ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 12:24



หัวข้อ: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 12:24
(http://www.pbclibrary.org/images/kids-books-small-new.jpg)

ประกายดาวเติบโตขึ้นมาอย่าง มีร้านหนังสือ เป็น เพื่อนค่ะ
เรียกว่า รักร้านหนังสือมากกว่ารักร้านขายของเล่น  
(http://www.hinghamlibrary.org/images/book_spines.jpg])

หนังสือเป็นชีวิตจิตใจของ ประกายดาวเลย...
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราว แบบที่เหมือนพาไปรู้จักโลกทั้งโลก
หรือ ชีวิตทั้งชีวิต ผ่านนักเรียน หรือ กูรุ ท่านนั้นๆ...

การมีหนังสือเล่มโปรดเก็บไว้ หยิบมาอ่านเมื่อเวลาคิดถึง
จึงเป็นความสุขอย่างสำคัญ มากๆในชีวิต ....
หนูมีร้านหนังสือทีรักมากมาย ...ร้านหนังสือในดวงใจ

ตอนเด็กๆ  แม่พาไป ศึกษาภัณฑ์ แค่นั้นก็สนุกแล้ว มีหนังสือสนุกๆ เยอะแยะ
ไม่นับของเล่นที่ แม่ซื้อให้ แล้วเอามาคิดการเล่นเอง
ร้านหนังสือ ที่สยาม หลายๆ ร้านเช่นดวงกมล ....หนูเก็บตังตั้งนานกว่าจะซื้อได้แต่ละเล่ม
ไม่มีตังก็ ไปเวียนอ่านล้วอ่านอีก

 ...ศูนย์หนังสือจุฬา ...เป็นอีกที่ ที่ ประกายดาวสนุกมากๆ แม้จะไม่ได้เรียนที่นี่
เดินหิ้วกระเป๋า นักเรียนมาไม่นานก็ถึงแล้ว ....
หนังสือมากมายมหาศาล ที่ยินยอมให้เด็กๆเปิดอ่าน....หนูรักร้านหนังสือใจดีเหล่านี้
ไม่นับ ศึกษิตสยาม   ร้านดอกหญ้าที่เติบโตมาที่หลัง ร้านนายอินทร์ ...
ร้านหนังสือเล็กๆของกรมศิลปากรตรงวังท่าพระ หัวมุมถนนหน้าพระลาน

แต่ที่นี่ หนูรักมากที่สุด ไม่เบื่อหน่ายคือ ร้านหนังสือเก่า ที่ สวนจตุจักร ...
เจ้าของร้านจำหนูได้แทบทุกเจ้า ...หนังสือศิลป จากต่างประเทศแสนแพงสำหรับเด็กนักเรียน
วรรณคดีเก่าๆ หนังสือแปลกๆ ...หนูพลิกอ่านเบาๆ ...ไม่อยากให้หนังสือช้ำ
ประกายดาวแวะเวียนไปอ่าน ไปขอดู ไปเยี่ยมเล่มที่อยากได้แต่ต้องรอเก็บตัง
จน คุ้นเคยกับ ลุงๆ เจ้าของร้าน .....หนูมีความสุขแบบนี้


 ร้านหนังสือที่หนูรัก
ใครรัก ร้านหนังสือ แบบประกายดาวบ้าง  


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 29-08-2006, 12:43
เกือบแตกหักกับกิ๊ก ก็เพราะร้านหนังสือนี้แระ  :lol: :lol: :lol:

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวลาเข้าร้านหนังสือ มันถึงต้องใช้เวลานาน หรือไม่ก็ลืมคนที่ยืนรออยุ่ข้างนอกไปเลย ยิ่งไปเจอหนัวงสือที่ถูกใจ ต้องพยายามอ่านรายอะเอียดหลายอย่าง ตัดสินใจซื้อป่าวดีไหมน๊า อิอิ

ร้านหนังสือที่เข้าบ่อย คงเป็น แพรวิทยา ที่เซนทรัล แล้วก็ศูนย์หนังสือจุฬา เกษตร ตามแต่สะดวก นอกนั้นก็ซีเอ็ด หน้า มก. ดอกหญ้าเมเจอรัชโยธิน  ตามแต่ว่าเราจะแวะไปทางไหน

ปัจจุบัน คนหันมานิยมการอ่านมากขึ้นและหนังสือดูจะเป็นสิ่งหนึ่งสำหรับการพักผ่อน ยิ่งร้านหนังสือที่เปิดเป็นร้าน เฉพาะทางตอนนี้หายากมาก อยากให้มีแบบนี้บางที่เมืองไทย แต่เขาคงเจ๊งอ่ะนะ  :mrgreen:  


หัวข้อ: Re: ......ตัวหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 12:51
ผมไม่ค่อยรักร้านหนังสือ สักเท่าไหร่?

DK ดวงกลมๆ เอ้ย! ดวงกมล ซีเอ็ด ดอกหญ้า นายอินทร์ จนกระทั่ง ศูนย์หนังสือจุฬา

ก่อนนี้ผมให้ คะแนนดอกหญ้ามาเบอร์ 1 นะ
เพราะสโลแกน ให้ยืนอ่านได้(ไม่ต้องซื้อ).. ที่ว่า เพียงคุณแวะเข้ามาชม เราก็นิยมอยู่ในใจ
แต่ระยะหลังเปลี่ยนไป ดูทุกอย่างเป็นการค้า ( เท่าที่ทราบเปลี่ยนผู้ถือหุ้น เปลี่ยนเจ้าของไป )

ผมเลยยกคะแนนตอนนี้ให้ จุฬา
(ปัจจุบันถ้าผ่านไปแถวนั้นจอดรถที่อาคารนั้นก็จะแวะเยี่ยม บรรยากาศเก่าๆ )
(และก็พบ ความเนืองแน่น ของหนังสือหนังหา สมใจ..!!)

ผมเคยเดินทั่วสนามหลวง ริมคลองหลอด สมัยเด็กๆ ตั้งแต่ ประถมมัธยม
หาซื้อหนังสือ เพราะไม่มีเงินไปติว วิชา....!!


หนังสือเก่า คือ เพื่อนแท้ของผม..
ผมมีเพื่อนสนิทผมคนหนึ่ง ปัจจุบัน ชีวิตผันมันไปเป็นใหญ่เป็นโต ในกรมตำรวจ...(มั้ง)
มันเป็นคนรักหนังสือมาก...
ผมถูกมันชวนไปซื้อหนังสือเก่า จากที่นั่นเอง...

หนังสือที่มันสะสม....โคตรๆๆๆๆๆเก่าๆๆๆๆ
หยิบมาเปิดแต่ละแผ่น ถ้าเป็นโรคแพ้อากาศละก็ เตรียมตัวตายได้เลย !!
ละอองฝุ่น...ลอยมาเป็นจุดๆ ดำ ขนาดเห็นชัดตาเวลาเปิดหนังสือเล่มที่ เก่าสุดของมัน !!


