพีไอทั้งนั้น ซึ่งมันเป็นเพียงการนั่งเทียนเขียนของบรรณาธิการแก่ๆ คนหนึ่งในออฟฟิศถนนวิภาวดี ซึ่งพนักงานทีพีไอเป็นเพียงสมมติฐานเก่าๆ ในการชุมนุมของนายสมาน ศรีงาม เมื่อครั้งปี 2547 ที่ผ่านมาแต่เวทีล่ม ซึ่งการนำของคุณสนธิต่างจากการนำของคุณสมาน ด้วยอุดมการณ์ต่างกัน และผู้คนหลากหลายกว่า นอกเหนือจากการบิดเบือนข้อเท็จจริง ขนาดสถานีโทรทัศน์ยังเขียน ARTV จงใจขนาดไหน ไม่นับการออกโรงเชียร์นายกฯ ทักษิณตลอดเวลาในคอลัมน์ต่างๆ อำนาจหรือจะสู้พลังจากลูกค้า หลายคนพร้อมใจกันบอยคอตหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ด้วยความที่การลงข่าวค้านสายตาประชาชนที่รับรู้ข้อมูลข่าวสาร แต่ไม่ใช่ว่าผู้บริโภคจะยึดถือสื่อในเครือผู้จัดการเสมอไป ยังมีเครือเนชั่น มติชน บางกอกโพสต์ ไทยโพสต์ แนวหน้า สารพัดเครือข่ายพี่น้องสื่อมวลชน ที่ประชาชนสามารถเลือกข่าว และรับรู้ข่าวได้ละเอียดกว่าการอ่านบนหน้าจอโทรทัศน์ ที่มีแต่ข่าวรูทีน หรือข่าวพูลขายอยู่ทุกวันๆ ไม่มีอะไรใหม่ ทุกวันนี้ยังน่าให้อภัยที่ไทยรัฐทำหน้าที่ตีรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม-ไม่เกรงใจหน้าอิฐหน้าพรหมทั้งสิ้น คำถามที่ 4 : นักหนังสือพิมพ์ทำตัวเป็นแผ่นเสียงตกร่อง เรื่องรัฐบาลแทรกแซงสื่อถูกนำมาพูดถึงกว่า 30-40 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้ผมคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องแผ่นเสียงตกร่อง สุนัขไม่ขับถ่ายก็ไม่มีมูลใช่หรือไม่? ตัวอย่างง่ายๆ ในช่วงที่นายกฯ ทักษิณกำลังเข้ามาบริหารบ้านเมือง ด้วยความที่เขามีคอนเน็กชั่นเป็นนักธุรกิจที่หลากหลาย เขาสามารถสั่งให้ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ คนในตระกูลเซ็นทรัลที่ถือหุ้นในบางกอกโพสต์ ปลด วีระ ประทีปชัยกูร ออกจากกองบรรณาธิการบางกอกโพสต์ และได้ข่าวว่ามีศพเกลื่อนในบางกอกโพสต์ทั้งผู้สื่อข่าว ที่ไปตีข่าวเรื่องรันเวย์ร้าวในสนามบินสุวรรณภูมิก็ถูกปลด หลายสถาบันสื่อหนังสือพิมพ์กำลังคุกคามอย่างหนัก อย่างเช่น เครือเนชั่นที่มีคนในตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยมีเจตนาแอบแฝง ซึ่งทำให้ข่าวการโจมตี รมต.สุริยะ ในเรื่องสินบน CTX เป็นไปด้วยความอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยสาวไม่ถึงรัฐมนตรีโดยตรง หรือก่อนหน้านั้นที่มีข่าวเกี่ยวกับการตีข่าวในประเด็นๆ หนึ่งบนนิตยสาร Far Eastern Economic Review ที่นายกฯ ทักษิณระบุว่า เป็นฝีมือการให้ข่าวของ ปีศาจคาบไปป์ ปรากฏว่าด้วยความตรงไปตรงมาของสองพิธีกร สมัยที่ยังไม่ถูกล้างสมองอย่าง สรยุทธ สุทัศนธจินดา และ กนก รัตน์วงค์สกุล ที่ไม่ทราบมาก่อนว่า บรรณาธิการข่าวของเนชั่นทุกสื่อในเครือจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้เป็นประเด็นข่าว ปรากฎว่าได้หมุนโทรศัพท์โฟนอินเข้ารายการเก็บตกจากเนชั่น สมัยที่เนชั่นชันนัลอยู่ที่ UBC 8 แล้วปรากฏว่ามีฝ่ายบริหารของ UBC ที่จำได้ว่านามสกุล จารุมิลินทร์ ออกมาบอกว่า ปลั้กหลุด เพราะไม่ได้ออกอากาศ และเมื่อวิทยุเอฟ.