ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => ร้อยรักษ์กวีวรรณ => ข้อความที่เริ่มโดย: โอสถ ที่ 24-08-2006, 12:41



หัวข้อ: หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง (ท่านอังคาร กัลยณพงศ์)
เริ่มหัวข้อโดย: โอสถ ที่ 24-08-2006, 12:41
(http://www.lesleymattuchio.com/images/Grass-Dew.jpg)



รัตติกาล หลับอยู่ในม่านแพรของละอองอากาศสดใส ยวงนิลอมน้ำเงินเป็นละอองยองใย
 ห้องแก้วนั้นคือ เวิ้งพระธรณี มีพื้นราบกระทั่งสุดป่าเขาลำเนาไพรไปลับลิ่ว จนจบปริมณฑล
ไกลกว้างกว่าขอบฟ้า จวนลุเวลาเช้าตรู่ แสงทองเริ่มวเนจรมาถึงโลก ละอองหมอกอันปก
คลุมดอยสูง ทำให้เกิดเป็นสายรุ้งอันรุ่งเรือง ในริ้วรุ้งสีทิพย์นั้นบังเกิดนิมิตน่าอัศจรรย์ซับซ้อน
อยู่กว่าร้อยความฝัน เสมอฟ้าเสกสรรค์ เงาฝันนั้นมาซับซ้อนซ่อนเร้นไว้ให้หลงไหลใฝ่ฝัน
จินตนาการ

ทิวาวารตื่นแล้ว หอยทากคลืบคลานมาบสายรุ้ง  ลีลาช้า ๆ มาพร้อมกับแสงตะวันในยามเช้า
หอยทากคลานลงจากโค้งรุ้งแล้วเลยหยุดกินน้ำค้างบนใบหญ้าและกลีบดอกไม้ เอ่ยถามหยาด
น้ำค้างว่า ใครแต่งแต้มลวดลายไว้บนสไบพระแม่ธรณีในคืนนี้ มีจิตรกรหรือ เขาคงซื่อขีดเขียน
อยู่มิรู้หลับนอนกระมัง

หยาดน้ำค้างตอบว่า " เรานี่แหละเป็นจิตรกร "  


หัวข้อ: Re: หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง (ท่านอังคาร กัลยณพงศ์)
เริ่มหัวข้อโดย: โอสถ ที่ 24-08-2006, 12:47
(http://roberdan.officeisp.net/fattinonportali/Slides/WallPapers/Dew%20Drop.jpg)

เมื่อท่ามกลางดึกสงัด เราได้หยดหยาดลงบนใบไม้ ตกต้องเนื้อดินทรายป่าอันละเอียด ตรงใหน
มีลายพู่กันของเราลงแรง แผ่นดินก็เว้าลงเป็นรอยลึก ที่ใหนต้องรอยพู่กันน้อย รอยก็ตื้น ตลอด
ราตรีนี้น้ำค้างมิได้หลับนอนเลย ประจงแต่งแต้ม รอยสับสนวนวง ลงเป็นเส้นสายน้ำไหลอัน
ไพจิตรน่าพิศวง ซื่อตรงเป็นลำนำธรรมชาติบริสุทธิ์ เราจึงสมมติว่าเป็นจิตรกรแก้วแล้วแต่ง
แต้มลวดลายของหยาดน้ำค้าง ลงบนสไบแพรของพระแม่ธรณี


" เจ้าเห็นสวยงามหรือ "

" จ้ะ สวยงามมาก "


ทำให้เห็นว่า โลกนี้มีแต่แรงเสน่หา น่าอัศจรรย์ ดูเถอะนั่นดอกไม้ป่าก็เบิกบานยิ้มแย้ม เสียดาย
ก็แต่หมู่มนุษย์ โง่เขลาเบาปัญญา คิดแต่จะฆ่าทำลายล้างโลก ดูเถอะนั่นมันกำลังทำอากาศให้
เสียหาย เป็นสวะดำมหึมาน่าขยะแขยง ทั้ง ๆ ที่เขาใช้อากาศหายใจ มีชีวิตสดใส เพราะอากาศ
บริสุทธิ์ แต่ไม่หยุดทำสกปรกสิ่งเลวนรกจกเปรต จนอากาศเน่าเปื่อยสิ้นทุกมุมเมือง


หัวข้อ: Re: หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง (ท่านอังคาร กัลยณพงศ์)
เริ่มหัวข้อโดย: โอสถ ที่ 24-08-2006, 12:56
(http://madrugada.saadiq.org/wp-content/images/IMG_4706.jpg)