ผมถามมันว่า จะเก็บไว้ทำไม อนุรักษ์ไว้ให้แก ตายเพราะโรคแพ้ฝุ่นเหรอ ?
มันตอบว่า ความขลัง?

มันชอบอ่านความขลังเหล่านี้...
หนังสือเก่า เรื่องราวเก่า...สิ่งเร้นลับที่ พบได้ ..ฝันไม่ได้


คุณค่ามันอยู่ที่ ตัวหนังสือ มิใช่ เล่มหนังสือ.
และมิใช่...ร้านหนังสือ ครับ....
  :mozilla_smile: :mozilla_wink:




หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 29-08-2006, 12:55
งานเดียวที่ผมเดินได้ตั้งกะเช้าจนงานเลิกคือ "งานสัปดาห์หนังสือ" เดินได้ทั้งวัน เหนื่อยก็พัก หายเมื่อยก็เดินต่อ


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 12:59
งานเดียวที่ผมเดินได้ตั้งกะเช้าจนงานเลิกคือ "งานสัปดาห์หนังสือ" เดินได้ทั้งวัน เหนื่อยก็พัก หายเมื่อยก็เดินต่อ

"งานสัปดาห์หนังสือ" สมัยจัดครุสภา คือ..."งานสัปดาห์หนังสือ" จริงๆ
แต่นับแต่ไปจัด ศูนย์สิริกิตต์ ทุกอย่างคือ Marketting..

ไม่ใช่จัดเพื่อ...คนรักหนังสือ ครับ ธ.ส. !!


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 29-08-2006, 13:01
ผมเดินตั้งแต่สมัยนั้นแหล่ะครับ จำได้ว่าไปขนซื้อพวกหนังสือสารคดีเล่มเล็กๆ จนเต็มบ้าน


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 29-08-2006, 13:03
คุณค่ามันอยู่ที่ ตัวหนังสือ มิใช่ เล่มหนังสือ.
และมิใช่...ร้านหนังสือ ครับ....  

...............
แต่ถ้าไม่มีร้านหนังสือที่หลากหลาย มีตัวเลือกของหนังสือมากมาย มันก็สำคัญไม่ใช่เหรอค่ะ

หนูรักร้านหนังสือค่ะ ตัวหนังสือคือแก่นสำคัญก็จริง แต่ร้านหนังสือคือแหล่งรวบรวมตัวหนังสือเหล่านั้น  :mozilla_wink:


งานเดียวที่ผมเดินได้ตั้งกะเช้าจนงานเลิกคือ "งานสัปดาห์หนังสือ" เดินได้ทั้งวัน เหนื่อยก็พัก หายเมื่อยก็เดินต่อ

"งานสัปดาห์หนังสือ" สมัยจัดครุสภา คือ..."งานสัปดาห์หนังสือ" จริงๆ
แต่นับแต่ไปจัด ศูนย์สิริกิตต์ ทุกอย่างคือ Marketting..

ไม่ใช่จัดเพื่อ...คนรักหนังสือ ครับ ธ.ส. !!

หนูมองว่า คนที่มางานส่วนมากก็คนรักหนังสือนะค่ะ ไม่รักพวกเขาจะมาเหรอค่ะ เหนื่อยก็เหนื่อย คนก็มากๆๆ

มองทางเศรษศาสตร์ หากไม่เพื่อการตลาดร้านหนังสือ หรือ ผู้อ่าน จะได้ซื้อหนังสือ ราคาย่อมเยาว์ได้อย่างไร ยังไงก็ก็รักงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติค่ะ   :mrgreen:




หัวข้อ: Re: ......หนังสือโป๊ ......คือชีวิต !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 13:04
ผมเดินตั้งแต่สมัยนั้นแหล่ะครับ จำได้ว่าไปขนซื้อพวกหนังสือสารคดีเล่มเล็กๆ จนเต็มบ้าน

อ้าวเหรอ...แต่ผมขน เพลย์บอย แอบเข้าบ้าน (กลัวแม่เห็น!!)

 :shock: :shock: :lol: 8) :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 13:04
อ้างถึง
คุณค่ามันอยู่ที่ ตัวหนังสือ มิใช่ เล่มหนังสือ.
และมิใช่...ร้านหนังสือ ครับ....


คุณ น้า นักข่าว ......เค้ารัก หนังสือ ย่ะ และก็รัก ตัวหนังสือ แต่เค้าก็ รัก ร้านหนังสือมากด้วย
ไม่เข้าใจหรือไงงงงงคะ คุณน้า  

หนู รัก ร้านหนังสือ

หลายๆครั้งที่หนู คิดถึง
 ความตายของร้านหนังสือเล็กๆ กับ ร้านหนังสือ ใหญ่ๆ แบบอณาจักรหนังสือด้วยความเศร้า
หนู ยังคิดถึงแผงหนังสือเล็กๆ หน้าโรงเรียนตอนเด็กๆ การ์ตูนเล่มโปรด กับการแบ่งเงินค่าขนม

เมื่อหนู เติบโตขึ้น โลกของร้านหนังสือกว้างขึ้นไปอีก
หนู ยังมี ร้านหนังสือ หน้าวัดบวร ของมหามงกุฏราชวิทยาลัย ไว้ไปอ่านหนังสือธรรมะ


หัวข้อ: Re: ......ถกเรื่องร้าน หรือ หนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 13:11
คุณค่ามันอยู่ที่ ตัวหนังสือ มิใช่ เล่มหนังสือ.
และมิใช่...ร้านหนังสือ ครับ....  

...............
แต่ถ้าไม่มีร้านหนังสือที่หลากหลาย มีตัวเลือกของหนังสือมากมาย มันก็สำคัญไม่ใช่เหรอค่ะ

หนูรักร้านหนังสือค่ะ ตัวหนังสือคือแก่นสำคัญก็จริง แต่ร้านหนังสือคือแหล่งรวบรวมตัวหนังสือเหล่านั้น  :mozilla_wink:


งานเดียวที่ผมเดินได้ตั้งกะเช้าจนงานเลิกคือ "งานสัปดาห์หนังสือ" เดินได้ทั้งวัน เหนื่อยก็พัก หายเมื่อยก็เดินต่อ

"งานสัปดาห์หนังสือ" สมัยจัดครุสภา คือ..."งานสัปดาห์หนังสือ" จริงๆ
แต่นับแต่ไปจัด ศูนย์สิริกิตต์ ทุกอย่างคือ Marketting..

ไม่ใช่จัดเพื่อ...คนรักหนังสือ ครับ ธ.ส. !!