เอ็ม 90.5 ออกอากาศ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับคนในรัฐบาล จนกระทั่งเตรียมการปลดรายการออกจากผังเอฟ.เอ็ม 90.5 มาระยะหนึ่ง พ่วงด้วยการที่ นายกฯ ทักษิณสั่งให้ ปปง.ตรวจสอบสื่อฯ ด้วยโทษฐาน อั้งยี่-ซ่องโจร ซึ่งเป็นการกล่าวหาอย่างร้ายแรง หรือแม้กระทั่งกรณีที่อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เพื่อนสนิทของ นายกฯ ทักษิณ เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการของหนังสือพิมพ์อย่าง มติชน และ บางกอกโพสต์ ด้วยการซื้อหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า แต่ถูกสถาบันสื่อออกมาปกป้องจนการเทคโอเวอร์ถูกยกเลิกไป และการที่รัฐบาลบีบบังคับหนังสือพิมพ์แนวหน้า ให้ปลดคอลัมนิสต์อย่าง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เพื่อแลกกับการแพลนโฆษณาในรัฐวิสาหกิจ แต่แนวหน้าไม่ยินยอม หรืออย่างการที่ บมจ.ชินคอร์ปฯ ฟ้องร้อง นสพ.ไทยโพสต์ และ สุภิญญา กลางณรงค์ 400 ล้านบาท โทษฐานที่ตีแผ่เกี่ยวกับเรื่องความไม่ชอบมาพากลบางเรื่องของ บมจ.ชินคอร์ป ไม่นับรวมหนังสือพิมพ์ผู้จัดการที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพื่อหวังปิดปากอีก แต่ถ้าจะมาดูกันที่สื่อวิทยุ-โทรทัศน์ ซึ่งกลไกของรัฐเป็นเจ้าของ อ.อรุณีประภา หอมเศรษฐี เคยให้เหตุผลเกี่ยวกับการควบคุมสื่อโดยรัฐ ผ่านทางโทรทัศน์ของ มสธ.ว่า เพราะความรวดเร็วของสื่อโทรทัศน์และวิทยุ จึงทำให้รัฐต้องควบคุมในส่วนนี้ เพราะหวั่นเกรงว่าประชาชนจะเกิดความเข้าใจผิด หากได้รับข่าวสารโดยไม่มีการตรวจสอบก่อน เพราะความเร็วทำให้รัฐต้องควบคุม แต่เราสังเกตหรือเปล่าว่า สื่อกระแสหลักจำพวกโทรทัศน์วิทยุที่ออกมาชื่นชมรัฐบาล ล้วนแล้วแต่มีผลประโยชน์ทั้งนั้น อย่างคนที่กำลังเป็นข่าว และจับตามองจากเพื่อนร่วมวิชาชีพอย่าง ทองเจือ ชาติพันธุ์เจริญ ที่ปัจจุบันได้ใช้เส้นสายความเป็นสื่อมวลชน เข้าไปทำธุรกิจสื่อที่มีผลประโยชน์ร่วมกับนักการเมืองแอบแฝง โดยใช้ชื่อว่า The Reporter นั้น ทราบมาว่า ก่อนหน้านั้นมีผลประโยชน์ในบริษัท แพลนมีเดียส์ ผลิตข่าวป้อนให้กับช่อง 11 มาโดยตลอด นั่นก็หมายความว่า ที่ผ่านมาเราจะเห็นผลประโยชน์จากอำนาจรัฐทั้งการวิ่งเต้นเพื่อรับงานพี.อาร์ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะสำนักนายกรัฐมนตรี? ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดหลายคดีในปัจจุบัน เหตุการณ์ต่างกรรม ต่างวาระเหล่านี้ ไม่ใช่แค่แผ่นเสียงตกร่องหรอกหรือ? ผมคงยืนยันมา ณ ที่นี้ว่า สื่อมวลชนไม่ใช่ ฐานันดรที่ 5 ตามที่ลิ่วล้อรัฐบาลหลายคนเข้าใจ หากแต่การที่แต่ละฝ่ายต่างก็มีความเป็นธรรม เราตรวจสอบ คุณตอบคำถาม ก็ไม่มีปัญหาบานปลายและระหองระแหงจนถึงทุกวันนี้ คำถามที่ 5 : ประชาชนกลุ่มหนึ่งกำลังจะออกมาต่อต้านสื่อหนังสือพิมพ์ในเร็ววันนี้ รับรู้เรื่องจากวอร์รูมมากไปมั้ง