ดูสิเขาฆ่าป่าไม้ ทำลายสายต้นน้ำลำธาร ลงทุกเวลานาที อย่างไม่มีความหมายสิ่งใด เพียงแต่
เหตุโลภหลงเงินทองเป็นกองภูเขาเลากาน่าอนาถ ต้นไม้ช่วยปรับช่วยปรุง ให้อากาศบริสุทธิ์
กำนัลมนุษย์ทั้งโลก แต่เขาก็ฆ่าประหารพฤกษาตายคามือ มนุษยชาติอกตัญญู ไม่รู้จักบุญคุณ
สิ่งใดดีแต่ทำระเบิดมหาประลัย ไว้ล้างโลก แสนทุกข์แสนโศกเสียหนักหนา มิหนำซ้ำบ้า
สงคราม กัดกันเหมือนสัตว์ป่าน่าอนาถ ดูสิไม่ทันอรุโณทัยเลย ก็เห่าแตรเครื่องยนต์เสีย สนั่น
หวั่นไหว แม้สัตว์ป่าโขลงช้างในไพรเถื่อน เพื่อนก็ไม่ตะโกนโพนทนาบ้าคลั่งดังแตรรถยนต์
รกไปด้วยเสียงสวะปฏิกูล แตร้นแตร่นแสนแสบหูดับตับไหม้แรงร้ายชั่วช้าสาหัสนัก

อรุโณทัยพลอยหม่นหมองเสียอารมณ์ รู้สึกโกรธเคืองอุษาโยคนี้ที่มืดมิดไปหน่อย ไม่มีแสง
เงินแสงทอง เหมือนอุษาโยค ณ เวลาของทิวาอื่น ๆ ขมขื่นนักหรือ ดึงดื้อเป็นอย่างนั้นกับ
เขาเหมือนกันรึ อรุโณทัย ทำราวกับจำแบบเอาอย่างมนุษย์ที่มีเงินนับว่าน้อง มีทองนับว่าพี่
 อย่างนี้จะดีที่ใหนอุษาโยคใดจะยากจนข้นแค้นไปบ้าง คือหม่นหมองขาดแสงเงินแสงทอง
 ไม่ควรจะดูหมิ่นถิ่นแคลนถึงกับไล่ไปเสียจากทิวาวาร เป็นการด่วนได้เห็นแก่นนั้นอัปยศนัก
ไม่ควรด่วนใจร้อนเลย อย่ารีบร้อนนักความดีงามจะหนีหายหมด ดูเถอะเขาอื่นหมื่นแสนใน
แดนดินยังหลับสนิท เว้นแต่หมู่มนุษย์บ้าหลัง โลภหลงละเมอในเงิน เพ้อเจ้อในกองทอง


หัวข้อ: Re: หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง (ท่านอังคาร กัลยณพงศ์)
เริ่มหัวข้อโดย: โอสถ ที่ 24-08-2006, 12:59
(http://www.meatballweb.com/douglas/photography/images/c-morning-dew.jpg)

ดูเถอะนั่น นาฬิกายังหลับไหล ละเมอเพ้อฝัน จนมีพันธุ์บุปผชาติบานแย้มขึ้นบนเข็มของนาที
และชั่วโมง เวลานาที อบอวนด้วยกลิ่นหอมจากละอองเรณูดอกไม้ คงจะเป็นความฝัน มิใช่
ความจริงสิ่งใดเป็นความจริงแท้ แต่ใคร ๆ ในโลกไม่ตระหนักประจักษ์แจ้ง ยังเคลือบแคลง
สงสัยเรียกชื่อใหม่ว่าความฝัน เราจะปลุกเวลาขึ้นดีใหมอรุโณทัยถาม หอยทากตอบ อย่าปลุก
เธอขึ้นมาเลย ปล่อยให้ฝีเท้าเราไปล่วงหน้าเวลาสักร้อยปีมิดีกว่าหรือ

เวลาอันแสนบรมสุข มักประมาทหลงเหลิงจนลืมนาทีทอง อันมีค่าควรที่จะตื่นเสาะแสวงหา
ศึกษารู้แก่นสารของชีวิตแล้วปฏิบัติผลิดอกออกผลงานทิพย์ไว้ในโลก แม่พระธรณีจะไม่โศก
เศร้าเสียค่าน้ำนมเปล่า เวลาหลับหรือตื่นอย่าไปสนใจเลย ทำธุระการงานจุดมุ่งหมายในหน้า
ที่ชีวิตของท่านจงทุกนาทีเถิด เวลานั้นยิ่งใหญ่จนเรานึกไม่ถึงกำหนดไม่ได้คิดไปไม่เห็น เป็นสิ่ง
ลึกซึ้งใหญ่หลวงนัก