หนูมองว่า คนที่มางานส่วนมากก็คนรักหนังสือนะค่ะ ไม่รักพวกเขาจะมาเหรอค่ะ เหนื่อยก็เหนื่อย คนก็มากๆๆ

มองทางเศรษศาสตร์ หากไม่เพื่อการตลาดร้านหนังสือ หรือ ผู้อ่าน จะได้ซื้อหนังสือ ราคาย่อมเยาว์ได้อย่างไร ยังไงก็ก็รักงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติค่ะ   :mrgreen:


1.ตัวหนังสือคือแก่นสำคัญ และ ร้านหนังสือ ไม่ใช่แหล่งเดียวที่เราต้องไปหา ตัวหนังสือคับ
ผมรักห้องสมุด ผมรักร้านเช่าหนังสือ ผมรักบ้านเพื่อน ผมรัก ศูนย์ข้อมูลของสำนักพิมพ์ต่างๆ  
(สมัยก่อนให้เข้าหาข่าว + ค้นอ่านฟรีหมด)
ผมรักสถานที่อีกมากมายที่มีให้เราได้ อ่านๆๆๆๆ ตัวหนังสือ....แบบฟรีๆ  ครับ อนา

2.ราคา ไม่ ย่อมเยาว์ ไม่ หลากหลาย(เพราะสำนักพิมพ์จนๆมาออกค่าบูทศูนย์สิริกิตย์ไม่ไหว)
เลยทำให้...ภาพรวม..= ไม่ได้คุณภาพ นั่นแหละประเด็นที่ผมบอก คับ อนา


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 29-08-2006, 13:13



ผมฝันว่าจะมีศูนย์หนังสือทุกอำเภอ หรือทุกจังหวัดก็ยังดี  ในอนาคต จุดสำคัญที่สุดคือนักเขียน


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 29-08-2006, 13:14
สมัยก่อนบ้านผมอยู่แถววังบูรพา ถ้าใครรู้จักย่านนั้นก็จะนึกถึงร้านหนังสือดังๆหลายๆร้าน เช่น โอเดียนสโตร์ แพร่พิทยา บูรพาสาสน์ แล้วก็หลายๆร้านที่ทยอยปิดตัวกันไปแล้ว ประสบการณืในสมัยเด็กของผม ผมมักจะไปตามร้านหนังสือเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คนคุ้นหน้าคุ้นตากัน ผมเลยได้รับอภิสิทธิ์ให้อ่านเล่มไหนก็ได้ แต่ห้ามทำยับ ทำให้ผมเป็นคนที่รักษาหนังสือได้ดีมาก เพราะ Text Book ของผมทุกเล่มที่ใช้เรียน จะเรียบกริบ เหมือนพึ่งออกจากห้างยังไงยังงั้น (เพราะซื้อแล้วไม่เคยอ่าน ฮ่าฮ่าฮ่า)



หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 13:17



ผมฝันว่าจะมีศูนย์หนังสือทุกอำเภอ หรือทุกจังหวัดก็ยังดี  ในอนาคต จุดสำคัญที่สุดคือนักเขียน


ประกายดาวอยากเห็น ชุมชน รักการอ่าน ในทุกๆ จังหวัด ทุกอำเภอ ตำบล และ หมู่บ้านด้วยค่ะ
มีพี่ ที่เครารพหนึ่งท่าน ท่านมีรถพ่วง แบบแสนเท่ มีหนังสือมากมาย ท่านย้ายไปจอดตามหมุ่บ้านเล็กๆ
ที่เพชรบูรณ์ สลับกันไป ...น่าชื่นใจจัง


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 29-08-2006, 13:19
หนูกับพี่ ทีอาร์มองคนละมุม

ห้องสมุดใช่ เป็นแหล่งที่เราใช้อ่าน ให้กอบโกยความรุ้ เราบันทึกใส่ความทรงจำ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้น

แต่สำหรับหนู หนูหลงไหล ได้ปลื้มกับร้านหนังสือ มากกว่าห้องสมุด หนูอยากเป็นเจ้าของหนังสือทุกเล่ม หนูไม่ชอบให้ใครยืมหนังสือหากเขาคนนั้นทำหนังสือหนูยับแม้เพียงแผ่นเดียว

หนูรักการเป็นเจ้าของมากกว่าการเก็บไว้ในสมองค่ะ  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: ......วิญญาณอมตะ แห่งตัวหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 13:19
อ้างถึง
คุณค่ามันอยู่ที่ ตัวหนังสือ มิใช่ เล่มหนังสือ.
และมิใช่...ร้านหนังสือ ครับ....


คุณ น้า นักข่าว ......เค้ารัก หนังสือ ย่ะ และก็รัก ตัวหนังสือ แต่เค้าก็ รัก ร้านหนังสือมากด้วย
ไม่เข้าใจหรือไงงงงงคะ
คุณน้า  

หนู รัก ร้านหนังสือ

หลายๆครั้งที่หนู คิดถึง
 ความตายของร้านหนังสือเล็กๆ กับ ร้านหนังสือ ใหญ่ๆ แบบอณาจักรหนังสือด้วยความเศร้า
หนู ยังคิดถึงแผงหนังสือเล็กๆ หน้าโรงเรียนตอนเด็กๆ การ์ตูนเล่มโปรด กับการแบ่งเงินค่าขนม

เมื่อหนู เติบโตขึ้น โลกของร้านหนังสือกว้างขึ้นไปอีก
หนู ยังมี ร้านหนังสือ หน้าวัดบวร ของมหามงกุฏราชวิทยาลัย ไว้ไปอ่านหนังสือธรรมะ


ผมคิดว่าผมเข้าใจนะ คุณหลาน....ประกายดารา
แต่ถ้าร้านหนังสือตายไปทีละร้าน หัวใจเราต้องเจ็บปวดไหม หาก"ฝากรัก" ไว้เช่นนั้น

จิตวิญญาณแท้จริง มันล่องลอยได้...
ตัวหนังสือในอากาศ ร้านหนังสือออนไลน์ ม้กระทั่ง บอร์ดกระทู้ที่ เราเขียน
เราอ่านและ Save File  เก็บไว้นี่ต่างหาก.
ที่ผมอยากบอกว่า...มันไม่มีวันตาย...!!


รัก จิตวิญญาณแห่งตัวหนังสือ ที่เป็นอมตะ...
หรือจะเลือกรัก คราบร่าง ของร้านหนังสือ...ที่ต้องตกตายไปในวันหนึ่ง ข้างหน้า

ดีละหลาน ประกายดาว ?  :mozilla_tongue: :mozilla_oops:


หัวข้อ: Re: ......การเป็นเจ้าของ "หนังสือ" ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 13:25
หนูกับพี่ ทีอาร์มองคนละมุม

ห้องสมุดใช่ เป็นแหล่งที่เราใช้อ่าน ให้กอบโกยความรุ้ เราบันทึกใส่ความทรงจำ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้น

แต่สำหรับหนู หนูหลงไหล ได้ปลื้มกับร้านหนังสือ มากกว่าห้องสมุด หนูอยากเป็นเจ้าของหนังสือทุกเล่ม หนูไม่ชอบให้ใครยืมหนังสือหากเขาคนนั้นทำหนังสือหนูยับแม้เพียงแผ่นเดียว

หนูรักการเป็นเจ้าของมากกว่าการเก็บไว้ในสมองค่ะ  :mrgreen:

ผมเขียน ตำนานวรยุทย์เย้ยยุทธภพ ทั้งหมดและ กระทู้ระเบิด เอ้ย! เก็บกู้อารมณ์ปลอดโปร่ง ณ ริมน้ำ
จากความทรงจำ ล้วนๆ...ครับอนา
สาเหตุที่เขียน ก็เพื่อ...กลัวมันเลือนหายไปจาก ความทรงจำ..