ไม่ทราบว่าคนอย่างอาจารย์เป็นสมาชิกพันทิปหรือเปล่า ที่คุณป้าเจ้าเก่าพูดซะเวอร์ถึงการบอยคอตหนังสือพิมพ์ในวันที่ 9 เดือน 9 ทั้งๆ ที่จริง ผมนับว่าขบวนการวอร์รูมในพันทิป ที่มีทั้งเขียนเอง เชียร์เอง ตบเอง ตีซะ 250 คน ถ้าไปบอกคนระดับรากหญ้าเพื่อใช้วิธีปากต่อปาก ตีซะคนละ 10 คน ก็ตก 2,500 คน ทำแบบนี้จะไปได้ผลอะไรครับ? เพราะอย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่า สื่อหนังสือพิมพ์เป็นสื่อทางเลือก ที่มีคนเฉพาะกลุ่มซื้อไปบริโภค ไม่ใช่สื่อที่สามารถจะยัดเยียดอะไรก็ได้เหมือนวิทยุ-โทรทัศน์ เพราะฉะนั้นก็มีเพียงลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้นที่บริโภค คนเดินดินกินข้าวแกง ที่ไม่ได้ศรัทธาในเรื่องสถาบันข่าวมีน้อยคนมากที่บริโภค พวกคนขับรถแท็กซี่มีปัญญาซื้อสปอร์ตพลูได้ แต่ดูข่าวเหตุบ้านการเมืองได้ฟรีตามร้านขายข้าวผัดเอา ... และขอถามหน่อยว่า ในบรรดาข้อความที่คนเข้าไปโพสต์ว่า ผมเลิกรับมติชนแล้ว หรือ ไม่อ่านมานานแล้วค่ะ ตีซะกลุ่มนึงที่ถนัดอ่านฟรีตามอินเตอร์เน็ต กับอีกกลุ่มหนึ่ง จะจัดแต่งข้อความ โอ้อวดเพื่อให้รู้ว่าข้าทำจริงหาพระแสงอะไรครับ? แน่จริงคุณเอาใบเสร็จค่าหนังสือพิมพ์เก่าๆ ที่ระบุชื่อร้านเอเย่นต์ที่ส่ง แล้วบอกชื่อและนามสกุลของคุณ หนึ่งคนหนึ่งเสียงเหมือนท่านผู้นำ ที่คุณบูชาจุดธูปดอกเดียวกราบไหว้ทุกวันๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยว่า คนๆ นี้ไม่ซื้อ ... ดูซิว่ามีคนกล้ายืนยันตัวเป็นๆ กี่คน เพราะผมไม่เชื่อพลังที่เป็นผลพวงจากคนมีสีในกระแสจากโลกอินเตอร์เน็ตมากมายนัก คำถามนี้ไม่ใช่แค่อยากจะถามกับอาจารย์ที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เพียงคนเดียว แต่อยากจะสื่อสารกับผู้อ่านทุกท่านด้วยเหตุผลที่ว่า เจ็บแล้วจักต้องจำ อย่าหลงคำเคลือบยาพิศ คำหวานสมานจิต กลพิชิตศัตรูมี ไม่ใช่เราออกมาคิดว่า อันไหนสื่อแท้ อันไหนสื่อเทียม แต่การพิสูจน์คุณค่าในการแสวงหาความจริงของการรับรู้ในหน้าที่สื่อสารมวลชน ย่อมรู้ดีว่าสารที่ได้รับ มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เรารู้เห็นและเป็นไปได้มากขนาดไหน ใครทำหน้าที่บอกแทนใคร ใครทำหน้าที่สนองตอบต่อคนไหน น่าจะรู้กับตัวเองดี... ผมไม่ได้มีอาชีพสื่อมวลชนเป็นหลัก แต่ในฐานะมวลชนคนหนึ่ง ย่อมตอบแทนด้วยการจ่ายเงินให้กับสื่อมวลชน ผ่านกระดาษเปื้อนหมึกที่วางแผงอยู่ในตลาด หรือกลางสี่แยกไฟแดงอย่าง อยากรู้อยากเห็น ตลอดมา ... หัวข้อ: Re: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: ศก ที่ 07-09-2006, 21:10 มดชมพู นี่มันหน้าตาเป็นยังไงครับ อายุเท่าไหร่
เห็นมันโพสต์โจมตีพล.อ. เปรมอยู่นั่นแหละ ที่สำคัญมันเป็นกะเหรี่ยงหัดพิมพ์ภาษาไทยรึเปล่า สมเพชกับข้อความกับภาษาไทยที่มันใช้ อีกอย่าง ผมว่ามันสติไม่ค่อยดีรึเปล่า หัวข้อ: Re: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 07-09-2006, 21:29 มดชมพูนี่มันขยันตั้งกระทู้มากครับที่รดน. บางทีลืมสลับล็อคอินIDด้วย ประสาทมาก