ทั้ง ๆ ที่เวลาเป็นสิ่งว่างเปล่า  ในตัวของมันเองไม่มีอะไรเลย แต่ในความไม่มีอะไรในสูญตานั้น
สรรพสิ่งต่าง ๆ อันคงอยู่ในสกลจักรวาลและสุริยจักรวาลฟากฟ้าอื่น ๆ ล้วนเป้นองค์ประกอบ
ของเวลาทั้งหมด ดูเป็นมิติมหึมา สุดคณานับ ประมาณความหมายถึงลึกซึ้ง จนครอบคลุมสิ่ง
ทั้งปวงไว้เป็นเอกภาพสูงสุด


หัวข้อ: Re: หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง (ท่านอังคาร กัลยณพงศ์)
เริ่มหัวข้อโดย: โอสถ ที่ 24-08-2006, 13:07
(http://www.visualforces.com/store/ProdImages/treeinfog.jpg)

เหนือมิติความว่างอันหลากหลาย คือ สุญญะนั้น กลับเป็นตัวตนอันใหญ่ยิ่ง จะว่ามีตนก็ได้
จะว่าไม่มีก็ได้ จุดหมายสูงสุด ช่างอิสระเสรี ในความไม่ยึดถือ หรือยึดถือเสมอไม่ยึดถือ พูด
อย่างซื่อ ๆ  บริสุทธิ์ไว้ให้ปวงมนุษย์ดูหมิ่นเล่น เวลาดูเสมอว่าหลับใหล  แต่ในความหลับสนิท
นั้น อาจกลับกันเป็นความตื่นอันแท้จริงก็ได้

หอยทากคลานมาช้า ๆ หารู้พิษสงของเวลาไม่ กระทั่งคืบคลานมาถึงความตายผุเปื่อยไป แต่
เวลายังหาผุเปื่อยไม่ ไม่มีรอยยิ้ม แต่ดูเสมือนว่าเวลานั้นยิ้มแย้ม ดอกไม้ก็ยังบานสะพรั่ง สาย
ลำธารก็ยังหลากไหล นกก็ยังร่ำร้องเป็นปกติอยู่

มีสิ่งเปลี่ยนแปร ก็แต่หอยทากนั้น อันได้กลับชาติเกิดเป็นมนุษย์และหลงตัวเองว่าศรีวิไลใหญ่ยิ่ง
ลำพองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ  โดยไม่หยุดคิดมองไตร่ตรองเห็นตัวเอง  แล้วเปรียบเทียบกับสิ่งใด
เลย  มืดมนอนธการอยู่แต่ในคำสรรเสริญเยินยอ  ว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเลิศโลกนั้น นับกาลนาน
อนิจจา

อังคาร กัลยาณพงศ์
ร่างต้นฉบับเมื่อก่อน พ . ศ. ๒๕o๙


หัวข้อ: Re: หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง (ท่านอังคาร กัลยณพงศ์)
เริ่มหัวข้อโดย: komyen ที่ 24-08-2006, 15:27
รัตติกาลในม่านดำสีคล้ำหม่น
กาลจวบจนจวนเช้าป่าเขากว้าง
ทุ่งราบใหญ่ในเช้าตรู่ดูเวิ้งว้าง
ดูเคว้งคว้างหว่างเขาลำเนาไพร

ละอองหมอกมัวคลุ้มคลุมดอยสูง
ไม้ยางยูงยอดเทียมเยี่ยมฟ้าใส
ตะวันรุ่งรุ้งทองผ่องอำไพ
งามละไมในเงาหมอกออกอัศจรรย์

น้ำค้างหยดหยาดลงตรงใบไม้
ทิ้งรอยไว้ในดินทรายดังลายสวรรค์
ฝากละอองเป็นน้ำไหลใต้ตะวัน
ฝากรอยฝันสรรค์ลิขิตดังจิตกร

ดอกไม้ป่าพากันแย้มแต้มแต่งสี
รับรวีที่ส่องมาเหมือนคราก่อน
ฝูงวิหคผกผินออกบินจร
หมู่ภมรร่อนชมดมมาลี

เพียงยลยินทั้งดินฟ้าและอากาศ
ธรรมชาติสะอาดงามตามวิถี
ชำระใจไร้ชั่วมัวราคี
เพียงเท่านี้มีสุขทุกวันคืน