แบบนี้เรียกว่า เรา ใจตรงกัน บ้างไหมเอ่ย?.....
แตกต่างอยู่บ้างตรงที่ ผมเป็นคนเคย สูญเสีย มามาก...

เลยไม่กล้าจะ สะสม...อีกแล้วครับอนา


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 29-08-2006, 13:33



ผมฝันว่าจะมีศูนย์หนังสือทุกอำเภอ หรือทุกจังหวัดก็ยังดี  ในอนาคต จุดสำคัญที่สุดคือนักเขียน


ประกายดาวอยากเห็น ชุมชน รักการอ่าน ในทุกๆ จังหวัด ทุกอำเภอ ตำบล และ หมู่บ้านด้วยค่ะ
มีพี่ ที่เครารพหนึ่งท่าน ท่านมีรถพ่วง แบบแสนเท่ มีหนังสือมากมาย ท่านย้ายไปจอดตามหมุ่บ้านเล็กๆ
ที่เพชรบูรณ์ สลับกันไป ...น่าชื่นใจจัง

ครับ หนังสือทำให้คนเราเริ่มต้นฝึกทักษะในการคิด ไปจนถึงการใคร่ครวญสร้างความคิดใหม่ออกมา จนถึงการวิจัยและสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆออกมาปฏิสัมพันธ์กับความคิดของบุคคลอื่นๆได้ เช่นวารสารต่างๆ ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใดก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของทุกคนที่จะใช้ หนังสือที่ดีคือลายจารึกทีเป็นอมตะหรือมีอายุยาวนานได้ในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา..เด็กๆของเราควรถูกฝึกให้รักการอ่านและการเขียนสิ่งต่างที่เขาต้องการให้ได้มากเท่าที่เขาต้องการ

เพิ่มเติมสักนิด การกระทำต่อสังคมด้วยใจรัก มันมีผลเกินกว่าที่ทุกคนจะคิดถึงครับ เหมือนชายนักปลูกต้นแอปเปิล ที่เพียรเก็บเมล็ดแอปเปิลมาปลูกสม่ำเสมอ จนเขาตายไปแล้วต้นแอปเปิลของเขาก็ยังมีอยู่ทั่วไป...


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 14:47
อ้างถึง
จิตวิญญาณแท้จริง มันล่องลอยได้...
ตัวหนังสือในอากาศ ร้านหนังสือออนไลน์ ม้กระทั่ง บอร์ดกระทู้ที่ เราเขียน
เราอ่านและ Save File เก็บไว้นี่ต่างหาก.
ที่ผมอยากบอกว่า...มันไม่มีวันตาย...!!

รัก จิตวิญญาณแห่งตัวหนังสือ ที่เป็นอมตะ...
หรือจะเลือกรัก คราบร่าง ของร้านหนังสือ...ที่ต้องตกตายไปในวันหนึ่ง ข้างหน้า

ยอมแพ้ ค่ะ คุณน้านักข่าว :mozilla_smile:
เห็นด้วย ไม่มีข้อโต้แย้ง ....
แต่ ประกายดาวก็ยัง รัก ร้านหนังสืออยู่ดี ...ได้ไหม :?:

ก็ มันไม่ตายไปจากความทรงจำของประกายดาวไงคะ


ขอเล่าถึง ร้านหนังสือ อีก หลายร้านที่ประทับใจ บางแห่งเป็นเพิงๆ เป็นซอกมุม
หนุ คิดถึง ที่ทางเดินขึ้นชะเวดากอง ที่พม่า ...2ข้างทางเป็นร้านขายของที่ระลึก
บริเวณที่หนูโปรด เป้นร้านขายหนังสือเก่าๆ หนังสือมือสอง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเมื่อพม่า
เรื่องศาสนา และ สมุดภาพ ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ หนูได้หนังสือ บางเล่มที่ตามหา
ไปพม่า สามครั้ง ต้องกลับไปเยี่ยม มุมนี้ ร้านหนังสือไกลบ้าน ....

หนูรักหนังสือเก่าค่ะ  


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 29-08-2006, 14:51
อยากเปิดร้านกาแฟ ที่มีหนังสือให้อ่านเยอะๆ เล่มไหนถูกใจก็ซื้อกลับไป ลูกค้าประจำ แถมให้ฟรีๆก็ยังได้ ฮ่าฮ่าฮ่า


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 14:55
อยากเปิดร้านกาแฟ ที่มีหนังสือให้อ่านเยอะๆ เล่มไหนถูกใจก็ซื้อกลับไป ลูกค้าประจำ แถมให้ฟรีๆก็ยังได้ ฮ่าฮ่าฮ่า


แกรีบเปิดร้านสิ
ฉันนี่แหละ จะทำแก หมดตัว ฮ่าๆๆๆๆ
   :shock: :mrgreen: :lol:


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 29-08-2006, 15:05
ไว้เปิดเมื่อไหร่ จะขึ้นบัญชีดำ เฮีย คนแรกเลย ฮ่าฮ่าฮ่า



หัวข้อ: Re: ......ร้านกาแฟโบราณ+หนังสือพิมพ์ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 15:06
อ้างถึง
จิตวิญญาณแท้จริง มันล่องลอยได้...
ตัวหนังสือในอากาศ ร้านหนังสือออนไลน์ แม้กระทั่ง บอร์ดกระทู้ที่ เราเขียน
เราอ่านและ Save File เก็บไว้นี่ต่างหาก.
ที่ผมอยากบอกว่า...มันไม่มีวันตาย...!!

รัก จิตวิญญาณแห่งตัวหนังสือ ที่เป็นอมตะ...
หรือจะเลือกรัก คราบร่าง ของร้านหนังสือ...ที่ต้องตกตายไปในวันหนึ่ง ข้างหน้า

ยอมแพ้ ค่ะ คุณน้านักข่าว :mozilla_smile:
เห็นด้วย ไม่มีข้อโต้แย้ง ....
แต่ ประกายดาวก็ยัง รัก ร้านหนังสืออยู่ดี ...ได้ไหม :?:

ก็ มันไม่ตายไปจากความทรงจำของประกายดาวไงคะ

หนูรักหนังสือเก่าค่ะ [/color]

ยอมแพ้ ตอน ยก 15 นี่..สมกับเป็นเลือดนักสู้แล้วครับ  :mozilla_smile:
เพราะชกจนครบ 15 ยก...  :mozilla_wink:



สำหรับผม...