หัวข้อ: Re: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 07-09-2006, 22:20 มดชมพู นี่มันหน้าตาเป็นยังไงครับ อายุเท่าไหร่ เห็นมันโพสต์โจมตีพล.อ. เปรมอยู่นั่นแหละ ที่สำคัญมันเป็นกะเหรี่ยงหัดพิมพ์ภาษาไทยรึเปล่า สมเพชกับข้อความกับภาษาไทยที่มันใช้ อีกอย่าง ผมว่ามันสติไม่ค่อยดีรึเปล่า มดชมพู .... ไม่แน่ใจว่าเป็นอีกชื่อหนึ่งของคุณ ทัชภูมิ หรือเปล่า !! ( น่าจะใช่นะ ) * ถ้าจำไม่ผิด * ................ คุณทัชภูมิแห่งห้องราช... เคยขึ้นไปไฮปาร์คที่เวทีคนรักแม้ว ณ. จตุจักร ( น่าจะเป็นช่วงม๊อบอีแต๋น..นะคะ ) กะ ใครอีกคนนึงที่เป็นสมาชิก ห้องราช เหมือนกัน..( จำชื่อไม่ได้แล้ว ) ตอนนั้น .. ห้องราชยังโพสต์รูปได้อยู่ เคยมี สมาชิก..กลุ่มคนรัก แม้ว .. นำภาพบรรยากาศมาลงให้ดูค่ะ คุณ ทัชภูมิ ... เท่าที่เคยเห็นในภาพอายุยังไม่เยอะ..น่าจะประมาณ 30 อัฟ น่ะ เป็นหนึ่งใน สมาชิก..คนผ่านฟ้า คนหนึ่ง ...เท่าที่ทราบมาก็ประมาณนี้แหละ ( ไม่แน่ใจว่าในคลังกระทู้เก่าของห้องราช .. ยังมี กระทู้ ภาพบรรยากาศวันนั้นหรือเปล่าคงต้องไปค้นดูเอาเองเน้อ !! :D ) หัวข้อ: Re: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 08-09-2006, 12:32 มดชมพู นี่มันหน้าตาเป็นยังไงครับ อายุเท่าไหร่ เห็นมันโพสต์โจมตีพล.อ. เปรมอยู่นั่นแหละ ที่สำคัญมันเป็นกะเหรี่ยงหัดพิมพ์ภาษาไทยรึเปล่า สมเพชกับข้อความกับภาษาไทยที่มันใช้ อีกอย่าง ผมว่ามันสติไม่ค่อยดีรึเปล่า มดชมพู .... ไม่แน่ใจว่าเป็นอีกชื่อหนึ่งของคุณ ทัชภูมิ หรือเปล่า !! ( น่าจะใช่นะ ) * ถ้าจำไม่ผิด * ................ คุณทัชภูมิแห่งห้องราช... เคยขึ้นไปไฮปาร์คที่เวทีคนรักแม้ว ณ. จตุจักร ( น่าจะเป็นช่วงม๊อบอีแต๋น..นะคะ ) กะ ใครอีกคนนึงที่เป็นสมาชิก ห้องราช เหมือนกัน..( จำชื่อไม่ได้แล้ว ) ตอนนั้น .. ห้องราชยังโพสต์รูปได้อยู่ เคยมี สมาชิก..กลุ่มคนรัก แม้ว .. นำภาพบรรยากาศมาลงให้ดูค่ะ คุณ ทัชภูมิ ... เท่าที่เคยเห็นในภาพอายุยังไม่เยอะ..น่าจะประมาณ 30 อัฟ น่ะ เป็นหนึ่งใน สมาชิก..คนผ่านฟ้า คนหนึ่ง ...เท่าที่ทราบมาก็ประมาณนี้แหละ ( ไม่แน่ใจว่าในคลังกระทู้เก่าของห้องราช .. ยังมี กระทู้ ภาพบรรยากาศวันนั้นหรือเปล่าคงต้องไปค้นดูเอาเองเน้อ !! :D ) อายุคุณทัชภูมิ 27 ปีครับตามรายงาน หัวข้อ: Re: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 08-09-2006, 12:37 ^
^ ง่า...จริงอ่ะคุณ Aloha007 เอ่อ.. อย่าหาว่า นินทา เลยนะ ( ขออำภัยไว้ล่วงหน้า..ถ้าคุณ ทัชภูมิ แว๊ปมาอ่านที่นี่ ) อายุ 27 ทำไมหน้าแก่แบบนั้นอ่ะ... ( เห็นในรูปนึกว่า 30 อัฟเสียอีก :mrgreen: ) หัวข้อ: Re: รู้เขารู้เรา : มาฟัง อาจารย์นอกคอก จากรั้วแม่โดมตอบโต้ สื่อเทียม กัน เริ่มหัวข้อโดย: MaJinSKi ที่ 11-09-2006, 15:30 เจ้าของกระทู้ ลองกลับไปอ่าน จรรยาบรรณ ของการเขียนข่าวดูนะ เผื่อจะเห็นอะไร ชัดขึ้นบ้าง
|