ร้านหนังสือ ให้ความรู้สึกเดียวกับ ร้านกาแฟ เก่าๆ
ที่ทุกเช้า สมัยก่อน พ่อผมจะพาไปนั่งกินปาท่องโก๋ จิ้มนมข้นหวานตรามะลิ...
(ถ้าผมไม่ต้องไปโรงเรียน และ พ่อว่างนะ)

พ่อจะอ่านหนังสือพิมพ์จีน ซึ่ง หาอ่านยากครับ ซินเสียนเยี้ยะเป้า  (จำผิดไหมเรา 55)
แล้วก็ถกเรื่อง จีนแดง จีนขาว  (ในตอนนั้น) เรื่องการเมือง การศึกษา การมุ้ง เอ้ย!! ไม่มีๆๆ
ถกกะ คนจีนแก่ๆ รุ่นเดียวกะพ่อผมนะแหละ ในร้านกาแฟนั้น

บางวันเสียงดังขนาด คนมานั่งกินยังเดินหนี หอบปาท่องโก๋กลับไปกินบ้านก็มี !!  :shock: :lol: :mrgreen:
(ประมาณว่าถก กันแรงไป ฮ่าๆๆ หน้างี้ ดำคร่ำเครียดเยย )

ส่วนผมก็จะได้อานิสงฆ์จากการ อ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ในตอนนั้นคือ..
เจ้าของร้านกาแฟ จะร้องขอให้ผมช่วยเสริฟ กาแฟ ให้ลูกค้าตามโต้ะต่างๆ
เพราะ 2 ตายายแก่มากแล้ว ขนาด ชงกาแฟ ยังมือสั่นๆ กระฉอก เกือบหกหมดแก้ว เวลายกไปให้คนตามโต้ะ

ผมเลยมักเป็น บ๋อย อาสาสมัครไปโดยปริยาย

สมัยนั้นไม่มี Tip ครับ แต่ผมจะได้ ...ขนมโก๋ หรือขนมอื่นที่ ยายเจ้าของร้านให้เป็นรางวัลการเสริฟร้อนๆ ของผมเสมอ

 :mozilla_tongue: :mozilla_oops: :mozilla_cool: :mozilla_sealed:
คิดแล้วอยากไปหา ขนมที่ทำจากถั่วเขียว ถั่วเหลือง กินกะน้ำชาพวกนั้นจังเลย





หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 29-08-2006, 15:11
ไปลองเดินหาขนมที่ว่าแถวสะพานหันซิครับ

หรือไม่ก็มีร้านนึงตรงข้ามโรงหนังรามา ฝั่งสามย่าน อยู่ริมถนนพระรามสี่เลย น่าจะมีนะ


หัวข้อ: Re: ......ขนมถั่ว - ชาร้อน - หนังสือสักเล่ม ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 29-08-2006, 15:23
ไปลองเดินหาขนมที่ว่าแถวสะพานหันซิครับ

หรือไม่ก็มีร้านนึงตรงข้ามโรงหนังรามา ฝั่งสามย่าน อยู่ริมถนนพระรามสี่เลย น่าจะมีนะ


ขอบพระทัย พะยะคะ
ถ้าจะทรงพระกรุณา ...ซื้อมาประทานให้หม่อมฉัน หม่ำ ดีก่าไหมเพคะ !!
 :lol: :mrgreen: :P :mozilla_tongue: :mozilla_oops:


(ขี้เกียจไปหา แต่อยากกิน มีอารายมะ ?)  :mozilla_tongue: :mozilla_tongue: :mozilla_tongue:


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต...RIZZOLI BOOKS STORE
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 15:30
ประกายดาวรักร้านหนังสือทุกแบบ ...มุมหนังสือเก่า หนังสือมือสองที่วางตามพื้นริมถนน
ไป จนถึงร้านหนังสือ ตามเมืองไกล ต่างๆ ที่เดินทางไปเยี่ยม

หนูเคยถูกโกงจากร้านหนังสือ เล็กๆ ที่อินเดีย เนื่องจากใช้ การ์ดรูด โดยประมาท
ซื้อหนังสือไม่กี่เหรียญ กลับมาโดน คิดเงิน ไป สองหมื่นกว่า จนต้องฟ้องบริษัทเครดิตการ์ด
ไม่ต้องเสียตัง ...หนุได้หนังสือ The light of asia กที่เคยอยากได้ กลับประเทศไทย



RIZZOLI ....

เป็นร้านหนังสือร้านสวยมากๆ ที่ เกิดขึ้นครั้งแรกที่อิตาลี ...แต่หนูไปรู้จักที่อเมริกา  (http://www.rizzoliusa.com/art/bookstore_photo.jpg)

ร้านหนังสือนี้หรูหรามากๆ สวยมากๆ

แต่ก็ไม่อบอุ่นเท่าแผง หนังสือเก่าๆ ที่จตุจักร ที่ประกายดาวติดเป็นตังเม  :mozilla_tongue:

เต็มไปด้วยหนังสือศิลป จากอิตาลีที่สวยๆ มีเสียงเปียนโน และ โอเปร่าขับกล่อม ได้บรรยากาศ
มีโรงหนัง เล็กๆ ฉายหนังอาร์ต สวยๆ ....มุมนั่งเล่นแบบ คนแต่ตัวสวยๆ แถว ฟิฟเอวินิว มาเดิน

หนุไม่เคยได้ซื้อหนังสือสักเล่มที่นี่ มันแพงจะตายค่ะ
แพงไปหมด ...แค่ไปเดินจ๋องๆ มองโน่นมองนี้ก็มีความสุขแล้ว
หนูชอบมุมหนังสืออาร์ต ตาม มิวเซียมต่างๆ มากกว่า แล้วก็ ร้านหนังสือตามมหาวิทยาลัย ที่ ไม่แพง
แล้วได้รู้สึกใกล้ชิด กล้าเป็นเจ้าของ แบบนั้น  


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 29-08-2006, 16:25
จริงๆก็สนใจและอยากตอบกระทู้ตามคำเชิญชวนอยู่

แต่อยากเรียนถาม จขกท ก่อนว่า
สามารถให้ความคุ้มครองและรับรองความปลอดภัยของผู้ใช้บริการได้มากน้อยเพียงใด
หากเกิดกรณี กุ๊ย กวน
เพราะไม่ถนัด เขียนไป ยิงไป แบบบ้านป่าเมืองเถื่อนคาวบอยตะวันตก เท่าไหร่ครับ

คือ อยากเขียน แต่ไม่กล้า ง่ะ บอกตามตรง

คงให้ คำรับรองไม่ได้ค่ะ ตัวใครตัวมันดีกว่า ...

นี่ขนาดบอกไม่ถนัด เขียนไปยิงไป แล้วทียิงมาไกลๆ นี่ กระสุนลั่นเอง
ไม่ได้เหนี่ยวไกหรือไงคะ ....ไม่ใช่มั้ง

เอาแบบนี้ เขียนตรงประเด็น หนังสือ นักเขียน ร้านหนังสือ ตรงนี้สามเรื่อง
ก็แล้วกันค่ะ ...  :|


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 29-08-2006, 17:32
สำหรับตัวเองแล้ว....ชอบทั้งหนังสือและร้านหนังสือ
ตอนเด็กอยู่โคราช  ..มีร้านหนังสือในเมืองอยู่ประจำอยู่ 2-3 ร้าน
งานย่าโม (งานใหญ่ประจำปีของโคราช) ...จะมีของขายมากมาย แน่นอนมีร้านหนังสือมาตั้งด้วย
ตอนนั้นร้านหนังสือมักมีรูปโปสเตอร์ขายด้วย ...รูปดาราจีนสมัยนั้น...เช่น เฉินหลง  เดวิดเจียง...
มุมที่สนใจคือหนังสือเก่า  ราคาถูก ....ผมก็เตรียมเก็บเงินรองานนี้อยู่เสมอๆ ...
เสียดายว่า...ย้ายบ้านแต่ละครั้ง ...หนังสือเก่าๆ ก็หายไป  :(

....มากรุงเทพฯ ร้านหนังสือที่ผูกพันธ์มากคือร้านข้างทางแถวสะพานควาย(อาศัยอยู่แถวนั้น)
ตอนช่วงกลางคืน  จะมีมาวางขายอยู่หลายร้าน  เดินดูหนังสือด้วย..หาข้าวกินด้วย
(อาศัยอยู่กับเพื่อน)สำหรับผมแล้ว ..การมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะต้องการความรู้
ทุกวันนี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณผู้เขียนหนังสือต่างๆ  ผมได้หลายอย่างจากหนังสือ
ได้แง่คิด  ประสบการณ์  ได้เปิดโลกกว้าง...ฯลฯ

แม้ทุกวันนี้จะไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือ หรือเข้าร้านหนังสือ... อาจเพราะมี internet มาแทนที่
แต่ก็จะแวะเวียนไปอยู่หลายร้านใกล้บ้านเช่น B2S และร้านนายอินทร์ ชอบนะที่เดี๋ยวนี้มีมุมให้อ่าน
หนังสือก่อนซื้อ...ผมว่าเขาเชื่อว่า  สำหรับคนที่รักหนังสือจริงต้องอยากได้และอยากซื้อเก็บไว้
เป็นเจ้าของ...เพราะหนังสือไม่ใช่มีแต่แนวคิด  หนังสือมีจิตวิญญานของตัวเอง
ผมเองเมื่อมีเวลาว่าง....จะเข้าไปห้องสมุด(ที่บ้านเสมอ)  หยิบขึ้นมาได้สัมผัส  ได้จับ ได้อ่าน
ได้ "กลิ่นหนังสือ" ที่คุ้นเคยมานาน ...บางเรื่องอาจมีคราบน้ำตาติดอยู่ (นอนคว่ำอ่านบนเตียง)
หลายเรื่องในอดีตมันผุดขึ้นมา  ทั้งความสุขความทุกข์ ที่ผ่านมามันผูกโยงกับหนังสือ
บางเล่มซื้อเอง .. บางเล่มเพื่อนซื้อให้  ...บางเล่มคนพิเศษให้....
หนังสือจึงเป็นเครื่องย้อนเวลาของผมอย่างหนึ่ง....
สำหรับผมแล้ว "หนังสือเป็นมากกว่าหนังสือ"


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 29-08-2006, 20:14
ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ
ญาติๆบอกว่าอ่านหนังสือพิมพ์ได้ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน
(ไม่ได้โม้นะครับ)
ห้องสมุดชอบมาก
จนวัยหนุ่ม บ้าอ่านเรื่องการเมืองกับเศรษฐกิจ


ซื้อหนังสือจะอ่านจากนักวิจารณ์ก่อน
จากนักวิจารณ์หลายคน หลายๆคนแล้วมาประมวลผล ตัดสินใจ ซื้อหรือไม่ซื้อ

ไปอยู่ที่ไหนจะมีร้านหนังสือเป็นเจ้าประจำ
ใครอยู่เพชรบุรี คงรู้จักร้านสาธิต
พี่เหน่งเจ้าของร้านใจดีเป็นคนรู้คอ
จะแนะนำหนังสือดีๆเสมอ

ฝากข้อมูลนิดหนึ่งครับ
ปัจจุบันมีห้องสมุดระดับอำเภอทั่วประเทศ
เป็นของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน
มีบริการอินเตอร์เนทฟรีสำหรับสมาชิก
ค่าสมาชิกจำไม่แม่น ประมาณร้อยบาทต่อปี
มีหนังสือดีๆที่นึกไม่ถึง หนังสือหายากทั้งหลาย
ประเด็นคือว่า คนไปใช้บริการ
ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียน นักศึกษา
ประชาชนทั่วไปใช้บริการน้อย(ในสายตาผม)น่าเสียดาย
และในส่วนของห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี
ที่สมเด็จพระเทพทรงอุปถัมภ์ ก็ทันสมัยนะครับ



หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ตลก ที่ 30-08-2006, 08:20
ผมก็ชอบอ่านหนังสือครับ เวลาไปซื้อหนังสือหรือเข้าร้านหนังสือ ผมจะเลือกวันที่ว่างที่สุด เพราะว่าจะได้ยืนอ่านได้นานๆ ความจริงก็ไม่ค่อยอยากไปยืนอ่านฟรีหรอกนะครับ แต่ว่า ผมค่อนข้างเลือกหนังสือนานน่ะ กว่าจะติดสินใจซื้อได้ ก็ต้องอ่านอย่างน้อยครึ่งเล่ม ยืนอ่านหน้าด้านๆอย่างนั้นแหล่ะ  :mrgreen: แนวที่ชอบไปอ่านก็พวก ประวัติศาสตร์ สารคดี หนังสือเรียน นวนิยาย ส่วนพวกการเมืองเศรษกิจอะไรอย่างนี้จะไม่ค่อยอ่านครับ รู้สึกว่าเข้าใจยากยังไงไม่รู้ แต่จะฟังจากทีวีเอาครับ ง่ายกว่าเยอะเลย เฮ้อ พูดถึง ก็ชักอยากไปซื้อหนังสือมาอ่านแล้วเหมือนกัน พักนี้ไม่ค่อยได้คลายเครียดเลย  :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: ผมเพิ่งอ่านเรื่องดีพวู๊ดไป หลายๆคนคงอ่านจบแล้ว เดี่ยวผมคงต้องไปหาเล่มต่อมาอ่านแล้วล่ะ


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: พระพาย ที่ 31-08-2006, 15:48
มาตลกคุณตลกครับ... คล้ายผมเลย อิ อิ

เพียงแต่ว่าปัจจุบันผมไม่ค่อยได้เข้าร้านหนังสือสักเท่าไหร่ด้วยภารกิจที่รัดตัว... ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมมีโอกาสเมื่อไหร่จะต้องไปร้านหนังสือเพื่อเลือกซื้อหนังสือที่ชอบ... กว่าจะซื้อได้ก็นานพอดู แต่ซื้อทีก็แทบเกลี้ยงกระเป๋ากันทีเดียว... หนังสือผมจึงเต็มบ้านไปหมด

เมื่อเทียบกับห้องสมุดแล้ว... ผมรักและชอบไปร้านหนังสือมากกว่า (แม้ช่วงหลังๆ ผมจะเข้าห้องสมุดมากกว่าก็เถอะ) ... ห้องสมุดให้ความรู้สึกเหมือนเราไปค้นคว้าหาข้อมูล ถึงแม้การได้สัมผัสความคิดตัวตนของคนเขียนหนังสือผ่านตัวอักษรจะสร้างความประทับใจได้มาก แต่ก็ไม่มากเท่าที่ร้านหนังสือให้เรา

ร้านหนังสือคือที่เกิดเหตุให้คนรักหนังสือมาเจอกัน

กว่าคนเขียนหนังสือจะมาเป็นคนเขียนหนังสือได้ ไม่รู้ว่าจะต้องอ่านหนังสือมาแล้วกี่เล่มต่อกี่เล่ม ประกอบแรงบันดาลในการเขียนอย่างมุมานะไม่ย่อท้อนานเท่าไหร่ จึงจะสร้างสรรค์งานเขียนออกมาให้เราอ่านกันได้... ยิ่งคนที่ตัดสินใจทำอาชีพเป็นนักเขียนด้วยแล้ว เขาจะต้องมี "ใจรัก" อย่างยิ่งที่จะเข้าสู่วงการอาชีพที่อนาคตไม่แน่นี้... ผมรู้สึกทึ่งทุกครั้งที่เข้าร้านหนังสือทีไร ... เห็นรายชื่อของนักเขียนทั้งเก่าและใหม่เต็มไปหมด...

คนรักหนังสืออีกกลุ่มก็คือผู้ผลิตหนังสือ... สำนักพิมพ์ต่างๆ ...คนกลุ่มนี้จะสร้างสรรค์หนังสือไม่ได้ถ้าเขาไม่มี "ใจรัก" ในหนังสือ... และต่างก็สืบเสาะหางานสร้างสรรค์งานนักเขียนตามที่ตนชอบออกมาประดับวงการเล่มแล้ว เล่มเล่า

คนรักหนังสืออีกกลุ่มที่จะลืมไม่ได้ก็คือ คนขายหนังสือหรือบุคลากรของร้านหนังสือ... ธุรกิจร้านหนังสือไม่ใช่ธุรกิจที่จะยืนอยู่ได้ง่าย รายได้และกำไรก็ไม่แน่นอน คนที่ทำธุรกิจอยู่ได้จะต้องเป็นคนที่มี "ใจรัก" หนังสืออย่างแท้จริงเท่านั้น ... ตัวอย่างเช่น "ร้านหนังสือเล็ก ๆ" ถนนพระอาทิตย์ ใกล้ป้อมพระสุเมรุ... ฟังแค่ชื่อร้านก็สัมผัสได้ถึงความรักความเอาใจใส่ที่มีต่อหนังสือของเจ้าร้านได้เป็นอย่างดี คุณสามารถพูดคุยไต่ถามในหนังสือทุกเรื่องที่มีอยู่ รวมทั้งหนังสือทรงคุณค่าหายากคุณก็อาจหาได้จากที่นี่...

ไม่เพียงเจ้าของร้านหนังสือใหม่เท่านั้น... เจ้าของร้านหนังสือเก่าก็เช่นกัน คนเหล่านี้ไม่ได้ขายทุกอย่างที่เป็นหนังสือเก่า แต่มักจะขายหนังสือเก่าในเซนส์ของหนังสือที่ชอบเท่านั้น บางร้านเก็บหลักฐานการพิมพ์หนังสือการเมืองเป็นหลัก บางร้านก็สะสมแต่หนังสือศิลปะ ฯลฯ ทุกคนในร้านสามารถเป็นครูที่คุณสามารถซอกแซกถามได้ไม่รู้เบื่อ... ทุกคนเต็มใจที่จะเล่าสิ่งที่เขารู้ให้คุณฟัง ทีละคน ๆ ... สิ่งที่ผ่านจากปากเขาเหล่านั้นมิได้ถ่ายทอดแต่แนวคิด ประสบการณ์เท่านัี้น แต่เขายังได้ส่งใจรักหนังสือสื่อถึงคนรักหนังสือด้วยกันอีกด้วย

นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเมื่อก่อนถ้าผมได้มีโอกาสซื้อหนังสือ ผมจึงสนับสนุนคราวละมากๆ เสมอ... ห้องสมุดไม่สามารถสนับสนุนคนรักหนังสือเหล่านี้ให้ยืนหยัดได้... ร้านหนังสือต่างหากครับที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้... เขียนๆ ไปชักจะคิดถึงร้านหนังสือเพื่อนเก่าของผมแล้วสิครับ... มีโอกาสคงได้แวะเยี่ยมเยียนกันครับ


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: โอสถ ที่ 01-09-2006, 14:40


ไม่ไล่ ไม่ปิด ไม่เลิก อ่านฟรีสิชอบนัก


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: คำตัดพ้อของใบไม้ ที่ 01-09-2006, 14:44
 :) :) :)


   ----  ลองทดสอบวัยดูนะคะ   ใครเคยอ่านเรื่อง

--เต็ลมา  ของ  แมรี่  คอลเรลลี่บ้างคะ


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 01-09-2006, 22:15
อ่านมาแล้วก็ไม่บอก

ชะชะช้า

ล้ำลึกล้ำลึก


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 04-09-2006, 13:01

แม้ว่าทุกวันนี้ เรามีสื่อ การอ่าน ....ที่ เพียงคลิกหนึ่งก็ ท่องโลกได้แล้วทางอินเตอร์เน็ต
แต่การ มีหนังสือดีๆ ในมือ ....ให้ความสุข กับประกายดาวมากกว่า การดาวน์โหลด หนังสือดีๆ
ใส่ลง ใน น้อง โอทู แล้วเอามานั่งอ่าน ....

ประกายดาว รัก การเขียนหนังสือ หรือร้อยกรอง ด้วย ดินสอ ....
รัก หนังสือ ทุกๆ เล่ม ....ในดวงใจ


แต่ ประกายไม่หวงหนังสือนะคะ
ถ้ารักมาก ซื้อ สองเล่ม ...ถ้าดี ชอบ ถูกใจ ซื้อไปเยอะๆ แล้ว นิยมการให้ของขวัญวันเกิด
หรือวันสำคัญต่างๆ เป็นหนังสือ ยิ่งถ้าเป็นเด็กๆ พี่ประกายดาว ให้หนังสือเสมอ ๆ

ถึง เดี่ยวนี้จะมี ร้านหนังสือ ชนิดยักษ์ใหญ่มาผูกขาด
หนูกลับนึกถึง ร้าน เช่า หนังสือ ..... :mozilla_smile:

พ่อ ชอบ เล่าให้ฟัง ....
การไปเช่าหนังสือสนุกๆ มาอ่าน เป็นความสุขของพ่อ สมัยไม่มีตัง
เหมือน สมัยที่หนูเป็น เด็กนักเรียน องสมุดที่โรงเรียน สนุกมากๆ
มีหนังสือดีๆ มากมาย ....หนูก็เลย ไม่สนิทสนมกับ ร้านเช่าหนังสือเหมือนพ่อ

พ่อ หนู ผูกพัน กับ เพชรพระอุมา ...หนังสือ จีน ทุกเล่ม
พล นิการ กิมหงวน และ หนังสือ ดีๆ อีกมากมาย
 


หัวข้อ: Re: ......ร้านหนังสือ ......คือชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: พระพาย ที่ 05-09-2006, 14:37
ลองย่องมากระทู้นี้ดูซิ... ว่าจะมีคนแอบตามมาหรือไม่?

คุณคำตัดพ้อฯ ... เต็ลมานี่มันอะไรกันหน่ะครับ... ช่วยเล่าแบบย่อๆ ได้หรือไม่? น่าสนใจจะได้ตามมาอ่านกัน

เห็นว่าทดสอบ "วัย"... ผมไม่รู้จักเต็ลมานี่ผม "วัย" ไหนหล่ะครับ?

ผมนิยมหนังสือต่างประเทศอยู่ประเภทเดียวก็คือหนังสือแปล... โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมเยาวชนที่ผมติดเป็นตังเมตั้งแต่เด็ก... แต่พอโตขึ้นมาเริ่มไม่ค่อยได้อ่านแล้ว ไปอ่านหนังสือประเภทหนักๆ เสียมากกว่า... ผมคิดว่าการชอบหนังสือคงจะขึ้นอยู่กับ "วัย" ด้วย

วัยเด็ก... หนังสือในดวงใจของผมก็คือ "แมงมุมเพื่อนรัก" (ปัจจุบันจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว คิดว่าคงต้องหาอ่านซ้ำ คิดถึงจริงๆ) เล่มอื่นๆ ที่จำได้ก็มี กวางเขายาว (เรื่องสั้นสำหรับเยาวชนเล่มแรกที่ผมยกระดับจากการอ่านการ์ตูนเล่มละบาทสองบาท... ตอนเด็กตอนนั้นใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะอ่านจบ) ไพลินสีน้ำเงิน กระรอกเทาเจ้าพอสซั่ม ฯลฯ

พอโตขึ้นมาหน่อย... ชอบหนังสือวิทยาศาสตร์ หนังสือเล่นกล หนังสือจีนกำลังภายใน กับชีวประวัติบุคคลสำคัญของโลกครับ... ตอนนั้นชอบมากๆ คือไอสไตน์ นิวตัน กับหลุย ปาสเตอร์

พอโตขึ้นมาอีกนิด... คราวนี้อย่างเครียดเลยครับ อ่านหมดทั้งแนวธุรกิจ การเมือง หรือแนวคิดแปลกๆ ทั้งหลาย.. ตอนนั้นหนังสือของมูลนิธิโกมลคีมทองเกือบทั้งหมดผมตามอ่านเรียบ... ที่เด่นๆ ก็มีปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว .... นอกนั้นก็มี คลื่นลูกที่สาม (ไม่มีคำว่าอัศวินนะครับ) ที่ช่วยฝึกมุมมองในการคิดได้เป็นอย่างดี และเป็นแรงดลบันดาลใจหลายๆ ประการที่นำผมเข้าสู่ยุทธภพแห่งอินเตอร์เน็ท

เรื่องสั้นที่โดดเด่นที่สุดในช่วงนี้สำหรับผมก็คือ "สะพานขาด" ของกนกพงศ์ สมสงพันธุ์ (เสียดายที่พี่แกเสียไปแล้ว)

ผมสนใจกว้างมาก... แนวธุรกิจก็อ่าน แนวธรรมก็อ่าน แนวตำราพิชัยสงครามก็อ่าน... ที่น่าเสียดายก็คือเมื่อเวลาผ่านไปสักหลายปีหน่อย ผมจะลืมที่อ่านไปจนเหลือแต่เค้าโครงเลือนรางเท่านั้น แต่พอมีเหตุการณ์เข้ามากระทบจะนึกออกได้ว่าเคยอ่านเจออะไร ตรงไหน เมื่อไหร่ แล้วเราก็จะหาสิ่งที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว

หนังสือที่แปลกที่สุดที่ผมเคยอ่านก็คือ เรื่องสั้นสำหรับเยาวชนที่มีตอนจบได้หลายแบบ (จำเรื่องไม่ได้แล้ว... น่าเสียดายจริง) มีหลายขั้นตอนที่ทิ้งคำถามให้เราคิดและเลือกทำเสมือนเราเป็นตัวเอกของเรื่อง และผลของการเลือกนำทางไปสู่ตอนจบที่ไม่เหมือนกัน

แต่หนังสือที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่สุด กลับเป็นหนังสือเล่มแรก(ที่ไม่ใช่การ์ตูน)ที่ผม "ซื้อ" มันมาจากการตามคุณพ่อคุณแม่ไปวัดตอนเด็กมากๆ จำได้เลือนรางว่าเป็นหนังสือ "วิธีการนั่งวิปัสนา" หรืออะไรทำนองนี้แหละ จำรายละเอียดไม่ได้หรอกครับ แต่จำภาพประกอบหนังสือได้ (ภาพประกอบนี่แหละสำคัญนัก) เป็นเรื่องเด็กเลี้ยงวัวที่เล่าเป็นฉากๆ อ่านตอนนั้นรู้สึกสนุกดี.. จากนั้นก็ลืมไปเลยไม่ได้นึกถึงมันอีก ลืมถึงขนาดว่าน่าจะเป็นเรื่องไม่สำคัญผ่านมาแล้วก็ผ่านไป... จนกระทั่งช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมได้บวชที่วัดชลฯ และไปปฏิบัติธรรมที่วัดธารน้ำไหล... ที่ฝาผนังในโรงมหรสพทางวิญญาณผมก็ได้พบมันอีกครั้ง.. เห็นภาพเหล่านั้นแว่บแรกผมก็จำมันได้ทันทีว่าเคยเห็นมันมาก่อน (นึกอยู่นานว่าเคยเห็นที่ไหนจนกระทั่ง อ้อ...มันคือหนังสือเล่มนั้น) ที่ต่างกันก็คือความสามารถเข้าใจในความหมายที่เปลี่ยนไป ... ซึ่งช่วยผมเป็นอย่างมากในช่วงเกือบหนึ่งเดือนที่อยู่ที่นั่น

ผมนึกสงสัยอยู่เสมอว่า สิ่งใดก็ตามที่ดูเหมือนเลือนหายไปจากเราแล้ว ทำไมมันถึงยังอยู่กับเราจนกว่าจะถึงวาระที่มันมีบทบาท... จุดเริ่มต้นเล็กๆ นั่นใช่หรือไม่ ที่นำทางเราเสมอมาจนถึงปัจจุบัน...